>>>/lounge/13457/
>>>/lounge/14413/
ห้ามFUD ห้ามด่าdev ห้ามเท
Last posted
Total of 612 posts
>>>/lounge/13457/
>>>/lounge/14413/
ห้ามFUD ห้ามด่าdev ห้ามเท
การยุบธนาคารแห่งประเทศไทย มันไม่ใช่การแก้ที่ปลายเหตุ มันคือการแก้ที่ต้นเหตุ ปัญหาคือการที่รัฐเป็นเจ้าของสกุลเงิน เข้ามาแข่งขันกับเอกชนในอุตสาหกรรมประกันสภาพคล่อง และควบคุมการประกอบธุรกิจของสถาบันการเงินต่าง ๆ (ซึ่งเป็นการละเมิดเสรีภาพทางเศรษฐกิจของประชาชน) ไม่ใช่การบริหารงานที่ไร้ประสิทธิภาพของธนาคารแห่งประเทศไทย ตรงข้ามกันเลย การที่มันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพนี่แหละยิ่งสั่งสมปัญหา เพราะสิ่งที่มันทำเป็นสิ่งที่มันไม่ควรมีอำนาจที่จะทำได้ตั้งแต่แรก
ปัญหาของผมคือการมีอยู่ของธนาคารกลาง ไม่ใช่ความไร้ประสิทธิภาพของธนาคารกลางในแบบที่เรามีอยู่ การปฏิรูปจึงไม่สามารถช่วยได้ ต้องยุบทิ้งเท่านั้น
ปล. ในกรณีนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยคือเซลล์มะเร็ง ไม่ใช่อวัยวะที่เซลล์มะเร็งนั้นลามไปถึง
#FUCKTHEBANK #EndTheFed #FixTheMoneyFixTheWorld #bitcoinfixesthis
ผมคิดจริงนะว่า เงินควรออกโดยธนาคารของเอกชนเท่านั้น รัฐไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการออกเงินบังคับให้ผู้คนใช้เงินเพียงสกุลเดียว เพราะระบบของรัฐได้ทำการลดมูลค่าของเงินที่รัฐออกเองไปทุกปี ปีละ 3%-10% ทำให้การสะสมความมั่งคั่งของประชาชนถูกลดคุณค่าโดยรัฐ และยิ่งทำให้ประชาชนต้องพึ่งพารัฐมากเกินความจำเป็น และการมีธปท. เป็นตัวปัญหาหรือมะเร็งที่ทำให้ประชาชนต้องอดอยากมากขึ้นทุกปี เพราะปริมาณเงินที่ธปท. ได้สร้างความมั่งคั่งให้กับธนาคารอื่นๆโดยรวมเท่านั้น แต่ไม่สร้างความมั่งคั่งให้กับประชาชนเลย ธปท.จึงถือได้ว่าเป็นมะเร็งสำหรับประชาชนทั่วไป ที่คอยกัดกินความมั่งคั่งของประชาชน
เราจึงควรต่อต้าน และเห็นควรจริงๆว่า การยุปธปท เป็นทางออกที่ดีทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาความมั่งคั่งของประชาชน และให้อำนาจแก่เอกชนในการกำหนดทิศทางของเงินของตัวเอง
ยิ่งในปัจจุบันนี้ ระบบราชการก็เป็นมะเร็งร้ายแรงมากในการพัฒนาประเทศ ที่คอยขัดขวางไม่ให้ประชาชนได้สร้างธุรกิจใหม่หรือต่อยอดธุรกิจอื่นๆได้ โดยเฉพาะการบังคับการเงินด้วยระบบ bitcoin
#FUCKTHEBANK #EndTheFed #FixTheMoneyFixTheWorld #bitcoinfixesthis
ฟักเดอะแบ๊ง แต่นู๋ก็ยังเปิดบัญชีอยู่กะแบ๊ง เพราะนู๋ต้องใช้บัญชีผูกกับกระดานเทรด
สู้ไปกราบไป คงชนะหรอกครับ อิอิ
>>5 เพราะระบบธนาคารบังคับให้ต้องยืนยันตัวตนน่ะสิ ถ้าระบบ decentralize ที่ดี เราไม่จำเป็นต้องยืนยันตัวตนในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ เราไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใครที่เราแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ เราแค่ต้องรู้ถึงความถูกต้องในมูลค่าของสินทรัพย์ การที่รัฐรู้ว่าเราเคลื่อนย้ายสินทรัพย์เท่าไร ถือว่าเป็นการละเมิดความส่วนตัวของสิทธิบุคคล
>>7 ที่มันทำไม่ได้เพราะมีธปท กับ กลต นี่ต่างหากที่เป็นตัวปัญหา
ธปท. ออกกฏหมายในการห้ามใช้ bitcoin ในการแลกเปลี่ยนสินค้า ส่วน กลต. ก็ห้ามไม่ให้เอกชนสามารถออกเหรียญคริปโตของตัวเองได้ ถ้าทำเมื่อไรผิดกฎหมายทันที นั่นหมายความว่ามึงต้องเข้าคุกทั้งที่เป็นการกระทำโดยสิทธิและเสรีภาพของตัวเองแท้ๆ จะไม่เรียกว่า ธปท.เป็นมะเร็งที่เกาะกินความมั่งคั่งของประชาชนได้อย่างไรแบบนี้
ความเชื่อใจก็เหมือนกับแก้ว หากถูกทำให้แตกแล้ว ก็จะไม่เหมือนเดิมอีก.
……………
ผมเป็นคนมักไม่ค่อยไว้เนื้อเชื่อใจรัฐฯ
แต่หากต้องให้ความเชื่อใจ
ผมเชื่อในการที่รัฐขโมยเงินเรา
เชื่อใจในการที่รัฐคอยสอดส่องสะกดรอยเรา
และเชื่อใจในการขายประเทศของเรา
https://www.blognone.com/node/129609
วงการนี้ช่างเต็มไปด้วยมิจฉาชีพ
เคยเห็นคริปโตปล่อยกู้ละมีดอกเบี้ย คนปล่อยกู้ได้ปันผลนั่นนี่ มาวันนี้มองที่พื้นฐานมันแม่งคือคล้ายๆทองเลย มีมูลค่าที่แกว่งแรงกว่าทองเพราะจับต้องไม่ได้ แถมไม่ปันผลพอๆกับทองคำด้วย
Nomad bridge getting actively hacked. WETH and WBTC being taken out in million-dollar increments. Withdraw all funds if you can, still $126m remaining in the contract that's likely at risk
นอแมน บริส โดนแฮก WETH และ WBTC ถูกถอนออกมามากกว่า 1ล้านเหรียญ ถ้าใครที่ลงทุนใน WETH และ WBTC ขอให้ถอนทุนออกมาก่อน เพราะปริมาณเงินกว่า 126ล้าน usd มีความเสี่ยงสูงมาก
บิตคอยน์เป็นกฎเกณฑ์โดยที่กฏต่างๆไม่ต้องมีใครมาควบคุม
Bitcion is Ruled without Rulers.
จะใช้บล็อคเชนไปทำไมหากคุณไม่ได้อยากกระจายอำนาจให้ผู้คนอย่างแท้จริง?
You don’t need a blockchain if your project isn’t decentralized.
Bitcoin is a pill you take.
Once taken there’s no way back,
And you’ll look at the world in a new way.
People will also think you’re crazy by the way!
-BTC_for_freedom.
บิทคอยน์โอสถรักษา
เยียวยาหายสิ้นคุณไสย
ทางโลกแจ้งขึ้นในใจ
ใครว่าข้าบ้าหาแคร์.
ทำไมมีแต่คำคมวะ ยังกะพวกชวนทำMLM
ก๊กเดียวกันทั้งดุ้น
อาชีพราชการจริงๆเป็นอาชีพที่น่าสนใจนะครับ เพราะความมั่นคงมันสูงมาก อาชีพที่มีความมั่นคงสูง มันสามารถสร้างผลดอกเบี้ยโดยไม่มีความเสี่ยงที่จะตกงาน ถ้าคุณเป็นนักลงทุนคุณจะซื้ออาชีพนี้เพื่อให้ผลดอกเบี้ยให้เป็นสินทรัพย์ได้
ดังนั้นเวลาที่คุณไปกู้ธนาคารเพื่อไปซื้อบ้านซื้อรถ เรียนจบปุ๊บคุณไปกู้ธนาคารเลยเป็นหนี้ไปเลย 30ปี แปลว่าคุณได้ขายตัวให้กับธนาคารเพื่อเป็นตัวสร้างผลตอบแทนให้กับธนาคาร แล้วธนาคารก็ฟาร์มคนเหล่านี้เพื่อสร้างสินทรัพย์
เมื่อคุณมองไปที่บ้านจัดสรร คุณจะเห็นเลยว่ามันคือฟาร์ม ธนาคารจ่ายเงินให้บริษัทพัฒนาที่ดินไปสร้าง บริษัทพัฒนาที่ดินสร้างเสร็จ ไปหาคนมาซื้อ คนมาซื้อเสร็จเป็นหนี้ไปเลย 30 ปี ผ่อนยันลูกบวช ก็ยังผ่อนไม่หมด ยิ่งทำให้ชีวิตไม่สามารถออมทรัพย์ได้เลย เราเป็นแค่อะไรไม่รู้ที่ฟาร์มเงินได้ คอยสร้างผลกำไรให้กับธนาคาร เหมือนกันกับการฟาร์ม defi เพียงแต่เราไม่เคยตระหนักรู้เลยว่าเราโดนฟาร์ม
ถึงแม้ว่าจะโดนพวกสายนักธนาคารปั่นหัวอยู่ว่าท้ายที่สุดเราจะกำไรมีสินทรัพย์มากกว่าที่เราได้ลงเงินไป ถึงเงินเฟ้อเราจะไม่ขาดทุน แต่จริงๆแล้ว พวกนักธนาคารเขามีการคำนวนไว้แล้วว่ายังไงทางธนาคารจะได้กำไรสูงสุด หลังหักเงินเฟ้อโดยเอาดอกเบี้ยได้ที่มาขูดรีดกับพวกเรา
เหตุนี้แหละทำให้การเงินสายเคนเซียนปัจจุบันที่นับถือเงินเฟ้อนิดๆคือดีเป็นพระเจ้าได้หลอกให้เราต้องลงทุน ให้เราไม่สามารถเก็บออมเงินได้ การที่เงินยิ่งหมดค่าลงทุนวันแต่พวกนักธนาคารสายเคนเซียนยิ่งมีแต่ได้กับได้
#bitcoinisexit #fiatmoneyisliar
เงิน 1 ล้านของคนเราไม่เท่ากัน (เมื่อเวลาผ่านไป)
เงิน 1 ล้านเมื่อ 40 ปีก่อนเป็นเงินเก็บของปู่ย่าที่หวังเก็บไว้ให้ลูกหลานให้เพื่อให้เค้าไม่เกิดมาต้องลำบาก มีกินมีใช้ มีความมั่นคง ให้เค้าได้ทำสิ่งที่อยากทำ
เงิน 1 ล้านทุกวันนี้ ไม่พอให้ตัวเองเกษียณ เพราะไม่รู้เงินเฟ้อจะกัดกินเงินไปแค่ใหนถ้าหยุดทำงานวันนี้ ไม่รู้มันจะพอใหม ทำให้ต้องดิ้นรนทำงานอยู่ตลอดเวลา
เงิน 1 ล้านในอีกไม่กี่สิบปีอาจจะพอใช้ได้ไม่กี่เดือน
เงิน 1 ล้านในอีกหลายสิบปีอาจเป็นแค่เศษเงินที่พอใช้แค่ไม่กี่วัน
ปล.อันนี้แถม เงินล้านแรกอาจจะเป็นเพจเบบี้เคนเซียน ที่ชาวเคนเซียนด้วยกันอาจจะไม่อยากนับเป็นพวกก็เป็นได้
ปล.2 ไม่ห่วงคนที่มีล้านแรกได้ ห่วงคนที่ยังต้องขายตัวให้ธนาคารมากกว่า
วิธีพื้นฐานที่รัฐใช้ขโมยเงินจากคุณ
ถ้าคุณมีรายได้ รัฐเก็บภาษีรายได้
ถ้าคุณมีที่อยู่อาศัย รัฐเก็บภาษีอสังหาฯ
ถ้าคุณใช้จ่าย รัฐเก็บภาษีการขาย
ถ้าคุณเก็บออม รัฐเก็บภาษี(ผ่านทาง)เงินเฟ้อ
ถ้าคุณลงทุน รัฐเก็บภาษีกำไรจาการลงทุน
ถ้าคุณเริ่มทำธุรกิจ รัฐเรียกเก็บค่าใบอนุญาต
ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่ไปได้ดี รัฐเก็บภาษีกำไร
ถ้าคุณให้ของใคร รัฐเก็บภาษีค่าของที่ให้
และถ้าคุณตาย รัฐเก็บภาษีค่าส่งต่อมรดกให้คนรุ่นหลัง…
fun fact:😅
“ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี” หมายความว่า ถ้าตายไประหว่างปีไหน ปีนั้นก็จะกลายเป็นว่ายังต้องเสียภาษีอยู่ในชื่อของตัวเอง แต่เปลี่ยนฐานะใหม่เป็นผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี หรือพูดง่ายๆ ว่า ตายแล้วก็ต้องไปเสียภาษีอีกต่อหนึ่ง.
>>26 ผมเข้าใจในมุมมองโครงสร้างรัฐของคุณนะ แต่สิ่งที่เชิดชูการมีอยู่ของรัฐ ผมว่าไม่ได้จำเป็นขนาดให้องค์กรณ์ขนาดใหญ่มีอำนาจขนาดนั้น หากเราต้องพึ่งพาอำนาจในการสร้างถนนจากรัฐอ่ะนะ
ผมไม่เชื่อว่าเราจะมีเงินที่ดีได้อีกครั้ง!
ถ้าเราไม่เอาเงินออกจากการครอบงำของรัฐ
และเราก็ไม่อาจเอาเงินออกจากเงื้อมมือของรัฐโดยวิธีที่รุนแรงได้โดยตรง แต่ที่เราทำได้คือการใช้วิถีทางที่รายล้อมด้วยกลอุบายบางอย่างเอาไว้ แล้วนำเสนอสิ่งที่พวกเขาไม่อาจหยุดยั้งมันได้! #Bitcoin
-F.A. Hayek.
