Party areas are filled with assholes in any country.
-มิตรฯ
Party people in general are assholes.
-มิตรฯ อีกท่าน
Last posted
Total of 949 posts
Party areas are filled with assholes in any country.
-มิตรฯ
Party people in general are assholes.
-มิตรฯ อีกท่าน
🙏ขออนุญาติแชร์เคสลูกค้าที่ถูกสรรพากรเรียกจากยอดขายในช้อปปี้ให้ทุกท่านทราบและหาทางออกกันนะคะ
ลูกค้าท่านนี้ขายในช้อปปี้มา 3 ปี ปีแรกยอด 1 ล้าน ปีที่ 2 ยอด 2.5 ล้านบาท ปีที่ 3 (ปี 66) ยอด 2 ล้าน
ก็ยื่นภาษีแบบประเมินตนเองไปประมาณ 1.3 ล้าน แต่ยื่นแค่ปีเดียว คือยอดปีที่ 2 (ปี 65)
👉 อยู่ๆได้รับจดหมายจากสรรพากรเรียกเข้าไปหา พอเข้าไปคุยทางสรรพากรแจ้งว่า ส่วนกลางเป็นคนส่งเรื่องมา และมีข้อมูลยอดขายทั้งหมดแล้ว ซึ่งยอดที่ส่งมา 1.3 ล้าน ทางส่วนกลางแจ้งว่าไม่ตรงกับข้อมูลที่มี ทำให้เรียกมาดูข้อมูลใหม่
ซึ่งก็มีการเตรียมข้อมูลและเข้าออกสรรพากรหลายรอบสุดท้าย มียอดจ่ายภาษีเกือบล้าน เพราะโดน Vat และค่าปรับด้วย จึงมีการเจรจากับเจ้าหน้าที่ของงดเว้นเบี้ยปรับเพราะไม่ทราบข้อกฎหมาย เจ้าหน้าที่ใจดีมาก ทำการช่วย ทำเรื่องงดเว้นเบี้ยปรับให้ สรุป ยอดจ่ายภาษีทั้งหมดของ 3 ปี 440,000 บาท
เคลียร์จบ และ ได้มีการวางแผนเริ่มเปิดบริษัท ได้เริ่มต้นใหม่ แบบถูกต้องและไม่ต้องกลัวอีกต่อไป
.
.
❤ อยากบอกว่าคนที่โดนจดหมายจากสรรพากร ไม่ต้องกลัวนะคะ อย่างมากก็เข้าไปคุยกับเขา แล้วเคลียร์ให้จบ จ่ายให้จบ ยิ่งโดนเร็ว ยิ่งเริ่มต้นเร็ว
แต่ถ้าใครที่ยอดเยอะๆอยากให้ศึกษาเรื่องภาษีดีๆและระวังเรื่องนี้มากๆเพราะสรรพากรแจ้งว่าทางสรรพากรมีข้อมูลทั้งหมดอยู่แล้ว อยู่ที่จะหยิบข้อมูลใครขึ้นมา
✔ ปีนี้สรรพากรเอาจริงมากๆ ข้อมูลการขายในช้อปปี้ทางสรรพากรทราบ จึงไม่สามารถที่จะทำการหลบเหมือนปีที่ผ่านๆมาได้นะคะ
ลองวางแผนกันให้ดีนะคะ จะเปิดบริษัท หรือ จะขยายร้านแบ่งเป็นหลายๆร้านก็ได้แต่ไม่ควรที่จะมียอดเกิน Vat เพราะถ้าโดนย้อนหลังมา ก็ค่อนข้างจุกนะ 😅
👉 ถ้าเมื่อไหร่ที่เราคิดว่าภาษีเป็นต้นทุนของสินค้า เราจะรวมเข้าไปในต้นทุนเราด้วย พอเวลาที่ต้องจ่ายภาษี ก็จะไม่เจ็บมาก เหมือนเราจ่ายค่าสินค้าหรือค่าขนส่งนั่นล่ะค่ะ แล้วเราก็จะได้รู้กำไรที่แท้จริงด้วย
เพราะฉะนั้นอย่ามองภาษีเป็น สิ่งที่ต้องจ่ายนอกเหนือจากนั้นให้มองภาษีเป็นต้นทุนสินค้านะคะ แล้วร้านจะไปต่อได้อย่างยาวๆและมั่นคง เป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบการทุกท่านนะคะ 😊❤
boeing: you can’t bring more than 3 ounces of shampoo on board because we care about your safety
me: ok and the doors will definitely stay on the plane?
boeing: …IF they fall off, it won’t be because of shampoo
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
จาก "ไอเท็มลับ!" เมื่อวาน กลายเป็น "ไอเท็มร้อน!" สำหรับวันนี้ไปซะแล้ว..!!!
----------
ถามกันจัง.. เสียงเป็นไงบ้าง.? ผมเพิ่งเสียบลองฟังเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา เวลาเกือบเที่ยงคืน วินาทีแรกๆ เฉยๆ มาก... ดึงออก-เสียบเข้า อยู่ประมาณ 10 รอบ อือมม.. ยังเฉย.! แค่รู้สึกว่าตอนเสียบเข้าไปแล้วเสียงของซิสเต็มมันมีอาการคล้ายกับแสดงการรับรู้ว่ามี "อะไรแปลกปลอม" เข้ามาในซิสเต็ม แต่ยังไม่ส่งผลอะไรกับเสียงโดยรวมให้รู้สึกมาก.. คล้ายๆ กับมีพลังลึกลับบางอย่างเกิดขึ้น แต่บางเบามาก จะตีความว่าเป็น "มโน" ก็อนุโลมได้ เพราะมันยังไม่ค่อยชัด ละไว้ก่อนว่ายังไม่เบิร์นฯ (มั้ง?)..
.
ก่อนออกจากห้องไปนอน (เกือบตีหนึ่ง) ผมก็เสียบเจ้าตัวนี้คาไว้ในซิสเต็มเดิมนั่นแหละ (บนตัวมันมีไฟ LED สีฟ้าอยู่ดวงนึง ซึ่งจะสว่างขึ้นเวลาเสียบใช้งาน) เบิร์น ทิ้งทั้งคืน..
.
เมื่อวานตอนสายๆ เข้าห้องมาเปิดเครื่องลองฟังเสียง เฮ้ยย.. !!! วันนี้ไฟดีหรือไง..?? ทำไมเสียงมันเด้งๆ กว่าวันก่อน..??? อาการเหมือนเปลี่ยนเพาเวอร์แอมป์ใหญ่ขึ้น ลองเข้าไปเร่งวอลลุ่มให้ดังขึ้น เอ้อ.. มันดี.! ไดนามิกมันดีดตัวดีจัง สวิงได้เร็วและกว้าง ยิ่งเปิดดังยิ่งมัน อือมม.. หรือว่าเจ้ากล่องสีเงินๆ มันเริ่มออกฤทธิ์ ผมรีบขยับเข้าไปลองดึงปลั๊กของกล่อง noise trap ออก แล้วกลับมานั่งฟังที่เดิม อือมม.. ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป.. แต่เดี๋ยวนะ! 2-3 วินาทีแรกๆ ที่ดึงปลั๊กออก เสียงไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป ยังคงดีดเด้งเหมือนเดิม แต่พอผ่านไประมาณ 15-20 วินาที เริ่มรู้สึกว่าอาการเด้งๆ ของเสียงมันฝ่อตัวลง เหมือนกับลูกโป่งที่ถูกเจาะให้ลมรั่วออกไปทีละนิด..! ผมรีบเสียบกลับเข้าไป มันใช้เวลา 2-3 วินาที เสียงก็ค่อยๆ พองอูมออกมา เหมือนอัดลมเข้าไปในลูกโป่งยังไงยังงั้น.. อะเมซิ่งมากกก.. !!!
.
นับถึงตอนนี้เปิดเผามาแค่ประมาณ 30 ชั่วโมงต่อเนื่องเท่านั้น ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าเผาไปถึง 100 ชั่วโมงแล้วมันจะออกฤทธิ์ออกเดชมากไปกว่านี้อีกรึเปล่า..???
#NoiseTrap
#อุปกรณ์เสริมที่มีอิทธิฤทธิ์รุนแรงมาก
เอาจริงเด็กสมัยนี้คือไปไกลมากเรื่องมารยาทการเข้าสังคม วันก่อนยืนซื้อผลไม้รถเข็นอยู่ จังหวะลุงสับมะม่วงอยู่ดีๆมีเด็กมัธยมเดินผ่านแล้วพูดลอยๆขึ้นมาว่า อยากโดนมีดอันนี้เสียบคอว่ะ แล้วก็เดินผ่านไป กูงง ลุงก็งง มึงเบียวไร
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
นี่เคยโดนพ่อพูดเชิงแซวๆว่านี่ขนาดแต่งหน้าเก่งๆยังสวยสู้แม่ตอนสาวๆไม่ได้เลย แม่สวยมากนะ บลาๆๆๆ น้องชายนี่มันเดินมาได้ยินพอดี มันเลยบอก “มันจะไปสวยเท่าแม่ได้ไง ก็มันได้ความขี้เหร่จากพ่อมาครึ่งนึงหนิ” จบ พ่อกุน็อคคาบ้าน55555555555555555555
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
หน่วยงานรัฐเค้าซีเรียสเรื่องเก้าอี้กันจริงๆ นะ อย่างบางโรงเรียนได้ยินว่าเปลี่ยนผอ.ใหม่ ต้องเปลี่ยนเก้าอี้ใหม่
กับเหมือนเคยได้ยินข่าวพนักงานเอาเก้าอี้ ergonomics ไปนั่ง แล้วมันตัวใหญ่กว่าผู้บังคับบัญชา เป็นเรื่อง
ลองคิดว่าภาษีข้าพเจ้าจ่ายไปกับความไม่เป็นเรื่องแบบนี้แล้วก็ตลก
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เราทุกคนเคยเป็นเด็กสมัยนี้ไม่มีสัมมาคารวะสำหรับเจ็นก่อนหน้า และจะเป็นอีแก่บ้าน้ำลายสำหรับเจ็นถัดไป it's a circle of life
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เรื่องที่หลายคนไม่รู้ ผู้จัดการกองทุน ไม่ได้เลือกจากความสามารถ ใครเป็น money manager ที่มีความสามารถ ก็จะโดนสอยไปทำ prop firm, hedge fund, private equity, venture capital ซึ่งรายย่อยไม่มีโอกาสไปลงทุนอยู่แล้ว
สิ่งที่กลต.อนุญาตให้รายย่อยลงทุน คือผลิตภัณฑ์ความเสี่ยงต่ำ การกำกับดูแลสูง อย่างกองทุน ซึ่งมีจุดประสงค์ที่เน้นการรักษาเงินต้นมากกว่าแสวงหาผลตอบแทน
ดังนั้นผู้จัดการกองทุนส่วนมากแทบไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการ “เทรด” ที่ต้องใช้ฝีมือ (และใช้มากก็ไม่ได้ เพราะมีกฎคุ้มกะลาเต็มไปหมด เช่นห้ามเคาะซื้อแพงกว่าค่าเฉลี่ย)
กองทุนในประเทศไทยเกือบทั้งหมดที่ธนาคารมีให้ คือไปเอากองทุนต่างประเทศ หรือตะกร้าหุ้น หรือพันธบัตรมามัดขายต่อ ถ้าดูหนังสือชี้ชวนจะเห็นว่าแทบทุกกองแพ้ตัวชี้วัด และ perform แย่กว่าตลาดทุนในระยะยาว แต่บลจ.–ผู้จัดการกองทุน ก็ยังกล้าคิดค่าธรรมเนียมดูแล AUM กับเราเป็นเสือนอนกิน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ในฐานะศิลปินก็แนะนำว่าควรใช้การสะสมงานศิลปะในการฟอกเงินครับ เพราะถึงจะเป็นคนเลวแต่อย่างน้อยคุณก็รสนิยมดี
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ได้ด่าคนหมดทั้งโลก มันเท่จริงๆ คนดีคนเลวด่าให้หมดเพราะกูเก่ง5555555555555
ชว่ชว่ชว่ชว่ชว่ชว่
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
https://www.youtube.com/watch?v=4N01BsHeoz0
ใครไม่อยากให้ลูกเป็นเกย์ ให้ดูมู่หลาน เชื่อเรา ปัจจุบันเราเป็นชายแท้ชอบอะไรที่ดูสมกับเป็นผู้ชายมากๆ เช่น ผู้ชาย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ประเทศไทยตอนนี้กำลังประสบปัญหาที่เรียกว่า #เทียนไข ครับ
เราเน้นทำ #ของขึ้นห้างขาย โดยใช้ความรู้จากต่างประเทศมานานมาก เป็นฐานการผลิตรถยนต์ส่งออก เป็นฐานผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เป็นฐานของการให้บริการ coding โดยที่เราไม่ได้ให้ความสำคัญเร่งด่วนกับการสร้างองค์ความรู้ใหม่เก็บไว้ #ขึ้นหิ้ง ของเราเองเลย
ปัญหาเริ่มเด่นชัดมาเรื่อย ๆ เมื่อรถยนต์รุ่นเก่าที่ใช้นำ้มันถูกแทนที่โดยรถไฟฟ้า อุปกรณ์คอมพิวเตอร์มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ในการผลิต และ coding กำลังจะถูก AI ทำแทนที่คน
เพราะประเทศไทยไม่ได้เตรียมบุคลากรทาง STEM ให้พร้อม เมื่อจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการทำงานที่จะต้องใช้ทักษะทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เราจึงไม่มีความพร้อมในการเปลี่ยนแปลงเลย เงินตราต่างประเทศของนักลงทุน (foreign direct investment) จึงตรงไปที่ประเทศเวียดนามหมดครับ
ในโลกปัจจุบัน ความรู้เก่าล้าสมัยเร็วมาก เพราะมีความรู้ใหม่เข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ที่ต่างประเทศ เขาแข่งขันกันผลิตองค์ความรู้ใหม่ #ขึ้นหิ้ง เก็บไว้ครับ ใครรู้ก่อน คนนั้นชนะ
เมื่อปีที่แล้ว ผมยังจำได้เลยว่าหน่วยงานรัฐบาลยังเร่งผลิตบุคลากรทางด้าน coding โดยให้เงินสนับสนุนมากมาย แต่ไม่กี่เดือนถัดมา coding กลายเป็นทักษะที่ทำได้โดย AI ไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว คนไทยจะต้องมีทักษะทางด้าน STEM แบบเป็น second nature ครับ เราจะต้องเปลี่ยน mindset จากการผลิตของขายโดยใช้ความรู้ของต่างประเทศที่ล้าสมัยอย่างรวดเร็ว มาเป็นผลิต #ความรู้ใหม่สัญชาติไทย ที่เป็นบ่อเกิดของเทคโนโลยีใหม่ครับ
ไม่เช่นนั้น เราก็จะทำได้แค่ผลิต #เทียนไข version ใหม่ reinventing the wheel ไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ต่างประเทศเขากำลังจะใช้ laser lights แล้วครับ #my2cents
ผู้หญิง - สอบตกไม่ผ่าน นอนซุกอยู่บ้าน
ผู้ชายอีกยุค - สอบเข้าราชการจีนไม่ผ่าน นอนตรอมใจฝันว่าตัวเองเป็นน้องจีซัส เลยก่อการใหญ่เพื่อล้มราชวงศ์จีนทำคนเสียชีวิตไป20-30ล้าน
utopia เนี่ยเขียนตั้งแต่ ค.ศ. 1516 สมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ปี กรุงศรียังไม่แแตกครั้งที่หนึ่ง พระนเรศวรยังไม่ประสูติเลย
ชื่อหนังสือแปลว่า “เมืองที่ไม่มีอยู่“ เป็นเรื่องเกี่ยวกับสังคมในอุดมคติของ เซอร์ทอมัส มอร์
นักเรียนรัฐศาสตร์ทุกคนต้องได้อ่าน พวกนักเรียน ม.ปลาย ฝรั่งอ่านเป็นหนังสืออ่านนอกเวลา
ถ้าอ่านแล้วเป็นโซเชียลลิสม์ ป่านนี้โลกเป็นคอมมิวนิสต์ไปละ
ถ้าจะเอาซะขนาดนั้น ทำไมพี่ไม่บอกว่าไบเบิลเป็นหนังสือโซเชียลลิสม์ไปเลยล่ะ พวกสาวกพระเยซูยุคแรกขายที่ดิน เอาทรัพย์สินมาแบ่งกันใช้เป็นของกลางนะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
I love how life has evolved so much that living organisms can argue over whether or not evolution exists
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อยากเตือนสติคนไทยหลายคน เวลาเจอข่าวชาวต่างชาตินิสัยเหี้ยๆ ว่า:
(1) พวกนี้เป็นส่วนน้อย
(2) ประเทศเรา ยังจำเป็นที่ต้องมีนักท่องเทียวเข้ามา เศรษฐกิจเราต้องการพวกเขา
(3) กฎต่างๆ เราต้องสื่อสารให้ชัดเจน
(4) ต้องแก้ภาพลักษณ์ว่า กม.บ้านเรา จ่ายแล้วจบ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
สัมภาษณ์งานวันนี้
.
ผม : แนะนำตัวหน่อยครับ
น้อง : ตามเอกสารที่ผมส่งมาเลยครับ
ผม(wtf) : ได้หาข้อมูลบริษัทพี่มาก่อนรึป่าวครับ
น้อง : ไม่ว่างเลยยังไม่ได้ดูครับ
ผม(wtf^2) : (เล่าเรื่องออฟฟิศให้ฟัง) เคยทำด้านนี้มาบ้างรึป่าวครับ
น้อง : ไม่เคยครับ
ผม(wtf^3) : แล้วคิดว่าทำได้รึป่าวครับเพราะเห็นเรียกเงินเดือนมาสูง
น้อง : ถ้าคิดว่าผมทำไม่ได้แล้วเรียกมาสัมภาษณ์ให้เสียเวลาทำไมครับ (อยากเรียกตัวกูไม่ใช่เหรอ ง้อมาสิ)
ผม(ฆวย): !?! งั้นขอจบการสัมภาษณ์นะครับ
.
รู้สึกผิดที่ไม่ศึกษาข้อมูลผู้มาสมัครงานให้ดี
.
อยู่ๆ ก็อยากทำระบบแชร์ข้อมูลผู้สมัครงาน
.
ส่วนมากน่ารัก ... แต่แบบนี้ก็ไม่น้อย -*-
#มิตรhrท่าน1
เลื่อนทวิตผ่าน ละเจอคนแสดงความคิดเห็นกันเรื่อง “การสอนเด็กฝึกงาน” เลยอยากพูดถึงเรื่อง ‘ความเห็นอกเห็นใจ’ (empathy)
ที่มาลองคิดดูว่า ถ้าสังคมเราเน้นเรื่องพวกนี้ จะมีไรเปลี่ยนไหมนะ จะสอนกันดีๆ ได้ไหม จะมีระบบที่มองว่า they need to be trained from the beginning ไหม ไม่ว่าคนนั้นจะรู้มาก/น้อย สังคมจะเปลี่ยนไปยังไง ถ้าเรา develop ส่วนนี้ได้
ขอพูดถึง Types of empathy ก่อนว่ามีแบบไหน และถ้าคนเราเมื่อขาดตรงนี้จะฝึกยังไงบ้าง (เผื่อจะลดความดราม่าในสังคมลง)
• Empathy แบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ (ref: Paul Ekman and Daniel Goleman)
1. Cognitive empathy ถือเป็น ความสามารถในการเข้าใจครส.ละความคิดของอีกฝ่าย มองจากเลนส์เขา เช่น ถ้าเราอายุเท่าน้องคนนั้น เราจะอยากรู้อะไรบ้างนะ เขาอาจจะยังไม่รู้จะถามยังไง เริ่มตรงไหน
2. Affective or ‘emotional’ empathy
ความสามารถในการเข้าใจอารมณ์และรับรู้ว่าเขามีความรู้สึกและอารมณ์ยังไง เพื่อให้เราสามารถเข้าใจเขามากขึ้นและวางตัวได้เหมาะสมในการพูดคุย เช่น กลุ่ม A อยากให้ กลุ่ม B ขยันเก็บเงิน แต่ใช้การสื่อสารที่ช่วยในการเทรนในแบบที่ไม่ bossy, controlling, pushing หรือ blaming อีกฝ่ายมากไป
3. Compassionate empathy or ‘empathetic concern‘ คือ ความสามารถในการเห็นอกเห็นใจที่นอกจากจะเข้าใจว่าเขารู้สึกยังไงแล้ว ต้องรู้ด้วยว่า *เพราะอะไร* ถึงทำให้เขารู้สึกแบบนั้น และพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือเขา
**การเข้าอกเข้าใจผู้อื่น ทำให้เรารู้จักการควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดีขึ้นนะ เพราะเมื่อเรารู้ว่าเขามีความรู้สึกและอารมณ์ยังไง เราก็จะพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้สอดคล้องไปกับสถานการณ์ตรงนั้น ถึงสอนงานไม่เป็น แต่ก็ยังประคองการสื่อสารในแบบที่ remain a good relationship in a team ได้
ถ้าอยากฝึกทำยังไง?
- จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย มันต้องมาจากการรู้จักตัวเองก่อน การทำความเข้าใจตัวเอง จะทำให้สามารถสังเกตคนอื่นได้ อาจจะฝึกจาก
1. พูดคุยกับผู้อื่นบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม เพราะในบทสนทนาเราจะคอยสังเกตและพยายามทำความเข้าใจว่าฝ่ายตรงข้ามมีความรู้สึกยังไง ฝึกบ่อยๆ จะได้เปรียบในการเข้าสังคมที่แตกต่างกันไปด้วย และเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสร้าง Empathy ให้กับเราโดยตรง
2. สังเกตภาษากาย+น้ำเสียง ถึงจะไม่ได้สื่อสารกัน แต่การสังเกตภาษากายแบบไหนแสดงความรู้สึกอะไรออกมา จะพอเข้าใจครสอีกคน เช่น อึดอัด ประหม่า
3. Active listening การรับฟังอย่างตั้งใจ ตลอดการสนทนา อย่าหาไรมาเบี่ยงเบียนความสนใจ แม้ว่าจะเป็นความคิดของเราเองพยายามควบคุมอารมณ์ don’t interrupt ใหการสนทนาไหลไป
4. จินตนาการว่าเราอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขาดู ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา การทำแบบนี้จะทำให้เราได้เห็นภาพและมุมมองใหม่ๆ ไปด้วย
มันฝึกได้นะไม่ว่าจะอายุแค่ไหน ทำงานอะไร ยิ่งทำได้ เราจะยอมรับความแตกต่างได้มากขึ้น
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ย้อนความทรงจำวันนี้บนเฟซ ช่วงที่มีโควิด
แล้วมีคนร้าบานออกมาบอกว่ายังสามารถมีเซ็กส์กันได้นะ แค่ต้องอยู่ห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร
ผมยังสงสัยจนวันนี้ว่าต้องใช้ท่าไหน?
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ใกล้จะสงกรานต์แล้ว อยากให้คนไทย aware ของคุณค่าของน้ำก็ยังดี ในขณะที่บ้านเราเอาน้ำมาสาดเล่นกันแบบทิ้งๆขว้างๆแต่สำหรับคนในพื้นที่แห้งแล้งอย่างชาวเฟรเมนแล้ว กว่าจะได้น้ำมามันยากลำบากสุดๆชนิดที่ว่าต้องใช้เครื่องดูดน้ำจากศพคนเลย รณรงค์ให้คนไทยนึกถึงชาวเฟรเมนก่อนที่จะเล่นน้ำนะคะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ข่าวไอ้แว่นที่เกี่ยวข้องกับระบบสอบเข้ามหาลัยที่ไป ตายถึงญี่ปุ่นเมื่อวานอะ คนรุมสะใจที่ตาย แช่งให้ไปเกิดใหม่ในครอบครัวจนๆ มีแต่คนสาป เช้านี้ตื่นมาเจอข่าวคุณเมฆ พ่อมากร้อยล้านก็เพิ่งเสีย คอมเมนท์มีแต่สิ่งดีๆ อวยพรให้สู่สุคติ รำลึกผลงาน นี่แหละคนเรา ตอนยังอยู่ทำตัวแบบไหนวันตายรู้กัน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>444 เสียบใช้งานมาพ้นชั่วโมงที่ 50 แล้ว.. สิ่งที่มันทำให้เกิดขึ้นกับเสียงของซิสเต็มปรากฏชัดเจนออกมามากขึ้น นั่นคือ ลักษณะของเสียงที่ฟังแล้วสัมผัสได้ถึง "ความเป็นอิสระ" ของเสียงที่เคลื่อนไหว สวิงไดนามิกได้เต็มสเกล เสียงไม่จม ตัวเสียงลอยหลุดพื้นหลังขึ้นมาโดยปราศจาก "พันธะ" มาคอยรั้ง เมื่อเทียบกับตอนดึงปลั๊กของตัว Noise-Trap ออกไป เสียงจะมีอาการเหมือนถูกดึงรั้งไว้ คล้ายขับรถอยู่ดีๆ แล้วแตะเบรค.! คือตัวรถยนต์ยังวิ่งไปข้างหน้า แต่ไม่พุ่งไปอย่างอิสระเพราะมีเบรคคอยรั้งไว้ เป็นอะไรที่น่าทึ่ง ซึ่งผมก็ไม่สามารถบอกได้ว่าตัว Noise-Trap เข้าไปทำอะไรกับการทำงานของเพาเวอร์แอมป์ (สายไฟเอซีที่เสียบอยู่ข้างๆ Noise-Trap คือสายไฟของเพาเวอร์แอมป์) ในขณะที่คำกล่าวอ้างของเจ้าของผลิตภัณฑ์ก็คือ Noise-Trap เข้าไปดักเอา noise ทุกรูปแบบที่มากับไฟเอซี "ออกไป" ก่อนที่ไฟเอซีนั้นจะเดินทางต่อไปถึงเพาเวอร์แอมป์..
.
แบบนี้ก็หมายความว่า noise ที่ว่านั้นมันเข้าไป "สร้างปัญหา" ให้กับการทำงานของเพาเวอร์แอมป์ จนทำให้เพาเวอร์แอมป์ทำงานเป๋ไปจากที่ควรจะเป็น และอาการเป๋นั้นส่งผลไปถึงคุณภาพเสียง.? ก็น่าจะใช่... แต่ noise ที่ว่านั้นมันหน้าตาเป็นยังไง.? และเข้าไปทำอะไรในตัวเพาเวอร์แอมป์.? และที่ว่าเข้าไปสร้างปัญหาคือตรงไหน.?? คำถามเหล่านี้คงต้องเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ถึงจะตอบได้..
.
ในแง่ของ user ที่ไม่ประสีประสา เพราะมีความรู้ทางด้านไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิคส์แค่เพียงหางอึ่ง ก็ต้องอาศัยการทดลองฟังด้วยหูของตัวเองเป็นตัวตัดสิน ถ้าเสียบเข้าไปแล้วทำให้เสียงของซิสเต็มออกมาดีขึ้น เราก็ยอมรับว่าอุปกรณ์เครื่องเสียงชิ้นนั้นมีคุณภาพที่ดี แต่ถ้าเสียบเข้าไปในระบบแล้วทำให้เสียงของซิสเต็มแย่ลง เราก็ถอดทิ้ง แล้วสรุปว่าไม่ดี จบแค่นั้น..
.
จากประสบการณ์เท่าที่เคยทดลองใช้อุปกรณ์เสริมมามาก ผมพบว่า ส่วนใหญ่เมื่อนำมาใช้ในซิสเต็มแล้วมักจะมีทั้ง "ข้อดี" และ "ข้อด้อย" ติดมาพร้อมกัน บางตัวข้อด้อยเด่นชัดมากกว่าข้อดี บางตัวก็ให้ผลสวิงไปเรื่อย ดีบ้าง-ด้อยบ้าง แล้วแต่เงื่อนไขของซิสเต็ม มีอยู่น้อยมากที่ใช้แล้วจะมีแต่ข้อดีเกิดขึ้นโดยไม่พบข้อด้อยเลย.. หรือมีข้อด้อยแต่น้อยมากจนไม่มีนัยยะ ซึ่ง Noise-Trap ตัวนี้จัดอยู่ในกลุ่มที่สามคือ ตั้งแต่เสียบใช้งานมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวินาทีนี้ ผมพบแต่ข้อดีของเสียงที่เกิดขึ้น บอกตามตรงเลยว่า ยังหาข้อด้อยของมันไม่เจอเลย.. ให้ตายเถอะโรบิ้น.!!!
ส่วนตัว คิดว่า Gen Z ไม่ต้องทำอะไรมากได้บางส่วน เพราะครอบครัวน่าจะสะสมความมั่งคั่งมาได้บ้างแล้ว ถ้าใช้เทคนิค lie flat แบบจีนและชีวิตไม่หวือหวา ก็ไม่น่าจะอดตายอะไร
สุดท้ายตลาดแรงงานก็ต้องยอมจ้าง เพราะไม่มีคน ….
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>471 ปัญหาของ gen-y gen-z และอาจรวมถึงเจนต่อๆมาด้วยซึ่งไม่ใช่แค่ที่ไทยและเป็นกันทั้งโลกคือเจนพวกนี้แท้จริงแล้วมันไม่ใช่เจนที่จะต้องมานั่งตั้งตัวตั้งไข่แต่เป็นเจนที่ต้องต่อยอดจากรุ่นก่อน แต่ด้วยระบบของสังคม การศึกษา และสถาวะแวดล้อมมันดันทำให้ mind set ของรุ่นพวกนี้ยังหยุดอยู่ที่แค่รุ่นบูมเมอร์คือกูอยากตั้งตัวกูอยากตั้งไข่กูไม่อยากต่อยอดจากคนอื่น ก็ดูกันว่าพวกบนๆของแต่ละที่เขาจะแก้ลำกันยังไง
ต้องยอมรับเทคโนโลยี พัฒนาไปมากเท่าไร คนที่อยู่sectorเก่า ทยอยตายลงเรื่อยๆ
ยกตัวอย่างวินมอไซ ที่เมื่อก่อน ต้องต่อคิวดันเป็น100เดัยวนี้หรอ driver ผ่านแอป เก๋ง บิกไบค์ ตัวเลือกมากขึ้น
กิจกรรมอะไรหลายๆอย่าง เริ่มตาย เช่น แผ่น ซีดี หนังสือ
ทัศนคติเด็กรุ่นใหม่gen x y z มันยังเลวร้ายได้อีกเรื่อยๆ
เศรษฐกิจแบบนี้ โจรชุม
มาเ ย ดเเล้วจากไป ดีกว่ามีใจเเล้วจากลา
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ความเกลียดชังที่คนไทยมีต่อพม่านั้น มันไม่ได้เกิดขึ้นแบบออกานิค แต่มันถูกปลูกฝังผ่านแบบเรียนที่ชนชั้นนำเป็นผู้ออกแบบ ทั้งยังถูกส่งต่อผ่านมาทางหนัง ละคร จนสร้างภาพจำว่าไทยกับพม่านั้นเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาจนถึงปัจจุบัน
ยกตัวอย่าง ภาพยนตร์สุริโยทัยเอย ตำนานพระนเรศวรเอย พวกเนี้ยเป็นเครื่องมือในการปลูกฝังให้ไทยเกลียดพม่าทั้งนั้น
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
วันวัณโรคโลกนี่เป็นชื่อวันสำคัญที่ตลกมาก
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
นักร้องชายร่างเล็ก ชื่อวงมีตัวเลข เลื่อนงานยาวๆเพราะไปกิน hee men crown เชื้อเริมแดกปากแน่ๆ ออกหน้ากล้องไม่ได้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
You're not killing the frogs though, they turn into Blupees. Personally I think it's based on Buddhism and freeing them of their attachment to desires, since in Japanese the Bubbulfrogs are called マヨイ (*Mayoi*). *Mayoi* (迷い) literally means "getting lost" but it's used in Buddhism to mean "inability to achieve enlightenment", and the word for enlightenment is 悟り (*satori*). So I think Blupees who follow the wrong path become Bubbulfrogs, and those who attain enlightenment become a Satori.
ความรู้ของวิชาชีพแพทย์ คือความรู้ที่แคบ แล้วไปทำงานอย่างอื่นยากมาก แต่ในวิชาชีพนี้มักเข้าใจว่าตัวเองเก่ง แค่เพราะเคยมีประวัติเรียนดี
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
การเรียนหมอมันท้อแท้อยากตายมากแต่พื้นที่ให้คนบ่นมันน้อยเพราะมันมีความเชื่อมั่นของคนในสังคมต่อวิชาชีพค้ำคออยู่
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เตี่ยปิงเป็นสิ่งเดียวที่ไม่สมจริงที่สุดในกังฟูแพนด้า เราจะไปหาพ่อเชื้อสายจีนที่ไม่ต้องการให้เราพิสูจน์อะไรเลยแค่เป็นลูกเตี่ยก็พอได้ที่ไหน 🥲
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ความรู้ของชาวเน็ทคือความรู้ที่แคบ แล้วไปทำอย่างอื่นยากมาก แต่ชาวเน็ทนี้มักเข้าใจว่าตัวเองเก่ง แค่เพราะเคยมียอดไลก์ดี
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าคุณทำงานให้หนักพอ ไม่มัวแต่สน work life balance ป่านนี้ก็ขายกิจการให้ SCB สำเร็จไปแล้ว เห้อ เอาแต่พักผ่อนละสิ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เลือกท่านพิโธ่ครับ คนกวาดถนนจะได้เงินเท่า ceo
คนเล่นบอร์ดเกมชอบบอกว่าไม่ชอบเกมที่มีดวงเพราะมันไม่สมจริง คนเราตั้งใจวางแผนตั้งใจเล่นอย่างดีจะมาแพ้เพราะทอยได้ล้มละลายแล้วออกจากเกมไปเลยมันได้ที่ไหน จริงๆ เราไม่ชอบเพราะมันสมจริงเกินไปต่างหาก ที่ที่คนเราตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุดแล้วโดนสุ่มตายไปเฉยๆ มีแต่โลกจริงเท่านั้นแหละ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ชาตินิยมที่พาชาติเจริญมันไม่ใช่ชาตินิยมแบบโรงลิเกของคนไทยอ่ะ ชาตินิยมที่พาเกาหลีกับญป.เจริญมันคือการให้ค.สำคัญกับคนของเขาและของๆ เขา+ปกป้องผลประโยชน์ของเขาก่อนอ่ะ อิปะเท่ดที่ปล่อยจีนเทามาเหมาธุรกิจคนท้องถิ่น ปล่อยคนต่างชาติมากร่างใส่คนในปะเท่ดหยุดเรียกตัวเองชาตินิยมนะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เนี่ยละพอบอกว่ามีเนื้อไทยวากิวก็ไม่เอาอีก ชาตินิยมของคุณพี่คืออะไร คนในประเทศทำเองพัฒนาสายพันธุ์เองก็ยังไม่พอใจอีก ใจคอจะยึดติดกับความไทยแท้ 100% เท่านั้นใช่ไหม ละถ้าไม่เข้าใจว่าแบรนดิ้งมันสร้างกันไม่ได้ง่ายๆ ใน 4-5 ปี ตอนนี้เขากำลังเริ่มสร้างก็ให้แม่มึงมาเลี้ยงวัวเอง จะได้พอใจ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ประโยชน์ของคน 1% กับ 99% ขัดแย้งกันเสมอ
...เป็น Zero sum game อยู่เสมอ
ข้ออ้างที่บอกว่ากลัวคน 1% ต้องเสียประโยชน์ จึงไม่สู้เพื่อคน 99% อีกแล้ว...ยอมถอยดีกว่า นั้นไร้สาระ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
สังเกตเลยนะ คนที่ทำธุรกิจแล้วเอาเปรียบแรงงานมากที่สุดคือคนที่ชอบอ่านหนังสือฮาวทู สอนรวย เปลี่ยนmindset อายุน้อยร้อยล้าน ไลฟ์โค้ช ต้องพัฒนาตัวเอง แนวๆนี้แหละ ถ้าอยากพัฒนาตัวเองจริงๆทำไมไม่พัฒนาให้มันรอบด้าน? สละเวลาอ่านสรุปกฎหมายแรงงานสัก 40 หน้ามั้ยจะได้ไม่ต้องไปทำนาบนหลังใคร
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ช่วงที่ "ดับรถ กดล็อครถ" กระจกจะชึ้น จากนั้นพัดลมระบายความร้อนแบตที่ใช้ 12V จะทำงาน ตลอดเวลาเพื่อลดอุณหภูมิแบต จนอุณหภูมิแบคต่ำกว่า 38 องศา ซึ่งในเมืองไทยกลสงวันตอนนี้เป็นไปไม่ได้เลย แต่ละจุด 38-42 กันทั้งนั้น ผลคือ พัดลมระบายความร้อน ดึงไฟจากแบต 12 ตลอดเวลา จนหมด วันนี้ก็เจอ ไปเพชรเกษม จอดรถล๊อก พัดลมทำงานยาว ต้องเดินมาปลดล๊อกแล้วล๊อกใหม่ พัดลมถึงจะดับ..
..ทางแก้ในหน้าร้อน คือ เวลา กดล๊อกรถ ให้กดล๊อกแล้วกดปลดล๊อก เพื่อ Reset ไม่ให้่พัดลม 12 ระบายความร้อนแบคทำงาน จากนั้น กดล๊อก อีกครั้ง พัดลมจะไม่ทำงาน กินไฟจนแบตเล็กหมด
...แบต LFP Blade นั้น ทนตวามร้อนได้ 60 C ก่อนลุกใหม้เอง ที่ 70 ดังนั้น ไม่ต้องกลัว
ผมรู้ได้ไงหรือครับ เมื่อ 10 เมย.66 ปีที่แล้ว ผมไป เพชรบรูณ์ 42 C เจออาการแบบนี้ บนเขาในป่า แต่ผม กดล๊อกแล้วปลดล๊อก และกดล๊อกซ้ำ แบตเลยไม่หมด รถ 1 ปี ผ่านมาเยอะ มีตัววัดแบต เลยรู้ว่า หน้าร้อนระบบทำงานแบบ นี่ และทางแก้ แบบนี้ ครับ
#มิตรฯกล่าวถึงรถเจ๊nแบรนด์นึงช
The only joke I got this April Fools is myself. I’m the joke.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เมื่อก่อนเวลาผมอ่านงานพวกยุคเอนไลเทนที่บอกว่า “อากาศร้อนทำให้ประเทศเขตร้อนไม่เจริญ” ผมรู้สึกว่ามันสรุปได้ผิดมาก
หลังๆผมชักเชื่อล่ะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าเราให้นิสิตแบกพระเกี๊ยว เราก็จะต้องเกณฑ์แรงงานกันทุกปี…
…ถ้าเราเอาศิษย์เก่าและผู้หลักผู้หยั่ยที่รับไม่ได้มาแบกพระเกี๊ยว เราจะมีแรงงานพอแบกจากเบตงไปแม่สอดกลับมาสักห้ารอบก็คงจะได้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
รูทวารร้าวแยก ยลสยบ
องคชาติเสียบซบ ด่าวดิ้น
-มิตรฯ
ชอบคอมมูต่างชาติในหลายๆเกม ที่ออกมาวิจารณ์การเรียกเก็บเงิน (ขายของ) เพิ่มของเกมราคา 70 ดอลล่า
ฟังเหมือนไร้สาระ จะบ่นอะไรวะเกมมันหาตังเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ได้บังคับให้ซื้อสักหน่อย
แต่ราคาเกมเต็มมัน 70 ดอลแล้วไง คอนเทนต์เกมมันควรจจะครบตามราคาที่สูงได้แล้วนะ หลายๆคนเลยออกมาบ่น
เพราะถ้าเป็นคอมมูของไทยในหลายๆเกม อะไรมีให้ซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็ไม่บ่นอะไร ไม่มีใครออกมาบ่นแบบนี้ เพราะถูกสอน ถูกปลูกฝังมาว่า คนซื้อไม่บ่น คนบ่นไม่ซื้อ 😁
เห็นน้องๆจู่หล่าเอาธงปาเลสไตน์มาแห่ในขบวน ผมอยากรู้จังครับว่าถ้าน้องๆสายครีเอทีฟเหล่านี้ไปปาเลสไตน์ เขาจะต้อนรับน้องๆยังไง
-มิตรขี้สงสัยท่านนึง
พูดถึงเรื่องการแต่งตัวไปห้าง เราก็ชอบใส่กางเกงขาสั้นเสื้อยืดรองเท้าแตะธรรมดาๆ ไปเดินห้างบ่อยๆ ก็พบว่ามีหลายคนเลยชอบจับกลุ่มมองมาทางเราแล้วซุบซิบกัน เหลือบๆ มอง
เราไม่เข้าใจเลยว่า แต่งตัวแบบนี้ทั่วไป ทำไมถึงกลายตกเป็นเป้าสายตา แล้วหลายกลุ่มมากที่มองเราแบบนั้น
อ้อ กูลืมรูดซิป
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Slut. Men are just sick and tired of not even having the OPTION of marrying virgins. Men are expected to bust their ass, be wealthy, and have top tier genetics for what? A single mom with 2 baby daddies? It has nothing to do with feeling small. Used pussy is not attractive. Sorry you bought into feminism hype and no real man wants you now. You can fuck all the guys you want, but you and I both know you'll never find a man you actually like/respect to love you back because you're a used up wh0re. You keep getting pumped and dumped and it angers you so much. That's why you hate me. I remind you of every man who fucked the shit out of you and ghosted you the next day.
จะตีกันทำไหมครับ ติ่งเกาหลีหรือโอตาคุ ก้เพี้ยน ๆ เหมือนกัน สนิทกันไว้ดีกว่า ยังไงก้ตัวตลกของสังคมอยุ่แล้ว
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เอาจริงอีดารานี่ก้หีอยู่ไหมนะ ผ่อนผันกันฉ่ำ แต่พอประชาชนออกมาเรียกร้องไม่เคยเป็นโทรโข่งให้เค้า แถมตอนนักข่าวจ่อไมค์ถามก็ชอบตอแหลบอกรักชาติคัฟเสียดายมากๆเลยไม่ได้เกณฑ์ว๊าแย่จัง อิอิ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อาบน้ำตอนนี้แถมฟรีน้ำอุ่น เบอร์แรงสุด
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อยากรู้ว่าคนที่อยู่ในเกาหลีเหนือมีเว็บเพจ เว็บไซด์ เล่น twitter facebook มั้ย
อีกอย่างนะ ที่เกษตรกรไทยไม่รวยไม่ใช่เพราะคนไทยไม่กินของไทย ทุกคนกินข้าวโกโก้ แต่ปัญหาที่เขาไม่รวยคือ
1. ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง
2. ปุ๋ยแพง
3. ทำการเกษตรแบบพันธสัญญา
4. ไม่มีโรงสีเป็นของตัวเอง
ทั้งหมดนี้ทำให้ Margin ต่ำ ประเทศนี้คนรวยก็เลยเป็นนายทุนที่ดิน นายทุนปุ๋ย โรงสี
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ท่านที่ชอบทำกิจกรรมอย่าง เต้น ชกมวย เล่นเจ็ทสกี
ระวังกระดูกสันหลังจะเคลื่อนเอานะครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เตือนภัย!! กระจังหน้า S07 หม้อน้ำระบายความร้อน แบบเอียง "ห่วย" ครับ โดนหินเล็กน้อย หรือแมลง ไปอุด อาจทำให้แตกหรือรั่วได้ "ต้องซื้อตะแกรงกันหินกันแมลง" มาติดเอง!!
-S07 ใช้ระบบระบายอากาศแบบเอียง จะเกิดปัญหาง่าย กว่า โดนหินก้อนเล็กเท่าขี้มูก รั่ว..
-ส่วน L07 เป็นแบบแนวตรง มีปัญหาน้อยกว่า
***ผมโดนหินก้อนนิดเดียวเท่าขี้มูก รั่ว ทำให้ระบบระบายอากาศแบตฯ มีปัญหาขับต่อไปไม่ได้จอหน้าขึ้น รูปเต่า ให้อยู่ใน Save Mode ทาง ChangAN เห็นว่าเป็นหินกระเด็นใส่ จึงไม่เคลม ให้ลูกค้าเคลมกับประกันภัยเอง ส่วนราคาหม้อน้ำระบายความร้อน ไม่รู้เท่าไร อย่างไรจะมา Update ให้ฟังครับ
นอกจากเรื่อง sex แล้ว ผู้หญิงมีประโยชน์เรื่องอะไรอีกมั้ยครับ? ต้องเป็นผู้ชายต่ำต้อยขนาดไหนถึงต้องไปง้อ sex object เหรอครับ?
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไม่มีค่ะ สนับสนุนให้ผู้ชายเย้ดกันเอง รักษาไว้ซึ่งความสูงส่ง อย่ามาเกลือกกลั้วกับผู้หญิงเรยต่ะ
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
พ่อเพื่อนกูตั้งชื่อมันว่า ฟ้า จะได้เป็น นางฟ้า แต่ตอนนี้ยังเป็นนางสาวฟ้าอยู่เลย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าบอกว่ามีเงินเก็บ 5 แสนคือคนรวยแล้ว ไม่พูดด้วยอ่ะ เถียงไปก็เหนื่อย เหมือนคุยกับกำแพง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ธกส.เป็นธนาคารของรัฐ รัฐบาลในฐานะผู้กุมอำนาจรัฐ มีอำนาจเต็มในการใช้ ธกส.ดำเนินการตามนโยบายของตนเอง ซึ่งไม่เรียกว่าการ “กู้”
คำว่า “กู้” คือไปเอาเงินของคนอื่นมาใช้ เช่น กู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ
นี่เขาไม่ได้กู้ ก็จะบิดว่าเขากู้ให้ได้
พวกที่มีปัญหามีแค่ 2 กลุ่ม
1. พวกโอตาคุอ้วนเหม็นเปรี้ยวที่สำคัญตัวผิด มโนเป็นผัว อยากโชว์การปกป้องหวงแหน คิดว่าเขาจะประทับใจในความเป็นพระเอก
2. พวกตุ๊ดเฟมทวิตที่บางคนเรียนยังไม่จบ ม.ปลาย หรือจบแล้วแต่ยังไม่มีงานทำ แต่มโนว่าตัวเองเป็นแม่ คอยส่งเสียด้วยการปั่นเทรนด์ทวิต
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ลาลูแบร์บอกว่า ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดแบบเมืองสยาม ทำให้คนสยามไม่สามารถคิดอะไรลึกซึ้งได้ - แต่ก่อนก็ไม่คิดว่าจริงหรอก แต่พอมาเจออากาศที่ร้อนจัดแบบนี้ แม่งคิดอะไรไม่ออกจริงๆ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
นั่งรถกลับบ้านกับพ่อแม่ มีเด็กแว้นขับปาดหน้าตำรวจขับตาม พ่อกุขับรถไปบ่นไป จับๆไปเลยไอพวกเด็กตัวปัญหา แม่กุด่าเด็กเวนแบบนี้สงสารพ่อแม่จริงๆ กลับถึงบ้านตำรวจนั่งรออยู่กับไอเด็กนั่น ใช่ค่ะ ไอ้เด็กแว้นคนนั้นน้องชายกุเอง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ฝากถึง BYD คันเมื่อสักครู่ที่จองมาแล้วเปิดกระจกว่า หาว่าจอดผิดช่อง แล้วเรียกรถที่กำลังเข้ามาจอดชาร์จเพื่อหาแนวร่วม ดูตัวเองให้ถูกก่อนนะคะ ก่อนจะหาพวกเพื่อจะว่าคนอื่น
รบกวนดูใน app ก่อนนะคะ ว่าช่องซ้ายสุด สำหรับหัว AC ค่ะ ช่องกลาง A (ดิฉันก็จอดกลาง เพราะจะใช้หัว DC ช่อง A) ที่หน้าตู้ก็มีแปะไว้ให้อ่าน อ่านด้วยค่ะ
คุณจองช่อง B มาก็จอดขวาสุดสิคะ ไม่ใช่มาตอบดิฉันว่า ”ปกติผมก็จอดช่อง A ข้างซ้าย“ ไหวพริบหน่อยค่ะ แต่ละที่มันไม่ได้มีแค่ A กับ B และมันไม่ได้มีแค่หัว DC
บอกให้ดูใน app ก็ไม่ดู จะโทรถาม call center ให้ ก็บอกไม่เอาๆ แล้วรีบปิดกระจกหนี ก่อนจะว่าใคร ศึกษาก่อนนะคะ เปิดใจฟังคนอื่นบ้าง ไม่ใช่มองแต่ตัวเอง
เมื่อก่อนกูเล่นเกมส์ฟุตบอลวินนิ่งสมัยที่มันยังออฟไลน์
เวลากูเล่นคนเดียวกับคอมกูมักจะตั้งบอทไว้ที่ easy แล้วใช้ตัวอิดิทถล่มแม่งเพื่อความสะใจ
และกูก็พบว่าความสนุกนี้แม่งอยู่ได้แป๊บเดียวก็เบื่อ
ดังนั้นคำถามว่าถ้ามีอำนาจอยากทำอะไรหื่นๆ
กูว่ามันต้องไม่ใช่เงื่อนไขแบบที่กูบอกที่เราจะกลายเป็นตัวอีดิททำอะไรก็ได้เพราะมึงจะเบื่อแน่นอน
สิ่งที่ขาดไม่ได้คือผู้ชมที่จะคอยดูควาทเทพของเราและเส้นทางไปสู่จุดหมาย
สตอรี่มันต้องครบมึงถึงจะมีอำนาจแล้วสนุกได้
กูไปท่องโลกโซเชียลมา มันจะมีพวกคอนเท้นครีเอเตอร์ญี่ปุ่นที่ชอบทำอาหารแล้วก็กินใช่มะ ทีนี้แม่งชอบมีคอมเม้นพวกตะวันตกมาเม้นด่าเว้ย
"แม่งอาหารเยอะขนาดนี้มึงกินหมดได้ไง"
"แม่งตัดวิดีโอตอนกินแน่ๆ ยังไงก็กินไม่หมดหรอก"
ทั้งๆ ที่แม่งอาหารในคลิปคือมื้อนึงของคนเอเชียแบบเราเลย แค่ชีส ราเม็ง 2 ก้อน ไอ้หรั่งแม่งบอกว่าเยอะ ไม่มีทางที่มนุษย์จะกินหมด กูอ่านเม้นละสมเพชพวกคนขาวชิบหาย
และอีกเม้นนึงจะเป็นประเภทติเรื่องวิธีทำอาหาร ส่วนใหญ่มักจะลงที่ไก่กับไข่ดิบของพวกยุ่น
"อี๋ ไข่ดิบ แดกไปได้ไงวะ"
"ไก่แม่งเอาไปต้มเลย ไม่ผ่านการเอาไปทอดก่อน แม่งจืดชิบหายแน่ๆ"
แม่งด่ายันข้าวซอยไก่บ้านเรา แม่งบอกเอาน่องไก่ลงไปในน้ำเลยยังไงก็จืด แล้วก็แซะว่าเอาไก่ลงไปต้มแบบนั้นซาโมแนลล่าแน่ๆ ไอ้ควายน้ำข้าวซอยแม่งเครื่องปรุงเครื่องเทศแน่นๆ เอาไก่ลงไปต้มจนเปื่อยแม่งก็เต็มไปด้วยรสชาติแล้ว ทีนี้มีคนไทยไปลองไปไฟว์อย่างเดือดเพราะคนด่ามันเป็นคนดำว่า
"เออ กูเข้าใจแหละว่าประเทศมึงแม่งแดกเป็นแต่ไก่ทอด เจอไก่ต้มเลยไม่เข้าใจ"
เหี้ยแม่งคนขาวที่บ้านแม่งมีแต่อาหารขยะแดกแต่ชีสอ้วนลงพุงชอบมาแซะคนเอเชีย แล้วชอบมาบอกว่าทำไมพวกเราแดกแล้วไม่อ้วน กินเยอะขนาดนี้ไม่อ้วนได้ไงบลาๆ ก็เพราะอาหารบ้านกูมันมีครบ 5 หมู่ไงไอ้ควาย
ทำไมคนข่าวยุคนี้มันโง่จังวะชิบหาย คนดำด้วยสัส แม่งไอคิวโคตรต่ำโง่กันชิบหายเลย
ก็สะเอ0ะมาจีบกูเองทำไมล่ะ กูก็ - สวย - ของกูอยู่ดีๆ ก็ต้องโดนเย็๑ประมาน100Kว€ มันก็ถูกต้องแล้วไง มีแต่พวกไม่สวยป่ะที่แห้งกรัง มาจีบเองก็รับผิดชอบความรู้สึกตัวเองไปสิวะไอ้พวกชายแทร่ จะมาคิดมากใจแคบอะไรกับอวัยวะนั้น โลกมันไปถึงไหนแล้ว นี่ พ.ศ. ไรแล้วค๊า แหกตาดูบ้างจ้า อย่ามาหัวโบราณให้มันมากนักเลย ผู้ชายที่พูดเรื่องเงินก็มีแต่ไอ้พวกผช.ที่ไม่มีเงินแหละ หยี๋ กระจ0ก
-มิตรฯ
ในต่อก ชอบมีคนพม่ากะเขมรรีพลายว่าไทยขโมยสงกรานต์มา กุสนุกมากเลยที่ไปไล่รีพลายพม่าบอกว่าสงกรานต์เป็นของเขมรและรีพลายบอกเขมรว่าสงกรานต์เป็นของพม่า 55555
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เตี้ย
เป็นอาหวังเพื่ออะไร เป็นอาหวังแล้วคิดว่ามึงจะได้แอ้มเขาจริงๆเหรอ
เขาเห็นมึงเป็นแค่เบี้ยตัวนึงเท่านั้นแหละ พอได้แล้วนิสัย simp พวกมีหอในทวิตเนี่ย ยึดหลักความจริงละมาจิบกาแฟกับพวกคนมีสตินี่มา
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Thais need to embrace our pasts as colonizer to understand all these cultures stealing shits 💀
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ตอนม.5 โดนจิ้งจกตกใส่ที่ตึกวิทย์ (เราเป็นโฟเบีย) ช็อก หมดสติ โดนหามไปโรงบาล พอได้สติก็ตัดสินใจลาออกไปสอบเทียบเลย ไม่อยากไปรรแล้ว กลัวจิ้งจก
สองปีต่อมากลับไปเยี่ยมโรงเรียน ได้ยินเด็กพูดกันว่าเคยมีคนตายที่ตึกวิทย์เพราะจิ้งจกตกใส่แล้วกลายเป็นผีอยู่ในตึก…
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>529 มึงดูถูกความชอบแต่งเรื่องผีของคนไทยมากไป
เรื่องลึกลับที่กุขึ้นมาแบบไม่มีที่มา หรือที่มาเป็นอีกเรื่องนึงนี่มีทุกโรงเรียนทุกมหาลัยอ่ะ
มหาลัยกูที่ๆคนล้อเล่นกันว่ากลางคืนมีเสียงร้องลึกลับ ซึ่งจริงๆคือล้อเรื่องที่เด็กหอแม่งชอบไป Outdoor กันตรงนั้น
ผ่านมาหลายปี คุยกับรุ่นน้องคณะที่มาสมัครงานที่ บ. ทุกวันนี้คือกลายเรื่องผีใน ม. ไปแล้ว
ก็คนไทยกันเองมันยังดูถูก จะให้รักชาติได้ไง ขรำ
ไม่ควรขับสองเท้านะคะ อันตรายมาก เพราะถ้าเผลอเหยียบเบรกและคันเร่งพร้อมกัน รถจะแคปจอทันที
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ทุกคนผิดหวังในตัวหนูหรือเปล่า ไม่ได้แก้ตัวให้ใคร น้องแพทชี้แจงดราม่าฮัลโหลเบ๊บ เพื่อนสนิทพี่เน่โทรฯ มาขอให้ช่วยวาดรูป ฮัลโหลเบ๊บเป็นศัพท์วัยรุ่นที่แปลว่ากวน ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง ตอนนี้โฟกัสเรื่องเรียน สเตจเทรนนี : #BNK48 #PattBNK48
-เรื่องจริงๆ มันไม่มีอะไรเลย จริงๆ เรื่องมันมีอยู่แค่ว่าเพื่อนพี่เน่โทรฯ มาหาหนู ให้ช่วยงานเฉยๆ มันมีงานวาดรูป พี่เน่ก็ไม่เก่งใช่ไหม แล้วพี่เน่รู้ว่าหนูวาดรูปได้
-ก็เลยให้หนูช่วยวาดรูปหน่อยได้ไหม ซึ่งพอหนูรับสาย หนูไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ใช่พี่เน่ แต่ตอนแรกหนูคิดว่าเป็นพี่เน่ หนูก็เลยกดรับ
-หนูกับเขาไม่มีช่องทางการติดต่อกันเลย เพื่อนพี่เน่คนนี้เป็นคนที่รู้จักมาก่อน ก่อนที่จะเข้าวง ใช่ ตั้งแต่ก่อนเข้าวงเลย ปกติหนูคุยกันในไอจีเก่า แล้วหนูก็ลบไอจีไปเลย
-ก็เลยไม่มีการติดต่อกันอีกเลยใช่ไหม พอหนูเข้าวงมา หนูก็เพิ่งมารู้ว่าพี่เน่ก็รู้จักกับคนนี้เหมือนกัน ก็เป็นเพื่อนพี่เน่ หนูก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเป็นเพื่อนสนิทพี่เน่
-ทุกคนไม่ต้องซีเรียสมันไม่มีอะไรเลยจริงๆ ทำไมถึงเรียกฮัลโหลเบ๊บ ก็จะบอกว่าปกติหนูพูดหยอกล้อเพื่อนที่โรงเรียนหรือรุ่นพี่ หรือคนในวงมันเหมือนเป็นคำศัพท์วัยรุ่น
-ฮัลโหลเบ๊บอย่างนี้ เบ๊บที่แปลว่ากวน ทุกคนเก็ตคำว่ากวนไหม ฟีลแบบเบ๊บทำไรอยู่อะ จริงป้ะเบ๊บอะไรอย่างนี้ หวังว่าทุกคนจะเข้าใจนะ ไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝงเลยนะคะทุกคน
-ไม่มีอะไรเลย จริงๆ ตอนนี้หนูโฟกัสแค่เรื่องเรียน แล้วก็สเตจเทรนนีค่ะ ตอนนี้หนูโฟกัสแค่ 2 อย่าง ไม่ได้โฟกัสเรื่องอื่นเลย เพราะว่าตอนนี้จะขึ้น ม.4 แล้ว
-หนูก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าหนูจะสอบเทียบดีไหม หรือว่าหนูจะยังไงต่อดี แล้วก็เรื่องมหาลัยด้วย ตอนนี้คิดอยู่แค่นี้ค่ะ สเตจเทรนนีก็ใกล้เข้ามาแล้ว ก็ต้องจริงจังแล้ว
-ตอนนี้โฟกัสอยู่แค่นี้นะคะกับการทำงานด้วย เรื่องที่พี่เน่มาคอมเมนต์เอาจริงๆ ก็จากที่หนูไลฟ์เสร็จใช่ไหม หนูก็โทรฯ ไปหาพี่เน่เลยว่าทำไมพี่เน่ถึงคอมเมนต์แบบนั้น
-พี่เน่เข้ามาในไลฟ์ เห็นคนพิมพ์ว่าเน่แบบใด เน่กี่โมง หรือว่าโป๊ะ โป๊ะแตก เกม เพราะว่าเหมือนทุกคนเข้าใจหนูผิดตอนนั้นเยอะมาก แล้วหนูก็ช็อค ค้างไปเลย
-เพราะหนูไม่รู้ว่าหนูต้องทำตัวยังไง ทุกคนเก็ตไหม ทำตัวไม่ถูก เพราะว่ามันไม่เคยเกิดเคสนี้กับใครเลย พี่เน่ก็เลยคอมเมนต์ไปแบบนั้น โดยที่ยังไม่ได้คิดไตร่ตรองก่อนค่ะ
-เรื่องจริงๆ มันไม่มีอะไรเลยค่ะทุกคน ทุกคนไม่ต้องซีเรียส เรื่องสุขภาพจิต ตอนนี้โอเคแล้วค่ะ ก็ไม่ต้องเป็นห่วงกันนะคะ ตอนแรกที่ดราม่ามันเกิดขึ้นจริงๆ หนูก็มีดิ่งลงๆ บ้าง
-เพราะหนูรู้สึกว่าหนูทำให้แฟนคลับผิดหวังหรือเปล่า หนูกลัวว่าทุกคนจะผิดหวังในตัวหนู อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าเรื่องจริงๆ มันเป็นอย่างไร ไม่ได้อยากจะมาแก้ตัวให้ใครนะคะทุกคน
-หนูกลัวว่าทุกคนจะเข้าใจผิดมากกว่านี้ เรื่องจริงๆ มันไม่มีอะไรเลย ตามที่หนูเล่า เรื่องทั้งหมดไม่ใช่อย่างที่ทุกคนตีความหรือเข้าใจในโซเชียลทั้งหมดนะคะ
-ไม่ได้มีการ vvip หรือว่า vip กับใครเป็นพิเศษแน่นอน หนูยืนยันได้เลยว่าไม่มีการให้ความพิเศษกับคนอื่นแน่นอนค่ะทุกคน
-หนูกับพี่เน่เราไม่ได้มีปัญหาอะไรกันนะคะ หนูยังรักกันดีเหมือนเดิม ทุกคนไม่ต้องไปว่าพี่เน่นะ ทุกคนไปให้กำลังใจพี่เน่กันเยอะๆ นะ
-ทุกคนอย่าไปว่าพี่เน่ หนูรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรเลย ใครมาล้อหนูที่เลน หนูจะให้การ์ดลากออกจากเลนนะ
▶️ Live Patt 19/04/2024 22:35
เคย สั่งเมนู "ไก่ย่างถ่าน" ร้านอาหารร้านนึง พนักงาน เดินมาขอโทษ บอกว่า เมนูนี้ไม่มี เพราะว่า แก๊ส หมด -_-''
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
แปลกเนอะ เวลาทัก
เป็นคนเหนือหรอ = จ้าวววว
เป็นคนภาคกลางหรอ = ครับ
เป็นคนใต้หรอ = ใช่แล้ว
เป็นคนE3หรอ = +#;°{€✓¢×~}{
บทสรุปดราม่าคู่รักคู่จิ้น "แน็ก ชาลี & กามิน" 👇
.
▪️กามิน เดินทางกลับเกาหลีได้ 2 วัน จากนั้นก็มาไลฟ์ โดยในไลฟ์ก็มีการบอกคิดถึงแน็ก ชาลี
▪️ในขณะนั้นทางฝั่งแน็ก ชาลี ก็กำลังไลฟ์คู่อยู่กับเพื่อนชื่อทอม แฟนคลับของกามิน เลยเข้าไปคอมเมนต์เรียกแน็ก ชาลี ว่ากามินรออยู่
▪️ แล้วแนทชาลีก็ตอบกลับแฟนคลับว่า "ให้เขารอไป เหมือนที่ตนรอบ้าง ตนรอมาข้ามวันข้ามคืน แชทไปไม่ตอบ" และ "หายไปกันทั้งคู่"
▪️ จนกลายเป็นดราม่าตามไปด่ากามิน อาทิเช่น กามินหายไปกับใคร, กามินหวังเกาะแน็คดัง,รอยที่คางเธอคือ อะไรมีพิรุธ
▪️ จากนั้นวันที่ 20 เม.ย กามินก็ออกมาไลฟ์ชี้แจง
"วันที่เดินทางกลับเกาหลี ถึงเกาหลีตอนเช้า มีประชุมกับบริษัท 7 โมง จากนั้นกลับถึงบ้านมาเคลียร์ของที่บ้านอีก 2 ชั่วโมง จากนั้นต้องเดินทางไปกังนัมและโซล แล้วตอนเย็นก็ไปประชุม จากนั้นใช้เวลาอยู่กับครอบครัว แม่และพี่ชาย"
▪️ และกามิน ก็พยายามอธิบายโดยพูดเป็นภาษาเกาหลีและให้ Siri แปลความหมาย
"จุดมุ่งหมายของฉันคือใช้ชีวิตตามปกติ ฉันไม่มีความโลภต่อชื่อเสียง หรือความทะเยอทะยาน ดังนั้นฉันไม่คิดว่าฉันมีชื่อเสียงแม้แต่ตอนนี้ ฉันเป็นคนเหมือนพวกคุณทุกคน ดังนั้นบางครั้ง มันก็เจ็บ ฉันจะขอบคุณถ้าคุณสามารถเข้าใจฉัน บางครั้งการเข้าใจผิดก็เกิดขึ้นเพราะไม่ถูกจังหวะ แต่ไม่มีอะไรต้องกังวลอย่างแน่นอน ถึงแม้จะมีปัญหา ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร จงคิดบวก และรอช้าๆ เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีความสุขอย่างแท้จริง"
▪️พร้อมทิ้งท้ายประโยคที่ว่า "ฉันไม่ได้โกหก ฉันไม่ต้องการที่จะโกหก ฉันและชาลีก็เหมือนกัน ชาลีเป็นคนที่ใจดีและน่ารักมาก ฉันรู้ โปรดเชื่อใจฉัน""
▪️แล้วทางฝั่งแน็กชาลีก็ไลฟ์ และพูดว่า "เขามีการเคลื่อนไหวอะไรบ้างไหม ถามแฟนคลับทุกคนว่า เห็นเขาเคลื่อนไหวบ้างไหม เขากลับไปถึงที่นู้น เขาก็ทักอ่ะแหละ ลงเครื่องเราก็ทักกัน คุยนิดเดียว"
▪️และแน็กชาลีก็พูดอธิบายต่อถึงประเด็นดราม่า อีกว่า "ผมพยายามทักหาเขา หลายคนบอกผมไม่ทัก ไม่ใช่ ผมทัก ทักจนผมรู้สึกว่า ผมง้องแง้งเกิน แล้วทุกคนก็มาจี้ๆ ผม ผมไลฟ์กับทอมมี่อยู่ หาว่าผม ตอนสัมภาษณ์ ก็เห็นใช่ไหมว่าผมพยายามพูดเซฟทุกอย่าง เพราะกลัวนักข่าวจะจี้ถามอะไรหรือเปล่า"
▪️ตอนนี้ด้อมแน็กชาลี - กามิน ก็โจมตีกันไปมา บางคนก็ด่า ว่าแน็ก ไม่ควรมีแฟน แค่ผญ ยังไม่ตอบไลน์ ก็ไปพูดเรียกทัวร์ / อีกฝั่งก็ด่ากามิน ว่าดังสมใจ ได้เงินไปเยอะ ก็จะทิ้งแน็ก ไม่ได้จริงใจแต่แรก
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าดราม่านี้จะจบลงอย่างไร ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ ปรับความเข้าใจและอยากให้แฟนคลับทั้งคู่ ใจเย็นๆ ให้เขาได้เคลียร์กันนะ
#มิตรฯ
มึงคุยกับเค้ายังไม่ได้เลย ฟังภาษาเค้าไม่ออกแล้วเสือกพูดเยอะอีก "ผมจะบอกให้นะ ๆๆๆๆ" วนอยู่นั่นแหละ ป่วยเหมือนพี่เสกเลย
เป็นกูก็ไม่เอามาทำผัวหรอก ต่อให้รวยหล่อแค่ไหน แต่มึงบ้า อห ไม่ปรับ ไม่เรียนภาษามึงจะใช้ชีวิตร่วมยังไงมึงควรพูดภาษาเค้าได้ก่อน อส
>>540 ปัญญาอ่อนทั้งคู่และแฟนคลับที่อวยๆ กูอายุน้อยกว่าพวกแม่งและกูรู้สึกว่ากูไม่โตไม่สมเป็นผู้ใหญ่ มาดูคู่นี้กูรู้สึกว่ากูมีวุฒิภาวะขึ้นมาทันที
คือจะมีแฟนมีความรักมันควรจะต้องปรับความเข้าใจกันเอง เคลียร์ก่อนว่าความสัมพันธ์นี่คืออะไร แล้วไอสองตัวนี่คุยกันไม่รู้เรื่อง มีวัฒนธรรมไม่เหมือนกันแต่ไม่ปรับมุมมองเข้าใจวัฒนธรรมจองอีกฝ่าย มันจะไปรอดได้ยังไงวะ และ2คือต้องมีสติและมีความอดทน ทั้งเรื่องงานด้วยคือกามินมันควรจะคุยให้รู้เรื่องกว่านี้ไม่ใช่มาพรู๊บทีหลังชั้นเป็นคนดีอะไรคนเขาไม่ซื้อไอควาย ไอแน๊คแม่งก็โครตตุ๊ดงอนเป็นผู้หญิง ส่วนไอเจ๊гกามินก็ฟีลพวกnarcissistหน้าเงิน เกาะแดกโต้งๆ คือควรไปคุยกันหลังไมค์ป่าว ไม่ใช่ไม่พอใจไรแล้วมางงๆงอนๆแล้วทําคนไปด้าอีกฝ่าย ถ้าอยากจะมีความสัมพันธ์จริงๆจังๆเลิกติดกล้องเถอะทั้งคู่ น่าสมเพช สุดท้ายแม่งไม่ได้แดรก take big L ทั้งคู่ครัช กร๊ากกกกกก
>>541 เอาตรงๆภาษาส้นตีนทั้งคู่แหละ มันไท่ใช่แค่เรื่อวภาษา เรื่องวัฒนธรรมด้วย ตีความความรักเหมือนกันมั้ยอะไรยังไง แต่ดวงสมพงศ์กันดี
และกูเพิ่งรู้จักแน๊คด้านโครตท็อกซิค เมื่อสมัยทําคลิปฮาๆกับสัตว์บ้าบอกูก็ชอบดูแม่งนะ แต่เจอมุมนี้ โครตตุ๊ด 1แม่งรีบไม่รู้เวลา รีบเร่วความสัมพันธ์ มโนคิดเองเออไปเอง 2ควรเคลียร์หลังไมค์มาบอกในไลฟ์ทําซากไร ถ้ามึงรักจริงๆมึงไม่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บหรอกถึงแม้เขาจะมาหลอกเอาชื่อเสียง ฟาย ก็ว่าทําไมใครไม่เอา มันเด็กไม่รู้จักโตและClingy ชิบหาย แม่ง🚩🚩🚩🚩🚩
เทพหนวดZ เลิกด่ากามินในกลุ่มข่าวปดยัง
จริง คือความชิบหายโลกร้อนสเกลมันใหญ่เกินกว่าจะมาใช้ถุงผ้า งดหลอดพลาสติกละอะ มันต้องออกนโยบายpushคน1%ของโลก ที่มีกำลังสร้างความชิบหาย(และสร้างมาเยอะแล้ว)ให้งดปล่อยคาร์บอน หรือปล่อยน้อยๆ ไม่ใช่ว่ารณรงค์แบบปัจเจกไม่ดี แต่มันแก้ไม่ถูกจุดละอ่ะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
จีบสาวผ่านล่าม มึงคิดดีๆ เหมือนมึงเจอคนเขมรเข้ามาจีบมึง แล้วได้ยินแต่สำเนียง-เมียงปร๊ะๆ-ขยึมโจย-แล้วมึงมีล่ามแปลให้ฟังอีกที มึงจะเอาเขมรเป็นแฟนมั้ยอ่ะ
มือถือมีตั้งกี่สิบปีแล้วแค่ที่ชาร์จ USB จากเครื่องเก่าซักอันจะไม่มีเลยเหรอ สายก็เหมือนกันไม่รู้จะแถมทำไม ถ้าทำแคมเปญให้เลือกว่าจะเอาหรือไม่เอาคนส่วนใหญ่เอาอยู่แล้ว เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็ผลิตเพิ่มอีก
ลดการผลิต = ลดการใช้ทรัพยากรตั้งแต่ต้นทาง แต่ดันบ่นกัน รักษ์โลกแต่ปากนี่หว่า
แล้วที่ชาร์จมันแถมซะที่ไหนมันรวมอยู่ในต้นทุนอยู่แล้ว พอไม่แถมมันก็เอาไปทำโปรลดราคาหรืออัดสเปคเพิ่มได้
ปัญหาหลักๆของการไม่แถมหัวชาร์จคือถ้าให้ไปหาซื้อเอง ส่วนใหญ่จะเจอแต่ของปลอม ไม่ได้คุณภาพอ่ะมึง ยิ่งซื้อออนไลน์ก็ตรวจสอบยากชิบหาย จริงๆมันควรจะแถมนอกแพคเกจ คือจะเอาหรือไม่เอาก็ได้ แล้วแต่เลย ถ้าอยากลดขยะจริงๆกับเรื่องนี้ ก็ต้องไปทำให้ไอ้พวกหัวชาร์จของปลอมมันขายไม่ได้
แต่ตอนนี้ใครอยากได้แบบไม่ต้องไปหาซื้อ ก็ลองไปสะกิดถามเพื่อนที่ใช้แอนดอยดู เผลอๆมี 4-5 อันอะ อย่างของกูนี่ หัวชาร์จแท็บเล็ตเครื่องแรกที่ซื้อเมื่อ 10 ปีก่อน ยังใช้ได้อยู่เลย
ตรวจสอบไม่ยากหรอกไม่เห็นแก่ของถูกกว่าปกติซื้อร้านและแบรนด์น่าเชื่อถือก็ไม่เจอของปลอมแล้ว ใครจะมีปัญญาทำให้ของปลอมขายไม่ได้นอกจากเจ๊nวะซึ่งมันไม่ทำแน่ๆผลประโยชน์ทั้งนั้น
เด็กๆชั้นเราไปบวชกัน ด้วยเหตุผลที่ว่า 'ผมอยากเห็นครูไหว้ผม' 555555555 พอได้เจอก็ต้องไหว้เณร คือยิ้มอย่างชัยชนะสุดๆ แครอทน้อยเอ๊ยย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>549 กูว่ากูก็พิมพ์ชัดเจนนะว่าพูดถึงคนที่ซื้อมือถือเป็นเครื่องแรกแล้วก็ให้ทำแคมเปญถ้าไม่เอาที่ชาร์จก็แถมอย่างอื่นไป ไม่ก็เปลี่ยนเป็นส่วนลดได้
ไอ้เรื่องหัวชาร์จใช้แทนกันได้เนี่ยมันคนละประเด็น แต่ถ้าจะให้ถกคือปัจจุบันรุ่นใหม่ๆมันมีชาร์จไว ถ้ามึงไปเอาที่ชาร์จรุ่นเก่าที่มันแอมป์น้อยๆมึงก็รอไปเถอะกว่าแบตจะเต็ม ไม่พ้นไปซื้อแยกอยู่ดี แล้วถ้าใครไม่ประสีประสาใช้มือถือกับหัวชาร์จที่รองรับชาร์จไวแต่ทะลึ่งใช้สายแอมป์น้อยก็เกมเลย
>>554 กูก็บอกแล้วไงถ้าทำแคมเปญให้เลือกว่าจะเอาหรือไม่เอาคนส่วนใหญ่เอาอยู่แล้ว จะแยกยังไงว่าใครซื้อเครื่องแรก แถมอย่างอื่นก็ผลิตของไม่จำเป็นเพิ่มอีก ราคาที่ชาร์จมันรวมในราคามือถือไปแล้วจะมาลดอะไรอีก มึงอ่านไม่แตกเหรอ แล้วปกติตอนแถมแอปเปิ้ลซัมซุงมันแถมที่ชาร์จไวเหรอ?
Apple 5w samsung 15w ถ้าอยากชาร์จเร็วก็ต้องซื้อแยกอีกอันอยู่ดี
วันนี้ออกไปทำธุระนอกบ้านหลายชั่วโมง ตั้งแต่ก่อนเที่ยงจนบ่าย รับพลังงานแสงอาทิตย์มาหลายกิโลวัตต์ มองดูตัวเอง คล้ายๆ เนื้อแดดเดียว ถ้ามีข้าวเหนียวด้วย ก็ลงตัว
ผมไม่ได้ฟังพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา จึงไม่รู้ว่าเราผ่านจุดร้อนสุดมาแล้วยัง แต่ไอร้อนตอนนี้มันคล้ายอยู่บนดาวซานถี่ ตอนดวงอาทิตย์ขึ้นสามดวงพร้อมกัน
คนไทยที่เจอไอร้อนระดับนี้อาจบ่นอู้ แต่หากเคยผ่านความหนาวของเมืองนอกระดับติดลบ และฮีตเตอร์ไม่ทำงาน จะต้องเปลี่ยนความคิด เห็นว่าร้อนดีกว่า
สมัยผมเรียนและทำงานที่นิวยอร์ก ผมเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่กับเพื่อนคนไทยและฝรั่งอีกคน เจ้าของตึกเป็นยิว และประพฤติตนเหมือนตัวละครไชล็อกที่เราเรียนในเรื่อง เวนิสวาณิช ทุกประการ
ยิวแสบคนนี้ปิดฮีตเตอร์ตึกเป็นประจำ โดยเฉพาะตอนที่ทุกคนนอนหลับไปแล้ว เรื่องนี้ผิดกฎหมาย แต่ไชล็อกโนสนโนแคร์ เพราะรู้ว่ารายงานไป ทางการนิวยอร์กก็ไม่ทำอะไร เพราะแต่ละวันมีคนหลายร้อยหลายพันคนโดนแบบนี้
ในเมืองร้อน หากเราไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ มันก็ร้อนเท่านั้น แต่ในเมืองหนาว ตึกที่ไม่เปิดฮีตเตอร์ก็คือการอยู่ในช่องฟรีซเซอร์ตู้เย็น เราต้องสวมเสื้อกันหนาวเต็มยศนอน คล้ายพวกปีนเขาเอเวอเรสต์ มันหนาวเข้าในกระดูก หนาวจนป่วย
ตอนหนาวจัดๆ แต่ทำอะไรไม่ได้นั้นเอง ผมนึกถึงเดือนเมษายนในเมืองไทย ผมจินตนาการว่าถ้าได้อยู่ในเมืองไทยตอนร้อนจัดๆ คงดีเหลือประมาณ
ดังนั้นทุกครั้งที่เจออากาศร้อนจัดในเมืองไทย ผมมักนึกถึงคืนที่สวมชุดกันหนาวนอนบนเตียงตัวเอง ในอพาร์ตเมนต์ของไอ้เวรไชล็อก
แล้วความร้อนในเมืองไทยก็คือสวรรค์ดีๆ นี่เอง
มิตรสหายท่านหนึ่ง
22 เมษายน 2024
ตปท. เริ่มสังเกตกันว่า พอเกรต้าเริ่มพูดถึงต้นต่อของ Climate Change และเริ่มพูดเรื่องระบบทุนนิยมโลก พวกสำนักข่าวต่าง ๆ พูดถึงเกรต้าน้อยลง เมื่อเทียบกับตอนที่โลกยังมองว่าเขาเป็นเด็กรักโลกเกรี้ยวกราดเฉย ๆ
แสดงว่า เกรต้าตีถูกจุด ต้นเหตุของ Climate Change คือทุนนิยมโลก
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Generation Gap ของแท้คือการที่เด็กสมัยนี้จะไม่รู้ว่าฤดูร้อนที่มันยังพออยู่ได้ ไม่ร้อนจนไหม้ มีลม คนออกไปเล่นว่าวตามสวนสาธารณะเป็นยังไง ฤดูหนาวที่หนาวอยู่หลายเดือน ต้องใส่เสื้อกันหนาวหนาๆ มีหมอกลงตอนเช้าแบบไม่ใช่ฝุ่นเป็นยังไง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อยาก ลหนอ
-มิตรฯ
ด้วยความสัตย์จริง ขอตอบคำถามด้วยคำถามย้อนเลยดีกว่า
ว่ามีใครไม่เคยอิจฉาคนรอบตัวเวลาที่งานวาดเค้าไปได้ไกลกว่าบ้าง
ส่วนตัวเชื่อว่าคนที่มีแพชชันในทุกวงการ ยังไงก็หนีไม่พ้นการอิจฉาเพื่อนร่วมวงการที่ได้ดีกว่า รักในสิ่งที่ทำแล้วก็มอดไหม้ไปด้วยไฟริษยาที่สิ่งที่ตนชอบทำมันไม่ถูก acknowledge เทียบเท่าคนอื่น ๆ ในวงการ มันเป็นเรื่องปกติมากเลย
เราอิจฉามันทุกคนอะ แล้วก็รู้ว่ามีคนที่อิจฉาเราอยู่ด้วยเหมือนกัน
มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ และเป็นธรรมชาติของการมีแพชชันอะ ยอมรับในการมีตัวตนของมัน แล้วสรรหาใช้ความริษยาให้ถูกวิธีให้ได้ แล้วชีวิตน่าจะดีขึ้นกว่าการมาทนทุกข์เพราะมัน
อิจฉาเพื่อน ก็เอาความรู้สึกไปเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองพัฒนาขึ้น โดนเพื่อนอิจฉา ก็วางตัว sympathize ให้กำลังใจเพื่อน ช่วยแชร์งานให้เอย ให้คำแนะนำเอย ให้กำลังใจเอย เพื่อให้มิตรภาพไม่เสีย
นี่อิจฉาแม้กระทั่งเพื่อนที่หัดวาดรูปใหม่ ลายเส้นมันน่ารักมากเลยทั้งที่อยู่ในเฟสหัดวาด เห็นเบี้ยว ๆ งั้นแต่มีสเน่ห์และเอกลักษณ์มาก อิจฉาเว้ย
ตอนโพสต์รูปแล้วยอดรีชเยอะจัดก็เห็นเพื่อนในไทม์ไลน์ทำตัวหดหู่ มันพออนุมาณได้เลยว่าโดนอิจฉาอยู่ ก็เข้าไปให้กำลังใจ ช่วยกระจายงานให้คนอื่นเห็น
เรามองว่าคอมมูที่มีอารมณ์ทำนองนี้คุกรุ่นอยู่เป็นคอมมูที่ดี มันผลักดันให้วงการแอคทีฟเรื่อย ๆ แล้วคนในคอมมูจะค่อนข้างผูกพันธ์สนิทชิดเชื้อกันได้ ต่างฝ่ายต่างอิจฉากันเอง 555
#มิตรฯ
สิ่งที่คนขายโซล่าเชลไม่เคยพูด “ออกคลิป”
ผมใช้แผงโซล่า 450 w 4 แผง ปั้มไดโว่ 1100 w
ใช้สูบน้ำใส่พื้นที่ 5 ไร่
โซล่าเชล จะใช้งานได้จริงแค่วันละไม่เกิน 3 ชม.
คือช่วงแดดจัด เวลา 12.00 - 15.00 น ใครที่ฝันว่าแดดออกปุ้ปแผงทำงานปั้ปนั้นคิดผิด
แดดอ่อน ก้อนเมฆลอยมาบัง ตัวเลขรับแสงน้อยลง ปั้มทำงานเบาลง มีความเสี่ยงที่ปั้มจะพังเพราะไฟมาไม่เสถียร
เมื่อน้ำออกซึ่งเปนเวลาราวๆ 14.00 น หัวอกเจ้าของสวนไม่มีใครนั่งดูเฉยๆ ต้องเดินดูน้ำทีละแถว นั่นมันคือการพาตัวเองไปเสี่ยงตายกับโรคฮีสโตรกชัดๆ
ระบบโซล่าเชลทำงานกะแดดเท่านั้น และต้องแดดจัดๆ ไม่ยืดหยุ่นให้เจ้าของสวนไปไหนได้เลย งานแต่ง งานบวช ขึ้นบ้านใหม่ ถ้าไปงานนั้นก็เท่ากับไม่ได้รดน้ำวันนั้น
คนทำงานข้าราชการ คนทำงานประจำจึงไม่เหมาะที่จะใช้โซล่าเชลเป็น “ ตัวหลัก” (ถ้าเลือกวิธีอื่นได้ก็เลือกใช้วิธีอื่น แต่เลือกไม่ได้ก็ตามนั้น )
สำหรับผมคนมีงานประจำมาทำเกษตร เหนื่อย เพลียกับโซล่าเชลเหลือเกิน เพราะไม่มีใครมาทำแทนได้ และผมไม่มีเวลาออกมาเปิดระบบรดน้ำ แม้จะคิดต่อให้ใช้การสั่งงานผ่าน WiFi มันก็ต้องใช้งบเพิ่มอีกราวๆ 7,000 บาท แค่แบตเก็บไฟโชล่าก้อนเดียวก็ปาไป 2,500 บาทแล้ว ไหนจะตัวชาร์จไฟอีก และแม้จะsetได้แต่อย่าลืมว่า แดดจะอ่อนลงเรื่อยๆตอนเดือนพฤษภาคม _ ตุลาคม เท่ากับระบบไฟโซล่าใช้งานได้แค่ 6 เดือน
เว้นเสียแต่ติดตั้งระบบโซล่า สำหรับดูดน้ำมาเก็บในสระ แบบนี้พอช่วยได้ แต่อย่าลืมคำนวณว่า 1 ชั่วโมงดูดน้ำได้กี่ลิตร และ 1 วันดูดน้ำได้ 3 ชั่วโมง ถ้าสูบน้ำได้น้อยกว่าที่จะใช้รดต้นไม้ก็เท่ากับไม่คุ้มค่า
ส่วนตัวผมตอนนี้อยากได้ หัวรถอีแต๋นติดปั้มน้ำมากกว่า เพราะยืดหยุ่นเวลาให้กับคนมีงานประจำดีกว่า เพราะหัวอีแต๋นใช้น้ำมันดีเชล แถมประหยัดมาก สูบน้ำตอนไหนกะได้ สูบตอนค่ำนอนเฝ้าสวนก็ยังได้ ใช้งานได้ตลอด 12 เดือน รับงานปริมาณน้ำได้หลายไร่สบายๆ อาจจะแพงแต่จบ
ความคิดส่วนตัวครับ หวังว่าจะเปนอุทาหรให้หลายคนที่ฝากความหวังไว้กะโซล่าเชล ผมมาพูดในข้อจำกัดของโซล่าเชลครับ แลกเปลี่ยนได้ครับผม
ท้ายที่สุดก็สุดแต่ใจจะไขว่คว้าครับ
#มิตรฯ
>>563 คนจะติดแผงมันต้องมีเงินเหลือโว้ย กับ พวกที่อยู่บนเขาไกลๆ เมืองนู้น ไอ้คนอยู่ในเมืองมึงจะติดก็ได้ คือโชว์ว่ามึงมีเงินเหลือไง พวกไม่เข้าใจการตลาดก็คิดว่าติดเพื่อประหยัด เหอะๆ โง่ กันไปหลายบ้านแล้ว ติดแล้วมึงออกไปทำงาน เย็นกลับมาจะใช้ไฟตอนกลางคืนจะประหยัดกี่โมง ควายแท้ๆ
ความจริงก็คือความจริงว่าสดมันเสียวกว่าถุง กูมีเพื่อนที่สดแหลก มันบอกว่ากลับไปใส่ถุงแล้วไม่เคยเสร็จอีกเลย แต่เสี่ยงโรค เสี่ยงท้อง เสี่ยงติดเชื้อ ฯลฯ
สำหรับคนที่นอยด์มากๆก็ไม่ควรเสี่ยงทำ เพราะเที่ยวเสร็จมึงควรมีความสุขที่ได้ปลดปล่อย กลับต้องมานั่งเครียดเสียตังค์ไปตรวจเลือด แดกยา pep ไปอีก 1 เดือน แล้วก็กลับไปตรวจเลือดอีกครั้ง ระหว่างนั้นมึงจะนอยด์กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยแหละ
#mist
อย่า romanticize เรื่องความร้อนเลยครับ ไม่ว่าคุณจะเป็นศิลปินแห่งชาติหรืออินฟูเอนเซอร์จากที่ไหน
+++
นอกจากอุณหภูมิอากาศที่ "ร้อนฉิบหาย" ในขณะนี้ ที่ต้องให้ความสนใจคืออุณหภูมิกระเปาะเปียก (Wet Bulb Temperature, WB) ครับ
+++
อุณหภูมิกระเปาะเปียก (Wet Bulb Temperature, WB) เป็นอุณหภูมิของอากาศที่วัดได้ด้วยเทอร์โมมิเตอร์ที่กระเปาะถูกหุ้มด้วยผ้าเปียก เมื่อมีอากาศไหลผ่าน การวัดที่ถูกต้องควรจะวัดเมื่อลมผ่านกระเปาะเปียกด้วยความเร็วประมาณ 2 เมตรต่อวินาที
+++
เรากำลังเคลื่อนจากยุคโลกร้อนไปสู่ ”ยุคโลกเดือด” ในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะไม่ตรวจสอบแค่อุณหภูมิธรรมดาก่อนออกนอกบ้าน แต่จะตรวจสอบ “ดัชนีความร้อน(Heat Index)” หรืออุณหภูมิกระเปาะเปียก(WB)
+++
WB เป็นวิธีคิดใหม่เกี่ยวกับอุณหภูมิที่คำนึงปัจจัยในเรื่องความชื้น แม้อุณหภูมิอากาศเพียง 36°C หากความชื้นสัมพัทธ์มากกว่า 65% ขึ้นไป เราจะเข้าโซนอันตราย
+++
ประเทศไทยและพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกกำลังก้าวไปสู่ขีดจำกัดดังกล่าว
+++
WB แสดงถึงเกณฑ์ที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถระบายความร้อนได้อีกต่อไป สมองบวม อวัยวะหยุดทำงาน
+++
ไม่ใช่แค่อุณหภูมิ แต่เทียบเท่ากับการทำงานของมนุษย์จริงๆ
+++
โดยทั่วไปอุณหภูมิกระเปาะเปียก(WB)จะต่ำกว่าอุณหภูมิอากาศที่วัดโดยทั่วไป หากอุณหภูมิอากาศอยู่ที่ 40°C และมีความชื้น 50% WB จะต่ำกว่ามาก เนื่องจากความชื้นจะขัดขวางการทำงานของการระบายความร้อนของร่างกาย
+++
ดังนั้น ไม่เกี่ยวกับว่า “มันร้อนฉิบหาย” แต่เกี่ยวกับความสามารถของร่างกายเราในการอยู่รอด
+++
ขีดจำกัดของความสามารถในการอยู่รอดของมนุษย์นั้นต่ำกว่าที่เราเคยคิดไว้ การวิจัยใหม่ระบุว่าเกณฑ์ WB ของเราต่ำกว่า 35°C
+++
สถานที่หลายแห่งบนโลกกำลังเข้าสู่โซนอันตรายในขณะนี้ ไม่ใช่ในอนาคตอันไกลในปี ค.ศ. 2050 มันเกิดขึ้นแล้ว
+++
เรากำลังเข้าสู่ยุคที่ภูมิประเทศลุกเป็นไฟและการออกไปข้างนอกอาจทำให้คุณเสียชีวิตได้ เรากำลังถึงขีดจำกัดของการอยู่อาศัยของมนุษย์ในขณะนี้
+++
ถึงเวลาทำความคุ้นเคยกับแนวคิดที่จำเป็นสำหรับการอยู่รอดในยุคใหม่นี้ เราพร้อมหรือยัง?
