Fanboi Channel

หนังสือโม่ง

Last posted

Total of 164 posts

135 Nameless Fanboi Posted ID6:Whq24N0vMj

วันศุกร์ที่ 22 เดือน 11 : >>134 >>135
[ท่านยามากุจิในความมืด]
>>132

* เงาดำเป็นสิ่งที่ท่านยามากุจิกล่าวถึงหลายครั้ง แต่เนื่องจากความไม่สะดวกของผู้วิเคราะห์ ครั้งนี้จึงขอจำกัดขอบเขตุให้อยู่ในเฉพาะส่วนความเห็น >>132 เท่านั้น บทความเต็มจะตามมาภายหลัง *

อย่างแรกคำว่า “ศัตรู" หรือ "nemesis" ที่กำลังหัวเราะเยาะมนุษย์ สิ่งนี้สะท้อนถึงความเข้าใจในเรื่องของ power dynamics หรือการที่อำนาจถูกกระจายไปในรูปแบบที่ไม่สามารถเข้าใจได้จากมุมมองของมนุษย์ปกติ การที่ท่านยามากุจิเห็นว่าพวก "มิติสูงกว่า" เป็นศัตรูของมนุษยชาติ แสดงถึงการมองเห็นโลกในมุมมองที่มนุษย์มีบทบาทเป็นแค่ตัวละครในเกมใหญ่ที่ถูกควบคุมจากอำนาจที่เหนือกว่า เช่นเดียวกับที่ Michel Foucault (1975) กล่าวถึงการที่อำนาจในสังคมมักมีการกระจายออกไปอย่างไม่เห็นได้ชัด และไม่สามารถมองเห็นได้จากสายตาปกติ การที่เราเป็น "ศัตรู" อาจเป็นเพียงการสะท้อนถึงการที่มนุษย์ต้องเผชิญกับอำนาจที่เหนือกว่า และถูกควบคุมอย่างไม่รู้ตัว

คำพูดที่ว่า "สัญชาตญาณ ได้ส่งต่อมาหากุว่านั่นคือศัตรูแน่นอน" นั้นสะท้อนถึงแนวคิดในด้าน Instinctive Knowledge หรือการรับรู้ที่มาจากภายในจิตใต้สำนึก ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถอธิบายได้โดยใช้เหตุผลหรือการคิดเชิงตรรกะ ความรู้สึกนี้คล้ายกับที่ Carl Jung (1959) กล่าวว่าเกี่ยวกับ "collective unconscious" หรือจิตใต้สำนึกร่วมของมนุษย์ที่สามารถเก็บบันทึกประสบการณ์และความรู้สึกที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งท่านยามากุจิเป็นอัจฉริยะบุคคลที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดีจะสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้

การที่ท่านยามากุจิเห็นพวก "เงามืด" เป็นศัตรูของมนุษยชาติ อาจจะเกี่ยวข้องกับการมองเห็นถึงความไม่มั่นคงของโลกและความรู้สึกที่ว่า มนุษย์ กำลังตกอยู่ในภาวะที่เกินควบคุม โดยที่ "ศัตรู" หรือ "nemesis" ที่ท่านพูดถึงนั้นอาจจะเป็นสัญลักษณ์ของภัยที่มองไม่เห็นหรือไม่ได้รับการยอมรับในมิติทางสังคมและจิตวิทยาของมนุษย์ ไม่สามารถถูกเข้าใจได้ตามหลักการทั่วไป ส่วนการที่ท่านไม่ได้เป็น "ศัตรูกับใคร" ตามที่ท่านกล่าวถึง อาจจะสะท้อนถึงความเข้าใจในเรื่องของ "the other" หรือ "คนอื่น" ในทางปรัชญา

สำหรับคำพูดของท่านยามากุจิ "ไม่อยากเป็นหนังสือ ที่ถูกอ่าน" สะท้อนถึงการไม่อยากเป็นสิ่งที่ถูกตีความหรือถูกควบคุมจากภายนอก มันเป็นการพูดถึงการต่อต้านการถูกจัดการเป็น "วัตถุ" หรือ "เนื้อหา" ที่ถูกตรวจสอบและตีความโดยผู้อื่น ซึ่งคล้ายกับความคิดใน Deconstruction ของ Jacques Derrida (1976) ที่กล่าวถึงการแยกแยะการตีความที่มีอำนาจเหนือสิ่งที่ถูกตีความอยู่เสมอ การที่มนุษย์หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งถูก "อ่าน" หรือถูกตีความก็เท่ากับการจำกัดตัวตนและเสรีภาพในการแสดงออกของมนุษย์นั่นเอง

อ้างอิง:
Derrida, J. (1976). Of Grammatology. Johns Hopkins University Press.
Foucault, M. (1975). Discipline and Punish: The Birth of the Prison. Pantheon Books.
Jung, C. G. (1959). The Archetypes and the Collective Unconscious. Princeton University Press.
Nietzsche, F. (1883). Thus Spoke Zarathustra. Dover Publications.

136 Nameless Fanboi Posted ID6:Whq24N0vMj

>>133 เท่าที่สังเกตุจะเป็นมากช่วง 6 โมงเดาว่าน่าจะเป็นเพราะคนเข้าเยอะครับ หรือไม่ก็มีการเรียกใช้ api จากสาเหตุอื่น เช่น มีการโจมตี DDoS เกิดขึ้นจนทางเซิฟไม่สามารถที่จะรับมือไม่ได้กับคำขอที่ส่งเข้ามาได้

สำหรับเรื่องนี้ต้องให้แอดมินเสินลองตรวจสอบดูครับ เพราะนอกจากที่กล่าวไปยังมีได้อีกหลายสาเหตุ
- การอัพเดทที่ผิดพลาด ปัญหาด้านการ Maintenance คิดว่าไม่น่าจะใช่สาเหตุนี้
- การตั้งค่า WAF, DNS, และอื่นๆ
- ท่านเสินลดสเปคคอมเซิฟเวอร์ลงเลยเกิดปัญหาทรัพยากรไม่พอ

อ้างอิง : trust me bro

137 Nameless Fanboi Posted ID:DyKr5AcfZa

ในเชิงพลังงานและจิตหลัก

การ "ดูดซับ" หมายถึงการใช้จิตหลัก (Core Self) ของคุณเป็นศูนย์กลางในการควบคุมพลังงานภายนอก:

การหลอมรวม: ไม่ว่าพลังงานนั้นจะเป็นความรัก ความหลง หรือความเจ็บปวด คุณใช้มันเพื่อสร้าง "ตัวตนที่แข็งแกร่ง" ที่ไม่ถูกทำลายโดยสิ่งรอบข้าง

การบริโภคพลังงาน: เช่นเดียวกับที่ร่างกายใช้พลังงานจากอาหาร จิตใจสามารถใช้พลังงานจากอารมณ์หรือประสบการณ์เพื่อเสริมสร้างตนเอง

ตัวอย่างวิธีทำ:

1. ตั้งสมาธิ: จินตนาการว่าความรู้สึกเหล่านั้นเป็นพลังงานที่คุณสามารถดูดซับได้

2. ดึงพลังงานเข้าสู่จิตหลัก: มองว่าความรู้สึกนี้คือ "อาหาร" ที่คุณกำลังหลอมรวมเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังสร้างสรรค์

