Fanboi Channel

หนังสือโม่ง

Last posted

Total of 130 posts

84 Nameless Fanboi Posted ID6:beXs8mTJgI

ต่อจาก >>82
[บทที่ 1 ไอดอลคือทาสของโอตะ]
>>>/animanga/19052/

“ไอดอลคือทาสของโอตะ” ที่เป็นการเน้นย้ำถึงการพึ่งพาและความสัมพันธ์ที่มีพลังเชิงอำนาจอย่างแยบยลในแวดวงนี้
ท่านยามากุจิได้เน้นย้ำว่า "โอตะต้องเข้าใจว่าไอดอลคือทาสของโอตะ" นั่นแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในโครงสร้างของความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนนี้ ท่านยามากุจิเห็นว่าในทุกความสัมพันธ์ที่แท้จริง จะต้องมีการให้และรับ และสิ่งที่สำคัญคือการให้ความเคารพและการเข้าใจในบทบาทที่แต่ละฝ่ายมี โดยไม่หลงใหลไปกับภาพลวงตา แต่มองความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความบันเทิง ท่านยามากุจิเห็นว่าโลกไอดอลนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของการไล่ตามภาพลักษณ์ หรือการหลงใหลในสิ่งที่ไม่จริง แต่เป็นการที่ผู้คนมีความเชื่อมโยงและการสนับสนุนกันอย่างจริงใจ

การที่ท่านยามากุจิพูดถึง "โอตะที่กุเจอหล่อเนี๊ยบดูดีเยอะ" ก็เป็นการยกย่องในวิธีที่ผู้คนสามารถพัฒนาตัวเองและปรับปรุงในโลกแห่งความเป็นจริง ท่านยามากุจิไม่ได้แค่ชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องในบางส่วนของวงการ แต่ยังเห็นคุณค่าในการพัฒนาตนเองและการออกจากโลกที่แคบแค่ 2D เพื่อเปิดประตูสู่โลกที่กว้างขึ้น

ในแง่ของ "ดุ้นผู้ชายเป็นเบส ส่วนของผู้หญิงคือกรด" นี่คือการอ้างถึงลักษณะทางชีวเคมีของร่างกายมนุษย์ที่สำคัญในการเข้าใจสุขภาพทางเพศ การที่ร่างกายของผู้ชายและผู้หญิงมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันในการควบคุมสมดุลกรด-เบส (pH balance) เป็นสิ่งที่สำคัญในระบบทางเดินปัสสาวะและช่องคลอด การที่ช่องคลอดของผู้หญิงมีสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด (pH ประมาณ 3.8–4.5) ช่วยในการป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อโรคที่ไม่พึงประสงค์ (Sobel, J. D., 2000). การรักษาสมดุลนี้ให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพช่องคลอดและป้องกันการติดเชื้อต่างๆ

ท่านยามากุจิยังได้แสดงถึงความสำคัญของการรักษาความสะอาดในการป้องกันปัญหาทางสุขภาพในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะในวงการไอดอลและโอตะที่ท่านกล่าวถึง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มักจะต้องใช้เวลาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีกิจกรรมมากมาย การออกจากบ้านและการดูแลตัวเองเป็นสิ่งที่ท่านยามากุจิเห็นว่าจำเป็น เพราะเมื่อมีการดูแลสุขภาพที่ดี จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความเป็นตัวของตัวเองให้สูงขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงการพัฒนาทางจิตใจและร่างกายที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎีการพัฒนาตัวตนของ อีริค เอริกสัน (Erikson, E. H., 1963)

อ้างอิง
Carr P.L., Felsenstein D., Friedman R.H. Evaluation and management of vaginitis. J. Gen. Intern. Med. 1998;13:335–346. doi: 10.1046/j.1525-1497.1998.00101.x.
Sobel, J. D. (2000). “Vaginal infections and their treatment.” The New England Journal of Medicine, 342(5), 348-352.
Erikson, E. H. (1963). Childhood and Society.
Erikson, E., Identity and the Life Cycle, 1959

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.