ตี๋น้อย!!!! อีกไม่ไกล จะโค่น MK แล้ว!? (ทำไม ทำไม ทำไม : อ่าน "อารมณ์" ของผมได้ข้างท้ายๆ ครับ)
4 ปี รายได้ "ตี๋น้อย" โตขึ้นเกิน 10 เท่า! (หรือคิดเป็น 950%) ล่าสุดของปี 66 แตะ 5,244 ล้านบาท!
เทียบกับ MK นั้น 4 ปีผ่านไป ทรงๆ อยู่ที่ 16,974 ล้านบาท (หดลง 5%)
แบบนี้ ทางการเงิน ถือว่า "ไม่ไกล" --- อย่างน้อยที่สุด คือ "ทาบชั้นเดียวกัน" แล้ว
อยู่ที่ว่า "ตี๋น้อย" จะรักษาอัตราการเติบโต เร็ว & แรง ทะลักหม้อได้แค่ไหน
(ย้ำอีกครั้ง แค่ 4 ปีเท่านั้น จาก 500 ล้าน เด้งเป็น 5,000 ล้าน --- ฉะนั้น 15,000 นี่ไม่เกินรัศมีตะเกียบคีบเลยนะครับท่าน)
ปุดๆ --- สมรภูมินี้เดือด
ฟากกำไร ตี๋น้อย ผ่านไป 4 ปี โตขึ้น 60 เท่า! (คิดเป็นเกือบ 6,000%) ปี 66 สูงถึง 913 ล้านบาท
ขณะที่ MK สวนทาง เตี้ยลง 35% หล่นมาที่ 1,682 ล้านบาท
ถ้าเป็นกำไรนี่ ใกล้มากแล้ว ...
ก็ยังงงๆ MK นะ กำไรน้อยลงได้ไง ขายแพงขึ้นซะขนาดนั้น!!!
ไม่ต้องวิเคราะห์อะไรมากหรอก ของงี้มัน "ตำตา" และ "คาปาก"
กินตี๋น้อยแล้วมันสะใจ (โว้ย)
ผมเองเพิ่งเคยกินครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว และก็ต้องตะลึงพรึงเพริด "อะไรมันจะ(รู้สึก)ดีขนาดนี้(วะ)"
ก็ต้องยอมรับความจริงว่า เห็นร้านแว่บแรก ... อืมม์ มันไม่ได้ดูรื่นตานักหรอก (ก็ "เอ๊ะ" เบาๆ ในใจ) แต่เฮ้ย ถ้าคิวมันจะยาวขนาดนี้ คนมันจะแน่นร้านขนาดนี้ มันต้องมีดีอะไรแหละน่า
มันเป็นมื้อที่สนุกมากนะครับ ผมก็บอกไม่ได้ว่าทำไมกินตี๋น้อยแล้วอารมณ์มันเตลิดเพริดแพร้วปานนั้น
รสชาติ สำหรับผม ก็ดุดันกระแทกปากกระชากลิ้นพอสมควร
คนอื่น ไม่รู้ แต่ตัวผม อร่อย! --- และที่สำคัญ อร่อยแล้วอยาก "ซ้ำ"
(หลายๆ ร้าน ก็อร่อยใช้ได้นะ แต่ไม่รู้สึกถวิลหา)
นี่ผ่านไป 2-3 สัปดาห์ จู่ๆ อาการจะผุดขึ้นมา ทำงานแล้วไม่มีสมาธิ กระสับกระส่าย งุ่นง่าน เหงื่อออกมือ ใจหวิว ... สุดท้าย ต้องแก้ด้วยการไปกินตี๋น้อย!!!
หายเป็นปลิดทิ้ง
นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ MK เคยพยายามจะสร้างนะครับ
"เหมือนบ้านเพื่อน" --- ผมได้ฟีลนั้น เวลาไปตี๋น้อย
บรรยากาศแห่งความสรวลเสเฮฮา ผมนึกถึงตี๋น้อย มันผ่อนคลาย มันอยากนั่งเล่นนานๆ มันอยากหยิบนู่นจับนี่ ซุกซน สนุกสนาน
MK ฆ่าสิ่งนี้ของตัวเองนะครับ
ต่อให้ไม่ใช่ตี๋น้อย ก็ต้องมีอะไรสักอย่างมาแย่งไปอยู่ดีแหละ ...
