วิชัย ซิงห์ แล่นเรือโดยผ่าน มหาสมุทรอีสาน (ในโลกนี้ ภาคอีสานนั้นไม่ใช่พื้นที่ราบสูงแต่เป็นมหาสมุทร อุดรเป็นเพียงเกาะๆนึงเท่านั้น) เพราะฉะนั้นเรือเดินสมุทรของพวกเขาสามารถขับตรงไปที่ปัตตานีได้เลย
Last posted
Total of 981 posts
วิชัย ซิงห์ แล่นเรือโดยผ่าน มหาสมุทรอีสาน (ในโลกนี้ ภาคอีสานนั้นไม่ใช่พื้นที่ราบสูงแต่เป็นมหาสมุทร อุดรเป็นเพียงเกาะๆนึงเท่านั้น) เพราะฉะนั้นเรือเดินสมุทรของพวกเขาสามารถขับตรงไปที่ปัตตานีได้เลย
เรือเดินสมุทรของวิชัยผ่านน่านน้ำอีสานมาได้อย่างสงบดี แต่เมื่อเข้าเขตเมืองบาดาลรัตนโกสินทร์ พวกเขาก็ถูกยิงปืนใหญ่ใส่ โดยกลุ่มโจรสลัดหลวงของรัฐปัตตานีที่ลาดตระเวนอยู่
โจรสลัดหลวงแห่งรัฐปัตตานีประกอบด้วย กลุ่มไฟนอลแฟนตาซีของสุเทียน กลุ่มกปปส.ของซายัม กลุ่มเมียสื่อของนาเดีย กลุ่มคัตโธรทของมะห์ลิกะห์ และกลุ่มกอริลล่าสองกลุ่ม
โชคดีที่กลุ่มที่ปะทะกับวิชัยเป็นแค่กอริลล่า พวกเขาจึงเอาชนะมาได้อย่างไม่ลำบากนัก
"เดินทางทางทะเลก็เจอโจรสลัด"วิชัยบ่น"แบบนี้เจ้าพวกที่ขึ้นเครื่องบินก็คงเจอสลัดอากาศของรัฐปัตตานีไม่ต่างกันสินะ"
"เฟี้ยววววว...ตู้ม" เสียงจรวดเฉี่ยวใส่ท้ายเรือ
วิชัยหันไปดู ปรากฏ เรือโจรสลัด จากธง รูป หัวกระโหลกดำบนผืนผ้าสีขาว
"บ้าเอ๊ย โจรสลัด Black skull นี่เอง มันมาได้ไงนะ"
บนเรือลำนั้น มีชายหัวล้าน จากเชียงราย พูดผ่านลำโพง ด้วยเสียงโกรธว่า
"เอาเจ้าสาวกูคืนมา อีกนิดเดียวจะสำเร็จอยู่แล้ว มึงมายุ่งอะไรด้วย" ไฟเซอร์ตัวร้ายนั่นเอง
มันได้ขอความช่วยเหลือ จาก โจรสลัด Black skull อย่าง โจรสลัด ปู หัวดำ เขยรุ่นแรก ของ bnk48 นั่นเอง
"ไม่ได้ พวกแกมัน อาชญากรมีค่าหัวกันทั้งนั้น ไสหัวไปซะ ไม่งั้นเจอ อาวุธโบราณ แน่ๆ" วิชัย ซิงห์ ตอบพร้อมขู่พวกมัน
"ดู๊... ดูมัน พี่ปูต้องช่วยไฟเซอร์นะครับ ในฐานะ เขย bnk48 ด้วยกัน"ไฟเซอร์พูด
"เรื่องจะเป็นแนว 18+ อยู่แล้ว จะมาตัดหน้าเค้ก เป็นไซไฟ ได้ไงละท่านผู้ชม"ไฟเซอร์ หันมาคุยกับคนดู
ปู โจรสลัด หน้าหล่อ ดูหน้าอ่อนกว่าไฟเซอร์ เพราะกินผล แจนแจน เข้าไป
ชูดาบในมือ มีประกายไฟขึ้น แล้วกล่าวดังไกลในระยะ 7 โยชน์ทะเล
"คืนผู้หญิงขาสวยคนนั้นมา แล้วท่านจะไปไหน ก็ไป เราให้เวลาอีก 5 นาที ไม่งั้นชะตาชีวิตของท่านจะเป็นเยี่ยงนี้"
ปู หัวดำ ฟาดดาบไปทางเกาะ ข้างๆ สายไฟฟ้า สีดำ ตัดเขาบนเกาะ พังพินาศในพริบตา
"ตัดสินใจให้ดี" ปู เดินไปที่เก้าอี้ มีไฟเซอร์ ตั้งนาฬิกาทราย ไว้บนโต๊ะ เพื่อจับเวลาทันที
บนเรือเดินสมุทร ของ วิชัย
สาวนิรนาม ในกุงเกงขาสั้นสีขาว เสื้อชมพู ได้พูดว่า
"เพื่อไม่ให้พวกท่านต้องลำบาก ข้าคงต้องไปกับเรือโจรนั่น"
สาวเชียงรายคิด เพราะเห็น ลุงอาวุธโบราณ เดินแทบจะไม่ไหว มีหวังโดนโจมตี ด้วย กระแสไฟฟ้าทมิฬ นั่น แน่ๆ
"ใจเจ้าช่างประเสริฐนัก" วิชัย ซึ้ง
อีกอย่าง ไฟเซอร์ก็เป็นข้าราชการ ถึงจะขึ้เงี่ยนไปหน่อย แต่อย่างไรก็คงเลี้ยงดูเธอได้ สาวนิรนามคิด
"ครบ 5 นาทีแล้ว ว่าไง" เสียงไฟเซอร์ ลอยมา โดยมี พี่ปู อยู่ ข้างๆ
วิชัยครุ่นคิดถึงทางเลือก อาวุธนั่นก็ร้ายกาจอยู่ ถ้าจะสู้คงต้องเอาอาวุธโบราณที่เตรียมไว้รบที่ปัตตานีออกมาตอนนี้เลย
กุลปรียาตอนนี้ความจำเสื่อมเป็นกำลังรบไม่ได้เต็มที่ การเปิดเผยอาวุธโบราณปกป้องเธออาจเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า
แต่การทอดทิ้งผู้หญิงให้ไปเป็นเจ้าสาวของชายแปลกหน้าโดยไม่เต็มใจนั้นผิดหลักศาสนาซิกข์ เป็นความชั่วร้ายแบบพวกซาลามต่างหาก
คิดได้ดังนั้นวิชัยจึงเตรียมใช้อาวุธโบราณ แต่คราวนี้โชคเข้าข้างวิชัย ก่อนที่เขาจะตัดสินใจยิงตอบโต้ เรือดำน้ำขนาดใหญ่ก็โผล่ขึ้นมาระหว่างเรือโจรสลัดและเรือของวิชัย
"พวกแกมาเอะอะอะไรกันเหนือน่านน้ำกรุงรัตนโกสินทร์อันศิวิไลซ์แห่งนี้ไม่ทราบคะ!"
เสียงอันทรงพลังของหญิงสาวคนหนึ่งดังมาจากลำโพงเรือดำน้ำ มันเป็นเสียงของหญิงสาวที่ทุกคนในประเทศเทยรู้จักดี
เธอคือ อุ๊งอิ๊ง นายกรัฐมนตรีหญิงคนปัจจุบันของประเทศเทยนั่นเอง เธอกำลังหงุดหงิดเต็มที่เพราะเพิ่งโดนวิจารณ์ว่าจัดการน้ำท่วมได้ล่าช้าและเอาเรือดำน้ำประจำตระกูลออกมาใช้เดินทางไปจังหวัดที่น้ำท่วมให้เร็วที่สุด
แต่พอขึ้นมาผิวน้ำดันเจอไอ้โจรสลัดงี่เง่าที่มาทำลายเกาะในเขตเมืองตามใจชอบอีก
"ฉันให้เวลาพวกแกอธิบาย3นาที ว่ามาเตรียมสู้กันในเหตุห้ามยิงอย่างรัตนโกสินทร์ทำไม ถ้าตอบไม่เข้าท่าฉันจะเป่าทิ้งทั้ง2ฝ่ายเลย"อุ๊งอิ๊งขู่ "คนยิ่งกำลังรีบอยู่"
"ผมกับเพื่อนกำลังเดินทางไปปัตตานี" วิชัยรีบอธิบาย "เราช่วยผู้หญิงที่ กระโดดน้ำหนีจากที่คุมขังได้ระหว่างทาง แต่ฝ่ายนั้นจะบังคับเอาตัวเธอไปเป็นเจ้าสาวโดยที่เธอไม่เต็มใจ"
"เรื่องจริงค่ะท่านนายก"กุลปรียาเสริม"ฉันไม่อยากเป็นเจ้าสาวของผู้ชายคนนั้นค่ะ!"
"ฉันเข้าใจสถานการณ์แล้ว"นายกอุ๊งอิ๊งกล่าว "พลทหารปืนใหญ่เลเซอร์ ชาร์จกำลังสูงสุดแล้วยิงเรือโจรสลัดนั่นซะ!"
"เฮ้ย ท่านนายก ท่านจะมาทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะ"ไฟเซอร์โวยวาย "ผมเป็นถึงข้าราชการซี9ที่ภักดีต่อราชวงศ์มังกรฟ้า ท่าจะสั่งยิงผมโดยไม่ฟังคำชี้แจงฝั่งผมไม่ได้นะครับ"
"หุบปาก!" อุ๊งอิ๊งสั่ง "ฉันคนนี้เป็นเจ้าของพลังทะลุ4th wallคนแรกของพหุจักรวาลนี้ ฉันได้ยินที่แกพูดกับผู้อ่านแล้วว่าจะทำให้เรื่องนี้เป็น18+ คนอย่างแกไม่จำเป็นกับโลกโว้คในอุดมคติของฉันหรอก" ที่แท้นี่คือเจตนาที่แท้จริงของอุ๊งอิ๊ง
"ดับสลายไปซะเถอะ ไอ้พวกผู้ชายเหยียดเพศ" อุ๊งอิ๊งพูดอย่างสะใจก่อนหัวเราะเสียงแหลมด้วยมาดนางร้าย
ลำแสงจากปืนใหญ่เลเซอร์พุ่งไปยังเรือแบล็คสกัล จะมีอะไรหยุดยั้งมันได้มั้ยนะ
ระหว่างเดียวกันที่ เครื่องบินที่สตีฟ โดยสารมา
อาบัง ปรากฏกาย
"คิดไว้แล้วว่า ต้องออกมา" สตีฟพูดขึ้นกับอังปริศนาที่มัดระเบิดกับตัว เขารู้อยู่แล้ว เพราะเขาเองได้วนลูปมาแล้วเป็นล้านๆรอบ
"นักฆ่าของอัลเลาะห์อย่างงั้นหรอ" เต้คาดเดา
"ใช่แล้วฉันคือนักฆ่าของอัลเลาะห์ มาเพื่อพิพากษาพวกแก ใครต่อต้านต้องเจอ.." แต่ว่าอาบังพูดไม่ทันจบ เต้ก็เอาดาบคาตานะแทงทะลุปากอาบังทันที แต่ว่าไม่ทันการ อาบังระเบิดทันที ตอนนี้เครื่องบินนั้นยังไม่ถึงปัตตานี แต่อยู่ในเขตน่านฟ้ารัตนโกสินทร์
"แย่แล้ว เครื่องบินเสียหายหนัก" Kกล่าว ตอนนี้เครื่องบินโดนระเบิดใกล้ที่ทางปีกขวาของเครื่องบิน ถึงแม้เต้จะรอดจากระเบิดได้ด้วยวิชาดาบคาตานะที่ฟันแรงระเบิดให้แยกออกเป็นสองส่วนได้แต่ว่า ความเสียหายเครื่องมันมากเกินกว่าที่จะบินต่อไหว
ตัดไปที่ด้านล่าง ศรายุทธ สังเกตเห็นเครื่องบินที่กำลังตกลงมายังที่ที่เรือกำลังประทะกัน
ศรายุทธ : แย่แล้ว นั้นมัน....
