มีเรื่องเล่ากันว่า ชายคนหนึ่งกำลังขึ้นรถไฟกลับบ้าน เขานั่งในที่นั่งของเขานานก่อนรถไฟออก ก่อนรถไฟออกไม่นาน หญิงสาวคนหนึ่งลากกระเป๋ามาหยุดตรงหน้าเขา เอ่ยกับเขาว่า “ขอโทษค่ะ คุณนั่งที่นั่งผิดนะคะ”
เขาตอบว่า “ไม่ผิด นี่เป็นที่ของผม”
“ช่วยดูตั๋วอีกครั้งนะคะ คุณนั่งที่นั่งผิดนะคะ”
เขารู้สึกโกรธ ควักตั๋วของเขาขึ้นมาให้เธอดู เขาชี้ที่ตัวเลขขบวนและเลขที่นั่ง มันตรงกับที่นั่งของเขา “เห็นไหม เลขตั๋วตรงกับที่นั่งนี้”
“แต่...”
เขารู้สึกหงุดหงิด บังคับอารมณ์ไม่อยู่ มีโอกาสหนึ่งในล้านที่เขาจะผิด เขาพูดเสียงดังว่า “คุณตาบอดหรือเปล่า จึงมองไม่เห็น”
เธอดูตั๋วของเขาแล้วไม่พูดอะไร ก้าวไปยืนไม่ไกลออกไป
ในที่สุดขบวนรถไฟก็เคลื่อนออกจากสถานี
เขาคิดในใจ คนบางคนมีหลักฐานชัด ๆ แล้วก็ยังไม่เห็น
...................
เวลาตรวจต้นฉบับเรื่องสั้นหรือนวนิยาย สายตาผมสามารถมองข้ามจุดผิดไปนับหลายสิบครั้งโดยไม่เห็น ทั้งที่อยู่ต่อหน้า และใช้สมาธิเวลาตรวจด้วย ก็ยังพลาด
บ่อยครั้งมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าหนังสือเล่มใหม่จะไม่มีคำผิดแน่นอน เพราะตรวจอย่างละเอียดแล้ว ทว่าเมื่อตีพิมพ์แล้ว ก็มีคนแจ้งเสมอว่า คำหน้านี้หน้านั้นพิมพ์ผิด
เมื่อตรวจสอบก็พบว่ามันพิมพ์ผิดจริง มันลอดตาเราไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ตรวจแล้วตรวจอีกหลายรอบ ครั้นสอบถามคนอื่น ก็มีอาการเดียวกัน ทั้งนี้เพราะสมองคนเราสามารถลวงตาเราได้ง่าย ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ต่อหน้าต่อตาเรา
ในวงการยุติธรรม ความทรงจำของคนไม่ค่อยใช้เป็นหลักฐานมัดคนผิด เพราะความจำของคนพลาดได้ง่ายมาก
หนังสือที่พิมพ์คำผิดไม่กี่คำคงไม่ทำให้เกิดความเสียหายหรือเปลี่ยนชีวิตใคร แต่ในบางเรื่องอาจจะมีผล เช่นเรื่องความเชื่อทางศาสนา
บางคนเชื่อแนวคิดของศาสนาหนึ่งและยืนยันว่ามันถูกต้องหรือเป็นหนทางที่ดีที่สุด ทว่าในเมื่อแนวคิดทางศาสนาแตกต่างตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เช่น เทวนิยมกับอเทวนิยม เราจะรู้จริง ๆ ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราเชื่อถูกแล้ว? สมมุติว่าเราเกิดในครอบครัวพุทธ เราเชื่อมั่นว่าไม่มีพระผู้สร้าง แต่หากเราเกิดในครอบครัวคริสต์หรืออิสลาม เราอาจเชื่อตรงข้าม ต่างฝ่ายต่างสามารถยืนยันเสียงแข็งว่าแนวคิดที่ตนเชื่อถูกต้อง
ดังนั้นทางเดียวที่จะตอบหลาย ๆ เรื่องในโลกได้จึงไม่ใช่ที่ความเชื่อมั่น แต่ว่ากันที่หลักฐานหรือตรรกะ หรือการคิดแบบวิทยาศาสตร์
คนบางคนมั่นใจเกินไป เชื่อว่าตนเองถูก แต่บางครั้งกลับมีจุดเล็ก ๆ ที่มองข้ามไป
แง้มประตูเปิดไว้นิดหน่อย อย่าเพิ่งปิดตาย เพราะเราอาจพลาดได้
และในกรณีตั๋วรถไฟ อาจดีกว่าถ้าผู้ชายที่นั่งอยู่ก่อนถามผู้หญิงว่า ทำไมเธอจึงคิดว่าเขานั่งที่ผิด เพราะถึงแม้ว่ามีโอกาสหนึ่งในล้านที่เขาจะผิด แต่หนึ่งในล้านก็คือความเป็นไปได้
...................
รถไฟแล่นไปได้พักหนึ่ง หญิงสาวก็ตรงมาหาชายคนนั้นอีกครั้ง บอกว่า “ขอโทษค่ะ คุณนั่งที่นั่งผิดนะคะ”
เขาคิดในใจ คนบางคนมีหลักฐานชัด ๆ แล้วก็ยังไม่เห็น
เขาบอก “เอ๊ะ! คุณนี่ยังไง ผมนั่งถูกเลขแล้ว”
“ใช่ค่ะ คุณนั่งถูกเลข แต่ผิดขบวนค่ะ รถไฟขบวนนี้ขึ้นเหนือ ตั๋วของคุณลงใต้”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง