>>>/lounge/13457/
>>>/lounge/14413/
ห้ามFUD ห้ามด่าdev ห้ามเท
Last posted
Total of 612 posts
>>>/lounge/13457/
>>>/lounge/14413/
ห้ามFUD ห้ามด่าdev ห้ามเท
การยุบธนาคารแห่งประเทศไทย มันไม่ใช่การแก้ที่ปลายเหตุ มันคือการแก้ที่ต้นเหตุ ปัญหาคือการที่รัฐเป็นเจ้าของสกุลเงิน เข้ามาแข่งขันกับเอกชนในอุตสาหกรรมประกันสภาพคล่อง และควบคุมการประกอบธุรกิจของสถาบันการเงินต่าง ๆ (ซึ่งเป็นการละเมิดเสรีภาพทางเศรษฐกิจของประชาชน) ไม่ใช่การบริหารงานที่ไร้ประสิทธิภาพของธนาคารแห่งประเทศไทย ตรงข้ามกันเลย การที่มันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพนี่แหละยิ่งสั่งสมปัญหา เพราะสิ่งที่มันทำเป็นสิ่งที่มันไม่ควรมีอำนาจที่จะทำได้ตั้งแต่แรก
ปัญหาของผมคือการมีอยู่ของธนาคารกลาง ไม่ใช่ความไร้ประสิทธิภาพของธนาคารกลางในแบบที่เรามีอยู่ การปฏิรูปจึงไม่สามารถช่วยได้ ต้องยุบทิ้งเท่านั้น
ปล. ในกรณีนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยคือเซลล์มะเร็ง ไม่ใช่อวัยวะที่เซลล์มะเร็งนั้นลามไปถึง
#FUCKTHEBANK #EndTheFed #FixTheMoneyFixTheWorld #bitcoinfixesthis
ผมคิดจริงนะว่า เงินควรออกโดยธนาคารของเอกชนเท่านั้น รัฐไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการออกเงินบังคับให้ผู้คนใช้เงินเพียงสกุลเดียว เพราะระบบของรัฐได้ทำการลดมูลค่าของเงินที่รัฐออกเองไปทุกปี ปีละ 3%-10% ทำให้การสะสมความมั่งคั่งของประชาชนถูกลดคุณค่าโดยรัฐ และยิ่งทำให้ประชาชนต้องพึ่งพารัฐมากเกินความจำเป็น และการมีธปท. เป็นตัวปัญหาหรือมะเร็งที่ทำให้ประชาชนต้องอดอยากมากขึ้นทุกปี เพราะปริมาณเงินที่ธปท. ได้สร้างความมั่งคั่งให้กับธนาคารอื่นๆโดยรวมเท่านั้น แต่ไม่สร้างความมั่งคั่งให้กับประชาชนเลย ธปท.จึงถือได้ว่าเป็นมะเร็งสำหรับประชาชนทั่วไป ที่คอยกัดกินความมั่งคั่งของประชาชน
เราจึงควรต่อต้าน และเห็นควรจริงๆว่า การยุปธปท เป็นทางออกที่ดีทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาความมั่งคั่งของประชาชน และให้อำนาจแก่เอกชนในการกำหนดทิศทางของเงินของตัวเอง
ยิ่งในปัจจุบันนี้ ระบบราชการก็เป็นมะเร็งร้ายแรงมากในการพัฒนาประเทศ ที่คอยขัดขวางไม่ให้ประชาชนได้สร้างธุรกิจใหม่หรือต่อยอดธุรกิจอื่นๆได้ โดยเฉพาะการบังคับการเงินด้วยระบบ bitcoin
#FUCKTHEBANK #EndTheFed #FixTheMoneyFixTheWorld #bitcoinfixesthis
ฟักเดอะแบ๊ง แต่นู๋ก็ยังเปิดบัญชีอยู่กะแบ๊ง เพราะนู๋ต้องใช้บัญชีผูกกับกระดานเทรด
สู้ไปกราบไป คงชนะหรอกครับ อิอิ
>>5 เพราะระบบธนาคารบังคับให้ต้องยืนยันตัวตนน่ะสิ ถ้าระบบ decentralize ที่ดี เราไม่จำเป็นต้องยืนยันตัวตนในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ เราไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใครที่เราแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ เราแค่ต้องรู้ถึงความถูกต้องในมูลค่าของสินทรัพย์ การที่รัฐรู้ว่าเราเคลื่อนย้ายสินทรัพย์เท่าไร ถือว่าเป็นการละเมิดความส่วนตัวของสิทธิบุคคล
>>7 ที่มันทำไม่ได้เพราะมีธปท กับ กลต นี่ต่างหากที่เป็นตัวปัญหา
ธปท. ออกกฏหมายในการห้ามใช้ bitcoin ในการแลกเปลี่ยนสินค้า ส่วน กลต. ก็ห้ามไม่ให้เอกชนสามารถออกเหรียญคริปโตของตัวเองได้ ถ้าทำเมื่อไรผิดกฎหมายทันที นั่นหมายความว่ามึงต้องเข้าคุกทั้งที่เป็นการกระทำโดยสิทธิและเสรีภาพของตัวเองแท้ๆ จะไม่เรียกว่า ธปท.เป็นมะเร็งที่เกาะกินความมั่งคั่งของประชาชนได้อย่างไรแบบนี้
ความเชื่อใจก็เหมือนกับแก้ว หากถูกทำให้แตกแล้ว ก็จะไม่เหมือนเดิมอีก.
……………
ผมเป็นคนมักไม่ค่อยไว้เนื้อเชื่อใจรัฐฯ
แต่หากต้องให้ความเชื่อใจ
ผมเชื่อในการที่รัฐขโมยเงินเรา
เชื่อใจในการที่รัฐคอยสอดส่องสะกดรอยเรา
และเชื่อใจในการขายประเทศของเรา
https://www.blognone.com/node/129609
วงการนี้ช่างเต็มไปด้วยมิจฉาชีพ
เคยเห็นคริปโตปล่อยกู้ละมีดอกเบี้ย คนปล่อยกู้ได้ปันผลนั่นนี่ มาวันนี้มองที่พื้นฐานมันแม่งคือคล้ายๆทองเลย มีมูลค่าที่แกว่งแรงกว่าทองเพราะจับต้องไม่ได้ แถมไม่ปันผลพอๆกับทองคำด้วย
Nomad bridge getting actively hacked. WETH and WBTC being taken out in million-dollar increments. Withdraw all funds if you can, still $126m remaining in the contract that's likely at risk
นอแมน บริส โดนแฮก WETH และ WBTC ถูกถอนออกมามากกว่า 1ล้านเหรียญ ถ้าใครที่ลงทุนใน WETH และ WBTC ขอให้ถอนทุนออกมาก่อน เพราะปริมาณเงินกว่า 126ล้าน usd มีความเสี่ยงสูงมาก
บิตคอยน์เป็นกฎเกณฑ์โดยที่กฏต่างๆไม่ต้องมีใครมาควบคุม
Bitcion is Ruled without Rulers.
