วันอาทิตย์ที่ท้องฟ้าเป็นสีม่วง มีรถยี่ห้อซูซูกิไม่ทราบรุ่นสีเทาได้ขับเข้ามาถึงลานจอดหน้าบ้าน เด็กสาววัย13 และปู่ย่าในวัยเฉียด70ที่นั่งอยู่ในบ้าน ไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าบุคคลที่อยู่ในรถคันนี้ จะเปลี่ยนชีวิตของคนในบ้านนี้ตลอดกาล
"ปู่ย่าคนนี้เป็นแฟนหนุ่มสุดหล่อลากของหนูเองค่ะ" หลานสาวคนโตวัย18ได้เอ่ยขึ้นพร้อมขยับตัวให้แฟนหนุ่มของตัวเองได้เข้ามาทักทาย
"สวัสดีครับ" หลังจากทักทายด้วยถ้อยคำสั้นๆ ชายหนุ่มที่ดูยังไงก็น่าจะอายุมากกว่าเป็น10ปีเห็นจะได้ มือที่ดูดีราวกับคนไม่เคยหยิบจับอะไรหนักๆ ได้เอามาดันกรอบแว่นบนใบหน้าธรรมดาที่หาได้ตามตลาดหรืองานวัดทั่วไปหนึ่งครั้ง
"ผมเพิ่งเรียนจบป.วิศวะจากเมืองหลวงมาครับ ตอนนี้มาหางานทำที่บ้านเกิดที่ต่างจังหวัด" นั่นปะไรอีแก่เคี้ยวหญ้าอ่อน นี่คือเสียงความคิดของเด็กน้อยวัย13 ที่ได้แต่ตำหนิชายหนุ่มผู้นั้นในใจพลางสบตามองใบหน้าชายหนุ่มที่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ดูลึกลับ และเจ้าเล่ห์
"เอ่ออคือว่า" หนนี้เป็นเสียงของหลานสาวคนโตที่เหมือนกำลังจะพูดอะไรซักอย่าง แต่กำลังชั่งใจที่จะกล่าวประโยคถัดไปออกมาด้วยความอึดอัดใจ
เมื่อแฟนหนุ่มของเธอเห็นดังนั้นจึงเอามือมาจับที่มือของแฟนสาวของตัวเองเอาไว้พร้อมพยักหน้าให้กำลังใจไปหนึ่งครั้ง
"หนูท้อง2เดือนแล้วค่ั จากนี้ไปพี่คนนี้จะมาอยู่กับเราที่นี่" โอ้ยผัวแมงดา เสียงในใจของเด็กสาววัย13ได้กล่าวตำหนิชายหนุ่มผู้เป็นคนรักของพี่สาวคนโตของตัวเองได้ดังขึ้นมาอีกหน
"เอาสิลูก ไหนๆก็ไหนๆแล้วนะ" ชายแก่ได้เอ่ยขึ้นมาอย่างหาทางออกไม่ได้ จึงคิดว่าไม่มีอะไรจะเสียหายไปมากกว่านี้อีกแล้วล่ะ โชคดีจังที่หลานสาวคนนี้มีปู่ที่มีหัวสมัยใหม่ ท้องก่อนแต่งหรือไม่ต้องแต่งใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเลย ก็สะดวกดี ประหยัดเงิน และไม่เอิกเกริกด้วย
ในช่วงแรกที่ชายหนุ่มผู้เพอร์เฟคเข้ามาอยู่ในบ้านในฐานะหลานเขย มันแดกเรียบหมดทักอย่าง ไม่ว่าจะข้าวกี่ถัง น้ำกี่ลิตร โดยไม่ช่วยออกเงินแม้แต่บาท โดยเอาแต่อ้างว่าเพิ่งจบและกำลังหางานจึงไม่มีรายได้ที่จะช่วยค่าข้าวค่าใช้จ่ายภายในบ้าน
"เอาเถอะหลานเขยของปู่ ยังไม่มีงานก็ไม่เป็นไร พวกข้าเลี้ยงเองไหวอยู่แล้ว " ชายชรากล่าวออกมาอย่างไม่คิดถือสา
และชายหนุ่มผู้เป็นคนรักของหลานสาวคนโตก็ได้ตอบรับไมตรีที่ชายชราเป็นคนมอบให้ด้วยความเต็มใจด้วยการกินอย่างสุดความสามารถ ใช้ทรัพยากรอย่างถึงที่สุดแต่เหมือนจะยังไม่สาแก่ใจความรู้สึกกระหายของชายหนุ่มผู้นั้น
"น้องคิดยังไง ถ้าพี่จะเปิดธุรกิจซักอย่าง" ชายหนุ่มถามความเห็นหญิงสาวข้างกาย
"ก็ดีนะคะพี่" แน่นอนว่าหญิงสาวเห็นดีเห็นงามด้วยกับชายหนุ่มสุดเท่หน้าตาบ้านๆ(นอก)ของเธอ
"แต่ว่า พี่ต้องมีทุนก่อนน่ะสิ" ชายหนุ่มชั่งใจก่อนจะพูดอีกประโยคถัดมา
"บ้านเธออยู่ติดกับถนน อยู่ในย่านที่ดี ต้องได้ราคาแน่ๆ แต่ว่าพี่ไม่ได้หมายความว่าต้องขายบ้านเธอเพื่อเงินทุนนะ แต่จำนองเอาไว้ ภายใน1ปี พี่สามารถไถ่ถอนคืนได้แน่นอน"
หญิงสาวเม้มปากพลางใช้ความคิด อย่างไรเสีย ย้านหลังนี้ก็ไม่ใช่ชื่อของเธอ
"เดี๋ยวน้องจะลองคุยกับปู่ดูให้"
.....
"ไม่ได้หรอก" ชายชรากล่าวออกมาด้วยเสียงเหนื่อยอ่อน
"ทำไมล่ะคะ ปู่ก็รู้ว่าพี่เค้าเรียนจบสูง ต้องมีหัวค.เอ้ยหัวคิดดี ต้องต่อยอดธุรกิจของตัวเองได้แน่ๆ แต่ว่า..ต้องมีทุนด้วย"หญิงสาวพยายามเกลี้ยกล่อมปู่ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ
"แล้วเหลนของปู่ จะเติบโตมายังไง ถ้าปู่สนับสนุนพ่อของเหลนอย่างเต็มที่คงดี.."
ด้วยความรักและความหวังดีที่ปู่มีให้หลานและเหลนของตัวเอง จึงตัดสินใจทำตามที่หลานขอ