ศึกคาร์คอฟเป็นจุดหักเหที่สำคัญ หลังจากกองทัพยูเครน หรือถ้าจะพูดความจริงกองทหารนาโต้สามารถลุยทะลุทะลวงกองทัพรัสเซียทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนได้ นาโต้รู้ดีว่าทหารรัสเซียมีจำนวนไม่มากที่จะรักษาเขตแดนที่มีความยาว1,000กิโลเมตร จึงถือโอกาสรัดมพล30,000นายตีโต้
ทำให้กองทัพรัสเซียต้องถอยร่นอย่างไม่เป็นท่า ลำพังทหารยูเครนไม่ได้มีศักยภาพเพียงพอที่จะสร้างความเสียหายให้กองทัพรัสเซียได้ระดับนี้ เนื่องจากรัสเซียไม่ได้โหมสงครามยูเครนตั้งแต่ต้น เพราะว่าใช้ทหารในสัดส่วนเพียง1:3ในการทำสงครามยูเครน โดยเน้นการใช้อาวุธหนัก
ไม่ว่าจะเป็นปืนใหญ่ จรวด ขีปนาวุธ หรือการบอมบ์ทางอากาศมากกว่าในสงครามที่จำกัดความเสียหายของทั้งทรัพย์สินและพลเรือน ปูตินจึงเรียกสงครามยูเครนว่าปฏิบัติการพิเศษทางทหาร Special Military Operation ในใจ รัสเซียยังคงแคร์ยูเครนอยู่ เพราะว่าบ้านเมืองเคยเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียมาก่อน
ไม่เหมือนกับสงครามอิรัค ที่สหรัฐส่งเครื่องบินไปบอมบ์อย่างไม่ยั้งมือเป็นเวลายาวนานอย่างต่อเนื่อง โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของชีวิตของประชาชน และบ้านเรือน เนื่องจากต้องการให้อิรัคกลับไปอยู่ยุคหิน
ในขณะที่ยูเครนกำลังลำพองใจที่สามารถตีโต้รัสเซียในคาร์คอฟได้ และคุยโวว่าสงครามมาถึงจุดหักเหที่จะนำไปสู่ความพ่ายแพ้ของรัสเซียในที่สุด รัสเซียกลับไปตั้งหลัก รวบรวมกำลังพลใหม่เพื่อทำการตอบโต้
ศึกคาร์คอฟทำให้เพนตากอนได้ทีในการเพิ่มงบประมาณทางทหารเข้าไปในยูเครน สมประโยชน์ของพวกMilitary Industrial Complex ที่ต้องการก่อสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้น และเปิดทางให้สหรัฐส่งอาวุธที่มีอานุภาพที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งขีปนาวุธพิสัยไกลระดับ300ไมล์ให้ยูเครนประหัตประหารรัสเซีย
สงครามยูเครนเป็นอีกตัวอย่างที่คลาสสิคของการแบ่งแยกและปกครอง (Divide and Conquer)ที่กลุ่มแองโกลอเมริกันกำลังใช้กับยูเครนและรัสเซีย
เป้าหมายอขงกลุ่มแองโกลอเมริกันคือทำให้รัสเซียอ่อนแอลง หรือทำลายรัสเซีย ล้มระบอบปูติน และเข้าไปยึดครองทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของรัสเซียผ่านรัฐบาลโนมินี
จะเห็นได้ว่า กลุ่มแองโกลอเมริกันไม่ได้สนใจใยดีกับยูเครนว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ต้องการให้ยูเครนรบจนไม่เหลือทหารแม้แต่คนเดียวด้วยซ้ำ เพื่อสร้างบอบช้ำให้รัสเซียให้มากที่สุด
ยูเครนเคยเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ถูกยั่วยุให้ชิงชังรัสเซียเข้ากระดูกผ่านการปลุกระดมด้วยลัทธินาซี ยูเครนถูกแบ่งแยกออกไป เพื่อง่ายต่อการปกครอง และเพื่อทำให้รัสเซียอ่อนกำลังลง ผู้ที่ได้ประโยชน์ที่แท้จริงคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังนาโต้ที่ลงทุนน้อย
ในขณะที่รัสเซียต้องลงทุนทำสงครามยูเครนเพื่อปกป้องดินแดนรัสเซียส่วนที่เหลือ ส่วนยูเครนจะเสียหายยับเยินจนส้ินชาติ ในขณะที่นาโต้สร้างภาพว่าอยู่วงนอกของความขัดแย้ง เพียงแต่ให้ความช่วยเหลือยูเครนทางอาวุธปัจจัย และมีทางเลือกที่จะแอบเข้าไปทำสงครามในยูเครนแบบลับๆได้เพื่อจำกัดความเสียหาย
รัสเซียคงต้องเปลี่ยนเป้าหมายของสงครามยูเครนจากปฏิบัติการพิเศษทางทหารเป็นสงครามที่เต็มรูปแบบโดยไม่ต้องเกรงใจกันอีกต่อไป
แต่เพราะท่านปูตินเป็นคนใจดี คิดว่าไม่น่าจะมีสงครามเต็มรูปแบบ