ภาพรวมโปรเจค defi ไทย และราคาเหรียญปัจจุบัน
Warden = เลิกพัฒนา core product, เลิกพัฒนาเกม,Dev.ใส่เกียร์หมา เอ้ยเกียร์ว่างไม่เคยมาตอบ ทำแต่ NFT MWAD โง่ๆ ขายแต่เสื้อ กับ ของชำร่วย/ Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Dopple = โดน hack , โยกเงินไม่โปร่งใส, เลิกพัฒนา, เจ้าของโดนฟ้อง เจ้าของวลีเด็ด มีบ้านขายบ้านมีรถขายรถ มาลง Dop กัน / Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
JDI / Dino = เลิกพัฒนา core product, เลิกพัฒนาเกม, Dev. หาย / Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Safebsc = เป็น yield farming เหมือนๆ JDI แหละ เลิกพัฒนา, Dev. หาย / Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Kill Switch = Dev. ยังทำงานอยู่ update เรื่อยๆ ขยันตอบ
ทำตาม roadmap ต่างกับ โปรเจคอันแรกเยอะ Dev.โง่แล้วเจือกไม่ตอบอีก /Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -88.xx%
Pornkub = Dev.แอบเปิดขายก่อน แล้วเท เลวแท้ / Page = ปิดไปแล้ว rug เรียบร้อย
Moon maker protocal = เลิกพัฒนา / Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Double moon = เลิกพัฒนา / Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Tuktuk =เลิกพัฒนา / Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Aqua finance = ไม่แน่ใจว่าเลิกพัฒนายังแต่ไม่มี update ไรตั้งแต่มีนาล่ะ , ดูพยายามจะ co กับ บ. Offline หลายๆที่แต่ก็ไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอัน / Page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Genesis = เหรียญของ ก.กาว ทำมาเพื่อ Rugpull โดยเฉพาะ เสกเองเทเองนักเลงพอ นักลงทุนเจ็บไปตามๆกัน / Page = ปิดไปแล้ว rug เรียบร้อย
HODE = เลิกพัฒนา Dev. หนีเรียบร้อย / page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.99%
Acme = เอาจริงๆกรูงง กับ โปรเจคไม่รู้มันทำไรกันแน่ เข้าใจว่าซื้อเหรียญ แล้วน่าจะได้สิทธิ์พิเศษติดตาม มันเทรดข้ามวันข้ามคืนจนหยอดน้ำเกลือ (ทำไปเพื่อไรวะ) ประวัติ เพิ่มเติม ไปดูได้ที่ The purge forex/ page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Definix = defi เจ้าใหญ่ๆของไทย โดดเด่นเรื่อง security และการ rebalance farm ท่ายาก, มีขยายไปทำตลาด NFT, เน้นตลาด โอปป้า ,page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -90.xx%
Plern = เหมือนเป็นเหรียญที่ถือ stake แล้วจะได้สิทธิ์ประโยชน์ในโลก offline ลดค่า รร ลดค่าอาหาร สุ่มตั๋วนั่งเรือยอร์ชเท่ๆ / page ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
Guild Fi = เข้าใจว่าเป็นตัวกลาง เชื่อม gamefi กับผู้เล่น, ระดมทุนได้โครตเยอะ คนแย่งซื้อเหรียญ ,dev.โง่เกินเอาเงินไปลงทุนใน ust เสียหายไปหลาย/ page ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -92.5%
Moonkub = เลิกพัฒนา Dev. หนีเรียบร้อย, เทรดเดอร์หน้าหมี influencers ชื่อดังเสียหมาเพราะโปรเจคนี้เลย / page = ยังเปิดอยู่ / ราคาเหรียญ -99.xx%
พิมพ์เหนื่อยล่ะ น่าจะมีมากกว่านี้อีกนึกก่อน แล้วยังมีหมวดเกมอีก เดี๋ยวค่อยมาพิมพ์ต่อ 55
https://www.facebook.com/groups/defithaiclub/permalink/5027281884066325/
Inflation is the big robber.
เงินเฟ้อคือมหาโจรในโลก!
Michael Saylor อดีต CEO ของ Microstrategy กล่าว Bitcoin กำลังจะค่อย ๆ ‘บ่อนทำลาย’ ทองคำไปทีละนิด
.
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระหว่างการสัมภาษณ์กับ Stansberry Research เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม Michael Saylor CEO ของ MicroStrategy กล่าวว่าทองคำมีแนวโน้มที่จะถูกบ่อนทำลายจากการที่ Bitcoin นั้นเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
.
อย่างไรก็ตาม Michael ยอมรับว่าเส้นทางของ Bitcoin (BTC) ที่จะมาแทนที่ทองคำนั้นเต็มไปด้วยขวากหนาม ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ Michael ระบุว่า Bitcoin มีโอกาสสูงที่จะถูกนำไปใช้เป็นสกุลเงินโดยเขตอำนาจศาลอื่น ๆ ซึ่งจะไม่เหมือนกับทองคำ
=========
Bitcoin กำลังดูดซัพพลังงานจากสินทรัพย์อื่นๆโดยเฉพาะทองคำให้ด้อยค่าลงเรื่อยๆ จนทองคำจะหมดค่าไปเอง เพราะคุณประโยชน์ของทองคำท้ายที่สุดมีแค่ไว้ใช้ในอุตสาหกรรมแค่บางประเภทเท่านั้น และปริมาณมีมากเกินไป รวมไปถึงการที่สามารถ recycle ทองคำกลับมาได้ ทำให้ปริมาณทองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ทองคำเฟ้อขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถเก็บมูลค่าไว้ได้อีกแล้ว
bitcoin คือทางออกในท้ายที่สุดของมนุษยชาติ
How fiat system work
ระบบเงินเฟียตมันทำงานได้อย่างไร
หลักการหลักๆ ของระบบนี้คือ
1. ดึงเงินของคนในระบบออกด้วยวิธีแนบเนียน
2.สร้างความจำเป็นในการใช้เงิน
3.การสร้างระบบ และหน่วยงานให้คนไม่รู้ตัว หรือสร้างประเด็นหันคนสนใจประเด็นอื่น
1.วิธีดึงเงินในระบบ fiat
ระบบ fiat ไม่ได้ดึงเงินเราไปตรงๆ แต่จะใช้วิธีอ้อมๆ ให้เราไม่รู้ตัว เพราะ เรายังเห็นตัวเลขในหน่วยเงินเฟียตมีตัวเลขเท่าเดิมนี่ ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ระบบ fiat สร้างเงินขึ้นมาในระบบให้คนมาใช้ แล้วพอทุกคนในระบบใช้ ก็ผลิตเงินใหม่ออกมาขโมยเงินของคนที่อยู่ในระบบอยู่เดิม
ยกตัวอย่าง
ประเทศ A มี productivity 1000 หน่วย และ เงินในระบบ 1 ล้านหน่วย
อยู่ดีๆ มีคนผลิตเงินเพิ่มอีก 1 ล้านหน่วย สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรขึ้น?
Productivity ในประเทศก็มี 1000 หน่วยเท่าเดิม แต่เงินในระบบมี 2 ล้านหน่วยแล้ว นั่นคืออยู่ดีๆ เงิน 1 ล้านหน่วยเท่าเดิมแต่เมื่อวัดด้วยหน่วย productivity กลับเหลือเพียง 50% หรือ 500 หน่อยเท่านั้น (อีก 50% ไปอยู่ในมือโจรที่ผลิตเงินขึ้นมาใหม่)
ผลกระทบที่ตามมาคืออะไร?
ถ้าคิดในแง่คณิตศาสตร์ ก็เห็นกันอยู่แล้ว อำนาจซื้อมันได้หายไปแล้ว 50% แต่ในโลกจริง อำนาจการซื้อของคนในระบบลดลง มันไม่เกิดขึ้นในทันที มันจะค่อยๆ เกิดขึ้น และเค้าตั้งใจให้มันเกิดขึ้นช้าๆ
2.กำจัดคู่แข่ง และ สร้างความจำเป็นในการใช้เงิน
ระบบ fiat จะดำเนินได้ต้องสร้างความจำเป็นต้องใช้ให้คนในระบบ เงินในระบบ fiat ถ้ามีหลายระบบคนจะวิ่งไปหาระบบที่เค้าคิดว่าดีกว่า เสมอ อย่างเช่น คนลาวที่ค่าเงินเสื่อมค่าอยากรวดเร็วคนก็วิ่งเข้าหา ระบบที่ดีกว่า นั่นคือ bath ไทย คนพม่า และหลายๆ ประเทศก็เข้าหาเงิน ดอลลาร์ เพราะฉะนั้น ระบบ fiat ที่ดีต้องมีแค่ระบบเดี๋ยวจะยอมให้มีคู่แข่งไม่ได้
สร้างความจำเป็นในการใช้เงิน นั่นคือสร้าง "ภาษี" ลองคิดดูดีๆ รัฐสร้างเงินได้เองก็สร้างเงินแล้วใช้ไปสิมาเก็บ "ภาษี" ทำไม คำตอบคือไม่เก็บไม่ได้ เพราะภาษีเป็นข้อบังคับที่ให้คุณต้องไปหาเงินมาจ่าย ถ้าไม่จ่ายจะโดนยึดบ้าน ถ้าไม่จ่ายจะโดนนั่นโดนนี่ เก็บมันในทุกอย่างภาษีที่ดิน ภาษีมูลค่าเพิ่ม ฯลฯ สร้างแนวคิดให้คนเชื่อว่าการจ่ายภาษีว่าเพิ่มเอาไปพัฒนาประเทศ แล้วจ่ายภาษีเหล่านั้นต้องใช้หน่อยเงินอะไร? ก็ต้องเป็นเงิน fiat ในระบบนั้นเท่านั้น รวมไปถึง สร้างค่านิยมในการใช้เงิน ทำลายเงินเก็บ ให้คนเอาเงินมาหมุนในระบบเยอะๆ
3.การสร้างระบบ และหน่วยงานให้คนไม่รู้ตัว หรือ สร้างประเด็นหันไปหาประเด็นให้คนไม่สนใจจะหาสาเหตุที่แท้จริง
สร้างเหตุผลในการพิมพ์เงิน สงคราม/ความยกจน/การช่วยเหลือกัน/โรคระบาด/กระตุ้นเศรษฐกิจ/สร้างนั่นนู่นนี่ ล้วนเหตุผลในการพิมพ์เงินทั้งสิ้นสุดแล้วแต่จะได้ ประเด็นนี้จริงๆ แล้วถ้ามันเอามาทำดีๆ ก็อาจจะดีก็ได้นะถ้ารัฐบาลบริหารเงินได้ดี แต่ที่ผ่านมา เราเห็นกันตลอด ในการที่เราเชื่อใจรัฐบาล เอาเงินออกมาบริหารแล้วเกิดอะไรขึ้น เงินเหล่านี้ได้มาแล้วทำอะไร? เข้ากระเป๋าตัวเอง /ใช้เงินที่ได้มาง่ายนี้ชุยๆ ไม่คุ้มค่า/สร้างของที่ไม่ได้คุณภาพต้องทุบๆ สร้างๆ ใหม่ไปเรื่อย
ไม่ได้พูดว่าพิมพ์เงินตรงๆ เค้าบอกกู้เงินในอนาคตออกมาใช้ก่อน (เงินในอนาคตใครล่ะ ก็เงินคนในระบบ) ที่บอกว่าหนี้สาธรณะที่เราเลือกไม่ได้รับหนี้ไปแล้วแบบงงๆ นั่นเอง
สร้างหน่วยงาน ค่าการวัดความเป็นอยู่ให้คนเห็นว่า "เราก็ไม่ได้ลำบากขึ้นเท่าไรนี่หว่า" ค่าพวกนี้ คือ CPI PPI ที่หน่วยวัดทำยังไงก็ได้ให้มันดูดี ถ้ามันขึ้นช้าๆ ไม่ให้ขึ้นมากเกินไปให้คนไม่รู้ตัว ไม่ตกใจ สร้างหลักการ หรือแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ให้มันซับซ้อนเข้าใจยากเข้าไว้ คนจะได้ไม่รู้เรื่องเยอะๆ รวมไปถึงไม่บรรจุหลักสูตรการบริหารเงิน การใช้เงิน การลงทุนในระบบการศึกษาหลัก เพราะเค้ารู้คนใช้เงินน้อยลงเก็บเงินมากขึ้นเป็นผลเสียต่อระบบเฟียต
บทสรุป
ระบบเฟียต มันคือระบบการดึงเงินเก็บของผู้คนในระบบ ด้วยความไม่ยินยอมด้วยความแนบเนียน คนในระบบที่ไม่ได้มีความรู้ไม่ได้ศึกษา พวกเขาไม่มีทางจะรู้เลยว่าตัวเองกำลังถูกต้มในกระทะร้อนๆ จะรู้ตัวอีกทีก็ถูกทำเป็นอาหารไปแล้ว ถูกทำฟาร์มไปแล้ว ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เป็นแบตเตอรี่ให้พลังงานแก่ระบบกันต่อไป คล้ายๆ คนในหนังเรื่อง the matrix นั่นเอง
ได้รับแรงบรรดาลใจในการเขียนจาก
https://www.lynalden.com/what-is-money/
เมื่อต้นเดือน ก.ค. เคยโพสต์เรื่องคอร์ส Decentralized Finance and Blockchain ของ Degree Plus ร่วมกับจุฬาเอาไว้
ตอนนี้เรียนมาได้แล้ว 3 สัปดาห์ มารีวิวไว้สักหน่อยเผื่อใครสนใจใช้เป็นข้อมูลช่วยตัดสินใจ
รูปแบบการเรียน
- ฟอร์แมตของคอร์สเป็นแบบไฮบริด คือ ดูคลิปบรรยายและทำควิซออนไลน์ (ใช้ระบบคอร์สออนไลน์ของ Skooldio เยี่ยมยอดอยู่แล้ว มีการ track progression อย่างละเอียด) สลับกับเรียนออนไซต์บ้างทุก 2 สัปดาห์ (สถานที่คือ สามย่านมิตรทาวน์ และออฟฟิศของ Skooldio ที่ MBK) เพื่อ discussion กันในชั้นเรียนและภายในกลุ่ม
- เนื่องจากคนสมัครเรียนจนล้นเลยต้องเปิด 2 section คือเช้าและบ่ายวันเสาร์ แต่ถ้ามาไม่ได้จริงๆ ก็สามารถฟังผ่าน Zoom แบบสด และฟัง recording ได้ด้วย (ระบบพร้อมมาก ยืดหยุ่นมาก)
- ช่องทางการสื่อสารในชั้นเรียนทันสมัยมากคือคุยกันผ่าน Discord
เนื้อหา
- สิ่งที่ผมชอบมาก ถ่ายสไลด์ไว้ตั้งแต่วันเปิดเรียนคือ คอร์สนี้เชื่อในหลักการ First Principles ขุดลึกลงไปถึงรากเหง้าที่แท้จริงของเรื่องต่างๆ (ไม่กาวแน่นอน) พอมาเรียนจริงๆ ก็พบว่าใช่เลย นี่คือสิ่งที่ตามหามานาน ต้องยอมรับว่าผู้สอนคือ อ.คณิสร์ เป็นตัวจริงในด้านนี้จริงๆ
- เนื้อหาแน่นมาก 2-3 วีคแรกยังไม่ได้มีคำว่าดิจิทัลหรือบล็อกเชนเลยแม้แต่น้อย แต่ต้องเรียนพื้นฐานของเงินทุกสิ่งอย่าง การจ่ายเงิน การลงทุน ประกันภัย สอนให้เราเข้าใจประวัติศาสตร์และที่มาที่ไปของโลกการเงินอย่างถ่องแท้ เช่น ธนบัตรมีจุดกำเนิดมาจากตั๋วแลกเงินเอกชนในอดีต, การระดมทุนและตลาดหุ้นเกิดครั้งแรกที่เนเธอร์แลนด์ในยุคล่องเรือหาสมบัติโพ้นทะเล, ระบบการหักบัญชีระหว่างกันเกิดจากการต้องโอนเงินกลับบ้านของอัศวิน Knight Templar ในยุคสงครามครูเสด
- พอเรียนรู้ปัญหาของโลกการเงินเรียบร้อยแล้ว ถึงค่อยๆ เริ่มเข้าสู่การนำเทคโนโลยีมาลองแก้ปัญหาดูว่าจะเป็นอย่างไร คลาสล่าสุดวันนี้ได้เจอโจทย์ที่ท้าทาย อย่างคำถามว่าทำไม P2P Lending ถึงล้มเหลวในหลายๆ ประเทศ
- ชื่อคอร์ส Decentralized แต่ต้องเรียนประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย อ่านเปเปอร์ของ World Economic Forum ใครชอบวิชาการแน่นๆ รับรองถูกใจ
เพื่อนร่วมชั้น
- หลากหลายดีครับ มีทั้งจากฝั่ง regulator/รัฐ (กลต, ธปท, SET) ธุรกิจประกัน, ลงทุน, โบรกเกอร์, ธนาคาร, startup, สายเหรียญ รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่อาจไม่เกี่ยวกันเลย เช่น ค้าปลีก, กฎหมาย
- คุณภาพของการสนทนาในชั้นเรียนถือว่าดี ทุกคนเตรียมความรู้มาแน่น กล้าแสดงออก กล้าถาม กล้าแสดงความเห็น พอคนเรียนหลากหลายก็มีการแชร์ประสบการณ์ระหว่างกัน
ข้อเสีย
- มันเหนื่อยมากครับ เนื้อหาแน่นมาก ต้องพยายามจริงจังในการตามเนื้อหาให้ทันทุกๆ สัปดาห์ (ใครที่กะมา networking อย่างเดียวคงไม่เวิร์ค)
- การฟังเลคเชอร์ออนไลน์ความยาวสัปดาห์ละ 2 ชม. เพื่อนร่วมชั้นบอกว่าฟังจริงไม่มีทางใช้เวลา 2 ชม. แน่ๆ เพราะต้องฟังหลายรอบ ฟังซ้ำไปซ้ำมา (ผมใช้วิธีฟังในรถ)
- ควิซยากมาก ทำรอบแรกได้ 7/15 แปลว่าสอบตก T_T
เห็นว่ารุ่น 2 เปิดรับสมัครแล้ว ใครสนใจดูรายละเอียดตามลิงก์ https://store.degree.plus/course-collections/decentralized-finance-blockchain
bitcoin make war unaffordable,
bitcoin make them can’t print money,
bitcoin separate money and state,
buy bitcoin, save bitcoin.