จะใช้บล็อคเชนไปทำไมหากคุณไม่ได้อยากกระจายอำนาจให้ผู้คนอย่างแท้จริง?
You don’t need a blockchain if your project isn’t decentralized.
Bitcoin is a pill you take.
Once taken there’s no way back,
And you’ll look at the world in a new way.
People will also think you’re crazy by the way!
-BTC_for_freedom.
บิทคอยน์โอสถรักษา
เยียวยาหายสิ้นคุณไสย
ทางโลกแจ้งขึ้นในใจ
ใครว่าข้าบ้าหาแคร์.
ทำไมมีแต่คำคมวะ ยังกะพวกชวนทำMLM
ก๊กเดียวกันทั้งดุ้น
อาชีพราชการจริงๆเป็นอาชีพที่น่าสนใจนะครับ เพราะความมั่นคงมันสูงมาก อาชีพที่มีความมั่นคงสูง มันสามารถสร้างผลดอกเบี้ยโดยไม่มีความเสี่ยงที่จะตกงาน ถ้าคุณเป็นนักลงทุนคุณจะซื้ออาชีพนี้เพื่อให้ผลดอกเบี้ยให้เป็นสินทรัพย์ได้
ดังนั้นเวลาที่คุณไปกู้ธนาคารเพื่อไปซื้อบ้านซื้อรถ เรียนจบปุ๊บคุณไปกู้ธนาคารเลยเป็นหนี้ไปเลย 30ปี แปลว่าคุณได้ขายตัวให้กับธนาคารเพื่อเป็นตัวสร้างผลตอบแทนให้กับธนาคาร แล้วธนาคารก็ฟาร์มคนเหล่านี้เพื่อสร้างสินทรัพย์
เมื่อคุณมองไปที่บ้านจัดสรร คุณจะเห็นเลยว่ามันคือฟาร์ม ธนาคารจ่ายเงินให้บริษัทพัฒนาที่ดินไปสร้าง บริษัทพัฒนาที่ดินสร้างเสร็จ ไปหาคนมาซื้อ คนมาซื้อเสร็จเป็นหนี้ไปเลย 30 ปี ผ่อนยันลูกบวช ก็ยังผ่อนไม่หมด ยิ่งทำให้ชีวิตไม่สามารถออมทรัพย์ได้เลย เราเป็นแค่อะไรไม่รู้ที่ฟาร์มเงินได้ คอยสร้างผลกำไรให้กับธนาคาร เหมือนกันกับการฟาร์ม defi เพียงแต่เราไม่เคยตระหนักรู้เลยว่าเราโดนฟาร์ม
ถึงแม้ว่าจะโดนพวกสายนักธนาคารปั่นหัวอยู่ว่าท้ายที่สุดเราจะกำไรมีสินทรัพย์มากกว่าที่เราได้ลงเงินไป ถึงเงินเฟ้อเราจะไม่ขาดทุน แต่จริงๆแล้ว พวกนักธนาคารเขามีการคำนวนไว้แล้วว่ายังไงทางธนาคารจะได้กำไรสูงสุด หลังหักเงินเฟ้อโดยเอาดอกเบี้ยได้ที่มาขูดรีดกับพวกเรา
เหตุนี้แหละทำให้การเงินสายเคนเซียนปัจจุบันที่นับถือเงินเฟ้อนิดๆคือดีเป็นพระเจ้าได้หลอกให้เราต้องลงทุน ให้เราไม่สามารถเก็บออมเงินได้ การที่เงินยิ่งหมดค่าลงทุนวันแต่พวกนักธนาคารสายเคนเซียนยิ่งมีแต่ได้กับได้
#bitcoinisexit #fiatmoneyisliar
เงิน 1 ล้านของคนเราไม่เท่ากัน (เมื่อเวลาผ่านไป)
เงิน 1 ล้านเมื่อ 40 ปีก่อนเป็นเงินเก็บของปู่ย่าที่หวังเก็บไว้ให้ลูกหลานให้เพื่อให้เค้าไม่เกิดมาต้องลำบาก มีกินมีใช้ มีความมั่นคง ให้เค้าได้ทำสิ่งที่อยากทำ
เงิน 1 ล้านทุกวันนี้ ไม่พอให้ตัวเองเกษียณ เพราะไม่รู้เงินเฟ้อจะกัดกินเงินไปแค่ใหนถ้าหยุดทำงานวันนี้ ไม่รู้มันจะพอใหม ทำให้ต้องดิ้นรนทำงานอยู่ตลอดเวลา
เงิน 1 ล้านในอีกไม่กี่สิบปีอาจจะพอใช้ได้ไม่กี่เดือน
เงิน 1 ล้านในอีกหลายสิบปีอาจเป็นแค่เศษเงินที่พอใช้แค่ไม่กี่วัน
ปล.อันนี้แถม เงินล้านแรกอาจจะเป็นเพจเบบี้เคนเซียน ที่ชาวเคนเซียนด้วยกันอาจจะไม่อยากนับเป็นพวกก็เป็นได้
ปล.2 ไม่ห่วงคนที่มีล้านแรกได้ ห่วงคนที่ยังต้องขายตัวให้ธนาคารมากกว่า
วิธีพื้นฐานที่รัฐใช้ขโมยเงินจากคุณ
ถ้าคุณมีรายได้ รัฐเก็บภาษีรายได้
ถ้าคุณมีที่อยู่อาศัย รัฐเก็บภาษีอสังหาฯ
ถ้าคุณใช้จ่าย รัฐเก็บภาษีการขาย
ถ้าคุณเก็บออม รัฐเก็บภาษี(ผ่านทาง)เงินเฟ้อ
ถ้าคุณลงทุน รัฐเก็บภาษีกำไรจาการลงทุน
ถ้าคุณเริ่มทำธุรกิจ รัฐเรียกเก็บค่าใบอนุญาต
ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่ไปได้ดี รัฐเก็บภาษีกำไร
ถ้าคุณให้ของใคร รัฐเก็บภาษีค่าของที่ให้
และถ้าคุณตาย รัฐเก็บภาษีค่าส่งต่อมรดกให้คนรุ่นหลัง…
fun fact:😅
“ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี” หมายความว่า ถ้าตายไประหว่างปีไหน ปีนั้นก็จะกลายเป็นว่ายังต้องเสียภาษีอยู่ในชื่อของตัวเอง แต่เปลี่ยนฐานะใหม่เป็นผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี หรือพูดง่ายๆ ว่า ตายแล้วก็ต้องไปเสียภาษีอีกต่อหนึ่ง.
>>26 ผมเข้าใจในมุมมองโครงสร้างรัฐของคุณนะ แต่สิ่งที่เชิดชูการมีอยู่ของรัฐ ผมว่าไม่ได้จำเป็นขนาดให้องค์กรณ์ขนาดใหญ่มีอำนาจขนาดนั้น หากเราต้องพึ่งพาอำนาจในการสร้างถนนจากรัฐอ่ะนะ
ผมไม่เชื่อว่าเราจะมีเงินที่ดีได้อีกครั้ง!
