Last posted
Total of 981 posts
ดันกลบหนังสือเอ๋อ
โม่งหมอซึ่งโดนซัมมอนไปที่มู้ใหม่ปฏิเสเสียงเรียกและกลับมานั่งมองมู้ในตำนานอย่างอาดูร
"กูทำผิดพลาดตรงไหนนะ มู้นี้ถึงกลายเป็นมู้ล้างบางมุสลิมที่เต็มไปด้วยจิตเวชกับเรื่องเสียวที่ไม่ต่อเนื่องกัน วันนั้นที่ชิคกี้เริ่มแต่งเพลงด่าอัลเลาะห์กูควรจะห้ามคนอื่นๆรึเปล่านะ หรือกูควรจะแจ้งแอดมิน(?)แบนจิตเวชตั้งแต่เนิ่นๆ"โม่งหมอรำพึง
"แต่นั่นไม่สำคัญแล้ว พวกสตีฟกับพันธมิตรเดินทางมาเกือบถึงประเทศปัตตานีแล้ว กูจะทำให้การต่อสู้แห่งโชคชะตานี้จบลงในเม้นที่1000ให้ได้ แม้จะมีกูต่อเรื่องอยู่คนเดียวก็ตาม"
โม่งหมอออริจินิลประกาศกร้าว เม้นต่อไปจะตัดกลับไปที่เรือดำน้ำ แต่ตอนนี้รอกูก่อนนะเพื่อนโม่ง กูพิมพ์ตอนพักเข้าส้วม ขอกลับไปตรวจคนไข้ก่อน เดี๋ยวเที่ยงมาต่อ
พวกมึงคิดว่าเม้นต์ที่แล้วโม่งหมอออริจินอลแค่รำพึงรำพันไปตามเรื่องตามราวสินะ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่หรอก
โม่งหมอออริจินิลผู้อยู่คู่มู้นี้มาตั้งแต่จักรวาลแรกสุด(ที่บอกว่ามึงเป็นมะเร็ง)กำลังรวบรวมพลังของผู้สร้างในฐานะคนที่เมนต์เยอะถึง1ใน3ของมู้นี้(กูเล่นหลายไอดี) เพื่อมอบพลังที่เป็นทางสว่างให้ตัวละครที่โม่งหมอเป็นผู้สร้างขึ้นตั้งแต่แรก
"K! จงรับพลัง'Wokeอย่างพอดี'จากผู้สร้างผู้นี้ไปซะ!"
...
ในเรือดำน้ำ หลังสตีฟใช้พลังสมานและป้องกันเรือดำน้ำสำเร็จภายใต้การคุ้มครองของเต้
เคก็ได้ยินพระวัจนะของผู้สร้าง
"อย่างนี้นี่เอง ให้โว้คอย่างพอดีสินะ"เคเปรย "สตีฟ เต้ โจมตีส่วยหัวของ ออนิว อ.โกโจ และยาสุเกะให้กะโหลกแตกแต่ไม่ตายไม่หมดสติทีสิ!"
สตีฟพยักหน่ารับคำแม้จะไม่เข้าใจว่าให้ทำไปทำไม เขาหยิบปิ๊คกีตาร์เหล็กที่เหลาขอบจนคมขึ้นมาสามอัน ส่งให้เต้ไปจัดการยาสุเกะอันนึง ส่วนตัวเขาเองเอาปิ๊คอีก2อันที่เหลือไปเฉาะหัวออนิวกับอาจารย์โกโจ
เต้อาศัยจังหวะที่ยาสุเกะสู้ติดพันอยู่กับวิชัยและพวก ซัดปิ๊คอันสุดท้ายเฉาะหัวซามุไรมืดได้สำเร็จ
เคเอาขั้วอิเล็คโทรดสำหรับตรวจคลื่นสมองที่ติดกระเป๋ามาไปต่อกับปิ๊คกีตาร์ทั้ง3อัน (โดยวิชับกับเต้ช่วยกันรั้งยาสุเกะไว้) ปลายสายไฟอีกด้านต่อเข้ากับกีต้าร์ไฟฟ้าที่สตีฟพกมาด้วย
เคดีดคอร์ด G/C ดังกังวาลใสพร้อมประกาศ "หยุดตีกัน! จงฟังพระวจนะของผู้สร้าง1ใน3ของโลกนี้!"
