Last posted
Total of 612 posts
🤯 ทำไมนักธุรกิจชื่อดังระดับโลก มาบอกกันเต็มไปหมดเลยว่า เราจะเกิด Recession? 🤯
🚫 มันจะเกิด Recession เราจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย!! จงเก็บเงิน หดตัว สำรองเงินเอาไว้ซะ!!
Jeff #Bezos ออกมากล่าว
Elon #Musk ออกมากล่าว
Jamie #Dimon ออกมากล่าว
Bill #Gates ออกมากล่าว
😒 พวกเขามาบอกเพราะ พวกเค้ารักเรา ประชาชนเราๆ หรอหรอ?
💸 ย้อนกลับไปดู #2008 the Great #Recession ที่มีธนาคารกว่า 500 แห่ง เจ๊งระนาว ทั่วอเมริกา
โดนฟ้องล้มละลาย มูลค่าต่ำน้อยนิด... ใครไปรับซื้อ ธนาคารราคาแสนถูกเหล่านั้นละ?
🏛 ก็ธนาคารชื่อดัง ระดับโลก ที่เงินเหลือๆ เช่น #JPMorgan #Chase / #Goldman Sachs / #BankOfAmerica
📊 10 ปีผ่านไป... ทุกวัน ธนาคารชื่อดังเหล่านี้ มูลค่าบริษัท โตขึ้นหลายเด้ง...
***
📣 จริงๆแล้ว กลุ่มคนเงินสดเหลือๆ เหล่านี้ละ... ที่เงินเหลือๆ เป็นกลุ่มที่พยายามกระจายข้อมูล การเกิด Recession ปี 2022 - 2023 มากที่สุด...
🤑 ให้เราขายสินทรัพย์ราคาถูก... ให้เราคายของออกมา... และ กลุ่มคนเงินสดเหลือๆ รับซื้อไปให้รวยกว่าเดิมในอนาคตหรือเปล่า?
***
💵 สรุปตอนนี้ เราควรขาย / ถือ หรือ ซื้อ กันแน่?!? 💵
🕒 time will tell everything - เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง 🕒
ขอขอบคุณข้อมูลจาก #Quiver #Quantitative
#EarthDeFIRE รายงาน 01/12/2022
ข้อความอะไรก็ตามที่มีอีโมจิแทรกเยอะๆ ไม่เคยมีอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ
https://www.youtube.com/watch?v=AfmBdKoqq1o
สัมภาษณ์ SBF
โปรดใช้จักรยานในการรับฟังเพื่อจะตัดสินว่าจริงใจหรือตอแหล
https://www.reuters.com/technology/how-secret-software-change-allowed-ftx-use-client-money-2022-12-13/
ไม่เรียกมิจฉาชีพก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้วแบบนี้
เริ่มมีเสียง hype โทคเคนของอเมซอนมาละ
ตามความคิดกู
-โทคเคนของบริษัทเป็นแค่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทไม่ใช่หุ้นของบริษัท บริษัทใหญ่ มั่นคง ฯลฯ ไม่ได้หมายความว่าโทคเคนจะต้องสัมพันธ์ด้วย
ไม่เชื่อไปดูสุสานกูเกิลได้ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทใหญ่ที่ล้มเหลวมีมากมาย ทุกคนยังจำ Stadia ได้ใช่มั้ย
ว่าไปก็เป็นมายาคติอันนึงที่คนมีต่อ bitcub สมัยก่อนเหมือนกัน ที่บริษัทบอกว่าจะทำโน่นทำนี่มากมาย
คนแยกไม่ออกระหว่างตัวบริษัทกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท
-อเมซอนไม่ใช่บริษัทที่แคร์ชื่อเสียงมากเท่าที่หลายคนคิด ปฏิบัติกับพนักงานเลวร้ายมาก
หนังของอเมซอนก็ย่ำยีอะไรต่างๆมาเยอะ รวมทั้งลอร์ดออฟเดอะริง แต่บริษัทก็ยังอยู่สุขสบายดี ไม่เห็นต้องแคร์
>>289 นอกเรื่องหน่อยนะ มึงทำให้กูกลับไปค้น Google Graveyards เลยหว่ะ แต่สิ่งที่กูพบมานะ .... มันมีคนที่เห็นสิ่งที่Google ทำล้มเหลวแต่ไปหยิบมาปรับปรุงเอง แล้วพัฒนาให้ดีกว่าจนนิยมได้ด้วยนะ ใช้สิ่งที่สมัยนี้มีลบข้อจำกัดอื่นๆไปก็มีนะ แบบพวกno-code tools แบบApp makerนี่แหละ อากู๋ทำเองแม่งเจ๊ง แต่คนอื่นเอาไปทำดันปังกว่าซะงั้น
จากกรณี FTX เห็นคริปโตโบรบางคนเปลี่ยนบทบรรยายเป็น ต่อไปมีกฎเกณฑ์และการกำกับดูแลจากรัฐจะทำให้คนเชื่อมั่นขึ้น
และจะทำให้ราคาขึ้นในท้ายที่สุด
wtf แต่ก่อนยังสรรเสริญว่าคริปโตประเสริฐเพราะไม่อยู่ใต้กฎเกณฑ์และการกำกับดูแลของรัฐอยู่เลย
แต่ก่อนโจมตีว่ากฎเกณฑ์และการกำกับดูแลของรัฐเป็นสิ่งชั่วร้าย นึกจะเปลี่ยนจุดยืนก็เปลี่ยนได้ง่ายๆยังงี้เลย
ว่าแต่มีรัฐมากำกับมันก็ไม่ decentralized แล้วมั้ยวะ สูญเสียเอกลักษณ์ไปแล้วยังจะมีเหตุผลอะไรให้ยังต้องสนใจ
ผมคิดว่า 112 กับ Bitcoin Standard มันน่าจะคนละกรณีนะครับ
คือการที่คุณจะไปแก้ 112 มันเหมือนตอนนี้ม๊อบแม่งแลกหมดหน้าตัก แล้วก็มีพวกคอมมี่ นั่นเข้าไปผสมโรงด้วย พร้อมทั้งนโยบายสร้างความเท่าเทียมเชิงผลลัพธ์เสียทุกอย่าง
แน่นอนว่าผมไม่เห็นด้วยกับ 112 ผมก็อยากให้มันมีความยุติธรรมมากกว่านี้ ซึ่งไอ้ความยุติธรรมระหว่างเรากับรัฐ แม่งไม่เท่ากัน
ตรงจุดนั้นเองผมเลยเข้าใจว่า ควรช่างแม่ง
แต่ Bitcoin Standard มันคนละเรื่อง
Bitcoin คือเรื่องของ individual ล้วนๆ เมื่อคุณเข้าไปศึกษา มันมีทั้ง ทฤษฎีเกม ทฤษฎีผลประโยชน์ ทฤษฎีการที่เราเอาตัวกลางของออกไในระบบ เสรีภาพในการผลิต เสรีภาพในตลาดเสรีทุนนิยม นี่คือเงินที่ใครก็มีสิทธิแตะต้องได้ไม่ว่าจะซ้ายหรือขวา(แม้ว่าผมจะเป็นขวาที่ไม่สนใจพวกมาร์กซ์นะ)
ผมเชื่อว่าหากมีใครเห็นผลประโยชน์อยู่ บิทคอยน์จะชนะ อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่ต้องไปทำร้ายใคร
มันอยู่ที่16-17kมานานมากละ หลังจากวิเคราะห์มา1เดือนสัญชาติญานกูบอกว่านี่คือหลุมของcycleนี้แน่ๆ รวมเงินจากที่เก็บมา5ปีช้อนมาได้แค่ 2btc อีก6เดือนกูคงไม่รวย แต่อย่างน้อยก็น่าจะได้กำไรซัก2เท่าล่ะวะ
อะไรวะ สิ้นปี ไบแนน จะไปอีกรายแล้วกรอวะ อันดับ 1ของโลกด้วย บิทคอยน์ ที่เขาว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ก็น่าจะจริงสินะ
แต่ซักพักก็ลงเหมือนเดิม
ราคาบิทคอยเพิ่มทุกปีเพราะinflation ทำไมติ่งเหรียญถึงเกลียดinflationครับในเมื่อพวกมึงหาแดกกับinflation
btcแข็งแกร่งมาก ขนาดมีแต่ข่าวร้ายbtcยังทรงตัวอยู่ได้ ถ้าเป็นตลาดหุ้นป่านนี้ระเบิดไปแล้ว คนที่เล่นหุ้นอยู่แล้วยังไม่แบ่งพอร์ตมาช้อนbtcแสดงว่าโคตรมือใหม่
BRICS มีเพื่อให้คนทั่วไปคิดว่าทองคำจะกลับมาทำหน้าที่ Store of value แต่จริงๆแล้ว มีเพื่อดึงดูดความสนใจให้คนที่ไม่เข้าใจออกห่างจาก Bitcoin แล้วเหล่าอีลิทก็แอบโยกย้ายความมั่งคั่งไปสู่ Bitcoin ก่อนที่ Fiat จะพังทลาย
หนุ่มพิการถูกแอพธนาคารโอนเงินเกลี้ยงบัญชีโดยที่ไม่ได้โอน
นี่เป็นเพราะระบบความเชื่อใจของแอพธนาคาร ในตอนนี้ระบบความเชื่อใจนั้นกำลังพังทลายลงมาอย่างช้าๆ โดยเฉพาะการที่เราพึ่งพาความเชื่อใจในเงิน fiat มากเกินไป คนที่ถือเงินของเราสามารถทำอะไรกับเงินของเราก็ได้ เพราะตัวเราไม่ได้ถือเงินนั้นจริงๆ แต่มีคนกลางถือเงินให้
ยิ่งระบบในปัจจุบันการ h a c k สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้นการเชื่อใจ (Centralization) จะเริ่มถูกลดความสำคัญลง ความไม่เชื่อใจในระบบต่างหากที่สามารถ สร้างระบบให้ยั่งยืนขึ้นมาได้
https://nypost.com/2020/10/16/plane-passenger-caught-smuggling-gold-in-rectum-to-avoid-taxes/
ผู้โดยสายโดนจับเพราะขนทองออกจากประเทศ - นี่เป็นปัญหาใหญ่ของโลกใบนี้อย่างมาก การที่คนๆนึงจะสามารถโอนย้ายสินทรัพย์ได้ แต่ดันมีกฎหมายบังคับไม่ให้โอนย้ายความมั่งคั่งที่เขาทำมาทั้งชีวิตเพื่อไปตั้งตัวที่ประเทศอื่น แต่ประเทศนั้นกลับห้ามไม่ให้เอาความมั่งคั่งที่เขาได้ทำมาตลอดทั้งชีวิตไปด้วย บังคับให้ผู้คนต้องใช้ชีวิตอย่างถูกบังคับไม่ให้สามารถไปตั้งตัวที่ประเทศอื่นได้เลย เนื่องจากกฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม
btc จะเป็นทางออกในการโอนย้ายความมั่งคั่งของชีวิตคุณได้ เพราะการที่คุณจะเอาทองออกนอกประเทศนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ทุกรัฐไม่อยากให้ความมั่งคั่งที่คุณได้สร้างไว้ ใช้แรงงานความเหนื่อยยากทั้งชีวิตที่คุณได้ทำมา ไม่ให้คุณได้โอกาสออกไปตั้งตัวที่ประเทศอื่นเลย การบังคับแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อคุณใช้ btc ในการโอนย้ายความมั่งคั่งให้กับตัวเอง
มันจะลงต่อเมื่อคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นก้นหลุม
มันจะขึ้นต่อเมื่อคนส่วนใหญ่สิ้นหวังในคริปโต
ถ้ายังไม่ถูกนำไปใช้งานจริงจังก็ทำได้แค่วิ่งตามบอทกระดานเทรด
ถ้าทำแล้วรวยจริงจะมาชวนคนอื่นเพิ่มคู่แข่งทำไม
คำถามนี่ใช้ได้ตั้งแต่แม่ชม้อยจนมาถึงบิดโคย
>>313 ในฐานะ btc maxi เราไม่ได้โปรโมทเพื่อหวังรวยนะครับ เราโปรโมทเพื่อสร้างทางเลือกและการไม่ถูกเผด็จการกดทับ การที่คุณใช้เงิน fiat ที่ถูกลดคุณค่าด้วยเงินเฟ้อลงทุกวันๆ ทำให้คุณไม่สามารถเก็บสะสมความมั่งคั่งได้อย่างแท้จริง btc จะเป็นทางเลือกนึงนอกจากการสะสมความมั่งคั่งให้ตัวเองแล้ว ยังไม่ถูกบังคับให้เงินต้องลดมูลค่าลงทุกวันโดยการโปรโมทว่าเงินเฟ้อปีละ 2% ทำให้เศรษฐกิจเดินหน้า แล้วคนคิดก็เป็นพวกอีลิทที่ได้โนเบลส่งเสริมให้เมกาทำ QE ทุกปีๆ
btc จะเป็นทางออกในการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ ต่อต้านระบบเผด็จการที่ส่งเสริมการพิมพ์เงินทำให้เงินเฟ้อ เป็นการสร้างเสรีภาพต่อผู้คนอย่างแท้จริงครับ
การสะสม btc ที่ดีที่สุดคือคุณต้องทำงาน หาเงิน และสะสม btc ครับ เพื่ออนาคตของคุณและลูกหลายจะไม่โดนพวกเผด็จการบังคับเอาเงินคุณไปจากมือคุณทั้งที่คุณได้สะสมเงิน (sound money) ด้วยหยาดเหงื่อและแรงงานอันมีคุณค่าของคุณไป
ในอนาคตอันไม่ไกลนี้ ทุกรัฐบาลจะกลายเป็นเผด็จการบีบบังคับเอาเงินจากคุณไป ไม่ว่าจะภาษีที่ต้องเสีย หรือการสร้างเงินเฟ้อ 2% ทุกปี แต่เงินเฟ้อที่แท้จริงได้ขึ้นไปถึง 10% ทุกปี แต่เป็นข้ออ้างนโยบายของรัฐ
รัฐคอยจะจ้องเอาเงินจากคุณไปไม่ว่าทางตรงและทางอ้อมอย่างแน่นอน แต่ btc รัฐไม่สามารถเอาไปได้ การเก็บความมั่งคั่งไว้กับตัวเอง สามารถเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ที่เราได้หามาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก
รัฐไทยในตอนนี้กำลังเร่งเก็บภาษีมากขึ้น และเร่งการสร้างเงินเฟ้อทุกทางไม่ว่าจะเป็นภาษีน้ำมัน ภาษีสรรพสามิต ทำให้ราคาพลังงานมากขึ้นโดยที่ไม่จำเป็น และเป็นการสร้างเงินเฟ้อมากขึ้นเรื่อง
btc จะเป็นทางหนีปัญหาของปัจเจกบุคคลอย่างแน่นอน เพราะการที่ btc ไม่สามารถสร้างเพิ่มได้ มีแค่ 21M BTC แต่เงินบาทมีไม่จำกัด รัฐบาลสามารถแจ้งให้ธปท. ผลิตเงินเพิ่มได้ทุกปี ยิ่งเห็นได้ว่าปริมาณเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่อัตรา 2% อีกต่อไปแล้วนะครับ อัตราเงินเฟ้อที่แท้จริงเผลอๆจะขึ้นไปถึง 10%-20% แล้วในตอนนี้
เดิมทีอัตราเงินเฟ้อควรคิดจากพื้นฐานปัจจัยสี่ คือ อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่ และยารักษาโรค ปัจจุบันนี้ ที่อยู่ถูกตัดออกจากการคำนวนค่าเงินเฟ้อ ทำให้เงินเฟ้อที่แท้จริงๆควรไปถึง 10% แล้วไม่ใช่ 2% การที่คนไม่มีที่อยู่มากขึ้นเพราะรัฐบาลเร่งดันราคาที่ดินทำให้เฟ้อมากขึ้น แต่รัฐก็กลับกลอกว่าเงินเฟ้อแค่ 2% โดยที่ไม่มีการเอาที่ดินมาคิดคำนวนด้วย การที่มีคนไร้บ้านมากขึ้นทุกปี ทำให้เห็นภาพชัดเจนเลยว่าจริงๆแล้ว เงินเฟ้อที่รัฐสร้างไว้จะอยู่ที่ 10%-20% ต่อปี ตามที่อีลีตโนเบลไพรส์ได้บอกไว้
>>317 หายไปเมื่อเทียบกับ ดอลล่า แล้วไง การที่คุณถือเงินfiat เหมือนกับคุณอยู่ใต้เผด็จการ การใช้เงินที่เป็น sound money อย่างแท้จริง ต้องไม่สามารถเพิ่ม-ลดในระบบได้ แค่ดอลล่าลดลง สร้างเงินฝืด แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขเงินเฟ้อได้ แถมรัฐยังไม่ยอมตอบด้วยทำไมค่า CPI ถึงไม่รวมที่ดิน เพราะถ้ารวมไปด้วย อัตราเงินเฟ้อจะเกินจริงอย่างมากมากมหาศาล จริงๆแล้ว เราไม่ได้อยู่ในสภาวะเงินเฟ้อ 2% อย่างที่เราเข้าใจ ตั้งแต่ที่ อเมริกาตัด gold standard ออกจากระบบการเงิน ทำให้อัตราเงินเฟ้อที่แท้จริงประเมินค่าไม่ได้ แล้วถ้าเทียบกันระหว่างราคา btc ที่ลดลง แต่การที่ดอลล่าไม่สามารถซื้อสินค้าจำเป็นอย่างที่ดินเท่าเดิมไม่ได้แล้ว ก็ไม่ต่างกันที่ดอลล่าถูกลดมูลค่าลงโดยรัฐบาลเผด็จการที่ทำให้คนจนลงเรื่อยๆ เพื่อให้ประชาชนจต้องพึ่งพิงรัฐสวัสดิการต่อไปเรื่อยๆ สร้างความอดอยากมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่คนของรัฐบาลเท่านั้นที่ได้ประโยชน์จากการพิมพ์เงินอย่างไร้ขีดจำกัด
btc maxi อย่างเราเชื่ออย่างมันใจว่า การถือ btc และการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ด้วย btc ต่างหาก ถึงจะเป็นการใช้สิ่งที่เรียกว่า sound money อย่างมีคุณค่าที่แท้จริง ถ้าเราทุกคนพร้อมกันต่อต้องรัฐเผด็จการที่พิมพ์เงินได้อย่างไม่จำกัด เพื่ออุ้มชูบางกิจการให้รอดเท่านั้น ไม่ได้สร้างความมั่งคั่งให้ประชาชนอย่างแท้จริง เงิน fiat ก็เปรียบได้กับเงินที่ไร้คุณค่า เพราะต้องคอยแลกเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์อื่นตลอดเวลาเพื่อทำการปั่นมูลค่าของเงิน fiat นั้น
แม้ในตอนนี้รัฐหยุดพิมพ์เงินออกมาบางส่วนแล้ว แต่ในอนาคตรัฐจะพิมพ์เงิน fiat ยังไม่มีจำกัดต่อไปแน่นอน เพราะรัฐไม่อาจจะทนการที่เงินเฟ้อที่แท้จริงไม่ได้ จนต้องพิมพ์เงินมาอีกครั้ง ท้ายที่สุด btc ก็จะกลับมามีมูลค่าใหม่อีกครั้งนึง
ฝากแง่คิดไว้ละกัน
“The world is not driven by greed. It's driven by envy.” ชาลี มังเกอร์
โลกไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยความโลภ แต่โลกขับเคลื่อนด้วยความอิจฉา
'In my life, I try and avoid things that are stupid and evil and make me look bad in comparison to somebody else - and bitcoin does all three.' ชาลีมังเกอร์
ตอนแรกชอบเอาไอ้แซมแบงแมนมาขี่คอกันใหญ่พวกติ่งเหรียญเนี่ย พอโดนจับโป๊ะแล้วแม่งกลายเป็นโวลเดอมอร์ ติ่งเหรียญไม่กล้าเอ่ยชื่อกันเพราะอาย
>>326
เป็น"คนดี"เพราะเคยบริจาคให้นักการเมืองเยอะไง ประกันตัวหลายร้อยล้านแต่เอาจริงไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท คนค้ำรัฐก็ปิดเป็นความลับให้
จริงๆไม่ควรให้ประกันแต่แรก บาฮามาสยังไม่ยอมให้ประกันเลย ระบบยุติธรรมเมกาถึงดีกว่าไทย แต่ก็ยังฟอนเฟะอยู่
เอาเงินที่ลูกค้าฝากไปใช้เองนี่คนดีตายห่าละ การกระทำแบบนี้ภาษาไทยเรียกยักยอกเงิน
ส่วนพวกที่บอกว่าให้ถือ BTC ต้านเงินเฟ้อนี่ตลก
กูเห็นเงินเฟื้อหนักๆทีไรราคา BTC ลงหนักกว่าทุกที
ป.ล. ฺBinance นี่ก็เป็นแดนสนธยาโคตรๆ แม้แต่เงินที่เอามาลงทุนก่อตั้งคนยังไม่รู้เลยว่าเอามาจากไหน แสดงแต่ทรัพย์สินไม่แสดง liabilities
แอบซ่อนอะไรไว้เยอะแน่นอน
แซมคนดี?
ไบแนนซ์เมื่อก่อนก็เป็นเพื่อนซี้แซมไม่ใช่เรอะ ตั้งแต่สมัยแซมทำกิมจิพรีเมี่ยมจนรวยน่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=hl-6GpwoTfA
เอาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไปดูนะครับ จะได้ตาสว่าง
Bull run ยัง?
How free are you? คุณว่างแค่ไหนกันในระบบมาตรฐานเฟียต มีหลายอย่างในการดำรงชีวิตที่สอดคล้อง และเชื่อมโยงกันหมดอย่างกับถูกว่างแผนมาเป็นอย่างดี มีผู้คนมากมายที่ทำงานมากขึ้นเพียงเพื่อรักษาคุณภาพชีวิตเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้น.
ถ้าเรามัวแต่ใช้เวลาไปกับการหาปลาโดยที่ไม่ได้พัฒนาทักษะเราก็จะหาปลาได้วันละเท่าเดิม
แต่ถ้าเราแบ่งเวลามาพัฒนาทักษะอุปกรณ์ทุ่นแรงสักนิดเราก็จะสามารถหาปลาได้มากขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลง
ระบบมาตรฐานเฟียตทำให้ชีวิตเราแย่ลง.. ผมเชื่อว่าเงินที่ดีจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น และเงินที่ดีจะต้องหายากการหาเงินที่ง่ายที่สุดจึงเป็นการพัฒนา
>>339
bot ก็มาว่ะ
แต่เล่นด้วยก็ได้ ติ่งคริปโตทั้งหลายถ้ามึงอยากได้ปลาเยอะ แทนที่มึงจะเอาเงินไปซื้อเหรียญคนอื่นมึงก็ไปหัดเขียน blockchain มาซะ
ทีนี้มึงจะเสกเหรียญของตัวเองขึ้นมากี่เหรียญกี่รอบก็ได้
คนที่ทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำที่สุดในยุคตื่นทองไม่ใช่นักขุดทอง แต่คือคนขายอุปกรณ์ขุด
Keep them busy, keep them hungry, make them feel smart, and they'll never notice they are being robbed. It's how you play this game.
ในระบบเฟียต การอยู่สบาย ๆ ไม่เคยมีอยู่ในความเป็นจริง
รัฐทำให้คนรู้สึกว่ามีเงินเฟียตมีเท่าไหร่ก็ไม่พอ ยิ่งรวยยิ่งกระวนกระวาย
เพราะเงินมันถูกทำลายมูลค่าอยู่ตลอด
หลายคนจึง monetize สินทรัพย์อื่นเพื่อหนีตาย หุ้น บ้าน ที่ดิน รถหรู กระเป๋าหรู ของสะสม
แต่กระนั้น เขาก็ต้องรับกับความเสี่ยงของสินทรัพย์หลากหลายประเภท
ต้องหาทางเพิ่มรายได้เพื่อรักษาระดับ lifestyle ที่แพงขึ้นตลอดเวลา
ต้องเก็งกำไร ต้องทำธุรกิจที่เสี่ยงเกินความจำเป็น ต้องหาทางเข้าใกล้ก๊อกผลิตเงินให้มากที่สุด
ต้องท่องว่าโลกนี้ไม่มีขาวดำเพื่อให้ไม่รู้สึกผิด
นี่แหละครับ ผลของมัน ผู้คนที่อยู่ในมันตะเกียกตะกายที่จะออกจากมันโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
ภายนอกดูดี แต่ภายในลุกเป็นไฟตลอดเวลา
เพียงเพราะเงินไม่สามารถทำหน้าที่อันดับหนึ่งของเงินได้
ถ้าเงินไม่เฟ้อ จะรองรับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นได้ยังไง
กูถามคำถามนี้เป็นร้อยรอบในมู้นี้แล้ว ไม่เห็นนักเคี้ยวเอื้องอวยเหรียญจะตอบได้ซักครั้ง
Behind FIAT Curtain Ep.1 : เราคือคนที่พาเด็ก ๆ ไปอยู่ในระบบ Fiat
“การสร้างเด็กให้แข็งแรงนั้น ง่ายกว่าการซ่อมผู้ใหญ่ที่เกิดความเสียหายแล้ว”
“It is easier to build strong children than to repair broken men.” – Frederick Douglass
ระบบ Fiat คือระบบที่ทำตามคำสั่งหรือแผนการเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้ “ใครบางคน” โดยไม่ได้สนใจผลกระทบที่เกิดกับ “คนที่อยู่ในระบบ”
ผมจะพาทุกคนมาดูระบบ Fiat ผ่านจุดเริ่มต้นของชีวิตกันนั่นก็คือเด็ก ๆ
เมื่อทารกคลอดจากท้องแม่ และเสียงแรกของชีวิตได้ดังขึ้น ทารกจะได้รับการชำระล้างตัวครั้งแรก ด้วยการเช็ดตัวเพื่อกำจัดเลือด ไข น้ำคร่ำ และสิ่ง (ที่เหมือนจะ) สกปรกออกจากตัวทารก แล้วห่อตัวด้วยผ้า ก่อนจะพามาหาพ่อแม่ เพื่อรับอ้อมกอดและสัมผัสแรกของครอบครัว จากนั้นทารกจะถูกนำไปสู่ห้องแรกคลอด และให้คุณแม่ได้พักฟื้นความเหน็ดเหนื่อยจากการคลอดทารก และนี่แหละครับ คือจุดเริ่มต้นของการได้สัมผัส Fiat Product ชิ้นแรกของทารก
Product รอบตัวเราคือ Fiat Product
สำหรับทารกที่โชคดีหน่อย จะได้รับการชำระล้างร่างกายด้วย “สบู่เด็ก” ซึ่งเป็นสบู่ที่มีความเป็นกรดด่างหรือมีค่า pH ใกล้เคียงกับผิวหนังของเขา คือประมาณ pH 5.5 ทำให้เด็กแรกคลอดนั้นไม่จำเป็นต้องทาสิ่งใดบำรุง ผิวก็เนียนนุ่มน่าสัมผัส เพราะค่า pH ของผิวหนังมนุษย์คือ 4.7 – 5.75 (ที่มา https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/18489300/) ซึ่งด้วยสภาวะ pH นี้ เชื้อประจำถิ่นที่อยู่บนผิวหนังจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพผิวหนังและสุขภาพโดยรวมด้วย
หยุดเรื่องราวตรงนี้นิดนึงครับ เพราะคุณอาจจะเริ่มสงสัยว่าผิวหนังเรามีเชื้ออะไรด้วยหรือ? ทำไมถึงเคยได้ยินแต่เชื้อในลำไส้?
คำตอบคือ “มีครับ” (ที่มา : https://www.nature.com/articles/nrmicro.2017.157)
ลองนึกภาพเมื่อเราไล่สังเกตไปตามผิวหนังด้านนอก เข้าไปภายในปาก ลึกลงมาตามหลอดอาหาร ตกมาที่กระเพาะ กลิ้งไปตามลำไส้ จนมาเจอทางออกที่ก้น เราจะพบว่ามันคือผิวหนังผืนเดียวกัน ไม่มีการตัดขาดเลย ดังนั้นมันจึงมีสภาวะโดยพื้นฐานเหมือนกัน คือมีเชื้อประจำถิ่นอยู่ และเชื้อเหล่านี้มีหน้าที่ปกป้องเราจากโรคภัย มลภาวะ และสารพิษ รวมถึงมีส่วนในการสร้างกลิ่นตัวของเราขึ้นมา ซึ่งเชื้อเหล่านี้จะอยู่ได้ในสภาวะที่เป็นกรดอ่อน ๆ ดังนั้นจึงอาจสรุปง่าย ๆ ได้ว่า “ตัวเราทุกตารางมิลลิเมตร ล้วนมีเชื้อประจำถิ่นอยู่ทั้งสิ้น” ซึ่งเมื่อเชื้อเหล่านี้เสียสมดุล ย่อมจะส่งผลต่อร่างกาย รวมถึงการเกิด “โรคภัยไข้เจ็บ” ที่เราอาจจะคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ซึ่งผมจะขอเก็บประเด็นนี้ไว้ขยายความในบทถัด ๆ ไปนะครับ
กลับมาในเรื่องทารกของเรากันต่อ ในบางสถานพยาบาล หรือเมื่อพ่อแม่พาทารกกลับบ้านไปแล้วไม่ได้ใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก จะเกิดอะไรขึ้น? เพราะสบู่โดยทั้่วไป pH ประมาณ 8-9 ซึ่งมีความเป็นด่างคนละขั้วกับของผิวหนังเลยทีเดียว ถ้าเราจำเรื่องกรดด่างในวิชาวิทยาศาสตร์ได้ เมื่อกรดเจอด่าง จะกลายเป็น “เกลือ” และเกลือมีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำด้วย แบบนี้จะเกิดอะไรขึ้นที่ผิวหนังครับ? ให้เวลาคุณลองหยุดคิดดูแป๊บนึง…
ใช่แล้วครับ ผิวหนังของเราจะเสียสมดุล pH และเชื้อประจำถิ่นจะเริ่มเกิดปัญหา จนผิวหนังเราจะขาดความชุ่มชื้น แห้ง ลอกเป็นขุย และระคายเคือง แล้วจะแก้ปัญหานี้ยังไงดี?
การถือกำเนิดของ Fiat Product ตัวถัดมา
เพื่อแก้ปัญหาผิวหนังขาดความชุ่มชื้นและระคายเคือง เป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเกิด Fiat Product ตัวถัดมาอย่างผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ นี่ยังไม่นับเกลือที่ถูกชะล้างลงพื้นผิวในห้องน้ำจนเกิดเป็นขี้เกลือและทำให้พื้นลื่นอีก ซึ่งหลาย ๆ ครอบครัวก็เลือกใช้สารพิษในการจัดการกับพื้นลื่นที่ว่านี้ ซึ่งผมยังไม่ขอลงรายละเอียดในตอนนี้นะครับ เดี๋ยวจะพาให้เรื่องทารกของเราไม่จบ
เมื่อช่วงต้นของบทความ ผมได้เกริ่นไว้ว่า “ทารกที่โชคดีหน่อยจะได้รับการชำระล้างร่างกายด้วยสบู่เด็ก” แต่ไม่รู้ว่าคุณสังเกตหรือเปล่าครับว่ามันแปลว่าอะไร? มันน่าสงสัยไหม?
เพราะถึงแม้ว่าทารกจะได้ใช้ Product ที่เหมาะสมต่อสภาพผิวหนังแล้ว แต่ถ้าเราลองมาดูส่วนผสมอื่น ๆ ของ Product นั้น จะพบว่ามีบางสารที่ส่งผลเสียต่อผิวหนังรวมอยู่ด้วย เช่น สารที่อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง เป็นผื่น หรือเกิดอาการแพ้ได้ หรือมีสารที่ฆ่าและกำจัดเชื้อตามธรรมชาติที่ผิวหนัง รวมถึงสารที่ขจัดไขมันโดยธรรมชาติของผิวหนังออกไป
ทีนี้พอพูดถึงเรื่องการขจัดไขมันโดยธรรมชาติของผิวหนังออกไป Fiat Product นั้นทำให้เราเชื่อว่า “ไขมันที่ผิวนั้นสกปรก” เมื่ออาบน้ำจึงควรใช้ Fiat Product ขจัดไขมันเหล่านั้นออก แล้วใส่กลิ่นหอมลงไปในส่วนผสมแทน
ผมอยากให้ลองวางความเคยชินลงก่อนนะครับ เพราะการที่เราใช้ Fiat Product ตัวแรกเพื่อเอาไขมันธรรมชาติที่ร่างกายสร้างขึ้นออกไปจากผิว แล้วไปเติมไขมันดัดแปลงที่ไม่ได้มาจากธรรมชาติจาก Fiat Product ตัวที่สองมาทาที่ผิวแทน คุณคิดว่ามันแปลก ๆ ไหมครับ?
“ทำไมเราเอาสิ่งดี ๆ ที่ร่างกายสร้างออก แล้วเอาสิ่งดัดแปลงผิดธรรมชาติมาแทนที่?”
สิ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นย่อมมีเหตุผลเสมอ และไม่เคยสร้างขึ้นเพื่อทำร้ายหรือฆ่าเราแน่นอน อย่างเช่นไขมันที่ผิวนั้นร่างกายสร้างขึ้นเพื่อเก็บกักความชุ่มชื้น ลดการอักเสบจากสิ่งต่าง ๆ และเป็นอาหารให้กับเชื้อที่ผิวหนัง หรือแม้กระทั่งเรื่องสารฆ่าเชื้อที่ถูกผสมอยู่ใน Fiat Product ที่ผมได้บอกมาตั้งแต่ข้างต้นแล้วว่า เชื้อที่ผิวมีประโยชน์มากมาย แล้วเราไปฆ่าเชื้อเหล่านี้เพื่ออะไร?
คุณเคยได้กลิ่นตัวเด็กทารกไหมครับ? ทำไมถึงหอมติดไปถึงเสื้อผ้า เรียกว่าเปิดเข้าห้องนอนไปก็ได้กลิ่นเหล่านี้ฟุ้งอยู่ ซึ่งเป็นกลิ่นที่พ่อแม่ชอบมาก ๆ แต่ทำไมเมื่อเด็กเหล่านี้โตขึ้น กลับพบว่ากลิ่นเหล่านี้เริ่มจางลงเรื่อย ๆ นั่นเป็นเพราะเชื้อที่ผิวของเด็กเสียสมดุล
หรือแม้แต่กลิ่นที่รักแร้เมื่อโตขึ้นก็เริ่มกลายเป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งก็เกิดขึ้นเพราะเหตุผลเดียวกันครับ ซึ่งทำให้เราต้องเริ่มใช้แป้งโรยตัว ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นต่างๆ หรือแม้กระทั่งน้ำหอม เพื่อกลบกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ด้วยกลิ่นหอมสังเคราะห์แทน
ดังนั้นถ้าเราอยากบำรุงผิวทารกหรือกระทั่งผิวของตัวเราเองจากภายนอก หลักการคือการจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับเชื้อประจำถิ่น และให้อาหารแก่เชื้อเหล่านี้ครับ สุดท้ายการบำรุงผิวของเด็กนั้นก็แค่เสริมน้ำมันจากธรรมชาติมาทาที่ผิว เช่น น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น เพราะเป็นธรรมชาติ และเป็นอาหารให้กับเชื้อที่ผิวด้วย ทำให้เชื้อแข็งแรงและสร้างสารที่ดีมีประโยชน์ต่อผิว โดยน้ำมันธรรมชาติเหล่านี้จะซึมสู่ผิวของเราอีกด้วย และความสำคัญอีกประการก็คือน้ำมันธรรมชาติเหล่านี้ ยังทำหน้าที่เป็นสารกันแดดโดยธรรมชาติอีกด้วย
ดังนั้นจริง ๆ แล้ว “ทารกที่โชคดีที่สุด” คือทารกที่ถูกดูแลโดยใช้เพียงแค่น้ำสะอาดที่ได้จากธรรมชาติเพื่อล้างสิ่งสกปรกจริง ๆ ที่ติดผิวมาในระหว่างวัน แล้วบำรุงด้วยน้ำมันสกัดที่มาจากธรรมชาติ เท่านั้นเองครับ
พอจะมองเห็นถึง “สายพานระบบ Fiat” ที่ได้เริ่มต้นกับตัวทารกหรือยังครับ? จาก Fiat Product ที่ 1 ชำระล้างออก, Fiat Product ที่ 2 ใส่คืน, Fiat Product ที่ 3 ใส่เพิ่ม และ Fiat Product ที่ 4 5 6 7 8 ตามมาอีกมากมาย ทั้ง ๆ ที่สิ่งเหล่านี้ร่างกายเราและธรรมชาติรอบตัวล้วนมีให้เรียบร้อยแล้วทั้งสิ้น
When Fiat started, it continues forever.
คราวนี้ผมจะคุยเรื่องการรับอาหารของทารกกันบ้าง ส่วนใหญ่เราจะได้รับข้อมูลการรณรงค์ให้เลี้ยงทารกด้วยน้ำนมจากคุณแม่ จนถึงอย่างน้อย 1 ขวบ ซึ่งผมไม่ได้บอกว่าข้อมูลนี้เป็น Fiat นะครับ เพราะจริง ๆ แล้วการให้นมทารกอย่างน้อยจนถึงอายุ 1 ขวบ ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ที่ทำให้คุณแม่บางท่านไม่สามารถให้นมเด็กทารกได้ถึง 1 ขวบ หรือให้น้ำนมไม่ได้เลย ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะเราสามารถชดเชยด้วยการจัดอาหารหรือให้สารอาหารที่เหมาะสมกับทารกหรือเด็กได้ในภายหลัง
แต่สิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อจากนี้ คือหลังจากที่ทารกหรือเด็กเหล่านี้เริ่ม “หย่านม” ต่างหากครับ
เพราะเมื่อเริ่มหย่านม ทารกก็จะเข้าสู่การดูดนมจากขวด และสิ่งที่เกี่ยวข้องในที่นี้คือ “จุกนม” เราจะพบว่าในท้องตลาดจะมีจุกนมมากมายหลายแบบหลายรูปทรง แถมระบุคุณสมบัติมากมายเพื่อให้ตรงใจคุณพ่อคุณแม่ ไม่ว่าจะการใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด การออกแบบมาให้เหมือนหัวนมแม่ มีรูปแบบที่ดูดง่ายหรือช่วยให้เด็กไม่เหนื่อยเวลาดูด บลา บลา บลา…
"คุณรู้ไหมว่าการเลือกใช้จุกนม จะมีผลต่อชีวิตของเด็กตลอดไปเลยนะครับ"
พอได้ยินแบบนี้บางคนอาจจะบอกว่า “เวอร์!!!”! ซึ่งไม่เแปลกครับเพราะสิ่งเหล่านี้บุคลากรด้านสุขภาพบางท่านก็ยังไม่ทราบ
เพราะแม้เด็กจะถูกบังคับให้เลิกดูดนมจากเต้านมของคุณแม่ แต่เขาก็ยังต้องใช้ทักษะการดูดและการกลืนนี้ไปอีกตลอดชีวิต ดังนั้นทักษะการดูดและการกลืนที่ถูกต้องจึงต้องมาจากการฝึกกับหัวนมของคุณแม่ หรือจุกนมที่มีลักษณะคล้ายกัน
การดูดนมจากคุณแม่ หรือจุกนมที่มีลักษณะคล้ายกันนั้น จะส่งผลให้เด็กต้องออกแรงในการดูดเพื่อให้น้ำนมของแม่ไหลออกมา มันจึงเป็นการฝึกให้ปอดแข็งแรง และช่วยพัฒนาการด้านการเติบโตของปอดรวมถึงในช่องปากด้วย
เมื่อเด็กดูดน้ำนมจนได้ปริมาณน้ำนมที่พอเหมาะ ก็จะเข้าสู่กระบวนการกลืน ซึ่งในส่วนนี้ถ้าไม่ใช้จุกที่คล้ายนมแม่ หรือไปใช้ขนาดรูของจุกนมใหญ่เกินไป เพราะพ่อแม่ส่วนหนึ่งเข้าใจไปเองว่าถ้าเด็กไม่ต้องใช้แรงดูดเยอะ เด็กก็จะได้กินนมเยอะ ๆ ไม่เหนื่อย ไม่หมดแรงก่อน และอิ่มเร็ว เพื่อที่คุณแม่จะได้พักผ่อนมากขึ้น ทำให้ตำแหน่งลิ้นของเด็กที่ใช้ในการกลืนจะเปลี่ยนไป จากปกติที่ลิ้นต้องแตะเพดานปากเพื่อสร้างสูญญากาศแล้วกลืน จะเปลี่ยนเป็นการเอาลิ้นไปแตะที่รูจุกนมเพื่อไม่ให้น้ำนมออกมาเพิ่ม หรือหากใช้จุกนมที่รูปร่างแปลก ก็จะยิ่งทำให้เด็กต้องวางลิ้นในการกลืนผิดตำแหน่งไป นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เด็กที่เพิ่งหย่านมในช่วงแรก พอได้ดูดนมผ่านขวดแล้วมีการสำลัก เนื่องจากความไม่คุ้นเคยกับสภาพจุกนมและเมื่อความผิดปกติของการดูดและการกลืนนั้นกลายเป็นนิสัยติดตัว ก็จะเกิดผลลัพธ์บางอย่างตามมาเมื่อเด็กเหล่านี้โตขึ้น
เมื่อการกลืนโดยการใช้ลิ้นปิดรูจุกนม เปลี่ยนเป็นการใช้ลิ้นดันฟันหน้าแทน จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ให้ฟันหน้ากางและเหยินออกมา ทำให้เด็กจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบจัดฟันต่อไป แถมด้วยลักษณะดังกล่าวทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการจัดฟันนานขึ้น และอาจจะได้ใส่ “รีเทนเนอร์” ไปตลอดชีวิต เพราะเคยชินกับพฤติกรรมใช้ลิ้นดันฟันออกมา (ในขณะที่หมอจัดฟันพยายามจะดันฟันเข้าไป) แล้วถ้าแก้ไม่ได้จนจัดฟันเสร็จ เมื่อคุณลืมใส่รีเทนเนอร์ไปซักระยะ ก็จะพบว่าการนำรีเทนเนอร์อันเดิมกลับมาใส่นั้นทำได้ลำบาก หรืออาจจะถึงขั้นใส่ไม่ได้เลย เนื่องจากฟันโดนลิ้นดันจนเคลื่อนจากจุดเดิม โดยไม่มีรีเทนเนอร์ช่วยคุมหรือตรึงฟันเอาไว้
และการที่เด็กไม่ได้ฝึกการดูดที่มากพอ จะส่งผลให้กล้ามเนื้อในช่องปากไม่แข็งแรง กระดูกขากรรไกรจะเติบโตได้ไม่ดี (อารมณ์เหมือนไม่ได้ออกกำลังกาย) จึงส่งผลให้กระดูกขากรรไกรเล็ก ในขณะที่ตัวฟันจะมีขนาดตามที่ DNA ของเขากำหนดไว้แล้วตั้งแต่แรกเกิด จึงทำให้เกิดภาวะฟันซ้อนเก และฟันคุดได้ นำไปสู่การจัดฟันที่อาจจะต้องร่วมกับการขยายขากรรไกร
นอกจากนี้เมื่อปอดไม่แข็งแรงจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของการหายใจ ทำให้ต้องหายใจสั้นและถี่ จนกลายเป็นต้องหายใจทางปากร่วมกับจมูก ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพช่องปาก ลำไส้ และคุณภาพการนอน
ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มี Fiat Product รองรับเพื่อตอบสนองสิ่งที่เกิดขึ้นรออยู่ทั้งสิ้น มันเป็นระบบสายพานที่ส่งทอดต่อกันไปอย่างแนบเนียนสนิท ทั้งที่แก้ได้ง่าย ๆ ได้เลยที่ต้นน้ำ นั่นคือจุกนม!!!!
“การสร้างเด็กให้อ่อนแอนั้น เราย่อมได้ผู้ใหญ่ที่อ่อนแอด้วย” -- Anonymous
มาถึงจุดนี้หลายคนอาจจะคิดว่า “ผมเป็นคนขวางโลก คิดลบ”
แต่ที่ผมอยากสื่อก็คือเทคโนโลยีหรือ Product บางอย่างก็มีประโยชน์และมีความจำเป็นต่อทารก แม้ว่าจริง ๆ แล้วมันจะอยู่ในสายพานระบบ Fiat ก็ตาม เพราะบางอย่างเมื่อเรามองไปถึงต้นน้ำของสายพาน เราจะพบว่าเราไม่สามารถไปแก้ไขที่จุดนั้นได้ เช่น เรื่องมลภาวะ เป็นต้น
แต่เรื่องตัวอย่างที่ผมยกมานั้น จะเห็นว่าเราสามารถแก้ไขได้ตั้งแต่ต้นน้ำ
“เพียงเริ่มติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก เม็ดถัดไปก็จะถูกเช่นกัน”
เมื่อมองให้ลึกถึงสายพานระบบ Fiat เราก็จะค่อย ๆ เห็นว่าสิ่งเหล่ามันมีต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ หรือบางสายพานก็สามารถย้อนมาสู่ต้นน้ำใหม่ได้ด้วยนะครับ
“Nature is bad for Fiat.”
แล้วคุณล่ะครับได้เจอ “สายพานระบบ Fiat” ในชีวิตบ้างไหม?
เพราะความน่ากลัวในการดูแลสุขภาพ คือ การที่เชื่อและปฏิบัติต่อกันมาโดยไม่มีความรู้นั่นเองครับ
พล่าม (ก็อปข้อความชาวบ้านมแาปะ) ซะยาว สรุปมันเกี่ยวกับบิทคอยน์ยังไงคนับ
1802 Thomas Jefferson แยกศาสนาออกจากรัฐ
2008 Satoshi Nakamoto แยกเงินออกจากรัฐ
หากคุณต้องการอิสรภาพ อยากที่จะควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ ต้องการปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระไม่ให้ใครมาบงการชีวิตของคุณ ไม่อยากอ้อนวอนร้องขอต่อผู้มีอำนาจเพื่อไม่ให้ปล้นเงินของคุณไป
Bitcoin เป็นทางออก คือสิ่งประดิษฐ์ที่ถูกคิดค้นขึ้นในปี 2008 โดยผู้ที่ใช้นามแฝงว่า ซาโตชิ นากาโมโต เพื่อใช้เป็นระบบการเงินใหม่ที่ไร้ศูนย์กลาง ถูกออกแบบมาเพื่อต่อต้านระบบการเงินโลกในปัจจุบันที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมประชาชนให้ตกเป็นทาส ไม่มีผู้ใดสามารถควบคุม แก้ไข เปลี่ยนแปลงและแทรกแซงมันได้ แม้กระทั่งรัฐบาลหรือผู้กุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกอย่างธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ตาม เป้าหมายคือการปลดแอกมนุษย์สู่อิสรภาพอย่างแท้จริง
และนี่คือสินค้าดิจิตอลชนิดแรกของโลกใบนี้ที่มีจำนวนจำกัดอย่างแท้จริง ไม่สามารถผลิตเพิ่มขึ้นได้ไม่ว่าด้วยวิธีใด เป็นครั้งแรกที่มนุษยชาติมีเงินสดดิจิตอลที่มีอุปทานจำกัด ทำให้เรามีหน่วยเก็บรักษามูลค่าที่ดีที่สุดเท่าที่มนุษยชาติได้ค้นพบมา
เป็นระบบการเงินทางเลือกใหม่ไร้ศูนย์กลาง ไม่มีใครควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายของมันได้ จะไม่มีใครหน้าไหนสามารถผลิตเงินได้ตามอำเภอใจอีกต่อไป
เป็นเงินที่ไม่ต้องอาศัยหลักความเชื่อหรือศาสนาใด ๆ มาครอบงำทางความคิด
เป็นเงินที่ไม่ต้องใช้อำนาจกฎหมายใด ๆ มาบังคับให้เราต้องใช้มัน
เป็นเงินที่ให้เสรีภาพแก่ผู้คนในการทำธุรกรรมได้อย่างอิสระไร้ขอบเขต และมีต้นทุนต่ำมาก ๆ
เป็นระบบการเงินที่ตัดตัวกลางออกไป ไม่จำเป็นต้องมีมือที่สามมาคอยสอดส่องดูแลและควบคุมระบบเพื่อกอบโกยส่วนต่าง
เป็นเงินที่มีศักยภาพจะเข้ามาแทนที่ระบบการเงินที่ผูกขาด
เป็นเงินที่มีความสามารถในการต่อต้านการยึด, การอายัดเงิน และการปิดกั้นในการใช้เงิน
เป็นเงินที่ให้อธิปไตยทางการเงินส่วนบุคคล ทำให้อำนาจการต่อรองของรัฐต่อประชาชนจะน้อยลง
เป็นสันติวิธีที่สุดในการใช้เป็นเครื่องมือต่อสู้กับกลุ่มผู้มีอำนาจ
เป็นเงินที่ไร้พรมแดนทำให้เราจะเลือกอยู่ที่ใดก็ได้บนโลกใบนี้
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของความมหัศจรรย์ที่ ซาโตชิ นากาโมโต ได้ค้นพบระบบการเงินใหม่ไร้ศูนย์กลางที่มีศักยภาพครบถ้วนสามารถกลายมาเป็นระบบการเงินหลักของโลก และกำลังค่อย ๆ ท้าทายอำนาจระบบเงินเฟียตมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่สุดท้ายแล้วมันจะสำเร็จหรือล้มเหลว “เวลา” จะเป็นเครื่องพิสูจน์
แต่ก็ใช่ว่าบิตคอยน์ในวันนี้จะมีแต่ข้อดีเสมอไป หากคุณอ่านบทความนี้แล้วเกิดสนใจอยากจะลงทุน คุณควรคำนึงถึงความเสี่ยงที่ตามมาด้วย เพราะบิตคอยน์แม้จะเกิดขึ้นมาเป็นเวลา 10 กว่าปี แต่ก็ยังมีอนาคตอีกหลายสิบปีหรือหลักร้อยปีรอมันอยู่ ทำให้เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอกับความผันผวนที่สูงมากเมื่อเทียบกับเงินเฟียต รวมถึงความไร้ศูนย์กลางของบิตคอยน์มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่สูงกว่าการฝากเงินในธนาคารหรือเก็บไว้ในตู้เซฟ เพื่อรักษาเงินของเราให้ปลอดภัยไม่ให้สูญหายและถูกขโมยได้
IN MATH WE TRUST.
ไอ้ทารกนี่ไม่ได้เกี่ยวกับความเป็นฟิแอตตรงไหนเลย มึงคิดว่าเปลี่ยนไปใช้คริปโตแล้วมนุษย์จะเลิกโลภเหรอวะ บ้าบอ
จริงๆมองพวกที่เล่นคริปโตอยู่ตอนนี้สิ คนโลภเต็มเลย
ป.ล. ยาวแต่หาสาระไม่ได้ แถมเป็นแค่ copy paste
ขี้ไม่ออกก็เป็นความผิดฟิแอต
แล้วมันก็ไม่ได้มีให้เลือกแค่สองอย่างแค่คริปโตกับฟิแอตสักหน่อย
>>361 ตอนนี้มีให้เลือกอย่างเดียวคือ fiat money ไม่มีทางเลือกอื่นเลย เราต้องใช้เงินที่ประเทศเผด็จการปั๋มเงินออกมาอย่างไม่มีจำกัด เราต้องเจอเงินเฟ้อใหญ่มากขึ้นทุกปีๆ เราต้องเจอปัญหาค่าแรงที่ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย เป็นเพราะเงิน fiat นี่ล่ะทำให้เราต้องมีชีวิตอย่างอดอยากไม่สามารถจะคิดอะไรใหม่ๆได้ ไม่สามารถตั้งเป้าหมายให้ชีวิตได้ เพราะประเทศเผด็จการรวมหัวกันบังคับให้ใช้เงิน fiat
คุณจะลองใช้ทอง ? มีคนรับเหรอ ยกเว้นร้านทอง
ถ้าจะใช้ Bitcoin เน้นย้ำนะว่าต้อง bitcoin เพราะการที่ bitcoin ไม่มีใครมีอำนาจสั่งการเหนือผู้อื่นได้ แต่ที่ระดับ consumer ยังไม่รับเพราะชนชั้นล่างยังต้องพึ่งพิงเงิน fiat ที่จำเป็นต้องพึ่งพารัฐบาลเผด็จการอยู่
ทำให้ในความเป็นจริง ชีวิตเราห่างออกจากระบบ fiat ได้ยาก แต่ถ้าตั้งใจจริงก็ไม่ยากเกินไปที่จะไปถือครอง btc มากกว่าเงิน fiat ที่พิมพ์ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด พิมพ์จนกระทั่งกลุ่มทุนสีเทาได้มีอำนาจและอิทธิพลตอนคนในชาติมากเกินไปด้วยซ้ำ
ยิ่งเงิน fiat มีอย่างไม่จำกัด ทำให้รัฐบาลมีอำนาจมาก และได้กลายเป็นผู้มีอิทธิพลสีเทากลายๆ มองให้เห็นภาพแบบกว้างๆ เผลอๆทุกรัฐส่งเสริมบ่อนออนไลน์ด้วยซ้ำ แล้วก็สนับสนุนให้ธนาคารประจำชาติพิมพ์เงินส่งให้ผู้มีอิทธิพลพวกนี้ด้วยซ้ำ ทำให้ปริมาณเงินมีมาก จนกระทั้งสร้างเงินเฟ้อได้เป็น 10-20 เท่าในปัจจุบัน ดูง่ายๆก็ราคาที่ดิน ซึ่งเป็นปัจจัยสี่ ได้มีราคาพุ่งขึ้นไปอย่างมากจนคนธรรมดาที่เกิดมาแบบธรรมดาไม่สามารถซื้อที่ดินด้วยเงิน fiat ที่รัฐบาลเผด็จการสร้างขึ้นและส่งเสริมให้่คนธรรมดาต้องมีชีวิตอย่างยากลำบาก แต่ตัวรัฐเองสามารถได้ประโยชน์จากเงิน fiat ในการเข้าซื้อที่ดินด้วยซ้ำ
ถ้าเงินไม่เฟ้อ จะรองรับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นได้ยังไง
>>362
ฟิแอดกับคริปโตจัดเป็นเงินประเภทเดียวกัน(ภายใต้สมมติฐานว่าคริปโตเป็นเงิน) คือสิ่งที่ตัวมันเองไม่มีค่า แต่เราไปให้ค่ามัน/สมมติว่ามันมีค่า
แล้วระบบของเงินที่ถูกหนุนโดยสิ่งมีค่าจริง(commodity) มันก็ไม่ใช่ว่าเราต้องพกทองคำหรือ commodity ต่างๆไปมา
เราก็ยังใช้ธนบัตรใช้เหรียญเหมือนเดิม แค่มันถูกหนุนโดย commodity นั้นๆ หนุนโดยสิ่งมีค่าจริง
ในทางประวัติศาสตร์เรามีการใช้เงินที่ทั้งเป็นตัว commodity เอง(เช่นเกลือในสมัยโรมัน หรือการใช้โลหะมีค่าเป็นเงิน)
หรือถูกหนุนโดย commodity มายาวนานกว่าเงินฟิแอตเยอะ
ถ้าจะไม่เอาฟิแอตจริงๆ กลับไปใช้เงินที่หนุนโดย commodity นั้นทั้งเป็นไปได้มากกว่า และเกิดขึ้นได้เร็วกว่าจะหวังให้คริปโตเป็นเงินโลกเยอะ
เพราะในทางประวัติศาสตร์ก็เคยใช้กันทั่วไป
สุดท้ายฟิแอตกับคริปโตก็เป็นปิศาจตัวเดียวกัน เป็นสิ่งไม่มีค่าที่เราสมมติว่ามันมีค่า
กรณีของฟิแอตยังพอแก้ตัวได้ว่าค่าของมันมาจากการที่ประเทศนั้นๆหนุน
ป.ล. สมมติว่ายอมรับสมมติฐานว่าเงินเฟ้อเป็นสิ่งชั่วร้าย
มึงรู้อยู่ใช่มั้ยว่าเงินเฟื้อมีมายาวนานในประวัติศาสตร์มนุษย์ มีมายาวนานก่อนการเกิดขึ้นของฟิแอตเยอะ
>>366 เงินเฟ้อ เกิดจากราคาสินค้าสูงขึ้นใช่ไหม ก็ใช่ การตั้งราคาของเอกชนจะเป็นเท่าไรก็ได้ อันนี้ไม่เถียง ตัวนี้ล่ะที่ทำให้เงินเฟ้อ แต่ถ้าคุณเชื่อมั่นในระบบตลาดที่แท้จริง เงินเฟ้อจะลดลงเมื่อมีผู้เล่นในตลาดมากขึ้นอยู่ดี ทุกวันนี้ ที่ดินมีผู้เล่นในตลาดน้อยเพราะมีการผูกขาดโดยรัฐ มากำหนดว่าที่ดินตรงไหนที่จำกัด หรือเป็นที่ดินที่คนสามารถเข้าถึง
ในสมัยก่อนเรื่องส่วนของ commodity ยังมีตัวทดแทนกันได้ แต่เงิน fiat ดันไม่มีตัวทดแทน ทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีจำกัด และไม่มีวันลดมูลค่าเงินเฟ้อลงได้
ในเมื่อยกตัวอย่างเกลือมาก็ดีแล้ว เพราะเกลือไม่มีวันเสียและใช้แล้วหมดไปได้ การที่ปริมาณไม่เยอะมากในสมัยก่อนและสามารถผลิตได้ยาก ทำให้คุณค่าของมันเหมือนเงิน btc ก็เหมือนกับเกลือในสมัยก่อนเช่นกัน เนื่องจากผลิตได้ยากและปริมาณจำกัด ไม่เหมือนเงิน fiat หรอก ที่จะผลิตเท่าไรก็ได้ การที่ผลิตเท่าไรก็ได้ ทำให้หลายประเทศล่มจมไปมากแล้ว ยกตัวอย่างก็เวเน กับ อาเจน เป็นตัวอย่างที่ดีสุดที่แสดงข้อเสียของเงิน fiat เพราะยิ่งพิมพ์มาได้ไม่จำกัดทำให้เงินเฟ้อ รวมถึงการที่รัฐต้องการรักษาฐานอำนาจจึงต้องบังคับให้ประชาชนไม่สามารถเก็บออมเงิน fiat ได้ ประเทศถัดมาก็ตุรกี ที่เจอปัญหาจากการที่รัฐพิมพ์เงินเข้าระบบไปเยอะเช่นกัน แต่รัฐก็เป็นเผด็จการที่บังคับให้ประชาชนต้องอดอยากส่วนรัฐยังคงหาผลประโยชน์จากเงินเฟ้อตรงนี้เข้ากระเป๋าของกลุ่มผู้มีอำนาจที่ใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย
จากที่ยกตัวอย่างด้านบนนี่ล่ะเป็นเหตุผลว่าทำไมรัฐไม่ควรเป็นผู้ผลิตเงิน การที่รัฐเป็นผู้ผลิตเงินเองได้ และบังคับให้ประชาชนไม่สามารถมีตัวเลือกอื่นในการเก็บออมได้ ก็ไม่ต่างจากรัฐเผด็จการ ถึงแม้จะอ้างว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยโดยการฟังเสียงประชาชนก็ตาม
การที่ทำให้ประชาชนต้องใช้ชีวิตอย่างอดอยากโดยการสร้างเงินเฟ้อ ก็เป็นรัฐเผด็จการที่คอยข่มเหงประชาชนไม่ให้สามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองได้
>>364 >>368 เมื่อก่อน เกลือ หรือ ทอง ก็สามารถรองรับการขยายตัวประชากรได้ btc ก็ไม่ต่างกัน ไม่มีจุดต่างด้วยซ้ำระหว่าง btc กับ ทอง แต่ btc จะดีกว่าเพราะแยกย่อยได้ง่ายกว่าทอง สิ่งสำคัญคือการที่ทุกคนต้องทำงานเพื่อและ btc ไม่ใช่อย่างปัจจุบันที่รัฐไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำแต่สามารถผลิตเงินได้อย่างไม่จำกัด เมื่อต้องการเงินเหรอ พิมพ์เงินเอาสิง่ายๆ
คือมึงเป็นสาย libertarian เหรอวะ กูจะได้เข้าใจถูกว่ามึงมาจากมุมไหน
ถนน สาธารณูปโภค รัฐก็ไม่ต้องตัดต้องทำ แค่ไม่เก็บภาษีแล้วเอกชนจะสร้างเองโดยไม่เก็บค่าผ่านทาง?
กฎอะไรต่างๆอย่างเช่นที่ดินที่พูดถึงไปก็ไม่ต้องมี เอกชนจัดการเองได้?
>>367
ไม่ให้รัฐพิมพ์เงิน แล้วจะใช้เงินเอกชนพิมพ์แทน?
กูเคยพูดถึงตรงนี้ไปนานแล้วนะขุดดูได้
ในทางประวัติศาสตร์เคยมีการใช้แล้วไม่ใช่ของใหม่ สุดท้ายก็เลิกใช้กันเพราะมันไม่เวิร์ค ปัญหาเยอะ
ถ้าไม่ชอบฟิแอตเราควรหนุนให้กลับไปใช้เงินที่หนุนโดยสิ่งมีค่าถึงจะถูก btc ก็เหมือน fiat ไม่มีค่าในตัวเอง ไม่ใช่คำตอบ
>>372 เงิน fiat กับ btc ไม่มีค่าในตัวเอง อันนี้คำตอบก็ผิดแล้วนะ
เงิน fiat มีคุณค่าในตัวเอง ไม่งั้นเราจะเก็บเงิน fiat ไว้ทำไม แล้วก็ทำไมเราต้องทำบัญชีทำงบการเงินในรูปแบบของเงิน fiat ที่ควบคุมโดยรัฐล่ะ เพราะรัฐทำให้คนเชื่อมั่นว่าเงิน fiat มีคุณค่ามีความเหมาะสมที่จะเก็บไว้ เงินในบัญชีธนาคารก็เก็บเป็นเงิน fiat ทำไมถึงมองว่าไม่มีค่าล่ะ
ทุกอย่างในโลกนี้ต้องเริ่มต้นด้วยความเชื่ออยู่ดี
ทีนี้ btc เลยมีคุณค่าไงล่ะ เหมือนกับเงิน fiat ที่จำกัดสร้างไม่ได้ ไม่มีคนมาควบคุมมัน ไม่มีคนสามารถสั่งการได้ว่า 1 btc ต้องซื้อไข่ไก่ได้กี่ฟอง ในขณะที่เงิน fiat นี่ มีรัฐกำหนดว่า 5 บาทต้องเป็น 1 ฟองนะ แค่นี้ก็ตั้งต้นผิดแล้ว
ถ้าคุณเข้าใจระบบตลาดจะยิ่งต้องเชื่อมั่นใน btc เพราะรัฐเข้ามาแทรกแซงทุกกระบวนการทำงานของตลาด ทำให้รัฐนั้นไม่ว่าจะอ้างเป็นประชาธิปไตยขนาดไหนก็ไม่ต่างจากรัฐเผด็จการบ้าอำนาจในการกำหนดขอบเขตว่าของชิ้นนั้นต้องราคาในรูปแบบเงิน fiat เท่านี้
ถ้าคุณบอกว่าเงิน fiat ไม่มีคุณค่า ถ้าตอนนี้คุณไม่มีเงิน fiat คุณจะทำยังไง ท้ายที่สุดคุณต้องหาเงิน fiat ไม่ว่าทางใดทางหนึ่งแทน เพื่อใช้ในการดำรงชีวิตต่อไป นั่นหมายความว่าเงิน fiat มันมีค่าไงล่ะ
>>371 สาย Austrian Economic ไม่มี liberal เลย โลกเราต้องเคลื่อนได้วยระบบตลาดถึงจะถูกต้อง ต้องไม่มีการผูกขาดโดยรัฐ
ถ้ามีกรณีใดกรณีหนึ่งที่รัฐผูกขาดได้ จะไม่น่าเชื่อถือ และมองว่ารัฐเป็นเผด็จการ
ระบบตลาดคือความเท่าเทียมที่สุดแล้วสำหรับระบบเศรษฐกิจ คนทำธุรกิจต้องมีล้มได้ มีลุกได้ ไม่ใช่พึ่งพารัฐเผด็จการให้พิมพ์เงินมาค่อยอุ้มชูเพื่อสร้างฐานอำนาจให้กับตัวเอง
>>370 ชุมชนก็มีกฎของชุมชนเอง รัฐต่างหากที่เข้ามาแซกแทรงชุมชนให้ไม่มีโอกาส ในการทำมาหากิน คนเคยอยู่กับป่ามาก่อน แต่ก็ไปกีดกันชุมชนออก จนมีนายทุนซึ่งมีอำนาจในรัฐเกิดความโลภไปสั่งให้ชุมชนทำลายป่า นั่นต่างหากคือความเป็นจริงของปัญหาระบบรัฐเผด็จการด้วยเงิน fiat คนมีอำนาจในรัฐเผด็จการบนเงิน fiat เงินเขาเหลือ เขาสามารถใช้เงินที่เหลือเฟือของเขาได้สั่งให้ชาวบ้านเข้าไปทำลายป่า
นี่ล่ะต้นเหตุมาจากรัฐเผด็จการที่มีความต้องการไม่สิ้นสุดเพราะสามารถสร้างเงินได้อย่างไม่สิ้นสุดโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเลยสักอย่างเดียว
ที่ดินในเมืองก็เช่นกัน มันคือการใช้อำนาจเงินกดดันสร้างพื้นที่ทำงาน สร้างพื้นที่อยู่อาศัย แล้วอ้างว่ามันกลายเป็นสินค้าเก็งกำไรทั้งที่เรารู้ว่าที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัจจับสี่ที่สำคัญต่อชีวิตของเรามากที่สุด การได้มีบ้านอยู่ใกล้กับที่ทำงานของเรา แต่รัฐหรือผู้มีอำนาจในรัฐเอามาเก็งกำไร เอาบ้านและที่ดินออกจากเงื่อนไขของการคำนวนมูลค่าเงินเฟ้อ ที่พวกอีลีทโนเบลแนะนำว่าควรเงินเฟ้อ2% แต่จริงๆแล้วเงินเฟ้อมากกว่า 2% ซะอีก
*ของที่ไม่มีค่าในตัวเองแต่แรก พิมพ์ตก
ทำไมถึงไว้ใจเจ้าของ Cryto Exchange กันครับ
เกิดวันนึงเค้าขนเงินทั้งหมดที่คุณฝากไว้ไปต่างประเทศ
คุณจะทำอะไรได้ครับ มิจฉาชีพง่อยๆ อย่าง นัตตี้ ที่โกงไป 2,000 ล้าน ทุกวันนี้ยังไม่มีใครทำอะไรได้เลย
Genesis ล่มไปอีกหนึ่ง
สถาบันการเงินแห่งอนาคตแม่งถ้าไม่ล้มละลายก็โดนจับได้ว่าโกงเป็นแถวๆเลย สุดยอดครับ
ไม่อยากได้เงิน fiat เอามาให้กูก็ได้นะ
เห็นด้วยนะครับว่า
Halving Bitcoin ครั้งต่อไปจะไม่เหมือนเดิม
Bitcoin หลังจากนี้จะไม่เหมือนเดิมเชิงกลไกต่างๆ
อีกทั้งกำลังเปลี่ยนตัวเองจาก asset เพื่อการเก็งกำไร
ไปสู่ asset class สำหรับ global market ของสถาบันการเงิน
และตลาดของ private wealth ต่างๆในอนาคต
จะนำ Bitcoin เข้าไปใน portfolio ของลูกค้า vip ของสถาบันการเงิน อาจจะ 3-5% ใน portfolio
วิวัฒนาการของ Bitcoin กำลังเปลี่ยนไปจากการที่สถาบันการเงินเข้ามามากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
Demand จากรายย่อย สู่รายใหญ่ในตลาด
วิธีการบริหาร asset ในมือของ 2 รายนี้ ไม่เหมือนกัน
Genesis ติดหนี้ 3.5 Billionsให้creditors
เงินแห่งอนาคต ทูเดอะมูน ซื้อวันนี้พรุ่งนี้รวย แต่ไหงตัวใหญ่ในวงการถึงไม่มีตังค์จ่ายหนี้ชาวบ้านอ่ะครับ
เงินที่ดี
1.ต้องมีหน่วยที่เท่าๆ
2.ต้องแบ่งย่อยได้
3.ต้องมีมูลค่าเท่ากันทั่วโลก
4.ต้องมีความสามารถในการส่งไปได้ทั่วโลก
5.ต้องไม่มีความเสี่ยงจากตัวกลาง
6.ต้องไม่มีใครสามารถเร่งอัตตราผลิตได้
เงินนั้นเรียกว่า บิตคอยน์ ขอบคุณครับ
btc ไม่ใช่เงิน เป็นของเก็งกำไร เหมือนดอกทิวลิปสมัยก่อน
ที่เข้าถือกันนี่เพื่อเก็งกำไรแทบจะทั้งนั้น มีกี่%กันที่เข้าถือเพื่อใช้จ่ายเป็นเงิน ถ้าตัดพวกวงการเทาๆดำๆออกนี่ยิ่งแล้วเลย
ตัวเลขไม่โกหก btc ถูกใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการน้อยมาก
นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นเงินโลกก็ยังเต็มไปด้วยพวกนั่งทับกันละ ถ้าได้เป็นนี่อย่าหวังเลยว่าจะมีใครเอาไปลงทุนสร้างเศรษฐกิจ
มีแต่จะนั่งทับอยู่เฉยๆแล้วรวยขึ้นเรื่อยๆ
คนที่ไม่ได้ถือที่ไหนจะรับเป็นเงินโลก แล้วคนที่ไม่ได้ถือแทบทั้งหมดก็จะไม่ได้ถือตลอดไป เพราะมันไม่ได้ถูกใช้จ่าย
ถ้าคนที่ด่า Bitcoin ได้ศึกษาการเสื่อมค่าของสกุลเงินในแต่ละประเทศ
พวกเขาจะมีมุมมองเชิงบวกต่อ Bitcoin มากขึ้น
วอเรนบัฟเฟตไม่รู้เรื่องเงินเหรอครับ
ถ้าระบบการเงินโลกและระบบธนาคารโลกจะกีดกันขึ้นมา
btc จะเอาอะไรไปชนะวะ
คิดจะแทนที่เขาเคยถามเขารึยังว่าเขาจะยอมตายโดยไม่สู้รึเปล่า
แต่จริงๆมันไม่มีทางไปถึงขั้นนั้นอยู่แล้วล่ะนะ
>>395
แม่งใช้ไฟเพิ่มเขาก็ต้องผลิตเผื่อเพิ่ม สมงสมองติ่งแม่งไปหมดละ
ส่วนถ้าจะเคลมว่าใช้พลังงานสะอาดแม่งต้องออกจาก grid ก่อน ตราบใดที่แม่งยังใช้ไฟจาก grid แม่งก็ได้ใช้แก๊สถ่านหินน้ำมันเหมือนคนอื่น
มีสิทธิอะไรมาเคลมวะว่าส่วนที่ตัวเองใช้เป็นพลังงานสะอาด แล้วโยนขี้ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าคนอื่นทั้งหมดว่าใช้พลังงานสกปรก
https://www.facebook.com/nuuneoi/posts/10229408923023693
ทำไมพี่เค้าถึงคิดว่า NFT มันมีคุณค่านะ
หมายถึงว่าเค้าน่าจะเป็นคน TECH รู้ดีว่า NFT มันแค่ Address บน Blockchain ที่ชี้ไฟที่ไฟล์ JPG ไม่ใช่เหรอ
ถ้าคนหันมาใช้บิตคอยน์กันหมด เงินมีค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
คนไม่ยอม เอาออกมาใช้?