"หัวหน้าวิชัย! เครื่องบินนั่นจะตกใส่พวกเราครับ"ศรายุทธ ตะโกน
"แย่ละสิ ระยะแค่นี้หลบไม่พ้นแน่"วิชัยบ่น
"ยกเลิกการยิงปืนใหญ่เลเซอร์ กระจายพลังงานไปที่ปืนแม่เหล็ก ชะลอการตกกับเปลี่ยนวิถีเครื่องบินนั่นซะ"อุ๊งอิ๊งสั่งการอย่างคล่องแคล่ว สิ่งมีชีวิตเหนือกำแพงที่สี่อย่างเธอรู้อยู่แล้วว่าคนสำคัญของศึกนี้อย่างสตีฟ เต้ และKอยู่บนเครื่องบินลำนั้น "ที่เหลือให้คนบนเครื่องบินจัดการ"
"แต่ท่านนายก ชิ้นส่วนเครื่องบินทีาจะตกใส่พวกเราล่ะครับ" พลทหารปืนแม่เหล็กถาม "ถ้าเอาพลังงานไปชะลอการตกของเครื่องบิน เราจะยิงชิ้นส่วยไม่ทันนะครับ"
"วิชัย! ฉันหวังพึ่งอาวุธโบราณของนายได้มั้ย"อุ๊งอิ๊งถามออกลำโพง
"คุรุโควินท์ ต้องขอรบกวนท่านแล้วครับ" วิชัยกล่างกับชายชราท่าทางบอบบางที่ถูกเรียกว่าอาวุธโบราณ ชายชราพยักหน้าช้าๆ ก่อนชักดาบและฟันชิ้นส่วนเครื่องบินเป็นชิ้นๆอย่างคล่องแคล่วเกินวัย
ที่แท้อาวุธโบราณผู้นี้คือโกล่า มนุษย์โคลนผู้มีความทรงจำของ โควินท์ สิงห์ ศาสดาคนที่10 ยอดนักรบในตำนานแห่งซิกข์นั่นเอง
สาวนิรนาม พลัดไหลตามน้ำไปไกลถึงดินแดนแห่งนึง ซึ่งมีชื่อเรียกขานว่าโม่งแลนด์ เป็นสถานที่อันนรก เป็นสถานที่ย่ำแย่ มีแต่คนเหีย เธอถูกช่วยเหลือไว้ได้โดยกองทัพของท่านนายพลจิตเวช
แม่หมอแห่งโม่งแลนด์ตรวจร่างกายเธอพบว่า สาวนิรนามความจำสูญหายจากความมืด แต่สาวนิรนามคนนี้มีพลังงานบางอย่างที่สามารถนำมาใช้ในการกอบกู้แผ่นดินได้ ท่านนายพลจึงสั่งให้ส่งตัวเธอไปฟื้นฟูความทรงจำที่ศรีธัญญาอินดัสทรี่
"ถ้าฉันจะจำอะไรไม่ได้ขนาดนี้ ช่วยฉีดยาให้ฉันตายไปเถิด คุณหมอ.."
สารนิรนามทิ้งท้ายก่อนถูก กระทรวงเวทมนต์ควบคุมตัวไปศรีธัญญา
เวลาเที่ยงวันบนถนนของโม่งแลนด์ จราจรติดขัด
"มึง สิ อี กะ เทย!!! มึงสิๆๆ กูจะแจ้งๆๆ" สภาพวุ่นวายบนขบวนรถ
ตูม!!... เสียงระเบิดm26 ที่หัวขบวนรถ ชายหัวล้าน ไฟเซอร์ เข้าจู่โจมหวังชิงตัวสาวนิรนาม
"วอห้าเก้าแจ้งศูนย์ควบคุม เกิดการปะทะ เปลี่ยนเส้นทางด่วนๆ มีผู้บุกรุก" สิ้นเสียงวิทยุสื่อสาร ขบวนรถหยุดนิ่ง
สาวนิรนามถูกไฟเซอร์อุ้มหายตัวไปอีกครั้ง
หลงเหลือไว้เพียง ป้ายชื่อ ผู้ช่วยอบต.เชียงราย
ตัดภาพไปยังห้องลับ บนตึกร้าง เงียบสนิทและอับชื้น
สาวนิรนาม หมดสตินอนฟุบไปแน่นิ่ง
เสียงฝีเท้าเดินมาหยุดที่ปลายเตียง
ไฟเซอร์ ยืนมองเอามือลูบหัวล้านของตัวเอง
สแยะยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว
https://imgur.com/PalmCH0
ณ เครื่องบินที่กำลังจะตก เปิดตัวนักรบแห่งยามาโตะ เจได โกโจ ปวิน สามหนุ่มสามมุม พวกเขาก็โดยสารเครื่องบินลำนั้นมาด้วย
"หึ ถึงตาเราออกโรงแล้วสินะ อาจารย์ปวิน" เจไดเรียกอาจารย์ปวิน และ อาจารย์โกโจ
"กางอาณาเขต" โกโจ ซาโตรุ แสดงวิชา
เครื่องบินที่น่าจะตกกลับลอยขึ้น
"ไอ้พวกสมุนอัลเลาะห์หน้าโง่ คิดว่าจะสู้พวกเราได้ยังงั้นหรอ" ปวินยิ้มสะใจ
"ทำไมพวกล้มเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่" อุ๊งอิ๊งตกใจเมื่อมองไปยังรูที่แตกออกของเครื่องบินกลับเจออาจารย์ปวินในนั้น
"เช้าใจล่ะ ตกลงพวกจิตเวชก็ได้ความทรงจำข้ามจักรวาลมาสินะ"สตีฟสรุปหลังฟังข้อมูลจากออนิวที่ในโลกนี้เป็นนายพลบัญชาการเรือดำน้ำอีกลำของกองทัพรัตนโกสินทร์ โดยแกนนำอินดี้อีก4คนก็อยู่บนเรือดำน้ำลำนี้
เมื่อ4ชม.ก่อน ขณะเครื่องบนตกใกล้น่าน้ำรัตนโกสินทร์ สตีฟ เต้ และ Kได้สวมชูชีพว่ายน้ำออกมาจากเครื่องบินที่กำลังจม อุ๊งอิ๊งในสั่งการให้ออนิวเอาเรือดำน้ำลำที่2ไปรับพวกเขา ส่วนเธอเองเดินทางไปเชียงรายตามกำหนดการณ์เดิม
"ว่าแต่ ผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนกุลปรียาถูกน้ำพัดหายไปสินะ"เต้ถามขึ้นขณะเปรียบเทียบข้อมูลกับทรายที่เป็นฝ่ายข่าวกรองของทางนี้
"ตอนนี้เรวี่ โม่งคุง กับปาล์มมี่กำลังตามหาเธอ" ทรายตอบ "เราเชื่อว่าความทรงจำของเธอคนนั้นไม่ได้เสียหายแต่ถูกผนึกไว้ เพราะในโลกก่อนกุลปรียาเป็นลูกศิษย์คนโปรดของอาจารย์สามารถที่รู้ข้อมูลเรื่องรัฐปัตตานีมากกว่าทุกคน"
"เธอจำไม่ได้แม้แต่ชื่อตัวเอง"วิชัยนึกย้อนความ "แต่เธอมีปฏิกิริยารุนแรงกับคำว่าปัตตานี ความจำของเธอต้องเป็นกุญแจสำคัญในการจบสงครามแน่"
"เรือดำน้ำลำนี้จะพาพวกเราไปถึงปัตตานีได้ทันก่อนพิธีกรรมสาปแช่งจะเริ่ม"ชาดผู้เป็นพลขับเรือกล่าว "แต่เราไม่มีเวลาแวะที่อื่นแล้ว เรื่องผู้หญิงปริศนาคนนั้นคงต้องฝากหน่วยของเรวี่ที่กำลังตามแกะรอยแล้วล่ะ"
ดังนั้น สมาชิกเรือดำน้ำที่2จึงมุ่งหน้าสู่ปัตตานีเพื่อเตรียมทำลายพิธีสาปแช่งและแย่งพลังอัลเลาะห์คืนจากอาจารย์สามารถ
(อะพิมพ์ชนกันอีกแล้ว งั้น หลังรอดจากเครื่องบินแก๊งยามาโตะขึ้นเรือดำน้ำลำที่2มาด้วยกันเถอะ)
"อาจารย์ปวิน คุณมีความเห็นยังไงกับแผนการณ์ของพวกเราครับ"ออนิวถามความเห็นนักวิชาการชื่อดังผู้กลับมาเยือนบ้านเกิดเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
"ดิชันเชื่อว่า โกโจ ซาโตรุ จะชนะแน่นอนในศึกครั้งนี้ เพราะเขาไม่เคยแพ้ใคร" ปวินตอบด้วยความมั่นใจ
เมื่ออาจารย์ปวินยืนยันชัยชนะเช่นนั้น เรือดำน้ำที่2จึงมุ่งหน้าสู่ปัตตานี
ออนิวถอนหายใจย้อนคิดถึงตอนที่มาถึงจุดเกิดเหตุ หลังโกโจกับเจไดพาผู้โดยสารที่รอดชีวิตอพยบขึ้นเรือดำน้ำอย่างปลอยภัย สลิ่มตัวแม่อย่างอุ๊งอิ๊งพยายามจะจับตัวอาจารย์ปวินไปขึ้นศาลในข้อหาล้มเจ้าให้ได้โดยไม่แคร์ซักนิดว่าตัวเองเพิ่งใช้เส้นสายพาโทนี่พ่อแท้ๆของตนออกจากคุกทั้งที่โดนตัดสินว่ามีความผิด พวกเขาแก๊งอินดี้เกลี้ยกล่อมนายกแทบตายกว่าจะยอมปล่อยตัวนักวิชาการมาด้วยเหตุผลว่าอาจารย์ปวินจะช่วยเพิ่มโอกาสชนะในศึกปัตตานี สหายอีก2คนของอ.ปวินก็มีพลังน่าสนใจดี แต่ยังประมาทไม่ได้ ถ้าได้ความจำของสาวปริศนาที่หน้าเหมือนกุลปรียามาด้วยถึงจะประเมินได้ว่าจะชนะจริงมั้ย
.....