คุณอาจเป็นผู้สร้างแนวคิดเฉพาะตัว

หากคุณกำลังใช้งานแนวคิดนี้ในลักษณะเฉพาะตัว คุณอาจเป็นคนพัฒนาวิธีนี้เอง โดยปรับแต่งมาจากความเข้าใจในชีวิตและปรัชญาที่คุณยึดถือ สิ่งนี้ถือเป็นกระบวนการที่สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะการใช้จิตหลักดูดซับพลังงานนั้นมักขึ้นอยู่กับมุมมองส่วนบุคคลและประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจงของคุณเอง

138 Nameless Fanboi Posted ID6:KFPjEvHA2R

>>137 คืออะไรครับ

139 Nameless Fanboi Posted ID6:KFPjEvHA2R

หนังสือโม่ง (เล่มมีสาระ)
[รวมลิงค์มีประโยชน์ 1]

แจกโปรแกรมกรองสแปม/ฟลัดในบอร์ดโม่ง v2 (10/2023 อัพเดล่าสุด Aug 20, 2024)
>>>/lounge/17835/

Script บล็อค สำหรับใช้งานโม่ง (11/2024)
>>>/vtuber/19155/495/

สคริปต์ Green text
>>>/lounge/6563/37/

140 Nameless Fanboi Posted ID:DyKr5AcfZa

>>138 ปกติ อมนุษย์ หรือ ปีศาจ จะกิน บาปทั้ง7เป็นอาหาร เลยคิดว่าจะลองเอาวิธีนี้มาปรับใช้เล็กน้อย เปรียบเหมือนพลังงานสกปรก ให้เปลี่ยนเป็นพลังงานสะอาดของเราเอง

กุคิดวิธีมาได้ไม่นานนี้ละ

141 Nameless Fanboi Posted ID6:KFPjEvHA2R

--------------------------------------------------
วันเสาร์ที่ 23 เดือน 11: >>139, 141-143
[ท่านยามากุจิ และการวางแผน ตอนที่ 1]
>>>/game/19067/305-309
--------------------------------------------------
อ่าน >>134 เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติม เกี่ยวกับคำพูดอันลึกซึ้งของท่านยามากุจิ

"กุชอบอะไรที่วางแผนบงการ หักเหลี่ยม เฉือนคมมากกว่า"
- ท่านยามากุจิ Nov 23, 2024 at 15:24:00 ID:.bweMu.GBs

คำพูดดังกล่าวอาจดูเป็นอะไรที่เรียบง่ายที่ท่านยามากุจิกล่าวถึงความชอบส่วนตัวของท่าน หากแต่แท้จริงแล้วคำพูดดังกล่าวเป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยปรัชญาของการใช้ชีวิตที่มีการวางแผนอย่างมีชั้นเชิง ซึ่งไม่เพียงแค่สะท้อนถึงความชาญฉลาดในการเล่นเกมของท่าน แต่ยังแสดงบ่งชี้ถึงความเข้าใจใน "เกมชีวิต" ที่แท้จริง โดยเฉพาะในโลกที่ทุกการกระทำมีผลต่อผลลัพธ์ในอนาคต การ "วางแผนบงการ" ถือเป็นการใช้กลยุทธ์ที่สามารถเข้าใจได้จากทั้งปรัชญาและจิตวิทยา ซึ่งเป็นวิธีที่มนุษย์ใช้ในการควบคุมและทำนายพฤติกรรมของผู้อื่น (Cialdini, 2009) เช่นเดียวกับที่นักกลยุทธ์ในประวัติศาสตร์เคยใช้ในสงคราม ซึ่งความสามารถในการคิดล่วงหน้าและคาดการณ์การกระทำของฝ่ายตรงข้ามจะช่วยให้สามารถเอาชนะได้ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ในทางปรัชญาแล้ว, ความคิดแบบนี้มีความคล้ายคลึงกับแนวคิดของ "การควบคุม" ของท่านนิทเช่ (Nietzsche, 1883) ซึ่งเชื่อว่าการที่มนุษย์สามารถสร้างพลังจากการควบคุมและการวางแผนได้แสดงถึงอำนาจที่สูงส่งและความเป็นเจ้าของโชคชะตาของตนเอง ท่านยามากุจิสามารถถือว่าเป็นตัวอย่างของคนที่มองทุกสิ่งในชีวิตเหมือนเกมที่ต้อง "เล่นให้ชนะ" โดยไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องของ "ความรู้สึก" หรือ "ความเห็นของผู้อื่น" ท่านมองมันเป็นการ "วางแผน" ที่ต้องให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองเสมอ

คำพูดของท่าน "กุไม่ได้วางกับดักอะไรเลยนะ แต่เมิงก็ติดกับดักกันจนได้ ฮาสัส" ถือเป็นคำกล่าวที่สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในการใช้กลยุทธ์ทางจิตวิทยา หรือที่เรียกว่า "การหลอกล่อ" (Deception) ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดทางจิตวิทยาของท่านฟรอยด์ (Freud, 1923) ที่ว่าผู้คนมักตกเป็นเหยื่อของจิตใต้สำนึกของตนเอง ในกรณีนี้ ผู้พูดไม่ได้เป็นผู้วางกับดัก แต่กลับทำให้ผู้อื่นเข้าไปในสถานการณ์ที่พวกเขาคิดว่าตนเองสามารถควบคุมได้ เมื่อแท้จริงแล้วพวกเขากำลังถูกควบคุมไปตามแผนของผู้พูด ซึ่งมันสะท้อนถึง "ปัญหาของการรับรู้และการคาดการณ์" ที่มนุษย์มีในหลายๆ เรื่อง

อ้างอิง
Cialdini, R. B. (2009). Influence: The psychology of persuasion. Harper Business.
Nietzsche, F. (1883). Thus Spoke Zarathustra. Verlag von E. W. Fritzsch.
Freud, S. (1923). The Ego and the Id. SE, 19: 1-66.

142 Nameless Fanboi Posted ID6:KFPjEvHA2R

--------------------------------------------------
ต่อจาก >>141
วันเสาร์ที่ 23 เดือน 11: >>139, 141-144
[ท่านยามากุจิ และการวางแผน ตอนที่ 2]
>>>/lifestyle/19168/3/
--------------------------------------------------

ใน >>>/lifestyle/19168/3/ ท่านยามากุจิได้กล่าวถึงธรรมชาติของมนุษย์และการมองเห็นความเสี่ยงในชีวิตในมุมที่ค่อนข้างจะระมัดระวังและพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

คำพูดของท่านที่ว่า "โลกนี้ญาติกันก็ฆ่ากันได้ เราต้องคิดในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด และเตรียมแผนรับมือไว้ แผน2-3-4 ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย" ท่านยามากุจิได้อธิบายให้เห็นถึงความจริงที่ว่า แม้แต่ในความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุด เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างญาติพี่น้อง ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งหรือการทรยศได้เสมอ ในทางจิตวิทยา การที่ท่านกล่าวถึง "ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย" สามารถอ้างอิงได้กับแนวคิดของ "การคิดในแง่ร้าย" หรือ "การคิดในแง่เลวร้ายที่สุด" ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด การคิดล่วงหน้าในทางจิตวิทยาเช่นนี้เรียกว่า "การพิจารณาความเสี่ยง" (Risk Assessment)

