คนแต่งหมดไอเดีย
Last posted
Total of 987 posts
คนแต่งหมดไอเดีย
ต่อจากนี้นะ >>950
ณ สวนสัตว์แปลก เขาเขียวเหนี่ยวทรัพย์
สิต ไอดอลสุดน่ารัก ในชุดเสื้อยืด กุงเกงขาสั้น กำลังอาบน้ำให้ คาปิบาร่า
แต่มันก็สะบัดตัวจน ทำให้ เสื้อของ สิต เปียกปอน
เหล่าทีมงาน กล้องเมม 2 ถ่ายเสย เก็บไว้พอดี อ่า....
หลังถ่ายinsert เสร็จ ก็พักกลางวัน ทีมงานเตรียมไปถ่าย ฮิปโปแคระต่อ
"งานนี้ ต้องดีที่สุดเท่าที่มีมา หลังถ่าย softcore ก็ต้องต่อด้วย soft power นี่ละ "ผกก อัครพล คิด
จะว่าไปถ้า ไม่ได้พี่ชายที่เป็น รมช ท่องเที่ยว ยื่นมือมา งานนี้ เขาและ เพื่อนพ้อง พับจี อาจไม่ได้ทำงานนี้เลยก็ได้
ขณะเดียวกัน รมช อัครเดช ได้เดินออกมาจะกินข้าว นักข่าวได้กรูมายิงคำถามทันที
"ท่านค่ะ จริงไหมค่ะ ที่โครงการถ่ายหนังหมูเด้ง ของทางการ มีการล็อคสเปคไว้ "
ทั่น รมช หันกลับไปตอบว่า
" ท่านเราเลือกเฟ้นมาดีแล้วครับ รับรองว่า งานดี แน่นอน " รมช ยิ้ม
โอ้ย หิวข้าวโว้ย ถามเพื่อ รมช คิดในใจ
" แล้วจริงไหมค่ะ ที่งานนี้ คนรับไปทำ คือ น้องชายท่าน ที่ก่อนหน้านี้ มีงานหนัง R 1 เรื่องเท่านั้น เพราะ
ก่อนหน้านี้ ต้องดูแลแม่ที่ป่วย จนตอนนี้ แม่ท่านเสียแล้ว ท่านเลยหางานให้น้องท่านทำงาน
ส่วนเหล่าทีมงาน คือ อดีต นีทพับจี ที่เพิ่งมาทำงานกัน " นักข่าวสาว ยิงรัวๆ
บ้าเอ้ย สิงเสาเอกบ้านกูรึไงว่ะ รู้ดีเหลือเกิน สาด แล้ว รมช ก็ตอบกลับไปว่า
" ทีมงานมีคุณภาพ อย่าเพิ่งด้อยค่า ผมมั่นใจในฝีมือ พวกเขาครับ ขอตัวนะครับ "
การ์ด นาฬิกา โอแเวอร์วอท มาช่วยกัน รมช ออกไปทันที
"ท่านค่ะๆ เดี๋ยวก่อนค่ะ " นักข่าวพูด
ส่วนที่ เขาเขียว ไฟเซอร์ ได้เดินหน้าเคร่งเครียดไปหา ผู้กำกับกองถ่ายทันที
" จะถ่ายหนังผม กับ หมอนๆ อีกเมื่อไหร่ " ไฟเซอร์ ถาม
ผกก ไม่มองหน้าไฟเซอร์ คลำ โอเด้งย่า มากิน ก่อนตอบว่า
" พอแล้ว ไม่รู้รึ คนแต่งพิมพ์ คราวก่อน มีหมาไปบอก บอสเซิร์น ให้แบนไป 2-3 วัน
เลยแต่งได้แค่ ประมาณนี้ " บ้าจริงขนมหมดสะได้ ใส่น้อยจีงว่ะ ผกก คิด
" แต่ ผกก ค้องถ่ายเรื่องใหม่ ผมนะ สนืทกับ เทวดาที่เชียงรายมากนะ " ไฟเซอร์เบ่ง จนตัวพอๆ กับ สลอธ เชาเขียว
ผกก หันไปมองหน้า " คนที่นี้ ก็มีเทวดา ดูแลทั้งนั้นนะ อย่าเรื่องมาก กลับไปจัดไฟซะ "
ผกก หันไปคุยกับทีมงาน " วันนี่ โชคดีเว้ย ผู้สมัคร มิสแกรนด์อินเตอร์มา 70 กว่าคน ถ่ายเสยให้เต็มที่ ว่ะฮะฮะ"
ขอบคุณครับ นี่ arc ขั้นเวลาสินะ
เชี่ยเอ้ยกูเม้นก่อนอ่าน ไอสัส เสื่อมชิบหาย
ในกรณีที่มีการสอบสวนหรือดำเนินคดีโดยรัฐบาลหรืออะไรที่คล้ายกัน ข้าพเจ้าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับกลุ่ม หรือบุคคลที่อยู่ในกลุ่ม ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าตัวข้าพเจ้านั้นเข้ามาอยู่ได้ด้วยสาเหตุอันใด ข้าพเจ้าอาจถูกบุคคลที่สามนำบัญชีของข้าพเจ้ามาเข้ากลุ่มนี้ ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า ข้าพเจ้าไม่ได้สนับสนุนการกระทำที่เกิดจากสมาชิกในกลุ่มนี้ใดๆ 連邦機関などによる調査の場合、私はこのグループまたはその中の人々と関与していません。私はここにどのように住んでいるのか知りません。おそらく第三者によって追加されたものです。このグループのメンバーによる In case of an investigation by any federal entity or similar, I do not have any involvement with this group or with the people in it, I do not know how I am here, probably added by a third party, I do not support any actions by the members of this group. En caso de una investigación por parte de cualquier entidad federal o similar, no tengo ninguna participación con este grupo o con las personas que forman parte de él, no sé cómo estoy aquí, probablemente agregado por un tercero, no apoyo ninguna acción por los miembros de este grupo. Im Falle einer Untersuchung durch eine föderale Einrichtung oder ähnliches habe ich keine Beteiligung an dieser Gruppe oder den Menschen darin, ich weiß nicht, wie ich hier bin, wahrscheinlich von einem Dritten hinzugefügt, ich unterstütze keine Maßnahmen von den Mitgliedern dieser Gruppe. 如果任何联邦实体或类似机构进行调查,我与该团体或其中的人员没有任何关系,我不知道我在这里,可能是由第三方添加,我不支持任何行动由这个小组的成员。 В случае расследования со стороны какого-либо федерального субъекта или аналогичного, я не имею никакого отношения к этой группе или к людям в ней, я не знаю
เชียงรายในตอนนี้ปกคลุมไปด้วยโคลน ทั้งในบ้านเรือน และไร่นา ตัดขาดจากโลกภายนอก
แต่ก็ยังโชคดีได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบานโลกตระบัดสัตยฒ กองทัพส่งรภถังมาตักดินออกจากบ้านผู้คนที่ยากไร้
แม้ว่ารองนายกอบต. ไฟเซอร์ สุภาพบุรษบอสฝูงเป็ด รักใครรักจริง รักเดียวใจเดียว จะต้องอาศัยนอนในวัดมาแล้วหลายเดือน
เพราะบ้านเปลอะขี้โคลน ผ้าโม่ย โฟโตเซตและรูปโป๊ที่สะสมมาปลิวหายไปกับกระแสน้ำวิปโยค แต่กระนั้น