ตัดฉากไปที่ตึกร้างไม่ไกลจากอาณาเขตโม่งแลนด์ เรวี่ ปาล์มมี่ และโม่งคุงกำลังเปรียบเทียบข้อมูลที่หามาได้
"ดูจากข้อมูลทั้งหมดแล้ว คาดว่าไฟเซอร์ ผู้ช่วยอบต.เมืองเชียงรายเป็นคนชิงตัวสาวนิรนามที่หน้าตาเหมือนกุลปรียา แม่ทัพแห่งรร.สตรีปิตาธิปไตยในโลกก่อนมาซ่อนไว้ที่นี่"ปาล์มมี่สรุป "ตึกร้างที่ดูโง่ๆนี่มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนาพอๆกับชั้น14ในโลกก่อน และไอ้ไฟเซอร์เป็นคนขี้ระแวงมาก ถ้ามีอะไรน่าสงสัยแม้แต่น้อย มันจะพาสาวนิรนามหนีไปรังลับแห่งอื่น เรามีโอกาสครั้งเดียว พวกเธอพร้อมบุกมั้ย"
Peak literature
ตู๊ดๆๆๆ เสียงวิทยุดังขึ้นกลางดึง เป็นการส่งข่าวจากเกาะเอลเดีย มีผู้หลบหนีออกนอกเกาะไปได้ พร้อมไททันเกวียน ยืนยันข้อมูลว่าเธอคือชื่อ มิคาสะ
ตอนนี้หายตัวไป 72 ชั่วโมงแล้วยืนยันรหัสแดง ขอให้แนวป้องกันยกระดับเป็น ระดับ5
ในขณะที่ชายหัวล้าน ได้ทราบข่าวนั่นเขาไม่ได้รู้สึกแยแสแต่อย่างใด เขาเพียงคิดแค่ว่าจะดูแลฝูงเป็ดและปั้นรถถังอยู่ในเซฟเฮ้าส์ของเขาเท่านั้น
ซึ่งแน่นอน สาวนิรนามเธอยังไม่ได้ความทรงจำของเธอมาง่ายๆหรอกนะ รัฐบาลโลกจะต้องออกล่าไอ้ไฟเซอร์ หัวล้าน ในไม่กี่ชั่วโมงนี้แน่ๆ
ปังๆๆๆๆ บึ้มๆ เสียงปืนและระเบิดดังมาจากหน้าเซฟเฮ้า
ไฟเซอร์ที่กำลังแช่น้ำในอ่างอย่ารื่นนม ก็สไลด์ตัวขึ้นลำกระสุนFGM-148 Javelin พร้อมยิงหันอาศาไปทางมุมของสนามหน้าบ้านเพื่อเตรียมปะทะกับกองกำลังไม่ทราบสัญชาติ
โครม! เพล้ง! แก็สน้ำตาพุ่งเข้าหน้าต่างทะลุ ควันพวยพุ่ง บดบังทัศนวิสัยการมองเห็นเหลือ 10%
สาวนิรนามได้กลิ่นแก็สน้ำตาสะดุ้งตื่น เปิดประตูออกมาเห็นชายหัวล้านแก้ผ้า กับเครื่องกระสุน และหรรมอันเหี่ยวย่น
เธอถอนหายใจทิ้งแล้วสลบไปกับภาพหรรมเหี่ยวย่นนั้น ใช่แล้วล่ะสมองของเธอไม่สามารถรับภาพหรรมอันเหี้ยวย่นนี้ได้
ตัดภาพไปที่ปัตตานี คฤหาสน์ของอาจารย์สามารถ ที่กำลังบูชาอัลเลาะห์
"อัลเลาะห์อักบาล อัลเลาะห์อักบาล อัลเลาะห์อักบาล" เหล่ตาผู้ศรัทธาในอัลเลาะห์กล่าวขาว
(ย้อนอดีต)
นี่คือเรื่องราวเริ่มต้นของอัลเลาะห์ ลูกที่ 1 ของมหาจักวาล เริ่มต้นที่มีเพียงความว่างเปล่า จู่ๆก็เกิด บิ๊กแบงครั้งใหญ่ขึ้น หลังจากนั้นได้เกิดไข่สองฟองอยู่กลางความว่างปล่าว ไข่นั้นฟักตัวออกมา เป็น อัลเลาะห์ และ ยะโฮวา ทั้งสองเป็นมีพลังดั่งพระเจ้า สามารถสร้างทุกสิ่งได้อย่างที่ใจปรารถนา ตอนแรกทั้งสองสร้างกฏที่เรียกว่าแรงโน้มถ่วงทำให้ลูกบอลนั้นดึงดูดหากันไปมา นานนับหลายล้านปี
"น่าเบื่อจังเลย" อัลเลาะห์เอ่ยไปที่ยะโฮวา ไม่อะไรให้ทำมากกว่านี้หรือ
"นั้นสินะ" ยะโฮวา ตอบเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันก็พวกเขาเกิดมาทำไมในมิติที่ว่างเปล่านี้
"อยากรู้จักว่าพลังของพวกเราสามารถรถสร้างสิ่งที่รู้คิดแบบพวกเราได้ไหม" อัลเลาะห์ผุดไอเดีย
ใช่แล้วนั้นคือสิ่งที่ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าโลก อัลเลาะห์และยะโฮวา เขาต้องการสร้างสิ่งที่รู้คิด เขาจินตนาการทั้งหมดและสร้างระบบต่างๆขึ้นนั้นเป็นเรื่องหลายปีที่แล้ว แต่ว่าเรื่องราวก็ดำเนินต่อไปหลายล้านๆๆๆๆๆๆๆปี ยะโฮวาอยู่ๆก็ลงไปที่โลกมนุษย์เพื่อประกาศศักดาและสร้างอารายะธรรมขึ้น มนุษย์ฉลาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอัลเลาห์พอเห็นสิ่งนั้นก็เลยเอามั่งเขาลงไปเพื่อ สร้างความพักดีแก่มนุษย์เพื่อพักดีเขาเช่นกัน
ซึ่งอัลเลาะห์นั้นกลับมีความขี้อิจฉาแบบเด็กๆ เขาใส่ไฟเรื่องราวความเชื่อในยะโฮวาเป็นสิ่งที่เลวร้าว ทำให้เกิดสงครามที่ ฆ่ากันของมวลมนุษยชาติ
"ทำไมทำอย่างนั้นล่ะ อัลเลาะห์" ยะโฮวาถามอัลเลาะห์
"ก็มัน ฮาดีนี่ สิ่งมีชีวิต ที่บอกว่ามีสติปัญญา แต่สุดท้ายก็ฆ่ากันไม่ต่างจากเดรัจฉาน" อัลเลาะห์ตอบ
ยะโฮวา มองดูที่มนุษย์กับลังฆ่ากันแล้วก็รู้สึกสังเวช
"น่าเบื่อ จริงๆ ไอ้พวกมนุษย์น่าโง่" อัลเลาะห์พูดอย่างไม่สบอารมณ์
อัลเลาะห์ที่อยู่ในระหว่างเบื่อหนายนั้นก็คิดขึ้นมาได้
"ยะโฮวา พวกเรามาเล่นเกมส์เดืมพันกันไหน?"
"หือ เล่นอะไรล่ะ" ยะโฮวากล่าวตอบ
"เจ้ากับข้าจะเลือกตัวแทนมาหนึ่งคนโดนมาสู้ในศึกสุดท้ายถ้าเจ้าชนะข้าจะปล่อยพวกเขาสู่'แดนสวรรค์ที่แท้จริง'"
"แต่ถ้าเจ้าแพ้ข้าจะกวาดล้างพวกมันให้สิ้นและส่งพวกมันไปสู่'ดินแดนนรก'"
"เจ้าจะลองเดิมพันดูไหนล่ะ"อัลเลาะกล่าว
ยะโฮวาดูคุมคิดเล็กหน่อยก่อนตอบ
"ได้สิข้าเดิมพัน!"
"งันเจ้าจะเลือกใครล่ะ"
"ข้าจะแบ่งพลังให้ชายหนุ่มที่ชื่อสตีฟ"
"งั้นข้าจะเลือกเจ้าหมอนั้นแล้วกัน"
อัลเลาะห์ที่ชายคนหนึ่งส่วนชุดมิดชิดที่กำลังเพยแพ่ศาสนาให้กับผู่คนอยู่
(กลับมาในปัจจุบัน)
ในระหว่งที่ผู้ศรัทธาในอัลเลาะห์กำลังเรียกขานอยู่นั้นจู่ก็มีแสงสีทองปราฎขึ้น
"อัลเลาะห์ทรงปราฎกายแล้ว!" ผู้ศรัทธาในอัลเลาะห์ต่างตะโกนด้วยเสียงขำรามก้อง
ผู้คนในบริเวณนั้นต่างตื่นตะลึงกับภาพที่เห็น
บนท้องฟ้านั้นปรากฎร่างเงาที่แทบจะบดบังดวงอาทิตย์ทั้งดวงได้
ร่างนั้นค่อยทอดมองมาที่คฤหาสน์
ที่สถานที่ทำพีธี ชายที่ส่วมชุดมิดชิดเดิมเข้ามาข้างหน้าเหล่าสาวกก่อนคุกเข่าลง
"ยินดีต้อนรับครับท่าน"ชายที่ส่วมชุดมิดชิดตอบ
"สมกับเป็นคนที่ข้าเลือก ในสุดเจ้าก็ทำสำเร็จข้าจะประธานพลังให้กับเจ้า"
"พลังนั้นมีนามว่า Over Soul!!!"