บิทคอยทำให้รัฐไม่สามารถก่อสงครามได้
บิทคอยทำให้รัฐพิมพ์เงินเองไม่ได้
บิทคอยทำให้เงินกับรัฐแยกจากกัน
ซื้อบิทคอย และออมบิทคอย
การทำเงินให้เสื่อมค่า คือการบั่นทอนเวลาชีวิตคน!
ดอกเบี้ย โจมตีมุสลิมไม่ได้ เลยใช้เงินเฟ้อแทน ตอนนี้ ชาติมุสลิมรู้ตัวแล้ว และเขาใช้ น้ำมัน บิทคอยน์ และทะเลทราย ที่เต็มไปด้วยแสงแดด เข้าต่อต้าน
How we use bitcoin?
เราใช้บิตคอยน์ทำอะไรได้บ้าง
ใช้เป็นเงิน โดยที่เงินนั้น การฝากเงิน (Deposit) ถอนเงิน (Withdraw) ส่งเงิน (Transfer) ใช้เป็นที่เก็บออม (saving) เพื่อตัวเอง หรือลูกหลานในอนาคต ใช้เพื่อ การยืม (Borrow) การให้ยืม (Lending) ใช้จ่าย (Spending) /ใช้ลงทุน (investment) ซึ่งการทำเหล่านี้ จนถึงตอนนี้หลายๆ ทำได้แล้วโดยไม่ต้องมีตัวกลาง อาจจะมีหลายๆ คุณสมบัติของเงินที่ยังไม่ค่อยสะดวกหากทำโดยไม่ผ่านตัวกลางในตอนนี้ แต่มันมีศักยภาพที่จะได้เองทั้งหมดโดยไม่ต้องมีตัวกลาง
นอกจากนี้ คุณยังใช้ บิตคอยน์เพื่อเล่นสนุก (for fun) ใช้เพื่อการศึกษา (study) ใช้สร้างนวัตกรรมหรือบริการทางการเงิน (innovation/services) เราสามารถใช้เป็นของเล่นลองในเงื่อนไขนั่นนี่ ลองสร้าง token เอามาทำ NFT ใช้สร้างบริการอย่างเช่น ธนาคาร ผ่าน lighting network หรืออะไรที่จะเกิดในอนาคตเกิดที่เราในตอนนี้จะจินตนาการได้อีกหลายอย่าง เพราะBitcoinเป็น programmable money เงินที่เราออกแบบได้ ใส่โปรแกรมได้ ยิ่งหลังจากผ่านการ soft fork taproot และ schnorr signatures แล้วในตอนนี้
นอกจากนี้ เราใช้ bitcoin แบบอ้อมๆ ได้อีกหลายอย่าง เช่น
- ใช้เพื่อเป็นทางออกจากระบบทาส เป็นทางเงินเลือก เป็นการประท้วงแสดงความไม่พอใช้ในระบบเงิน fiat ใช้เพื่อเปิดโลกกว้างเพิ่มมุมมอง
- ใช้ลด time preference ของตัวคุณเองเมื่อมีเงินที่ไม่เสื่อมค่าคุณจะมองที่ไกลขึ้น มีความหวังในการใช้ชีวิต เห็นทางรอดจากการเป็นทาสตลอดชีวิต
- ใช้เปิดมุมมองแนวคิด ให้เราออกจะกะลา ผ่านการศึกษาประวัติศาสตร์ อุดมการณ์ของบิตคอยน์
บทสรุป มีคนถามว่าเก็บ bitcoinไว้เฉยๆ ไม่เอาใช้จ่ายแล้วจะเอาไปทำอะไร ก็มีอีกหลายสิบอย่างที่เล่าไปแล้วข้างต้นเท่าที่ผมคิดออก แต่ถามว่าคนที่ใช้ประโยชน์ไม่กี่อย่าง เช่น ใช้แค่เก็บออม เค้าผิดไหม ผมก็ว่าเขาไม่ผิด เพียงแต่เสียดายนิดหน่อยเนอะทั้งที่มันทำได้หลายอย่าง คุณลองหน่อยมั้ยล่ะ lighting อะ
ที่พวกมึงเอาเรื่องเงินเฟ้อแย่มาแปะเยอะๆนี่คือแปะเพราะเห็นด้วย อยากชวนคนมาอ่านจะได้เชื่อ
หรือมาแปะเพราะคิดว่ามันดูโง่ดี เลยเอามาแปะให้ดูขำๆวะ
>>41 การด่าเรื่องเงินเฟ้อมันดูขำตรงไหนวะ คนจนขึ้นเรื่อย บังคับให้คนต้องลงทุนที่มีความเสี่ยงเพื่อรักษามูลค่าเงินในปัจจุบันไว้
ตอนนี้โลกกดดันให้ลงทุนเพื่อไม่ให้เงินมึงสูญค่า เพราะเงินเฟ้อขึ้นเรื่อยๆ จนหยุดไม่อยู่แล้ว โดยเฉพาะฝั่งเมกาที่ทำ QE พิมพ์เงินแจกรัวๆ
แล้วก็ปัญหาของ ศรีลังกา อีก ที่เจอปัญหาเงินเฟ้อ มึงคิดว่าดีจริงๆเหรอ
ไอ้พวกมองเงินเฟ้อคือพระเจ้าที่แก้ไขได้ทุกปัญหาก็แย่เกินไปนะ
btc ออกแบบมาให้จำกัด ไม่ผลิตเพิ่มได้ปัญหาเงินเฟ้อจะไม่เกิด เงินที่เราเก็บไว้ยังจะมีค่าอยู่ทุกวัน มันก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอที่สนับสนุนให้เก็บสะสม btc กัน
>>43 เงินฝืดก็แค่ภาพลวงตายของพวกเคนเซี่ยน ภาวะเงินเฟ้อเป็นการบังคับให้คนเอาเงินที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงที่มีอยู่ออกไป กดดันให้คนต้องหามากขึ้นเพื่อชดเชยมูลค่าเงินที่สูญเสียไป
ฝั่งเงินเฟ้อไม่เคยเอาเหตุและผลมาตายซะที เอาแต่มองว่าเงินเฟ้อคือทางออกของทุกปัญหาแทน อันนี้ไม่ได้นะ ทุกวันนี้คนจนลงเรื่อยจากภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ลองมองไปที่รายได้ของมึงดูก็ได้นะ เงินได้ของเราที่ที่ควรจะมีมูลค่าเพียงพอต่อการใช้จ่าย แต่ทุกวันนี้กลับไม่เพียงพอเพราะอะไร ก็เพราะเงินเฟ้อนี้ล่ะ ที่รัฐพิมพ์เงินขึ้นมาเรื่อยๆในทุกๆวัน ทำให้เงินที่มีอยู่หมดคุณค่าลงไปอย่างมาก
>>45 หืม เศรษฐศาสตร์คือสัจจะธรรมขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย ที่เงินเฟ้อปริมาณสูงๆ สุดท้ายต้องพึ่งพาให้รัฐช่วย อยู่ได้ด้วยตัวเองไม่ได้นี่
ไม่ต้องมาอ้างโนเบลเลยด้วย เพราะคนคิดโนเบลก็พวกเดียวกันทั้งนั้น ชนชั้นสูงที่ไม่มีวันเดือดร้อนเรื่องเงินเพราะมันพิมพ์เงินเองได้ เอาเงินมาแจกให้พวกเดียวกันเองได้ แล้วออกทฤษฎีโง่ทำให้คนจนลงเรื่อยๆ ด้วยภาวะเงินเฟ้อ เพิ่มปริมาณเงินในระบบทำให้คนจนลงทุกวันๆ ถ้าจะอวยว่ามันดีก็อวยไปเหอะ แต่กูไม่เห็นด้วย
โง่หลาย
คริปโต จบแล้วใช่มั๊ย
s*bs สัสพาทเนอร์กันทำได้ลง หนักกว่าอิลอนปั่นหุ้นอีก
แดงเป็นแท่งยาวเลยคับ
เห็นด้วยหรือไม่
studying #Bitcoin means studying:
การศึกษาบิทคอย คือ ศึกษา
⏳ history ประวัติศาสตร์
💵 finance การเงิน
📈 economics เศรษฐกิจ
🏦 government รัฐบาล
💻 computer science วิทย์คอม
🧮 mathematics คณิตศาสตร์
🔋 energy พลังงาน
🌍 geopolitics การเมืองภูมิภาคโลก
📚 philosophy ปรัชญา
♟️ game theory ทฤษฎีเกมส์
🏙️ sociology สังคมศาสตร์
💡 critical thinking การคิดวิเคราะห์
🕊️ human rights สิทธิมนุษยชน
knowledge is a lifelong pursuit ⚡️🕳️
ที่มา: https://twitter.com/sophiamzaller/status/1562206865790046209?t=cIn3fmPscPY67zXOfXwxEg&s=19
เตรียมช้อนกันยังkubไม่ซื้อตอนนี้จะไปซื้อตอนไหน กล้าตอนคนอื่นกลัวอะรู้จักป่ะ
เจ๊งตอนคนอื่นรอด
คนสร้างบิทคอยบอกตอนไหนว่าบิทคอยช่วยป้องกันเงินเฟ้อ
>>62 พลังงานที่ใช้ใน btc ถือว่าน้อยมากนะ เทียบกับพลังงานที่มึงใช้ดู netflix youtube ยังใช้พลังงานเยอะกว่าการทำ transaction ของ btc ซะอีก
ถ้ามองว่าเงินคือพลังงานของมนุษย์ที่สามารถสะสมไว้ได้ คนที่มีเงินเยอะไม่ต้องใช้พลังงานในการทำงาน การที่ btc เป็นตัวที่แสดงให้เห็นว่าพลังงานที่ใช้ไปใช้ได้อย่างคุ้มค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ
ภาษีแท้จริงมันก็แค่บททดสอบหนึ่งที่ให้ผู้คนเชื่อและเชื่องต่ออำนาจรัฐนั่นแหละ
รัฐจะรีดเอาเงินจากเราไปทำไมนักหนา หากว่าเขาพิมพ์มันเองได้อย่างไม่จำกัด!
ทำไม กลต เน้น บคับ จังวะ เอาทุกดอก
เอลซัลวาดอร์จ่อล้มละลายจริงแต่ไม่ใช่เพราะบิทคอยน์นะจ้ะ !
อ้าว แล้วมันต่างจากข่าวที่ออกมาตรงไหน ?
.
ก่อนอื่นเลยเราต้องรู้ว่าเอลซัลวาดอร์มีหนี้อยู่กว่า 23,000 ล้านดอลลาร์ แต่เอลซัลวาดอร์ถือครองบิทคอยน์อยู่เพียง 2800 BTC ซึ่งมีมูลค่าเพียง 55 ล้านดอลลาร์เท่านั้น เงินจำนวนนี้ก็มีจำนวนไม่ถึง 1% ของยอดหนี้ทั้งหมดด้วยซ้ำไป
.
การบอกว่าบิทคอยน์ราคาตกทำให้เอลซัลวาดอร์ล้มละลายจึงเป็นการปั่นข่าวเกินจริง เหมือนกับมีคนเป็นหนี้เพราะกู้บ้านมา 1 ล้านบาท แล้วต้องล้มลละลาย เพราะเอาเงินลงทุนแล้วขาดทุนไปหมื่นบาทนั่นแหละค่ะ
.
แน่นอนว่า การเอาเงินของประเทศไปลงทุนแล้วขาดทุนกว่าครึ่งไม่ใช่เรื่องดี แต่หนี้กว่า 23,000 ล้านดอลลาร์ของประเทศนี้ไม่ได้เกิดมาจากการซื้อบิทคอยน์ และ การลงทุนกับบิทคอยน์เพียง 100 ล้านดอลลาร์ไม่น่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ประเทศล้มละลายแต่อย่างใด
CBDC เครื่องมือขยายอำนาจรัฐ Central planning ควบคุมเอกชนและประชาชน
ในช่วงที่ CBDC ของประเทศต่างๆ ยังไม่ออกมาอย่างสมบูรณ์ ศักยภาพของ CBDC นั้นยังไม่เห็นเด่นชัด แต่หากมองในแง่ว่า ทุกรัฐมีความต้องการวางแผนจากส่วนกลางมากที่สุด โดยภายนอกท่องคำว่ากระจายอำนาจให้ดูดี จะเห็นถึงพัฒนาการที่เป็นไปได้ของ CBDC อย่างชัดเจน
- รู้ปริมาณและอัดฉีดเงินในระบบอย่างง่ายดาย
ในการใช้เหรียญ และธนบัตร รัฐไม่สามารถรู้ได้ว่าปริมาณเงินทั้งหมดมีเท่าไร เงินที่ประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ถืออยู่จะไม่เพิ่มขึ้นเอง ธนาคารกลางเช่น Fed จะใส่เงินลงไปในระบบ จะต้องผ่านตัวกลางคือสถาบันต่างๆ ที่จะซื้อหรือขายพันธบัตรไป ซึ่งจะมีที่มาที่ไปชัดเจน
แต่เมื่อมี CBDC รัฐบาลจะรู้ว่าเงินทั้งหมดมีเท่าไร อยู่ส่วนไหนบ้างเพราะเป็นคนออกเอง อีกทั้งยังเสกเงินเพิ่มให้ไปอยู่ส่วนไหนก็ได้ อาจไม่ผ่านการรับรู้ของประชาชนเลยก็ได้ ดังนั้นเมื่อ CBDC สำเร็จ จะได้เห็นการบิดเบือนทางการเงินแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
- งบของรัฐบาลแบบใหม่ ไม่มีขาดดุลอีกต่อไป!