แล้วปัญหาตอนนี้ คือ คนเก็บเงินเยอะ หรือ คนไม่มีเงินเก็บกันแน่
คนไม่ต้องจ่ายค่า กิน ค่าเที่ยว ค่าอินเตอร์เน็ต บลาๆๆ กันหรือไง
จะเก็บอย่างเดียวไม่มีการใช้เลย
จะแก้ไข้ปัญหาคนไม่เก็บเงิน ก็ต้องแก้ไข้ให้ตรงจุด
ทำให้เงินมันมีค่าควรคู่กับการเก็บออม
#แก้ปัญหาให้ตรงจุด #ทำให้เงินมีค่าควรคู่กับการเก็บออม
#makesavinggreatagain
>>400
ปัญหานั่งทับเงินไม่ได้มีแค่ไม่ใช้เงิน ที่สำคัญกว่ามากๆคือการไม่เอาเงินไปลงทุน
เพราะนั่งทับเงินอยู่เฉยๆก็รวยขึ้น ไม่ต้องเสี่ยง ไม่ต้องเหนื่อย และตกทอดไปได้ชั่วลูกชั่วหลานโดยไม่มีวันหมดโดยไม่ต้องทำอะไร
เศรษฐกิจมันจะไม่พังได้ยังไง ความเหลื่มล้ำมันจะพุ่งแค่ไหน
เงินที่หมุนเวียนส่วนใหญ่ในประเทศมาจากนายทุนเอาเงินออกมาลงทุนเพื่อทำกำไรออฟเซ็ตเงินเฟ้อ เกิดการจ้างงานจ่ายเงินเดือน
ถ้าเงินมันเพิ่มค่าขึ้นเรื่อยๆ พวกนายทุนที่มีเงินเก็บอยู่เป็นจำนวนมากก็ไม่ต้องทำเหี้ยไรกับเงิน ไม่เดือดร้อนด้วย
เพราะสมมติว่าใช้เงินปีละ1ล้าน มีเงินเก็บ100ล้าน ค่าเงินฝืด5% เท่ากับว่าอยู่เฉยๆปีนึงเงินจะมีมูลค่าเพิ่มมาห้าล้าน ออฟเซ็ตค่าใช้จ่ายไปเรียบร้อยแล้ว
คนที่จะลำบากคือพวกมนุษย์เงินเดือนและใช้แรงงาน เพราะเงินเพิ่มมูลค่าก็จริง แต่มึงจะเอาเงินจากไหนมาให้มูลค่าเพิ่มถ้าไม่มีงานทำ(เพราะพวกนายทุนเลิกทำกิจการเลิกจ้าง) 5%ของ0ก็คือ0
เหลือเชื่อว่ายังต้องอธิบายเรื่องEconพื้นๆอีก พวกบิทโคยแม่งไม่เคยเรียนEconจริงๆเหรอวะ
พวกบิทโคย อยากจะเป็นกลุ่มที่นั่งทับเงินอยู่เฉยๆไง
หรือที่เลวร้ายกว่าคือ productivity จะตกฮวบ สินค้าและบริการมีน้อยลงจน btc ถูกบังคับให้เฟ้ออยู่ดี
แต่ productivity มันจะกลับมาโตได้แค่ระดับหนึ่ง พอมีขึ้นมาจน btc เริ่มฝืดเมื่อไหร่ก็จะปิดกิจการกันระนาวอีก วนลูปไป
เป็นสภาวะที่เศรษฐกิจแทบไม่มีทางโตได้เลย
https://youtu.be/QIjASllDEu0?t=397
อธิบายเรื่องเงินฝืดให้คนเล่นเกมกาชาฟัง ง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ถ้าไม่เข้าใจอีกกูก็ไม่รู้จะทำไงละ
Speculating btc > เก่งจริงก็ทำไป
Investing btc > ควาย
วันนี้ฟังจารย์ตั๊ม พูดใน Session : Fiat Technology เวลา 40 นาที ไม่พอสำหรับจารย์จริงๆ5555 ฟังเพลิน สรุปสั้นๆคือ
- สมัยก่อน ใช้กำลัง เอาแส้โบยทาส ใช้ดาบใช้ปืน เป็นอำนาจในการควบคุมคน
ยุคถัดมาใช้กฎหมาย เป็นโซ่ตรวนควบคุมการเติบโตทางธุรกิจ
จนในปัจจุบัน เราใช้ “เงิน” โดยเฉพาะ “นโยบายทางการเงิน” ในการควบคุมมนุษย์ได้ดีที่สุด
จะมีวิธีไหนที่จะควบคุมมนุษย์ ในยุคที่คนเชื่อว่าตนเองมีสิทธิเสรีภาพ ได้ดีไปกว่าการทำให้เงินที่หามาอย่างยากลำบากระเหยไปได้ทุกวินาที ทำให้คนต้องทำงานหาเงินต่อไปเรื่อยๆ
- สุดท้ายแล้ว Fiat Technology จริงๆไม่ใช่เทคโนโลยีของเงิน แต่เป็นเทคโนโลยีของการควบคุม คือการใช้เงินในการคุมอำนาจนั่นเอง
#BlockMountain2023
Fiat Tech คือการยอมรับการเป็นทาสต่อรัฐบาล เพราะรัฐสามารถพิมพ์เงินแล้วสร้างนโยบายทางการเงินใดๆก็ได้ ทำให้คนรวย รวยมากขึ้น มีอำนาจมากขึ้น ทำให้คนส่วนใหญ่จนลง ต้องยอมเป็นทาสของรัฐบาลตลอดไป
เดี๋ยวนี้มี physical nft แล้วด้วยแฮะ ทำไปเพื่ออะไรเนี่ย
https://www.youtube.com/watch?v=IjHx4F8o0EM
>>412 อ่านไม่ค่อยเข้าใจสินะ fiat money สร้างโดยรัฐ ดังนั้นผู้ที่อยู่ใกล้รัฐจะสามารถรวยขึ้นได้จากการพิมพ์เงินของรัฐ แล้วยิ่งเงินเฟ้อมากขึ้น พวกคนรวยที่ใกล้ชิดกับรัฐจะเข้าไปถือครองสินทรัพย์ที่ตัวเองสามารถสร้างเงินเฟ้อได้ ยกตัวอย่างก็ที่ดิน ยิ่งรัฐส่งเสริมให้เงินเฟ้อมากเท่าไร ราคาที่ดินก็จะสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเงินเฟ้อจะดีกลับคนรวยมากขึ้น ความเหลื่อมล้ำก็ยิ่งมากขึ้น
บัวมี 4 เหล่า
ช่าย มีเหล่านึงที่ยังไม่ตื่นจากความฝันยอมเป็นทาสระบบรัฐ ยอมให้รัฐขโมยเงินไปทุกวิถีทางโดยไม่บ่น แล้วมาอ้างว่าระบบเศรษฐกิจที่ดีต้องทุกคนต้องถูกเอาเงินออกปีละ 2 บาท จาก 100 บาททุกปี เพื่อให้คนต้องตกเป็นทาสรัฐต่อไป
แถมรัฐไม่ได้ขโมยไปแค่ 2% ด้วยนะ โดนจากภาษีไปไม่น้อยกว่า 10% เพื่อปรนเปรอคนมีอำนาจในรัฐ เพื่อปรนเปรอธุรกิจสีเทา ทำให้คนหวาดกลัวต้องอยู่ภายในอำนาจของรัฐ
>>416
>>417
ที่มึงเรียกแบบ sensational ว่าเป็นทาส จริงๆมันก็แค่แรงกระตุ้นให้คนทำงานหรือลงทุน
ถ้าคนไม่มีแรงกระตุ้นให้ทำงานหรือลงทุน แล้ว productivity มันจะมาจากไหนวะมึงตอบมาซิ มาจากระบบการกุศลเหรอ
จริงๆอะไรๆก็เรียกแบบ sensational ว่าเป็นทาสได้เกือบทุกอย่างแหละ
บางคนก็ว่าการจ่ายค่าเช่าบ้านคือการเป็นทาส ทั้งที่ถ้าถามกลับว่าถ้าคนอื่นจะเอาของตัวเองไปใช้ฟรีๆจะยอมเหรอ
บางคนก็ว่าการอยู่ใต่กฎหมายคือการเป็นทาส บางคนก็ว่าการอยู่ในรัฐคือการเป็นทาส บางคนก็ว่าการเป็นลูกจ้างคือการเป็นทาส ฯลฯ
ความหมายมันเจือจางหายไปหมดแล้ว
https://www.blognone.com/node/132822
IMF ถูกรัฐซื้อไปแล้วครับ
>>418 ไปอ่าน 1984 นะ big brother watching you แล้วจะเข้าใจว่าเราตอนนี้ตกเป็นทาสของรัฐโดยสมบูรณ์ รัฐสามารถเข้ามาขวางไม่ให้เราสามารถใช้เงินที่ดีเพื่อสร้างชีวิตที่ดีได้อีกแล้ว ให้ยกต้วอย่างตอนนี้การที่รัฐเข้ามาห้ามใช้ bitcoin ในการแลกเปลี่ยนสินค้า คอยเข้ามาจ้องมองดู อ.ตั้ม ว่าจะพูดอะไรให้คนละทิ้งเงินบาทไปใช้ bitcoin เตรียมการใช้อำนาจของรัฐปกปิด แล้วยิ่งมีหลายคนที่ bitcoin maxi โดนรัฐไทยอุ้มไปสองถึงสามคนแล้ว จะมองว่าเราไม่ใช่ทาสของรัฐก็กระไรอยู่นะ
ถ้าเงินfiatมันแย่ ทำไมมึงยังใช้fiatอยู่
ถ้ายังไม่เลิกใช้ก็หุบปากไป อ่อนนี่หว่าไม่ยอมpractice what you preach
คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ผ่านมาหลายเดือนแลวก็ยังเอาsbfเข้าคุกไม่ได้ พวกขี้ข้าระบบfiatคงจะเตะถ่วงไปกักตัวพี่เค้าไปเรื่อยๆแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะแบคฝั่งcryptoเค้ามีแต่คนใหญ่ๆอยู่เบื้องหลังเศรษฐกิจโลกทั้งนั้น
>>421
มึงเลี่ยงคำถามกูอีกละ
มึงต้องการโลกที่ productivity ต่ำเตี้ยติดดินจริงๆเหรอ
ถ้าคนไม่ต้องทำงานไม่ต้องลงทุน จะเอา productivity มาจากไหน
มึงกำลังต้องการโลกที่คนรวยๆขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ต้องทำอะไรอยู่นะ แบบนี้มันไม่ยิ่งเหลื่อมล้ำหรอกรึ
กับอีกอันอยากฝากให้คิด เคยพูดไปแล้ว
ถ้าระบบการเงินโลกจะขัดขวางขึ้นมา btc จะเอาอะไรไปชนะ
อยากแทนที่เขาเคยถามเขารึยัง ว่าเขาจะยอมตายโดยไม่สู้มั้ย
กับ
ทุกวันนี้คริปโตยังไม่ค่อยถูกใช้ ก็ยังกินไฟฟ้าเท่าประเทศเล็กๆประเทศนึงละ
ถ้าคริปโตถูกใช้ใน everyday life โดยทุกคน มันจะกินพลังงานมากขนาดไหน สิ่งแวดล้อมจะแย่ลงแค่ไหน
แล้วชิปกับซิลิกอนคุณภาพดี ก็ต้องถูกเอามาใช้กับคริปโตกันมหาศาลนี่นะ แทนที่จะได้เอาไปสร้างประโยชน์อย่างอื่น
ราคาชิปก็จะแพงมากๆโดยไม่จำเป็น
อีกอันคือธุรกิจสีเทาที่มึงว่ามา
คริปโตนี่แหละยิ่งเป็นเครื่องมือของธุรกิจสีเทา
มึงต้องการโลกที่ productivity ต่ำเตี้ยติดดินจริงๆเหรอ
- ทั้งใช่และไม่ใช่ ปัญหาคือ productivity ในปัจจุบันอยู่บนโลก finance มากกว่า real sector เงินที่ถูกพิมพ์กลายเป็นชิปสำหรับพนันว่า หุ้นตัวนั้นราคาจะขึ้นไหม commodity จะมีราคาเป็นยังไง ท้ายที่สุดตอนนี้ ทุกรัฐพิมพ์เงินตามระบบ finance โดยเกินความจำเป็น
- ถ้าคนไม่ต้องทำงานไม่ต้องลงทุน จะเอา productivity มาจากไหน
ปกติคนก็ต้องทำงานเพื่อหาเงินอยู่แล้วนี่ ก็มี productivity ตามปกติอยู่แล้ว งงอะไร ตอนนี้ waste อย่างเยอะ พอเงิน fiat ครองโลกแล้ว ผู้มีอำนาจจะผลิตอะไรจะทำอะไรก็ได้อย่างไม่มีจำกัด
- มึงกำลังต้องการโลกที่คนรวยๆขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ต้องทำอะไรอยู่นะ แบบนี้มันไม่ยิ่งเหลื่อมล้ำหรอกรึ
ถ้าตามหลักมึงหาเงินมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของมึงเอง แต่โดนเอาเงินออกไปทุกปีอย่างเลือดเย็น มึงยอมด้วยเหรอ การที่ทุกคนโดนเอาเงินไปอย่างไร้ความเป็นธรรม ควรต้องยอมรับด้วยหรือไง
- ถ้าระบบการเงินโลกจะขัดขวางขึ้นมา btc จะเอาอะไรไปชนะ อยากแทนที่เขาเคยถามเขารึยัง ว่าเขาจะยอมตายโดยไม่สู้มั้ย
ทำไมจะชนะไม่ได้ล่ะ แค่เพิ่มแนวคิดทางขวาเพิ่มขึ้นเรื่อย เราทุกคนต้องมีสิทธิเสรีภาพในการเก็บเงิน ใช้เงิน สะสมความมั่งคั่งให้กับตัวเอง มันผิดด้วยเหรอ หรือต้องยอมเป็นทาสรัฐ ให้รัฐแจกเงินเรื่อยไปอย่างนี้เหรอ กลายเป็นว่าเราไม่ต่างจากหมาที่กระดิกหางรอเจ้าของเหี้ยๆ ที่ชอบทุบตีหมา ก่อนให้หมากินข้าวแบบนี้น่ะเหรอ เป็นโลกที่ดี เป็นโลกเสรี
แล้วยิ่งรัฐมีอำนาจมากเท่าไรก็สามารถเกณฑ์คนให้สร้างความเกลียดชังต่อคนรอบข้างไม่ว่าจะเพื่อนที่อุดมการณ์ทางการเมืองไม่ตรงกัน ประเทศที่รัฐนั้นเหม็นขี้หน้าก็ใช้กำลังเกณฑ์ประชาชนให้ไปรบแทนผู้มีอำนาจของรัฐเอง
โลกในตอนนี้ระบบรัฐบนฐานของเงิน fiat มีอำนาจมากเกินไปแล้ว คนที่อยู่ใกล้ผู้มีอำนาจจะรวยขึ้น คนที่ตกเป็นเบี้ยล่างก็จะจนลง ทางออกกลายเป็นว่าต้องเป็นหมาที่ค่อยเลียประจบผู้มีอำนาจรัฐ มันดีเหรอ
>>427
เอางี้ เริ่มจากที่ฐานก่อนเลย
1)มึงยอมรับมั้ยว่าเงินฝืดจะทำให้การจ้างงานลดลง จากการลงทุนที่ลดลง
2)มึงยอมรับมั้ยว่าเงินฝืดจะทำให้ productivity ลดลง ทั้งจากตำแหน่งงานที่ลดลง และแรงจูงใจให้ทำงานที่ลดลง
ถ้ามึงยอมรับสองอย่างนี้เป็นฐานก็จะคุยกันต่อได้ แต่ถ้าแม้แต่ความจริงพื้นฐานนี้ยังไม่ยอมรับ คุยกันไปอีกสิบกระทู้ก็ไม่น่าจะเกิดมรรคผลอะไรขึ้นมา
แล้วก็ที่กูพูดมาตลอดเป็นเรื่องเศรษฐศาสตร์ มึงไม่ต้องเอาเรื่องอำนาจรัฐมาอ้างแบบครอบจักรวาลปัดทุกเหตุผล
>>427
ว่าจะข้ามไม่ตอบตรงนี้ละ แต่ขัดใจเกินต้องตอบสักหน่อย
ปกติคนก็ต้องทำงานเพื่อหาเงินอยู่แล้วนี่ ก็มี productivity ตามปกติอยู่แล้ว งงอะไร
คนที่งงคือมึง การลงทุดลด แรงจูงใจให้ทำงานลด productivity มันจะไม่ลดได้ยังไง แล้วมันจะไม่ลดแค่นิดหน่อยด้วย
ส่วนเรื่องภาษี ส่วนตัวกูได้จ่ายเวลาได้ปันผล กับภาษีมูลค่าเพิ่มเวลาซื้อของ โดยความรู้สึกมันก็แน่นอนว่าต้องคิดว่าถ้าไม่ต้องเสียก็คงดี
แต่มันก็ดีกว่าบางทางเลือกที่จะทำให้เศรษฐกิจล่มแน่ แล้วจริงๆภาษีที่คนทั่วไปส่วนใหญ่เสียมันเป็นแค่ส่วนเล็กๆ
ภาษีที่เป็นกอบเป็นกำเขาได้มาจากปลาใหญ่
>>428
1)มึงยอมรับมั้ยว่าเงินฝืดจะทำให้การจ้างงานลดลง จากการลงทุนที่ลดลง
- ยอมรับ แต่ระบบเศรษฐกิจต้องเป็นไปตามวงรอบของมันสิ ไม่ใช่การให้รัฐสามารถเข้าไปแทรกแซง ถ้าเชื่อมั่นในระบบทุนนิยม ทุกอย่างต้องเป็นไปตามระบบทุนถึงจะถูกต้อง ไม่ใช่ตั้งทฤษฎีในการขโมยเงินไปจากประชาชน
2)มึงยอมรับมั้ยว่าเงินฝืดจะทำให้ productivity ลดลง ทั้งจากตำแหน่งงานที่ลดลง และแรงจูงใจให้ทำงานที่ลดลง
- ยอมรับ แต่การทำธุรกิจคือการแก้ไขปัญหาสิ เมื่อ productivity ลดลง จะมีคนที่หาทางออกได้เองอยู่แล้ว เมื่อธุรกิจบางอย่างล้มก็จะมีธุรกิจใหม่เข้ามาแทนที่เป็นวัฎจักร์ ไม่ใช่ปัจจุบันนี้ที่ธุรกิจที่ใกล้ชิดกับระบบรัฐห้ามล้ม ถ้าล้มรัฐจะเสียอำนาจอันนี้ผิดเลยนะ
ฝั่งมึงยอมรับไหมล่ะ ว่าตอนนี้ทุกธุรกิจถูกรัฐเข้ามาแทรกแซง เจ้าของธุรกิจไหนที่ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจรัฐจะไม่มีวันล้ม อันนี้คือความไม่แฟร์ และไม่เปิดโอกาสให้กับคนอื่นเลย fiat money สร้างปัญหาตรงนี้ มึงควรต้องยอมรับ
การที่ใครก็เป็นเจ้าของระบบ ของ btc ต่างหาก ที่สร้างโอกาสให้กับทุกคน มีคนล้มก็จะมีคนใหม่ที่สามารถลุกขึ้นมาได้ อย่างมองโลกสวยที่ตกเป็นทาสของระบบรัฐโดยไม่รู้ตัว
>>430
เคร กูพอจะเข้าใจมุมมองมึงละ
ส่วนตัวกูมองว่าเงินเฟ้อในอัตราต่ำ ถ้ามันทำให้เศรษฐกิจโตเร็วกว่า คนมีงานทำมากกว่า คนลงทุนและประกอบกิจการมากกว่า
productivity เพิ่มเร็วกว่า กูว่ามันเป็นอะไรที่ยอมรับได้ เช่นเสียสองบาทแต่หาใหม่ 6 บาทได้ง่ายกว่า
สำหรับคนที่มีความสามารถในการลงทุนหรือทำงาน ส่วนพวกนั่งทับเงินไม่สร้างประโยชน์อะไรก็ให้มันเสียสองบาทไป
บางทีอาจจะมีวิธีที่ทำให้ระบบมันดีขึ้น ยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น เช่นให้ตำแหน่งระดับสูงของธปท.มาจากการเลือกตั้ง
หรือให้ประชาชนเลือกได้ว่าในช่วงเวลาหนึ่งๆเช่นในปีนั้น ประชาชนอยากให้เงินเฟ้อหรือฝืดกี่ %
ว่าแต่เรื่องที่ดินมึงเห็นแบบเดียวกันรึเปล่าวะ คนรวยกว้านซื้อที่ดินแต่นั่งทับไว้เฉยๆ แทนที่จะให้คนอื่นได้ใช้ทำประโยชน์
ก็ไม่ควรถูกสร้างแรงจูงใจให้ไม่ทำแบบนั้น?