สามคนที่โดนปิ๊คเหล็กปักหัวชักเกร็ง1ทีก่อนนิ่งไป คนอื่นๆเลยได้หยุดสู้และยืนฟังเคพูดแบบงงๆ
เคเริ่มดีดเพลง Imagine ของจอห์น เลนน่อนพร้อมพูดกับยาสุเกะ "ฟังนะยาสุเกะ การที่นายเป็นคนดำนั้นไม่ผิดเลย การเป็นมุสลิมก็ไม่ผิดด้วย แต่การที่นายเปลี่ยนคนอื่นให้กลายเป็นคนดำมุสลิม อันนี้ผิดแน่ๆ นี่คือโลกที่นายอยากสร้างจริงๆเหรอ บังคับคนให้เปลี่ยนเชื้อชาติ เปลี่ยนศาสนาตามใจผู้แข็งแกร่ง แบบนั้นมันต่างจากที่คนขาวทำกับบรรพบุรุษนายตรงไหน
คนดำไม่ใช่ความชั่วร้าย ศาสนาอิสลามก็ไม่ใช่ความชั่วร้าย โว้คเองก็ไม่ใช่ความชั่วร้ายด้วยถ้าทำอย่างพอดี
ยาสุเกะ พวกเราไม่ได้เดินทางไปปัตตานีเพื่อทำลายศาสนาอิสลาม เราไปเพื่อหยุดอ.สามารถที่เอาศาสนาของนายมาใช้ก่อสงครามในทางที่ผิด มาร่วมมือกับเราซะยาสุเกะ นำทางพวกเราไปวิหารหลักที่อ.สามารถกับอับดุลรอนิงอยู่ซะ!"
สิ้นสุดคอร์ดสุดท้ายของเพลง การเบิกเนตรด้วยโว้คอย่างพอดีก็สัมฤทธิ์ผล
อ.โกโขงจ กับออนิวกลับมาเป็นปกติ ส่วนยาสุเกะเองก็มีแววตาที่ใสกระจ่างขึ้น
"ข้าเข้าใจแล้ว"ซามุไรมืดกล่าว "ข้าจะพาพวกท่ายไปวิหารลับเอง"
ในที่สุดเรือดำน้ำก็เทียบท่าที่ท่าเรือปัตตานี ทางหลังจากนี้ต้องเปลี่ยนยานพาหนะกันแล้ว
ว่าแต่จะใช้อะไรเดินทางล่ะ?
รออ่านต่อครับ
ส่วนที่โม่งอาวุธต่อไว้...