ไฟเซอร์ยังคงส่องกระจกดูหัวล้านของตัวเอง แล้วพูดคนเดียวในลำคอเสียงนุ่มๆ
"จะเป็นให้ได้เลยสินะ...คนขับรถถังน่ะ หึ หึ"
กูแต่งต่อเอง
นี่เป็นเรื่องราวของนาย เค หรือชื่อ เคคุง แห่งดินแดนข่าวปด
กลุ่มปดตอนนี้พัฒนาไปไกลมากจนนาย เค ไม่มีที่ยืน ในอดีตชีวิตของนายเคนั้น เรียนจบแค่ มอ.3 ขึ้น ม.4 เข้าชมรมดนตรีเป็นแรปเปอร์ ฝึกฝนแร็ป ออกประกวดกับกลุ่มเพื่อนเพื่อทำตามความฝัน กำลังจะได้ขึ้นเวทีประกวดแรปอิสนาว แต่ว่าจับได้ใบแดง ติดทหารสองปี อดเป็นแรปเปอร์แบบที่ฝันไว้
ชีวิตของชั้นช่างน่าอดสูนักนายเค ออกมาจากทหารหางานไม่ได้เรียนจบแค่ ม.3 เขาระเห็ดเร่ร่อน สุดท้ายเขาไปจบที่ดินแดนแห่งสายสัมพันธ์
"นี่มันดินแดนแห่งพันธสัญญาสินะ" เขามาถึงจุดแคมป์ของเหล่าโอตะ ที่มาออกันหน้างานกว่า 3 ล้านคน กลิ่นตัวเหล่าโอตะคะคลุ่งไปทั่ว
"แม่งเอ้ยทำไมพวกมันไม่ยอมทาโรออน" เคคุงทนกลิ่นเหม็นสาปไม่ไหว เขาคิดถึงสหายเก่าทั้งเพื่อนทหารเกณฑ์ และ ชาวปด เขาโหยหวน เคคุงจะทำยังไงต่อไปกันนะ
ใช่แล้วเขานึกถึงสมัยแรปอิสนาว เขาว้ากตะโกน "พวกโอตะเหม็นเปรี้ยวเอ่ย จงฟังชั้นซะ นี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาจมปลักกับการตามไอเด้าเต้นกินรำกินพวกนี้" เคคุงประกาศกร้าว
นี่คือบทเพลงแรปของเขา
"พวกโอตะไร้ค่า แกเป็นบ้าอะไร
ตามหอยโง่งมงาย ตัวมึงเหม็นเหมือนควาย โย่วๆ
พวกโอตะเดนนรก สกปรกเกินไป โรออนทาบ้างไหม
เอาเวลาที่ว่าง ทำให้สมองสร่างไหม เอาเวลาที่ว่าง ไปซักผ้าล้างจานไหม โย่วๆ
โอตะสกปรก อัปลักษณ์ซกมก โสโครกหมดจด ลบไม่หมด ลบไม่หมด
โอตะสกปรก อัปลักษณ์ซกมก ลบไม่หมด ลบไม่หมด"
เสียงแรปของเคคุงดังก้อง
เหล่าโอตะได้ยินถึงกับบรรลุในพระธรรม
"เหล่าเสียเวลาไปทำไมกัน" โอตะคนหนึ่งถึงกับพูดขึ้นพร้อมร้องไห้
"แทนที่เราจะเอาเวลาไปอาบน้ำ"
"ใช่แล้วพวกมึงน่ะควรเอาเวลาไปดูแลตัวเองก่อนล้าหี" เคคุงสั่งสอนพวกโอตะ
โอตะทั่วแผ่นดินซึ้งในคำสอนของเคคุง โอตะเลิกเป็นสวะสังคม
"พวกเราไปอวบน้ำล้างจาน" เหล่าโอตะแห่หนีออกจากงานไอดอล
และแล้วยุคสมัยของโอตะและไอดอลก็จบลง
ตอน แพนเค้กที่เละอยู่บนพื้น ตอนพิเศษ
เหตุการณ์ตอนที่แล้ว :ตูมมมมม พลังโมเอะญี่ปุ่น ปฐมยุค ของจิตเวชแรกกำเนิด เข้าจู่โจม องญเกาหลีเกลือ พลังโจมตี 1000 ล้าน เข้าใส่ร่างองญ ไร้ทางต่อต้านโดยสิ้นเชิง องญเกลือพ่ายแพ้!! อย่างไม่คาดคิด ไม่มีผู้ใดคาดเดาถูก นี่คือพลังของจิตเวช ไร้เทียมทานเสียจริง
สิ่งที่เหลือ เป็นเพียงกระดาษพับจรวจสีสันผ้าฉูดฉาด แปลกตา 6 จรวจ เท่านั้น ราวกับของที่เหลืออยู่คือกระดูกขององญเกลือ ลูกกระจ๊อกที่เหลือต่างแตกรังทันที จิตเวชได้ส่งหน่วยต่างๆเข้า
จู่โจมทั้งทาง1000ทิพย์ ท่อแดง นกX เฟสบนบก การต่อสู้จบลงด้วยความรวดเร็ว นี่จะเรียกต่อสู้ได้อย่างไร มันคือการสังหารหมู่ชัดๆ
อยู่ๆ โม่งป้าข้างบ้านที่สะบักสะบอมหนีทัพ ก็กล่าว ข้าไม่อาจแพ้มินต์ๆๆ พวกเขาท่องย้ำๆในใจ ราวกับคนสูญเสียสติ
"เจ้าพ่ายแพ้ให้ข้าแล้วโม่งป้าข้างบ้าน แหล่งพลังงาน เกลือของเจ้า ได้ดับสูญไปเรียบร้อยแล้ว ตัวเจ้านั้นจะเอาพลังมาจากไหนมาต่อสู้ได้อีก ฮ่าาาา555555+"
การต่อสู้จบลงด้วย ด้วยความรวดเร็ว โม่งป้าข้างบ้านโดนกระทืบสะบักสะบอม ฟันร่วงหมดปาก ตาบอดทั้ง 2 ข้าง นิ้วมือทั้ง 10 ล้วนหัก ทั้งสิ้น ไม่สามารถพิมอะไรได้แล้ว
โม่งจิตเวชดั้งเดิม กำลังง้างเท้าพร้อมกระทืบโหลกให้แหลกเละคาตีน พร้อมกับพูดว่า " มีอะไรจะสั่งเสียไหม แต่จู่ๆได้กลิ่น แพนเค้ก เชื่อมน้ำผึ้ง หอมๆ จากโรงอาหารพอดี
โม่งป้าข้างบ้านกล่าว เราอยากให้ม่วงมินต์ยุบไปซะ ยังไงองญเกลือก็ไม่อยู่แล้ว แต่หางตาก็เกลือบไปเห็น แพนเค้ก
อยู่ๆ โม่งป้าข้างบ้านก็พูดด้วยเสียงแหบพร่า "อยากกินแพนเค้ก"
เอ้ากินซะสิ จิตเวชดั้งเดิม โยนแพนเค้ก จนเละลงพื้นดูไม่น่ากินสักนิด แล้วโม่งป้าข้างบ้านก็เริ่มคลาน ง่ำกินไปนึงคำ@#!#@!#@!$!#$%@$ อยู่ โม่งป้าข้างบ้านอาการกำเริบทันที
พร้อมน้ำตาที่หลั่งริน
"ข้ายังไม่อยากใต้ตีนมินต์ ข้าอยากมีตัวตน เราไม่อยากอยู่แล้วถ้าไม่มีองญเกลืออยู่ด้วย
เราอยากชิมเกลือ เราอยากให้ม่วงผงาด เราอยากดับสูญพร้อมกับองญเกลือ
เราอยากกินแพนเค้กของม่วง เราอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ถ้าไม่มีองญเกลือ เราไม่อาจชนะมินต์
เราไม่อยากอยู่แล้ว ถ้าไม่มีองญเกลืออยู่ เราขอไม่มีชีวิตดีกว่า
ถึงจะไม่มีองญ เกลืออยู่ เราอยากกิน แพนเค้กของม่วง ขอแค่ได้กิน เราอยากมีชีวิต เราอยากมีชีวิต
เราไม่อยากตาย
ดวงจิตเวช มองร่างไร้สติ ที่กำลัง พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด หลังจากสูญเสียองญเกลือไป
"ดีแบบนี้แหละข้าชอบ 555555555+ ปิดฉาก องญเกลือที่เจ้าภาคภูมิใจซะ ปลิดชีวิต มันซะเดียวนี้ อย่าปล่อยให้เศษกระดูกกระดาษพับ6จรวจยังหายใจรวยรินอยู่"
โม่งป้าข้างบ้านกรีดร้องราวกับคนเสียสติ พุ่งเข้าหาองญเกลือทันที ฉีกกระดาษแล้วกระดาษเล่าจนไม่อาจปะติดปะต่อกันได้อีก
เมื่อนั้นจิตของเขา ก็เข้าสู่โลกนรกกันต์ทันที!!!
"ข้าจะช่วยให้เจ้าได้ใช้ชีวิตใหม่ในฐานะ โม่งป้าข้างบ้านไม่มีต่อไปอีกแล้ว คนพิการอย่างเจ้า โม่งม่วงvoid
ข้าจะเปลี่ยนเจ้าเอง ต่อจากนี้ เจ้ารับหน้าที่ดูแลพื้นที่ดับสูญ เจ้าจะมีชิวตอยู่ต่อในฐานตัวตนใหม่ ฮ่าๆๆๆ
ยิ่งข้าทำให้คนเป็นจิตเวชมากเท่าไร พลังก็กล้าแข็งขึ้นเท่านั้น นี่คือ โลกที่จิตเวชสร้างขึ้นมา
ผู้คนทั่วทุกสารทิศต่างหวาดกลัวเขา ชื่อเสียงกระฉ่อนไปไกล ตัวตน ไร้พ่าย จิตเวชปฐมบรรพชน ฉายา จิตเวชแรกกำเนิดoriginal
.
จบตอน... แพนเค้กที่เละอยู่บนพื้น
ภาคต่อไป 5 ปลิงดูดเลือด แห่งควายร่า
ปะทะ พลังในเงา
จิตเวชเหงาเลยวันนี้มีมันคุยอยู่คนเดียวในมู้ไอดอล ID6:OSJRrnSPqD >>>/music/19025/
จิตเวชน้ำก๊อกคู่ขาที่คอยคุยกับมันก็ไม่อยู่ พวกมึงก็ระวังไว้นะเล่นโม่งมากๆชีวิตจะไร้ค่าน่าสมเพชแบบจิตเวช
ดันกลบหนังสือเอ๋อ
โม่งหมอซึ่งโดนซัมมอนไปที่มู้ใหม่ปฏิเสเสียงเรียกและกลับมานั่งมองมู้ในตำนานอย่างอาดูร
"กูทำผิดพลาดตรงไหนนะ มู้นี้ถึงกลายเป็นมู้ล้างบางมุสลิมที่เต็มไปด้วยจิตเวชกับเรื่องเสียวที่ไม่ต่อเนื่องกัน วันนั้นที่ชิคกี้เริ่มแต่งเพลงด่าอัลเลาะห์กูควรจะห้ามคนอื่นๆรึเปล่านะ หรือกูควรจะแจ้งแอดมิน(?)แบนจิตเวชตั้งแต่เนิ่นๆ"โม่งหมอรำพึง
"แต่นั่นไม่สำคัญแล้ว พวกสตีฟกับพันธมิตรเดินทางมาเกือบถึงประเทศปัตตานีแล้ว กูจะทำให้การต่อสู้แห่งโชคชะตานี้จบลงในเม้นที่1000ให้ได้ แม้จะมีกูต่อเรื่องอยู่คนเดียวก็ตาม"
โม่งหมอออริจินิลประกาศกร้าว เม้นต่อไปจะตัดกลับไปที่เรือดำน้ำ แต่ตอนนี้รอกูก่อนนะเพื่อนโม่ง กูพิมพ์ตอนพักเข้าส้วม ขอกลับไปตรวจคนไข้ก่อน เดี๋ยวเที่ยงมาต่อ
พวกมึงคิดว่าเม้นต์ที่แล้วโม่งหมอออริจินอลแค่รำพึงรำพันไปตามเรื่องตามราวสินะ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่หรอก
โม่งหมอออริจินิลผู้อยู่คู่มู้นี้มาตั้งแต่จักรวาลแรกสุด(ที่บอกว่ามึงเป็นมะเร็ง)กำลังรวบรวมพลังของผู้สร้างในฐานะคนที่เมนต์เยอะถึง1ใน3ของมู้นี้(กูเล่นหลายไอดี) เพื่อมอบพลังที่เป็นทางสว่างให้ตัวละครที่โม่งหมอเป็นผู้สร้างขึ้นตั้งแต่แรก
"K! จงรับพลัง'Wokeอย่างพอดี'จากผู้สร้างผู้นี้ไปซะ!"
...
ในเรือดำน้ำ หลังสตีฟใช้พลังสมานและป้องกันเรือดำน้ำสำเร็จภายใต้การคุ้มครองของเต้
เคก็ได้ยินพระวัจนะของผู้สร้าง
"อย่างนี้นี่เอง ให้โว้คอย่างพอดีสินะ"เคเปรย "สตีฟ เต้ โจมตีส่วยหัวของ ออนิว อ.โกโจ และยาสุเกะให้กะโหลกแตกแต่ไม่ตายไม่หมดสติทีสิ!"
สตีฟพยักหน่ารับคำแม้จะไม่เข้าใจว่าให้ทำไปทำไม เขาหยิบปิ๊คกีตาร์เหล็กที่เหลาขอบจนคมขึ้นมาสามอัน ส่งให้เต้ไปจัดการยาสุเกะอันนึง ส่วนตัวเขาเองเอาปิ๊คอีก2อันที่เหลือไปเฉาะหัวออนิวกับอาจารย์โกโจ
เต้อาศัยจังหวะที่ยาสุเกะสู้ติดพันอยู่กับวิชัยและพวก ซัดปิ๊คอันสุดท้ายเฉาะหัวซามุไรมืดได้สำเร็จ
เคเอาขั้วอิเล็คโทรดสำหรับตรวจคลื่นสมองที่ติดกระเป๋ามาไปต่อกับปิ๊คกีตาร์ทั้ง3อัน (โดยวิชับกับเต้ช่วยกันรั้งยาสุเกะไว้) ปลายสายไฟอีกด้านต่อเข้ากับกีต้าร์ไฟฟ้าที่สตีฟพกมาด้วย
เคดีดคอร์ด G/C ดังกังวาลใสพร้อมประกาศ "หยุดตีกัน! จงฟังพระวจนะของผู้สร้าง1ใน3ของโลกนี้!"
สามคนที่โดนปิ๊คเหล็กปักหัวชักเกร็ง1ทีก่อนนิ่งไป คนอื่นๆเลยได้หยุดสู้และยืนฟังเคพูดแบบงงๆ
เคเริ่มดีดเพลง Imagine ของจอห์น เลนน่อนพร้อมพูดกับยาสุเกะ "ฟังนะยาสุเกะ การที่นายเป็นคนดำนั้นไม่ผิดเลย การเป็นมุสลิมก็ไม่ผิดด้วย แต่การที่นายเปลี่ยนคนอื่นให้กลายเป็นคนดำมุสลิม อันนี้ผิดแน่ๆ นี่คือโลกที่นายอยากสร้างจริงๆเหรอ บังคับคนให้เปลี่ยนเชื้อชาติ เปลี่ยนศาสนาตามใจผู้แข็งแกร่ง แบบนั้นมันต่างจากที่คนขาวทำกับบรรพบุรุษนายตรงไหน
คนดำไม่ใช่ความชั่วร้าย ศาสนาอิสลามก็ไม่ใช่ความชั่วร้าย โว้คเองก็ไม่ใช่ความชั่วร้ายด้วยถ้าทำอย่างพอดี
ยาสุเกะ พวกเราไม่ได้เดินทางไปปัตตานีเพื่อทำลายศาสนาอิสลาม เราไปเพื่อหยุดอ.สามารถที่เอาศาสนาของนายมาใช้ก่อสงครามในทางที่ผิด มาร่วมมือกับเราซะยาสุเกะ นำทางพวกเราไปวิหารหลักที่อ.สามารถกับอับดุลรอนิงอยู่ซะ!"