งบของรัฐบาล แต่เดิมจะต้องผ่านการร่างรายละเอียด จำนวน แผนการใช้ มีการตรวจสอบของสภา แต่เมื่อมี CBDC โดยเฉพาะในประเทศที่อำนาจรัฐบาลมีความเข้มข้น สามารถสั่งให้ธนาคารกลางพิมพ์เงินเข้าหน่วยงานได้ทันที ซึ่งใช้ได้ทันทีกับงบรายจ่ายประจำ ค่าจ้าง ค่าอาคารสถานที่ต่างๆ แล้วถือว่าเงินที่เฟ้อขึ้นของประชาชน (ซึ่งถูกบังคับให้ถือ CBDC) เป็นภาษีที่ต้องจ่ายร่วมกัน
- บิดเบือนการใช้จ่ายเงินของประชาชน
ในการใช้จ่ายเหรียญ ธนบัตร Bitcoin Altcoin ผู้ใช้งานสามารถเลือกซื้อจากผู้ที่เต็มใจจะขายได้ และจะวางแผนการใช้เงินได้เอง แต่เมื่อ CBDC เกิดขึ้น รัฐสามารถตั้งโปรแกรมได้ว่า ใครซื้ออะไรได้ และสามารถสร้างกฏเกณฑ์ต่างๆ บังคับทั้งทางบวกและทางลบ เช่น เมื่อหมูราคาตก ก็สั่งให้ประชาชนซื้อเนื้อหมูร่วมกับเนื้ออื่น 1:1 เพื่อช่วยเกษตรกร (แม้คุณจะเป็น vegan หรือศาสนาที่ไม่กินก็ตาม) ช่วงไหนหมูขาดตลาด ก็สั่งให้ซื้อได้วันละ 0.5 ขีด เพื่อลดการกักตุน ห้ามจ่ายเงินซื้อสุราในวันพระ หรือเทศกาลถือศีล
- ยึดคืนได้ทุกเมื่อ
ในการใช้เหรียญและธนบัตรนั้น เจ้าของเงินเป็นคนเก็บด้วยตัวเอง หรือฝากสถาบันการเงินไว้ สามารถบริหารได้ด้วยตัวเอง แต่ CBDC ถูกควบคุมการใช้งานด้วยธนาคารกลางตลอดเวลา มันจึงแทบจะไม่ใช่เงิน ธนาคารกลางสามารถยึดคืนได้ และใช้อำนาจได้ทันที เช่นในกรณีที่รัฐบาลต้องการเพิ่มสภาพคล่องในระบบ รัฐบาลอาจประกาศว่า ใครมีเงินเกิน 10 ล้านไม่ได้ใช้ จะถูกริบไป 5 ล้าน แล้วไปทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ธนาคารกลางก็สามาถยึดไปให้รัฐบาลได้ทันที
- ควบคุมราคาสินค้าได้เต็มที่
CBDC สามารถรับรู้การใช้จ่ายของทุกอย่างได้ ดังนั้นจึงควบคุมจากส่วนกลางได้ว่า ราคาของสินค้าจะต้องเป็นราคาที่กำหนดเท่านั้น ห้ามขายถูกหรือแพงกว่า โดยเฉพาะสินค้าจำเป็นอาจจะถูกขึ้นบัญชีพร้อมกันทั้งประเทศ ผู้ขายหมดสิทธิ์ที่จะกำหนดราคาขาย หรือต้องไปทำใบอนุญาตพิเศษจากรัฐบาล
- ทำให้ธุรกิจธนาคารลำบากแล้วผูกขาดโดยธนาคารกลาง
CBDC นั้นจะเป็นภาระในการจัดการของธนาคารอย่างยิ่ง สภาพคล่องของ CBDC ที่จะต้องแลกเปลี่ยนกับสกุลเงินอื่นๆ ต้องมีการบริหารจัดการ และอาจต้องมีทุนสำรองเพื่อเสริมสภาพคล่อง แต่ทุนสำรองในส่วนของ CBDC ก็จะติดคอขวดอยู่ที่ระบบประมวลผลส่วนกลาง ซึ่งอาจจะเกิดการจำกัดและให้โควต้ากับแต่ละสถาบันการเงินต่างกัน
แม้ CBDC ในหลายประเทศจะไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ย แต่เมื่อใดที่มีประเทศหนึ่งเกิดกำหนดขึ้นมา ก็ ผลก็คือคนจำนวนมากจะถอนเงินจากธนาคารเพราะดอกเบี้ยในการถือ CBDC จูงใจกว่า ซึ่งจะทำให้ธนาคารจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถทำกำไรได้เพียงพอต้องหายไป ในที่สุดรัฐก็จะค่อยๆ กำจัดธนาคารและตั้งตนเป็นผู้ควบคุมการเงินสมบูรณ์แบบในตัวเอง
แต่ถ้า CBDC มีอัตราดอกเบี้ยเป็นติดลบ ซึ่งธนาคารกลางสามารถจะประกาศเมื่อไรก็ได้ เมื่อนั้นจะเกิดหายนะแน่นอน แต่จะเกิดที่ใด กับประชาชนหมู่ใด รัฐบาลก็ไม่เดือดร้อน เพราะพิมพ์เงินให้ตัวเองได้ตลอดเวลา
- ทำลายการค้าเสรีและการท่องเที่ยว
ความฝืดจากการที่หลายประเทศใช้ CBDC แต่ในขณะเดียวกันก็ควบคุมเงินของตัวเองจะทำให้การแลกเปลี่ยนกันยากลำบากขึ้น และเกิดปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก CBDC ถูกบิดเบือนอย่างหนักในประเทศ รัฐบาลจึงไม่ต้องการให้ประชาชนและเอกชนเอา CBDC ไปแลกเป็นสกุลเงินชาติอื่น เพราะจะเปรียบบเทียบกันและรู้สภาวะที่แท้จริง อีกอย่างคือทำให้เงินเสียเสถียรภาพ รัฐบาลต่างๆ จึงต้องหาเรื่องกักประชาชนไม่ให้เดินทางได้ตามใจด้วยเหตุผลต่างๆ ทั้งโรคระบาด ความเกลียดชังเชื้อชาติ ศาสนา ความมั่นคง การก่อการร้าย
ในที่สุดประชาชนก็จะแยกห่างจากกันและการซื้อขายสินค้าก็จะทำผ่านรัฐหรือบริษัทขนาดใหญ่ที่รัฐมอบหมายเท่านั้น
- ทำลายอธิปไตยของประเทศเล็ก
ประเทศที่มีปัญหาทางการเงิน และประเทศเล็กที่ไม่มีพลังทางเศรษฐกิจมากนักจะถูกประเทศที่ใหญ่กว่าเข้ามาบีบบังคับให้ถือ และเปิดรับระบบการเงินใช้ CBDC ร่วมกัน ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางประเทศนั้นหมดความหมายไปในทันที ส่วนประเทศขนาดกลางอาจถูกลิ่วล้อต่างชาติและพวกขายชาติจูงใจให้ถือ CBDC เป็นทุนสำรองโดยหลอกลวงว่ามั่นคงกว่าสกุลเงินสำรองแบบเดิม ทำให้ประเทศต้นทางที่ออก CBDC ควบคุมการเงินของประเทศนั้นได้ในอัตราส่วนที่ถือครอง ทุกการพิมพ์เงินเพิ่มจะทำให้ประเทศปลายทางขาดทุนไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็จะถูกเก็บกวาด และผนวกเข้ากับอาณาจักรทางการทหารและการเงินของประเทศที่ใหญ่กว่า
- หายนะของมนุษย์
ด้วยอำนาจทางการเงินไร้ขอบเขต รัฐบาลสามารถเพิ่มตัวเลขทางเศรษฐกิจไปเรื่อยๆ เหมือนตัวเลขคะแนนในเกม และทุกรัฐบาลก็จะทำแข่งกัน หลอกตัวเองอยู่บนหายนะทางเศรษฐกิจ จนถึงวันที่ระบบไม่สามารถดำเนินได้อีกต่อไป รัฐผู้มีอำนาจสูงสุดก็จะสั่งปราบปรามและสังหารประชาชนออกจากระบบโดยไร้ผู้ต่อต้าน อย่างที่เคยเกิดมาแล้วในสหภาพโซเวียต ตราบใดที่ประเทศส่วนรวมยังตัวเลขดี ก็ไม่ต้องสนใจส่วนประกอบ โลกจะกลายเป็นการแข่งขันกันทางตัวเลขระหว่างอำนาจรัฐที่บ้าคลั่ง หลงตัวเอง และสืบทอดต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด โดยมนุษย์เป็นเพียงตัวประกอบฉากที่เกณฑ์เอาไปสร้างภาพให้รัฐดูดีเท่านั้น
น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง พิมพ์เยอะแต่หาสาระไม่ได้ citation sourceไม่มี มีแต่”กูคิดว่า”
แล้วหมดตัวในวันที่คนอื่นรอด
https://www.youtube.com/watch?v=_gKwOM3JIu8&t=3088s
ศึกษา Forex 3d ไว้ เบื้องหลังก็โกงแบบ Bitcoin น่ะแหละ
ใช้เงินเอกชนพิมพ์เป็นหลัก เมกาเคยทำเมื่อนานมาแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สุดท้ายก็เลิกไปเพราะมันมีปัญหามากมาย
ขอเกริ่นสั้นๆ?ก่อนนะครับ
เนื่องจากอเมริกาสร้างสงคราม และคนเดือดจะร้อนกัน เราทราบกันดีอยู่แล้วเพราะภัยคุกคามจากจีน เมื่อมหาอำนาจ เบอร์ 1 กับ เบอร์ 2 ใกล้จะมีการเปลี่ยนตำแหน่งกัน สงครามเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นเสมอ และ จะเกิดขึ้นในระดับความรุนแรงสูง ก็ไม่น่าแปลกที่นี่จะเป็นอีกครั้งหนี่ง จะที่เกิดขึ้นแบบนั้น https://www.chandlernguyen.com/blog/2020/04/14/the-changing-world-order-ray-dalios-insights-about-what-to-come-in-the-next-5-30-or-50-years/
และเพื่อเปลี่ยนระบบเงิน ในช่วงที่ผ่านมา อเมริกาสร้างนี้ที่ไม่อาจจะจ่ายคืนได้ที่กู้แบบเกินตัว ทางเดียวที่ทำได้คือการล้างหนี้โดยการทำสงคราม เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งในประวัติศาสตร์ https://en.wikipedia.org/wiki/Sovereign_default
นั่นจึงทำให้คนถูกบีบให้คายทรัพย์สิน เมื่อคนเดือดร้อน ไม่มีจะกิน ธุรกิจหรือกิจการขาดสภาพคล่อง(ด้วยการดึงเงินออกจากระบบให้เงินไม่หมุน) ธุรกิจในระบบ fiat ส่วนใหญ่มักต้องอาศัยเงินราคาถูก เงินสร้างง่ายกู้ง่ายเมื่อ ถูกตัดเงินสร้าง fiat อันสร้างง่าย ธุรกิจต่างๆในวงจรนี้จึงต้อง ขาย ทรัพย์สินเพราะต้องการสภาพคล่อง และ หนึ่งในทรัพย์สิน นั่นคือ "Bitcoin" เราจึงเริ่มเห็น คนถือ bitcoin อายุหลายปี เริ่มคาย bitcoin ออกมากันบ้างแล้ว https://thecryptobasic.com/2022/09/05/a-2013-bitcoin-whale-just-moves-5000-btc-to-kraken-causing-panic-among-investors/
แล้วพอบีบให้คนคาย bitcoinออกมากันเยอะแล้วยังไงต่อ คนพวกนี้ก็รอซื้อไง ยังเพราะเค้าอาจจะมองออกแล้วว่า bitcoin คือทรัพท์สินในโลกใหม่ ทั้งหมด
บทสรุปก็คือ ผมมองว่า บิตคอยน์ยังคงจะลงต่อครับ เนื่องจากคนจะถูกบังคับให้ไม่มีสภาพคล่องแล้วคายของออกมา และคนไม่มีเงินไปช้อนซื้อซื้อแข่งกันพวกเค้าครับ ก็วิเคราห์เองจากที่อ่าน ที่หามาล้วนๆ ใครมีข้อมูล/ความเห็นมาแย้ง หรือมาสนับสนุนเพิ่มเติม เรียนเชิญฮะ
เพิ่มเติม
ใช้เงินเอกชนพิมพ์ โอกาสที่มันจะด้อยค่าลงหรือกลายเป็นเศษกระดาษ สูงกว่าเงินที่รัฐบาลรับประกันหลายเท่ามากๆ
แถมยังเปิดช่องให้โกงกันอุตลุต ลูกจ้างก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะยินดีรับเงินเอกชนพิมพ์เป็นค่าจ้าง ซึ่งไม่สามารถเอาไปใช้ได้ในทุกพื้นที่หรือทุกร้านในอาณาจักร
รวมถึงปัญหาอื่นๆอีก เมกาเลยยกเลิกไป
https://www.youtube.com/watch?v=l7hZjV2rsbQ
ส่วนตรรกกะว่าโดนเอกชนโกงดีกว่าโดนรัฐโกงนี่ผมว่าไม่จริง
>>83 bitcoin ถึงจะสร้างด้วยเอกชนก็จริง แต่จะไม่มีการโกงเกิดขึ้น เพราะระบบ proof of work คือระบบที่แสดงถึงความโปร่งใสในการทำงานของระบบ ถ้าหมายถึงการโกงในรูปแบบของ scam ก็มีอยู่จริง แต่ไม่สามารถโกหกหลอกลวงว่าจะไม่มีการพิมพ์เงินเข้าระบบในการสร้างเงินเฟ้อเพื่อผลประโยชน์ของคนในรัฐบาล แล้วอ้างว่าถูกต้องตามหลักกฎหมายและเศรษฐกิจนะ
จริงๆเงินเฟ้อนี่คนที่เสียหายมากกว่าคือคนรวยนะ ไม่งั้นก็นั่งกอดเงินสืบทอดเป็นมรดกไปได้ชั่วลูกชั่วหลาน
ไม่ต้องหาเพิ่ม ไม่ต้องเอาไปลงทุน
แล้วคนที่ advocate โลกที่ไม่มีเงินเฟ้อนี่ เขาจะเอายังไงกับดอกเบี้ยเงินฝาก/เงินกู้?