คืองงสื่อไทยอะ อยู่ ๆ ก็ไปชูเด็กอีกคนนึงขึ้นมากะจะให้ลบภาพน้องไนซ์ สรุปมันคือปัญหาเดียวกันเลย จากแค่เด็กคนเดียว กลายเป็นเรามีเด็ก 2 คนที่มาอยู่หน้าสื่อ แค่ถูกสังคมแปะป้ายว่าฝั่งนึงเป็นดำ ฝั่งนึงเป็นขาว แต่คนในคอมเมนต์แห่สาธุ ๆ ศรัทธาเด็กทั้ง 2 ไม่ต่างกัน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Tasteatlas มันจับจุดถูก ว่าประเทศด้อยพัฒนามันมีเรื่องให้ภูมิใจไม่กี่เรื่อง
บ้านเมืองก็ไม่เจริญ
รายได้ GDP ต่ำ การศึกษาก็ไม่สูง
นอกจากชาตินิยมแปลก ๆ ไว้ให้ทะเลาะกับเพื่อนบ้าน ก็ไม่มีอะไรให้ภูมิใจกันแล้ว
แหย่มานิดเดียว ได้ engagement กับ free media แบบมหาศาล
ลองไปพูดกับคนอังกฤษสิ ว่าอาหารอังกฤษไม่อร่อย
มันก็บอก เออ ไม่อร่อย เลยเอาอาหารอินเดียเป็นอาหารประจำชาติไง แล้วไปทำงานทำการกันต่อ
มีแต่ประเทศด้อยพัฒนานี่แหละ ดราม่ากันมาตั้งกี่วันยังไม่จบ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ชลน่านพลีชีพโดดเดี่ยวโดนกระทืบ
ผู้คนหนีเข้าซอกหลืบหลบมุมไหน
พอผ่านพ้นผู้คนตะเกียกตะกาย
เหยียบย่ำแย่งเป็นใหญ่ไร้ยางอาย
#มิตรฯ
ตั้งแต่อ่านชื่อหนอน Dune ว่า ไชหูรูด ก็มีความรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>569 เบล่อ ไปฟังพวกAngloเยอะอะดิ ดูว่ามีวัฒนธรรมแล้วภูมิใจมันควรเป็นเรื่องที่ดีนะ ครอบครัวกูย้ายไปอยู่เมกาครึ่งหนึ่งแม่งเด็กเจนเนเรชั้น2ที่เกิดที่นู่นแม่งมีปัญหาidentity crisisหมด ทั้งเรื่องวัฒนธรรมอะไรไม่มีเป็นของตัวเอง อยู่กันแบบกลวงๆ
https://youtu.be/mYWIyG3hUlQ?si=uEy47hbUZTZ9pXku
https://youtu.be/HfFx5UvzSxc?si=mnmZrGP9ic63DAAh
https://youtu.be/aALpxMALY2A?si=oe40dfSloW_AdmZq
https://youtu.be/UnxLhAzvleI?si=Rth_xzRnsEmKHJxx
https://youtu.be/Hw9JIEXVEic?si=tR8Y9hB2Jdib6EI1
https://youtu.be/qk6gxEab24w?si=iYNXaHxOmgqvdXnC
ดูคลิปพวกนี้ไว้ แล้วจําไว้ว่า การด่าควายกระทืบซํ้าระหว่างเพื่อนบ้านมันคือประเพณีที่เราควรภูมิใจ พวกAngloแม่งกาก
>>569 ไทจินเอ๋อๆตัวหนึ่งไม่ทีโอกาศไปต่างเทศ: ประเทศด้อยพัฒนนามีเรื่องภูมิใจไม่กี่เรื่อง เลยมาด่ากันคนอังกฤษยังไม่อัลไลเรยกับชาตินิยม😫
ชาวอังกฤษของแทร่: https://youtu.be/KwJqriuElUA?si=b2Gxshp0IFqduy--
เอาจริงๆมึงต้องลองมาอยู่ประเทศโลก1 แล้วจะรู้ว่า ไอสัสชาตินิยมยิ่งกว่าบ้านเราอีก เพราะมันมีเรื่อวให้ภูมิใจเยอะ กูอยู่เมกามา ทํางานรัสเซีย ไปเที่ยวจีน ไอ3ตัวนี้แม่งชาตินิยมจ๋าๆเลย
แล้วใครบอกว่าเสรีประชาติ๊ปไตอย่าเมกาจะไม่ชาตินิยม จงอธิบายเพลงนี้ https://youtu.be/-KoXt9pZLGM?si=CCvj19MakFHf271c
ไปเที่ยว ไปคาเฟ่อะไรก็ตาม ถ้าถ่ายมุมเดิมเกิน1นาทีแล้วยังไม่ได้รูปถูกใจ ก็พอเถอะ ให้คิดว่าผิดที่ตัวเอง เห็นใจคนอื่นบ้าง เค้าต้องมายืนมองสิ่งไม่สวยงามข้างหน้านานๆ บางทีเค้าหดหู่
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
กูอยู่ฮูสตั้นมาก่อน วันๆเจอแต่คนขาวขับรถกระบะหรือรถจี๊บติดธงเมกันใหญ่ๆขนาบข้างสองอันเปิดเพลงร็อคแอนด์โรล์ดังๆ ไม่คลั่งเลยนะครัฟแหม่
ดูตตอันนึง แม่ของเด็กที่รรนานาชาติที่สิงคโปร์มาเล่าว่ามีเด็กกลุ่มนึงนั่งดิสคัสกันเรื่องเลานจ์สายการบิน เด็กคนนึงก็คือร้องไห้ขึ้นมาเพราะไม่เคยเข้าเลานจ์ พวกครูก็คือต้องเรียกคุยว่าแบบมันปกติที่ไม่เคยนั่งบิสหรือเฟิร์สคลาส ไปๆมาๆ สรุปที่เด็กไม่เคยเข้าเลานจ์เพราะเค้าบินแต่ไพรเวท อส
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อ่านโพสต์นึงในกลุ่มหาคู่ น่าสนใจมาก เจ้าของโพสต์เปิดประเด็นว่า
“...ชวนเม้าท์ #เหตุผลปัญญาอ่อนที่สุด
ที่เคยเทหรือลดคะแนนคนที่คุยด้วยอยู่ คือเรื่องอะไรคะ ?...”
แล้วเขาก็ยกตัวอย่างเคสเขาที่เดทกับผู้ชายที่ร้านชาเฉพาะทาง ถาทฝ่ายชายว่าชอบดื่มชาแบบไหน? โดยคาดหวังคำตอบ มัทฉะ, โฮจิฉะ, เซนฉะ, เก็นไมฉะ ฯลฯ หรืออะไรเทือกๆนั้น
แต่คำตอบที่ได้จากฝ่ายชายคือ “แบบเย็น”
แน่นอนทางเจ้าของโพสต์ก็บอกตั้งแต่ต้นว่านี่เป็นเหตุผลปัญญาอ่อนที่สุด แต่ก็มีผลให้หมดอารมณ์คุยกับอีกฝ่ายไปพอควร ผมนั่งอ่านคำตอบของคนอื่นๆ มีมาตอบกันเยอะมาก อ่านไปอ่านมา เออ เจออะไรขำๆดี เลยเอาบางส่วนมาแชร์
และนี่คือเหตุผลที่มาจากประสบการณ์จริง และมีผลให้คนๆหนึ่งตัดคะแนน หรือไม่ไปต่อกับอีกฝ่าย ได้แก่...
- เคี้ยวอาหารเสียงดัง, ซดน้ำซุปดัง
- ไม่กินผัก
- กินข้าวด้วยแล้วไม่อร่อย (อีกฝ่ายไม่ enjoy eating)
- คู่สนทนาโง่, ตอบอะไรแบบโง่ๆ
- เสร่อเรียก “ที่รัก” เร็วเกินไป (เพิ่งเดทกัน)
- อีกฝ่ายแสดงอาการโกรธเพราะไปแดกสุกี้กันแล้วไม่ได้สั่งลูกชิ้นให้ (WTF!!)
- เอาตะเกียบคีบเนื้อจากหม้อสุกี้เข้าปาก
- ทานข้าวกันแล้วอีกฝ่ายไม่แกะกุ้งให้ ซ้ำยังแกะกินเองรัวๆอย่างรวดเร็ว
- พิมพ์ภาษาไทยผิดบ่อย, พิมพ์ภาษาสก๊อย
- เล็บยาว, ดูดนิ้ว, แคะขี้มูก
- เจ้ากี้เจ้าการ เช็คตลอดว่าทำอะไร ให้รายงานตัว
- โดนชวนไปไหว้พระ 7 วัด
- ทักมาถามเช้าเที่ยงเย็นทุกว่า “ทานข้าวแล้วยัง?”
- แต่งตัวเห่ย
- พกตะเกียบส่วนตัวไปร้านอาหาร
- ห้ามไม่ให้กินเฟรนฟราย
- ทักว่าหน้าเราเหมือนแฟนเก่าเขา
- ทักเรื่องสรีระ รูปร่าง หน้าตา
- พูดเรื่องคบจริงจังและแต่งงานตั้งแต่เดทแรก
- ร้องเพลงให้ฟัง แต่เพลงโคตรไม่ถูกใจ
- ยกมือเบรกตอนจะแสดงความเห็น เพราะเขาอยากชิงพูดก่อน
- ขวานผ่าซาก พูดตรงเกินไปจนเสียบรรยากาศ
- อวดเก่ง ขี้โม้
- พูดว่า “หมาปอมน่าเกลียด” โดยไม่รู้ว่าเราเลี้ยงหมาปอม
- ชวนตื่นมาเล่มเกมทุกวัน ตอนตีห้า
- ไปเดทที่ร้านอาหารดัง แต่อีกฝ่ายสั่งไข่เจียวหมูสับ กับแกงจืด
- ไปเดทที่ร้านอาหารอิตตาเลี่ยน แต่อีกฝ่ายสั่งผัดไทย
- กินราเมงแล้วเห็นอีกฝ่ายคายเส้นลงในชาม
- นามสกุลไม่เพราะ
- เขาเป็นภูมิแพ้
- เขากลัวจิ้งจก
- ชื่อเล่นเขาไม่ถูกใจเรา
- ยังไม่ทันตอบไลน์ สามนาทีต่อมาพิมพ์มาว่า “เงียบ”
- กด like โพสต์ หรือ รูปที่ลงเองในเฟสบุ๊ค
- เห็นน้ำลายยืดตอนหัวเราะ
- ผู้ชายกลัวปลาหมึก
- อีกฝ่ายทำเป็นเหมือนรู้ทุกอย่างว่าเราคิดอะไรอยู่
- รีบเรียกพนักงานมาสั่งอาหารอย่างไว ทั้งที่เรายังดูเมนูไม่เสร็จ
- ขับรถช้า
- ใส่รองเท้าแตะมาเดท
- อีกฝ่ายพูดจาเหมือนระลึกชาติได้ตอนกำลังกินข้าว
- แคะฟัน แคะขี้ฟัน แล้วกินขี้ฟันที่แงะออกมาต่อหน้า
- แนะนำให้ไปซื้อสีทาบ้านที่อิเกีย
- เจอกันแล้วบอกว่าสัตว์เลี้ยงเราไม่น่ารัก
- ผู้ชายเอื้อมมาตักข้าวเปล่าในจานเราไปกิน
- ผู้ชายบอกว่าเรารถเราเก่านะ เธอขับมารับเราสิ
- ผู้ชายใส่รองเท้ารูปปลามาเดท
- ไปเดท อีกฝ่ายสั่งสปาเกตตี้แกงเขียวหวาน แล้วดันขอน้ำปลาพริกมาปรุงเพิ่ม
- อวยประยุทธ์
- เล็บดำ
- พูดมาก พูดฝ่ายเดียว เหมือนปาฐกถาอะไรสักอย่าง
- ขนจมูกโผล่ งอนดกออกมานอกรูจมูก
- อยากตักอาหารให้เรา แต่ช้อนเลอะ เลยอมช้อนจนเกลี้ยงเกลา แล้วตักอาหารมาให้เราทาน
- แย่งหนังไก่ในจานเราไปกิน ทั้งที่อุส่าเก็บไว้ทานตอนท้ายสุด
- ผู้ชายขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ด้วยคำพูดคำว่า “ไปเยี่ยวนะ”
- ผู้ชายปลอบให้กำลังใจด้วยคำว่า “อย่าคิดมากนะ เดี๋ยวเยี่ยวเหนียว”
- เสื้อเหม็นเปรี้ยว
- ปากมีกลิ่นถั่วตลอดเวลา
- ผู้ชายพยายามอ่อนหวานพูดคะขา แต่พิมพ์ “นะคะ” เป็น “นะค่ะ” และพิมพ์ “ใช่ค่ะ” เป็น “ใช่คะ” ใช้ภาษาไทยผิดทุกครั้งที่คุย
ฯลฯ
อิสัส แต่ละอย่าง อ่านไปลั่นไป บ้าบอคอแตก แต่ก็พอเข้าใจได้
สิ่งที่สาวบาร์หลายคนกำลังเผชิญอยู่ เป็นเรื่องจริงจากปากรุ่นน้องผม
สมมุติชื่อบี
เคยมีเพื่อนแถวบ้านถามมันว่า ทำงานบาร์ในพัทยาเป็นไงบ้าง
สบายล่ะสิมึง เจอแต่ฝรั่งกระเป๋าหนัก
สิ้นประโยคนั้น เจ้าบีก็ระเบิดความในใจออกมา
แน่นอนก่อนมาทำงานบาร์ มันก็สืบจากรุ่นพี่ที่รู้จัก เปิดอินเตอร์เน็ตดูสิ่งที่มันต้องเผชิญ
สมัยนี้อยากรู้อะไร แค่เปิดอินเตอร์เน็ตมีคำตอบได้หมด
เจ้าของบาร์หลายคนก็จะพูดทำนองเดียวกัน
ไม่บังคับดื่ม งานอิสระ ไม่ต้องไปกับลูกค้าก็ได้
ถึงแม้เขาจะพูดอย่างนั้นก็ตาม แต่เราต้องไม่ลืมว่าเขากำลังทำธุรกิจอยู่
ธุรกิจคือ สุดท้ายแล้วร้านต้องมีกำไร
หากสาวบาร์เชียร์ลูกค้าให้ซื้อดื่มเพิ่มไม่ได้ ร้านก็ไม่ได้ตังค์
หรือชวนลูกค้าไปต่อข้างนอกไม่ได้ ร้านก็ไม่ได้เปอร์เซ็นจากค่าตัวเรา
แบบนั้นเขาจะทนจ่ายเงินเดือนเราอยู่ทำไม ?
แต่บางร้านก็ชัดเจน ไม่มีเงินเดือนให้นะ ให้แค่เปอร์เซ็นต์จากค่าดื่มอย่างเดียว
บางร้านมีเงินเดือนจริง มันก็พอแค่ค่ากินค่าใช้ แต่ไม่พอจ่ายค่าห้อง
แล้วไหนจะส่งเงินกลับบ้านที่ต่างจังหวัดอีก
ไอ้เจ้าบีเล่าว่า มันเปลี่ยนร้าน 4 แห่งในรอบไม่กี่เดือน เพราะทนแรงกดดันไม่ไหว
เพราะไม่ใช่ทุกคนจะมีดวงกับอาชีพนี้
บางทีอ้อนลูกค้าซื้อดื่มได้ ทำยอดเป็นที่น่าพอใจ แต่พอถึงคราวแบ่งเงินเจ้าของร้านเล่นไม่ซื่อ
ก็กูจะให้แค่นี้มึงจะทำไม รับไม่ได้ก็ออกไปซะ
ไม่ได้เหมาว่าเป็นทุกคน แต่ของแบบนี้มีอยู่จริง
บางทีโดนกดดันจนประสาทแดก ต้องฝืนตัวเองไปฉุดลากผู้ชาย
คือทำทุกทางเพื่อให้ลูกค้าเข้าร้าน
จนบางทีคนข้างนอกมองว่า อีนี่ช่างร่านอะไรขนาดนี้
แต่บีบอกว่าไงรู้ไหม พี่คิดว่าหนูชอบนักหรอ ถ้าไม่ทำนายก็ด่า
กูไม่ได้จ้างมึงมานั่งเกะกะร้าน ยิ่งถ้าเจ้าของร้านเป็นฝรั่งด้วย
เวลาด่าทีนึกว่าเราไปฆ่าพ่อฆ่าแม่เขา
แต่หากร้านไหนไม่มีเงินเดือนให้
เช่นคุณเป็นฟรีแลนซ์ คุณจะเรียกแขกหรือไม่เรียกแขก เขาไม่มากดดันอะไรคุณ
จะนั่งจนหอยแห้งก็ช่างปะไร
แต่นานไปเขาก็ต้องคิด แล้วจะมีมึงไว้ในร้านทำไม ? ในเมื่อมีแล้วไม่ทำเงิน
เขาก็จะกันกดดันทุกทางให้คุณออกไปเอง
ปัญหาจากเจ้านายยังไม่เท่าไหร่ ปัญหาจากเพื่อนร่วมงานยิ่งประสาทแดก
คนนี้ลูกค้ากูมึงอย่าแย่ง คนนี้กูได้แล้วเป็นผัวกู มีให้เห็นสารพัด
ภายใต้เครื่องสำอาง ซ่อนความริษยาไว้มากมาย เรื่องแบบนี้มีอยู่ทุกที่
ยิ่งพอเราไม่มีดวงกับอาชีพนี้แล้วด้วย สามวันก็แล้ว สี่วันก็แล้ว ยังหาเงินไม่ได้
ไอ้ที่ร้านบอกว่าไม่บังคับนะ สุดท้ายก็ต้องจำใจทำ
การไปค้างคืนกับลูกค้าที่เสนอราคาดี ก็ยังพอช่วยต่อชีวิต ยังช่วยจ่ายค่ากินค่าห้องได้บ้าง
ดีกว่ามานั่งปวดกบาลกับลูกค้าขี้เมา
มาแต่ละทีจะมอมเหล้ากูอย่างเดียว แต่ตังค์ไม่ให้ ค่าดื่มก็ไม่ซื้อเพิ่ม
พวกนี้ไม่หวังอะไรมาก สาวเมาเมื่อไหร่กูจะได้ล้วงได้สะดวก
ไอ้เจ้าบีบอกว่า คนมีดวงมันก็มีดวงจริง ๆ บางทีลูกค้าชอบพอกัน
ได้กันทีสองทีรับเลี้ยงเป็นเมียเฉยเลย
เช่าห้องให้ ส่งเงินให้เป็นเรื่องเป็นราว แอบมาทำงานได้บ้าง แต่หากวันไหนผัวตามก็ต้องหยุดงานทันที
จากแต่ก่อนเป็นแค่ลูกค้า ตอนนี้เรียกผัวได้เต็มปาก
ส่วนตัวเองไม่มีวาสนาทางนี้เลย จะมีฟลุ๊คหน่อยตอนฝรั่งกระเป๋าหนักเลี้ยงดื่มทั้งร้าน
หรือมาโปรยเงินโชว์รวย จังหวะนั้นก็พอเก็บเกี่ยวได้บ้าง
บางทีลูกค้าเมาหนัก ยื่นข้อเสนอให้ไปที่ห้องก็ต้องไป
เพราะดูอาการแล้วแค่ทีสองทีก็คงเสร็จ งานไม่ยาก
ดีกว่ามานั่งหงอยรอลูกค้าหน้าร้าน
พี่ภาสคิดว่ามันง่ายนักหรอ งานแบบนี้ พี่ภาสรู้ไหม ทุกวันนี้ในท้องหนูมีแต่เหล้า
หนูต้องกินเหล้าทุกวัน งานแบบนี้เลี่ยงได้ที่ไหน นอนก็ไม่อิ่ม จะวูบวันไหนยังไม่รู้
แล้วพี่ภาสคิดว่า หนูจะทำแบบนี้ได้อีกสักกี่ปี
ฟังจบผมได้แต่พยักหน้า เห็นร่างกายมันที่ซูบผอมลงจากอาการไอเรื้อรังมานาน
ประโยคสุดท้ายที่มันพูดคงไม่เกินจริง
.
.
" หนูจะทำแบบนี้ได้อีกสักกี่ปี ? "
#มิตรฯ
เพราะว่าคนไทยบูชาการจบมอดังอย่างมาก เราเลยจะก่อตั้งมหาลัยเอกชน ชื่อว่า ดัง แล้วทุกคนที่เรียนที่นี่ก็จะเป็นเด็กมอดังทันที เธอเรียนจบที่ไหนมา ฉันจบจากมอดังน่ะ ดูคนนั้นสิ เขาเรียนจบจากมหาลัยชื่อดังล่ะ จะจ้างอาจารย์ที่ชื่อว่าดังด้วย เด็กๆ จะได้พูดว่าได้เรียนกับศาสตราจารย์ชื่อดัง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
กระดุมเม็ดแรกของคุณสัตยาแห่งไมโครซอฟท์
วันนี้มีบุคคลระดับโลกมาเยือนไทย ซีอีโอของบริษัทที่ใหญ่อันดับต้นๆในโลกและเป็นบริษัทที่เราคุ้นเคย
คุณซาเทียร์ (Satya Nadella) หรือที่ผมชอบเรียกแบบไทยๆว่าคุณสัตยามารอบนี้เพื่อพบปะลูกค้าและนักธุรกิจที่งาน Microsoft Build AI Day ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถนนทุกสายของผู้บริหารไทยมุ่งน่าจะมุ่งสู่งานนี้กันอย่างคึกคัก
ทำไมคุณสัตยาถึงเป็นซีอีโอระดับซุปเปอร์สตาร์โลก เรื่องราวที่เขาเปลี่ยนไดโนเสาร์เป็นบริษัทสุดคูล เขาเริ่มต้นอย่างไร วางรากฐานยังไง ใครที่จะไปงานนี้ลองอ่านเรื่องนี้ดูแล้วน่าจะฟังและมองคุณสัตยาได้ลึกซึ้งขึ้นนะครับ….
………
ผมได้มีโอกาสฟังผู้จัดการกองทุนระดับโลกจากนิวยอร์คคุยเรื่องการลงทุนใน AI และเทรนด์ใหม่ๆในโลก แต่มีประโยคหนึ่งที่สะดุดหูผมมากที่เขาบอกว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Microsoft เป็นเบอร์หนึ่งด้านการเติบโตของความมั่งคั่งมากที่สุด ถ้านับเป็นเปอร์เซ็นต์อาจจะมีบริษัทขนาดเล็กและกลางที่โตเป็นหลายสิบเป็นร้อยเท่า แต่ถ้านับมูลค่าเป็นดอลล่าร์นี่ไมโครซอฟท์คือผู้ที่กอบโกยคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงได้มากสุด
ไมโครซอฟท์ในตอนนี้มี market cap เป็นอันดับสองของโลก จ่อติด apple แบบหายใจรดต้นคอ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนบอกว่าไมโครซอฟท์น่าจะขึ้นอันดับหนึ่งโลกในไม่ช้า ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อสิบปีก่อนมีแต่คนบอกว่าไมโครซอฟท์เป็นไดโนเสาร์ตกยุค ไม่ทันยุคอินเตอร์เนท สมาร์ทโฟน และกำลังจะกลายเป็นอดีต
สิบปีหลังจากนั้น ไมโครซอฟท์อยู่ดีๆก็โตเอาๆ market cap ใหญ่ขึ้นสิบกว่าเท่า ไล่ซื้อกิจการต่างๆเป็นว่าเล่น กลายเป็นบริษัทเทคชั้นนำและกำลังเป็นผู้เล่นสำคัญในเมกะเทรนด์อย่าง AI ผ่านการถือหุ้น 49% ใน OpenAI มีคนบอกว่าในสิบปีที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์คือต้นแบบของการเปลี่ยนแปลงตัวเองของยักษ์ใหญ่ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะทำได้
เป็นสิบปีที่คุณ Satya Nadellya รับตำแหน่งซีอีโอพอดี….
ในสำเนียงที่ฝรั่งเรียกคุณ satya จะฟังออกประมาณว่าซาเทียร์ แต่ด้วยความที่คุณ Satya เป็นชาวอินเดีย เกิดที่ไฮเดอร์ราบัด ภาษาสันสกฤตก็น่าจะอ่านว่าสัตยาที่แปลว่าผู้มีความซื่อสัตย์ ซึ่งก็ตรงกับคุณสัตยาผู้ทำงานที่ไมโครซอฟท์เป็นลูกหม้อของบริษัทมากว่าสามสิบปี ในตอนที่สตีฟ บาลเมอร์ ซีอีโอก่อนหน้าจะลงจากตำแหน่ง บอร์ดของบริษัทก็มีการสรรหาคนเก่งๆจากข้างนอกหลายคนเพื่อมาพลิกฟื้นไมโครซอฟท์แต่ในที่สุดบอร์ดและสตีฟก็เลือกคุณสัตยาที่เป็นคนใน อันนำมาซึ่งความแปลกใจให้กับวงการ
ที่ผมสนใจมากๆคือจุดเริ่มต้นหรือกระดุมเม็ดแรกที่คุณสัตยากลัดหลังจากรับตำแหน่งซีอีโอ เพราะการกลัดกระดุมเม็ดแรกถูกนั้น จะนำมาซึ่งกระดุมเม็ดต่อๆมาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงไมโครซอฟท์จากไดโนเสาร์ อุ้ยอ้าย และกำลังจะสูญพันธุ์ให้กลายเป็นยักษ์ใหญ่สุดล้ำได้อย่างน่าทึ่ง ผมก็เลยไปค้นไปอ่านไปฟังและได้พบกับบทสัมภาษณ์คุณสัตยาของ Stanford Graduate School เมื่อสี่ปีก่อน ซึ่งเป็นเวลาที่น่าสนใจที่จะเข้าใจความคิดของคุณสัตยาได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นช่วงที่หลักการและวิธีคิดของคุณสัตยาเปลี่ยนไมโครซอฟท์มาไกลมากและกำลังอยู่ในช่วงกำลังจะลงทุนขนานใหญ่ใน AI พอดี
คุณสัตยาเล่าในการให้สัมภาษณ์ไว้ว่าตอนที่รับตำแหน่งใหม่ๆนั้นเขารู้ตัวดีว่าเขาไม่ได้มีแต้มต่อเหมือนกับบิลเกตส์หรือ สตีฟ บาลเมอร์ สองซีอีโอก่อนหน้าที่มีบารมีและเรื่องราวของผู้ก่อตั้ง (founder) ที่เป็นเหมือนตำนานเป็นวิธีคิดของไมโครซอฟท์มาอย่างยาวนาน เขาเลยต้องสร้างความชัดเจนของภาวะผู้นำให้ทุกคนรู้ว่า sense of purpose และ culture ของไมโครซอฟท์ในยุคต่อไปว่าคืออะไร
คุณสัตยาบอกว่าตั้งแต่เริ่มต้น ไมโครซอฟท์มีเป้าประสงค์ใหญ่คือต้องทำให้ทุกบ้านมี PC ให้ได้ ซึ่ง ณ ตอนนั้นเป้าประสงค์นั้นก็บรรลุไปแล้วและไม่รู้ว่าเป้าประสงค์หรือ purpose ใหม่ของบริษัทคืออะไรและกำลังหลงทางไม่รู้จะไปทางไหนต่อดี
คุณสัตยาก็เลยกลับไปทบทวนว่าจุดกำเนิดที่แท้จริงของไมโครซอฟท์ที่เริ่มจากโปรแกรมพื้นฐานใน PC นั้นก็คือการที่ไมโครซอฟท์สร้างเทคโนโลยีเพื่อให้คนอื่นสามารถสร้างเทคโนโลยีได้ต่อ ( we build technology so that other can build more technology) แทนที่จะมัวแต่อิจฉาคู่แข่ง เราควรจะกลับไปหารากเดิมของเราก็คือสร้างเทคโนโลยีพื้นฐานที่ช่วยคนอื่นให้สามารถสร้างของ สร้างงาน สร้างธุรกิจจากเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ได้
เราควรจะภูมิใจกับรากของเราก่อนเป็นอย่างแรกว่าเราเกิดมาเพื่อช่วยคนอื่นให้เก่งขึ้น
เรื่องอิจฉาคู่แข่งนี้ คุณไซมอน ซิเนคเคยเอามาเล่าในช่วงที่ไมโครซอฟท์แย่ๆว่า เขาไปบรรยายที่ไมโครซอฟท์ พนักงาน ผู้บริหารก็เอาแต่พูดถึงแอปเปิ้ล ด่าบ้าง ดูถูกบ้าง อิจฉาบ้าง แต่เวลาไปบรรยายที่แอปเปิ้ล ไม่มีใครพูดถึงไมโครซอฟท์เลย พูดแต่ลูกค้าและนวัตกรรมที่จะทำให้สิ่งที่มีอยู่ดีขึ้นเป็นหลัก เป็นเรื่องที่แสดงปัญหาที่คุณสัตยาเห็นได้ดี
นอกจาก sense of purpose แล้ว สิ่งที่ทำควบคู่กันเป็นอย่างแรกที่คุณสัตยาเป็นซีอีโอก็คือ culture ซึ่งแต่เดิมไมโครซอฟท์มีความหลงในความยิ่งใหญ่ในอดีตว่าเราเจ๋งสุด เราเคยเปลี่ยนโลกมาแล้ว และหยุดที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ คุณสัตยามุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนคนไมโครซอฟท์ให้มี growth mindset และเป็น learning organization จาก know it all เป็น learn it all ซึ่งคุณสัตยาทุ่มเทกับการเปลี่ยน culture เป็นอันดับหนึ่ง พี่เจี๊ยบ ปฐมา จันทรักษ์ ผู้ที่ทำงานที่ไมโครซอฟท์ในช่วงนั้นเคยเล่าให้ฟังถึงความเข้มข้นในการเทรนและสอนเรื่อง growth mindset ในทุกระดับขององค์กรอย่างจริงจังมากๆ
Sense of purpose ใหม่ของไมโครซอฟท์ที่ต้องการช่วยคน ช่วยองค์กรต่างๆให้เก่งขึ้นนั้นชัดเจนในทุกระดับ ( empower every person and every organization on the planet to achieve more ) ตั้งแต่องค์กรใหญ่ ภาครัฐ SME ช่วยให้การศึกษาดีขึ้น ง่ายขึ้น productivity สูงขึ้น ในตอนนี้อาจจะเห็นได้ชัดผ่านสิ่งที่ไมโครซอฟท์ทำสำเร็จในระยะหลัง รวมถึงการลงทุนใน OpenAI ที่เป็นเทคโนโลยีพื้นฐานในการต่อยอดเทคโนโลยีอื่น แม้กระทั่ง AI tool ล่าสุดของไมโครซอฟท์ที่ตั้งชื่อว่า Copilot ก็แสดงถึงจิตวิญญานและเป้าประสงค์ที่ชัดเจนมากๆอีกเช่นกัน
แต่สิ่งที่คุณสัตยาเริ่มจิตวิญญาณใหม่นั้นไม่ใช่แค่สโลแกนสวยๆแต่เขาลงรากลึกในทุกระดับขององค์กรที่จะทำให้ทุกคนช่วยเหลือคนอื่น ทำให้คนอื่นดีขึ้น ถ้าเข้าใจเรื่องนี้ได้ sense of purpose ถึงจะทำงาน พี่เจี๊ยบ ปฐมา จันทรักษ์ที่อยู่ในห้วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนั้นเล่าว่า คุณสัตยาปรับวิธีการประเมินแบบหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่เคยประเมินว่าปีที่ผ่านมาทำอะไรสำเร็จบ้างกลายเป็นว่า ปีที่ผ่านมาหน่วยงานได้ช่วยให้ใครสำเร็จบ้าง เอาไอเดียใครมาต่อยอดได้บ้าง ในช่วงแรกๆคนในองค์กรถึงกับไปไม่เป็น ใช้เวลาประมาณสามปีถึงจะเริ่มเข้าใจและขับเคลื่อนได้เต็มที่
ในระดับผู้บริหาร คุณสัตยาบอกว่าซีอีโอและผู้บริหารระดับสูงมีหน้าที่ปลดล็อค (unconstraint) เอาเป้าหมายที่แคบเกินไปเช่นมาร์จิ้นที่สูง กำไร หรือการมองรายได้แต่เพียงอย่างเดียวออก เพื่อให้เกิดบรรยากาศการกล้าลอง กล้าทำอะไรใหม่ๆ กล้าหา s curve ใหม่โดยการวัดบนเมตริกซ์อื่นเช่น ความพึงพอใจของลูกค้า usage เป็นต้น นอกจากนั้นคุณสัตยายังเน้นที่จะสนับสนุนและโค้ชหัวหน้างานใหม่ (first level manager) ที่คุณสัตยาบอกว่าสำคัญกับองค์กรมากๆเพราะจะเป็นผู้นำรุ่นต่อไป แต่การเป็นหัวหน้างานใหม่นั้นไม่ง่ายเลย การมีลูกน้องไม่กี่คนที่ไม่ได้เชื่อฟังหัวหน้ามือใหม่เท่าไหร่ แถมมีนายคอยตั้งเป้ายากๆให้ ทักษะการเป็นผู้นำก็ยังไม่มีมากนัก การหาทางโค้ช ช่วยและทำให้กลุ่มหัวหน้างานใหม่มั่นใจและกล้าทำอะไรใหม่ๆนั้นสำคัญมากๆเช่นกัน
การที่มีจิตวิญญาณที่จะช่วยเหลือคนให้ดีขึ้นนั้นไล่ลงมาทุกระดับ แม้กระทั่งเด็กจบใหม่ที่สนใจงานที่ไมโครซอฟท์ คุณสัตยาจะบอกน้องๆที่จะมาสมัครงานว่าถ้าต้องการเท่ ต้องการเด่น (be cool) ให้ไปสมัครงานบริษัทอื่น แต่ถ้าต้องการช่วยคนอื่นให้เท่ ให้สำเร็จ (help other be cool) ให้มาร่วมงานกับไมโครซอฟท์ เป็นหลักคิดแบบ empower people ที่พูดจริงทำจริง ตั้งแต่ลูกค้า ผู้บริหาร หัวหน้างาน พนักงาน จนถึงเด็กที่คิดจะสมัครงานอย่างเข้มข้นมากๆ
เหตุที่คุณสัตยาทุ่มเทกับเรื่อง sense of purpose และ culture มากๆนั้น คุณสัตยาเชื่อว่ากลยุทธ์หรือสภาพตลาดนั้นจะเปลี่ยนไปตลอดเวลา แต่ sense of purpose หรือจิตวิญญาณขององค์กรจะเป็นต้นทางที่ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไปก็จะทำให้เราตัดสินใจได้ถูก เป็น competitive advantage เป็นอัตลักษณ์ขององค์กร และเมื่อประสานเข้ากับ culture แห่งการเรียนรู้ก็จะทำให้สามารถหาโอกาสใหม่ๆได้เสมอไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม
…….
ผมเพิ่งอ่านเจอบทสรุปของหนังสือ hidden potential ของ adam grant ที่อาจารย์นพดล ร่มโพธิ์เขียนไว้ ข้อแรกของบทสรุปนั้นบอกว่า คนที่จะเติบโตไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุด แต่เป็นคนที่พยายามทำให้ตัวเองและคนอื่นๆฉลาดขึ้น
บทเรียนของไมโครซอฟท์ก็เป็นบทเรียนที่น่าคิดสำหรับเราทุกคนด้วยเช่นกัน
……….
และนี่คือกระดุมเม็ดแรกที่คุณสัตยากลัดจนเปลี่ยนไมโครซอฟท์จากไดโนเสาร์กลายเป็นบริษัทที่เท่ที่สุดในโลกด้วยการช่วยคนอื่นให้เท่ในวันนี้ครับ
ห้องเช่าข้างร้านเรามีคนงานก่อสร้างมาเช่าอยู่ ห้องขนาดมาตราฐานห้องเช่าทั่วๆ ไป น่าจะ 4*12 เมตร แต่พวกเขาเช่าอาศัยอยู่กันน่าจะ 14-15 คน
พวกเขาบอกว่าเวลานอนก็นอนเรียงกันไปตั้งแต่ห้องโถงด้านหน้า 4-5 คน ห้องนอนตรงส่วนกลางอีก 5-6 คน ไปยันห้องครัวเอนกประสงค์ด้านหลังที่นอนกันได้ 3-4 คน
แออัดสุดๆ แต่พวกเขาก็อยู่กันได้
อาหารทั้งสามมื้อทำกินกันเอง ข้าวสาร เกลือ ปลาร้าและเครื่องปรุงขนกันมาจากบ้านเกิด-ชัยภูมิ ส่วนวัตถุดิบอื่นๆ ก็ขี่มอไซไปซื้อหาเอาจากตลาด
วันไหนเลิกงานเร็วพวกเขาจะพากันหิ้วกระแป๋ง กะละมังและอุปกรณ์หาปูหาปลาขึ้นรถกระบะตระเวนไปตามแหล่งน้ำที่มีคนบอกว่าไปหาจับสัตว์น้ำได้
ได้ปลา ได้หอย ได้ปู ไม่มากเท่าไร แต่ก็ช่วยประหยัดสตางค์ได้หลายบาท
เย็นย่ำ บางคนเป็นพ่อครัวแม่ครัวทำอาหาร มี 4-5 คนซื้อเหล้าขาวมานั่งดวดพอได้แก้เมื่อยขบแขนขาหลังไหล่
บางคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเรา แต่เป็นตาเป็นยายคนแล้ว หอบลูกหลานที่โรงเรียนยังปิดเทอมมาอยู่ด้วยกัน
คนงานทั้งหมดทำงานไม่มีวันหยุด ไม่-ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากมีวันหยุด ใครๆ ก็อยากมีวันหยุดกันทั้งนั้นแหละ แต่รายได้วันต่อวันวันละแค่สามสี่ร้อยบาทนั่นต่างหากที่ไม่อณุญาตให้พวกเขาหยุดงานได้
ลูกต้องเข้าโรงเรียน พ่อต้องมีเงินไปหาหมอ ผ่อนธกส.เดือนนึงก็หลายบาท……
ทุ่มเรี่ยวแรงสู้งานสู้ชีวิตกันขนาดนี้ หลายคนยังบอกว่าคนพวกนี้ขี้เกียจสันหลังยาว ไร้การศึกษา กินแต่เหล้าขาว โง่ จน เจ็บ เป็นภัยสังคม
อืม ภัยของสังคม สังคมที่กัดกินชีวิตคนตัวเล็กตัวน้อยเพื่อไปบำรุงบำเรอผู้มีอันจะกินที่มีอยู่แค่หยิบมือเดียว
สังคมที่ไม่เคยปันส่วนแบ่งอย่างสมเหตุสมผล สังคมที่พร้อมจะฉกฉวยเอาไปจากคนไม่มีกำลังต่อสู้
สังคมที่รอให้คนหิวโหยก้มลงกราบกรานเพื่อตนเองจะได้ลำเลิกบุญคุณ
นี่แหละสังคมของเรา
เรามีเพื่อนคนหนึ่งที่ฐานะดีระดับต้นๆในกลุ่มเรา พ่อแม่มีที่ดินหลักร้อยไร่ มันเรียนบัญชี จบมาทำงานรัฐวิสาหกิจ ชีวิตกำลังไปได้ดีทุกอย่าง ไปพลาดนิดเดียวคือไปเที่ยวแล้วหลงเด็กเชียร์เบียร์ถึงกับตกแต่งจดทะเบียนเป็นภรรยาตามกฎหมาย หลงหนักขนาดอยากได้อะไรเปย์ให้หมดจนเป็นหนี้เป็นสิน ที่ดินมรดกพ่อแม่ต้องถูกขายเอาไปใช้หนี้ ตอนนี้หย่ากันเรียบร้อย เพื่อนเรากำลังเริ่มต้นสร้างชีวิตใหม่
.
ชีวิตนั้นเปราะบาง การพลาดเพียงนิดเดียวครั้งเดียวอาจทำให้ชีวิตที่ก่อร่างสร้างมาต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ต้องดำเนินชีวิตด้วยความระมัดระวังและมีสติ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อ่าาาห์... รู้สึกสบายตัวจัง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ในสถานการณ์ขาดแคลนแบบนี้ เกย์อย่างพวกเราย่อมมีค่า
#มิตรสหายท่านสอง
ถ้าโน้ตอุดมรู้จักพอเพียง
เขาคงไม่แต่งขาวไปไหว้ที่ธรรมกายหรอกครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ตอนจะนั่งเครื่องกลับไทยจากสนามบินนาริตะ จังหวะขั้นตอนที่ต้องสแกนสัมภาระก่อนขึ้นเครื่อง
กระเป๋าเป้ผมถูกสแกน 2 รอบก็ยังไม่ผ่าน เจ้าหน้าที่ต้องเปิดกระเป๋าออกมาดู แล้วหยิบสิ่งของต้องสงสัยออกมา
มันคือห่อพลาสติกใสๆ ที่เป็นถุงสินค้า Tax Free แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้แกะนะ แค่ส่องๆ ดูแล้วก็พูดขึ้นมาว่า
“ซื้อมาเยอะเลยนะ ดินสอเนี่ย ไม่มีกรรไกรหรือคัตเตอร์ด้วยใช่มั้ย”
ผมก็บอกไปว่า “มีแต่ดินสอกดครับ ในถุงไม่มีกรรไกรหรือคัตเตอร์ครับ”
เจ้าหน้าที่เลยหยิบถุงนั้นมาถือไว้ แล้วส่งกระเป๋าเข้าเครื่องสแกนใหม่ ก็ปรากฏว่าผ่าน
และก็นั่นแหละครับ ดินสอกดทั้งหมดที่ซื้อกลับมาจากญี่ปุ่นคราวนี้ ทั้งหมด 20 กว่าแท่ง
คือผมชอบดินสอกดของญี่ปุ่นมาก เลยซื้อมาเยอะ ถือว่ามันเป็นทั้งของสะสมและอุปกรณ์ทำมาหากินด้วย
ดินสอกดของญี่ปุ่นคือประดิษฐกรรมอันยิ่งใหญ่ ควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาธุรการและเครื่องใช้สำนักงาน
ผมเป็นคนเขียนเยอะ เขียนหนังสือขายมาก็หลายเล่ม แล้วตอนนี้ทุกงานโพสต์ ทุกการเขียนสคริปต์พูดก็ต้องใช้ดินสอเขียนร่างลงในสมุดก่อน
ตอนไปเรียนญี่ปุ่นก็ชอบคัดตัวคันจิ ที่สอบผ่าน N2 ได้ในเวลาแค่ครึ่งปี ก็ต้องคัดคันจิเป็นหมื่นๆ ตัว ต้องเขียนไม่รู้กี่เส้นต่อกี่เส้น ไม่รวมการจดโน้ตเนื้อหาไวยากรณ์ต่างๆ อีก
เรียกได้ว่าใช้ดินสอได้สิ้นเปลืองมาก
ดินสอกดคือเครื่องมือทำมาหากินที่คุ้มค่าลงทุนที่สุด ในฐานะนักเขียน
อาจจะเป็นเพราะเราคือคนโบราณ ยังชอบใช้ดินสอจดในสมุด และคงจะใช้ตลอดไป ipad และ Apple Pencil gen ไหนก็มาแทนที่ฟีลลิ่งตอนใช้ดินสอเขียนบนกระดาษไม่ได้
สมัยเรียนก็ใช้ดินสอกดที่ซื้อได้ในไทยนี่แหละ แพงสุดที่เคยใช้ก็คือยี่ห้อ Rotring Tikky แท่งละไม่ถึงร้อย
แต่พอไปญี่ปุ่นแล้วเห็นว่า เออ ดินสอกดที่นี่มันสวยดีนะ มีหลายแบบหลายยี่ห้อด้วย จำได้ว่า แท่งแรกที่ซื้อมาใช้คือ Pentel SMASH ราคาแท่งละ 1,000 เยน
แต่พอได้ลองเอามาใช้เขียนเท่านั้นแหละ เหมือนเปิดโลกจินตนาการ เปิดม่านประเพณี คือฟีลลิ่งในการเขียนมันเปลี่ยนไปเลย
ดินสอกดที่คุณภาพดีๆ มันเป็นเยี่ยงนี้นี่เอง
ทั้งความลื่นไหลตอนเขียน มันลื่นปรื๊ดๆ ลื่นไหลไปแบบไม่ติดขัด ลื่นๆ รัวๆ เหมือนนางงามที่ตอบคำถามได้ทุกเวทีแบบไม่ตายไมค์
อย่างเวลาตอนจับถือ คือดินสอมันเบา แต่กลับจับกระชับแบบมั่นคง เหมือนบ้านที่ลงเสาเอกด้วยไม้สักทองเอาไว้
พอตอนกดไส้กลไกมันก็เด้งสู้หัวแม่โป้ง ไม่ก๊อกแก๊ก มันรู้สึกแน่นๆ แต่ก็นุ่มๆ หนุบหนับ จนอยากกดเล่นทั้งวัน
แล้วยิ่งตอนเขียน เวลาที่ไส้ดินสอกดมันสัมผัสกับกระดาษนะ คือรู้สึกได้ว่า มันทั้งนุ่ม ทั้งนวล ขีดๆ เขียนๆ แล้วไม่รู้สึกสากมือหรือรู้สึกว่ากระด้างแบบที่เคยใช้มาเลย
ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง รู้แค่ว่า พอใช้ดินสอกดดีๆ เขียนแล้วมันฟินสุดๆ เขียนได้เขียนดีราวกับปีนี้จะเขียนจนได้รางวัลซีไรต์
จากนั้นก็เลยลองซื้อยี่ห้ออื่นมาลองใช้ดูอีก 2-3 แบบ เฮ้ย มันเหมือนฟังดนตรี pop jazz กับ bossanova อ่ะ คือมันเขียนดีคนละแบบ แซ่บคนละฟีล
การทึ่มันแตกต่างกันทั้งน้ำหนัก ทั้งวัสดุของดินสอ ทั้งจังหวะการลงเส้น มันเลยเพิ่มความสนุกตรงที่ว่า ถ้าจะเขียนเรื่องนี้ ควรจะต้องหยิบดินสอแท่งไหนมาเขียนถึงจะได้อารมณ์กว่ากัน
จากนั้นก็ตกเป็นทาสของดินสอกดญี่ปุ่นทันที ซื้อเพิ่มเรื่อยๆ ลองใช้ทั้งขนาด 0.5 0.7 เออ มันยิ่งได้ฟีลคนละแบบจริงๆ แบบว่าถ้าเขียนร่างแรกจะใช้ขนาด 0.5 นะ แล้วพอจะเขียนแก้จะใช้ขนาด 0.7 อะไรแบบนี้
แต่ที่เคยๆ ซื้อมา มันก็ไม่ได้ชอบหรือถูกใจไปทุกแท่งหรอกนะ มันก็มีบางอันที่ซื้อมาแล้วเขียนไม่เข้ามือบ้าง ก็เก็บไว้เฉยๆ ถือว่าเป็นของสะสมก็แล้วกัน
ไปญี่ปุ่นคราวนี้เลยตั้งใจจะไปกวาดมาลองใช้ให้มากที่สุด ยี่ห้อไหนที่ใช้แล้วชอบ ก็ซื้อสีอื่นเพิ่มมาสะสม
เพราะก่อนหน้านี้ที่ไทย เคยอยากซื้อแบบที่แพงไปเลยมาลองใช้ อย่าง Pentel Orenz Nero ซึ่งที่ไทยขายแท่งละ 1,190 บาท
แต่ที่ญี่ปุ่น ผมได้มาในราคาแค่ 2,400 เยน (570 บาท) ถูกกว่ากันตั้งครึ่งนึง
สภาพก็เลยเป็นอย่างที่เห็น เกือบสแกนขึ้นเครื่องไม่ผ่าน
สำหรับแท่งที่แพงสุดครั้งนี้คือแท่งละ 4,000 เยน เป็นวัสดุอย่างดีพรีเมียม รุ่น Tech Draw 2 ลองแล้วก็คือเขียนฟินสุดๆ
แล้วบางยี่ห้อก็มีจำกัดอีกนะ ลูกค้า 1 คน ซื้อได้แค่แท่งเดียวสีเดียวเท่านั้น
แต่แค่ดินสอยังไม่พอ ยังกว้านซื้อไส้ดินสอมาอีก 20 กล่อง อยากลองทุกยี่ห้อ ลองความเข้มตั้งแต่ HB ถึง 2B
เดี๋ยวถ้าลองเขียนจนครบแล้ว อยากจะเอามารีวิวให้อ่านเหมือนกัน
แต่ว่า สมัยนี้จะมีใครอินกับการเขียนด้วยดินสอกดไหมก็ไม่รู้
คนไทยสมัยนี้โครตเหี้ย มีแต่นักชิม นักติ ไอ้นี่ก็ไม่อร่อย ไอ้นี่ก็ห่วย กับข้าวต้องแบบนี้เท่านั้นถึงอร่อย ทำแบบนี้เท่านั้นคืออร่อย ไม่อร่อยในสายตากูคือทำกับข้าวไม่เป็น คนแบบนี้ต้องจับเข้าโรงเลี้ยงให้หมด มึงทำกันเองเลย ไม่อร่อยมึงมาทำเอง จะได้รู้ เรื่องมากแล้วยังบ่นอีก โรงเลี้ยงเหมาะกับพวกมึงที่สุดละ ข้าวไม่ถึงร้อยมึงได้3มื้อ ผัก5ไร่ ไก่1ขีด ฝีมือไม่ถึงด่ากันเองนะมึง
ผมหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นภรรยาเล่นโทรศัพท์ไม่ยอมเลี้ยงลูก จนวันนี้ เธอหนีออกบ้าน เพราะผมปาทิ้ง
เรื่องของเรื่องเราคบกันมา ประมาณ 7 ปีมีลูก2คน เมื่อก่อน ผมทำงาน 50% (8 ชั่วโมง) ใช้ชีวิต50%เล่นเกม เที่ยว ครอบครัวลำบากมีรายได้12000
หลังจากมีลูก คนที่ 2 ผมจริงจังกับชีวิตมากขึ้น
งดเที่ยว งดเล่นเกม งดทุกอย่างทำงาน 8+5 ชม. ทำงานหนักขึ้น หางานเสริม รายได้เพิ่มเป็น 5 หมื่น
ทุกวันนี้ มีบ้าน มีรถ อยู่สบายขึ้น ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ แต่ ผมมองแฟนที่ยังทำตัวเหมือนเดิม..... ไม่เคยช่วย หาเงิน ไล่ไปทำงานไม่ยอมไป ผมรับได้ เธอบอกจะเลี้ยงลูก อยู่บ้าน เพราะไม่ไว้ใจคนอื่น
ผมติดกล้อง ที่บ้าน เพื่อดูพฤติกรรมแฟน 1 เดือนว่าทำอะไรบ้าง สิ่งที่ผมเห็นคือ เค้าเลี้ยงลูกแบบขอไปที บ้านสกปรก เล็บมือลูกไม่เคยตัด รถผมให้ไว้ใช้ไม่เคยล้าง ผมต้องเอาไปเข้าคาแคร์ เปลืองเงินตลอด ฟันลูก แปรงบ้างไม่แปรงบ้าง จนลูกฟันผุแล้ว
เค้าดูแลบ้านแค่ 50% แล้วเอาเวลาอีก 50% เล่นเกม ไถเฟส เล่นโซเชียล ภาพที่ผมเห็นจนชินตาคือ เค้าโยนมือถือให้ลูกคนโต ตัวเค้านั่งไถเฟส คนเล็ก นั่งเล่นตัวต่อเพียงคนเดียว วนซ้ำกัน 30 วัน
ผมกลับบ้านมา 4ทุ่ม เหนื่อยๆ จะกินข้าว ไม่มีจานใช้ ต้องมาล้างจานเอง เพื่อกินข้าว เปิดไปในห้องนอนเห็นเค้านั่งเล่น Rov ชวนลูกคนโตนั่งเล่นข้างๆไม่นอน
นั่นคือฟางเส้นสุดท้ายที่ผม ตัดสินใจ โยนมือถือทิ้ง ผมรู้สึกผมโดนเอาเปรียบ ผมโดนกินแรงคนเดียว 5 ปีล่าสุด ผมทำงานหนักเพื่ออนาคตครอบครัว แต่เค้ากลับไม่ทำอะไรเลย แม้แต่เลี้ยงลูกให้ดีขึ้น เลี้ยงลูกไปวันๆ ลูกคนโตไร้ระเบียบ กินไหนทิ้งนั่น ฟันไม่แปรงเป็นนิสัย กินข้าวไปเล่นเกมไปเหมือนแม่
วันนี้ เค้าหนีไปแล้ว เพราะผมไม่ไหวจริงๆ จนด่าไป ผมทำถูกไหม ครับ หรือผมควรอดทนมากกว่านี้ ?
ผมก็ยังอยากให้ลูกทั้ง 2 คนมีแม่ แต่สิ่งที่ผมเจอมันบั่นทอนเหลือเกิน กับที่ไม่ยอมทำอะไรเลย
Cr.ไม่ระบุตัวตน
การไม่รับรู้เรื่องของคนอื่นอาจจะทำให้จิตใจเราสงบลง ไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร แต่กุทำไม่ได้ กุชอบเสือกเรื่องของชาวบ้าน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เซิร์จชื่อดีจังดูไปเรื่อย ๆ จนหลงมาโม่ง (ไม่ได้เข้ามาหลายปีละ) เห็นในกระทู้เก่าพูดถึงโอกาสเติบโตเอาไว้ เฮ้ย มีคนคิดเหมือนกันด้วยแฮะ ว่าดีจังมักจะเสียโอกาสดึงคนติดตามหน้าใหม่ ๆ พูดในมุมคนชอบดีจังและคอยเชียร์ มันก็รู้สึกเสียดายแทนจริง ๆ
เมื่อก่อนดูพวกวีญี่ปุ่นผ่าน ๆ (แค่ไว้ฝึกภาษา) วีไทยก็ไม่ดูเพราะไม่ชอบเสียงไทยแบบแอ๊บ จนมาเจอดีจังพูดญี่ปุ่นก็ฟังง่ายแถมยังพูดไทยแบบคนปกติ คราวนี้เลยติดวงการวีญี่ปุ่นเต็มตัว หลังจากตามมาสักพัก ในฐานะคนทำงานเกี่ยวกับโซเชี่ยลก็เริ่มเห็นจุดอ่อนจุดแข็งของดีจัง เปรียบเทียบกับวีญี่ปุ่นคนอื่น ๆ จึงเห็นวิธีที่จะทำให้ดีจังไปไกลกว่านี้ ได้แต่คิดอยู่ในใจ จะไปบอกเจ้าตัวก็ไม่ใช่เรื่องที่จะไปเสือก เออ ลืมไปว่าโลกนี้ยังมีบอร์ดโม่งให้กูพิมพ์อยู่นี่หว่า แค่เห็นว่าคนอื่นคิดเสียดายเหมือนกันก็หายอึดอัดใจแล้ว
ถึงจะเสียดายแต่ในอีกมุมมันก็เข้าใจ ถ้าเราตกคนดูหน้าใหม่จากกระแสชั่วคราว อย่างตอนแข่ง SF6 เกิดไปเอาใจคนพวกนั้น แต่ตัวเองไม่ใช่คอเกมต่อสู้จริง ๆ ก็กลัวจะทำคนที่มากดติดตามผิดหวังทีหลังอีก (อย่างน้องวีญี่ปุ่นคนนึงก็ใช้โอกาสนี้ถีบตัวเองขึ้นมาระดับนึงเลย แลกกับการที่ต้องเล่นเกมนี้ต่อ)
หรือ Rust ที่ผ่านมาเนี่ย ถ้าดีจังเพิ่มความอินให้มากขึ้นหน่อยก็จะตกคนเยอะขึ้น คือ ดีจังเป็นพวกรู้สึกเท่าเพื่อนแล้วก็แสดงออกตามปกติ แต่วีญี่ปุ่นเข้าจะล้นนิดนึงตามธรรมชาติชาวเกาะ เก็ทมะ อย่างน้องมนุษย์ต่างดาวหัวเหลือง / รุ่นพี่หัวสองสี / สาวคันไซ พวกนี้เขาตกหน้าใหม่ได้เยอะกว่าเพราะการแสดงออกทางความรู้สึกในอีกระดับ ในฐานะคนชอบดีจังมันดูรู้ไงว่าน้องเขาอินไม่แพ้ใครหรอก และพยายามเล่นให้ดีที่สุดแล้ว แต่ธรรมชาติของดีจัง ถ้าไม่ติดตามมาก่อนมันดูออกยากนะ 555 คนดูต่างชาติส่วนใหญ่เขาอยากดูความอีโมชั่นกัน แต่ดีจังที่เป็นแบบนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร
ถ้ามีอะไรจะแนะนำดีจัง ขอสั้น ๆ 2 ข้อพอ
1. ทำคลิปตัดเยอะ ๆ ใส่ซับให้เรียบร้อย เอาอย่างที่เจ้าตัวพูดเองนั่นแหละ +เพิ่มเติมคือออกให้เร็วในจังหวะคนกำลังอิน ทำแบบเซมไป ปรร.
2. วีญี่ปุ่นจะมีช่วงคุยก่อน-คุยหลัง อยากให้เพิ่มตรงนี้นิดนะ
ของดีจังจะอารมณ์มาปุ๊บปั๊บเล่นเกมเลย พอจะปิดสตรีมก็อารมณ์"ไปละบาย" 555 คือตอนแรกดูดีจังคนเดียวมันชินไง แต่พอตามวีญี่ปุ่นเยอะขึ้นถึงรู้ว่าพิธีการตรงนี้มันสำคัญจริง ๆ เห็นเพื่อนวีของดีจังทำกันทุกคน กลายเป็นว่าปัจจุบันดูดีจังแล้วความรู้สึกมันห้วนไปนิด ที่สำคัญช่วงเวลาตอนท้ายนี่แหละที่คนดูญี่ปุ่นเขาจะเปย์กันเยอะ... 555 ถึงสกิลการแสดงออกทางอารมณ์จะน้อยกว่าวีคนอื่น แต่ดีจังก็น่ารักในแบบตัวเองอยู่แล้ว การมานั่งพูดเรื่อยเปื่อยกับแชทก็ช่วยได้นะ เกริ่นนำไม่ต้องก็ได้ เอาแค่จังหวะร่ำลาปิดไลฟ์ก่อน
สุดท้ายอยากฝากพวกคลิปเปอร์ อยากให้ตัด ตอนดีจังน่ารัก ๆ หวาน ๆ ซึ้ง ๆ บ้าง ถึงยอดวิวจะไม่เยอะเท่าคลิปทะเลาะกับแมว ทำตัวเถื่อน ๆ หรือพูดจาดุดันด้วยความไกจิน แต่อิมเมจน่ารักของดีจังมันก็ขายได้อยู่นา... หน้าใหม่ ๆ มาตามดูทีหลังจะได้เห็นมุมนี้บ้าง (อยากตัดเองแปลเองอยู่ แต่ยังไม่เก่งภาษาขนาดนั้น) ลองไปหาดูคลิปย้อนหลังสิ ส่วนใหญ่มีแต่ปั่นประสาท รองลงมาก็จีบสาว อิมเมจด้านน่ารักหายากมาก พอจะเห็นได้บ้างในช่องอิ้ง // ส่วนคลิปไฮไลท์ซ็อตสวย ๆ เมื่อก่อนมี เดี๋ยวนี้ไม่มีคนทำล่ะ เสียดาย อันนี้พอทำเองได้ รอกูซื้อHDใหม่ก่อนเถอะครับจะจัดให้
ความชิบหายอย่างนึงของสังคมไทยคือหมอดูหมอเดานึกจะพูดจะเคลมอะไรก็ได้ คนก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ ขณะที่คนอาชีพอื่น ๆ ต้องระวังแล้วระวังอีกก่อนจะพูดเคลมอะไร แถมคนไม่ค่อยอยากจะเชื่ออีก และสังคมดันไม่ค่อยถามหาความรับผิดชอบอะไรกับคนกลุ่มแรกซะด้วยนะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ทิ้งงานประจำเงินเดือน 4x,xxx มาทำไร่นาสวนผสม ทำโคกหนองนา ก็คิดว่าเตรียมตัวมาดี พร้อมสู้ทุกสถานการณ์ แต่พอทำจริงๆ มันโหดร้ายเกินกว่าที่คิดไว้เยอะ สำหรับคนที่ยังไม่ออก แล้วคิดจะออกมาทำเกษตร คิดใหม่ได้เลย แต่ก่อนผมก็ไม่เคยฟังใคร คิดแค่ว่าเราทำได้แน่นอน แต่พอมาเจอของจริง 1 ล้าน หมดภายใน 4 ปี โดยที่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
คำว่า "เงินทองของมายา ข้าวปลาสิของจริง!!!" ใครพูดก็ได้ แต่อย่าลืมว่า กว่าจะได้มาแต่ละอย่าง ใช้เงินเป็นพลังงานทั้งสิ้น!!!
เมื่อวานนั่งดู Netflix ของโน้ต อุดม ตอนล่าสุด เรื่อง Super Soft Power มีทั้งมุมที่ชอบและไม่ชอบ (ไม่ขอลงรายละเอียดละกัน) แต่มีคำนึงที่ฟังแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจ ที่บอกว่าคนรุ่น Gen X ไม่มีอะไรไปสอนคนรุ่นใหม่หรอก โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว จะมีแต่เล่าให้ฟังได้ว่าเราเคย “ทำผิดพลาด” เรื่องอะไรมาบ้าง เป็น Lesson Learned ให้เด็กๆไม่ทำตาม
ปล ต้องบอกก่อนว่าผมยังเป็น Gen Y นะครับ ยังไม่ถึง Gen X ที่เกิดปี 1965 – 1979 แต่ก็เกือบๆ 555
ในมุมนึงผมเห็นด้วยกับประโยคด้านบน เพราะรุ้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวเราเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Lifestyle, การลงทุน, การทำงาน, การศึกษา หรือแม้แต่เรื่องที่อยู่อาศัย เอาจริงๆหลายเรื่องผมก็ตามไม่ทันนะ แต่ผมก็ยังมองว่าหลายเรื่องคนรุ่น Gen X ก็ยัง “แนะนำ” คนรุ่นใหม่ได้อยู่ โดยเฉพาะสายวิชาการที่ Fundamental มันไม่เปลี่ยน แต่สิ่งที่สำคัญคือการสื่อสาร (Effective Communication) คน Gen X ควรเคารพในมุมมองของคน Gen Y และ Gen Z ในทางกลับกันคนรุ่นใหม่ก็ควรเคารพในความเห็นของผู้ใหญ่
ซึ่งเรื่องนี้ก็เอามาใช้ในตลาดอสังหาฯได้นะ เมื่อก่อนผมเคยมองว่าการซื้ออสังหาฯเป็นการลงทุนระยะยาวที่ดีแน่ๆ ซื้อเก็บไว้ได้ แต่ตอนนี้ผมมองว่าไม่เสมอไปนะ สิ่งที่เราคิดกับสิ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องการมักจะไม่เหมือนกัน ผมเลยย้ำเสมอว่าทำอะไรให้คิดถึงลูกค้า (คนที่จะมาซื้อ) ไม่ใช้คิดว่าตัวเองชอบอะไร? สิ่งที่เรามองว่าดีในวันนี้ อีก 10-20 ปีก็อาจจะไม่ดีแล้ว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการลงทุนคือการขายสินค้าที่ไม่เป็นที่ต้องการแล้ว ลองเปรี่ยบเทียบคอนโดใหม่ๆกับคอนโดยุคก่อนๆดูได้ครับ บางทีมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเพราะแค่เรื่องการลดต้นทุนนะ กว่าที่โครงการใหม่จะเปิดตัวมาได้ Developers ก็ต้องมีการศึกษา Customer Behaviors ก่อนอยู่แล้ว
ถ้าสังเกตเพจผมจะไม่ได้มี Strong Opinions ว่าอยากให้คนอ่านคิดแบบไหนเป็นพิเศษ จะเน้นการแชร์ประสบการณ์จริงมากกว่า เพราะตัวเองก็พลาดมาเยอะ
เป็น Talk Show ที่ให้มุมมองหลายอย่าง แต่ถ้าใครไม่ชอบการจิตกัดการเมือง หรือไม่ชอบคำหยาบ อาจจะไม่เหมาะ
วันก่อนได้โพสต์เกี่ยวกับการทำหมูกรอบมีสมาชิกสอบถามเข้ามาเยอะใน IB ดังนั้นมาอธิบายรายละเอียดทุกขั้นตอนในนี้น่าจะมีประโยชน์ต่อสมาชิก
------
เริ่มจากขั้นตอนแรกเลือกหมูสดผมเลือกจากหนังบางไม่หนามาก ไขมันน้อย เนื้อเยอะ ให้เขียงแต่งขอบทั้ง 4 ด้าน และปาดเนื้อสันออกบางส่วน ราคาอาจแพงกว่าร้านอื่น 10 บาท สมมติร้านอื่น 170 บาท ผมซื้อ 180 บาท แลกกับการที่เราต้องตัดเศษออกประมาณ 1-2 กก.
-----
ขั้นตอนการทำ
1. ล้างหมูให้สะอาด แล้วนำไปต้มในน้ำเดือดร้อน 90-100 องศา ใส่เกลือและใบเตยหอม ต้ม 15 นาที
2. นำหมูออกจากหม้อตั้มมาแช่น้ำเปล่าเพื่อลดอุณหภูมิหมูได้เร็ว หมูเย็นตัวลงก็นำมาบั้ง ผมบั้งประมาณ 1 ซม. บั้งเสร็จเสียบเหล็กแล้วล้างน้ำเปล่าอีกครั้งเพื่อล้างเศษเนื้อที่เราบั้ง แล้วเอาหมูแขวงตาก
-----
3. ช่วงเวลานี้ก็ไปจุดไฟถ่าน จุดไฟถ่านเสร็จแล้วก็เอาหมูมาเข้าถังอบ 200 ลิตรเลย ช่วงเวลาที่ผมแขวงหมูจากกับการจุถ่านประมาณ 20 นาที ผมอบด้วยไฟ 160-170 องศา / 2 ชม. ผมเติมถ่าน 1 ครั้ง ใช้ถ่านอบแต่ละครั้ง 1 ถุง ไฟสุดท้ายผมปล่อยให้ถ่านดับไปเลย ขึ้นไปนอน (ตี5)
------
4. ตื่นมา 10 โมงเช้าทอดรอบแรก อุณหภูมิ 0-140 องศา ทอดประมาณ 20-30 นาที สีหนังตามภาพที่ 2 พักหมู 10 นาที แล้วทอดรอบ 2 ต่อด้วยไฟ 200-220 องศา ทอดจนหนังเปลี่ยนสีเหลืองทองเป็นอันใช้ได้รับรองกรอบยาวๆๆๆ
-----
ไม่สักหนัง ไม่แช่น้ำส้มสายชู ทั้งหมดที่ผมทำบอกหมดเปลือกแล้ว ถ้าคิดว่ามีประโยชน์ช่วยกันแชร์แบ่งปันเพื่อวิทยาทาน
#ลงผลงานส่งการบ้าน
#ชมรมคนรักหมูกรอบแห่งประเทศไทย_crispy_pork_lovers_club_of_thailand
🫢5️⃣ สิ่งต้องระวังเมื่อขับรถในช่วงหน้าร้อน❗️
⭕อุณหภูมิในบ้านเราช่วงนี้เรียกได้ว่าร้อนปรอทแตกกันเลยทีเดียว ร้อนจนแทบไม่อยากขับรถออกไปไหนกันเลยก็ว่าได้ แต่หากใครมีความจำเป็นต้องขับรถเดินทางในช่วงนี้ มี 5 สิ่งที่ต้องระวังหากจำเป็นต้องขับรถท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัดมาฝากกัน จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
1️⃣. ระบบหล่อเย็นของเครื่องยนต์
การดูแลรักษาระบบหล่อเย็นของเครื่องยนต์ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในช่วงหน้าร้อน เพราะหากมีชิ้นส่วนใดทำงานบกพร่องแล้วล่ะก็ อาจส่งผลให้เครื่องยนต์มีอาการโอเวอร์ฮีตได้ง่าย ซึ่งกรณีรถใหม่อายุไม่เกิน 5 ปีคงไม่มีปัญหาเท่าใดนัก แต่ถ้าเป็นรถเก่าอายุเกิน 7 ปีขึ้นไปแล้วล่ะก็ ต้องตรวจเช็กระดับน้ำหล่อเย็น (Coolant) ในหม้อพักว่ายังคงอยู่ในระดับปกติ มีการไหลเวียนของน้ำหล่อเย็นในขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน รวมถึงพัดลมหม้อน้ำยังคงทำงานได้อย่างเต็มกำลัง และหมั่นสังเกตระดับเกจ์ความร้อนไว้บ้าง หากมีปัญหาจะได้แก้ไขได้อย่างทันท่วงที
2️⃣. หลีกเลี่ยงจอดรถกลางแดด
ในขณะที่อากาศภายนอกอาจพุ่งทะลุถึง 38 องศาเซลเซียสเป็นอย่างต่ำ แต่รถที่จอดทิ้งไว้กลางแดดอาจมีอุณหภูมิภายในห้องโดยสารสูงถึง 50 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ซึ่งความร้อนระดับนี้จะส่งผลให้ชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารโดยเฉพาะที่เป็นพลาสติกหรือหนังเกิดการแตกกรอบได้ง่าย ยิ่งถ้าจอดรถกลางแดดเป็นประจำต่อเนื่องหลายปีแล้วล่ะก็ จะส่งผลให้สีตัวรถเกิดการซีดจางลง และขอบยางหน้าต่างประตูเกิดการกรอบแตกได้
3️⃣. ระบบแอร์ต้องสมบูรณ์
ระบบปรับอากาศในรถยนต์มีความจำเป็นอย่างยิ่งในสภาพอากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ เจ้าของรถควรหมั่นบำรุงรักษาระบบแอร์ให้เย็นฉ่ำอยู่เสมอ ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการล้างแอร์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยปัจจุบันมีวิธีล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้ ซึ่งใช้เวลาน้อย และไม่ต้องถอดแผงคอนโซลออกเหมือนกับวิธีล้างแบบถอดตู้ หากว่าระบบแอร์รถเกิดปัญหา ควรเลือกร้านซ่อมแอร์ที่ไว้ใจได้ ช่างมีความชำนาญเฉพาะทาง จะช่วยลดปัญหาค่าซ่อมบานปลายได้
4️⃣. สวมแว่นกันแดดขับรถในช่วงกลางวัน
การสวมแว่นกันแดดขับรถในสภาวะที่มีแสงจ้า นอกจากจะช่วยเพิ่มความสบายในการขับรถแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคตาบางชนิด เช่น ต้อกระจก, ต้อลม, ต้อเนื้อ รวมถึงอาการจอประสาทตาเสื่อมลงได้ แนะนำให้เลือกเลนส์แบบ Polarized ที่มีคุณสมบัติตัดแสงจ้ารบกวน จะช่วยลดแสงสะท้อนบนกระจกหน้าและกระจกข้าง ทำให้มองเห็นเส้นทางได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
5️⃣. ใช้ครีมกันแดดช่วยป้องกันผิวเสีย
แม้ว่ารถจะติดฟิล์มกรองแสงที่มีคุณสมบัติกรองรังสี UV ได้อยู่แล้ว แต่การใช้ครีมกันแดดทาผิวบริเวณแขนและใบหน้า จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ผิวไม่คล้ำเสีย ช่วยลดโอกาสเกิดริ้วรอยก่อนวัย แถมยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย
🔰 เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้การขับรถในช่วงฤดูร้อนนี้สบายกายสบายใจขึ้นแล้วล่ะครับ
ถ้ารวยกุจะทำหนังห่วยๆ สักเรื่อง แต่รวมดาราดังๆ มาไว้ในเรื่องพร้อมกับบทโง่ๆ เพราะคนจะได้มาทนดูหนังห่วยๆ กุเพราะนสดที่ชอบเล่น
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ตลอดหลายปีมีคนบอกผม เสมอว่า…
คนอย่างเองเข้ากรุงเทพเถอะ
เข้ากรุงเทพ ป่านนี้รวยไปแล้ว ไม่ต้องมาทนลำบากแบบนี้
ผมดื้ออยู่ 8-9 ปี ไม่ยอมไป ด้วยเหตุผลเดียว
ผมเบื่อรถติด..!! เบื่อสังคมในเมือง
และ ผมพอจะรู้ตัวว่า ถ้าผมมากรุงเทพผมทำได้ดีแน่
ดูจากธุรกิจที่ผมเป็นคนริเริ่ม
ใครที่เอามาทำกรุงเทพ ทำได้ดียิ่งกว่าผมอีก..!!
จิ้มจุ่ม ผมเคยทำรายได้
ที่โคราช สูงสุด 560,000 ต่อเดือน
เพื่อนผมเอามาเปิดกรุงเทพได้ 2 ล้านต่อเดือน
ผมทำร้านข้าวแกง นิ่งอยู่ที่ 270,000-300,000 ต่อเดือน
แต่คนเอามาเปิด กรุงเทพ ทำได้เดือนละครึ่งล้านเป็นอย่างต่ำ
ก่อนมา… ผมนอนคิดอยู่คืนนึง ปรึกษาคนไม่กี่คนเรื่องมากรุงเทพ
จนผม.. "เปิดมาเจอภาพนี้" ผมเลยตัดสินใจ ขับรถมาหาเช่าห้องอยู่เลย
เพื่อนๆรู้มั้ย…? อยู่โคราช ผมขายผัดหมี่ 65 บาท คนบ่น.. แพง !!
เอาผมไปเปรียบเทียบกับ ร้านอื่น 40-50 เอง
แต่พอมาอยู่กรุงเทพ เมนูถูกสุด 79 คนไม่บ่น แถมสั่งพิเศษ ซื้อเช้า เย็นซื้ออีก
ในกรุงเทพผู้คนมีกำลังซื้อ.. จากนั้นผมรู้ตัวเลย ว่าใครคือกลุ่มลูกค้าผม
รู้ซึ้งเลยถึงประโยคที่ว่า..
เป็นคนเก่งมีความสามารถอย่างเดียวไม่พอ
เราต้องอยู่ให้ถูกที่ ถูกเวลาด้วย
เล่นกีตาร์เก่งแค่ไหน ไปเล่นกลางทุ่งนาก็ไม่มีประโยชน์
เอาเพชรที่แพงที่สุดในโลก โยนลงไปต่อหน้าไก่.. ไก่มันก็เอาตีนเขี่ยทิ้งอยู่ดี
ไปดูได้เลย.. คนดังระดับประเทศ
ที่เป็นคนโคราช มีใครอยู่โคราชบ้าง..?
โคราช ไม่ใช่ไม่ดีนะ แต่ถ้าที่อื่นมีโอกาสมากกว่าเราก็ต้องรีบคว้าไว้
โคราช เหมือนลำตะคอง ว่ายไป ว่ายมา เดี๋ยวก็มาเจอกันอีก
มันแคบ มันวนอยู่แค่นั้น ไปไหนไม่ได้
แต่กรุงเทพ เหมือนทะเลที่กว้างใหญ่ มีโอกาสมากมายให้พบเจอ
ไม่แปลกใจเลย.. ทำไมคนจำนวนมาก ยอมทิ้งบ้านบ้านเกิดเมืองนอน
บางคนย้ายทั้งครอบครัว มาอยู่กรุงเทพเลย
เพราะอยู่บ้านนอก อยู่ต่างจังหวัด หาได้แค่ปู ปลา
แต่กรุงเทพ มีโอกาสได้ ปลาใหญ่ ได้หมึก ได้ปูทะเล
ถ้าคิดว่าตัวเอง มีฝีมือแล้ว มีประสบการณ์แล้ว
และ เจ๋งพอ กรุงเทพเป็นเมืองที่น่าสนใจ
ผมเคยถามนะ หมูปิ้งแถวบ้านผม
ขายเวลา 06:00-09:00 ได้เท่าไหร่..? เขาบอก 2500
หมูปิ้ง หน้าหอผมที่กรุงเทพ ขายแบบเดียวกัน ราคาเท่ากัน
เวลาขายเท่ากัน เขาบอกได้ 6500
วินมอเตอร์ไซค์แถวบ้านผมที่โคราช
นั่งว่างทั้งวัน วันนึงได้ 2-3 ร้อย
วินที่ สีลม วันนึงต่ำๆ 6-7 ร้อย
โคตรต่างกันเลย..
อยู่ถูกที่ อยู่ในที่ ที่คนเห็นคุณค่า
คุณจะไม่ต้องพยายามอะไรมากเลย
คุณจะได้ ในสิ่งที่สมควรจะได้
ตามความสามารถ ที่คุณมี
ผู้หญิงที่สวยที่สุด ถ้าไม่ออกจากห้องเลย
ก็ไม่มีใครได้รับรู้ความสวยงามนั้น
ม้าที่วิ่งเก่งที่สุด ถูกขังในคอก
ก็ไม่มีใครได้เห็นความเร็วนั้น..
ไม่ต่างอะไรกับรถหรูในรูปนี้เลย !!
Cr. สิริทัศน์ สมเสงี่ยม
กุบอกแล้วไง ถ้ามันเป็นเกมกุต้องชนะ
ครูฝึก : ตอนขับรถต้องใจเย็นๆนะคะ
วินาทีต่อมา *กระบะขับปาดหน้าระยะประชิด*
ครูฝึก : *พุ่งมาคว้าจับพวงมาลัยแล้วบีบแตรแป๊นนนนนนนแป๊นนนนนๆๆๆๆๆ!!!!!!* เ ย็ ดแหม่หัวดอขับเหี้ยอะไรของมึงวะรีบไปต า ยรึไงห่า!!!
วินาทีต่อมา *กลับสู่สถานการณ์ปกติ*
ครูฝึก : ต้องใจเย็นๆนะคะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
หลังจากที่ออกมาพูดถึงกรณีเดี่ยวก็แอบสงสัยว่าที่ผ่านมาเขาจับผู้ร้ายจากหลักฐานจริงๆหรือจับผู้ร้ายเพราะเขาคิดไปเองว่าเป็นผู้ร้าย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ผมพูดว่า พอเพียง 'ไม่ห้ามรวย'
และผมก็พูดว่า การพอเพียงจริงๆ จะต้องห้ามรวย
.
ผมพูดทั้งสองแบบ และ มันจริงทั้งคู่ -- ไม่ต้องเรียนลึก แค่ตั้งใจเรียนคาบแรกๆของเศรษฐศาสตร์ จะรู้ว่ามันมีสิ่งที่เรียกว่า Paradox of saving
.
ในจุลภาค การประหยัด จะเสริมความมั่งคั่งของคนๆหนึ่ง หรือครอบครัวหนึ่งได้ แต่ในมหภาค การประหยัดของส่วนรวม จะนำมาสู่ความอ่อนแอของทั้งประเทศ
.
ในหนังโชกุน มีตอนนึงที่พูดถึงแนวคิดนี้ -- โอมิถามว่า จะดีมั้ย ถ้าเรือฝรั่งไม่เข้ามา และเราก็อยู่ในประเพณีเดิมๆ ? พี่หล่อลื่น(ลูกโทรานางะ) ก็ตอบว่า เป็นดินแดนหาปลา จนๆ น่าสมเพชน่ะเหรอ ?
.
การประกอบการของชาติ ต้องใช้น่านน้ำการผลิต ถ้ามันแคบ มันจะกระจายความมั่งคั่งไม่ได้ การเสริมฐานะให้ตอนใน จะทำให้ตอนนอกอ่อนแอ -- และตอนในเอง จะไม่สามารถทวีมูลค่าได้เท่าตอนนอก (โตเกียว นิวยอร์ก ฯลฯ) ดังนั้น การยิ่งกระจายความเจริญ ในที่สุดฐานการผลิตของชาติจะอ่อนแอ
.
และความยากจน จะเกิดขึ้นโดยทั่วไป
.
สิ่งนี้ไม่เกิดในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ยุโรป หรือสหรัฐฯ เพราะที่ว่ามาล้วนมีเมืองใหญ่ที่น่านน้ำ มีการนำเข้าวัตถุทั่วโลก และขายได้ทั่วโลก หมายถึงเข้าไปแข่งกันที่มาตรฐานสากล ชนะที่แปซิฟิค หรือแอตแลนติก = ชนะมาตรฐานของทุกๆประเทศ
.
+
.
ถ้าไทยทั้งหมด ยากจนลง และพอเพียงแค่สถานะนั้นๆ
.
ถ้าผมเป็นมาเลย์เซีย ผมจะหวานปากเลย เพราะผมสามารปิดล้อมการค้า ปิดล้อมอ่าวไทย และบีบให้ไทยทำนโยบายต่างๆให้เอื้อผม คนอ่อนแอจะไม่มีสิทธิเลือก
.
คนจีนจะเข้ามาเป็นนอมีนี แต่งเมียไทย และฮุบที่ดิน ฮุบทรัพยากรของาติ ... ทั้งหมดเกิดขึ้นจริง และเกิดขึ้นไปตั้งนานแล้ว
.
และถ้าผมเป็นกัมพูชาที่ร่ำรวย ผมจะมาเอาเกาะกูด มาตั้งฐานกำลังดื้อๆ
.
ดังนั้นผมจึงไม่เคยเห็นด้วย กับมหภาคแห่งการพอเพียง
.
เราจะต้องออกสู่น่านน้ำไปฟาดฟันกับมาตรฐานโลกเท่านั้น -- แต่เราต้องมีคลัสเตอร์ และมีโฟกัสที่ 2 มหาสมุทร
.
ของบางอย่าง ถ้ามองในมุม 'ส่วนตัว' มันจะไม่ผิด
.
เช่น การประหยัดมากๆ ถ้าตัวเราทำ มันอาจจะดีต่อเราเอง แต่ถ้าทุกคนพร้อมใจกันทำ เศรษฐกิจก็จะวิบัติ เพราะเงินไม่หมุน ไม่มีกำลังซื้อ บริษัทจะเจ๊ง ภาคการผลิตจะพัง เขาเรียกว่า paradox of saving ในวิชาเศรษฐศาสตร์ก็ต้องเรียน
.
เขาถึงต้องแยกวิชาเป็นจุลภาค (Micro) กับ มหภาค (Macro) มันคุยกันคนละระดับ ดังนั้นเวลาถกเถียงกัน มันต้องเข้าใจเรื่องนี้
.
แต่ผมก็เจอเยอะ พอเราพูดเรื่องมหภาค เขาก็จะเอาเคสของจุลภาคมาแย้ง บางทีมันทำให้การถกเถียงเป็นไปได้ช้า อย่างถามว่า ไม่มีลูกผิดตรงไหน ? มันไม่ผิดในกรณีของคุณ แต่มันผิดในกรณีของภาพรวม ฯลฯ
.
ถามว่า แล้วแบบนี้ มันขัดกับหลักความจริง หรือหลักวิชาหรือเปล่า ?
จริงๆแล้วไม่ขัด
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
แยกระหว่าง
A เข้าเมืองโดยถูกกม. ด้วยเหตุผลด้านเศรษฐกิจ/มนุษยธรรม
B ผู้ลี้ภัยโดยผิดกม.เข้าเมือง แต่ตั้งใจจะ integrate หรือประกอบสัมมาชีพ
C ผู้อพยพที่เข้าไปก่ออาชญากรรม ข่มขืน เผยแผ่ศาสนา ก่อม็อบ
การบอกว่า A หรือ B ไม่มีสิทธิ์วิจารณ์ C เพราะตนเองหรือบรรพบุรุษก็เคยเป็นต่างด้าว = 🤨
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
📌 ของหายากที่ต้องแย่งกันซื้อ ในยุคนั้น
สมัยที่เรายังใช้มือถือปุ่มกดกันอยู่ ดูข่าวจากทีวีตอนเช้าก่อนไปทำงาน ไปโรงเรียน ตกเย็นกลับมาก่อนนอนฟังวิทยุ
ความบันเทิงหรือการเสพข้อมูลของเรา จะวนเวียนแต่เรื่องพวกนี้
แต่อีกหนึ่งอย่างที่มันตีคู่กันมาเลยนะ เรียกว่าแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันเลย คือหนังสือพิมพ์
ทุกวันนี้แม่ผมยังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
แต่ผมขอนั่งเครื่องย้อนเวลากลับไปหน่อย สมัยนู้นเลย หนังสือพิมพ์เป็นสินค้าที่เนื้อหอมมาก ไปช้าเมื่อไหร่คือหมด
บางทีขี่รถผ่านเล็งแล้วนะ เดี๋ยวจะกลับมาซื้อ กลับมาอีกที อ้าว! เกลี้ยง
เท่าที่ผมสังเกต ตามหมู่บ้านหรือในซอยเรา จะมีร้านที่รับหนังสือพิมพ์มาขายหลัก ๆ คือ ร้านขายโอเลี้ยงกาแฟ ร้านขายของชำ
หรือไม่ก็เป็นบ้านใครสักคนที่ทำมาค้าขาย แล้วเอาหนังสือพิมพ์มาวางด้านข้าง
บางเจ้าก็จะพับม้วนให้อย่างดี บางคนก็วางแผ่เป็นปึกอย่างนั้น ไปพับเอาเอง
หนังสือพิมพ์เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากกับเด็กยุคนั้น เพราะนอกจากจะได้อ่านข่าวสารบ้านเมืองแล้ว มันยังมีคอลัมน์พวกดูดวง เช็คโชคชะตา
แล้วก็มีโฆษณาอะไรแปลก ๆ ที่เราจะได้เห็นเป็นที่แรก
ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมชอบอ่านพวกวิเคราะห์การเมือง คือเป็นคนไม่ติดการเมืองนะ แต่ผมชอบเวลาที่นักเขียนหยิบประเด็นมาวิเคราะห์
มันรู้สึกปวดแสบปวดร้อนดี มีความกระแนะกระแหน่ แต่ไม่เข้าข้างฝ่ายใด
หรือถ้าเป็นไทยรัฐสมัยก่อน ซึ่งปัจจุบันก็น่าจะมีอยู่ ใครก็ตามได้ขึ้นหน้า 1 มาลัยไทยรัฐ ดาราคนนั้นต้องฮอตมาก
แล้วมันเหมือนเป็นภาพวาบหวิวยุคแรก ๆ ที่เราได้เสพกัน
อีกอันนึงลืมไปได้ไง เรื่องย่อละครหลังข่าว อันนี้คือทีเด็ดเลย สมัยก่อนละครที่เราดูกัน มันจะมีบทละครให้ได้อ่านตามหนังสือพิมพ์
เราจะรู้ได้ว่าคืนนี้ พระเอกกับนางเอกจะคุยอะไรกัน เจอกันที่ไหน ตบกันยังไง ได้กันกี่ฉาก ส่งเสริมการจินตนาการในหัวได้ดีมาก
แต่ก็นั่นแหละครับ กาลเวลาเปลี่ยนผัน ทุกอย่างก็หมุนไปตามโลก สมัยนี้ทุกอย่างรวมอยู่ในมือถือเครื่องเดียว
มันก็เป็นเสน่ห์ไปอีกแบบ สำหรับคนยุคใหม่
สำหรับผมที่อยู่ในช่วงคาบเกี่ยวระหว่างเก่า กับใหม่ ผมยังจำเรื่องราวในอดีตได้ดี ผมว่าคุณก็เช่นกัน
กลับมาที่เรื่องแม่นิดนึง ทุกวันนี้แม่ผมยังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เพราะนั่นเป็นสื่อความบันเทิงเดียวที่อยู่ในช่วงยุคของเขา
แต่ประเด็นคือ ผมต้องเป็นคนไปหาซื้อไง แล้วคุณอย่าคิดนะครับว่า หนังสือพิมพ์เป็นสิ่งที่เชย ตกยุค คนไม่อ่านกันแล้ว
ผมบอกเลยไม่จริง ยังมีกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสิ่งนี้อยู่มาก
และที่สำคัญคือ คนที่นำมาขายปัจจุบันนี้มีน้อยเหลือเกิน ในหมู่บ้านที่ผมอยู่ มีอยู่แค่เจ้าเดียวที่ยังยืนหยัดอยู่ได้
บางวันนะผมไปซื้อตั้งแต่ 7 โมงเช้า เหลืออยู่แค่ฉบับเดียวดีใจมาก
ผมเคยถามพี่เจ้าของบ้านที่เขาเอามาขาย คนที่มาซื้อคนแรกมากันตั้งแต่กี่โมง พี่เขาบอกว่า นู้นแหละน้องเอ้ย
พระบิณฑบาต เขาก็มาซื้อกันแล้ว
แล้วคนที่ไปซื้อส่วนใหญ่ก็เป็นรุ่นอาวุโสทั้งสิ้น บางคนซื้อตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น จนปัจจุบันตัวเองเป็นปู่แล้ว ก็ยังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
และที่ตลกมากคือ ถ้าวันไหนปู่มาซื้อไม่ไหว ปู่จะใช้ให้หลานปั่นจักรยานมาซื้อ คำถามแรกที่หลานถาม
" อะไรคือหนังสือพิมพ์ ? "
.