ยามเย็นที่ท่าเทียบเรือ Pattani pier 4
บนหอยามด้านหน้า ทั้ง 8 หอ มี ทหารยามบนป้อม ป้อมละ3 นาย โพกผ้า มีอาวุธปืนกลRPD ดัดแปลง ให้ป้อนกระสุนด้วยสายกระสุนยาว5เมตร แทนที่จะเป็นจาน เหมือนตอนมันมาจากโซเวียต
ส่วน ที่โต๊ะด้านล่างของป้อมทางเข้า ทหารโพกผ้าไว้หนวดเครา เช็คเอกสาร และอาวุธจากกลุ่มของสตีฟ
สตีฟและกลุ่มในชุดคลุมปลอมตัวเป็นนักบวช โดยให้มียาซุเกะนำเอกสารปลอมให้ทหารยาม บอกว่าว่าเป็นกลุ่มนักสอนศาสนา จะเข้าเมืองไปทำพิธี ในพรุ่งนี้ แน่นอน ด้วยเอกสารของจริง บวกค่าผ่านทาง 50ดีนาร์ ทหารยามก็ได้ให้เข้าไป
ยาซุเกะรู้สึกโล่งอก ที่ผ่านไปได้อย่างนุ่มนวล ขณะเดียวกัน มีเสียงหญิงสาว หน้าตาดีที่พาแม่ของเธอจะเข้าสู่ นครปัตตานี
ขอเข้าไปในเมือง แม่ของเธออาการไม่ดีปวดท้องน้อยด้านซ้ายคล้ายเป็นไส้ติ่งแตก
ทหารยามหนวดเฟิ้มไม่ให้เข้า เนื่องจากเธอไม่มีเงิน 50 ดีนาร์
เธอคุกเข่าอ้อนวอน ทหารยามบอกงั้นเธอต้องจ่ายด้วยร่างกาย
หญิงสาวอึ้ง แต่ก็ต้องยอม เพื่อแม่ของเธอ
สตีฟ ขยับ จน ยาซุเกะ เตือนว่า เรื่องของคนอื่น แต่สตีฟ ไม่สน
สตีฟ ยื่นเงินให้ ทหารหนวดงาม 50 ดีนาร์ ทหารรับ แต่ยังจับมือสาวคนนั้นไว้
แล้วบอกว่า เธอผิดกฎอีกข้อ ที่มาตอนด่านปิดแล้ว คงต้องมาปรนนิบัติเขาจนกว่าจะถึงเวลาเช้า ที่ด่านเปิด
สดีฟ ได้พุ่งเข้าชกทหารยามจนลอยไปกระแทกต้นไม้ ทุกคนตกใจ ทหารยามบนป้อม ระดมยิงมาที่กลุ่ม สตีฟทันที
ออนิวกดช่องเก็บของคาดเอวเรียวผ้าคลุมวิทยาการของเผ่าม่าน(ซึ่งก็คือสิ่งที่เรียกว่าภูษาเวทของยามาโตะในโลกก่อน ทนทาน แต่ผ่านเครื่องตรวจจับโลหะได้) มันทำงานได้ดี ผ้าขึ้นบังรับห่ากระสุน 5.56 mm ที่รัวจนปลอกกระสุนตกสูงระดับหน้าแข้ง หมดเสียงกระสุน ผ้าของออนิวไม่มีแม้แต่รอยกระสุน
สตีฟพุงขึ้นไปจัดการทหารยาม แม้ทหารยามจะมีวิชาปันจักสีลัต แต่หมัดตรง และหมัดฮุกของเขา ก็เพียงพอต่อการจัดการทหารบนป้อมในเวลาไม่นาน
"สตีฟ นายทำอะไรลงไป พวกมันได้แห่กันมาตามล่าเราแน่ เราไม่ได้ติดอาวุธหนักมาเลยนะ" ยาสุเกะตำหนิ
ขณะเดียวกัน เสียงดังได้ทำให้คนดูจอมอนิเตอร์ที่ท่าเรือยิ้ม
"มีหนูมากัดทหารยามว่ะ ค่อยมีอะไรสนุกๆทำสักที ไปกันเถอะ ไปสังหารฝูงหนูที่น่าสมเพชกัน"
ทหารในชุดเกราะกันกระสุน มีตรา ดาบกุรข่าสีทอง เดินไปหยิบอาวุธ รถหุ้มเกราะจอดอยู่ข้างหน้า พร้อมลุยในทันที
...จบส่วนที่โม่งอาวุธต่อไว้
เม้นต์ถัดไปจะเป็นส่วนที่โม่งหมอมาต่อ ขอเวลาเรียบเรียงชั่วโมงนึง กูรำคาญคำผิดของตัวเอง
คณะนักเดินทางต่อสู้กับกองทหารพิทักษ์รัฐปัตตานีอย่างห้าวหาญแม้จะมีแค่ผ้าคลุมป้องกันกับอาวุธลับติดตัวที่ทำจากหินควอทซ์เสริมแกร่งกับหน้าไม้เสริมกำลังที่ไม่มีส่วนประกอบโลหะ แม้ลูกดอกควอทซ์เสริมแกร่งจะแข็งเท่าเพชรและเจาะเกราะได้ แต่แน่นอนว่าพลังโจมตีอาวุธเหล่านี้ไม่สามารถสู้ปืนหนักและรถหุ้มเกราะได้เลย
พวกสตีฟโดนโจมตีจนถอยร่นไปอยู่ในโกดังเก็บเรือหมายเลข13 ลากซากเรือเก่ามากั้นประตู แต่ดูท่าสิ่งกีดขวางจะทนการโจมตีของรถหุ้มเกราะได้อีกไม่เกินครึ่งชม.