แต่ที่นี่ไม่เบื่อหน่าย
หมอนๆ ตื่นนอนขึ้นมาก็เจอ ห้องเดิม หัวล้านคนเดิม
"ไง คนขี้เซา วันนี้ วันแต่งงานของเรานะ อย่าตื่นสายสิ เดี๋ยวเสียฤกษ์ " ไฟเซอร์ ในชุดเจ้าบ่าว พูด
หมอนๆ งุนงง อยู่ ก็พบ แม่ปาดน้ำตา ส่วนพ่อก็ดีใจ ที่ลูกเป็นฝั่งเป็นฝาสักที
"อจ.น้องไหน ใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตา พามานะ อาบน้ำแต่งคัวเถอะลูก" แม่พูด
หมอนๆ ก็ไปอาบน้ำแบบงงๆ น้ำจากฝักบัว ไหลไปตามส่วนสัดของวัยสา่ว
เธอรู้สึก over heat ขึ้นมาทันที วันนี้ก็มาถึงแล้วสินะ
เธอถูสบู่ไปทั่วๆ อก 35 ที่มีฟองสบู่ได้ไหลออก เผยถึงผิวอันขาวเนียน
ร่างอวบอัด ได้ถูกถูไปตามซอก ต่างๆ เพื่อการใช้งานในเม้นหน้า
เมื่อหมอนๆ ออกจากห้องน้ำ ช่างได้รอ พรอมชุดเจ้าสาว
หมอนๆ ในขุดเจ้าสาว ทำให้ แม่น้าตาไหล แล้วพาเธอ ไปรดน้ำสังข์ทันที
หัวล้านยิ้มยินดี วันนี้ มีได้เพราะ อจ.น้อง คืนนี้คงยาวนานแน่ๆ
จนเสร็จงาน
เจ้าสาวหมอนๆ อยูาบนเตียง ไฟเซอร์ เดินมาเชยคาง แล้ว จุมพิ๖ ไป 1 ที
"วันนี้ คุณสวยมากที่รัก เรามาต่อ ให้จบกันเถอะ" หัวล้านพูด ขณะ ถอดชุดตัวเองออก
"ไม่นะ" หมอนๆ ขัดชืน เมื่อไฟเซอร์ เริ่มไซ้ซอกคอเธอ หมอนๆกลัว ไฟเซอร์น้อย ขนาดยาว 3 เซน มาก
แต่แรงหญิงหรือจะสู้แรงชาย โดนไซ้ หนักๆ หมอนๆ มีคราง
ชุดเจ้าสาว ถูกเปลื้องออกทีละชิ้น ส่วนไฟเซอร์ ก็เลื่อนลงมาดูดนม 35 ทันที
"ซีด.." หมอนๆนอนส่ายไปมา
หลังจากจัด นม ทั้ง 2 เต้า หัวล้าน มุ่งไปที่ ป่าอาถรรพ์ที่เนินล่าง ทันที
แต่ สติ ของไฟเซอร์ ก็หายไป
จอดำ
end credit ขึ้น
ผู้กำกับตบมือ "ถ่ายจบแล้วน้อง ไปกินหมูกระทะกัน"
ขณัที่ หัวล้าน งง ก่อนขะโวยวายอีกครั้งว่า
"จบแบบนี้ได้ไง ไหนว่าจะ 18+ ไง ขี้โกง"
ผกก มีสีหน้าเยื่อๆ ว่า เขาคุยกันแล้ว จบแบบนี้ สนุกกว่า
เป็นปลายเปิด ไง ไปๆ ไปกินหมูกระทะกัน ไปช้า อดนะมึง
ไงๆ หนังเราก็สนุกกว่า คนที่เล่นประเด็นศาสนาอยู่แล้วละ
แล้ว ผกก กับ ทีมงาน ก็เดินจากไป พร้อม คุยว่า โปรเจคหน้า จะไปทำหนัง ฮิปโปแคระ ที่ เขาเขียว
ทิ้งให้หัวล้าน คลุ้มคลั่ง อยู่คนเดียว
หมอนๆนั่งกินหมูกระทะกับผู้กำกับหนังอย่างสบายใจ นึกชมตัวเองที่สร้างสถานการณ์ให้หนีรอดจากไฟเซอร์มาได้โดยไม่ต้องเสียตัว
ถูกเล้ว ชื่อของเธอคือ หมอนๆ หรือ "สายสมร" เธอไม่ใช้กุลปรียาที่พวกนักรบข้ามจักรวาลกำลังตามหา ความจำของเธอกลับมาจากแรงระเบิดในคืนที่กลุ่มของเรวี่และมิคาสะบุกบ้านลับของไฟเซอร์ในโม่งแลนด์พร้อมกันจนเกิดการปะทะใหญ่โต ที่แท้เธอเป็นน้องสาวของกุลปรียาที่ไม่เคยมีส่วนร่วมในการต่อสู้เมื่อโลกก่อน
หมอนๆมอบข้อมูลให้เรวี่เท่าที่เธอรู้ เรื่องกุลปรียาตัวจริงอยู่ที่ปัตตานีและอาจารย์สามารถไม่ใช่ผู้สิบทอดพลังสูงสุดของอัลเลาะห์ แต่ผู้สืบทอดตัวจริงคือชายมุสลิมชื่อ "อับดุลรอนิง" ที่นั่งกินเนื้อกระทะอยู่หน้ามัสยิดในภาคไอดอล
ทีมของเรวี่ตอบแทนข้อมูลของหมอนๆด้วยเงิน10ล้านบาทและคอนแทคต์ทีมภาพยนต์ที่มาช่วยเธอจากไฟเซอร์ ตอนนี้หมอนๆเป็นอิสระจากทั้งการต่อสู้และคนโรคจิตหำเหี่ยวแล้ว เธอจะใช้ชีวิตฟินๆด้วยเงินที่ได้มาจนกว่าโลกนี้จะล่มสลายอีกรอบ หรือถ้าพวกนั้นกู้โลกสำเร็จก็ดีไป
(ตัดไปที่เรือดำน้ำของสตีฟ)
"ถึงเวลาที่ดิชั้นจะแสดงความสามารถแล้วสินะ" อาจารย์ปวิน พูดขึ้น พร้อมกับเรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องทีวี
"อาจารย์ปวิน คุณจะทำอะไรหรอ" ออนิวเอ่ยถาม
"หึ เดี๋ยวก็รู้" อาจารย์ปวิน เอามือขึ้นมาวางบนทีวีพร้อมแสดงพลังบางอย่องเขากล่าวเรียกสแตนด์ของเขา Hermit Purple
"อย่าบอกนะว่า อาจารย์ปวิน"
"ใช่แล้วล่ะออนิว นี่คือความสามารถในการอ่านความคิดของศัตรูโดยการอ่านพลังจิตผ่านทีวียังไงล่ะ"
ปวินเริ่มทำการใช้ Hermit Purple ไปยังทีวี
*ฟึบ ฟับ ฟึบ ฟับ
ทีวีที่กำลังเปลี่ยนช่องไปมา
"ข้อความจากทีวีเหมือนกำลังออกมาแล้ว" เจไดพูดขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้น
และข้อความในทีวีก็ปรากฏว่า "ใน หมู่ พวก เรา มี คนทรยศ" ทำให้ทุกคนในเรือดำน้ำมีสีหน้าตกใจ
"หมายความว่ายังไงกันอาจารย์ปวิน" เจไดถามด้วยความสงสัย
"ก็หมายความว่าอย่างที่ทุกคนได้เห็นไปนั้นและ" อาจารย์ปวินตอบ "ในหมู่พวกเรามีคนทรยศ"
นี่มันคือเรื่องอะไรกันแน่ และใครกันที่คือ Imposter ที่แฝงตัวเข้ามา
เป็นรุกแต่รูโบ๋ ผิดปกติหรือเปล่าครับ
เคยเป็นรับแค่ครั้งเดียวเอง รูโบ๋เลยครับ
โบ๋ ดีกว่าปลิ้นนะ
นั้นคือคำพูดของซามูไรมืด ยาสุเกะ นี่พูดอะไรก็ไม่รู้
"พูดอะไรของแกน่ะ ยาสุเกะ" เจไดถามอย่างสงสัย
ยาสุเกะ คือหนึ่งในตัวละครที่เคยโผล่มาที่ดาวยามาโตะ เขาตามพวกของเจไดมาโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ
*เพล้ง จู่ๆยาสุเกะก็เอาดาบทาจิ ฟาดไปที่ทีวีที่อาจารย์ปวินใช้โทรจิตความคิดของศัตรูทันที
"ทำอะไรของแกน่ะยาสุเกะ" เจไดตะโกนถามทันที
ไม่ทันที่ยาสุเกะจะตอบ เต้ก็เอาดาบคาตานะ พุ่งไปที่ยาสุเกะแล้วฟันยาสุเกะขาดครึ่งทันที
แต่ว่าภาพที่ยาสุเกะถูกฟันตัวขาดครึ่งกลับจางหายไป กลายเป็นภาพลวงตา พร้อมทุกคนที่มองหายาสุเกะตัวจริง ก็พบยาสุเกะนั่งแอคที่โซฟาอยู่ข้างหลังพวกเขา พร้อมยาสุเกะที่พุดประโยคว่า "อัลลอฮุอักบัร"
"หมายความว่ายังไงกันแกคือผู้ทรยศอย่างสินะ ยาสุเกะ"
ท่ามกลางความงุงงงของผู้คน และแล้วผู้ทรยศก็ปรากฏกาย
การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว ยาสุเกะเปิดฉากการโจมตีด้วยดาบทาจิของเขา ดาบทาจิของเขามีคุณสมบัติพิเศษสามารถยืดได้ยาวถึง 50 เมตร เขาตวัดดาบแค่สองสามที เรือดำน้ำก็ถูกฟันเป็นส่วนๆไม่ต่ำกว่า 10 ส่วน
"แย่แล้วเรือดำน้ำเรา" "อาจารย์โกโจคุณต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว" ปวินตะโกนไปที่โกโจ
อาจารย์โกโจกำลังจะใช้ความสามารถบางอย่าง แต่ว่า สตีฟ ได้หยุดโกโจไว้พร้อมบอกว่า "ผมจัดการการเอง" พร้อมใช้พลังบางอย่าง สตีฟพูดเรียกใช้ความสามารถ "สมาน!!!!" เรือดำน้ำที่ควรจะถูกทำลายไปแล้วกลับคืนสู่ภาพเดิม
"คุณทำอะไรน่ะครับคุณสตีฟ" เจไดที่คิดว่าทุกคนจะไม่รอดแล้วถามขึ้น
"นั่นคือหนึ่งในความสามารถของฉันยังไงล่ะ" สตีฟตอบ "แต่ว่าเพื่อป้องไว้ว่าเจ้า ยาสุเกะจะไม่ทำลายเรือเราอีกรอบฉันจะใช้พลังเพื่อป้องกันไม่ให้เรือดำน้ำถูกทำลาย เต้ คุ้มกันเราด้วย "ได้เลย สตีฟ" เต้ขานรับ
ระหว่างนี้เลยทำให้สตีฟและเต้ ไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้กับยาสุเกะได้
และออนิวเขาโดนดาบของยาสุเกะฟันเข้าให้แล้วในตอนที่ยาสุเกะตวัดดาบฟันเรือทำให้เขาได้รับบาดเจ็บแต่ว่าไม่ใช่แค่นั้น การฟันของยาสุเกะไม่ได้มีแค่นั้น ออนิว ค่อยๆกลายร่างเป็น นิโกรคนดำแล้ว
"ความสามารถอีกอย่างของยาสุเกะอย่างนั้นหรือ ที่ทำให้คนที่โดนฟันกลายเป็นนิโกรได้" ปวินวิเคราะห์ความสามารถของยาสุเกะ พร้อมเหงือที่ไหลริน แล้วปวินก็หันไปมองที่อาจารย์โกโจพบว่า อาจารย์โกโจเองก็ได้โดนลูกหลงตอนที่ยาสุเกะตวัดดาบฟันไปนิดนึงที่แก้มของเขา
"อาจารย์โกโจ คุณเองก็โดนกำลังจะโดนความสามารถนั่น"
นี่หรอคือพลังที่ของยาสุเกะ และอาจารย์โกโจที่โดนคมดาบของยาสุเกะกำลังจะกลายเป็นนิโกรอีกคนอย่างนั้นหรือ
"ไม่ปล่อยให้ทำแบบนั้นหรอกน่า!"วิชัยที่นั่งเงียบไม่มีบทมานานตะโกน ก่อนสั่งการอาวุธโบราณที่เตรียมมาใช้กับพวกมุสลิม
"คุรุโควินท์ กรุณาใช้วิชาลับด้วยครับ!"