เรื่องธุรกิจที่มีเส้นสายกับรัฐบาล/ผู้มีอำนาจกูก็ไม่ชอบเหมือนกัน การอุ้มการบินไทยนี่ก็กูไม่เห็นด้วยมากๆ
แต่กูไม่คิดว่าเปลี่ยนเป็นคริปโตแล้วปัญหานี้จะหายไปหรอกนะ
>>431
*เพิ่มเติม ลืม
กับกูว่าการที่ money supply มีเท่าเดิมหรือลดลงตลอด เช่นจากการสูญเสียกุญแจ มันเป็นสถาณะที่ตามประวัติศาสตร์ไม่เคยเป็นมาก่อน
เราไม่รู้แน่ชัดว่ามันจะมีปัญหาอะไรตามมาบ้างและในระดับไหน
ในทางประวัติศาสตร์ supply ของเงินมันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ โลหะมีค่าอาจถูกขุดเพิ่ม เกลืออาจถูกสร้างเพิ่มหรือบริโภคไป ฯลฯ
สงสัยมันหลุดมาจากยุคหิน พวกเพ้อๆคริปโตลองไปอ่านเซเปี้ยนนะจะได้เข้าใจมนุษย์และเงินมากขึ้น
ไม่ต้องไปดูถึงproductivityหรอก ดูแค่จำนวนคนเพิ่มขึ้นทุกปี ถ้าsupplyของเงินไม่เพิ่มตามไปด้วย ไอ้พวกเด็กเกิดใหม่มันจะเอาเงินที่ไหนไปใช้ซื้อจ่าย
เวลาเห็นพวกบิดโคยว่าเหรียญกูมีจำกัดผลิตเพิ่มไม่ได้ว่าเป็นข้อดีแถมอยากเอามาใช้แทนเงินจริงแล้วขำแตกทุกทีไป
แล้วก็คนที่รวยขึ้นมีอยู่แต่ในระบบ finance แต่ใน real sector ไม่ได้รับเงิน ไม่ได้รับประโยชน์ตรงนี้เลย เงิน fiat มันดีตรงไหน ที่มีเงินเยอะกว่าก็มีแต่จะรวยขึ้น ดูตัวอย่างจากคนรวยของไทยก็ได้ แค่มีเงินเขาก็จะรวยขึ้นไม่ได้จนลง แถมคนเกิดใหม่ก็ไม่ได้ประโยชน์ตรงนี้จากเงิน fiat เหมือนกันหรือเปล่าล่ะ
ไม่อยากยกตัวอย่าง แต่มองคนรวยในตลาดหุ้นไทยก็ได้ มีแต่รวยขึ้น บนระบบเงิน fiat ทั้งที่ไม่ได้สร้าง productivity ให้กับเด็กยุคใหม่เลย แล้วมาอ้างว่าเงินเฟ้อดีต่อคนรุ่นใหม่นะ ไม่ตอบโจทย์เลย ได้แต่อ้างว่าเงินเฟ้อต้องดี แต่ท้ายที่สุดทำให้คนที่ตั้งใจทำงานไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดี แต่คนที่รวยกลกว่าแทบไม่ต้องทำงานกลับรวยขึ้น ต่างกับข้ออ้างของ bitcoin ตรงไหนวะ
>>435
มองด้านสิทธิมันก็มองอย่างนั้น แต่อีกด้านคือคนที่มีทุนมากก็มีอำนาจมากในการต่อรองและอะไรต่างๆ โต๊ะเจรจามันเอียงแต่แรก
นายทุนสามารถกว้านซื้อที่ดินจำนวนมากจากชาวบ้านได้ ที่ดินเป็นทรัพยากรที่สำคัญและมีจำกัด
ไม่ควรปล่อยให้ถูกนั่งทับโดยไม่สร้างผลผลิต โดยไม่แม้แต่จะสร้างแรงจูงใจให้คนไม่นั่งทับที่ดิน
อีกตัวอย่างก็เช่นความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง นายจ้างเป็นฝ่ายมีอำนาจมากกว่ามาก
ถ้าปล่อยให้เจรจาเองกันเพียวๆ ลูกจ้างก็จะแทบจะไม่มีทางได้สิทธิประโยชน์ต่างๆ หรือค่าจ้างที่ยุติธรรมเลย
ความจริงคือแม้แต่สิทธิที่รัฐออกกฎหมายรับรองว่าลูกจ้างมี ลูกจ้างจำนวนมากก็ยังต้องยอมไม่ใช้ ต้องตามอำนาจนายจ้าง
>>437
ถ้าใช้ btc มันก็จะยิ่งหนักกว่านี้น่ะสิ
>>438
มันก็พูดยาก แน่นอนว่าทุนนิยมรึตลาดเสรีไม่ได้สมบูรณ์แบบ
แต่ตัวเลือกอื่นของเราคืออะไร อำนาจรัฐ?
ส่วนตัวยังไงกูก็เชื่อในกลไกตลาดมากกว่าระบบราชการแน่นอน
>>439 ไม่ กูเชื่อว่า btc คือทางออกจริงๆ ถึงแม้จะกลับไปสู่โลก commodity แต่ตัว btc ก็เป็น commodity เหมือนกัน การสะสม commodity เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองมันไม่ผิดอะไรเลย แถมมันยังมีเสรีภาพมากกว่าปัจจุบันนี้ด้วยซ้ำ ในขณะที่ปัจจุบันระบบรัฐคอยสอดส่องเราตลอดว่าเรามีเงินจากอะไร ใช้เงินไปกับอะไร มันผิดนะ ทั้งที่เราต้องมีเสรีภาพในการใช้ชีวิต ไม่ใช่ให้รัฐมากำหนดชีวิตของเรา ว่าเราต้องยอมเสียเงินตามนี้โดยที่รัฐเอาเงินเอาไปสร้างฐานอำนาจให้กับตัวเอง ตอนนี้ก็แทบไม่ต่างกับยุคมืดในอดิตเลย
ระบบการเงินยังไงก็ควรต้องเปลี่ยน แถมตอนนี้ประเทศหลายประเทศเริ่มเปลี่ยน ทำให้กูเชื่อว่าเสรีภาพในการครอบครองความมั่งคั่งให้กับตัวเองยังไงก็ต้องเป็นสิทธิและเสรีภาพของเราสิ
https://www.itnews.com.au/news/visa-mastercard-pause-crypto-push-591479
บริษัทบัตรเครดิตพวกนี้ตามโลกไม่ทันเบย
แม้แต่ bored ape เวลาจะทำเกมออกมาเพื่อโปรโมท nft ยังทำลง web2 ไม่ทำลง web3
เพราะ web3 มีข้อจำกัดไม่ใช่จะเหมาะกับทุกอย่าง
ไอ้พวกที่stake ETHบนคราเคนป่านนี้unstakeได้ยัง
อิสระทางการเงินไหมล่ะมึง 5555555555555555555555555555
https://www.youtube.com/watch?v=d3d8bRDAP3s
บอกว่าต่อต้านธนาคาร แต่สุดท้ายก็โกงกว่าเสียเอง เป็นอย่างนี้กันหมด
ส่วนคนที่บอกว่า btc จะชนะระบบการเงินโลกได้ ตราบใดที่มึงยังไม่ได้ใช้ btc ซื้อข้าวแกง วันนั้นไม่มีทางมาถึงภายใน 3 ทศวรรษ
Silicon Valley Bank ล่มจริงๆเป็นอะไรที่ติ่งคริปโตน่าจะออกมาถ่มถุยกันนะ แต่ถ่มถุยไม่ออกเพราะแม่งดันลาก USDC ร่วงไปด้วยนี่แหละ 555
VC start up แม่งอยู่นี่เยอะ โดนหางเลขด้วย
อ่านมู้นี้แล้วนึกถึง earth flatter vs scientist เลย
เงินเข้า btc เฉยว่ะ
FED ประกาศ QE ไม่ให้ SVB ล้ม BTC เตรียมขึ้นยาวๆเลย น่าเล่นมาก
>>455 ไม่เชิงเข้า btc ต้องเรียกว่าไหลมาทางคริปโต
คือตอนนี้รัฐเข้าไปอุ้ม SVB เพราะถ้าแบงค์ใหญ่ล้ม คนจะแห่ถอนเงินออกแบงค์เล็กจะล้มตามเป็นโดมิโน่
ทำให้ fed ขึ้นดอกเยอะๆอีกไม่ได้
วิธีง่ายสุดคือ ลดดอก>ปล่อยกู้ให้แบงค์>ทำ qe
คือยังไงเศรษฐกิจมึงก็พังครับเมกาน่ะ แต่เค้าพยายามแลนดิ้งให้เบาที่สุดอยู่
ทำ qe > เงินเฟ้อขึ้น > ขึ้นดอก > เศรษฐกิจพัง > ทำ qe
เฟ้อรอบที่แล้วโทดรัซเซีย รอบนี้จีนโโนแน่
ระบบ Proof Of Work เป็นระบบที่บังคับให้คนแข่งขันในเกมส์เดียวกันบนทรัพยากรที่ไม่สามารถเสกขึ้นมาได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร จะเป็นพระเจ้า หรือคนเดินดิน
HSBC เข้าเทค SVB ว่ะแน่จริงๆ
ปี 2023 จึงเหลือ Option เดียวในการ Restructure ระบบการเงินคือ ทองคำดิจิทัล ได้แก่ Bitcoin (BTC) นั่นเอง!
ที่ BTC จะไม่ fail เราอีกรอบเหมือนทองคำ เพราะ
- BTC มีอยู่จำกัดจริงๆ 21 ล้านเหรียญ
- Proof ได้ โดยดู Opensource code
- ไม่มีการสร้าง Token ใหม่ขึ้นมา
- สิ่งที่วิ่งอยู่ใน Layer 2 พิสูจน์ได้ว่า มีอยู่จริงใน Layer 1
นอกจากนี้ BTC ไม่มี Yield วิธีที่จะได้ Benefit จากการถือ BTC คือการที่ Bitcoin มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเอง ซึ่งนั่นหมายความว่า มีคนอยากเก็บสะสม นี่คือกฎข้อนึงของการสร้าง Civilization (ความเจริญ)
ซึ่งทั้งหมดนี้สรุปได้ว่า BTC สามารถ Fix ข้อเสียของทองคำ ทำให้ไม่เกิด Fractional reserve
ในเมื่อมีแหล่งเก็บมูลค่าที่เราสร้าง โดยไม่มีใครมาทำร้ายได้ (Bitcoin) เราจะอยากเก็บเงินมากขึ้นไหม ? ฝากไว้ให้คิด
ไทยคำอังกฤษคำ เหมือนหลุดมาจากแผนกมาร์เกตติ้งของบริษัทฝรั่งที่รับแต่อิสานเข้าทำงาน
เหมือนโฆษณาชวนเชื่ออะไรซักอย่าง
การที่จะหลุดจากเป็นทาส btc คือทางออกของอิสรภาพอย่างแท้จริง รัฐไม่จะไม่สามารถบังคับกดขี่เราจากการใช้ fiat money
พอเหรียญมีจำกัด คนจนก็จะมากขึ้นตาม
ถ้ายังใช้ซื้อก๋วยเตี๊ยวไม่ได้ก็เป็นได้แค่ลูกโซ่
ป้าคิดตังด้วยคับ ผมโอนจ่ายนะคับเป็นเงินดิจิตอลนะคับ
ขอถามเป็นความรู้หน่อย ถ้าคนที่ถือbtcโดนอุบัติเหตุตาย เหรียญที่คนตายถืออยู่จะทำยัง
คิดง่ายๆนะถ้าเป็นอย่างที่ติ่งมันว่า มันจะขยันมาโฆษณาชวนเชื่อไปเพื่ออะไร คนซื้อเยอะมันเองก็ยิ่งต้องซื้อแพง สู้ซุ่มซื้ออยู่เงียบๆจะไม่ดีกว่ารึ
จริงๆมันอยากขายไม่ได้อยากซื้อ เพราะทางเดียวที่จะสร้างมูลค่าคือมีคนโลภกว่าไปซื้อต่อ ตามทฤษฎี the greater fool
ใครลุกช้าก็จ่ายรอบวงไป/ซวยไป
มันก็เหมือนพวกขายคอร์สสอนวิธีรวยทางลัด ถ้ามันมีเคล็ดลับทำเงินดีอยู่แล้วมันจะมาสอนคนอื่นทำไม แต่ก็มีคนโลภไปเป็นเหยื่อให้เห็นประจำ
คดีกระดานซิป ตอนนี้เรื่องถึงไหนแล้ว
>>478 fiat money ก็แชร์ลูกโซ่ไม่ต่างกันหรอก แค่มีกฎหมายบังคับไม่ให้ล้มแค่นั้น จริงๆแล้ว fiat money ล้มง่าย และล้มเยอะกว่า bitcoin เยอะมาก ไปแล้วหลายประเทศให้ยกตัวอย่างก็ เวเนซูเอล่า บราซิล อาเจนติน่า ตุรกี พม่า หลายประเทศล้มเพราะ fiat money สร้างอำนาจให้กับรัฐมากเกินไป จนรัฐเข้าไปควบคุมความมั่งคั่งไว้ให้กับตัวเอง ประชาชนต้องโดนเงินเฟ้อกัดกินจนไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้
ท้ายที่สุด bitcoin standard ยังไงก็จะมาแทนที่ fiat standard ได้อยู่ดี จากการที่ ธ.สวิส ล่ม เพราะพึ่งพาเงิน fiat มากเกินไป
พูดซะหน้าพี่แซมคนดี(และอีกหลายๆคน)ลอยมาเลย
พยายามจะทำให้ คริปโต เป็นอมตะ มันทำไม่ได้อยู่แล้ว มนุษย์ยังเป็นอมตะไม่ได้เลย และสิ่งของที่ชื่อว่าบิทคอยน์ ไม่มีค่าเท่ามนุษย์ที่สามารถทำงานได้จริงๆ มันจะไปมีค่าอะไรตั้งแต่แรก มันคือคำลวงอยู่แล้ว จนมันกลายเป็นศาสนา ความเชื่อ สถานะทางสังคม และbtc ไม่ใช่พระเจ้า
และถ้าไม่มีใครหยุดมัน บางทีโลกอาจถึงจุดจบได้
ติ่งเงิน fiat ถามว่าชาติไหนธนาคารจะล่ม ล่มให้ดูแล้วนะครับ ติ่ง fiat ว่าไงครับ
หวยล็อกอีกละ เลขท้ายสองตัวกับรางวัลที่หนึ่งเลขเดียวกันเลย
>>485
เขาหมายถึงระบบธนาคารล่ม ไม่ใช่ธนาคารไม่กี่แห่งล่ม
จำนวน crypto exchange ที่ล่มยังมีมากกว่าอีก ไม่ต้องนับเหรียญต่างๆที่มูลค่ากลายเป็น 0
หรือ project เกี่ยวกับคริปโตต่างๆที่ล่มไป มีเป็นพันเป็นหมื่น
ว่าแต่ที่ธนาคารที่ล่มไปนี่ก็เพราะคริปโตไม่ใช่รึ
ปล. กูไม่ใช่ติ่งฟิแอต กูสาย commodity
กูแค่เห็นว่าคริปโตมันแย่กว่าฟิแอต
เห็นมันชงหวยบนดินก่อนยุบสภาละ
แต่ถึงล็อคมันก็กินเต็มเหมือนเดิม
กูเกือบถูกเลขหน้าสามตัวผิดไปตัวเดียวโคตรลุ้น แต่พอดูรางวัลแล้วแค่สี่พันเอง กูโทรไปขอพ่อกริ๊งเดียวก็ได้ละ นอกจากรางวัลที่หนึ่งแล้วรางวัลอื่นแม่งน้อยชิบหายเลย มากสุดแสนเดียวซื้อบิ๊กไบค์ยังไม่ได้เลย ทำไมคนมันชอบเล่นกันวะถูกยากรางวัลก็น้อย
หวยกูซื้องวดละ 1-2 ใบ เอาไว้ลุ้นสนุกๆเผื่อฟลุ้กได้รางวัลที่ 1
ส่วนพวกที่ซื้อเยอะๆจริงจังเลยนี่ กูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันคุ้มตรงไหน
>>490 เมิงก็ลองซื้อดิ จะได้รู้ 15 วันมีความหวังว่าจะถูกรางวัลที่ 1
วันหวยออก เศร้าวันเดียว มันซื้อความหวังของผู้คนด้วยราคา 80 บาท มันคือความสุขอะ
แต่กุเอาไปเติมเกมดีกว่า อย่างน้อยกุก็ได้เล่นได้ของจริงๆ ไม่ใช่หวังลมๆแร้งๆ ยิ่งซื้อเยอะ 10ชุด 100ชุด เมิงจะเริ่มติดกับดักละ
รอดูหวยบนดินที่จะออกกุว่าขายดีกว่าพวกหวยชุด
ไม่ต้องกลัวเจ้ามือชักดาบแถมมันไม่น่าจะจำกัดใบแบบหวยธรรมดา
เพราะมันหารรางวัลกับคนที่ซื้อเลขเดียวกันคนซื้อเยอะคนหารก็เยอะ
ไปๆมาๆ Bank ดันล่มสลายก่อน Crypto 🫢 อุ้ย
แบบนี้เรียกแชร์ลูกโซ่ได้มั้ยคะ🫢
>>490 มันซื้อง่ายด้วยมั้ง เดินไปที่ไหนก็เจอ ผ่านคนแรกไม่คิดจะซื้อ พอผ่านไปสักสิบคนเริ่มมองเลข ผ่านไปอีกสิบคนลองสักใบก็ได้วะ แต่พอคิดดู 80 บาท เอาไปซื้อขนมแพงๆในเซเว่นได้เลย
>>491 พวกซื้อเยอะมันมีโอกาสถูกสูงนะไม่รู้ทำไม พวกหวยชุดหวยที่ราคาแพงๆแม่งมีโอกาสถูกเยอะจริง เพื่อนกูถูกโคตรบ่อย ไม่รู้พวกพ่อค้าแม่ค้ามันรู้ได้ไง
งงว่า ถ้าBTCเป็น only true god ทำไม ต้องมีอาชญากรรม โกงกัน ฆ่ากัน เพื่อ BTC
กุขอเชื่อพี่ต้านดีกว่า ที่พี่ต้านบอกว่า คริปโตมันยังไม่สมบูรณ์
แต่ถ้ามีคนทำสำเร็จ มันก็ไม่ใช่BTC แน่นอน
ทั้งยูโร ดอลลาร์ และหนี้สินของธนาคารในสหรัฐฯ ... ล้วนมีที่มาจากปากกาของนักบัญชีทั้งสิ้น
- มิลตัน ฟรีดแมน (Milton Friedman)
ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ปี ค.ศ. 1976
แม้แต่ผู้ที่รับรางวัลโนเบลบางคนยังไม่ส่งเสริมให้มีการพิมพ์เงินและส่งเสริมเงินเฟ้อเลย แต่สหรัฐกลับทำในสิ่งตรงกันข้าม
ในตอนนี้ QE ครั้งใหญ่กำลังกลับมาล่ะ btc เป็นทางเลือกหนึ่งในการหนีเงินเฟ้อ จากการพิมพ์เงินอันมากมายมหาศาลของสหรัฐในครั้งนี้ได้
>>499 fiat money ไม่มีอาชญากรรมเลยเหรอเนี่ยเพิ่งรู้เลย งั้นแก๊งค์ call center ไม่ใช่อาชญากรรมสินะ บ่อนพนันออนไลน์ไม่ใช่อาชญากรรม
กรรม คือการกระทำ เกิดจากคนไปสร้างกรรม (กระทำการใดๆ) จะมองว่า btc เป็นตัวการให้เกิดอาชญากรรม แต่ fiat money เป็นคนทำงั้น อย่ามองแบ่งแยกสิ
เห็นใน social ถกกันเยอะ ว่าตกลง fed QE หรือไม่ QE มันขึ้นกับคนมองว่า QE คืออะไร..? สำหรับผมมันคือกลไกการเพิ่ม balance sheet หรือ “พิมพ์เงินเพิ่มมาจากอากาศ” ซึ่งในกรณีนี้คือเอามาแลกกับพันธบัตร
สิ่งที่แตกต่างรอบนี้คือ มันเป็นการปล่อยกู้ให้ธนาคาร โดยให้ธนาคารเอาพันธบัตรมาค้ำ
บางคนบอกว่า “นี่ไม่ใช่การพิมพ์เงิน” งั้นคงต้องถามว่า แล้ว fed เอาเงินสดที่ไหนมาแลกพันธบัตร ถ้าไม่พิมพ์เพิ่ม..? แล้ว balance sheet ที่โดดขึ้นมามันมาจากไหน ถ้าไม่ได้พิมพ์เพิ่มมา
เอาจริงๆ มันไม่ได้สำคัญหรอกครับ ว่าเราจะเรียกมันว่า qe หรือเปล่า ตราบเท่าที่ fed ยังโกงเกมส์เพิ่มงบดุลตัวเองตามใจชอบ เราจะเรียกชื่อว่าอะไรมันก็ไม่สำคัญ 😅
คำถามง่ายๆ คำถามนึง สำหรับคนที่บอกว่า QE ไม่มีผลทำให้คุณจนลง, เงินไม่ได้เฟ้อเพราะ QE, ฯลฯ
ลองมองมุมกลับ ถ้าเงินในระบบเพิ่มขึ้นมา 10 เท่า แล้ว wealth ของคุณไม่ได้เพิ่มขึ้นมา 10 เท่า เงิน 10 เท่าที่ธนาคารกลางพิมพ์เพิ่มเข้ามามันไหลไปอยู่ในกระเป๋าใคร..?
ความมั่งคั่งเชิงเปรียบเทียบ (Comparative Wealth) ของคุณเมื่อเทียบกับคนทั้งโลก ลดลงไหม ถ้าคำตอบคือใช่ แปลว่า ทุกๆ วินาที กำลังมีคนที่มี Wealth มากขึ้นกว่าคุณมากขึ้นไปเรื่อยๆ
สิ่งนี้อาจจะไม่ได้ก่อให้เกิดเงินเฟ้อที่ real sector แต่มันก่อให้เกิด..
📍 เงินเฟ้อที่ risk asset ซึ่งคนที่ถือ risk asset เช่นตลาด S&P500 ที่ราคาวิ่งขึ้นมาเป็น 10 เด้งหลัง QE
📍 Wealth Gap ที่ฉีกห่างขึ้นเรื่อยๆ จากที่บอกข้างบน ว่า Comparative Wealth ของคนมันจะมีความถ่างออกมากขึ้นจากเงินที่พิมพ์เข้ามา เพราะคนที่ได้เยอะขึ้น และได้เป็นสัดส่วนใหญ่ "ไม่ใช่กลุ่มรากหญ้า"
บางคนอาจจะบอกว่า นี่คือการแก้ปัญหาที่ต้องทำ ไม่งั้นเศรษฐกิจโลกจะล่มสลายตั้งแต่ปี 2009 แล้ว ผมก็เห็นด้วยครับ
แต่สิ่งนึงที่เราต้องเข้าใจคือ ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ โดยไม่ต้องจ่าย และเมื่อถึงเวลาที่เราต้องจ่ายสิ่งนี้ ปัญหาทั้งหมดที่ซุกซ่อนหมักหมม เตะถ่วงเวลามาเรื่อยๆ มันกำลังเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่สุด ที่ระบบเศรษฐกิจโลกเคยรู้จักมา
PS. จากภาพ เงินที่ธนาคารกลางปั้มออกมา กำลังไหลขึ้นไปก้อนเขียวๆ ด้านบนมากขึ้นๆ ตลอดสิบกว่าปีมานี้ และก็ยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป
ผมเองจะสนับสนุน QE ทันที ถ้าเงินมันไหลลงไปด้านล่าง เพราะการปั้มเงินจะทำให้ equality ของคนเท่ากันมากขึ้น แต่มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย (ยกเว้นนักทฤษฏี Modern Monetary Policy บางคนที่บอกว่า theoritically possible แต่ก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้)
เจอกัน21000ครับชาวบิทคอย
fiat money = your fiat money / infinity
bitcoin = your bitcoin / 21,000,000 btc
เมื่อปริมาณเงินไม่เฟ้อขึ้น ความมั่งคั่งของคุณก็ไม่ได้หายไปไหน bitcoin จะเป็นผลจากการทำงานที่ทำให้คุณรู้สึกว่ามีคุณค่ามากที่สุด เนื่องจากความมั่งคั่งของมูลค่าไม่ได้ถูกลดลงไปจากการพิมพ์เงินของรัฐ
ยิ่งคุณทำงานมากขึ้น เพื่อรับ bitcoin จะยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงคุณค่าการทำงานของคุณอย่างแท้จริง
>>503
- การตามบัญชีม้า แต่ตามไม่ถึงตัวคนบงการอยู่ดี แล้วเงินที่ตามกลับมาได้ เท่ากับเงินที่ผู้คนเสียไปไหม แล้วคนที่เสียเงินตรงนี้ไปแล้ว ได้รับความเชื่อใจว่าจะได้เงินคืนทั้งหมดหรือไม่ก็ไม่ออกข่าว เดี๋ยวก็เงียบตามสายลม เพื่อกูเชื่อว่าคนของรัฐบาลอยู่เบื้องหลังในการส่งเสริมแก๊งค์ callcenter และ เวปพนันออนไลน์
- ส่วนการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าก็พอจะโอเคอยู่นะ แต่ก็ละเมิด pdpa กลายๆในการที่ระบบธนาคารเก็บข้อมูลของเราแล้ว แล้วไม่มีระบบที่สามารถรับรองได้ว่าข้อมูลจะหลุดไปแบบไหน ท้ายที่สุดจะมีปัญหาเรื่องข้อมูลหลุด แล้วโดนขโมยเงินได้อยู่ดี
ข้าว21จานมันเลี้ยงคนได้21คน แต่พอเวลาผ่านไปข้าว21จานมันจะไม่พอเลี้ยง30คน 40คน 50ตน
เก่งจริงทำไมยังใช้เงินที่ออกโดยรัฐบาลอยู่ล่ะครับ เก่งจริงทำไมไม่ไปใช้บิทโคย100%อ่ะครับ
รบกวนท่านกูรู้คริปโตทั้งหลายpractice what you preachด้วยนะครับ ไม่งั้นถือว่าเป็นหมา
ใดๆ บิทคอยน์ กับ รัฐบาล ก็เหมือนกันคือไม่มีผู้แข่ง
แล้วอะไรที่ไม่มีผู้แข่งให้เปรียบเทียบจะบอกได้ไงว่าสิ่งนั้นดีจริง
คนที่โกงคริปโต แล้วโดนลักพาตัว ไปรุมกระทืบ มีคลิปไหมละ เดียวนี้พึ่งศาลไม่ได้จริงๆ กว่าจะได้เงินคืน จบเรื่อง
มันมีรัฐบาลที่ไหนรับรองคริปโตด้วยเหรอวะ ตอนนี้อ่ะ? เอลซาวาดอร์ ก็เพิ่งจะชิบหายไปหยกๆ
https://www.cftc.gov/PressRoom/PressReleases/8680-23
มุแง้ รัฐรังแกวงการคริปโตครับ
ไปหานิวเคลียร์มาค้ำประกันซัก 4-5 ลูกก่อน กูถึงจะยอมรับคริปโต
วันที่คริปโตชนะคือวันที่พอมีข่าวว่า CTFC หรือ SEC ฟ้องใครราคาคริปโตเทียบกับ Fiat ต้องพุ่งขึ้น เพราะนั่นแปลว่าคริปโตได้บรรลุสิ่งที่มันเกิดขึ้นมาแล้ว
"การเป็นอิสระต่อภาครัฐ"
แต่ถัายังร่วงอยู่มันก็ยังเป็นแค่ของเล่นทางการเงินต่อไป
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าวันนึงczถูกจับหรือไบแง้นล้มbtcจะเหลือกี่บาทวะ Decentralizeเหี้ยไรมูลค่าอยู่ที่คนไม่กี่คน มโนคำคมอยากเป็นอิสระต่อภาครัฐแต่ทำตัวเองให้เป็นอิสระต่อexchangeให้ได้ก่อนเหอะ
1btc = 1btc เป็นการเงินที่จะไม่ถูกรัฐยึดเงิน และรัฐไม่สามารถกำหนดการใช้เงินของประชาชนได้
ถ้าเป็นอิสระทางการเงิน ทำไมมีข่าวมาเฟียรัสเซียปล้นคริปโตนักท่องเที่ยวได้ล่ะ
มโนเก่ง
ความยากจนคือการเป็นทาส แต่ความยากจนไม่ใช่ปัญหา คุณไม่สามารถกินสิ่งที่ต้องการ ไปในที่ที่ต้องการ นอนในที่ที่ต้องการได้
คุณเอาเวลาของคุณไปแลกกับเงินเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อเอาเงินของคุณไปแลกเวลา
ที่แย่ไปกว่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะลงเอยด้วยการแลกเปลี่ยนเวลาที่มากขึ้นกับเงินที่มีค่าน้อยลง
ถ้าคุณไม่รับเงินพวกเขาก็สั่งคุณไม่ได้เงินเป็นสิ่งที่ถูกที่สุด! เสรีภาพ อิสรภาพเป็นสิ่งที่มีราคาแพงที่สุด..