"แม่งใครเลือกโกดังวะ เลขอัปมงคลชิบ" สตีฟบ่นขณะเตรียมอาวุธขว้างชุดใหม่
"หยุดบ่นไอ้ห่า"เต้สละเวลาบรรจุลูกดอกชุดใหม่มาตบหัวเพื่อนรัก "ที่เราต้องมาหลบในโกดังเลขอัปมงคลนี่ก็เพราะมึงทำตัวเป็นพระเอกแบบไม่ดูสถานการณ์แท้ๆ"
"ขอโทษนะคะ" สาวปริศนาที่สตีฟช่วยไว้ที่ติดร่างแหเข้ามาหลบในโกดังพร้อมแม่ผู้กำลังป่วยกล่าวอย่างรู้สึกผิด "พวกคุณต้องเจอเรื่องเลวร้ายเพราะช่วยฉันกับแม่แท้ๆเลย แต่ก็ขอบคุณนะคะ ทั้งที่ช่วยฉันตอนแรก และช่วยดึงฉันกับแม่ให้รอดกระสุนหลงของกองทหารด้วยค่ะ ไม่งั้นพวกเราคงไม่รอดแล้ว"
"อย่าเพิ่งรีบขอบคุณเลย" เคกล่าวหลังตรวจอาการแม่ของหญิงสาว "แม่คุณมีอาการท้องเกร็งเหมือนผนังหน้าท้องอักเสบ(peritonitis) แปลว่าไส้ติ่ง-หรือไม่ก็ถุงยื่นผนังลำไส้ที่อักเสบ(diverticulitis)ใกล้จะแตกแล้ว ถ้าไม่รีบผ่าตัดภายใน3ชม. แม่คุณก็อาจจะตายได้อยู่ดี"
เชิงอรรถจากโม่งหมอ: ไส้ติ่งจะอยู่ด้านขวาเป็นส่วนใหญ่แต่เจอด้านซ้ายได้20%ของประชากร แต่กรณีคนแก่เจ็บซ้ายล่างต้องสงสัยDiverticulitisด้วย
"ไม่นะ ฮือๆ" หญิงสาวร้องไห้ "จะทำยังไงดีแม่ถึงจะรอด"
"หรือว่าเราจะยอมแพ้-"
"หุบปากสตีฟ" ออนิวตัดบท "ถึงเราจะยอมแพ้พวกมันก็ไม่ไว้ชีวิตเราหรอก และถึงมันจะไว้ชีวิตหญิงสาวคนนี้ ก็คงไม่ได้ใจดีขนาดยอมพาแม่เธอไปรพ.ใน3ชม.หรอก"
"สหาย ซากเรือที่เรายันประตูไว้ใกล้พังแล้ว" เจไดเตือน "น่าจะเหลือเวลาแค่5นาที เราต้องตัดสินใจแล้วว่าจะสู้หรือหนี"
"สู้น่าจะไม่รอด"ยาสุเกะประเมิน "แต่เราจะหนีไปไหนนี่สิ"
ทันใดนั้นเหมือนกับตอบคำถามของซามุไรหนุ่ม ฝาท่อบนพื้นที่ใหญ่พอให้คนมุดที่โดนฝุ่นกลบจนไม่มีใครสังเกตก็เปิดขึ้น
คนที่เปิดฝาเป็นหญิงสาวสวบฮิญาบแต่งตัวทะมัดทะแมง
"แยสมีน! เปิดขึ้นไปทำไมกัน! เขารบกันอยู่แท้ๆ" เสียงหญิงสาวอีกคนเรียกมาจากในท่อ แต่หญิงสาวคนแรกที่ถูกเรียกว่าแยสมีน กวาดสายตามองกลุ่มคนที่อึ้งอยู่ และจ้องมองหญิงสาวปริศนากับมารดาตาเป็นประกาย