ชายชราชาวซิกข์ชักดาบสั้นกิรปาณออกมาปาดที่แผลโดนดาบทาจิของออนิวและอาจารย์โกโจไปคนละที
การกลายเป็นนิโกรมุสลิมของทั้งคู่ช้าลงแต่ยังไม่หยุดสนิท
"ดาบสั้นของท่านคุรุโควินท์มีพลังเปลี่ยนคนใช้เป็นนักรบซิกข์บ้าคลั่งที่ฆ่ามุสลิมไม่หยุดได้"วิชัยอธิบาย
"ตอนนี้พลัง2อย่างกำลังสะเทินกันเองในตัวพวกเขา ก็ต้องลุ้นล่ะนะว่าอย่างไหนจะชนะ หรือพวกเขาจะเอาชนะพลังทั้ง2อย่างได้เอง"
ตอนต่อไปมาวันไหน
คนแต่งหมดไอเดีย
ต่อจากนี้นะ >>950
ณ สวนสัตว์แปลก เขาเขียวเหนี่ยวทรัพย์
สิต ไอดอลสุดน่ารัก ในชุดเสื้อยืด กุงเกงขาสั้น กำลังอาบน้ำให้ คาปิบาร่า
แต่มันก็สะบัดตัวจน ทำให้ เสื้อของ สิต เปียกปอน
เหล่าทีมงาน กล้องเมม 2 ถ่ายเสย เก็บไว้พอดี อ่า....
หลังถ่ายinsert เสร็จ ก็พักกลางวัน ทีมงานเตรียมไปถ่าย ฮิปโปแคระต่อ
"งานนี้ ต้องดีที่สุดเท่าที่มีมา หลังถ่าย softcore ก็ต้องต่อด้วย soft power นี่ละ "ผกก อัครพล คิด
จะว่าไปถ้า ไม่ได้พี่ชายที่เป็น รมช ท่องเที่ยว ยื่นมือมา งานนี้ เขาและ เพื่อนพ้อง พับจี อาจไม่ได้ทำงานนี้เลยก็ได้
ขณะเดียวกัน รมช อัครเดช ได้เดินออกมาจะกินข้าว นักข่าวได้กรูมายิงคำถามทันที
"ท่านค่ะ จริงไหมค่ะ ที่โครงการถ่ายหนังหมูเด้ง ของทางการ มีการล็อคสเปคไว้ "
ทั่น รมช หันกลับไปตอบว่า
" ท่านเราเลือกเฟ้นมาดีแล้วครับ รับรองว่า งานดี แน่นอน " รมช ยิ้ม
โอ้ย หิวข้าวโว้ย ถามเพื่อ รมช คิดในใจ
" แล้วจริงไหมค่ะ ที่งานนี้ คนรับไปทำ คือ น้องชายท่าน ที่ก่อนหน้านี้ มีงานหนัง R 1 เรื่องเท่านั้น เพราะ
ก่อนหน้านี้ ต้องดูแลแม่ที่ป่วย จนตอนนี้ แม่ท่านเสียแล้ว ท่านเลยหางานให้น้องท่านทำงาน
ส่วนเหล่าทีมงาน คือ อดีต นีทพับจี ที่เพิ่งมาทำงานกัน " นักข่าวสาว ยิงรัวๆ
บ้าเอ้ย สิงเสาเอกบ้านกูรึไงว่ะ รู้ดีเหลือเกิน สาด แล้ว รมช ก็ตอบกลับไปว่า
" ทีมงานมีคุณภาพ อย่าเพิ่งด้อยค่า ผมมั่นใจในฝีมือ พวกเขาครับ ขอตัวนะครับ "
การ์ด นาฬิกา โอแเวอร์วอท มาช่วยกัน รมช ออกไปทันที
"ท่านค่ะๆ เดี๋ยวก่อนค่ะ " นักข่าวพูด
ส่วนที่ เขาเขียว ไฟเซอร์ ได้เดินหน้าเคร่งเครียดไปหา ผู้กำกับกองถ่ายทันที
" จะถ่ายหนังผม กับ หมอนๆ อีกเมื่อไหร่ " ไฟเซอร์ ถาม
ผกก ไม่มองหน้าไฟเซอร์ คลำ โอเด้งย่า มากิน ก่อนตอบว่า
" พอแล้ว ไม่รู้รึ คนแต่งพิมพ์ คราวก่อน มีหมาไปบอก บอสเซิร์น ให้แบนไป 2-3 วัน
เลยแต่งได้แค่ ประมาณนี้ " บ้าจริงขนมหมดสะได้ ใส่น้อยจีงว่ะ ผกก คิด
" แต่ ผกก ค้องถ่ายเรื่องใหม่ ผมนะ สนืทกับ เทวดาที่เชียงรายมากนะ " ไฟเซอร์เบ่ง จนตัวพอๆ กับ สลอธ เชาเขียว
ผกก หันไปมองหน้า " คนที่นี้ ก็มีเทวดา ดูแลทั้งนั้นนะ อย่าเรื่องมาก กลับไปจัดไฟซะ "
ผกก หันไปคุยกับทีมงาน " วันนี่ โชคดีเว้ย ผู้สมัคร มิสแกรนด์อินเตอร์มา 70 กว่าคน ถ่ายเสยให้เต็มที่ ว่ะฮะฮะ"
ขอบคุณครับ นี่ arc ขั้นเวลาสินะ
เชี่ยเอ้ยกูเม้นก่อนอ่าน ไอสัส เสื่อมชิบหาย
ในกรณีที่มีการสอบสวนหรือดำเนินคดีโดยรัฐบาลหรืออะไรที่คล้ายกัน ข้าพเจ้าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับกลุ่ม หรือบุคคลที่อยู่ในกลุ่ม ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าตัวข้าพเจ้านั้นเข้ามาอยู่ได้ด้วยสาเหตุอันใด ข้าพเจ้าอาจถูกบุคคลที่สามนำบัญชีของข้าพเจ้ามาเข้ากลุ่มนี้ ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า ข้าพเจ้าไม่ได้สนับสนุนการกระทำที่เกิดจากสมาชิกในกลุ่มนี้ใดๆ 連邦機関などによる調査の場合、私はこのグループまたはその中の人々と関与していません。私はここにどのように住んでいるのか知りません。おそらく第三者によって追加されたものです。このグループのメンバーによる In case of an investigation by any federal entity or similar, I do not have any involvement with this group or with the people in it, I do not know how I am here, probably added by a third party, I do not support any actions by the members of this group. En caso de una investigación por parte de cualquier entidad federal o similar, no tengo ninguna participación con este grupo o con las personas que forman parte de él, no sé cómo estoy aquí, probablemente agregado por un tercero, no apoyo ninguna acción por los miembros de este grupo. Im Falle einer Untersuchung durch eine föderale Einrichtung oder ähnliches habe ich keine Beteiligung an dieser Gruppe oder den Menschen darin, ich weiß nicht, wie ich hier bin, wahrscheinlich von einem Dritten hinzugefügt, ich unterstütze keine Maßnahmen von den Mitgliedern dieser Gruppe. 如果任何联邦实体或类似机构进行调查,我与该团体或其中的人员没有任何关系,我不知道我在这里,可能是由第三方添加,我不支持任何行动由这个小组的成员。 В случае расследования со стороны какого-либо федерального субъекта или аналогичного, я не имею никакого отношения к этой группе или к людям в ней, я не знаю
เชียงรายในตอนนี้ปกคลุมไปด้วยโคลน ทั้งในบ้านเรือน และไร่นา ตัดขาดจากโลกภายนอก
แต่ก็ยังโชคดีได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบานโลกตระบัดสัตยฒ กองทัพส่งรภถังมาตักดินออกจากบ้านผู้คนที่ยากไร้
แม้ว่ารองนายกอบต. ไฟเซอร์ สุภาพบุรษบอสฝูงเป็ด รักใครรักจริง รักเดียวใจเดียว จะต้องอาศัยนอนในวัดมาแล้วหลายเดือน
เพราะบ้านเปลอะขี้โคลน ผ้าโม่ย โฟโตเซตและรูปโป๊ที่สะสมมาปลิวหายไปกับกระแสน้ำวิปโยค แต่กระนั้น
ไฟเซอร์ยังคงส่องกระจกดูหัวล้านของตัวเอง แล้วพูดคนเดียวในลำคอเสียงนุ่มๆ
"จะเป็นให้ได้เลยสินะ...คนขับรถถังน่ะ หึ หึ"
กูแต่งต่อเอง
นี่เป็นเรื่องราวของนาย เค หรือชื่อ เคคุง แห่งดินแดนข่าวปด
กลุ่มปดตอนนี้พัฒนาไปไกลมากจนนาย เค ไม่มีที่ยืน ในอดีตชีวิตของนายเคนั้น เรียนจบแค่ มอ.3 ขึ้น ม.4 เข้าชมรมดนตรีเป็นแรปเปอร์ ฝึกฝนแร็ป ออกประกวดกับกลุ่มเพื่อนเพื่อทำตามความฝัน กำลังจะได้ขึ้นเวทีประกวดแรปอิสนาว แต่ว่าจับได้ใบแดง ติดทหารสองปี อดเป็นแรปเปอร์แบบที่ฝันไว้
ชีวิตของชั้นช่างน่าอดสูนักนายเค ออกมาจากทหารหางานไม่ได้เรียนจบแค่ ม.3 เขาระเห็ดเร่ร่อน สุดท้ายเขาไปจบที่ดินแดนแห่งสายสัมพันธ์
"นี่มันดินแดนแห่งพันธสัญญาสินะ" เขามาถึงจุดแคมป์ของเหล่าโอตะ ที่มาออกันหน้างานกว่า 3 ล้านคน กลิ่นตัวเหล่าโอตะคะคลุ่งไปทั่ว
"แม่งเอ้ยทำไมพวกมันไม่ยอมทาโรออน" เคคุงทนกลิ่นเหม็นสาปไม่ไหว เขาคิดถึงสหายเก่าทั้งเพื่อนทหารเกณฑ์ และ ชาวปด เขาโหยหวน เคคุงจะทำยังไงต่อไปกันนะ
ใช่แล้วเขานึกถึงสมัยแรปอิสนาว เขาว้ากตะโกน "พวกโอตะเหม็นเปรี้ยวเอ่ย จงฟังชั้นซะ นี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาจมปลักกับการตามไอเด้าเต้นกินรำกินพวกนี้" เคคุงประกาศกร้าว
นี่คือบทเพลงแรปของเขา
"พวกโอตะไร้ค่า แกเป็นบ้าอะไร
ตามหอยโง่งมงาย ตัวมึงเหม็นเหมือนควาย โย่วๆ