สิ้นสุดคอร์ดสุดท้ายของเพลง การเบิกเนตรด้วยโว้คอย่างพอดีก็สัมฤทธิ์ผล
อ.โกโขงจ กับออนิวกลับมาเป็นปกติ ส่วนยาสุเกะเองก็มีแววตาที่ใสกระจ่างขึ้น
"ข้าเข้าใจแล้ว"ซามุไรมืดกล่าว "ข้าจะพาพวกท่ายไปวิหารลับเอง"
ในที่สุดเรือดำน้ำก็เทียบท่าที่ท่าเรือปัตตานี ทางหลังจากนี้ต้องเปลี่ยนยานพาหนะกันแล้ว
ว่าแต่จะใช้อะไรเดินทางล่ะ?
รออ่านต่อครับ
ส่วนที่โม่งอาวุธต่อไว้...
ยามเย็นที่ท่าเทียบเรือ Pattani pier 4
บนหอยามด้านหน้า ทั้ง 8 หอ มี ทหารยามบนป้อม ป้อมละ3 นาย โพกผ้า มีอาวุธปืนกลRPD ดัดแปลง ให้ป้อนกระสุนด้วยสายกระสุนยาว5เมตร แทนที่จะเป็นจาน เหมือนตอนมันมาจากโซเวียต
ส่วน ที่โต๊ะด้านล่างของป้อมทางเข้า ทหารโพกผ้าไว้หนวดเครา เช็คเอกสาร และอาวุธจากกลุ่มของสตีฟ
สตีฟและกลุ่มในชุดคลุมปลอมตัวเป็นนักบวช โดยให้มียาซุเกะนำเอกสารปลอมให้ทหารยาม บอกว่าว่าเป็นกลุ่มนักสอนศาสนา จะเข้าเมืองไปทำพิธี ในพรุ่งนี้ แน่นอน ด้วยเอกสารของจริง บวกค่าผ่านทาง 50ดีนาร์ ทหารยามก็ได้ให้เข้าไป
ยาซุเกะรู้สึกโล่งอก ที่ผ่านไปได้อย่างนุ่มนวล ขณะเดียวกัน มีเสียงหญิงสาว หน้าตาดีที่พาแม่ของเธอจะเข้าสู่ นครปัตตานี
ขอเข้าไปในเมือง แม่ของเธออาการไม่ดีปวดท้องน้อยด้านซ้ายคล้ายเป็นไส้ติ่งแตก
ทหารยามหนวดเฟิ้มไม่ให้เข้า เนื่องจากเธอไม่มีเงิน 50 ดีนาร์
เธอคุกเข่าอ้อนวอน ทหารยามบอกงั้นเธอต้องจ่ายด้วยร่างกาย
หญิงสาวอึ้ง แต่ก็ต้องยอม เพื่อแม่ของเธอ
สตีฟ ขยับ จน ยาซุเกะ เตือนว่า เรื่องของคนอื่น แต่สตีฟ ไม่สน
สตีฟ ยื่นเงินให้ ทหารหนวดงาม 50 ดีนาร์ ทหารรับ แต่ยังจับมือสาวคนนั้นไว้
แล้วบอกว่า เธอผิดกฎอีกข้อ ที่มาตอนด่านปิดแล้ว คงต้องมาปรนนิบัติเขาจนกว่าจะถึงเวลาเช้า ที่ด่านเปิด
สดีฟ ได้พุ่งเข้าชกทหารยามจนลอยไปกระแทกต้นไม้ ทุกคนตกใจ ทหารยามบนป้อม ระดมยิงมาที่กลุ่ม สตีฟทันที
ออนิวกดช่องเก็บของคาดเอวเรียวผ้าคลุมวิทยาการของเผ่าม่าน(ซึ่งก็คือสิ่งที่เรียกว่าภูษาเวทของยามาโตะในโลกก่อน ทนทาน แต่ผ่านเครื่องตรวจจับโลหะได้) มันทำงานได้ดี ผ้าขึ้นบังรับห่ากระสุน 5.56 mm ที่รัวจนปลอกกระสุนตกสูงระดับหน้าแข้ง หมดเสียงกระสุน ผ้าของออนิวไม่มีแม้แต่รอยกระสุน
สตีฟพุงขึ้นไปจัดการทหารยาม แม้ทหารยามจะมีวิชาปันจักสีลัต แต่หมัดตรง และหมัดฮุกของเขา ก็เพียงพอต่อการจัดการทหารบนป้อมในเวลาไม่นาน
"สตีฟ นายทำอะไรลงไป พวกมันได้แห่กันมาตามล่าเราแน่ เราไม่ได้ติดอาวุธหนักมาเลยนะ" ยาสุเกะตำหนิ
ขณะเดียวกัน เสียงดังได้ทำให้คนดูจอมอนิเตอร์ที่ท่าเรือยิ้ม
"มีหนูมากัดทหารยามว่ะ ค่อยมีอะไรสนุกๆทำสักที ไปกันเถอะ ไปสังหารฝูงหนูที่น่าสมเพชกัน"
ทหารในชุดเกราะกันกระสุน มีตรา ดาบกุรข่าสีทอง เดินไปหยิบอาวุธ รถหุ้มเกราะจอดอยู่ข้างหน้า พร้อมลุยในทันที
...จบส่วนที่โม่งอาวุธต่อไว้
เม้นต์ถัดไปจะเป็นส่วนที่โม่งหมอมาต่อ ขอเวลาเรียบเรียงชั่วโมงนึง กูรำคาญคำผิดของตัวเอง
คณะนักเดินทางต่อสู้กับกองทหารพิทักษ์รัฐปัตตานีอย่างห้าวหาญแม้จะมีแค่ผ้าคลุมป้องกันกับอาวุธลับติดตัวที่ทำจากหินควอทซ์เสริมแกร่งกับหน้าไม้เสริมกำลังที่ไม่มีส่วนประกอบโลหะ แม้ลูกดอกควอทซ์เสริมแกร่งจะแข็งเท่าเพชรและเจาะเกราะได้ แต่แน่นอนว่าพลังโจมตีอาวุธเหล่านี้ไม่สามารถสู้ปืนหนักและรถหุ้มเกราะได้เลย
พวกสตีฟโดนโจมตีจนถอยร่นไปอยู่ในโกดังเก็บเรือหมายเลข13 ลากซากเรือเก่ามากั้นประตู แต่ดูท่าสิ่งกีดขวางจะทนการโจมตีของรถหุ้มเกราะได้อีกไม่เกินครึ่งชม.