.
พี่ภาส เพจเดินรอบพัทยา
พอเพียง ไม่ใช่อยู่กับที่นะ ไอ้ควาย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ทำยังไงให้ไม่ติด ตม. เกาหลี 🇰🇷
ทริปนี้เฉียงพาเพื่อนชะนีชื่ออิไอซ์กับน้องชายมาเที่ยวเกาหลี ประเด็นคือพวกนาง 2 คนไม่เคยมา ประเด็นกว่าคืออิไอซ์เป็นชะนี ซึ่งชะนีร้อยละ 90% มีโอกาสติดตม.สูง
ใช่ค่ะ ประเทศนี้ตม.ไม่มีมาตรฐาน กูเห็นแต่ละคนเดินเข้าห้องเย็นก็ได้แต่สงสัยว่ามึงดูไม่ออกหรอว่าเค้ามาเที่ยว
.
.
กลับมาที่เรื่องตัวเอง ไม่อยากให้ใครโดนส่งกลับ ฉฉ.เลยต้องทำแพลนเที่ยวครั้งแรกในชีวิต
ฉฉ ทำแพลนเที่ยว!!!
อมก!!
เขียนไปครึ่งหน้าปวดใจมากอิสัส กูเขียนไม่เป็น 5555
เอาวะ เอาความจริงใจเข้าแลก…
‘สวัสดี พวกเราคือยูทูปเบอร์ที่ทำคอนเท้นท์ท่องเที่ยวแบบไม่แพลน ทริปนี้กะชิว เพราะทำงานหนักมาค่ะ จะตื่นสายๆ ชอปปิ้ง แดกกาแฟ เอนจอยอากาศดีๆที่ดีกว่าไทย เจอเพื่อน เจอผู้ แดกๆๆ ดื่มๆๆ
หวังว่าคุณจะเข้าใจน้าา : )’
ปริ้น 3 แผ่นพร้อมแนบที่พักและตั๋วขากลับ ปึ้ง!!
อิไอซ์ : มันได้หรอวะ
ฉฉ : ไปลุ้นเอา!
.
.
ตามคาด อิไอซ์โดนตม. ถาม
ตม. : มาทำไม WHY?
อิไอซ์ : (อิไอซ์งง)
ตม. : WHY??
กูได้ยินจากด้านหลัง ใจตกไปอยู่ตาตุ่ม รู้สึกเสียว รู้สึกปวดขี้ อยากตะโกนใส่อิไอซ์ว่างงเหี้ยไร บอกไปสิมาเที่ยวโว้ย
อิไอซ์ : ทราเวล
ตม. : แพลน?
อิไอซ์หยิบแพลนออกมา ยื่นให้ตม.
ตม. เอามาอ่านหน้าเคร่งเครียด 5 นาที
ปึ้ง!!!
ผ่าน!!!!
.
.
กูบอกแล้ว ประเทศนี้ไม่มีมาตรฐาน ดวง 300%
#ไปอยู่เกาหลีมา
ผมอยู่เมืองไทยไม่เคยคิดว่าตัวเองหล่อเลยนะแต่พอไปจีนสาวๆ หนุ่มๆเค้ารู้ว่าเราเป็นคนไทยปุ๊บ เค้าชมเราว่าหล่อมาก แล้วก็ทำตัวเขินเรา บิดอายม้วนทุกคนเลย เหมือนสาวไทยเจอหนุ่มเกาหลีอ่ะ เป็นช่วงเวลาเดียวที่ผมสัมผัสประสบการณ์การเป็นคนหล่อครั้งเดียวในชีวิตเลย 555
https://www.facebook.com/share/p/uwSxcC8eEZTokjJG/?mibextid=WC7FNe
Daily dose of existential crisis
มาอ่านเม้นหนูเนยกัน ยาวเกินเลยแปะลิงค์เอา
ป้าข้างบ้าน ขายของชำ ทั้งชีวิต เลี้ยงลูก เรียนนอก 4 คน ส่งเรียน จบโทร จบเอก ลูกการศึกษาสูง อยากให้ลูกมีอนาคต ดีกว่า พ่อแม่ ลูกหาโอกาส ลงทุน คริปโต หุ้น ต่อยอด ตอนนี้ รถไม่เหลือ บ้าน ร้านชำ จำนอง แบงค์หมด
อาแปะมีแผงขายไข่ไก่ โดยขายไข่ฟองละ 2 บาทมานาน
มีลูกค้าประจำมากมาย เพราะ มีลุงขายอยู่แผงเดียว
.
อยู่มาวันหนึ่ง.. มีอาหมวยคนหนึ่งเห็นว่าอาแปะขายไข่ไก่รายได้ดี จึงคิดขายบ้าง
อาหมวยตั้งแผงขายไข่ไก่ฝั่งตรงข้ามอาแป่ะ โดยขายตัดราคาฟองละ 1 บาท
.
เป็นดังคาด...!! ลูกค้าแผงอาแปะหลั่งไหลมาซื้อไข่ไก่แผงอาหมวยล้นหลาม
จนอาแป่ะเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว หากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปแย่แน่ๆ
จึงลดราคาไข่ไก่ลงเหลือฟองล่ะ 1 บาทเท่าอาหมวย
.
สมใจอาแปะ...!! ลูกค้าแผงอาหมวยเริ่มหันมาซื้ออาแป่ะมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ราคาจะเท่ากัน แต่เชื่อถือคุณภาพไข่ไก่ที่อาแป่ะขายมานาน
.
อาหมวยเห็นดังนั้น จึงตัดสินใจลดราคาไข่ไก่ ตั้งใจว่าคราวนี้จะไม่ให้อาแป่ะลดราคาแข่งได้เลย
จึงตัดสินใจลดราคาจาก 1 บาทเหลือเพียง 25 สตางค์...!!
.
ลูกค้าจากแผงอาแป่ะและหลายๆ ที่แห่มาซื้อไข่ไก่อาหมวยกันหนาตา
อาหมวยรู้สึก กระหยิ่มในใจยิ่งนัก ดูซิ...!! อาแป่ะจะลดราคาสู้ไปอีกได้ไหม
.
จนเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่านานเป็นเดือน อาแป่ะยังคงขายไข่ไก่ฟองละ 1 บาทอยู่ เรื่อยๆ
มีลูกค้าบ้างประปรายแต่เรื่อยๆ ฝั่งแผงอาหมวยเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ฟองละ 25 สตางค์แทบไม่เห็นกำไร
.
แต่ก็เกิดความประหลาดใจยิ่งนักว่าทำไมอาแป่ะ จึงยังขายฟองละ 1 บาท
ทำไมไม่แข่งลดราคากันอีก แล้วอยู่ได้ยังไงในเมื่อลูกค้าอยู่ที่แผงอาหมวยหมด
.
วันหนึ่งอาหมวยทนไม่ไหว จึงตัดสินใจเดินไปถามอาแป่ะด้วยสีหน้าฉงนว่า..
อาหมวย : อาแป่ะ !! ลื้อทำไมไม่ลดราคาแข่งกับอัวอีกหล่ะ ในเมื่อเราแข่งกันมาตลอด มาแข่งกันต่อสิแล้วลื้ออยู่ได้ยังไงขายฟองละ 1 บาท
อาแป่ะ : ชำเลืองมองอาหมวยเล็กน้อยแล้วพูดว่า “อั๊วอยู่ได้สิ ก็อั๊วซื้อไข่ไก่ลื้อมาขายไง”
----------------------------
“เพราะมัวแต่ต้องการเอาชนะ จนลืมมองย้อนหลังที่ผ่านมาว่าเราพลาดเพราะสิ่งใด ไม่มีใครทำตัวเราให้พ่ายแพ้ ทุกอย่างล้วนเกิดจากตนเองทั้งนั้น”
คนเราเก่งเรื่องคนอื่นมากกว่าเรื่องของตัวเองเสมอ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรทำเวลาคนมาเล่าปัญหาให้ฟังคือแสดงความเห็นอกเห็นใจให้มากกว่าความเก่งจ้า /พับไมค์
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
·
เอาจริงๆ เราไม่ได้มีปัญหากับการทำงานหนัก คนที่เคยทำงานกับเราก็น่าจะรู้ประมาณนึง
แต่เราเวลาเจอผู้บริหารหรือลูกค้าที่ Take that for granted อันนี้คือโกรธมาก
ผมเกลียดทัศนคติแบบที่กดดันให้คนทำงานหนักเกินกว่าที่ตกลงกันไว้ ราวกลับว่าเป็นเรื่องเรียกร้องกันได้ ราวกับเป็นหน้าที่ บอกว่าแบบต้องทำงาน 996 เงี้ย ใช้ความรู้สึกผิดมากดดันกันเนี่ย ผมว่าไม่ใช่
ส่วนตัวผมทำงานเกินหน้าที่ด้วยใจที่หวังดี แต่ถ้าคุณไม่เห็นน้ำใจนั้น ผมก็ไม่รู้จะทำไปทำไม ถ้าเอาจริงๆ สิ่งที่เป็นหน้าที่ผมมีแค่เท่าที่เซ็นสัญญากันอ่ะครับ ที่ให้เกินทั้งหมดคือน้ำใจที่ให้ และผมให้ค่อนข้างบ่อยเลยนะกับแทบทุกคนที่ผมทำงานด้วย
ถ้าคุณเข้าใจผิดเห็นว่ามันเป็นหน้าที่ น้ำใจผมมันก็สูญเปล่าและผมก็ไม่รู้จะมอบให้อีกทำไม น้ำใจผมเลือกจะมอบให้ได้เสมอ
ทามมัยเวลาไอดอลมี๊แฟน โอตะต๋องโกดถุงขั้นเผารูปละค่ะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ขนาดนักบอลผู้ชาย พอย้ายทีมยังมีการเผาเสื้อเลยคุณ
#มิตรสหายท่านสอง
ไม่ได้เข้าผิดเพจนะคะ เพียงแต่ว่าอ่านหนังสืออะไรสนุกแล้วจะขอมาเล่าให้ฟัง ถือเป็นอาหารสมอง กระตุ้นจิตใจแล้วกันค่ะ
Can't Hurt Me: Master Your Mind and Defy the Odds โดย David Goggins
ใครก็ทำร้ายเราไม่ได้ ถ้าเราควบคุมจิตใจของและท้าทายโอกาส
บทเรียนแบบสรุป
1. อย่าพึ่งแต่แรงจูงใจ แต่หมกมุ่นฝึกฝนอยู่กับงานตรงหน้าแทน ให้หมกมุ่นอยู่กับเป้าหมายของเราจนคนอื่นคิดว่าเราบ้า!
2.อย่าตั้งเป้าให้คนอื่นชอบ แต่มุ่งมั่นที่จะเป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเอง เมื่อเรามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เราจะดูพิเศษและไม่ธรรมดาสำหรับคนอื่นๆ
3.เลือกที่จะเอาชนะความเจ็บปวดเล็กๆ น้อยๆ ทุกวัน
จิตใจของเราจะปรับตัวและเราจะแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะทุกสิ่งได้
4. เราไม่มีอะไรจะพิสูจน์ให้คนอื่นเห็น นอกจากทุกสิ่งที่ต้องพิสูจน์กับตัวเองเท่านั้น
5. ทำให้ผู้อื่นตกใจเกินความคาดหมายอย่างมากกับเรา จนงง และสูญเสียวิธีการที่จะครอบงำเรา
6. เราแข่งขันกับตัวเองเท่านั้น run your own race ไม่งั้นเสียโฟกัสเปล่าๆไปกับอารมณ์
7.ช่วยเหลือผู้อื่นแล้วภาระของตัวเองจะเบาลงมาก
นี่คือสิ่งที่เกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ ช่วยแล้วเราจะคิดปัญหาออก ช่วยแล้วเราจะมีมิตรภาพ จิตใจเราจะเบา สมองจะแจ่มใส หัวจะเปิด
8. ซื่อสัตย์กับตัวเองยอมรับข้อบกพร่องของตัวเอง
การยอมรับสิ่งเหล่านั้นเท่านั้นที่ทำให้เรามีพลังในการเปลี่ยนแปลง
9. ล้อมรอบตัวเราด้วยกลุ่มแชมเปี้ยน คนที่เก่งกว่าเรายิ่งดี อย่ากลัว ผู้ชนะจะชนะด้วยกัน
10. เมื่อเราคิดว่าเรามีศักยภาพสูงสุดแล้ว จงเดินหน้าต่อไป เพราะจริงๆแล้ว เราได้ใช้ศักยภาพเราแค่ 40% เท่านั้นในตอนนี้
—-
เอามาปรับใช้ได้หลายรูปแบบมากค่ะ จะลองยกตัวอย่างให้ดู
ในตอนท้ายของแต่ละบท Goggins ได้กำหนดงานสำหรับผู้อ่านโดยอิงจากเครื่องมือ และวิธีสอนที่เขาใช้ในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา เช่น
Reality check:
ในบทเริ่มต้นของหนังสือ Goggins พูดถึงความทรงจำในวัยเด็กที่บอบช้ำทางจิตใจ โดยเฉพาะลักษณะการล่วงละเมิดของพ่อ
Goggins เชื่อว่าชีวิตของเขาถูกกำหนดไว้สำหรับความล้มเหลว แต่การเข้าร่วมฝึกในกองทัพทำให้เขาคิดว่าเขาจำเป็นต้องทำการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตเพื่อบรรลุเป้าหมาย ชีวิตเค้ามี potential และมีลู่ทางมากขึ้นกว่าจมอยู่กับอดีต
การฝึกที่เราใช้ได้: ลองไตร่ตรองตนเองโดยบันทึกความยากลำบากในอดีตของเรา ข้อด้อยหรือดูว่าเราเคยท้าทายทดสอบตัวเองอย่างแท้จริงหรือไม่ สร้าง “กระจกสะท้อนความรับผิดชอบ” โดยจดความไม่มั่นคงของเรา ปม ข้อด้อย ความฝัน และเป้าหมายลงในกระดาษโพสต์อิทแล้วติดแท็กไว้ที่กระจก
นี่เป็นการตรวจสอบความเป็นจริง เตือนถึงความจำเป็นที่ต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในหาความรู้ ปรับตัวจากข้อด้อย แก้ไขปมในปัจจุบัน
สมมติว่าเราปรับปรุงเป้าหมายเฉพาะในด้านต่างๆ ในชีวิตที่ต้องปรับปรุงแล้ว การมีเป้าหมายบนกระจกก็เป็นเครื่องเตือนใจ และเป็นแรงบันดาลใจในแต่ละวันให้จัดลำดับความสำคัญเพื่อไปสู่เป้าหมาย
สิ่งที่ทำ ก็คือ กอด หรือ embrace ความรู้สึกไม่สบายในแต่ละวัน ซึ่งไม่สามารถต่อรองได้ เขียนเลย ทุกวันจะตื่น 6 โมงเช้า ไปวิ่งออกกำลังกาย ไปออกกำลังแบบ HIIT ที่เราเกลียดนักหนา
การทำกิจกรรมที่ทำให้เรารู้สึกลำบาก ขัดใจเป็นประจำทุกวัน ทำให้เราพัฒนากรอบความคิดที่มีระเบียบวินัยมากขึ้น ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์ในด้านอื่นๆ ของชีวิตที่ต้องมีระเบียบวินัย เช่น การเรียน แล้วเราจะชินกับมาตรฐานใหม่ของชีวิต
สมมุติว่าจะเทรนไปมาราธอน นี่ก็สามารถเป็นเป้าหมาย ที่เราจะต้องตื่นไปเทรนโดยที่ไม่มีข้อแม้
—-
Visualisation
.
จินตนาการถึงอุปสรรคและจินตนาการถึงการเอาชนะมัน จินตนาการถึงความสำเร็จและความยากลำบากที่เราจะต้องเผชิญ
ตัวอย่างเช่น หนึ่งในเป้าหมายที่แปะไว้บนกระจกแห่งความรับผิดชอบ คือการวิ่งฮาล์ฟมาราธอนให้สำเร็จ
ในระหว่างการซ้อม ก็จะมีหลายช่วงเวลาที่ความคิดที่จะยอมแพ้ล้มเลิก เราก็คิดภาพไว้เลย ว่าจะมีช่วงที่เรารู้สึกอยากเลิก ก็เป็นการเตรียมตัวให้พร้อมเมื่อช่วงเวลาแห่งการคิดลบมาถึง ก็จะไม่เป็นการเซอร์ไพรส์ประหลาดใจ เราพร้อมจะรับมือกับมันอย่างไร โดยการคุยกับตัวเอง ฟังเพลงที่เตรียมมา ทำให้ก้าวผ่านและขับเคลื่อนตัวเองไปสู่การจบฮาล์ฟมาราธอนได้
——
เอาชัยชนะในอดีตมาใช้
บทฝึกหัด: เขียนอุปสรรคทั้งหมดที่เราเคยเอาชนะ และความเจ็บปวดที่เราเคยต้องเผชิญจึงจะประสบความสำเร็จ จำสิ่งเหล่านี้ไว้ในช่วงการต่อสู้ต่อสู้อันดุเดือดกับตัวเอง เช่นช่วงเวลาที่เราทั้งเหนื่อยทั้งท้อถอย เราก็บอกตัวเองได้ว่าเราเคยผ่านความรู้สึกนี้มาแล้วและเราก็ชนะมัน เพื่อเติมพลังให้กับตัวเอง
การจดจำชัยชนะในอดีตของเราจะเป็นแรงบันดาลใจในการผลักดันความคิดเชิงลบในอดีต และทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจว่าเราสามารถเอาชนะความท้าทายได้
เอาการวิ่งฮาล์ฟมาราธอน ที่เป็นชัยชนะของเราเอามาใช้ในชีวิตประจำวันก็ได้ค่ะเวลาที่เราเจอสถานการณ์ ที่เครียดหรือท้าทาย ที่เราผ่านมาได้แม้ว่าเราจะทนความเจ็บปวดจนไม่ไหว แต่เราก็อดทนจนสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับตัวเอง
—-
กฎ 40%
แบบฝึกหัด: เมื่อเราไปถึงจุดที่เหนื่อยสุดๆ และจิตใจของเรากำลังบอกให้เรายอมแพ้ จากนั้นลองผลักดันต่อไปอีก 5%-10%
Goggins แนะนำแนวคิดของกฎ 40% กฎนี้ว่าเมื่อเราเชื่อว่าเราได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว อันที่จริงแล้วความสามารถด้านประสิทธิภาพเราจะยังคงเหลืออยู่ 60% ที่ยังไม่ได้ใช้ภายในตัวเราเลย
เรื่องนี้ใช้ได้แน่นอนในการออกกำลังกายหรือเทรน เพื่อเป็นการผลักดันพัฒนาต่อไปอีก เมื่อเราท้อและคิดว่าสุดความสามารถแล้วอันที่จริงเราก็ยังไปต่อได้ เพราะเราใช้ความสามารถเพียงแค่ 40% เท่านั้น แล้วเราจะประหลาดใจว่าอันที่จริงแล้วเราก็สามารถผลักดันตัวเองไปได้ไกลกว่าที่คิด ทั้งที่นึกว่าถึงขีดจำกัดแล้วก็ตาม
—-
สร้างตารางเวลาให้ตัวเอง
.
การฝึก: กำหนดตารางเวลาเพื่อที่จะให้เราจัดลำดับความสำคัญของงานในแง่มุมที่สำคัญในชีวิตของเราได้ เพื่อให้เราโฟกัสที่งานเดียวในเวลานั้นๆ แบบ 100% ไม่พะวงถึงงานอื่น
——
ใช้พลังของความล้มเหลวมาช่วย
.
เรียนรู้จากความพ่ายแพ้ เพราะความล้มเหลวมีความจำเป็น ต่อความสำเร็จ ใช้สาเหตุที่เราล้มเหลวเพื่อที่จะเราจะไม่ทำซ้ำอีก
ลองอ่านดูค่ะ เล่มหนาหน่อย แต่สนุกและให้พลังดี
นานมาก อ่านสมัยทำงานบริษัทต่างประเทศ
แคลมป์มิเตอร์ที่ใช้งานทั่วไป มันไม่ใช่เครื่องมือเฉพาะทางในการตรวจเช็คกระแสรั่วไหล มันจึงไม่สามารถวัดกระแสต่ำๆได้
ช่างไฟฟ้าหลายคนก็ยังไม่เข้าใจหลักการในเรื่องนี้ ในเมื่อคุณใช้เครื่องมือไม่ตรงประเภทของงาน มันก็ทำให้หลงทางได้ แคลมป์มิเตอร์ยี่ห้อต่างๆที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไปมันไม่สามารถวัดกระแสต่ำๆได้ โดยเฉพาะวัดกระแสต่ำๆในระดับต่ำกว่า 30 มิลลิแอมป์ หลายยี่ห้อเลยนะครับที่ไม่สามารถวัดกระแสต่ำๆในระดับนี้ได้
ถ้าเป็นการตรวจเช็คเพื่อหาไฟรั่ว อย่างน้อยเครื่องมือที่มีอยู่มันจะต้องสามารถวัดกระแสไฟฟ้าในระดับ 5 mA ขึ้นไปได้ เพื่อไม่ให้หลงทางในการตรวจเช็คหาไฟรั่ว
แต่แคลมป์มิเตอร์ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไปไม่ว่าจะยี่ห้อไหนรุ่นไหนก็ตาม...ส่วนใหญ่เกือบ 100% วัดกระแสต่ำๆในระดับนี้ไม่ได้หรอกครับเพราะมันไม่ใช่เครื่องมือเฉพาะทางในการวัดกระแสรั่วไหล
พอคุณเอาเครื่องมือที่มันไม่สามารถวัดกระแสต่ำๆได้ ไปตรวจเช็คหาไฟรั่ว มันก็วัดกระแสรั่วไหลไม่เจอ ถ้าเป็นการคล้องสายเฟสกับสายนิวทรัลพร้อมกัน...มันก็ขึ้นมาเป็นศูนย์ คุณก็ไปเข้าใจว่าไม่มีไฟรั่ว ซึ่งจริงๆแล้วเครื่องมือของคุณมันวัดกระแสต่ำๆไม่ได้ต่างหากล่ะ แต่คุณไม่เข้าใจเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าเครื่องมือที่ตัวเองมีอยู่มันวัดกระแสได้ต่ำสุดกี่มิลลิแอมป์ พอเครื่องมือที่คุณมีอยู่มันไม่สามารถวัดกระแสต่ำๆได้ แล้วคุณก็ยังไม่เข้าใจหลักการในเรื่องนี้ด้วย มันก็เลยทำให้คุณเข้าใจผิดคิดว่าไม่มีไฟรั่ว มันก็เลยทำให้คุณหลงทาง
ผมเห็นหลายคนแล้วนะที่วัดกระแสรั่วไหลแล้วบอกว่าไม่มีไฟรั่ว แล้วยังไปโมเมว่าเบรกเกอร์ตัดไฟรั่วเสียอีกต่างหาก โดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าเครื่องมือวัดกระแสที่ตัวเองใช้งานอยู่มันไม่สามารถวัดกระแสต่ำๆได้ ก็เลยไปเข้าใจว่าไม่มีไฟรั่ว
คนที่เข้าใจผิดคิดว่าไม่มีไฟรั่วเพราะหลงทางจากเครื่องมือของตัวเองมีเยอะมากนะครับ แม้แต่วิศวกรก็ยังเคยมาเถียงกับผม...แล้วก็หาว่าผมมั่วด้วย เขาบอกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าต้องไม่มีไฟรั่วเลย ถ้ามีไฟรั่วยอมรับไม่ได้ เครื่องใช้ไฟฟ้าต้องไม่มีไฟรั่วเลยถึงจะยอมรับได้
แต่ก็มีบางคนบอกว่าเคยวัดโหลดหลายตัวแล้วมันไม่มีไฟรั่ว แต่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าเครื่องมือที่ตัวเองใช้งานอยู่...มันไม่สามารถวัดกระแสต่ำๆได้ เพราะมันไม่ใช่เครื่องมือเฉพาะทางที่เรียกว่า LEAKAGE CLAMP
ถ้าจะวัดหากระแสรั่วไหลมันต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทาง ที่เรียกว่า LEAKAGE CLAMP เครื่องมือตัวนี้มันจะสามารถวัดกระแสต่ำๆได้ในระดับ micro แอมป์ขึ้นไปได้
ถ้ามันเป็นเครื่องมือเฉพาะทางในการวัดกระแสรั่วไหลแบบนี้ มันถึงจะไม่หลงทางครับ เพราะคุณจะรู้เลยว่าโหลดตัวไหนมีไฟรั่วกี่มิลลิแอมป์ คุณก็จะวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้
ถ้าคุณมีเครื่องมือในการวัดกระแสรั่วไหลเฉพาะทางแบบนี้ เวลาคุณติดตั้งโหลดเสร็จแล้ว แล้วคุณก็วัดกระแสรั่วไหลของโหลดตัวนั้นดู เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูล คุณก็จะมีความรู้เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยล่ะ คุณก็จะมีข้อมูลเป็นของตัวเองเลยว่าโหลดตัวไหนบ้างที่มีไฟรั่วและมีไฟรั่วประมาณกี่มิลลิแอมป์ คุณก็จะมีข้อมูลส่วนตัวไว้ใช้งาน เวลาคุณไปตรวจเช็คระบบไฟฟ้าที่สถานที่แห่งไหนก็ตาม....มันก็จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณแล้วครับ เพราะว่าคุณมีข้อมูลของคุณอยู่แล้ว
ที่ผ่านมาผมถึงได้พูดอยู่เสมอว่า ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพไหนก็ตาม ถ้าคุณเรียนรู้เยอะและมีข้อมูลเยอะ คุณก็จะได้เปรียบ นอกจากจะได้เปรียบคนอื่นแล้วยังทำให้งานเสร็จเร็วและงานมีประสิทธิภาพด้วย
ใช้เครื่องมือมันก็ต้องใช้ให้ถูกประเภทด้วย ไม่ใช่ไปเอาเครื่องมือทั่วๆไปมาใช้งานเฉพาะทาง มันก็ไม่มีประสิทธิภาพอยู่แล้วครับ ถ้าจะให้มีประสิทธิภาพมันก็ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางของมัน ไม่งั้นเขาจะผลิตเครื่องมือเฉพาะทางออกมาจำหน่ายหรอครับ ?
ช่วงนี้มีเพื่อนที่ทำบ้านหลายคนปรับทุกข์กันว่าเพลียกับการดีลกับมนุษย์ช่าง เพราะไม่เข้าใจว่าอิคิไกของพี่คืออะไร เหมือนไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน แต่ถ้าเราหมูก็ฟัน แต่ถ้าจุกจิกพี่ก็ทิ้ง เหมือนอารมณ์ศิลปิน แต่ก็ไม่พิถีพิถัน เหมือนมีความชำนาญแต่ พอไปตรวจพี่ก็ชุ่ย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“เราจะกล้ากินไหม ถ้ารู้ว่าไก่ทอดชิ้นนี้เอามาจากกองขยะข้างๆ?” คำถามนี้เป็นคำถามที่ถามตัวเองตลอดตั้งแต่ก่อนเดินทางไปที่ Happyland หรือ Tondo ชุมชนแออัดที่ใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์...
Happyland หรือดินแดนแห่งความสุข คำๆนี้แผลงมาจากคำว่า Hapilan ซึงแปลว่ากองขยะ เพราะในบริเวณมันเป็นที่ทิ้งขยะขนาดใหญ่ สิ่งที่ทำให้พื้นที่โด่งดังขึ้นมาในโลกออนไลน์ คือ อาหารเมนูนึงที่ชื่อว่า Pagpag
“คุณเคยกินไหมคะ?” เราหันไปถามคุณ Chui นักกินชื่อดังของฟิลิปปินส์ที่อาสาพาเราไปที่ร้านขายอาหารเมนูนี้
Pagpag คือ กระดูกไก่ ไส้เบอร์เกอร์ นักเกตจากร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดังอย่าง Jolibee McDonald’s ที่คนกินเหลือแล้วทิ้งลงถังขยะ ต่อมาก็จะมีนายหน้าเก็บขยะเหล่านี้มาส่งใน Happyland ก่อนจะมีคนคัดเลือกแยกกระดูกไก่ แยกเนื้อที่กินได้จากเศษทิชชู่ เศษถ้วย เศษกระดาษในถุง ก่อนจะเอาไปขายให้ร้านอาหารในชุมชนเพื่อเอามาทำเป็นเมนู Pagpag ขาย
“ตอนแรกก็ไม่กล้ากินหรอก เพราะเราเห็นว่ามันมาจากไหน แต่คนที่นี่ก็กินกัน เราก็เลยกิน” คุณ Chui ตอบยิ้มๆ
ก่อนเอามาทำอาหาร ไก่พวกนี้จะถูกนำมาล้างก่อนจะเอาไปปรุงใหม่ด้วยเครื่องปรุงรสจัดๆเพื่อดับกลิ่น ก่อนจะเอามาทอดให้กรอบ หรือผัดให้หอม เกิดเป็นเมนูหลากหลาย เหมือนฟาสต์ฟู้ดราคาประหยัดที่คนเข้าถึงได้
“ปกติไก่ชิ้นละ 80 บาท แต่นี่ทั้งจาน 30 บาทเอง คุณป้าเอเวอลีนที่เปิดร้านขาย Pagpag ก็มีรายได้ดีจนติดแอร์ในบ้านได้แล้ว”
บางคนบอกว่าเมนูนี้ คือ ตัวแทนของความใจสู้ของคนในการปรับตัว แต่ในอีกมุมนึงเมนูนี้กำลังสะท้อนปัญหาใหญ่ที่ประเทศฟิลิปปินส์กำลังเผชิญอยู่ ทั้งความยากจน ความไม่เท่าเทียม การขาดแคลนอาหารจากจำนวนประชากรล้นประเทศ ยังไม่รวมถึงรัฐบาลที่คอรัปชั่นจนติดอันดับ Guiness World Records ผู้นำที่โกงประเทศตัวเองมากที่สุดในโลก
เรื่องราวเบื้องหลังอาหารเมนูนี้คืออะไร และเราจะกล้ากินไหม... รสชาติของอาหารจานนี้จะเป็นอย่างไร นี่น่าจะเป็นที่สุดของอาหารที่เคยกินมาในชีวิตการเดินทางตลอด 10 กว่าปี
เอาเป็นว่าติดตามเรื่องราวของ อาหารจากขยะ! กลางชุมชนแออัดที่ใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์ได้ในวันพรุ่งนี้ตอน 6 โมงตรงนะคะ
เวลาลูกค้าถามว่า ขนมที่ขายใครทำ? พอบอกว่าผมทำครับ ลูกค้าเดินหนี เป็นแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง
วันหนึ่งมีลูกค้าใหม่ถามอีกว่าขนมใครทำ ? ผมบอกว่าบัวลอยยายทำ ถั่วแปปยายทำ กล้วยเชื่อมยายทำ ลูกค้าก็ซื้อกันใหญ่เลย ชมว่าอร่อย
จากเหตุการณ์ทำให้ผมเข้าใจลูกค้าแล้วว่า ขนมที่อร่อยจะต้อง ยายทำเท่านั้น ? จากนั้นก็ขายดิบขายดีมาตลอด ขนาดขายมาหลายปี ลูกค้าก็ยังคิดอยู่เลยว่า "ขนมยายทำ "
#ภาพประกอบเรื่องร้านข้าวเหนียวมูนชุมชนวัดดาวดึงษาราม กทม.
ก็หวงอ่ะ ก็หวงอ่ะ น้องฉามขวบตลอดไป ห้ามโต
#มิตรสหายติ่งท่านหนึ่ง
หวงพ่อมึงสิ เลิกงานแล้วเขาจะไปเที่ยวกับผัวเขา
สามขวบแม่มึงสิ เที่ยวเสร็จก็ไปเอากันที่คอนโดต่อ
ทำเหี้ยไรให้มันพอดีหน่อย ไอ้ปัญญาอ่อน ไอ้ควาย
#มิตรสหายเตือนสติท่านหนึ่ง
ข่าวทอมทะเลาะกับแฟนแล้วจับแมวโยนตึกลงมาตาย เจอคนด่าทอมว่านิสัยโคตรชายแท้ เอ๊า! ผู้ชายผิดอะไร๊!?
แล้วผู้ชายปกติก็ไม่ฆ่าแมวด้วย! อันนี้เขาควรเรียกนิสัยโคตรแย่แทนรึเปล่า?
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
แล้ววันนึง.. แท็กซี่ จะเป็น "Taxi EV' กันหมด 🤫
"มิเตอร์เริ่ม 35 บาท เท่ากัน แต่คุณภาพการให้บริการ ประสบการณ์การใช้งาน และการลดต้นทุน ทำได้ดีกว่า"
จากที่ผมได้พูดคุยกับ "คุณสุพจน์" ประธานสหกรณ์แท็กซี่ทองคำสุวรรณภูมิ วิสัยทัศน์ไม่ธรรมดาเลยครับ นี่คืออู่ที่มี #BYD E6 มากที่สุดในประเทศไทยตอนนี้ และมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนถึง 100 คัน พร้อมตั้งหัวชาร์จ DC ขนาด 60 - 120 kWh ภายในปีนี้ .. เขาบอกเริ่มก่อนได้เปรียบ ถ้ากิจการดี ไปถึง 200 คัน ยังได้!
แน่นอนว่า การลงทุนซื้อรถ น่าจะเป็นต้นทุนที่สำคัญของรถ #EV แต่ถ้าลงทุนแล้วมีแต่คนอยากมาขับ เช่าขับ 5 ปี ได้รถเป็นของตัวเองเลย ใครๆก็คงสนใจ ลองไปคุยกับ 'พี่อุ้ย' ผู้ขับแท็กซี่ไฟฟ้า พยายามถามตอบ สิ่งที่หลายคนน่าจะอยากรู้กัน สรุปมาให้เลยครับ
● คนที่ขับแท็กซี่ไฟฟ้า เอาอุปกรณ์ชาร์จกลับไปได้เลย จะชาร์จข้ามคืนที่บ้าน หรือชาร์จตามสถานีก็ได้ตามสะดวก
● ชาร์จวันละครั้งก็พอ วิ่งได้ทั้งวัน สเปค 500 กม. วิ่งจริงในเมืองได้ประมาณ 480 กม. ต้องเผื่อขับไปชาร์จหน่อย
● ไม่กลัวรถติด ไม่เปลืองไฟ ถ้าวิ่งไกลๆ แบบไปสนามบิน เปลืองกว่า เพราะจะเผลอขับเร็ว และสัมภาระจะเพิ่มน้ำหนัก
● รายได้เฉลี่ย 2,000 บาทต่อวัน หักค่าชาร์จก็ประมาณ 300 บาท วิ่งเท่าเดิม เงินเหลือเยอะขึ้น
● มีต้องตรวจระบบไฟทุก 6 เดือน ยังไม่เจอปัญหาอะไร
● ค่าบำรุงรักษามีแค่ตอนเปลี่ยนยาง ผ้าเบรก จานเบรก
● ผู้โดยสารขึ้นก็แฮปปี้ บอกตื่นเต้น รถกว้าง ไม่เหม็นแก็ส
● โบกเรียกได้ ค่าโดยสารเหมือนกัน มิเตอร์เริ่ม 35 บาท
● ถ้าเรียกผ่าน #Grab จะแพงกว่า เพราะเป็นรถขนาดใหญ่
ทิ้งท้ายนิดนึงครับ สเปคของ #BYD E6 จะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมาย Commercial จึงเซ็ตรถเพื่อการใช้งานหนัก ลดลูกเล่น เน้นการประหยัดพลังงาน ไม่เน้นซิ่ง ใครชอบขับรถไฟฟ้าที่เน้นได้ระยะทางเยอะๆ คันนี้ตอบโจทย์อยู่ครับ ซื้อใช้งานธรรมดาก็ได้ ได้รถใหญ่สไตล์ Station Wagon ครับ
#djau #ev
โรงภาพยนตร์ ดูหนัง รู้สึกโกรธ โมโห คือ หนังสนุกนะ แต่พอเห็นคนไม่ยืน รู้สึกหงุดหงิดคันมืออย่างกับโดนบุ้งทั้งเรื่อง ถึงขนาดไม่อยากใช้ออกซิเจนในโรงหนังร่วมด้วยเลย จินตนาการว่าจะขว้างป๊อปคอนใส่ จิตใจพวกมึงทำด้วยอะไร ไม่เคารพธงชาติไทย
#มิตรฯ
"แม่ผัวเห็นผัวกินขนมช้อนเดียวกับชั้นแล้วบ่น แต่ลูกคุณแม่เลีย หีหนูนะคะ นอยอ่า"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ปรากฏการณ์ความปังของ 'คัลแลน-พี่จอง' กำลังบอกอะไรสังคมไทย
#โพสต์ของติ่งท่านหนึ่ง
ขอแค่เป็นคนเกาหลีที่ผ่านการศัลยกรรมใบหน้า ไม่ว่าจะมาทำห่าอะไรในไทย คนไทยก็พร้อมอวยกราบไหว้บูชา
#ท็อปคอมเมนต์
CODE * STAR เป็น Coding Bootcamp ที่มีการสอนและบริการจัดหางาน มีให้เลือกทั้ง Java Software Engineer และ Full Stack Engineer เปิดสอนทุกเดือน จนถึงวันนี้มีประสบการณ์สอน Java มากที่สุดในโลก 6,200 ชั่วโมง และสอน Full Stack 4,500 ชั่วโมง สมัครเรียน Course เดียว ก็เพียงพอที่จะไปทำงานได้ ไม่ต้องมาเรียนหลายวิชาให้เสียเงินและเสียเวลา
เนื้อหาทั้งหมด สามารถใช้ทำงานได้ตลอดไป เพราะเป็นทักษะแบบ Timeless ไม่ขึ้นกับกาลเวลา เรียนเข้าใจแล้วไม่มีวันลืม เรียนเพียงคอร์สเดียว ก็มีความรู้ความเข้าใจจนไปสมัครเข้าทำงานได้ ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็มาเรียนซ้ำได้ จนกว่าจะได้งานประจำเงินเดือนสูงอย่างที่ต้องการ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติม
CODE * STAR ยังเป็นที่แรกของโลกที่สอน Java ครบ 59 คำ ไม่ว่าจะเจองานแบบไหนก็ทำได้ไม่มีปัญหา เพราะเรียนครบหมด ไม่ต้องกังวลว่าจะมีอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ CODE * STAR เป็นที่แรกของโลกที่รับรองว่ามาเรียนแล้วสามารถเขียน Code ได้ทุกรูปแบบ ถ้า Harvard หรือ Stanford ทำได้เหมือนกัน ก็จะกลายเป็นอันดับ 2 หรืออันดับ 3 ไป
การเขียนโค้ด หรือ Coding เป็นทักษะที่ทุกคนควรจะทำได้ นักบัญชี วิศวกร หมอ นักวิจัย นักลงทุน รวมถึงผู้ประกอบการ ทุกคนในทุกสาขาอาชีพ ต้องใช้โค้ดในการทำงาน เพราะธุรกิจในปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมาก ทักษะที่เคยมีอาจจะไม่เพียงพอ ปริมาณข้อมูลมีมากกว่าเดิม และต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าเดิม
บางคนสงสัยว่า เนื้อหาเยอะ จะเรียนเข้าใจหรือเปล่า เนื้อหาต้องเยอะอยู่แล้ว เพราะการเรียนที่ CODE * STAR เดือนเดียว ต้องมีความรู้เท่ากับคนจบปริญญาตรีที่เรียน 4 ปี ถ้ามีเนื้อหาส่วนไหนที่ยังไม่เข้าใจ หรือตามไม่ทัน ก็สามารถมาเรียนได้ในเดือนถัดไป หรือมาเรียนเดือนไหนก็ได้ที่สะดวก ทำแบบฝึกหัดได้แค่ 5% สมัครงานได้ทุกที่ในเมืองไทย ทำแบบฝึกหัดได้ 30% สมัครงานได้ทุกที่ทั่วโลก
บางคนถามต่ออีกว่า แล้วจะไปเรียนมหาวิทยาลัยทำไมให้เสียเวลา 4 ปี ตอนนี้ยังไม่เคยเห็นมหาวิทยาลัยไหนที่สอนเขียน Web Service ด้วยภาษา Java ยิ่งเป็นการเขียนบน Framework ที่ชื่อว่า Spring Boot ก็แทบไม่มีเลย มหาวิทยาลัยสอนดีทุกที่ ลองไปเรียนดูได้
เนื้อหาที่มหาวิทยาลัยสอน แต่ที่ CODE * STAR ไม่ได้สอนก็มีเหมือนกัน เช่น Binary Heap หรือ Fenwick Tree ที่ CODE * STAR จะใช้ Binary Search Tree และ Segment Tree แทน ใช้ได้เหมือนกัน ประสิทธิภาพ O(log n) เท่ากัน แต่การเขียน Code จะไปแนวทางเดียวกันหมด จะเข้าใจได้ง่ายกว่า นั่นคือ Segment Tree เป็น Binary Search Tree แบบหนึ่ง และทั้งคู่ยังเป็น Binary Tree เหมือนกัน เรียนเข้าใจจำได้ตลอดกาล
เนื้อหาทั้งหมดของ CODE * STAR และมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Harvard, MIT, Stanford, Princeton ไม่มีความลับ หรือเคล็ดลับอะไรทั้งสิ้น เนื้อหาทั้งหมด สามารถหาอ่านได้ตามหนังสือ หรือ Internet ทั่วไป อ่านหนังสือจบแล้วอยากสมัครงานก็ส่งใบสมัครงานมาได้ตลอดเวลา ไม่ต้องมีประสบการณ์อะไรทั้งสิ้น ถ้ามีคะแนนสอบ TOEFL iBT ตั้งแต่ 100 คะแนนขึ้นไป เงินเดือนเริ่มต้นที่ 60,000 บาท
Powerful leaders always make their people happy.
Some when they're alive. Some when they're dead.
#มิตรฯ
ถ้าใครดื่มแอล แล้วจำเป็นต้องขับรถ ให้ซื้อนมเปรี้ยวบีทาเกนขวดใหญ่กับข้าวมัน ไก่ 1กล่องติดรถไว้นะครับ เมื่อขับไปเจอด่าน อย่าพึ่งเข้าทันที ให้จอดรถแล้วกินข้างมันไก่ให้หมด เสร็จแล้วต่อด้วยนมเปรี้ยว รอประมาน10นาทีแล้วค่อยขับรถเข้าไปเป่าแอลนะครับ ของที่กินเข้าไปจะ ช่วยให้ท่านอิ่มท้องตอนอยู่ห้องขังครับ
#มิตรฯ
"สังคมไหนมีหน้าตาที่แท้จริงยังไง ให้ดูวิธีการปฏิบัติต่อคนที่อ่อนแอที่สุด ไร้พลังที่สุด และยากจนที่สุด ทั้งตอนมีชีวิตอยู่และยามที่ผู้คนกลุ่มนี้จากไป"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"คนพูดๆ นี่น่าจะลืมไปว่าประเทศนี้ระบบคอนเนคชั่นมันแข็งแรงขนาดไหนกันอะครับ คือคบเพื่อนมันก็ไม่ได้มีไว้หาประโยชน์อย่างเดียวมันก็ใช่แหละ แต่อีกด้านมันก็คือคอนเนคชั่น
ไม่ต้องมากเอาแค่เรื่องโอกาสที่จะมีการแนะนำงานผ่านกันมาก็เยอะขึ้นแล้ว
(ซึ่งบางเรื่องคนมันไม่ทันคิดหรอกว่าสิ่งเหล่านี้มันมาพร้อมกับความสัมพันธ์ทางสังคม หรือคงได้มาจนคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ว่าตัวเองก็ลงทุนลงเวลากับความสัมพันธ์ไม่ได้อยู่เปล่าๆ ปลี้ๆ ไม่มีสังคมแล้วลาภมันก็ลอยมาจากอากาศ)"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ประเด็นโบราณวัตถุค้นพบใหม่บนเกาะกลางลำน้ำโขงที่ เกาะดอนผึ้งคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาวนั้น ดิฉันตั้งข้อสังเกตไว้ดังนี้
1. เนื้อพระพุทธรูปสำริด (องค์ที่มีขนาดใหญ่มาก จึงเรียกว่า พระเจ้าตนหลวง) เต็มไปด้วยคราบสนิมจับ กระจายทั่วทุกจุด มีรอยผุกร่อนแตกเป็นร่อง เป็นแผ่น หลายช่วง ซึ่งมองในระยะไกลจะไม่เห็น ต้องใช้กล้องเลนส์ซูมจึงจะเห็นชัด
2. วิธีการหล่อองค์พระใช้ “เดือย” รูปคล้ายนาฬิกาทรายซึ่งล้านนาเรียกว่า “แสว้” ปรากฏอยู่หลายจุด เนื่องจากเราถูกกำหนดพื้นที่ให้ถ่ายภาพได้ในระยะไกลเท่านั้น จึงมิอาจส่องรายละเอียดที่อยากดูได้ทั่วทุกจุด โดยเฉพาะด้านหลังที่ปล้องพระศอ มีเชือกกั้นไม่ให้เข้าไปชมด้านข้าง และด้านหลัง
3. ประเด็นการพบพระพุทธรูปจำนวนมหาศาลขนาดใหญ่น้อยคละกันหลายร้อยองค์ ที่ทยอยขุดพบเรื่อยมาเป็นเวลานานกว่าทศวรรษนี้ มิใช่เรื่องแปลก เพราะดินแดนบริเวณนี้เคยมีอารยธรรมรุ่งเรืองมาก่อน
4. โบราณวัตถุทั้งหมดมีอายุร่วมสมัยกับศิลปะยุคล้านนารุ่งเรืองคือราว 500 ปีที่ผ่านมา มิใช่ศิลปะยุคสุวรรณโคมคำ ซึ่งเป็นเรื่องราวในตำนานหลายพันปี เพราะยุคนั้นยังไม่มีการสร้างพุทธศิลปะ แต่ด้วยเหตุที่สถานที่ของเมืองเชียงแสนบางส่วนได้สร้างทับซ้อนดินแดนเก่า ตามที่บางท่านสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นเมืองสุวรรณโคมคำมาก่อนนั่นเอง จึงทำให้ผู้ที่เชื่อในตำนานสุวรรณโคมคำจึงเข้าใจว่าวัตถุที่ขุดพบทั้งหมดมีอายุหลายพันปี
5. พบร่องรอยหลักฐานด้านโบราณวัตถุ โบราณสถานสมัยล้านนา-เชียงแสน ร่วมสมัยกับองค์พระเจ้าตนหลวง จำนวนมากมายในเมืองต้นผึ้ง เก็บรักษาไว้ที่ วัดทองทิพย์พัฒนา วัดโพธิ์คำ วัดสิริสุวรรณโคมคำ เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นงานพุทธศิลป์ชิ้นเยี่ยมที่มีอายุ 500 ปีทั้งสิ้น นอกจากนี้เมื่อสำรวจพื้นที่รายรอบยังพบซากโบราณสถานร้างกระจัดกระจายเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งเจดีย์ทรงกลม (ทรงระฆัง) และทรงปราสาทยอดแบบศิลปะล้านนา
6. ประเด็นพุทธลักษณะพระเจ้าตนหลวง บางท่านตั้งข้อสังเกตว่า ดูคล้ายจีนนั้น เพราะหางพระเนตรเฉี่ยว อันที่จริงนั้น พุทธลักษณะเช่นนี้ มีนักวิชาการด้านล้านนาศึกษามาชี้ชัดหลายท่านแล้วว่า ได้พบอยู่หลายองค์ อาทิ วัดป่าซางหลวง อ.แม่จัน จ.เชียงราย ถือเป็นอีก type หนึ่งของพระพุทธรูปล้านนาตอนปลาย หลังสมัยพระเมืองแก้วลงมา พบค่อนข้างมากในเขตรอยตะเข็บไทย-ลาว
7. เป็นไปได้หรือไม่ว่า เกาะดอนผึ้งคำนี้ ในอดีตอาจเป็น “เกาะดอนแท่น” (บ้างเรียก “เกาะดอนแห้ง” ) ที่ปรากฏในตำนาน ที่เราตามหา เกาะที่ใช้เป็นสถานที่พุทธาภิเษก มูรธาภิเษก ตอนที่กษัตริย์ล้านนาขึ้นเสวยราชย์ ต้องอัญเชิญพุทธปฏิมามาร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกด้วยบนเกาะนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า พระมเหสี บรมวงศานุวงศ์ เสนามาตย์ที่ติดตามมา ก็อาจร่วมกันอัญเชิญพระพุทธรูปองค์สำคัญๆ จำนวนมากมากระทำพิธีในวาระพิเศษต่างๆ บนเกาะศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ด้วยอย่างต่อเนื่อง และประดิษฐานไว้โดยมิได้นำกลับราชธานี จนทำให้มีการพบพระพุทธรูปจำนวนมหาศาล?
8. ข้อเสนอแนะ น่าจะได้มีการจับมือกันศึกษา สำรวจ ค้นคว้าเรื่อง 5 อาณาจักรที่ทับซ้อนกันบริเวณรอยต่อไทย-ลาว 1. สุวรรณโคมคำ 2. โยนกนาคนคร 3. หิรัญนครเงินยาง 4. เชียงแสน 5. ล้านช้าง อย่างจริงจังและจริงใจ ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ทั้งด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี ประวัติศาสตร์ศิลปะ จารึกวิทยา ภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยา มานุษยวิทยา คติชนวิทยา ฯลฯ
#มิตรฯ
ตอนนี้อ่ะ ในรถไฟฟ้า คนแก่เป็นสิบยืนเกาะเสา ไม่มีใครลุกให้นั่ง เพราะทุกคนที่นั่งอยู่ก็เป็นคนแก่เหมือนกัน สรุป ไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุจริงๆแล้วโว้ย
เมื่อก่อนด่าหยกฉ่ำเรื่องยกเลิกชุดนักเรียน วันนี้อีแก่โอยโอยชุดนักเรียนราคาแพง อีควาย เพิ่งตื่นรู้หรือต้องรอให้ตัวเองเดือดร้อนก่อนถึงจะมาสนใจปัญหาจริงๆ ก็บอกเลยให้ลูกพวกมึงแบกร่างไปหน้ากระทรวงเรียกร้องเรื่องชุดนักเรียนเองละกัน เผื่อมันเห็นใจ สมน้ำหน้า🙄
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"กุติ่งตัวเองจบ กุแม่งดีที่สุดในโลก"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
22 พค. 2557 - 22 พค. 2567 … สิบปีหลังรัฐประหาร เราได้อะไรมาบ้าง…
1. ในทางเศรษฐกิจ ใช้งบประมาณไป สามสิบล้านๆ เพิ่มหนี้สาธารณะไปกว่าห้าล้านล้านบาท แต่การเติบโตต่ำเตี้ยที่สุดในกลุ่มประเทศupper-middle income และในภูมิภาค ASEAN
2.ความเหลื่อมล้ำมากขึ้นจนเป็นแชมป์โลกในเรื่อง wealth inequality
3. อันดับความโปร่งใส (Corruption perception index)ไหลรูดจาก 81 ไปอยู่ที่109จาก177ประเทศ
พอคิดเรื่องภาครัฐแล้วก็สงสัย...
1. ภาครัฐโปรโมทให้เอกชนรับเงินด้วย e-payment แต่ตัวเองยังสะดวกรับเงินสด
2. ภาครัฐบังคับเอกชนที่มีลูกจ้างหลักร้อยให้จ้างผู้พิการ แต่ไม่บังคับตัวเองให้รับผู้พิการด้วย
3. ภาครัฐโปรโมทให้ใช้ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ แต่ตัวเองออกแต่ใบเสร็จแบบกระดาษเท่านั้น
4. ภาครัฐโปรโมทให้เอกชนลดการใช้กระดาษเพื่อลดโลกร้อน แต่ตัวเองใช้เอกสารแบบกระดาษ 100%
5. ภาครัฐบังคับเอกชนเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แต่พอตัวเองทำข้อมูลรั่วบ้าง ทุกวันนี้ยังไม่เห็นข่าวว่ามีใครออกมารับผิดชอบ
6. ภาครัฐโปรโมทให้ประชาชนลดมลพิษทางอากาศ ส่งเสริมให้ใช้รถไฟฟ้า ตรวจสภาพรถยนต์เป็นประจำ แต่ลองไปดูควันดำที่พึ่งออกมาจากรถราชการ รถเมล์เก่า ขสมก. เห็นแล้วขมคอเลย
7. ภาครัฐโปรโมทให้เอกชนมี Good Governance แต่ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นบ้านเรายังอยู่อันดับ 108 จาก 180 ประเทศอยู่เลย
8. ภาครัฐอยากให้เอกชนสร้างนวัตกรรม แต่ลองไปถาม unicorn startup สัญชาติไทยทุกรายในประเทศนี้ได้เลยว่ากว่าจะมาเป็นยูนิคอร์นแบบทุกวันนี้เป็นเพราะภาครัฐสนับสนุนอย่างเต็มที่ใช่ไหม
9. ภาครัฐโปรโมทเอกชนนำเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่หน่วยงานภาครัฐเองยังขอหนังสือรับรองนิติบุคคล อายุไม่เกิน 6 เดือน เซ็นสำเนาถูกต้อง
ผมคิดมากไปเองมั้ย? หรือจริงๆ มันยังมีเยอะกว่านี้อีก?
#อาจารย์มิกเป็นคนซีเรียส
"เคยโดนเพื่อนดึงกระโปรง แล้วก็ล้อเรื่องสีกกน. พี่ชายเอาไปบอกครู ครูบอกว่าน้องแค่แกล้งกันเล่นๆ เดี๋ยวอีกหน่อยก็ลืมแล้ว พี่ชายเลยไปดึงกางเกงมันบ้าง แล้วก็ล้อสีกกน.มันคืน มันร้องไห้ไปฟ้องครู ครูขู่พี่ว่าจะไปบอกแม่นี่ พี่เลยบอกก็เด็กไงครับ อีกหน่อยก็คงลืมเหมือนกัน"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
กุเป็นคุอ้วนตัวเหม็นหมกตัวอยู่ในห้อง เล่นแต่เกม เกาะพ่อแม่กินไปวันๆ ไม่เคยทำงาน ไม่ออกจากบ้าน ไม่เข้าสังคม มีแฟนเป็น 2D แล้วมันผิดตรงไหนวะ ก็มันความสุขของกุป่าว กุไม่เคยทำร้ายใครนะ ไม่เคยทำผิดกฎหมายด้วย ทำไมต้องบีบให้กุเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยวะ
"เลื่อนอ่านเกี่ยวกับคำชมการจัดการของ SG ก็จะเจอความเห็นประมาณว่า “มันก็เป็นเรื่องมาตรฐานที่ทุกสายการบินต้องทำอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องว้าวอะไร”
เธอจ๋า… ถ้าเธอทำงานเยอะพอจะเข้าใจว่า
“การกำหนดมาตรฐาน” กับ “ทำได้ตามมาตรฐาน” มันต่างกันมาก"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เกี่ยวกับมิเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ ผมเห็นหลายคนแล้วนะที่โพสต์บอกว่าเป็นแหล่งหากินของการไฟฟ้า บอกว่าพอเปลี่ยนมาเป็นมิเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ค่าไฟเพิ่มเป็น 2 เท่าเลย ผมเห็นมีคนโพสต์ทำนองนี้เยอะมาก
การจะโพสต์อะไรต้องระวังด้วยนะครับ ต้องเอาข้อมูลความจริงมาพูดกันนะครับ ถ้าเอาข้อมูลอันเป็นเท็จมาโพสต์ ถ้าทำให้องค์กรเขาเสียหายเขาฟ้องได้นะ โดนทั้งข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและมีความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ด้วย เอาข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ต้องทำความเข้าใจด้วยนะว่ามิเตอร์อิเล็กทรอนิกส์มันจะมีความคลาดเคลื่อนน้อยกว่ามิเตอร์แบบจานหมุน เรื่องนี้ผมอธิบายบ่อยมาก
มิเตอร์แบบจานหมุนมันมีปัจจัยที่ทำให้มันคลาดเคลื่อนเยอะมาก แล้วสิ่งที่คลาดเคลื่อนก็คือทำให้มันวัดหน่วยไฟฟ้าได้น้อยกว่าความเป็นจริง
ปัจจัยที่ทำให้มิเตอร์แบบการหมุนมีความคลาดเคลื่อนก็คือ ถ้าติดตั้งมิเตอร์แบบจานหมุนไม่ได้ตำแหน่ง อย่างเช่น เอียงซ้ายหรือเอียงขวา โย้ไปข้างหน้าหรือเอนไปข้างหลัง ก็จะทำให้มันมีความคลาดเคลื่อนและหมุนช้าลง
หรือถ้ามีการใช้กระแสไฟฟ้าสูงเกินพิกัดต่อเนื่องนานๆ ก็จะส่งผลทำให้ขดลวดกระแสที่ต่ออนุกรมอยู่กับขั้ว L ที่มิเตอร์ไฟฟ้า เกิดการอิ่มตัวก็จะทำให้วัดหน่วยไฟฟ้ามีความคลาดเคลื่อนเยอะเลยล่ะ ก็คือวัดหน่วยไฟฟ้าได้น้อยกว่าความเป็นจริง
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใช้มิเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5(15)A แต่ติดตั้งอุปกรณ์ตัดไฟตัวเมนหลักเกิน 16 แอมป์ อย่างเช่นติดตั้งอุปกรณ์ตัดไฟตัวเมนหลักขนาด 32 แอมป์ หรือ 50 แอมป์ หรือ 63 แอมป์
ถ้ามีการใช้กระแสไฟฟ้าเกินพิกัดต่อเนื่องนานๆ จะทำให้เกิดความร้อนที่ขดลวดกระแสและเกิดการอิ่มตัวของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า จะทำให้มิเตอร์ไฟฟ้าแบบจานหมุนมันวัดหน่วยไฟฟ้าคาดเคลื่อนน้อยกว่าความเป็นจริงเยอะเลยล่ะ
แต่พอเปลี่ยนมาเป็นมิเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ มิเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์มันไม่ได้ใช้หลักการในการวัดหน่วยไฟฟ้าเหมือนกับมิเตอร์แบบจานหมุน เพราะมันเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ ถึงแม้นจะมีการติดตั้งอุปกรณ์ตัดไฟตัวเมนหลักเกินขนาดของมิเตอร์แบบจานหมุนของเดิมที่ติดตั้งอยู่ ถ้ามีการใช้กระแสไฟฟ้าเกินพิกัดที่ขอใช้งานไว้ มันก็ไม่ได้ส่งผลทำให้มิเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์วัดหน่วยได้น้อยลงเหมือนมิเตอร์แบบจานหมุน เพราะว่ามิเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์มันมีความคลาดเคลื่อนต่ำกว่ามิเตอร์แบบจานหมุน ก็อาจจะทำให้จำนวนหน่วยสูงขึ้นหลายหน่วยหรือเกือบถึง 2 เท่าเลย เพราะตอนที่ใช้มิเตอร์แบบจานหมุนใช้กระแสเกินพิกัดของมิเตอร์มานานแล้วไง ก็เลยจ่ายค่าไฟระดับนั้นมานานแล้ว พอเปลี่ยนมาเป็นมิเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ มันขึ้นจำนวนหน่วยตามความเป็นจริง หรือคาดเคลื่อนน้อยมาก จำนวนหน่วยมันก็เพิ่มขึ้นสิครับ ถ้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมา จ่ายค่าไฟต่ำกว่าความเป็นจริงมานานแล้ว พอต้องจ่ายค่าไฟตามความเป็นจริงบ่นว่าแพง
มิเตอร์แบบจานหมุนมันมีปัจจัยที่จะส่งผลทำให้มันมีความคลาดเคลื่อนสูงมาก โดยเฉพาะถ้าใช้งานไประยะหนึ่งแล้วกลไกภายในถูกความชื้นก็จะทำให้กลไกภายในหมุนช้าลงอีก มันมีปัจจัยหลายอย่างเลยนะครับที่จะทำให้มิเตอร์ไฟฟ้าแบบจานหมุนวัดหน่วยไฟฟ้าได้ต่ำกว่าความเป็นจริง
มิเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์มันมีปัจจัยที่จะทำให้มันคลาดเคลื่อนน้อยกว่า ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วความคลาดเคลื่อนต่ำกว่ามิเตอร์แบบจานหมุน จำนวนหน่วยที่มันวัดได้จึงใกล้เคียงกับความเป็นจริง
หลายบ้านก็เลยเข้าใจว่าพอเปลี่ยนมาเป็นมิเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์แล้วค่าไฟแพงขึ้น
ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่จำนวนหน่วยนะ ถ้าคุณอยากจะรู้ว่ามันมีความผิดปกติหรือเปล่า คุณก็ไปหามิเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีค่าผิดพลาดหรือมีค่าความคลาดเคลื่อนเปอร์เซ็นต์เท่ากัน มาติดตั้งก่อนเข้าบ้านคุณ เพื่อเป็นการสอบเทียบดูว่าจำนวนหน่วยตรงกับจำนวนหน่วยของมิเตอร์ของการไฟฟ้าหรือเปล่า ถ้าภายใน 1 เดือนมันมีความคลาดเคลื่อนเกิน 5 หน่วย คุณร้องเรียนนักข่าวให้ช่วยกันตรวจสอบเลย จะได้ช่วยกันค้นหาความจริง แต่มิเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่คุณเอามาสอบเทียบหรือเอามาติดตั้งเทียบกัน ต้องไปเซ็นความผิดพลาดเท่ากันนะ แล้วก็เอายี่ห้อดีๆหน่อยอย่างเช่นยี่ห้อ mitsubishi ของแท้ เอามาติดตั้งวัดเทียบกันเลยจะได้รู้ว่ามันมีความคลาดเคลื่อนต่างกันมากน้อยขนาดไหน
เรื่องนี้มันพิสูจน์ไม่ยากหรอก เพราะอุปกรณ์เครื่องมือวัดมันก็มี สามารถพิสูจน์ได้อยู่แล้วว่ามิเตอร์ของการไฟฟ้าจำนวนหน่วยสูงเกินความเป็นจริงหรือเปล่า ถ้าคุณอยากรู้ก็สามารถทดสอบได้เลย !
ดราม่าสายคอมฯ กันต่อ เรื่อง OC/RAM
ก็ลองปรับ OC ฟังค์ชั่น XMP จาก base ram 2666MHz เป็น 3200 และลองฟังดู และปรับไป 3600 รับไม่ได้ ก็มาที่ 3400 ก็ลองฟังไป 1 วัน
เสียงที่ XMP 3400MHz มันไม่ค่อยใสเครียร์เหมือนตอนใส่ CPU R7 5700G ไปวันแรกๆ ... ตอนนั้นผมปรับค่าต่างๆเป็น Default เพื่อให้เครื่องมันทำงานได้ก่อนในขั้นต้น แต่ก็มาดราม่าเรื่องเปลี่ยน CPU เสียงเปลี่ยนซะก่อน เลยทำให้ขาดสมาธิมานั่ง Tuning ค่าอะไรต่างๆนั่งฟังเทียบไปเรื่อยๆ
เป็นเรื่องปกติครับ ผมเปลี่ยนอุปกรณ์ชิ้นใด ผมก็มักจะโพสลงในกลุ่มเล่นอยู่แล้ว ใครที่เขาเล่นตรงกันกับเรา เขาก็เข้ามาแจมและแชร์ความรู่และประสบการณ์ต่อกัน ไม่มาเอาแต่แซวเอาแต่บลูลี่ ก็เก่งแต่พูด เด็กสมัยนี้เก่งแต่พูดนำหน้าเสมอ พอทำงาน ทำงานไม่ได้เรื่อง ก็ทำนองๆนั้นครับ คนที่เขาทำ เขาก็ทำไปไม่สนปากหอยปากปู เอาแต่ดราม่า
พูดลอยๆ ไม่ได้ว่าใคร 😁
ปล. สรุป การ OC RAM เสียงไม่ได้ดีขึ้น กลับแย่ลง
ใครที่พึ่งมาอ่าน ก็กรุณาดูคลืปที่ผมชี้แจงเรื่องเปลี่ยน CPU แล้วเสียงเปลี่ยนก่อนนะครับ ก่อนจะไหลไปตามที่พวกลากเข้ามาดราม่า ควรมีสติ และมีสตังค์ด้วย ถ้าจะเล่นเครื่องเสียง
https://www.youtube.com/watch?v=5lD7XNtJhVg&t=92s
วันนี้ซื้อตั๋วIMAX เข้าไปแค่15นาทีผมก็เดินออก พนักงานวิ่งมาตามบอกทำไมไม่ดูต่อครับพี่ผมก็เลยบอกไปว่า “ผมไม่ได้อยากดูหนัง ผมแค่อยากเข้ามาฟังเพลงสรรเสริญในระบบเสียงที่ดีที่สุด”
น้องพนักงานได้แต่ยืนนิ่งและน้ำตาคลอ
#ใครไม่ยืนผมยืน🙏💛🇹🇭
หลายปีก่อนมีเพื่อนมาเล่าให้ฟังว่าในคลาสนึงของรุ่นน้อง มีอาจารย์คนนึงอยากรู้ว่า “กี” แปลว่าอะไร น้องแม่งไม่กล้าเฉลย เลยตอบไปว่าแปลว่า “ดี” ผลคือ นำเสนองานเสร็จอาจารย์ชมงาม “ปัง! กีมากค่ะ” 🥲
วอนวัยรุ่นโปรดดูแลบุคคลใกล้ตัว
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ชาวเลโซโท ในทวีปแอฟริกา ได้น้อมนำเอาเศรษฐกิจพอเพียง ทำการเกษตรแบบผสมผสานไปใช้ในประเทศ จนสามารถพลิกฟื้นผืนดินจากทะเลทรายแห้งแล้งให้เป็นผืนดินอุดมสมบูรณ์สามารถปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ได้
.
โครงการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืนในเลโซโท มีการจัดตั้งศูนย์สาธิต Koete และชุมชน Makoabating เขต Matsieng กรุงมาเซรู ราชอาณาจักรเลโซโท เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจ สามารถนำความรู้การพัฒนาการเกษตรโดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนและชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ และเป็นแหล่งเรียนรู้แก่ชุมชนอื่นนำไปสู่การพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน
"คนจนกินน้ำท่อมโดนสังคมรังเกียจ แต่พอคนรวยกินน้ำรากไม้หลอนประสาท กลับเรียกว่าทำอายาวัสกา ดูดีไฮโซขึ้นมาทันที"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ทุกครั้งที่มีปัญหา ก็มักจะเห็นการออกมาตรการ ขออำนาจเพิ่ม วางข้อบังคับใหม่ คำถามคือมาตรการเดิมๆ นั้นบังคับเต็มที่หรือไม่ ได้หาทางที่กระทบประชาชนน้อยที่สุดหรือไม่ และมาตรการใหม่มันช่วยตรงไหน
ซิมต้องชื่อตรงกับบัญชีแล้วมันมีอะไรบังคับไม่ให้คนทำผิดกฎหมายขายบัญชีพร้อมซิม???"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"หลายคนบอกว่าคนแก่ อิจฉาเด็กรุ่นใหม่ที่เก่งกว่า ฉลาดกว่า เลยอยากให้ต้องเจอความลำบากที่ไม่จำเป็น
อยากจะบอกว่า ความลำบากที่คนรุ่นใหม่ไม่ควรเจอ
- ระบบขนส่งเก่า เน่า พัง แพง
- ระบบการศึกษาเน่าเฟะ
- คนแก่ตีกรอบว่าอะไรพูดได้พูดไม่ได้
- infrastructure พังๆ
- social infrastructure ที่เต็มไปด้วยกลโกง
แต่ความลำบากที่ควรเจอบ้าง
- ต้องออกแรง ใช้ความรู้ แลกผลตอบแทน
- delayed gratification บางอย่างต้องรอได้
- หลายอย่าง อยากได้ แต่ไม่มีใครทำ ต้องดิ้นรนทำเองด้วย
- คำพูดกระแทกแรงๆ หยาบๆ ลดราคาคุณค่าของคนพูด
- คลุกดิน คลุกทราย รู้จักชีวิตที่ไม่มีอะไรเลยบ้าง ก็ดี เช่น เกณฑ์ทหารแบบเกณฑ์จริงๆ แบบสิงคโปร์ ไม่ใช่แบบเป็นคนใช้ทหารผู้ใหญ่แบบไทย (โดยเฉพาะกลุ่มที่โตในเมือง)"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมา คนที่ติดตั้งมิเตอร์แบบจานหมุนพิกัด 5(15)A แล้วติดตั้งอุปกรณ์ตัดไฟตัวเมนหลักหรือที่เรียกว่า main switch ที่มีพิกัดสูงเกิน 16 แอมป์ แล้วมีการใช้กระแสไฟฟ้าเกินพิกัดของมิเตอร์ไฟฟ้า ก็เท่ากับว่าบ้านหลังนั้นได้เปรียบการไฟฟ้า ถ้ามีการใช้กระแสไฟฟ้าเกินพิกัดของมิเตอร์ไฟฟ้ามานานแล้ว ก็เท่ากับว่าได้เปรียบการไฟฟ้ามานานแล้วล่ะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีการใช้กระแสไฟฟ้าเกินพิกัดของมิเตอร์ไฟฟ้ามากๆ อย่างเช่นมีการใช้กระแสไฟฟ้าเกินพิกัดของมิเตอร์ไฟฟ้ามากกว่า 1.5 เท่า หรือมากกว่านี้ ก็จะส่งผลทำให้มิเตอร์ไฟฟ้ามีความคลาดเคลื่อนสูงมาก ก็คือจะส่งผลทำให้มิเตอร์ไฟฟ้าวัดหน่วยได้ต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะว่าขดลวดกระแสมันมีความร้อนสูงก็จะส่งผลทำให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้ามันอ่อนลง ก็จะเกิดการเหนี่ยวนำกับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่ขดลวดแรงดันลดลง มันก็จะส่งผลทำให้มิเตอร์ไฟฟ้าวัดจำนวนหน่วยได้น้อยกว่าปกตินั่นเอง
แล้วนอกจากนี้การใช้กระแสไฟฟ้าสูงเกินพิกัด มันก็ยังส่งผลทำให้มิเตอร์ไฟฟ้าชำรุดเสียหายได้ เนื่องจากขดลวดกระแสเกิดความร้อนสูง แล้วส่งผลทำให้ฉนวนของขดลวดกระแสเกิดการชำรุด หรือเกิดการไหม้ได้
ถ้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมา คนที่ใช้กระแสไฟฟ้าเกินพิกัดของมิเตอร์ไฟฟ้า ได้เปรียบการไฟฟ้ามานานแล้วนะครับ โดยเฉพาะคนที่ติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5(15)A
นี่คือเหตุผลว่าทำไมหลายบ้านที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องไฟฟ้าอยู่บ้างจึงไม่ยอมไปขอเพิ่มพิกัดของมิเตอร์ไฟฟ้าให้มันสูงขึ้น โดยเฉพาะคนที่เรียนไฟฟ้ามาโดยตรง...แล้วมีความรู้ในเรื่องนี้ แล้วติดหัวหมอ ก็จะไม่ยอมไปขอเพิ่มพิกัดของมิเตอร์ไฟฟ้าจาก 5 แอมป์เป็น 15 แอมป์ แต่มีการใช้กระแสไฟฟ้าเกินพิกัดของมิเตอร์ไฟฟ้าไปประมาณ 1.5 เท่าหรือ 2 เท่าหรือมากกว่านี้ โดยที่มิเตอร์ไฟฟ้าไม่ได้เสียหายหรือไม่ได้พังทันที ก็ยังสามารถใช้กระแสไฟฟ้ามาได้หลายปี
เรื่องนี้ไม่ค่อยมีใครพูดความจริงกัน โดยเฉพาะคนที่ได้ประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องนี้ มันไม่พูดความจริงอยู่แล้วล่ะครับ แต่พอเสียประโยชน์ขึ้นมาก็โวยวาย อย่างเช่น พอการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมาเปลี่ยนมิเตอร์ไฟฟ้าแบบจานหมุนเป็นมิเตอร์ไฟฟ้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ จำนวนหน่วยในแต่ละเดือนก็จะใกล้เคียงกับความเป็นจริง เมื่อเปรียบเทียบกับมิเตอร์แบบจานหมุนของเดิมก็จะมีความแตกต่างกันหลายหน่วยเลยล่ะครับ บางบ้านมีความแตกต่างกัน 40-50 หน่วยก็มี ก็คือจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อน 40-50 หน่วยเลยก็มี หรือบางบ้านจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ก็มีนะ
ถ้าบ้านไหนใช้ไฟฟ้าเยอะๆใช้โหลดรวมทั้งระบบมีกำลังไฟฟ้าเยอะๆ จำนวนหน่วยก็อาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ด้วย เพราะว่ามีการใช้กระแสไฟฟ้าเกินพิกัดของมิเตอร์แบบจานหมุน ที่ผ่านมาจำนวนหน่วยมันก็เลยต่ำกว่าความเป็นจริงมานานแล้ว
หลายบ้านที่ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ก็เลยไปเข้าใจว่าพอการไฟฟ้ามาเปลี่ยนมิเตอร์ให้แล้ว...ค่าไฟเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเลย แต่ในความเป็นจริงแล้วคุณได้เปรียบการไฟฟ้าเข้ามานานแล้วนะ เพราะมิเตอร์ไฟฟ้าแบบจานหมุนมันวัดหน่วยได้ต่ำกว่าความเป็นจริงมานานแล้ว คุณได้เปรียบการไฟฟ้าเข้ามานานแล้วนะ ต้องทำความเข้าใจในข้อเท็จจริงเหล่านี้ด้วยครับ
อันนี้ผมพูดในเชิงวิชาการแบบตรงไปตรงมานะ แล้วก็พูดตามหลักการของคนที่เรียนไฟฟ้ามา ไม่ได้พูดเพื่อจะรักษาผลประโยชน์ของใคร เพราะผมเองก็ไม่ใช่พนักงานของการไฟฟ้า เพราะผมเองก็ยังต้องใช้ไฟจากการไฟฟ้า แล้วก็ยังต้องจ่ายค่าไฟให้การไฟฟ้าด้วย ผมพูดเพื่อให้เข้าใจข้อมูลข้อเท็จจริง จะได้รู้ว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นมันมีสาเหตุมาจากอะไร...ทำไมค่าไฟมันแพงขึ้นหรือจำนวนหน่วยมันเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนเมื่อเปรียบเทียบกับมิเตอร์แบบจานหมุนของเดิมแล้วทำไมจำนวนหน่วยมันเพิ่มขึ้น แล้วทำไมค่าไฟมันเพิ่มขึ้น
ถ้าทำความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ ก็จะไม่มีข้อสงสัยครับ แต่ถ้ายังมีข้อสงสัยอยู่...ก็แสดงว่ายอมรับความจริงไม่ได้ครับ เพราะว่าจ่ายค่าไฟถูกมานานจนเคยตัวแล้ว ก็เลยยอมรับความจริงไม่ได้ที่ต้องจ่ายค่าไฟตามจริง !
ถ้าบ้านไหนติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าขนาด 5 แอมป์มานานแล้ว แล้วก็มีการใช้กระแสไฟฟ้าเกินพิกัดมานานแล้ว ถ้าการไฟฟ้ามาเปลี่ยนมิเตอร์แบบจานหมุนเป็นมิเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ ก็จะเห็นความแตกต่างชัดเจนเลยล่ะครับ จำนวนหน่วยก็จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเลยล่ะครับ เพราะว่ามิเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์มันจะวัดหน่วยได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากกว่ามิเตอร์ไฟฟ้าแบบจานหมุน
คนที่เผยแพร่ข้อมูลก็ต้องเผยแพร่ข้อมูลจากความเป็นจริงที่ถูกต้องด้วยนะครับ จะได้ไม่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด !
เค้าปลดกันออกเพราะ
1. ดอกเบี้ยขาขึ้น เงินทุนไม่ได้ถูกเหมือนเมื่อก่อน จะกู้มาจ้างใครทีก็คิดแล้วคิดอีก
2. หลักการภาษีเปลี่ยนไป เมื่อก่อนจะคิดว่า developers คือส่วน R&D หักภาษีได้ ตอนนี้ไม่ได้แล้ว เมื่อก่อนคือจ้างเท่าไหร่กี่คนก็จ้างๆๆๆๆๆ จ้างกันเข้าไป เพราะคือการเอาไปเป็นค่ายใช้จ่าย R&D ของบริษัท (หักลบภาษีได้เกือบ 100%)
3. Venture Capital ที่เมื่อก่อนโปรยเงินกันอย่างบ้าคลั่ง ขอให้หวยออกเจอแบบ FaceBook หรือ Netflix เพราะกู้กันอยู่ที่ 0.X% แต่ว่าตอนนี้เงินราคาแพง กู้ที เจอดอกเบี้ย 5%
4. Developer หลายๆ คน overemployed แอบทำงานให้กับหลายบริษัท ตอนนี้ก็ค่อยๆ ทยอยโดนออกกัน
5. หลายๆ บริษัทใหญ่ๆ จ้างคนเก่งๆ เอาไว้เพราะกลัวคนเก่งๆ จะออกไปเปิดบริษัทเอง ตอนนี้ใครออกไปเปิดเองก็ยากหน่อย เพราะเงินมันแพง
6. บริษัทที่จ้างเอาไว้กันเยอะๆ ก็เริ่มเห็นว่า dev หลายๆ คนไม่ได้ทำอะไรมาก ทำงานต่ำกว่าราคาเงินจ้างเยอะ
7. Development department มีโครงสร้างที่มีแต่ ผู้จัดการ ผู้จัดการระดับสูง กลาง ล่าง คนทำงานจริงๆ เหลืออยู่ไม่กี่คน ไอ้พวกผู้จัดการจำนวนมากได้เป็นผู้จัดการเพียงเพราะแค่อายุงาน ตอนนี้ก็โดนออกกันระนาว
8. (อันนี้แย่สุด) บริษัทต่างๆ เห็น Meta ปลดคนแล้วผลกำไรขึ้น ผลประกอบการดีขึ้น ก็ทำบ้าง เพราะไม่งั้น หุ้นจะราคาตก
9. จากข้อแปด ทุกบริษัทก็ทำตามกันเป็นแถว ผลกำไรดีขึ้นก็ทำอีก เป็นระลอกๆ ไป
สรุปคือฟองสบู่ของการจ้างแบบจ้างไม่เลือกหน้า ขอแค่สัมภาษณ์งานดี จ้างแบบเอาเงินตีหัว จ้างแบบขอแค่ให้ได้จ้าง มันได้แตกไปแล้ว
แต่ๆๆๆๆๆๆๆ แต่ว่าการจะบอกว่าฟองสบู่แตกไปแล้ว จะทำให้เสียความเชื่อมั่น ส่งผลต่อภาคธุรกิจโดยรวม บอกสังคมไม่ได้(ว่าแตกไปแล้วนะจ๊ะ) ก็เลยต้องเบนหันความสนใจไปที่ AI ว่าการมาของ AI จะมาเปลี่ยนทุกอย่าง หุ้น AI ก็เลยทะยานขึ้นสู่ดาวพูลโตกันอย่างที่เห็นในวันนี้ หลายๆ บริษัทเห็นก็เอาบ้าง เปลี่ยนให้บริษัทตัวเองเป็นบริษัท AI ให้ได้เพื่อเกาะกระแส แถมได้ปลดคนค่าตัวแพงไม่ได้ทำผลงานอะไรมากมายทิ้งซะ
ปล. จากใจคนที่โดนปลดมาสองครั้งในช่วง 4 ปีนี้
มันไม่มีหรอกแสงสว่าง มันมีแค่คลื่นบางอย่างที่สิ่งมีชีวิตบางประเภทรับรู้ได้ เราจึงเรียกมันว่าแสงสว่าง แต่ถ้าไม่มีเรา แสงสว่างก็ไม่มี
"ทำไมถึงสนับสนุนอิสราเอล มากกว่าปาเลสไตน์? เพื่อนเราถามเรา เราตอบง่ายๆ เลย คือ (1) คนไทยตายเพราะใครในรอบนี้? (2) ถ้าฝั่งปาเลสไตน์มีอาวุธเทียบเท่าอิสราเอลวันนี้ ป่านนี้โลกเป็นอย่างไร
แค่สองคำถามนี้ก็ไม่ต้องคิดมากแล้ว"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"เอางานอดิเรกช่วงนี้(=ชงมัทฉะ)ไปอวดลุงญป.ที่บริษัท เม้ากันว่าผงแพงมาก 50g ราคาเป็นพัน ลุงบอก คนไทยชอบกินอุจิมัทฉะกันเนาะ ฮิตเนอะ แต่ผมชอบกินชาเขียวไทย 25 บาท 5555555555555555555555555"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อความบรรทัดเดียวที่สั่นสะเทือนวงการ AI คือ อ.ยาน Yann LeCun ออกมาโพสต์ว่า "ถ้าคุณเป็นนักเรียนที่อยากทำเรื่อง AI ยุคถัดไป ก็อย่ามาทำเรื่อง LLM เลย"
ข้อความสั้นๆ ประโยคเดียว แต่พอคนโพสต์เป็น อ. Yann อิมแพคมันเลยสูงมาก สารภาพว่าผมเห็นข้อความนี้ตอนแรกก็อึ้งๆ ไปเล็กน้อย แต่พอมานั่งทบทวนดูก็ถือว่าไม่เกินคาด เมื่อเทียบกับสิ่งที่แกพูดบ่อยๆ ในช่วงหลัง (เพียงแต่ไม่คิดว่าแกจะพูดออกมาตรงๆ ขนาดนี้)
สำหรับคนนอกวงการอาจไม่รู้จักว่า อ. Yann เป็นใคร ตำแหน่งอย่างเป็นทางการของแกคือ Chief AI Scientist ของ Meta (ชื่อในอดีตคือ Facebook AI Research หรือ FAIR) อธิบายง่ายๆ ว่าเป็นผู้นำสูงสุดในสายงานวิจัย AI ของ Meta/Facebook นั่นเอง
อ. Yann ถือเป็นหนึ่งในสาม Godfathers of AI ของวงการ หากใครเริ่มเข้าสู่วงการ AI น่าจะเคยเขียนโค้ดฝึก AI ให้อ่านลายมือภาษาอังกฤษ ที่เทียบได้กับ Hello World ของวงการโปรแกรมมิ่ง เจ้าฐานข้อมูลลายมือ MNIST ก็สร้างโดย อ. Yann นี่ล่ะ ทุกวันนี้เรายังต้องดาวน์โหลดลายมือจากเว็บส่วนตัวของแกกันอยู่เลย
เมื่อคนระดับ อ. Yann ออกมาวิจารณ์เรื่อง LLM ที่เป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ จึงเป็นสิ่งที่น่าจับตา ต้นเหตุของโพสต์นี้มาจากแกไปพูดงาน VivaTech ที่ฝรั่งเศส (แกเป็นคนฝรั่งเศส) และบอกว่า LLM เป็นเกมของยักษ์ใหญ่เท่านั้น เราไม่สามารถประดิษฐ์คิดค้นอะไรเกี่ยวกับ LLM ได้เองลำพังอีกแล้ว เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า
เรื่องนี้ก็ตรงกับที่ผมคิด และเคยเขียน/พูดตามเวทีต่างๆ ไว้ประมาณนึงว่า LLM มันเป็นเกมของยักษ์ใหญ่ระดับโลก ต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลทั้ง GPU/ข้อมูล/นักวิจัย มีบริษัทที่ทำได้จริงจังอยู่ไม่เกินนิ้วมือข้างเดียว และตอนนี้ดูเหมือนจะเหลือแค่สองขั้วคือ Google vs OpenAI/Microsoft ยืนซัดกันอยู่เท่านั้น บริษัทยักษ์ใหญ่รายอื่นก็หมดสิทธิต่อกรแล้ว
แต่ถ้าใครติดตาม อ. Yann มา น่าจะเคยเห็นสิ่งที่แกวิจารณ์ข้อจำกัดของ LLM อยู่บ่อยๆ (แม้ Meta ของแกก็ทำโมเดล Llama) ว่ามันไม่มี "ตรรกะ" "เหตุผล" "การวางแผน" อะไรมากนัก มันเป็นแค่เครื่องมือพยากรณ์คำที่เก่งมากๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น
ชาว Prompt Engineer อาจกรีดร้องกับสิ่งนี้ และอาจตั้งแง่กับ อ. Yann ว่า LLM มันเก่งฉกาจเบอร์นี้แล้ว ถามอะไรตอบได้ แต่งกลอนได้ เขียนโปรแกรมได้ ยังจะเรียกร้องอะไรอีก อ. อิจฉาที่ OpenAI ทำโมเดลได้เก่งกว่าตัวเองใช่ไหมเลยออกมาแซะเขาเสียๆ หายๆ อะไรแนวๆ นี้
เผอิญว่า อ. Yann แกน่าจะเป็นสาย "คนจริง" แกเลยเสนอสถาปัตยกรรม AI ที่น่าจะมีความฉลาด มีความเข้าใจต่อโลกภายนอก มีปัญญา มีเหตุผล ทัดเทียมกับมนุษย์ขึ้นมาได้จริงๆ มาได้สักพักหนึ่งแล้ว (ตั้งแต่ต้นปี 2022) โดยมีชื่อเรียกรวมๆ ว่าเป็น autonomous intelligence
autonomous intelligence ของ อ. Yann นั้นเลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ มีโมดูลชิ้นส่วนต่างๆ ทำงานร่วมกัน เช่น หน่วยควบคุม (configurator), หน่วยรับข้อมูลภายนอก (perception) และที่สำคัญที่สุดคือ ตัวสร้างโมเดลของโลก (world model) เพื่อพยากรณ์ว่าโลกภายนอกจะเปลี่ยนไปอย่างไร แล้วโมเดลจะสั่งการให้ทำอะไร
สถาปัตยกรรมของ อ. Yann นั้นซับซ้อนมาก (แกบอกว่ารวบรวมความคิดทั้งชีวิตมาทำเรื่องนี้) ผมพยายามอ่านงานเขียน-ดูคลิปแกบรรยายตามที่ต่างๆ แล้วพบว่ามันไกลเกินกว่าสติปัญญาของผมจะเข้าใจได้แล้ว พลังวัตรไม่พอ 555 หากใครสนใจลองดูคลิปตามลิงก์ในคอมเมนต์ ซึ่งเป็นคลิปที่ อ. Yann เองแนะนำให้ดู
กล่าวโดยสรุปคือ ในโลกที่เราพูดคำว่า AI กันจนเฝือ และโมเดลภาษา LLM เริ่มมาถึงข้อจำกัดของมันแล้ว (หลังพัฒนาแบบก้าวกระโดดในช่วง 2 ปีนี้) ก้าวต่อไปของ AI ยังไม่ชัดเจนว่าจะไปทางไหนต่อ แต่อย่างน้อย อ. Yann ในฐานะหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลของโลกสายวิจัย ก็มีข้อเสนอที่ยิ่งใหญ่ มีพิมพ์เขียวว่ามันควรเป็นอย่างไร ซึ่งก็เป็นสิ่งที่พวกเราๆ ต้องศึกษากันต่อไปนั่นเอง
(ใครที่สนใจ อ. Yann วิจารณ์ข้อจำกัด LLM ลองดูจากสไลด์ที่ผมแคปจอมาจากในคลิป น่าจะเห็นภาพรายละเอียดมากขึ้น)
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"กินโต๊ะจีน พนักงานเอาของทอดหน้าตาดูดีคล้ายทอดมันกุ้งมาวาง
พนักงาน: โต๊ะนี้มีใครแพ้กุ้งมั้ยครับ
ทั้งโต๊ะ: ไม่แพ้ครับ มันมีเนื่อกุ้งเหรอ
พนง: อ๋อ แพ้ก็กินได้ครับ จริงๆเป็นแป้งล้วน
ทั้งโต๊ะ: ...."
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"วันนี้ค้นพบว่าบางคนที่เราคิดว่าเค้าเก่งเจ๋งมาก จริงๆเค้าแค่มั่นใจ ไม่กลัว แม้จะโดนแหกแล้วก็ยังต้องสู้ต่อ เพราะฉะนั้นนายเองก็เป็นได้นะ คนที่มั่นหน้าน่ะ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อาหวังส่วนมากเป็นคุเหม็นมองโลกเป็น 2d ทำตัวหล่อเป็น SJW ให้เฟมมันสนใจ หรือไม่
จงอภิปราย
"สถานการณ์ LGBTQIAN+ ในไทยรับ Pride month
ชาว Asexual โดน Exclude
นายทุนฉวยโอกาส Rainbow washing
กระทรวงพาณิชย์หนุนซีรี่วายเป็น Soft Power
คนจัดงาน Bangkok Pride เคลมว่างานนี้ที่ใช้ Identity คนเพศหลากหลายมาเป็นจุดเด่นของาน เป็น “โมเดลธุรกิจ”
ทุนนิยมอ่ะเนอะ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
วิธีคัดกรองร้านอาหารอร่อยฉบับเริ่มต้น
อัตราความแม่นยำเกือบ 90%
พิสูจน์มาแล้วทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดครับ
ถ้ามีองค์ประกอบใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้อยู่ในร้าน รับรองได้ว่ามื้อนั้นอร่อยแน่นอน หรือถ้ามีครบก็แสดงว่าร้านนั้นเป็นร้านระดับตำนานแน่ ๆ
- รูป ร.5
(โดยเฉพาะถ้าเป็นรูปทอดปลา หรือรูปนั่งโต๊ะเสวย)
- รูป ร.9 กับสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์
(ยิ่งเก่ายิ่งดี โดยเฉพาะถ้าเป็นภาพพิมพ์รุ่นเก่า ใส่กรอบไม้แขวนคู่กัน การันตีว่าเก๋ากึ๊ก)
- รูปสมเด็จพระเทพฯ หรือรูปพระองค์เจ้าโสมสวลีฯ (ยิ่งถ้าเป็นรูปตอนเสด็จมาเสวยพระกระยาหารร้านนั้น ยิ่งการันตีว่าอร่อยจริงแน่นอน)
- ป้ายเชลล์ชวนชิม ของ ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์
- ป้ายเปิบพิสดาร ของคุณสันติ เศวตวิมล
- ป้ายหมึกแดงไกด์
- ป้ายอาหารสะอาด รสชาติอร่อย ของ สสจ.