ถ้าเราไม่เอาเงินออกจากการครอบงำของรัฐ
และเราก็ไม่อาจเอาเงินออกจากเงื้อมมือของรัฐโดยวิธีที่รุนแรงได้โดยตรง แต่ที่เราทำได้คือการใช้วิถีทางที่รายล้อมด้วยกลอุบายบางอย่างเอาไว้ แล้วนำเสนอสิ่งที่พวกเขาไม่อาจหยุดยั้งมันได้! #Bitcoin
-F.A. Hayek.
ภาพรวมโปรเจค defi ไทย และราคาเหรียญปัจจุบัน
Warden = เลิกพัฒนา core product, เลิกพัฒนาเกม,Dev.ใส่เกียร์หมา เอ้ยเกียร์ว่างไม่เคยมาตอบ ทำแต่ NFT MWAD โง่ๆ ขายแต่เสื้อ กับ ของชำร่วย/ Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Dopple = โดน hack , โยกเงินไม่โปร่งใส, เลิกพัฒนา, เจ้าของโดนฟ้อง เจ้าของวลีเด็ด มีบ้านขายบ้านมีรถขายรถ มาลง Dop กัน / Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
JDI / Dino = เลิกพัฒนา core product, เลิกพัฒนาเกม, Dev. หาย / Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Safebsc = เป็น yield farming เหมือนๆ JDI แหละ เลิกพัฒนา, Dev. หาย / Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Kill Switch = Dev. ยังทำงานอยู่ update เรื่อยๆ ขยันตอบ
ทำตาม roadmap ต่างกับ โปรเจคอันแรกเยอะ Dev.โง่แล้วเจือกไม่ตอบอีก /Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -88.xx%
Pornkub = Dev.แอบเปิดขายก่อน แล้วเท เลวแท้ / Page = ปิดไปแล้ว rug เรียบร้อย
Moon maker protocal = เลิกพัฒนา / Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Double moon = เลิกพัฒนา / Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Tuktuk =เลิกพัฒนา / Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Aqua finance = ไม่แน่ใจว่าเลิกพัฒนายังแต่ไม่มี update ไรตั้งแต่มีนาล่ะ , ดูพยายามจะ co กับ บ. Offline หลายๆที่แต่ก็ไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอัน / Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Genesis = เหรียญของ ก.กาว ทำมาเพื่อ Rugpull โดยเฉพาะ เสกเองเทเองนักเลงพอ นักลงทุนเจ็บไปตามๆกัน / Page = ปิดไปแล้ว rug เรียบร้อย
HODE = เลิกพัฒนา Dev. หนีเรียบร้อย / page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.99%
Acme = เอาจริงๆกรูงง กับ โปรเจคไม่รู้มันทำไรกันแน่ เข้าใจว่าซื้อเหรียญ แล้วน่าจะได้สิทธิ์พิเศษติดตาม มันเทรดข้ามวันข้ามคืนจนหยอดน้ำเกลือ (ทำไปเพื่อไรวะ) ประวัติ เพิ่มเติม ไปดูได้ที่ The purge forex/ page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Definix = defi เจ้าใหญ่ๆของไทย โดดเด่นเรื่อง security และการ rebalance farm ท่ายาก, มีขยายไปทำตลาด NFT, เน้นตลาด โอปป้า ,page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -90.xx%
Plern = เหมือนเป็นเหรียญที่ถือ stake แล้วจะได้สิทธิ์ประโยชน์ในโลก offline ลดค่า รร ลดค่าอาหาร สุ่มตั๋วนั่งเรือยอร์ชเท่ๆ / page ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Guild Fi = เข้าใจว่าเป็นตัวกลาง เชื่อม gamefi กับผู้เล่น, ระดมทุนได้โครตเยอะ คนแย่งซื้อเหรียญ ,dev.โง่เกินเอาเงินไปลงทุนใน ust เสียหายไปหลาย/ page ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -92.5%
Moonkub = เลิกพัฒนา Dev. หนีเรียบร้อย, เทรดเดอร์หน้าหมี influencers ชื่อดังเสียหมาเพราะโปรเจคนี้เลย / page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
พิมพ์เหนื่อยล่ะ น่าจะมีมากกว่านี้อีกนึกก่อน แล้วยังมีหมวดเกมอีก เดี๋ยวค่อยมาพิมพ์ต่อ 55
https://www.facebook.com/groups/defithaiclub/permalink/5027281884066325/
Inflation is the big robber.
เงินเฟ้อคือมหาโจรในโลก!
Michael Saylor อดีต CEO ของ Microstrategy กล่าว Bitcoin กำลังจะค่อย ๆ ‘บ่อนทำลาย’ ทองคำไปทีละนิด
.
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระหว่างการสัมภาษณ์กับ Stansberry Research เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม Michael Saylor CEO ของ MicroStrategy กล่าวว่าทองคำมีแนวโน้มที่จะถูกบ่อนทำลายจากการที่ Bitcoin นั้นเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
.
อย่างไรก็ตาม Michael ยอมรับว่าเส้นทางของ Bitcoin (BTC) ที่จะมาแทนที่ทองคำนั้นเต็มไปด้วยขวากหนาม ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ Michael ระบุว่า Bitcoin มีโอกาสสูงที่จะถูกนำไปใช้เป็นสกุลเงินโดยเขตอำนาจศาลอื่น ๆ ซึ่งจะไม่เหมือนกับทองคำ
=========
Bitcoin กำลังดูดซัพพลังงานจากสินทรัพย์อื่นๆโดยเฉพาะทองคำให้ด้อยค่าลงเรื่อยๆ จนทองคำจะหมดค่าไปเอง เพราะคุณประโยชน์ของทองคำท้ายที่สุดมีแค่ไว้ใช้ในอุตสาหกรรมแค่บางประเภทเท่านั้น และปริมาณมีมากเกินไป รวมไปถึงการที่สามารถ recycle ทองคำกลับมาได้ ทำให้ปริมาณทองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ทองคำเฟ้อขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถเก็บมูลค่าไว้ได้อีกแล้ว
bitcoin คือทางออกในท้ายที่สุดของมนุษยชาติ
How fiat system work
ระบบเงินเฟียตมันทำงานได้อย่างไร
หลักการหลักๆ ของระบบนี้คือ
1. ดึงเงินของคนในระบบออกด้วยวิธีแนบเนียน
2.สร้างความจำเป็นในการใช้เงิน
3.การสร้างระบบ และหน่วยงานให้คนไม่รู้ตัว หรือสร้างประเด็นหันคนสนใจประเด็นอื่น
1.วิธีดึงเงินในระบบ fiat
ระบบ fiat ไม่ได้ดึงเงินเราไปตรงๆ แต่จะใช้วิธีอ้อมๆ ให้เราไม่รู้ตัว เพราะ เรายังเห็นตัวเลขในหน่วยเงินเฟียตมีตัวเลขเท่าเดิมนี่ ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ระบบ fiat สร้างเงินขึ้นมาในระบบให้คนมาใช้ แล้วพอทุกคนในระบบใช้ ก็ผลิตเงินใหม่ออกมาขโมยเงินของคนที่อยู่ในระบบอยู่เดิม
ยกตัวอย่าง
ประเทศ A มี productivity 1000 หน่วย และ เงินในระบบ 1 ล้านหน่วย
อยู่ดีๆ มีคนผลิตเงินเพิ่มอีก 1 ล้านหน่วย สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรขึ้น?
