ส่วนที่โม่งอาวุธต่อไว้...
ยามเย็นที่ท่าเทียบเรือ Pattani pier 4
บนหอยามด้านหน้า ทั้ง 8 หอ มี ทหารยามบนป้อม ป้อมละ3 นาย โพกผ้า มีอาวุธปืนกลRPD ดัดแปลง ให้ป้อนกระสุนด้วยสายกระสุนยาว5เมตร แทนที่จะเป็นจาน เหมือนตอนมันมาจากโซเวียต
ส่วน ที่โต๊ะด้านล่างของป้อมทางเข้า ทหารโพกผ้าไว้หนวดเครา เช็คเอกสาร และอาวุธจากกลุ่มของสตีฟ
สตีฟและกลุ่มในชุดคลุมปลอมตัวเป็นนักบวช โดยให้มียาซุเกะนำเอกสารปลอมให้ทหารยาม บอกว่าว่าเป็นกลุ่มนักสอนศาสนา จะเข้าเมืองไปทำพิธี ในพรุ่งนี้ แน่นอน ด้วยเอกสารของจริง บวกค่าผ่านทาง 50ดีนาร์ ทหารยามก็ได้ให้เข้าไป
ยาซุเกะรู้สึกโล่งอก ที่ผ่านไปได้อย่างนุ่มนวล ขณะเดียวกัน มีเสียงหญิงสาว หน้าตาดีที่พาแม่ของเธอจะเข้าสู่ นครปัตตานี
ขอเข้าไปในเมือง แม่ของเธออาการไม่ดีปวดท้องน้อยด้านซ้ายคล้ายเป็นไส้ติ่งแตก
ทหารยามหนวดเฟิ้มไม่ให้เข้า เนื่องจากเธอไม่มีเงิน 50 ดีนาร์
เธอคุกเข่าอ้อนวอน ทหารยามบอกงั้นเธอต้องจ่ายด้วยร่างกาย
หญิงสาวอึ้ง แต่ก็ต้องยอม เพื่อแม่ของเธอ
สตีฟ ขยับ จน ยาซุเกะ เตือนว่า เรื่องของคนอื่น แต่สตีฟ ไม่สน
สตีฟ ยื่นเงินให้ ทหารหนวดงาม 50 ดีนาร์ ทหารรับ แต่ยังจับมือสาวคนนั้นไว้
แล้วบอกว่า เธอผิดกฎอีกข้อ ที่มาตอนด่านปิดแล้ว คงต้องมาปรนนิบัติเขาจนกว่าจะถึงเวลาเช้า ที่ด่านเปิด
สดีฟ ได้พุ่งเข้าชกทหารยามจนลอยไปกระแทกต้นไม้ ทุกคนตกใจ ทหารยามบนป้อม ระดมยิงมาที่กลุ่ม สตีฟทันที
ออนิวกดช่องเก็บของคาดเอวเรียวผ้าคลุมวิทยาการของเผ่าม่าน(ซึ่งก็คือสิ่งที่เรียกว่าภูษาเวทของยามาโตะในโลกก่อน ทนทาน แต่ผ่านเครื่องตรวจจับโลหะได้) มันทำงานได้ดี ผ้าขึ้นบังรับห่ากระสุน 5.56 mm ที่รัวจนปลอกกระสุนตกสูงระดับหน้าแข้ง หมดเสียงกระสุน ผ้าของออนิวไม่มีแม้แต่รอยกระสุน
สตีฟพุงขึ้นไปจัดการทหารยาม แม้ทหารยามจะมีวิชาปันจักสีลัต แต่หมัดตรง และหมัดฮุกของเขา ก็เพียงพอต่อการจัดการทหารบนป้อมในเวลาไม่นาน
"สตีฟ นายทำอะไรลงไป พวกมันได้แห่กันมาตามล่าเราแน่ เราไม่ได้ติดอาวุธหนักมาเลยนะ" ยาสุเกะตำหนิ
ขณะเดียวกัน เสียงดังได้ทำให้คนดูจอมอนิเตอร์ที่ท่าเรือยิ้ม
"มีหนูมากัดทหารยามว่ะ ค่อยมีอะไรสนุกๆทำสักที ไปกันเถอะ ไปสังหารฝูงหนูที่น่าสมเพชกัน"
ทหารในชุดเกราะกันกระสุน มีตรา ดาบกุรข่าสีทอง เดินไปหยิบอาวุธ รถหุ้มเกราะจอดอยู่ข้างหน้า พร้อมลุยในทันที
...จบส่วนที่โม่งอาวุธต่อไว้
เม้นต์ถัดไปจะเป็นส่วนที่โม่งหมอมาต่อ ขอเวลาเรียบเรียงชั่วโมงนึง กูรำคาญคำผิดของตัวเอง