#มิตรฯ
25.5% คุ้มมากกับรัฐสวัสดิการของ finland
- universal healthcare
- เงินช่วยเหลือขณะหยุดงาน
- เงินเด็กแรกเกิดจากรัฐ (หรือเลือกเป็นของขวัญก็ได้)
- พ่อแม่เด็กลาคลอดได้ 9 เดือน
- มีเงินช่วยเหลือสำหรับผู้ที่ไปเกณฑ์ทหารในกรณีที่ครอบครัวไม่มีรายได้
- free education
- รัฐบาลสนับสนุนค่าเลี้ยงดูลูก จนถึงอายุ 3 ขวบ พร้อมทั้งให้รับวัคซีนฟรี และมีบริการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐานจนถึงอายุ 16 ปี
- ในประเทศฟินแลนด์ หลังเกษียณ หรือเมื่ออายุ 65 ปี จะได้รับเงินอย่างน้อยคนละ 31,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเงินก้อนนี้จะไม่ถูกหักภาษี หากไม่มีรายได้จากทางอื่น
ถ้ามีสมอง + มี google ไปหาสวัสดีการของ Finland ดูเพราะที่พิมพ์มาคือแค่หลักๆเท่านั้น หลังจากนั้นจงพิจารณาดูว่ามันคุ้มกับค่า VAT ไหม
อีกอย่าง Finland ติด top 1 ของ world happiness index นะ แสดงว่าภาษีที่เสียไปรัฐเขาเอาไป improve quality of life จริง เราเชื่อว่า ปชช พร้อมที่จะเสียภาษีถ้าสิ่งที่ได้คืนมามันคุ้มค่า แต่ถ้าเสีย VAT 25.5% แต่สิ่งที่ได้คือกางเกงช้างผลิตจากจีนเป็น soft power ก็คงไม่มีใครอยากเสียหรอกค่ะพี่
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>678 https://youtu.be/GBhO6SwVz7I?si=HUUvYCIAfk7oSqB5
ตัวอย่างประชากรจากประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก
บางครั้งกูก็สงสัยมัยมีความสุขยังไงสะ แม่งสังคมคนไม่ยุ่งกัน แต่กลับมาคิดอีหทีหรือเป็นเพราะชาวบ้านไม่เสือกเรื่องคนอื่น สังคมมันเลยแฮปปี้วะ พวกแสกนดิเนเวียนอ่ะ บ้านเราเอเชียแม่งเป็นสังคมช่วยเหลือกันแต่ก็จิกกัดกันชิบหาย อยู่ไปเครียดตายเปล่า อยู่แบบสันโดษน่าจะดีกว่าถ้าให้เลือก
เอามาจากไหนว่าแฮปปี้ อัตราsuicideสูงเป็นดับต้นๆ
โคตรมโน
ไม่ค่อยมีเงินเก็บคะ ถอนมาใช้หนี้หมดแล้ว บายใจ55555..สมัยนี้จะเก็บงินกับธนาคาร เงินก็หายได้..จะซื้อทอง..ก็กลัวเจอทองปลอม..ชนิดที่ร้านทองยังพลาดได้ก็มี...จะเก็บเงินในบ้านก็โจรอีก..ขุดดินฝังก็ปลวกกิน..ทางที่ดีคืออ่ะไร..
"ไทยเอาข้าวเกรดดีที่สุด ผลไม้ที่ดีที่สุด ส่งออก เพราะคนไทยไม่ appreciate และไม่พร้อมจ่ายกับของในประเทศ ไม่มี price umbrella ให้เล่นเลย
พอผู้ประกอบการซักรายลองเปิดราคาอาหารไทย ขนมไทยให้แพงขึ้นก็จะโดนถล่มบอกว่าคนไทย afford ไม่ได้ เวลาแฟรนไชส์นอกมาเปิด คนไทยต่อคิววนรอบพาราก้อนได้"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
มอเตอร์ไซค์น้ำมัน มีความประหยัดในตัวอยู่แล้ว ประมาณ 60กม./ลิตร ตกโลละ 0.67บาท* ทีผ่านมามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า มีการรับประกันที่ต่ำ 20,000-50,000กม. ยังไม่ทันคืนทุนก็ขาดรับประกันแล้ว
มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหากชาร์จที่บ้านอาจจะตกอยู่ประมาณ 0.08-0.1บาทต่อหนึ่ง กม. เห็นหลายท่านเอาไปชาร์จ AC Type-II ตามสถานีต่างๆ ใช้เวลาในการชาร์จ2-3ชม. เพราะแบตรับกระแสการชาร์จแบบรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้ ต้องใช้ Adaptor ดรอปกระแสลงมาเหมือนชาร์จไฟบ้าน กลายเป็นว่า สถานีชาร์จเสียโอกาสเพราะชาร์จช้ามากๆ 2-3ชม. ขายได้ 2กิโลวัตต์ แต่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ขายได้ ต่ำๆ 7กิโลวัตต์ ต่อ ชม. วันนึงจะเกิดปัญหาพื้นที่ไม่เพียงพอให้รองรับชาร์จมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า
ต่อมาการชาร์จแบบนี้ 2-3ชม. ถ้าเป็นพี่ๆไรเดอร์เสียโอกาส รายได้ ชั่วโมงละประมาน 100บาท ทำให้ไม่คุ้มค่าที่จะรอ
บริการ Swapping การลงทุนสูงมาก เพื่อที่จะคืนทุนต้องคิดราคาที่ค่อนข้างสูง กลายเป็นว่าแพงกว่า 0.67บาทต่อ กม.
และนี่คือ green premium(ในรูปแบบ practicality) หรือ barrier ที่ทำให้การใช้งานมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ายังโตไม่ถึง 3% ของ market share ทั้งหมด คงไม่มีใครรักษ์โลกหากลำบากกระเป๊าตังค์ตัวเอง
และนี่เป็นที่มาของ S Drive 1.0 ชุดพลังขับเคลื่อน ที่ออกแบบโดยวิศวะกรคนไทย อัตรทเร่งที่ดีกว่ารถสันดาป และมีความ efficient สูง สามารถใช้งานได้ในระยะยาว ต่อมาแบตเตอรี่ระดับโลกที่ชาร์จเร็วที่สุด และ S Charge โครงข่ายพลังงานแรกสำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ลดต้นทุนจริง ลดความเหลื่อมล้ำจริง
ภายในปีนี้ SLEEK EV จะลดต้นทุนการเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ให้ต่ำกว่า 0.38บาท ต่อ กม. โดยไม่เสียโอกาสด้านเวลา การรับประกันสินค้าที่ยาวนานจากการที่เราร่วมมือระหว่าง engineer SLEEK EV กับ Supply Chain ทั้งหมด ให้เพิ่มคุณภาพและความปลอดภัยให้เทียบเท่าระดับสากล
และสุดท้ายความแข็งของเทคโนโลยีหรือ Softwareที่สามารถพัฒนาขึ้นได้เรื่อยๆ ตรวจจับความผิดปกติ รวมถึงอัพเดท features ใหม่ๆ💚🌎
ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั่วเกาะไต้หวัน ตกอยู่ท่ามกลางฟีเวอร์ การมาเยือนบ้านเกิดและร่วมงานเสวนาของเจนเซน หวง (Jensen Huang) หรือ"หวง เหริน-ซวิน"(黄仁勳)สุดยอดนักธุรกิจอเมริกันเชื้อสายจีนไต้หวันวัย 62 ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัทหน่วยประมวลผลกราฟิกอย่าง"เอ็นวิเดีย" (Nvidia) นั้นกำลังได้รับความสนใจล้นหลามจากชาวโลก ผลจากความเฟื่องฟูของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทำให้ Nvidia หรือ"ฮุยต๋า"(輝達)เตรียมขึ้นเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์แห่งแรกของโลกที่มีมูลค่าทะลุล้านล้านดอลล์
Jensen Huang บุรุษโดดเด่นที่การสวมแจ็คเก็ตหนังอันเป็นเอกลักษณ์ ได้ทักทายกับแม่ค้าผลไม้ที่อุดหนุนมาเมื่อ40 ปีก่อน อีกทั้งเลี้ยงข้าวขาหมูและของกินริมทางเจ้าประจำในตลาดโต้รุ่ง พร้อมทั้งทักทายกับชาวบ้านเป็นภาษาไต้หวัน(ไต่-งื่อ 台語)อย่างเป็นกันเอง
ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา Nvidia ถูกเปลี่ยนเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่มั่งคั่งที่สุด Huang ได้พยายามปลูกฝังแบรนด์ส่วนบุคคลที่แตกต่างโดยมีแกนกลางอยู่ที่ “แจ็คเก็ตหนังซิกเนเจอร์” แฟชั่นล้านล้านดอลลาร์นี้ถูกโชว์สู่สายตาสาธารณชนอย่างน้อยตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา เพราะ Huang มักจะสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังที่เป็นเหมือนเครื่องหมายการค้า ขึ้นเวทีเปิดตัวสินค้าหลายรุ่นอย่างต่อเนื่องจนได้รับความสนใจจากชาวเน็ต
หลังอำลาบ้านเกิดเมืองไถหนุน(台南市)กรุงเก่าไต้หวัน
แต่เขาและครอบครัว ก็เคยอพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งขณะนั้น ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เต็มไปด้วยความวุ่นวายทางการเมือง และสงครามเวียดนามที่กำลังคุกรุ่น
ก่อนอพยพไปสหรัฐอเมริกาขณะที่Jensen อายุเพียง 9 ขวบ ซึ่งทั้งครอบครัวพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย
สหรัฐอเมริกา แม้จะเป็น"ดินแดนแห่งโอกาส”
แต่ชีวิตในช่วงแรก ๆ ของเจนเซน กลับไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
เขามีปัญหาด้านการปรับตัวเข้ากับเพื่อน ๆ เป็นอย่างมาก เพราะภายในโรงเรียน เต็มไปด้วยเด็ก ๆ ที่ใช้ความรุนแรง เด็กบางคนพกมีดไว้ในกระเป๋า
แต่โชคดีที่เป็นเด็กที่แข็งแกร่งมากพอ ที่จะผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากนั้นไปได้
หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านั้น ก็ได้ย้ายไปเรียนมัธยมปลาย และได้ไปอยู่กับพ่อแม่อีกครั้ง ที่รัฐออริกอน ทำงานพาร์ตไทม์ที่ร้านอาหารแนวครอบครัวที่มีชื่อว่า Denny’s อีกด้วย
ก่อนที่จะเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่ Oregon State University ในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จนกระทั่งจบการศึกษาในปี 1984 ช่วงเวลาที่เขาเรียนจบนั้น เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ถูกจังหวะอย่างพอดิบพอดี เพราะโลกเพิ่งจะก้าวเข้าสู่ยุคคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC)
ทำให้เจนเซน เริ่มทำงานที่แรก ที่ AMD ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปเซตชื่อดัง ในตำแหน่งวิศวกรออกแบบ Microprocessor อยู่ราว ๆ 2 ปี
ก่อนจะย้ายงาน ไปอยู่กับ LSI Logic บริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ ที่เขาได้ทำงานในหลายตำแหน่ง ตั้งแต่การตลาด วิศวกร ไปจนถึงผู้จัดการทั่วไป
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญของเจนเซน เกิดขึ้นในปี 1993 หลังจากทำงานกับ LSI Logic มานานหลายปี
ในปี 1993 เขากับเพื่อน ๆ อีก 2 คน คือ Chris Malachowsky และ Curtis R. Priem อดีตพนักงานของบริษัท Sun Microsystems ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัท Nvidia ขึ้นมา ขณะกำลังพูดคุยกันอยู่ที่ร้าน Denny’s ที่เคยทำงานพาร์ตไทม์ในสมัยเรียนมัธยมปลาย โดยเงินลงทุนก้อนแรก 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.4 ล้านบาท)
เขาได้ให้สัมภาษณ์สื่อที่ไต้หวันชนิดกินใจว่า
"ไม่มีใครฐานะสูงหรือต่ำ มนุษย์ทุกคนเกิดมาต่างเท่าเทียมกัน
ผมเชื่อว่า กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ ผมขัดล้างห้องน้ำห้องส้วม จำนวนครั้งอาจมากกว่าหลายคนด้วยซ้ำ"
(สงวน คุ้มรุ่งโรจน์)
"สังคมบิดเบี้ยวให้ค่าอาชีพหมอมากเกินไป เด็กจำนวนนึงเลยไม่ได้อยากทำงานเป็นหมอ แต่สอบเข้ามาเรียนได้ แค่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง
ทุกอาชีพมีคุณค่า มีความสำคัญ นี่ว่าเราควรสร้างสังคมที่ไม่ว่าทำอาชีพไหน ก็อยู่สุขสบายได้ เด็กจะได้เลือกสิ่งที่ตัวเองรัก ไม่ใช่มาแข่งกันเข้าหมอเพื่อให้สังคมยอมรับ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"คนรวยมีเงินเหลือเยอะมาก บริจาคให้ รพ ได้ เป็นพันล้าน (ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี) แต่พอบอกว่าจะเก็บภาษีความมั่งคั่งเพิ่ม (เพราะเห็นๆ กันอยู่ว่าสะสมทรัพยากรไว้จนล้นเกิน) เพื่อที่จะเอามาพัฒนาสวัสดิการต่างๆ ให้คนทุกคนได้อย่างเท่าเทียมกัน ก็ไม่เอานะ ต้องใช้ระบบบุญคุณให้ท่านประทานมาเท่านั้น"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Hear me out: I had this friend in college, cute enough, had a lot of guys around her. Didn't hear about her until some ten years later. She was doing bad, going through a tough depression. She stopped going out and seeing people, she was working online and put on a lot of weight. So she texts me to share her story and she told me: now that I'm fat people are so rude to me they treat me badly, like a piece of furniture or something" she pauses a second and tells me "they treat me like a man".
"อยากรู้ว่าทำไมข้อสอบบรรจุครู มันง่ายกว่าข้อสอบเข้ามหาลัยเด็กม.6 และเป็นแบบนี้มาตลอดด้วยนะ คือเราอยากได้คนโง่ไปสอนเด็กกันมากขนาดนั้นเลยหรอ หรือถ้ามหาลัยไหนมันไม่มีปัญญาสอนครูให้ฉลาดได้ก็ยุบๆ ไปเลยไหม"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
สามีภรรยาจดทะเบียนสมรสที่ไทยหย่ากันแล้วเป็นยังไงไม่รู้
แต่ถ้าที่อเมริกา รัฐแคลิฟอร์เนีย
- ทรัพย์สินทั้งหมดหารครึ่ง ไม่ว่าจะชื่อใคร บ้าน รถ ที่มีถ้าตกลงกันไม่ได้ก็จะโดนบังคับขายทอดตลาดแล้วเอาเงินมาแบ่งกัน
- กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นแม่บ้าน/พ่อบ้าน ไม่มีรายได้มาตลอด อีกฝ่ายต้องส่งเสียค่าเลี้ยงดูหลังหย่า Spouse support เป็นเวลาครึ่งนึงของการจดทะเบียนสมรส เช่น จดกันมา 10 ปี ก็จะได้เงินเลี้ยงดูทุกเดือนไปตลอด 5 ปี
- ถ้ามีลูก ฝ่ายที่มีรายได้มากกว่าต้องจ่ายค่า Child support ทุกเดือนจนกว่าลูกจะอายุ 18 ปี
- ไม่มีการยึดลูกเป็นของใคร ถ้าอีกฝ่ายไม่ยินยอม ลูกต้องมีทั้งพ่อและแม่ แบ่งกันเลี้ยงครึ่งๆ เว้นแต่อีกฝ่ายจะไม่ต้องการลูก
- ไม่ใช้ระบบโอนเงินให้กันเอง แต่ใช้ระบบให้นายจ้างหักจากเงินเดือนโดยตรง จะมีจดหมายส่งไปถึงนายจ้างว่าคุณต้องหักเงินเดือนลูกจ้างคุณเท่านี้เพื่อ Child support และ Spouse support นะ ในกรณีเป็นฟรีแลนซ์ก็จะมีจดหมายจากรัฐบาลมาให้จ่ายเงิน ไม่จ่ายก็เหมือนหนีภาษี หมดปัญหาผัวลืม ผัวทิ้งเรากลางทาง
ผัวเมียหย่ากันเป็นคนอื่น แต่เวลาชีวิตที่เสียไป มันต้องชดใช้ให้คุ้มค่ะ 😉
เมื่อไรที่ลูกค้าส่วนใหญ่พูดว่า
"ครั้งเดียวพอ"
เมื่อนั้น รอเจ๊งได้เลยครับ
. . . . .
แอดฯเองไปกินหม่าล่าสายพาน
ตั้งแต่ยุคต้นๆจนถึงโค้งสุดท้าย
ที่เริ่มมีร้านหม่าล่าสายพานเจ๊งกัน
บางร้านที่ยังสู้อยู่ ก็ปรับกลยุทธ์
เป็นไพ่ใบสุดท้ายคือทำ บุฟเฟ่ต์
.
ช่วง 1 - 2 เดือนนี้แอดฯมักจะลอง
ไปกินร้านหม่าล่าสายพานที่เงียบๆดู
แต่ 3 ครั้ง 3 ร้านที่ไปมามีคำๆเดียว
ในหัวตลอดเลยว่า "ครั้งเดียวพอ"
สิ่งที่ทำให้เกิดคำนี้มีไม่มาก คือ
- ร้านไม่สะอาด ตั้งแต่พื้น ยันสายพาน
ภาชนะที่วาง Set ไว้ก็มีคราบ
กระบอกใส่ไม้เสียบก็เลอะเถอะ
- พนักงานไม่ใส่ใจ บริการช้า
มีร้านหนึ่งเหมือนเราไป
รบกวนเวลาเล่นมือถือเขาเลย
- คุณภาพอาหารห่วยแตก
วัตถุดิบแช่น้ำอยู่ในชาม
เนื้อหมูช้ำๆ ผักก็เหี่ยว
เหมือนดูถูกลูกค้า
ซึ่งในภาพเป็นหมูสามชั้น
ที่แอดฯแบบ "อห!!!มาก"
จากบรรยากาศร้าน
แอดฯเข้าใจว่าธุรกิจเป็นขาลง
เลยต้องการเซฟต้นทุน
แต่บอกเลยว่าการทำบุฟเฟ่ต์
แล้วเซฟต้นทุนแบบนี้
ด้วยการเอาของที่คุณภาพ
ไม่เหมาะกับราคาขายมาลง
เป็นการไล่ลูกค้าทางอ้อมชัดๆ
ยิ่งเซฟยิ่งตาย
. . . . .
ใครที่กำลังเกิดวิกฤต
เรื่องยอดขายตก กำไรหาย
หนึ่งอย่างที่อยากฝากเลยคือ
"อย่าลดต้นทุนแบบผิดๆ"
การลดต้นทุนที่ถูกต้อง
มีหลายมิติให้ทำกัน
ที่จะไม่ส่งผลต่อคุณภาพอาหาร
ได้แก่
- การลด Waste การตัดแต่งผัก เนื้อสัตว์
- การลด Waste จากการสั่งของ
ให้พอเหมาะกับยอดขาย
- ควบคุมการใช้น้ำ ไฟ แก๊สของร้าน
- ควบคุมการใช้วัสดุสิ้นเปลืองต่างๆเช่น
ถุงขยะดำ หมวกคลุมผม น้ำยาล้างจาน
น้ำยาถูพื้น ทิชชู่ม้วนยาว
- เสาะหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพ
ใกล้เคียงเดิมหรือดีกว่าในราคาที่ถูกลง
- เจรจากับซัพฯโดยใช้การการันตี
Volume การใช้ต่อเดือน
เพื่อให้ราคาถูกลง และค่อยๆรับเข้า
ตามรอบการใช้งานแต่ละวัน
- หากเป็นร้านบุฟเฟ่ต์สายพาน
หรือหมูกระทะเดินตัก
อาหารในไลน์หรือสายพาน
ที่เป็นพวกของพร้อมรับประทาน
เช่น ไส้กรอกทอด เฟรนฟราย
ซาลาเปาทอด หากรู้ว่าวันนี้แนวโน้ม
ลูกค้าน่าจะเข้าน้อยจากสถิติที่ขายมา
หรือเป็นช่วงใกล้ปิดร้าน
ก็วางรูปภาพที่จุดบาร์ตักอาหาร
แทนการลงอาหาร และข้อความสั้นๆว่า
"สั่งได้ที่พนักงาน เพื่อคุณภาพอาหารที่อร่อย"
. . . . .
สุดท้ายหากเสิร์ฟอาหารแบบในภาพ
บอกเป็นสโลแกนได้เลยว่า
"ครั้งเดียวพอ รอวันเจ๊ง"
"การเอาอายุเข้าข่มกับทุกสิ่งบนโลกนี้เป็นอะไรที่ non-sense สุดละ ส่วนมากที่เขาให้ค่ากับอายุเพราะความคาดหวังว่าผู้ใหญ่ที่โตมาป่านนี้คงมีเวลาเรียนรู้อะไร ๆ มากกว่าคนอายุน้อย แต่บางคนแก่มาแบบไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยก็สมควรโดนเด็กด่าว่าอีแก่ละค่ะ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ตามที่ผมได้ไปดูหมิ่นคุณ Varanya Nganthavee ในหน้าวอลของพยาบาลกิ่ง นริญญา มงคลเอี่ยม Narinya Mongkoleiam เมื่อสองปีก่อนนั้น
ในตอนนั้น ผมได้กระทำไปด้วยความคึกคะนอง ด้วยความมั่นใจที่รู้จักอีกฝ่ายมาหลายปี ทำให้ผมได้เลือกข้างโดยไม่ได้ตั้งใจ ดูหมิ่นคู่กรณีอีกฝ่ายโดยไม่ได้สนใจผลกระทบที่ตามมา เป็นเพราะผมอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตมาหลายปี อยู่ในเหตุการณ์ด่าทอมามาก พอตัวเองโดนด่าโดนรุมทัวร์ลง ก็เลยเลือกได้ที่จะไม่ใส่ใจอะไร
เมื่อผมได้ทราบเมื่อวานว่า น้องลิลลี่ได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างมากมาตลอด 4 ปี ผมก็ได้ค้นพบตัวเองว่า ผมขาด empathy ไปจากการการใช้ชีวิตในข้างต้น และผมควรรับผิดชอบกับเหตุการณ์ครั้งนี้
ในสังคมของผม ถ้าเรารู้สึกว่าเราผิด การที่เราแสดงออกว่าขอโทษ คือเราขอโทษจริงๆ ไม่มีการขอไปที แม้ว่ามันจะห้วน ดูกวน หรือดูไม่จริงใจก็ตาม แต่ถ้าเราจะขอโทษแล้ว ก็คือขอโทษมาจากใจ ผมก็ขออภัยในสำนวนที่อ่านแล้วขัดหูขัดตา แต่อย่างไรผมก็มีความตั้งใจที่จะสำนึกผิดจริงๆ
กระผม กสิณ อมรินทร์แสงเพ็ญ ขออภัยที่ได้ล่วงเกิน พญ วรัญญา งานทวี ด้วยการโพสทำร้ายจิตใจด้วยความคึกคะนอง
ผมได้สำนึกผิดในสิ่งที่ทำไป และผมจะใช้ชีวิตต่อไปโดยที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นมากขึ้นครับ
กราบขออภัยด้วยใจจริงอีกครั้งครับ
"แมวที่บ้านมันเคยอึลงในชักโครก แต่แม่มาเห็นแล้วตกใจ เสียงดังใส่มัน มันเลยคิดว่ามันคงทำไม่ถูก ตั้งแต่นั้นมา มันเลยอึใส่อ่างล้างหน้าแทน"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"เจเนอเรชั่นหมาเนยอย่างเรา จะฟังคำว่าหมีเนยอย่างไรให้ไม่เกิดจิตอกุศล (10 คะแนน)"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ที่อันดับไทยตกและจะตกลงต่อไป บอกเลย มี แค่ประเด็นหลักประเด็นเดียวคือ overtourism
สมัยเรียน ที่มหาลัย Melbourne เมื่อ 18 ปี ก่อน เรื่อง TTDI อาจารย์ ที่สอน ยก พัทยา case study ถึงอนาคต ปัญหา ที่จะเกิดในรูปแบบ overtourism แล้ว พอเรา เดินไปบอกอาจารย์ ว่า ผมนี้ เด็กพัทยาเลยนะครับ อาจารย์นัดกินข้าวเที่ยงด้วยกันเลย ได้ึคุยอยู่ เกือบ ชั่วโมง แกหวังว่า เราจะเอาสิ่งที่แก่สอนไปแก้ปัญหาได้นะ แต่พอกลับมาไทย ผมบอกใครต่อใคร ใน สิ่งที่อาจารย์สอนมา ว่า เราควรลดจำนวนนักท่องเที่ยวลง จำกัดจำนวนห้องพักโรงแรม และ เปลี่ยนตลาดไปสู่ นักท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูงขึ้น ยั่งยืนขึ้น ตอนนั้น มีแต่ผุ้ใหญ่บอกว่า เนี้ย พ่อแม่ ส่งไปเรียนเมืองนอกจนโดนฝรั่งล้างสมอง
ตอนนั้นใครต่อใครในเมืองพัทยาก็มองว่า นักท่องเที่ยว ยิ่งเยอะยิ่งดีสิ ที่ดินขึ้นราคา คอนโดทำในป่าในเขาแล้วขายได้ ไม่ดีหรอ
แล้วพอตอนนี้เป็นไง ทุกอย่างที่อาจารย์เคยเตือน มันเกิดขึ้นจริงหมด ตอนที่เรียน อาจารย์บอกพัทยาจะเจอมลพิษทางอากาศ ตอนนั้นมองไม่ออกเลยว่า เพราะอยู่พัทยามาตั้งแต่เด็กไม่เคยเจอ pm2.5 พอมาสิบปีที่ผ่านมา เราก็เจออากาศเป็นพิษ บ่อยขึ้นทุกปี คิดภาพ ฤดูหนาว ช่วงหน้า ไฮท์ แต่ นทท มาเจออากาศเป็นพิษ ไม่สามารถ อาบแดดหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งได้
ตอนนี้ทั้งเมืองนำ้ไม่เคยพอใช้ รถติด ตัดต้นไม้ริมถนนทิ้ง เมืองขาดสมดุลในทุกมิติ ขยะล้น นำ้เสียล้น ฝนตกนิดเดียวก็นำ้ท่วม
ในวันที่เศรษฐกิจไทย กำลังแย่ภาครัฐก็หวังให้การท่องเที่ยว เป็นฮีโร่กอบกู้ประเทศ แบบที่เคยทำมาไม่รู้กี่รอบ แต่ตอนนี้ บอกเลย การท่องเที่ยวเรามีรูรั่วเยอะ และมีราคาต้นทุนที่ต้องจ่ายสูงขึ้นเรื่อยๆ พูดง่ายๆก็คือไม่ยั่งยืนนั้นแหละ มันก็ไม่ต่างจากภาคอุสหกรรมไทยที่มันเริ่มแข่งขันกับเพื่อนบ้านไม่ได้ เราจะเอาคน สี่สิบห้าสิบล้านคนเข้ามาเที่ยวไทย ตลอดไปไม่ได้ เพราะทรัพยากรเรามีจำกัด แต่ หน่วยงานรัฐก็ยังคง เอาจำนวน นักท่องเที่ยวเป็นตัวชีวัดความสำเร็จ เสมอ จนลืมไปว่า สุดท้ายแล้ว การพัฒนาการท่องเที่ยวของไทยไม่ได้นำมาใช้พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่
🔥🔥ผมรับรถกลับมาแล้วครับ เขียนโพสต์ใหม่อีกอัน🔥🔥
เพราะน๊อตแค่ตัวเดียว🔩
เมื่อวานนี้ ผมนัดศูนย์ BYD แห่งหนึ่ง นำรถเข้ารับบริการตรวจเช็คสภาพ 20,000 กม.
และด้วย BYD ตอนนี้มีมาตรการพ่นกล่องแบ็ตเตอรี่กันหนูแทะกล่องแบ็ต และติดตั้งตะแกรงกันหนูเข้าแทะกล่องแบ็ตให้ฟรี ผมนัดหมายส่งรถ 8:30น. และจะได้รับรถ 15:30น. โดยประมาณตามที่ศูนย์แจ้งไว้ ผมฝากรถเสร็จก็ออกไปทำงานตามปกติ
สิ่งที่เกิดขึ้น 15:00น. ระหว่างที่ผมกำลังนั่งประชุมก็มีโทรศัพท์จากศูนย์ BYD โดยช่างโทรมาเอง แจ้งว่า รถผมหลังจากฉีดพ่นและติดตะแกรงเรียบร้อย ตอนนี้มีปัญหาที่เกิดจากน๊อตยึดกล่องแบ็ตตัวหลัก 1 ตัวเกิดอาการเกลียวหลวม อันเนื่องมาจากความบกพร่องในการผลิต ตอนนี้ทางศูนย์จึงทำเรื่องขอเบิกอะไหล่น๊อต 1 ตัวจากสำนักงานใหญ่ คาดว่ารถผมที่รอน๊อตแล้วมาตาฟเกลียว ผมจะได้รถหลังจากนี้อีก 2-3 วัน แต่จะพยายามเร่งให้ ผมจำเป็นต้องวางสายและไปประชุมต่อ
เย็นผมโทรไปตอน 17:05น. ฝ่ายบริการปิดงานแล้ว ผมจึงฝากเรื่องกับฝ่ายขายว่าเช้าวันนี้ให้รีบโทรมาติดต่อหาผม
ปรากฎเช้าวันนี้ 8:35น. ผมเป็นคนติดต่อหาศูนย์เอง ทางฝ่ายบริการโอนสายให้คุยกับช่างคนเมื่อวานอีกครั้ง ช่างบอกว่าได้ทำเรื่องเบิกด่วนอะไหล่ไปให้แล้ว น่าจะมาบ่ายวันนี้และหากอะไหล่ไม่มา ช่างจะขับรถไปรับเองที่สำนักงานใหญ่ และรถผมอาจจะได้วันนี้เย็นหรือพรุ่งนี้เช้า
ใจผมนะอยากจะบอกว่าให้ผมขับรถไปรับให้เลยไหม น๊อตแค่ตัวเดียว
ผมจะไม่มีรถใช้ไป 2-3 วัน ต้องนั่งแท็กซี่ไปทำงาน สบายเลยครับวันนี้
…ทั้งหมดนี้ เพราะน๊อตแค่ตัวเดียวเองนะครับ🥲
ใครพอจะแนะนำศูนย์บริการ BYD ที่เป็นศูนย์ใหญ่ มีอะไหล่ครบๆในย่านลาดพร้าว หรือ รามอินทรา แนะนำได้นะครับ ครั้งหน้าผมขอเปลี่ยนศูนย์ดีกว่าครับ
ขอบคุณครับ❤️🙏
สำหรับท่านๆที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ ผมก็เข้าใจนะครับว่ารถไฟฟ้าเป็นของใหม่ ศูนย์บริการอาจจะมีความพร้อมไม่เท่ากันในแต่ละศูนย์ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นก็ใหญ่บ้างเล็กบ้างแตกต่างกันไป แต่หากผู้บริโภคอย่างเราๆสามารถเลือกศูนย์ที่ดีได้ ก็จะได้ไปใช้บริการศูนย์ที่มีความพร้อมครับ
"Stop Asian Hate died overnight because people started asking “Wait who’s attacking Asians?” and they didn’t like having to answer that"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ฟังนักเศรษฐศาสตร์เขาคุยกันเรื่องเศรษฐกิจไทย เขาบอกว่าถ้าดูจากประวัติศาสตร์ในระยะหลัง ๆ เศรษฐกิจไทยไม่เคยที่จะกลับไปรุ่งเรืองดีกว่าก่อนที่จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจได้เลย เพราะฉะนั้นอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่จะเป็นแบบ 4-5% ต่อปีแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่โครงสร้าง
เราขึ้นค่าแรงมาเรื่อย ๆ แต่คุณภาพของแรงงานยังเหมือนเดิม ทำให้แรงงานของเราเป็นต้นทุนที่แพง แข่งขันกับต่างประเทศที่ค่าแรงถูกกว่าแต่คุณภาพของแรงงานเท่า ๆ กันไม่ได้
โรงงานอุตสาหกรรมที่เคยทำรายได้มหาศาลจากการส่งออก เริ่มมีปัญหา เพราะเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาแทน ปรับตัวไม่ทัน
เราไม่มีเทคโนโลยีอะไรใหม่ ๆ โดยเฉพาะทางการเกษตรที่เคยเป็นหัวหอกสำคัญของประเทศในการสร้างรายได้ แต่ปัจจุบัน ก็สู้ต่างประเทศที่มีการนำวิทยาศาสตร์มาใช้ในการเพิ่ม productivity ไม่ได้
ตอนนี้ประเทศไทยจึงมีเพียงแค่การท่องเที่ยวที่ยังพอนำเงินรายได้เข้าประเทศได้
ผมยังไม่เห็นฝ่ายรัฐบาลแก้ปัญหาด้านการศึกษาอย่างจริงจังเลย คะแนน PISA test ที่ต่ำเป็นอันดับท้าย ๆ ของโลก ยังไม่ได้รับการแก้ไขอะไร สร้างข่าวอยู่พักหนึ่ง แล้วก็เงียบหายไปกับสายลมครับ #my2cents
"สาเหตุที่กลุ่ม woke ตอนนี้เริ่มล้มตาย และพังลงอย่างรวดเร็ว จนคนไม่ให้ราคา บริษัทใหญ่ๆ ทั้งหลายที่เดิมอยากผลักดัน progressive moment ก็เริ่มถอย เพราะว่ากลุ่มนี้ toxic และสร้างความแตกแยก เพราะตีความออกได้มิติเดียว นั่นก็คือ “ผู้กดดัน” กับ “ผู้ถูกกดดัน”
และคนตรงกลางที่ไม่มีความเห็น หรือไม่ได้เลือกข้าง เลือกฝ่าย หรือไม่แสดงออก โดนตีตราว่าโง่ หรือไม่ก็เห็นแก่ตัว
สิ่งที่น่าเสียดาย คือคนตรงกลางเหล่านี้หลายคน โดนผลักดันให้ไปอยู่อีกฝ่ายของ woke นั่นก็คือ far right ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายและน่าเศร้ามาก
จงอย่าลืม ว่าการไม่แสดงออก ไม่ได้แปลว่าไม่แคร์ ไม่สนใจ ไม่เข้าใจ บางครั้งคนไม่แสดงออก หรือไม่เลือกข้าง อาจเข้าใจเรื่องพวกนี้มากกว่าพวก woke/far right ที่หลายคนเอาจริงๆ ไม่มีความเข้าใจอะไรเลยนอกจากฟังเขาเล่ามา หรือแค่อยากได้แสง อยากให้ตัวเองดูเป็นคนดี
เต็มไปหมด คนที่ออกมาดิ้นบนถนน ก่อปัญหา เพราะหลงไหลในปาเลสไตน์ แต่ถามจริง คุณเคยคุยกับคนที่มาจากปาเลสไตน์/กาซ่าจริงๆซักคนไหม มีเพื่อนคนอิสราเองจริงไหม และคุณเคยไปอยู่ในกาซ่าที่เขารบกันหรือเปล่า?"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"If you are treated like shit in Europe/UK/USA, by these low earning staff. Remember: just make their day a bit more miserable. Pretend to have bad English, then reject order, and ask for the Manager and tell the manager the staff is racist.
Remember: you’re on vacation, and you have time to fuck shitty people and make their life miserable. It’s fun."
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ฟังนักเศรษฐศาสตร์เขาคุยกันเรื่องเศรษฐกิจไทย เขาบอกว่าถ้าดูจากประวัติศาสตร์ในระยะหลัง ๆ เศรษฐกิจไทยไม่เคยที่จะกลับไปรุ่งเรืองดีกว่าก่อนที่จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจได้เลย เพราะฉะนั้นอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่จะเป็นแบบ 4-5% ต่อปีแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่โครงสร้าง
เราขึ้นค่าแรงมาเรื่อย ๆ แต่คุณภาพของแรงงานยังเหมือนเดิม ทำให้แรงงานของเราเป็นต้นทุนที่แพง แข่งขันกับต่างประเทศที่ค่าแรงถูกกว่าแต่คุณภาพของแรงงานเท่า ๆ กันไม่ได้
โรงงานอุตสาหกรรมที่เคยทำรายได้มหาศาลจากการส่งออก เริ่มมีปัญหา เพราะเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาแทน ปรับตัวไม่ทัน
เราไม่มีเทคโนโลยีอะไรใหม่ ๆ โดยเฉพาะทางการเกษตรที่เคยเป็นหัวหอกสำคัญของประเทศในการสร้างรายได้ แต่ปัจจุบัน ก็สู้ต่างประเทศที่มีการนำวิทยาศาสตร์มาใช้ในการเพิ่ม productivity ไม่ได้
ตอนนี้ประเทศไทยจึงมีเพียงแค่การท่องเที่ยวที่ยังพอนำเงินรายได้เข้าประเทศได้
ผมยังไม่เห็นฝ่ายรัฐบาลแก้ปัญหาด้านการศึกษาอย่างจริงจังเลย คะแนน PISA test ที่ต่ำเป็นอันดับท้าย ๆ ของโลก ยังไม่ได้รับการแก้ไขอะไร สร้างข่าวอยู่พักหนึ่ง แล้วก็เงียบหายไปกับสายลมครับ #my2cents
เป็นช่างไฟฟ้าต้องทำความเข้าใจด้วยนะครับว่า
ถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ได้ต่อสายดิน แล้วเปลือกของเครื่องใช้ไฟฟ้าในส่วนที่เป็นโลหะหรือโครงโลหะของมันมีความต่างศักย์ทางไฟฟ้าสูงเกิน 50 V ถือว่าเป็นอันตรายได้นะครับ
การเทียบศักย์ไฟฟ้าต้องใช้เครื่องมือในการเทียบศักย์ไฟฟ้าเพื่อดูความต่างศักย์ทางไฟฟ้าที่โครงโลหะของโหลดเมื่อเทียบดินหรือคุณจะเอาไปเทียบศักย์ไฟฟ้ากับสายนิวทรัลก็ได้
แต่การใช้ test lamp ไปจิ้มดูเหมือนในภาพตัวอย่างนี้ มันไม่สามารถบอกได้ว่าเปลือกของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นโลหะหรือในส่วนที่เป็นโครงโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้ามีความต่างศักย์ทางไฟฟ้ากับดินกี่โวลต์
การใช้ test lamp มันไม่สามารถบอกได้ครับ
ต้องใช้เครื่องมือวัดแรงดันไฟฟ้า ตั้งย่านวัดแรงดันไฟ AC สายวัดเส้นหนึ่งจิ้มที่โครงโลหะของโหลด แล้วสายวัดอีกเส้นหนึ่งเอาไปจิ้มที่สายนิวทรัลในกรณีที่เป็นระบบไฟฟ้าเก่าที่ไม่มีระบบสายดิน แต่ถ้าเป็นระบบไฟฟ้าใหม่ก็เอาไปเทียบศักย์ไฟฟ้ากับสายดินได้ซึ่งถ้าภายในระบบไฟฟ้ามีการต่อลงดินของสายเมนของนิวทรัลและในระบบไฟฟ้ามีสายดินในระบบ TN-C-S คุณจะเอาโครงโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้าไปเทียบศักย์ไฟฟ้ากับสายนิวทรัลหรือสายดินก็ไม่แตกต่างกันครับเพราะว่ามันเชื่อมต่อถึงกันอยู่แล้ว
เอาโครงโลหะของโหลดไปเทียบกับไฟฟ้ากับสายนิวทรัลหรือสายดิน เพื่อดูความต่างศักย์ทางไฟฟ้าที่โครงโลหะของโหลดว่ามันมีความต่างศักย์ทางไฟฟ้ากี่โวลต์
แต่การเทียบความต่างศักย์ทางไฟฟ้ามันก็ยังไม่สามารถบอกได้อยู่ดีนะครับว่ามีกระแสรั่วไหลกี่มิลลิแอมป์ มันจะต้องต่อสายดินเข้าที่โครงโลหะของโหลดซะก่อน แล้วค่อยทำการวัดกระแสเพื่อดูว่ามีกระแสรั่วไหลกี่มิลลิแอมป์ ซึ่งเวลาอ้างอิงเรื่องปริมาณกระแสรั่วไหลก็จะอ้างอิงจากสายดินในระบบ TN-C-S เพราะว่าสายดินในระบบนี้มีค่าความต้านทานต่ำ เวลาจะอ้างอิงว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวนั้นมีกระแสรั่วไหลที่กี่มิลลิแอมป์จึงต้องใช้สายดินจากระบบ TN-C-S หรือคุณจะไปยืมเอาสายนิวทรัลมาแทนเป็นสายดินเป็นการชั่วคราวเพื่อทดสอบกระแสรั่วไหลก็ได้เหมือนกัน มันก็เปรียบเสมือนสายดินในระบบ TN-C-S นั่นแหละครับ
แต่เวลาติดตั้งสายดินใช้งานจริงที่ตัวโหลดห้ามจั้มเอาสายนิวทรัลมาใช้เป็นสายดินนะครับ การไปจั้มเอาสายนิวทรัลมาใช้เป็นสายดินให้ใช้เฉพาะการทดสอบกระแสรั่วไหลเท่านั้น
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ปลั๊กเสียบ การเสียบปลั๊กด้านหนึ่งเข้ากับขั้ว L มันก็อาจจะทำให้ความต่างศักย์ทางไฟฟ้าที่โครงโลหะของโหลดสูงขึ้น แต่พอกลับปั๊บอีกด้านหนึ่งให้ขาปลั๊กอีกข้างหนึ่งตรงกับขั้วสาย L ก็จะทำให้ความต่างศักย์ทางไฟฟ้าที่โครงโลหะของโหลดมันลดลง ช่างอิเล็กทรอนิกส์หลายคนก็น่าจะเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี ก็คือกลับปลั๊กของเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วทำให้ไฟไม่ดูดเมื่อไปสัมผัสกับโครงโลหะของโลก ผมว่าช่างอิเล็กทรอนิกส์หลายคนก็น่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ผมก็เคยอธิบายไปหลายครั้งแล้วล่ะเคยทำคลิปให้ดูด้วย
แต่การกลับปลั๊กของเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อไม่ให้โดนไฟดูด มันก็ไม่สามารถใช้ได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกตัวนะ เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายตัว...ถึงแม้จะกลับปลั๊กแล้วก็ไม่เป็นผลโดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีภาคจ่ายไฟแบบสวิทชิ่ง
>>703 โทษแดงที่ขยันออกนโยบายประชานิยมหน้าโง่+ให้คนป่าในพรรคทำการศึกษาเละ ไอ้จาตุรนต์ ฉายแสง น่ะตัวดี โทษตู่ที่ไม่ยอมแก้เรื่องระบบการศึกษาทั้งที่เป็นงานแรกที่มันต้องทำตั้งแต่รัฐประหารเข้ามา มัวแต่เอาเงินไปถมโลจิสติกที่อีสานให้ จีน/เวียด มันเอาสินค้ามาถล่มแบบสบายๆ บ้านเรานี่ถ้าไม่ได้ไอ้ขี้โกงก็จะได้ไอ้ประเภทซื่อจนเซ่อมาทั่งแท่นบริหารตลอดที่ตลกคือไม่เคยมีใครทันเหลี่ยมการเมืองระหว่างประเทศจริงๆเลยสักกะรัฐบาล
ตั๊กแตนปาทังก้า vs คนไทย
.
อยากกินปาทังก้าทอดมาก แต่ตั้งแต่กลับไทยมาเพิ่งเคยได้กินครั้งเดียว เพราะว่าหายากมากกกก แล้วก็แพงมากด้วย นี่เลยมานึกถึงอดีตเมื่อวันวานตอนที่ยังหาหาได้ง่าย ๆ อยู่ ซึ่งสตอรี่สามารถสอนอะไรได้หลายอย่างรวมถึงด้านธุรกิจ
.
ตอนนั้นปาทังก้าระบาดในหลายประเทศ หนึ่งในนั้นคือประเทศไทย เกษตรกรเครียดมากเพราะถ้าตั๊กแตนลงไร่นาพื้นที่ไหนคือหมดทุกอย่าง รัฐบาลเลยกำลังจะโปรยยาฆ่าแมลงเพื่อควบคุม (ซึ่งประเทศอื่นก็ทำแบบนี้แต่ไม่ได้ส่งผลอะไรเลย)
.
ทางเกษตรกรเลยขอเปลี่ยนแนว บอกรัฐบาลอย่าเพิ่งฆ่า ขอลองจับไปขายได้มั้ย ปรากฎว่าขายดีทั้งตัวและไข่ คนไทยชอบกินมาก เกษตรกรถึงขั้นปลูกข้าวโพดเพื่อจับตั๊กแตนมาขายโดยเฉพาะ
.
ภาพช่วงนั้นจำได้ลาง ๆ ว่าเห็นคนแบกปาทังก้ามาขายเป็นกระสอบ ๆ เลย (นี่คือขนาดเป็นช่วงหลังจากควบคุมการระบาดได้แล้วด้วยนะ)
.
จากนั้นปาทังก้าทอดก็ค่อย ๆ หายไป ยังพอหาได้แต่แพงขึ้น มารู้ทีหลังว่า อ่อออ น้องขยายพันธุ์ไม่ทันคนไทยกินจ้าาา สุดท้ายที่ขายตอนหลัง ๆ คือฟาร์มเลี้ยง ในขณะที่ประเทศอื่นเครียดกัน คนไทยไม่พอกินนนน
.
หลังจากนั้นน้องก็ไม่เคยระบาดในไทยอีกเลย ประเทศอื่นมีการระบาดของตั๊กแตนทะเลทรายบ้าง ตั๊กแตนไผ่บ้าง แต่ก็ไม่เคยแวะมาไทย
.
เหตุการณ์เดียวกันเกิดกับหอยเชอร์รี่และอาจจะกำลังเกิดกับปลาซักเกอร์เร็ว ๆ นี้ ...
.
คนรุ่น ๆ เราน่าจะรู้เหตุการณ์นี้กันทุกคน แต่ที่เอามาเล่าให้ฟังตอนนี้ก็เพราะ ... การเลี้ยงแมลงพวกนี้อาจเป็นทางรอดของมนุษย์ในวิกฤติอาหารที่กำลังจะเกิดขึ้นก็ได้นะ แล้วก็ไม่ได้แต่สเกลระดับประเทศด้วย แต่เป็นระดับโลกเลย 😃
"เมื่อก่อนผมเขียนถึงภัยคุกคามจากการล่าอาณานิคมของจีน คนก็เข้ามาด่าว่าผมเป็น Sinophobia
วันนี้คนไทยได้เริ่มเห็นภัยคุกคามที่ว่าแล้ว
มาวันนี้ผมเขียนถึงภัยคุกคามที่แฝงมาในรูปศาสนาซึ่งรับบทเหยื่อที่ถูกรังแก ก็มีคนเข้ามาด่าว่าผมเป็น Islamophobia
สักวันคุณก็จะเห็นเองว่าผมหมายถึงอะไร"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ด้วยเหตุลด 140,000
เครียดทุกวัน เริ่มจะเป็นซึมเศร้าแล้วค่ะ
ไม่สามารถ move on จากเหตุการณ์นี้ได้เลยค่ะ
เราซื้อรถตอนลด 40,090บาทนะคะ โดยเซลล์บิ้วค่ะ ให้รีบซื้อ เพราะราคาอาจจะกละบมาเท่าเดิม เลยซื้อวันสุดท้ายของแคมเปญที่เซลล์แจ้งคือ 30เม.ย. พอหลัง เม.ย ราคาก็ไม่ได้ดีด ก็ไม่เป็นไร
แต่วันที่ 22 มิ.ย. ลดจาก 40,090 เพิ่มอีก 100,000บาท และยังแถมฟิล์ม ซึ่งเราติดเองกับbyd ราคา 9,630บาท
ที่จริงมันไม่ใช่แค่ลดราคา 1แสน หรือ 140,090นะคะ แต่ สำหรับคนผ่อนมันมากกว่านั้นมากๆ ค่ะ
เราขอสินเชื่อผ่าน กรุงศรีออโต้ ผ่านโดยไม่ต้องใช้เอกสารอะไรเพิ้มเติม โดยเซลล์แจ้งว่า กรุงศรีออโต้ กำหนดว่าเราเลือกดาวน์และผ่อนต่อเดือน อันไหนก็ได้ แต่ต้องมียอดผ่อนต่อเดือนสูงสุดไม่เกอน 9,000บาท ถ้าอยากผ่อนมากกว่านี้ต้องยื่นเอกสารเพิ่ม ซึ่งไม่รู้จะผ่านไหม ถ้าไม่ผ่านต้องเปลี่ยนค่ายสินเชื่อ และสินเชื่ออื่นต้องยื่นเอกสารต่างๆมากมาย
เราเลยเชื่อเซลล์และไม่ได้ยื่นเอกสารเพิ่ม จึงเลือกดาวน์ 20% ผ่อน 72งวด = 131,980 + 8,736x72
ติดฟิล์มอีก 9,860 บาท ทั้งหมด คือ 744,912 บาท
แต่ยอดใหม่ ด้สยความที่ลดเพิ้มไปเยอะ ยอดจัดจึงน้อยลงมาก ยึดที่เซลล์บอกว่าเราผ่อนได้ไม่เกิน 9,000ต่อเดือน เราสามารถเพิ่มเงินดาวน์อีก 30,000 เลือก ดาวน์ 30% คือ 167,970 ผ่อน 8,812 48งวด = 167,970+8,812x48 ฟรีฟิล์ม = 590,946 บาท
สรุป 744,912 - 590,946 = 153,966 บาท นี่คือส่วนต่างที่เราสูญเสียไป จากแค่ลดเพิ่ม 100,000 บาท ตอนนี้เราเครียดทุกวัน นอนไม่หลับ ในหัวมีแต่เรื่องนี้ พยายามเอาคำพูดบวกๆ จากพี่ๆในกลุ่ม จสกคนรอบข้างมาคิด พยายามเปลี่ยนทัศนคติแล้ว แตาไม่ไหวจริงๆค่ะ move on กลับมาที่เดิม ตอนนี้มีปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตมาก ร้องไห้ทุกวัน กลางคืนก็ยอยไม่หลับ กลายเป็นคนนอนหละบยาก จากที่หลับง่ายมากๆ เราสามารถฟ้องบริษัทได้ไหมคะ มันกระทบต่อ ชีวิตเราเกินไปค่ะ
ข้อมูล จากวงในที่น่าสนใจในปีนี้คือ มีร้านอาหาร ในระบบของวงใน 7แสน ร้าน แต่ปีนี้มีร้านอาหารปิดตัวไปแล้ว ถึง 1 แสนร้าน โดย วงใน สรุปเทรนวงการร้านอาหาร เอาไว้ว่า “ เข้าง่ายออกง่าย ทุนน้อยเจ๊งเร็ว มืออาชีพเท่านั้นที่รอด “
มันทำให้ผม เห็นภาพว่า วงการร้านอาหาร มันเปลี่ยนไปจากอดีตมากขนาดไหน จากแต่ก่อนร้านอาหารคือธุรกิจที่เหมือนไม้ยืนต้น แต่ละร้าน อยู่ยงคงกระพัน ผ่านร้อนผ่านหนาวกันมาได้ ถึงสามสิบสี่สิบปี กำลังกลายมาเป็น ธุรกิจไม้ล้มลุก ที่โตเร็ว แต่ก็ตายง่าย
ในมุมมองผม หากประเทศไทยต้องการ ขับเคลื่อนนโยบาย softpower ด้านอาหาร ไปสู่การ เป็นมหาอำนาจด้านอาหารในระดับโลก เหมือน อย่าง ญี่ปุ่นหรือ อิตาลี เราคงต้องมานั้งทบทวน เปลี่ยนทิศทาง ของวงการร้านอาหารในประเทศ ให้มีความเป็นมืออาชีพ มากกว่านี้
คำว่า มืออาชีพ สำหรับผม ในวงการร้านอาหารคือ วงการนี้ควรมีมาตรฐานสูงกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่ร้านอาหารคือธุรกิจของคนสิ้นคิดสิ้นหวัง คิดทำมาหากินอะไรไม่ได้ ตกงาน ก็มาเปิดร้านอาหารตามสั่ง และผมบอกเลย คำว่า ร้านอาหารตามสั่งนี้แหละ มันคือจุดอ่อนของอาหารไทยที่กำลังพาเราหลงทิศหลงทาง
เพราะอะไร เพราะ ร้านอาหารตามสั่งกำลัง ถูกบีบ จากทั้งฝั่ง นายทุนที่ผูกขาดราคาวัตถุดิบในการปรุงอาหาร เช่นเนื้อไก่อยากขึ้นราคาจาก 50 เป็น 100 บาท ก็ทำมาให้เห็นแล้ว และในอีกด้านร้านอาหารตามสั่ง ก็กำลังถูกบีบ จากฝั่งผู้บริโภค ที่นับวันก็ยิ่งทำตัวเหมือนตัวเองเป็นพระเจ้าขึ้นทุกวัน
เพราะคำว่า ตามสั่ง นี้แหละ เลยทำให้ลูกค้านิสัยเสีย ชอบสั่งเหมือน คนทำอาหารเป็นขี้ข้า ยิ่งพอสั่งผ่านแอฟได้ ยิ่งไร้มารยาท ขอข้าวเพิ่ม ขออะไรต่อมิอะไรเพิ่ม อะไรเอาเปรียบได้ ลูกค้ากลุ่มนี้ เอาเปรียบร้านหมด พอร้านทำให้ไม่ได้ดั่งใจ ก็ โวยวายหักคะแนนร้าน กด 1 ดาว ทำร้ายคนทำมาหากินกันแบบไร้เยื่อใย
เมื่อ ถูกบีบทุกทาง จะขึ้นราคาขายก็แข่งขันกับเจ้าอื่นไม่ได้ ทำขาย delivery ก็มีต้นทุน แฝงมากมาย ทั้ง ค่า เครื่อง POS ค่า อินเตอร์เน็ต ค่าการตลาด ค่า packageing
สุดท้ายทางรอดเดียวคือ ลดต้นทุนวัตถุดิบ เอาถูกที่สุดเข้าว่า คุณภาพไม่สน ข้าวเลือกแข็งๆ ถูกๆ ห่วยๆ เนื้อเลือกแบบเศษที่คัดทิ้ง นำ้มันทอดก็นานๆเปลี่ยนที
พอเป็นแบบนี้ ผมก็มองว่า วงการร้านอาหารตามสั่ง นับวันก็มีแต่จะแย่ลงๆ
แต่มันก็ยังมีคนใหม่ๆพร้อมที่จะเข้ามาวัดดวงเปิดร้านใหม่อยู่เสมอ เพราะคนไทยสมัยนี้ กินอะไรอย่างอื่น ไม่เป็นแล้วนอกจาก ผัดกะเพราไข่ดาว
ทั้งๆที่อาหารตามสั่ง ต้องทำจานต่อจาน ต้นทุนแรงงานและเวลาสูงกว่า อาหารตักแบบข้าวแกงหลายเท่า ทำหนึ่งจานเสร็จต้องล้างกะทะ ค่าแก็ส เปิดไฟแรงทอดไข่ดาว กรอบๆ ไข่แดงไม่สุกตามใจวัยรุ่น ก็แพงมิใช่น้อย เราเห็นได้ชัดว่า เทรนการกินอาหารไทยของคนรุ่นใหม่นั้น ความคาดหวังของลูกค้าไม่สอดคล้องกับราคาที่ลูกค้าพร้อมจ่าย คือ เอาแต่ใจมากขึ้น เห็นแก่ตัวกันมากขึ้น เช่นลูกค้ามากันห้าคน ป้ายร้านเขียนอยู่ชัดๆ ว่าร้าน ข้าวขาหมู แต่ลูกค้าคนหนึ่งในห้าคนเรียกร้อง จะกินกะเพราไข่ดาว ถ้าไม่มีเพื่อนๆ คนอื่นก็ต้องย้ายร้านตาม สุดท้าย เจ้าของร้านก็ต้องเพิ่มเมนู เพิ่มต้นทุน เพิ่มภาระ จาก ร้านขายของอร่อย อยู่ได้ด้วยเมนูข้าวขาหมูอย่างเดียว ก็กลายเป็น ร้านที่ทำได้ทุกอย่างแต่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง
อีกหนึ่งความกังวลของผมคือ ความหลากหลายทาง เมนู ที่คนไทยนิยมนั้นลดลงอย่างรวดเร็วมาก นำ้พริก และแกงหลายๆอย่าง คนไทย เริ่มกินไม่เป็นกันแล้ว คือ ไม่รู้ว่า มันอร่อยยังไง วันๆ คนไทยใช้เวลานึกหาของกินกันเยอะมากแล้วก็นึคไม่ออกว่าตัวเองอยากกินอะไรสุดท้ายก็ไปจบที่ตัวเลือกเดิมๆ เพราะความรู้จักอาหารต่างๆน้อยลง อีกไม่นาน เราจะเห็นเมนูอาหารเก่าๆอีกหลายเมนูหายไปจากสังคมไทย ผมเสียดาย คอนเซป ร้านข้าวแกงมากนะ ในมุมคนทำอาหาร คอนเซปร้านข้าวแกงนั้นบริหารจัดการต้นทุนง่ายกว่า ร้านอาหารตามสั่งมาก สะดวกและเร็ว แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม่คนไทยเดียวนี้ ไม่กินข้าวแกงราดข้าวกันอีกแล้ว
นี้ยังไม่รวมอาหารต่างชาติที่เข้ามาตีตลาดไทยได้อย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ที่เริ่มเปลี่ยนจากอาหารมื้อพิเศษจนกลายเป็นอาหารประจำวันของใครหลายๆคน
วงการอาหารไทย เราไม่สามารถเป็นไม้ยืนต้นเหมือนในอดีตได้ หากยังโดนบีบราคาขาย และต้นทุนแฝงแบบนี้ อาหารไทยดีๆ มีคุณภาพหนึ่งจานควรมีราคาขาย ไม่ตำ่กว่า 120 บาทแล้ว แต่จะทำอย่างไรได้ ค่าแรงบ้านเรายังต่ำเตี้ย อยู่ที่ 300 แล้วเราจะหวังให้คนไทยได้กินของดีมีคุรภาพได้อย่างไร
และสุดท้าย อันนี่ผมว่า น่าสงสารมาก ร้านอาหารตามสั่ง ขายผ่าน Lineman อยากอยู่รอด ต้องจ่ายค่าการตลาด ต้องยิงโฆษณา ถึงขายได้ สำหรับหลายๆร้านที่จนตรอกเขาก็ไม่มีทางเลือก ต้องวัดดวง เสียเงินยิงโฆษณา ยิงเข้าก็รอด ยิงพลาดก็ตาย ผมมองว่าระบบแบบนี้ นอกจากปลาใหญ่กินปลาเล้กแล้ว มันยังเป็นระบบงูกินหาง คือกินตัวเองจนตาย ที่สุดท้าย ใครเป็นคนทำอาหารขายก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง
อันดับความน่ารำคาญบนอินเทอร์เน็ต
1. อสังหาbro 🆕⬆️
2. AIbro ⬇️
3. ลงทุนbro, คริปโตbro ⬇️
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เลิกกันมาอาทิตนึงละครับตั้งแต่กลับจากทริปสวิสไว้รอข่าวประกาศจริงๆก่อนไว้มาเม้าลงรายละเอียดให้ฟัง
ง่ายๆผชลูกแหง่ ปสด+แม่ปสด บฟทนไม่ไหว
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"อ่านจากฝั่งคนทำอสังหาแล้วสรุปได้ว่า
คนทำอสังหาแพลนนิ่งไม่ดี วิเคราะห์ตลาดผิดพลาด สร้างจน oversupply ขายไม่ได้เอง
แต่มาโทษว่าเพราะคนไทยไม่มีปัญญาซื้อ เลยต้องให้ต่างชาติมาซื้อเพิ่ม โดยการแก้กม.
(แต่ไม่โทษตัวเองนะว่าวิเคราะห์และลงทุนผิดแต่แรก)
จีเนียสจริงๆ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
***แต่งรถด้วยความระมัดระวัง***
รถยี่ห้อนี้ต้องขับเดิมๆ ห้ามเปลี่ยนอะไรนะ
แค่ใส่ล้อแม็กมา ตอนนี้ลูกปืนล้อหน้าซ้ายแตก
ศูนย์บอกหมดประกัน รถเพิ่งวิ่งได้ 12,000โล
อาการคือวิ่งแล้วมีเสียงหอนดัง กับ เปิดพัดลมแอร์เบอร์7 แล้วเสียงพัดลมดังมากเหมือนใบพัดจะหลุด แล้วสั่นเขามาถึงแป้นเบรค แต่พอเบาพัดลมเบอร์2-3 จะหายดัง
ศูนย์แจ้ง เพราะเปลี่ยนล้อมา หมดประกัน
เรื่องจาก เอกพงษ์ นวกิจธนสาร
Hidden Message เท่าที่จับได้ในหนัง Inside Out 2 (มีสปอยล์เนื้อหา ใครยังไม่ดูข้ามไปก่อน)
.
.
.
.
.
1) ในช่วงเข้าสู่วัยรุ่น อารมณ์จะซับซ้อนขึ้น - จากตอนแรกที่มีแค่ 5 อารมณ์พื้นฐานสำหรับการเอาตัวรอด พอเข้าสู่ช่วงแตกเนื้อหนุ่มสาว อารมณ์ที่ซับซ้อนขึ้นก็ปรากฏตัวขึ้นมา โดยกำลังหลักคือ Anxiety (วิตกกังวล) เพราะเราจะเริ่มเข้าสู่ชีวิตที่กังวลต่ออนาคตแล้ว ไม่เหมือนตอนเด็ก
.
2) ช่วงวัยที่อารมณ์พื้นฐานถูกปิดบัง - จากที่สุขคือสุข เศร้าคือเศร้า ก็จะกลายเป็นอารมณ์อื่นที่ปิดบังอารมณ์พื้นฐานเหล่านั้น ความตื่นตระหนก ความเฉยชา ความอาย ความอิจฉา ล้วนเป็นการปรุงแต่งขึ้นมาเมื่อพ้นวัยเด็ก อย่างไรก็ตาม มันแรงมากจนเข้าควบคุมตัวตนและผลักดันอารมณ์พื้นฐานให้ออกไปไกล ๆ ได้
.
3) แต่ผู้ใหญ่ก็เหลือแค่ 5 อารมณ์พื้นฐาน - ในตอนจบจะเห็นว่าพ่อแม่ก็มีอารมณ์เหลือแค่ 5 อันเดิมอยู่ดี แต่มี Anxiety แวะมาทักทายบ้าง (ในบทสนทนาใช้คำว่า Welcome Back แปลว่าหายไปนานแล้ว) แต่ก็ไม่ได้มาควบคุมคอนโซล เป็นการบอกเป็นนัยว่าพอผ่านอะไรเยอะเข้า พวกอารมณ์ปรุงแต่งก็จะลดลงจนเหลือแค่พื้นฐานเหมือนเดิม แต่ก็อาจจะไม่เสมอไปอ่ะนะ
.
4) เมื่อถูก Anxiety เข้าควบคุม มันจะกลับไปปกติยากมาก - ในฉากพีคจะเห็นว่า Anxiety วิ่งวนจนกลายเป็นพายุที่พัดทุกคนออกไปจากคอนโซล การจะมีอารมณ์อะไรเข้าไปแทรกได้คือยากมาก สุดท้ายถึง Joy จะมีพลังพอจะแทรกเข้าไป แต่คนเดียวที่จะหยุดได้คือ Anxiety เองที่ต้องปล่อยมือ เช่นเดียวกับกับชีวิตจริง ถ้า Anxiety เข้าควบคุมแล้ว มันจะรวนไปหมด ต้องตั้งสติและกำจัดอารมณ์นี้ออกไปให้ได้ก่อน ไม่งั้นจะทำอะไรไม่ได้เลย --- สำหรับคนที่ไม่เข้าใจคนวิตกกังวล พานิค ซึมเศร้า ข้อนี้ทำออกมาได้ชัดมาก
.
5) ต้องรู้จักหัดควบคุมความวิตกกังวล - ในหนังจะเห็นว่า Anxiety ก็ยังอยู่ แต่ถูกจับนั่งเบาะนวดจิบชา เป็นการบอกว่า Anxiety มันไม่ไปไหนหรอก แต่ระหว่างที่มันไม่ได้คุมคอนโซลอยู่ เราต้องรู้จักควบคุมความวิตกกังวลเพื่อไม่ให้มันใหญ่โตขึ้นมา
.
6) ตัวตนถูกสร้างจากประสบการณ์ที่พานพบ - อันนี้ตรงไปตรงมา ทุกคนสร้างตัวตนขึ้นมาจากสิ่งที่พบเจอมาในอดีต ก่อเป็นความเชื่อของตัวเองในปัจจุบัน และนั่นทำให้แต่ละคนไม่เหมือนกันเลย
.
7) คนเราไม่ได้มีแค่ตัวตนเดียว - ตอนที่ลูกแก้วไหลลงบ่อความเชื่อจนสร้างเป็นตัวตนมากมายออกมาในตอนจบ ไม่ว่าจะเป็น ฉันเป็นคนดี ฉันไม่ดีพอ ฯลฯ แต่ทุกตัวตนนั้นกำหนดให้เราเป็นเราอย่างทุกวันนี้ซึ่งอาจแปรเปลี่ยนไปได้ตามสถานการณ์
.
8) Joy ก็เหนื่อยได้ร้องไห้ได้ - ถึงในภาคแรก Joy จะร้องไห้ให้เห็นแล้ว แต่ภาคนี้ Joy มีฉากสติแตกและบ่นว่าคิดว่ามันง่ายนักหรอที่ต้องคิดบวกตลอดเวลา ก่อนจะทรุดลงนั่งร้องไห้ กลายเป็นอารมณ์อื่นจะต้องช่วย Joy แทน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นจริง Toxic Positivity ที่ต้องคิดบวกตลอดเวลาจนถึงวันนึงก็ระเบิดออกมามันไม่ได้ส่งผลดี แม้แต่อารมณ์ด้านบวกก็ยังหมดแรงนั่งร้องไห้ สุดท้ายทุกอารมณ์สำคัญหมดในการพยุงให้แต่ละคนเดินไปข้างหน้า
.
9) น้ำตามันช่วยได้นะ - มันจะมีฉากที่เศร้าซึมกดคอนโซลแล้วไรลี่ร้องไห้ จอยบอกว่าน้ำตามันช่วยได้นะแล้วก็ลั่ลล้าต่อไป เป็น Message เล็ก ๆ ที่บ่งบอกการยอมรับหลาย ๆ อารมณ์เพื่อให้ไปต่อได้ ไม่ใช่การกดเก็บไว้
.
สุดท้าย ชีวิตไม่ใช่การกดเก็บอารมณ์ ความรู้สึกหรือความทรงจำ แต่เป็นการยอมรับทุกสิ่งและให้มันเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น ไม่งั้นความทรงจำที่กักเก็บไว้ วันหนึ่งก็จะพรั่งพรูออกมาในภายหลังอยู่ดี ดั่งที่เห็นในฉากกองพะเนินของลูกแก้วความทรงจำที่ไม่ดีนั่นเอง =)
บุเรงนองนามราชเจ้า จอมรา มัญเฮย ยกพยุหแสนยา ยิ่งแกล้ว มอญม่านประมวลมา สามสิบ หมื่นแฮ ถึงอยุธเยศแล้ว หยุดใกล้นครา
พระมหาจักรพรรดิเผ้า ภูวดล สยามเฮย วางค่ายรายรี้พล เพียบหล้า ดำริจักใคร่ยล แรงศึก ยกนิกรทัพกล้า ออกตั้งกลางสมร
บังอรอัคเรศผู้ พิศมัย ท่านนา นามพระสุริโยทัย ออกอ้าง ทรงเครื่องยุทธพิไชย เช่นอุป-ราชแฮ เถลิงคชาธารคว้าง ควบเข้าขบวนไคล ฯ
พลไกรกองน่าเร้า โรมรัน กันเฮย ช้างพระเจ้าแปรประจัญ คชไท้ สารทรงซวดเซผัน หลังแล่น เตลิดแฮ เตลงขับคชไล่ใกล้ หวิดท้ายคชาธาร ฯ
นงคราญองค์เอกแก้ว กระษัตรีย์ มานมนัสกัตเวที ยิ่งล้ำ เกรงพระราชสามี มลายพระ-ชนม์เฮย ขับคเชนทรเข่นค้ำ สะอึกสู้ดัสกร
ขุนมอญร่อนง้าวฟาด ฉาดฉะ ขาดแล่งตราบอุระ หรุบดิ้น โอรสรีบกันพระ ศพสู่ นครแฮ สูญชีพไป่สูญสิ้น พจน์ผู้สรรเสริญ ฯ
“อยู่ประเทศนี้ ต่อให้ระมัดระวังตัวเองดีแค่ไหน แต่สะเก็ดความจัญไรมันก็พร้อมกระเด็นมาโดนเราได้ง่ายๆเสมอ ไม่ว่าในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ทำไมเพลงของลิซ่าที่เพิ่งปล่อยตัว และมีผู้เข้าชม MV เป็นจำนวนมาก รวมถึงเพลงก่อนหน้านี้ที่เป็นเพลงของ
BlackPink แม้จะประสบความสำเร็จในแง่ยอดขาย แต่ไม่ประสบความสำเร็จในตลาดตะวันตก และไม่มีเพลงไหนที่กลายเป็นเพลงคลาสสิค นั่นเพราะเพลงเหล่านี้มีเมโลดี้เหมือนกันหมด เพลง Rockstar นี่ถอดแบบมาจากเพลง BlackPink ติดตลาดวันนี้ พรุ่งนี้คนก็ลืม เพลงเหล่านี้ commercialised มาก manufactured มาก ไม่มี creativity ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าตำหนิว่าเพลงแย่ แต่จุดมุ่งหมายอยู่แค่การขายวันนี้ มากกว่าดันให้ลิซ่าเป็นศิลปินที่คนจดจำในระยะยาวเพราะขายความคลาสสิค (คลาสสิคในที่นี้ ไม่ใช่เพลง classical อย่าสับสนค่ะ)
ขนาดนักร้องเบียวประชาธิปไตยอย่างน้องอิมเมจิ้น ยังคบกับอีลิทที่เคยออกไปเป่านกหวีด
นับประสาอะไรกับอุดมการณ์ของพวกศิลปินคนอื่น ตอนนั้นอาจจะโดนล่าแม่มดหรือคิดว่ามันเท่ห์
จึงออกมาประกาศจุดยืนให้พวกเฟมทวิตเอาไปอวยข้ามวันข้ามคืน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อุดมการณ์กินไม่ได้ แต่คาราบวยแดงกินได้ มีวิตามิน B12
#มิตรสหายท่านสอง
ผิดหวังจากน้องอิมเมจิ้นเหรอครับ
#มิตรสหายท่านสาม
เอาที่สบายใจครับ ถึงน้องไม่คบกับคนนั้น เขาก็ไม่เอาผมอยู่ดี
แค่อยากจะบอกว่า พวกนี้มันปากว่าตาขยิบทั้งนั้น หลงใหลพอประมาณ
อย่าหน้ามืดตามัวเหมือนติ่งสมัยนี้
#มิตรสหานท่านหนึ่ง
สาววายสมองไหล สาววายผิดเสมอ
#มิตรสหายท่านสอง
ให้เธอได้กับเขา และจงโชคดี อย่ามีอะไรต้องเสียใจ
#มิตรสหายท่านสอง
ตามนั้นครับ ตอนประกวดเขาดังจากเพลงนี้ คงเจริญรอยตามเจ้าของเพลง
#มิตรสหายท่านสาม
ทุกประเทศจับตาการเลือกตั้งสหรัฐฯ เพราะสหรัฐฯ มีบทบาทนานาชาติเยอะ 🇺🇸
มีหลายประเทศไม่พอใจสภาพนี้ แต่ก็เกิดจากธรรมชาติของประเทศที่ชนะสงคราม และขนาดเศรษฐกิจเคยใหญ่กว่าทุกประเทศรวมกันมาก่อน (สถานการณ์คล้ายกับลาวที่มีสภาพเป็นเหมือนจังหวัดของไทย/จีน)
ช่วงเวลาสั้นๆ ในประวัติศาสตร์ หลังการทิ้งระเบิดที่ญี่ปุ่น สหรัฐฯ เป็นประเทศเดียวที่มีอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งไม่มีใครต่อกร มีแสนยานุภาพพอจะตั้งรัฐบาลโลก ปลดอาวุธทุกคนได้ แต่ไม่ทำ ไม่มีแม้แต่การล่าอาณานิคมหรือผนวกดินแดนเม็กซิโกมาเพิ่ม
Thought exercise: ถ้าอำนาจแบบนั้นตกอยู่กับรัสเซียหรือจีน โลกเราวันนี้จะเป็นแบบใด
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เนื่องจากท่าน pesard เพิ่งไปกด SSD มาวันเพย์เดย์ พวกเราเลยคุยกันเรื่อง SSD ตัวไหนน่าเล่น
บวกกับเพื่อนก็เพิ่งถามว่าตัวไหนน่าเล่น แต่ดันไปกด NV2 มา (มันคือ SSD ต้องห้ามตัวถูก)
ราคานี้จริงคือ มีตัวคุ้มอยู่คือ T-FORCE CARDEA Z440 ถามว่าเพราะอะไร เพราะว่า
TF Z440 มันมีทั้ง DRAM และ NAND ก็เป็น TLC (2 อย่างนี้จะมีในพวก SSD M.2 ตัวท็อปๆทั้งนั้น)
ทีนี้มาดูว่าผมใช้อะไรมาบ้าง
1 WD SN 750 <<<< (ตัวนี้ SSD เทพของ 3.0 เป็น TLC ที่มี DRAM)
ผลเทสเจ้าไหนก็ว่าเทพ แต่ 750SE กับ 770 ห่วยฮะอย่าไปซื้อ ตอนนี้ต้องไปเล่น 850 ขึ้นไป
2 PNY XLR8 CS3030 2 TB <<<< ตัวนี้ก็ TLC ที่มี DRAM ผมซื้อตอนนั้นไม่แพงเอามาใช้ก็ไม่ผิดหวังฮะ
รุ่นต่อมา CS3140 เป็น 4.0 ก็น่าลองฮะ มี 4TB ด้วย
3 Transcend MTE250S 2 TB <<<< ตัวนี้ก็มี TLC ที่มี DRAM ตอนนั้นราคาไม่แพงผมกดมา 2 ใส่ใน PS5
ความเร็วก็ไม่ได้ย่อนไปกว่า SS 980PRO หรือ 990PRO เท่าไหร่ (แต่ยังไม่เร็วเท่าของ SSD PS5)
4 Sumsung 980PRO และ 990PRO 2TB<<<< ผมมี2 รุ่นนี้ใช้หลายตัวมาก ไม่ผิดหวัง ราคาสูงหน่อยแต่คุ้ม (คุ้มดว่าซื้อ SN850)
และไม่ต้องห่วง TLC DRAM แน่ๆ แต่ที่ฮาคือ ไม่เทพเท่า 970PRO เพราะตัวนั้น MLC และแพงมากๆ
5 hiksemi future 4TB<<<< ผมลองดู มันถูกดี ความจุเยอะ เป็น TLC แต่ไม่มี DRAM มันให้ HMB มาแทน
เท่าที่ลองใช้ก็พอถูไถ แต่คาดว่าเวลาใกล้เต็มน่าจะอืด
ุ6 Kington NV1 <<<< ห่วยถอดทิ้ง มีทางเลือกก็อย่าใช้ฮะ แต่จริงๆมันใช้งานเบาๆได้ เป็นสโตร แต่อย่าลงวินโด้
ึ
7 WD SN550 1TB <<<< TLC แต่ไม่มี DRAM มี HMB ตัวนีี้พอได้คุ้มไม่แพง 1 เทตอนนั้นกดโค็ต 1800 ถูกมากๆฮะ
8 Samsung 970 EVO 250 <<<<ตัวนี้ยังใช้อยู่ฮะ TLC ที่มี DRAM ในราคาไม่แพงเลยยุคนั้น
9 Silicon Power Ace A55 4TB <<<< สี่เทครับสี่เท เข้าขั้นแย่เพิ่งซื้อมาด้วย อืดมากๆฮะ
10 colorful SSD SL500 <<< นี่ก็แย่อย่าไปใช้ฮะ IPASON ตัวแทนจำหน่ายก็หายเข้ากลีบเมฆ
***** HMB ย่อมาจาก (host memory buffer) มันจะทำงานคล้าย มี DRAM แต่ไม่เท่าดีกว่าไม่มีใน M.2 จะมีทุกตัว(เท่าที่เห้นนะฮะ) แต่ HMB บางตัวก็ไม่กระจอกนะฮะ ให้มาเยอะ เช่น WD SN 580
เพื่อนๆท่านใดจะซื้อ SSD ผมแนะนำให้เข้าไปดู สเปคใน
https://www.techpowerup.com/ssd-specs [Link]
เว็ปนี้ดีมากๆฮะ รายละเอียดเยอะและตรงกว่าผู้ผลิตอีกฮะ
"จะบอกว่า top 10% ของ Gen Z เท่าที่เห็น ศักยภาพสูงกว่า top 10% ของ Gen Y เมื่ออายุเท่ากัน
แต่ว่า bottom 50% นั้นไร้ประโยชน์กว่าใช้ได้เลย มันถ่างกันเป็น bimodal จริงๆ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
お金があったらたくさん綺麗な子に会いたいなあ
子供達が母を幸せにするのが、自然の原理。
The sentence "子供達が母を幸せにするのが、自然の原理。" translates to "It is a natural principle that children make their mother happy." Let's break down the grammar points in this sentence:
子供達 (こどもたち) - "children" (plural form of "子供 (こども)" meaning "child").
が - Subject marker. It indicates that "子供達" is the subject of the sentence.
母 (はは) - "mother."
を - Object marker. It indicates that "母" is the direct object of the verb "する."
幸せにする (しあわせにする) - "to make happy." This is a verb phrase where "幸せ (しあわせ)" means "happiness," and "する" means "to do" or "to make."
のが - This is a nominalizer and subject marker combination. "の" turns the preceding clause ("子供達が母を幸せにする") into a noun phrase, and "が" marks it as the subject of the main clause.
自然の原理 (しぜんのげんり) - "natural principle." Here, "自然 (しぜん)" means "nature" or "natural," and "原理 (げんり)" means "principle."
In summary, the sentence structure can be broken down as follows:
子供達が母を幸せにするの (The fact that children make their mother happy)
が、 (is)
自然の原理 (a natural principle).
漢字は読むのは得意ではないけどかけます
ผมต้องยอมเสียเงิน 300,000 บาท เพื่อบินไปดูตลาดออนไลน์ในประเทศจีน ที่ว่ากันว่า เขานำหน้าไทยไป 2 ปี
.
แน่นอนว่า เงินจำนวนนี้มันไม่น้อยเลย ถ้าเทียบกับรายได้เฉลี่ยของคนไทย
.
แต่ทันทีที่ผมได้ล่วงรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดออนไลน์ของจีนในปีนี้
.
มันกลับทำให้เงิน 300,000 บาท กลายเป็นของราคาถูกไปเลย !!
.
นั่นก็เพราะ ถ้าผมไม่ได้รู้เรื่องนี้ล่วงหน้า ผมต้องเสียเงินไปมากกว่า 300,000 บาท แน่นอน 100%
.
ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ การเดินทางไปดูงานในครั้งนี้ มันทำให้ผมได้คำตอบว่า “ทำไมคนจีนที่ขายสินค้าราคาถูก กำไรบางๆ ถึงได้หนีมาขายที่ประเทศไทยมากมายขนาดนี้ ?”
.
ซึ่ง 3 สิ่งที่ทุกๆ บริษัทจีนที่ผมไปดูงานมา พูดเป็นเสียงเดียวกัน ก็คือ
.
1. ตอนนี้ที่ประเทศจีน ถ้าอยากให้คนดูเห็นคอนเทนต์ เห็นคลิป จะต้องจ่ายเงินซื้อการมองเห็นเท่านั้น ที่ไทยแพลตฟอร์มเขายังเปิดการมองเห็นอยู่ ให้รีบทำตั้งแต่ตอนนี้ !!
.
2. ค่าธรรมเนียมทุกอย่างนั้น ราคาแพงพอๆ กับเอาของไปขายในห้างดังๆ เลย !!
.
3. Influencer และ KOL ที่มีคุณภาพค่าตัวแพงขึ้น จนธุรกิจระดับเล็ก ถึง ระดับกลาง จ่ายไม่ไหว !!
.
.
นั่นหมายความว่า ธุรกิจที่จะอยู่ได้ มีเพียงธุรกิจ 2 ประเภท เท่านั้น คือ
.
1. แบรนด์ใหญ่ ที่สามารถขายสินค้าราคาสูงได้
.
เพราะเมื่อขายราคาสูงได้ Gap กำไร ก็เหลือเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมด
.
แถมแบรนด์ใหญ่นี่แหละ ที่จะสามารถทำเงิน ทำกำไร ให้กับแพลตฟอร์มได้จริงๆ
.
เพราะเมื่อเขาสามารถขายได้โดยไม่ต้องลดราคา แพลตฟอร์ม ก็ไม่ต้องซัพพอร์ต โค้ตส่วนลด หรือ ส่งฟรี ให้ !!
.
ยกตัวอย่าง ถ้าคุณจะซื้อสินค้า Apple ในแอปจีน คุณคิดว่า คุณจะได้ส่วนลด 20% 30% 50% เหมือนกับสินค้าอื่นๆ ไหม ?
.
คำตอบ คือ ไม่ !! จริงไหม ? เผลอๆ ต้องซื้อราคาเต็มด้วยซ้ำ
.
และ เมื่อแบรนด์สามารถขายได้ในราคาเต็มโดยไม่ต้องลดราคา แพลตฟอร์มเขาก็สามารถเก็บเงินค่าธรรมเนียมมาได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่ต่างจากการเก็บค่าเช่าในห้างเลย
.
ที่สำคัญ คือ ค่าเช่าที่ว่านี้ ไม่ได้คิดเป็นแบบเหมาๆ แต่คิดตามยอดขายอีกต่างหาก
.
เพราะอย่าลืมว่า ราคาที่คุณซื้อสินค้าทั่วไปในแอปจีนตอนนี้ มันไม่ใช่ราคาที่แท้จริงของสินค้า และ กำไรที่ผู้ขายได้ไป ก็ไม่ใช่กำไรที่แท้จริงที่มาจากราคาที่ลูกค้ายอมจ่ายเหมือนกัน
.
สมมติคุณหาผ้าห่มต้นทุนผืนละ 200 บาท มาตั้งราคาขาย 300 บาท
.
แต่แอปจีนให้โค้ตส่วนลด 50% เหลือ 150 บาท แถม ส่งฟรี !!
.
เงินกำไรเข้ากระเป๋าคุณ 100 บาท ก็จริง !! แต่ในความเป็นจริงมันก็ไม่ใช่กำไรที่แท้จริงที่คุณขายได้ !!
.
คำถาม คือ ถ้าคุณขาย 300 บาท จริงๆ คุณจะขายมันได้ไหม ?
.
คนที่ขายมันได้จริงๆ คือ แอปจีนต่างหาก คุณเป็นแค่ซัพพลายเออร์ที่หาของมาให้เขาขายเท่านั้น
.
นั่นคือ สิ่งที่ผู้ขายหลายคนก่อนหน้านี้ หลงระเริง ลืมตัว เพิ่มคน สร้างตึก ขยายโกดัง โดยไม่คิดถึงต้นทุนที่แท้จริง กำไรที่แท้จริง และ ราคาที่ลูกค้ายอมจ่ายที่แท้จริง
.
จนสุดทัายปรับตัวไม่ทันแล้วก็ต้องเจ๊งไปตามระเบียบ
.
ยิ่งตอนนี้แอปจีนเขาทำระบบนี้เป็นเรื่องเป็นราวแล้ว ทั้ง ส้ม choice และ ม่วง choice โดยการเรียกคนที่ขายในแพลตฟอร์มไปคุย แล้วให้ส่งสินค้ามาที่โกดังของเขา เดี๋ยวเขาจะเป็นคนขายเอง กำหนดราคาเอง คุณเป็นแค่ซัพพลายเออร์ที่หาของราคาดีๆ ถูกๆ มาให้เขาก็พอ
.
2. ถ้าขายสินค้าราคาแพงไม่ได้ ก็ต้องสามารถผลิตสินค้าได้ในราคาที่ต้นทุนถูกที่สุดมากๆ ไปเลย เพราะต้นทุนการผลิต เป็นต้นทุนทางเดียวที่จะสามารถลดลงเพื่อทำให้เหลือกำไร
.
แต่ปัญหาของคนไทยก็คือ “จะขายแพงก็อยู่ยาก แต่จะขายถูกมากก็อยู่ไม่ไหว“
.
นั่นหมายความว่า ถ้าคุณไม่วางกลยุทธ์รับมือตั้งแต่วันนี้
.
สุดท้ายเขาก็จะบีบคุณให้เป็นได้แค่พนักงานลูกกระจ๊อกของแอปจีน ที่เป็นได้แค่นายหน้า ที่เขาจะขึ้น จะลด จะปรับ จะบีบ จะควบคุม คุณยังไงก็ได้ !!
.
ไม่มีสิทธิ์พูด ไม่มีสิทธิ์ขัด ไม่มีสิทธิ์ขืน ถ้าไม่พอใจ ก็ทำได้แค่นั้น ต้องทน ต้องยอม ก้มหน้าก้มตา ทำตามกฎที่เขาวางไว้เท่านั้น
.
.
ซึ่งตอนนี้ เราก็เห็นกระแสของคนไทยมากมาย ออกมาพูดประมาณว่า “เลิกขายของ เลิกทำแบรนด์ มาทำนายหน้า เพราะรู้สึกได้เงินเยอะกว่า” กันแล้ว“
.
ซึ่งเหตุผลก็หนีไม่พ้น การมองเห็นลด ค่าแอดแพง ค่าธรรมเนียมขึ้น คู่แข่งตัดราคา จนแบกต้นทุนไม่ไหว นั่นแหละ
.
.
[.] เหตุผลทึ่เป็นอย่างนั้น ก็เพราะว่า หน้าทึ่ของคุณมันจบแล้ว !!
.
ที่ผ่านมาเขาแค่ใช้คุณเป็นเครื่องมือ เพื่อดึงลูกค้าที่แท้จริงของเขา ซึ่งก็คือพวกแบรนด์ใหญ่เข้ามาเท่านั้น
.
เพราะอย่าลืมว่า ยุคเริ่มต้นของออนไลน์ใหม่ๆ แบรนด์ใหญ่ๆ เขาไม่ได้เข้ามาขายออนไลน์กันนะครับ เขาก็ขายของเขาอยู่ได้ปกติ
.
แต่สิ่งที่เขาทำคือ ให้คุณหาของมาขายในแอปจีน แล้วลดราคาหนักๆ เพื่อดึงลูกค้าให้มาซื้อออนไลน์ และ เปลี่ยนพฤติกรรมของลูกค้าให้หันมาซื้อผ่านออนไลน์มากขึ้น
.
เมื่อ 2 สิ่งนี้เกิดขึ้น มันก็จะเริ่มไปกระทบยอดขายของแบรนด์ใหญ่ๆ จนแบรนด์ใหญ่จำเป็นต้องลงมาขายออนไลน์ในแอปของเขา
.
คราวนี้ เมื่อเขาได้ลูกค้าที่แท้จริง ที่สามารถเก็บค่าธรรมเนียมที่แท้จริง กำไรที่แท้จริง จากราคาที่ลูกค้ายอมจ่ายจริงๆ
.
คำถาม คือ เขาจะเก็บคนที่ผลาญเงินของเขาอย่างคุณไว้ทำไมครับ ???
.
มามะ มาเป็นลูกกระจ๊อก เป็นพนักงานขาย ช่วยเอาของจากแบรนด์ใหญ่ไปขายให้เขาดีกว่า ยิ่งคุณช่วยขายได้มากเท่าไหร่เขาก็จะยิ่งเก็บค่าธรรมเนียมที่เป็นกำไรจริงๆ จากลูกค้าของเขาได้มากขึ้นเท่านั้น ส่วนคุณก็เอาเศษเงินค่านายหน้าที่เขาเจียดให้คุณไปก็พอ
.
อย่าลืมว่า รายได้ค่านายหน้าของคุณตอนนี้ ส่วนใหญ่ ก็ไม่ใช่ค่านายหน้าที่แท้จริงนะครับ เพราะแอปเขายัง Extra ยังซัพพอร์ตให้คุณอยู่นะ ซึ่งวันหนึ่ง เขาก็ต้องหยุด Extra ให้คุณเหมือนที่เริ่มหยุดซัพพอร์ตตอนคุณเป็นผู้ขายนั่นแหละ
.
