สังคม ancap มันเคยเกิดขึ้นนะ แล้วผมไม่เคยแปลกใจกับความคิดเห็นทำนองแบบคุณเท่าไหร่ เพราะ
1.) คุณอยู่ในโลกที่อยู่ภายใต้ modern state คุณก็จะมี mindset ที่ต้องสยบสมยอมอย่างไม่สมัครใจกับการกระทำของคนที่มีอำนาจสูงกว่า ดังนั้น ความคิดคุณจึงจะมองว่าสิ่งที่ outside เลยมันเป็นไปไม่ได้... มันสุดโต่ง คนที่คิดแบบนี้มันอันตราย ดังที่ Murray N. Rothbard เคยพูดเปรยไว้ใน Anatomy of the state ไว้ว่า "สิ่งที่อันตรายที่สุดของรัฐคือการปล่อยให้ปัญญาชนวิจารณ์มัน" ถ้าคุณจะเถียงว่ารัฐยังคง "จำเป็น" ผมไม่ว่าอะไรกับโลกแห่งความเป็นจริง ณ ตอนนี้นะ แต่ถ้าพูดถึงว่า "มันได้ไหม" หรือ "มันเป็นไปได้ไหม" ผมต้องขอตอบว่าทำได้และเป็นไปได้ ยกตัวอย่างเช่น Republic of Cospaia ที่อยู่ได้ถึง 386 ปี หรือ Acadia อยู่ได้ถึง 105 ปี และอื่น ๆ หรือ ใกล้เคยอีกก้คือ Old Swiss Confederacy
2.) รายละเอียดเกี่ยวกับรัฐมี function อะไรที่จะมอบพลเมืองตัวเองได้บ้างเช่น สาธารณูโภค, สาธารณสุข, ทหารและอื่น ๆ ถ้าพูดอย่างเป็นกลางจริง ๆ "ควร" พูดว่า สิ่งที่กล่าวมาเอกชนมันก็ทำได้ กล่าวคือ ชุมชนหนึ่งสามารถสร้างถนนเองและเก็บค่าผ่านทาง/ค่าเหยียบได้, บริษัทหนึ่งสามารถเป็นบริษัททหารในรูปแบบ mercenary/private militia ที่จงรักภักดีต่อนายจ้างได้ และอื่นๆ ทีนี้ถ้าจะถกเถียงกันก็ต้องไปดูตัวอย่างครับและเหตุผลเบื้องหน้าเบื้องหลังถึงความสำเร็จและล้มเหลว ด้วย literature ทั้งสองฝ่าย....
3.) ผมชื่นชอบคนเรียนเศรษฐศาสตร์นะ แต่มันก็ต้องจำเป็นต้องตั้งคำถามทางเศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะคำถาม "พื้นฐาน" ของเศรษฐศาสตร์ ทุกวันนี้เราเห็นพวกจบ PhD, postdoctoral, professor หรือใครหลายคนมักจะเป็นพวกมองข้ามพื้นฐานของศาสตร์ที่ตนเชี่ยวชาญ ยกตัวอย่างเช่น การแทรกแซงของรัฐในเรื่องหนึ่งมันมี trade-off อย่างไรบ้าง? เป็นต้น
แต่บ่อยครั้งเราจะพบว่ามีบางคนพยายาม balance ความคิดตลาดกับรัฐอยู่ซึ่งเป็นไปไม่ได้ สัจธรรมของโลกต้องเอียงไปทางด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น การผสมของแนวคิดในประเด็นหนึ่งให้ลงตัวมันเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นจะสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาโดยอาจมีลักษณะบางอย่างเหมือนกันกับสิ่งอื่น
4.) ถ้าพูดถึง "ภาษี" ก็ต้องยอมรับ logic ที่เหมือนกับการเก็บภาษีได้
ยกตัวอย่างเช่น ภาษีเป็นการที่เราถูกบังคับจ่ายผ่านการออกกฎหมาย ถ้าไม่จ่ายมีความผิดติดตาราง ดังนั้นมันจึงมีการเปรียบเทียบว่ามันคือ "การปล้น" ในที่นี้คุณเห็นด้วยเพราะจำเป็นต้องพึ่งพากัน ผมเปรียบเทียบแบบนี้ให้เห็นภาพนะ สมมติคุณต้องการให้สังคมมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คุณให้โจรมาปล้นของบ้านคนรวยหรือร้านขายของไปให้คนยากจน คุณยอมรับการปล้นของโจรใช่หรือไม่หากต้องการสร้างสังคมที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่? คุณอาจจะมองว่ามันคนละเรื่องนะ แต่ภาษีก้มีหน้าที่ในการสร้างสังคมที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วยการทำสวัสดิการโดยการปล้นเงินคนอื่นมาแจกให้คนจนและคนที่ไม่ได้จ่ายภาษี นี่คือประเด็นปัญหาของภาษี อีกอย่างสวัสดิการโดยรัฐไม่เคยคุ้ม คุณเอาเวลาไปสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง ปล่อยกลไกตลาดทำงานในภาคประกันสังคมและการกุศลยังมีประสิทธิภาพกว่าอีก