การคิดในแง่ของการประเมินความเสี่ยงนั้น เป็นแนวคิดสำคัญในหลายๆ ด้านของการตัดสินใจ โดยเฉพาะในจิตวิทยาเชิงพฤติกรรมและเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม (Behavioral Economics) ที่นักจิตวิทยาอย่าง Daniel Kahneman และ Amos Tversky ได้ศึกษาถึงวิธีที่ผู้คนประเมินความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ในผลงานของพวกเขา "Prospect Theory" (Kahneman & Tversky, 1979) ได้แสดงให้เห็นว่าเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง มนุษย์มักจะตอบสนองต่อความเสี่ยงในลักษณะที่ไม่ได้มีการคำนวณอย่างมีเหตุผล ซึ่งการวางแผนล่วงหน้าและเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายสามารถช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการควบคุมผลลัพธ์ได้

คำว่า "ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย" สะท้อนถึงการเตือนใจไม่ให้ตกอยู่ในสภาวะที่คิดว่าทุกอย่างจะดีเสมอไป ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับทฤษฎีของการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง (Risk Aversion) ในทฤษฎีเศรษฐศาสตร์การตัดสินใจ (Mas-Colell, Whinston, & Green, 1995) ที่กล่าวว่า การประมาทหรือการไม่คำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและสามารถนำไปสู่ความล้มเหลวหรืออันตรายที่ไม่คาดคิดได้

ในทางยุทธศาสตร์และการวางแผน การมี "แผน 2-3-4" เป็นการเตรียมตัวในกรณีที่แผนแรกล้มเหลว ซึ่งเป็นแนวคิดที่มีรากฐานในปรัชญาของการเตรียมการอย่างรอบคอบและการคิดล่วงหน้า ตัวอย่างเช่น ในทฤษฎีการตัดสินใจแบบ "แผนสำรอง" (Contingency Planning) ของทฤษฎีทางทหารและการบริหาร (Drucker, 2007) ซึ่งสนับสนุนแนวคิดว่า เราควรมีแผนการสำรองในทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เสียโอกาสหรือกระทบกระเทือนถึงการตัดสินใจในอนาคต

อ้างอิง
Kahneman, D., & Tversky, A. (1979). Prospect theory: An analysis of decision under risk. Econometrica, 47(2), 263-291.
Mas-Colell, A., Whinston, M. D., & Green, J. R. (1995). Microeconomic theory. Oxford University Press.
Drucker, P. F. (2007). The effective executive: The definitive guide to getting the right things done. HarperBusiness.
Schopenhauer, A. (1841). The World as Will and Representation. Dover Publications.
Sun Tzu. (500 BCE). The Art of War.
www.amazon.com/dp/0374533555
www.amazon.com/dp/0060833459

143 Nameless Fanboi Posted ID6:KFPjEvHA2R

--------------------------------------------------
ต่อจาก >>141
วันเสาร์ที่ 23 เดือน 11: >>139, >>141-144
[ท่านยามากุจิ และการวางแผน ตอนที่ 2]
>>>/lifestyle/19168/3/
--------------------------------------------------
การเตรียมตัวให้พร้อมในทุกสถานการณ์และการคิดล่วงหน้าเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะในเกมหรือในชีวิตจริง การวางแผนที่ดีคือการมีหลายทางเลือกพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์และการรับรู้ของคนอื่น เพื่อที่จะใช้กลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพและไม่หลงกลไปกับสิ่งที่คนอื่นคิดหรือมโนขึ้นมาเอง

บทเรียนที่ได้จากเรื่องนี้: ชีวิตและเกมมีสิ่งที่คล้ายคลึงกันมากในแง่ของกลยุทธ์และการวางแผน การที่ท่านยามากุจิกล่าวว่า "กุชอบอะไรที่วางแผนบงการ หักเหลี่ยม เฉือนคมมากกว่า" เป็นการแสดงถึงความเชื่อในการทำให้ทุกการกระทำของตัวเองมีแผนที่ชัดเจนและมีความหมาย การ "หักเหลี่ยม" และ "เฉือนคม" ไม่ใช่แค่การเอาชนะฝ่ายตรงข้ามในทางกายภาพ แต่ยังหมายถึงการใช้ความคิดและกลยุทธ์ในการรับมือกับอุปสรรคและความเสี่ยงในชีวิต ด้วยการคาดการณ์สถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น และวางแผนล่วงหน้าเพื่อให้สามารถควบคุมผลลัพธ์ได้มากที่สุด

ในเกม TOF (Tower of Fantasy) หรือแม้แต่ในชีวิตจริง ท่านยามากุจิได้สอนให้เรารู้จักการ "คิดในแง่ร้ายที่สุด" (Worst-case scenario thinking) และเตรียมแผนสำรองสำหรับทุกสถานการณ์ เช่นเดียวกับที่นักกลยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่จะเตรียมแผนหลายแผนเพื่อให้พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคต (Kahneman & Tversky, 1979) การที่ท่านยามากุจิไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่คนอื่นคิดหรือ "มโนกันไปเอง" เป็นการสะท้อนถึงการเข้าใจในธรรมชาติของการรับรู้ของมนุษย์ที่ไม่เสมอไปกับความจริง การหลอกล่อคนอื่นให้ติดกับดักโดยไม่ต้องทำอะไรเลยแสดงถึงความเหนือชั้นในการควบคุมสถานการณ์ที่ไม่ได้เกิดจากการกระทำโดยตรง แต่เกิดจากการเข้าใจในจิตใจของคนอื่น

คำพูดของท่าน "กุไม่ได้วางกับดักอะไรเลยนะ แต่เมิงก็ติดกับดักกันจนได้ ฮาสัส" สอดคล้องกับแนวคิดทางจิตวิทยาของ การบิดเบือนความจริง (Cognitive Bias) โดยที่บุคคลมักตกเป็นเหยื่อของการรับรู้หรือการตีความที่ผิดเพี้ยนจากความจริง เช่น การตัดสินใจโดยอาศัยอารมณ์หรือความเชื่อที่ไม่สมเหตุสมผล (Kahneman, 2011) ความสามารถในการ "ควบคุม" หรือ "หลอกล่อ" คนอื่นจึงเป็นการใช้กลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่ดีในชีวิตและเกม

อ้างอิง
Kahneman, D., & Tversky, A. (1979). Prospect theory: An analysis of decision under risk. Econometrica, 47(2), 263-291.
Mas-Colell, A., Whinston, M. D., & Green, J. R. (1995). Microeconomic theory. Oxford University Press.
Drucker, P. F. (2007). The effective executive: The definitive guide to getting the right things done. HarperBusiness.
Schopenhauer, A. (1841). The World as Will and Representation. Dover Publications.
Sun Tzu. (500 BCE). The Art of War.
www.amazon.com/dp/0374533555
www.amazon.com/dp/0060833459