เพราะเขาทำธุรกิจ ไม่ใช่ทำมูลนิธิ ที่จะมาแจกเงินให้ใครฟรีๆ
.
และ ด้วยความที่สถานการณ์ตลาดออนไลน์ตอนนี้ในประเทศจีนมันเป็นแบบนี้ คนจีนที่อาจจะอยู่ไม่ได้ในประเทศตัวเอง จึงเอาสินค้าที่ราคาถูกๆ กำไรบางๆ จนไม่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาขายในไทยแทน
.
เพราะด้วยความที่ตลาดบ้านเรา คือ 2 ปีที่แล้วของจีน หรือ พูดง่ายๆ คือ ยังโกยได้ ประกอบกับ กฎหมายของไทยก็เอื้อให้เขาซะขนาดนั้น
.
มันก็ไม่แปลกที่เขาจะนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลาเข้ามากอบโกยในบ้านเราตอนนี้เหมือนที่เคยโกยได้ในบ้านเขา
.
แต่ประเด็น คือ คนไทยถ้าจะเอาของไปขายที่ประเทศอื่นบ้าง โดยเฉพาะขายในจีน กลับยากมหาศาล
.
[.] ที่สำคัญ คือ เขาสามารถผลิตสินค้าได้ในต้นทุนที่ราคาถูกกว่าคนไทยเรามหาศาล นั่นแสดงว่า เขามีโอกาสสูงกว่าคนไทยที่จะสามารถเป็นผู้เล่นในตลาดออนไลน์ของไทยที่เหลืออยู่ ได้ด้วยเงื่อนไขประเภทที่ 2 ของธุรกิจแน่ๆ
.
คำถาม คือ ถ้าคุณไม่ทำอะไรเลย คุณคิดว่าอีก 2 ปีข้างหน้า มันจะเกิดอะไรขึ้น ?
.
เอาตรงๆ ไม่ต้องถึง 2 ปี หรอก เพราะขนาดแค่ก็แทบจะหายใจไม่ออกแล้ว !!
.
.
ดังนั้น 2 สิ่ง ที่คุณต้องทำตอนนี้ คือ
.
1. ใช้เวลาที่เหลือ 2 ปีนี้ โกยให้เต็มที่
เพราะนี่คือ ลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่คุณจะได้โกยแล้วจริงๆ หลังจากนี้ตลาดจะเข้าสู่สภาวะปกติ และ จะเหลือเฉพาะผู้เล่นที่แท้จริงเท่านั้น
.
2. ถ้าคุณอยากเป็นผู้เล่นที่เหลืออยู่ในตลาด คุณวางแผนรับมือ กับ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีก 2 ปี ข้างหน้าตั้งแต่วันนี้
.
จงใช้ออนไลน์เป็นแค่ช่องทางการขาย อย่าให้มันเป็นทั้งหมดของธุรกิจคุณ
.
.
[.] ซึ่งวันนี้ผมได้สรุป ”จิตวิทยาการตลาด 100 ล้าน แบบจีน“ และ ”แผนรับมือกับวิกฤตที่จะเกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า” ออกมาเป็น 5 ขั้นตอน ที่จะทำให้คุณทำได้ทั้ง 2 ข้อนี้เรียบร้อยแล้ว
.
ถ้าใครอยากรู้ว่า 5 ข้อนั้น มีอะไรบ้าง ?
.
มาหาคำตอบกันได้ที่ Live หน้าเพจ #สมองไหล วันนี้ (03/07/24) เวลา 1 ทุ่มตรง ครับ !!
.
.
#สมองไหล
#สังคมคนสร้างธุรกิจจากศูนย์
ตอนนี้กระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องรถอีวีของจีนใช้กลยุทธ์การตลาดแบบดั๊มพ์ราคาแบบไม่เกรงใจลูกค้าเก่าค่อนข้างแรงทีเดียว
คนที่แรงที่สุด คือ “ลูกค้าเก่า” ที่ซื้อไป
เพราะเพียงไม่กี่เดือน ราคารถที่เราซื้อมาลดไป 300,000 บาท
ผ่อนทุกเดือนในราคาเดิม แต่มูลค่าสินทรัพย์ที่ผ่อนลดลง
มันเจ็บใจนะครับ
เรื่องรถยนต์ลดราคานั้น คนที่เป็นผู้บริโภคชอบอยู่แล้ว
แต่ต้องมีศิลปะในการลดราคาเพื่อรักษาน้ำใจของลูกค้าเก่า
สมัยก่อนจะเล่นเรื่อง “ของแถม” หรือประกันฟรี
แรงหน่อยก็ทำเป็นมีเงื่อนไขนิดนึงเพื่อคืนส่วนลดเงินสด
ไม่ใช่ลดกันตูมตามแบบนี้
ผมว่าวันนี้ภาคธุรกิจและกระแสสังคมเริ่มกลัวการรุกคืบของ “ทุนจีน” มาก
เพราะวิธีคิดในการทำธุรกิจของจีนนั้นแตกต่างจากญี่ปุ่นหรือประเทศแถบยุโรปที่เราคุ้นเคย
ประเทศอื่นเขากินแบ่ง
ทำอะไรค่อยเป็นค่อยไป
แต่ทุนจีนนั้นทำธุรกิจครบวงจร กินรวบตั้งแต่ต้นน้ำจนปลายน้ำ
อย่างที่เมืองจันท์ ตอนนี้ล้งจีนเต็มไปหมด
และมีบางคนเริ่มรุกสู่ “ต้นน้ำ” ด้วยการซื้อสวนทุเรียนผ่านนอมินี
ถ้ารัฐบาลเปิดกว้างให้เช่าที่ดิน 99 ปีได้โดยไม่จำกัดว่าเป็นที่ดินประเภทใด
รับรองสวนทุเรียนเปลี่ยนมือแน่
หรืออย่างทัวร์จีนก็เช่นกัน
ผมเคยหลงเข้าไปโรงแรมขนาดใหญ่ที่รับนักท่องเที่ยวจีนแถวลาดกระบังครั้งหนึ่ง
จะแวบไปเขียนต้นฉบับในล็อบบี้โรงแรม
เดินเข้าไป พนักงานตกใจเลย เพราะไม่คิดว่าจะมีลูกค้าวอล์กอินเข้ามา
ทุกคนพูดภาษาจีน มีบางคนพูดภาษาไทยได้นิดหน่อย
โรงแรมนี้เป็นของทุนจีนครับ
ไม่แปลกที่สมาคมโรงแรมฯจะออกมาคัดค้านเรื่องสัดส่วนต่างชาติในการซื้อคอนโดมิเนียมที่จะขยายจาก 49%เป็น 75%
เพราะเขากลัวว่าจีนจะมาซื้อทั้งตึกและปล่อยเช่านักท่องเที่ยวแข่งกับโรงแรม
ถามว่าเป็นไปได้ไหม
ตอบได้เลยครับว่าเป็นไปได้
หรือธุรกิจรถยนต์อีวีก็เช่นกัน มีคนในแวดวงบอกว่าอะไรที่ขนมาจากเมืองจีนได้ เขาขนมา
ป้ายหน้าโชว์รูมของบางค่ายยังสั่งทำจากเมืองจีนเลยครับ
ไม่แปลกที่กระแสกลัวทุนจีนตอนนี้เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ
มองอีกมุมหนึ่งบางทีนักลงทุนจีนเขาไม่ได้ตั้งใจ
แต่เป็น ”ความเคยชิน“
เนื่องจากประเทศของเขาใหญ่มาก เวลากินคำนึงจะกินคำใหญ่มาก
บังเอิญประเทศไทยมันเล็กไปเท่านั้นเอง
นอกจากนั้นการคิดแบบ “ยักษ์ใหญ่”
เป้าหมายของเขาจะใหญ่มาก
และเดินเกมรุกแบบ Aggressive
ผู้บริหารโชว์รูม BYD คนหนึ่งเคยเล่าให้ผมฟังว่าผู้บริหารจีนของ BYD บอกว่าอีก 2 ปี เขาต้องชนะ TOYOTA
เขาไม่ได้มองค่ายญี่ปุ่นค่ายอื่นเลย
ไม่รู้ว่ากลยุทธ์การดั๊มพ์ราคาอย่างต่อเนื่องครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนขึ้นสู่เบอร์ 1 ในเมืองไทยหรือเปล่า
ผมไม่ได้ต่อต้านการลงทุนของจีน ไม่ได้คัดค้านการเข้ามาของรถอีวีค่ายจีน ไม่ได้เกลียดนักท่องเที่ยวจีน
ผมไม่ได้คิดแบบคนคลั่งชาติ หรือชาตินิยมแบบหัวปักหัวปรำ
ยังชื่นชมความสามารถในหลายเรื่องของคนจีน
แต่เห็นการไหลบ่าเข้ามาของทุนจีนในสไตล์ที่เขาคุ้นชิน
กลัวว่าไทยจะตั้งรับไม่ทัน
วันนี้คงต้องเตือนรัฐบาลว่าอย่าเพิ่งดีใจกับการเข้ามาลงทุนของจีนมากเกินไป
อย่าคิดแต่ด้านบวก
ให้คิดในมุมลบด้วย
เพราะตอนนี้ภาคธุรกิจของคนไทยกำลังมีปัญหาหนักมากจากการทุ่มตลาดของจีน
บางโรงงานต้องปิดกิจการไปเพราะเรื่องนี้เลย
ลองคิดดีๆว่าบางทีการกระตุ้นเศรษฐกิจง่ายๆอีกรูปแบบหนึ่ง
คือ การตั้งกำแพงไม่ให้สินค้าจีนทุ่มตลาดหรือสร้างกติกาให้การลงทุนจากจีนเผื่อแผ่ไปถึงธุรกิจต่อเนื่องของคนไทยบ้าง
รักษา“กำลังซื้อ” ของคนไทยที่มีอยู่จำกัดให้ซื้อสินค้าที่ผลิตในเมืองไทยบ้าง
ไม่ใช่เงินไหลออกไปจีนหมด
ถือเป็นการต่อลมหายใจให้ภาคการผลิตหรือการค้าขายของคนไทย
ไม่เช่นนั้นอาจหมดลมหายใจก่อนที่จะเห็น “ดิจิทัลวอลเล็ต”
สงครามรถยนต์ EV สะเทือน ‘ศก.ไทย’ กว่าที่คิด | #บทบรรณาธิการกรุงเทพธุรกิจ
.
เดิมเราคิดว่าการหั่นราคาขายรถยนต์ของค่ายรถต่างๆ โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนจะเป็นผลดีกับผู้บริโภค เพราะได้สินค้าที่คุณภาพดีขึ้น ราคาถูกลง แต่สถานการณ์ล่าสุด อาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ก็ได้ ในทางตรงกันข้ามดูเหมือนว่า “สงครามราคา” ของค่ายรถยนต์ต่างๆ ในเวลานี้ กำลังทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้ม “ซึมตัว” หนักขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคจำนวนมาก ก็โดนผลกระทบทางอ้อมไปด้วย กระทบยังไงเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง!
.
เวลานี้ต้องยอมรับว่า การแข่งขันของค่ายรถยนต์ต่างๆ โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน “ดุมากขึ้น” จนเรียกได้ว่าเป็น “สงครามราคา” ไปแล้ว เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ BYD ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าเบอร์หนึ่งจากจีน หั่นราคาขายรถยนต์รุ่นนิยม Dolphin ลงประมาณ 140,000-160,000 บาท ซึ่งแคมเปญดังกล่าวมีผลถึงสิ้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา และหลังจากแคมเปญนี้สิ้นสุดลง BYD ก็ประกาศแคมเปญใหม่ต่อเนื่อง โดยคราวนี้หั่นราคารถรุ่นยอดนิยม ATTO 3 ลงราว 90,000-340,000 บาท มีผลถึงสิ้นเดือนก.ค.นี้ เรียกได้ว่าปลุกวงการรถยนต์เดือดขึ้นมาทันที ซึ่งผลกระทบไม่ได้จำกัดแค่รถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แม้แต่รถยนต์สันดาปหรือไฮบริดก็โดนหางเลขไปตามๆ กัน
.
หลัง BYD ประกาศแคมเปญดังกล่าวไปไม่นาน แม้จะเป็นแคมเปญช่วงสั้นๆ แต่ก็ทำให้ค่ายรถยนต์อื่นๆ นั่งไม่ติด คู่แข่งทางตรงอย่าง Neta ที่เพิ่งจะเปิดตัว Neta V-II ไปไม่นานก็ต้องปรับกลยุทธ์หั่นราคาลงตาม โดยปรับลดราคาขายลงอีก 50,000 บาทในรุ่นเริ่มต้น ทำให้ราคาขายลดลงมาเหลือ 499,000 บาท จากเดิม 549,900 บาท ...ต้องบอกว่า “สงคราม” นี้ยังไม่มีท่าทีว่าจะจบลงง่ายๆ ในขณะที่กูรูรถยนต์ต่างบอกกับผู้ซื้อรถเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าไม่รีบก็น่ารอ เพราะอนาคตอาจจะเห็นรถยนต์รุ่นอื่นๆ ปรับราคาลงตามได้เช่นกัน
.
ย้ำอีกทีว่าการปรับราคาของทั้ง BYD และ Neta เป็นเพียงแคมเปญการตลาดช่วงสั้นๆ อย่างของ BYD จบไปแล้วเมื่อสิ้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาสำหรับรุ่น Dolphin และรุ่น ATTO 3 จะสิ้นสุดในเดือนก.ค.นี้ ขณะที่ Neta โปรโมชันนี้จะมีไปจนถึงสิ้นเดือนก.ค.เช่นกัน แม้จะเป็นแคมเปญสั้นๆ แต่ก็ทำให้คนที่คิดจะซื้อรถเริ่มไม่มั่นใจว่า รุ่นที่ตัวเองจะซื้อมีโอกาสลดราคาลงมาด้วยหรือไม่ จึงกลายเป็นภาวะสุญญากาศขึ้นมา เพราะหลายคนเริ่มโลเลที่จะควักเงินซื้อรถยนต์ในเวลานี้แล้ว โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากคาดหวังว่า อนาคตราคาจะถูกลงกว่านี้ จนเวลานี้เกิดวลีที่เป็นไวรัลขึ้นมากับรถยนต์ไฟฟ้าว่า “ซื้อก่อนประหยัดก่อน ซื้อหลังประหยัดกว่า”
.
ภาวะแบบนี้ในทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า “ภาวะเงินฝืด” เพราะเมื่อผู้คนคาดหวังว่าราคาจะปรับลดลง ก็จะยังไม่ซื้อสินค้า รอจนกว่าราคาจะถูกลงมา ซึ่งจริงๆ เราก็เห็นแล้วว่ายอดขายรถยนต์เดือนล่าสุดลดลงไปถึง 23% (ส่วนหนึ่งอาจเพราะภาวะเศรษฐกิจ) แถมยังกระทบไปถึงราคารถใช้แล้วหรือรถยนต์มือสองด้วย เพราะเมื่อรถยนต์มือหนึ่งราคาร่วงลงหนัก ราคารถยนต์มือสองย่อมร่วงลงตาม ที่สำคัญยังทำให้เวลธ์ของคนทั่วไปลดลงตามด้วย อย่างคนที่มีรถยนต์เวลานี้หากเกิดความจำเป็นต้องนำไปค้ำประกันขอสินเชื่อ มูลค่ารถที่แบงก์ประเมินให้ก็ลดลงจากเดิมค่อนข้างมาก แถมยังขอสินเชื่อยากขึ้นตามไปด้วย ...เราจึงเชื่อว่าผลกระทบจาก “สงครามราคารถยนต์” ในเวลานี้ กระทบต่อเศรษฐกิจไทยหนักกว่าที่คิดไว้มาก!
.
.
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic
"ไปฟังสัมคนร้องเรียน BYD มาตลกมาก บอกว่าลดราคาแบบนี้ทำให้เขาถูกสังคมมองว่าโง่ ปกติขับรถคันละล้านอัพเพื่อภาพลักษณ์ เป็นสังคมมองว่าโง่ไหมไม่ทราบ (ส่วนตัวมองเฉยๆ) แต่คุณพี่เป็นตัวตลกของสังคมแล้วแน่นอน"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ตอนแรกก็ว่าจะไม่พูดอะไรพิมอะไรคนที่หลังไมคมาถามผมตั้งแต่มู้ก่อนหลาย10คนน่าจะพอรู้ แต่เห็นบางคนพิมสนุกเอามันเลยจะออกมาเบรคหน่อย
ที่เลิกเรื่องแม่ก็ส่วนนึงนะ ส่วนเรื่องลึกๆ ถ้าไม่รู้อะไรกันจริงๆอย่าพูดมั่วๆนะครับ บฟไม่ฟ้องหรอก แต่พ่อแม่เค้าจะฟ้องแทน แม่สุกรก็เกือบแล้วดีที่ บฟเบรคไว้ก่อนจะมาแถลงเลิก
ทำไมผมถึงออกมาพูดเพราะเพื่อนสนิดของผมก็เพื่อนสนิด บฟผมแค่รู้จัก บฟ ไม่ได้อยากเคลมว่าสนิดอะไรแต่ก็รู้มากพอที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเพราะ บฟโดนอะไรมาบ้างวันเค้าเลิกกันเพื่อนผมก็ไปเคลียมาให้
เพราะงั้นขอชาวSSเบาได้เบานะด้วยความหวังดี เคสฟ้องจากหมอคนดังมีมาแล้วเป็นเคสตัวอย่าง บฟ อาจใจดีกับ น แต่ไม่ได้ใจดีกับชาวเน็ตนะครับ ส่วนแม่สุกรเค้าล่อคุณแน่เพราะในเฟสให้ทนายไล่แคปอยู่
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คือผมว่านะ AI น่ะมันน่าจะทำให้เราตระหนักรู้แก่นของความเป็นมนุษย์กันมากขึ้นนะ
เชื่อมั้ยว่าในวันที่ AI ทำอาหารทุกอย่างได้ โลกเราก็จะยังมีเชฟอยู่ และก็จะยังมีคนจ่ายเงินมากมายไปกิน
คือเราไม่เข้าใจว่าครึ่งนึงหรืออาจจะเกินครึ่งด้วยซ้ำของ value น่ะมันมีเรื่องความเป็นมนุษย์มาเกี่ยวข้อง
การที่เราชิมอาหารที่เหมือนกันเด๊ะ แต่คุณแม่ทำให้เราอร่อยกว่า มันเป็นฟีเจอร์ของมนุษย์ ที่เราสัมผัสได้จริงๆ ไม่ใช่บั๊กที่ว่ามโนกันไปเอง
การที่เราเห็นภาพที่ลูกเราวาดสวย
การที่เราเห็นนาฬิกาแบรนด์ดังมีราคามากกว่าทั้งๆ ที่ทำได้เหมือนกัน
การที่สินค้าทึ่มีสตอรี่มันทำราคาได้มากกว่า
เมื่อไหร่คนจะเข้าใจกันนะว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นหนึ่งฟีเจอร์ของมนุษย์ ไม่ใช่บั๊ก
พยายามลดทอนตัวเองไปเป็นหุ่นยนต์ไม่ใช่ทางเท่าไหร่นะ
ผมถามคำถามง่ายๆ ถ้าคุณจำเป็นจะต้องอินกับสตอรี่ถึงจะชิมไวน์ที่ดีที่สุดในโลกได้อร่อยอย่างสมบูรณ์
คุณจะบอกว่าไม่เอาฉันไม่อิน มันปลอม ของจริงต้องไม่ใช้สตอรี่ แล้วยอมพลาดประสบการณ์นั้น หรือจะยอมรับว่าเออกูเป็นมนุษย์ การอินแล้วกินอร่อยก็เป็นส่วนนึงของความเป็นมนุษย์ของเรา
เราสามารถอินได้โดยไม่ต้องหลอกตัวเอง แค่เข้าใจว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์แล้วมีสติกับมันไปก็พอ
ECMO กำลังนิยามความตายใหม่อย่างไร?
%%%%%
เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เรียกว่า ECMO (Extracorporeal membrane oxygenation) สามารถทำหน้าที่แทนอวัยวะหัวใจกับปอดอยู่ภายนอกร่างกายของคนเราโดยสิ้นเชิงได้ ทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่โดยที่มิฉะนั้นก็คงตายไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม แพทย์บางคนกังวลว่าเครื่อง ECMO กำลังสร้างปมปริศนาทางจริยธรรมใหม่ขึ้นมา กล่าวคือ ECMO กำลังพลิกเปลี่ยนการรักษาทางการแพทย์ด้วยการช่วยชีวิตคน แต่มันก็ทำให้การรักษายุ่งยากซับซ้อนขึ้นเมื่อชีวิตเริ่มดับสูญลงในที่สุดอย่างมิอาจเลี่ยงได้ ทำให้ผู้ป่วยบางรายอยู่ในภาวะเปลี่ยนไม่ผ่านที่ไม่มีหวังจะฟื้นคืนมาได้เลย
ดูบทความเกี่ยวข้องใน https://www.newyorker.com/science/annals-of-medicine/how-ecmo-is-redefining-death
คำถามที่ข้าพเจ้ามักจะประสบพบเจออยู่เสมอเมื่อมีโอกาสวิสาสะกับเพื่อนต่างศาสนิกเมื่อพูดถึงศาสนาอิสลาม นั่นคือ อะไรคือสุนทรียศาสตร์ (Aesthetics) ในอิสลาม ทำไมจึงไม่ค่อยเห็นเรื่องนี้ในการนำเสนออิสลามจากบรรดาผู้รู้/นักเผยแผ่ศาสนาอิสลามในยุคปัจจุบัน?
ข้าพเจ้าชะงักและใช้เวลาในการรวบรวมคำพูดก่อนที่จะตอบคำถามเทือกนี้อย่างระมัดระวัง เพราะเท่าที่เคยอ่าน/รับรู้มา สุนทรียศาสตร์มีมาตลอดในประวัติศาสตร์ของอิสลามนับแต่สมัยศาสดา กรณีการต้อนรับชาวเมกกะ (มูฮายีรีน) โดยชาวมะดีนะห์ (อันซอร) ในการอพยพตามท่านศาสดาไปยังเมืองมะดีนะห์ ก็ปรากฎหลักฐานว่ามีการร้องลำนำ (อนาซีด) ที่มีเครื่องดนตรีอยู่ด้วย เป็นต้น
ในช่วงที่อิสลามรุ่งเรืองในอันดาลูเซีย (สเปนในปัจจุบัน) มีการผลิตศิลปะแบบลวยรายเลขาคณิต (Arabaque) ซึ่งเป็นศิลปะที่มีมาก่อนอิสลาม คือมีตั้งแต่สมัยกรีกและโรมัน แต่อิสลามก็รับเข้ามาเพื่อหลีกเลี่ยงการวาดรูปเหมือนของ คน สัตว์ หรือ สิ่งมีชีวิต ในการประดับประดาอาคารหรือศาสนสถาน เช่น มัสยิดให้มีความสวยงามวิจิตรตระการตา เป็นสุนทรียะแก่ผู้ใช้สถานที่ สะท้อนให้เห็นแก่นแท้ของความเป็นมุษย์ที่ไม่สามารถหลีกหนีไปจากเรื้องสุนทรีย์หรือความสวยงามได้เลย ดังนั้นอิสลามจึงเป็นศาสนาที่มีความครอบคลุมในทุกมิติของชีวิตมนุษย์
พูดอีกแง่หนึ่ง ศิลปะลวดลายเลขาคณิตจึงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่จะไม่จำนนของมุสลิมที่มีต่อข้อจำกัดในทางศาสนากับศิลปะ/ความสวยงามต่อกรณีข้อจำกัดในการวาดรูปเหมือน และนำเสนอศิลปะอีกแขนงหนึ่งเพื่อสะท้อนให้อารยธรรมโลกได้เห็นว่าในอิสลามก็มีสุนทรียะ เฉกเช่นอารยธรรมอื่นของโลก ความรุ่งเรื่องของสุนทรียะและศิลปะในอิสลามก็ถึงจุดที่รุ่งเรืองมากในอาณาจักรออตโตมานที่เป็นศูนย์กลางของโลกมุสลิมก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ส่งต่อไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั้งในยุโรป เอเซีย และแอฟริกาเหนือ
ความรุ่งเรืองนี้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง แม้ศูนย์กลางของอิสลามจะย้ายที่มายังตะวันออกกลางแล้วก็ตาม ซึ่งผู้ที่สนใจเรื่องนี้จะรู้ว่า มันมิได้ขาดตอนแต่อย่างใด เพราะมีรองรอยความรุ่งเรืองของศิลปะปรากฎอยู่ในแบกแดด ซีเรีย จอร์แดน หรืออิยิปต์ แต่เมื่อมาถึงยุคที่มีการฟืนฟูศาสนา อันเป็นผลมาจาการความตกต่ำที่เกิดขึ้นจากระบอบอาณานิคมสุนทรียศาสตร์กลับไม่ถูกพูดถึง หนำซ้ำยังถูกเบียดขับไปจากการนำเสนอ/เผยแผ่อิสลาม
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ เมื่อพบว่าในปัจจุบันสิ่งเหล่านี้สูญหายไปในการนำเสนออิสลามให้คนต่างศาสนิกในภูมิภาคต่างๆ รวมถึงในคาบสมุทรมลายูและประเทศไทย เหตุใดสุนทรียะในอิสลามถึงศูนย์หายไป? ข้าพเจ้าสังเกตว่าเวลามุสลิมถูกถามว่าอิสลามคืออะไร พวกเขามักตอบว่าอิสลามเป็นมากกว่าศาสนา (ในแง่นี้เขาอาจสรุปความจากนิยามแบบสังคมวิทยา) แต่มันคือวิถีชีวิต (way of life) (ท่องกันอย่างติดปาก)
คำถามคือ เป็นไปได้อย่างไรที่วิถีชีวิตของมนุษย์จะขาดเรื่องสุนทรียะ/ความงาม แล้วชีวิตที่ปราศจากสุนทรียะเป็นชีวิตแบบใด และเป็นชีวิตของใครกันเล่า?
ทุกวันนี้สิ่งที่น่าเศร้าใจไปกว่าการทำให้อิสลามไม่มีเรื่องสุนทรียะ คือ การทำให้อิสลามเป็นศาสนาที่คนต่างศาสนิกกลัวที่จะตั้งคำถาม กลัวที่จะปฎิสังสสรค์ด้วย หรือ กลัวที่จะสร้างสุนทรียะจากเรื่องราวชีวิตของมุสลิม เราปกป้องศาสนาจนแทบจะปิดประตูลั่นกลอนล็อคไม่ให้ใครเข้ามาตรวจสอบสิ่งที่เราบอกคนอื่นว่า มันวิถีชีวิตของเราไปหมดในทุกมิติ เราเคร่งครัดกับตนเอง(ซึ่งเป็นเรื่องดีและควรทำเป็นสิ่งแรก) และไม่หนำซ้ำยังไปเคร่งครัดกับคนอื่น (ยืมคำพูดของท่านอาจานย์อับดุลเราะห์มาน มู่เก็มมาใช้) แม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็นความผิดพลาดแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตามแต่
ความน่ากลัวในทุกวันนี้นอกจากสุนทรียะศาสตร์จะหายไปในการนำเสนออิสลามกับคนอื่นแล้ว มันยังหายไปจากจิตใจของมุสลิมบางคนที่อ้างตนเป็นผู้ศาสนาเสียด้วย ผลลัพท์ที่ตามมาคืออะไร ข้าพเจ้าตอบไม่ได้ สงสัยว่าผู้อ่านคงต้องชั่งน้ำหนักกันเอาเอง…
วันนี้คนแก่มีอะไรเล่าให้ฟัง ฟังคนประสพความสำเร็จมาเยอะแล้ว มาฟัง คนล้มเหลวในชีวิตกันบ้างนะ ยาวนิด จะพยายามเรียบเรียงเป็น Bullet เผื่อจะได้อะไรบ้าง
ผมเคยทำงานบริษัทเกมออนไลน์ยุคแรก ๆ (เกมที่เรารัก) 5 ปี
และออกมาทำบริษัทที่พี่สาวให้ดูแลได้หลายปี เสียเวลาชีวิตไปเยอะ สรุปบริษัทเจ้ง 5555+ (6-7 ปี)
ยังพยายามทำ ๆ อยู่ไม่ไหว เลยส่งน้อยชายที่ทำด้วยกันไปทำงานบริษัท ที่วันนี้น้องก็ยังทำอยู่ ได้ โบนัสหลายเดือนสบายไปแล้ว 555+
ส่วนตัวผม หนีไปมาเลเซีย ไปทำให้ AppleCare ได้ สามปีได้เป็น Tier2 แล้ว แต่อยากเป็น Team manager เขาไม่ให้เป็นซะทีเพราะดันรับสายดีไป ติสหนักกลับบ้านดีกว่า ( 3 ปี)
มาทำบริษัทเกมอีกรอบ แต่รอบนี้ไม่ถนัด แผนกปิด โดน Layoff พร้อม หลายทุกคน (1.5 ปี)
จากนั้นรับงาน Data reviewer ของ Appen อันนี้บอกชื่อได้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันมาก เงินดีสุด ๆ ทำสอง Account ได้ เงินเยอะอย่างเหลือเชื่อ ทำได้ 2 ปี โปรเจคจบ จบเห่ ทันที สองปีเงินเยอะ เงินเก็บเยอะ แต่ไม่ได้ อะไรติดมาเลยนอกจากเงิน
ระหว่างที่ทำ Appen ก็ทำ Community manager ให้เกม ออนไลน์เล็ก ๆ เกมนึงที่เพื่อนคนเกาหลีให้ช่วยทำได้ สองปี เกมเจ้ง 5555+
เสียเวลาช่วงนี้ไปราว ๆ3 ปี ได้ เงิน แต่แทบไม่ได้ EXP อะไรเพิ่มเลย
หลังจากเราเคยเล่าที่นี่ว่าไปเรียนเขียนโปรแกรม Fullstack แล้วที่เรียนไม่ค่อยได้ผลนัก เอาเป็นว่าไม่ตรงกับที่อยากได้ แล้วไม่ได้ ต่อ ตรงนี้เสียเวลาไม่มากแต่เสียเงินเยอะ เสียดาย Bootcamp
หลังจากนั้นก็ไปทำงาน marketing เกี่ยวกับบริษัทเกมอยุ่พัก หมดสัญญาทำโปรเจคเสร็จ (1ปี)
ฟลุ๊คจัดบริษัทระดับโลก จะรับคนทำ IT support Level 2 คุยกันถูกคอ เขารับเฉย เงินเดือนพอสมควรเลย รอ HR โทรมาให้เซ็นอย่างเดียว สรุป บริษัทแม่เขาลดคนพอดี เลยหยุดจ้างตำแหน่งใหม่ ที่ยังไม่เซ้นทุกคน ฝันสลาย 555+ ให้เดาว่าบริษัทอะไร
ได้งานใหม่เพื่อนเกาหลีหาให้ สุดฮิตช่วงนี้ทำ Remote งาน QA กับบริษัทต่างชาติ ทำได้ 6 เดือน เขาไม่อยากได้ คนทำ Remote แล้วเพราะเราทำโปรเจคส่วนภาษาไทยเสร็จแล้ว Terminate ทันที สรุป เงินก็น้อยแถมโดนให้ออกอีกก่อนจบสัญญาอีก
หางานอีกรอบ อยากได้ งาน QA ต่อ แต่ไม่มีใครอยากได้ คนอายุมาก (45) ที่มี EXP QA แค่ 6 เดือน ตอนนี้เริ่มติสแตก ไม่อยากเสียเวลาที่เปลี่ยนสายฟรี ยังพยายามร่อนใบสมัคร แต่อายุ และ EXP ไม่เข้ากัน ไม่มีใครรับ ขนาดขอเงินเดือนเด็กจบใหม่เลย
ชีวิตเริ่มมืดมน ยอมแพ้แล้วทุกอย่างในชีวิตนอนไม่ทำอะไรไปอาทิตย์นึง เริ่มสมัครงาน Technical support /Help desk อีกรอบไปด้วย เริ่มมีที่เรียกมาล่ะ ทีนี้ เพราะ ถ้านับที่ผมไปทำ Apple กับทำบริษัส่วนตัว ที่เกี่ยวกับคอม EXP สายนี้ผมก็ราว ๆ 10 ปี
สรุปกำลังจะได้ ที่นึง เช็ค Background จริงจังมาก และเป็นบริษัทตปท ที่ส่ง Outsource ไปทำให้บริษัทในไทย
ลุ้นต่อไปว่าจะได้จริงไหม ถ้าได้ ก็ทำวันที่ 1 มีนานี่หล่ะมั้ง.....
เรื่องนี้สอนอะไรให้น้อง ๆ ? น่าจะไม่นะ ผมมีแต่เรื่องผิดพลาด เริ่มใหม่บ่อย อายุขนาดนี้ Ass.Manager ยังไม่เคยได้เป็น ทำงานเปลี่ยนที่บ่อยโดยไม่ตั้งใจ ที่ได้ ดีกว่าคนปรกตินิดหน่อยคือ คุย ภาษา Eng ได้ interview งาน ก็มี interview Eng และทำงานกับบริษัทต่างชาติ ซะส่วนใหญ่ ฟังดูเหมือนดี แต่เงินเดือนน้อยมากสำหรับคนอายุเท่าผม น่าจะน้อยกว่าหลาย ๆ ตนที่นี่เกินครึ่ง
ความผิดพลาดที่สุดของผมน่าจะเป็นตอนที่ออกมาทำบริษัทส่วนตัว ช่วงนั้นแรก ๆ เงินดี่เลยชิวไปหน่อย แต่ยิ่งผ่านไป ยิ่งแย่ กว่าจะรู้ตัวก็เปลี่ยนไม่ทันแล้ว คนบางคนเช่นผม เหมาะกับทำงานบริษัทคนอื่นมากกว่า
สำหรับผม ตอนนี้พูดตรง ๆ ว่ายอมแพ้แล้วเงินเดือนเท่าไหร่งานอะไรก็ได้ ขอให้มีทำเถอะ โชคดีที่ไม่มีลูกและภาระอื่น ๆ ไม่งั้นแย่ไปแล้ว
ใครอ่านแล้วอยากถามอะไร หรือวิจาร์นอะไรแรง ๆ ก็ได้เลยครับ 555+
มองชีวิตย้อนหลังไปมีแต่ความผิดพลาดในทุกระดับ และถ้าใครอ่านถึงตรงนีั้ก็ขอบคุณมากครับ ไม่มีอะไรขอผมบ่นล่ะกัน ประเทศไทยนี้ถ้าตกงานเหมือนต้อง Retire ตอนอายุ 45 ไม่มีใครรับแก่เกินแล้ว 🙁
หลังจากประกาศผลเลือกตั้งอังกฤษ
พรรค Labour ชนะแบบถล่มทลาย
ผู้นำพรรค Labour เข้าเฝ้า ทันที
หน้าบ้าน เลขที่ 10 ถนน Downing
นายกรัฐมนตรี สุนัก พรรค conservative
ออกมาประกาศ อย่างสง่าผ่าเผย ว่ายอมรับผลเลือกตั้ง และ จะเข้าเฝ้าฯ เพื่อลาออกจากการเป็น นายกฯ ทันที
เขาบอกว่า
” ประชาชน ได้ส่งสัญญาณชัดแล้วว่า
ท่านทั้งหลาย ต้องการเปลี่ยนรัฐบาล
และผมเคารพคำพิพากษาของพวกท่าน อย่างสูงสุด
ผม ได้ยินเสียงของท่านทั้งหลาย รับรู้ความไม่พอใจ ความโกรธเคือง ความผิดหวังของพวกท่านแล้ว
ผมขอแสดงความรับชอบต่อการพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ในครั้งนี้ “
ทุกอย่าง ตรงไปตรงมา และมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี
การรู้จักประเมินตัวเองมันไม่ใช่การดูถูกตัวเอง
การคาดคะเนความเป็นไปได้ ความน่าจะเป็น ถือเป็นการเตรียมตัวอย่างนึง
การรวบรวมข้อมูลที่ผ่านๆมาและจัดสรรให้ลงตัวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ฟังคำอวยและคำด่า ไม่ใช่หลงระเริงกับชื่อเสียงเก่าๆ สภาพแวดล้อมสังคมเก่าๆ
คงจะรู้แล้วว่าทำงานในวงการที่ใฝ่ฝันมันไม่ได้ง่ายเหมือนที่คิด
เท่าที่นับตอนชูป้ายนับได้ราวๆ 300 คน ยังมีพวกที่ขนาบทั้ง 2 ข้างอีกประมาณ 20 กว่าคน
ประหยัดงบ คนไม่ดูโล่ง ผ่านมาปีกว่าๆจำนวนคนขนาดนี้ถือว่าโอเค
#มิตรฯ
เกษตร กับเกษตรแปรรูป ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน --
.
และเจ้าตลาด เป็นคนคุมครับ (ในกรณีไทย คือคนจีนคุม เพราะเขาเป็นเจ้าตลาด เป็นเจ้าของ Network ในตลาดจีน)
.
และประเทศที่การเกษตรดี ไม่ได้การันตีอะไรว่าแปรรูปจะดีด้วย เพราะมันเป็นคนละทักษะ
.
บางประเทศปลูกพืช เลี้ยงสัตว์อย่างเดียว แล้วใส่เรือข้ามโลกไปแปรรูปอีกมุมโลกนึง เออ มันเป็นแบบนี้จริงๆ
.
ถามว่าทำไมมันเป็นแบบนั้น ? ก็ลองถามตัวเองดู ว่ารู้เรื่องห้องเย็น เรื่องยิลด์ เรื่องตลาดที่จะนำเข้า เรื่องมาร์เก็ทติ้ง เรื่องฤดูกาล ต้นทุน คู่แข่งทาง ทางอ้อม พฤติกรรมผู้บริโภคแค่ไหน ฯลฯ ดีแค่ไหน
.
การแปรรูปไม่ใช่ง่าย สุดท้ายมันก็เหมือนโรงงานญี่ปุ่นนั่นแหละ ต้องอันเชิญเจ้าตลาดที่รู้เรื่องมาทำ ไม่งั้นลงทุนเป็นร้อยๆพันๆล้าน เจ๊ง ทิ้งๆขว้างๆ แล้วจะเข็ดอีกยาว
.
เอาจริงๆนะครับ มันมีเรื่อง 'การผูกขาดด้านกลับ'
หมายถึง 'การที่ลูกค้าเขามีพฤติกรรมที่จำเพาะ'
.
เช่น คนกินทุเรียนในโลก มันจะมีอยู่บางส่วนเท่านั้น ไม่ใช่ทุกคน หรือทุกวัฒนธรรมจะกินทุเรียนได้เหมือนกัน มันจึงทำตลาดยาก นิดๆ หน่อยๆ มันก็มีบ้าง แต่พูดถึงแบบจริงๆจังๆ ผลไม้ไทยหลายชนิดไม่ได้เป็นที่นิยมไปทั่วโลกขนาดนั้น
.
+
.
ลำไย ทุเรียน มีตลาดที่จำกัด -- และการขยายตลาด ทำการตลาด ใช้ต้นทุนมาก ต้องซื้อโฆษณา จ้างประชาสัมพันธ์ และไม่รับประกันความสำเร็จ
.
ผลไม้มันก็เหมือนอย่างอื่น มันมีของทดแทน บางชาติกินตระกูลเบอร์รี่ เชอรี่มาเป็นร้อยๆปี เขาไม่ได้ชินว่าจะมาแกะเปลือก อะไรแบบนี้
.
ตลาดผลไม้ที่นิยมจริงๆ มันมีความเฉพาะตัวอยู่ เช่น กล้วย แอปเปิ้ล กี่วี่ ส้ม -- แต่กล้วย ส้มนี้ปลูกกันได้หลายที่ในโลก ขายกันถูกๆ
.
เรื่องผัก เรื่องอะไรก็แบบนี้ สลัดบาร์หน้าตายังไง ก็ยังคงเป็นแบบนั้น พฤติกรรมการกินมันค่อยข้างตายตัว มันส่งผลให้ตลาดค่อนข้างนิ่งไปด้วย -- เช่นตอนเจอวิกฤติข้าวสาลีจากยูเครน ราคาข้าวเจ้าไม่ขยับเลย เพราะโดยพฤติกรรม มันไม่ใช้สินค้าทดแทนกัน (ไหนจะต้องหุง ต้องทำเมนู ฯลฯ)
.
การจะแปรรูป มันต้องเข้าใจดีมานด์ของผลิตภัณฑ์สำเร็จก่อน
.
เช่น น้ำมะพร้าว กะทิ เป็นหนึ่งในไม่กี่ผลไม้ที่นิยมมาก และมีพื้นที่ปลูกจำกัด
.
และการแปรรูปสินค้าเกษตร ไม่ได้ทำกันง่ายๆ มันยากในเชิงบริหารจัดการไม่แพ้อุตสาหกรรมอื่นๆนั่นแหละ -- ต้องมีห้องเย็น ต้องบริหารสต๊อก บริหารยิลด์ผลผลิต ฯลฯ ขายแพงมากก็ไม่ได้ เพราะต่อให้ไม่กิน เขาก็ไม่ตาย (ต่างจากสินค้าอุตสหกรรมที่ต้องใช้ ไม่งั้นจะมีผลต่อการใช้ชีวิตด้านอื่น)
.
หมายถึง มันต้องได้โพรดักส์แชมป์เปี้ยนจริงๆ แบบที่ว่าฮิตกันทั่วโลก ถึงจะขายได้สัก 1-2 ตัว
.
++
.
สิ่งนี้ไม่ง่าย
.
เพราะอย่าลืมว่า ทุกอย่างในเซเว่น ก็คือเกษตรแปรรูปทั้งนั้น ไม่กิน 1 ก็กิน 2 มันมีผลิตภันฑ์ทดแทนหลากหลายมากๆ -- เรื่องเล่านี้คือความท้าทายของคำว่าแปรรูป
.
แปรรูปจริงๆ คือแป้งสาลี ทำได้หลายอย่าง ขนมปัง เค้ก หมี่ ไทยต้องนำเข้าจากสหรัฐฯ มากในแต่ละปี -- ถั่วงี้ ญี่ปุ่นชอบ ผมชอบ แต่ดูๆแล้วคนไทยไม่ค่อยฮิต
.
การแปรรูป ถ้าให้ผมสรุปนะ เครื่องดื่ม กับ ซอส (พวกปรุงรส) มีโอกาสมากที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมไทย
.
ผักน่ะ มันเป็น 'ผลิตภัณฑ์ที่ผูกขาดเชิงพฤติกรรม'
.
หมายถึง คนจะนิยมอยู่ไม่กี่อย่างหรอก เช่น ผักกาด แครอท กระหล่ำบางพันธ์ มันไม่ใช่ว่าทุกพันะ์จะขายได้ดี หรือแทนที่กันได้
.
.
สินค้าเกษตรแปรรูปเชิงความหลากหลายสายพันธ์ จะมีเพดานดีมานด์อยู่
เมืองร้อนมีผักมากที่สุด แต่มูลค่าตลาดมันไปเกาะกุมกับผักเมืองหนาว เช่น สลัดแบบฝรั่ง ใช้ผักเมืองหนาวมาก การนำเข้ามาจะต้นทุนต่ำกว่าปลูกในประเทศ เช่น แครอท ผักใบ กระเทียม เป็นต้น และบางอย่างไทยก็ปลูกไม่ขึ้น เช่น บล็อกโคลี่
.
มันมีคนบอกว่า ลำพังการทำกับข้าว (อุตสาหกรรมอาหาร) ไม่ทำให้ประเทศรวย
.
มันจริงแบบนั้น และเกือบทั้งหมดของการปรุงอาหาร จะมีคนจีนไปเอี่ยว คล้ายๆกับที่ล้งจีนครองทุเรียนไทย วงการอ่าหารก็แบบนั้น ธุรกิจจริงๆไม่ได้มองกันง่าย
.
เพราะการนำเข้าผักเมืองหนาวเข้ามา เราก็ต้องหาคนที่เชี่ยวชาญเน็ทเวิร์กเมืองจีน และเทรดพืชเมืองร้อนไปยังตลาดเขาด้วย -- จีนบุกไทย ง่าย แต่ไทยบุกจีน ยาก ผมเคนเล่าเป็นซีรี่ย์แล้ว
.
แต่ใจความคือดีมานด์ ซัพพลาย
.
คนเก่งที่สุดของไทย จะไม่มาทำงานด้านนี้ (อาจจะเศร้านิดๆ ที่ต้องบอกว่า เขาไปทำงานที่อื่น อเมริกา สิงค์โปร์ ได้เงินเยอะกว่ามาสู้กับคนจีนในสนามนี้)
.
ดังนั้นจึงมีแต่ฝั่งจีนบุกไทย
.
ที่เห็นชื่อเจ้าของโรงงาน ที่ดินเป็นไทย จริงๆถ้าไม่เมียจีน ก็นอมินีทั้งนั้น
.
ธุรกิจในระดับโลก ต้องใช้คนที่เชี่ยวชาญหลายน่านน้ำทำ มันเป็นเช่นนี้เสมอ
.
ไทยบุกจีนแล้วรอด มีน้อยมากครับ ... ในประเทศเขากันเอง ยังแข่งกันเลือดสาด มาร้อย ตาย 90 อะไรแบบนั้นเลย
.
สำหรับผม อุตสาหกรรมเกษตรนี้แหละ แม่งอย่าง ละเอียดอ่อน ไม่แน่จริงอยู่ไม่รอด
.
ผมจึงพูดเสมอ อย่าคิดว่าคุณเป็นเมืองเกษตร แล้วจะเก่งด้านอุตสาหกรรมเกษตรไปด้วย
.
เหมือนคนทำเหมืองลิเทียม ไม่จำเป็นต้องเก่งทำรถไฟฟ้า มันก็อารมณ์นั้น ในภาพใหญ่ มันต้องเป็ฯอุตสาหกรรมหลายๆชิ้นส่วน ... แล้วคนไทยนะ อะไรที่เชลฟ์ไลฟ์สั้น มีเรื่องหมดอายุ เรื่องควบคุมยิลด์ อย่าไปทำ คนแม่งไม่มีระเบียบ มาทำพวกนี้เจ๊งง่ายๆ เพราะมันต้องใช้ระเบียบสูง
"เห็นช่วงนี้คนถกกันเยอะเรื่องเวลานอนกับ growth hormone ว่าแค่นอนครบ 8 ชม. หลับสนิทมันพอแล้วไหม หรือต้องมี sunlight มาเพื่อกระตุ้น biological clock ในตัวเราด้วย
ส่วนตัวแล้วจากประสบการณ์ต้องบอกว่า sunlight นี้สำคัญมาก ๆ ถ้าไม่มีแล้วล้างน้ำเปล่าอย่างเดียว คราบมันจะออกจากจานไม่หมดค่ะ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เมื่อไรจะได้กินทุเรียนราคาถูก ไหนบอกไม่ฮิตทั่วโลก รอราคาลงแม่งไม่ลงเลย
หมอนทองงี้
"แรงค้านไร้อนาคตนี่จะออกไปทางบริติชหน่อย ส่วนอเมริกันจะเป็นแรงแค้น"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ลาบูบู้ที่เธอมี
พรุ่งนี้ตกรุ่นละนะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
หลักการเฟมินิสคือทุกคนเท่าเทียม ล้มสังคมปิตาฯ เกลียด sexual Crime แต่อิสลามมันขัดแย้งกับหลักการเฟมินิสทั้งหมด ทั้งข่มขืน เปโด อินเซส ไหนจะกดขี่ผญอีก
แทนที่จะวิจารณ์ให้สังคยนาศาสนาที่ล้าหลัง 1400 ปีให้เข้าปจบ ไม่จ้า ด่าคนวิจารณ์ศาสนาว่าเป็น conservative or Islamphonia แทน 🤢
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เวลาผมได้ยินคนพูดว่า “ต้องปรับตัวสิ” ในบทสนทนาเกี่ยวกับการแข่งขันในกิจการต่างๆ อันที่จริงผมก็ไม่ได้เถียงหรอกว่าคำพูดนี้ไม่จริง แต่ผมก็มีอะไรสงสัยตามมาอีกเป็นพรวนเช่น
- เราจะปรับตัวยังไงภายใต้เงื่อนไขที่กฎกติกามันเอื้อแค่เฉพาะคนบางกลุ่มได้ประโยชน์สูงสุด
- ต้องปรับตัวให้ถึงจุดไหนถึงจะเรียกว่ารอด เพราะคำว่ารอดและเป้าหมายของการปรับตัวแต่ละคนนั้นน่าจะแตกต่างกัน
- safety net ของแต่ละคนไม่เท่ากัน ทำให้ขีดความสามารถและข้อจำกัดการปรับตัวแต่ละคนไม่เท่ากัน และ ไม่เหมือนกันอีกด้วย
- ในหลายกรณี เช่น เกษตรกรที่ทำการเกษตรบนผืนที่ตัวเองมาตั้งแต่ปู่ย่าตาทวด ปลูกพืชขาดทุนทุกปีแต่ก็ยังต้องทำต่อไปด้วนเหตุผลอื่นๆที่ไม่ใช่เรื่องการคำนวน cost-benefit ทางเสดสาดอย่างเดียว เราจะสามารถตำหนิคนกลุ่มนี้ได้มั้ยว่าไม่ยอมปรับตัว ?
เป็นต้น
ถ้าเราถกเถียงคำว่าปรับตัว-ไม่ปรับตัวด้วยท่าทีทางทฤษฎีตลาดเสรีแบบที่ชอบทำกันมาตลอด ผมคิดว่าการถกเถียงระหว่างบรรทัดอาจจะ miss the point ไปหลายอย่าง อย่างน้อยก็ 3-4 ข้อที่ผมยกมาด้านบน
ส่วนตัวผมเลยไม่ค่อยอินกับการถกเถียงในลักษณะนี้มานานพักใหญ่ๆแล้ว
ผมเห็นว่าการเอาทฤษฎีตลาดเสรีว่าด้วยปรับตัว-ไม่ปรับตัวในสนามแข่งขัน บ่อยครั้งไม่ได้สะท้อนโลกแห่งความเป็นจริงอีกหลายมิติตามที่ทฤษฎีนำเข้ามาจากดัทช์สมัยศตวรรษที่ 17-18 ได้นำเสนอเอาไว้แล้วคนมาเรียนท่องกันตามมหาวิทยาลัยนำมาพูดต่อ
แค่ไปเจอคนทำกิจการเจ๊งแล้วเจ๊งอีกแต่ก็ยังต้องทำต่อไป ทฤษฎีนี้ก็อธิบายไม่ได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะ by logic ทางทฤษฎี ถ้ามึงเจ๊ง มึงต้องปรับตัวสิ ถ้าทำแล้วเจ๊งแสดงว่าไม่ปรับตัว ต้องแพ้ออกจากสนามไป แต่ดันทำต่อไม่เคยหยุด ไม่ออกจากสนาม ผมเห็นคนเป็นแบบนี้จากชีวิตจริงมาแล้วหลายครอบครัว เจอด้วยตัวเองครับ
มันก็ตัองมีอะไรมากกว่านั้น จึงเป็นที่มาว่าผมถึงมีคำถามตามมาเป็นพรวนแทบทุกครั้งเมื่อเจอข้อถกเถียงแบบนี้
"ทำไมไม่มีนักข่าวถามว่าทรัมป์ห้อยพระอะไรบ้างเลย สื่อไอ้กันเจาะประเด็นโคตรห่วย"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ผมเคยพูดเรื่องนี้ใน Club EV หลาย club ที่เอาแต่อวยหน้ามืดตามัว ก็โดนด่าหาว่าติ่งรถญี่ปุ่น บ้างก็บอกว่าญี่ปุ่นทำไมไม่เอา EV มาขายบ้าง แล้วก็อื่นๆอีกมากมาย😓
ทำให้เห็นว่าคนที่ไม่เข้าใจเรื่องการลงทุน การขาดดุลการค้า เศรษฐกิจในภาพรวม ว่าต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ นั้นมีอะไรบ้าง
รวมถึงคนที่ไม่อยากเข้าใจ ไม่อยากมองหรือเห็นแต่ผลประโยชน์ตัวเองเท่านั้น "เพราะฉันแค่อยากได้ของถูก" ใครขายของถูกให้ฉันคนนั้นคือคนดี
ผมเลยขี้เกียจเถียงขี้เกียจอธิบาย ให้คนไม่เปิดใจได้ฟังว่า ไอ้การที่คุณมัวแต่ซื้อของจากต่างชาติ ที่นำเข้าก็ไม่เสียภาษี แถมรัฐก็ไปอุดหนุนอีกคันละแสนถึงแสนห้า ว่าสุดท้ายมันจะจบไม่สวย
แล้วก็กรนด่าของที่ผลิตในประเทศ หาว่าแพงหาว่ากั๊กออฟชั่น ทั้งๆที่เขาเสียภาษีกันตั้งแต่น็อตตัวแรก รถเสร็จเป็นคันก็โดนซ้ำอีกรอบ จะเอาอะไรมาถูกได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเงินที่คุณจ่ายมันก็วนกลับเข้ามาในตัวเศรษฐกิจไทย ทั้งการจ้างงาน การผลิตชิ้นส่วน
รวมถึงการที่มีราคาที่ชัดเจน ทำให้ตลาดรถมือสองยังไปได้ดี ไม่ใช่แนวโน้มว่ารถยนต์จะกลายเป็นสินค้าใช้แล้วทิ้งเหมือนโทรศัพท์ืแบบที่กำลังจะเป็นอยู่ แล้วเมื่อตลาดมือสองล่มสลายสุดท้ายรถยนต์ที่คุณซื้อมา ก็ไม่มีทางหาคำว่าคุ้มค่าเจอ ไม่ว่ามันจะประหยัดค่าเดินทางได้สักแค่ไหน เพราะสุดท้ายเงินที่คุณจ่ายซื้อรถ มันก็แทบจะศูนย์ไปเลยทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์
ทั้งๆที่ตอนแรกก็บอกว่าซื้อมาใช้ไม่ได้ซื้อมาขาย แต่พอลดราคาไปแสนกว่าบาท ก็ดิ้นกันจะเป็นจะตาย เข้าขายปากว่าตาขยิบ แค่เถียงจะเอาชนะเท่านั้นเอง
ตอนนี้ก็คงได้ใช้รถดีราคาถูกแบบคุณๆเค้าอยากได้ แต่ถ้าสุดท้ายเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ซึ่งทำรายได้เป็นอันดับ 2 ของประเทศพังไปแล้ว วันหนึ่งกระทบถึงตัวเมื่อไหร่ ก็นอนกอดไอ้รถจีนนั้นไว้ให้แน่นๆละกันครับ ”
ไม่ว่า Work hard จะเป็นคำตอบมั้ยก็ตาม แต่ผมว่ามันชัดเจนมากเลยนะว่า การเดินออกไปบอกใครต่อใครว่าจง Work hard ซะจะได้รอด มันไม่เวิร์ค
คือต่อให้คุณจะเห็นด้วยกับการทำงานหนักก็เหอะนะ แต่ผมว่ามันชัดนะว่าคำพูดแบบนี้ ก็เห็นว่าไอ้คนที่ขยันอยู่แล้วก็ออกมาโวยวายว่าจะเอาอะไรเพิ่มจากฉันอีก ไอ้คนเก่งก็มีเหตุผลมากมายมาอธิบายว่าทำไมไม่ใช่คำตอบ ไอ้คนที่กินแรงคนอื่นมันก็ยิ่งได้ข้ออ้างเพิ่ม
ถ้าสมมติคุณเห็นว่า Work hard เป็นคำตอบจริงๆ วิธีการกระตุ้นแบบนี้มันชัดนะว่าไม่ได้ผล
ประเด็นของผมแม่งไม่ใช่เรื่องจะมา Hard จะมา Smart หรือจะมา Balance อะไรเลยนะ แต่สติและความเข้าใจกันและกันอ่ะสำคัญมาก
ผมเคยเจอองค์กรและทำทีมที่ Work hard โดยธรรมชาติมาพอประมาณนึง และทุกครั้งมันเกิดขึ้น มันไม่เคยเกิดขึ้นด้วยวิธีการเดินไปบอกว่าจงขยันขึ้นไม่งั้นคุณไม่รอดแน่นอนเลยครับ มันเกิดจากอย่างอื่นทั้งนั้นอ่ะครับ
ใครสามารถใช้วิธีนี้ทำให้คนขยันทำงานหนักต่อเรื่องเกิน 1 ปี ผมอยากเห็นเหมือนกันครับ เพราะที่ผมเห็นคือมันจะได้ไม่นาน แล้วพอไม่ได้ผลก็เลิกหรือหนีกันหมดแล้ว หรือไม่ก็เอาความโกรธแค้นไปใส่คนพูดแทน หรือไม่ก็กลายเป็นผิดหวังแล้วเข้าโหมดหน้าด้านไปเลย
ไว้วันหลังผมอยากจะบ่นเหมือนกันว่า Survival mechanism ของมนุษย์เนี่ยมันทำยังไง เพราะคนเราชอบเข้าใจผิดว่าถ้ามนุษย์เวลาหนีตายสามารถทำอะไรได้มหาศาลให้ทำอะไรก็ยอม งั้นก็กระตุ้นให้มันหนีตายเรื่อยๆ สิ จะได้เอาพลังแบบนั้นมาใช้ตลอดเวลา ซึ่งมันทำไม่ได้ครับ มันมีเหตุผลที่สมองมนุษย์เราออกแบบมาให้เซฟพลังงานแบบนั้นไว้ใช้ตอนหนีตาย ยิ่งพยายาม Hack เกินพอดี ก็ยิ่งพังครับ
ทำให้ผมนึกถึงช่วงหลังเราชอบเห็นความคิดที่ว่า มีมนุษย์มากมายเลยที่ต้องรอถึง Deadline ถึงจะทำงานได้เยอะ หมดจากที่คอย Procasinate ตลอดเวลา แล้วก็มีคนพยายาม Hack สร้าง Deadline ปลอมๆ ขึ้นมากระตุ้น แล้วผลที่ได้ในระยะยาวก็ตรงข้ามกันเลย กลายเป็นทีนี้แม้แต่มี Deadline ก็ขยันทำงานเยอะแยะแบบเดิมไม่ได้แล้ว เพราะสมองจำแล้วว่าพวกนี้มันหลอก
จากที่อย่างน้อยเดิมทีก่อนหน้านี้ยังพอขยันได้ตอนมี Deadline กลายเป็นว่าตอนนี้ Deadline ก็ไม่ช่วยอีกแล้ว
คือสิ่งแรกที่ต้องมีคือความเข้าใจจริงๆ นะ มันไม่ใช่ว่าเราจะจัดการเรื่องแบบนี้ไม่ได้ครับ แต่ไอ้การพยายามเกรียนพยายาม Hack คนอื่นโดยไม่มีความเข้าอกเข้าใจเป็นพื้นฐานเนี่ย ผลระยะยาวไม่ค่อยดีหรอกครับ
คนฉลาดไม่จำเป็นต้องให้ใครมาบอก
สั่งงานวันนี้ เสร็จเมื่อวาน
Winner always win
Loser always lose
สรุปง่ายๆ พวกขยะก็เป็นขยะ อยู่วันยังค่ำ ยอดคนก็เป็นยอดคนเสมอ.
ฝากไว้ให้คิด
...ไม่เคยหนักเท่าปีนี้เลยจริงๆ โชว์ห่วยจากที่เป็นอาชีพหลักของบ้าน ขายแทบทุกอย่างในยุครุ่งเรือง ชิ้นส่วนไก่ ลูกชิ้น เครื่องก๋วยเตี๋ยว ของแห้งต่างๆในตลาดสด จากที่เคยมีเงินฝาก เงินหมุนหลักล้าน ทอง รถยนต์ ปีนี้ก็ส่งคืนไฟแนนซ์ไปแล้ว1คัน เงินตอนนี้ทะยอยมาหมุนจนแทบจะหมดแล้ว ถ้ายังกำลังซื้อแย่แบบนี้ สิ้นปีนี้คงไม่รอดแน่ๆ หนี้สินก็ยังเยอะทั้งขึ้น ศาลทั้งไกล่เกลี่ยแต่ก็ยังจะหาจ่ายแทบไม่มีเพราะก็ต้องดึงเงินมาหมุนที่ร้านบ้าง ตอนนี้ลองทำอาชีพเสริมลองหาขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดก็ซบเซาเหลือเกิน ควรจะหันมาทำอาชีพอะไรดีครับ หรือจะตัดใจไปหาทำงานต่างประเทศดูสักตั้ง แต่ก็ยังห่วงพ่อแม่และลูกอยู่ดี ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกเลย....
คนไข้มาหาว่า ไอมา3วันไม่ได้นอนเลย
ม : ไอแบบตื่นมาไอทั้งคืนนอนไม่ได้เลยหรอคะ
(สมองกำลังประมวลโรค คิดวิเคราะห์)
คข: ไอแบบนอนได้…แต่ภรรยาตื่นมาด่า เลยตื่นครับ เอาให้หายให้ไวที่สุดนะครับ
😅
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ปัญหามันเป็นโครงสร้าง และเนวิเกชั่นของทุนโลกที่ไหลออกไหมด จะช้า จะเร็ว เราก็ถดถอยลงเรื่อยๆ จะชัดขึ้นอีกเมื่อเพื่อนบ้านเจริญขึ้น ดึงมูลค่าได้เพิ่มขึ้น
.
โลกทุกวันนี้ เทคโนโลยี การย้ายทุน พลังการผลิตมันทันกันหมด ตัดกำไรกันหมด ดังนั้นมันจึงวัดที่โลจิสติกส์ ประกอบ ขนส่งเข้าตลาด ดูภาพนี้ก็อธิบายได้หมดว่า 20 ปีนี้เพื่อนบ้านจะได้เชิงบวก ส่วนไทยเป็นเชิงลบ
.
'...ถ้าอาเซียนจะรวยได้แบบยุโรป เชียงใหม่ต้องเป็นเมืองที่เข้าคู่กับเมาะตะมะ และอีสานต้องเป็นเขตส่งเสริมอินโดจีน เพราะคลัสเตอร์ฝั่งเวียดนามเป็นฮับสู่โลก
.
แต่ถ้าเรายึดเขตรัฐชาติ มันจะตัดกำลังกันเอง โครงข่ายคมนาคมของไทย จะออกผลสูงสุดที่ฝั่งอันนัม อินโดจีนชนะสงครามเย็น
.
ทั่วโลกมีชายฝั่งมากมายในทุกทวีป แต่ Super Shore มันมีลักษณะเฉพาะที่เป็นตัวพลิกเกม และทดแทนด้วยชายฝั่งอื่นๆไม่ได้ บางเรื่องพูดได้ชัดเจนด้วยแผ่นที่ บางเรื่องยังเป็นแนวคิด
.
+
.
ถามผม Super Shore คืออะไร ?
.
ผมตอบว่า คือชายฝั่งตั้งแต่คาบสมุทรเกาหลี เรื่อยลงมาจรดแถวๆ ไซง่อนหรือนครโฮจิมนห์มาหน่อย และตัดไปยังช่องแคบมะละกา
.
ณ บริเวณนี้ ทุกชายฝั่งที่สัมผัสทะเล และลากเส้นพุ่งออกไปโดยไม่มีฝั่งอื่นบัง มันจะไปที่แผ่นดินอเมริกา (แคลิฟอเนีย เม็กซิโก และคลองปานามา)
.
ถ้าเราสังเกต สมรภูมิหลักของสงครามโลก II เดือนสุดท้าย เย็น ไม่ว่าสงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม เกิดบริเวณ Super Shore
.
เมื่อคนพูดว่า สงครามทำให้ทุกสิ่งพินาศ
.
แต่ Super Shore สร้างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวั่น จีนแดง และที่มาแรงคือเวียดนาม (ในอดีตฟิลิปินส์ก็ถูกสร้างจากหลัก Super Shore ช่วง 1920-1950 ฟิลิปินส์เจริญกว่าไทย รายได้ต่อหัวมากกว่า 2.6 เท่า)
.
Super Shore จะล้ม แล้วลุก และผงาด และจะล้มอีกครั้งเพื่อลุกอีกครั้ง เพราะพลังของแปซิฟิต จะถ่วงดุลด้านแอตแลนติก เป็นืวิภาคทางปรัชญา และเป็น 'ตลาดคู่' ในเชิงรูปธรรมจริง
.
มันเป็นเรื่องนาวิเกชั่น
.
และ Super Shore นี่เอง คือตัวเปิด และปิดสงครามเย็น ผมหมายถึงความคิดที่ว่า จริงๆสงครามเย็นสิ้นสุดเพราะ 'จีน'
.
จีนแตกกับโซเวียต
.
โวเวียตจับมือเวียดนามล่อมแปซิฟิก จีนที่ใหญ่กว่า จึงปลึกตัวออก และไปเข้ากับสหรัฐฯ 1973
.
++
.
ยุคนั้นสหรัฐฯ เลือกจีน จึงทิ้งศึกที่เวียดนาม
.
เพราะชายฝั่งจีน เพราะเสิ้นเจิ้น หางโจว ชิงเต่า เทียนจิน มีค่ากว่าไซ่งอนและไฮฟอง
.
โดย Super Shore มันจะไม่มีทางผนึกกันเป็นทีมเดียวทุกละติจูด ในที่นี้สโคปที่ 0-50 องศสเหนือ มันแย่งทุนกันโดยธรรมชาติ ขัดผลประโยชน์กันโดยธรรมชาติ
.
ถ้าจีนได้ เวียดนามก็ต้องเสียแต้ม
ถ้าเวียดนามได้ จีนจะต้องเสียแต้ม
.
อย่างไรก็ตาม วัฒนธรรม คติ ความคิด ผลการเรียนของชายฝั่งเหล่านี้ จะเป็นแบบขงจื้อ เก่งพอๆกัน โดยข้อมูลการวัดไอคิวก็ไม่หนีกันเท่าไหร่ ยกเว้นฟิลิปินส์ที่ต่างจากที่เหลือ
.
เศรษฐกิจไม่มีทางดีถึงกันหมด เพราะมูลค่ามันวัดที่อันดับและการแย่งสัดส่วนมูลค่าตลาด ... ผมพูดว่า 'แย่งสัดส่วน' ทุกคนเรียนคณิตมา จะต้องรู้ว่ามันเป็นความสัมพันธ์เชิงลำดับ สอบได้ที่ 1 2 3 4 ต่อให้คุณเก่ง แต่ถ้าคนถึงครึ่งห้องคนเก่งกว่าคุณ นั้นก็คือคุณห่วย
.
เพราะสินค้าในตลาดโลก เช่นน้ำมัน โลหะ สินแร่ อาหาร ล้วนประมุูลแข่งซื้อ ชาติที่ส่วนแบ่งมาก จึงรวยกว่าชาติที่ส่วนแบ่งน้อยโดยกลไกคณิตศาสตร์
.
สงครามเย็นครั้งก่อน พักยก เพราะจีนเข้ากับสหรัฐฯ 1973-2020
.
ครั้งนี้ก็แค่กลับข้างกัน
.
ทุกอย่างเลยเปลี่ยนด้านไง สหรัฐฯ มาหนุนเวียดนามให้ดุลจีน
มีแต่พวกโง่ๆที่สนใจไปพิมพ์เถียงซะยาวยืด โดยที่แยกไม่ออกว่าเป็นแอคที่สร้างมาเพื่อปั่น
บางคนพิมพ์โชว์หล่อประจำแต่โง่ไปคุยกับแอคปั่น อย่างน้อยมึงควรกดเข้าไปดูยอดฟอล
วันเดือนปีที่สร้างแอค หรือดูโพสต์เก่าๆว่ามันเคยทำอะไร อันนี้ไม่มีตรวจสอบเลย คุยไปเรื่อย
บางอันใช้ชื่อจริงนามสกุลจริง แสดงตัวว่าเป็นคนแถวไหน ติดแท็กแบบล่อตีนชัดๆ
มึงลองกดเข้าไปดูเฟส ดูไอจี ลิงค์ที่มันให้มาหรือยัง ยกตัวอย่างที่กูลองกดเข้าไปดู
ชื่อเดียวกันแต่ข้อมูลคนละอย่าง ใน tiktok ทำตัวล่อตีนชาวบ้านแสดงตัวเป็นคนภูเก็ต
แต่ในเฟสเป็นคนลำพูน ในเฟสลงรูปทั่วๆไป เป็นเด็กบ้านๆวัยรุ่นชนบท ไม่มีรูปรถแต่งซิ่ง
ไม่มีรูปกินเหล้าสูบบุหรี่หรือคั่วหญิง แคปชั่นแต่ละรูปคือใช้ชีวิตปกติเลย
แต่ใน tiktok นึกว่า 4 kings ลงคลิปใช้รูปเดียวกันกับในเฟสแต่แคปชั่นท้าทายไปทั่ว
คิดได้อย่างเดียวเลยคือถูกแอบอ้าง แล้วไม่ใช่มีแค่เด็กคนนี้ ทั้งคนแก่ คนหนุ่ม คนสาว มีหมด
บางรูปคือเห็นชัดๆมึงแคปมาจากวีดีโอในยูทูป ไม่ได้สังเกตกันเลยเหรอ
ไอ้เหี้ย สมองแม่งไม่มีการไตร่ตรองเลย เห็นเขาด่าก็รีบไปด่าตอบ
แต่ก็เหมาะสมกันดี พวกกระจอกหลบหลังคีย์บอร์ดไม่กล้าแสดงตัว
กระจอกยกกำลัง 2 เอารูปเอาชื่อคนอื่นไปแอบอ้าง เถียงกับพวกโง่ ไม่มีการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พวกอวยยูบิ กรณียาสึเกะ AC ว่าคนญี่ปุ่นใจแคบเนี่ย
รอให้พวกมันทำ AC ภาคอยุธยาแล้วมีคนดัมมาไล่ฟันคนไทยก่อนเถอะ พวกเมิงจะร้องเหมืยนหมา
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ในอดีต เมืองฝั่งโขงแถบนี้ มีผ้าเก่าแก่ลายเป็นเอกลักษณ์มากมาย เช่น ผ้ากาบบัว ลายปราสาทผึ้ง ทิวมุกจกดาว ขิดนาคกาบน้อย นาคเลื้อย กาบหลวง และอีกสารพัดสารเพ มรดกงานกราฟิกก็จะอยู่ในรูปลายผ้านี่เอง
ในอดีตเวลามีงานพิธี เราจะเห็นผู้ร่วมใส่ผ้าลายสวยๆมาประชันกัน ตั้งแต่งานแบบทางการ ไปจนถึงงาน อบต.งานบุญบ้าน งานศพ งานบวช คนมีหน้ามีตาในท้องถิ่น ก็จะแข่งกันหาผ้าสวยๆที่มีอยู่สารพัดลายมาใส่
สมัยเราเด็กๆ เวลาที่ยายต้องเข้าไปร่วมงานในอำเภอ ยายจะเลือกใส่ซิ่นลายไม่ซ้ำไปร่วมงานเสมอ
มีครั้งนึง คุณอารี แท่นคำ หรือ บก.พายุหินกูรู ในวัยหนุ่ม จัดค่ายมาที่อำเภอบ้านเกิด พร้อมตั้งเวทีเล่นเพลงร็อคในยุคสมัยนั้น แบบที่ลีดกีตาร์หูดับตับไหม้
ยายก็ยังนุ่งซิ่นตีนจก คาดเข็มขัดนาคอันเก่ง จูงหลานๆเข้าอำเภอไปดู #พายุหินกูรู ผู้เป็นลูกชายหล่า ลีดกีตาร์เล็ดแซพปลิน
จนวันที่ยายเสีย แกก็ขอให้ลูกหลานใส่ซิ่นลายสวยที่แกชอบใส่ลงโลงไปด้วยกัน
…
ตัดภาพมาปัจจุบัน ทุกวันนี้ เวลามีงานพิธี เรามักจะเห็นลายๆนึงโดดเด่นใส่กันเต็มงาน ทั้งแบบลายเต็มตัว หรือปะปนอยู่ในชุด ในผ้าซิ่น แทรกลายในผ้าสไบ
ทุกภาคส่วนถูกโดมิเนทโดยลายนั้น
โดยเฉพาะบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับรัฐ ครู ข้าราชการ อบต. แม้แต่ ป้าๆอสม.ชาวบ้าน ก็ยังใส่ลายนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน
ลายผ้าอัตลักษณ์ท้องถิ่นที่เคยหลากหลาย ค่อยๆถูกแทนที่
จะว่าไป ก็โทษรัฐอย่างเดียวไม่ได้ เพราะมันก็มีทั้งงานที่รัฐ #ขอความร่วมมือ หรืองานที่ชาวบ้านคิดกันเอง
ในกรณีที่ชาวบ้านคิดกันเอง เหตุผลก็ง่ายๆคือ เพื่อที่จะเอาใจรัฐ ทำให้ถูกใจหลวง ก็ใส่ชุดลายนั้นอย่างพร้อมเพรียงกันเสียสิ ก็เพราะระบบสังคมมันเป็นแบบนี้ ชาวบ้านเรียนรู้ที่จะ #แสดงละคร ในบทบาทใดก็ได้ เพื่อเอาใจเจ้าเอาใจนาย
ก็เราอยู่ในรัฐนาฏกรรมแบบนี้ แค่สวมชุดตามบทนี่ง่ายจะตาย
เหมือนกับเวลาขอโครงการ ชาวบ้านเรียนรู้ที่จะใส่นามสกุลโครงการแบบไหนก็ได้ เพื่อเอาใจหลวง เพื่อให้ได้รับการอุปถัมภ์ ได้ถนนหนทาง ได้ฝาย ได้สะพาน ได้งบมาทำโครงการกำจัดลูกน้ำยุงลายเฉลิมพระเกียรติเทิดไท้สู่ประชาคมอาเซียนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง you name it
...
เข้าพรรษาปีที่แล้ว เราไปงานโรงเรียนประถมแถวนี้ ก็โรงเรียนบ้านนอกระดับหมู่บ้านนี่แหละ ตอนถ่ายรูปรวม เรายืนอยู่ตรงนั้นพอดี ป้าๆครูๆเลยขอให้ช่วยถ่ายรูป เรายกกล้องขึ้นมา มองทุกคนที่ยืนเรียงยิ้มแฉ่งรับกล้อง
จึงเห็นว่าชุดครู ซิ่นนางรำเด็กๆทั้งกลุ่ม อสม.หมู่บ้านทั้งเซ็ต
ใส่ลายเดียวเหมือนกันหมด!
แล้วลายซิ่นตีนจก เครือนาค หมี่บักโม หมี่ขอฮ้อย หายไปไหนหมด?
หรือนี่คือ Textile-Internal-Colonisation ที่ขยายตัวกลืนกินความหลากหลายและอัตลักษณ์ท้องถิ่น เหมือนที่เคยกลืนกินภาษาพูด ภาษาถิ่น ตัวธรรม ตัวไทน้อย ตัวเมืองล้านนา กลืนกินสถาปัตยกรรมวัดแบบล้านช้างมาแล้ว
หนัง Internal-Colonisation ม้วนเดิม กำลังเกิดขึ้นเห็นๆกับตา ในโลกยุคปี 2024 นี่เลย
หรือไม่แน่ ลายผ้านี้อาจจะเป็น #เอเลี่ยนสปีชี่ทางสุนทรียศาสตร์ ที่กำลังแพร่กระจาย โดยที่เราแตะต้องต้นตอไม่ได้แบบเดียวกัน
กระบวนท่าหมัดมวยจีนรอบนี้น่าสนใจมาก
** ใครบอกทำราคาถูกไม่ได้ จีนทำให้ดู **
- ผู้ประกอบการไทยบอกลดราคาไม่ได้เเล้ว ธุรกิจจะไม่รอดเเล้ว เเต่จีนทำให้ดูเลย --- Cost of Goods Sold สูงเหรอ เดี๋ยวไปกว้านซื้อวัตถุดิบมาให้ --- SG&A สูงเหรอเดี๋ยวเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย จ้างเเรงงานราคาถูกเข้ามาเเทนคนไทยค่าตัวเเพงเเถมงานไม่ค่อยเดิน --- ภาษีสูงเหรอ ไม่เป็นไรมีช่องทางกฏหมายให้เล่นได้
>>> ทุกบรรทัดที่เป็นต้นทุนจ่ายในการงบ P&L จีนจัดการได้หมด เพราะผู้ประกอบการเค้าไม่ได้มาเดี่ยวๆทื่อๆเเต่เค้ามาเป็นองคพายพ มาลุยทั้ง Eco-System
.
.
** ดูด Supply เเล้วค่อยปั่นราคาเก็บกำไรทีหลัง **
- มันคือการเล่นกับ Demand-Supply เหมือนเกมที่เล่นกับล้งทุเรียน เริ่มการไปกว้านซื้อล้งเพื่อดูด Supply ให้มากที่สุดเเล้วลดราคาให้ต่ำกว่าตลาดก่อน ผู้ประกอบการเจ้าไหนทนไม่ได้ก็ขายล้งออกมา นายทุนก็รับซื้อเหมือนได้ Distress Asset
>>> จากนั้นค่อยดึงเอาทรัพยากร ดึง Know-how ดึง Eco-System มาให้หมด เพราะวันไหนที่คุม Supply ได้เเล้ว Pricing Power จะกลับมาอยู่ในมือเอง มันคล้ายๆกับเกมหุ้นที่เจ้ามือทุบหุ้นเพื่อรวบ Float ก่อน เเล้วพอได้จำนวนครบเมื่อไหร่ ราคาเป้าหมายจบตามที่คุยกันไว้ที่สนามกอล์ฟ
.
.
** ผู้บริโภคชนะ ( เเต่อาจในระยะสั้น ) **
- เอาเเบบมองโลกในเเง่ร้ายหน่อย เมื่อสินค้าเเละบริการราคาถูกทั้งตลาด คนที่ชนะในช่วงเเรกคือผู้บริโภค ลองนึกถึงอุตสาหกรรม Food Delivery ที่เน้นดึง User จนกว่าจะตายกันไปข้าง ! คนสั่งรู้สึกโชคดีได้กินชานมไข่มุกมาส่งถึงออฟฟิศถูกกว่าเดินไปซื้อหน้าร้านเองด้วยซ้ำ
>>> But If you're not paying for the product, you are the product เพราะในระยะยาวเมื่อเราคุ้นชินกับเเพลทฟอร์มนั้นติดจนเป็นนิสัยเเล้ว อำนาจการ "คุมตลาด" กลับไปที่เเพลทฟอร์มทันที
โจทย์ใหญ่ในระยะยาวคือการที่ Business Landscape เเต่ละอุตสาหกรรมของไทยจะโดนทุนจีนเข้ามาทดเเทนได้เรื่อยๆ เราไปกันไงต่อเเบบนี้ เพราะผู้บริโภคไม่ช่วยนะ ฉันประหยัดเงินของฉัน ใครจะทำไม ! ( เเละก็ไม่ใช่เรื่องผิดของเค้าเช่นกัน )
.
.
** Price-Distortion กดให้ถูกได้ก็ดึงให้เเพงได้ **
- ราคาบ้านหรูชานเมืองตอนนี้เเทบจะเริ่มกันที่ 39 ล้านบาทต่อหลัง คนนั่งบีทีเอสไปทำงานในเมืองเกาหัวทุกวันเเล้วคิดในใจว่านี่กูต้องทำมาหากินอะไรวะ !!? ถึงจะซื้อบ้านหลังละหลายสิบล้านได้ (ว่าเเล้วก็เเวะซื้อ MIXUE ก่อนเข้าออฟฟืศซะหน่อย ) /// เเต่เศรษฐีจีนบอกสบายเทียบกับฮ่องกงเเล้วถูกกว่าเยอะมาซื้อในไทยดีกว่า ส่งลุกมาเรียนอินเตอร์ได้ด้วย
เเถมเข้าทาง Developer ที่ไม่อยากขายคนไทยเท่าไหร่ มาร์จิ้นสู้ขายต่างชาติไม่ได้ กลายเป็นราคาบ้านดันพุ่งขึ้นจาก Demand ต่างชาติซะงั้น ราคามันก็เพี้ยนสิครับ ก็เลยไม่เเปลกว่าทำไม Home price to Income Ratio บ้านเรามันสูงนัก หรือมันเป็นสัญญานบอกเเล้วว่าชนชั้นกลางส่วนใหญ่เริ่มไม่มีปัญญาซื้อบ้านในตัวเมืองเเละชานเมืองเเล้วเรียบร้อย
.
.
** เทรนด์ที่เลี่ยงได้ยาก **
- ยุทธศาสตร์ของจีนประกาศชัดอยู่เเล้วครับว่าจะโตด้วยการส่งออก เพราะ Demand ในประเทศมันวิกฤต !! วัยรุ่นตกงานเยอะเเยะ สินทรัพย์คนมีเงินขึ้นมาหน่อยก็อยู่ในอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังมีปัญหาอยู่
เพราะฉะนั้นไอ้เรื่อง Over-Capacity ในประเทศมันต้องเเก้ด้วยการส่งไปนอกประเทศ เพื่อให้โลกทั้งใบช่วย Absorb สิ่งที่จีนผลิตได้ ซึ่งถ้าเอาตามตำรานะ จีนคือ Deflation Exporter ไปเเล้ว
.
.
** ชนกับทั้งโลก **
- จีนส่ง TEMU เเพลทฟอร์มอีคอมเมิช (บริษัทลูก PDD) ไปชนกับ AMAZON จีนส่ง SHEIN ไปชนกับเเพลทฟอร์มขายเสื้อผ้าออนไลน์ทั้งโลก --- เพราะฉะนั้นไม่ใช่เเค่รายย่อยครับ เเต่จีนชนหมดไม่สนลูกใคร เพราะมันคือ Low Price Strategy มันคือกลยุทธฺ์ Affordability ที่จีนถนัดอยู่เเล้ว
.
.
** Agenda ระดับประเทศ **
- สมมติมองเเค่ในอาเซียน เวียดนามปรับกลยุทธ์มาเป็นมิตรกับจีนในเเบบนึง อินโดนีเซียก็เปิดหน้าชนกับจีนในเเบบนึง บ้านเราเองก็ต้องมีกลยุทธ์เเละกฏเกณฑ์ให้มันชัดๆเเบบนึง ส่วนประเทศลาวไปทำอีท่าไหนไม่รู้ ตอนนี้หนี้สาธารณะของประเทศถึง 3 ใน 4 มีจีนเป็นเจ้าหนี้ไปเเล้วเรียบร้อย --- ไอ้การมายึดภาคธุรกิจนี่ว่าน่ากลัวเเล้วนะ เจอ Debt Slave เเบบลาวเข้าไปนี่หนักเลย !!
.
เเละถ้ามองเเบบไม่ Bias เกินไปนัก ...
ประเทศที่ขนเงินมาลงทุนในไทยสามประเทศหลักๆคือญี่ปุ่น สิงคโปร์เเละจีน ---- เเละในวันที่ Demand ในประเทศมัน Crash ไปเเล้วจากหนี้ครัวเรือนในระดับสูง มันเลยเลี่ยงไม่ได้ที่ไทยเราต้องพึ่งพาเม็ดเงินจากต่างชาติด้วยการผ่อนปรนกฏเกณฑ์อะไรบางอย่างในทั้งสัดส่วนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ จนมาถึงการผ่อนปรนกฏเกณฑ์ทางธุรกิจที่มันชัดเจน
เเละมองในมุมผู้บริโภคมันคือราคาที่คนในฐานล่างของปิรามิดที่ถูกละเลยมานานสามารถเข้าถึงได้ เเละถ้ามองเเบบภาพสวยๆมันคือการลดความเหลื่อมล้ำของชนชั้นเเรงงานที่ปัจจุบันค่าเเรงวันนึงกินข้าวในห้างได้มื้อเดียว ( ผมเห็น Articles นี้เเวบๆเมื่อวานเเละเห็นด้วยอย่างมาก )
เราอาจต้องยอมรับเเล้วครับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็น "สัญญาณ" ให้เตรียมตัวให้ปรับตัวเพราะจากนี้ไปการมีความได้เปรียบของ Economy of Scale อาจเป็น MOAT ในการทำธุรกิจที่เปราะบางที่สุด
เพราะนักธุรกิจจีน "ทำดี " เเละ " ทำถึง" ถูกใจผู้บริโภคมากๆ
.
" จง-ไท่-อี้-เจีย-ชิน "
จีน-ไทยใช่อื่นไกลพี่น้องกัน
สิบปีจากนี้เราจะเป็นพี่น้องกันเเบบไหน
น่าสนใจในการติดตามครับ
"nyaaa big news! >///< I started working at Crowdstrike! It was my first day yesterday and I pushed a really cool feature last night :3 I hope I impress the PM >///<"
#มิตรสหายนักพัฒนาซอฟต์แวร์ท่านหนึ่ง
>>769 ชนชั้นกลาง สมัยก่อนเงินเดือน 100,000 บาท
เออ มันก็จริง ราคาบ้าน 39 ล้าน นี่คือตัววัดเลยละ สมัยก่อนกุไม่รู้ว่ากี่ล้านบาท
แต่แบบนี้กูก็ไม่ถือว่าเป็นชนชั้นกลางของประเทศ แล้ว
ชนชั้นกลางค่อนจน
เรียกได้ว่าเป็น ชนชั้นล่างที่เคยเป็นชนชั้นกลาง downwardly mobile middle class
คนหลายคนต้องยอมรับก่อน ว่าเราคือชนชั้นล่างแล้วนะ ต้องรอเงินหมื่น ใช้คนละครึ่ง
กุก็ไม่อยากจะยอมรับแต่มันคือความจริง
บางทีกูก็คิดนะว่า ไอ้เดมฯกับพวกซ้ายยุโรป แม่งพวกใครกันแน่? มันก็รู้ๆกันอยู่ว่าขั้วมุสลิมอย่างพวกตะวันออกกลาง/แอฟริกาน่ะมันเอนไปทาง รุส/จีน มากกว่า ตะวันตก แต่นโยบายพวกนี้ดันกระสันจะรับพวกผู้อพยพกลุ่มนี้มาอาศัยและจะเอาเป็นประชากร ซึ่งขัดแย้งกันอย่างรุนแรงกับประชากร อเมริกา/ยุโรป ไม่ว่าจะเชิง ปวศ ศาสนา และ ชาติพันธุ์ และมันทำให้ฝ่ายตรงข้ามอย่าง รุส/จีน มีแต้มต่อขึ้นมาแบบชัดเจน นกม พวกนี้มันเอาเรื่องความเมตตา/สิทธิมนุษยชนมาเป็นข้ออ้างให้ประเทศอ่อนแอชัดๆ ไหนจะนโยบายการเงินกับสาธารณสุขแบบโง่ๆอีก(จงใจจะทำให้ถังแตก)
"คือชายแท้มันหวงนักบอลเพราะคิดว่าเป็นกีฬาชายแท้ หรือมันหึงนักบอลวะ เริ่มสงสัยละ จับผิดเหมือนกลัวผัวมีเมียน้อย"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ตลาดหุ้น
สะท้อนได้ถึง ภาวะเศรษฐกิจ มุมมองเศรษฐกิจทั้งปัจจุบันและในอนาคต
ย้อนรอยแต่ละช่วงของกราฟ SET ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
1.สีแดง : วิกฤติต้มยำกุ้งปี 40
รัฐบาล และ ธนาคารแห่งประเทศไทย ใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ ตรึงค่าเงินบาท ที่ 25 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์
เงินสะพัด ธนาคารปล่อยสินเชื่อง่าย , มีหนี้ต่างประเทศสูง , มีการลงทุนเกินตัวโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์
นำมาสู่ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ ตามด้วยการโดนโจมตีค่าเงิน และการลอยตัวค่าเงินบาท
จาก 25 บาท/ดอลลาร์ เป็น แถวๆ 50 บาท / ดอลลาร์
เท่ากับเป็นหนี้ เท่าตัวภายในวันเดียว
ฟองสบู่แตก ธนาคารพัง ธุรกิจพัง ปิดกิจการ กระทบเป็นลูกโซ่ บริษัทเจ๊ง คนตกงาน ตลาดหุ้นพัง ฯลฯ
การฟื้นตัวตอนนั้น ได้ภาคส่งออกและการท่องเที่ยวเข้ามาช่วย ซึ่ง 2 ภาคธุรกิจนี้ ได้รับประโยชน์จากการที่เงินบาทอ่อน ประเทศไทยก็เลยค่อยๆฟื้นตัวขึ้นมาเรื่อยๆ
2.สีเหลือง : วิกฤติ .com
ฟองสบู่หุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาแตก ตลาดหุ้นอเมริกาลงอย่างหนัก และบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งล้มละลาย
ไทยตอนนั้น ไม่ได้รับผลกระทบในทางตรงหรือในทางอ้อมในภาคเศรษฐกิจจริง
แต่ตลาดหุ้นได้รับผลกระทบ ตรงที่เม็ดเงินลงทุนที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนหายไป และมีการถอนเงินทุนจากตลาดออกไปเพื่อถือเงินสดสำรอง หรืออื่นๆเนื่องจากเจ็บจากตลาดหุ้นอเมริกา
การส่งออกและการท่องเที่ยวไทยยังดีอยู่ เศรษฐกิจยังคงเติบโตต่อเนื่อง ไม่นานตลาดหุ้นก็กลับมาพุ่งทะยาน
3.สีเขียว : วิกฤติ Subprime ของอเมริกาและการเมืองไทย
เกิดจากการเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์ และปล่อยกู้ที่หละหลวม ในอเมริกา
ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในอเมริกาแตก , เกิดการผิดนัดชำระหนี้บ้าน สถาบันการเงินล้มละลาย
สิ่งไทยได้รับผลกระทบ จากวิกฤติ Subprime คือ นักลงทุนต่างชาติหายไปและลดการลงทุนลง , ส่งผลกระทบต่อการส่งออกในทางตรงกับอเมริกาและทางอ้อม ลดลง
หลังจากนั้นอเมริกาทำการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ จึงค่อยๆฟื้นตัว
และไทยเจอปัญหาการเมือง ประท้วง ปิดสนามบิน และความขัดแย้งทางการเมือง
ตลาดหุ้นไทย ลดลงแรงจาก 900 จุด ลงมาแถวๆ 400 จุด
เศรษฐกิจไทยสะดุดไม่มาก และหลังจากนั้นยังคงกลับเติบโตทั้งการส่งออก และท่องเที่ยวอยู่ ทำให้ผ่านวิกฤติไปได้
4.สีฟ้า : วิกฤติ Covid 19
เกิดโรคระบาดทั่วโลก ปิดประเทศ , หยุดกิจการชั่วคราว เศรษฐกิจหยุดชะงัก
ผ่านมาได้เพราะ หลายประเทศกระตุ้นเศรษฐกิจ อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ ด้วยการ ลดอัตราดอกเบี้ย , แจกเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และไทยเองก็ทำ
การค้าขายกลับมาสู่ปกติ ตลาดหุ้นกลับมาสู่ปกติ แต่เริ่มทิ้งบาดแผล ฝังเชื้อร้ายไว้กับเศรษฐกิจไทย และหลายประเทศ
5.สีส้ม : วิกฤติ…ที่ยังไม่มีชื่อ
สิ่งที่ประเทศไทยกำลังเจอ
- หนี้ครัวเรือนสูง
- ไม่มีเทคโนโลยีของตนเอง ขาดนวัตกรรม นำไปสู่การขาดความสามารถทางการแข่งขัน
- ไทยเป็นเพียงประเทศรับจ้างการผลิตในอุตสากรรมที่ใกล้จะถูก Distrub
- ปัญหาทางการเมือง
- ความบอบช้ำทางการเงินที่สะสมมาตั้งแต่ตอน Covid 19
- สินค้าจากจีนทะลักเข้ามาตีตลาดไทยและผู้ประกอบการไทย
- สังคมผู้สูงอายุ
- ความท้าทายจากการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีค่าแรงถูก มีวัยแรงงาน และกำลังมีแนวโน้มเติบโต เช่น เวียดนาม
ฯลฯ
สะท้อนมาถึงผลประกอบการของหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และสะท้อนถึงการลดลงของราคาหุ้นในตลาด
จะผ่านไปได้เหมือนวิกฤติที่ผ่านๆมามั้ย ครั้งนี้คงต้องลุ้นกันจนตัวโก่ง
กราฟ SET บอกและสะท้อนได้หลายอย่าง
"คือต้องยอมรับวัฒนธรรมการซั่มเด็ก จับคนไปเป็นทาส ปาหินเกย์ อะไรยังงั้นเหรอ?