"ฉันไม่ได้หูฝาด นูราห์! มีผู้หญิงร้องไห้อยู่จริงๆ มีหญิงแก่ป่วยอยู่ด้วย" แยสมิสกล่าวกับเพื่อนก่อนหันมาอธิบายสถานการณ์ในกลุ่มคนบนพื้นฟัง "ข้างใต้นี้มีหลุมหลบภัยของพวกผู้หญิงในเขตนี้อยู่ ส่งผู้หญิงมา เราจะดูแลพวกเธอเอง ส่วนผู้ชายห้ามเข้า"
"เธอ! ริโกะใช่มั้ย?!" เต้ผู้จำหน้าคนแม่นร้องเรียก "ริโกะจากโลกไอดอล! ขอพวกเราลงไปหลบข้างล่างทีเถอะ! เราสัญญาว่าจะไม่เข้าเขตอาศัยพวกเธอ ไม่เกิน1ชม.จะไป"
แยสมีนหรือริโกะส่ายหน้า "ฉันจำพวกนายได้ แต่ไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้าอยู่ดี"
"พวกคณะเดินทางปราบอ.สามารถเหรอ?" นูราห์ ซึ่งออนิวจำได้ว่าคืออาภาพร/มลุลีโผล่ขึ้นมาแบกแม่ของสาวปริศนาลงท่อไปพร้อมแนะนำทิ้งท้าย "พวกนายตีฝ่าหนีไปทางศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวซะสิ มีกำลังเสริมอยู่ที่นั่น"
คณะเดินทางจะทำยังไงดี
1.ต่อรองของหลบภัยให้ได้
2.บุกฝ่าไปหากำลังเสริม
3.คิดทางใหม่
โม่งคนถัดไป มึงเลือก
[ส่วนที่โม่งอาวุธเขียน]
อีก10นาทีจะเที่ยงคืน นอกโกดัง13
เสียงเกลี้ยกล่อมให้กลุ่มนักเดินทางมอบตัวได้เงียบลงแล้ว เหมือนกับว่า มันจะเป็นความเงียบก่อนมโหรีจะบรรเลง
Hira นักรบกูรข่าดาบทอง ผู้ได้อับดับ 1 ของการผ่านบททดสอบ Doko race แต่ถูกออกจากกองทัพอังกฤษเพราะความคะนองที่ไม่เหมือนชาวกูรข่าคนอื่น
กลุ่มนายหน้าค้าความตายได้แนะนำเขาให้มาทำงานที่นี้ ทำให้ฐานะทางบ้านดีขึ้น
เขารู้สึกทึ่งในฝีมือของคนที่เขาเรียกว่าหนูในตอนแรก น่าเสียดายที่การเจรจาให้มาดวลมีดกันไม่เป็นผล ฝ่ายผู้บุกรุกคงคิดว่าเราจะแอบลอบกัด
ขณะเดียวกันในโกดัง
สตีฟสำรวจหาของในโกดังเพื่อใช้ให้เป็นประโยชน์ แต่ยิ่งหายิ่งเศร้าใจ
มีโลงหลากหลายขนาด มีทั้งโลงไม้ โลงเหล็ก มีตำราทำศพ กองพะเนิน ลวดอะลูมิเนียม
ว่าแต่คนที่นี่ไม่มีอุปกรณ์เผาศพ เชื้อเพลิงอะไรก็ได้ รึเน้นฝังกัน แต่แล้ว สตีฟ ก็นึกอะไรบางอย่างได้
"ขอquartzหน่อย" สตีฟพูด ท่ามกลางสีหน้าสงสัยของทุกคน
ที่นอกโกดัง
Hira แจ้งขอคำสั่งเพื่อพังโกดัง13 ที่ เก็บอุปกรณ์งานศพ จากการถามคนดูแล มันไม่มีสิ่งที่ใช้เป็นอาวุธได้เลย