พวกโอตะเดนนรก สกปรกเกินไป โรออนทาบ้างไหม
เอาเวลาที่ว่าง ทำให้สมองสร่างไหม เอาเวลาที่ว่าง ไปซักผ้าล้างจานไหม โย่วๆ
โอตะสกปรก อัปลักษณ์ซกมก โสโครกหมดจด ลบไม่หมด ลบไม่หมด
โอตะสกปรก อัปลักษณ์ซกมก ลบไม่หมด ลบไม่หมด"
เสียงแรปของเคคุงดังก้อง
เหล่าโอตะได้ยินถึงกับบรรลุในพระธรรม
"เหล่าเสียเวลาไปทำไมกัน" โอตะคนหนึ่งถึงกับพูดขึ้นพร้อมร้องไห้
"แทนที่เราจะเอาเวลาไปอาบน้ำ"
"ใช่แล้วพวกมึงน่ะควรเอาเวลาไปดูแลตัวเองก่อนล้าหี" เคคุงสั่งสอนพวกโอตะ
โอตะทั่วแผ่นดินซึ้งในคำสอนของเคคุง โอตะเลิกเป็นสวะสังคม
"พวกเราไปอวบน้ำล้างจาน" เหล่าโอตะแห่หนีออกจากงานไอดอล
และแล้วยุคสมัยของโอตะและไอดอลก็จบลง
ตอน แพนเค้กที่เละอยู่บนพื้น ตอนพิเศษ
เหตุการณ์ตอนที่แล้ว :ตูมมมมม พลังโมเอะญี่ปุ่น ปฐมยุค ของจิตเวชแรกกำเนิด เข้าจู่โจม องญเกาหลีเกลือ พลังโจมตี 1000 ล้าน เข้าใส่ร่างองญ ไร้ทางต่อต้านโดยสิ้นเชิง องญเกลือพ่ายแพ้!! อย่างไม่คาดคิด ไม่มีผู้ใดคาดเดาถูก นี่คือพลังของจิตเวช ไร้เทียมทานเสียจริง
สิ่งที่เหลือ เป็นเพียงกระดาษพับจรวจสีสันผ้าฉูดฉาด แปลกตา 6 จรวจ เท่านั้น ราวกับของที่เหลืออยู่คือกระดูกขององญเกลือ ลูกกระจ๊อกที่เหลือต่างแตกรังทันที จิตเวชได้ส่งหน่วยต่างๆเข้า
จู่โจมทั้งทาง1000ทิพย์ ท่อแดง นกX เฟสบนบก การต่อสู้จบลงด้วยความรวดเร็ว นี่จะเรียกต่อสู้ได้อย่างไร มันคือการสังหารหมู่ชัดๆ
อยู่ๆ โม่งป้าข้างบ้านที่สะบักสะบอมหนีทัพ ก็กล่าว ข้าไม่อาจแพ้มินต์ๆๆ พวกเขาท่องย้ำๆในใจ ราวกับคนสูญเสียสติ
"เจ้าพ่ายแพ้ให้ข้าแล้วโม่งป้าข้างบ้าน แหล่งพลังงาน เกลือของเจ้า ได้ดับสูญไปเรียบร้อยแล้ว ตัวเจ้านั้นจะเอาพลังมาจากไหนมาต่อสู้ได้อีก ฮ่าาาา555555+"
การต่อสู้จบลงด้วย ด้วยความรวดเร็ว โม่งป้าข้างบ้านโดนกระทืบสะบักสะบอม ฟันร่วงหมดปาก ตาบอดทั้ง 2 ข้าง นิ้วมือทั้ง 10 ล้วนหัก ทั้งสิ้น ไม่สามารถพิมอะไรได้แล้ว
โม่งจิตเวชดั้งเดิม กำลังง้างเท้าพร้อมกระทืบโหลกให้แหลกเละคาตีน พร้อมกับพูดว่า " มีอะไรจะสั่งเสียไหม แต่จู่ๆได้กลิ่น แพนเค้ก เชื่อมน้ำผึ้ง หอมๆ จากโรงอาหารพอดี
โม่งป้าข้างบ้านกล่าว เราอยากให้ม่วงมินต์ยุบไปซะ ยังไงองญเกลือก็ไม่อยู่แล้ว แต่หางตาก็เกลือบไปเห็น แพนเค้ก
อยู่ๆ โม่งป้าข้างบ้านก็พูดด้วยเสียงแหบพร่า "อยากกินแพนเค้ก"
เอ้ากินซะสิ จิตเวชดั้งเดิม โยนแพนเค้ก จนเละลงพื้นดูไม่น่ากินสักนิด แล้วโม่งป้าข้างบ้านก็เริ่มคลาน ง่ำกินไปนึงคำ@#!#@!#@!$!#$%@$ อยู่ โม่งป้าข้างบ้านอาการกำเริบทันที
พร้อมน้ำตาที่หลั่งริน
"ข้ายังไม่อยากใต้ตีนมินต์ ข้าอยากมีตัวตน เราไม่อยากอยู่แล้วถ้าไม่มีองญเกลืออยู่ด้วย
เราอยากชิมเกลือ เราอยากให้ม่วงผงาด เราอยากดับสูญพร้อมกับองญเกลือ
เราอยากกินแพนเค้กของม่วง เราอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ถ้าไม่มีองญเกลือ เราไม่อาจชนะมินต์
เราไม่อยากอยู่แล้ว ถ้าไม่มีองญเกลืออยู่ เราขอไม่มีชีวิตดีกว่า
ถึงจะไม่มีองญ เกลืออยู่ เราอยากกิน แพนเค้กของม่วง ขอแค่ได้กิน เราอยากมีชีวิต เราอยากมีชีวิต
เราไม่อยากตาย
ดวงจิตเวช มองร่างไร้สติ ที่กำลัง พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด หลังจากสูญเสียองญเกลือไป
"ดีแบบนี้แหละข้าชอบ 555555555+ ปิดฉาก องญเกลือที่เจ้าภาคภูมิใจซะ ปลิดชีวิต มันซะเดียวนี้ อย่าปล่อยให้เศษกระดูกกระดาษพับ6จรวจยังหายใจรวยรินอยู่"
โม่งป้าข้างบ้านกรีดร้องราวกับคนเสียสติ พุ่งเข้าหาองญเกลือทันที ฉีกกระดาษแล้วกระดาษเล่าจนไม่อาจปะติดปะต่อกันได้อีก
เมื่อนั้นจิตของเขา ก็เข้าสู่โลกนรกกันต์ทันที!!!
"ข้าจะช่วยให้เจ้าได้ใช้ชีวิตใหม่ในฐานะ โม่งป้าข้างบ้านไม่มีต่อไปอีกแล้ว คนพิการอย่างเจ้า โม่งม่วงvoid
ข้าจะเปลี่ยนเจ้าเอง ต่อจากนี้ เจ้ารับหน้าที่ดูแลพื้นที่ดับสูญ เจ้าจะมีชิวตอยู่ต่อในฐานตัวตนใหม่ ฮ่าๆๆๆ
ยิ่งข้าทำให้คนเป็นจิตเวชมากเท่าไร พลังก็กล้าแข็งขึ้นเท่านั้น นี่คือ โลกที่จิตเวชสร้างขึ้นมา
ผู้คนทั่วทุกสารทิศต่างหวาดกลัวเขา ชื่อเสียงกระฉ่อนไปไกล ตัวตน ไร้พ่าย จิตเวชปฐมบรรพชน ฉายา จิตเวชแรกกำเนิดoriginal
.
จบตอน... แพนเค้กที่เละอยู่บนพื้น
ภาคต่อไป 5 ปลิงดูดเลือด แห่งควายร่า
ปะทะ พลังในเงา
จิตเวชเหงาเลยวันนี้มีมันคุยอยู่คนเดียวในมู้ไอดอล ID6:OSJRrnSPqD >>>/music/19025/
จิตเวชน้ำก๊อกคู่ขาที่คอยคุยกับมันก็ไม่อยู่ พวกมึงก็ระวังไว้นะเล่นโม่งมากๆชีวิตจะไร้ค่าน่าสมเพชแบบจิตเวช
ดันกลบหนังสือเอ๋อ
โม่งหมอซึ่งโดนซัมมอนไปที่มู้ใหม่ปฏิเสเสียงเรียกและกลับมานั่งมองมู้ในตำนานอย่างอาดูร
"กูทำผิดพลาดตรงไหนนะ มู้นี้ถึงกลายเป็นมู้ล้างบางมุสลิมที่เต็มไปด้วยจิตเวชกับเรื่องเสียวที่ไม่ต่อเนื่องกัน วันนั้นที่ชิคกี้เริ่มแต่งเพลงด่าอัลเลาะห์กูควรจะห้ามคนอื่นๆรึเปล่านะ หรือกูควรจะแจ้งแอดมิน(?)แบนจิตเวชตั้งแต่เนิ่นๆ"โม่งหมอรำพึง
"แต่นั่นไม่สำคัญแล้ว พวกสตีฟกับพันธมิตรเดินทางมาเกือบถึงประเทศปัตตานีแล้ว กูจะทำให้การต่อสู้แห่งโชคชะตานี้จบลงในเม้นที่1000ให้ได้ แม้จะมีกูต่อเรื่องอยู่คนเดียวก็ตาม"
โม่งหมอออริจินิลประกาศกร้าว เม้นต่อไปจะตัดกลับไปที่เรือดำน้ำ แต่ตอนนี้รอกูก่อนนะเพื่อนโม่ง กูพิมพ์ตอนพักเข้าส้วม ขอกลับไปตรวจคนไข้ก่อน เดี๋ยวเที่ยงมาต่อ
พวกมึงคิดว่าเม้นต์ที่แล้วโม่งหมอออริจินอลแค่รำพึงรำพันไปตามเรื่องตามราวสินะ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่หรอก
โม่งหมอออริจินิลผู้อยู่คู่มู้นี้มาตั้งแต่จักรวาลแรกสุด(ที่บอกว่ามึงเป็นมะเร็ง)กำลังรวบรวมพลังของผู้สร้างในฐานะคนที่เมนต์เยอะถึง1ใน3ของมู้นี้(กูเล่นหลายไอดี) เพื่อมอบพลังที่เป็นทางสว่างให้ตัวละครที่โม่งหมอเป็นผู้สร้างขึ้นตั้งแต่แรก
"K! จงรับพลัง'Wokeอย่างพอดี'จากผู้สร้างผู้นี้ไปซะ!"
...
ในเรือดำน้ำ หลังสตีฟใช้พลังสมานและป้องกันเรือดำน้ำสำเร็จภายใต้การคุ้มครองของเต้
เคก็ได้ยินพระวัจนะของผู้สร้าง
"อย่างนี้นี่เอง ให้โว้คอย่างพอดีสินะ"เคเปรย "สตีฟ เต้ โจมตีส่วยหัวของ ออนิว อ.โกโจ และยาสุเกะให้กะโหลกแตกแต่ไม่ตายไม่หมดสติทีสิ!"
สตีฟพยักหน่ารับคำแม้จะไม่เข้าใจว่าให้ทำไปทำไม เขาหยิบปิ๊คกีตาร์เหล็กที่เหลาขอบจนคมขึ้นมาสามอัน ส่งให้เต้ไปจัดการยาสุเกะอันนึง ส่วนตัวเขาเองเอาปิ๊คอีก2อันที่เหลือไปเฉาะหัวออนิวกับอาจารย์โกโจ
เต้อาศัยจังหวะที่ยาสุเกะสู้ติดพันอยู่กับวิชัยและพวก ซัดปิ๊คอันสุดท้ายเฉาะหัวซามุไรมืดได้สำเร็จ
เคเอาขั้วอิเล็คโทรดสำหรับตรวจคลื่นสมองที่ติดกระเป๋ามาไปต่อกับปิ๊คกีตาร์ทั้ง3อัน (โดยวิชับกับเต้ช่วยกันรั้งยาสุเกะไว้) ปลายสายไฟอีกด้านต่อเข้ากับกีต้าร์ไฟฟ้าที่สตีฟพกมาด้วย
เคดีดคอร์ด G/C ดังกังวาลใสพร้อมประกาศ "หยุดตีกัน! จงฟังพระวจนะของผู้สร้าง1ใน3ของโลกนี้!"