144 Nameless Fanboi Posted ID6:hDUEUCMVdv

สรุปสั้นๆ

การเตรียมตัวและการคิดล่วงหน้าคือหัวใจสำคัญในการรับมือกับทุกสถานการณ์ทั้งในเกมและชีวิตจริง การวางแผนที่ดีไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการมีทางเลือกหลายทาง แต่ยังต้องเข้าใจลักษณะของมนุษย์และการรับรู้ของคนอื่นเพื่อใช้กลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเรียนรู้จากบทเรียนของท่านยามากุจิที่มองการณ์ไกลและวางแผนล่วงหน้า สอนให้เรารู้ว่า การคาดการณ์สถานการณ์ที่ไม่คาดคิดและการเตรียมแผนสำรองคือสิ่งสำคัญในการควบคุมผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะในเกมหรือในชีวิตจริง การเข้าใจในธรรมชาติของการรับรู้ของมนุษย์และการใช้กลยุทธ์จิตวิทยาอย่างมีชั้นเชิงจึงช่วยให้เราสามารถจัดการกับความไม่แน่นอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การที่ท่านยามากุจิไม่หลงเชื่อในสิ่งที่คนอื่นคิดหรือมโนขึ้นมาเอง ยังสะท้อนให้เห็นถึงการใช้กลยุทธ์ที่ไม่เพียงแต่เป็นการหลอกล่อ แต่ยังเป็นการเข้าใจในธรรมชาติของการรับรู้ที่อาจผิดเพี้ยนจากความจริงได้ การนำแนวคิดเหล่านี้มาปรับใช้ในชีวิตจริงจะช่วยให้เราสามารถจัดการกับความท้าทายต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น โดยไม่ให้ความเชื่อหรือการรับรู้ที่ผิดเพี้ยนมาหยุดยั้งความสำเร็จของเราได้

145 Nameless Fanboi Posted ID:DyKr5AcfZa

เออ ยังไม่เคยแนะนำหนังสือเลย
นี่หนังสือที่กุเคยอ่านตอน ป.6
https://i.imgur.com/kQbQx7w.jpeg

146 Nameless Fanboi Posted ID6:hDUEUCMVdv

[ผู้ฝึกตน]

ผู้ฝึกตน, ผู้บำเพ็ญ คือผู้ที่ฝึกฝนตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อเป็นเซียน ผู้ฝึกตนแต่ละคนจะมีมรรคา(วิถี เส้นทาง เต๋า) ที่ตัวเองต้องก้าวเดินไปเมื่อบรรลุมรรคาหรือบรรลุเต้า ก็หมายความว่าฝึกตนจนสำเร็จในเส้นทางของตนเองจนบรรลุเป็นเซียนได้
จิตตั้งเดิม คือจิตใจแรกเริ่มที่เป็นสันดานดั้งเดิมของแต่ละคน บางคนบอกว่าการฝึกตนก็คือการทำความเข้าใจจิตดั้งเดิมของตนเองจนเข้าใจเมื่อเข้าใจตนเองดีแล้วก็สามารถฝึกตนจนพัฒนาตนเองได้

จิตแห่งเต๋า ก็คือสภาวะจิตใจของผู้ฝึกตน ยิ่งจิตแห่งเต๋าหนักแน่นและใสกระจ่างมากเท่าไหร่ ก็จะบรรลุการฝึกตนได้สูงมากเท่านั้น กลับกันถ้า จิตแห่งเต๋าขุ่นมัว มีความคิดทางลบ ไม่มั่นใจในตัวเอง และความคิดแย่ๆ ต่างๆ ก็จะทำให้บรรลุขอบเขตต่างๆของการฝึกตนได้ไม่สูงเหมือนกันสภาวะจิตใจนี้ บางที่ผู้ฝึกตนสายอื่นก็อาจจะเรียกต่างกันเช่น ผู้ฝึกกระบี่จะเรียกจิตกระบี่ ผู้ฝึกยุทธ์จะเรียกจิตวีรบุรุษแล้วแต่คนว่าฝึกตนสายอะไร

จิตมาร คือความคิดจิตใจชั่วร้ายที่แฝงอยู่ในจิตใจของผู้ฝึกตน เป็นสิ่งที่คอยขัดขวางการทะลวงขอบเขตของผู้ฝึกตนระดับสูง ๆ จิตมารอาจจะมีรูปร่างเป็นอะไรก็ได้ที่ถ่วงรั่งผู้ฝึกตนไว้ เช่นอาจเป็นคนรัก อาจเป็นศัตรูอาจเป็นสิ่งที่กลัว หรืออาจจะเป็นตัวเองก็ได้ ปกติจะปรากฏขึ้นมาในตอนอยู่ขอบเขตสูง ๆ ยิ่งฝึกฝนจิตใจมาก ยิ่งเอาชนะจิตมาได้ง่าย ถ้าฝึกฝนจิตใจไม่มากพอก็จะแพ้ให้จิตมารแล้วถูกยึดครองร่างเลยก็ได้

147 Nameless Fanboi Posted ID6:hDUEUCMVdv

>>145 น่าสนใจครับ หลายเล่มหายากแล้วนะครับ

148 Nameless Fanboi Posted ID:lznOdGY2Tv

[รวมฮิตท่านยามากุจิ ประจำวัน]
แปะไว้ก่อนเผื่อใช้วิเคราะห์คำสอนทีหลัง
--------------------------------------------------
Game
.bweMu.GBs
>>>/game/19067/308-322/
--------------------------------------------------
Music
1XXGi3jnDx
>>>/music/19154/599-605/
>>>/music/19154/629-635/
>>>/music/19154/657/
>>>/music/18873/971/
--------------------------------------------------
Subculture
9DZBAu03ep
>>>/subculture/19084/267-273/
--------------------------------------------------
Lifestyle
J3fnLUdMuK
>>>/lifestyle/18824/300-304/
>>>/lifestyle/19168/1-9/
>>>/lifestyle/19145/10-12/
--------------------------------------------------
Webnovel
ZayUgkVN2b
>>>/webnovel/18245/470-477/

149 Nameless Fanboi Posted ID6:hDUEUCMVdv

กระทู้น่าสนใจๆที่อาจเขียนถึงในอนาคต จะว่าไปกระทู้เก่าๆน่าสนใจเยอะมาก
แต่ขุดเองค่อนข้างลำบาก สงสัยคงต้องเขียน tools มาช่วย
กระทู้แรก >>>/lounge/1/
แอดมิน SIRN >>>/meta/16530/
แบทแมน กินหมา กางเกงโยคะ และคำสอนท่านยามากุจิ >>>/lifestyle/19001/95-124/
วันนี้ผมเจอคนลวนลามผู้หญิงบนรถไฟฟ้าครับ >>>/lounge/123/

150 Nameless Fanboi Posted ID:DyKr5AcfZa

เอ่อออ พวกเมิงก็เดินในเส้นทางของตัวเองเถอะ
กุไม่ใช่เจ้าลัทธิ อะไร
แค่เป็นตัวของตัวเอง ก็พอ

พอมีคนตามติดในโม่ง ก็ไม่ได้ทำให้กุต้องact หล่อเท่ หรือคีพลุค กุก็คนธรรมดาสามัญอย่างถึงที่สุด เป็นแค่เงา ไร้ตัวตน

