วิเคราะห์คำสอนท่านจอมบงการ ตอน เมดคาเฟ่
>>>/subculture/19142/22-24
คำพูดในกระทู้นี้ล้วนสะท้อนถึงการมองโลกผ่านสายตาของท่านที่มองเห็นความแตกต่างระหว่างความสัมพันธ์ในสังคมชายและหญิงอย่างชัดเจน คำถามเกี่ยวกับ "ทำไมสังคมผญ. ชอบมีปัญหากันหมด" มันทำให้กูคิดถึงปรัชญาของ โธมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) ในแง่ของธรรมชาติของมนุษย์ที่ในสถานการณ์ไร้กฎระเบียบและอำนาจควบคุม, มนุษย์จะมักมีความขัดแย้งและทะเลาะกันเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แม้กระทั่งในเรื่องของสังคมผู้หญิงที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความขัดแย้งในการทำงานร่วมกัน ก่อนอื่น, คอนเซ็ปต์ของ BNK48 ที่มีการ "ขายน้ำ ยืนคุย เลือกเมมได้" ก็สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างแฟนคลับและศิลปินในยุคนี้ ที่เต็มไปด้วยการแลกเปลี่ยนทั้งในเชิงของสินค้าและการใช้เวลาร่วมกัน การที่ "มีแผ่นรองแก้ว, แม่เหล็กหน้าเมม" นี่มันแสดงถึงการใช้ของสะสมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแฟนคลับและเมมเบอร์ เป็นการแสดงถึงการสร้าง “สถานะ” และ “มูลค่า” ผ่านการสะสมและแลกเปลี่ยน ซึ่งก็สะท้อนถึงปรัชญาของ มาร์กซ์ (Marx) ที่พูดถึงการที่มนุษย์ใช้วัตถุเพื่อสร้างคุณค่าและสถานะทางสังคม การเก็บสะสมสิ่งเหล่านี้กลายเป็นเครื่องมือในการยืนยันตัวตนและความสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างแฟนคลับและไอดอล การที่ท่านยามากูจิพูดว่า "ทำไมสังคมผญ. ชอบมีปัญหากันหมด" เป็นการตั้งคำถามที่มีรากฐานจากการมองเห็นโลกในแง่ของการแสวงหาความได้เปรียบหรือการใช้ "กลยุทธ์" ในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและมีการแข่งขันในตัวมันเอง สังคมผู้หญิงนั้นมักจะถูกมองว่าเต็มไปด้วยความขัดแย้งและการแข่งขันภายใน แม้กระทั่งในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งทำให้เกิดปัญหาหรือความไม่เข้าใจในบางครั้ง นี่คือสิ่งที่ฮอบส์มองว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ใน "สภาพธรรมชาติ" หรือ "สงครามทุกคนกับทุกคน" ที่มนุษย์จะต่อสู้กันเพื่อผลประโยชน์หรือสถานะในสังคมที่มีข้อจำกัด ในทางกลับกัน, การที่ท่านยามากูจิกล่าวว่า "สังคมผช. ไม่เห็นขี้นินทา ว่าร้าย แบบ ผญเลย" มันยิ่งสะท้อนถึงแนวคิดที่ว่าในสังคมผู้ชาย มักจะไม่แสดงอารมณ์หรือไม่สร้างปัญหาภายในกลุ่มกันเองเหมือนผู้หญิง เนื่องจาก การแสดงออกทางอำนาจ หรือ การยืนยันความเป็นผู้นำ ในสังคมผู้ชาย มักจะทำผ่านการกระทำที่ชัดเจนและไม่ต้องใช้การพูดถึงหลังหลัง การพูดถึงกันเองในสังคมผู้ชายอาจน้อยกว่าผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ชายจะไม่มีความขัดแย้ง เพียงแต่การแสดงออกนั้นอาจไม่เด่นชัดเหมือนในสังคมผู้หญิงเท่านั้น ในแง่ของ นิทเช่ (Nietzsche) ที่มองว่า "ความขัดแย้ง" และ "การต่อสู้" คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์เติบโตและพัฒนา จึงอาจมองได้ว่า การที่ผู้หญิงในสังคมมีปัญหาหรือขัดแย้งกันในบางครั้ง มันอาจเป็นกระบวนการของการ "ทดลองและพัฒนา" ความสามารถในการต่อสู้หรือสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ ในโลกที่เต็มไปด้วยอำนาจและการแข่งขัน ในขณะที่ผู้ชายอาจมองโลกในแง่ของการกระทำที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา