>>574 หนังสือเล่มนั้นมันดังเพราะมันแหวกแนวไปจากแนวทางที่มีอยู่เดิม เหมือนกับกระแสหนังสือชีวจิตต้านมะเร็งยุคแรก ๆ นั่นล่ะว่ะ ไม่ได้แปลว่าเนื้อหามันถูกนะ มึงอ่านหนังสือแค่เล่มเดียวก็เชื่อเป็นตุเป็นตะเลยเหรอวะ
>>576 เหตุผลมันก็เป็นเหตุผลสไตล์ "คิดไปเองว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น" ไม่ต่างกับหนังสือที่ >>574 มันยกมาอ้างนั่นล่ะว่ะ
"มีทฤษฏีว่าไว้ว่าคนอาศัยในป่าเขตอบอุ่น-เส้นศูนย์สูตรจะพัฒนาอารยธรรมได้ช้าเพราะธรรมชาติเอื้ออำนวย หาอาหารได้ทั้งปีไม่ต้องกลัวหน้าหนาว
แต่ถ้าอยู่เขตที่อากาศโหดร้าย หนาวร้อนทั้งปีก็พัฒนาอารยธรรมช้าเพราะต้องสู้รบกับปัญหาไม่หยุด"
มึงคิดว่ามันมีเหตุผลน่าเชื่อถือ? จริง ๆ แล้วมันก็แค่ "เป็นไปได้" ว่ะ
ถ้ากูพูดว่า
"มีทฤษฏีว่าไว้ว่าคนอาศัยในป่าเขตอบอุ่น-เส้นศูนย์สูตรจะพัฒนาอารยธรรมได้เร็วเพราะธรรมชาติเอื้ออำนวย หาอาหารได้ง่ายทั้งปีจึงเหลือเวลามาพัฒนาอารยธรรม ดังจะสังเกตได้ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาว่ายิ่งมนุษย์อยู่อย่างสุขสบายเท่าไหร่จะยิ่งพัฒนาอารยธรรมได้เร็วเท่านั้น
แต่ถ้าอยู่เขตที่อากาศโหดร้าย หนาวร้อนทั้งปีก็พัฒนาอารยธรรมช้าเพราะต้องสู้รบกับปัญหาไม่หยุด
ส่วนเขตร้อนหนาวเท่าๆกันแม้จะพัฒนาได้ไวกว่าที่สภาพอากาศโหดร้าย แต่ก็ยังช้ากว่าเขตอบอุ่น ช่วงหน้าร้อนปลูกพืชเลี้ยงสัตว์สะสมเสบียงได้ก็จริง แต่หน้าหนาวก็เอาแต่อยู่ในบ้านก็นั่งคิดโน่นทำนี่ไปรอฤดูใบไม้พลิไม่ได้หรอก เพราะในความเป็นจริงมนุษย์เราในยุคพัฒนาอารยธรรมไม่มีความก้าวหน้าพอที่จะเก็บตุนอาหารได้ตลอดหน้าหนาว และต่อให้ทำได้ก็ไม่มีใครคิดจะเก็บอาหารตุนกันทีหลาย ๆ เดือนขนาดนั้น สุดท้ายมนุษย์ก็ต้องออกไปลำบากในช่วงหน้าหนาวอยู่ดี ไม่เคยมีบันทึกไว้ที่ไหนว่ามนุษย์เอาแต่หมกอยู่ในบ้านในช่วงหน้าหนาว ประวัติศาสตร์เท่าที่เคยมีบันทึกไว้คือสมัยก่อนตอนหน้าหนาวมนุษย์เราก็จะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นชนชั้นสูงในยุคกลาง"
พอกูพูดแบบนี้แล้วมึงคิดว่าคำพูดที่มึงใน >>573 ยังฟังดูมีเหตุผลอยู่ไหม