แต่อยู่ ๆโกดังก็พัง เหมือนมันโดนผ่าครึ่งยันหลังคาและล้มลงไปทั้ง 2 ด้านเปิดให้โล่ง เห็นกองมืดๆของวัสดุ และเงาผ้าที่โปร่งออกผูกโลงไม้ กำลังลอยเหนือพื้น เหมือนบอลลูน เหมือนโคมยี่เป็ง
'จะหนีสินะ เข้าใจเล่นนะ มิคกี้' Hiraยิ้มอารมณ์ดี
"ยิง!" Hiraสั่ง
สารพัดอาวุธสงครามสาดกระสุนไปที่ บอลลูน จนมันร่วงลงมา
Hiraสั่งให้ล้อมและยิงอีกครั้ง
ฟรึ้บ! เกิดประกายแสงสีขาวจ้าจนตาทุกคนพร่ามัว
"จังหวะนี่ละ!" สตีฟให้สัญญาณออนิวเปลี่ยนสภาพผ้าจากโคมให้เป็นลูกบอลคลุมทุกคน
ลูกบอลยักษ์ได้กลิ้งทับทหารรับจ้างแล้วก็กระดอนข้ามไปลงทางในท่าเรือ ก่อนกลิ้งไปตามทางสู่ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวต่อไป
เชิงอรรถ: สตีฟใช้quartz บดลวดทำผงอะลูมิเนียม และบดโลงเหล็กทำผงตะไบเหล็ก ผสมดินปืนจากปืนที่ได้มาตอนประทะกันตอนแรก บวกกับความร้อนที่มีลูกกระสุนปืนอันมหาศาลที่ยิงเข้ามาทำให้เกิดแสงสีขาว
ลูกบอลกลิ้งด้วยความเร็วสูงตลอดทาง10กม.โดยไม่มีอุปสรรคเพรากองกำลังส่วนใหญ่ไปรวมพลที่ท่าเรือแล้ว
ที่หน้าศาลเจ้าแม่ ทุกคนล้วนอ้วกไปตามๆกัน เพราะกระเด้งกระดอนอยู่ในลูกบอลยักษ์มาตลอดทาง
[จบส่วนที่โม่งอาวุธเขียน เม้นต์ต่อไปเป็นส่วนของโม่งหมอ รอประมาณชั่วโมงกว่าๆ]
ที่หน้าศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว
หลังสมาชิกคณะเดินทางอ้วกกันจนหายมึน ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ประตูหน้าศาลที่ถูกปิดตายตามคำสั่งคณะปกครองมุสลิม แต่ประตูเล็กข้างศาลแง้มออกเล็กน้อย
"กลุ่มของสตีฟ ออนิว เจได มากันครบสินะ"เสียงผู้หญิงที่ฟังดูคุ้นๆดังขึ้น "รีบเข้ามาในศาลเร็วเข้า ก่อนที่หน่วยลาดตระเวนจะมาตรวจ"
ทุกคนรีบย่องตามกันเข้าประตูอย่างเงียบเชียบ หญิงปริศนาในเสื้อคลุมนำทางพวกเขาไปที่ทางลับใต้ดิน พอคนเข้าครบจึงล็อกประตู เปิดไฟ และถอดหมวกเสื้อคลุมเผยใบหน้าที่คุ้นเคย
"เป็นเธอเองเหรอคำแก้ว" ออนิวทักทายอดีตเพื่อนร่วมงานจากโลกเก่า