"แม่งใครเลือกโกดังวะ เลขอัปมงคลชิบ" สตีฟบ่นขณะเตรียมอาวุธขว้างชุดใหม่
"หยุดบ่นไอ้ห่า"เต้สละเวลาบรรจุลูกดอกชุดใหม่มาตบหัวเพื่อนรัก "ที่เราต้องมาหลบในโกดังเลขอัปมงคลนี่ก็เพราะมึงทำตัวเป็นพระเอกแบบไม่ดูสถานการณ์แท้ๆ"
"ขอโทษนะคะ" สาวปริศนาที่สตีฟช่วยไว้ที่ติดร่างแหเข้ามาหลบในโกดังพร้อมแม่ผู้กำลังป่วยกล่าวอย่างรู้สึกผิด "พวกคุณต้องเจอเรื่องเลวร้ายเพราะช่วยฉันกับแม่แท้ๆเลย แต่ก็ขอบคุณนะคะ ทั้งที่ช่วยฉันตอนแรก และช่วยดึงฉันกับแม่ให้รอดกระสุนหลงของกองทหารด้วยค่ะ ไม่งั้นพวกเราคงไม่รอดแล้ว"
"อย่าเพิ่งรีบขอบคุณเลย" เคกล่าวหลังตรวจอาการแม่ของหญิงสาว "แม่คุณมีอาการท้องเกร็งเหมือนผนังหน้าท้องอักเสบ(peritonitis) แปลว่าไส้ติ่ง-หรือไม่ก็ถุงยื่นผนังลำไส้ที่อักเสบ(diverticulitis)ใกล้จะแตกแล้ว ถ้าไม่รีบผ่าตัดภายใน3ชม. แม่คุณก็อาจจะตายได้อยู่ดี"
เชิงอรรถจากโม่งหมอ: ไส้ติ่งจะอยู่ด้านขวาเป็นส่วนใหญ่แต่เจอด้านซ้ายได้20%ของประชากร แต่กรณีคนแก่เจ็บซ้ายล่างต้องสงสัยDiverticulitisด้วย
"ไม่นะ ฮือๆ" หญิงสาวร้องไห้ "จะทำยังไงดีแม่ถึงจะรอด"
"หรือว่าเราจะยอมแพ้-"
"หุบปากสตีฟ" ออนิวตัดบท "ถึงเราจะยอมแพ้พวกมันก็ไม่ไว้ชีวิตเราหรอก และถึงมันจะไว้ชีวิตหญิงสาวคนนี้ ก็คงไม่ได้ใจดีขนาดยอมพาแม่เธอไปรพ.ใน3ชม.หรอก"
"สหาย ซากเรือที่เรายันประตูไว้ใกล้พังแล้ว" เจไดเตือน "น่าจะเหลือเวลาแค่5นาที เราต้องตัดสินใจแล้วว่าจะสู้หรือหนี"
"สู้น่าจะไม่รอด"ยาสุเกะประเมิน "แต่เราจะหนีไปไหนนี่สิ"
ทันใดนั้นเหมือนกับตอบคำถามของซามุไรหนุ่ม ฝาท่อบนพื้นที่ใหญ่พอให้คนมุดที่โดนฝุ่นกลบจนไม่มีใครสังเกตก็เปิดขึ้น
คนที่เปิดฝาเป็นหญิงสาวสวบฮิญาบแต่งตัวทะมัดทะแมง
"แยสมีน! เปิดขึ้นไปทำไมกัน! เขารบกันอยู่แท้ๆ" เสียงหญิงสาวอีกคนเรียกมาจากในท่อ แต่หญิงสาวคนแรกที่ถูกเรียกว่าแยสมีน กวาดสายตามองกลุ่มคนที่อึ้งอยู่ และจ้องมองหญิงสาวปริศนากับมารดาตาเป็นประกาย
"ฉันไม่ได้หูฝาด นูราห์! มีผู้หญิงร้องไห้อยู่จริงๆ มีหญิงแก่ป่วยอยู่ด้วย" แยสมิสกล่าวกับเพื่อนก่อนหันมาอธิบายสถานการณ์ในกลุ่มคนบนพื้นฟัง "ข้างใต้นี้มีหลุมหลบภัยของพวกผู้หญิงในเขตนี้อยู่ ส่งผู้หญิงมา เราจะดูแลพวกเธอเอง ส่วนผู้ชายห้ามเข้า"
"เธอ! ริโกะใช่มั้ย?!" เต้ผู้จำหน้าคนแม่นร้องเรียก "ริโกะจากโลกไอดอล! ขอพวกเราลงไปหลบข้างล่างทีเถอะ! เราสัญญาว่าจะไม่เข้าเขตอาศัยพวกเธอ ไม่เกิน1ชม.จะไป"
แยสมีนหรือริโกะส่ายหน้า "ฉันจำพวกนายได้ แต่ไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้าอยู่ดี"
"พวกคณะเดินทางปราบอ.สามารถเหรอ?" นูราห์ ซึ่งออนิวจำได้ว่าคืออาภาพร/มลุลีโผล่ขึ้นมาแบกแม่ของสาวปริศนาลงท่อไปพร้อมแนะนำทิ้งท้าย "พวกนายตีฝ่าหนีไปทางศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวซะสิ มีกำลังเสริมอยู่ที่นั่น"
คณะเดินทางจะทำยังไงดี
1.ต่อรองของหลบภัยให้ได้
2.บุกฝ่าไปหากำลังเสริม
3.คิดทางใหม่
โม่งคนถัดไป มึงเลือก
[ส่วนที่โม่งอาวุธเขียน]
อีก10นาทีจะเที่ยงคืน นอกโกดัง13
เสียงเกลี้ยกล่อมให้กลุ่มนักเดินทางมอบตัวได้เงียบลงแล้ว เหมือนกับว่า มันจะเป็นความเงียบก่อนมโหรีจะบรรเลง
Hira นักรบกูรข่าดาบทอง ผู้ได้อับดับ 1 ของการผ่านบททดสอบ Doko race แต่ถูกออกจากกองทัพอังกฤษเพราะความคะนองที่ไม่เหมือนชาวกูรข่าคนอื่น
กลุ่มนายหน้าค้าความตายได้แนะนำเขาให้มาทำงานที่นี้ ทำให้ฐานะทางบ้านดีขึ้น
เขารู้สึกทึ่งในฝีมือของคนที่เขาเรียกว่าหนูในตอนแรก น่าเสียดายที่การเจรจาให้มาดวลมีดกันไม่เป็นผล ฝ่ายผู้บุกรุกคงคิดว่าเราจะแอบลอบกัด
ขณะเดียวกันในโกดัง
สตีฟสำรวจหาของในโกดังเพื่อใช้ให้เป็นประโยชน์ แต่ยิ่งหายิ่งเศร้าใจ
มีโลงหลากหลายขนาด มีทั้งโลงไม้ โลงเหล็ก มีตำราทำศพ กองพะเนิน ลวดอะลูมิเนียม
ว่าแต่คนที่นี่ไม่มีอุปกรณ์เผาศพ เชื้อเพลิงอะไรก็ได้ รึเน้นฝังกัน แต่แล้ว สตีฟ ก็นึกอะไรบางอย่างได้
"ขอquartzหน่อย" สตีฟพูด ท่ามกลางสีหน้าสงสัยของทุกคน
ที่นอกโกดัง
Hira แจ้งขอคำสั่งเพื่อพังโกดัง13 ที่ เก็บอุปกรณ์งานศพ จากการถามคนดูแล มันไม่มีสิ่งที่ใช้เป็นอาวุธได้เลย
แต่อยู่ ๆโกดังก็พัง เหมือนมันโดนผ่าครึ่งยันหลังคาและล้มลงไปทั้ง 2 ด้านเปิดให้โล่ง เห็นกองมืดๆของวัสดุ และเงาผ้าที่โปร่งออกผูกโลงไม้ กำลังลอยเหนือพื้น เหมือนบอลลูน เหมือนโคมยี่เป็ง
'จะหนีสินะ เข้าใจเล่นนะ มิคกี้' Hiraยิ้มอารมณ์ดี
"ยิง!" Hiraสั่ง
สารพัดอาวุธสงครามสาดกระสุนไปที่ บอลลูน จนมันร่วงลงมา
Hiraสั่งให้ล้อมและยิงอีกครั้ง
ฟรึ้บ! เกิดประกายแสงสีขาวจ้าจนตาทุกคนพร่ามัว
"จังหวะนี่ละ!" สตีฟให้สัญญาณออนิวเปลี่ยนสภาพผ้าจากโคมให้เป็นลูกบอลคลุมทุกคน
ลูกบอลยักษ์ได้กลิ้งทับทหารรับจ้างแล้วก็กระดอนข้ามไปลงทางในท่าเรือ ก่อนกลิ้งไปตามทางสู่ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวต่อไป
เชิงอรรถ: สตีฟใช้quartz บดลวดทำผงอะลูมิเนียม และบดโลงเหล็กทำผงตะไบเหล็ก ผสมดินปืนจากปืนที่ได้มาตอนประทะกันตอนแรก บวกกับความร้อนที่มีลูกกระสุนปืนอันมหาศาลที่ยิงเข้ามาทำให้เกิดแสงสีขาว
ลูกบอลกลิ้งด้วยความเร็วสูงตลอดทาง10กม.โดยไม่มีอุปสรรคเพรากองกำลังส่วนใหญ่ไปรวมพลที่ท่าเรือแล้ว
ที่หน้าศาลเจ้าแม่ ทุกคนล้วนอ้วกไปตามๆกัน เพราะกระเด้งกระดอนอยู่ในลูกบอลยักษ์มาตลอดทาง
[จบส่วนที่โม่งอาวุธเขียน เม้นต์ต่อไปเป็นส่วนของโม่งหมอ รอประมาณชั่วโมงกว่าๆ]
ที่หน้าศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว
หลังสมาชิกคณะเดินทางอ้วกกันจนหายมึน ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ประตูหน้าศาลที่ถูกปิดตายตามคำสั่งคณะปกครองมุสลิม แต่ประตูเล็กข้างศาลแง้มออกเล็กน้อย
"กลุ่มของสตีฟ ออนิว เจได มากันครบสินะ"เสียงผู้หญิงที่ฟังดูคุ้นๆดังขึ้น "รีบเข้ามาในศาลเร็วเข้า ก่อนที่หน่วยลาดตระเวนจะมาตรวจ"
ทุกคนรีบย่องตามกันเข้าประตูอย่างเงียบเชียบ หญิงปริศนาในเสื้อคลุมนำทางพวกเขาไปที่ทางลับใต้ดิน พอคนเข้าครบจึงล็อกประตู เปิดไฟ และถอดหมวกเสื้อคลุมเผยใบหน้าที่คุ้นเคย
"เป็นเธอเองเหรอคำแก้ว" ออนิวทักทายอดีตเพื่อนร่วมงานจากโลกเก่า
"พวกเราลักลอบขนอาวุธเข้ามาที่นี่ทีละนิดหลายวันแล้ว" คำแก้วอธิบายทันทีพร้อมเปิดคลังอาวุธให้ผู้มาถึง "ไม่มีอาวุธพิเศษของพวกนายแต่น่าจะมีของที่ใช้แทนกันได้ รีบเลือกอาวุธซะ จะได้ไปวางแผนกับกองหนุน"
"กำหนดการณ์พิธีสาปแช่งของอ.สามารถคือพรุ่งนี้หลังตะวันขึ้น สถานที่คือวิหารลับที่ใต้เมืองโบราณยะรัง ข้อมูลของเราถูกต้องมั้ย"เต้รีบถามขณะคนอื่นๆเลือกอาวุธ
"สถานที่ถูกต้อง แต่มีการเปลี่ยนแปลงเวลาเป็นหลังการละหมาดซุบฮิตอนตี5 เรามีเวลาไม่เยอะแล้ว"คำแก้วตอบพร้อมกวาดตามองกลุ่มคนในคลังแสง ก่อนจะขมวดคิ้ว "อ.ปวินกับอ.โกโจไม่ได้มากับพวกนายเหรอ? เราต้องพึ่งพวกเขาในการทำลายพิธีนะ"
"2คนนั้นแยกไปอีกทางน่ะ" เจไดเป็นคนตอบ "ป่านนี้คงถึงเมืองโบราณแล้ว"
"ไปกันแค่2คนถ้าถูกลอบโจมตีจะทำยังไง"คำแก้วนึกห่วงขึ้นมา
"ไม่เป็นไรหรอก เราส่งกำลังเสริมไปทางนั้นแล้ว"ออนิวตะโกนตอบจากอีกฝั่งห้อง
"พี่ดนัยกับทรายสินะคะ"ประโยคนี้คำสร้อยแฝดน้องของคำแก้วที่เพิ่งเดินเข้ามาเป็นคนถาม"2คนนั้นแฝงตัวเจาะระบบสะเดาะกลอนเก่งมาก คงพาพวกอ.หลบหลีกอุปสรรคเข้าวิหารลับได้ แต่ถ้าเจอศัตรูซึ่งหน้าล่ะคะ ถ้าอ.โกโจออกหน้าสู้จะไม่ถูเจอตัวเหรอ"
"ไม่ต้องห่วง มีKที่สะกดจิตได้ไปอีกคนแล้ว" สตีฟตอบ "แต่หมอนั่นติดภารกิจผ่าไส้ติ่ง-ไม่ก็ถุงยื่นลำไส้คนไข้ฉุกเฉินอยู่น่ะสิ"
ทั้ง3คนนั้นแยกตัวออกไปในทางลับใต้ดินกับพวกแยสมีนตั้งแต่ในโกดังนั่นเอง
ทรายที่เป็นผู้หญิง(แม้จะแต่งชายเข้ามา)ต่อรองขอให้นูราห์ยอมพาผู้ชาย2คนปิดตาเข้าทางใต้ดินเพื่อช่วยแม่ของหญิงสาวปริศนา ดนัยที่เป็นนักสะเดาะกลอนสำหรับการบุกใช้รพ.ยะรังที่ถูกทิ้งร้าง กับเคที่เป็นหมอผ่าตัดมือดี โชคดีที่สาวๆยอมเข้าใจ 3คนนั้นเลยไม่ต้องมากลิ้งกระดอนกับพวกเขา
"งั้นทุกอย่างก็เรียบร้อยตามแผนคร่าวๆของเราแล้ว" คำแก้วประกาศ "ตอนนี้เที่ยงคืนครึ่งแล้ว ถ้าทุกคนได้อาวุธแล้วรีบไปประชุมกันเถอะ เราต้องออกเดินทางก่อนตีสาม"
"โอ้!" ทุคนขานรับ เก็บอาวุธแล้วเดินเรียงแถวไปห้องประชุม
ศึกสุดท้ายจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว
ที่วิหารลับใต้เมืองโบราณยะรัง เวลาตีสอง
Hiraผู้เป็นหัวหน้าปฏิบัติการหลักที่ท่าเรือรายงานความล้มเหลวในการล้อมจับกลุ่มสตีฟต่ออับดุลรอนิง ชายผู้ได้รับพลังแห่งวิวัฒนาการจากองค์อัลเลาะห์ โดยมีหัวหน้าหน่วยย่อยสี่คนยืนรอรับความผิดอยู่ด้วย
"ไอ้พวกโง่!"อับดุลรอนิงตวาดพร้อมตบหน้าHiraที่ยืนนิ่งไปฉาดหนึ่ง "ใช้คนกับอาวุธไปมากมาย สุดท้ายดันปล่อยพวกมันหนีไปได้"
ชายผู้ได้รับพลังแห่งพระเจ้าเริ่มออกเดินวนรอบตัวผู้ใต้บัญชาทั้ง5อย่างหงุดหงิด "ไอ้สตีฟตัวแสบก็ไม่หลุดใช้พลังจัดระเบียบมิติเวลาซักนิด ไม่งั้นป่านนี้ข้าคงวาร์ปไปจัดการมันได้แล้ว" เขาบ่นพลางพิจารณาการลงโทษที่เหมาะสม
"ไอ้สุลต่านสามารถก็น่าหงุดหงิดนัก อาศัยที่บริหารการเงินเก่งกว่ามาวางอำนาจสั่งให้ข้าคนนี้พิทักษ์ห้องพิธีห้ามออกไปไหนถ้าไม่มีสัญญาณการใช้พลังของไอ้สตีฟซะอีก"
อับดุลรอนิงหยุดยืนตรงหน้าHiraก่อนยิ้มเหี้ยม "ข้าเลือกได้แล้ว Hira เจ้าจงรับโทษของความผิดพลาดที่ท่าเรือแทนลูกน้องทั้งหมดด้วยการรับพลังแห่งวิวัฒนาการจากข้าไปซะ ถ้าเป็นนักรบที่จิตใจแข็งแกร่งเช่นเจ้าจะต้องวิวัฒนาการกลายเป็นSupersoldierได้สำเร็จโดยไม่ถูกสัญชาตญาณครอบงำจนกลายเป็นAbominationแน่"
"รับบัญช่ขอรับ ท่านผบ.อับดุลรอนิง" Hira พยักหน้าอย่างมั่นใจ