สามคนที่โดนปิ๊คเหล็กปักหัวชักเกร็ง1ทีก่อนนิ่งไป คนอื่นๆเลยได้หยุดสู้และยืนฟังเคพูดแบบงงๆ
เคเริ่มดีดเพลง Imagine ของจอห์น เลนน่อนพร้อมพูดกับยาสุเกะ "ฟังนะยาสุเกะ การที่นายเป็นคนดำนั้นไม่ผิดเลย การเป็นมุสลิมก็ไม่ผิดด้วย แต่การที่นายเปลี่ยนคนอื่นให้กลายเป็นคนดำมุสลิม อันนี้ผิดแน่ๆ นี่คือโลกที่นายอยากสร้างจริงๆเหรอ บังคับคนให้เปลี่ยนเชื้อชาติ เปลี่ยนศาสนาตามใจผู้แข็งแกร่ง แบบนั้นมันต่างจากที่คนขาวทำกับบรรพบุรุษนายตรงไหน
คนดำไม่ใช่ความชั่วร้าย ศาสนาอิสลามก็ไม่ใช่ความชั่วร้าย โว้คเองก็ไม่ใช่ความชั่วร้ายด้วยถ้าทำอย่างพอดี
ยาสุเกะ พวกเราไม่ได้เดินทางไปปัตตานีเพื่อทำลายศาสนาอิสลาม เราไปเพื่อหยุดอ.สามารถที่เอาศาสนาของนายมาใช้ก่อสงครามในทางที่ผิด มาร่วมมือกับเราซะยาสุเกะ นำทางพวกเราไปวิหารหลักที่อ.สามารถกับอับดุลรอนิงอยู่ซะ!"
สิ้นสุดคอร์ดสุดท้ายของเพลง การเบิกเนตรด้วยโว้คอย่างพอดีก็สัมฤทธิ์ผล
อ.โกโขงจ กับออนิวกลับมาเป็นปกติ ส่วนยาสุเกะเองก็มีแววตาที่ใสกระจ่างขึ้น
"ข้าเข้าใจแล้ว"ซามุไรมืดกล่าว "ข้าจะพาพวกท่ายไปวิหารลับเอง"
ในที่สุดเรือดำน้ำก็เทียบท่าที่ท่าเรือปัตตานี ทางหลังจากนี้ต้องเปลี่ยนยานพาหนะกันแล้ว
ว่าแต่จะใช้อะไรเดินทางล่ะ?
รออ่านต่อครับ
ส่วนที่โม่งอาวุธต่อไว้...
ยามเย็นที่ท่าเทียบเรือ Pattani pier 4
บนหอยามด้านหน้า ทั้ง 8 หอ มี ทหารยามบนป้อม ป้อมละ3 นาย โพกผ้า มีอาวุธปืนกลRPD ดัดแปลง ให้ป้อนกระสุนด้วยสายกระสุนยาว5เมตร แทนที่จะเป็นจาน เหมือนตอนมันมาจากโซเวียต
ส่วน ที่โต๊ะด้านล่างของป้อมทางเข้า ทหารโพกผ้าไว้หนวดเครา เช็คเอกสาร และอาวุธจากกลุ่มของสตีฟ
สตีฟและกลุ่มในชุดคลุมปลอมตัวเป็นนักบวช โดยให้มียาซุเกะนำเอกสารปลอมให้ทหารยาม บอกว่าว่าเป็นกลุ่มนักสอนศาสนา จะเข้าเมืองไปทำพิธี ในพรุ่งนี้ แน่นอน ด้วยเอกสารของจริง บวกค่าผ่านทาง 50ดีนาร์ ทหารยามก็ได้ให้เข้าไป
ยาซุเกะรู้สึกโล่งอก ที่ผ่านไปได้อย่างนุ่มนวล ขณะเดียวกัน มีเสียงหญิงสาว หน้าตาดีที่พาแม่ของเธอจะเข้าสู่ นครปัตตานี
ขอเข้าไปในเมือง แม่ของเธออาการไม่ดีปวดท้องน้อยด้านซ้ายคล้ายเป็นไส้ติ่งแตก
ทหารยามหนวดเฟิ้มไม่ให้เข้า เนื่องจากเธอไม่มีเงิน 50 ดีนาร์
เธอคุกเข่าอ้อนวอน ทหารยามบอกงั้นเธอต้องจ่ายด้วยร่างกาย
หญิงสาวอึ้ง แต่ก็ต้องยอม เพื่อแม่ของเธอ
สตีฟ ขยับ จน ยาซุเกะ เตือนว่า เรื่องของคนอื่น แต่สตีฟ ไม่สน
สตีฟ ยื่นเงินให้ ทหารหนวดงาม 50 ดีนาร์ ทหารรับ แต่ยังจับมือสาวคนนั้นไว้
แล้วบอกว่า เธอผิดกฎอีกข้อ ที่มาตอนด่านปิดแล้ว คงต้องมาปรนนิบัติเขาจนกว่าจะถึงเวลาเช้า ที่ด่านเปิด
สดีฟ ได้พุ่งเข้าชกทหารยามจนลอยไปกระแทกต้นไม้ ทุกคนตกใจ ทหารยามบนป้อม ระดมยิงมาที่กลุ่ม สตีฟทันที
ออนิวกดช่องเก็บของคาดเอวเรียวผ้าคลุมวิทยาการของเผ่าม่าน(ซึ่งก็คือสิ่งที่เรียกว่าภูษาเวทของยามาโตะในโลกก่อน ทนทาน แต่ผ่านเครื่องตรวจจับโลหะได้) มันทำงานได้ดี ผ้าขึ้นบังรับห่ากระสุน 5.56 mm ที่รัวจนปลอกกระสุนตกสูงระดับหน้าแข้ง หมดเสียงกระสุน ผ้าของออนิวไม่มีแม้แต่รอยกระสุน
สตีฟพุงขึ้นไปจัดการทหารยาม แม้ทหารยามจะมีวิชาปันจักสีลัต แต่หมัดตรง และหมัดฮุกของเขา ก็เพียงพอต่อการจัดการทหารบนป้อมในเวลาไม่นาน
"สตีฟ นายทำอะไรลงไป พวกมันได้แห่กันมาตามล่าเราแน่ เราไม่ได้ติดอาวุธหนักมาเลยนะ" ยาสุเกะตำหนิ
ขณะเดียวกัน เสียงดังได้ทำให้คนดูจอมอนิเตอร์ที่ท่าเรือยิ้ม
"มีหนูมากัดทหารยามว่ะ ค่อยมีอะไรสนุกๆทำสักที ไปกันเถอะ ไปสังหารฝูงหนูที่น่าสมเพชกัน"
ทหารในชุดเกราะกันกระสุน มีตรา ดาบกุรข่าสีทอง เดินไปหยิบอาวุธ รถหุ้มเกราะจอดอยู่ข้างหน้า พร้อมลุยในทันที
...จบส่วนที่โม่งอาวุธต่อไว้
เม้นต์ถัดไปจะเป็นส่วนที่โม่งหมอมาต่อ ขอเวลาเรียบเรียงชั่วโมงนึง กูรำคาญคำผิดของตัวเอง
คณะนักเดินทางต่อสู้กับกองทหารพิทักษ์รัฐปัตตานีอย่างห้าวหาญแม้จะมีแค่ผ้าคลุมป้องกันกับอาวุธลับติดตัวที่ทำจากหินควอทซ์เสริมแกร่งกับหน้าไม้เสริมกำลังที่ไม่มีส่วนประกอบโลหะ แม้ลูกดอกควอทซ์เสริมแกร่งจะแข็งเท่าเพชรและเจาะเกราะได้ แต่แน่นอนว่าพลังโจมตีอาวุธเหล่านี้ไม่สามารถสู้ปืนหนักและรถหุ้มเกราะได้เลย
พวกสตีฟโดนโจมตีจนถอยร่นไปอยู่ในโกดังเก็บเรือหมายเลข13 ลากซากเรือเก่ามากั้นประตู แต่ดูท่าสิ่งกีดขวางจะทนการโจมตีของรถหุ้มเกราะได้อีกไม่เกินครึ่งชม.
"แม่งใครเลือกโกดังวะ เลขอัปมงคลชิบ" สตีฟบ่นขณะเตรียมอาวุธขว้างชุดใหม่
"หยุดบ่นไอ้ห่า"เต้สละเวลาบรรจุลูกดอกชุดใหม่มาตบหัวเพื่อนรัก "ที่เราต้องมาหลบในโกดังเลขอัปมงคลนี่ก็เพราะมึงทำตัวเป็นพระเอกแบบไม่ดูสถานการณ์แท้ๆ"
"ขอโทษนะคะ" สาวปริศนาที่สตีฟช่วยไว้ที่ติดร่างแหเข้ามาหลบในโกดังพร้อมแม่ผู้กำลังป่วยกล่าวอย่างรู้สึกผิด "พวกคุณต้องเจอเรื่องเลวร้ายเพราะช่วยฉันกับแม่แท้ๆเลย แต่ก็ขอบคุณนะคะ ทั้งที่ช่วยฉันตอนแรก และช่วยดึงฉันกับแม่ให้รอดกระสุนหลงของกองทหารด้วยค่ะ ไม่งั้นพวกเราคงไม่รอดแล้ว"
"อย่าเพิ่งรีบขอบคุณเลย" เคกล่าวหลังตรวจอาการแม่ของหญิงสาว "แม่คุณมีอาการท้องเกร็งเหมือนผนังหน้าท้องอักเสบ(peritonitis) แปลว่าไส้ติ่ง-หรือไม่ก็ถุงยื่นผนังลำไส้ที่อักเสบ(diverticulitis)ใกล้จะแตกแล้ว ถ้าไม่รีบผ่าตัดภายใน3ชม. แม่คุณก็อาจจะตายได้อยู่ดี"
เชิงอรรถจากโม่งหมอ: ไส้ติ่งจะอยู่ด้านขวาเป็นส่วนใหญ่แต่เจอด้านซ้ายได้20%ของประชากร แต่กรณีคนแก่เจ็บซ้ายล่างต้องสงสัยDiverticulitisด้วย
"ไม่นะ ฮือๆ" หญิงสาวร้องไห้ "จะทำยังไงดีแม่ถึงจะรอด"
"หรือว่าเราจะยอมแพ้-"
"หุบปากสตีฟ" ออนิวตัดบท "ถึงเราจะยอมแพ้พวกมันก็ไม่ไว้ชีวิตเราหรอก และถึงมันจะไว้ชีวิตหญิงสาวคนนี้ ก็คงไม่ได้ใจดีขนาดยอมพาแม่เธอไปรพ.ใน3ชม.หรอก"
"สหาย ซากเรือที่เรายันประตูไว้ใกล้พังแล้ว" เจไดเตือน "น่าจะเหลือเวลาแค่5นาที เราต้องตัดสินใจแล้วว่าจะสู้หรือหนี"
"สู้น่าจะไม่รอด"ยาสุเกะประเมิน "แต่เราจะหนีไปไหนนี่สิ"
ทันใดนั้นเหมือนกับตอบคำถามของซามุไรหนุ่ม ฝาท่อบนพื้นที่ใหญ่พอให้คนมุดที่โดนฝุ่นกลบจนไม่มีใครสังเกตก็เปิดขึ้น
คนที่เปิดฝาเป็นหญิงสาวสวบฮิญาบแต่งตัวทะมัดทะแมง
"แยสมีน! เปิดขึ้นไปทำไมกัน! เขารบกันอยู่แท้ๆ" เสียงหญิงสาวอีกคนเรียกมาจากในท่อ แต่หญิงสาวคนแรกที่ถูกเรียกว่าแยสมีน กวาดสายตามองกลุ่มคนที่อึ้งอยู่ และจ้องมองหญิงสาวปริศนากับมารดาตาเป็นประกาย