Productivity ในประเทศก็มี 1000 หน่วยเท่าเดิม แต่เงินในระบบมี 2 ล้านหน่วยแล้ว นั่นคืออยู่ดีๆ เงิน 1 ล้านหน่วยเท่าเดิมแต่เมื่อวัดด้วยหน่วย productivity กลับเหลือเพียง 50% หรือ 500 หน่อยเท่านั้น (อีก 50% ไปอยู่ในมือโจรที่ผลิตเงินขึ้นมาใหม่)
ผลกระทบที่ตามมาคืออะไร?
ถ้าคิดในแง่คณิตศาสตร์ ก็เห็นกันอยู่แล้ว อำนาจซื้อมันได้หายไปแล้ว 50% แต่ในโลกจริง อำนาจการซื้อของคนในระบบลดลง มันไม่เกิดขึ้นในทันที มันจะค่อยๆ เกิดขึ้น และเค้าตั้งใจให้มันเกิดขึ้นช้าๆ
2.กำจัดคู่แข่ง และ สร้างความจำเป็นในการใช้เงิน
ระบบ fiat จะดำเนินได้ต้องสร้างความจำเป็นต้องใช้ให้คนในระบบ เงินในระบบ fiat ถ้ามีหลายระบบคนจะวิ่งไปหาระบบที่เค้าคิดว่าดีกว่า เสมอ อย่างเช่น คนลาวที่ค่าเงินเสื่อมค่าอยากรวดเร็วคนก็วิ่งเข้าหา ระบบที่ดีกว่า นั่นคือ bath ไทย คนพม่า และหลายๆ ประเทศก็เข้าหาเงิน ดอลลาร์ เพราะฉะนั้น ระบบ fiat ที่ดีต้องมีแค่ระบบเดี๋ยวจะยอมให้มีคู่แข่งไม่ได้
สร้างความจำเป็นในการใช้เงิน นั่นคือสร้าง "ภาษี" ลองคิดดูดีๆ รัฐสร้างเงินได้เองก็สร้างเงินแล้วใช้ไปสิมาเก็บ "ภาษี" ทำไม คำตอบคือไม่เก็บไม่ได้ เพราะภาษีเป็นข้อบังคับที่ให้คุณต้องไปหาเงินมาจ่าย ถ้าไม่จ่ายจะโดนยึดบ้าน ถ้าไม่จ่ายจะโดนนั่นโดนนี่ เก็บมันในทุกอย่างภาษีที่ดิน ภาษีมูลค่าเพิ่ม ฯลฯ สร้างแนวคิดให้คนเชื่อว่าการจ่ายภาษีว่าเพิ่มเอาไปพัฒนาประเทศ แล้วจ่ายภาษีเหล่านั้นต้องใช้หน่อยเงินอะไร? ก็ต้องเป็นเงิน fiat ในระบบนั้นเท่านั้น รวมไปถึง สร้างค่านิยมในการใช้เงิน ทำลายเงินเก็บ ให้คนเอาเงินมาหมุนในระบบเยอะๆ
3.การสร้างระบบ และหน่วยงานให้คนไม่รู้ตัว หรือ สร้างประเด็นหันไปหาประเด็นให้คนไม่สนใจจะหาสาเหตุที่แท้จริง
สร้างเหตุผลในการพิมพ์เงิน สงคราม/ความยกจน/การช่วยเหลือกัน/โรคระบาด/กระตุ้นเศรษฐกิจ/สร้างนั่นนู่นนี่ ล้วนเหตุผลในการพิมพ์เงินทั้งสิ้นสุดแล้วแต่จะได้ ประเด็นนี้จริงๆ แล้วถ้ามันเอามาทำดีๆ ก็อาจจะดีก็ได้นะถ้ารัฐบาลบริหารเงินได้ดี แต่ที่ผ่านมา เราเห็นกันตลอด ในการที่เราเชื่อใจรัฐบาล เอาเงินออกมาบริหารแล้วเกิดอะไรขึ้น เงินเหล่านี้ได้มาแล้วทำอะไร? เข้ากระเป๋าตัวเอง /ใช้เงินที่ได้มาง่ายนี้ชุยๆ ไม่คุ้มค่า/สร้างของที่ไม่ได้คุณภาพต้องทุบๆ สร้างๆ ใหม่ไปเรื่อย
ไม่ได้พูดว่าพิมพ์เงินตรงๆ เค้าบอกกู้เงินในอนาคตออกมาใช้ก่อน (เงินในอนาคตใครล่ะ ก็เงินคนในระบบ) ที่บอกว่าหนี้สาธรณะที่เราเลือกไม่ได้รับหนี้ไปแล้วแบบงงๆ นั่นเอง
สร้างหน่วยงาน ค่าการวัดความเป็นอยู่ให้คนเห็นว่า "เราก็ไม่ได้ลำบากขึ้นเท่าไรนี่หว่า" ค่าพวกนี้ คือ CPI PPI ที่หน่วยวัดทำยังไงก็ได้ให้มันดูดี ถ้ามันขึ้นช้าๆ ไม่ให้ขึ้นมากเกินไปให้คนไม่รู้ตัว ไม่ตกใจ สร้างหลักการ หรือแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ให้มันซับซ้อนเข้าใจยากเข้าไว้ คนจะได้ไม่รู้เรื่องเยอะๆ รวมไปถึงไม่บรรจุหลักสูตรการบริหารเงิน การใช้เงิน การลงทุนในระบบการศึกษาหลัก เพราะเค้ารู้คนใช้เงินน้อยลงเก็บเงินมากขึ้นเป็นผลเสียต่อระบบเฟียต
บทสรุป
ระบบเฟียต มันคือระบบการดึงเงินเก็บของผู้คนในระบบ ด้วยความไม่ยินยอมด้วยความแนบเนียน คนในระบบที่ไม่ได้มีความรู้ไม่ได้ศึกษา พวกเขาไม่มีทางจะรู้เลยว่าตัวเองกำลังถูกต้มในกระทะร้อนๆ จะรู้ตัวอีกทีก็ถูกทำเป็นอาหารไปแล้ว ถูกทำฟาร์มไปแล้ว ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เป็นแบตเตอรี่ให้พลังงานแก่ระบบกันต่อไป คล้ายๆ คนในหนังเรื่อง the matrix นั่นเอง
ได้รับแรงบรรดาลใจในการเขียนจาก
https://www.lynalden.com/what-is-money/
เมื่อต้นเดือน ก.ค. เคยโพสต์เรื่องคอร์ส Decentralized Finance and Blockchain ของ Degree Plus ร่วมกับจุฬาเอาไว้