ว่าแต่แม่งยังกะมีคนstalkerในโม้งเลยวะ ไอชิบห

151 Nameless Fanboi Posted ID:xuYHMPMNFT

>>150 เขารำคาญมึงกันหมดแหละ อีควัย ไม่รู้ตัวอีก หน้าด้าน

152 Nameless Fanboi Posted ID6:AuLVfofibQ

>>150 ท่านอาจารย์ที่เคารพ ในโลกนี้ยากยิ่งที่จะพบผู้มีปัญญาสูงส่งเช่นท่านยามากุจิ ข้าน้อยจึงขออนุญาตติดตามท่าน เพื่อเรียนรู้จากสติปัญญาและประสบการณ์ที่ท่านได้เมตตาเผยแผ่แก่ผู้แสวงหาความรู้ทั้งหลาย ในการฝึกฝนและก้าวเดินบนทางแห่งมรรคา ผู้ฝึกตนแต่ละผู้ย่อมมีวิถีของตนเองที่ต้องดำเนินไปตามลำพัง แม้จะมีผู้อื่นช่วยชี้แนะ แต่สุดท้ายแล้วการฝึกฝนต้องพึ่งพาตนเอง เหมือนเช่นท่านยามากุจิ ผู้ที่แม้จะมีผู้ติดตามมากมาย แต่ก็ยังคงยืนหยัดอยู่ในหนทางของตนเองอย่างมั่นคง นั่นคือการที่ท่านทรงเข้าใจ จิตตั้งเดิม ซึ่งเป็นสันดานตั้งต้นของมนุษย์ทุกคน การฝึกตนจึงไม่ใช่เพียงแค่การหาความรู้จากภายนอก แต่ยังเป็นการทำความเข้าใจในจิตดั้งเดิมของตนเอง จนสามารถหลอมรวมสติปัญญาและก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้ ทรงกล่าวได้ลึกซึ้งยิ่ง ข้าน้อยเลื่อมใส เลื่อมใส

153 Nameless Fanboi Posted ID:w/2qmBlr6X

>>152 กุไม่ได้สูงส่งอะไรหรอก
แต่โลกนี่มันอ่อนแอ จนเกินไปต่างหาก!!

กินเหล้า เพื่อให้มีความกล้า
ดูดบุหรี่ เพื่อ ให้หายเครียดกังวล
ผญร่าล โดนเย ไปเรื่อยๆ เพื่อให้ตัวเองมีคุณค่า(ไม่ถูกเยแปลว่าไม่มีคุณค่า)

กุว่าโลกแบบนี้ไม่ใช่โลกที่กุต้องการเห็นนะ
ศัตรูของมนุษยชาติ ยังไม่ปรากฏตัวเลยด้วยซ้ำ
จะว่ากุระแวงก็ได้ แต่เราต้องเตรียมพร้อม ต่อให้คนทั้งโลกตายก็ตาม

คนที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ใช่ผู้อยู่รอด แต่ผู้อยู่รอดต่างหากคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!

154 Nameless Fanboi Posted ID:7iP2YnRxhv

>>153 ล้ำลึกยิ่งนัก ท่านอาจม

155 Nameless Fanboi Posted ID:jI87OLp/NO

--------------------------------------------------
วันจันทร์ที่ 25 เดือน 11 >>155-156
[ท่านยามากุจิ ทรงตรัสสั่งสอนเรื่อง โลกอันอ่อนแอ]
--------------------------------------------------
>>153 คำพูดของท่านยามากุจิในที่นี้สามารถวิเคราะห์ได้จากหลายมุมมอง

"กุไม่ได้สูงส่งอะไรหรอก แต่โลกนี่มันอ่อนแอ จนเกินไปต่างหาก!!"
- Nov 24, 2024 at 21:37:51 ID:w/2qmBlr6X

การมองโลกที่อ่อนแอ (โลกนี้มันอ่อนแอจนเกินไป) : ในเชิงปรัชญา ท่านยามากุจิได้แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่มองว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความอ่อนแอและความไม่มั่นคง เหมือนกับโลกนิยายกำลังภายใน ผู้ฝึกฝนต้องเผชิญกับโลกที่เต็มไปด้วยการคุกคามจากผู้ที่มีกำลังภายในที่เหนือกว่าและบททดสอบจากสวรรค์ สิ่งนี้สะท้อนถึงจิตใจที่แกร่งกล้าของท่านยามากุจิ ที่ต้องการทำลายข้อจำกัดทางโลกและสังคม ท้าทายสวรรค์และหนทางแห่งโชคชะตา ในทางวิทยาศาสตร์สามารถอธิบายได้ผ่านทฤษฎี การคัดเลือกโดยธรรมชาติ (Natural Selection) ของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Darwin, 1859) ที่อธิบายว่าในกระบวนการวิวัฒนาการ สิ่งมีชีวิตที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีที่สุดคือผู้ที่สามารถอยู่รอดและพัฒนาไปได้ ในกรณีนี้โลกที่ “อ่อนแอ” ก็คือโลกที่ยังไม่สามารถรับมือกับความท้าทายหรือการเปลี่ยนแปลงได้อย่างเต็มที่ แต่ในทางกลับกันการที่จะมีชีวิตรอดในโลกนี้ไม่ใช่เพียงแค่การอยู่รอดไปวันๆ แต่หมายถึงการพัฒนาเพื่อให้สามารถรับมือกับสิ่งที่ยังมองไม่เห็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นท่านยามากุจที่มีแผน 1 2 3 4

"กินเหล้า เพื่อให้มีความกล้า ดูดบุหรี่ เพื่อ ให้หายเครียดกังวล"

ในส่วนของการใช้ เหล้า และ บุหรี่ เพื่อเพิ่มความกล้าและบรรเทาความเครียด ท่านยามากุจิสะท้อนถึงการใช้ วิธีการภายนอก เพื่อจัดการกับ ภายใน ซึ่งสามารถเชื่อมโยงได้กับ ทฤษฎีการเรียนรู้เชิงพฤติกรรม (Behaviorism) ของ บี.เอฟ. สกินเนอร์ (Skinner, 1953) ที่อธิบายว่า พฤติกรรมของมนุษย์มักถูกขับเคลื่อนด้วยการกระตุ้นจากภายนอก เช่นเดียวกับการใช้สารเสพติดเพื่อเพิ่มความรู้สึกพึงพอใจชั่วคราว พฤติกรรมเหล่านี้อาจสะท้อนถึงการหลีกเลี่ยงความไม่มั่นคงภายในจิตใจที่ท่านยามากุจิเห็นว่ามันเป็นการต่อสู้เพื่อความแข็งแกร่งที่แท้จริง จากมุมมอง จิตวิทยา เช่น คาร์ล จุง (Jung, 1953) ที่พูดถึงการที่มนุษย์ต้องเผชิญกับ เงา (Shadow) หรือส่วนที่มืดมนในตัวเอง การพึ่งพาสิ่งภายนอกเหล่านี้อาจเป็นการพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความไม่สมบูรณ์ของตัวเอง แต่ในทางกลับกันก็สะท้อนถึงความพยายามในการ ปรับสมดุลภายใน เพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับโลกที่เต็มไปด้วยอุปสรรค ถ้าหากเทียบกับนิยายจีนที่ท่านยามากุจิชื่นชอบ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการต่อสู้กันของหยินและหยาง

