ถ้าถามกลับกันว่า
คนที่เชี่ยวชาญ crypto ไม่ควรย้ายไปเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เพราะอะไร
คำตอบแบบไหน ถึงจะสวยดี
จริงๆแล้ว เรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่เค้ามีงานวิจัยบอกว่า คนเรา มักจะเลือก และ อยากได้ยินในสิ่งที่เราอยากฟัง หรือ รู้สึกว่าฟังแล้วมันเข้ากันได้กับความคิดของเราเป็นหลัก และ ignore สิ่งที่ต่อต้าน หรือตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราคิด
ดังนั้น ถ้าเรามองหลายๆ มุม (สองมุมมันน้อยไป) เราก็จะเริ่มเห็น และเข้าใจ ธรรมชาติของมนุษย์ และการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น
ถ้าย้อนไปตอบคำถาม
- คนเราเก่งหลายเรื่อง ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก
- ถ้าคนเราไม่พัฒนาตัวเอง และปรับปรุงตัวเองไปเรื่อยๆ น่าเป็นห่วงกว่านะ (หากว่าวันนี้ เราขอหยุดตัวเราเองอยู่ที่ AS400 เพราะเราไม่ควรหมุนตามกระแสใหม่ ก็ไม่ไหวนะ)
- nature สาย technology มันเปลี่ยนเร็วมาก ขนาดรถยนต์ ที่มีประวัติยาวนานเป็นร้อยปี วันนี้ยังต้องถึงจุดเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าเลย มันก็แนวๆ ว่าทำไมกูรูรถยนต์สันดาน ถึงได้กลายเป็นกูรูรถยนต์ไฟฟ้าไปซะได้ อีกทั้งหลายผู้ผลิตรถยนต์ตระหนักแล้ว ว่าต้องมีทีม software เป็นของตัวเอง ทั้งที่ core business คือ สร้าง และ ขายรถยนต์นะ
- bias หรือ อดติ ก็จะทำให้มุมมองเราเปลี่ยนไป ซึ่งเป็นไปได้ ทั้งแคบลง และกว้างขึ้น
อย่างกรณีนี้ bias จะทำให้มุมมองเราแคบลง หากเรามองว่า เพราะคนพวกนั้น มันเปลือก, เหลาะแหล่ะ, ไม่เอาจริงเอาจัง, เปลี่ยนไปเรื่อยเปื่อย, ไม่มีแก่นสารหลัก, ไม่อดทน, ไม่จับจด ฯลฯ อีกสารพัดจะคิดได้เลย
แต่ถ้าเราเปลี่ยนมุมมอง เราก็จะเห็นมุมใหม่ เค้าไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง, เค้าคือคนเก่งทั้งสองสาย, เค้าพยายาม merge ข้อดีของแต่ละ technology เพื่อสร้างสิ่งใหม่, ทำเพื่อเงิน และความก้าวหน้า, หาโอกาสใหม่ที่กว้างกว่า, เพื่อเป็น early adoption ฯลฯ อีกมากมายจะคิดได้เช่นกัน
- ไม่มีใครผิดหรือถูก เพราะมุมมอง มันบ่งบอกความเป็นตัวเราได้ รวมทั้งมันช่วยนำทางชีวิตเราได้ ว่าเราจะเติบโตขึ้น , อยู่ที่เดิม พาเดินลงเหว เราต่างเป็นคนเลือกเองทั้งนั้น (แม้ว่าในทาง physics ยังมีความถกเถียงกันอย่างมากว่า สิ่งเหล่านั้นเราเลือกเองจริงหรือ ก็ตาม)