หลังจากนั้นอับดุลรอนิงก็รวบรวมพลังแสงวิวัฒนาการไว้เป็นลูกบอลแสงขนาดเท่าหัวเด็กในมือตน และกดลูกแสงให้จมลงในอกHira
ทหารหนุ่มสะดุ้งเฮือและทรุดลงคุกเข่ากับพื้นทันที แต่ยังรักษาสติสงบนิ่งอยู่ได้ ไม่ได้กรีดร้องทุรนทุรายอย่างเหยื่อรายก่อนๆของอับดุลรอนิง แม้ร่ายกายจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเส้นเลือดปูดขึ้นทั่วร่างกาย และกล้ามเนื้อเริ่มขยายบ้างหดบ้างอย่างไม่สมดุลไปทั่วร่าง
"น่าคาดหวังดีนี่" ชายผู้ครองพลังแห่งอัลเลาะห์เอ่ยชม ก่อนหันไปสั่งการหัวหน้าหน่วยย่อสสี่คนที่เหลือ "ถ้าHira วิวัฒนาการสำเร็จ พวกแกจะพ้นโทษและได้รับเกียรติให้เป็นกองกำลังด่านสุดท้ายก่อนถึงห้องพิธี แต่ถ้ามันกลายเป็นAbomination โทษของพวกแกคือจงสู้จนตัวตายกับมันไปซะ" พูดจบผบ.สูงสุดก็ออกจากห้องไป
หัวหน้าหน่วยย่อยทั้ง4คนมองการเปลี่ยนแปลงของHiraด้วยความลุ้นระทึก
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ถูกจับภาพโดยโดรนสังเกตการณ์สร้างจากพลาสติกล้วนที่ทรายส่งเข้าไปสำรวจเส้นทางจากเมืองโบราณเข้าเขตวิหารลับ
"เรียกโดรนกลับมาเถอะทราย ก่อนHiraจะจับได้" เคที่เพิ่งเดินทางมารวมกลุ่มกับคนที่เหลือหลังดูแลหญิงชราที่รพ.ยะรังจาอาการสงบแล้วแนะนำ สรุปว่านางเป็นถุงยื่นลำไส้อักเสบอย่างที่เขาสงสัยจริงๆ
"ไม่ให้รอดูผลเหรอ" ดนัยที่อยู่ในห้องเดียวกันถามอย่างแปลกใจ
"ไม่รอดีกว่า"ทรายเห็นด้วยกับเค "จากข้อมูลที่เราแฮ็คมาและให้เคช่วยดู มีโอกาศสูงถึง 90%ที่Hiraจะวิวัฒนาการสำเร็จ และตรวจจับโดรนได้ด้วยระบบประสาทที่ถูกเร่งพัฒนาการ
แถมเราได้ข้อมูลเส้นทางที่จะส่งให้ทีมศาลเจ้าแม่ครบแล้วด้วย"
"งั้นก็ตามนั้นค่ะ"อ.ปวินที่เป็นหัวหน้าทีมนี้เห็นด้วย "ส่งข้อมูลให้ทีมนั้นเถอะ จะได้รีบวางแผน เพื่อที่ดิชั้น อ.โกโจ และคุรุโควินทร์จะเข้าไปทำลายพิธีได้"
ทรายส่งข้อมูลให้คำแก้วด้วยคลื่นวิทยุลับที่ตกลงวันไว้
อีกไม่ถึงชั่วโมง แผนการบุกจะเริ่มแล้ว
หมูสูญพันธุ์จากโลกเพราะการทับซ้อนของเส้นเวลา
^ ประโยคดังกล่าว ทหารลูกกระจ๊อกA พล่ามขึ้นมาด้วยความเบื่อหน่ายระหว่างเฝ้าทางเข้าวิหารลับที่อยู่ในเมืองโบราณยะรัง
"หมูคือตัวเชี่ยอะไรวะ กูไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย"ทหารลูกกระจ๊อกBที่ยืนยามอยู่ข้างๆถามอย่างสนใจ ตอนนี้ตีสามใกล้จะครึ่งแล้ว พวกเขายืนเฝ้าประตูนี้ตามคำสั่งผบ.อับดุลรอนิงมา3ชม.กว่าๆจนสมาธิกระเจิงเลยพากันพูดคุยไร้สาระฆ่าเวลา
"มึงอย่าไปฟังไอ้บ้านั่นเล่านิทาน"ทหารCที่ยังตั้งใจเฝ้ายามปรามเพื่อนๆก่อนอธิบาย "หมูเป็นสัตว์สมมติที่พวกกาเฟรแต่งขึ้น หาว่าพระศาสดารุ่นแรกกินแล้วตาย มันไม่มีอยู่จริงหรอก ไม่ว่าจะในเส้นเวลาไหนก็ตาม พวกมึงเลิกเพ้อแล้วตั้งใจเฝ้ายามซะ อีกไม่ถึงสองชม.ท่าสุลต่านสามารถกับผบ.อับดุลรอนิงจะทำพิธีเปิดประตูสู่โลกแห่ลคำสัญญาขององค์อัลเลาะห์แล้ว จะให้มีอะไรผิดพลาดไม่ได้"
"โห่ลูกพี่ อย่าตึงนักเลยน่า" ทหารAบ่น "เราอยู่ประตูหลักนะ ถ้าไอ้พวกหนูสกปรกจะบุกทำลายพิธี มันก็ต้องหลบๆซ่อนๆเข้าทางเล็กทางน้อย ไม่โผล่มาทางนี้หรอก"
"ช่าย" ทหารBเห็นด้วย "ความเป็นไปได้พอๆกับที่หมูมีจริงเลย" ทหารรอบๆพากันหัวเราะกับมุกของเพื่อน แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียงไฟก็ดับลง พร้อมเสียงไม่คุ้นเคยที่ดังขึ้น
"แต่มันจริงทั้งคู่ว่ะ ทั้งเรื่องที่หมูมีจริง และเรื่องที่พวกเราเลือกจะบุกที่นี่" สิ้นประโยคนั้นก็มีเสียงจุดไฟแช็คและประกายไฟสว่างขึ้นที่สายชนวนบนขวดในมือของชายหนุ่มที่โพกผ้าแบบซิกข์ เขาคือวิชัย สิงห์หนึ่งในนักรบกลุ่มสตีฟนั่นเอง "รับไปซะ! ระเบิดน้ำมันหมูที่พวกแกคิดว่าไม่มีจริงไงล่ะ!" ว่าแล้ววิชัยก็ขว้างระเบิดขวดใส่กองทหาร เปิดฉากการบุกโจมตีวิหารลับอย่างเปรี้ยงปร้างอลังการงานสร้างเลยทีเดียว
(ชงดีมากโม่งมุสลิม? กูกำลังตันพอดี
เปิดฉากบุกแล้ว ตอนต่อไปปะทะ อ.เหมา เจอกันดึกๆถ้ากูว่าง)
(ย้อนอดีต)
ที่มิติที่อัลเลาะและยโฮวาอาศัยอยู่
ในระหว่างการสร้างโลกของอัลเลาะห์และยะโฮวา เขาได้สร้างสัตว์ต่างๆขึ้นมามากมาย แต่ในระหว่างที่กำลังสร้างสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์ขึ้นเขาได้เกิดปัญหาบางอย่าง "นี่นายจะทำอะไรน่ะยะโฮวา" "มนุษย์คู่แรกมีสองคน ก็ถูกแล้วหนิ เหมือนพวกเราที่เกิดมาสองคน" "แต่ทั้งสองคนควรมีความแต่ต่าง หรือไม่ควร" ไม่มีใครรู้ว่ายะโฮวา กับ อัลเลาะห์นั้นมีเพศที่แตกต่างหรือไม่เห็นใดเขาถึงสร้างมนุษย์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่างจากสัตว์เป็นสิ่งที่มีความคิดเหมือนกับพระเจ้าออกมามีสองเพศ เป็นอดัม และ อีพ ทำไมกันนะ
ตัดมาที่ปัจจุบัน อัลเลาะห์ที่ระลึกความหลังจบส่ายหน้าไล่ความคิด
...ช่างมันเถอะ มนุษย์คู่แรกเป็นอดัมกับอีฟเป็นเรื่องเหมาะสมหรือไม่ มันก็ไม่สำคัญแล้ว...