ปล. ในสังคมไทยคนที่ชอบพูดเรื่อง #พหุวัฒนธรรม มากที่สุดคือมุสลิม แต่พหุวัฒนธรรมของมุสลิมก็คือทุกคนต้องตามใจกู
มึงมาถิ่นกูมึงต้องแต่งตัวแบบกู กินอยู่แบบกู แต่ถ้ากูไปถิ่นมึงกูก็แต่งตัวแบบกู กินอยู่แบบกูอยู่ดี"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไก่ย่าง ไก่อบ พร้อมเคล็ดลับทำให้ไก่นุ่มจร้า
+อัตราส่วน หมักไก่ย่าง+
1.ไก่กระทง 1 ตัว (น้ำหนักตัวละ 1 กก.)
2.ซีอิ๊วขาว 150 มิลลิลิตร (ml)
3.น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำมันหอย 6 ช้อนโต๊ะ
5.ขิงแก่ทุบ 5 แว่น
6.กระเทียมบุบ 1-2 หัว
7.รากผักชีทุบ 6 ราก
8.พริกไทยขาวเม็ดบุบ 2 ช้อนโต๊ะ
9.น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะ (ใส่ทีหลัง ก่อนจะย่างไก่นะคะ)
+อัตราส่วน ซอสน้ำผึ้ง (ใช้ทาไก่ตอนย่าง)+
1.น้ำผึ้ง 100 กรัม
2.ซีอิ๊วขาว 100 กรัม
+อัตราส่วน น้ำจิ้ม+
1.น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
2.มะนาวคั้นสด 3 ช้อนโต๊ะ
3.น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
4.ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
5.พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
6.ผงชูรส 1/2 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้)
7.ผักชีสับหยาบ ตามชอบ
+วิธีทำ ไก่ยาง ไก่อบ+
1. เริ่มจากหมักไก่ ใก้นำไก่มาผ่าครึ่งแล้วแบะออก (ตามคลิป)
2. ทำน้ำหมัก เริ่มจากผสมซีอิ๊วขาว น้ำตาลมะพร้าว และน้ำมันหอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน จนน้ำตาลละลายหมด ใส่สมุนไพรตามลงไปแล้วผสมให้เข้ากัน
3. นำไก่ใส่ลงไปในชามน้ำซอส แล้วนวดไก่ให้ซอสเข้าเนื้อ หมักไก่ในตู้เย็นประมาณ 4 ชั่วโมง หรือหมักข้าคืนเลยยิ่งดี
4. เมื่อครบเวลา หรือข้ามคืนแล้ว ก่อนนำไก่มาย่างให้ใส่น้ำมันพืชลงไปในชามไก่ แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที เพื่อให้เนื้อไก่นุ่มชุ่มฉ่ำ
5. สำหรับย่าง ให้นำไม้มาเสียบไก่ แล้วย่างไก่ด้วยไฟอ่อน จนเนื้อไก่สุกดี พอเนื้อไก่สุกให้นำไก่มาทาซอสน้ำผึ้ง แล้วย่างต่อจนหนังไก่มีสีสวย
6. สำหรับอบ นำไก่มาวางในตะแกรง แล้วนำสมุนไพรที่ใช้หมักไก่วางไว้ที่ถาดด้านล่าง ใช้ไฟในการอบ 160 - 180 องศาเซลเซียส นำไก่เข้าเตาอบ 20 นาที ตาไก่ออกมากลับด้าน แล้วนำไปอบอีก 20 นาที จนไก่สุกทั้งตัว
7. นำซีอิ๊วขาวมาผสมกับน้ำผึ้ง แล้วผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำซอสน้ำผึ้งมาทาไก่ให้ทั่วทั้งตัว
8. นำสมุนไพรที่ถาดด้านล่างออก แล้วนำไก่เข้าเตาอบต่ออีกประมาณ 15 - 20 นาที จากนั้นนำไก่ออกมาพลิกด้านและทาซอสน้ำผึ้ง แล้วนำไก่เข้าเตาอบต่อ อีกประมาณ 10 - 15 นาที (คอยเปิดเช็คระดับความเกรียมของหนังไก่ตามชอบ)
9. เมื่อไก่สุกถูกใจ ให้นำไก่ออกมาสับ ทานคู่น้ำจิ้ม อร่อยแน่นอน
+เคล็ดลับความอร่อย+
#ไก่กระทงคือไก่เนื้ออายุ 8-10 สัปดาห์ นิยมนำมาอบหรือย่าง เพราะเนื้อจะนุ่มชุ่มฉ่ำกว่าไก่ปกติทั่วไป แม่ซีซื้อมาจากท๊อปซุปเปอร์มาเก็ต เป็นไก่แช่แข็ง ตัวละ 79 บาท
น้ำมันพืชจะใส่หลังจากหมักไก่เข้าที่ดีแล้ว
ถ้าใช้วิธีย่าง ให้ย่างด้วยไฟอ่อนๆ จนเนื้อไก่สุกทั้งสองด้าน จากนั้นก็ทาด้วยซอสน้ำผึ้งทีละด้าน ย่างจนหนังไก่สีเข้มสวยก็เป็นอันใช้ได้
การอบ ให้อบด้วยไฟ 160-180 c. ไฟบนล่าง ไม่เปิดพัดลม ด้านละ 20 นาที หรือจนกว่าเนื้อไก่จะสุกดี
พอไก่สุกดี ให้ทาซอสน้ำผึ้งทีละด้าน ใช้ไฟ 180-200 c. ด้านละประมาณ 10-20 นาที หรือจนกว่าหนังไก่จะมีสีเข้มสวย
จัดเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว
ขอบคุณเจ้าของสูตรและภาพ
มีเส้นบางๆกั้นกลางระหว่าง "รู้ใจ" กับ "เสือก"
หลังๆสื่อโซเชี่ยลหยั่งรู้ยังกับอ่านใจได้
แค่พิมพ์อักษรตัวเดียว ขึ้นคำที่ต้องการมาทันที
แล้วขึ้นคำมาตรงๆด้วย ไม่มีคำใกล้เคียง
โคตรอัจฉริยะ ทำได้ไงวะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีความพอดี
ปกติวนดูวีดีโออันเดิมทั้งวัน แต่เสือกเลื่อนไปอันอื่นให้กู
เลื่อนมาแต่ละอันอย่างเหี้ย ถ้าคุยกับมันได้ อยากบอกว่า
"วิดีโอแบบนี้เก็บไว้ให้พ่อมึงดูเถอะ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไม่อยากช็อตฟีลเพื่อน แต่ที่อวยปารีสใครไม่ชอบไม่มีรสนิยม พอเอาข้อมูลอีกฝั่งไปให้ก็กริปกันหมด
-เรื่องรักษ์โลกที่ทำไม่ได้ไป 3แล้ว
-พิธีที่อวยก็ลบคลิปแล้ว ด่าฉ่ำทั่วโลก -กระแสตีกลับ กลายเป็นฝั่ง woke ไม่เคารพศาสดาคนอื่น
กริบแล้วไปนินทาหาว่านี่ทำลายบรรยากาศ ก็จริงนะ ยอมรับค่ะ
ถ้าคุณชอบได้ เราก็ไม่ชอบได้ เถียงกันได้ ความชอบเป็นรสนิยม ใครจะให้ความเห็นก็ทำได้ตามใจเลยค่ะ แต่ต้องยอมรับด้วยว่าความชอบเราไม่ได้ถูกใจทุกคนได้ มีคนเกลียดได้เช่นกัน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
กษัตริย์พระองค์เดียวบนโลก ที่ทรงกระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ด้วยความสูง 12 เมตร แล้ววิ่งหลบฝ่ากระสุนที่ปลิวว่อนอย่างกล้าหาญ เพื่อปกป้องประเทศ และราษฎรที่พระองค์รัก จากผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์โจมตีชายแดน!
กษัตริย์พระองค์เดียวบนโลก ที่ทรงขับเครื่องบินส่วนพระองค์ เพื่อไปรับเหล่าราษฎร ที่ต่างประเทศ ยามกำลังมีศึกสงคราม ด้วยพระองค์เอง!
โชคดีหาที่สุดไม่ ที่ข้าพระพุทธเจ้าได้เกิดมา อยู่ใต้ร่มพระบารมี ของกษัตริย์พระองค์นั้น!
ข้าพระพุทธเจ้า และเหล่าราษฎรผู้จงรักภักดี ขอน้อมกราบถวายพระพรชัยมงคล ขอองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง และทรงพระเกษมสำราญ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนย์มายุยิ่งยืนนาน เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรแก่ปวงชนชาวไทยและขอให้พระองค์ จงทรงมีพลามัยสมบูรณ์แข็งแรง เป็นพ่อหลวงที่รักยิ่ง ของปวงชนชาวไทย สืบต่อไปตราบนานเท่านาน
ด้วยกล่าวด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท🙏🇹🇭❤️
CR .Pic From Times Square NY
ศึกใหญ่มาถึงไทยแล้วครับ
ตั้งแต่พูดถึงและเขียนถึงเมื่อไม่นานมานี้ว่าอเมริกากำลังหาทางต้าน TEMU ที่เป็นอีคอมเมิร์ซเปิดมาแค่ปีสองปีแต่ทะลุไปหมื่นกว่าล้านเหรียญแล้วด้วยการ "ประกบแล้วบี้" ... อธิบายสั้น ๆ คือสินค้าทุกตัวที่อเมริกันขาย จีนจะส่งตัวประกบมาขายในราคาที่ต่ำกว่ามาก ๆ (บางไอเท็มขายในราคาแค่หนึ่งในสามของคู่ต่อสู้, ส่งฟรี, และส่งคืนฟรีถ้ามีปัญหา - พบว่าอัตราการส่งสินค้าคืนสูงแต่คนซื้อก็ยังช็อปกันอย่างบ้าระห่ำ)
.
กลยุทธ์สุดโหดนี้ทำให้พวกเขาโตพรวดพราดไปทั่วโลก เสนอของถูก ๆ ให้ผู้บริโภคที่เช็คราคาของชิ้นไหนก็ตาม ในครัว, ในห้องน้ำ, ในบ้าน, ในออฟฟิศ, ในสวน ... จะซื้อกล่องใส่ทิชชู่เหรอ? ฉันรู้ว่าคนอื่นขายสิบบาท ฉันขายสามบาท ... ถ้าส่งไปแล้วแตกหักเสียหายก็ส่งคืนมาเดี๋ยวฉันส่งชิ้นใหม่ไปให้ ... มีงานวิจัยที่หน่วยงานรัฐในอเมริกาจ้างทำสำรวจ พบว่าสินค้าใน Walmart, Target, และ Amazon เป็นสามเป้าหมายที่ถูกประกบเกิน 80% ... Dollar Tree, Dollar General, Etsy, Sam's Club เจอประกบเกิน 50%
.
งานวิจัยพบว่าแพล็ตฟอร์มที่โดนประกบน้อยคือ Aliexpress โดนประกบราว 5%, TikTok Shop ประมาณ 20% ... มีความหมายแน่นอนฮะ
.
มันซัดกันเดือดขนาดนี้ ผมเคยระแวงอยู่ว่าวันนึงมันจะเข้ามาสู่ประเทศเล็ก ๆ อย่างประเทศไทยนี่แหละ ... TEMU มีแบ็กอัพรายใหญ่คืออีคอมเมิร์ซอันดับต้น ๆ ของจีนอย่าง PinDuaDua ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่เหมาซื้อสินค้าในจีนที่ว่าถูกอยู่แล้ว พอซื้อเยอะก็ถูกกว่าเดิมอีกแล้วเอามาขายผ่าน PDD ของเขาเองมาหลายปีจนโตมาก ๆ ในจีน ... ตอนนี้ก็ส่ง TEMU ไปทั่วโลกละฮะ
.
ไบเดนเคยแถลงเลยว่าไม่แฟร์ที่จีนผลิตไม่หยุดทั้งที่ในประเทศก็ไม่สามารถรับได้จนล้นแล้วล้นอีก แล้วจีนก็ส่งมาขายตัดราคาคนอื่นหน้าตาเฉย ... เราก็ต้องเตรียมรับมือกันเองละฮะ ตอนนี้ประกาศแล้วว่ามาเมืองไทย (ตัวอย่างรีวิวยังเป็น Mockup อยู่ลย) ... ถ้าผู้บริโภคของเราได้เห็นราคาก็เดาได้ไม่ยากว่าจะต้องกระหน่ำซื้อกันแน่นอนฮะ ไม่ใช่ความผิดของผู้บริโภค แต่คนที่ต้องแก้ปัญหาคือคนที่ต้องเห็นก่อนและตั้งโจทย์ใหม่ให้ผู้บุกรุกทันทีก่อนที่จะแก้ยากกว่าเดิม
ผู้ประกอบการไทยหลบไปครับ... Temu ขนสินค้านับล้านๆ ชิ้นจากจีนมาบุกตลาดไทยแล้ว... ฮิ้ววววว.. เตรียมตัวปิดร้าน ปิดโรงงานกันได้เลยครับผม
เปิดตัวแล้วกับ Temu เว็บ E-Commerce ที่เติบโตได้รุนแรง และเขย่าตลาดการค้าออนไลน์มาหลายประเทศทั่วโลก ขย่มบลังค์ Amazon ที่อเมริกา ขายของเยอะและถูกจนคนอเมริกาติดงอมแงม..
วันนี้มาเปิดตัวที่ไทยแล้ว กับภาษาไทย และรับเงินบาท พร้อมกับโปรโมชั่น ลดเหี้ยๆ ลดกันจนจุก กับของนับล้านๆ ชิ้นส่งตรงจากจีน.....
สำหรับผู้บริโภคเตรียมรับโปรโมชั่นเด็ดๆ ราคาพิเศษและส่งฟรี.! ทุกชิ้น พร้อมจะมากระชากเงินออกจากกระเป๋าคุณได้สบายๆ
ส่วนผู้ประกอบการไทยที่ขายสินค้าอยู่, หรือเป็นผู้ผลิตเตรียมรับแรงกระแทกครับ .... ยักษ์ใหญ่จากจีนมาอีกเจ้านึงแล้ววววว
รัฐบาลไทยครับ.. เอ่อ อ้า อู้... เฮ้ออ.....
สืบสันดาน ขึ้นอันดับ 1 ของโลกแล้ววว พวกเราคนไทยทำได้แล้วนะ ดีใจ น้ำตาจะไหล ขอบคุณทีมงานทุกคน นักแสดงทุกคน ขอบคุณผู้ชมคนไทยทุกคนและทั่วโลก ที่สนับสนุนงานพวกเรานะครับ รักนะ ✌🏼❤️🇹🇭
อัปเดตข้อมูลล่าสุดอย่างเป็นทางการของ Netflix นะครับ
สืบสันดาน (Master of the House) คว้าอันดับ 1 บนชาร์ต Netflix Global Top 10 หมวดซีรีส์ภาษาต่างประเทศ (Non-English) อีกทั้งยังติดอันดับ Top 10 ใน 63 ประเทศทั่วโลก ถือเป็นซีรีส์ไทยเรื่องแรกที่สามารถครองอันดับสูงสุดของโลกได้ในหมวดดังกล่าว (ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 22-28 ก.ค.)
https://www.netflix.com/tudum/top10/tv-non-english
#สืบสันดาน #masterofthehouse #netflixth #kantanamotionpictures
Temu ยังไม่เจอสิ้นค้าที่ถูกใจเลยวะ
มันซื้อกันโครมๆจริงหรอ ไม่ค่อยชอบอะไรดาษๆวะ
มีคนเล่าให้ฟัง เหตุเกิดในห้องงบประมาณ ไม่รู้เล่าได้ไหมว่าคนเล่าคือ Jirat Thongsuwan - จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ เนอะ
กองทัพเข้ามาชี้แจงงบประมาณ คนเล่าก็ถามถึงงบประมาณสวนสนามของกองทัพซึ่งขอเอาไว้ 30 ล้านบาท และตั้งข้อสังเกตุว่าจริง ๆ สวนสนามในหน่วยไม่น่าจะใช้งบเยอะขนาดนี้ สามารถสวนสนามโดยลดงบประมาณลงหน่อยได้ไหม
พูดไปพูดมาแล้วมาดูคำปฏิญาณที่ใช้ในการสวนสนาม ในคำปฏิญาณมีคำว่าข้าพเจ้าจักรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คนเล่าเลยตั้งข้อสังเกตว่าสวนสนามแล้วปฏิญาณไปก็ทำไม่ได้อย่างที่ปฏิญาณ เพราะมีการก่อรัฐประหารอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจะสวนสนามไปทำไม
ผู้แทนของกองทัพตอบด้วยเสียงอันดังว่า "เราก่อรัฐประหารกับคนชั่วเท่านั้น" แล้วทหารครึ่งนึงก็หัวเราะกันครื้นเครง
.... ปัญหาก็คือ ส.ส. ก้าวไกลไม่เจ็บนะ เพราะยังไม่เคยถูกรัฐประหาร แต่ส.ส. ที่เจ็บก็คือ ส.ส. เพื่อไทยที่โดนรัฐประหารมาสองรอบแล้วนี่แหละ คนเล่าบอกว่าสังเกตุอาการหลายคนดูตกใจ
มันเลยเกิดปฏิกิริยาต่อเนื่อง จากที่ ส.ส. เพื่อไทยพยายามพูดสนับสนุนงบประมาณให้กองทัพ กลายเป็นช่วยกันยกมือ แขวนงบมันซะเลย
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ทหารส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าการรัฐประหารเป็นเรื่องผิด กลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมและควรทำด้วยซ้ำ สังเกตุได้จากการพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าก่อรัฐประหาร และหัวเราะกันเหมือนกับเห็นด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ทหารที่มาชี้แจง ก็มาในนามของผู้บังคับบัญชาของตัวเอง เช่นทหารจากกองทัพบกก็มาแทนผู้บัญชาการทหารบก ดังนั้นคำพูดหรือการกระทำของตัวแทน ก็ถือเป็นคำพูดและการกระทำของผู้บัญชาการทหารบกด้วย
ฟังเรื่องนี้ผมก็ยิ่งมั่นใจเหมือนใจความที่เคยพูดใน Daily Topics กับ Winyu John Wongsurawat นี่แหละว่า กองทัพไม่เคยหยุดเล่นการเมือง และหาจังหวะก่อรัฐประหารแน่นอน
อย่าคาดหวังให้กองทัพไทยมีความเป็นมืออาชีพให้มากนักเลยครับ ถ้าประชาชนอยู่เฉย ๆ เขาไม่มีทางเป็นทหารอาชีพได้หรอก ดังนั้นประชาชนอย่าหยุดที่จะกดดันกองทัพและตรวจสอบกองทัพครับ อย่าให้เขาคิดว่าประเทศนี้อยู่ใต้รองเท้าบูทของเขา จะทำอะไรก็ได้ตามใจไม่มีใครต่อต้านได้
อ่านกระแสที่ตอบสนองเรื่องชกมวยวันนี้แล้วเราหดหู่มาก
สื่อจำนวนมากลงข้อมูล "ราวกับว่า" เขาเป็น Transwoman ทั้งที่ความจริง ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด และจริง ๆ แล้ว น่าจะเป็น Intersex เสียด้วยซ้ำ ดังนั้น ในแง่ของเพศที่ "รัฐ" และ "สังคม" กำหนดให้ เขาก็เป็น "ผู้หญิง" แบบที่ทุกคนกำหนดให้เป็นนั่นแหละ
เราไม่รู้หรอกว่าใจเขาเลือกจะเป็นอะไร แต่สังคมเลือกให้เขาเป็นผู้หญิงไปแล้วตั้งแต่ต้น แล้วพอมาถึงวันนี้ ทุกคนก็ก่นด่าเขาในสิ่งที่ทุกคนก็เลือกให้เขา
สรุปแล้วชีวิตเขาเลือกอะไรได้บ้าง?
การพยายามประโคมข่าวโดยใช้คำกำกวม ใช้ภาษาที่ "ล่อ" ให้คนเชื่อว่า เขาเป็น Transwoman ให้คนมารุมด่า ยังไม่นับรวมวาทกรรมของ "เพศแม่" "แพ้ผู้ชาย" หรืออะไรต่าง ๆ ใด ๆ ที่กดทับผู้หญิง สิ่งนี้เป็นการแสดงถึง Transphobia ที่กระแสกำลังสูงขึ้นมากในประเทศไทย
เราอยากชวนทุกคนกลับมาคิดทบทวนกันใหม่ค่ะ
เมื่อเราพูดถึงการแข่งขันกีฬากับประเด็นทรานส์ เราเข้าใจว่ามันมีหลายปัจจัยมาก ทั้งเรื่องร่างกาย น้ำหนัก ฮอร์โมน กล้ามเนื้อ หลาย ๆ สิ่งที่ทุกคนคอนเซิร์นกัน แต่จากเคสนี้ มันเป็นข้อพิสูจน์ว่า มันไม่ใช่แค่ "เพศสภาพ" ในใจเท่านั้น ที่คนแตกต่างหลากหลาย แต่ "ร่างกาย" ของมนุษย์ทุกคนต่อให้เพศเดียวกันก็แตกต่างหลากหลายและทำงานไม่เหมือนกัน ผู้ชายเหมือนกัน ไม่ได้แปลว่า ร่างกายเหมือนกัน ผู้หญิงเหมือนกัน ไม่ได้แปลว่า ร่างกายเหมือนกัน ต่อให้ Intersex มีอวัยวะเพศหญิง โครโมโซม xy ก็ไม่ได้แปลว่า ร่างกายจะทำงานเหมือนกันหมด
แล้วทำไมร่างกายของ Trans/ Intersex/ Non-binary จึงเป็นอื่นอยู่เสมอ?
เรารู้ว่า การแข่งขันกีฬา (และโลกนี้) มันตั้งอยู่บนฐานของระบบสองเพศมาอย่างยาวนาน แต่ ณ วันนี้ ที่เรารู้แล้วว่า มันมีความหลากหลายมากกว่านั้น ไม่ใช่แค่จิตใจ แต่รวมไปถึงร่างกายด้วย เราจะมีกรอบหรือกติกาในการอยู่ด้วยกันอย่างไร
แล้วทำไมร่างกายของพวกเราจึงกลายเป็นสิ่งต้องห้ามอยู่เสมอ?
เราอ่านคอมเมนต์นึงบอกว่า ก็ควรจะยอมรับแล้วเลิกแข่งกีฬาไป
ทำไมพวกเราถึงไม่มีสิทธิ์ที่จะคิดฝัน หรือทำในสิ่งที่รักเหมือนกับผู้ชายกับผู้หญิงคนอื่น
สิ่งที่ทำให้เราหดหู่มากที่สุด คือ บทสนทนาเรื่องนี้ ไม่เคยพยายามหาทางออกว่า เราจะมีวิธีการในการอยู่ร่วมกันอย่างไรที่ทุกฝ่ายจะพอใจมากที่สุด แต่ในเกือบทุกครั้ง บทสนทนาในเรื่องนี้ คือการบอกว่า ทรานส์ (และรวมถึงอินเตอร์เซกส์ในเคสนี้และในอีกหลายเคส) ไม่สมควรมีพื้นที่ในการแข่งกีฬา ไม่ควรมีสิทธิ์เลือก บอกแต่ว่า จะได้เปรียบ แต่ไม่เคยคุยกันเลยว่า แล้วจะเสียเปรียบไหม ถ้าไปแข่งในอีกลีคหนึ่ง ไม่เคยคุยกันว่า ร่างกายมันพัฒนาอย่างไร เปลี่ยนแปลงอย่างไร เป็นอย่างไร คิดแต่ว่า จะเหมือนเพศกำเนิด (กำหนด) (หรือโครโมโซม หรือฮอร์โมน) ทุกประการ ไม่เคยคุยกันว่า สรุปแล้ว ปัจจัยอะไรกันแน่ที่ควรจะใช้เพื่อแบ่งประเภทในการแข่งขัน
บทสนทนามีแต่การหา "ทางออก" ที่หมายถึง ให้ออกไปจากพื้นที่นี้
เราคิดว่า เรื่องนี้ควรเป็นวาระที่ การแพทย์ ชีววิทยา วิทยาศาสตร์การกีฬา และคนทำงานเรื่องเพศ ต้องมาทำงาน "ด้วยกัน" ทำงานวิจัย หาผลศึกษา หากติกาและทางออกร่วมกัน เพื่อให้เราอยู่ "ร่วมกัน" ไม่ใช่ "กีดกัน" ใครออกไปจากพื้นที่นี้
ในขณะเดียวกันก็อยากชวนทุกคนกลับมาทบทวนความคิดของตัวเองค่ะ ว่ามันกำลัง Operate บนฐานคิดแบบไหน วาทกรรมแบบไหน แล้วมันกำลังสร้างและส่งต่อความเกลียดชังต่อคนที่มีความหลากหลายทางเพศหรือไม่
สำหรับเรา การแข่งขันกีฬาควรเป็นพื้นที่สำหรับทุกคนค่ะ
นักมวยข้ามเพศมาจากประเทศแอลจีเรียซึ่งเป็นอาหรับ คิดนักมวยเป็น LGBTQ จริง หรือประเทศอาหรับส่งมากวนตีนว่ะ
ในฐานะคนในวงการท่องเที่ยว ผมเสียใจมากนะ ที่โฆษณานี้ โดนถอดออกไป
แน่นอนในมุมมองของสื่อ อเมริกานั้น พวกเขายังก้าวข้าม ภาพของประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใตั จาก ยุคสมัยสงครามเวียดนามไม่ได้ เพราะ ภาพจำมันถูกผลิตซำ้ กันมาหลายสิบปี จนเป็นเช่นนั้น
จริงอยู่ว่า บ้านเมืองเรามันเจริญ ไปไกล เกินกว่า ที่ โฆษณา apple นำเสนอ แต่ถ้าเขาอยากนำเสนอความลำ้สมัย เขาก็ไม่ต้อง หอบหิ้ว ทีมงาน production มาถ่ายทำโฆษณาในไทยหรอก เราเจริญของเรายังไงก็ยังล้าหลังพวกเขาอีกหลายปี แต่ apple กำลังบอกเราว่า คุณไม่ต้องเหมือนเรา ไม่ต้อง เจริญทางวัตถุแบบเราชาวตะวันตก เราก็เป็นคู่ค้ากันได้
เพราะ หนังแนว บ้าๆบอๆ แบบนี้ แหละ ที่เขา เรียกว่า parody มันสร้างกระแสการท่องเที่ยวให้ประเทศ ไทย มาหลายครั้งแล้ว
พอดู โฆษณา apple นึกถึง Lost in Thailand หนังตลกจีนที่ทำให้ การท่องเที่ยวไทยโตแบบ กัาวกระโดด
ผมอดนึกนึกถึง Hangover หนังที่ทำให้ การ night out in bangkok เป็นสิ่งที่ต้องทำเมื่อมา กรุงเทพ เป็นหนังที่มีส่วนทำให้ กรุงเทพ กลายเป็นเมืองที่มีคนมาเยื่อนมากที่สุดในโลก
ความเจริญทางวัตถุและชีวิตทำงานแบบแห้งแล้ง ไร้ชีวิตชีวา ในประเทศที่เจริญแล้ว มันน่าเบื่อ มันไม่ได้น่าสนใจ
สำหรับ คนในโลกที่เจริญแล้ว แต่การได้ out of office ออกมาเจอ ชีวิตที่มีสีสัน ค้นพบโลกอีกใบ ได้แก้ปัญหาใหม่ๆ การได้เจอกับชีวิตทำงานที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ และ มาเจอผู้คนแปลกหน้าที่พร้อมจะช่วยเหลือคุณ นั้นคือสิ่ง ที่โฆษณา กำลังจะบอกว่านี้ คือของดีเมืองไทย
แต่เราคนไทยเคยคิดบ้างมั่ย ว่า apple เอง ก็นำเสนอ ภาพๆ หนึ่ง ที่การท่องเที่ยวไทย อยากขายกันมานาน คือ กลุ่ม digital nomad และ เขากกลังบอกคนทั่วโลก ว่า เมืองไทยมีความพร้อม มีระบบ รองรับ การทำงาน แบบ out of office คือ คุณ ทำงานเวลารถติด vdo call ริมสระนำ้ โรงแรม ได้
นอกยังมีสินค้า apple อยู่ใน ร้านอาหาร โรงแรม โรงงานทุกที่ มี อินเตอร์เน็ตเข้าถึงในทุกสถานการณ์ ในส่วนนี้ผมว่า apple ต้องการนำเสนอ ว่า คุณ สามารถ work from any where คุณมาทำงาน ไดัมาเที่ยว และ มา adventure ด้วย ผมแอบเสียดาย นะ ที่เราจะพลาด โอกาส ในการได้รับความสนใจระดับโลก จาก apple หลังจากนี้เขาคงไม่มาสนทำโฆษณาในไทยอีกนาน
ในความคิดส่วนตัวผม ผมไม่เห็นว่า โฆษณานี้ จะทำร้ายอะไรประเทศไทย มันนำเสนอ รอยยิ้มในทุกวิกฤตแบบไทยๆ มันเชิญชวนและท้าทายผู้คนว่า แค่มี apple และตัวคุณ เราก็ออกไปลุยกันได้ทุกที่
รู้จัก Caster Semenya ครั้งแรกจากกการนั่งอ่าน Understanding Judith Bulter ในคาบอ.ยุกติ เธอคือนักกีฬากรีฑาระยะกลางชาวแอฟริกาใต้ ซึ่งเธอเกิดมาเป็นผู้หญิง (assigned female at birth : AFAB) และถูกเลี้ยงดูมาแบบผู้หญิง และใช้ชีวิตมาแบบผู้หญิงโดยเธอสามารถคว้าเหรีญทองครั้งแรกในการวิ่งแข่งขันในงานกรีฑาชิงแชมป์โลก (World Athletics Championships) ปี 2009 และคว้าแชมป์โลกถึง 3 สมัย และเป็นแชมป์โอลิมปิก 2 สมัย ทั้งใน London 2012 และRio 2016 เสียงครหาว่าเธอนั้นเป็นผู้ชายแปลงเพศมาแข่งเกิดขึ้นอย่างหนาหูเพราะความเป็นชายของเธอถูกแสดงออกมาผ่านทั้งเสียง รูปลักษณะภายนอก หน้าตา และทางกายภาพ ทำให้เธอต้องถูกตรวจสอบจาก สหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ (International Association of Athletics Federations; IAAF) ว่าเธอเป็น ‘ผู้หญิง’ จริงไหม
.
โดยผลสรุปมาว่าเธอเป็น Intersex ในปี 2009 ทำให้เธอต้องได้รับการตรวจสอบเช่น การเปิดอวัยวะเพศให้ดูว่าเธอเป็นผู้หญิงจริงไหม ต้องกินยาลดฮอร์โมนเพศชาย เพราะว่ากรีฑาโลก (World Athletics) กำหนดให้นักกีฬาที่มีภาวะแอนโดรเจนเกิน (Hyperandrogenism) ต้องกินยาลดฮอร์โมน บทสัมภาษณ์ของเธอกล่าวว่า “เธอรู้เหมือนต้องแทงมีดใส่ตัวเองทุกวัน มันทำให้ฉันวิตกกังวลเป็นอย่างมาก และไม่รู้จะว่าเป็นหัวใจวายด้วยไหม แต่ฉันไม่มีทางเลือก ฉันเพิ่งอายุ 18 ปี ฉันต้องการวิ่ง ฉันต้องการไปโอลิมปิก นั้นคือทางเลือกเดียวสำหรับฉันแล้ว”
.
จะเห็นได้ว่าไม่ได้มีเพียงแค่เธอที่ประสบปัญหานี้จาก IAAF และ World Athletics เพราะมีนักกีฬาผู้หญิงหลายคนได้รับผลกระทบตรงนี้ ทั้งการถูกเลือกปฏิบัติ การทดสอบทางเพศที่ไม่เหมาะสม ทั้ง Dutee Chand จากอินเดีย Annet Negesa จากยูกันดา Francine Niyonsaba จากบุรุนดี และ Margaret Wambui จากเคนยา ซึ่งคนที่ถูกตรวจสอบมักมาจากกลุ่มประเทศโลกใต้ แม้ว่าจะมีทั้ง IAAF และ World Athletics จะย้ำเสมอว่าเราไม่ได้เลือกปฏิบัติด้วยเหตุของเชื้อชาติและสีผิว เราต้องการทำให้กีฬาเป็นสิ่งที่วิทยาศาสตร์และยุติธรรม ทั้งที่ความจริง IAAF ระบุด้วยซ้ำว่า Semenya เป็นผู้ชายทางชีวภาพ พร้อมตัดและลดทอนความเป็น Intersex ของเธอไปเลย
.
ปี 2020 เธอได้แพ้การอุธรณ์ต่อรัฐบาลกลางสวิสเพื่อยกเลิกคำสั่งศาลอนุญาโตตุลาการด้านกีฬา (Court of Arbitral for Sport : CAS) ปี 2019 เพราะว่าเธอมีเธอมีอาการ DSD 46 XY 5-ARD (อัณฑะภายในแทนรังไข่ ส่งผลทำให้มีฮอร์โมนเพศชายเยอะเกิน) อย่างไรก็ตามศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปได้ติดสินว่าเธอถูกเลือกปฏิบัติและถูกละเมิดร้ายแรง แม้ว่าจะไม่เกี่ยวกับประเด็น DSD และการห้ามการลงแข่งแต่เป็นหมุดหมายอันดีว่ามาตรฐานในการวัดของนั้นผิดพลาด และการเลือกปฏิบัติมีอยู่จริง และเป็นก้าวสำคัญในการต่อสู้ทางกฎหมายต่อไป
.
Judith Bulter แสดงให้เห็นว่าพวกนี้เป็นสิ่งที่เรียกว่าความรุนแรงของบรรทัดฐานทางเพศที่พยายามแบ่งชั้นเหลือไว้เพียงแค่เพศชายและหญิงที่มีลักษณะเป็นธรรมชาติ เที่ยงแท้ ถูกต้องแล้วจนลบเลือนทุกความสัมพันธ์ทางอำนาจไป และย้ำให้เห็นว่าแทนที่เราจะมาตรวจสอบว่าเพศที่แท้จริงคืออะไร หากปัดไปเป็นแค่ 2เพศ ยิ่งเป็นการละเลยต่อเงื่อนไขของ intersex ที่เกิดขึ้นพันธุกรรม ฮอร์โมน ยังเป็นการแสดงออกที่กีดกันและแบ่งแยกทางเพศอย่างชัดเจน แทนที่เราจะหาทางกำหนดว่า เธอเป็นเพศอะไร ทำไมถึงไม่ลองหากฎเกณฑ์ในการเล่นกีฬาที่คิดถึงมาตรฐานและหมวดหมู่ทางเพศแทนเพื่อความเท่าเทียมและยุติธรรมจะดีกว่าหรือเปล่า
.
ปล.แต่ถ้าคุณอยากได้ความยุติธรรมมากกว่าเพียงแค่การวัดฮอรโมน อวัยวะเพศ โครโมโซม ต่อไปเราอาจจะต้องวัดการแข่งจาก ชนชั้น ฐานะ สถานะทางสังคม การศึกษา รายได้ทางเศรษฐกิจ การทำงาน ค่าสายตา แทนก็ได้นะ
คำเตือน: ใจบางอย่ากด
🍎 อย่าคิดว่ามีแต่แอปเปิ้ล
ถ้าจะไล่ดูแอด "เหยียดไทย"
ขอฝากซัมซุงไว้ในใจพี่น้องด้วยครับ
(ปล. แต่ฟีเจอร์แปลดีกว่านะ อิอิ)
-------
เมื่อบ่ายเราเห็นความหัวร้อนจากโฆษณา 🍎 กัน
วันนี้ เรียนเชิญ FC ชุดเดิมไปถล่มซัมซุงกันต่อเลยครับ จัดฉากยุ่งเหยิงสุดๆ ดีกว่าแค่แปลดีหน่อย กับแท็กซี่น่าจะเป็น Nissan Sylphy อิอิ
ตอนนี้แบรนด์หลักเหยียดไทยไปสองแบรนด์แล้วนะ เหลือแค่แบรนด์จีนแล้วเด้อพี่น้องเด้อ~
-------
เราบอกขำๆ ตรงนี้ด้วยนะ
ที่มันเกิดเรื่องเนี่ยครับ หลักๆ คือเพราะ Vlogger ฝรั่งคนที่รีวิวแฉแอด Apple เพราะมันอวย Samsung เป็นทุน! แล้วสื่อไทยอยากเป็นกระแสก็เลยไปเขียนนนนนนนนนน
มันมีแค่นั้น พวกคุณอ่ะโดนดักกันหมด
มันอยู่แค่ว่าคุณโดนสื่อไทยดักคลิกเบตด้วยหรือเปล่า ปวดหัวมั้ยยย แอดบอกเลยยย ไอ้ Vlogger คนนั้นมันจะไม่มีทางบอกว่าคลิปนี้เหยียดไทย
เพราะอะไร: เพราะไม่ใช่แอปเปิ้ลที่มันโจมตี!!!!
จบ!!!!!!
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
#ข่าวร้อนในญี่ปุ่น 🇯🇵 วันนี้ 2 ส.ค. เงินเยนแข็งค่าต่อเนื่อง ทำสถิติแข็งค่าสูงสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง แตะ 100 เยนแลกได้ 24.01 บาท และ 1 ดอลลาร์แลกได้เพียง 146 เยนเท่านั้น จากที่เคยแลกได้ถึง 161 เยน
.
🇯🇵 ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของนิวยอร์กในวันที่ 2 ส.ค. พบว่าค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น เนื่องจากข้อมูลสถิติการจ้างงานของสหรัฐฯ ในเดือนก.ค. ถูกเปิดเผย โดยระบุว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรเติบโตต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้อย่างมาก และค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นชั่วคราวที่ระดับ 146 เยนต่อดอลลาร์
.
🇯🇵 นับเป็นครั้งแรกที่ค่าเงินเยนแตะระดับ 146 เยนต่อดอลลาร์ นับตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมของปีนี้ เมื่อประมาณ 4 เดือนครึ่งที่ผ่านมา เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลง และมองว่าคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ช่องว่างอัตราดอกเบี้ยที่แคบลงระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ส่งผลให้มีแนวโน้มการขายดอลลาร์และซื้อเยนเพิ่มขึ้น
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ภาคภูมิใจกับการแบนโฆษณาแอปเปิ้ลได้ สมแล้วกับเป็นประเทศโลกที่สาม :3"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ใครบอกว่าสุดท้ายต้องรื้อ จะบอกว่าไม่มีทางได้รื้อหรอก ไม่มีทาง 100% ครับ ตึกแบบนี้ตอนสร้างไม่ได้ออกแบบไว้เผื่อให้รื้อทิ้ง และมูลค่าตึกมันสูงมากแบบที่ต้องใช้ตึกกันไปในระยะยาวระดับชั่วอายุคนขึ้นไป
การรื้อทิ้งตึกสูงขนาดนี้ ค่าใช้จ่ายในการรื้อมันสูงกว่าการสร้างตึกใหม่นะครับ เพราะการรื้อตึกสูงเสียดฟ้าขนาดนี้มันยากมาก อย่างที่บอกว่าตึกไม่ได้ออกแบบมาให้รื้อแต่แรก การรื้อตึกนี้มันคือเมกาโปรเจกต์เลย งานยากมากต้องระดมวิศวกรเก่งๆ เข้ามา มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน มีการขนถ่ายวัสดุทิ้งทั้งวันทั้งคืน กระทบบ้านข้างๆ อยู่ไม่เป็นสุขหลายปีแน่นอน 100%
แล้วที่ว่า ถ้าค่าใช้จ่ายในการรื้อ แพงกว่าสร้างตึกใหม่ ลงทุนไปกับสิ่งที่ไม่มีมูลค่าแบบนี้ ใครจะเป็นเจ้าภาพจ่ายครับ?
- ถ้าให้ developer รับผิดชอบ ...เค้าก็แค่โยกย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปตั้งบริษัทใหม่ แล้วประกาศล้มละลายตัวเองซะ เค้าไม่มีทางจ่ายไหวกับค่ารื้อทิ้งที่แพงกว่าสร้างตึกใหม่ สร้างตึกใหม่ยังมีรายได้กลับมา แต่จ่ายค่ารื้อตึกมหาศาลแบบนี้ยังไงก็เจ๊ง สรุป ไม่มีทางให้ developer จ่ายค่ารื้อได้แน่นอน
- ให้ กทม. รับผิดชอบ ...ขนาดทุกวันนี้งบประมาณยังไม่ค่อยจะพอเลย ถ้าให้ กทม. มารับผิดชอบรื้อตึกที่มีค่าใช้จ่ายสูงยิ่งกว่าสร้างตึกใหม่แบบนี้ กทม. ก็จะล้มละลายเหมือนกันครับ ประชาชนไม่ยอมให้ กทม. มาเสียงบประมาณอะไรแบบนี้แน่
- ให้นิติและลูกบ้านในฐานะเจ้าของร่วม ...ลูกบ้านผิดอะไร เสียเงินซื้อห้องไม่พอ ไม่ได้ห้องแล้วยังมาเสียตรงนี้อีก ไม่มีทางแน่นอนเพราะลูกค้าไม่ผิดเลย
- ศักดาทุบตึกจะรับจบ ...โอ้ว อันนี้ยิ่งไม่มีทาง ถ้าตึกที่สูงไม่กี่ชั้นนั้น ศักดาทุบให้ฟรีได้เพราะซากตึกมันมีมูลค่าอยู่ แต่ตึกสูงขนาดนี้ มันเกินเทคโนโลยีการทุบที่ศักดามีไปเยอะมาก ค่าใช้จ่ายมันสูงมากยิ่งกว่าสร้างตึกใหม่ เผลอๆ ต้องจ้างวิศวกรต่างประเทศเข้ามาจัดการด้วยซ้ำ บริษัทรับทุบตึกในประเทศไม่น่าจะมีใครรับจบงานนี้ได้เลย
แล้วถ้าไม่ทุบ มันก็จะกลายเป็นตึกเถื่อนใจกลางกรุง ที่ไม่มีใครไปแก้ไขอะไรได้ อยู่กันเถื่อนๆ แบบนี้ไป 30-40 ปี แล้วพอมันไม่ถูกกฎหมาย บางส่วนก็จะย้ายออกไป เกิดการซื้อขายกันถูกๆ มากขึ้นเพราะเป็นตึกเถื่อน สภาพก็จะยิ่งเสื่อมโทรม จนคอนโดหรูกลางกรุงอาจจะแปรสภาพได้เกินจะจินตนาการเลยทีเดียว ซึ่งยังไงมันก็ไม่ดีกับประเทศแน่ๆ
สรุป เคสแบบนี้เป็นเคสพิเศษ ที่ไม่ควรเอากฎหมายปกติมาจับครับ การทุบตึกถึงจะเป็นไปตามกฎหมายก็จริง แต่มูลค่าความเสียหายของประเทศมันมหาศาลมากกว่าการยืนหยัดรักษากฎหมาย สุดท้ายน่าจะไปจบที่ ครม. และทำให้เป็น พรบ. พิเศษก็ว่ากันไป เพื่อให้ตึกนี้ถูกกฎหมายขึ้นมาครับ ส่วนใครที่ทำผิดไม่ว่าจะเป็น developer หรือเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ต้องมีบทลงโทษกันไป
อย่างน้อยตึกมันสร้างมาใช้งานได้ดี อยู่ในแหล่งใจกลางเมืองมากๆ แล้วก็สร้างมาปลอดภัยมีมาตรฐาน ไม่ได้มีอันตรายจนต้องสั่งห้ามใช้ แล้วจริงๆ มันก็แค่ผิดในเรื่องความกว้างของถนนทางเข้าโครงการ ซึ่งเจตนารมณ์ของกฎหมายนี้ก็เพื่อให้รถดับเพลิงเข้าออกสะดวกกรณีฉุกเฉินเท่านั้นเองครับ จะเอาเรื่องนี้มาเป็นสำคัญถึงขนาดต้องทุบตึกทิ้ง มันก็ดูเกินเลยจากเจตนารมณ์ของกฎหมายไปหน่อยครับ
#มิตรสหายฯ
โฆษณา apple ที่หายไป
ในสายตาครีเอทีฟ + โปรดักชั่น เฮาส์
เราเสียอะไรไปบ้าง?
1. อย่างแรกเลย
เราเสีย reference อันมีค่าไปหนึ่งเรื่อง
สิ่งที่มีมูลค่ามากๆ ในหนังเรื่องนี้คือการถ่ายทอดภาพกรุงเทพในมุมใหม่ๆ ที่ไม่ได้มีแค่วัด หรือเยาวราช หรือซอยคาวบอย หรือพัทยาเท่านั้ย
คำว่าเสีย reference ถือเป็นเรื่องใหญ่ประมาณนึงนะ เพราะ ref มันคือสิ่งที่คนมำหนังเรื่องต่อๆ ไปจะมาดู หาข้อมูลในการถ่ายทำ
ละไอ้หนังเรื่องนี้ถือว่ามี shotที่ดีมากๆ ในการดูเพื่องานในอนาคต
2.
เมืองไทยจะกลายเป็นบทสนทนาต่อมาว่า
”อย่าไปถ่ายที่ไทย เพราะ apple เคยมีปัญหา“
เราไปที่อื่นดีกว่า
3.
ทีมโปรดักชั่นถ่ายทำของไทย เสียโอกาสเยอะมาก
โอเคแหละว่ามีกองหนังเมืองนอกมาถ่ายทำที่เมืองไทยเยอะอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ เขาก็เอาไทยไปทำให้เป็นประเทศอื่น (ที่ล้าหลัง)
เหมือนแคนาดา ที่มักจะถูกถ่ายทำเป็นอเมริกา
หนังเรื่องนี้ถ้าไม่มีปัญหาอะไร จะทำให้เมืองไทยน่าถ่ายทำ มีช๊อตสวยๆ ให้เลือกถ่าย
และมีทีมงานโคตรเก่งรองรับงานได้
เมื่อหลายเดือนก่อน ทำโฆษณาให้ลูกค้ามาเลเซีย อินโด และสิงคโปร์
ระหว่างออกกอง ลูกค้าเดินมาบอกผมว่า
“For us, you guy (ทีมงานถ่ายทำ) are the GOAT in south east asia”
ทีมถ่ายทำหนังของเมืองไทยคือเก่งมากๆๆ ในเวทีโลกนะครับ
ถ้าหนังเรื่องนี้ไม่มีปัญหา
เมืองนอกจะถามว่า หนังเรื่องนี้ใครหาโล ใครถ่าย ใครจัดการกอง ฯลฯ ทั้งหมดคือคนไทยจัดการ
ตอนนี้หนังเรื่องนี้หายไปละ
ทีมงานไทยกลุ่มใหญ่ๆ ที่ทุ่มเททำงานนี้
ซึ่งเชื่อว่ายากมากๆ ก็กลายเป็นว่า ไม่มีผลงานอะไรเหลืออีกเลยยยย
คนกลุ่มนั้นไม่เคยทำงานนี้เลย
โอกาสในอนาคตที่อาจจะเกิดจากงานนี้หายไปเลย และนั่นถือเป็นมูลค่าที่มากที่สุด
พ่อฝรั่งหัวจัยคนทัยยยยยย
#มิตรฯ
เห็นว่าตอนนี้มีการล่าแม่มดหาโปรดักชั่นเฮาส์ไทยที่รับงานนี้
บ้ากันไปใหญ่แล้ว
มิตรสหายท่านหนึ่ง
ตลกคนไทยนะ อวยอะไรกับฝรั่งที่เป็นโนบอดี้
มาทำมาหาแดกในไทย แล้วตีสมการแตก
ว่าถ้าอยากจะเป็นศาสดาในไทย ต้องทำแบบนี้ๆๆๆ
คนไทยมันชอบ คนไทยมันปลื้ม ยิ่งบอกรักเมืองไทย เมืองไทยเหมือนบ้าน แค่นี้คือฟินน้ำแตกแล้ว
มิตรสหายท่านสอง
เขาหาว่าผมเป็นสายลับ "เทมู TEMU" ชอปปิงออนไลน์สายตรงจากจีน
หลังจากที่ข่าวการเปิดตัวอย่างเงียบๆ ของแพลตฟอร์ม E-commerce จากจีน Temu แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในสื่อสังคมออนไลน์ ก็ปรากฎว่ามีผู้ให้ความสนใจอย่างมากมาย และทำให้ Temu ถูกมองว่า จะมาล้มยักษ์ในไทยอย่าง Shopee และ Lazada เหมือนกับที่ Temu ทำสำเร็จมาแล้วในสหรัฐฯ กับการล้ม Amazon ในฐานะแอปพลิเคชันที่ถูกดาวน์โหลดมากที่สุด
เทมู (Temu) เป็นแพลตฟอร์มในเครือของบริษัท พินตัวตัว (Pinduoduo, 拼多多) บริษัทค้าปลีกออนไลน์จากจีน คู่แข่งชีอิน (Shein, 希音) ถูกตั้งขึ้นในเดือนกรกฎาคม ปี 2022 และเปิดตัวในสหรัฐฯ ภายในเดือนกันยายนปีเดียวกัน ก่อนจะขยายกิจการไปยังออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ยุโรป และภูมิภาคลาตินอเมริกาในปีต่อมา โดย Temu ใช้วิธีซื้อโฆษณาในทุกแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะ YouTube จึงทำให้ยอดผู้ใช้ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้รับความสนใจอย่างล้นหลามอีกครั้งหลังจากที่ขึ้นโฆษณาระหว่างการแข่งขันซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 58 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024
Temu เปิดตัวในสหรัฐฯ ภายใต้สโลแกน "ชอปปิงดุจดั่งเศรษฐี (Shop like a billionaire)" โดยให้คำมั่นว่า จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ราคาจับต้องได้ เพื่อให้ผู้บริโภคและพันธมิตรการค้าสามารถเติมเต็มความฝันในสภาพแวดล้อมอันหลากหลาย โดยโมเดลธุรกิจของ Temu นั้นแตกต่างจากอีคอมเมิร์ซเจ้าอื่น คือผู้ซื้อสามารถซื้อสินค้ากับร้านค้าหรือผู้ผลิตได้โดยตรง ด้วยวิธีรวมคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อต่างๆ เป็นล็อตใหญ่ (Group Buying) ซื้อแม้จะทำให้การจัดส่งล่าช้า แต่ก็ตัดค่าใช้จ่ายที่เสียไปกับพ่อค้าคนกลาง โกดังสินค้า และค่าขนส่งสำหรับล็อตย่อยไปได้
แต่ก็เช่นเดียวกันกับ E-commerce เจ้าอื่น Temu ก็ประสบปัญหาขาดทุนจากราคาสินค้าและค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก โดยเมื่อปี 2023 ทีมูขาดทุนเฉลี่ยถึง 30 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1000 บาท) ต่อคำสั่งซื้อ รวมถึงปัญหา "ไม่ตรงปก" และสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนมาก
ส่วน Pinduoduo บริษัทแม่ของ Temu ก็มีปัญหาลักษณะเดียวกันกับบริษัทใหญ่ๆ ในจีน คือสิทธิแรงงาน โดยวัฒนธรรม 996 (ทำงาน 9:00-21:00 น. เป็นเวลา 6 วันต่อสัปดาห์) ถูกใช้อย่างเข้มข้น รวมถึงพื้นที่ทำงานแออัดและห้องน้ำไม่เพียงพอเนื่องจากมีคนงานจำนวนมาก ส่งผลต่อสุขภาพอย่างหนักจนมีรายงานเกี่ยวกับลูกจ้างที่เสียชีวิตจากการทำงานหนักมากเกินไป และลูกจ้างที่ทำอัตวินิบาตกรรมเนื่องจากความเครียดในที่ทำงาน
แต่อีกหนึ่งปัญหาของ Temu ที่มักเป็นที่ถกเถียงทางการเมือง แต่ไม่ค่อยถูกพูดถึงในกลุ่มประชาชนทั่วไป คือ ความเป็นส่วนตัว
ในเดือนมีนาคม ปี 2023 Google ระงับการใช้แอปของ Pinduoduo บริษัทแม่ของ Temu หลังจากค้นพบมัลแวร์ในซอฟต์แวร์เวอร์ชันที่อยู่นอก Play Store ซึ่งถูกฝังจากการใช้ช่องโหว่ zero-day เพื่อเข้าถึงและรวบรวมข้อมูลผู้ใช้งาน โดยมีบางกรณีที่ถึงขั้น "ลบแอปคู่แข่งออกไปได้" จนทำให้คณะกรรมการพิจารณาเศรษฐกิจและความมั่นคงสหรัฐอเมริกา–จีนแสดงความกังวลต่อทั้งเรื่องนี้ การแสวงหาประโยชน์จากช่องโหว่ทางการค้า กระบวนการผลิต ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ การละเมิดลิขสิทธิ์ และการบังคับใช้แรงงานด้วย
และหลังจากนั้นมา Temu ก็เผชิญกับข้อกล่าวหาและคดีความหลายเรื่อง ทั้งการใช้กลอุบายต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงและรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน การละเมิดกฎความเป็นส่วนตัวของแอปเปิลและสร้างความเข้าใจผิดต่อการใช้ข้อมูลของผู้ใช้งาน และการฝังมัลแวร์ลงในอุปกรณ์ของผู้ใช้งาน
Grizzly Research LLC บริษัทซึ่งจัดทำข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการวิจัยบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิดเผยในรายงานเมื่อปี 2023 ว่า พวกเขาติดต่อผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านความปลอดภัยข้อมูลจำนวนมากเพื่อแยกและวิเคราะห์โค้ดของแอป Temu ในระบบแอนดรอยด์ โดยบูรณาการกับผู้เชี่ยวชาญของพวกเขาเองและนักวิเคราะห์อิสระอื่น ๆ จนพบว่า เมื่อเทียบกับ Shein, Alibaba, Amazon, TikTok และ eBay แล้ว Temu ขออนุญาตการเข้าถึงอุปกรณ์ด้านต่างๆ มากที่สุด เช่น
dynamic compile ด้วย runtime.exec() ซึ่งหมายความว่าแอปสามารถสร้างโปรแกรมใหม่ด้วยตัวเองได้
คำขออนุญาตการเข้าถึงหลายรายการจาก source code ของแอปไม่ปรากฎอยู่ใน Android Manifest ซึ่งเป็นไฟล์ที่เอาไว้อธิบายข้อมูลต่างที่เกี่ยวกับแอป
query ข้อมูลโดยอ้างอิง EXTERNAL_STORAGE, สิทธิ SuperUser (ซึ่งใช้ในการรูท) และไฟล์ log รวมถึงตรวจจับได้ว่าอุปกรณ์มี root access หรือไม่ หมายความว่า แอปนี้สามารถใช้เพื่ออ่าน ประมวลผล และแก้ไขข้อมูลผู้ใช้และระบบทั้งหมด เช่น บันทึกแชท รูปภาพ และเนื้อหาของผู้ใช้บนแอปต่างๆ ได้
ฟังก์ชันการอัปโหลดไฟล์ที่ทำงานจาก command server ซึ่งเชื่อมต่อกับ API ชื่อ us.temu.com หมายความว่าเมื่อผู้ใช้มอบสิทธิ์จัดเก็บไฟล์แก่แอป Temu แล้ว แอปจะสามารถรวบรวมไฟล์ทั้งหมดจากอุปกรณ์ของผู้ใช้จากระยะไกลและส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ Temu ได้
ตรวจจับการแก้จุดบกพร่อง (debugging) ได้ด้วย Debug.isDebuggerConnected()
อ่าน system log ตรวจกิจกรรมบนอุปกรณ์ได้ผ่าน getRunningAppProcesses()
ขอ MAC address (ชุดเลขที่เป็นตัวระบุตัวตนอุปกรณ์และถูกฝังมากับอุปกรณ์ตั้งแต่แรก) และข้อมูลอุปกรณ์อื่นๆ และแทรกข้อมูลดังกล่าวลงใน JSON ก่อนถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์
เรียก getWindow().getDecorView().getRootView() เพื่อ screenshot และจัดเก็บผลลัพธไว้ในไฟล์ได้
เข้าถึงการบันทึกเสียงผ่าน RECORD_AUDIO
#มิตรฯ
เราอยู่เมกา ปีที่แล้วลองซื้อของจาก Temu ดู แต่ครั้งเดียวเลิกเลย ลบแอปไปแล้ว
1. ของก็เหมือนตาม Amazon, Shein นั่นแหละ Temu คือถูกจริง บางทีถูกกว่า Shein แต่ตาดีได้ตาร้ายเสีย ของที่ถูกมากๆ สั่งมาแล้วของแตกบ้าง ไม่ตรงปกบ้าง คุณภาพตามราคาที่จ่าย แถมต้องซื้อ 2 ชิ้นขึ้นไปบ้างถึงจะสั่งได้ ของที่แตกหัก เราก็ขี้เกียจไปทำเรื่องคืนของ ของมันราคา $2-3 ช่างมันละกัน ไม่ซื้อจากแอปนี้อีกต่อไป
ปกติเราสั่งของจาก Shein บ่อย หลังๆ มาของคุณภาพดีขึ้น แต่ราคาก็แพงขึ้นนิดนึงซึ่งก็รับได้ เพราะของเหมือนกัน แต่รู้เลยว่าคนละโรงงาน เพราะของ Shein คุณภาพดีกว่า
2. อันนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้ลบแอปเลย คือสั่งของจาก Temu ได้ประมาณอาทิตย์กว่าๆ บัตรเครดิตไทยสองใบ Citi กับ TMB (ตอนนั้นยังไม่ปิดบัตรที่ไทย) โดนแฮค
ใบแรกคือ Citi โดนแฮคก่อน TMB วันนึง คือเราได้ notification จากแอป Citi ว่ามีรายการน่าสงสัยที่ตัดบัตรไม่ผ่าน ธนาคารเลยระงับรายการไว้และระงับบัตรชั่วคราวไว้ เราชะล่าใจไม่ได้เช็คบัตรอื่นต่อ
วันต่อมา TMB โดนแฮคและรูดไปสามรายการ เป็นการซื้อเกมออนไลน์จาก domain .com &.de รายการละประมาณ 2-4พันบาท
โชคดีว่าเราเปิด notifications ไว้ทุกรายการที่ใช้จ่าย เราเข้าออกไประงับบัตรชั่วคราวไว้ และติดต่อธนาคารเพื่อปฎิเสธรายการ long story short ธนาคารสามารถปฎิเสธสามรายการนั้นได้
ทีนี้เราสงสัย Temu มากๆ เพราะก่อนโหลดแอปก็ได้อ่านรีวิวหลายคนมากๆ ที่บอกว่าโดนแฮคแบงค์แอคเค้าท์หรือบัตรเครดิต แต่ก็ไม่คิดว่าจะโดนกับตัวจริงๆ
ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไร แต่ปักใจเชื่อไปแล้วว่าเป็นเพราะ Temu ตอนอยู่ไทยก็ไม่เคยโดนแฮคใดๆ เพราะส่วนตัวเป็นคนระวังเรื่องรหัสผ่าน หรือการเซฟเลขบัตรเครดิตในเว็บหรือแอปอยู่แล้ว ก็สงสัยอยู่ว่าธนาคารไทยกับเมกา ระบบการรักษาความปลอดภัยต่างกันมากมั้ย เพราะใช้บัตรเมกาซื้อของ แต่บัตรไทยโดนแฮคแทน
#มิตรฯ2
ถามคนจีนมาแล้ว ไม่ต้องกลัว Temu มากเกินไป เพราะว่า...
1. Temu คือ แอป "เลหลัง" สินค้า ของที่เอามาขายคือของที่โรงงานเอามาขายทิ้งทุกราคา ราคาขาดทุนถล่มทลาย
2. ที่ผ่านมาแอปนี้โตได้เพราะโรงงานในจีน "เจ๊ง" เยอะมากจึงต้องขายของเลหลัง
3. คนที่ขายของในนี้ 90% ไม่ได้กำไรเลย
4. คนซื้อคือ level C- ลงไป สนใจแต่ราคา
5. พ่อค้า แม่ค้า ที่ตั้งใจทำของดี มีคุณภาพ ของ มีแบรนด์ ไม่มีใครขายของบน Temu เลย
6. มนุษย์จิตใจปกติที่ไม่ได้อยากขายขาดทุนก็ไม่ค่อยมีใครมาขาย
ดังนั้นถ้าคุณขายสินค้าที่มีเอกลักษณ์ มีแบรนด์ มีการบริการหลังการขาย มีการให้ข้อมูลกับลูกค้า คุณก็ไม่ต้องกลัวอะไร
ที่จีน platform ที่โดน pindaodao disrupt มากที่สุดคือ Tmall เถาเป่า หรือ Shopee Lazada ของไทยนั่นเอง
ดังนั้นเป็นไปได้ว่าถ้า Temu มาจริง
จะกลายเป็น ศึกสายเลือดมังกร
คนจีนตัดราคาคนจีนกันเอง
#มิตรฯ
"ยังเก็บเงินในบัญชีกันอยู่เหรอ เดี๋ยวนี้ใครเขาก็เก็บเงินไว้ในความทรงจำทั้งนั้นแหละ เอามาใช้ไม่ได้ด้วย มิจฉาชีพมาหลอกก็ไม่มีให้"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ยิ่งทูตนานาชาติออกมาทัดทาน เรายิ่งต้องยุบโชว์ครับให้เห็นว่าเราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นฝรั่ง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“Google, nobody called from Google. One of the things like doing a show like yours, your show, you know, you see it on Fox, but when you really see it is all over the place, they take clips of your show that you're doing right now with me and if I do a good job, they're gonna vote for me, they're gonna vote for me because it's not just on Fox, it's on Fox is a smaller part of it. You're on all over this, those little beautiful cell phones you're on, you're all over the place. You have a product, you have a great product. You have a great brand. So you have to get out, you have to get out, you have to do things like your show and other shows and Google has been very bad. They've been very irresponsible and I have a feeling that Google’s going to be close to shut down, because I don’t think Congress is going to take it. I really don’t think so. Google has to be careful.”
"อีลีตไทยเขาไม่ฆ่าไม่ชกกันเอง ชีวิตจริงครอบครัวเขาก็เรียกฝ่ายตรงข้ามกันว่าคุณพี่คุณน้าคุณลุงคุณอา เจอกันก็ไหว้ ชวนไปตีกอล์ฟกินไวน์ ไอ้ที่อินมากๆ ด่ากันเองหยาบๆคายๆ เจ็บปวดแค้นใจตีอกชกหัวจะเป็นจะตายแทนนี่ ก็พวกเราๆ ไพร่นอกวงกันทั้งนั้น"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
My B.A. in Psychology has helped me cope with my inability to find a job
[เตือนภัย Temu!!]
เห็นข่าว Temu เปิดตัวในไทย ตามเพจต่างๆ ว่าสินค้าราคาถูกมากจนเหมือนได้ฟรี เลยลองสำรวจดู เรื่องสินค้าถูกไม่จริงครับ ยืนยัน ส่วนที่เห็นว่าเหมือนจะถูกคือ "ลงรูปเจตนาหลอกขายให้เข้าใจผิด" ผมเข้าใจละ มิน่าเคสป้าๆ (คนจีน) สั่งของออนไลน์แล้วได้ของผิดบ่อยๆ เกิดจากเทคนิคการขายที่เจตนาให้ผู้ซื้อเข้าใจผิดลักษณะนี้ แล้วจากที่สำรวจ Temu ดูแล้ว ภาพสินค้าราวๆ 70% เป็นภาพหลอกที่ชวนให้เข้าใจผิดชัดเจน ซึ่งถ้าไม่แม่นภาษาอังกฤษซักหน่อย (และคนจีนก็ไม่แม่นภาษาอังกฤษ) ถ้าอาศัยดูรูปสินค้าอย่างเดียว ไม่ได้อ่านอย่างละเอียด หลวมตัวสั่งเพราะเข้าใจผิดแน่นอนครับ ผมเข้าใจละ เทคนิคการขายที่ว่ากะลังฮิตในแพลตฟอร์มจีนที่แท้มันเป็นงี้ จะสั่งของจาก Temu ก็ระวังๆ หน่อยครับ อย่าดูแต่รูปสินค้า กดเข้าไปอ่านรายละเอียด กับอ่านรายละเอียดให้ครบถ้วนดีๆ เพราะถ้าซื้อผิดไปก็เคลมไม่ได้ด้วย เพราะเค้าก็จะระบุเป็นข้อความไว้ว่าขายอะไร โดยระบุไว้ตามจุดที่ล้นกรอบบ้าง ตัดคำให้สับสนบ้าง หรือใช้คำอังกฤษยากๆ งงๆ บ้าง ลองดูอย่างภาพแรกก็ได้ครับ จั่วหัวว่า Heavy-Duty Hammock Swing Kit แต่กว่าเราจะรู้ว่าขายแค่ส่วนตะขอก็ต้องอ่านจนไปสะดุดคำว่า "Stainless Steel Hooks" ในบรรทัดสอง ซึ่งผมเชื่อว่าคนที่ไม่ได้ชอบจะอ่านภาษาอังกฤษให้ครบทุกบรรทัด อ่านแค่บรรทัดแรก ก็เข้าใจว่าเป็นตัวสินค้าแล้ว แล้วก็จะได้ของผิดจากรูปภาพไป เพราะจุดอื่นก็ไม่มีตรงไหนที่สื่อว่าเราจะได้เฉพาะส่วน Hook (ตะขอ) อีก เค้ารู้นิสัยนักช้อปออนไลน์ว่าส่วนมากจะเลื่อนๆ ดูรูป กับไม่ได้ขยันอ่านทุกบรรทัด เจอสินค้าราคาถูก ติดป้ายลด 90% อีก (ซึ่งก็ลดลงมาเป็นราคาที่เค้าตั้งใจจะหลอกอยู่แล้ว) มีพลาดแน่นอน
*เพราะงั้นตามเพจที่เอาข่าวไปลงว่า Temu ขายของถูกเว่อร์ คุณเป็นเหยื่อ Temu ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะดูแค่ภาพสินค้าแปะด้านหน้ากับส่องดูราคา โดยไม่ได้กดเข้าไปอ่านรายละเอียด เลยนึกว่าราคามันถูก มันไม่ได้ถูกครับผม มันหลอก แถมหลอกสำเร็จด้วย
**ส่วนคะแนนรีวิวที่เห็น เท่าที่ลองอ่านดู ผมเชื่อว่า 80% เป็นรีวิวปลอม ที่รับเงินมารีวิวให้คะแนนบวก เพราะเอาง่ายๆ อย่างล้ออะไหล่รถเข็น ใครมันจะไปกล้าสั่งออนไลน์โดยไม่เห็นของที่ก็ไม่รู้ว่าจะเข้ากับเพลารถเข็นที่เรามีที่บ้านได้ไหม แล้วสเปคอะไรเค้าก็ไม่ได้บอก เชื่อว่ายอดขายเยอะๆ ที่เห็นคือจำนวนคนที่ซื้อผิดเพราะนึกว่าจะได้รถเข็นคนป่วยลดราคา ขายถูก แต่คะแนนรีวิวลบก็ดันไม่มีเลยซักอัน ดูไม่น่าเป็นไปได้ สินค้าหลอกขาย แต่ไม่เห็นรีวิวลบเลย ได้ 4 ดาว 5 ดาวหมด
***สินค้าที่ราคาถูกจริงๆ ก็มีเหมือนกันแต่ราคาไม่ได้หนีจาก shopee, Lazada มาก ใกล้เคียงกัน
ชายชาวอเมริกาไปเที่ยวญี่ปุ่นกับเพื่อนญี่ปุ่นพอมาถึงญี่ปุ่นได้สักระยะ
ชายมะกัน : ทำไมญี่ปุ่นไม่ค่อยมีปราสาทซามุไรเลย
ชายญี่ปุ่น : ก็โดนพวกมึงทิ้งบอร์ม เผาไปหมดแล้วนะ
มิตรสหายต่างแดนท่านหนึ่ง
https://twitter.com/nvdanvdanvda/status/1823502166616891413
1. ทวิตแรก
"มนุษย์ เผ่าพันธุ์กรุงเทพ เป็นมนุษย์ที่อ่อนแอที่สุดในมนุษย์ 6 จำพวกของประเทศสารขันธ์ ปลูกข้าวก็ไม่ได้ หาปลาไม่เป็น ที่เก่งที่สุดคือ การดูถูกมนุษย์เผ่าพันธุ์อื่นว่า เค้าโง่ เค้าควาย แต่หาสำนึกไม่ว่า มนุษย์เหล่านี้ปลูกข้าว หาปลาให้ทุกท่านกิน ถ้าไม่มีมนุษย์เหล่านี้ ท่านจะกิน GUCCI หรือ BMW ได้ไหม "
2. ทวิตต่อไป
" เซ็ง พวกที่ถามถึง พารากอนจังเลยนะคะ เพราะที่แท้จริงแล้ว คนพวกนี้ 99% จะเดินแต่ที่แพลตตินั่มกันในชีวิตประจำวันเสียมากกว่า "
ว่าที่นายกหญิงท่านหนึ่ง
Deepstate เขาต้องการอุ๊งอิ๊งเป็นนายกมากกว่าชัยเกษม
เขารู้ว่า อุ๊งอิ๊งเป็นกล่องดวงใจของพจมานและทักษิณ ไม่ใช่ “เบี้ยที่สละได้” แบบคนอื่นๆในเพื่อไทย
อุ๊งอิ๊งเป็น Last in Line ของชินวัตร โอ๊คกับเอมไม่อยู่ในสถานะที่ลงสนามได้ หมดอุ๊งอิ๊งไปคือหมดLegacyของชินวัตร เสี้ยนหนามเบอร์หนึ่งของDeepstateมาตลอดสิบกว่าปี
ไม้แรก ทางที่จะตัดกำลังเพื่อไทย คือการให้เสียมวลชน โดยทำให้ตระบัติสัตย์ผิดสัญญา ละทิ้งเรือแจวคนเสื้อแดงไปหลงระเริงกับอำนาจและอิสรภาพลวงตา
ไม้สอง ทางที่จะจะทำลายพรรคเพื่อไทยถาวร ได้ดีที่สุด คือทำให้บริหารงานแล้วห่วย ไม่ได้เรื่อง และจะดียิ่งขึ้นคือให้คนตระกูลชินวัตรทำแล้วห่วยเอง โทษใครไม่ได้
ไม้สาม ตอกฝาโลง เอาคดีปักอุ๊งอิ๊ง และกระชับปลอกคอทักษิณ เปิดช่องให้หนีไปทั้งบ้านอย่างไม่ต้องกลับมาอีก
ผมมั่นใจว่า ต่อให้อุ๊งอิ๊งได้เป็นนายก ก็จะไม่สามารถส่งมอบนโยบายที่มีประโยชน์หรือตามที่หาเสียงไว้ได้แต่น้อย เขาก็จะเลี้ยงๆนวดๆไปซักพัก พอเผลอปุ๊ปก็โดนกระชับพื้นที่ แบบที่เศรษฐาและยิ่งลักษณ์โดน
จะเอาอนุทินขึ้นเป็นเรื่องง่ายมาก ต่อให้พีระพันธ์ หรือประวิตร ก็เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว แต่การจะกำจัดชินวัตรจากหน้าการเมืองไทยในชั่วโมงนี้ หาไม่ได้อีกแล้ว
ถึงแม้ผมจะไม่ชอบเพื่อไทยที่ตระบัติสัตย์ประชาชน แต่อุ๊งอิ๊งก็ยังเป็นผู้เล่นหน้าใหม่และอาจจะมีศักยภาพในการเป็นนักการเมืองที่ดีได้ในอนาคต กรรมของคนรุ่นเก่าไม่ควรถูกชดใช้โดยคนรุ่นใหม่
ทำอะไรไม่ได้ นอกจากภาวนาว่า พ่อเขาจะคิดได้ถึงความเสี่ยงที่ว่ามาแล้วเบาๆลงบ้าง ถ้าฝืนเคาะชัยเกษมแล้วพรรคแตก ก็ยังดีกว่าโดนคดีลี้ภัยทั้งบ้านแล้วค่อยพรรคแตก
คนญี่ปุ่นกับชีวิตหลังแต่งงาน…
วันนี้ได้มีโอกาสนั่งคุยกับคนญี่ปุ่น Gen Z อย่างจริงจัง
น้องๆ เป็นคู่รักใหม่เพิ่งแต่งงานได้ไม่กี่เดือน
แล้วเพิ่งย้ายมาอยู่ด้วยกันไม่นาน พยายามปรับตัวกับชีวิตคู่อยู่ (จริงๆ คุยหลายเรื่องนะ แต่ดูท่าว่าน้องสนใจเรื่องชีวิตคู่มาก เหมือนอยากจะปรึกษาผมและภรรยา)
.
น้องบอกว่า ที่ญี่ปุ่นตอนนี้ได้ยินคำว่า 熟年離婚 บ่อยขึ้น
คำนี้แปลว่า “การหย่าร้างตอนอายุเยอะๆ คืออยู่กินกันมากกว่า 20 ปี ลูกโตจนออกไปใช้ชีวิตอิสระได้แล้ว
แต่ดันมาหย่ากันตอนอายุเยอะ”
แล้วตอนนี้ที่ญี่ปุ่นมีเคสแบบนี้เยอะขึ้นมาก
น้องเล่าให้ฟังว่า
ครอบคร้วสมัยก่อนผู้ชายออกไปทำงานบริษัท
ผู้หญิงดูแลบ้าน ผู้ชายก็นึกว่าการออกไปหาเงินนอกบ้าน
คือการดูแลครอบครัวแล้ว เลยเอาเวลาส่วนใหญ่ทุ่มให้กับบริษัท(บางคนทำงานแบบถวายหัว เสาร์อาทิตย์ก็ยังทำงานด้วย หรือหิ้วงานมาทำที่บ้าน) แต่หารู้ไม่ว่า
หลายสิบปีที่ผ่านมา (ตลอดช่วงระยะเวลาที่ทำงาน)
แทบไม่ได้ให้เวลากับครอบครัวเลย…
พอทำงานหลายสิบปี วันนึงถึงวัยที่ผู้ชายเกษียณออกมา
ก็ต้องกลับมาอยู่บ้านเป็นระยะเวลานานๆ
บางทีฝั่งผู้หญิงก็ปรับตัวไม่ทัน ทำใจไม่ได้
เพราะ 40 ปีตลอดชีวิตทำงาน
สามีแทบไม่ได้ใช้เวลาอยู่สองคนกับภรรยาเลย
.
เมื่อปรับตัวไม่ไหว ก็เลยมีเคสขอหย่าก็เยอะ
ซึ่งจากสถิติบอกว่า
ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายขอเลิกกับฝ่ายชายมากกว่าด้วย
.
.
.
คุยถึงตรงนี้น้องหันไปบอกสามี “อย่าเป็นแบบนี้นะ”
งานก็งาน แต่อยากให้ความสำคัญกับครอบครัวด้วย
(น้องโตมาในครอบครัวที่คุณพ่อให้ความสำคัญกับครอบครัวมากๆ)
.
.
ผมเองบอกน้องว่า โชคดี ผมเองก็ไม่อยากมีชีวิตแบบนั้น
เลยพยายามบาลานซ์งาน กับชีวิตส่วนตัว
พยายามให้เวลาครอบครัวให้มากที่สุด (เท่าที่ทำได้)
และมองดูคนรอบตัวส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครบ้างาน
จนกระทั่งลืมให้ความสำคัญกับครอบครัว
.
มีโอกาสเมื่อไหร่ก็พยายามออกไปหา
ประสบการณ์ใหม่ๆ นอกบ้าน
หากิจกรรมทำร่วมกันเยอะๆ
ที่สำคัญคือ การช่วยซับพอร์ตกันและกันในทุกๆ เรื่อง
เป็นทั้งคู่รัก คู่คิด มีอะไรก็คุยกัน
.
.
ผมว่ายุคหลังๆ นี้เด็กๆ ยุคใหม่ (ทั้งญี่ปุ่นและไทย)
น่าจะแสวงหาความสมดุลในชีวิตมากขึ้น
การให้น้ำหนักกับงาน หรือชีวิตส่วนตัวแตกต่างกันไปเป็นเรื่องธรรมดา (การหย่าร้างตอนอายุมากก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้) แต่อย่าลืมว่า งานไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิต
อย่าลืมให้ความสำคัญกับหัวใจของคนใกล้ตัวนะ..
Boom Japansalaryman
ปช.รูปนี้น้องญี่ปุ่นสองคนถ่ายให้เราสองคน
ตอนไปเที่ยวอยุธยา
"Gen Y ตอนนี้
โดน Gen X กับ BB เรียกว่าเด็กรุ่นใหม่
โดน Gen Z เรียกว่าอีแก่"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
BIZ: จีนมีปัญหาอสังหาฯ ล้นตลาดอย่างร้ายแรง
ประชากรจีนมี 1,400 ล้านคน
แต่อสังหาฯ ที่ว่างอยู่ทั้งตลาด
อาจมีถึง 3,000 ล้านยูนิต
.
จีนมีปัญหาอสังหาฯ ล้นตลาด นี่เป็นเรื่องที่คนที่สนใจเศรษฐกิจจีนคงคุ้นหูกันดี แต่ล้นแค่ไหนก็ยังคงเป็นปริศนา สื่อจีนเองอย่าง The Global Times เคยรายงานว่า อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เคยออกมาพูดว่าต่อให้คนจีนทุกคนเข้าไปอยู่ในยูนิตอสังหาฯ เพื่อพักอาศัยในจีน มันก็จะยังเหลืออยู่อีกมาก แต่มากแค่ไหนสื่อจีนไม่ได้รายงาน ส่วนสื่อตะวันตกอย่าง The Business Insider ก็ประเมินสิ่งที่อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติพูดแบบติดตลก เขาบอกว่ามีคนประเมินว่ายูนิตอสังหาฯ ที่ขายไม่ออกในจีนน่าจะมีถึง 3,000 ล้านยูนิต แต่เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้ ที่เขายืนยันได้คือจีนมีอสังหาฯ ที่ว่างเกินกว่าที่คนจีนจะอยู่อาศัยแน่ๆ ซึ่งเป็นข้อสรุปที่สื่อจีนตัดมา
.
ถ้าตัวเลขที่ว่านี้เป็นจริง มันเป็นตัวเลขที่มากขนาดไหน? ก็มากขนาดที่เอาบ้านหรืออพาร์ตเมนต์ในจีนที่ขายไม่ออก ไปแจกคนจีนทุกคนตั้งแต่เด็กยันแก่ คนละ 2 หลัง/ห้อง มันก็ยังจะมียูนิตเหลือระดับให้ประชากรประเทศไซซ์กลางๆ สัก 2 ประเทศเข้าไปอยู่ได้สบายๆ มันเหลือเยอะขนาดนั้น
.
แน่นอนว่าไม่มีใครยืนยันตัวเลขจริงๆ ได้ แต่สิ่งที่ทุกฝ่ายไม่น่าจะปฏิเสธแล้วในขณะนี้ก็คือ จีนมีปัญหาอสังหาริมทรัพย์ล้นตลาดอย่างร้ายแรงจริงๆ
.
ทำไมถึงเป็นแบบนั้น คงต้องเข้าใจเศรษฐกิจจีนพอสมควรก่อน
.
ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา พรรคคอมมิวนิสต์จีนค่อนข้างจะมีแรงกดดันในการสร้างตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สวยงามให้สมกับที่หันเข้าหาทุนนิยมและระบบตลาด และตัวเลขสวยแค่ไหน เอาง่ายๆ คือก่อนปี 2019 ตัวเลขการเติบโตของผลผลิตมวลรวมประชาชาติหรือ GDP ของจีนโตมาไม่ต่ำกว่า 6 เปอร์เซ็นต์ ตลอดตั้งแต่ปี 1990 และนี่คือตัวเลขที่ดูเหลือเชื่อมาก เพราะช่วงเวลานั้นเอเชียก็ประสบวิกฤตต้มยำกุ้ง ส่วนโลกตะวันตกก็ประสบวิกฤตซับไพรม์ แต่จีนน่าจะเป็นชาติเดียวในโลกที่เศรษฐกิจโตมาแบบไม่เคย 'สะดุด' เลย ซึ่งถ้าใครคุ้นกับตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจก็น่าจะรู้ว่าตัวเลข 6 เปอร์เซ็นต์ คือตัวเลขที่สูงมากๆ ปกติจะเกิดกับประเทศกำลังพัฒนาเท่านั้น ประเทศที่เริ่มมีฐานะปานกลางจะคาดหวังตัวเลขระดับนี้ไม่ได้แล้ว แต่จีนทำได้
.
ถามว่าจีนทำยังไง? ถ้าจะพูดแบบกว้างๆ โครงสร้างเศรษฐกิจจีนมันถูกสร้างมาให้เป็น 'โรงงานของโลก' โดยแท้ คือจีนขายตัวด้วยการผลิตรัวๆ และส่งออกรัวๆ พอถึงจุดหนึ่งกำลังการผลิตก็เกินความต้องการในประเทศไปเยอะ และจำเป็นต้องพึ่งตลาดส่งออก และนี่คือเหตุผลที่ 'สินค้าจีน' ถูกส่งออกไปทัวโลกรัวๆ จนสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดตั้งแต่สินค้าเกษตรจนถึงสินค้าอุตสาหกรรม
.
อย่างไรก็ดี จีนไม่ได้มีกำลังการผลิตในสิ่งที่ส่งออกได้เท่านั้น แต่กำลังการผลิตที่สูงของจีนยังรวมไปถึงสิ่งที่ส่งออกไม่ได้อย่างยูนิตที่พักอาศัยด้วย
.
ทำไมต้องยูนิตที่พักอาศัย? ตรงนี้อยากให้จินตนาการว่าคนจีนก็คิดเหมือนคนไทยสมัยก่อนที่เชื่อว่าการซื้ออสังหาฯ คือการลงทุนที่ดีที่สุด เพราะยังไง 'ราคามันก็จะขึ้นไปเรื่อยๆ' ซึ่งคนสมัยก่อนก็จะเชื่อว่ายังไงคนในโลกก็จะมากขึ้น ที่อยู่อาศัยก็จะเป็นที่ต้องการอยู่ดี
.
คนจีนเองก็คิดแบบนี้ ที่อยู่อาศัยในจีนกลายเป็นเครื่องมือการลงทุนของพวกเศรษฐีใหม่ ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งพอราคาเพิ่มขึ้น มันก็ยิ่งทำให้พวกบริษัท 'นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์' ยิ่งสนุก ยิ่งสร้างใหญ่เลย และรายได้ที่มากขึ้นทุกปีของบริษัทพวกนี้ก็ทำให้บริษัทสามารถออกตราสารหนี้มา 'กู้เงิน' ไปสร้างโครงการใหม่ต่อไปได้ ในขณะที่โครงการเก่าขายไม่ยังไม่หมดด้วยซ้ำ
.
แน่นอน รัฐบาลจีนเห็นเค้าลางหายนะมานานแล้ว และก็พยายามจะหยุดกระบวนการ 'ปั่น' ราคาอสังหาฯ ขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยมาตรการบังคับให้มีเงินดาวน์ขั้นต่ำ เพื่อไม่ให้คนที่ไม่มีความพร้อมทางการเงินสามารถร่วมกู้เงินและดันราคาอสังหาฯ ขึ้นไปเรื่อยๆ โดยเงินดาวน์สำหรับอสังหาฯ หน่วยที่สองที่ถือครองก็จะเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันการเก็งกำไร
.
แต่ปัญหาคือ เมื่อมีการบังคับให้ดาวน์มากขึ้นเรื่อยๆ ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ สำหรับอสังหาฯ หน่วยแรก คนที่ทำงานใหม่ๆ ก็ไม่มีเงินก้อนจะมาดาวน์ คิดง่ายๆ ก็คือสมมติคนมีหน้าที่การงานดีๆ ที่เซียงไฮ้ อยากจะซื้อคอนโดราคาสัก 8 ล้านบาท สิ่งที่เขาต้องมีคือเงินสด 2 ล้านบาทเพื่อจะดาวน์ เพราะธนาคารจะให้กู้ได้เพียง 6 ล้านบาท ซึ่งคนทำงานทั่วๆ ไปวัยกลางคนไม่มีเงินก้อนขนาดนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นคนจีนที่ทำงานทั่วไปจึงมีปัญหามากๆ ในการซื้ออสังหาฯ เพื่อการพักอาศัย และทำให้เกมของการซื้ออสังหาฯ เพื่อเก็งกำไรเลยกลายเป็นเกมของพวกเศรษฐีในจีนที่มีเงินสดอยู่ในมือจำนวนมากเท่านั้น (ซึ่งต่างจากเมืองไทยที่ชนชั้นกลางมนุษย์เงินเดือนทั่วไปก็สามารถ 'กู้ 100%” มาซื้อคอนโดสร้างใหม่เพื่อเก็งกำไรได้)
.
ดังนั้น นี่จึงเป็นสิ่งที่คนจำนวนมากมองว่าเป็นเรื่องตลกร้ายและย้อนแย้ง เพราะจีนเป็นประเทศสังคมนิยม แต่คนกลับเก็งกำไรที่พักอาศัยกันสนุกสนานระดับที่คนรุ่นใหม่รู้สึกว่าที่อยู่อาศัยในเมืองใหญ่ๆ มันแพงเกินไปจนซื้อไม่ไหว และถึงที่สุดทางการจีนก็ไม่ได้ทำอะไรในเชิงการ 'ควบคุม' ตลาดนี้ เพราะทางการจีนรู้ดีว่าถ้าไปยุ่งกับตลาดอสังหาฯ มูลค่าในระบบเศรษฐกิจจะรวนแน่ๆ และตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจอันน่าภาคภูมิใจก็จะเป็นไปไม่ได้อีก
.
ถ้าหากอธิบายง่ายๆ ภาคอสังหาฯ ของจีนนั้นใหญ่มากระดับที่ยุคพีกๆ ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นตัวเลขจากภาคอสังหาริมทรัพย์ และก็คงไม่ต้องกล่าวว่าถ้ากิจกรรมพวกนี้หยุดไปดื้อๆ มันจะไม่ใช่แค่ตัวเลขทางเศรษฐกิจในเชิงการผลิตหายไป แต่รายได้อันมหาศาลของมันที่หายไปก็จะไปกระทบการบริโภคทั้งระบบด้วย นี่จึงทำให้มันเป็นสิ่งที่ 'แตะไม่ได้' หรือไม่สามารถจะไปยุ่งได้อย่างไม่ระมัดระวัง ถ้าไม่ต้องการให้ระบบเศรษฐกิจปั่นป่วน
.
ดังนั้นระบบการผลิตอสังหาฯ เพื่อให้คนรวยจีนเก็งกำไรโดยไม่รู้ว่าสุดท้ายใครจะมีเงินซื้อมันเลยดำเนินไปได้เรื่อยๆ ในแง่หนึ่งก็ไม่ได้ต่างจากตลาดหุ้นในอเมริกาที่เงินทองทั่วโลกก็ไหลบ่าไปสร้างมูลค่าหุ้นที่เกินมูลค่าจริงของบริษัทไปเยอะมาก แต่มูลค่าของมันก็ขยายไปไม่หยุด เพราะทุกคนเชื่อว่าในระยะยาวยังไงมันก็โตขึ้น
.