ตอนนี้เรียนมาได้แล้ว 3 สัปดาห์ มารีวิวไว้สักหน่อยเผื่อใครสนใจใช้เป็นข้อมูลช่วยตัดสินใจ
รูปแบบการเรียน
- ฟอร์แมตของคอร์สเป็นแบบไฮบริด คือ ดูคลิปบรรยายและทำควิซออนไลน์ (ใช้ระบบคอร์สออนไลน์ของ Skooldio เยี่ยมยอดอยู่แล้ว มีการ track progression อย่างละเอียด) สลับกับเรียนออนไซต์บ้างทุก 2 สัปดาห์ (สถานที่คือ สามย่านมิตรทาวน์ และออฟฟิศของ Skooldio ที่ MBK) เพื่อ discussion กันในชั้นเรียนและภายในกลุ่ม
- เนื่องจากคนสมัครเรียนจนล้นเลยต้องเปิด 2 section คือเช้าและบ่ายวันเสาร์ แต่ถ้ามาไม่ได้จริงๆ ก็สามารถฟังผ่าน Zoom แบบสด และฟัง recording ได้ด้วย (ระบบพร้อมมาก ยืดหยุ่นมาก)
- ช่องทางการสื่อสารในชั้นเรียนทันสมัยมากคือคุยกันผ่าน Discord
เนื้อหา
- สิ่งที่ผมชอบมาก ถ่ายสไลด์ไว้ตั้งแต่วันเปิดเรียนคือ คอร์สนี้เชื่อในหลักการ First Principles ขุดลึกลงไปถึงรากเหง้าที่แท้จริงของเรื่องต่างๆ (ไม่กาวแน่นอน) พอมาเรียนจริงๆ ก็พบว่าใช่เลย นี่คือสิ่งที่ตามหามานาน ต้องยอมรับว่าผู้สอนคือ อ.คณิสร์ เป็นตัวจริงในด้านนี้จริงๆ
- เนื้อหาแน่นมาก 2-3 วีคแรกยังไม่ได้มีคำว่าดิจิทัลหรือบล็อกเชนเลยแม้แต่น้อย แต่ต้องเรียนพื้นฐานของเงินทุกสิ่งอย่าง การจ่ายเงิน การลงทุน ประกันภัย สอนให้เราเข้าใจประวัติศาสตร์และที่มาที่ไปของโลกการเงินอย่างถ่องแท้ เช่น ธนบัตรมีจุดกำเนิดมาจากตั๋วแลกเงินเอกชนในอดีต, การระดมทุนและตลาดหุ้นเกิดครั้งแรกที่เนเธอร์แลนด์ในยุคล่องเรือหาสมบัติโพ้นทะเล, ระบบการหักบัญชีระหว่างกันเกิดจากการต้องโอนเงินกลับบ้านของอัศวิน Knight Templar ในยุคสงครามครูเสด
- พอเรียนรู้ปัญหาของโลกการเงินเรียบร้อยแล้ว ถึงค่อยๆ เริ่มเข้าสู่การนำเทคโนโลยีมาลองแก้ปัญหาดูว่าจะเป็นอย่างไร คลาสล่าสุดวันนี้ได้เจอโจทย์ที่ท้าทาย อย่างคำถามว่าทำไม P2P Lending ถึงล้มเหลวในหลายๆ ประเทศ
- ชื่อคอร์ส Decentralized แต่ต้องเรียนประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย อ่านเปเปอร์ของ World Economic Forum ใครชอบวิชาการแน่นๆ รับรองถูกใจ
เพื่อนร่วมชั้น
- หลากหลายดีครับ มีทั้งจากฝั่ง regulator/รัฐ (กลต, ธปท, SET) ธุรกิจประกัน, ลงทุน, โบรกเกอร์, ธนาคาร, startup, สายเหรียญ รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่อาจไม่เกี่ยวกันเลย เช่น ค้าปลีก, กฎหมาย
- คุณภาพของการสนทนาในชั้นเรียนถือว่าดี ทุกคนเตรียมความรู้มาแน่น กล้าแสดงออก กล้าถาม กล้าแสดงความเห็น พอคนเรียนหลากหลายก็มีการแชร์ประสบการณ์ระหว่างกัน
ข้อเสีย
- มันเหนื่อยมากครับ เนื้อหาแน่นมาก ต้องพยายามจริงจังในการตามเนื้อหาให้ทันทุกๆ สัปดาห์ (ใครที่กะมา networking อย่างเดียวคงไม่เวิร์ค)
- การฟังเลคเชอร์ออนไลน์ความยาวสัปดาห์ละ 2 ชม. เพื่อนร่วมชั้นบอกว่าฟังจริงไม่มีทางใช้เวลา 2 ชม. แน่ๆ เพราะต้องฟังหลายรอบ ฟังซ้ำไปซ้ำมา (ผมใช้วิธีฟังในรถ)
- ควิซยากมาก ทำรอบแรกได้ 7/15 แปลว่าสอบตก T_T
เห็นว่ารุ่น 2 เปิดรับสมัครแล้ว ใครสนใจดูรายละเอียดตามลิงก์ https://store.degree.plus/course-collections/decentralized-finance-blockchain
bitcoin make war unaffordable,
bitcoin make them can’t print money,
bitcoin separate money and state,
buy bitcoin, save bitcoin.
บิทคอยทำให้รัฐไม่สามารถก่อสงครามได้
บิทคอยทำให้รัฐพิมพ์เงินเองไม่ได้
บิทคอยทำให้เงินกับรัฐแยกจากกัน
ซื้อบิทคอย และออมบิทคอย
การทำเงินให้เสื่อมค่า คือการบั่นทอนเวลาชีวิตคน!
ดอกเบี้ย โจมตีมุสลิมไม่ได้ เลยใช้เงินเฟ้อแทน ตอนนี้ ชาติมุสลิมรู้ตัวแล้ว และเขาใช้ น้ำมัน บิทคอยน์ และทะเลทราย ที่เต็มไปด้วยแสงแดด เข้าต่อต้าน
How we use bitcoin?
เราใช้บิตคอยน์ทำอะไรได้บ้าง
ใช้เป็นเงิน โดยที่เงินนั้น การฝากเงิน (Deposit) ถอนเงิน (Withdraw) ส่งเงิน (Transfer) ใช้เป็นที่เก็บออม (saving) เพื่อตัวเอง หรือลูกหลานในอนาคต ใช้เพื่อ การยืม (Borrow) การให้ยืม (Lending) ใช้จ่าย (Spending) /ใช้ลงทุน (investment) ซึ่งการทำเหล่านี้ จนถึงตอนนี้หลายๆ ทำได้แล้วโดยไม่ต้องมีตัวกลาง อาจจะมีหลายๆ คุณสมบัติของเงินที่ยังไม่ค่อยสะดวกหากทำโดยไม่ผ่านตัวกลางในตอนนี้ แต่มันมีศักยภาพที่จะได้เองทั้งหมดโดยไม่ต้องมีตัวกลาง
นอกจากนี้ คุณยังใช้ บิตคอยน์เพื่อเล่นสนุก (for fun) ใช้เพื่อการศึกษา (study) ใช้สร้างนวัตกรรมหรือบริการทางการเงิน (innovation/services) เราสามารถใช้เป็นของเล่นลองในเงื่อนไขนั่นนี่ ลองสร้าง token เอามาทำ NFT ใช้สร้างบริการอย่างเช่น ธนาคาร ผ่าน lighting network หรืออะไรที่จะเกิดในอนาคตเกิดที่เราในตอนนี้จะจินตนาการได้อีกหลายอย่าง เพราะBitcoinเป็น programmable money เงินที่เราออกแบบได้ ใส่โปรแกรมได้ ยิ่งหลังจากผ่านการ soft fork taproot และ schnorr signatures แล้วในตอนนี้
นอกจากนี้ เราใช้ bitcoin แบบอ้อมๆ ได้อีกหลายอย่าง เช่น
- ใช้เพื่อเป็นทางออกจากระบบทาส เป็นทางเงินเลือก เป็นการประท้วงแสดงความไม่พอใช้ในระบบเงิน fiat ใช้เพื่อเปิดโลกกว้างเพิ่มมุมมอง
- ใช้ลด time preference ของตัวคุณเองเมื่อมีเงินที่ไม่เสื่อมค่าคุณจะมองที่ไกลขึ้น มีความหวังในการใช้ชีวิต เห็นทางรอดจากการเป็นทาสตลอดชีวิต
- ใช้เปิดมุมมองแนวคิด ให้เราออกจะกะลา ผ่านการศึกษาประวัติศาสตร์ อุดมการณ์ของบิตคอยน์
บทสรุป มีคนถามว่าเก็บ bitcoinไว้เฉยๆ ไม่เอาใช้จ่ายแล้วจะเอาไปทำอะไร ก็มีอีกหลายสิบอย่างที่เล่าไปแล้วข้างต้นเท่าที่ผมคิดออก แต่ถามว่าคนที่ใช้ประโยชน์ไม่กี่อย่าง เช่น ใช้แค่เก็บออม เค้าผิดไหม ผมก็ว่าเขาไม่ผิด เพียงแต่เสียดายนิดหน่อยเนอะทั้งที่มันทำได้หลายอย่าง คุณลองหน่อยมั้ยล่ะ lighting อะ
ที่พวกมึงเอาเรื่องเงินเฟ้อแย่มาแปะเยอะๆนี่คือแปะเพราะเห็นด้วย อยากชวนคนมาอ่านจะได้เชื่อ
หรือมาแปะเพราะคิดว่ามันดูโง่ดี เลยเอามาแปะให้ดูขำๆวะ
>>41 การด่าเรื่องเงินเฟ้อมันดูขำตรงไหนวะ คนจนขึ้นเรื่อย บังคับให้คนต้องลงทุนที่มีความเสี่ยงเพื่อรักษามูลค่าเงินในปัจจุบันไว้
ตอนนี้โลกกดดันให้ลงทุนเพื่อไม่ให้เงินมึงสูญค่า เพราะเงินเฟ้อขึ้นเรื่อยๆ จนหยุดไม่อยู่แล้ว โดยเฉพาะฝั่งเมกาที่ทำ QE พิมพ์เงินแจกรัวๆ
แล้วก็ปัญหาของ ศรีลังกา อีก ที่เจอปัญหาเงินเฟ้อ มึงคิดว่าดีจริงๆเหรอ
ไอ้พวกมองเงินเฟ้อคือพระเจ้าที่แก้ไขได้ทุกปัญหาก็แย่เกินไปนะ
btc ออกแบบมาให้จำกัด ไม่ผลิตเพิ่มได้ปัญหาเงินเฟ้อจะไม่เกิด เงินที่เราเก็บไว้ยังจะมีค่าอยู่ทุกวัน มันก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอที่สนับสนุนให้เก็บสะสม btc กัน
>>43 เงินฝืดก็แค่ภาพลวงตายของพวกเคนเซี่ยน ภาวะเงินเฟ้อเป็นการบังคับให้คนเอาเงินที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงที่มีอยู่ออกไป กดดันให้คนต้องหามากขึ้นเพื่อชดเชยมูลค่าเงินที่สูญเสียไป
ฝั่งเงินเฟ้อไม่เคยเอาเหตุและผลมาตายซะที เอาแต่มองว่าเงินเฟ้อคือทางออกของทุกปัญหาแทน อันนี้ไม่ได้นะ ทุกวันนี้คนจนลงเรื่อยจากภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ลองมองไปที่รายได้ของมึงดูก็ได้นะ เงินได้ของเราที่ที่ควรจะมีมูลค่าเพียงพอต่อการใช้จ่าย แต่ทุกวันนี้กลับไม่เพียงพอเพราะอะไร ก็เพราะเงินเฟ้อนี้ล่ะ ที่รัฐพิมพ์เงินขึ้นมาเรื่อยๆในทุกๆวัน ทำให้เงินที่มีอยู่หมดคุณค่าลงไปอย่างมาก
>>45 หืม เศรษฐศาสตร์คือสัจจะธรรมขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย ที่เงินเฟ้อปริมาณสูงๆ สุดท้ายต้องพึ่งพาให้รัฐช่วย อยู่ได้ด้วยตัวเองไม่ได้นี่
ไม่ต้องมาอ้างโนเบลเลยด้วย เพราะคนคิดโนเบลก็พวกเดียวกันทั้งนั้น ชนชั้นสูงที่ไม่มีวันเดือดร้อนเรื่องเงินเพราะมันพิมพ์เงินเองได้ เอาเงินมาแจกให้พวกเดียวกันเองได้ แล้วออกทฤษฎีโง่ทำให้คนจนลงเรื่อยๆ ด้วยภาวะเงินเฟ้อ เพิ่มปริมาณเงินในระบบทำให้คนจนลงทุกวันๆ ถ้าจะอวยว่ามันดีก็อวยไปเหอะ แต่กูไม่เห็นด้วย
โง่หลาย
คริปโต จบแล้วใช่มั๊ย
s*bs สัสพาทเนอร์กันทำได้ลง หนักกว่าอิลอนปั่นหุ้นอีก
แดงเป็นแท่งยาวเลยคับ
เห็นด้วยหรือไม่
studying #Bitcoin means studying:
การศึกษาบิทคอย คือ ศึกษา
⏳ history ประวัติศาสตร์
💵 finance การเงิน
📈 economics เศรษฐกิจ
🏦 government รัฐบาล
💻 computer science วิทย์คอม
🧮 mathematics คณิตศาสตร์
🔋 energy พลังงาน
🌍 geopolitics การเมืองภูมิภาคโลก
📚 philosophy ปรัชญา
♟️ game theory ทฤษฎีเกมส์
🏙️ sociology สังคมศาสตร์
💡 critical thinking การคิดวิเคราะห์
🕊️ human rights สิทธิมนุษยชน
knowledge is a lifelong pursuit ⚡️🕳️
ที่มา: https://twitter.com/sophiamzaller/status/1562206865790046209?t=cIn3fmPscPY67zXOfXwxEg&s=19
เตรียมช้อนกันยังkubไม่ซื้อตอนนี้จะไปซื้อตอนไหน กล้าตอนคนอื่นกลัวอะรู้จักป่ะ
เจ๊งตอนคนอื่นรอด
คนสร้างบิทคอยบอกตอนไหนว่าบิทคอยช่วยป้องกันเงินเฟ้อ
>>62 พลังงานที่ใช้ใน btc ถือว่าน้อยมากนะ เทียบกับพลังงานที่มึงใช้ดู netflix youtube ยังใช้พลังงานเยอะกว่าการทำ transaction ของ btc ซะอีก
ถ้ามองว่าเงินคือพลังงานของมนุษย์ที่สามารถสะสมไว้ได้ คนที่มีเงินเยอะไม่ต้องใช้พลังงานในการทำงาน การที่ btc เป็นตัวที่แสดงให้เห็นว่าพลังงานที่ใช้ไปใช้ได้อย่างคุ้มค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ
ภาษีแท้จริงมันก็แค่บททดสอบหนึ่งที่ให้ผู้คนเชื่อและเชื่องต่ออำนาจรัฐนั่นแหละ
รัฐจะรีดเอาเงินจากเราไปทำไมนักหนา หากว่าเขาพิมพ์มันเองได้อย่างไม่จำกัด!