.
หาเงินเพื่อซื้อเวลาของคุณกลับคืนมา
ต้องซื้อจากนายทาสคนปัจจุบันของคุณ
นั้นเป็นวิธีที่โลกทำงาน
ต้องการที่จะเป็นอิสระ ?
คุณต้องซื้ออิสรภาพของคุณ
ทาสสมัยใหม่นั้นไม่รู้ว่าตนเป็นทาส อย่าหลงในอำนาจของเงินเฟียต เงินเป็นสิ่งสำคัญมันทำให้เราทำสิ่งที่เราไม่อยากทำ อย่าตกเป็นทาสของเงิน 😼
เงินเฟียต มันคือเงินวิปลาสของรัฐบาลอันชั่วร้าย แรงงานทาสนั้นมีมาก่อนยุคเฟียต พวกนั้นมันวางแผนมาก่อนยุคเริ่มของเฟียตเพื่อที่จะควบคุมแรงงานของตน พวกนั้นมันฉลาดเป็นกรดนั่งยิ้มเยาะให้กับผู้คน สัตว์เศรษฐกิจที่มันสร้างขึ้นกลไกการสร้างทาสนั้นมันเริ่มต้นเป็นขั้นตอน 1-2-3-4 หากการใช้ชีวิตมันง่าย..
แล้วใครเล่าจะทำงานรับใช้เศรฐกิจให้พวกมัน?
หากผู้คนไม่ป่วย แล้วหมดตัวจากค่ารักษา?
หากผู้คนไม่หิวโซตลอดเวลาจนไม่เหลือเวลาคิด และตระหนักรู้?
หากผู้คนไม่ดิ้นรนทำงานกระเสือกกระสนหาเศษเงิน?
ที่เพียงพอแค่การใช้ชีวิตไปวันต่อวันด้วยค่าครองชีพที่วิ่งตามไม่จบสิ้น... หากผู้คนมีชีวิตที่มั่นคงจนสามารถหยุดงานได้
ใครเล่าจะทำงานให้มัน? ใครเล่าจะมาเลี้ยงไก่? ใครเล่าจะมาเลี้ยงวัว? ใครเล่าจะมาเป็นวิศวกรใหญ่? เพราะสิ่งที่มันโกงไม่ได้คือ พลังงาน และเวลา มันไม่สามารถเสกไข่ออกมาได้ ทุกอย่างมันต้องจ่ายด้วยเวลา หยาดเหงื่อแรงงานของผู้คน
เรียนรู้ที่จะเคารพหยาดเหงื่อแรงงานของคุณ เพราะมันคือทุนของคุณ ผู้คนนั้นเกิดมาพร้อมกับทุนที่เหมือนกัน ทุนคือเวลาหยาดเหงื่อแรงงาน
ประวัติศาสตร์ต้องไม่ซ้ำรอย แรงงานทาสต้องได้รับการปลดปล่อย ปลดแอกเสรีภาพจากอำนาจล้นฟ้า ออกจากเรือนจำขังจิตสู่อิสรภาพที่แท้จริง
ตื่นได้แล้วนีโอ..หากเลือกรับยาเม็ดสีน้ำเงินทุกอย่างจบไม่สามารถหวนคืนได้อีกต่อไป อีกไม่นานผู้คนจะตกเป็นทาสโดยสมบูรณ์เมื่อทุกอย่างพร้อม
คิดซิ่! ทำไมเขาถึงอยากให้เราเป็นมังสวิรัติ
คิดซิ่! ทำไมแบงค์เล็กถึงล้ม
พวกมันต้องการรวมศูนย์อำนาจเบ็ดเสร็จ CBDC และจองจำสติปัญญาผู้คน คนไม่ฉลาดนั้นปกครองง่ายมังสวิรัตินั้นเป็นกลุ่มเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ หลงลืม สติปัญญาอ่อน
อย่าละทิ้งความหวังสำหรับผู้ที่พยายามคิดค้นตัวแปรเหล่านี้ในอดีตที่ยาวนาน และมอบยาเม็ดสีส้มอ่อน ๆ ให้กับผู้ที่ยังไม่ตื่นรู้และไม่ได้เข้าใจ Bitcoin ให้พวกเขาได้ค่อย ๆ รู้
Walk out fiat standard Go to Bitcoin standard the road to sage.
Steak 👏 doesn't 👏 cause 👏 colon 👏 cancer 👏
Stop👏believing👏the lies 👏of the elite👏
สู่ขิตแน่นอน... ผู้ที่หลงรักเงินเฟียต บอกฉันหน่อยซิว่าคุณไม่ได้หลงรักมัน❗เฟียตนั้นสอนให้ผู้คนเป็นทาสที่ซื่อสัตย์จงใช้ชีวิตแบบนี้ จงเก็บเงินในธนาคาร จงอดออมเงินที่ดี เงินรัฐคือเงินที่ดี การแทรกแซงตลาดเป็นสิ่งที่ดี นโยบายนี้ดี เอาเงินไปใช้คนละหมื่น พวกเขาสัญญาว่าจะไม่มีคนตกงานและมีชีวิตที่อดอยากยากไร้ 🤡🌍
สังคมที่ผู้คนยากจนและมีชีวิตที่อดสู่ เป็นเครื่องหมายของอารายธรรมที่เสื่อมโทรม
ไม่มีสังคมใดที่จะเจริญและมีความสุขได้ถ้าหากคนส่วนใหญ่ยังยากจนและทุกข์เข็ญ ーอดัม สมิธ | นักเศรษฐศาสตร์ชาวสก๊อต 1723-1790
"หากต้องการเรียนรู้ว่าใครปกครองคุณ คุณก็แค่ค้นหาว่าคุณไม่ได้รับอนุญาตจากใคร" ชีวิตเป็นของคุณอย่าให้ใครมาสั่ง ตลาดเสรีจะสอนคุณเองว่าคุณเลือกผิด
เลือกอิสรภาพ เลือกบิทคอยน์ 💯
เงินของรัฐบาลคือคำมั่นสัญญา.. สิ่งนี้เป็นทรัพย์สินสาธารณะที่รัฐมีอำนาจในการใช้มันเพื่อปกครองเศรฐกิจต่างๆ เงินเฟ้อไม่ใช่เพราะมันเฟ้อของมันเองค่าครองชีพจะสูงขึ้นตลอดเวลาได้เยี่ยงไรในระบบเศรษฐกิจที่มีการค้าและทรัพยากรหมุนเวียน ไก่ยังออกไข่ให้วันละ 1ฟอง:1ตัวทุกวัน อัตราการผลิต:ความต้องการ
เงินเฟ้อเป็นเพียงนโยบายทำลายค่าเงินเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องผลักดันแนวความคิดวัฒนธรรมเร่งรีบแก่สังคม เสนอหนี้และเงินทุนราคาถูกให้ผู้คนและเรียกคืนกลับสองเท่าด้วยอำนาจควบคุมเปลี่ยนแปลงนโยบาย นำหยาดเหงื่อแรงงานและผลผลิตส่วนตนย้ายจากทรัพย์สินสาธารณะไปเก็บไว้ในทรัพย์สินส่วนตนที่เป็นสิทธิของเราจริงๆ มูลค่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่สำคัญรองลงมา สิทธิในการเป็นเจ้าของนั้นสำคัญยิ่งกว่า...
บิทคอยน์คือทรัพย์สินเสี่ยง? ไม่! ความเสี่ยงที่แท้จริงคือเราเป็นเจ้าของบ้านแต่ดันฝากกุญแจบ้านไว้กลับคนแปลกหน้าและเขาแอบย่องเข้าบ้านในตอนที่ไม่อยู่เพื่อลักรอบขโมยของเราโดยไม่ให้รู้ตัว
https://www.blognone.com/node/133919
ตลาดหลักทรัพย์ของออสเตรเลียล้าหลังจังเลยครับ
ขอบคุณที่เอาภาษีไปเผาทิ้งอย่างไร้ค่า 🙂 น่าสมเพชที่สุดระบบภาษีการจัดการเละเทะ รวมมิตรมั่วกันหมดประเทศไม่เคยพัฒนาการเก็บความมั่งคั่งยากลำบากสุดๆ ทองคำที่ได้กำไรก็โดนขอส่วนแบ่งภาษีทั้งๆที่มันไม่ได้กำไรอะไรหากเทียบยังสามารถแลกอาหารได้จำนวนเท่าเดิม
ผลิตเงิน >> เก็บภาษี >> ทำลายค่าเงิน
ระบบถูกออกแบบมาให้เป็นทาส ไม่สามารถสะสมความมั่งคั่งได้โดนทั้งภาษี โดนทั้งเงินเฟ้อ โดนทั้งกฎหมายบังคับ ทุกวันนี้งานเดียวไม่พอต้องดิ้นรนหารายได้เพิ่มจนเกินฐานรายรับต้องโดนภาษีรายรับอีกรอบเมื่อเกินเกฎกำหนด มืดแปดทิศเลย ถนนดีๆยังไม่มีให้เห็นเลยเก็บภาษีมาหลายสิบปี
คนรวยปลิ้นเงินได้เยอะกว่าคนจนและเลี่ยงภาษี และแจ้งล้มละลาย
https://www.blognone.com/node/134179
มุแง้ รัฐรังแกวงการคริปโตอีกแล้ว
ไม่สนใจเสมอ.. เพียงแค่เวลา ยังไม่ถึงครึ่งทางของ GDP โลกเลยหนทางยังอีกไกลผู้คนส่วนมากยังคงชอบทำงานหนักให้กับระบบที่ขโมยผลผลิตพวกเขาอยู่ตลอดเวลา 🤔 ผมเชื่อในทฤษฎี 3ชั่วอายุคน เพราะคนยุคนี้โดนล้างสมองทางความคิดไปหมดแล้ว ต้องกำเนิดชนรุ่นใหม่ในความคิดที่แตกต่าง เทคโนโลยี การสื่อสาร เงิน ความรู้ความเข้าใจ ความเชื่อมั่นและความจริง ตลาดเสรียังคงทำงานอยู่ ณ ราคายุติธรรมในตลาด
เด็กเกิดมาเป็นโรคตาแดงในทันทีที่ลืมตาดูโลกเพื่อเขียนโครงสร้างของอารยธรรมบทใหม่ ความจริงคือมนุษย์ เพราะมนุษย์บอกว่ามันคือของจริง
อาหาร>>เกลือ>>หอยเบี้ย>>ทองคำ>>ตั๋วแลกทอง>>เงินเฟียตแบ็คทอง>>เงินเฟียตแบ็คความโง่เขลาประชาชน>>ระบบApp>>CBDCระบบทาสเข้มงวด
นำผลผลิตของคุณเก็บไว้ในสิ่งที่คุณเชื่อมั่นด้วยความเต็มใจ..
บิทคอยน์คือระบบเงินกระจายอำนาจและความมั่งคั่งอย่างตรงไปตรงมาไม่มีการตุกติ๊กในนโยบายการเงิน
THE BITCOIN STANDARD
สิ่งที่โรงเรียนไม่สอนคือ ความเข้าใจเรื่องเงินและวิธีหาเงินล้าน เขาไม่อยากให้คุณร่ำรวยและประสบความสำเร็จในการมีชีวิต
นับเป็นสายพานการผลิตทาสในระบบด้วยเช่นกัน
- การค้าขายไม่ต้องใช้ปริญญา
- ผู้ประกอบการไม่ต้องใช้ปริญญา
- ทำธุรกิจไม่ต้องใช้ปริญญา
- นักลงทุนไม่ต้องใช้ปริญญา
- โปรแกรมเมอร์ไม่ต้องใช้ปริญญา
- งานออกแบบไม่ต้องใช้ปริญญา
- ช่างฝีมือไม่ต้องใช้ปริญญา
- โฆษณาสินค้าไม่ต้องใช้ปริญญา
- สื่อออนไลน์ไม่ต้องใช้ปริญญา
- นักคิดสร้างสรรค์ไม่ต้องใช้ปริญญา
- การทำคอนเทนต์ไม่ต้องใช้ปริญญา
- ที่ปรึกษาส่วนตัวไม่ต้องใช้ปริญญา
- นักขายคอร์สตัวยงไม่ต้องใช้ปริญญา
- การหาเงินไม่ต้องใช้ปริญญา
มีช่องทางมากมายในการหาเงินและแน่นอนสิ่งเหล่านี้ใช้เพียงทักษะและความสามารถเท่านั้น!!
ปริญญามีไว้ใช้เพียงอย่างเดียวคือการเป็นแรงงานทาสในระบบสังคมสร้างกฎระเบียบมากมายและข้อจำกัดในการใช้ชีวิตที่ซับซ้อนมันย้อนแย้งมากจริงๆ
องค์กรต้องการคนมีความสามารถทำงาน หรือว่าใบปริญญาแต่ไม่ต้องการคนมีความสามารถก็ได้ ?
ลืมเรื่องการศึกษาไปได้เลย.. หน้าที่คือการหาเงินและใช้ชีวิตให้มีความสุขทั้งหมดเป็นเพียงสายพานผลิตทาสในระบบเท่านั้น
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสวัสดิ์การเรียนฟรีจากรัฐบาล สร้างโอกาส? อย่ามาทำให้ขำเข้าไปเรียนเพื่อเรียนรู้สิ่งปลูกฝังไร้สาระที่ไม่มีประโยชน์ในการมีชีวิตนอกจากหลักคำสอนสู่การเป็นทาส
รัฐบาลริดรอนเสรีภาพในการใช้ชีวิตของมนุษย์ไปเรียบร้อยแล้ว
คุณควรนำเงิน 5แสนค่าเล่าเรียนไปเริ่มต้นชีวิตและมองหาโอกาสเสียดีกว่า ฝึกฝน ขัดเกลา ชำนาญ
The fiat เป็นเพียงระบบคุก จุดประสงค์หลักมีเพียงทำให้ทั้งโลกมีเพียงสองชนชั้นเท่านั้นขุนนางกับทาส
การรับปริญญาเป็นเพียงหลักสูตรจิตวิทยาแห่งความภาคภูมิ
ที่พิมพ์มายาวๆ พรี่ๆใช้อะไรจ่ายค่าเน็ตอ่ะครัฟ
เน็ตข้างบ้านคับ
>>541 เงินบาท แล้วไง ก็เพราะพวกนายทุนใหญ่มีอำนาจรัฐพวกตามมาด้วยไงล่ะ ยกตัวอย่างอินเตอร์เน็ตสองเจ้าใหญ่ปัจจุบันก็ได้ ทางเขามีอำนาจของรัฐในมือจากการเอื้อประโยชน์ระหว่างกันกับระบบทุนและอำนาจรัฐ จะเห็นได้ชัดเลยว่า ส่วนของ บ.โทรคมนาคม ในปัจจุบันอิงแอบอยู่หลังอำนาจรัฐ และทำให้อำนาจรัฐมากขึ้นจากการบังคับขู่เข็ญให้ประชาชนไม่มีทางเลือกจากการใช้เงินที่พิมพ์ได้อย่างไม่มีจำกัด ทำให้ประชาชนจนลงทุกปีๆ
ท้ายที่สุดคนจะเป็นทาสต่ออำนาจของรัฐ ต้องจำนนต่อมัน แต่ btc ถ้าประชาชนร่วมกันใช้ยังไงรัฐจะไม่สามารถกำหนดชะตาชีวิตเราะได้ด้วยการใช้ btc
โชคดี กูใช้เงินหยวน
นี่คือขั้นตอนแรกในการหลบหนีจากระบบ
คุกที่ใหญ่ที่สุดที่ผู้คนอาศัยอยู่คือความกลัวในสิ่งที่คนอื่นคิด "mental prison" เรือนจำขังจิตใจของคุณเอง
เนื่องจากมนุษย์มีความหลากหลายในความคิดลืมเรื่องความเท่าเทียมหรือสิ่งปลูกฝังไปได้เลยค่านิยมของสังคมความคิดของสังคม คุณไม่จำเป็นต้องมาแคร์เพื่อนข้างบ้านที่ความเห็นไม่ตรงกับคุณ มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันได้เพราะมีบางอย่างคล้ายกัน คุณเกิดมาเพื่อรับใช้ตนเองเชื่อมั่นในตนเองเดินตามทางของตนเอง เคารพตนเองก่อนเสมอ
สื่อกระแสหลักนั้นเป็นสิ่งหลอกลวงอย่างมากที่คอยชักใยชีวิตผู้คนให้เดินตามแนวทางคำสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มนุษย์มีความหลากหลายต้องยอมรับตรงนี้เลิกไร้สาระว่ารัฐบาลจะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับมนุษย์ได้ด้วยการแทรกแซงกลไกตลาด
ความคิดเป็นสิ่งที่เปิดกว้างรับฟัง แสดงความคิดเห็น ไม่ใช่เห็นด้วยเพียงอย่างเดียวสังคมทุกวันนี้ไม่คิดกันแล้ว
คุณต้องเริ่มมองปัญหาและเรียนรู้วิธีแก้ปัญหาที่ละขั้นตอนไม่มีใครสามารถแก้ปัญหาโดยไม่รู้จักปัญหาก่อน
The Fiat เป็นระบบที่สร้างปัญญาหาและก็ส่งตัวแทนมาแก้ปัญหาที่ตนเองก่อทุกๆ 4 ปี และผู้คนเชื่อไปแล้วว่าพวกตัวแทนที่เข้ามาจะแก้ปัญหาได้ ไม่เลย.. คนที่จะแก้ปัญหามีเพียงตัวคุณเองเท่านั้นจดจำสิ่งนี้
โครงสร้างเศรษฐกิจเอาใจคนขี้เกลียดและลงโทษคนขยันเพราะพวกเขาไม่อยากให้คุณหลุดพ้นจากพัธนาการที่ฉุดรั้งชีวิตนี้
คุณได้รับยาส้มไปแล้วดวงตาของคุณเริ่มสามารถมองเห็นภาพลวงตาเหล่านี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น หากคุณเริ่มมองเห็นภาพลวงตาคุณก็มาได้ครึ่งทางแล้ว แต่ดวงตาของคุณจะไม่สามารถมองเห็นอะไรเลยหากหัวใจมืดบอด
พิมพ์ยาวๆใช้อะไรซื้อข้าวสารกรอกหม้อครับพรี่
การคอรัปชั่นเกิดจากความต้องการของมนุษย์ CBDC จะไม่สามารถแก้ไขการคอรัปชั่นได้ เพราะสุดท้ายแล้วรัฐบาลจะทำเองเพราะมีความต้องการ ยิ่งผู้คนยกอำนาจการดูแลรักษาเงินทุนของตนเองให้กับผู้อื่นดูแลในวันนั้นชีวิตได้จบสิ้นแล้ว ความไว้วางใจไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยเฉพาะคนที่ขโมยเงินของเรามาตลอดประวัติศาสตร์ 🫡 ความผิดพลาดเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิม
คุณจะถูกหักหลังอย่างเลือดเย็น... รัฐบาลเป็นเพียงงูพิษที่คอยแว้งกัดผู้คน คุณจะไม่ไว้ใจใช่มั้ย ?
คุณทำงานเสียหยาดเหงื่อแรงงานอย่างยากลำบากแต่คุณกับฝากเงินไว้กับโจร หยาดเหงื่อแรงงานคุณสูญเปล่า.. ไม่ใช่เพราะคุณไม่เก่งไร้สามารถแต่มันผิดที่คุณไว้ใจโจร
การบริโภคส่วนเกินของผู้คนในวัฒนธรรมแห่งความเร่งรีบเกิดจาก Fractional Reserve Banking, Central Banking and Infinite dollar. 💸
ชะลอการบริโภคด้วย Bitcoin ⚡, สินทรัพย์ที่มีความแข็งแกร่งเชิงมูลค่าทางเวลา, การค้าเสรี และการค้นพบราคาที่แท้จริงจากกลไกตลาดเสรี
ต้องการระบบที่จูงใจให้เกิดการบริโภคที่เลื่อนออกไป ทำการศึกษา BITCOIN SYSTEM ⚡ ระบบที่ต่อต้านวัฒนธรรมแห่งความเร่งรีบ และต่อต้านการเป็นทาสในระบบคำสั่งจากการกดขี่
จิบกาแฟของคุณในวันอาทิตย์อย่างสบายใจ ☕ ความโกลาหลจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้เหมือนเดิมผู้คนยังต้องเร่งรีบหาเงินสำหรับปัญหาในชีวิตประจำวันไม่สิ้นสุดไม่ว่าคุณจะเป็น เศรฐฐี ชนชั้นกลาง ต่ำหรือยาจก ทุกชีวิตต้องเร่งรีบหาเงินที่เสื่อมค่าตลอดเวลาเพื่อแก้ปัญหาชีวิตทั้งหมดอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนกับเงินที่มีอุปทานที่ไม่สิ้นสุด
กรอบเวลาการใช้เงินจะยิ่งสั้นลง ๆ ความเร่งรีบก็จะยิ่งเร็วขึ้นๆ
คุณลองคิดดูว่า(ถ้า)เรามีอัตราเงินเฟ้อที่ 5% ในระดับรายเดือน 🤌🫴
คุณสะดุ้งตื่นราวกับฝันร้ายและพบว่าทุกอย่างหายไป
พิมพ์ยาวๆใช้อะไรซื้อกาแฟมาจิบครับพรี่
กุสแกนหน้าไม่ผ่าน อส!