จุดเริ่มหายนะของจีนเกิดจาก COVID-19 ที่ทำให้ 'กำลังซื้อ' ของพวกคนรวยหายไปจากตลาดอสังหาฯ พอกำลังซื้อหาย บรรดาบริษัทอสังหาฯ ก็ยังกู้เงินมาสร้างยูนิตใหม่ๆ ไม่หยุดแบบเดิมพันว่ากำลังซื้อจะกลับมาในที่สุด แต่สุดท้าย กำลังซื้อไม่กลับมา สร้างอสังหาฯ มาแล้วขายไม่ได้ สุดท้ายถึงเวลาต้องจ่ายดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้ ก็ไม่มีเงินจ่าย และนี่ก็คือเรื่องราวย่อๆ ของการ 'ล้ม' ของบริษัทอสังหาฯ เจ้าใหญ่ในจีนอย่าง Evergrande รวมถึงอสังหาฯ อีกหลายเจ้าที่ล้มต่อๆ กันมาเป็นโดมิโนมาตั้งแต่ปี 2021
.
มา ณ ปัจจุบัน ปี 2024 ทุกคนเหมือนจะตื่นจากความฝันและยอมรับความจริง ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนออกมายอมรับว่าจีนมีปัญหาด้านอสังหาฯ จริงๆ แต่ราคาอสังหาฯ ในตลาดจีนก็สะท้อนภาวะนี้ออกมาด้วย สำนักข่าวอย่างรอยเตอร์สรายงานว่า ราคาอสังหาฯ ยูนิตสร้างใหม่ในจีนราคาตกลงในรอบปีประมาณ 3.9 เปอร์เซ็นต์ เป็นราคาที่ตกมากสุดในรอบ 10 ปี และตัวเลขนี้ก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือพูดง่ายๆ ก็คือพวกยูนิตอสังหาฯ สร้างใหม่เริ่มตั้งราคาสะท้อนมูลค่าจริงของอสังหาฯ ในจีนที่ราคาปัจจุบันนั้นสูงไป
.
ถามว่า ณ จุดนี้รัฐบาลจีนไม่ทำอะไรเลยหรือ? จริงๆ ตั้งแต่ Evergrande ล่มแรกๆ แล้วทางการจีนยังนิ่ง ทำให้หลายคนคิดว่ารัฐบาลจีนน่าจะต่างจากอเมริกาที่จะไม่มีการอุ้มภาคธุรกิจที่ทำตัวสุ่มเสี่ยงและปล่อยให้ล้มละลายไปตามกลไกตลาด แต่สุดท้ายในเดือนพฤษภาคม 2024 ทางการจีนก็ทำให้ประหลาดใจด้วยการประกาศอุ้มอุตสาหกรรมอสังหาฯ ผ่านการสั่งให้รัฐบาลในระดับมณฑลไปซื้อยูนิตอสังหาฯ ที่ขายไม่ออก มาทำ 'ห้องเช่าราคาถูก' ให้ประชาชนอยู่อาศัย โดยรัฐบาลกลางก็ตั้งงบไว้ระดับแสนล้านหยวนเลยเพื่อการนี้
.
นี่ก็นำเรามาสู่ยุคปัจจุบัน ที่จีนยอมรับแล้วว่ามียูนิตอสังหาฯ ที่ปล่อยโล่งๆ อยู่ในประเทศอย่างมหาศาล และรัฐบาลก็เริ่มลงมาจัดการแล้ว ส่วนจะจัดการไปแล้วเป็นอย่างไร ก็อาจต้องให้เวลาสักปีหนึ่งเป็นอย่างน้อยในการประเมินผล
.
แต่ที่แน่ๆ ปัญหาของชาวโลกที่อาจไม่ได้ถูกแก้ไปด้วยก็คือ 'ความเชื่อ' ว่าการลงทุนในอสังหาฯ คือสิ่งที่ดีของชาวจีน และความเชื่อนี้ก็ได้ทำให้คนจีนหนีจากตลาดจีนที่ราคาอสังหาฯ ตกดังที่เล่ามา แล้วไปเข้าซื้ออสังหาฯ ในต่างประเทศและผลักดันราคาให้สูงขึ้นจนคนท้องถิ่นเริ่มซื้อไม่ไหว ทำให้เริ่มเกิดกระแสต่อต้านคนจีน และนี่ก็เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในวงกว้างตั้งแต่ในแคนาดา โปรตุเกส ไปจนถึงนิวซีแลนด์
.
#BIZ #BrandThink #CreativeChange
#Empowering #Diversity #PositiveImpact
“ประชาธิปไตยของผู้เห็นแก่ตัว
ร้ายกว่าเผด็จการผู้ไม่เห็นแก่ตัว”
.
“เมื่อไม่มีศีลธรรมเป็นพื้นฐานแล้ว
ระบบประชาธิปไตย นั่นแหละ!
จะเป็น..ระบบที่เลวร้ายที่สุด
แห่งระบบทั้งหลาย”
.
#พุทธทาสภิกขุ
ประชาธิปไตยไม่ได้มีไว้เพื่อทำให้คนไม่เห็นแก่ตัว
%%%%%
เราไม่สามารถทำให้ทุกคนเป็นคนไม่เห็นแก่ตัวได้ ที่เราทำได้คือออกแบบระบบที่ให้ความเห็นแก่ตัวของฝ่ายต่าง ๆ ถ่วงดุลตรวจสอบหักล้างกัน ผลลัพธ์เสมือนหนึ่งพวกเขาไม่เห็นแก่ตัว แต่อันที่จริงพวกเขาเห็นแก่ตัวเหมือนเดิมน่ะแหละ เพียงแต่พวกเขาต้องทำตัวเป็นพลเมืองดีตามระบบ ต่อให้เห็นแก่ตัวก็ตาม
ประชาธิปไตยไม่ได้มีไว้เพื่อทำให้คนไม่เห็นแก่ตัว นั่นเป็นศาสนกิจ ประชาธิปไตยมีไว้เพื่อให้คนดีหรือเลว เห็นแก่ตัวหรือไม่ก็ตาม ถูกตีกรอบกดดันให้ทำตัวเป็นพลเมืองดีเท่านั้นเอง
เมื่อไหร่เอาศาสนกิจมาเป็นเกณฑ์กำหนดการเมือง เมื่อนั้นเราจะได้เผด็จการโดยธรรม (ซึ่งเป็นเผด็จการอยู่ดี แต่โดยธรรมของบางคน)
#มิตรฯ
ผู้ชายด้อมโทคุ นอกจากอาการเห็นสาวๆไม่ได้ ก็จะยังมีอีกหลายอาการครับ ที่เห็นมานะ
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาการ "สนุกกับการที่ใครซักคนถูกแขวน แล้วมีคนไปรุมถ่มถุย"
แต่ก็จะมีอาการพิเศษอื่นๆอีก เขาเรียกว่า
อาการ "สนุกปากตามกระแส ดราม่าอะไรไม่รู้ ขอให้ได้โพสตามกระแสเป็นพอใจ"
และก็อาการ "ซ้ำทุกคนที่ล้ม แทงข้างหลังเมื่อมีโอกาส แม้ว่าคนๆนั้นจะเป็น"เพื่อน"ตัวเองก็ตาม"
แล้วก็อาการ "สร้างปัญหาเอาไว้ พอถึงเวลาต้องเคลียร์กลับไม่อยู่"
อาการสุดท้าย "เป็นผู้ใหญ่ที่สุด แทนที่เวลามีปัญหาจะเป็นคนห้าม กลับเปิดเสียเอง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
มิจฉาวณิชชา 5
อาชีพ 5 อย่าง ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงห้ามไว้
ค้าอาวุธ (สัตถวณิชชา)
- ธุรกิจขายปืน สนามยิงปืน อุปกรณ์ทางยุทธวิธี ที่ทหาร ตำรวจเป็นเจ้าของหรือหุ้นส่วน
ตั้งกองกฐิน ผ้าป่า นั่งหน้าสลอนรอถวายเงิน ก็เห็นรับถวายปัจจัยได้ ไม่มีใครว่าอะไร
ค้าขายมนุษย์ (สัตตวณิชชา)
- พณฯท่าน ที่เสนอหน้าอยู่ด้านหน้า บางคนเป็นถึงเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย
กล้าสาบานไหมว่าไม่เคยซื้อกิน หรือแดกฟรีๆเป็นค่าส่วยจากผับ บาร์ สถานเริงรมย์
วัดคณิกาผล ที่มีอายุเป็นร้อยปี ก็เป็นโสเภณีเป็นผู้สร้าง
ค้าสัตว์ที่นำไปฆ่า (มังสวณิชชา)
- อันนี้เห็นๆกันอยู่ เจ้าสัวจอมกินรวบ เจ้าของประเทศตัวจริง จ้าวแห่งการค้าเนื้อสัตว์
ถวายเงินที่เป็นสิบๆล้าน ปีละหลายๆครั้ง ก็เห็นรับถวายปัจจัยได้ ไม่มีใครว่าอะไร
ภัตตาหารที่วางอยู่ตรงหน้า หมู ไก่ เนื้อ ทั้งนั้นเลยนะ
ค้ายาเสพติด (มัชชวณิชชา)
- เจ้าแห่งการผูกขาดน้ำเมา ทั้งสัตว์ใหญ่ทั้งสัตว์กินเนื้อ ไปร่วมงานบุญปีนึงเป็นร้อยๆที่
ไม่เห็นมีใครว่าอะไร มีแต่ยกย่องสรรเสริญ
ค้ายาพิษ (วิสวณิชชา)
- แค่รับถวายยากันยุงก็ไม่ได้แล้วเปล่าวะ ยุงเยอะ แมลงเยอะ
พระไม่ทำแต่โยมไม่เหลือ ใช่รุ่นสเปรย์ฉีดด้วย ตายห่ากันหมด
อย่างที่ คนตื่นธรรม มันว่า ย้อนแย้งไปหมด พอเด็กไม่นับถือก็ไปด่ามัน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
จริงๆ การเปโดหรือใคร่เด็ก มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับสังคมไทย สมัยก่อน 13-14 แต่งงานออกเรือนเยอะแยะ
สมัยนี้ก็เหมือนกัน ยิ่งสังคมชนบท การแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย ยังมีให้เห็นเรื่อยๆ
ส่วนผู้ใหญ่ที่ชอบเด็ก คบเด็ก มีเยอะแยะ ภาษาบ้านๆ เรียกว่าเลี้ยงต้อย แต่เรื่องแบบนี้ใครจะเอามาโชว์
#มิตรสหายท่าหนึ่ง
เอาตรงๆ เลยนะ เขาไม่ชอบมึงไง ไอ้อ้วน ก่อนจะไปเปรียบเทียบกับเขา ดูสารรูปมึงสิ
เขาแก่กว่ามึง 20 ปี ยังดูหนุ่มกว่ามึงเลย ดูภูมิฐาน กล้ามโต การเงินการงานมั่นคง
ถึงไม่เลี้ยงต้อย ผู้หญิงไม่ว่าเด็ก สาว หรืออายุเท่าๆ กัน มีแต่คนอยากได้แกทั้งนั้น
ส่วนมึงไม่มีเหี้ยอะไรเลยเสือกไปคุกคามเด็กอีก ดีแล้วที่น้องเขาแค่ฟ้องแม่ ไม่แจ้งตำรวจมาลากคอมึงเข้าคุก ไอ้หมูตอน
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
รวบรวม 20 เรื่องจากทนายความ
ที่เราควรหลีกหนีเรื่องเหล่านี้
เพราะนอกจากเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายแล้ว จะมีแต่ความทุกข์และความวุ่นวายเข้ามาในชีวิต
1. อย่ายุ่งเกี่ยวหรือมีสัมพันธ์กับคู่สมรสผู้อื่น รวมทั้งคนรักผู้อื่นด้วย
2. อย่าเซ็นค้ำประกันให้ใครโดยเด็ดขาด
3. อย่าให้ใครยืมรถไปขับ
4. อย่าซื้อของให้คนอื่นโดยใช้ชื่อของเราเอง
5. อย่าให้ใครยืมบัตรประชาชนของเราไปทำธุรกรรมอื่นโดยเด็ดขาด
6. อย่าให้ใครยืมบัญชีธนาคารเพื่อการโอนเงินทางเข้าและออก
7. อย่าใช้บัตรเครดิตซื้อของแทนคนอื่น
8. อย่าให้ใครมาปลูกบ้านเพื่อทำที่อยู่อาศัยในที่ดินของเราเกิน 10 ปี
9. อย่าผ่อนบ้านหรือซื้อสินค้าใดใดให้คนอื่นเพราะผ่อนเสร็จบ้านและสิ่งของเหล่านั้นก็ไม่ใช่ของเรา
10. อย่าทำบัตรเสริมบัตรเครดิต ให้ใครโดยเด็ดขาดเพราะบัตรหลักต้องรับผิดชอบเสมอ
11. อย่านั่งรถคนอื่นที่เราไม่รู้จักโดยเด็ดขาดเพราะหากมีสิ่งผิดกฎหมายเราต้องร่วมรับผิดชอบด้วย
12. อย่าให้ใครยืมปืนเพราะหากไปทำสิ่งผิดกฎหมายเจ้าของปืนต้องรับผิดชอบ
13. อย่าเชื่อหมอดูและอย่าจ่ายเงินเพื่อการสะเดาะเคราะห์เพราะเคราะห์จากหมอดูไม่มีจริง
14. อย่าให้ใครเช่าบ้าน หรือเช่าของใดใด โดยไม่ทำสัญญา แม้จะเป็นพี่น้องกัน
ก็ผิดสัญญาได้ตลอดเวลา
15. อย่าใช้แก้วน้ำหรือขวดน้ำดื่มที่เปิดฝาแล้ว ทันทีที่เราละสายตา ทั้งในสถานบันเทิงและสถานที่ที่เราไม่เคยไป
16. อย่าโอนรถให้ใครผ่อนต่อโดยที่ไม่ได้เปลี่ยนสัญญาเพราะทันทีที่เกิดความผิดขึ้นความผิดนั้นจะถูกสืบสาวราวเรื่องมาที่ของเจ้าของรถในทันที
17. อย่าโอนเงินให้ผู้อื่นไปลงทุนแทนเพราะหากดีจริงเค้าคงเอาเงินตัวเองลงทุนไปแล้ว
18. อย่าให้ใครยืมโทรศัพท์มือถือเราไปโทรออกโทรเข้าและทำการอื่น
19. อย่าเชื่อว่างานออนไลน์เป็นงานดีและงานง่าย โดยการโอนเงินก่อนผ่านการคุยกันทางออนไลน์
20. อย่าให้ใครยืมเงินโดยเด็ดขาด เพราะคือสาเหตุของความวุ่นวาย
ทั้ง 20 เรื่องนี้หากหลีกเลี่ยงได้ ชีวิตจะมีแต่ความสุขในอนาคตครับ
ขอขอบคุณ
คุณเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
สรุปงาน Vision for Thailand
วันนี้ทาง Nation ได้จัดงาน Dinner Talk: Vision Thailand ที่ Siam Paragon โดยได้เรียนเชิญคุณทักษิณ ชินวัตรให้มาแสดงวิสัยทัศน์ในค่ำวันนี้
ต่อไปนี้เป็นสรุปเนื้อหานะครับ
ท่านเริ่มต้นจากเล่าว่าจากการที่ต้องไปอยู่ต่างประเทศนาน 17 ปี และพอได้กลับมาเมืองไทย ก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง คือ
- คนไทยไม่ค่อยยิ้มกันเหมือนเดิม
- คนไทยเชื่อมูเตลูมากเกินไป
- ลูกติดยา แม่ติดหวย พ่อติดเหล้า
- บ้านเมืองไม่ค่อยสะอาด สนใจแต่ engineering ไม่ได้สนใจ architecture
- การบริหารขาดเจ้าภาพ
- ภาครัฐ ภาคเอกชน ต่างคนต่างอยู่
- ความเป็นชาติ ต้องคิดถึงส่วนรวม อยากให้มีเจ้าภาพดูแลในแต่ละปัญหา ไม่ใช่ว่าต่างคนต่างทำ
ท่านพูดอย่างติดตลกว่า การที่ท่านไปอยู่ที่ต่างประเทศเป็นเวลา 17 ปีนั้น เป็นเหมือนไปทำ post doc ไม่ใช่การศึกษาต่อ เพราะท่านจบปริญญาเอกแล้ว
และการบินกลับมาเมืองไทยนั้น ช่างยาวนานมาก เพราะท่านต้องไปวนอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจนานถึงหกเดือน
ในความคิดของท่าน ท่านคิดว่าประเทศไทยมีปัญหาด้วยกันหลายเรื่อง (ต่อจากนี้ ผมขอเรียบเรียงใหม่ เพื่อจัดหมวดหมู่ และเนื้อหาให้สอดคล้อง และไม่กระโดดไปมาครับ)
ปัญหาของประเทศหลักๆ มีหลายเรื่อง
😭ปัญหาหนี้
- คนไทยติดกับดักหนี้ โดยเฉพาะปัญหาหนี้ภาคประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่แก้ไม่ง่าย หนี้ครัวเรือนทุกวันนี้อยู่ในระดับ 80-90% ของ GDP เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ท่านไม่อยากเห็นคนไทยโดนยึดบ้านที่อยู่ โดนยึดรถที่ใช้ขับไปประกอบอาชีพ
- ส่วนหนี้สินของรัฐที่อาจจะดูเหมือนสูง แต่เป็นเรื่องที่แก้ไม่ยาก ถ้า GDP โตขึ้นจริง รัฐสามารถขยายฐานภาษีได้ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
🍉 การแก้ปัญหา
- ท่านอยากให้ FIDF ลดเงินที่เก็บเข้ากองทุน 0.46% สักครึ่งหนึ่ง ให้ธนาคารเอาไปบริหารการแก้หนี้ครัวเรือนอย่างจริงจัง ให้เหมือนกับการแก้หนี้นิติบุคคลที่มีการลดหนี้ (haircut) บ้างจะได้ไหม
😭เศรษฐกิจใต้ดิน
- เศรษฐกิจใต้ดิน > 49% ของ GDP ถ้าทำให้อยู่บนดินได้น่าจะดี
- มีคนติดยาเสพติดมาก โดยเฉพาะวัยรุ่น
- ส่วนปัญหาการพนัน วันนี้น่าเป็นห่วง คนไทยเสียเงินไปกับการพนันปีละ 170,000 ล้านบาท มีเงินฝากในธุรกิจพวกนี้ 3 ล้านล้านบาท และมีการเล่นพนันปีละ 5 แสนล้านบาท
🍉การแก้ปัญหา
- การแก้ปัญหายาเสพติดทำได้ยาก วันนี้ผู้ผลิตมันอยู่ในต่างประเทศ ไม่เหมือนเดิม การแก้คือต้องเอาคนติดยาไปบำบัด ลด demand
หน้าต่างเศรษฐกิจ ตือ ตลท. ความเชื่อมั่นหายไป หุ้นตกมาก มีปัญหาเรื่อง corporate governance การแก้ไขปัญหาไม่ฉับไว ำม่แม่นยำ
ทุกวันนี้นักธุรกิจไทยตั้งรับ หากินในประเทศ อยากเห็นนักธุรกิจไทยออกไปแข่งขั้นในเวทีโลก
ตัวอย่าง inbound: UOB มาซื้อ good bank ชื่ิอรัตนสิน 5,000 ล้านบาท แล้วมาบริหารจนเติบใหญ่
ตัวอย่าง outbound: ธนาคารกรุงเทพฯซื้อธนาคารในอินโดนีเซีย
😭 ปัญหาพลังงาน
- ไฟฟ้าราคา 0.12 Usd/kWh ทำอย่างไรให้ไฟฟ้าราคาถูกลง
😭ราชการใหญ่เทอะทะ
😭ปัญหาสิ่งแวดล้อม
😭ปัญหา geopolitic
- มีทั้งประโยชน์ และโทษกับไทย
- ประเทศสหรัฐอเมริกาอาจจะมีการทลทวนดูว่าประเทศไหนได้ดุลมาก และอาจจะมีมาตรการในการจัดการ ซึ่งไทยก็อาจจะอยู่ในนั้น
- เทคโนโลยี โตเร็วมากโดยเฉพาะ AI โลกกำลังแข่งกันทำ super intelligence AI
- ประเทศไทยรู้ปัญหากันดี แต่ไม่รู้จะแก้ปัญหา
- รัฐมนตรีใหม่ต้องเตรียมรับเป็นเจ้าภาพในการแก้ปัญหา
การแก้ปัญหา
- แก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ต้องรับผิดชอบโดย รมว. คลัง และสถาบันการเงิน
- เชื่อว่า น่าจะแก้ไขได้ และควรต้องเป็น priority หลัด
ปัญหาที่สอง ก็ต้องแก้โดย รมว. คลัง โดยต้องคุยกับ ธปท. แต่ต้อง
ธปท. ลดปริมาณเงิน 1% ทุกๆ คน คนตจว. ไม่มีเงินใช้ คน ตจว. เหมือนปลาในตู้ปลาที่โดนดูดน้ำออกไปเรื่อยๆ
โครงการดิจิทัลวอลเล็ต มีคนค้านเยอะ โดยไม่ได้เข้าใจ ค้านจนลืมว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของต้มยำกุ้ฃ
ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นการยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสามตัว คือ
- การกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบแม่นยำ
- อยากให้คนไทยได้ใช้เทคโนโลยี
- ดิจิทัลวอลเล็ตทำไปแล้ว จะได้ทั้ง digital id ได้ทั้ง superapp อนาคตรัฐอาจจะสามารถออก bond ผ่าน digital wallet ได้ และใช้เป็นเหมือน cash
- 122,000 ล้านบวกงบกลาง รวม 145,000 ล้าน เอาไปกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนให้กับกลุ่มเปราะบาง
- พองบปีหน้าออก ค่อยเอาเงินไปจ่ายให้กับคนที่ลงทะเบียนไว้ 30 ล้านคน
- การจ่ายเงินแบบเงินสดมันไม่แม่นยำ คุมไม่ได้ ไม่ดีเหมือนดิจิทัลวอลเล็ต
😭การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม
- NVIDIA มูลค่ายังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของในอนาคต เพราะโลกกำลังเปลี่ยนจาก CPU ไปเป็น GPU
- ประเทศไทยไม่มีปัญหา geopolitic เราควรจะสามารถขายได้ทั้งจีน และอเมริกา
- data center มีคนสนใจมาลงทุนมาก แต่คนบ่นเรื่องค่าไฟ และ green energy
- บริษัทสามารถทำเอง ใช้เองได้ แต่ห้ามขาย
😭ปัญหา EV
- ตอนนั้น เคยสนับสนุน eco car โดยการปรับปรุงโครงสร้างสรรพสามิต แต่ตอนนี้ไม่สนับสนุน เลยทำให้ธุรกิจผลิตรถ ecocar ต้องปิดตัว
- อยากผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวา
- โครงสร้างของการผลิตรถยนต์ไทยยังดีอยู่ แต่อาจจะโดน disrupt โดยEV ทำอย่างไรให้รถไฟฟ้า EV หันมาใช้ local content ของไทย
- จีนกำลังยิงดาวเทียม low orbit 50,000 ดวง เพื่อทำระบบโทรคมนาคม 6G
- ประเทศไทยอยู่ใกล้ศูนย์สูตร ทำให้ดป็นที่เหมาะสมในการยิงดาวเทียม เราจะเป็นแหล่งดาวเทียมได้ไหม
- ประเทศไทยกำลังโดนสินค้าจากจีนเข้ามาโจมตี เช่น Temu
- เราจะทำอย่างไรให้ SME ไทยเป็น Smart SME
- ไปตรวจดูว่า สินค้าจีนเข้ามาได้อย่างไรโดยไม่ตรวจ container ตรวจ มอก. ตรวจ อย. ประเทศไทยควรเริ่มดูเรื่องการ apply ใช้ protectionism แบบ step by step
🐶Soft power
- รัฐบาลเอาจริงแน่ในเรื่องของ soft power เรามีค่ายมวยเต็มไปหมดทั่วโลก แต่ยังไม่มีมาตรฐาน ทีม soft power มวยควรทำให้เมืองไทยมี league มวยเหมือนฟุตบอล มีค่าตัว มีมาตรฐาน มีรางวัล และต้องเทรนครูมวย กรรมการให้มีมาตรฐานระดับโลก
- esport คนไทยผลิตเกมเองได้
- เกมดีแจก token ให้ แล้วเอามาขึ้นเงินกับรัฐ
- ศิลปะ อยากเห็น exhibition ให้จัดงาน และสามารถขายสินค้าผ่าน blockchain ได้ หลังจากไทยมีดิจิทัลวอลเล็ต
- นางแบบตัวดำปี๋ยังเป็นนางแบบระดับโลกได้ ทำไมนางแบบไทยจมูกแบนๆ จะเป็นนางแบบระดับโลกบ้างไม่ได้
- อาหาร ครัวไทยต้องไปเวทีโลกให้ได้ เคยบอกให้ SME Bank ไทยปล่อยเงินกู้ให้กับคนไทยไปเปิดร้านอาหารไทยในต่างประเทศไทยได้
- การเกษตรต้องมีการปรับปรุง เราใช้ปุ๋ย ยาฆ่าแมลงมานาน ดินไทยเราพังหมดแล้ว เราต้องใช้ R&D ช่วย ทำอย่างไรเราถึฃตะสร้างพันธุ์ข้างที่มีแคลอรี่ลดลง มีไฟเบอร์สูงขึ้น เราต้องไม่แข่งกันตัดราคา ทำธุรกิจที่มี margin สูงขึ้น
- ทำอย่างไรให้ไทยเป็น food security ให้กับประเทศอื่น
การท่องเที่ยว
- เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว
- เราอยู่ใกล้จีน และอินเดีย ซึ่งมีประชากรเกือบ 1 ใน 3 ของโลก ยังมีโอกาสอีกมาก
- สนามบินที่ถมไว้ตั้งแต่ 17 ปีที่แล้ว เพิ่งจะเริ่มทำสนามบิน จะพร้อมวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ จะทำให้รับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น
- เราต้องทำห้องน้ำให้สะอาด
- ต้องปรับปรุงสนามบิน สร้างสถานท่องเที่ยวที่เป็น man made ให้มากขึ้น เช่น สวนน้ำ โดยเฉพาะในจังหวัดที่ไม่ได้อานิสงค์จากการท่องเที่ยว
- entertainment complex อยากทำ แต่มีคนค้าน casino ต้องมีพื้นที่ casino ไม่เกิน 10% ต้องลงทุนอย่างน้อย 100,000 ล้าน ไม่งั้นไม่หรูสู้ชาวบ้านไม่ได้ เรายังไม่มีที่จัดคอนเสิร์ตใหญ่ๆ
- เราจะแก้กฎหมายอำนวยความสะดวกให้กับ private jet ให้เข้ามาได้ง่าย รวมทั้งศูนย์ซ่อมด้วย
ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ถมทะเล ได้แหล่งท่องเที่ยว
รถไฟความเร็วสูงหนองคาย- โคราชต้องทำให้เสร็จ เชื่อม one belt one road ฉลองปีหน้าครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน
ต้องทำรถไฟฟ้า 20 บาท พูดแล้วต้องทำให้ได้ อาจจะต้องเวรคืนรถไฟฟ้าให้มาเป็นของรัฐ แล้วจ้างเอกชนบริหาร เพื่อให้
ตั้ง infrastructure fund เพื่อเอามาลงทุน
เก็บ congestion charge เข้ากองทุน infrastructure ให้ประชาชนเดินทางได้ถูกลง
รักบ้านเมือง และพร้อมจะอยู่เบื้องหลัง ใครมีอะไรพร้อมนั่งทานกาแฟกัน และให้คำปรึกษา
นศ:จบไปทำไรดี
จารย์:พวกคุณก็ดีลกันไว้เลยครึ่งนึงเป็นโจรครึ่งนึงเป็นตำรวจ สร้างงานสร้างอาชีพ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ข้อมูลน่าสนใจ จากศูนย์วิจัยกสิกรไทย คือตัวเลขเฉลี่ย กำไร ของ ธุรกิจร้าน อาหารแบบที่จดทะเบียนเสียภาษีนั้น ในไทยนั้นติดลบกันมา 8 ปี และ ปีนี้ก็น่าจะติดลบต่อเป็นปีที่ 9 ด้วย
แล้วเมื่อวานนี้ หลายๆสำนักข่าว ก็ลงข่าว
“สุดต้าน! 6 เดือน ธุรกิจร้านอาหารระส่ำหนัก คนเลือกกินเพื่อยังชีพพุ่ง ฉุดยอดขายร้านอาหารตก 30% แม่ค้า-พ่อขายแห่ขึ้นป้ายเซ้ง” โดยอ้างอิงข้อมูลจาก นายกสมาคมภัตตาคารไทย
นั้นหมายความว่า เปิดร้านอาหาร ในประเทศไทย โอกาสที่จะทำกำไรนั้นน้อยมาก ยิ่งเป็น SME ร้านเล็ก ชายอาหารตามสั่ง ร้านกาแฟเล็กๆ โอกาสรอดในสามปีแรกนั้น น่าจะมีผู้รอดไม่ถึง 30%
แล้วทำไม คนยังอยากเปิดร้านอาหารกัน ?
เพราะ การได้เป็นนายตัวเอง ไม่ต้องทนรับแรงกดดันจากใคร ในประเทศที่มนุษย์เงินเดือนแทบจะไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปาก มันก็เป็นความฝันในชีวิตของคนอีกหลายๆคน ดังนั้นตลาดร้านอาหารก็ จะมีคนใหม่ที่พร้อมจะเสี่ยงดวงมาเปิดร้านใหม่อยู่เสมอ
ซึ่งสอดคล้องกับ ข้อมูลอีกด้านของ ไทย บีบีเอส บอกว่า ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีร้านอาหารต่อจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก คือ ในประเทศเรา มีร้านอาหารถึง 9.6 ร้านตต่อ ประชากร 1000 คน หรือ จะมองแบบกลมๆ ว่า ร้านอาหาร 1 ร้านต่อ ลูกค้า 100 คน ก็ได้ และ จำนวนร้านอาหารเปิดใหม่ ยังเพิ่มขึ้น ระดับ 13% ต่อปีอีกด้วย
จะกลัวอะไร ปิดเยอะ ก็เปิดใหม่เยอะ
ใช่ครับ ไม่ต้องกลัวว่า ประเทศไทยจะขาดแคลนร้านอาหาร ปัญหาของวงการร้านอาหารในวันนี้คือความยั่งยืนในธุรกิจ ที่ วงจรชีวิตมันสั่นลงเรื่อยๆ
แล้วที่เปิดใหม่ก็มีแนวโน้มว่า อีก 50% จะไปไม่รอด ภายในระยะเวลา 1 ปี แล้วก็จะมีจำนวนตัวเลขคนปล่อยเช้งร้านเยอะขึ้นอีกในอนาคต
วนลูปกันเป็นหลุมดำแบบนี้ ร้านอาหารไม่ใช่ธุรกิจที่ยั่งยืน แต่เป็นธุรกิจที่ต้องเข้าให้เร็ว โกยให้เร็วแล้วรีบหนีออกจากตลาด
แนวคิดแบบนี้ มันเป็นระบบทุนนิยมที่บ้าบอ และกำลังทำลาย วงจรธุรกิจร้านอาหารไทย ทั้งระบบ
คือมันเป็นนิสัยหนึ่งของคนประเทศเราด้วย คือเวลา มีสินค้าตัวไหนขายดีเป็นกระแส ฉันก็พร้อมที่จะลองเสี่ยงดวงขายบ้าง ทั้งๆที่คุณไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในพื้นฐานของสนค้านั้นๆเลย พอคนขายเยอะและกระแสหมด ก็เกิดปัญหา oversupply แล้วก็เริ่มเปิดเกมส์ทุบตลาดตัดราคาขายเอาตัวรอดกันทันที สุดท้ายจบลงที่ตลาดแตกตลาดวาย คนเลิกกินเพราะเน้นแต่ขายถูกแต่คุณภาพไม่มี แล้วก็จบลงด้วยการขาดทุน ไม่ว่าจะเป็น สามปีก่อนที่ครัวซองต์ดังระเบิด เคยยมีคนกล้าซื้อเตาอบครัวซองต์หลักล้านมาขิงใส่กัน หรือปีที่แล้วกับชาบูสายพานที่มีคนนำเข้าเครื่องสายพานกันมาหลักแสนตอนนี้มือสองขายกันที่สองหมื่น หรือ ชานมไข่มุกพ่นไฟ ที่เคยมีร้านกันครบทุกสิงสาราสัตว์ หมีพ่นไฟ หมาพ่นไฟ อะไรพ่นไฟได้ก็เอามาขายหมด มีกันทุกหน้าหมู่บ้าน ในวันนี้เหลือรอดกันกี่เจ้า? ทุกกระแสมันจบลงที่การเจ็บตัวของรายเล็กรายย่อยที่โดนภาพลวงตาหลอกมาเข้าตลาดเสมอ ส่วนคนที่ เป็นคนปั่นกระแสนั้นโกยได้แล้วปิดเกมส์หนีออกจากตลาดกันไปนานแล้ว
วิธีการทำธุรกิจแบบนี้ มันคือการเป่าฟองสบู่ลูกใหญ่ๆ ที่รอวันระเปิด
แล้วในวันนี้ ในวันที่ กำลังซื้อผู้บริโภคอ่อนตัว กระแสเงินสดขาดมือ ต้นทุนมีราคาสูงขึ้น ร้านอาหาร SME ที่มีหนี้ หมุนเงินไม่ทัน ทุนจม กำลังล้มกันแบบโดมิโน่
กำไรไม่มี ทุนก็หมด จะขยับอะไรมันก็ยากไปหมด จะทำกระแสอะไร คนก็ไม่มีเงินมาซื้อ ในเวลานี้
ถ้าร้านคุณไม่มีฐานลูกค้าประจำ บอกเลยครับ ปีนี้ รอดยาก
สงสารหรือสมเพชดีวะ ผู้หญิงอุตส่าห์ลงทุนรับบทแก้ผ้า แต่ดันได้เล่นซีรีส์ผู้ชาย เ ย็ ด ตู ด กัน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ผู้หญิงรับบทแก้ผ้า ได้เล่นซีรีส์ผู้ชาย เ ย็ ด ตู ด กัน ก็ได้เงิน ได้โปรไฟล์ แต่คนคิดมากไปคิดหยุมหยิมแทนเขา
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"กันยาเละแน่นอนคับ เพราะวันหยุดไม่เยอะเท่าสิงหา อายเพื่อนบ้างเห้ย"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
วงจรของเครื่องปรับอากาศของหลายบ้าน ช่างติดตั้งเบรกเกอร์ที่มีพิกัดสูงเกินไป มันก็จะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอัคคีภัยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเครื่องปรับอากาศต่อลงดินในระบบ TT แล้วยังไปเลือกใช้เบรกเกอร์ที่มีพิกัดสูงเกินไปอีก มันก็ยิ่งไปเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดไฟไหม้ได้
ช่างแอร์บางคนมันก็จะซื้อเบรกเกอร์ขนาด 32 แอมป์ติดรถไว้ตลอด ไม่ว่ามันจะติดตั้งแอร์กี่ BTU ก็ตาม...เบรกเกอร์ลูกย่อยในตู้ consumer unit มันก็จะใช้ขนาด 32 แอมป์อย่างเดียวเลย
แม้แต่เครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 BTU มันก็ยังใช้เบรกเกอร์ขนาด 32 แอมป์
เซฟตี้เบรกเกอร์ที่อยู่ในห้องคอยล์เย็น มันก็ใช้ขนาด 30 แอมป์ ทั้งๆที่เบรกเกอร์ลูกย่อยในตู้คอนซูมเมอร์ยูนิตใช้ขนาด 10 แอมป์ก็เพียงพอแล้ว แล้วไม่ควรจะเกิน 16 แอมป์ ส่วนเบรกเกอร์ที่อยู่ในห้องคอยล์เย็นถ้าติดตั้งเป็น safety breaker มันก็ไม่ควรจะเกิน 10 แอมป์ แต่มันใช้เบรกเกอร์ขนาด 32 แอมป์กับ 30 แอมป์เลย ไม่รู้ว่ามันจะเผื่อไปถึงไหน
เครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 BTU และ 12,000 BTU ใช้เบรกเกอร์ขนาด 10 แอมป์ก็เพียงพอแล้ว
ถ้าไปเลือกใช้เบรกเกอร์ที่มีพิกัดสูงเกินไปมันเพิ่มความเสี่ยงให้ไฟไหม้ได้ แล้วถ้าสายดินของเครื่องปรับอากาศเอาไปยึดกับผนังปูนก็ยิ่งมีความเสี่ยงให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย หรือแม้แต่การไปต่อแท่งกราวด์ของเครื่องปรับอากาศแยกต่างหากมันก็ไปเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย
ช่างแอร์บางคนเก็บแต่เบรกเกอร์เก่าๆไว้ในรถเพียบเลย เวลาไปติดตั้งแอร์ให้ลูกค้าก็เอาเบรกเกอร์เก่านี่แหละไปติดตั้งให้ลูกค้า ใครเป็นเจ้าของบ้านก็ต้องดูด้วยนะครับว่ามันเอาเบรกเกอร์เก่ามาติดตั้งให้หรือเปล่า มีช่างแอร์อยู่คนหนึ่งอยู่แถวมีนบุรี เป็นช่างแอร์ที่ผมรู้จัก ในรถมันมีแต่เบรกเกอร์เก่าๆเก็บไว้เพียบเลย เวลามันไปติดตั้งแอร์ให้ลูกค้ามันก็เอาเบรกเกอร์เก่านี่แหละไปติดตั้งให้ ผมเคยไปช่วยมันเดินระบบไฟฟ้า มันก็เอาเบรกเกอร์เก่านั่นแหละมาให้ผมติดตั้ง ผมเห็นแล้วโคตรทุเรศเลย
ใครเป็นเจ้าของบ้านก็ต้องดูด้วยนะครับว่าช่างแอร์ติดตั้งเบรกเกอร์ที่มีขนาดเหมาะสมกับเครื่องปรับอากาศหรือเปล่า ซึ่งตารางขนาดของเบรกเกอร์ผมเคยทำไว้ให้แล้ว แล้วก็ต้องดูด้วยว่ามันเอาเบรกเกอร์เก่ามาติดตั้งให้หรือเปล่า
แล้วก็ต้องดูด้วยว่ามันต่อสายดินจากจุดไหนอะไรยังไง ถ้าระบบไฟฟ้าภายในบ้านมีระบบสายดินอยู่แล้ว สายดินของเครื่องใช้ไฟฟ้าต้องจั้มออกมาจากตู้ควบคุมไฟฟ้านะครับ
แถวบ้านอ่ะ มีตึกหลังหนึ่ง มีคนมาซื้อ แล้วตกแต่งเเป็นร้านสุกี้ชาบูสายพาน เอาโต๊ะสายพานมาติดตั้งเรียบร้อย ขนาดยาวใหญ่เลยด้วย ลงโต๊ะเก้าอี้เรียบร้อย ลงตู้ลงอุปกรณ์ทุกอย่างเรียบร้อย แต่ไม่เปิดจ้า! ติดป้ายว่า "ให้เช่าร้าน"
ผ่านมาเกือบปีแล้ว ก็ยังไม่มีใครมาเช่า ทุกคนในชุมชนพูดเหมือนกันว่า "ขนาดเอ็งทำร้านจนเสร็จแล้ว เอ็งยังไม่กล้าเปิด ขาย แล้วใครจะกล้ามาเช่า"
[ #PersonalFinance ] 3 เดือน ถูกหลอกเงิน 10 ล้าน อุทาหรณ์คนไทยที่ซานฟรานฯ กลัวถูกส่งตัวกลับบ้าน คิดอยากปกป้องครอบครัว สุดท้ายโดนสแกมเมอร์หลอก
.
ข่าวนี้มีที่มาจาก Business Insider เล่าอุทาหรณ์ของคุณโบว์ วรรณภา สุประเสริฐ นักวิเคราะห์ข้อมูล อายุ 28 ปี คนไทยที่อาศัยอยู่ในซานฟรานซิสโก ที่ถูกสแกมเมอร์หลอกกว่า 3 เดือน เพราะคิดว่าตัวเองกำลังทำเพื่อปกป้องสิทธิ์และครอบครัว สแกมเมอร์กลุ่มนี้ไม่เคยเร่งเร้าและค่อยๆ หลอกจนเธอตายใจ
.
กว่าจะรู้ความจริงก็ผ่านไปเกือบ 3 เดือน เสียเงินไปกว่า 300,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 10,200,000 บาท)
.
[ สแกมเมอร์ยอมใช้เวลาหลอกเรามากกว่าที่คิด ⏳ ]
.
ถ้ามีใครสักคนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่หรือใครสักคนที่เรารู้จัก เพื่อบอกว่าเขาหรือเรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทุกอย่างแก้ปัญหาได้โดยการโอนเงินภายในไม่กี่นาทีนี้ เราคงจะรีบกดวางสายไป เพราะทุกคนคุ้นชินกลลวงนี้ดี แต่ตอนนี้สแกมเมอร์อาจไม่รีบขนาดนั้น
.
คุณโบว์ วรรณภา สุประเสริฐ ทำงานเป็นนักวิเคราะห์ข้อมูล อายุ 28 ปี อาศัยอยู่ในซานฟรานซิสโก ที่โดนหลอกด้วยเทคนิคทางจิตวิทยาเป็นเวลาสามเดือน สูญเงินไปกว่า 300,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 10 ล้านบาทไทย)
.
สแกมเมอร์กลุ่มนี้แสร้งทำตัวคนที่สามารถช่วยเธอได้ โดยไม่เคยเร่งให้ทำอะไร มีทั้งส่งเอกสารปลอม และแม้กระทั่งคุยโทรศัพท์กับเธอเป็นชั่วโมง ๆ
.
[ เหตุการณ์การโดนหลอกและวิธีเข้าหา ]
.
บ่ายวันศุกร์ของเดือนมีนาคม คุณโบว์ได้รับสายจากเจ้าหน้าที่อ้างว่าติดต่อมาจากสถานทูตไทยในวอชิงตัน แจ้งว่าเธอตกเป็นผู้ต้องสงสัยในแผนการฟอกเงิน ปลายสายเรียกชื่อจริงและนามสกุลของเธอได้อย่างถูกต้อง
.
เจ้าหน้าที่ปลอมบอกกับคุณโบว์ว่ามีคนลักลอบนำพาสปอร์ตที่มีชื่อเธอบินไปที่กรุงเทพฯ ตอนแรกคุณโบว์ปฏิเสธข้อกล่าวหาและพยายามจะจะพิสูจน์ว่าพาสปอร์ตของเธอยังอยู่กับตัว
.
เจ้าหน้าที่ปลอมโอนสายไปหาตำรวจปลอมเพื่อให้คุณโบว์แจ้งความ ระหว่างการคุยกับตำรวจปลอมสายก็หลุดไปสองสามครั้ง สุดท้ายคุณโบว์เลยโดนหลอกให้แอดไลน์ (LINE) เพื่อคุยกับเจ้าหน้าที่
.
การติดต่อผ่านไลน์ที่นั่น ไม่ใช่เรื่องนี้ทำให้คุณโบว์รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ เพราะคุณโบว์เองก็เพิ่งกลับจากประเทศไทย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์และได้ติดต่อกับสถานกงสุลไทยผ่าน LINE เกี่ยวกับการต่ออายุพาสปอร์ต
.
ระหว่างที่สายของคุณโบว์และเจ้าหน้าที่ปลอมหลุดไป เธอได้พยายามโทรไปที่สถานทูตไทยในวอชิงตัน ดี.ซี. แต่ไม่มีใครรับสาย ตอนนั้นเอง "เจ้าหน้าที่ตำรวจปลอม" ที่แอดไลน์ไปก็ติดต่อกลับมา อ้างว่าเขาเป็นทีมจากกองสอบสวนกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานของตำรวจไทย ส่งสำเนา PDF รายงานแจ้งความมาให้ และบอกต่อว่าคุณโบว์เป็น 1 ใน 239 รายชื่อคนที่อาจเกี่ยวข้องกับแผนการฟอกเงินระหว่างประเทศ
.
ตำรวจปลอมคนนั้นได้ทำการสอบสวนคุณโบว์ผ่านการโทรผ่านวิดีโอ ถามคุณโบว์ว่ารู้จักใครในแผนนี้หรือไม่ หลังจากที่เธอบอกว่าเธอไม่รู้จักใครเลย ตำรวจปลอมคนนั้นแสร้งทำตัวเป็นคนที่จะเข้ามาช่วยเหลือเพื่อเคลียร์ชื่อให้คุณโบว์ หลังจากนั้นก็บอกให้คุณโบว์ต้องยืนยันตัวตน ด้วยการส่งรายงานวันตอนนี้อยู่ที่ไหนทำอะไรอยู่วันละสี่ครั้ง
.
คุณโบว์ต้องส่งรูปของตัวเองสามรูป ตำแหน่งที่อยู่ และคำอธิบายว่ากำลังทำอะไรอยู่วันละสี่ครั้ง ตอนเวลา 9.00 น. 12.00 น. 17.00 น. และ 20.00 น. ตำรวจปลอมอ้างว่าถ้าไม่ปฏิบัติตาม เขาจะส่งเจ้าหน้าที่มาเฝ้าดู หรือถ้าคุณโบว์พยายามหนีหรือพลาดการรายงานประจำวันครอบครัวของคุณโบว์อาจถูกจำคุก และทรัพย์สินที่มีทั้งหมดอาจถูกอายัด
.
สแกมเมอร์ยังบอกอีกว่าระหว่างการพิสูจน์ความบริสุทธิ์นี้ คุณโบว์ไม่สามารถบอกใครได้เพราะอาจรบกวนการสืบสวนที่มี FBI เข้าร่วมด้วย ถ้ามีใครรู้เข้า คุณโบว์ก็เสี่ยงที่จะถูกจำคุก ถูกปรับ หรือส่งตัวกลับ
.
คุณโบว์ กล่าวว่า “สแกมเมอร์ใช้ความกลัวเล่นงานฉัน หลังจากทำงานหนักเพื่อการศึกษาและชีวิตที่ดีขึ้นตั้งแต่ย้ายมาอยู่ในสหรัฐฯ เมื่อ 10 ปีก่อน และฉันกลัวว่าจะถูกส่งกลับบ้านและสูญเสียสถานะของตัวเอง พวกสแกมเมอร์ยังแกล้งหลอกว่ามีคนที่ถูกฆ่าโดยกลุ่มอาชญากรรมพวกนั้นด้วย ทุกครั้งที่อออกจากอพาร์ตเมนต์เพื่อไปทำงานหรือซื้อของชำกลายเป็นเรื่องน่ากลัวทันที ฉันคิดว่ามีคนกำลังตามล่าฉันจริงๆ และทุกขณะอะไรก็อาจเกิดขึ้นได้”
.
แม้จะมีหลายครั้งที่สงสัยว่าตัวเองกำลังถูกหลอก และได้รับข้อความทาง LINE จากสถานกงสุลไทยในแอลเอเตือนเกี่ยวกับพวกหลอกลวงที่แอบอ้างเป็นตำรวจไทย แต่พวกสแกมเมอร์ก็ทำให้คุณโบว์เชื่อได้ว่าข้อความเตือนนั้นถูกส่งมาโดยอาชญากรเพื่อไม่ให้คุณโบว์ปฏิบัติตามการสืบสวน
.
“จากการถูกข่มขู่ ความหวาดระแวง ความเครียด และการอดนอน ฉันพบว่าตัวเองเชื่อทุกคำที่พวกเขาพูดเลย” คุณโบว์แชร์กับ Business Insider
.
[ กว่าจะได้โดนหลอกให้โอนเงินครั้งแรก สแกมเมอร์ใช้เวลาถึง 11 วัน ]
.
11 วัน หลังจากการติดต่อกันครั้งแรก เมื่อวันที่ 3 เมษายน คุณโบว์ได้โอนเงิน 81,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,750,000 บาท) ซึ่งเป็นเงินเก็บแทบทั้งหมดที่มีไปให้สแกมเมอร์
.
สแกมเมอร์ค่อยๆ ป้อนข้อมูล ต้อนให้กลัว ทำให้เชื่อใจ ใช้เวลาหลายวันก่อนที่จะเริ่มให้โอนเงิน
.
ตอนนั้นคุณโบว์ถูกกล่าวหาว่าเปิดบัญชีม้าให้กับกลุ่มอาชญากรรม เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ คุณโบว์ต้องโอนเงินไปที่ธนาคารแห่งหนึ่งในฮ่องกงเพื่อให้เจ้าหน้าที่ฮ่องกงที่เชี่ยวชาญด้านการฟอกเงินตรวจสอบ
.
ตอนนั้นสแกมเมอร์ก็ไม่ได้ขู่เข็ญจนน่ากลัว เพราะในตอนนั้นเหล่าสแกมเมอร์ยังแนะนำคุณโบว์ว่าเธอสามารถสำรองเงินไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค่าเช่าได้
.
สองสามวันต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจปลอมก็บอกกับคุณโบว์ว่าเงินของเธอผ่านการตรวจสอบแล้ว แต่ศาลจะต้องตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดอีกครั้ง และคุณโบว์จำเป็นต้องไปให้การที่ศาลที่ประเทศไทยเพื่อเข้าสู่กระบวนการตัดสิน ซึ่งการเดินทางไปศาลที่ไทยตอนนี้มีความเสี่ยง และเตือนคุณโบว์ว่ามีคนถูกลอบสังหารระหว่างการเดินทาง เพื่อความปลอดภัยคุณโบว์สามารถให้คนอื่นไปแทนได้
.
ด้วยความเป็นห่วงและไม่อยากให้ใครในครอบครัวตกอยู่ในความเสี่ยง คุณโบว์จึงขอให้เจ้าหน้าที่เป็นตัวแทนของไปให้การที่ศาล เจ้าหน้าที่ปลอมคนนั้นแกล้งทำเป็นบอกว่าต้องใช้เวลาเพื่อตัดสินใจ และใช้เวลาเป็นวันในการตอบกลับมาว่าจะไปให้ แต่คุณโบว์ต้องส่งเงินค้ำประกันมาให้เขาก่อน
.
คุณโบว์ที่ไม่มีเงินเหลืออีกแล้วจึงโกหกครอบครัวไปว่าตัวเองกำลังสมัครเรียนปริญญาเอกและต้องแสดงให้ทางมหาวิทยาลัยเห็นว่ามีเงินในบัญชีธนาคาร 200,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 6,800,000 บาท) เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการตอบรับ
.
ครอบครัวของคุณโบว์ให้คุณค่ากับการศึกษามาก และส่งเงินจำนวนนั้นให้โดยไม่ถามอะไรมาก เงินส่วนใหญ่มาจากเงินเกษียณของป้าคุณโบว์ และสุดท้ายคุณโบว์ก็โอนเงิน 150,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 5,100,000 บาท) ให้ "เจ้าหน้าที่ ที่จะไปให้การแทน" สองก้อน ก้อนแรก 100,000 ดอลลาร์และจากนั้นอีก 50,000 ดอลลาร์
.
[ คำเตือนจาก Bank of America ]
.
หลังจากเริ่มทำธุรกรรมก้อนใหญ่ ก็มีคนจากแผนกป้องกันการฉ้อโกงของธนาคาร Bank of America โทรหาคุณโบว์ เจ้าหน้าที่ตัวจริงถามคุณโบว์ว่าเงินนี้โอนไปเพื่ออะไร และแจ้งข้อมูลให้คุณโบว์ทราบเกี่ยวกับการหลอกลวงแบบการหลอกให้ลงทุน (Investment Pig Butchering Scam) และการหลอกลวงทางความรัก (Love Scam)
.
เมื่อได้ทราบข้อมูล คุณโบว์ก็ยังไม่ได้ตระหนักถึงความเสี่ยง เพราะทั้งสองอย่างดูไม่ได้คล้ายกับสิ่งที่เธอเผชิญอยู่จึงไม่คิดว่าตัวเองกำลังถูกหลอก คุณโบว์โกหกเจ้าหน้าที่และบอกว่าเงินนี้โอนไปให้ลูกพี่ลูกน้องที่ป่วยในฮ่องกง
.
ในอีกวันสองวันถัดมา คุณโบว์พยายามโอนเงินเพิ่มอีก 50,000 ดอลลาร์ แผนกป้องกันการฉ้อโกงของธนาคารโทรมาอีกครั้ง ถามคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำรายการที่ผ่านมา และปลายทางที่มันถูกส่งไป
.
ธนาคารระงับการทำรายการ 50,000 ดอลลาร์ไว้ และบอกให้คุณโบว์เดินทางไปที่สาขาในท้องถิ่น คุณโบว์ได้ติดต่อไปที่สแกมเมอร์ พวกเขาก็สั่งให้คุณโบว์แสดงท่าทางหงุดหงิด และบอกว่าลูกพี่ลูกน้องต้องการเงินสำหรับการผ่าตัดสมอง ทำให้ธุรกรรมการโอนเงิน 50,000 ดอลลาร์ได้รับการอนุมัติในที่สุด
.
เรื่องราวของหญิงสาวที่ถูกแฟนหนุ่มไล่ให้มาเข้าวงการหนัง A ..
เมื่อนักแสดงหนังผู้ใหญ่ชาวไต้หวันเผยว่า จุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอตัดสินใจเข้าวงการ A ...
เป็นเพราะแฟนหนุ่มสนองความต้องการไม่ไหวจนถึงขั้นเอ่ยปากไล่ให้มาเข้าวงการ
นักแสดงสาวชาวไต้หวันที่เรากำลังจะกล่าวถึงในบทความนี้มีชื่อว่า อีฝูเตี๋ย
อิผู่เตี้ยเป็นนักแสดงหนังผู้ใหญ่ในวงการบันเทิงไต้หวัน เธอเข้าวงการตั้งแต่ อายุ 26 และปัจจุบันอายุของเธอคือ 29 หรือก็คือเธออยู่ในวงการมาแล้ว 3 ปี นั่นเอง
ที่มาที่ไปของเรื่องราวนี้คือ เมื่อไม่นานมานี้อีฝูเตี๋ยได้ไปออกรายการทีวีทาง ช่อง TVBS ของไต้หวัน รายการดังกล่าวเป็นแนววาไรตี้พูดคุยสบาย ๆ กับ พิธีกรและแขกรับเชิญคนอื่น ๆ
หนึ่งในเนื้อหาที่กลายเป็นจุดสนใจคือคำถามของพิธีกรที่ถามอีฝูเตี๋ยเกี่ยวกับจุดเริ่มต้น หรือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอตัดสินใจเข้าวงการหนังผู้ใหญ่
อีฝูเตี๋ยได้ตอบกลับคำถามนี้อย่างตรงไปตรงมาว่า
ในอดีตเธอเคยมีแฟนหนุ่มที่เธอรักมาก ความสัมพันธ์ของเธอกับแฟนหนุ่มเป็นไปได้ด้วยดี มีหลายเรื่องที่เข้ากันได้ แต่ก็มีบางเรื่องที่เข้ากันไม่ได้ และเรื่องที่เข้ากันไม่ได้คือเรื่องบนเตียง
อีฝูเตี๋ยเผยว่า ตัวเธอเป็นคนที่มีความต้องการทางเพศสูงมาก เธอมีความต้องการที่จะทำเรื่องอย่างว่ากับแฟนทุกวัน วันละหลายครั้ง
แรก ๆ แฟนของอีฝูเตี๋ยก็ตอบสนองความต้องการของอีฝูเตี๋ยได้เป็นอย่างดี แต่พอนานเข้าแฟนของอีฝูเตี้ยก็เริ่มตอบสนองความต้องการได้ไม่เหมือนเดิม
สุดท้ายทั้งสองก็ทะเลาะกันใหญ่โตเพราะเรื่องนี้ และแฟนของอีฝูเตี๋ยก็พลั้งปากพูดออกมาว่า "ถ้าจะต้องการมากขนาดนี้ก็ไปหาแฟนใหม่ หรือไม่ก็ไปเข้าวงการหนังผู้ใหญ่เถอะ"
แน่นอนว่าอีฝูเตี๋ยเสียใจกับคำพูดแฟนมาก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เก็บเอาคำพูดเหล่านี้มาคิดแบบจริงจังโดยวางทุกอคติลง และผลที่ตามมาก็คือ อีฝูเตี๋ย ตัดสินใจแอบทดลองเข้าสู่วงการหนังผู้ใหญ่
ช่วงแรกที่เข้าวงการอีผู่เตี้ยยังไม่เลิกกับแฟน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่บอก แฟนว่าได้เริ่มเข้าวงการแล้วนะ
อีผู้เตี้ยรับงานถ่ายหนังในตอนเช้า และกลับบ้านในตอนเย็นเหมือนกับคนทำงานทั่วไป แต่พอผ่านไปสักระยะงานของอีฝูเตี๋ยเริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จน ทำให้ไม่สามารถกลับบ้านตรงเวลาได้ทุกวัน
ทำให้สุดท้ายอีฝูเตี๋ยกับแฟนทะเลาะกันเรื่องไม่มีเวลาให้กันและกัน และตัดสินใจเลิกกันในที่สุด
อีฝูเตี๋ยทิ้งท้ายว่า ตอนเลิกกันแฟนหนุ่มที่ตอนนี้เป็นอดีตไปแล้วไม่รู้ว่าเธอเข้าวงการตามที่เขาบอกจริง ๆ แต่ตอนนี้เธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาจะรู้หรือยังว่าเธอเข้าวงการตามที่เขาบอก (ประชด) เรียบร้อยแล้วนะ
ส่วนใครอยากรู้จักอีฝูเตี๋ยมากขึ้น ผมจะทิ้งลิงค์อินสตาแกรมของเธอไว้ใต้บทความนะ
#มิตรฯ
ชายคนหนึ่งเรียนมหาวิทยาลัยไม่จบ พ่อแม่ก็เลยจัดการหาภรรยาให้
เมื่อแต่งงานแล้วเขาก็สมัครเป็นครูสอนหนังสือในโรงเรียนประถมใกล้บ้าน
เพราะไม่มีประสบการณ์การสอน
สอนได้ไม่ถึงอาทิตย์เขาก็ถูกโห่ไล่จากเด็กนักเรียน
เมื่อกลับถึงบ้าน ภรรยาปลอบใจเขาว่า
“แม้เราจะมีภูมิอยู่เต็มท้อง บางคนเอาออกเป็น
บางคนเอาออกไม่เป็น อย่าได้โศกเศร้าเสียใจให้มากไป
อาจมีงานที่เหมาะสมกว่านี้รอคุณอยู่”
ต่อมาเขาไปทำงานรับจ้าง ก็ถูกเถ้าแก่ไล่กลับบ้าน
เพราะเขาทำอะไรช้ายืดยาด
ครั้งนี้ภรรยาของเขาปลอบใจเขาว่า
“คนเรามือไม้ช้าเร็วต่างกัน คนอื่นเขาทำมาเป็นสิบๆปี
คุณเรียนหนังสือมาตลอด จะให้ทำเร็วเหมือนคนอื่นได้ยังไง!”
เขาไปทำงานอีกหลายอย่าง แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกัน มักจะเลิกล้มกลางคันอยู่เสมอ
ทุกครั้งที่เป็นเช่นนี้ ภรรยาก็จะคอยปลอบใจไม่เคยตำหนิหรือว่ากล่าวอะไรไลย
ตอนที่เขาอายุได้30กว่าปี ด้วยความสามารถด้านภาษา
เขาเลยสมัครเป็นครูผู้ช่วยในโรงเรียนโสตศึกษา
ต่อมาเมื่อมีประสบการณ์การสอน เขาก็ออกมาเปิดโรงเรียนโสตศึกษาของตัวเอง
จากนั้นเขาก็ได้เปิดร้านขายผลิตภัณฑ์จากผู้พิการหลายแห่งในเมืองต่างๆ
จากชายผู้ไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ตอนนี้เขากลายเป็นเศรษฐีย่อมๆเสียแล้ว
อยู่มาวันหนึ่ง เขาได้ถามภรรยาของเขาว่า ........
“แม้แต่ตัวผมยังรู้สึกอับจนไร้หนทาง เพราะอะไรคุณจึงมั่นใจในตัวผม!”
ภรรยาของเขาตอบว่า ............
“ดินดี แต่หากไม่เหมาะกับการปลูกข้าวบาร์เลย์
ก็ลองปลูกถั่ว หากไม่เหมาะกับการปลูกถั่ว ก็ลองปลูกแตง
หากไม่เหมาะกับการปลูกแตง ก็ลองปลูกดอกไม้ฯ
จะต้องมีเมล็ดพันธุ์อย่างหนึ่งที่เหมาะกับดินชนิดนี้
เมื่อได้เมล็ดพันธุ์ที่เหมาะกับมัน ก็ย่อมเจริญงอกงามได้ผลเก็บเกี่ยวเต็มที่ ”
เมื่อฟังภรรยาพูดจบ เขาถึงกับหลั่งน้ำตา ...
“ขอบคุณความรักความอดทนและความเชื่อมั่นที่คุณมีต่อผม
คุณคือเมล็ดพันธุ์ที่ทรงพลัง แข็งแกร่ง และทรหดอดทนมาก ”
โลกใบนี้ ไม่มีใครที่ไร้ประโยชน์ เพียงแต่มันผิดที่ผิดทางก็เท่านั้น
คนที่ไม่รู้จักถนอมรักษา ต่อให้อยู่บนภูเขาเงิน ภูเขาทอง เขาก็ไม่มีความสุข
คนที่ไม่รู้จักให้อภัย ใจกว้าง ต่อให้ผูกมิตรสหายไว้มากมาย สุดท้ายก็หลีกลี้หนีหาย
คนที่ไม่รู้จักสำนึกคุณ ต่อให้ยอดเยี่ยมมากความสามารถอย่างไร ก็ยากประสบความสำเร็จ
คนที่ไม่รู้ลงมือกระทำ ต่อให้ฉลาดปราดเปรื่องอย่างไร ความฝันก็ไม่อาจสำเร็จเป็นจริง
คนที่ไม่รู้จักให้ความร่วมมือ ต่อให้สู้จนสุดชีวิต ก็ยากที่จะสำเร็จสู่ความยิ่งใหญ่
คนที่ไม่รู้จักเก็บออม ต่อให้มีเงินทองมากมายก็ไม่อาจเป็นเศรษฐี
คนที่ไม่รู้จักพอ ต่อให้ร่ำรวยปานใด ก็ยากที่จะมีความผาสุก
คนที่ไม่รู้จักดูแลร่างกาย ต่อให้มียาดีมากมาย ก็ยากที่จะอายุยืน
และที่สำคัญ
อย่ากลัวว่าเรียนยาก ......ที่กลัวคือไม่อยากเรียน
อย่ากลัวสายตาของคนอื่น...... ที่กลัวคือตัวเองไม่รักดี
อย่ากลัวไม่มีเงิน ......ที่กลัวคือมีแล้วไม่รู้จักใช้กลายเป็นทาสของเงินต่างหาก
จงใช้สตางค์อย่างมีสติ อย่าสิ้นสติเพราะสตางค์!
Why Thailand is THRIVING And Myanmar Is DYING
Well politics is the main reason. You have a soft dictatorship on Thailand and a full blown military junta in Burma.
#anonymous1
that's true. Most foreign investors who invests in Thailand probably understand by now, that even though there're regular coup, every decade or so, but the Military never interfere with Businesses, they only care about their own power and the Monarch. Myanmar's junta on the other hand is as oppressive as they come. As we can see. The country's on complete shut-down as they continue to mass deleting their own people.
#anonymous2
ส่วนมากพวกเชียร์รัสเซีย ชื่อแอคเคาท์จะแปลกๆ พิมพ์ไทยไม่ถูกสะกดแปลกๆ ไม่งั้นชื่อจะเป็นภาษาอารบิกรูปโปรไฟล์เป็นธงปาเลสไตน์ เกลียดอเมริกามึงเลิกใช้ยูทูปก่อนเลย เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ เลิกให้หมด เลิกขอความเห็นใจขออพยพไปอเมริกาด้วย ขอไปรัสเซียแทน พอๆกับสลิ่มอวยจีนเกลียดอเมริกา แต่ชุดที่มึงออกทีวีช่องสลิ่ม หมวกไนกี้ เสื้อไนกี้ โทรศัพท์ไอโฟน รองเท้าคอนเวิร์ส
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ของก็อปผลิตในจีนทั้งนั้น
#มิตรสหายท่านสอง
อยากรู้จริงๆ ว่ามหาวิทยาลัยต้นสังกัดจะจัดการอย่างไรกับนักวิชาการที่ผลิตเปเปอร์ขยะและแสดงพฤติกรรมขู่กรรโชกผู้อื่น
อีกอย่างหนึ่ง เราควร list รายชื่อนักวิชาการที่ออกมาสนับสนุนพฤติกรรมของนักวิชาการจำพวกแรกด้วย เพราะคนที่สนับสนุนของปลอม ก็มักจะมีอะไรปลอมเหมือนกัน และควรได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดเช่นกัน
ที่แน่ๆ คือรายชื่อใน blacklist ของผมเพิ่มขึ้นพอสมควรเลย ซึ่งหลายคนผมได้กลิ่นตุๆ มานานแล้ว วันนี้ชัดเจนเสียที
Like many of you, I watched the debate tonight. If you haven’t already, now is a great time to do your research on the issues at hand and the stances these candidates take on the topics that matter to you the most. As a voter, I make sure to watch and read everything I can about their proposed policies and plans for this country.
Recently I was made aware that AI of ‘me’ falsely endorsing Donald Trump’s presidential run was posted to his site. It really conjured up my fears around AI, and the dangers of spreading misinformation. It brought me to the conclusion that I need to be very transparent about my actual plans for this election as a voter. The simplest way to combat misinformation is with the truth.
I will be casting my vote for Kamala Harris and Tim Walz in the 2024 Presidential Election. I’m voting for @kamalaharris because she fights for the rights and causes I believe need a warrior to champion them. I think she is a steady-handed, gifted leader and I believe we can accomplish so much more in this country if we are led by calm and not chaos. I was so heartened and impressed by her selection of running mate @timwalz, who has been standing up for LGBTQ+ rights, IVF, and a woman’s right to her own body for decades.
I’ve done my research, and I’ve made my choice. Your research is all yours to do, and the choice is yours to make. I also want to say, especially to first time voters: Remember that in order to vote, you have to be registered! I also find it’s much easier to vote early. I’ll link where to register and find early voting dates and info in my story.
With love and hope,
Childless Cat Lady
แข่งขันใช้เงินซื้อโหวตหาคนไปญี่ปุ่นอีกแล้ว
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถึงไม่ได้รางวัล กูเห็นไปเที่ยวนอกกันฉ่ำๆ ทุกคน
#มิตรสหายท่านสอง
คนโหวตไม่บ่น คนบ่นไม่โหวต
#มิตรสหายท่านสาม
กูอยากด่าเฉยๆ หนักหัวพ่อมึงไหม ไอ้เหี้ย
มึงก็ไม่เคยโหวต อวยหลังประกาศผลตลอด กูรู้นะ ไอ้สัส
เหลือโซเชี่ยลอันนี้อันเดียวที่มึงไม่ได้บล็อกกู
มาเจอกันหน่อยไหม อยากรู้ว่าตัวจริงเก่งเหมือนตอนพิมพ์หรือเปล่า
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ออกจากกลุ่ม"
#มิตรสหายท่านสาม
ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงมานานหลายสิบปีแล้ว สำหรับนางร้ายคนดัง โม อมีนา ล่าสุดได้เปิดใจแบบหมดเปลือกในรายการ ขมคอ Story Podcast โดยในบางช่วงบางตอน เจ้าตัวได้เล่าถึงวิธีการเล่นบทเลิฟซีนของตัวเอง บอกว่า จะเป็นคนเล่นจริง จูบจริง และถอดจริง
เวลาเล่นละครบทเลิฟซีน จะเป็นคนเล่นจริง และเป็นคนรำคาญการใส่ซัพพอร์ต เวลาเล่นเลิฟซีนเลยจะไม่ใส่อะไรเลย แปะแค่หัวนมเท่านั้น และด้วยคาแรกเตอร์ ก็จะคุยกับนักแสดงที่เล่นกับเราบอกว่า เดี๋ยวเราจะจัดการเอง ให้เล่นตามเรานะ
เราก็จะใช้วิธีการดึงเข้าดึงออก เราเป็นคนคุมเกม มันง่ายกว่า ซึ่งเรารู้จังหวะ อย่างเวลาเล่นบทจูบก็จูบจริง แต่ไม่ได้ถึงกับเอาลิ้นเข้าไป ถ้าเวลาไซร้คอก็ทำจริงเหมือนกัน
นอกจากนี้ โม ยังได้เปิดเผยถึงการทำงาน ว่าทำไมเมื่อก่อนดาราช่อง 7 ถึงรวยกันทุกคน บอกว่า
เมื่อก่อนถ่ายละคร 24 ชม. ดาราช่อง 7 ทำงานหนักมาก เลิกกองตี 3 นัดกองใหม่ 11 โมง กลับบ้าน อาบน้ำ นอน และกลับไปกองใหม่ วนเวียนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เป็นเหตุให้ดาราช่อง 7 สมัยก่อนมีเงินเยอะมาก ซื้อบ้านซื้อรถ เพราะว่าละครมีหลายตอน และอยู่กินนอนในกองถ่าย
ทุกวันนี้ ละครมีเพียง 12-15 ตอนเท่านั้น และเราจะรู้จำนวนเงินว่าแต่ละตอนเราจะได้เงินเท่าไร แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อน “พวกฉันรวยเละ” เพราะถ่ายละครเรื่องหนึ่งไม่ต่ำกว่า 30-40 ตอน
ตนเองอยู่ในวงการบันเทิงมา 15 ปี 7-8 ปีแรกได้เงินมาแบบนี้ตลอด แล้วไม่ได้ใช้เงินด้วย เพราะกินข้าวกอง อยู่แต่กองถ่าย แล้วช่อง 7 ชอบถ่ายแต่โลเคชั่นนอกกรุงเทพฯ ใกล้ที่สุดคือ ปทุมธานี ศาลายา สามโคก เลยไม่ได้ใช้เงินเลย เพิ่งมาได้ใช้เงินเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง
#โมอมีนา #dara7_photo
ขนาดเขาจ้างไปรีวิวโรงแรมยังเอาใบไม้มาบัง เอาแก้วมาบัง หลบหลังเคาเตอร์
ตัดไปตัดมาโคตรเร็วยังกับ Jason Bourne แม่งตอแหลตลกแดกทั้งพี่ทั้งน้อง
#อดีตแฟนคลับท่านหนึ่ง
ไม่ขายเซ็กซี่ค่ะ อย่ามารุงรัง
#อดีตศิลปินท่านหนึ่ง
ในไอจีกูเห็นมึงโชว์นมเบิ้มๆ แทบทุกรูป โชว์ขนาดนี้ยังไม่มีงาน สมเพช
#อดีตแฟนคลับท่านเดิม
กูเข้ามาครั้งสุดท้ายวันที่ 10 กันยา เว้นไป 2 วัน
วันนี้ 13 กันยา เข้ามาใหม่ ขึ้นว่าคอมเมนต์กูเป็นสแปม
พ่อมึงตายเถอะ อีตุ๊ด
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ปิดเม้นเลยต้องมาถามนี่คือจะถามว่าถ้าอวยอ้นกับการช่วยชาวบ้านขนาดนี้ทำไมเวลาพระราชวงศ์พระองค์อื่นทำถึงด่าล่ะวะช่วยแฟร์กับเจ้าบ้างอย่าสองมาตรฐาน
#มิตรฯ
น้ำท่วมดีกว่าฝนแล้ง พ่อมึงสิ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไปอีกหนึ่ง ที่ผ่านมาไปตั้งหลายคนแล้ว ทำไม "ปัญญาอ่อน ไอ้สัส" ไม่ไปซักที เห็นบ่นแต่เรื่องอยากมีชีวิตอิสระ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คนไทยห้ามด่าพ่อ ล่อแม่
ส่วนต่างประเทศ ห้ามล้อนิกก้า
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เรียนไปก็ไร้ค่า ตายห่าก็ลืมหมด
#ศัครูอาฆาตท่านนีง
เช้านี้มีโอกาสได้ฟังรายการที่มีชื่อว่า How other countries can learn from Singapore AI roadmap ฟังดูแล้วเทียบกับของประเทศไทย ต้องบอกว่าต่างกันมากครับ
1. Singapore รู้ตัวเองว่าเป็นประเทศเล็ก ๆ จึงไม่สามารถแข่งในด้านปริมาณ (scale) กับประเทศใหญ่ เช่น จีนและสหรัฐ ได้ รัฐบาลจึงลงทุนในการพัฒนาคุณภาพของทั้งคนและ AI ให้มีคุณภาพสูง เพื่อที่จะแข่งขันได้ในเวทีโลก ผมยังไม่เคยเห็นวิธีการคิดแบบนี้จากผู้บริหารองค์กรที่เกี่ยวข้องจากฝั่งไทย
2. Singapore ให้ความสำคัญกับ talents และการพัฒนา talents มากครับ talents ของเขาในที่นี้หมายถึง talents ระดับโลก ไม่ใช่แค่ภายในประเทศเหมือนประเทศไทยนะครับ เพราะเขาเน้นที่การแข่งขันระดับโลก
3. Singapore ไม่ได้แยก AI ออกจาก computer science เขารู้ว่าการพัฒนาคนทางด้าน AI ต้องมีความรู้ทาง computer science ที่แข็งแกร่งครับ ต่างจากประเทศไทย ที่ละเลย computer science ไปเลย พูดถึงแต่ AI อย่างเดียว เอาเข้าจริง การจะเก่ง computer science ได้ ก็ต้องเก่ง mathematics ด้วย ซึ่งก็ถูกละเลยเหมือนกันครับ
4. Singapore มีผู้บริหารประเทศที่มีวิสัยทัศน์ และต้องการผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ไม่ใช่แค่ KPI ที่อยู่บนกระดาษ เพราะนั่นคือ ความอยู่รอดของประเทศชาติของเขาครับ #my2cents
Picture credit: Fortune Magazine
software engineer ที่ไทยเงินเดือน 70,000 ถึง 200,000 บาท
software engineer ที่สหรัฐอเมริกา เด็กจบใหม่เริ่มต้นที่ 100,000$ ถ้าระดับ senior 500,000$ - 600,000$
แล้วมึงรู้ไหมว่า software engineer คืออะไร ?
ไม่รู้... กูดู youtube แล้วกูอยากเป็น กูอยากไปอยูอเมริกา
ฝรั่งขี้นกคนนึงมาเที่ยวไทย พกเงินมาแค่ 3000$ มาอยู่เดือนนึง กินอยู่อย่างราชา
แต่เงินจำนวนนี้ถ้าไปอยู่บ้านมัน คุณภาพชีวิตคือบัดซบเลยนะ (พวกลูกหลาน elite ที่ไปชุบตัวเมืองนอกเล่าให้ฟัง)
แล้วการจะได้เงินขนาดนั้น กูว่าอย่างต่ำน่าจะจบ ป.โท แล้วจบนอกด้วย (หันมาดูมึง เกรดเฉลี่ย 1.8 วิชาอังกฤษเกรด 0 สามเทอมรวด)
ไหนจะภาษี ค่าครองชีพ อะไรอีกที่เขาไม่ได้บอกมึง ไม่งั้นฝรั่งหลายต่อหลายคนไม่มีแผนจะย้ายออกนอกประเทศหลังเกษียณหรอก
มึงไปหาผัวฝรั่งเถอะ แต่ได้ข่าวว่าตอนมึงไปเที่ยวสงกรานต์ที่พัทยา ไม่มีใครมาทักมึงเลยนะ
เพื่อนมึงคนอื่นยังมีคนทัก มีคนถาม how much ? ส่วนมึงเงียบกริบ ไม่ใช่มึงไม่เหมือนกะหรี่นะ มึงเหมือน แต่ไม่มีคนซื้อมึง
พวก youtube อย่าไปเชื่อมาก บางคนเหมือนจะถ่อมตัวแต่พอฟังแล้วมึงอวดชัดๆ
มันหา content ให้คนแบบมึงไปเพิ่มยอดวิวให้มันไง มีคนดูคลิปมันมันก็ได้เงิน พอๆกับอีพวกกระเสือกกระสนหาทางไปนอก
พอไปอยู่แล้วโพสต์อยากกลับบ้าน ไม่มีที่ไหนดีเท่าบ้านเรา แต่รูปที่มันลงคืออวดคุณภาพชีวิตแบบสัสๆเลยนะ
ไม่ดีทำไมไม่กลับมาล่ะ อีเหี้ย จะอยู่ต่อหาพ่อหาแม่มึงเหรอ แค่นี้ก็เห็นแล้ว พวกที่ไปอยู่โน่นสันดานคล้ายๆกันหมด
แต่สุดท้ายข้อความพวกนี้ก็เก็บไว้ในใจ ไม่กล้าบอกมึงจริงๆว่ะ ถึงมึงมาอ่านมึงก็ไม่รู้หรอกว่าคนในข้อความนี้หมายถึงใคร
ได้แต่พูดว่า "สู้ๆนะ อีหญิง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
การออกมาบอกว่า นี่แหละที่ชั้นต้องการ ต้องการให้สังคมเกิดความสงสัยและทำให้ถกกันเรื่องเงิน .. หลังจากที่มีนักเศรษฐศาสตร์และนักบัญชีหลายคนออกมาอธิบายว่า เงินสดไม่ใช่หนี้ และหนี้ไม่ใช่รายได้
มันดูเหมือนคำแก้ตัว ถ้าคุณรู้ว่าเงินไม่ใช่หนี้ และหนี้ไม่ใช่รายได้ แต่ตั้งใจพูดออกมาแบบผิดๆ เพราะอยากให้คุณเองกลายเป็นกระแส แล้วให้สังคมมาถกกัน แปลว่า
- คุณกำลังหลอกลวงสังคมอยู่ เพื่อหวังผล โดยไม่สนใจว่าคำเท็จนั้นอาจทำให้หลายคนหลงเชื่อและเข้าใจผิดว่า เงินสดคือหนี้ และหนี้คือรายได้ และใช้ชีวิตแบบผิดๆ จนสร้างปัญหาสังคม
- คุณไม่มี accountability เพียงพอ ที่จะออกมาขอโทษสังคมที่สร้างความเข้าใจผิดๆ ทั้งที่ความเข้าใจผิดนี้อาจทำให้คนเร่งก่อหนี้เพราะคิดว่ามันเป็นรายได้ และไม่รู้จักเก็บออมเพราะเชื่อว่ามันเป็นหนี้
ยิ่งเมื่อได้อ่าน comment ของโพสต์เมื่อวาน และที่เขียนๆ กันหลายคน มันสะท้อนว่าหลายคนเชื่อว่าคนพูดนั้นกล่าวถูกต้อง และคำอธิบายของคนที่เชื่อแสดงให้เห็นว่าคนในสังคมมี financial literacy ต่ำ ประมาณยังแยกไม่ออกว่า
1. ธนาคารกลางกับรัฐบาล ไม่ใช่องค์กรเดียวกัน บัญชีของคลัง และบัญชีของธนาคารกลาง มันไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ไม่ใช่กระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวาของกางเกงตัวเดียวกัน แต่มันคือกระเป๋าที่อยู่กันคนละกางเกง
2. เงินสด คือ cash ต่างจาก เงินฝาก คือ deposits/savings
3. Reserve requirement เป็นสัดส่วนเงินฝากที่ธนาคารไม่สามารถเอาไปใช้ปล่อยสินเชื่อหรือลงทุนต่อได้ แตกต่างจากเงิน international reserve ของธนาคารกลาง และมันไม่เกี่ยวข้องกัน
4. ปริมาณเงินในระบบ ไม่เท่ากับปริมาณเงินสด แต่มันรวมถึงเงินฝากในธนาคารด้วย เพราะฉะนั้น (อีกครั้งนะคะ) เงินสดไม่ใช่เงินฝาก
5. เงินฝากของคุณ คือ หนี้ของธนาคาร … แต่คุณไม่ใช่ธนาคาร เพราะฉะนั้น เงินฝากไม่ใช่หนี้ของคุณ
6. เงินสดในกระเป๋าคุณ คนที่จะเอาออกมาใช้ได้ คือคุณ เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่หนี้ของคุณ และคุณไม่ใช่ทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ … แต่ถ้าเมื่อไหร่เงินสดในกระเป๋าของคุณมาจากการหยิบยืมจากคนอื่น นั่นแหละค่ะ เงินสดในกระเป๋าคุณ ถึงจะเป็น “หนี้”
7. เงินฝากของคุณไม่ใช่แค่ตัวเลข เพราะถ้ามันเป็นแค่ตัวเลข เวลาคุณไปถอนเงินคุณจะได้ตัวเลข ไม่ใช่ธนบัตรและเหรียญค่ะ
8. การหมุนของเงินในระบบที่ทำให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจเติบโตขึ้น ไม่ได้เกิดจากการบริโภคเพียงอย่างเดียว ยังต้องอาศัยสินเชื่อและการลงทุนค่ะ ส่วนหมุนยังไงนั้น คงต้องเปิดคลาส money and banking 101 เพราะมันจะยาวววว
9. สุดท้าย คือ คริปโต เงินดิจิตอล ต่างจากเงินสดและเงินฝากค่ะ เพราะเงินสดเป็น asset-backed money ออกเพิ่มเองไม่ได้ ใครลองออกเงินสดดูค่ะ ไม่ว่าอยู่ในประเทศไหนก็คุก แต่คริปโตกับเงินดิจิตอลไม่จำเป็นต้องมีอะไรมาค้ำประกันมูลค่าและปริมาณ เพราะมันเกิดมาจาก protocol (programming rule)
Cash is opportunities
#มิตร
Gimme ya cash
Cash is Survivor
โลกนี้อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีเงิน
ไม่มีเงินก็ไร้ค่า
#โม่งพลังในเงามืด
Money sucks as a concept in general man This is the World we livein :/
#ผู้พัฒนาเกมท่านนีง
อีกไม่กี่ปีจะ 30 กันแล้ว หลังจากถูกปิดกั้นมานาน
เขาอยากได้กล้วย พวกหากินอย่างอื่นไม่เป็น
จัดแต่งานไถตังค์แฟนคลับ จะหากินกับแนวตีฉิ่งต่อก็ทำไปดิ
#มิตรฯ
กูชอบติ่งเบียวๆนะ มันเรียกตีนง่ายดี
พวกที่ชอบติดยศให้ศิลปิน องค์หญิง องค์ชาย ฝ่าบาทเพคะ ทรงงานหนัก
99% จะเป็นพวกไม่รู้จักกาลเทศะ เล่นพร่ำเพรื่อ เล่นไม่ดูตาม้าตาเรือ
ครั้งนึงเสือกเอาไปเทียบกับตัวจริงเสียงจริง ทรงงานหนักมากกว่า
เจอพวกติ่งสมองน้อยเหมือนกันรุมด่า อย่างฮา
ถ้าติ่งปกติเป็นบัวใต้ตม พวกติ่งเบียวนี่น่าจะเป็นบัวเต่าถุย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เคยอ่านบทความสมัยก่อนว่าเก็บมือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงจะทำให้มีโอกาสเป็นหมันได้
เชื่ยแม่งเรื่องจริง
ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนที่พิสูจน์ว่าใส่สมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกงจะทำให้เป็นหมันโดยตรง อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มาจากโทรศัพท์มือถือและความร้อนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งบางการศึกษาพบว่าการสัมผัสกับคลื่นความถี่วิทยุอาจมีผลต่อคุณภาพของสเปิร์มในระยะยาว หากโทรศัพท์มือถือถูกเก็บไว้ใกล้กับบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์เป็นเวลานาน แต่ผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่แน่ชัดและต้องการการวิจัยเพิ่มเติม
หากกังวล สามารถลดความเสี่ยงโดยหลีกเลี่ยงการเก็บโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงใกล้อวัยวะเพศเป็นเวลานาน
กุถาม chatgpt ให้ละ รีบๆ ปั๊มลูกก่อนที่จะเป็นหมันกันเถอะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะเราอาจสูญพันธุ์ได้ และเรามีความเห็นแก่ตัว ทำร้ายโลกนี้
โลกนี้เลยลงโทษเรา พระเจ้ามีไหมไม่รู้
แต่เราเกิดจากโลก เป็นสิ่งมีชีวิตคาร์บอน
ไม่ประสาทแดกก็ไม่ใช่มัมหมาอาหวังวงนี้สิครับ
#มิตรฯ 1
ศิลปินคนอื่นใส่ได้เพราะเขาเตรียมตัวมาอย่างดี ส่วนค่ายมึงด้นสดตั้งแต่ทีมงานยันศิลปิน
ศิลปินอื่นมีไลฟ์สดบอกด้วย "หนูใส่เซฟมา 4 ชั้น ไม่ต้องห่วง" แต่ก็ไม่วายมีพวก กู คื อ พ ร ะ เ อ ก
คอยติดสติ๊กเกอร์ให้ ลองไปดูคลิปของคนอื่นเห็นแต่กางเกงสีดำที่ยาวแล่บออกมาเกินชุดแสดง
#มิตรฯ 2
ถ้าตอนขายของมึงห่วงเหมือนตอนทวิตอวยเอายอดรี น้องมึงคงไม่ต้องมาหาแสงด้วยการแต่งวับๆแวมๆ
มึงไม่สังเกตุเหรอ ไม่ขายเซ็กซี่แต่ดูแต่งตัวแต่ละงาน เรียกพวกหื่นกามมาดูแล้วค่อยดัดจริตเอาผ้าขนหนูมาห่ม
#มิตร 3
มีใครจะโชว์ กู คื อ พ ร ะ เ อ ก ไหมครับ
#มิตร 4
คนนั้นออกจากกลุ่มตั้งแต่มีคนขอนัดเจอตัวตัวแล้วครับ ไปตามงานก็ไม่เจอ
#มิตร 5
คนนั้นไปตามวงอื่นแล้วครับ ผมตามหลายวงไปหลายงาน เคยเจอกันอยู่
#มิตร 6
ปรากฎการณ์ ‘ทะเยอทะยาน’ กลายเป็นคำในแง่ลบ และโดนโจมตีทางการเมือง จากหนังเรื่อง Taklee Genesis อันนี้เราว่ามันแอบมีเหตุผลอยู่เหมือนกัน
‘ทะเยอทะยาน’ ตามความหมายในราชบัณฑิตฯ เป็นกิริยา แปลว่า “อยากมีฐานะหรือภาวะสูงกว่าดีกว่าที่เป็นอยู่” หรือว่าง่าย ๆ คือ ต้องการความเปลี่ยนแปลงเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งมันเป็น Trigger ของฝ่ายอนุรักษณ์ที่ไม่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง เพราะมันส่งผลต่อความเชื่อ ความมั่งคั่งทางอำนาจ และฐานะของตัวเอง ซึ่งความเท่าเทียม การขยับชนชั้น และสวัสดิการที่ดีขึ้น คือผลพวงของความทะเยอทะยานทั้งสิ้น พอตัวหนังมีอุดมการณ์ทางการเมืองแฝงอยู่ มันยิ่งสอบรับกับกัน
การโจมตีคำนี้มันก็เปรียบเหมือน การทำลายคุณค่า และความงดงามในสังคม ปรักปรำคนที่พยายามสร้างสรรค์ ผลักดัน เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งให้ดีขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่า มันแทบจะเป็นแนวคิดหลัก หลังจากควบคุมประเทศได้เบ็ดเสร็จ ตั้งแต่การจ้องจะเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ ทั้งเหตุการณ์เดือนตุลาฯ คนเสื้อแดง การด้อยค่าผู้วายชน การเหยียบย่ำซากศพเหมือนสิ่งไร้ค่า และทำเหมือนทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นจริง
ตอนนี้มันกำลังเข้าสู่ขบวนการลบล้าง ลบจนกว่าจะลืม ซึ่งพวกมึงทำกันไปเถอะ ล้างให้ตายมันก็ไม่หายไปจากใจผู้คนหรอก
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ขึ้นเวทีเดียวกับ เบิร์ด ธงชัย ป้อม อัสนี-วสันต์ ให้ได้ก่อนเถอะค่อยมาคุย
ดารายุค 90 ที่ทยอยมาตอนนี้ แค่มาหากินกับชื่อเสียงเก่าๆ
บางคนคิดถึงแฟนคลับ คิดถึงวันเก่าๆ บางคนตกอับมาหาเงินก้อนสุดท้าย
ต้องขอบคุณโซเชี่ยลที่ทำให้เพลงเก่าๆ บางเพลงกลับมาดังใหม่
บางคนกลับมามีช่องทางทำกิน บางคนจุดกระแสไม่ติดตกอับเหมือนเดิม
#มิตรรักแฟนเพลง
เริ่มมีคนเปิดประเด็น "ของแพงไร้คุณภาพยังไงก็ขายได้แค่คุณดัง"
กลายเป็นว่าโลกยิ่งเปิดกว้างให้ข้อมูลหลั่งไหลมากเท่าไหร่ ข้อมูลอันเป็นเท็จ การโฆษณาชวนเชื่อ ดูเหมือนจะไหลแรงเกินกว่าความจริงไปเยอะ จนผู้คนเลือกจะตัดขาด 'สัญชาตญาน' ของตัวเอง แล้วเลือกมั่นใจในกระแสมากกว่า
เราว่าการสูญเสียสัญชาตญาน มันเป็นเรื่องใหญ่ไม่แพ้การสูญเสีย Self confidence เลย กลายเป็นว่า "คนไม่กล้ากิน สิ่งที่คนอื่นไม่กิน ไม่กล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ ไม่กล้าแม้จะยอมรับว่าชอบ ในสิ่งที่ตัวเองชอบ"
แต่เลือกที่จะมุ่งไปคว้างสิ่งของที่ทำแล้วถูกยอมรับแน่ๆ ไม่ว่าจะมาจากเซเลป หรืออินฟลูชื่อดังรีวิว ต่อให้มันจะโอเวอร์เรท หรือมีราคามันจะแพงอย่างผิดเพี้ยนแค่ไหนก็ตาม
สิ่งที่เราได้เห็นคือ ความมั่งคั่งที่กระจุกตัว การบริโภคต่ำในราคาที่สูงจนไม่หลงเหลือเงินหมุนเวียนกับสิ่งที่ถูกที่ควรตามธรรมชาติ คนตัวเล็กตัวน้อย สายป่านสั้นกุด ต่อให้ดีแค่ไหนก็ไม่มีโอกาสได้ลืมตาอ้าปาก ไม่ใช่แค่ในแวดวงอาหาร แต่เป็นกับทุกๆ สิ่ง แม้กระทั่งแวดวงศิลปะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
น่าจะมีคนบินไปในอวกาศมากกว่าที่จะยอมให้กบพูดภาษาอังกฤษได้นะ เพราะถ้ามีโฟกัสที่ขนมปังแล้วก็อาจจะมีดาวเคราะห์ที่หายไปในเวลาเดียวกันนั่นแหละ
ถ้าจะเทียบราคารถยนต์ไฟฟ้าในไทยว่าต่างจากต่างประเทศยังไง ต้องเทียบกับรถยนต์พวงมาลัยขวาในต่างประเทศเท่านั้น
การเทียบราคาในจีน ทำได้แค่ดูว่าเค้าวางราคาระดับรถรุ่นไหน ไม่ใช่ว่าจะขายราคาไหน แล้วบวกเท่าไหร่ แบบนี้ #คิดน้อยไปหน่อย
เพราะทางเทคนิคแล้ว รถยนต์พวงมาลัยซ้าย กับพวงมาลัยขวา คือรถคนละรุ่นกันเลย
ถ้าไม่เชื่อผม ลองถามคนทำ R&D ของผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่างๆ ดูครับ
ผมเอง มีโอกาสนิดหน่อย พอได้คุยเป็นการส่วนตัวกับทีม R&D ทั้งแบรนด์ยุโรป, ญี่ปุ่น, จีน ตอบตรงกันหมด
โดยทั้งหมดนี้ไม่รู้จักกันนะ คนละสัญชาติกันเลยล่ะ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องเตี้ยมมาแน่นอน
สาเหตุที่ราคาไทย ต่างจากจีนเยอะเพราะ
1. ราคาในจีน คือราคาของ “รถพวงมาลัยซ้าย”
2. ราคาในไทย คือราคาของ “รถพวงมาลัยขวา”
3. ในเชิงการผลิต รถพวงมาลัยซ้ายกับพวงมาลัยขวา “คือรถคนละรุ่นกัน”
4. ปริมาณการผลิตรถพวงซ้าย โดยทั่วไปมีปริมาณมากกว่ารถพวงมาลัยขวา ยังไงราคาพวงซ้าย “ถูกกว่า” อยู่แล้ว ด้วยหลัก Economy of scale
การเทียบราคาไทยกับต่างประเทศที่ดูแล้วเป็นไปได้มากที่สุด
และเป็นสาเหตุหลักด้วยว่า “ทำไมผมทายราคาแม่น” (ความลับนางฟ้า 😆)
1. เทียบราคารถที่คุณสนใจ กับรถที่มีขายในไทยแล้ว วิธีนี้แม่นสุด เพราะเป็นวิธีเดียวกับที่ค่ายรถทำเลยเด้ะๆ
2. ยกตัวอย่าง แบรนด์ ก ต้องการนำรถยนต์ไฟฟ้าพิกัด C-SUV มาขาย การตั้งราคาต้องไม่เกิน 1,749,000 บาท ตามเพดานที่ Tesla Model Y RWD ตั้งราคาดักคอไว้ ลองคิดภาพว่ารถจีนยี่ห้ออะไรไม่รู้ ขายราคาเท่า Tesla คุณจะซื้อไหม?