เพราะถ้าไม่มีเงินเฟ้อแต่ยังมีดอกเบี้ย สิ่งเดียวที่คนมีเงินจะทำคือฝากเงิน
>>86 ถูกต้อง พวกติ่งแตดบิทคอยแม่งตอบข้อนี้ไม่ได้
บิทคอยไม่มีเฟ้อมีแต่ฝืดนี่ทำคนรวยน้ำลายไหลแผล่บๆ เพราะไม่มีแรงกดดันให้คนรวยเอาเงินไปลงทุนทำกำไร นั่งทับเงินเฉยๆก็รวยขึ้น
และไม่มีการผลิตเงินเพิ่มเท่ากับว่าคนรวยที่เข้าถึงก่อนจะถือครองบิทคอยส่วนใหญ่ และกีดกันไม่ให้คนจนหน้าใหม่เข้ามาครอบครองเงิน
ตอนนี้กระเป๋า1%ถือครอง90%ของเหรียญ
อย่างน้อยระบบการพิมพ์เงินกระดาษก็มีข้อดีที่ทำให้เด็กเกิดใหม่คนรุ่นใหม่มีโอกาสเข้าถึงเงินได้เพราะปริมาณเงินมันเพิ่มขึ้นทุกปีสอดคล้องกับประชากรที่เพิ่มขึ้นทุกปี แล้วมึงลองคิดว่าถ้าใช้บิทคอยเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนจริงๆ ตัวกลางแลกเปลี่ยนไม่เพิ่มแต่ประชากรเพิ่ม ถ้ามึงคิดว่าตอนนี้เหลื่อมล้ำแล้วลองนึกว่าจะเหลื่อมล้ำขนาดไหน
เงินเฟ้อส่วนหนึ่งเกิดจากการขึ้นค่าแรง ถ้าไม่อยากได้เงินเฟ้อก็ทำแบบญี่ปุ่นไป 20-30 ปีค่าสินค้าและบริการต่างๆ แทบไม่ขึ้น แต่ประเทศมันก็ใกล้ชิบหายเพราะไม่มีเงินเฟ้อนี่ละ ตอนนี้ถึงยอมกลืนเลือดให้เงินเฟ้อ ค่าเงินมันถึงลดลงขนาดนี้
พูดดักไว้ก่อนละกันๆคนเข้าใจผิด
เรากำลังบอกว่าเงินเฟ้อเป็นสิ่งจำเป็นต้องมี แต่ไม่ได้บอกว่าเงินเฟ้อในอัตราสูงดีกว่าเงินเฟ้อในอัตราต่ำ
และที่แน่ๆไม่ได้บอกว่ารัฐบาลบริหารดีเพราะทำเงินเฟ้อพุ่ง
เข้าใจกันนะ
>>91 ถูกต้อง เงินเฟ้ออ่อนๆเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีเพื่อรองรับการขยายตัวของประชากร กระตุ้นการไหลเวียนของเงินในระบบ และส่งเสริมการลงทุน
คลังของทุกประเทศบนโลกใบนี้ตั้งเป้าให้เงินเฟ้อ2%ทั้งนั้น ไม่มีใครอยากได้เงินฝืด ถ้านักเศรษฐศาสตร์และนักคณิตศาสตร์ชั้นนำจากทั่วโลกเห็นตรงกันแบบนี้ คนที่มีสมองหน่อยเห็นปุ๊ปก็รู้แล้วว่าเงินฝืดเป็นเรื่องไม่ดี มีแต่ติ่งแตดเหรียญนี่แหละที่อยากให้ฝืด
กูอยากให้ macro micro economic เป็นวิชาบังคับจังเลย
^ผมไม่หวังขนาดนั้น
เอาแค่ให้ครูไทยไม่หนี้ท่วมหัว ไม่ติดหวยก่อนค่อยไปสอนนักเรียน
แบงค์ทานอส ไม่จับมือ บิทครัปและจะเปิดแอปเทรดเหรียญคริปโตเอง 12 ก.ย. นี้
ก็ว่าอยู่ทำไม ตกรัวๆ ตอนแรกเห็นทำแค่โทเคน
ว่าไปก็นึกถึงเกม New World ตอนเกมออกใหม่ๆ
ซึ่งผมก็ไม่ได้เล่นเกมนี้หรอก แต่เคยอ่าบทความเกี่ยวกับเกมนี้
https://www.thegamer.com/new-world-economy-deflation-barter-system/
พูดย่อๆคือ เกมนี้ตอนออกมาแรกๆตัวละครแต่ละตัวหาเงินได้จำกัดชนิด hard cap เงินในระบบจึงมีจำกัด
คนจึงไม่อยากใช้เงินๆจึงมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเทียบกับไอเทม ซึ่งก็ยิ่งวนลูปทำให้คนยิ่งไม่อยากใช้เงินยิ่งทำให้เงินมูลค่าสูง
จนทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะงักไปเลย การหาไอเทมมาคราฟขายก็ไม่มีใครทำเพราะได้ราคาที่ต่ำเกินไป
สถาณการ์ณแบบนี่ฝรั่งเรียกว่า Deflationary Spiral
ซึ่งพอเป็นแบบนี้หลายๆคนก็หยุดใช้เงินหันมาแลกเปลี่ยนสินค้ากันโดยตรงแทน
Q: สมัยก่อน ครอบครัวนึงสามารถมีลูกได้หลายคน พ่อทำงานคนเดียวก็สามารถเลี้ยงลูกได้ ทำไมยุคนี้กลับทำไม่ได้ล่ะ
A:
BabyBoomer - ในยุคที่เงินเดือนเริ่มต้น 800 บาท ข้าวราคาจานละ 1 บาท ทำงานหนึ่งเดือนซื้อข้าวได้ 800 มื้อ เลี้ยงคนทั้งครอบครัวได้สบายๆ แถมมีเวลาเหลือให้เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน ครอบครัวขนาดใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้
GenX - ในยุคที่เงินเดือนเริ่มต้น 2,800 บาท ข้าวราคาจานละ 5 บาท ทำงานหนึ่งเดือนซื้อข้าวได้ 560 มื้อ ขนาดครอบครัวเริ่มหดเล็กลงเรื่อยๆ
ปัจจุบัน - ในยุคที่เงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท ข้าวราคาจานละ 40 บาท ทำงานหนึ่งเดือนซื้อข้าวได้ 375 มื้อ ไม่เพียงพอสำหรับเลี้ยงคนทั้งบ้าน ต้องช่วยกันออกไปทำงานหาเงิน เอาเวลาไปใช้กับการทำงานมากขึ้นเพื่อให้หาเงินได้เพียงพอ เหลือเวลาให้กับครอบครัวน้อยลง ครอบครัวหดเล็กลงและจนในที่สุดก็ถูกทำลาย
น่าจะเห็นภาพได้ชัดว่าเงินในปัจจุบันมันเฟ้อมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้คนไม่สามารถสร้างครอบครัวได้ตามปกติเหมือนในยุคก่อน โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีการเร่งเงินเฟ้อมากขึ้นเรื่อยจากการพิมพ์เงินเข้ามาในระบบ ทำให้ราคาทุกอย่างเพิ่มขึ้นจนคนธรรมดาสามัญไม่สามารถจะมีชีวิตแบบครอบครัวตามปกติได้อีกต่อไป
สิ่งที่รัฐควรทำคือเลิกพิมพ์เงินเข้าระบบ ลดการสร้างภาพว่าเงินเฟ้อคือสิ่งที่ทำให้เศรษฐกิจก้าวหน้า ทำให้ GDP โตขึ้นอย่างไร้เหตุผล เงินต้องสามารถรักษามูลค่าข้ามผ่านกาลเวลาได้ (Store of Value)
สำหรับคนทั่วไป อยากให้เริ่มสะสม btc เพราะคือทางออกของมนุษยชาติ เราไม่สามารถบังคับให้รัฐไม่พิมพ์เงินเพิ่มได้ การเก็บ btc ที่เป็น Store of Value อย่างแท้จริง ไม่สามารถพิมพ์เพิ่มได้ และเก็บมูลค่าข้ามผ่านกาลเวลาได้อย่างแท้จริง
เมื่อไรพวกมึงจะเลิกช้อนโง่ๆกันซักที ยังไงมันก็ไม่ขึ้นอีก 2 -3 ปี พวกมึงจะเลี้ยงไว้ทำไม แต่พอลงไม่ถึงก้นไอ้พวกพรี่่รับมาแพงมันก็ยังไม่เลิกขายราคาเฮงซวย กูไม่มีเงินซื้อการ์ดจอก็เพราะพวกมึง
ครอบครัวสมัยก่อนพ่อทำงานคนเดียวนี่เพ้อเจ้อแล้ว เขาทำกันทั้งครอบครัวครับ
ตาผมเป็นครูใหญ่ถ้ายังมีชีวิตอยู่อายุน่าจะราวๆ 90 แต่ยายกับแม่ผมยังต้องออกหาจับกบจับแมลงมาให้คนในบ้านกิน
ลูกคนอื่นบางคนก็เลี้ยงควาย บ้างก็หาบน้ำ บ้างก็ทำงานบ้าน
ไม่ต้องพูดถึงครอบครัวส่วนใหญ่ของประเทศที่เป็นเกษตรกร ลูกเมียต้องช่วยกันทำงานตั้งแต่เล็กๆหมดครับ
แต่ก่อนก็โฆษนากันว่า BTC เหมาะกับการ store value สู้เงินเฟ้อ
แต่เอาเข้าจริงเงินเฟ้อพุ่งทีไรราคา BTC ลงหนักกว่า
แล้วอย่างที่เคยบอกไป โลกที่เงินฝืดคนรวยจะมีแต่นั่งกอดเงิน ไม่ลงทุน ไม่สร้างงาน อยู่เฉยๆก็รวยขึ้น คนจนเข้าไม่ถึงเงิน
>>100 กูแอบตะหงิดๆตั้งแต่ข้าวจานละบาทกับเงินเดือน800บาทละ พอกินเหี้ยไรเนี่ย เผลอๆเข้าเนื้อด้วยซ้ำถ้าไม่หางานเพิ่มทำที่อื่นนะ ขนาดบ้านกูกงสี ทำลูกออกมาปีสองปีทำทีใช่ว่าจะหาแดกเพื่อมาเลี้ยงลูกทุกคนนะ เค้าทำออกมาเพื่อช่วยๆให้ตัวเองสบายตอนแก่กันไอสัส5555+ ไอพวกที่ไม่เข้าใจว่าลูกหลานคนจีนผลิตลูกเยอะๆไว้ทำอะไร มีจุดประสงค์อะไรนี่คือโง่สร้างครอบครัวไปวันๆนะ ส่วนไอ BTC หรือคริปโตนี่น่าลงทุนยังไงถ้าเกิดว่าในไทยยังเปิดโอกาสให้กูไปเปิดโบรกเกอร์แบบoffshoreได้อยู่?
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความล้มเหลวในการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยของบ้านเราครับ
แต่เหตุผลหลักจริงๆคืออินเตอร์เน็ตกับโซเชียลเน็ตเวิร์ค เราเลยเห็นการสะกดผิดกันบ่อยขึ้น
วิชาภาษาไทยสอนไปถึงขั้นแต่งคำประพัทธ์ คำสมาสสนธิ นู่นนี่นั่นมากมาย
ขณะที่ด้านหนึ่งนักเรียนมัธยมหลายคนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ สะกดผิดแม้แต่คำง่ายๆคำพื้นฐาน
เป็นผมจะเน้นอ่านอย่างไรเขียนอย่างไรให้มากขึ้น กว่าอะไรอย่างแต่งคำประพันธ์ วรรณกรรม หรือหลักการที่มันสูงขึ้นไป
การสะกดผิดไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมเองก็มีสะกดผิดอยู่บ้างเรื่อยๆ แต่บางคำมันก็ง่ายและพื้นฐานจริง แต่กลับเห็นคนสะกดผิดกันมาก
*คำประพันธ์ เห็นมั้ยว่าผมเองก็สะกดผิด ฮา
เกิดขึ้นได้บ่อยๆเวลาโพสต์อะไรยาวๆ
>>109 ทำให้คนไม่สามารถเก็บความมั่งคั่งไว้กับตัวเองได้ ต้องแบ่งปันให้กับกลุ่มที่สร้างผลประโยชน์ให้รัฐบาลเท่านั้น
ระบบศก.เงินเฟ้อในปัจจุบัน รัฐมีแต่ได้กำไรสองต่อ
1. จากการเก็บภาษีที่ขูดรีดและไม่สร้างประโยชน์ใดๆให้กับสังคมเลย
2. จากการพิมพ์เงินทำให้เงินคนธรรมดาสามัญชนหมดคุณค่าลงทุกปีๆ ในขณะที่รัฐสามารถกู้เงินโดยการพิมพ์เงินจากธนาคารกลางอย่างไม่จำกัด อันนี้ก็เห็นภาพได้ชัดเจนเลยว่าคนของรัฐและธนาคารกลางร่วมมือกันสร้างปัญหาให้กับคนจน ให้คนจนลงเรื่อยๆ จนต้องพึ่งพารัฐ
การมาของ cdbc จะเป็นภาพที่เห็นได้ชัดเลยว่าระบบ social credit กำลังกระจายไปทั่วทุกประเทศ รัฐจะสามารถจ้องจับผิดเราได้ และสามารถขโมยเงินเราเมื่อไรก็ได้ถ้าตัวเองต้องการดึงเงินกลับ
จ้ะ ควรลงทุนในคริปโตจ้ะ
https://www.nationthailand.com/thailand/general/40019926
Bitcoin คืออะไร
A1: สินค้าที่สามารถรับส่งกันได้ทันทีที่ใดก็ได้ในโลก
มีจำนวนจำกัด มีต้นทุนสูงในการผลิต แต่ใครอยากผลิตก็ได้ ไม่มีการผูกขาด ไม่สามารถควบคุมได้ ไม่มีศูนย์กลาง ไม่ต้องเชื่อใจใคร โปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นสินค้าที่คุณเป็นเจ้าของได้อย่างแท้จริง มีผู้ใช้งานหลายสิบล้านคนทั่วโลก
A2: App Internet banking ที่มีเงินของตัวเอง ที่ผู้ใช้งานเป็นเจ้าของเงินนั้นอย่างแท้จริง ไม่มีใครมายึดเงินเราได้ (ถ้ามีความรู้และทำถูก)ไม่ว่ารัฐบาลใดก็ตาม เปิดได้เลยไม่ต้องลงทะเบียน ไม่ต้องยื่นเอกสาร(ไม่ต้องขออนุญาตใคร)… นอกจากนั้นแทบจะไม่ล้มเลยและใช้ได้ทั่วโลก
แถมอีกหน่อย เงินในระบบนี้มีจำนวนจำกัดนะ ไม่สามารถผลิตเกินกำหนดได้โดยง่าย(ยากมากๆ) และนโยบายการเงินนี้คงที่ โปร่งใส ตรวจสอบได้ตลอด เหมือนประวัติการโอนเงินก็เช่นกัน ตรวจสอบได้ตลอด
Bitcoiner :
สนใจว่าเงินที่เราเก็บวันนี้ จะอยู่ดีในอีกหลายสิบปี จะไม่ถูกยึด จะไม่ถูกใครยับยังไม่ให้ใช้ จะไม่ถูกทำให้ด้อยค่าเมื่อเวลาผ่านไป โดยไว้ใจคณิตศาสตร์
Shitcoiner :
สนใจว่า "ราคา" จะขึ้น หวังว่าจะไม่เกิดข้อผิดพลาด หวังให้เงินของเค้ามีค่าเพิ่มมากขึ้นโดยที่อยู่เฉยๆ ไม่สนใจความเสี่ยงที่จะถูกยึด หรือถูกยับยังเมื่อเวลาผ่านไป โดยไว้ใจกลุ่มผู้พัฒนาเหม็นสาบแค่ไม่กี่คน
เราไม่เหมือนกัน
เมื่อเงินอยู่ใต้อำนาจรัฐ ผู้มีสิทธิมีเสียงในสภาปาหี่ก็พยายามเขียนกฏหมายปกป้อง ป้องกัน หรือ ขั้นสูงสุดคือ ควบคุมคน มากกว่า แสดงความช่วยเหลือ
Bitcoin, Seperate money from a Big state.
https://www.blognone.com/node/130486
เค้าว่าไม่ได้หนีก็ไม่ได้หนีสิ
เมื่อเงินเสื่อม ชีวิตจึงทราม
เพราะตามไม่ทันค่าครองชีพ.
เมื่อเงินเฟ้อขึ้น
ค่าครองชีพย่อมสูงขึ้น
ผู้คนก็ต้องหา(ปริมาณ)เงินให้มากขึ้น เพื่อแค่คงสถานะมาตรฐานชีวิตที่เท่าเดิม!
คนไหนที่เหนื่อยล้าและอ่อนแรงเกินกว่าจะโหนเกาะ cost of living ตามต่อไปไหว
ชีวิตของเขาก็ย่อมต้องร่วงตกต่ำลงจากมาตรฐานเดิมอย่างจำใจในที่สุด!
#เงินเฟ้อขึ้นกดให้มาตรฐานชีวิตคนทรามลง!