"ฉันไม่ได้หูฝาด นูราห์! มีผู้หญิงร้องไห้อยู่จริงๆ มีหญิงแก่ป่วยอยู่ด้วย" แยสมิสกล่าวกับเพื่อนก่อนหันมาอธิบายสถานการณ์ในกลุ่มคนบนพื้นฟัง "ข้างใต้นี้มีหลุมหลบภัยของพวกผู้หญิงในเขตนี้อยู่ ส่งผู้หญิงมา เราจะดูแลพวกเธอเอง ส่วนผู้ชายห้ามเข้า"
"เธอ! ริโกะใช่มั้ย?!" เต้ผู้จำหน้าคนแม่นร้องเรียก "ริโกะจากโลกไอดอล! ขอพวกเราลงไปหลบข้างล่างทีเถอะ! เราสัญญาว่าจะไม่เข้าเขตอาศัยพวกเธอ ไม่เกิน1ชม.จะไป"
แยสมีนหรือริโกะส่ายหน้า "ฉันจำพวกนายได้ แต่ไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้าอยู่ดี"
"พวกคณะเดินทางปราบอ.สามารถเหรอ?" นูราห์ ซึ่งออนิวจำได้ว่าคืออาภาพร/มลุลีโผล่ขึ้นมาแบกแม่ของสาวปริศนาลงท่อไปพร้อมแนะนำทิ้งท้าย "พวกนายตีฝ่าหนีไปทางศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวซะสิ มีกำลังเสริมอยู่ที่นั่น"
คณะเดินทางจะทำยังไงดี
1.ต่อรองของหลบภัยให้ได้
2.บุกฝ่าไปหากำลังเสริม
3.คิดทางใหม่
โม่งคนถัดไป มึงเลือก
[ส่วนที่โม่งอาวุธเขียน]
อีก10นาทีจะเที่ยงคืน นอกโกดัง13
เสียงเกลี้ยกล่อมให้กลุ่มนักเดินทางมอบตัวได้เงียบลงแล้ว เหมือนกับว่า มันจะเป็นความเงียบก่อนมโหรีจะบรรเลง
Hira นักรบกูรข่าดาบทอง ผู้ได้อับดับ 1 ของการผ่านบททดสอบ Doko race แต่ถูกออกจากกองทัพอังกฤษเพราะความคะนองที่ไม่เหมือนชาวกูรข่าคนอื่น
กลุ่มนายหน้าค้าความตายได้แนะนำเขาให้มาทำงานที่นี้ ทำให้ฐานะทางบ้านดีขึ้น
เขารู้สึกทึ่งในฝีมือของคนที่เขาเรียกว่าหนูในตอนแรก น่าเสียดายที่การเจรจาให้มาดวลมีดกันไม่เป็นผล ฝ่ายผู้บุกรุกคงคิดว่าเราจะแอบลอบกัด
ขณะเดียวกันในโกดัง
สตีฟสำรวจหาของในโกดังเพื่อใช้ให้เป็นประโยชน์ แต่ยิ่งหายิ่งเศร้าใจ
มีโลงหลากหลายขนาด มีทั้งโลงไม้ โลงเหล็ก มีตำราทำศพ กองพะเนิน ลวดอะลูมิเนียม
ว่าแต่คนที่นี่ไม่มีอุปกรณ์เผาศพ เชื้อเพลิงอะไรก็ได้ รึเน้นฝังกัน แต่แล้ว สตีฟ ก็นึกอะไรบางอย่างได้
"ขอquartzหน่อย" สตีฟพูด ท่ามกลางสีหน้าสงสัยของทุกคน
ที่นอกโกดัง
Hira แจ้งขอคำสั่งเพื่อพังโกดัง13 ที่ เก็บอุปกรณ์งานศพ จากการถามคนดูแล มันไม่มีสิ่งที่ใช้เป็นอาวุธได้เลย
แต่อยู่ ๆโกดังก็พัง เหมือนมันโดนผ่าครึ่งยันหลังคาและล้มลงไปทั้ง 2 ด้านเปิดให้โล่ง เห็นกองมืดๆของวัสดุ และเงาผ้าที่โปร่งออกผูกโลงไม้ กำลังลอยเหนือพื้น เหมือนบอลลูน เหมือนโคมยี่เป็ง
'จะหนีสินะ เข้าใจเล่นนะ มิคกี้' Hiraยิ้มอารมณ์ดี
"ยิง!" Hiraสั่ง
สารพัดอาวุธสงครามสาดกระสุนไปที่ บอลลูน จนมันร่วงลงมา
Hiraสั่งให้ล้อมและยิงอีกครั้ง
ฟรึ้บ! เกิดประกายแสงสีขาวจ้าจนตาทุกคนพร่ามัว
"จังหวะนี่ละ!" สตีฟให้สัญญาณออนิวเปลี่ยนสภาพผ้าจากโคมให้เป็นลูกบอลคลุมทุกคน
ลูกบอลยักษ์ได้กลิ้งทับทหารรับจ้างแล้วก็กระดอนข้ามไปลงทางในท่าเรือ ก่อนกลิ้งไปตามทางสู่ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวต่อไป
เชิงอรรถ: สตีฟใช้quartz บดลวดทำผงอะลูมิเนียม และบดโลงเหล็กทำผงตะไบเหล็ก ผสมดินปืนจากปืนที่ได้มาตอนประทะกันตอนแรก บวกกับความร้อนที่มีลูกกระสุนปืนอันมหาศาลที่ยิงเข้ามาทำให้เกิดแสงสีขาว
ลูกบอลกลิ้งด้วยความเร็วสูงตลอดทาง10กม.โดยไม่มีอุปสรรคเพรากองกำลังส่วนใหญ่ไปรวมพลที่ท่าเรือแล้ว
ที่หน้าศาลเจ้าแม่ ทุกคนล้วนอ้วกไปตามๆกัน เพราะกระเด้งกระดอนอยู่ในลูกบอลยักษ์มาตลอดทาง
[จบส่วนที่โม่งอาวุธเขียน เม้นต์ต่อไปเป็นส่วนของโม่งหมอ รอประมาณชั่วโมงกว่าๆ]
ที่หน้าศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว
หลังสมาชิกคณะเดินทางอ้วกกันจนหายมึน ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ประตูหน้าศาลที่ถูกปิดตายตามคำสั่งคณะปกครองมุสลิม แต่ประตูเล็กข้างศาลแง้มออกเล็กน้อย
"กลุ่มของสตีฟ ออนิว เจได มากันครบสินะ"เสียงผู้หญิงที่ฟังดูคุ้นๆดังขึ้น "รีบเข้ามาในศาลเร็วเข้า ก่อนที่หน่วยลาดตระเวนจะมาตรวจ"
ทุกคนรีบย่องตามกันเข้าประตูอย่างเงียบเชียบ หญิงปริศนาในเสื้อคลุมนำทางพวกเขาไปที่ทางลับใต้ดิน พอคนเข้าครบจึงล็อกประตู เปิดไฟ และถอดหมวกเสื้อคลุมเผยใบหน้าที่คุ้นเคย
"เป็นเธอเองเหรอคำแก้ว" ออนิวทักทายอดีตเพื่อนร่วมงานจากโลกเก่า
"พวกเราลักลอบขนอาวุธเข้ามาที่นี่ทีละนิดหลายวันแล้ว" คำแก้วอธิบายทันทีพร้อมเปิดคลังอาวุธให้ผู้มาถึง "ไม่มีอาวุธพิเศษของพวกนายแต่น่าจะมีของที่ใช้แทนกันได้ รีบเลือกอาวุธซะ จะได้ไปวางแผนกับกองหนุน"
"กำหนดการณ์พิธีสาปแช่งของอ.สามารถคือพรุ่งนี้หลังตะวันขึ้น สถานที่คือวิหารลับที่ใต้เมืองโบราณยะรัง ข้อมูลของเราถูกต้องมั้ย"เต้รีบถามขณะคนอื่นๆเลือกอาวุธ
"สถานที่ถูกต้อง แต่มีการเปลี่ยนแปลงเวลาเป็นหลังการละหมาดซุบฮิตอนตี5 เรามีเวลาไม่เยอะแล้ว"คำแก้วตอบพร้อมกวาดตามองกลุ่มคนในคลังแสง ก่อนจะขมวดคิ้ว "อ.ปวินกับอ.โกโจไม่ได้มากับพวกนายเหรอ? เราต้องพึ่งพวกเขาในการทำลายพิธีนะ"
"2คนนั้นแยกไปอีกทางน่ะ" เจไดเป็นคนตอบ "ป่านนี้คงถึงเมืองโบราณแล้ว"
"ไปกันแค่2คนถ้าถูกลอบโจมตีจะทำยังไง"คำแก้วนึกห่วงขึ้นมา
"ไม่เป็นไรหรอก เราส่งกำลังเสริมไปทางนั้นแล้ว"ออนิวตะโกนตอบจากอีกฝั่งห้อง
"พี่ดนัยกับทรายสินะคะ"ประโยคนี้คำสร้อยแฝดน้องของคำแก้วที่เพิ่งเดินเข้ามาเป็นคนถาม"2คนนั้นแฝงตัวเจาะระบบสะเดาะกลอนเก่งมาก คงพาพวกอ.หลบหลีกอุปสรรคเข้าวิหารลับได้ แต่ถ้าเจอศัตรูซึ่งหน้าล่ะคะ ถ้าอ.โกโจออกหน้าสู้จะไม่ถูเจอตัวเหรอ"
"ไม่ต้องห่วง มีKที่สะกดจิตได้ไปอีกคนแล้ว" สตีฟตอบ "แต่หมอนั่นติดภารกิจผ่าไส้ติ่ง-ไม่ก็ถุงยื่นลำไส้คนไข้ฉุกเฉินอยู่น่ะสิ"
ทั้ง3คนนั้นแยกตัวออกไปในทางลับใต้ดินกับพวกแยสมีนตั้งแต่ในโกดังนั่นเอง
ทรายที่เป็นผู้หญิง(แม้จะแต่งชายเข้ามา)ต่อรองขอให้นูราห์ยอมพาผู้ชาย2คนปิดตาเข้าทางใต้ดินเพื่อช่วยแม่ของหญิงสาวปริศนา ดนัยที่เป็นนักสะเดาะกลอนสำหรับการบุกใช้รพ.ยะรังที่ถูกทิ้งร้าง กับเคที่เป็นหมอผ่าตัดมือดี โชคดีที่สาวๆยอมเข้าใจ 3คนนั้นเลยไม่ต้องมากลิ้งกระดอนกับพวกเขา
"งั้นทุกอย่างก็เรียบร้อยตามแผนคร่าวๆของเราแล้ว" คำแก้วประกาศ "ตอนนี้เที่ยงคืนครึ่งแล้ว ถ้าทุกคนได้อาวุธแล้วรีบไปประชุมกันเถอะ เราต้องออกเดินทางก่อนตีสาม"
"โอ้!" ทุคนขานรับ เก็บอาวุธแล้วเดินเรียงแถวไปห้องประชุม
ศึกสุดท้ายจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.