ทำไม กลต เน้น บคับ จังวะ เอาทุกดอก
เอลซัลวาดอร์จ่อล้มละลายจริงแต่ไม่ใช่เพราะบิทคอยน์นะจ้ะ !
อ้าว แล้วมันต่างจากข่าวที่ออกมาตรงไหน ?
.
ก่อนอื่นเลยเราต้องรู้ว่าเอลซัลวาดอร์มีหนี้อยู่กว่า 23,000 ล้านดอลลาร์ แต่เอลซัลวาดอร์ถือครองบิทคอยน์อยู่เพียง 2800 BTC ซึ่งมีมูลค่าเพียง 55 ล้านดอลลาร์เท่านั้น เงินจำนวนนี้ก็มีจำนวนไม่ถึง 1% ของยอดหนี้ทั้งหมดด้วยซ้ำไป
.
การบอกว่าบิทคอยน์ราคาตกทำให้เอลซัลวาดอร์ล้มละลายจึงเป็นการปั่นข่าวเกินจริง เหมือนกับมีคนเป็นหนี้เพราะกู้บ้านมา 1 ล้านบาท แล้วต้องล้มลละลาย เพราะเอาเงินลงทุนแล้วขาดทุนไปหมื่นบาทนั่นแหละค่ะ
.
แน่นอนว่า การเอาเงินของประเทศไปลงทุนแล้วขาดทุนกว่าครึ่งไม่ใช่เรื่องดี แต่หนี้กว่า 23,000 ล้านดอลลาร์ของประเทศนี้ไม่ได้เกิดมาจากการซื้อบิทคอยน์ และ การลงทุนกับบิทคอยน์เพียง 100 ล้านดอลลาร์ไม่น่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ประเทศล้มละลายแต่อย่างใด
CBDC เครื่องมือขยายอำนาจรัฐ Central planning ควบคุมเอกชนและประชาชน
ในช่วงที่ CBDC ของประเทศต่างๆ ยังไม่ออกมาอย่างสมบูรณ์ ศักยภาพของ CBDC นั้นยังไม่เห็นเด่นชัด แต่หากมองในแง่ว่า ทุกรัฐมีความต้องการวางแผนจากส่วนกลางมากที่สุด โดยภายนอกท่องคำว่ากระจายอำนาจให้ดูดี จะเห็นถึงพัฒนาการที่เป็นไปได้ของ CBDC อย่างชัดเจน
- รู้ปริมาณและอัดฉีดเงินในระบบอย่างง่ายดาย
ในการใช้เหรียญ และธนบัตร รัฐไม่สามารถรู้ได้ว่าปริมาณเงินทั้งหมดมีเท่าไร เงินที่ประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ถืออยู่จะไม่เพิ่มขึ้นเอง ธนาคารกลางเช่น Fed จะใส่เงินลงไปในระบบ จะต้องผ่านตัวกลางคือสถาบันต่างๆ ที่จะซื้อหรือขายพันธบัตรไป ซึ่งจะมีที่มาที่ไปชัดเจน
แต่เมื่อมี CBDC รัฐบาลจะรู้ว่าเงินทั้งหมดมีเท่าไร อยู่ส่วนไหนบ้างเพราะเป็นคนออกเอง อีกทั้งยังเสกเงินเพิ่มให้ไปอยู่ส่วนไหนก็ได้ อาจไม่ผ่านการรับรู้ของประชาชนเลยก็ได้ ดังนั้นเมื่อ CBDC สำเร็จ จะได้เห็นการบิดเบือนทางการเงินแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
- งบของรัฐบาลแบบใหม่ ไม่มีขาดดุลอีกต่อไป!