156 Nameless Fanboi Posted ID:jI87OLp/NO

( ต่อจาก >>155)

การที่ท่านยามากุจิกล่าวถึงการมี ความสัมพันธ์ทางเพศ เพื่อสร้างคุณค่าภายในตัวเอง เป็นการแสดงถึงการที่มนุษย์มักจะหาความมั่นคงจาก การยอมรับจากสังคม ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับ ทฤษฎีการยอมรับทางสังคม (Social Exchange Theory) ของ จอร์จ โฮมานส์ (Homans, 1958) ที่กล่าวว่า มนุษย์มักจะคำนวณผลประโยชน์ในการสร้างความสัมพันธ์ โดยการยอมรับและการให้ความสำคัญในตัวตนจากผู้อื่นเป็นปัจจัยที่ทำให้บุคคลนั้นรู้สึกมีคุณค่า การมองหาคุณค่าในตัวเองผ่านการยอมรับจากผู้อื่นสะท้อนถึงความไม่มั่นคงใน ความรู้สึกของตนเอง ที่ต้องการการยืนยันจากภายนอก ซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถเชื่อมโยงกับ ทฤษฎีการเติมเต็มความต้องการของมาสโลว์ (Maslow, 1943) ที่กล่าวว่า การได้รับการยอมรับจากผู้อื่นเป็นหนึ่งในความต้องการขั้นพื้นฐานในการบรรลุความสมบูรณ์ในชีวิต ซึ่งสำหรับท่านยามากุจิแล้วไม่จำเป็น จนหลายคนเห็นท่านเป็นผู้ ไร้ใจ

คำกล่าวที่ว่า "ศัตรูของมนุษยชาติยังไม่ปรากฏตัวเลย" สะท้อนถึงความรู้สึกของการคุกคามที่มองไม่เห็นหรือ อำนาจที่ซ่อนเร้น ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับ ทฤษฎีการควบคุมสังคม (Discipline and Punish) ของ มิเชล ฟูโกต์ (Foucault, 1977) ที่กล่าวถึงการที่สังคมใช้ระบบควบคุมที่มองไม่เห็นในการควบคุมพฤติกรรมของบุคคล ซึ่งเหมือนกับการเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่มองไม่เห็นที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การเตรียมตัวในที่นี้เป็นการฝึกฝนอย่างไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับการฝึกฝนใน นิยายจีนกำลังภายในที่ผู้ฝึกฝนต้องเผชิญกับการทดสอบที่ไม่สามารถคาดเดาได้

คำพูดที่ว่า "คนที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ใช่ผู้อยู่รอด แต่ผู้อยู่รอดต่างหากคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด" สะท้อนถึงแนวคิดของ การเอาชีวิตรอด ที่ไม่ใช่แค่การหลีกเลี่ยงอันตราย แต่คือการ เติบโตและพัฒนา ตัวเองในสภาวะแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับแนวคิดของ ฟริดริช นีทเช่ (Nietzsche, 1967) ที่กล่าวว่า ความแข็งแกร่งแท้จริงไม่ได้มาจากการหลีกหนีจากความท้าทาย แต่คือการเผชิญหน้ากับมันและสร้างพลังจากการเผชิญนั้น การพัฒนาความแข็งแกร่งภายในนั้นไม่ได้เกิดจากการหลบหนี แต่คือการยืนหยัดและต่อสู้จนถึงที่สุด

คำพูดของท่านยามากุจิเป็นการสะท้อนถึงการแสวงหาความแข็งแกร่งภายในและการเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับโลกที่เต็มไปด้วยความอ่อนแอ การฝึกฝนภายในเส้นทางแห่งการบำเพ็ญตนเป็นเส้นทางที่ต้องเผชิญกับการทดสอบและการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง โดยการเชื่อมโยงแนวคิดทางปรัชญาและจิตวิทยามาหลายแนวทาง สามารถเห็นได้ว่า ท่านยามากุจิไม่ได้มองแค่ความอ่อนแอหรือความอันตรายจากภายนอก แต่ยังมองถึงการพัฒนาความแข็งแกร่งภายใน ซึ่งเป็นเส้นทางที่ผู้ฝึกฝนทุกคนในโลกนี้ต้องเดินไปข้างหน้าบนทางของตัวเอง

อ้างอิง
Darwin, C. (1859). On the Origin of Species. John Murray.
Foucault, M. (1977). Discipline and Punish: The Birth of the Prison. Pantheon Books.
Homans, G. C. (1958). Social Behavior: Its Elementary Forms. Harcourt Brace Jovanovich.
Jung, C. G. (1953). Psychological Aspects of the Persona. Routledge.
Maslow, A. H. (1943). A Theory of Human Motivation. Psychological Review, 50(4), 370-396.
Nietzsche, F. (1967). The Will to Power. Vintage Books.
Sartre, J.-P. (2007). Being and Nothingness. Routledge.
Skinner, B. F. (1953). Science and Human Behavior. Free Press.

157 Nameless Fanboi Posted ID6:Y7Cj2b1wKV

--------------------------------------------------
วันอังคารที่ 26 เดือน 11
[ท่านยามากุจิทรงแสดงความชาญฉลาดไม่โดนโม่งหลอก]
--------------------------------------------------
>>>/literature/17024/356-362/

การหลอกลวงและการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบในปรัชญาตะวันตก เราอาจเชื่อมโยงคำพูดนี้กับแนวคิดของ เพลโต ที่พูดถึง ถ้ำในโลกแห่งมายา (Allegory of the Cave) โดยในนั้นมนุษย์ที่อยู่ในถ้ำเห็นเงาของสิ่งต่าง ๆ และเชื่อว่าเป็นความจริงทั้งหมด แต่การหลุดพ้นจากถ้ำหมายถึงการรับรู้สิ่งที่เป็นจริงในโลกภายนอก ซึ่งในการพูดถึง "นิยายรักจีนโบราณ" นี้อาจสะท้อนถึงการอยู่ในโลกที่ถูกสร้างขึ้นจาก มายา หรือการหลอกลวง ที่ทุกสิ่งล้วนดูเหมือนจะเป็นจริงแต่กลับเต็มไปด้วยการตัดสินใจที่ไม่ถูกต้องหรือหลอกลวง

การที่ท่านยามากุจิกล่าวว่า "ถ้ากุไม่ฉลาดคงโดนโม่งหลอกแล้ว" แสดงถึงความรู้สึกของ การตื่นรู้ และความสามารถในการรับรู้ถึงกลเกมหรือกลวิธีที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสมบูรณ์แบบของโลกที่ปรากฏ ซึ่งอาจสะท้อนถึง จิตวิทยาเชิงวิพากษ์ (Critical Psychology) ที่เน้นการตระหนักถึงความไม่สมบูรณ์ของสิ่งต่าง ๆ ในสังคมและการรับรู้การควบคุมจากภายนอกที่มีต่อมนุษย์

อ้างอิง
Freud, S. (1923). The Ego and the Id. SE, 19: 12–66.
Plato. (380 BCE). The Republic. Translated by Benjamin Jowett.