...ตอนนี้มนุษย์วิวัฒนการมาไกลมากจนรับพลังส่วนหนึ่งของพระเจ้าได้ และ มนุษย์ที่ได้รับพลังของเขาอย่างอับดุลรอนิงกำลังจะสู้กับมนุษย์ที่ได้รับพลังของยะโฮวาอย่างสตีฟในอีกไม่นานแล้ว...
...อุดมคติของอัลเลาะห์หรือยะโฮวาเป็นฝ่ายถูก การต่อสู้ของมนุษย์ครั้งนี้แหละที่จะตัดสินชี้ขาด...
...
ตัดกลับมาที่เมืองโบราณยะรัง
กลุ่มของสตีฟที่ผ่านปรตูหน้ามาได้ปะทะเข้ากับกองกำลังทหารรับจ้างชาวเจุ๊กแดงที่นำทีมโดยนายพลเหมา-ผู้มีความทรงจำของอ.เหมาจากโลกอวกาศ
"สตีฟ ลงมือได้!"วิชัยให้สัญญาณ
สตีฟใช้พลังจัดระเบียบมิติเปิดประตูมิติสั้นๆระหว่างทางเข้าวิหารลับแห่งนี้กับเขตที่น้ำท่วมในเมืองปัตตานี
กระแสน้ำไหลทะลักเข้ามากวาดทหารรับจ้างกลุ่มแรกที่บุกเข้ามาจนล้มระเนระนาด
"เป็นไปตามแผน"เจไดกล่าวอย่างยินดีพร้อมเปิดการทำงานเจ็ทแพ็คสะเทินน้ำสะเทินอาการที่ทีม1ได้แก่ ตัวเขา ยาสุเกะ วิชัย สรายุทธและศักดิ์ชัยใส่ติดตัวมา "พวกนายไปต่อเถอะ ทางนี้พวกเรา5คนจะถ่วงเวลาให้เอง"
"พวกนายก็เอาตัวรอดให้ได้จนกองหนุนตามมานะ"สตีฟให้กำลังใจเพื่อนก่อนวิ่งเข้าเขาวงกตตามแผนที่ที่ทีมทรายส่งมาให้เพื่อไปให้ถึงห้องพิธี
"จับพวกมันไว้!"นายพลเหมาสั่งการลูกน้อง พร้อมใช้พลังวิวัฒนาการ"พร้อมเพรียง"ที่ได้รับมาจากอับดุลรอนิงควบคุมพลทหาร50นายต่อตัวเป็นกำแพงมนุษย์ติดอาวุธขวางกลุ่มสตีฟไว้
"ออนิว เตรียมตัว!"ยาสุเกะกะโกนก่อนยืดปลายดาบวิเศษประจำตัวใส่พลทหารที่ยืนเป็นฐานกำแพงจนเสียหลัก ออนิวกางผ้าคลุมภูษาเวทเป็นโล่ทรงร่ม ทั้งทีมส่งแรงไปยังโล่บุกผ่ากำแพงมนุษย์ตรงจุดที่อ่อนแอเข้าเขาวงกตไปได้อย่างปลอดภัย
"พวกลื้อที่ไม่บาดเจ็บ ตามมันเข้าเขาวงกตไปซะ!"นายพลเหมาสั่ง แต่ทหารทุกนายที่พยายามตามเข้าไปโดนวิชัยที่ยืนขวางทางเข้าใช้ดาบสั้นกิรปาณปาดคอผ่านช่องว่างของชุดเกราะ ไม่ตายก็เจ็บหนักกันหมด
"มึงอย่างหวังเลยว่าจะผ่านกูไปได้"วิชัยประกาศพร้อมปาดเลือดทิ้งจากดาบ"ความกว้างประตูนี่ เท่าระยะดาบกูพอดีเลย"
"ส่วนพวกมึงที่เหลือ มาสู้กับกูนี่"เจไดประกาศจากอีกฝั่งของห้องโถงพร้อมเปิดสวิตดาบเลเซอร์ไล่ฟันศัตรูอย่างรวดเร็ว
"แล้วยังมีพวกกูด้วยนะเว้ย!"ศรายุทธกับศักดิ์ชัยตะโกนขณะไล่ยิงศัตรูด้วยปืนที่พกมา ส่วนยาสุเกะนั้นเก็บศัตรูไปเรื่อยๆโดยไม่คิดจะประกาศอะไร
...
ที่หน้าห้องพิธี ย้อนกลับไปเล็กน้อย
อับดุลรอนิงที่ยืนหลับตาทำสมาธิอยู่ลืมตาขึ้นในทันทีที่สตีฟเปิดประตูมิติ แล้วเปิดประตูเข้าห้องพิธีไป
"สุลต่านสามารถ!"นักรบหนุ่มร้องเรียก"ไอ้สตีฟเข้ามาในเขตของเราแล้ว ให้ข้าออกไปสู้ได้แล้ว!"
"ยังก่อน"สุลต่านกรามด้วยน้ำเสียงที่ดัดให้แหลมสูง"รอรายงานว่าในกลุ่มมีใครบ้าง มันบุกประตูหน้าตรงๆแบบเอิกเกริก มันคงคิดจะเรียกความสนใจทั้งหมดไปไว้ที่ตัวเอง เพื่อให้กลุ่มอื่นลอบเข้ามาทำลายพิธีเรา"
ผ่านไป5นาที กุลปรียาหัวหน้าหน่วยรบสตรีนำรายงานเข้ามา
"เรียนฝ่าบาท ท่านผู้บัญชาการ"หญิงสาวกล่าว "ที่ท่านสั่งให้มองหา3นักปราชย์ผู้มีพลังผนึกพิธีของเรา กลุ่มของสตีฟมีคุรุโควินทร์อยู่ด้วย แต่ไม่มีอ.ปวินกับอ.โกโจ คาดว่าแยกกันเคลื่อนไหวตามที่ท่านสุลต่านคาดเดาไว้ค่ะ"
"เห็นมั้ยอับดุลรอนิง นี่คือความแตกต่างที่ทำให้แกเป็นแค่ผู้บัญชาการส่วนข้าเป็นสุลต่านยังไงล่ะ"สุลต่านสามาข่มก่นพูดต่อโดยไม่สนใจนักรบหนุ่มที่กัดฟันกรอดอย่างไม่พอใจ "กุลปรียา ส่งหน่วยจรยุทธ์ไปตามล่านักปราชญ์อีก2คนซะ พวกมันน่าจะอยู่ด้วยกันเพราะอีปวินไม่มีพลังต่อสู้ ส่วนเจ้าจงนำกองทัพสตรีไปถ่วงเวลาพวกสตีฟให้พ้นเวลาละหมาดซุบฮิตอนตี5ซะ แค่นี้คงทำได้สินะ"
"รับบัญชาค่ะ"กุลปรียาคำนับอย่างนอบน้อมแล้วเดินจากไป
"ส่วนเจ้า อับดุลรอนิง"สุลต่านหันมาสั่งลูกน้องอีกคน "รักษาการอยู่ที่นี่ซะ เผื่อฝ่ายมันส่งหน่วยสอดแนมเข้ามาสร้างความแปดเปื้อนให้ห้องพิธี"
"ถ้าข้าอยู่นี่ รับรองว่านังสัตว์เลี้ยงหญิงของเจ้ากับฝูงของนางถ่วงเวลาสตีฟไม่สำเร็จหรอก"ชายหนุ่มดูถูกเพื่อนร่วมงานอย่างไม่ปิดบัง
"ข้าถึงสั่งในนางแค่ถ่วงเวลาไงล่ะ"สุลต่านอธิบายอย่างใจเย็น "ส่วนกองกำลังที่จะจัดการพวกสตีฟ...ส่งผลงานชิ้นใหม่ของเจ้าคุมทัพAbominationออกไปซะสิ"
อับดุลรอนิงยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม "ต้องแบบนี้สิถึงจะถูกใจข้า"
(กูย่อฉากสู้หน่อยนะ กลัวไม่จบในมู้นี้)
มึงไม่ แยกร่าง แต่งสองคน แล้ว หรา
แต่มา ทำงานสาย นะ เก้าโมง แล้วทำไม ยังไม่มา
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.