เดี๋ยวนี้ไม่คุยเรื่องเหรียญแล้วเหรอ หันมาโฆษณาชวนเชื่อรัวๆ เลยนะ
ถ้าอยากสู้เงินเฟ้อมันมีวิธีอื่นเยอะแยะนี่
ทองคำ หุ้น อสังหาฯ ถ้าซื้ออย่างฉลาด
ทองคำมีจำกัดของจริง ทองคำทั้งโลกถมสระว่ายน้ำได้สระเดียว
มีอยู่จริงทางกายภาพ คุณสมบัติเฉพาะของธาตุก็ไม่มีธาตุอื่นใดที่ indentical ไม่เหมือนเหรียญคริปโตที่เป็นแค่ computer code บนอากาศ
แม้แต่เหรียญที่ขุดได้จำกัดคนก็สามารถออกเหรียญที่ identical หรืออาจต่างออกไปนิดหน่อยออกมากี่รอบก็ได้ มันจึงไม่จำกัดจริง
บิลเกตแม่งBig Brain สู้เงินเฟ้อด้วยการทุ่มเงินกว้านซื้อที่ดินทำฟาร์ม เพราะอาหารเป็นสิ่งที่มีจำกัดและราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ
These are the moments that build the legends — stacking
when most people are afraid.
Don't let this chance go.
With love
นี่เป็นช่วงเวลาที่จะสร้างตำนาน ด้วยการ stacking sat
ในเวลาที่ผู้คนที่ไม่มั่นใจ/ไม่เข้าใจบิตคอยน์ต่างพากันหวาดกลัว
อย่าปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป
ด้วยรัก
ไอ้วาทกรรมที่ว่าคนที่ไม่เอาด้วยกับคริปโตคือคนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับคริปโตเท่านั้นนี่มันควรจบไปนานแล้วนะ เขารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว
ทำเอานึกถึงมุสลิมบางคนที่เคลมว่าคนที่ไม่นับถืออิสลามคือคนที่รู้เรื่องอิสลามไม่มากพอเท่านั้น
ทำไมแบงค์กงเต๊กมันขึ้นจังเลยวะ เมื่อไหร่บิทคอยจะขึ้นบ้าง
https://www.blognone.com/node/130612
โดนหมายแดงแล้ว
8.55 million BTC — 45% of the circulating supply — hasn’t moved in at least two years
เ งิ น แ ห่ ง อ น า ค ต.... ที่ไม่มีการหมุนเวียน
ก๊ากกกกกกกกก
บิทคอยน์ มันstore of value ไม่งั้นมันจะปั่นขึ้นได้ยังไง ถ้าเปลี่ยนมือเจ้าของไปเรื่อยๆ
อ้าว ดอลตอนนี้37 บาทต่อดอล งั้น กูถือ usdt อยู่ก็.... ไอเหี้ย ขายด่วน 55555
ขอเสียงชาวบิทคอยเนอร์หน่อยเร็วว ขายบ้านขายรถมาช้อนกันยังถูกขนาดนี้ไม่ซื้อไม่ได้แล้วนะ
ถ้าเป็น 2-3 ปีก่อน ผมคงกระฟัดกระเฟียตสุดๆ เครียดนอนไม่หลับกับเหตุการณ์ตัดสินเมื่อวานที่คนบ่นเต็ม face ไปหมด แต่ปัจจุบันผมกระฟัดกระเฟียตนิดเดียวละ คือไม่ชอบในตัวบุคคลเหมือนเดิมน่ะแหละ แต่เราคิดได้ว่าผลลัพธ์ของการตัดสินต่อให้ออกมาแบบไหนก็คงยังไม่ได้เปลี่ยนภาพใหญ่อะไรในเร็ววันนี้ และตัวบุคคลไม่ใช่สาเหตุของปัญหา มันอาจดูเพ้อๆเหมือนกันถ้าจะบอกว่าเรามีความหวังกับชีวิตมากขึ้นเพราะ bitcoin ก็ต้องขอบคุณคนที่เค้าคิดมาให้ และคนที่ช่วยเผยแพร่ให้คนอื่นรับรู้ต่อจริงๆ🙏
ไม่มีแผ่ว!!! ‘พ่อรวย’ สวดยับ ดอลลาร์จะพังถล่มใน 4 เดือน นลท.ทิ้งเงินรัฐ! หันซบคริปโท
════════════════
Robert Kiyosaki เตือน!!! ดอลลาร์จะอ่อนค่าอย่างหนักใน 4 เดือน เหตุนักลงทุนทิ้งเงินรัฐไปซบ crypto แม้ตอนนี้ดอลล์แข็งค่าแต่ฟันธง! จะเป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราวเท่านั้น
.
ในขณะที่ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกาเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็มีทิศทางแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินรัฐบาลของประเทศอื่นทั่วโลก โดยเฉพาะสกุลปอนด์ของอังกฤษซึ่งเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่อ่อนค่าหนักที่สุด! เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
.
แต่แม้ว่ามูลค่าของเงินดอลลาร์จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ผู้เขียนหนังสือการเงินส่วนบุคคลชื่อดัง “พ่อรวยสอนลูก” อย่าง Robert Kiyosaki กลับเชื่อมั่นว่าการแข็งค่าของสกุลเงินสหรัฐฯ จะเป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราวในระยะสั้นเท่านั้น
.
Kiyosaki ได้ระบุข้อความผ่านทางทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมว่าค่าเงินดอลลาร์จะเสื่อมค่าลงอย่างหนักในช่วงต้นปี 2023 พร้อมกับแนะว่าแร่เงิน น่าจะเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่ดี ในการใช้ป้องกันความเสี่ยงกรณีที่เงินดอลลาร์สูญเสียมูลค่าอย่างรุนแรง
.
“เงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะอ่อนค่าลงอย่างหนักตามรอยปอนด์เสตอร์ลิงหรือไม่? ผมเชื่อว่าต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน เราน่าจะได้เห็นเงินดอลลาร์อ่อนค่าอย่างรุนแรงภายในเดือนมกราคม ปี 2023 หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มเบามือลงแล้ว กลยุทธ์ในการทำกำไรจากการพังถล่มของค่าเงินดอลลาร์ของผมคือกว้านซื้อ Silver Buffalo Round (เหรียญที่ทำจากแร่เงินบริสุทธิ์) ของสหรัฐฯ เพิ่มอีกล็อตใหญ่ ผมมองว่าแร่เงินคือตัวเลือกที่คุ้มค่า”
.
โดยในข้อความทวิตเตอร์ก่อนหน้า Kiyosaki ยังระบุว่าประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกากับอังกฤษที่ผูกพันกันอย่างลึกซึ้งอาจหมายรวมถึงวิกฤตครั้งใหญ่ในตลาดการเงินที่จะเกิดขึ้นซ้ำรอยกัน ดังที่ได้ให้มุมมองไว้ว่า
.
“อเมริกาถือกำเนิดขึ้น ณ ดินแดนอังกฤษใหม่ แต่สัปดาห์นี้เราได้เห็นกาลอวสานของดินแดนอังกฤษเก่ากันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินปอนด์ที่ดิ่งเหว และเงินบำนาญของแดนผู้ดีที่แทบจะกลายเป็นอากาศธาตุ นี่เท่ากับว่าอเมริกากำลังจะถอยหลังลงคลองตามรอยอังกฤษไปหรือไม่? จงจำไว้ว่าทุกครั้งที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ พวกคนรวยจะยิ่งรวยขึ้นกว่าเดิม อย่ายอมตกเป็นเหยื่อเหมือนชาวอังกฤษในแดนผู้ดีเก่า แต่จงกล้าคิดและลงมือทำอย่างคนรุ่นใหม่”
.
***ระวังตลาดเงินตลาดทุนอาจถล่มครั้งใหญ่
.
ผู้เขียน “พ่อรวยสอนลูก” ออกมาคาดการณ์อนาคตของสกุลเงินดอลลาร์หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เคยให้คำเตือนไว้ว่าตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกมีโอกาสที่จะ เกิดเหตุการณ์ “วินาศสันตะโร” พร้อมกับแนะนำให้นักลงทุนเริ่มเข้าตลาดคริปโทเคอร์เรนซีก่อนที่มูลค่าของสกุลเงินสหรัฐฯ จะเสื่อมมูลค่าลงเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้
https://www.cnbc.com/2022/09/29/millennial-investors-are-getting-less-comfortable-with-cryptocurrency.html
ยังอุตส่าห์เหลือตั้ง 30% นี่ถือว่าเยอะเกินคาดเลยนะ
Fiat 1 ร้อยล้านบาท (ประมาณ 2.6 ล้าน USD)
VS 1 BTC
VS ทองคำ 1 kg (ราคาตอนนี้ประมาณ 54,000 USD)
"ในอีก 60 ปี"
อันในจะมูลค่ามากว่ากันน้า 🧐
ผมลองคิดเล่นๆ
อันแรก fiat มูลค่าถ้าคิดเงินเฟ้อปีละ 5% อีก 60 ปี จะเหลือมูลค่าประมาณ 4.6 ล้านบาท หรือประมาณ 170,000 USD
(ถ้าผมคำนวนผิดบอกได้ครับ)
<(0.95)^60x100,000,000>
Bitcoin ผมคิดอย่างนี้ว่าจุด Low สุดแต่ละ cycle คือ real demand คือความต้องการจริงๆของคนเก็บออม มันอยู่ที่ 200USD แล้วมา low ที่ 3000USD ตอนนี้อาจจะมาที่ 10000USD??? ผมก็ไม่รู้เพราะอาจจะลงยังไม่จบ ฤดูหนาวนี้อาจจะอีกนาน อีก 60 ปีอีก 15 cycle??? ในการเล่นรถไฟเหาะ (ถ้ามันจะเป็นรอบๆ อย่างนี้ต่อไป) หรือ อาจจะมีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้คนมาใช้กันมากกว่านี้
ทองคำ อันนี้ไม่เชี่ยว แต่ก็อาจจะขึ้นไปได้เยอะเหมือนกันเพราะมนุษย์ชอบทองคำกันอยู่ แต่พวกคนรุ่นใหม่(GenZ) อาจจะเริ่มสนใจทองคำน้อยลงแล้ว??
Bitcoin Lightning Capacity ทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 5,000 BTC
Bitcoin Lightning Network ได้เติบโตขึ้นอย่างมากหลังจากที่เอลซัลวาดอร์เริ่มใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ
Lightning Network เครือข่ายแบบ off-chain ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ชำระเงินด้วย Bitcoin ที่ค่าธรรมเนียมเกือบเป็นศูนย์ ซึ่งเปิดตัวในปี 2018 โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาความสามารถในการปรับขนาดของ Bitcoin ล่าสุดนั้นได้ประสบความสำเร็จไปอีกขั้น
ที่ผ่านมาได้มี Bitcoin ไหลเข้ามาบนเครือข่าย Lightning Network เกือบ 4,000 BTC ในช่วงต้นปี 2022 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยใช้ระยะเวลาน้อยกว่า 4 เดือนจากระดับ 4,000 BTC
แม้ว่าตลาดหมีจะจำกัดขีดความสามารถของ Lightning Network เนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ซบเซา แต่ดูเหมือนว่า Lightning Network ซึ่งเป้นโซลูชันการชำระเงินแบบ layer-2 สำหรับ Bitcoin (BTC) นั้นจะยังคงเฟื่องฟูอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน Bitcoin Lightning Network มีความจุถึง 5,000 BTC หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 96 ล้านดอลลาร์ส่งผลให้มีการนำ Bitcoin เข้าสู่ช่องทางการชำระเงิน Lightning Network ทั่วโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการสนับสนุนจาก Bitcoiners บนเครือข่าย
Lightning Network อนุญาตให้ผู้ใช้ส่ง Bitcoin (หรือ satoshi ซึ่งเป็นหน่วยที่น้อยที่สุดสำหรับการส่ง Bitcoin) เพื่อส่งหรือรับเงินได้เร็วขึ้นและมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า ทั้งนี้ยิ่งมีความจุในเครือข่ายมากเท่าไร สภาพคล่องก็ยิ่งอยู่ในมือมากขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ผู้ใช้จึงสามารถสัมผัสได้ถึงความเร็วในการชำระเงินที่เร็วขึ้น และอาจรวมถึงปริมาณธุรกรรมที่มากขึ้น
Nouro ตัวแทนผู้ใช้งาน Bitcoin จากประเทศ Senegal กล่าวว่าทำไม LN ถึงมีความสำคัญอย่างมากในประเทศ
“เนื่องจาก ในเซเนกัล เรามีระบบเศรษฐกิจที่เรียกว่า 50 FCFA กล่าวคือชนชั้นกรรมกรและชนชั้นกรรมาชีพ ซึ่งเป็นตัวแทนของประชากรส่วนใหญ่ได้ซื้ออาหารเช้า 50 FCFA หรือราว ๆ 0.07 ยูโร สำหรับ นม น้ำตาล กาแฟ น้ำ และผลิตภัณฑ์พื้นฐานอื่น ๆ อีกมากมาย”
“ธุรกรรมขนาดเล็กอยู่บนพื้นฐานความจริงทางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อให้ Bitcoin กลายเป็นมาตรฐานการชำระเงินในปีต่อ ๆ ไป Lightning Network จำเป็นต้องมีความจุเพียงพอที่จะรองรับธุรกรรมขนาดเล็กเหล่านี้”
Nicolas Burtey CEO ของ Galoy เป็นหนึ่งในกลุ่มคนแรก ๆ ที่เฉลิมฉลองความสำเร็จความจุของ Lightning Network ขนาด 5,000 BTC หลังจากที่เอลซัลวาดอร์ได้นำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้ในประเทศซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทั้งหมด
Burtey กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความจุ Lightning Network ที่ 5,000 BTC นั้นมีความสำคัญต่อความเร็วในการชำระเงินเป็นอย่างมาก”
อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้ MicroStrategy ได้ประกาศตามหาวิศวกรซอฟแวร์ Bitcoin Lightning Network ในฐานะองค์กรขนาดใหญ่ที่ถือครอง BTC มากถึง 130,000 BTC ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Lightning Network กำลังก้าวหน้าเพิ่มไปอีกขั้น
Bitcoin
ไม่ใช่เเบ่งค์ชาติใดแบงค์ชาติหนึ่ง
แต่เป็นเเบ่งค์ชาติของทุกๆคน
วิวัฒนาการของเงินตรา
>>149 transaction ของ visa สามารถดึงคืนได้ ทำให้ไม่สามารถได้ความจริงเพียงหนึ่งเดียวจาก transaction นั้นได้
เงินที่แท้จริง ต้องไม่สามารถดึงคืนได้ ไม่สามารถทำธุรกรรมย้อนหลังได้ และการเกิดธุรกรรมนั้น แสดงความจริงเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้ ในขณะที่ visa ไม่สามารถแสดงความจริงเพียงหนึ่งเดียวได้ และการที่ visa สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูล หรือสามารถเพิ่มหรือแก้ไข transaction ได้ ทำให้ไม่สามารถเรียกว่า ระบบการเงิน visa เป็นเงินที่แท้จริงไม่ได้