158 Nameless Fanboi Posted ID6:Y7Cj2b1wKV

--------------------------------------------------
วันอังคารที่ 26 เดือน 11 >>157 >>158-159
[ท่านยามากุจิทรงแสดงความชาญฉลาด สมเป็นนักเรียนอัจฉริยะ]
--------------------------------------------------
>>>/animanga/18240/552-553/

"ไม่ต้องการให้คนอื่นรับรู้อารมณ์ของตัวเอง แม้แต่ยิ้มก็ห้าม เพราะนั่นคือการเผยจุดอ่อนของเรา"
- Posted Nov 25, 2024 at 20:28:59 ID:sA7ObBtM1h

แนวคิดที่สะท้อนถึงการสร้าง "persona" หรือ หน้ากาก ที่คล้ายกับที่ คาร์ล จุง (Jung, 1953) ได้กล่าวถึงไว้ในหนังสือของเขา โดยในการสร้างภาพลักษณ์ที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองต่อสังคม การปกปิดอารมณ์ภายในนั้นคือการพยายามหลีกเลี่ยงการเปิดเผยความเปราะบางหรืออ่อนแอของตนเองให้ผู้อื่นเห็น การเลือกที่ท่านยามากุจิเลือกที่จะไม่แสดงออกทางอารมณ์หรือการยิ้มในที่นี้สะท้อนถึงการสร้าง ภูมิคุ้มกัน จิตใจจากการถูกโจมตีจากภายนอก เสมือนจอมยุทธ์ที่ปล่อยว่างอยู่ตลอดเวลา นอกจากที่กล่าวไปแนวคิดนี้ยังมีความสัมพันธ์กับ ปรัชญาของนิชเช่ (Nietzsche, 1967) ที่พูดถึงการ พัฒนาความแข็งแกร่งภายใน โดยไม่ให้คนอื่นเห็นจุดอ่อนของตนเอง การยิ้ม, การแสดงออกทางอารมณ์ต่าง ๆ ก็เหมือนกับการเปิดเผยจุดอ่อนภายในจิตใจ ซึ่งอาจทำให้คนอื่นสามารถโจมตีเราได้

การที่ท่านยามากุจิกล่าวว่า "คนมักจะหมันไส้ บ่อยๆ โดนอันธพาลมาหาเรื่องก็มี อาจจะเพราะสายตากุเฉยเมย เหยียดทุกสรรพสิ่งด้วยมั้ง" ตรงนี้คือการสะท้อนถึง การรับรู้ตัวตนในเชิงลบ ที่อาจเกิดขึ้นจากการแสดงออกที่เฉยเมยและท่าทางที่ดูเหมือนจะไม่สนใจสิ่งรอบตัว ซึ่งสามารถอธิบายได้จาก ทฤษฎีการรับรู้จากภายนอก (Social Perception) ซึ่งมักจะนำไปสู่การตีความที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับตัวบุคคล การแสดงออกของท่านยามากุจิที่เย็นชาและห่างเหินอาจถูกมองว่าเป็นการ เหยียดหยาม หรือ ปฏิเสธ สิ่งรอบข้าง ทั้งที่ในความเป็นจริงมันอาจเป็นเพียงการรักษาระยะห่างจากผู้คนที่มักจะทำให้เกิดการรบกวนภายในจิตใจ ในทางเดียวกัน ทฤษฎีของอัตลักษณ์ (Identity Theory) ของ จอร์จ เฮอร์เบิร์ต มีด (Mead, 1934) บอกว่า บุคคลจะพัฒนาภาพลักษณ์ในสังคมตามการรับรู้จากผู้อื่น และในกรณีนี้ท่านยามากุจิอาจพยายามรักษาภาพลักษณ์ที่มักจะถูกมองว่า เย็นชาและไร้ใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตัดสินหรือทำให้เกิดความเสียหายจากการเปิดเผยความอ่อนแอ

ท่านยามากุจิได้กล่าวถึงการที่ตนเองเรียนใน โรงเรียนที่มีความกดดันสูง และการที่การศึกษาในกรุงเทพฯ (กรุงเทพมหานคร) มีความแตกต่างจากการเรียนในโรงเรียนที่ไม่เน้นการแข่งขันเหมือนในเมืองใหญ่ การกล่าวถึง การศึกษาระดับสูง หรือ โรงเรียน top3 ของประเทศ แสดงให้เห็นถึงการที่ท่านยามากุจิได้เผชิญกับ ความท้าทายทางการศึกษา และการได้รับการยอมรับจากสังคมในรูปแบบที่แตกต่างจากสถานที่อื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรียนที่มีการเน้นเรื่องผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษามากกว่าความสำคัญของ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล การเรียนในโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูงนั้นสามารถเชื่อมโยงกับ ทฤษฎีการควบคุมสังคม ของ มิเชล ฟูโกต์ (Foucault, 1977) ที่กล่าวถึงการควบคุมพฤติกรรมของบุคคลในสังคมที่ถูกกำหนดโดยบรรทัดฐานทางสังคม การที่ท่านยามากุจิเรียนในโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูงทำให้เขามีการพัฒนาและผลการเรียนที่ดี แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะรู้สึกถึง ความกดดัน ที่มีผลต่อการสร้างภาพลักษณ์และ การรับรองตัวตน ในสังคม นอกจากนี้เรื่องดังกล่าวยังสอดคล้องกับ ทฤษฎีการควบคุมสังคม (Social Control Theory) ของ เฮิร์กไฮเมอร์ (Hirschi, 1969) ที่ระบุว่า ในสังคมที่มีการแข่งขันสูงและมาตรฐานที่เข้มงวด การประเมินค่าของตัวบุคคลจากภายนอกจะทำให้คนในสังคมนั้นรู้สึกถึง ความกดดัน และ การถูกควบคุมอย่างไม่รู้ตัว การที่ท่านยามากุจิทรงตั้งใจเป็นเงามืด ทำข้อสอบให้คะแนนไม่โดดเด่น จึงเป็นการปฏิเสธการถูกควบคุมจากสังคมโรงเรียนอย่างสิ้นเชิง ท่านเลือกที่จะแสดงอัตลักษณ์ของท่านออกมาผ่านตัวตนที่แท้จริงนั่นคือความพยายามของท่าน

159 Nameless Fanboi Posted ID6:Y7Cj2b1wKV

สำหรับจุดที่ท่านยามากุจิพูดถึงการที่ผู้หญิงที่เป็นนักเรียน ศิลปินไอดอล มาสนใจในตัวท่านเนื่องจาก การพยายามทำคะแนนให้ได้ครึ่งพอดี และท่าทางของท่านที่แสดงให้เห็นถึงการมีความตั้งใจจริง แม้ว่าผลการเรียนจะไม่ได้โดดเด่นหรือเป็นที่สะดุดตา แต่นี่คือการสะท้อนถึงความสำคัญของการสร้างภาพลักษณ์ ในสังคมที่ให้ความสำคัญกับ ความพยายาม และ การแสดงออก ในเชิงจิตวิทยาแนวคิดนี้สามารถอธิบายได้ด้วย ทฤษฎีการรับรู้ตัวตน (Self-Perception Theory) ของ ดิโอเนอร์ (Bem, 1972) ซึ่งระบุว่าบุคคลมักจะตัดสินหรือประเมินตัวเองจากการที่ผู้อื่นประเมินเขา และท่านยามากุจิอาจใช้ความพยายามในการแสดงออกเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ โดดเด่น แม้จะไม่ได้มีความสามารถพิเศษในทางการเรียน

อ้างอิง
Bem, Daryl. (1972). Self-Perception Theory. 10.1016/S0065-2601(08)60024-6.
Foucault, M. (1977). Discipline and Punish: The Birth of the Prison. Pantheon Books.
Hirschi, T. (1969). Causes of Delinquency. University of California Press.
Jung, C. G. (1953). Psychological Aspects of the Persona. Routledge.
Mead, G. H. (1934). Mind, Self, and Society. University of Chicago Press.
Nietzsche, F. (1967). The Will to Power. Vintage Books.