ก่อนนี้ (20-30 ปีก่อน) วันเกิดก็ MK / รับปริญญาก็ MK / เลื่อนตำแหน่งก็ MK / เลี้ยงส่งก็ MK / จู่ๆ ครึ้มอกครึ้มใจอยากกินก็ MK
อะไรๆ ก็ MK --- ครอบครัว เพื่อน ที่ทำงาน แขก ฯลฯ
หลังๆ ราคา "ไม่อนุญาต" ให้เป็นเช่นนั้นครับท่าน
สมัยนู้น ยังมี MK Gold หรือ MK Live อะไรนั่น เพื่อพยายามจะแยก "ไฮ-เอนด์" ตลาดบน
วันนี้ ไม่ต้องแยกแล้ว!!! ราคาไอ้ MK เฉยๆ เปล่าๆ เนี่ยก็ไฮแสนไฮสุดไฮละจ้า
ถ้าไม่ถูกเลขท้าย 3 ตัว หรือไม่ได้โบนัสจัดหนักมา ผมรู้สึกสะท้านใจเกินไปที่จะควักกระเป๋าให้ MK นะครับ
และยุคนี้ มันเปลี่ยนไปเยอะมากแล้วล่ะครับ ของดีๆ จากนอกจากใน หรือจากไหนที่เปิดขึ้นมาเอง มันงอกยั้วเยี้ยเต็มไปหมดละครับ
ของกินดีๆ ในบ้านเรา มีให้เลือกเยอะมากๆ ๆ ๆ
ราคาแบบ MK (หรืออาจสูงกว่า MK หน่อยๆ) สามารถหากางได้เพียบละครับ
MK จะขายใคร ผมก็ยังงงๆ
ผมว่าไปจริงจังเรื่อง Image Branding จนเพี้ยนไป
เมื่อก่อน "สบายๆ"
ผมว่าตอนโน้น (เมื่อนานมาแล้ว) MK น่ารักมาก มีเล่นกับกระดาษรองจาน ซึ่งจะมีเรื่องราวให้คนมาอ่าน เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
กระดาษรองแก้วเอย อะไรพวกนั้น เป็นลูกเล่นเล็กๆ ที่กุ๊กกิ๊ก มุ้งมิ้ง แบบเด็กๆ
ตอนหลัง ก็มาเน้นพวกนวัตกรรม พัฒนาสิ่งละอันพันละน้อยให้ล้ำกว่าเจ้าอื่นๆ ในประเทศ --- น่าจะเรียกได้ว่า "ชั้นนำ" เลยนะครับ (แต่ในราคาที่พอ "รับได้")
ลองย้อนความทรงจำ หม้อไฟฟ้าน่ะเจ้าแรกๆ เลย แล้วเทคโนโลยีกดคิว หรือเครื่องดิจิตอลเล็กๆ ที่พนักงานใช้สื่อสารกันตอนสั่งอาหาร ไม่มีเจ้าไหนมาก่อนแน่ๆ (อดีตเป็นเครื่องวิทยุ แล้วพอเปลี่ยนเป็นเครื่องดิจิตอลกดๆ นี่ โอ้โห น่าตื่นตาตื่นใจมาก)
ทำไปทำมา กลายเป็น "ติดหรู"
หรูซะจนคนปีนตามไม่ทัน
ขณะที่ตี๋น้อย อารมณ์มันเหมือน "นั่งพื้นเปิบ" ในราคามิตรภาพ แต่กินจุใจแบบ "เอาตาย"
(และก็น่าประหลาด ร้านอื่นๆ ในแนวๆ ตี๋น้อยก็มีไม่ใช่น้อยเลย
แต่ไปแล้วกลับไม่ประทับใจ --- บ้างก็มี ที่รสชาติเนียนกว่า บ้างก็มี ที่คุณภาพวัตถุดิบดีกว่า บ้างก็มี ที่ร้านสะอาดสะอ้านเรียบร้อยกว่า ฯลฯ ... แต่กลับไม่รัญจวนใจเรา รัดรึงใจเราเท่าตี๋น้อย)
ปะ เที่ยงนี้ ตี๋น้อยกันมั้ยครับ!
(แขนด้านขวาสุดในภาพ คือ แขนผมจริงๆ)