ทำไม Bitcoin เป็นสินค้าประเภทเงิน ที่ดีที่สุด?
เงิน คือ อะไร? “เงิน” เป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าระบบการแลกเปลี่ยนในอดีตแบบ บาร์เธอร์ (Barter) ตลอดประวัติศาสต์ของมนุษยชาติ เราต้องพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการควานหาสิ่งที่จะถูกนำมาใช้เป็น “เงินที่ดีที่สุด”
.
เงิน คือ สินค้าที่ทำหน้าที่ในการกำหนดมูลค่าการแลกเปลี่ยนให้กับสินค้าประเภทอื่นๆ ในอดีตนั้นมีสินค้าหลากหลายชนิดถูกนำมาใช้เป็นเงิน เช่น เปลือกหอย, ลูกปัด, หิน, ขนนก และลูกปัดที่ทำมาจากเปลือกหอย (Wampum) ซึ่งก็เกิดคำถามตามมาว่าสินค้าบางอย่างทำไมจึงกลายเป็นเงินที่ดีได้ แต่ทำไมบางอย่างกลับไม่สามารถเป็นเงินที่ดีได้?
.
นักเศรษฐศาสตร์ และ นักประวัติศาสตร์ ได้นำเสนอ “คุณลักษณะของการเป็นเงินที่ดี” [1] เอาไว้หลายประการด้วยกัน สินค้าใดก็ตามที่ยิ่งมีคุณสมบัติต่างๆ ตามที่ระบุไว้มากเท่าไหร่ จะยิ่งมีโอกาสกลายเป็นเงินที่ดีได้มากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้รับการยอมรับในฐานะ “เงิน” มากยิ่งขึ้นด้วย
.
นักลงทุนแบบดั้งเดิมมักจะนำกรอบการลงทุนทางเทคโนโลยีมาใช้กับ bicoin ซึ่งทำให้ได้ข้อสรุปว่า bitcoin เป็นเพียงเหรียญแรกที่นำเสนอเทคโนโลยีบล็อคเชน และจะถูกแทนที่อย่างง่ายดายโดยเทคโนโลยีที่เหนือกว่าในอนาคต แถม bitcoin ยังให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่า แต่ตามที่เราได้ให้ข้อมูลไว้ในงานวิจัยนี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของ bitcoin ไม่ใช่ประเด็นของการเป็นระบบการชำระเงินแต่อย่างใด
.
แต่ bicoin เป็นระบบการเงินที่ดีกว่า ในฐานะเงิน bitcoin นั้นมีคุณสมบัติเฉพาะตัว ดังนั้นเราไม่เพียงแค่เชื่อว่านักลงทุนควรพิจารณา bitcoin ก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อทำความเข้าใจกับสินทรัพย์ดิจิทัลเท่านั้น แต่ควรพิจารณา bitcoin ก่อน และแยก bitcoin ออกจากสินทรัพย์ดิจิทัลตัวอื่นๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นตามมาด้วย
ดีที่สุดแต่ไม่มีคนใช้
"รถยนต์ไม่ใช่ความคิดที่ดี" - ม้า
"อินเทอร์เน็ตไม่ใช่ความคิดที่ดี" - หนังสือพิมพ์
"อีเมลไม่ใช่ความคิดที่ดี" - ที่ทำการไปรษณีย์
"โทรทัศน์ไม่ใช่ความคิดที่ดี" - สถานีวิทยุ
"การสตรีมไม่ใช่ความคิดที่ดี" - โรงภาพยนตร์
" ฐานข้อมูลที่เปิดกว้างไม่ใช่ความคิดที่ดี " - โรงเรียน
"BITCOIN ⚡ไม่ใช่ความคิดที่ดี" - ธนาคารกลาง
ฉันเรียนรู้เศรษฐศาสตร์มหภาค และระบบการเงินพื้นฐานนอกห้องเรียน เรียนรู้ข้อมูลในการดำรงชีวิตพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ถูกต้องการกินนอนดูแลสุขภาพนอกห้องเรียน และใช้ทักษะการหาเงินที่ไม่ได้มาจากห้องเรียนเลย 😂 และที่สำคัญ BITCOIN ⚡
เจอกัน9300ครับชาวบิทคอย
กูสามาีถเรียนข้อผิดพลาดของการลงทุนได้จากที่ไหนเป็นตัวอย่างบ้างวะ คือกูไม่ได้อยากจะเรียนอะไรแต่โลกสวย ลงทุนแล้วได้ผลกำไรแน่นอนโม้ชิบหาย
2.9ล้านเหรียญเหลือ4เหรียญ พรี่ๆชาวขลิบโตว่าไงควัฟ
>>561 nft แค่ jpeg ที่บางคนเห็นค่าเท่านั้น แถม nft ถ้าไปดูก็แต่ ใบเสร็จ ตัวรูปมันเราเป็นเจ้าของไม่ได้ด้วยซ้ำ การที่คนอื่นเอาไปตั้งรูปโปรไฟล์ เจ้าของ nft ก็ฟ้องไม่ได้ ที่มันจะไม่มีค่าก็เรื่องปกตินะ
แต่ btc ต่างหาก ตือความจริงของระบบการเงิน เป็น sound money ที่แท้จริง ที่เราควรมีไว้ ไม่ว่าจะอิสระจากรัฐ การที่รัฐเข้ามาแทรกแซงเงิน fiat ได้ แต่ไม่สามารถแทรกแซงหรือทำลาย btc ได้ ต่างหาก เป็นสิ่งที่เราควรถืออย่างแท้จริง
คริปโต โทเคนมันก็อิงกับระบบไง
ถ้าบริษัทเจ๊ง มูลค่าหุ้นก็เป็น0 มันก็แค่currency ที่ไว้อิงกับตัวสินค้าไม่ได้มีมูลค่าในตัวมันเอง
เพียงแต่เจ้าของกำหนดราคาตลาดให้คนซื้อขายตามราคาได้ และมีประโยชน์ไว้ใช้ฟอกเงินผิดกฏหมาย
https://www.youtube.com/watch?v=a5qr1DrsleY
ซื้อหลักแสน ขายหลักสิบหลักร้อย ฮา
ใครคิดว่าคริปโตเป็นการสู้กับทุนนิยมนี่ตลก
คริปโตนี่ล่ะทุนนิยมตัวดี
คริปโต คือ การพนัน สินะ
ใกล้ปิดฉาก NFT หลังตลาดเริ่มวาย มูลค่าลด ปลดพนักงานทิ้ง https://mgronline.com/stockmarket/detail/9660000100223
https://www.youtube.com/watch?v=IWzwAmjaqtw
Another Crypto Exchange Founder Guilty - CZ's Charges Explained
ทำไมเทพคอยน์ชอบโดนชกบ่อยๆนะ
อะไรคือภัยภิบัติที่ร้ายแรงที่สุด แต่ไม่เคยถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์?
มันไม่ใช่น้ำท่วม สึนามิ ไฟไหม้ป่า แต่มันคือภัยพิบัติจากเงินเฟ้อ
อัตราเงินเฟ้ออย่างน้อยๆ มันต้อง 5-10% ต่อปี และตั้งแต่ช่วงโควิดจนถึงวันนี้ อาจจะแตะ 2 หลักมาตลอดก็เป็นได้
แต่เราไม่มีวันรู้ความจริง...
เงินเฟ้อ ที่ฟังดูน่ารักมุ้งมิ้ง เหมือนท้องอืดท้องเฟ้อนี้ควรถูกเรียกใหม่ว่า "เงินเสื่อมค่า" เพราะมันคือภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สุด ตัวแปรหลักที่นำพามนุษยชาติถอยหลังลงคลอง
ราว 50-60 ปีก่อน แม่ผมเข้ารับราชการที่บ้านนอก รับเงินเดือนครั้งแรก 1300 บาท ข้าวจานละบาท ยังพอหากินได้ มันซื้อได้เป็นพันจาน มันกินเองเหลือๆ
รับราชการในยุคนี้ วุฒิ ป.ตรี เงินเดือน 15,000.- ข้าวจานละ 40 บาท เริ่มหายากแล้วและกินก็ไม่อิ่ม ไม่ก็อิ่มเพราะได้ข้าวเยอะ กับข้าวแทบไม่มี และที่สำคัญเอาเงินทั้งเดือนไปซื้อข้าวได้แค่ 300 กว่าจาน รวมค่าใช้จ่ายทุกส่วนแล้ว ผลคือ มันไม่พอ!
ความสามารถในการเลี้ยงดูตัวเองจากเงินเดือนเริ่มต้น ของคนยุคนี้มันต่ำกว่าคนยุคก่อนมากมายหลายเท่า ไม่แปลกเลยที่คนทำงานประจำโดยทั่วไปจะมีชีวิตที่ลำบากมาก เก็บออมไม่ได้ สร้างทรัพย์สินไม่ได้ และดูท่าจะค่อยๆ แย่ลงด้วยซ้ำเพราะรายได้มันโตไม่ทันราคาข้าวของที่แพงขึ้น
ต้องพึ่งพาการช่วยเหลือจากพ่อแม่ แทนที่จะให้เขาพึ่งพาเรา พ่อแม่ใครทำไว้ดีก็รอดไป ส่วนใครที่บ้านมีฐานะยากจนเป็นทุนเดิม ชีวิตคุณจะยากลำบากกว่าหลายเท่าตัว
คนเริ่มทำงานยุคนี้ คุณต้องมีเงินเดือนเริ่มต้น 6-70,000.- คุณถึงจะมึกำลังซื้อเท่ากับคนยุคก่อน
ไหวเหรอ? โลกมันผิดเพี้ยนไปกันใหญ่
เอาแบบหลักการหน่อย CPI หรือดัชนีราคาผู้บริโภค คือตะกร้ารวมสินค้าที่รัฐเอามาคำนวณเงินเฟ้อ มันใช้การไม่ได้ ไม้บรรทัดที่ใช้วัดมันยืดหดได้ มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อะไรแพงเอาออก อะไรกระจอกเอาเข้า มันจึงไม่เคยสะท้อนภาระต้นทุนที่แท้จริงที่ประชาชนต้องแบกรับเพิ่มเลย สรุปง่ายๆ คือมีไว้ทำอะไรก็ไม่รู้ครับ
โดยที่ให้เหตุผลเราว่า "สินค้าเหล่านี้มันควบคุมไม่ได้" ว๊อทเดอะ....! ทั้งๆ ที่สินค้าที่คุณเอาออกมันคือสินค้าจำเป็นที่เราไม่ซื้อก็ต้องซื้อ ไม่อยากใช้ก็ต้องใช้ คือต้นทุนชีวิตหลักของผู้คน เช่น เนื้อสัตว์และพลังงาน เนื้อวัว หมูแพง ก็เอาปลามาใส่แทน น้ำมันราคาพุ่งสูงไปไกลก็เอาตากตะกร้าคำนวณไปเลย
ถ้าหลักการเป็นแบบนี้ แล้ว CPI มันจะสะท้อนเงินเฟ้อได้อย่างไร?
รัฐและธปท. จะหาสูตรคำนวณทุกวิถีทางให้ตัวเลขมันต่ำที่สุด เพื่อความสบายใจของประชาชน ตัวเลขสูงๆ แล้วผู้คนจะใจสั่นกินไม่ได้นอนไม่หลับ ประชาชนไม่รู้ความจริงเลยว่า ชีวิตเขากำลังจะเผชิญกับอะไรที่รออยู่ข้างหน้า
แม้ว่าหายนะของเงินเสื่อมค่านี้ คือตัวแปรที่ทำร้ายทำลายชีวิตของผู้คนอย่างแสนสาหัสที่สุดแล้ว
มันขโมย เวลา หยาดเหงื่อแรงกาย ความพยายามทุ่มเท ของผู้คนที่ขยันหมั่นเพียรตั้งใจทำมาหากินออกไป และมันหนักขึ้นทุกวัน
หลายคนใช้เวลาทำงานทั้งชีวิตเพื่อบ้านเล็กๆ แค่ 1 หลัง ที่มันจะปลอดหนี้และได้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของแค่ไม่กี่ปีในช่วงบั้นปลายของชีวิต และหลายคนไม่มีสิทธิ์ที่จะมีที่ซุกหัวนอนเป็นของตัวเองไปจนวาระสุดท้ายของชีวิตด้วยซ้ำ
ในวันนี้รู้ตัวอีกที คนส่วนใหญ่ก็อยู่ในสถานะไม่เหลือ "อนาคต" อีกต่อไป
เรื่องที่สำคัญกับชีวิตประชาชนขนาดนี้คุณยังโกหก แล้วเราที่เป็นประชาชนธรรมดา จะหวังพึ่งพาอะไรจากคุณได้?
Nick Ragan
"เพื่ออะไร ?
ผมจนลง. หรือรวยขึ้น เพราะ กูรู จิ๋มหมาตัวใหน มัน คิดว่ามัน ฉลาดกว่าตลาด รึป่าว?
เวลาคุณอายุ มากขึ้น คุณจะเริ่มเข้าใจ ว่า เวลามีค่ามากขึ้นสำหรับคุณ ทุกวัน.. คุณเริ่ม ประเมิน risk /reward ทุกอย่าง เป็น เวลา ..ไม่ใช่ เงิน.
เพราะ ยิ่งคุณ อายุมากขึ้น.. เวลา เป็น commodity ที่ คุณเอาคืนมา ไม่ได้.
ยิ่ง ข้าม 60 ไปแล้ว เรื่อง พวกนี้ you don't give a shit anymore.
ถาม..
ถ้า Bitcoin มันร่วง จาก $69k ลงไป $16k แล้วมันกลับมา $75k ได้อีกครั้ง... ยังมี อะไรเหลือที่ ผมจะต้อง พิสูจน์ ให้ ไอ้พวก กูรู หีหมา พวกนี้ อีก ? มี มั้ย ? ถ้าไม่มี จะต้อง ไปพูด กับ มัน ทำไม ?
ถ้า 15 ปี bitcoin มันกล่อมคนพวกนี้ไม่ได้..ผม เป็นใคร ที่จะเอา 15 วินาที ไปโยนทิ้่ง กับ มัน
They cannot and will never be convinced. Their egos won't allow it.
You do you.
They can-do them.
I'm gonna do me."
เงินเฟ้อไม่มีจริง
Bitcoin คือ เครื่องสูบความมั่งคั่ง จากทรัพย์สินที่ทำผิดหน้าที่
ทอง เป็นเครื่องประดับ และทำอุตสาหกรรม ชิป
ที่ดิน เป็นที่เพราะปลูก
อสังหา เป็นที่ซุกหัวนอน
หุ้น เป็นที่ระดมทุนและได้ปันผล
พระเครื่อง เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
นาฬิกา เป็นที่บอกเวลา
Bitcoin
สอนให้คนมีแนวคิด
เหมือนคนร้อนเงิน คือ
"ขยันทำงานแล้วเก็บออม"
อัตราเงินเฟ้อถือเป็นภาษีที่ใหญ่ที่สุด เนื่องจากใช้กับทุกสิ่งที่คุณซื้อและเงินที่คุณประหยัดได้ พวกมันทำลายคุณค่าของการทำงานหนักที่คุณสร้างขึ้น การประหยัดเงินเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าได้น้อยลงสำหรับอนาคต แนวคิดนี้จะเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตให้เร่งรีบใช้เงินออกไป
คุณพร้อมแล้วหรือยัง?.. Bitcoin no inflation 21 Million coin only!
Q : ทำไม ไมเคิลเซย์เลอร์ ถึงซื้อ btc มาแล้ว ไม่ขาย ทั้งที่คนปกติซื้อมาแล้วก็ขาย อาจจะเพื่อทำกำไร หรือส่งต่อให้กับลูกหลาน ?
A : คนที่ใช้เงิน fiat เราเรียกคนเหล่านั้นว่า Poor
การที่คุณจะมีสินทรัพย์ที่สามารถข้ามผ่านกาลเวลา ถ้าหากคุณขายคุณก็จนลงเรื่อยๆ
ก่อนศึกษาบิตคอยน์ => บิทคอยน์ดูคล้ายแชร์ลูกโซ่
หลังศึกษาบิทคอยน์ => แชร์ลูกโซ่ตัวจริง คือระบบธนาคารทั้งหมด ไม่ใช่บิทคอยน์
😏😏😏😏
วันนี้เมื่อ 13 ปีที่แล้ว (23 เมษายน 2011) ผู้สร้าง #Bitcoin หรือ "Satoshi Nakamoto" ได้ทิ้งอีเมลฉบับสุดท้ายเอาไว้ให้แก่ Mike Hearn ก่อนที่จะหายไปตลอดกาลและไม่เคยตอบอีเมลใครให้โลกได้รับรู้อีกเลย (มากสุดคือแค่มาโผล่ในช่องตอบกระทู้ในรอบ 5 ปี) 📩
.
จะบอกว่าเป็น "จดหมายลา" ก็คงไม่ผิดนัก เพราะเข้าได้ระบุเอาไว้ในอีเมลดังกล่าวว่า "ฉันจะย้ายไปทำอย่างอื่นแล้ว Bitcoin อยู่ในมือของเหล่าคนที่ดี..." 💬
.
ซึ่งเหล่าคนที่ดีที่เขาพูดถึงในอีเมลคือ Gavin เพื่อนร่วมอุดมการณ์ของเขา และคนอื่น ๆ (เขาใช้คำว่า "... with Gavin and everyone") 👨👨👧👦
.
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความ "หายห่วง" และ "วางใจ" จนสามารถปล่อยมือจาก #BTC ได้แล้ว และเขาคงหวังว่าชุมชน Bitcoin จะสามารถเติบโต พัฒนา และปกป้องแก่นแท้ของตัวมันเองเอาไว้ได้ด้วยกลุ่มคนเหล่านี้ ❤
.
13 ปีผ่านไป ไม่รู้ว่าตอนนี้บุคคลหรือกลุ่มคนที่สร้าง Bitcoin ขึ้นมานี้ยังมีชีวิตอยู่ไหม แต่ถ้ายังมีชีวิตอยู่ เขาคงได้เห็นภาพอย่างทุกวันนี้ และคงได้เห็นว่ามันเติบโตมามากขนาดไหน มีการพัฒนาอะไรมากมายข้างบนเครือข่าย และยังมีเครื่องขุด โหนด รวมถึงสาวกอีกมากมาย ที่ยังศรัทธาและยึดมั่นในแนวทางอย่างทุกวันนี้ 🥰
.
มาร่วมฉลองครบรอบ 13 ปี วันที่จดหมายฉบับสุดท้ายนี้ได้ถูกทิ้งไว้กันเถอะสหาย !!! โดยเว็บไซต์ Bitcoin Holidays ได้บรรจุวันนี้ลงในปฏิทินประจำปีของ Bitcoin และได้ตั้งชื่อมันว่าวัน "Bitcoin in Good Hands" 🗓📌
.
#พ่อมดคริปโต
แล้วทำไมเรื่องการจ่ายภาษีมันถึงกลายเป็น”หน้าที่“ละครับ ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่เราควรตั้งคำถาม ถ้าบอกว่าอย่างนั้นเรามีสิทธิที่จะไม่จ่ายภาษีรึเปล่า? การที่เราก้มหน้าก้มตายอมรับให้เรื่องแบบนี้เป็นหน้าที่ก็ไม่ต่างกับการบอกว่าการเป็นทาสมันคือหน้าที่ การเป็นทาสคือการที่นายทาสมีสิทธีเหนือร่างกายและผลผลิตของทาส100% การขัดขืนของทาสนำมาซึ่งท้ายสุดคือคุกหรือความตาย แล้วอย่างนี้ ทาส 2% 10% 20% ยังเป็นทาสอยู่รึเปล่า?? สำหรับผมแล้วคำตอบนั้นชัดเจน ใช่การเป็นทาส 2%อาจดีกว่าการเป็นทาส100% แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ความจริงในการเป็นทาสนั้นเปลี่ยน เผื่อนึกภาพไม่ออก ถ้าผมเลือกไม่จ่ายภาษีเป็นไงครับ ติดคุกครับแล้วถ้าเรา push to the extreme ก็คือความตาย ภาพทาสขึ้นมายังครับแค่มันไม่ extreme เท่าและทาสขัดขืนได้เล็กน้อย(ถึงแม้นายทาสอย่างรัฐจะมีเครื่องมือในการขโมยเงินอย่างเงินเฟ้ออยู่ดี)
ผมบอกว่าตอนนี้ฐานะเรากับรัฐคือ “ทาสกับนายทาส” in extreme view เพราะเราโดนมัดมือชกให้จ่ายภาษี(บังคับเอาแรงงานผลประกอบการให้) ในมุมมองนายทาส ทาสมีหน้าที่ๆจะต้องจ่ายภาษีให้นายทาส แต่นั่นคือมุมมองนายทาส ในความจริงแล้วในฐานะปัจเจกเราไม่ได้ต้องมอบ แรงงานจาก private property(ร่างกายเรา)ให้คนอื่นเลยเพาาะนั้นคือ ”สิทธิ“ที่มีมาตั้งแต่กำเนิดของเรา ไม่ต้องให้มีใครมาบอกว่าเรามีสิทธินั้นรึเปล่า ซึ่งถ้าเราเห็นแบบนี้แล้ว การที่นายทาสหรือเพื่อนมองว่าการจ่ายภาษีเป็นหน้าที่ก็คือการสนับสนุนให้มีการละเมิด“สิทธิ”ของเรานั่นเอง
คุณแม่งปัญญาอ่อน และสิ่งที่คุณบอกว่า รัฐ provide นู้นนี่นั่น คุณแม่งปัญญาอ่อนอ่ะ สินค้าไม่ได้ประสิทธิภาพ ไม่เคยยกระดับชีวิตมนุษย์ครับ และเอาเข้าจริงๆ การเดินทางไปต่างประเทศ ก็ไม่เห็นต้องติดต่อใครเลยจริงๆก็ได้ ถ้างั้นคุณจะอ้างเสรีภาพได้ยังไง ในเมื่ออยู่ในกรงของ รัฐฐะ
โอ้วววว อย่าลืมเสียภาษีให้ฉันนะ ฉันจะอยู่เหนือความดีและชั่วเอง 555
สังคม ancap มันเคยเกิดขึ้นนะ แล้วผมไม่เคยแปลกใจกับความคิดเห็นทำนองแบบคุณเท่าไหร่ เพราะ
1.) คุณอยู่ในโลกที่อยู่ภายใต้ modern state คุณก็จะมี mindset ที่ต้องสยบสมยอมอย่างไม่สมัครใจกับการกระทำของคนที่มีอำนาจสูงกว่า ดังนั้น ความคิดคุณจึงจะมองว่าสิ่งที่ outside เลยมันเป็นไปไม่ได้... มันสุดโต่ง คนที่คิดแบบนี้มันอันตราย ดังที่ Murray N. Rothbard เคยพูดเปรยไว้ใน Anatomy of the state ไว้ว่า "สิ่งที่อันตรายที่สุดของรัฐคือการปล่อยให้ปัญญาชนวิจารณ์มัน" ถ้าคุณจะเถียงว่ารัฐยังคง "จำเป็น" ผมไม่ว่าอะไรกับโลกแห่งความเป็นจริง ณ ตอนนี้นะ แต่ถ้าพูดถึงว่า "มันได้ไหม" หรือ "มันเป็นไปได้ไหม" ผมต้องขอตอบว่าทำได้และเป็นไปได้ ยกตัวอย่างเช่น Republic of Cospaia ที่อยู่ได้ถึง 386 ปี หรือ Acadia อยู่ได้ถึง 105 ปี และอื่น ๆ หรือ ใกล้เคยอีกก้คือ Old Swiss Confederacy
2.) รายละเอียดเกี่ยวกับรัฐมี function อะไรที่จะมอบพลเมืองตัวเองได้บ้างเช่น สาธารณูโภค, สาธารณสุข, ทหารและอื่น ๆ ถ้าพูดอย่างเป็นกลางจริง ๆ "ควร" พูดว่า สิ่งที่กล่าวมาเอกชนมันก็ทำได้ กล่าวคือ ชุมชนหนึ่งสามารถสร้างถนนเองและเก็บค่าผ่านทาง/ค่าเหยียบได้, บริษัทหนึ่งสามารถเป็นบริษัททหารในรูปแบบ mercenary/private militia ที่จงรักภักดีต่อนายจ้างได้ และอื่นๆ ทีนี้ถ้าจะถกเถียงกันก็ต้องไปดูตัวอย่างครับและเหตุผลเบื้องหน้าเบื้องหลังถึงความสำเร็จและล้มเหลว ด้วย literature ทั้งสองฝ่าย....