160 Nameless Fanboi Posted ID6:6e2xDizqmA

>>157 พวกโทรลเหล่านั้นพยายามหลอกลวงท่านเจ้า ช่างหน้าไม่อายยิ่งนักที่มาลบหลู่เกียรติของท่านยามากุจิผู้ยิ่งใหญ่ ข้าน้อยขอเสนอให้เรากรีฑาทัพไปจัดการพวกมัน เพื่อสั่งสอนบทเรียนให้จดจำถึงผลแห่งการดูหมิ่นท่านเจ้า

161 Nameless Fanboi Posted ID6:es5KwSVgV7

>>160 คนท่านยามากุจิไม่จำเป็นต้องให้เรามาปกป้องหรอกครับ

162 Nameless Fanboi Posted ID6:.PC7fnhUY.

--------------------------------------------------
วันอังคารที่ 26 เดือน 11 >>157 >>158-159 >>162
[ท่านยามากุจิ และนมไร้ขน]
--------------------------------------------------
>>>/lifestyle/16989/572

คำถามแรกของท่านยามากุจิเกี่ยวกับการเลือกกินอาหารขยะหรือวิตามินและเวย์โปรตีน เป็นการสะท้อนถึงการต่อสู้ระหว่างความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันกับการลงทุนในสุขภาพระยะยาว อาหารขยะนั้นเป็นตัวแทนของความพึงพอใจในระยะสั้น ในขณะที่วิตามินและเวย์โปรตีนเป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนาและความยั่งยืนในระยะยาว จากมุมมองทางวิทยาศาสตร์ การรับประทานอาหารขยะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจและเบาหวาน แต่วิตามินและโปรตีนจากเวย์สามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและฟื้นฟูร่างกายได้ดี อย่างไรก็ตามตามคำสอนของท่านยามากุจิ "ชีวิตคือการเลือก" และทุกการเลือกมีผลลัพธ์ที่เราเป็นผู้กำหนดเอง ดังนั้น หากท่านเลือกที่จะกินอาหารขยะเพียงเพราะมันสะดวกสบาย ก็เป็นการแสดงออกถึงการเป็นอิสระในการเลือกชีวิตของท่านที่ท้าทายระบบของสังคม เพราะท่านเป็นตัวของท่านเองเสมอ

เรื่องที่ท่านยามากุจิยกขึ้นเกี่ยวกับการที่ขนงอกที่หน้าอกเมื่อท่านอายุมากขึ้นนั้น เป็นคำถามที่มีความหมายลึกซึ้งทางสังคมและจิตวิทยาในแง่ของการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่เกิดขึ้นในระหว่างการมีชีวิต ท่านยามากุจิได้สัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่ทำให้เกิดความสงสัยในความเป็นตัวตนและการยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น กับคำถาม "จะโกนขนยังไงดี?" นั้น สื่อถึงการตั้งคำถามเกี่ยวกับการจัดการกับสิ่งที่ไม่คาดคิดและไม่สามารถควบคุมได้ในชีวิตประจำวัน ปัญหานี้อาจเชื่อมโยงกับแนวคิดทางปรัชญาของ "การยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น" (Zen Philosophy) ที่มองว่าเราไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งในชีวิต แต่เราสามารถเลือกวิธีการตอบสนองต่อมันได้อย่างมีสติ การโกนขนก็เป็นสัญลักษณ์ของการ "จัดการ" กับสิ่งที่ไม่ต้องการในชีวิต ซึ่งไม่ต่างจากการใช้เครื่องมือทางจิตวิทยาหรือวิธีการในการจัดการกับความเครียดหรืออุปสรรคที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน (Cohen & Wills, 1985) ความไม่พึงพอใจหรือการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย (เช่น ขนที่งอกออกมา) สามารถมองได้ว่าเป็นการสะท้อนถึงกระบวนการของการเติบโตและการปรับตัวตามธรรมชาติของชีวิต ซึ่งไม่มีสิ่งใดผิดหรือถูก แต่ขึ้นอยู่กับท่านว่าจะเลือกทำอย่างไร เช่นที่ท่านกล่าวไปใน >>150 ให้ทุกคนเดินในหนทางตัวเอง

อ้างอิง
Chun, L. Effects of Fast Food In Human Health.
Kaur, R. (2017, March). Effect of Fast Food on Human Health. In International Conference on Recent Innovations in Engineering, Science, Humanities and Management.
Cohen, S., & Wills, T. A. (1985). Stress, social support, and the buffering hypothesis. Psychological Bulletin, 98(2), 310–357.

163 Nameless Fanboi Posted ID6:.PC7fnhUY.

วันนี้ท่านยามากุจิทรงเสด็จไปโปรดโม่งการ์ดเกม
>>>/game/19049/166-184/
>>>/game/19049/187-/

พี่สาวนักลดน้ำหนัก
>>>/literature/19162/1-67/

ท่านยามากุจิไม่ชอบจงหยวน
>>>/literature/19162/37-47

รวมมิตรห้องลิต
>>>/netwatch/6577/258-276
>>>/literature/11708/
>>>/netwatch/6577/329-340
https://www.youtube.com/watch?v=GgGqcgpF3i8

164 Nameless Fanboi Posted ID:Wjqon5oPv9

ข้าน้อยขอคารวะท่านรองและท่านอาจารย์ยามากุจิ ตลอดจนศิษย์ร่วมสำนักทุกท่านด้วยใจที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิด เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ใช้วิชา "กับดักเงานิรันดร์" ที่เรียนรู้มาเพื่อหลอกพี่สาวนักลดน้ำหนักแห่งสำนักจงหยวน โดยการโพสต์หลอกลวงหนึ่งครั้งถ้วน หวังจะทดสอบปัญญาของเจ้าสำนักจงหยวน และแก้แค้นที่มาลบหลู่ท่านประมุข แต่ข้ากลับพลาดท่าถูกท่านหญิงจับได้ทันและต้องเผชิญกับความอับอายนี้ ข้าเสียใจอย่างยิ่งที่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง ข้าขอสำนึกผิดและรับผิดชอบต่อการกระทำครั้งนี้ ข้าน้อยจะฝึกฝนใหม่และไม่ให้เกิดความผิดพลาดเช่นนี้อีก ข้าขอคารวะท่านทั้งสองด้วยความเคารพและสำนึกผิดอย่างยิ่ง ข้าน้อยยินดีน้อมรับ โทษทัณฑ์ ทุกประการ!

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.