>>151 >>152 อยากให้เชื่อมั่นในระบบมากกว่านะ btc คือเงินดิจิตอลเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นความจริงเพียงหนึ่งเดียว ด้วยระบบการทำงานแบบ proof of work ทำให้ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ เหรียญของตี๋ควอน คนของ btc ไม่นับว่าเป็นเงินซะด้วยซ้ำ ถือเป็น shit coin ที่ไม่สามารถแสดงมูลค่าที่แท้จริงได้
btc ต่างหาก ที่จะเป็นเงินที่แท้จริง เพราะ มันจำกัดไม่สามารถสร้างเพิ่มได้ ไม่สามารถถูกควบคุมโดยองค์กรหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เป็นเงินที่แสดงถึงเสรีภาพไม่จำเป็นที่ต้องมีคนรู้ว่าเรามีเงินเท่าไร ไม่มีความจำเป็นใดๆเลยที่คนต้องรู้ว่าเราโอนเงินไปที่ไหน มันคือสิทธิและเสรีภาพอย่างแท้จริง โดยไม่ถูกจับตามองโดยองค์กรหรือรัฐ ทั้งที่รัฐไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องรู้ว่าเรามีเงินเท่าไร เราจะโอนไปที่ไหน ยังไงก็ควรที่จะเป็นสิทธิ และเสรีภาพของเราอย่างแท้จริงในการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ที่เราหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราไปที่ไหนก็ได้
ข้างบนอธิบายไปเยอะแล้วว่าเงินเฟ้อเป็นเรื่องจำเป็นต่อระบบการเงินยังไง ติ่งเหรียญในมู้นี้ก็ยังงั่งเหมือนเดิม เกินเยียวยา
ถึงจุดหนึ่งการเงินมันจะล่มสลาย ก็ต้องยอมรับว่า คริปโตเป็นโลกอนาคต แต่ไม่ใช่ตอนนี้ อาจจะสำเร็จแค่ alpha ยังไม่ open beta มันก็คือขยะ ที่ใช้ไม่ได้นั่นล่ะ และต้องมีคนที่decenlize สร้างมันขึ้นมาให้สมบูรณ์
อยู่ที่ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น เราสามารถเปลี่ยนจากfiat ได้ไวแค่ไหน
doge มิ้นเพิ่มได้ รองรับการขยายตัวของประชากร vision อีลอนถูกต้อง พวกเราจงกราบไหว้บูชาอีลอนและเหรียญหมา
กูว่าโม่งหลายๆคนในนี้ยังแยก BTC กับ token อื่นๆไม่ออกว่ะ เถียงด้วยก็คุยกันไม่รู้เรื่องกันหรอก
ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (Bank for International Settlements) หรือ BIS ได้อนุญาตให้ธนาคารแห่งประเทศ ของประเทศสมาชิกทั้ง 61 ประเทศ สามารถเก็บ Bitcoin (BTC) เป็นเงินทุนสำรองได้โดยมีข้อจำกัดคือ จะต้องเก็บ Bitcoin (BTC) ไม่เกิน 1% ของเงินสำรอง
ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) คืออะไร
ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ เป็นสถาบันการเงินระหว่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยมีหน้าที่หลักในการเป็น “ธนาคารของธนาคารกลาง” และสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ผ่านการให้บริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ เพื่อบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังส่งเสริมความร่วมมือและเป็นเวทีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นระหว่างธนาคารกลางและองค์กรทางการเงินระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นศูนย์กลางในการศึกษาวิจัยประเด็นทางเศรษฐกิจและการเงิน
Bitcoin (BTC) กับเงินสำรอง
ท่ามกลางตลาดหมีและเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ผนวกกับอัตราเงินเฟ้อที่น่าเป็นห่วง รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าจะผ่อนลงแต่อย่างใด BIS ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้เล็งเห็นศักยภาพบางอย่างของ Bitcoin (BTC) ในการเป็นสินทรัพย์กักเก็บความมั่งคั่ง
- มี DeFi ชื่อ Mango โดนโจมตี
- ไม่ใช่การ hack ไม่ใช่การทำ flashloan
- แต่คนโจมตีใช้วิธีไปสร้าง perp position แล้วไป manipulate ราคาบน oracle จนตัวเองได้ gain
- แล้วเอา unrealized gain ไปค้ำแล้วกู้เงินออกมา แล้วหนีไป
- ได้เงินไป $100m มีคนโดนล้าง short ไป 4 พันกว่า position
- ความพีคคือ คนโจมตีไปตั้ง proposal บน DAO
- บอกว่าจะคืนเงินให้
- แต่ต้องเอาเงินใน treasury ไปปิดหนี้ให้ทุกคน
- และจะต้องไม่เอาผิดคนโจมตี
- แล้วเอาเหรียญที่แฮกมาได้ vote ให้นิรโทษกรรมตัวเองผ่าน 😂
#defiเทคโนโลยีการเงินเปลี่ยนโลก
fiat คือ แชร์ลูกโซ่ ที่จ้าวมือไม่ใช่ใครก็ได้ แต่เป็นรัฐบาล
เกาะแห่งคริปโต ใครจะย้ายไปอยู่บ้าง
https://www.youtube.com/watch?v=I4f-Zzgd7gU
กรูสงสัยอยู่อย่าง คนที่หนุนคริปโตมากๆนี่ ทำไมมันไม่เอาเวลาไปเรียนเขียน blockchain ไปเลยวะ
แทนที่จะรอซื้อรอขุดเหรียญคนอื่น ก็สร้างเหรียญตัวเองขึ้นมาเลยสิ เหรียญเน่าไปก็สร้างเหรียญใหม่มาได้ ลงทุนครั้งเดียวคุ้ม
กูมี 6.5 BTC รอแมงเม้าปั่นไปถึง50k -100k กูจะขายทิ้งให้หมดพอร์ตเลย แล้วเลิกยุ่งกับ BTC หรือคริปโตอื่นๆถาวร กูไม่ชอบนิสัยคนเล่นคริปโตตรงที่อ่อนไหวเก่งมาก มีข่าวรัฐบาลคอยเตะตัดขาหน่อยราคาร่วง กากชิบหาย ดีนะกูเอาเงินเย็นมาซื้อ เห้อ
Bitcoin เกิดมาเพื่อทำให้การแข่งขันในโลกทุนนิยมมัน ยุติธรรมมากขึ้น
ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของรัฐบาลสังคมนิยมที่พร้อมจะปล้นทรัพย์สินประชาชน
========
ผมพูดตรงๆ เหมือนหลายคนในห้องนี้ บางคนแม่งไม่เข้าใจว่า ซาโตชิที่สร้างบิทคอยน์ นั้นมีอุดมการณ์ในการสร้างขึ้นมายังไง นอกจาก narrative ปัญญาอ่อน ว่าสร้างมาเพื่อเกร็งกำไรเหมือน รูปภาพขยะ Jpeg ที่ขายได้
“การสร้าง Bitcoin ขึ้นมานั้น จุดประสงค์คือ ทำลายธนาคารกลาง”
และหาก Bitcoin มันไม่ตาย ไอ้ธนาคารกลางมันต้องล่มสลายลงไป
ถ้าเรามีเงินที่เสรีหรือมีการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น จะทำให้ทุนนิยมที่ควรจะเป็นมันแข็งแกร่งผ่านกลไกล การแลกเปลี่ยนที่สะดวกรวดเร็ว เกิดการพัฒนา จับจ่ายใช้สอยกันข้ามโลก เงินไม่ทรยศผู้คนหรือผู้ใช้งาน เหมือนเงินของพวกสังคมนิยม
นั่นคือสิ่งที่ Bitcoin จะทำ และมันทำสำเร็จไปแล้ว
ดังนั้น รัฐสวัสดิการใดๆ ก็แล้วแต่ ไม่ใช่ทุนนิยม และ ทุนนิยม ไม่ได้เกิดจากรัฐ แต่เกิดจากบุคคลแต่ละบุคคล และความสามารถในการเก็บเกี่ยวทุนนั้น
=========
เวลาที่มีใครแม่งพูดเรื่องรัฐสวัสดิการ การ subsidze จากภาครัฐ ในด้านต่างๆ และ อวัยวะส่วนล่างสั่น ในกลุ่ม ผมค่อนข้างเบื่อ และ อยากถามไป มึงเข้าใจ Bitcoin ป่ะวะ ถึงอยากได้รัฐสวัสดิการ ความเหลื่อมล้ำ ไม่ใช่ปัญหา ยิ่งรัฐแทรกแซงมันยิ่งเหลื่อมล้ำ ยิ่งเขียนกฏหมายยิ่งผูกขาด เอาตัวเองออกมาจากวังวนพวกนั้น และแก้ปัญหาความยากจนของตัวเองซะ ถ้ามันยาก ก็เก็บออมบิทคอยน์และอดทน เรื่อยๆ ถ้าพวกรัฐห่านี่มันพิมพ์เงินและเปลี่ยนนโยบายการเงินไปเรื่อยๆ วันหนึ่ง ก็มั่นใจได้ว่าตัวเองไม่ลำบาก
>>173 "การแลกเปลี่ยนที่สะดวกรวดเร็ว"
5555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
โอ๊ยท้องแข็ง
555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
>>173
งั้นถามหน่อย ถ้าเป้าหมายของมันคือทำลายและแทนที่ระบบธนาคารและการเงินโลก
มึงเชื่อจริงๆเหรอวะว่าธนาคารของทั้งโลกจะอยู่เฉยๆให้ BTC ทำลาย ไม่ป้องกันตัวเองโดยการทำลาย BTC ก่อน?
BTC มันจะก้าวข้ามตรงนี้ไปแทนที่ธนาคารยังไง?
ส่วนการที่อะไรถูกสร้างขึ้นมาแล้วการใช้จริงต่างจากวัตถุประสงค์ที่ผู้สร้างตั้งไว้ มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประจำ
คาร์ล มาร์กซ์ ไม่ได้คิดแนวคิดคอมมิวนิสต์ขึ้นมาเพื่อให้คนตายเป็นร้อยล้าน และจองจำคนเป็นพันล้านให้อยู่ใต้เผด็จการ
แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นกับคริปตก็คือ ผู้ใช้แทบทั้งหมดใช้มันเพื่อเก็งกำไร
คิดดูง่ายๆว่าถ้ามันจะมาแทนการเงินโลกจริง ถึงวันนั้นเราก็จะได้รับค่าจ้าง/ค่าสินค้าและบริการเป็น BTC เอง ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อไว้
>>175 มนุษย์เราจะตาสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มทิ้งเงิน fiat ไปใช้ BTC ตอนนี้หลายที่เริ่มรับ BTC แล้ว ในอนาคต หลายๆกิจการจะรับแต่ BTC แทนที่จะรับเงิน fiat เพราะการโดนธ.กลาง และรัฐบาลควบคุม ทำให้ประชาชนอ่อนแอ อดอยากจากภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเรื่อยๆทุกปีทุกปี
ถึงฝ่ายเคนเชี่ยนจะอ้างว่าเงินเฟ้อมันดีนะ แต่แท้ที่จริงแล้ว กลับสร้างปัญหาให้กับคนชนชั้นกลางและชนชั้นล่าง สร้างความอดอยากให้กับผู้คนมากกว่าที่ btc ทำ
>>176 ตอนที่ us เริ่มทิ้ง gold standard ก็เหมือนกับสถานะของ btc ในปัจจุบันนี้ แต่ btc จะละมุนละม่อมมากกว่า
ตอนที่ us ละทิ้ง gold standard คนใน us ก็เริ่มเทขาย dollar แต่ us กลับใช้กำลังทหารเข้าควบคุม สร้างสงคราม ทำให้ us สามารถแทนที่ทองคำได้ในที่สุด
ผมว่า btc ก็จะสามารถละทิ้ง dollar ได้เช่นกัน แต่ไม่ได้เกิดจากการถูกบังคับ แต่จะเป็นการได้รับการยอมรับ นั่นล่ะจะทำให้ธนาคารกลางหมดคุณค่าไป
>>176 ระบบรัฐในปัจจุบันได้ให้อำนาจกับผู้มีอำนาจมากเกินไป โดยเฉพาะการผลิตเงินอย่างไม่มีจำกัด สามารถมีข้ออ้างในการผลิตเงินอย่างไม่มีขอบเขต สามารถเอาเงินที่ตัวเองผลิตเองได้มาใช้จ่ายเอื้อผลประโยชน์ต่อพวกพ้องเดียวกัน ลองมองไปที่ us ตอนนี้เงินกู้ยืมเกินกว่าที่เด็กเกิดใหม่จะใช้คืนได้หมด แล้วไทยก็เช่นกันที่ผลิตเงินเองโดยอ้างว่ากู้ยืมเงินอย่างไร้ขีดจำกัด ตอนนี้ไปที่ 60% ของ GDP แล้ว และยังสามารถพิมพ์เงินบาทมาใช้จ่ายต่อได้อีกสร้างเงินเฟ้อให้กับคน ให้คนจนลงเรื่อยๆ
ท้ายที่สุด ถ้าทุกคนเริ่มใช้ btc นี่ต่างหากจะเป็นทางออกของมนุษยชาติจริง การไม่โดนควบคุมโดยรัฐ การไม่โดนรัฐสอดส่องการใช้เงินของเรา การไม่โดยเอาเงินไปจากมือของประชาชน จะถือได้ว่าเป็นเสรีภาพอย่างแท้จริงของมนุษย์
>>179 การที่เขามี btc เยอะ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสั่งให้เราทำอะไรก็ได้นะ อย่ามองรวมกับระหว่างคนที่มีเงินมาก กับคนที่มีอำนาจมาก เราถูกควบคุมโดยผู้มีอำนาจในการผลิตเงินได้ แต่ อีลอน หรือ ไมเคิล ไม่เคยใช้ btc ในการกำหนดว่าเราควรทำอะไร หรือไม่ควรทำอะไร
การที่เขารู้ก่อนว่า btc คือ อนาคตของมนุษยชาติ การที่เขาสามารถเก็บสะสมได้ก่อนก็เป็นสิทธิของเขา
แต่ตัวเขาไม่ได้มีอำนาจที่จะสั่งเป็นสั่งตาย เอาเงินที่เราพยายามหามาด้วยแรงงานอย่างยากลำบากออกกจากมือเราได้ นี่แหละคือคำตอบว่า btc คือเสรีภาพ ของมนุษย์ในการที่จะถือครอง store of value ที่ไม่ว่าใครก็ตามจะขโมยไปจากมือของเราโดยที่ตัวไม่ยินยอม
ตัดกระแสไฟฟ้า ล่มเซิฟเวอร์ แค่นี้ก็จบล่ะ
>>181 อีลอนเคยกำหนดว่า btc ใช้ซื้อรถเทสร่าได้ แล้วก็ยกเลิกไม่รับได้ เค้าทวิตปั่นให้คนตกใจเล่นอย่างไรก็ได้ให้คนตัวเล็กตัวน้อยกลัวว่ามูลค่าของ btc เทียบกับเงินประเทศเขาจะลดลง มันอ่อนไหวเกินกว่าจะเอามาใช้เป็นเงินจริงๆ
ใครที่คิดจะซื้อตั้งสติดีๆ อย่าถือเยอะเกิน5-10%ของพอร์ต มันอาจจะเจ๊งได้ คุณก็จะเครียด มีปัญหาชีวิตตามมาอีกมาก
>>177
ก่อนมึงจะคาดหวังให้คนอื่น"ตาสว่าง"นี่มึงเอาอะไรมาตัดสินว่าเขาตามืดบอดแต่แรกวะ ที่บอดอาจเป็นมึงเองก็ได้
เหรียญที่ไร้การแทรกแซงจากรัฐ ราคามันก็จะเป็นไปตาม demand และ supply
จะขึ้นจะลงขึ้นอยู่กับผู้ถือรายใหญ่ จะบอกว่าพวกนี้ไม่มีอำนาจนี่ไม่ได้หรอก อำนาจล้นเลยล่ะ
พวกที่กระสันจะทำลายระบบfiatนี่ก็ยังใช้fiatซื้อข้าวแดกกันทั้งนั้น กูขำ สู้fiatไปกราบfiatไปคงจะชนะมั้ง
บิทคอยจะรองรับการขยายตัวของประชากรได้อย่างไร
กูถามคำถามนี่มาหลายทีแล้ว ไม่เห็นติ่งบิดกรวยจะตอบได้ซักครั้ง
>>187 ทำไมถึงจะรองรับไม่ได้ล่ะ 1 btc = 99,999,999 satoshi และยังสามารถแยกย่อยได้อีก สามารถรองรับการใช้งานด้วยตัวเลข ทศนิยม แบบไม่มีจำกัด
ถึงแม้ว่าจะทั้งโลกจะเหลือแค่ 1 btc แต่คุณสามารถย่อยลงได้อีก ในระดับทศนิยมไม่จำกัด
ไม่ต่างจากเงินดอลล่าสักเท่าไรหรอก ที่สามารถเพิ่มได้ไม่จำกัด
ต่างกันแค่ btc ไม่ได้ใช้สงคราม ไม่ได้ใช้กฎหมาย ในการสร้างความมูลค่าให้กับตัวเอง
bitcoin make war unaffordable,
bitcoin make them can’t print money,
bitcoin separate money and state,
buy bitcoin, save bitcoin.