"พวกเราลักลอบขนอาวุธเข้ามาที่นี่ทีละนิดหลายวันแล้ว" คำแก้วอธิบายทันทีพร้อมเปิดคลังอาวุธให้ผู้มาถึง "ไม่มีอาวุธพิเศษของพวกนายแต่น่าจะมีของที่ใช้แทนกันได้ รีบเลือกอาวุธซะ จะได้ไปวางแผนกับกองหนุน"
"กำหนดการณ์พิธีสาปแช่งของอ.สามารถคือพรุ่งนี้หลังตะวันขึ้น สถานที่คือวิหารลับที่ใต้เมืองโบราณยะรัง ข้อมูลของเราถูกต้องมั้ย"เต้รีบถามขณะคนอื่นๆเลือกอาวุธ
"สถานที่ถูกต้อง แต่มีการเปลี่ยนแปลงเวลาเป็นหลังการละหมาดซุบฮิตอนตี5 เรามีเวลาไม่เยอะแล้ว"คำแก้วตอบพร้อมกวาดตามองกลุ่มคนในคลังแสง ก่อนจะขมวดคิ้ว "อ.ปวินกับอ.โกโจไม่ได้มากับพวกนายเหรอ? เราต้องพึ่งพวกเขาในการทำลายพิธีนะ"
"2คนนั้นแยกไปอีกทางน่ะ" เจไดเป็นคนตอบ "ป่านนี้คงถึงเมืองโบราณแล้ว"
"ไปกันแค่2คนถ้าถูกลอบโจมตีจะทำยังไง"คำแก้วนึกห่วงขึ้นมา
"ไม่เป็นไรหรอก เราส่งกำลังเสริมไปทางนั้นแล้ว"ออนิวตะโกนตอบจากอีกฝั่งห้อง
"พี่ดนัยกับทรายสินะคะ"ประโยคนี้คำสร้อยแฝดน้องของคำแก้วที่เพิ่งเดินเข้ามาเป็นคนถาม"2คนนั้นแฝงตัวเจาะระบบสะเดาะกลอนเก่งมาก คงพาพวกอ.หลบหลีกอุปสรรคเข้าวิหารลับได้ แต่ถ้าเจอศัตรูซึ่งหน้าล่ะคะ ถ้าอ.โกโจออกหน้าสู้จะไม่ถูเจอตัวเหรอ"
"ไม่ต้องห่วง มีKที่สะกดจิตได้ไปอีกคนแล้ว" สตีฟตอบ "แต่หมอนั่นติดภารกิจผ่าไส้ติ่ง-ไม่ก็ถุงยื่นลำไส้คนไข้ฉุกเฉินอยู่น่ะสิ"
ทั้ง3คนนั้นแยกตัวออกไปในทางลับใต้ดินกับพวกแยสมีนตั้งแต่ในโกดังนั่นเอง
ทรายที่เป็นผู้หญิง(แม้จะแต่งชายเข้ามา)ต่อรองขอให้นูราห์ยอมพาผู้ชาย2คนปิดตาเข้าทางใต้ดินเพื่อช่วยแม่ของหญิงสาวปริศนา ดนัยที่เป็นนักสะเดาะกลอนสำหรับการบุกใช้รพ.ยะรังที่ถูกทิ้งร้าง กับเคที่เป็นหมอผ่าตัดมือดี โชคดีที่สาวๆยอมเข้าใจ 3คนนั้นเลยไม่ต้องมากลิ้งกระดอนกับพวกเขา
"งั้นทุกอย่างก็เรียบร้อยตามแผนคร่าวๆของเราแล้ว" คำแก้วประกาศ "ตอนนี้เที่ยงคืนครึ่งแล้ว ถ้าทุกคนได้อาวุธแล้วรีบไปประชุมกันเถอะ เราต้องออกเดินทางก่อนตีสาม"
"โอ้!" ทุคนขานรับ เก็บอาวุธแล้วเดินเรียงแถวไปห้องประชุม
ศึกสุดท้ายจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.