3. รถแบรนด์ ข ต้องการขายรถตู้พรีเมี่ยม คู่เปรียบเทียบหนีไม่พ้นเจ้าตลาด “Toyota Alphard” ราคา +- ตามออปชั่น เพราะรถจีนใช้รถ EV มาขาย ซึ่งใช้พลังงานคนละแบบ
เพราะงั้นแล้ว จะเทียบราคาจีนกับราคาไทย “เลิกได้เลิก”
ถ้าอยากเทียบราคาไทย หรือลุ้นราคาไทย “หารถที่เค้าขายพวงมาลัยขวาในต่างประเทศ” อันนี้ถึงถูกต้อง
ในภาพคือราคาของ ZEEKR 009 ที่ขายในฮ่องกง ออปชั่นแทบไม่ต่างจากของเรา เปิดราคา 3.19 ล้าน
มึงรู้จักเพจโม่ยป่ะ กูยอมรับว่ากูไปส่องเรื่อยๆ แต่ไม่ได้กดติดตามนะ เซฟไว้แค่ลิงค์ เผื่อมีคนรู้จักผ่านมาเห็นว่ากูตามเพจแบบนี้
แต่ล่าสุดที่ไปส่อง อาจารย์ตอนกูอยู่มหาลัย กูเป็นเพื่อนในเฟสแก แม่งตามเพจโม่ยไอดอลว่ะ อ้าวเฮ้ยจารย์ ทำไมเป็นเงี้ย
ไอ้เหี้ยจบด็อกเตอร์เมืองนอกเลยนะ ได้ปริญญาจาก 3 ประเทศ ออสเตรเลีย อังกฤษ อเมริกา แล้วมีป.ตรีภาษาฝรั่งเศสอีกใบ
เรียนมากแล้วเครียดมั้ง สงสัยเมียไม่ตอบโจทย์ อย่างว่าด็อกเตอร์กับด็อกเตอร์ได้กัน สู้น้องๆไม่ได้
#โอตาคุท่านหนึ่ง
"สื่อไทยหลายสำนักเรียกกรณี Diddy ว่าอิทธิพลมืด อันนี้ไม่สมควรอย่างยิ่งเพราะ racist"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>874
พ่อกุไง เปิด tiktok ทั้งวัน ไปกินร้านที่เขาว่าดังในติ๊กต็อก
น้องกุบ้าหมีเนย
ส่วนกุไม่ตามกระแส ไปถามห้องเกมได้ แม้คนอื่นจะบอกว่า กุต้องเคยเล่นเกมแพมเพิสแน่ๆ
เหมือนโลกนี้ทุกคนต้องเล่นเกมพวกมัน
แต่การที่เมิง ต้องทำอะไรตามสังคม คือ อยากถูกยอมรับ กุก็แค่เล่นเกมที่ใช่ ตามไอดอลที่ชอบ
ไม่เหมือนใคน ทำให้พวกมันคิดว่ากุไม่เข้าพวก
Mihoyo คือค่ายเกมของโอตาคุที่แท้จริง
สาวๆออกงานทุกวันเลยเหรอ ละสวยยยยมากทุกวัน ราชนิกุลมากกก
#ติ่งท่านหนึ่ง
งานฟรีทั้งนั้น เจ้าของงานได้ศิลปินกับพวกแฟนคลับมาร่วมงาน ศิลปินได้พื้นที่สื่อ
มีแค่พิธีกรที่มีค่าจ้างกับพวกที่ได้รางวัล "อาจจะ" ได้ส่วนแบ่งจากการโหวตเพราะแฟนคลับทุ่มโหวตให้
#มิตรสหายช็อตฟีลท่านหนึ่ง
หรือได้แค่รางวัลประดับโปรไฟล์ หลังๆมีศิลปินหลายคนเบรคแฟนคลับเรื่องโหวต
ทำปีกแบงค์พันหรือซื้อของให้พวกกูดีกว่านะค่ะ มัมหมาอาหวังทั้งหลาย
#มิตรสหายช็อตฟีลท่านสอง
"คนบางคนโดนครูตีจนเชื่อง แล้วก็เชียร์ให้ครูตีลูกหลานคนอื่น สืบทอดความรุนแรง คนแบบนี้จะไม่หือกับผู้มีอำนาจเหนือกว่าเขา แต่จะข่มเหงผู้มีอำนาจน้อยกว่าเขา"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ช่วงนี้งานยุ่ง ไม่ค่อยได้เข้าเฟซบุ๊ก เลยพลาดเรื่องที่เขาวิวาทะกันไปหลายเรื่อง เช่น หนุ่มคนหนึ่งมโนว่าพายุหมุนเขตร้อนจะเข้าไทย, นักวิชาการชื่อดังอ้างว่ากลุ่มชาติพันธุ์เป็นสาเหตุของดินถล่ม, คนดังบอกว่าต่อให้มีป่าก็มีน้ำป่า บลาๆๆ
แต่เมื่อวานเปิดโซเชียลแล้วเจอเพจด้านการเงินและการลงทุน ทำคลิปอ้างว่า CO2 ไม่ได้ทำให้โลกร้อน เห็นแล้วอุทานว่า What the fxxx หนักมาก!!
การอ้างว่าปริมาณ CO2 ที่เพิ่มขึ้นมาเพียงไม่กี่ % หรือไม่กี่ ppm ไม่ส่งผลกระทบต่ออุณหภูมิของบรรยากาศ เป็นข้ออ้างที่บ้งและเบร้อครับ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าผู้พูดไม่เข้าใจเรื่องช่วงอายุการคงอยู่ในบรรยากาศ (atmospheric lifetime) ศักยภาพในการก่อภาวะโลกร้อน (global warming potential) กลไกการสั่นของแก๊สเรือนกระจก (GHG oscillation mechanism) วัฏจักรคาร์บอน (carbon cycle) และหลักฐานเชิงประจักษ์ต่างๆ เช่น ไอโซโทปของคาร์บอนในสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเล ระบบนิเวศบรรพกาล ฯลฯ
ที่สำคัญคือกระบวนการของ CO2 ที่ทำให้อุณหภูมิของบรรยากาศสูงขึ้น มันถูกพิสูจน์ทั้งทางทฤษฎีและทางการทดลองมานานกว่า 100 ปีแล้วครับ แถมไม่ได้ทำยากด้วย อยู่ในหนังสือเรียน ม.ต้น นี่แหละ แค่นำสารตั้งต้นที่ทำให้เกิด CO2 มาใส่ในขวดแก้วปิดสนิท นำไปตากแดด แล้วเปรียบเทียบความแตกต่างของอุณหภูมิแก๊สในขวดแก้วใบนั้นกับขวดแก้วอีกใบหนึ่งที่มี CO2 น้อยกว่า ด้วยเทอร์โมมิเตอร์ แค่นี้ก็เห็นความแตกต่างแล้ว!!
"สมัยมหาลัยเคยกินข้าวกับเพื่อนอยู่แล้วมันก็พูดว่ากินเนื้อวัวมากๆมันบาปนะ ลดได้ก็ลดบ้าง เลยหันไปถามมันว่ากะเพราเนื้อในจานกูมีวัวกี่ตัว = ไม่ถึง1ตัว แล้วกะเพรากุ้งในตานมึงมีกุ้งกี่ตัว = 5 ตัว
เพื่อนเงียบ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไม่ต้องเอา ฮิปโป ไปเปรียบเทียบกับ แพนด้า หรอก เอาแค่ พลายศักดิ์สุรินทร์ ทุกวันนี้ใครพูดถึงมั่ง
ไหนจะช้างอีกตัวที่พวกโล้นแครอทในศรีลังกาเอาไปซ่อน กลัวไม่มีช้างออกงานหาเงิน
.
.
.
นั่นไงเห็นไหม ขนาดกูตามข่าวกูยังจำชื่อช้างอีกตัวไม่ได้เลย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ตอนนี้หลายๆคนมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Bandwidth บน WIFI มาก สาเหตุก็น่าจะมาจาก เวลาเราดูคำโฆษณา การเชื่อมต่อจากฝั่งผู้ผลิตอุปกรณ์
เค้าเอาเลข maximum เต็มที่ ทางทฤษฏีมาบอกกล่าว แต่ในความเป็นจริง ความเร็วในการเชื่อมต่อมีปัจจัยมากมาย
และสุดท้ายต่อให้คุณเชื่อมต่อได้ perfect จน ความเร็วในการเชื่อมต่อเต็มประสิทธิภาพ เท่าที่เครื่องมันจะทำได้
มันก็ยังถูกหารผ่าน Overhead ของ TCP/IP แถมคลื่นความถี่ที่ใช้ก็เป็น Unlicensed Band แปลว่า บ้านอื่นก็ใช้ความถี่ เดียวกับคุณได้ ทำให้ (ทางทฤษฏี) คุณต้องหารความเร็วกับข้างบ้านอยู่ดี
และสุดท้าย ต่อให้คุณทำทุกอย่างจนเป็น ความเร็วเชื่อมต่ออย่างสมบูรณ์แบบในอุดมคติ ได้แล้ว สุดท้าย คุณก็แทบไม่มีกิจกรรมอะไรให้ใช้มันอยู่ดี
เพราะกิจกรรมที่ใช้งาน internet ในยุคปัจจุบัน มันไม่ได้ ใช้ Bandwidth เยอะอะไร ยกเว้น คุณโยนไฟล์มหาศาลข้าม WIFI ซึ่งถ้าไม่ใช่สายงานเฉพาะทางก็แทบไม่ได้ทำกันหรอก และถ้าสายงานนั้นจะทำจริงๆ เค้าก็ไม่ใช้ WIFI กันหรอก เพราะมันไม่เหมาะสมครับ
ที่อยากจะเล่าก็คือ คุณอาจจะหงุดหงิด ที่มือถือที่ซื้อมา 50,000 กว่าบาท ทำไมมันไม่เห็นจะต่อ WIFI ได้ standard สูงสุด เท่าที่มาตรฐานมันกำหนดไว้เลย
แต่ต่อให้มันต่อได้ ก็มีปัจจัยสารพัดที่จะทำให้คุณใช้งานมันไม่ได้เต็มประสิทธิภาพอยู่ดี
โดยพื้นฐานแล้ว การยกระดับความเร็วการเชื่อมต่อ ในแต่ละอุปกรณ์ ก็เพื่อช่วยยกระดับ ความเร็วเฉลี่ยในการใช้งานในชีวิตประจำวันเฉยๆครับ อารมณ์เหมือน เรามี Supercar ความเร็วสูงโคตร แต่ด้วยถนนในปัจจุบัน ก็ไม่ได้ทำให้เรา เหยียบ redzone ได้ตลอดเวลา แถมระยะทางในการขับ ก็ไม่ได้ไกลพอที่คุณจะหวดได้เต็มเหนี่ยวอยู่ดีนั่นแหละครับ
ไหนๆเขียนมาขนาดนี้แล้ว เขียนต่ออีกหน่อยก็แล้วกัน ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับระบบ WIFI
1. เทคโนโลยี WIFI ใดๆ ถ้าจะใช้ความสามารถนั้น นอกจาก ตัว Access Point รองรับแล้ว ฝั่ง Client ก็ต้องรองรับด้วย
เช่น ซื้อ Router WIFI7 มา แต่มือถือยังไม่รองรับ WIFI7 แบบนี้ก็ใช้ไม่ได้ครับ
2. ความเร็วในการเชื่อมต่อ จะขน data ได้แค่ประมาณครึ่งเดียวของความเร็วเชื่อมต่อ เสมอ
iPhone ต่อ Router แสดงความเร็วได้ 866Mbps แต่ในความเป็นจริง ขน data ได้ประมาณ 300-400 Mbps เพราะว่า การเชื่อมต่อมันคือ การสร้าถนนเฉยๆ data จริงๆ จะต้องใช้ protocol อื่นขนไปให้ คิดซะว่า มีถนน แต่ของมันเคลื่อนที่ไปเองไม่ได้ คุณก็ต้องเอารถมาขนของไป นั่นแหละครับ ซึ่งถนน ก็จะเสียพื้นที่ไป เพราะตัวรถเองก็กินพื้นที่บนถนนเหมือนกัน
3. ความเร็วในการเชื่อมต่อ เป็นของใครของมัน
หมายถึง AP อาจจะเชื่อมต่อกับ Client 10 Device
แต่ละ Device มีความสามารถในการเชื่อมต่อได้ไม่เท่ากัน เพราะ กำลังส่ง เสาอากาศ มาตรฐาน แต่ละเครื่องอาจจะไม่เหมือนกัน รวมไปถึงตำแหน่งด้วย ถ้าอยู่ใกล้ก็สัญญาณดี ถ้าอยู่ไกลก็สัญญาณห่วย
ถ้าอยู่ใกล้ แต่โดยรบกวน ก็ขน data ไม่ได้ อารมณ์เหมือนคุณนั่งคุยกับเพื่อน หน้าลำโพงใน Pub ... คุณอยู่ใกล้แล้วใช้เสียงดังปกติ แต่ลำโพง Pub ก็รบกวนจนคุณคุยไม่รู้เรื่องได้ ใช่ไหมล่ะครับ
4. คลื่นวิทยุ เป็นการส่งข้อมูลแบบ Half Duplex หมายถึง ต้องผลัดกันส่ง ผลัดกันรับ ถ้าส่งพร้อมกันก็ชนกัน แล้ว ก็ต้องหาจังหวะส่งกันใหม่ เหมือนคุณพูดชนกัน ในห้องประชุม เราก็เหมือนกับ ต้องหยุดแล้วหาจังหวะพูดใหม่ครับ ดังนั้น ยิ่ง Client เยอะ ... Airtime หรือ จังหวะที่ Client จะขอคุยกับ Access point ก็จะยิ่งน้อย แต่ละ Client ก็ต้องแย่งกันชิงจังหวะครับ ซึ่งยิ่ง client เยอะ คนแย่งเราคุยก็เยอะ ทำให้โอกาสในการที่เราจะขอส่ง-รับข้อมูลกับ Access Point ก็น้อยลงเช่นกัน
5. เทคโนโลยี WIFI สมัยใหม่ จึงออกแบบมาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ คือ ทำยังไงให้ "ลดความสูญเปล่า" ของการส่งข้อมูลด้วยคลื่นวิทยุในอากาศได้ เช่น MU-MIMO ใน WIFI5 , OFDMA ใน WIFI6 , preamble puncturing ใน WIFI7
ดังนั้น ในสถานที่ ที่มี Client หนาแน่น การเลือกใช้ เทคโนโลยี WIFI ที่ใหม่กว่าก็จะช่วย ลดความสูญเปล่าทางคลื่นวิทยุของ WIFI version เก่าๆลงไปได้ แต่อย่าลืมว่า การ upgrade ต้องไปทั้งระบบ ซึ่งก็คือ Access Point และ Client นั่นเอง
สำหรับ User แล้ว WIFI คงเหมือนสวรรค์ เพราะใช้งานง่ายดี แต่ Network Engineer แล้วเหมือนนรก เพราะว่า การแก้ปัญหา WIFI ช่างยากชิปหาย
ยากเพราะมองไม่เห็นคลื่นวิทยุ
ยากเพราะมาตรฐานอัพเกรดตลอด
ยากเพราะ การแก้ไขปัญหาบางอย่าง หมายถึงต้องรื้อระบบ
และยากสุดท้ายคือ ยากอธิบายให้ลูกค้า และ User เข้าใจนี่แหละครับ
เอ้า ใครเป็น Network Engineer อยากจะระบายอะไรก็ระบายมาได้เลยครับ
กุให้ความเครพต่อตัวเองมาตลอด ไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบัน อนาคต กุก็ยังเป็นตัวกุคนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่ วินาทีเดียว
Relationships ไม่มีทางมาสั่นคลอนกูได้
ไม่ว่าใครก็ตาม
ผมวิเคราะห์ ปรากฏการณ์ที่มีคอนโดหลายแสนยูนิต ใน กทม. สร้างเสร็จ แต่ไม่มีคนเข้าไปอยู่ ไม่ขาย และไม่ปล่อยให้เช่า
สาเหตุอันดับ 1 เกิดจาก #การเก็งกำไร แม้ว่าการเก็งกำไรในทศวรรษ2000s เริ่มจากดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ
อันดับ 2 #ธนาคารก็ไม่ปล่อยเงินกู้ซื้อโดยง่าย แม้อยู่ในช่วงดอกเบี้ยต่ำก็ตาม ปัจจุบันดอกเบี้ยสูงขึ้นแล้ว จึงอ้างไม่ได้ว่า ดอกเบี้ยต่ำ 😌 อีกต่อไป
อันดับ 3 #ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนสูงมาก ใน กทม. ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา รวยล้นฟ้า และจน เป็นคนไร้บ้าน มีมากทั้งคู่ใน กทม. คนที่ไม่ปล่อยให้เช่า คนคือมีเงินเย็น ไม่เดือดร้อน ซื้อไว้เผื่อไปทำธุระกลางเมือง กทม. ก็ไปนอน เดือนละไม่กี่คืน แทนการเช่าโรงแรม ทั้ง ๆ ที่เช่าโรงแรมรายวัน ถูกกว่าซื้อทิ้งไว้
>>890 ใครจะเช่าคอนโดรูหนู ซื้อมา5ล้าน
ขายต่อใครก็ไม่ได้ มีแต่คนจีนอยู่
กุไม่เข้าใจพวกอยู่คอนโดจริงๆนะ ว่าทำไมมันโง่เอาเงินไปทิ้งขนาดนั้น เมิงกำเงินซื้อบ้าน ทาวเฮาท์ ทาวโฮมได้ 5 ล้าน 1 ห้องนั่งเล่น 1 ที่จอดรถ
1 ครัว 2 ห้องน้ำ 2 ห้องนอน 1 ห้องทำงาน
ไม่ก็ซื้อบ้านเก่าๆ3ล้าน รีโนเวทหารับเหมาถูกๆ
คอนโด มันน่าอยู่ยังไง กุยังไม่เก็ตเลย คนอยู่คอนโดคือคนที่ไม่มีบ้าน มันควรเป็นแบบนั้น
"ขั้นตอนแรกของการยกระดับ road safety ไทย กระทรวงคมนาคมต้องเร่งรัดมาตรการบวงสรวงแม่ย่านางทั่วทั้งประเทศ มอบหมายให้ขนส่งจังหวัดตรวจสอบให้ครบถ้วนทุกคันภายใน 3 วัน 7 วัน"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"คนแก่งมงายเราไม่แปลกใจเท่าไหร่ เข้าใจว่าคนสมัยก่อนงมงายเพราะความด้อยการศึกษาด้อยเทคโนโลยีจึงเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ในยุคที่เราโตมาคนรุ่นใหม่ๆเข้าถึงการศึกษามากขึ้นก็จะงมงายน้อยลงๆ จะมองหมอดูคู่กับหมอเดา ผีปอบผีกระสือเป็นเรื่องตลก ไสยศาสตร์ไม่มีจริงถ้ามีจริงไทยเอาผ้ายันต์แปะหัวเครื่องบินรบบินไปยึดอเมริกาเป็นเจ้าโลกไปแล้ว
.
แต่พอมายุคนี้กลายเป็นวัยรุ่นย้อนกลับไปงมงายเหมือนคนยุคก่อนอีก เชื่อหมอดูจริงจัง เชื่อผีปอบมีจริงพญานาคมีจริง เชื่อไสยศาสตร์ขโมยดวงคนไปใส่หุ่นพยนต์ได้ ในฐานะที่ไม่ใช่คนรุ่นใหม่รู้สึกเชี่ยไรเนี่ยมากๆ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
#แบนเกาหลีก็แค่แท็ก
ถึงตอนนี้มีวงพลาสติกเกาหีลมากกว่า 10 วงมาสูบเงินจากติ่งหน้าโง่ที่ไทย
ยังไม่นับบรรดาติ่งชนชั้น(แต่งตั้งตัวเอง) ที่พยายามโชว์ผ่านโซเชี่ยลว่า "พวกกูเข้าประเทศเกาหลีได้นะค่ะ"
ไม่โง่จริงเป็นติ่งเกาหีลไม่ได้หรอก ล่าสุดมีนักร้องจากไทยพยายามไปขึ้นเวทีที่เกาหีล
ภูมิใจกันชิบหาย ตั้งแท็กบุกโน่นบุกนี่ บุกค่ะ บุกๆๆๆ บุกพ่อบุกแม่มึงสิ
มึงอยากดูไลฟ์สดที่พวกเเอนตี้ติ่งเกาหีลมันเอามาให้ดูไหม พวกเกาหีลมันไม่รู้จักพวกมึงด้วยซ้ำ
เหมือนไปขอส่วนบุญขึ้นเวทีกับเขาด้วย งานดนตรีมีศิลปินเป็นร้อยมารอขึ้นเวที
ถ่ายรูปเคลมเหมือนว่าพวกเกาหีลมารอดูพวกมึงวงเดียว ไอ้สัส กูขำ
พวกเกาหีลมันคงงง ใช้ดนตรี k-pop ทำหน้าพลาสติกแบบพวกเกาหีล แต่งตัวเหมือนพวก k-pop เกาหีล
อย่ามาตอแหลว่าธรรมชาติครับ รูปสมัยก่อนในไอจีพวกมึงมีเพียบเลย บางคนพยายามกดซ่อนแต่ไม่หมด
ทำทุกอย่างให้เหมือนพวกเกาหีลแล้วเอามาขยายตลาดขายพวกเกาหีล
ถ้าไม่โง่เหมือนติ่งพวกมึงน่าจะนึกออกนะว่าหมายถึงอะไร
#มิตรฯ
ไม่เสือกกับคนอื่นซักวัน จะตายไหม ไอ้เหี้ย
#มิตรสหายฯ
มีคำพูดประโยคนึงที่นางเอกพูดแล้วผมจำมาจนถึง ทุกวันนี้เลย
นางเอกมีความสามารถในการสร้างน้ำได้
นางเอกบอกว่าทำให้ครั้งแรกจะได้รับคำขอบคุณ
แต่ครั้งต่อไปมันจะกลายเป็นหน้าที่ของคุณ
มึงเปลี่ยนเป็น fanmeat เหอะ ขูดเลือดขูดเนื้อกันทุกงาน
#มิตรฯ 1
เป็นการคัดกรองแฟนคลับค่ะ คนไหนรักเราจริง
#มิตรฯ 2
รักจริงเหี้ยไร แค่กูบ่นว่าบัตรแพง ตังค์หมดแล้ว ตราหน้าว่ากูไม่รักมึง
จะเจอแต่ละทียากเย็นชิบหาย จะคุยต้องคุยผ่านสตาฟฟ์ ยื่นของให้กับมือก็ไม่ได้
ดังกว่ามึงยังไม่ขนาดนี้เลย เวลาขายของไม่ได้พาลมาด่ากูอีก
#มิตรฯ 1
ไปตามวงอื่นก็ได้นะค่ะ
#มิตรฯ 2
มันไปแล้วครับ ไปกับผมนี่แหละ มันกลับมาด่าเฉพาะงานนี้เฉยๆ
#มิตรฯ 3
กูเคยไปเลเซอร์ขนแร้ ที่คลินิก กน สาขาสยาม กูแอบถามพนักงานว่า ดารา ไอดอลสาวๆ มาเลเซอร์กันบ่อยไหม พนักงานบอกว่า ที่ดังๆหน่อยก็ น้องๆวงบอค มาเลเซอร์ขนแร้ ขนจิ๋ม กันเกือบจะทั้งวงละ เพราะ คลินิกนี้เคยจ้างวงนี้รีวิว แล้วก็พวกดารา อินฟลูดังๆ มาทำที่นี่กันเพียบ
กูก็มีความคิดอยากเลเซอร์บ้างเหมือนกันตอนนี้ แต่กลัวไปหำแข็ง ตอนเขาเลเซอร์ว่ะ พนักงานสาขานี้ แม่งหน้าตาน่ารักทั้งนั้น
ทั้งทนาย ทั้งเหยื่อ ทั้งบอส ทั้งดารา แม่งหน้าเหมือนกันหมดเลย อีเหี้ย
เหลือแต่พิธีกรชายที่ไม่ได้ ปากมาสด้า ตาหอยแครง จมูกอวตาร
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ต่อให้เหล่าองครักษ์พิทักษ์หำบอยจะแหกหีปกป้อง
จากหลักฐานคือการสมรู้ร่วมคิด โฆษณาชวนเชื่อเกินจริง
ไม่ต้องห่วงหรอก โทษดาราอย่างมากรอลงอาญา
ติดคุกก็ไม่โดนยึดทรัพย์ พ้นโทษออกมาแดกเงินที่โกงมาฉ่ำๆ
#มิตรฯ
"ไม่อยากเหนื่อยหาเงิน กลัวลำบากตอนแก่ แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ รีบตายอย่าอยู่ถึงแก่"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ฝรั่งไม่ค่อยเคร่งเรื่องลิขสิทธิ์เท่าไทย แต่ที่เขาซื้อของแท้กันหมด ไม่ค่อยมีคนเล่นเถื่อน เพราะราคาสินค้าพวกนี้เทียบกับค่าครองชีพมันถูก มันซื้อได้ง่ายๆ คนเลยซื้อแท้ ไม่จำเป็นต้องซื้อเถื่อน แค่นั้นเลย แต่พอเจออะไรที่เขารู้สึกว่า ตัวเขาที่เป็นผู้บริโภคถูกเอาเปรียบ เขาจะไม่ยอม นอกจากเคสซื้อเกมไม่ได้เกม จำได้ว่ามีเกมอะไรสักเกมก็มีเคส โดนปิดเซิฟต่อหน้าต่อตา ทั้งๆที่ตัวสังคมผู้เล่นเกมยังใหญ่อยู่ ก็เลยรวมตัวกันเปิดเซิฟเถื่อนขึ้นมาดื้อๆเลย ส่วนไทยเรามา woke เรื่องลิขสิทธิ์กันสุดๆตอนยุคหลังมานี้ ต่อให้ผู้ผลิตจะขูดรีดยังไง ขายเกมละล้านก็ต้องจ่าย ต้องยอมรับ ไม่งั้นสังคมก็จะบอกว่า ถ้าไม่มีปัญญาจ่ายก็ไม่ต้องเล่น เขาไม่ได้ขายคุณ mindset ของคนแต่ละชาติมันต่างกัน คนไทยเราเลยโดนเอาเปรียบ โก่งราคาสินค้ากันอยู่บ่อยๆ โดยที่ไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่คิดจะเรียกร้องอะไร
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ฝรั่งคือพระเจ้า ส่วนลิงดำคือพ่อพระเจ้า
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>912 ฝรั่งเคร่ง แต่บางทีมันก็จะดูเคสบายเคส ถ้าฐานผู้เล่นทำขึ้นมาเองอะไรงี้ มันก็เข้าไปบอกเลยว่าเฮ้ยมันผิดนะ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะมาทำให้มันถูก ถ้าอยากพัฒนาต่อเดี๋ยวกูสนับสนุนทางเทคนิคให้ บางทีจากเกม mod แม่งซัพพอร์ทให้เอามาขายเลยด้วยซ้ำ วินวินทั้งคู่ แต่ถ้าเป็นฝั่งญี่ปุ่นนี่ อ๊ะๆๆๆ หยุดเดี๋ยวนี้ หยุดทันที กูฟ้องนะ
ส่วนของไทยนี่กูรำคาญไอ้พวกใช้โปรแกรมเถื่อนสำหรับทำงานมากกว่า อย่างไอ้ที่เคยมีประเด็นไปเนี่ย ถ้าคนใช้มันเป็นพวกเด็กจบใหม่ รับงานก็อกๆแก็กๆเนี่ยกูเห็นใจนะ แต่บางคนแม่งทำงานในระดับมืออาชีพแล้วแต่ยังเสือกใช้เถื่อนแล้วบอกว่ามันแพง พูดยังกะแม่งรับงานละ 100 งั้นแหละ ไอ้ห่า ทีตอนซื้ออุปกรณ์ราคาเป็นแสน เห็นแม่งบอกรับงาน 3 เดือนก็คืนทุนแล้ว
"บางทีเราอาจจะแค่ชินกับการที่โดนอีแก่ทำตัวมารยาททรามใส่ ตอนเจอเลยแค่นอยๆ แต่เราคาดหวังให้คนอายุน้อยกว่าทำตัวดีๆ เวลามีเด็กแหกคอกไร้มารยาทมาทีนึง เราเลยจำมาด่าว่าเด็กรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้… รึป่าว พี่ๆ ผู้มีวุฒิภาวะและคริติคอลติงกิ้ง ก้อลองคิดดูค่ะ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ทำไมพวกลูกคนรวยชอบบอกว่าตัวเองไม่รวยวะ อายทำไม มีอะไรต้องอาย
สมัยก่อนมันจะมี meme "พอโตขึ้นมึงจะอายกับคำว่าพ่อแม่ซื้อให้"
อายเหี้ยไร พ่อแม่มึงมีความพร้อมในการประเคนคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับมึง มันผิดตรงไหน
จำไว้ให้ขึ้นใจ "คนไหนด่ามึง คนนั้นอิจฉามึง" มึงคือศูนย์กลางของจักรวาล
มึงดีที่สุดในโลก ทำอะไรก็ไม่ผิด มึงได้ดีเพราะมึงเก่งมีความสามารถไปเกิดในตระกูลที่ร่ำรวยได้ จำไว้
บางคนใช้ความร่ำรวยให้เป็นประโยชน์ ผันตัวเป็น influencer เอาคำว่า "กูเป็นลูกคนรวย" มาตั้งเป็นฉายาตัวเอง
ทำ content อวดสมบัติของพ่อแม่ อย่าไปคิดเยอะ ของของพ่อแม่ก็คือของของมึง
เดี๋ยวนี้มีติดตามเพียบ ไป co-op กับ youtuber สาย Ctrl+C Ctrl+V คลิปเมืองนอก หากินกับยอดวิวคนดูที่เป็นเด็ก
ทุกวันนี้มีเงินทอง (น่าจะมาจากการทำคลิป เพราะพวก youtuber มันก็มีคล้ายๆกัน ถ้าเป็นของมันจริงๆไม่ใช่ทำ content นะ)
มีชื่อเสียง ไปโผล่หน้าตามงานมีแต่คนอวย เพราะคนด่าเก่งแต่หน้าจอไม่กล้าไปด่าต่อหน้าหรอก
ฉะนั้นจงภูมิใจซะ ที่เกิดมาเป็นลูกคนรวยยย !!!
#มิตรสหายไลฟ์โค้ช
****ข่าวดันรั่วไปตอนไหนไม่รู้!!!****
กะจะเอาไว้เซอไพรส์ปล่อยข่าวตอนวันหมั้นเลย!
เอาเป็นว่า....เรื่องที่ว่า "ผมกับทับทิมกำลังจะแต่งงานกัน"
***เป็นเรื่องจริงนะครับ***
เนื่องด้วยผมกับทับทิมก็ดูใจกันมานาน แล้วผมก็คิดว่าชีวิตผมพึงพอใจกับคนๆนี้และ"ผมก็รักเค้าจริงๆ"
ผมจึงคิดว่าถึงเวลาที่คนรักกันจริงๆควรจะทำนั่นก็คือ "การแต่งงาน"
ผมจึงอยากแต่งงานเพื่อทำอะไรให้ชัดเจนให้สมกับรักที่จริงใจที่ผมได้รับจากทับทิม และเป็นการ "ให้เกียรติผู้หญิงที่ผมรักจากสุดหัวใจ"
บวกกับพอแต่งงานผมจะได้มุ่งทำงานได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องมาคอยพะว้าพะวนเรื่องความรักและทับทิมก็เป็นผู้หญิงที่ดีและเหมาะสมที่สุดที่จะอยู่คอยช่วยกันคิดช่วยกันทำงานกับผม เพราะ"พวกผมเป็นพวกบ้าทำงานครับ"
**ส่วนใครที่คิดว่าทำไมผมกับทับทิมถึงรีบแต่งกันจัง? ท้องรึเปล่า?**
ขอตอบเลยนะครับว่า "ไม่ท้อง10ล้าน%ครับ"
ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูคลิปรายการVRZOที่เพิ่งผ่านๆมาครับ ผมกับทับทิมก็ทำงานปกติ ไม่มีว่าทับทิมลาหายไปไหน ท้องก็แฟบแล้วแฟบอีกปกติดี
และหลังแต่งผมกับทับทิมก็จะทำงานไปเรื่อยๆและยังไม่พร้อมจะมีลูก ทุกท่านก็จะได้เห็นเองว่าไม่มีการท้องป่องแน่นอน
"ในใจที่ผมคิดคือน่าจะอีกซัก5-6ปี ควรเป็นตอนที่งานผมอยู่ตัวแล้ว ผมกับทับทิมถึงพร้อมมีลูกครับ"
เพราะฉะนั้นผมจึงอยากขอความกรุณาทุกท่านว่า
"โปรดให้เกียรติว่าที่ภรรยาผมด้วยครับ"
พวกผมแต่งกันเพราะรักกันจริงๆ และจริงๆผมก็ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นแล้ว ตอนนี้ผมก็25แล้ว และ ทำงานเลี้ยงคุณพ่อคุณแม่เองแล้วด้วย ผมเลยมองว่า"ผมพร้อมแล้วที่จะแต่งงานครับ"
สุดท้ายนี้ขอบคุณสำหรับทุกๆคำอวยพรของทุกท่านนะครับ ชีวิตผมไม่เคยได้รับคำอวยพรไหนแล้วผมจะดีใจเท่ากับคำอวยพรที่ว่า....
"ขอแสดงความยินดีด้วย ขอให้ปลื้มกับทับทิมมีความสุขนะ"
ขอกราบขอบพระคุณทุกท่านจากใจจริงครับ
จาก/ปลื้ม
ปล.มีคนบอกว่า"ทับทิมเป็นคนธรรมดาแต่ผมเป็นลูกนักการเมืองใหญ่ ทับทิมนี่โชคดีจังเลยนะที่ได้แต่งกับปลื้ม......"
แต่ไม่เลยครับ"ผมต่างหากที่โชคดีที่ได้แต่งกับผู้หญิงดีๆอย่างทับทิม" คนเรารักกันไม่ได้รักกันที่นามสกุลแต่รักกันที่ความดีและจิตใจ
ทับทิมเป็นคนธรรมดา ผมก็เป็นคนธรรมดา ที่อยากมีชีวิตธรรมดาที่แสนเรียบง่ายมีความสุขและแก่ตายไปพร้อมกับคนที่เรารัก....
นี่แหละคือชีวิตที่ผมต้องการ "ความธรรมดาที่แสนมีความสุข<3"
-มิตรฯ
"ผมจะบอกให้ว่าการเกิดขึ้นของกระแส anti-woke และ anti-fem ทั้งในไทยและในตะวันตก มันไม่ได้เกิดขึ้นจากฝั่งตรงข้ามเลย มันเกิดขึ้นจากความสุดโต่งอย่างโง่ๆของกลุ่ม woke\กลุ่ม feminist เองนั่นแหล่ะ ที่ทำให้เกิดกระแสตีกลับจากคนกลางๆที่เขาเอือมระอากับกิจกรรมและความเชื่อสุดโต่งของคนพวกนี้
ในฝั่งนึง คนกลางๆ เขารับไม่ได้กับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่คลั่งลัทธิทางศาสนา เขาต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิให้สตรีและ LGBT ในประเทศมุสลิมเหล่านั้นมาโดยตลอด
แต่ในอีกฝั่งหนึ่ง เขามองเห็นความสุดโต่งอย่างไร้ตรรกะอีกขั้วของเฟม\woke ที่เหมือนคนโรคจิตที่มีปัญหาทางบ้าน และเป็นความสุดโต่งที่ตรงข้ามกับมุสลิมคลั่งศาสนาที่อยู่อีกฝั่ง ซึ่งมันก็หนักหนาอยู่แล้ว
ทีนี้ในช่วงปีที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ประหลาดทั่วโลกที่กลุ่มสุดโต่งสองกลุ่มนี้มาผสมกันกลายเป็นตัวประหลาดที่สร้างความรำคาญให้แก่คนทั่วโลกตามเมืองใหญ่ต่างๆ อย่างที่เราเห็นกันหลังวันที่ 7 ตุลา
คนกลางๆที่เขาต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี เพื่อคนที่ถูกรังแก เพื่อ LGBT เขาเห็นตัวประหลาดที่โง่บัดซบเหล่านี้แล้วเขาทนดูไม่ไหว เขาเกิดความรู้สึกว่ากูจะทำไปเพื่อพวกมึงทำไมวะ ในเมื่อพวกมึงแยกแยะมิตรกับศัตรูไม่ออก จึงทำให้เกิดกระแส anti-woke และ anti-feminist ขึ้นอย่างเงียบๆทั่วโลก และกระแสนี้จะส่งผลต่อการเลือกตั้งในหลายๆประเทศแน่นอน"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ลักษณะพวกโซเวียตเก่ามันเป็นแบบนั้นแหละ ยิ้มยาก ไม่รับแขก ไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า ไม่คุ้นเคยกับนักท่องเที่ยว กลัวกล้อง
ประเทศได้เอกราชไม่กี่สิบปี ผู้คนโตมากับระบบสังคมนิยม ทุกคนเท่าเทียม mindset งานบริการแย่ นักเที่ยวที่ไปประเทศแถวนั้นบ่นเหมือนกันหมด
บางคนขอเงินดื้อๆ โก่งราคาสุดขีด แซงคิวหน้าด้านๆ หน้าเหวี่ยงเสียงวีน ขนาดกะหรี่รัสเซียที่ไทยยังเอาใจทีนึง ขอเงินทีนึงเลย
ไม่มีใจรักบริการแบบกะหรี่ไทยแท้ ไม่งั้นฝรั่งมันจะติดใจเหรอ ฝรั่งบางคนถึงขั้นให้เลิกเป็นกะหรี่แล้วไปอยู่กับมัน
แต่จากคำบอกเล่าของมึง มึงนี่ก็หยุมหยิมเรื่องมากเหมือนกันนะ ด้วยความที่บ้านมันไม่พูดอังกฤษ ภาษามึงใช่ว่าจะดี
บ่อยครั้งที่มึงโดนพวกมันตะคอกใส่ แล้วก็มาเฟลลงคลิป มึงหวังอะไรเหรอ ขนาดฝรั่งมาไทยมึงยังอยากให้มันจ่าย
บางทีก็ต่อราคาชิบหาย พอไม่ได้ก็บ่น หน้าอย่างมึงลองเรียกแท็กซี่แล้วไม่พูดไทยดูสิ มึงโดน welcome to thailand แน่
กูลองมาแล้ว ทำทีเป็นคนสิงคโปร์ เรียกจากติวานนท์ไปดอนเมือง แม่งจะเก็บกู 300 ไม่กดมิเตอร์ กูเคยขึ้นแค่ 80 บาทเอง
สังเกตุไหมว่ายอดวิวมึงน้อยลงเรื่อยๆ คลิปมึงนับวันน่าเบื่อจริงๆนะ เรื่อยเปื่อย เหมือนไม่ศึกษาไม่ทำการบ้าน
อย่างเรื่องโรงแรม พอโดนเทค่อยมาพูด "ผมลองอ่านรีวิวแล้วค่อนข้างแย่เป็นส่วนใหญ่" อ้าว มึงไม่อ่านก่อนจองเหรอวะ
ไปเดาอยู่หน้างานแล้วก็บ่น เฟลออกกล้อง บทพูดไม่มี ข้อมูลไม่มี ไถไปดูคอมเมนต์ยังมีแต่คนอวยนะ คนบ่นเห็นอยู่อันสองอัน
ไม่รู้ว่าส่วนใหญ่ชอบหรือมึงลบอันที่ด่าทิ้งก็ไม่รู้
#มิตรสหายสมาชิกช่อง
กาลครั้งหนึ่ง เมื่อพี่ดำเกือบเป็นบอส หรือน้องบอส หรืออะไรซักอย่าง
นานมาแล้วสมัยนึง ที่ยังไม่มีการค้าขายออนไลนส์ ลูกพี่ดำยังไม่ขวบเลยมั้ง พี่ดำมีอันต้องเข้าสู่วังวน ของธุรกิจ แชร์ลูกโซ่ ขายของนี่แหละแบบ ขำ ๆ ปน ฮา ๆ
อันเนื่องมาจากมี ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือกันเป็นการส่วนตัวท่านนึง มาขอร้องว่า ให้กูเป็นลูกข่ายกำมะลอ ให้แกหน่อย แกอยากไต้ไปเป็นบอส โดยออฟเฟอร์ ที่พัก (โรงแรมสี่ดาว) ให้ด้วย แบบว่าพากูไปสัมนา นี่แหละ ด้วยความเกรงใจ เพราะแกเองก็มีบุญคุณ แม้นจะขัดใจตัวเอง แต่เอาวะ ไป ๆ ให้หมดวัน เดี๋ยวเสร็จขับรถกลับ ไม่อยากค้างเพราะโรงแรมอยู่แถว ๆ สระบุรี วิวสวยแค่นี้เอง
๑ ต่างคนต่างโดนต้อนมา
ไปถึง กูก็ไปเจอแก แกก็แนะนำ ลูกข่ายอีก 4 คน รวมพี่ดำเป็น 5 แกก็ว่า ฟัง ๆ หน่อยนะ แกอยากได้แต้ม ไม่ได้กดดันอะไร พี่ดำก็เริ่มถาม คนที่มา ปรากฏว่าทั้ง 4 คนนี้ แม่งก็โดนปืนจี้มาเหมือนกันกับกูนี่แหละ จากญาติเมียแกบ้าง จากลูกน้องแกบ้าง แกทำงานเป็น จนท รสก.แห่งหนึ่ง คือแบบอยากรวยอะ
๒ ดราม่า
พอถึงเวลา ก็เริ่มมีการเชิญ นักพูด แต่งตัวดี น่าจะบอสสมัยนี้นี่แหละ เมื่อก่อนทุกคนจะจนฉิบหาย ปัจจุบันบ้านแพง รถหรู เที่ยวต่างประเทศ แบบเดียวกับดิไอคอนเปี้ยบ คือพูดไปเรื่อย ๆ จาก นักสู้คนแรกมีความหวังจะดีขึ้นเป็น คนที่สองรวยไม่รู้เรื่อง คนที่สามรวยฉิบหาย รวยไม่รู้เรื่อง รวยอื้ออ
สรุปคือ เป็น ตีมที่ขายความโลภนี่แหละ ทุกคนมาแบบจัดเต็มเสื้อผ้าหน้าผมกระเป๋าแบรนด์ รถหรู ให้มึงตาโตกัน ขนาดเบรค กาแฟ ขนม ยังพาไปดูรถส่วนตัวที่จอดหน้าโรงแรมเลย
๓ หากินกับความโลภของมนุษย์
กูก็ฟังไป (แอบ)ขำไปนี่แหละ เหี้ยขายกางเกงใน กับถุงเท้าที่ทำจาก เยื่อพิเศษ จากญี่ปุ่น ใส่ปุ้บ หำแข็ง ไม่เป็นต่อมลูกหมากโต สารพัดจะรักษา ราวกับแม่งเป็น โรงบาลเคลื่อนทีทใส่แล้วไม่มีทางเป็นโรคร้าย หำแข็งดุจชายชาติอาชาไนย ตลอดเวลา บลา ๆ ๆ ในราคา 2500 บาท (ต่อตัว) ขายปั้บรวยปั้บ สั่งน้อยได้น้อย สั่งมากได้มาก (ดิไอคอนเปี้ยบ) หาสมาชิกได้เป็น แม่ข่าย ยิ่งลูกทีมมากแดกเปอร์เซ็นต์การขายอีกรวยกันไม่รู้เรื่อง ชนิดไม่มีที่ฝากเงินแน่นอน
กูถึงบางอ้อตอนนั้นคือ ที่แท้กูก็คือลูกขา่ยที่มาฝึกการขายไปเรียบร้อยแล้ว (รวมทั้งไอ้ 4 ตัวนั่นด้วย) เพราะที่มาในวันนี้ ราคาต่อหัว 1700 บาท รวมที่พักแล้ว แต่คนที่พากูมาอะ จ่ายให้แทน
๔ เนียนฝุดๆ
กูขำตรงทำงานกลุ่ม ให้ออกมาตระโกน สร้างอินเนอร์แบบ คระโกนออกมา เล่นกันสด ๆ ต่อหน้าเพื่อน ๆ ทีไม่รู้จักทีละกลุ่ม คนในห้องร่วม ๆ ห้าร้อยคนได้ แบบ ญี่ปุ่นเลยมึง ประมาณสร้างแรงบันดาลใจ อะ กูหันไปบอกลูกทีมว่า พอดี ปวดขี้ท้องเสีย ขอกลับไปขี้ที่ห้องก่อนนะ เชิญพวกมึง ตระโกนกันตามสบาย กูไม่สะดวก
๕ ไม่ทนแล้ว กูขอกลับ
ลงมาปั้บเลยบอกญาติว่า มีธุระด่วน ลงทะบียนอยูู่ให้เรียบร้อยแล้วนะ หนอย ดันเสือกมาต้อนกู จะซื้อ กางเกงในแม่เหล็กให้ด้วยนะ กูเลยบอก กระดอแข็งแรงดี ทุกวันนี้ ก็ยิงสิบทิศอยูู่แล้ว อาอยู่เถอะครับ ผมมีธุระ แต่ก็พูดเอาใจแกนะว่า ไว้จะขายให้นะ เพื่อน ๆ ผมหื่นเยอะ ผมรู็จักคนมาก ไว้จะช่วยขายให้แล้วกัน ส่วนจะให้เป็นทีมแม่ข่าย แล้วไต่เป็น บอส นั้น ผมไม่ค่อยมีเวลามาทำอะไรทั้งวันแบบนี้
บทสรุป
กูออกมาจากวังวนนั้นได้แบบ งง ๆ มานั่งคิดจะไปขายใครวะ กางเกงในตัวละ 2500 กูซื้อแพงสุด ก็ครีมขัดสีรถแอมเวย์ แค่นั้น อันนี้กูว่า พอสมเหตุสมผล รถใหม่ ป้ายแดง ต้องได้ยาดี ๆ ส่วน กางเกงในมหัศจรรย์ จะไปบีบคอให้ใครซื้อ
วันเวลาผ่านไป ซักสามสี่ปี ญาติกูก็ไม่เห็นรวยแบบเขา นอกจากนี้ เมียแกยังด่าอีกด้วยเพราะฉิบหายไปประมาณ 6-7 แสนบาท ชนิดสินค้าเต็มบ้าน แต่กรณีของแกไม่มีดารา ไม่มีพิธีกร ไม่มีการมาออกรายการโหนกระแส ในฐานะโดนต้มแต่อย่างใด แล้วจบงัยก็ไม่รู็ กูไม่กล้าถาม ดีที่ว่าแกทำงานรัฐวิสาหกิจ มันก็พอจะกลับมากินเงินเดือนเหมือนเดิมได้
มึงเชื่อกูเหอะ มึงเชื่อกูซักนิด ถ้ามันมีสินค้าแบบนั้นจริง ขายดีจริง รวยจริง มันจะให้มึงขายรึ?
มันเอาโคตรพ่อโคตตรแม่ มันมาขายไม่่ดีกว่าหรือ ถ้ารวยแล้วต่อไปเมียเรา พี่เราน้องเราต้องรวยก่อนชาวบ้านสิวะ จะให้พวกมึงซึ่งมันไม่รู้จักมารวยด้วยทำไม คิดแค่นี้ดวงตาพวกน้าก็จะเห็นธรรม
ที่น่าตกใจที่สุดเรื่องนี้มันผ่านมาเกือบสามสิบปีแล้ว หน่วยงานบ้านเราก็ยังคงปล่อยให้มันทำมาหากินกันเป็นล่ำเป็นสัน จนเกิดปรากฏการณ์ ดิไอคอน นี้เหมือนเดิม
ไม่มีข่าวก็อมเลือดไว้ มีข่าวก็ร้องห่มร้องไห้ อยากได้เงินคืน
บางทีก็ก็อยากสมน้ำหน้าพวกพี่เขานะ สม โลภนักก็ฉิบหายเพราะความโลภไปก็แล้วกัน
สอนใจกันได้แค่นี้ ถ้าสอนแล้วไม่จำก็ เรื่องของมึงครับ
พี่ดำ
เต็มที่เลยครับพี่ กอดจูบลูบคลำได้เต็มที่เลย
น้องไม่มีแฟนคลับประสาทแดกหรอก
จริงๆน้องมีแฟนคลับหรือเปล่าก็ไม่รู้
หน้าตาดีแต่ปากหมา มั่นหน้าโนสนโนแคร์
เลยไม่มีใครแคร์น้องเขาเหมือนกัน
#มิตรสหายแฟนเพลง(คนอื่น)
พบเส้นเงินผิดปกติกว่า 247,911,936 USDT มูลค่ากว่า 8,223 ล้านบาท ถูกโอนออกไปก่อนที่จะถูกจับเพียง 1 ชั่วโมง
#มิตรสหายสายข่าว
คิดช้าเองว่าจะยอมจ่ายตามที่ "เขา" เรียกร้องไหม ถ้าโอเคก็โอนไปเก็บไว้ที่อื่นก่อนค่อยมาจ่าย เครดิตดีนะเนี่ย
#มิตรสหายสายข่าวกว่า
‼️หรือว่าแท้จริงแล้วทุกคนคือ เหยื่อของ บอสพอล‼️
คุณจะแปลกใจไหม ถ้าพบว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ เป็นสิ่งที่เขาวางพลอต เหล่านี้ ไว้ทั้งหมดมานานแล้ว
จากกรณีเรื่องที่เกิดขึ้นจาก มหากาพย์ ดิ ไอคอน แรกๆทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เกิดจากความโลภของคน แต่ถ้าดูจากสิ่งที่เกิดขึ้น หลายเรื่อง ผมมองว่าอาจเกิดจากความตั้งใจให้เรื่องมันมาเป็นแบบนี้ และให้จบลงแบบนี้ เพียงแต่ว่าวันไหนเท่านั้นเอง
จากประวัติ บอสพอล ที่ออกมาตามสื่อต่างๆ เราจะพบว่า เขามีประสบการณ์ในวัยเด็ก ที่ขมขื่น อย่างรุนแรง เพราะชีวิตยากจน โดนคนดูถูก ทำร้ายทางอารมณ์ ทั้งเขากับแม่มาตลอด ถ้าใครเคยฟังเรื่องส้ม ที่เขาเคยอยากกิน และโดนแม่ค้าด่ากลางตลาด อย่ารุนแรง จนต้องร้องไห้กอดกับแม่ ว่าไม่อยากกินแล้ว และเป็นภาพ trauma ที่เป็นจุดพลิกผัน ให้เขาบอกกับตัวเองว่า ชีวิตต้องหลุดจากจุดนี้ให้ได้ แต่ชีวิตที่เคี่ยวกรำเขาขนาดหนักในวัยเด็ก อาจจะเป็นบ่อเกิด ให้เขามีอาการ ASPD หรือ Antisocial personality disorder
ที่ภาษาไทยเรียกว่าโรคต่อต้านสังคม แต่เอาจริงๆก็คือ โกรธสังคมนี้ และ ตามมาด้วย คาแรคเตอร์ หลายๆอย่างที่คล้ายๆกับที่เราได้เห็น เช่น
1 superficial charm จะเป็นคนมีเสน่ห์ภายนอกอย่างล้นเหลือ ดูเหมือนเป็นมิตร ใครคุยก็ติดใจ สงสารได้แบบง่ายๆ
2 lack of emphathy
แสดงความรู้สึก เพื่อผลประโยชน์ แต่ไม่จริงใจ
3 lack of anxiety or stress.
ไม่แสดงอาการตึงเครียด หรือสับสนในสถานการณ์กดดัน
4 ต้องการการควบคุม หรือครอบงำ คือชอบคอนโทรลคนอื่น จะด้วยวาจา หรือกำลัง หรือน้ำตา คือใช้ได้หมด สามารถไล่ตามความสำเร็จได้ โดยไร้ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
5 ไม่เคารพกฎสังคมหรือกฎหมาย เพราะมองว่าการทำลายกฎเกณฑ์ เป็นสิ่งที่น่าสนใจหรือท้าทาย
จริงๆแล้วมีอีกหลายข้อ ที่ผมดูแล้วเขามีครบ บุคคลที่สำคัญในประวิติศาสตร์ ที่นักจิตวิทยาพยายามวิเคราะห์ ว่าเข้าข่ายพวกนี้ ดังๆ ก็เช่น ฮิตเลอร์ คือคิดใหญ่ขนาดจะครองโลก และดันกล่อมคนทั้งประเทศ ไปทำจริงๆ และคนเสือกเชื่อทั้งหมด ด้วยเสน่ห์ทางการพูดและท่าทางของเขา จนโลกพินาศกลายเป็น สงครามโลกครั้งทีืสอง โดยไม่จำเป็นอะไรเลย คนปกติ ใครมันจะคิดครองทั้งโลก และทำมันให้ได้จริงๆ ให้คนตายไปหลายสิบล้านคน คนคิดต้องมีความบ้าอยู่อย่างแน่นอน
คนแบบนี้ มองทุกอย่างเป็นเกม เป็นพล้อตหนัง ที่เขาสร้างขึ้นมาในหัว สร้างอาณาจักร ซับซ้อน พิสดารโดยใช้ความโลภของคนเป็นตัวตั้ง เพื่อจะคอนโทรลผู้คน ผ่านกิเลสตัณหา
ร้องไห้เมื่อไหร่ก็ได้ ยิ้มเมื่อไหร่ก็ได้ หัวเราะเมื่อไหร่ก็ได้ ไร้อารมณ์ที่แท้จริง และทุกคนคือเบี้ยในกระดานสำหรับเขา
ดารา บรรดาบอสทั้งหลาย เป็นเพียงหมากที่เขาชวนมาวางไว้ตามตำแหน่ง เพื่อให้หมากรุกเขาบรรลุเป้าหมาย
เขารู้ไหม ว่าเกมนี้มีวันจบ รู้แน่นอน และวางหมากไว้แล้ว ว่าจะให้ระเบิดใส่ใครบ้าง ตั้งแต่การเคลียใต้โต๊ะ ที่ผ่านมา เขาอัดเสียงทุกคนไว้หมด ตั้งแต่วันแรก เผลอๆมีภาพวีดีโอ และหลักฐานทั้งหมด แอบฝากขึ้น คลาวด์ไปแล้ว ตอนออกโหน
กระแส การเอาคลิปเสียงว่าติดสินบน เจ้าพนักงาน มาเปิด แบบนั้น ไม่ได้ช่วยอะไรให้ เขาดีขึ้นเลย นอกจากจะเพิ่มคดีติดสินบนเจ้าพนักงาน ให้อีกกระทง คลิปนี้ใครอัดมา ไม่ใช่นักการเมือง ส แน่ๆ ก็คุยกันอยู่สองคน จะหลุดได้ไง ถ้าไม่ใช่ใคร จะตั้งใจจะล่อใครสักคน
ในกองบัญชาการสอบสอนกลาง เจ้าหน้าที่ที่สอบสวนคงเหงื่อออกในห้องแอร์ จากรายชื่อ เทวดา ที่เขาทยอยบอกออกมา เทวดาแทบทั่วฟากฟ้า ประเทศไทย อยู่ในมือบอสพอล พร้อมหลักฐาน ที่บอกว่าเจอในโทรศัพท์ นั่นส่วนน้อยที่เขาตั้งใจให้เจอ อีกเพียบ จะทยอยเปิดออกมา ที่เขาเซฟไว้ข้างนอก โดยให้คนของเขาส่งผ่านพวกเพจดัง เพราะเขารู้ดีว่าการส่งให้ จนท ไปเฉยๆนั้น เทวดาอาจมีฤทธ์ เสกหายๆไปกับสายลม โถ พวกเพจดัง จะไปเอาคลิปเสียงมาจากไหน บอสพอลโทรศัพท์ หายที่มาบุญครองเหรอ เขาตั้งใจรึเปล่าคิดดู
ถ้าเขาอัดทุกอย่างไว้แต่วันแรก เขาตั้งใจจะล่อให้หมดทุกคนสักวันรึเปล่า อันนี้น่าคิด ไม่งั้นจะอัดไว้ทำไม
การบอกกลางรายการโหนกระแส ว่ามีหลายหน่วยงาน ที่รับใต้โต๊ะ และบอกชื่อหน่วยงาน มาด้วย แต่พูดเหมือน สุภาพบุรุษว่า ให้จบที่ผม ไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อน ฟังเหมือนดูดี แต่เอาจริงเข้าคือการแฉ แบบโต้งๆ นายกฟังอยู่ ไม่สั่งสอบทุกหน่วยงาน ก็ต้องโดน 157 แทนแล้ว
แล้วเดี๋ยวหลักฐานจะทยอยลอยออกมาเอง
เขาได้ประโยชน์อะไรจากการแฉ แบบนี้ บอกว่าทำธุรกิจ ปกติ ไม่เคยจ่ายใคร รอกระแสซาๆ แล้วให้เทวดาช่วยปัดเป่า ง่ายกว่าไหม แต่นี่ออกมาเชือดเทวดาโชว์ทีละคน ใครจะกล้าช่วยอีก มึงอัดเสียงแน่นอน เขาทำ ทำไม ถ้าไม่ใช่อารมณ์แบบ ASPD.
คนทุกคนที่อยู่ข้างเขา จะไม่มีวันรู้อะไรทุกเรื่อง เขาจะแยกให้รู้เป็นส่วนๆ เป็นเรื่องๆ เหมือนม้าในกระดานหมากรุก แค่รู้ว่าต้องเดินมายันตรงนี้ แต่ไม่รู้ว่าเกมทั้งหมด คืออะไร จะตายวันไหน ด้วยสาเหตุอะไร พวกหมากในกระดานจะไม่มีวันรู้เลย บอสแซม บอสมิน บอสกันต์ ก็อาจเป็นแค่เรือ แค่โคน สำหรับเขาเท่านั้น
หนังเรื่องนี้ สำหรับเขาสนุกมาก เขาใช้ตัวแสดงจริง ดาราระดับแถวหน้าระดับประเทศจริงๆ ตัวประกอบคือคนจริง ติดสินบนเทวดาจริงๆ พร้อบในฉากระดับ พันล้านจริงๆ ขึ้นบิลบอร์ด ทั่วประเทศจริงๆ ไม่เคยมีซีรี่ส์ไหนทำได้มาก่อน ในประวัติศาสตร์ไทย
เงินอีกลอต เกือบหมื่นล้าน ถูกโอนหายไปในระบบกระเป๋าเงินดิจิตอล โดยที่ จนท ช้าไปเพียง 1 ชม ในขณะที่ สถานที่ที่ลูกน้องถูกจับนั้น ดันมีระเบิดปลอม ทำเหมือนเด๊ะ พร้อมนาฬิกา ทำให้ จนท EOD ต้องลุยนำทัพเข้าไปกู้ พลอตสนุกยิ่งกว่า vegabond ระเบิดปลอมนี้ ได้ข่าวว่าถูกนำมาวางไว้สองอาทิตย์แล้ว ราวกับมีหมอดูมาบอกว่า ดิไอคอน จะโดนแฉ วันนั้น วันนี้ และ จนท จะเข้ามาจับ เอาระเบิดไปวางถ่วงเวลาไว้ได้ ใครหนอ รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าแม่นขนาดนี้
วันนี้สังคมไทยเดือดระอุ ทุกวงการเลือดสาด จนท รัฐ สคบ
วงการบันเทิง วงการสงฆ์ วงการนักร้อง สื่อทุกสื่อ ฯลฯ ออกมาล่อกันยับ สาวไส้กันอีกเละเทะ อีกนาน ไม่รู้เทวดาอีกกีองค์ จะต้องตกสวรรค์ เมื่อหลักฐานแฉออกมา
ทุกคน ทุกบอส ทุกแม่ข่าย เครียดลมจับ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ต่างจากบอสพอล ภาพตัดมา ที่นั่งสมาธิ เย็นใจในที่คุมขัง
นักข่าวบอกเขาเครียด ผมว่าไม่หรอก เขาเย็นใจที่พล้อตหนังของเขา เดินมาตามบทที่เขาวางไว้ไม่สะดุดเลย ใครมันจะบ้านั่งสมาธิ กลางกรงวันแรกที่ถูกจับ โดยไร้อารมณ์แบบนี้ คนปกติที่ไหน จะทำได้ลงคอ
มหากาพย์ เรื่องนี้เพิ่งเริ่ม จะมีผู้คนอีกมากมายที่ต้องเป็นเหยื่อสังเวย เทวดาอีกมากมายจะตกสวรรค์ สังคมไทยเหมือนถูกตบหน้าอย่างจัง ในประวัติศาสตร์ไทย ที่เบื้องหลังฟอนเฟะได้ขนาดนี้
บอสพอล คงอมยิ้มอย่างสะใจ สังคมที่เคยทำร้ายเขาในวัยเด็ก จนเกิด Childhood disrupted. วันนี้ เขากลับมาถล่มทุกวงการคืนอย่างราบคาบแล้ว ถ้าเงิน แปดพันกว่าล้านนั้นคือลอตสุดท้าย ก่อนหน้านี้ ที่โอนไปแล้วล่วงหน้า คงมีอีกไม่รู้เท่าไหร่ น่าจะหลายหมื่นล้าน แต่เขารู้ดีว่า ขนาดคดีแม่ชม้อย ติดคุกหลายแสนปี ติดจริงแค่เจ็ดปี อย่างเขาไม่ถึงห้าปี น่าจะออกมาได้แน่นอน
ตำรวจ: ขอรหัส ดิจิตอล วอลเลต เดี๋ยวนี้
บอสพอล : ผมจำไม่ได้จริงๆครับ (ร้องห่ม ร้องไห้) พีืไม่เคยลืมรหัสเฟสบุคหรือ ใครๆก็ลืมกัน ตั้ง 16 ตัว
ในอนาคตอันไม่ไกล วันที่เขาหลุดจากที่คุมขัง ดิไอคอน ภาคแรก จะจบไป และรหัสนี้จะถูกจำได้อีกครั้ง
เตรียมตัวพบกับ ซี่รี่ภาคสอง กำกับโดยบอสพอล โดยมาในรูปแบบของสถานธรรม อลังกาากว่าภาคแรกอย่างแน่นอน การันตี
นิทานเรื่องนี้ สนุกไหม ขอเชิญนักวิจารณ์ ติชม
To be continued.
มิตรที่เขียนยาวไป
"ถ้ามีใครเห็นผมอยู่ 2 ต่อ 2 กับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยครับ ว่าภาพปลอม"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ศาสนากับลัทธิต่างกันแค่คนที่รู้ว่าเป็นเรื่องต้มตุ๋นตายห่าหมดหรือยัง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ผมใช้ Oculus Quest2 มา 2 ปีกว่า ที่ผ่านมาประสบปัญหาดูหนัง VR 18+ ดูแบบ Video Steaming จาก HDD 5 TB (หรือ SSD 512 GB) ต่อโน๊ตบุ๊ค ผ่าน Wifi
ปัญหาคือ หนังเล่น 5 วินาที สะดุด Video Buffering 2 วินาที น่ารำคาญมาก หมดอารมณ์ดูเลย เป็นทุกๆเรื่อง ใช้งาน 100 ครั้งเกิดอาการสะดุดแบบนี้ 40 ครั้ง
ผมสงสัยหลายอย่าง ครั้งแรกผมใช้ Router Wifi5 ทีแรกก็ใช้งานได้ดี ต่อมา ก็เกิดอาการที่ว่า บ่อยครั้งมากๆ ขึ้น ก็เลยเข้าใจว่า Router น่าจะเริ่มเสีย เพราะ อันนี้เพื่อนผมให้ของเก่าเก็บมาใช้ ผมก็เลยไปซื้อใหม่เป็น Wifi6
แรกๆ ก็ใช้งานได้ดี ลื่นไหล คิดว่าปัญหาจะจบแล้ว ต่อมาเริ่มมีปัญหานี้เกิดขึ้นอีก, ทั้งที่ Router อยู่ใกล้ๆ ห่างแค่ 4 เมตรในห้องเดียวกัน
Router ใหม่ก็เปลี่ยนไปแล้ว เลยคิดว่า
- เครื่องโน๊ตบุ๊คเต็ม พื้นที่ว่าง SSD ในเครื่องเหลือน้อย ขึ้นแถบแดง ก็เลยไปย้ายไฟล์ เคลียร์เครื่องให้โล่ง
- เคลียร์เครื่อง โดยการปิดนู่นนี่ สารพัดทำตามในยูทูป แบบที่่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องโน๊ตบุ๊คให้เร็วขึ้น
- คิดว่าเป็นโปรแกรมโหลดบิต บางตัว หรือ โปรแกรมหนักๆ อย่า Adobe Illustrator ก็ ลบโปรแกรม ที่สงสัยออก
สารพัด....แก้ไขไม่ได้ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย เบื่อมากๆ จะดูหนัง VR ทีต้องลุ้นว่า มันจะเป็นหรือไม่ จนกระทั่งไม่กี่วันนี้ เบื่อมากๆ เลยต้องเอาให้จบ ดูทุกๆ อย่าง ก็เลยไปเช็คดูคุณสมบัติของ Wifi ใน Oculus Quest2
เลยเจอสาเหตุแล้ว ก็คือ Router มันโชว์สถานะเป็น Wifi4, Link Speed 144 Mbps เลยไปรีสตาร์ท Router ใหม่
ปรากฏว่า ลื่นไหล ใช้งานได้ปกติเลยครับ แม้ว่า บางครั้ง สถานะใน Oculus จะเป็น Wifi5 ก็ตาม
สรุป ผมก็พึ่งจะรู้ว่า สถานะของ Wifi ที่เชื่อมต่อจาก Router Wifi6 มันสามารถเปลี่ยนได้เอง เป็น Wifi4, Wifi5, Wifi6
หากสถานะการเชื่อมต่อเป็น Wifi4 จะเกิดปัญหา Video Steaming สะดุด จะเกิดอาการ เล่น 5 วิ สลับ หยุด Video Buffing 2 วิ, ไปรีสตาร์ท Router ใหม่ ก็จะแก้ปัญหานี้ได้ครับ
เอามาแชร์ครับ เผื่อว่าใครประสบปัญหานี้อยู่ ผมเคยไปถามมาหลายๆ ที่แล้ว ไม่มีใครให้คำตอบนี้ได้ครับ
ใช้จนเครื่องจะพังอยู่แล้ว พึ่งรู้เนี่ยครับ
เพื่อนผมคนนึง
รถมอเตอร์ไซค์ โซ่ขาด
ทำให้ไปทำงานวันแรก สาย1 ชั่วโมง
เขาถูกให้ออกจากงานตั้งแต่วันแรก
หมดหนทางไป กลับบ้านนอก
ไปปลูกถั่วงอกขาย ปัจจุบัน
รายได้เดือนละ100,000
รุ่นพี่คนนึง
เลิกกับแฟนเก่าที่ทุ บตีมา10ปี
ครั้งสุดท้าย ถึงกับแ ข น หั ก
ไปแจ้งตำรวจ ก็ได้ไปเจอกับ
ร้อยเวร ที่โสด รักครอบครัว
คบหาดูใจกัน แต่งงานกันปัจจุบัน
เป็นคุณนายตำรวจ มีลูกที่น่ารัก
อีกคนที่รู้จัก
ถูกไล่ที่ทำมาหากินมา10ปี
โดยเจ้าของที่ จะขายตึก
จิตตก คิดไม่ออก จะไปทางไหน
ลูกค้าที่มากินประจำรู้ข่าว
ให้ไปขายแถวบ้าน ขายดีกว่าเก่า
ปัจจุบัน มี 4-5 สาขา รายได้หลักล้าน
ไม่ว่าคุณเจอกับอะไรอยู่
ไม่ว่ามันจะแย่แค่ไหน สิ่งแรกที่ต้องรู้
คือ…เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป ทุกเรื่อง
เมื่อผ่านจุดๆนึงในชีวิต จุดที่ผ่านป้าย “ช่างแx่ง”ในชีวิต
มันมีหลายอย่างที่ปรับความคิดจากคนที่ nice กับทุกคน please กับทุกคน และเป็น giver ให้กับทุกคน มามากพอสมควร ตัวตนเดิมของผม นั้นยังมีอยู่กับคนที่ยังดีกับเราเสมอต้นเสมอปลาย ส่วนคนอื่นๆ ก็น่าจะสังเกตุได้จากเวลาที่เข้ามาขอความช่วยเหลือ
แน่นอนว่าผมอ่านไลน์ แต่ไม่ตอบ, โทรมาก็ไม่รับ, ถ้าส่งข้อความมาขอให้ช่วยอะไร ผมก็บอกไปเลยว่าคิดเท่าไหร่ จากเดิมที่ไม่เคยคิดค่าตอบแทนอะไร และก็นิสัยให้โอกาสคนอย่างน้อย 1 ครั้ง ตอนนี้ก็ไม่มี พฤติกรรมพวกนี้เปลี่ยนไปหมดเลยในชีวิตตอนนี้
มันเหมือนเราเลือกจะ say No และ เลือกที่จะ ตัด อะไร ที่ไม่จำเป็นต้องทำให้ภาวะจิตใจเรา เหนื่อยล้า จากสิ่งรอบตัว ลงไปเยอะมาก และเอาพลังบวกของเรามาใช้เพื่อแก้ปัญหาตัวเราเองได้เต็มที่มากขึ้น ไว้รับมือกับวันแย่ๆได้ดีขึ้น
เลยทำสรุปไว้บางตัวอย่าง เผื่อใครจะนำไปใช้บ้าง ประมาณนี้
❗️ถ้าอารมณ์ดี…อย่าไปรับปากสัญญาอะไรกับใคร
❗️ถ้าจะบอกไม่ชอบใคร…รอให้ผ่านไปวันนึงก่อน แล้วค่อยคิดอีกที
❗️ถ้าไม่ได้รับเชิญ…อย่าเสนอตัว
❗️ถ้าไม่ได้ถูกถาม…อย่าเอ่ยปากพูดออกมา
❗️ถ้าทำอะไรแล้วไม่ได้รับคำว่าขอบคุณ…อย่าทำสิ่งใดให้กับคนๆนั้นอีก
❗️ถ้าเริ่มอารมณ์ไม่ดี…ให้ก้าวเท้าเดินประมาณ 10 นาที
❗️ถ้าไม่ถูกใจอะไร…อย่าพูดออกมา
"รักชาติแบบเกลียดฝรั่ง แต่อวยจีน แบกจีน เวลคัมจีนให้มาถลุงทรัพยากรไทย นี่ก็ไม่รู้รักชาติแบบใด"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>930 รักชาติพันธุ์ไง จีนยังไงก็เอเชีย หน้าตา ศิลปะ วัฒนธรรมไม่ต่างจากเราเท่าไหร่ บ้านพี่เมืองน้อง
ไม่เหมือนพวกฝรั่งที่ทั้งเหยียด ทั้งดูถูก (แต่เสแสร้งทำว่าให้เกียรติ) ยัดเยียดแนวคิดมันเข้าหัวไม่หยุด (woke)
โดยเฉพาะไอ้พวกลิงดำ ถ้ากูมีอำนาจจะจับไอ้พวกลิงดำไปอยู่ในสวนสัตว์ให้หมด
I don’t really do endorsements. I’m not shy about sharing my views, but I hate politics and don’t trust most politicians.
I also understand that people want to hear from me because I am not just a celebrity, I am a former Republican Governor.
My time as Governor taught me to love policy and ignore politics. I’m proud of the work I did to help clean up our air, create jobs, balance the budget, make the biggest infrastructure investment in state history, and take power from the politicians and give it back to the people when it comes to our redistricting process and our primaries in California.
That’s policy. It requires working with the other side, not insulting them to win your next election, and I know it isn’t sexy to most people, but I love it when I can help make people’s lives better with policies, like I still do through my institute at USC, where we fight for clean air and stripping the power from the politicians who rig the system against the people.
Let me be honest with you: I don’t like either party right now. My Republicans have forgotten the beauty of the free market, driven up deficits, and rejected election results. Democrats aren’t any better at dealing with deficits, and I worry about their local policies hurting our cities with increased crime.
It is probably not a surprise that I hate politics more than ever, which, if you are a normal person who isn’t addicted to this crap, you probably understand.
I want to tune out.
But I can’t. Because rejecting the results of an election is as un-American as it gets. To someone like me who talks to people all over the world and still knows America is the shining city on a hill, calling America is a trash can for the world is so unpatriotic, it makes me furious.
And I will always be an American before I am a Republican.
That’s why, this week, I am voting for Kamala Harris and Tim Walz.
I’m sharing it with all of you because I think there are a lot of you who feel like I do. You don’t recognize our country. And you are right to be furious.
For decades, we’ve talked about the national debt. For decades, we’ve talked about comprehensive immigration reform that secures the border while fixing our broken immigration system. And Washington does nothing.
The problems just keep rolling, and we all keep getting angrier, because the only people that benefit from problems aren’t you, the people. The only people that benefit from this crap are the politicians who prefer having talking points to win elections to the public service that will make Americans’ lives better.
It is a just game to them. But it is life for my fellow Americans. We should be pissed!
But a candidate who won’t respect your vote unless it is for him, a candidate who will send his followers to storm the Capitol while he watches with a Diet Coke, a candidate who has shown no ability to work to pass any policy besides a tax cut that helped his donors and other rich people like me but helped no one else else, a candidate who thinks Americans who disagree with him are the bigger enemies than China, Russia, or North Korea - that won’t solve our problems.
It will just be four more years of bullshit with no results that makes us angrier and angrier, more divided, and more hateful.
We need to close the door on this chapter of American history, and I know that former President Trump won’t do that. He will divide, he will insult, he will find new ways to be more un-American than he already has been, and we, the people, will get nothing but more anger.
That’s enough reason for me to share my vote with all of you. I want to move forward as a country, and even though I have plenty of disagreements with their platform, I think the only way to do that is with Harris and Walz.
Vote this week. Turn the page and put this junk behind us.
And even if you disagree with me, vote, because that’s what we do as Americans. http://vote.org
ในช่วงพีคของชีวิต แต่ยังไม่ใช่สุดยอดนะ
เขาเตะกูลงพื้น แต่กูยังยืนหยัดอยู่
จากห้องนั่งเล่นที่เคยสบาย ไปสู่ท้องถนน
ชีวิตมันสู้แม่ง ทุกอย่างคือการต่อสู้ แต่เชื่อเถอะ กูพร้อมลุยสัส
เรื่องมันเป็นแบบนี้แหละ
ถนนสู่สวรรค์ กูขับไปคนเดียว
ถูกไล่ออกจากวงการ ทิ้งกูไว้ตายอย่างเหี้ย
ใจแข็งจนไม่เหลือใคร แต่กูยังเชื่อในพระเจ้า
จิตใจอยู่ใต้ดวงอาทิตย์ กูจะทำให้ได้
ชีวิตมันยากซะเหลือเกิน กูถือพวงมาลัย
แก้ปัญหาที่มันทิ้งไว้ให้
ไม่มีใครจะช่วยมึงในวันที่ลำบาก
ชีวิตนี้จะสอนมึงให้ล้มลง แต่กูไม่ยอมแพ้
อยู่ในเรื่องเหี้ย นี่แหละวิธีที่มันเป็นไป
ทุกคนรู้ดีว่าชีวิตไม่เคยง่าย
แต่กูยังเดินต่อไปด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้
ในโลกที่แสนโหดร้าย กูจะสู้ต่อไปเรื่อยๆ
"น่าเสียดาย คนไทยจำนวนมาก เข้าใจว่าอเมริกาเป็น "ประชาธิปไตย"
ถ้าเอาการเลือกตั้งแบบอเมริกาไปให้ประเทศยุโรปจำนวนมากใช้ รับรองว่าประชาชนเขาไม่เอา"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"How can someone support the liberal party in Thailand and also back Trump? Or support Thai conservatives and still root for Kamala?"
Well, today you learned, politics is a spectrum, it’s about agendas and benefits, and people’s minds are deeper and more sophisticated than a dumbass like you can handle."
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ดัน ขึ้น
"“พระ” ถ้ามีมากเกินไปก็ไม่ดี เพราะเป็น “ส่วนเกิน” ในระบบเศรษฐกิจ ดูดซับเงินจากสังคมไป แต่คืนกลับมาใช้ประโยชน์ได้ต่ำ ถ้าเม็ดเงินก้อนเดียวกันไหลไปสู่มูลนิธิการศึกษา หรือมูลนิธิของโรงพยาบาล สังคมจะได้ประโยชน์มากกว่า ไม่นับว่าแรงงานที่หายไป สร้างประโยชน์ได้มากกว่าไปบวช"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"คนจบครูจะชอบบอกว่าพวกจบ เพียวอิ้ง เพียวแมท เพียวเคม พวกนี้ชอบมาแย่งงานครู ไม่ได้เรียนจิตวิทยาเด็กแบบครู สอนได้ดีไม่ได้หรอก คือทุกวันนี้ครูที่เรียนจิตวิทยาเด็กมาสภาพแต่ละคนที่ออกข่าว นี่ขนาดเรียนมาละนะ ยังไม่นับความรู้ด้านวิชาการก็ยังสู้เอกที่จบโดยตรงไม่ได้อีก งง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คนแห่กรี๊ดปานเทพ ว่าหล่อเนี๊ยบ แต่งตัวดี เป็นยิปมัน พูดจาน่าฟัง มีเหตุผล งัดง้างทนายสายหยุดอยู่หมัด
อย่ามองเรื่องคดีทนายตั้มกับมาดามอ้อย เป็นเรื่องระดับชาติ แค่ทนายขี้โกงหลอกเงินเศรษฐี และตำรวจเช็คบิลแค้นเก่า
ปานเทพกับค่ายพระอาทิตย์กำลังระดมกำลังจะจัดอะไรสักอย่างในปีหน้า ไม่งั้นการมาโหนกระแส ระดับสนธิยังต้องโทรไปอวยพร และถึงกับออกปากว่า
เป็นตอนที่ดีที่สุดของโหนกระแส เพราะรายการนี้ไม่เคยได้คนดีและเก่งแบบปานเทพมาออกรายการ ที่ผ่านมามีแต่คนไม่มีคุณภาพ พูดจาไม่รู้เรื่อง
สนธิชอบเหยียดคนเป็นปกติ คนแห่เรียกสื่ออาวุโส คนต้องเกรงใจคงลืมเรื่องปิดสนามบินและคดีโกงเงินไปแล้ว
และคนก็ลืมว่าปานเทพเป็นพวกคลั่งเจ้ากระหายเลือด พร้อมระดมคนทำร้ายคนเห็นต่าง สันดานข้างในแบบนี้ต่างหากที่ควรขยะแขยง!!
เจอกับตัวเองถึงได้เกลียดและแค้น!!
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พวกไม่ลอยกระทงมันก็แค่เบื่อ ไม่อินกับงานเทศกาลเท่านั้นแหละ แต่ใครมันจะโง่บอกว่าเบื่อเล้วขี้เกียจไป ในเมื่อบอกว่าไม่ไปเพราะรักษ์โลก ลดขยะในแม่น้ำ มันดูเท่กว่า
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>943 ยุคนี้บอกรักษ์โลกมันดูฉลาดทันยุคสมัยสุดละ จะให้บอกว่าอยากนอนอยู่บ้านดูหนังเล่นเกมเดี๋ยวแม่งจะหาว่าขี้เกียจ โง่ ไม่มีอนาคตอีก
สุดท้ายมันก็แค่วันๆนึง พรุ่งนี้ตื่นมาออกไปเที่ยวห้างจะทิ้งขวดน้ำในมือแต่ไม่มีถังขยะแล้วพวกแม่งจะคิดได้เหมือนวันนี้รึเปล่ากูก็ไม่รู้
คนดูช่องพรี่บี้หายไปไหนหมด จากที่ไปเสาะหาตามกลุ่มแล้วหลักๆก็
- คอนเทนต์ช่องดูจับฉ่ายมาก คือพี่แกเล่นทำเกือบทุกอย่าง ทั้งล้อเลียน
ทำอาหาร แช่งกิน ไปเที่ยว ทำคลิปเกาะกระแส บลาๆ กลายเป็นว่าคนดูก็ไม่รู้ว่าช่องนี้เน้นทำคอนเทนต์เกี่ยวกับอะไรกันแน่?
- คอนเทนต์ก็ดูจะซ้ำๆเดิมๆจนไม่สามารถสร้างฐานคนดูหน้าใหม่ได้
- คนจะเน้นไปดูคลิปสั้นหรือตตกันหมด จะเห็นว่ายอดวิวคลิปสั้นพี่บี้จะเยอะว่าคลิปยาวในช่องอีก
- ทีมงานใหม่ดูไม่คุ้นเคยหรือโดดเด่นอะไรมากนัก
- อีกอย่างนึงคือถ้าคุณพรี่ไม่ทำร้านหมูกะทะแล้วก็น่าจะบอกเป็นทางเลยว่า
เลิกกิจการหรือเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นก็ว่าไป
ทั้งหมดก็ที่คิดได้มีเท่านี้แหละ
ใครทำทีวี 3-4 ปีที่ผ่านมา น่าจะเคยผ่านวิกฤต อมาโด้ กันมาทั้งนั้น
อยู่ๆ มาซื้อโฆษณาทั้งลักษณะไทอิน หรือ เทเลเซลส์ ก่อนรายการ – หลังรายการ หรือระหว่างรายการ
1.30 นาที 3 นาที บางช่องที่ค่าโฆษณาไม่สูง เขาซื้อ 9 - 10 นาทีก็มี
ใครรับผิดชอบช่วงเวลารายการที่เชื่อมกับอมาโด้ ล้วนเคยเอาเท้าก่ายหน้าผาก
เข้าใจแหละว่า เจ้าของช่อง หรือเจ้าของเวลาอยากได้เงิน แต่ระดับปฏิบัติการคงเคยได้คำขู่ “คุณแสดงความรับผิดชอบยังไง”
เพราะพอเข้าช่วงอมาโด้ คนเปลี่ยนช่องหนี จะให้กลับมาก็ยาก เรตติ้งพินาศกันหมด
พยายามโยกโน่นนี่ในรายการเพื่อดึงคนดูกันจนหมดวิชา แต่แก้วิกฤต อมาโด้ ไม่ได้จริงๆ 55555+
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
มีช่องยูทูบเบอร์ ทำคอนเท้นท์วิเคราะห์สถานะการณ์ พี่บี้ เดอะสกา ว่ายอดวิวตกเพราะสาเหตุใด แล้วก็มีพูดถึงเดอะสกา หมูกระทะ ซึ่งผมเห็นด้วยอยู่อย่างนึง ในฐานะที่ผมเองก็มีการทำเพจอาหาร การที่คุณบี้ ใช้พื้นที่โซเชี่ยลมีเดีย ในการโปรโมตประชาสัมพันธ์ร้านอาหารของตัวเองเป็นหลัก และเป็นการสื่อสารที่ทรงพลัง เพราะมีคนติดตามมาก ตอนเปิดก็ขนเอาเครือข่ายเพื่อน ๆ ยูทูบเบอร์ดัง ๆ มาช่วยโปรโมตเต็มไปหมด แต่ตอนเลิกกิจการ หรือปิดร้าน ควรใช้พื้นที่โซเชี่ยลที่เดิม ในการแจ้งคนติดตาม หรือลูกค้าว่า กิจการเลิกไปแล้ว ไม่ใช่รอให้คนไปถึงหน้าร้าน แล้วพบว่าร้านเลิกกิจการ รายงานบนกูเกิ้ลแมพว่าร้านปิด หรือต้องให้คนมาซุบซิบกันเองว่า ร้านปิดยังวะ เอ๊ะ กูว่าไม่นะ หรือว่าปิดแล้ว ยังไงดี
.
.
โซเชี่ยลใช้ประชาสัมพันธ์โปรโมตร้านได้ แล้วก็ใช้แจ้งอย่างจริงใจแก่ลูกค้าก็ได้ ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม แม้ว่าจะเป็นข่าวสารว่าต้องปิดร้าน ซึ่งไม่แน่ใจว่า ที่ไม่โพสแจ้งลูกค้าเพราะอายที่ตัวเองปิดกิจการหรือเปล่า แต่พี่บี้ก็เคยสอนว่า การเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง มันก็ดีมากไม่ใช่หรอ ไม่ต้องกลัวคนบูลลี่ เพราะคนเข้าใจพี่บี้ยังมีอีกเยอะแยะ เราแจ้งให้ลูกค้าเราที่เรารักดีกว่า ซึ่งปัจจุบัน เพจหลักเดอะสกา หมูกระทะ ที่เคยมี ก็ค้นหาไม่เจอแล้ว ถ้าเราจริงใจ และมีคนเข้าใจ คนที่เข้าใจเรา เขาจะช่วยเราพยุงเวลาเราต้องการลุกขึ้นยืน
.
.
ใส่ใจคนที่เขารักเราดีกว่า นั่นคือคนที่อาจจะเคยดูคลิปแล้วคิดถึงว่าพี่บี้เปิดร้านหมูกระทะ แล้วจะตามไปกิน แต่พอไปถึงแล้วพบว่าร้านปิด ดังนั้นเราควรแจ้งลูกค้า ส่วนคนจะแซะจะติ จะติงก็ช่างมันปะไร ยังไงก็ไม่มาอุดหนุนเราอยู่แล้ว
ในขณะที่ข้นอีสานทำหนังบักเสี่ยวแต่ได้ตังค์ ชาวเชียงใหม่ก็ทำหนังอาร์ตหนังติสต์อยู่นะครับ ถ้าทำหนังล้อเลียนคนดอยฮาๆ แบบพี่โจวบอกนี่อุตสาหกรรมหนังภาคเหนืออาจจะรุ่งเรืองไปแล้วก็ได้อ่ะครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อยาดูหนังของสาวเชียงราย
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.