งบของรัฐบาล แต่เดิมจะต้องผ่านการร่างรายละเอียด จำนวน แผนการใช้ มีการตรวจสอบของสภา แต่เมื่อมี CBDC โดยเฉพาะในประเทศที่อำนาจรัฐบาลมีความเข้มข้น สามารถสั่งให้ธนาคารกลางพิมพ์เงินเข้าหน่วยงานได้ทันที ซึ่งใช้ได้ทันทีกับงบรายจ่ายประจำ ค่าจ้าง ค่าอาคารสถานที่ต่างๆ แล้วถือว่าเงินที่เฟ้อขึ้นของประชาชน (ซึ่งถูกบังคับให้ถือ CBDC) เป็นภาษีที่ต้องจ่ายร่วมกัน
- บิดเบือนการใช้จ่ายเงินของประชาชน
ในการใช้จ่ายเหรียญ ธนบัตร Bitcoin Altcoin ผู้ใช้งานสามารถเลือกซื้อจากผู้ที่เต็มใจจะขายได้ และจะวางแผนการใช้เงินได้เอง แต่เมื่อ CBDC เกิดขึ้น รัฐสามารถตั้งโปรแกรมได้ว่า ใครซื้ออะไรได้ และสามารถสร้างกฏเกณฑ์ต่างๆ บังคับทั้งทางบวกและทางลบ เช่น เมื่อหมูราคาตก ก็สั่งให้ประชาชนซื้อเนื้อหมูร่วมกับเนื้ออื่น 1:1 เพื่อช่วยเกษตรกร (แม้คุณจะเป็น vegan หรือศาสนาที่ไม่กินก็ตาม) ช่วงไหนหมูขาดตลาด ก็สั่งให้ซื้อได้วันละ 0.5 ขีด เพื่อลดการกักตุน ห้ามจ่ายเงินซื้อสุราในวันพระ หรือเทศกาลถือศีล
- ยึดคืนได้ทุกเมื่อ
ในการใช้เหรียญและธนบัตรนั้น เจ้าของเงินเป็นคนเก็บด้วยตัวเอง หรือฝากสถาบันการเงินไว้ สามารถบริหารได้ด้วยตัวเอง แต่ CBDC ถูกควบคุมการใช้งานด้วยธนาคารกลางตลอดเวลา มันจึงแทบจะไม่ใช่เงิน ธนาคารกลางสามารถยึดคืนได้ และใช้อำนาจได้ทันที เช่นในกรณีที่รัฐบาลต้องการเพิ่มสภาพคล่องในระบบ รัฐบาลอาจประกาศว่า ใครมีเงินเกิน 10 ล้านไม่ได้ใช้ จะถูกริบไป 5 ล้าน แล้วไปทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ธนาคารกลางก็สามาถยึดไปให้รัฐบาลได้ทันที
- ควบคุมราคาสินค้าได้เต็มที่
CBDC สามารถรับรู้การใช้จ่ายของทุกอย่างได้ ดังนั้นจึงควบคุมจากส่วนกลางได้ว่า ราคาของสินค้าจะต้องเป็นราคาที่กำหนดเท่านั้น ห้ามขายถูกหรือแพงกว่า โดยเฉพาะสินค้าจำเป็นอาจจะถูกขึ้นบัญชีพร้อมกันทั้งประเทศ ผู้ขายหมดสิทธิ์ที่จะกำหนดราคาขาย หรือต้องไปทำใบอนุญาตพิเศษจากรัฐบาล
- ทำให้ธุรกิจธนาคารลำบากแล้วผูกขาดโดยธนาคารกลาง
CBDC นั้นจะเป็นภาระในการจัดการของธนาคารอย่างยิ่ง สภาพคล่องของ CBDC ที่จะต้องแลกเปลี่ยนกับสกุลเงินอื่นๆ ต้องมีการบริหารจัดการ และอาจต้องมีทุนสำรองเพื่อเสริมสภาพคล่อง แต่ทุนสำรองในส่วนของ CBDC ก็จะติดคอขวดอยู่ที่ระบบประมวลผลส่วนกลาง ซึ่งอาจจะเกิดการจำกัดและให้โควต้ากับแต่ละสถาบันการเงินต่างกัน
แม้ CBDC ในหลายประเทศจะไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ย แต่เมื่อใดที่มีประเทศหนึ่งเกิดกำหนดขึ้นมา ก็ ผลก็คือคนจำนวนมากจะถอนเงินจากธนาคารเพราะดอกเบี้ยในการถือ CBDC จูงใจกว่า ซึ่งจะทำให้ธนาคารจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถทำกำไรได้เพียงพอต้องหายไป ในที่สุดรัฐก็จะค่อยๆ กำจัดธนาคารและตั้งตนเป็นผู้ควบคุมการเงินสมบูรณ์แบบในตัวเอง
แต่ถ้า CBDC มีอัตราดอกเบี้ยเป็นติดลบ ซึ่งธนาคารกลางสามารถจะประกาศเมื่อไรก็ได้ เมื่อนั้นจะเกิดหายนะแน่นอน แต่จะเกิดที่ใด กับประชาชนหมู่ใด รัฐบาลก็ไม่เดือดร้อน เพราะพิมพ์เงินให้ตัวเองได้ตลอดเวลา
- ทำลายการค้าเสรีและการท่องเที่ยว
ความฝืดจากการที่หลายประเทศใช้ CBDC แต่ในขณะเดียวกันก็ควบคุมเงินของตัวเองจะทำให้การแลกเปลี่ยนกันยากลำบากขึ้น และเกิดปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก CBDC ถูกบิดเบือนอย่างหนักในประเทศ รัฐบาลจึงไม่ต้องการให้ประชาชนและเอกชนเอา CBDC ไปแลกเป็นสกุลเงินชาติอื่น เพราะจะเปรียบบเทียบกันและรู้สภาวะที่แท้จริง อีกอย่างคือทำให้เงินเสียเสถียรภาพ รัฐบาลต่างๆ จึงต้องหาเรื่องกักประชาชนไม่ให้เดินทางได้ตามใจด้วยเหตุผลต่างๆ ทั้งโรคระบาด ความเกลียดชังเชื้อชาติ ศาสนา ความมั่นคง การก่อการร้าย
ในที่สุดประชาชนก็จะแยกห่างจากกันและการซื้อขายสินค้าก็จะทำผ่านรัฐหรือบริษัทขนาดใหญ่ที่รัฐมอบหมายเท่านั้น
- ทำลายอธิปไตยของประเทศเล็ก
ประเทศที่มีปัญหาทางการเงิน และประเทศเล็กที่ไม่มีพลังทางเศรษฐกิจมากนักจะถูกประเทศที่ใหญ่กว่าเข้ามาบีบบังคับให้ถือ และเปิดรับระบบการเงินใช้ CBDC ร่วมกัน ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางประเทศนั้นหมดความหมายไปในทันที ส่วนประเทศขนาดกลางอาจถูกลิ่วล้อต่างชาติและพวกขายชาติจูงใจให้ถือ CBDC เป็นทุนสำรองโดยหลอกลวงว่ามั่นคงกว่าสกุลเงินสำรองแบบเดิม ทำให้ประเทศต้นทางที่ออก CBDC ควบคุมการเงินของประเทศนั้นได้ในอัตราส่วนที่ถือครอง ทุกการพิมพ์เงินเพิ่มจะทำให้ประเทศปลายทางขาดทุนไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็จะถูกเก็บกวาด และผนวกเข้ากับอาณาจักรทางการทหารและการเงินของประเทศที่ใหญ่กว่า
- หายนะของมนุษย์
ด้วยอำนาจทางการเงินไร้ขอบเขต รัฐบาลสามารถเพิ่มตัวเลขทางเศรษฐกิจไปเรื่อยๆ เหมือนตัวเลขคะแนนในเกม และทุกรัฐบาลก็จะทำแข่งกัน หลอกตัวเองอยู่บนหายนะทางเศรษฐกิจ จนถึงวันที่ระบบไม่สามารถดำเนินได้อีกต่อไป รัฐผู้มีอำนาจสูงสุดก็จะสั่งปราบปรามและสังหารประชาชนออกจากระบบโดยไร้ผู้ต่อต้าน อย่างที่เคยเกิดมาแล้วในสหภาพโซเวียต ตราบใดที่ประเทศส่วนรวมยังตัวเลขดี ก็ไม่ต้องสนใจส่วนประกอบ โลกจะกลายเป็นการแข่งขันกันทางตัวเลขระหว่างอำนาจรัฐที่บ้าคลั่ง หลงตัวเอง และสืบทอดต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด โดยมนุษย์เป็นเพียงตัวประกอบฉากที่เกณฑ์เอาไปสร้างภาพให้รัฐดูดีเท่านั้น
น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง พิมพ์เยอะแต่หาสาระไม่ได้ citation sourceไม่มี มีแต่”กูคิดว่า”
แล้วหมดตัวในวันที่คนอื่นรอด
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.