3.) ผมชื่นชอบคนเรียนเศรษฐศาสตร์นะ แต่มันก็ต้องจำเป็นต้องตั้งคำถามทางเศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะคำถาม "พื้นฐาน" ของเศรษฐศาสตร์ ทุกวันนี้เราเห็นพวกจบ PhD, postdoctoral, professor หรือใครหลายคนมักจะเป็นพวกมองข้ามพื้นฐานของศาสตร์ที่ตนเชี่ยวชาญ ยกตัวอย่างเช่น การแทรกแซงของรัฐในเรื่องหนึ่งมันมี trade-off อย่างไรบ้าง? เป็นต้น
แต่บ่อยครั้งเราจะพบว่ามีบางคนพยายาม balance ความคิดตลาดกับรัฐอยู่ซึ่งเป็นไปไม่ได้ สัจธรรมของโลกต้องเอียงไปทางด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น การผสมของแนวคิดในประเด็นหนึ่งให้ลงตัวมันเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นจะสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาโดยอาจมีลักษณะบางอย่างเหมือนกันกับสิ่งอื่น
4.) ถ้าพูดถึง "ภาษี" ก็ต้องยอมรับ logic ที่เหมือนกับการเก็บภาษีได้
ยกตัวอย่างเช่น ภาษีเป็นการที่เราถูกบังคับจ่ายผ่านการออกกฎหมาย ถ้าไม่จ่ายมีความผิดติดตาราง ดังนั้นมันจึงมีการเปรียบเทียบว่ามันคือ "การปล้น" ในที่นี้คุณเห็นด้วยเพราะจำเป็นต้องพึ่งพากัน ผมเปรียบเทียบแบบนี้ให้เห็นภาพนะ สมมติคุณต้องการให้สังคมมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คุณให้โจรมาปล้นของบ้านคนรวยหรือร้านขายของไปให้คนยากจน คุณยอมรับการปล้นของโจรใช่หรือไม่หากต้องการสร้างสังคมที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่? คุณอาจจะมองว่ามันคนละเรื่องนะ แต่ภาษีก้มีหน้าที่ในการสร้างสังคมที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วยการทำสวัสดิการโดยการปล้นเงินคนอื่นมาแจกให้คนจนและคนที่ไม่ได้จ่ายภาษี นี่คือประเด็นปัญหาของภาษี อีกอย่างสวัสดิการโดยรัฐไม่เคยคุ้ม คุณเอาเวลาไปสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง ปล่อยกลไกตลาดทำงานในภาคประกันสังคมและการกุศลยังมีประสิทธิภาพกว่าอีก
https://www.youtube.com/watch?v=1QhF4m3Yjew
สงครามที่เราต้องตื่นตัว ไม่ใช่สงครามรัสเซียยูเครน หรือ สงครามอิสราเอล แต่เป็นสงครามระหว่างรัฐกับประชาชน ที่รัฐกำลังบีบบังคับประชาชนให้เป็นทาส ต้องทำงานเพื่อให้รัฐเอาไปใช้กับกลุ่มทุน
รัฐบีบบังคับเราสองทาง คือการเก็บภาษี และสร้างเงินเฟ้อ ทำให้ประชาชนไม่สามารถเก็บออมไว้ให้ตัวเรายามแก่หรือลูกหลานได้เลย
การใช้พลังงานในการขุดบิทคอยน์
50% มาจาก พลังงาน หมุนเวียน
ที่ถือว่าเป็นพลังงานสะอาด
อีก 23% มาจากพลังงานน้ำ
อีก 7% มาจากพลังงานโซลาร์
ต่อไปจะมีการทำให้พลังงานโซลาร์
ใช้ในการขุดมากขึ้น และ มากขึ้น
ก็จะลดการใช้พลังงานจากฟอสซิลไปได้อีก
แต่ปัญหาต่อมาคืออายุของแผงโซลาร์ มีวันหมด
ก็กลับไปกระบวนการรีไซเคิล
เช่นพวกสายทองแดง , กรอบอลูมิเนียม, พลาสติก
แล้วก็มีวัสดุที่ถูกพัฒนาให้เป็น bio-degradable ด้วย
แต่วัสดุบางชิ้นอย่างทองแดง
เราก็ยังต้องทำเหมือง
เพื่อเอามันมาใช้งาน
แต่โดยรวม ถ้าชั่งน้ำหนักแล้ว
การทำให้พลังงานโซลาร์มัน viable ได้
มันจะดีกว่าการใช้ฟอสซิลมาก
แต่ละอย่างก็จะค่อยๆพัฒนาตามๆกันไป
ผมคิดว่าเด็กๆ ควรเรียนรู้เรื่องBitcoin ไม่ใช่เพราะแค่มันมีจำกัด มันช่วยเราต้านเงินเฟ้อ
แต่มันบทเรียนหลายๆ อย่าง และบทเรียนที่ว่าคือ "ทำไมหนูต้องทำงาน" , "ทำไมหนูต้องเก็บออม" และ "เวลาหนูมีจำกัด"
"ก็ถ้าหนูไม่ทำงาน ก็อดแตกตาeสิค่ะลูก"
เออจะตอบแบบนั้นก็ง่ายดี แต่ถ้าคิดในอีกมุม การที่เราทำงานและได้เงินมา มันต้อง Trade off 2 สิ่ง นั้นคือ "เวลา" และ "คุณค่า" ที่เราทำ
สมมุติลูกเราออกไปทำงานพนักงานเซเว่น ได้เงินเดือนเฉลี่ย 15,000 เฉลี่ยต่อวันได้เงินวันละ 500 บาท นั้นหมายความว่า ลูกเราเสียเวลา 1 วัน และสร้างคุณค่า หรือ productivity ให้กับสังคมและได้รับผลตอบแทนเป็นจำนวนเงิน 500 บาท/วัน ถูกไหม?
ถ้าลูกเราอยากจะได้เงินมากกว่าเดิม เขาก็แค่พยายามสร้างคุณค่าให้มากกว่าเดิม ในเวลาที่เท่าเดิม อาจจะขยันทำ OT หรือจัดการร้านได้ดีจนได้แต่งตั้งเป็นผู้จัดการ หรือออกไปทำงานอื่นที่ได้เงินเฉลี่ยมากกว่า 500 บาท/วัน
นี้คือจุดประสงค์ของการมีชีวิตอยู่ของพวกเขา คือการออกไปสร้างคุณค่าแก่สังคม อาจจะสานต่อเส้นทาง Proof of Work ของครอบครัวเสียพวกเขาเสียสละเวลาทำมา หรือสร้างเส้นทางของตัวเองใหม่ตั้งแต่เริ่ม ไม่รู้แหละด้วยวิธีไหน แต่ถ้ามันเวิร์ค สังคมจะตอบแทนคุณคุณค่ากลับมา
"หนูเกิดมาเพื่อสร้างคุณค่าในแก่สังคมนะลูก"
และเงินไม่ใช่แค่เงิน แต่ : เงิน = เวลา+คุณค่า /// เรากำลังแลกเปลี่ยนคุณค่ากับคุณค่าด้วยกันในสังคม
ที่นี้ ถ้าลูกอยากจะได้ไอโฟนซักเครื่อง เอาไอโฟน 13 128GB ตีกลมๆ ขายตอนนี้ 20,000 บาท และเขายังทำงานที่เซเว่น แสดงว่าเขาก็ต้องเก็บเงิน หรือ เก็บ "เวลา+คุณค่า" จำนวน 40 วัน (เข้ เยอะวะ) เพื่อแลกไอโฟน 1 เครื่อง
แต่อย่าลืมว่า ระหว่างที่ลูกๆ เก็บเงินรอซื้อไอโฟน เขาอาจจะใช้เวลาเก็บจริงเกิน 4-5 เดือน++ และระหว่างนั้น "ตลาดเสรี" ก็กำลังทำงาน และกำลังพัฒนา productivity ให้แกสังคมมนุษย์
มนุษยชาติมันมีกิเลส มันขี้เบื่อ ขี้เกียจ เลยพัฒนา Productivity ให้ตัวเองสบายขึ้นอยู่เสมอ
ใครจะไปรู้ว่าระหว่างที่ลูกค้าเราเก็บ "เวลา+คุณค่า" เอาไว้ อยู่ดีๆ ไอโฟน 13 ราคาอาจจะลดลงด้วยต้นทุนการผลิตที่ถูกลง ลดเหลือ 18,000 บาท (จากเดิมใช้เวลา 40 วัน ใช้แค่ 36วัน) หรือมีไอโฟน 16 ผลิตออกมา แล้วกดดันราคาไอโฟน 14 ให้เท่ากับไอโฟน 13 เพราะกำลังจะตกรุ่น ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นผลพ่วงของกลไกลตลาดเสรีทั้งสิ้น
"กลายเป็นว่ายิ่งลูกของเรา Low Time มากเท่าไหร่ ยิ่งเก็บ เวลา+คุณค่านานเท่าไหร่ เขาจะจ่ายเวลา+คุณค่าที่เขาเก็บไว้ น้อยลงเพื่อครอบครองสิ่งของหรือบริการที่ดีกว่าเดิม"
ยิ่งลูกเก็บออม ชีวิตยิ่งดีขึ้น ยิ่งเติมเต็ม Self esteem , Self sufficient และ Self secure พวกเขาจะรู้ว่า "เวลา+คุณค่า" ของพวกเขา "มันมีความหมายจริงๆ" มันมี " Meaning of Life จริงๆ" ชีวิตพวกเขามันมีค่าจริงๆ การสร้างคุณค่าให้สังคมมันคุ้มจริงๆ
ยิ่งทำงานได้เงินเยอะ ก็เป็นการโชว์ให้สังคมรู้ว่าเขาเป็นคนที่ทำคุณค่าให้สังคมสูง และมีเงินเก็บเยอะ ก็เป็นโชว์ว่าตัวเขาเป็นผู้เสียสละ ขยัน อดทน เก็บเยอะกว่าแดรก โดยเฉพาะยิ่งรายได้น้อยแต่เก็บออมเยอะ จะยิ่งน่านับถือมากๆ
- แต่เรื่อง Meaning of Life พวกนี้คุณปาทิ้งไปได้เลย หากลูกเราเอา เวลา+คุณค่า ไปเก็บในสิ่งที่มันไม่สามารถรักษาเวลา+คุณค่าของพวกเขาไว้ได้-
"เวลาหนูมีจำกัดนะลูก"
เราไม่รู้หรอกลูกเราจะมีอายุเท่าไหร่ อาจจะมีอายุในชีวิตนี้สัก 70 ปี ตีเป็นวันก็ 25,550 วัน กว่าจะทำงานจริงจังอาจจะอายุ 20 เหลืออีก 18,250 วัน
ทำงานเซเว่นมีเงินเก็บ 10,000 บาท เฉลี่ยก็ใช้เวลา20วัน แต่ดันทะลึ่งเอาไปปั่นสล็อต ติดพนัน เล่นฟิวเจอร์พอร์ตแตก และปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร ไม่เล่นของพวกนี้แล้ว เดือนหน้าเก็บเงินใหม่
"ไม่ใช่นะหนู" ลูกเราเสียเวลาไป 20 วัน หรือ 0.07% ของเวลาทั้งหมดไปฟรีๆ และ 20 วันนั้นเอาคืนไม่ได้ ย้อนเวลาไปห้ามตัวเองไม่ได้ หรือจะยืดเวลาชีวิตตัวเองเป็น 70 ปี กับ 20 วัน ในอนาคตก็ไม่ได้ ถ้าชะตาฟ้ามันลิขิตไว้ให้ชีวิตต้องdedใน 70ปี
เพราะไอ้การที่เวลามีจำกัดเนี่ยแหละ ลูกเราจึงจะต้องคิดให้ดี ว่าจะเอาไปใช้กับอะไร หรือเก็บเวลาไว้ที่ไหน
ส่วนผม ที่อายุกำลังเข้าเลข 3 แล้ว อาจจะมาได้ครึ่งทาง กระสุนผมใช้ไปแล้วครึ่งแม็ค เหลืออีกครึ่ง ผมจะเอาเวลา+คุณค่า ของผมไปเก็บไว้ที่ไหนดี?
"เวลาเรามีจำกัด จงเก็บมันในสิ่งที่จำกัดเหมือนเวลาเรา"
คนเงินเดือน 100,000 บาท ไม่ได้รวย เหมือนในอดีต อีกต่อไปแล้ว ....
สมัยเด็กๆ 10-20 ปีที่แล้ว เราจะคิดกันว่า คนเงิน หลักแสน คือ เทพ คือ โคดเก่ง โคดรวย
แต่ความเป็นจริง คือ คนเงิน 100,000 บาท ทุกวันนี้ หากคิดด้วยอัตราเงินเฟ้อ 5% ....
แล้วย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว คุณ จะมี purchasing power หรือ อำนาจในการจับจ่ายใช้สอย เท่ากับ คนเงินเดือน 61,391 บาท
ย้อนกลับไปไกลกว่านั้น เทียบกับ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว คุณจะเท่ากับ คนเงินเดือน 37,689 บาท !!!!!
สรุป คือ คนเงินเดือน 100,000 บาท ในปัจจุบัน เท่ากับ คนที่เงินเดือน 30,000 กว่าบาท ในอดีต เท่านั้น !!!!
แล้ว ถ้า เราอยากมี purchasing power เท่ากับ คนเงินเดือน 100,000 บาท เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราต้องมีเงิน เท่ากับ 100,000*1.05^20 = 265,330 บาท !!!! แปลว่า ปัจจุบัน คุณต้องมีเงินเดือน 265,330 บาท แล้ว
หลายคน ก็จะติงว่า เห้ย เงินเฟ้อไทย ที่ ภาครัฐ รายงาน จริงๆ เฉลี่ยแค่ 2% ต้องบอกว่า ตัวเลขมันต่ำเกินไปครับ ด้วยน้ำหนักของสินค้าในตะกร้าเงินเฟ้อ ที่ คนทั่วไป ไม่ได้ใช้ตามนั้นเลย รวมถึงเทคนิค ต่างๆ ที่ภาครัฐ ทำให้เงินเฟ้อ ที่รายงาน ต่ำกว่าความเป็นจริง
แต่สมมติ ให้ เงินเฟ้อ 2% จริง คนเงินเดือน 100,000 บาททุกวันนี้ ก็เทียบเท่ากับ คนเงินเดือน 67,000 บาท เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เท่านั้น เหมือนกัน
สิ่งที่อยากสื่อคือ อย่าให้ ภาพจำ ในอดีต มาหลอกตาเราครับ เมื่อคนพูดกันว่า คนนูู้น คนนี้ เงินเดือน เกินแสน มันไม่ได้เยอะแล้วครับ มันเท่ากับคนเงินเดือน 3-4 หมื่นบาท ในยุคพ่อแม่เราครับ
นี่คือ ธรรมชาติ ของยุค global fiat currency ที่สามารถ money printing ได้ และ รัฐบาล มี bias ที่จะ สร้างเงินเพิ่ม เพื่อ ฐานคะแนนเสียงทางการเมือง และ ลดภาระหนี้สินในอนาคต และ มันจะเป็นแบบนี้ ต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคต จนกว่าทุกอย่างจะพังครับ แต่เราควรจะมีสติ และ รู้ว่าอะไร กำลังจะเกิดขึ้นกับเราครับ
ขอบคุณครับ
คริปโตไม่ต่างจากการพนัน
ใจความที่น่าสนใจเกี่ยวกับคลิปนี้เรื่องเงินเฟ้อ เงินฝืด
- เงินฝืด หรือเงินฝืดอ่อนๆ คือสิ่งที่จะช่วยโลกนี้เอาไว้ได้ เพราะจริงๆแล้ว เงินฝืด ควรจะมีชื่อว่า appreciation money เงินที่มีมูลค่าเพิ่มหรือคงที่เมื่อเวลาผ่านไป จะเป็นกลไกสำคัญที่จะกระจายความมั่งคั่งให้กับผู้คนที่ตั้งใจขยันขันแข็งทำงานสร้างประโยชน์ให้กับสังคม เอาเงินออกจากผีดูดเลือดเพื่อไปสร้างผลงานที่เป็นประโยชน์ให้กับสังคมได้
- ภาวะเงินเฟ้อ ที่เงินสามารถสร้างได้โดยรัฐ โรงเรียนธุรกิจในปัจจุบัน เมื่อคุณสามารถสร้างมูลค่าและผลตอบแทนได้ คุณต้องสร้างคูน้ำล้อมรอบไม่ให้คู่แข่งเข้ามาแข่งขันได้ เมื่อธุรกิจคุณสามารถสร้างเงินจนขนาดใหญ่ขึ้น ธุรกิจก็จะเข้าไปล็อบบี้รัฐบาล และรัฐบาลจะเป็นจรเข้ที่อยู่ในคูน้ำ ที่จะคอยบอกว่าธุรกิจนี้เป็นเจ้าแรกในไทย และประสบความสำเร็จ เลยไปบอกรัฐบาลว่าเจ้าใหม่ๆ ที่จะมาแข่ง ผมกลัวว่าเจ้าใหม่ที่จะมาแข่งจะไม่สะอาดเท่าผม รัฐบาลต้องมีใบอนุญาตในการผลิต ต้องมีใบอนุญาตตรวจความสะอาดในโรงงานด้วย หรือต้องตรวจมาตรฐานการผลิตว่าต้องเหมือนกับโรงงานของผมถึงจะได้มาตรฐาน ถึงจะสามารถสร้างโรงงานได้ ตัวอย่างนี้เห็นได้ชัดเลย ก็โรงงานเบียร์ ที่เจ้าตลาดมีไม่กี่ราย และต้องใช้ทุนสร้าง 300-500 ลบ. เพราะมาตรฐานโรงงานที่สูงเกินไป
- ไม่ต้องห่วงว่าเงินฝืดจะทำให้คนไม่ใช้เงิน จะทำเศรษฐกิจจะชลอตัวลง ลองดู btc ก็ได้ เมื่อเงินขึ้นไปสูง ก็ขายมาซื้อรถหรูบ้าง เพราะตัวเราก็ต้องมีความอยากได้อยากมีอยู่แล้ว
- การที่เงินเพิ่มมูลค่ามากขึ้นเรื่อยๆ เราก็จะรู้สึกปลอดภัยในชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วพอเรารู้สึกปลอดภัยในชีวิตมากขึ้น เราก็จะใช้เงินมากขึ้น พอเรามีความมั่งคั่งมีความสามารถในการจับจ่ายมากขึ้น เราก็จะซื้อของได้มากขึ้น ซื้อของที่มีคุณภาพสูงขึ้น เพื่อทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ไม่มีใครอยากจะกอดความร่ำรวยแล้วไปนอนใต้สะพานลอย
- ในที่นี้ เงินที่เราเก็บต้องเพิ่มมูลค่าขึ้นเรื่อยๆ เป็นการให้รางวัลกับคนที่มีวินัยทางการเงินมากขึ้นเรื่อย และเมื่อเวลาผ่านไปเงินเก็บของเขามีมูลค่ามากขึ้นเรื่อยๆ เอาเงินนั้นมาใช้เพื่อสร้างความสุขในชีวิตได้ ยิ่งมีเงินเก็บมากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งมีเงินหมุนเวียนในสังคมมากขึ้นเท่านั้น นี่ล่ะ จุดเริ่มต้นของทฤษฎีของ จอห์น เมนาร์ด เคนส์
FED คือ Ponzi Scheme
https://www.youtube.com/watch?v=ZD42JsHjjMc
สมุนอาชญากรต่อมนุษยชาติ คือ นักวิชาการ fiat หลอกคนหมู่มากแลกกับเงินของรัฐบาล
จากระบบทาสที่เคยล่ามด้วยโซ่โบยด้วยแส้
มาสู่การล่ามด้วยหนี้สินและโบยด้วยดอกเบี้ย
ทาสต้องทำงานอย่างหนักไปชั่วชีวิต
เพื่อผลิตผลกำไรให้คนบางกลุ่มที่เสกเงินจากอากาศได้
ทำไมหยุดทำงานไม่ได้?
เพราะไม่มีเงินเก็บ
เพราะเงินเก็บเสื่อมค่า
เพราะหนี้สินใหญ่(บ้าน-รถ) ยังไม่พ้น
เพราะการช่วยเหลือแบบ centralized ไม่ได้ตามต้องการ (รัฐ ประกันสังคม กองทุน)
มีชีวิตอยู่เพื่อแบกหนี้ ทำงานไม่หยุด ห้ามตาย
นี่คือ fiat life ที่แท้เลย (คำนี้เคยมีใครสักคนในกลุ่มพูดไว้ แต่ไม่ให้นิยาม)
ผู้ได้ประโยชน์คือธนาคาร มีเงินจ่ายเข้ามาต่อไป และรัฐบาลมีข้ออ้างขยายอำนาจทางการเงินให้ธนาคารอีกที
ในยุคชาตินิยม ไม่มีลูก อาจเป็นปัญหาของรัฐ แต่ยุคเฟียตนี้ ใครกันยังเชื่อว่าการไม่มีลูก จะทำให้ระบบเฟียตล่มสลาย? ตรงกันข้ามต่างหาก
#เวลามีค่าศึกษาบิตคอยน์
23 ส.ค. ของทุกปี นับเป็น "วันระลึกการค้าทาสและการเลิกทาสสากล" ไม่มีทาสแล้วจริงดิ ? 🤔
.
พวกเจ้าหารู้ไม่สหาย ? ในปัจจุบันนี้ทาสก็ยังมีอยู่ทั่วไป เพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบและวิธีการควบคุมเท่านั้นเอง 👀
.
#Bitcoin #BTC #พ่อมดคริปโต
" หากการพิมพ์เงินยุติความยากจนแล้ว การพิมพ์ประกาศนีย์บัตรก็จะยุติความโง่เขลา "
#JavierMilei #สัจวจนะ
จากการที่กุใช้tokenมาจาก86บาทมา68บาทแล้วจะลดลงเรื่อยๆ
คนที่รวยคือคนที่ออดโทเคนต่างหาก มันคือแชร์ลูกโซ่ชัดๆ
คนที่แอนตี้บิทคอยน์ไม่ใช่เพราะเขาไม่ฉลาด หลายคนประสบความสำเร็จมากกว่าผม แต่คำเดียวสั้นๆที่เขายังคงแอนตี้บิทคอยน์คือ
“อีโก้” ล้วน ๆ
เงินเฟ้อทำให้เงินเสื่อมค่า เป็นคำลวงของรัฐ
เงินที่ดีคือเงินที่เราสามารถเก็บไว้ได้โดยไม่เสียมูลค่า เลือก btc เพื่ออนาคต
https://www.youtube.com/watch?v=8gNK4d1Q2YI
ดีเบต 'เงินเฟ้อ' อาจารย์พิริยะ vs ซีเค เจิง จากเวที THBW2024
มีอะไรน่าลงทุนบ้าง
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.