บิทคอยทำให้รัฐไม่สามารถก่อสงครามได้
บิทคอยทำให้รัฐพิมพ์เงินเองไม่ได้
บิทคอยทำให้เงินกับรัฐแยกจากกัน
ซื้อบิทคอย และออมบิทคอย
ย้ำเตือนหน่อยแล้วกัน btc นี่ล่ะ จะเป็นตัวกำหนดไม่ให้มีสงคราม การที่ทุกประเทศมีธนาคารกลางที่สามารถพิมพ์เงินได้ไม่จำกัด ทำให้สามารถออกกฎหมาย และมีอำนาจในการควบคุมประชาชน สร้างฐานอำนาจให้ตัวเองและพวกพ้อง โดยที่ประชาชน ไม่มีสิทธิ หรือเสรีภาพในการเลือกใดๆได้เลย
การที่มีสงครามในปัจจุบันนี้ ความไม่สงบ ทำให้ประชาชนจนลงเรื่อยๆ ทั้งจากปัญหาเงินเฟ้อและสงคราม btc นี่ล่ะ คือการต่อต้านระบบรัฐอย่างแท้จริง เพราะการที่รัฐมีอำนาจในปัจจุบัน คือการบังคับให้ประชาชนให้เงินของรัฐเท่านั้น โดยที่รัฐสามารถพิมพ์เงินได้ไม่จำกัดโดยที่ธนาคารกลางพิมพ์เงินป้อนให้กับรัฐบาลมาตลอด
สมมติว่าเชื่อว่าคริปโตคืออนาคตจริง แน่ใจได้ไงว่าคริปโตนั้นจะเป็น BTC
เหรียญที่ออกมาทีหลังจะไม่มีเหรียญใดมีคุณสมบัติดีกว่า
ในโลกเทคโนโลยีการเป็นเจ้าแรกไม่ใช่อะไรที่จะทำให้อยู่รอดถึงตอนจบ
Microsoft ไม่ใช่ OS แรก Google ไม่ใช่ web search engine แรก ของพวกนี้ถึงจุดนึงจะมีของดีกว่าหรือเป็นที่นิยมกว่ามาแทนที่หมด
>>189
แล้วการให้ค่าเงินอยู่ในการควบคุมของผู้ถือรายใหญ่มันดีกว่าจริงเหรอวะ
มีกลไกอะไรที่จะทำให้มูลค่าเสถียรไม่ขึ้นลงตามผู้ถือรายใหญ่ แล้วถ้ามีทำไมตอนนี้ไม่ถูกใช้
ดูยังไงก็ไม่หลุดราคา17000แน่นอนละ ฐาน19000แน่นขนาดนี้
อินดิเคเตอร์เริ่มทำทรงตัวU ใครสายสะสมbtcช่วงนี้ราคาดี ทนถือไม่เกิน2ปี มีกำไร5เท่า
ใจร้อนกลัวตกรถรีบซื้อก็ซื้อได้เลยแต่อาจต้องรอนานหน่อย ใจเย็นรอให้ราคายืนเกิน24000ให้ได้ก่อนค่อยเข้า
ตอนเห็นงานชิงโชคทำป้ายกวนตีน “รางวัล100,000สตางค์” ก็เคยคิดสงสัยว่ามีคนที่ไม่เก็ตว่าเป็นมุขแล้วสมัครไปเพราะคิดว่าเงินเยอะบ้างไหม
วันนี้กระจ่างแล้ว ติ่งเหรียญนี่เองที่ตกหลุมมุข100,000สตางค์
ถ้าเกลียด Fiat มากก็ผลักดันให้กลับไปใช้ gold standard มันยังจะเป็นไปได้กว่าตั้งเยอะนะ
BTC มีข้อดีกว่าเงินที่ back ด้วยทองตรงไหน?
>>198
- ไม่สามารถถูกอายัดได้
- สามารถเดินตัวเปล่าเพื่อย้ายประเทศโดยไม่สามารถถูกตัวตรวจสอบได้
- ทองมีข้อเสียการแยกย่อยทำได้ยากและถ้าต้องการแยกย่อยสูญเสียพลังงานมากกว่า btc
- การผูก gold standard เข้ากับ fiat standard เท่ากับการยอมรับอำนาจของรัฐ เป็นทาสต่อรัฐ
การที่รัฐสามารถยึดทรัพย์เราได้ไม่ต่างอะไรกับการที่เราเป็นทาสของรัฐ เมื่อรัฐสั่งว่าเราผิดทำให้เรายอมจำนน ชีวิตเราจะไม่เหลือทรัพย์สินใดๆเลย
https://www.youtube.com/watch?v=BXJX7wAvbhk
ตอนนี้อำนาจของรัฐสามารถสั่งเป็นสั่งตายเราได้มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งการที่บังคับให้เรายืนยันตัวตนตอนที่จะโอนเป็นการบังคับอิสรภาพในการใช้เงินของมนุษย์อย่างมาก ยิ่งต้องยืนยันตัวตนโดยการอ้างว่าเพื่อป้องกันการฟอกเงินยิ่งเป็นข้ออ้างของรัฐในการใช้อำนาจอย่างเกินพอดี ทั้งที่เงินไม่มีขาวไม่มีดำแต่การอ้างว่ามีเงินดำเราต้องป้องกัน ทั้งที่ ธนาคารทุกธนาคารมีการรับเงินดำโดยการใช้อำนาจของรัฐอยู่อย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว แต่ทำการบีบบังคับไม่ให้คนไทยสามารถมีเงินได้อย่างเสรี โดยอ้างข้ออ้างมั่วๆแบบนี้
btc นี่ล่ะ คืออิสรภาพ ไม่ต้องถูกอำนาจของรัฐกดขี่คนให้เป็นทาสของรัฐบาล ต้องทำตามที่รัฐสั่ง
>>199
ก็เดินตัวเปล่าไปได้เหมือนกันนิ เป็นการใช้เงินที่ทองคำหนุน ไม่ได้จะให้พกทองคำ
กิจกรรมทาง electronic ทุกอย่างก็ทำได้เหมือนเงิน fiat สะดวกและประหยัดพลังงานกว่าคริปโตด้วย
มันไม่เกี่ยวกับอำนาจรัฐด้วย มูลค่าของเงินมันมาจากการถูกประกันว่าเอาไปแลกทองมูลค่าเท่ากันได้ เอกชนจะทำก็ได้เหมือนกัน
>>205 ไม่ รัฐต้องไม่ถือนโยบายทางการเงิน กูยอมรับกฎหมาย แต่การที่ออกนโยบายกฎหมายทางการเงินการบีบบังคับทางการให้ให้ประชาชนใช้เงินได้ยากมากขึ้น ไม่ว่าจะการพิมพ์เงินเพื่อสร้างเงินเฟ้อ การบังคับให้ยืนยันตัวตนในการถือเงิน เป็นการบีบบังคับไม่ให้คนสามารถสะสมความมั่งคั่งได้ ถือเป็นความเลวร้ายที่สุดของรัฐ การที่มึงยอมรับนโยบายทางการเงินไม่ต่างอะไรกับการที่มึงยอมยกความมั่งคั่งให้กับรัฐดูแล และสามารถยึดเงินมึงไปได้อย่างสบายๆ
กูสงสัยอยู่อย่างว่ะ คนที่เชื่อใน BTC ทำไมจะต้องมาโฆษณาให้คนอื่นอยากซื้อด้วย
ทำไมไม่คอยซื้อเองเงียบๆ ยิ่งคนอยากซื้อมากมันเองก็ยิ่งต้องซื้อในราคาแพง
รึว่าจริงๆมันอยากขายไม่ได้อยากซื้อ
ก็พวกนั้นมันไม่ได้สนใจเรื่องอิสระทางการเงินอะไรนั่นแต่แรกแล้ว
มันแค่อยากทำกำไรเฉยๆ
ถ้าไม่มีหน้าใหม่มาซื้อ คนนอกไม่ยอมรับ เงิน (?) ในมือมันจะมีค่าอะไร
https://www.youtube.com/watch?v=NGqWR-o_H8E
สารคดีดีๆที่อยากให้ทุกคนได้ดู
>>212
อันนี้ก็จากช่องเดียวกัน ฮาดี
https://www.youtube.com/watch?v=KHEZCXfyxjU
“เลิกหลงเชื่อคำลวงของพวกอีลีทได้แล้ว!”
~นายิบ บูเคเล่ ผู้นำเอลซัลวาดอร์
.
วันที่ 7 กันยายน 2021 ประเทศเอลซัลวาดอร์กลายเป็นประเทศแรกในประวัติศาสตร์ที่ริเริ่มใช้งานบิตคอยน์ซึ่งเป็นสกุลเงินใหม่ของโลก
จำข้อความย่อหน้าแรกนี้ไว้ให้ดี เพราะมันจะถูกบันทึกลงประวัติศาสตร์ทางการเงินของมนุษยชาติ
แต่ในวันนี้ ในวันที่ทุกอย่างยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ผู้คนมีความเห็นแตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่านี่เป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญ บ้างก็ว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดหลักแหลม บ้างก็ว่านี่คือความคิดโง่เง่า หรือบ้างก็ว่านี่เป็นการเดิมพันที่ไร้ความรับผิดชอบ
แต่ความจริงนั้นไม่ตรงกับความเห็นไหนทั้งสิ้น เพราะมันเป็นทางเลือกหนึ่งเดียวที่สมเหตุสมผลสำหรับเรา และสำหรับคนที่เข้าใจแล้ว คำถามจริง ๆ ไม่ใช่ว่าจะมีประเทศไหนริเริ่มใช้งานบิตคอยน์อีกไหม? แต่คำถามคือแล้ว “เมื่อไหร่” ประเทศอื่นจะเริ่มใช้บิตคอยน์ต่างหาก
พวกเรายังอยู่ในช่วงต้นของการเปลี่ยนผ่านทางความคิดครั้งสำคัญ การตัดสินใจครั้งนี้แม้จะมีเหตุมีผลและสามารถเข้าใจได้ตามหลักสามัญสำนึก แต่มันก็ยังเป็นที่ถกเถียงในวงกว้างอยู่ดี เพราะแม้ผู้คนมากมายจะสนับสนุนการตัดสินใจครั้งนี้ แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากที่ต่อต้านอย่างรุนแรง
ผมขอใช้โอกาสนี้ในการแจกแจงประเภทของคนที่ต่อต้านการตัดสินใจใช้งานบิตคอยน์ของประเทศเอลซัลวาดอร์ออกเป็น 3 จำพวก
คนที่เชื่อมั่นว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ผิด
คนที่คิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดี แต่ไม่เข้าใจเหตุผลที่แท้จริง
คนที่เกรงกลัวการตัดสินใจนี้ของพวกเรา
ทีนี้ความน่าสนใจก็คือคนกลุ่มที่ 1 และ 2 มักเกิดขึ้นเพราะมีกลุ่มที่ 3
ทำไมถึงเป็นแบบนั้นนะ?
เหตุก็เพราะพวกต่อต้านเราที่เสียงดังที่สุด พวกที่กลัวเราและพยายามกดดันให้เราเปลี่ยนการตัดสินใจให้ได้ พวกนี้คือพวกอีลีทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก รวมถึงพวกที่ทำงานรับใช้และได้ผลประโยชน์จากอีลีทพวกนี้
อีลีทพวกนี้เคยเป็นเจ้าของทุกอย่าง และทุกวันนี้พวกเขาก็ยังเป็นอยู่ผ่านการควบคุมสื่อ ธนาคาร NGO องค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงรัฐบาลและบรรษัทยักษ์ใหญ่เกือบทั้งโลก
และการที่พวกเขามีอำนาจขนาดนั้นก็แปลว่าพวกเขาครอบครองกำลังทหาร ควบคุมการกู้ยืมเงิน คุมอุปทานเงินทั้งโลก คุมอัตราภาษี คุมข่าวสาร คุมโฆษณาชวนเชื่อ คุมโรงงาน คุมการผลิตอาหาร คุมการค้าระหว่างประเทศ และคุมกฎหมายระหว่างประเทศ แต่อาวุธที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขาคือการควบคุม “ความจริง”
พวกเขาพร้อมต่อสู้กับเรา พร้อมจะโกหกปลิ้นปล้อน ปกปิดความจริง ทำลายความจริง เซ็นเซอร์ความจริง ยึดทรัพย์ พิมพ์เงินออกมาจากอากาศ และพร้อมทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อรักษาอำนาจและเพิ่มความสามารถในการควบคุม “ความจริง” พร้อมเขาพร้อมทำทุกสิ่ง..กับทุกคน
ทีนี้ลองนึกดูว่ามีบทความนับร้อยหรือนับพันเรื่องเศรษฐกิจของเอลซัลวาดอร์กำลังจะล่มสลายเพราะ “การพนันในบิตคอยน์” หรือบทความโจมตีว่าเรากำลังจะผิดชำระหนี้ บทความว่าเศรษฐกิจเรากำลังจะพินาศ บทความว่ารัฐบาลของเรากำลังจะล้มละลาย
พวกคุณหลายคนน่าจะเคยผ่านตาข่าวหรือบทความแนวนี้มาแล้วแน่ ๆ เพราะมันโผล่ไปแทบทุกที่ สื่อใหญ่ด้านการเงินละเลงข่าวเรื่องนี้ องค์กรข่าวหลัก ๆ ของโลกกระพือเรื่องราวพวกนี้ หนังสือพิมพ์ทุกฉบับในโลกก็รับลูกต่อ ไหนจะพวกเอเจนซี่จัดเรตติ้งเครดิตและองค์กรการเงินทั่วโลกที่พูดถึงเราแบบพร้อมใจประสานเสียงกัน
แต่ที่พวกเขาพูดมันจริงหรือเปล่า?
เอาล่ะ คุณลองอ่านบทความของพวกเขาและฟัง “ผู้เชี่ยวชาญ” ของพวกเขาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นมากมายหลังจากเอลซัลวาดอร์ขาดทุนประมาณ 50 ล้านดอลลาร์เพราะราคาบิตคอยน์ร่วงในกระดานเทรด แต่ทว่าเราไม่เคยขายบิตคอยน์ที่เรามี ฉะนั้นคำกล่าวอ้างของพวกเขาย่อมไม่จริง แต่เพื่อการวิเคราะห์ที่แสนลุ่มลึกยิ่งขึ้น พวกเราแสร้งทำเป็นว่าพวกเขาพูดถูกละกัน (ซึ่งที่จริงมันไม่ถูกนะ) เอาล่ะลองฟังผมดู
เอาจริงดิ? เศรษฐกิจของประเทศทั้งจะล่มสลายเพราะขาดทุน 50 ล้านดอลลาร์เนี่ยนะ?
ใช่ครับว่าประเทศเราค่อนข้างยากจนก็จริง แต่ในปี 2021 ปีเดียวเราสร้างผลผลิตสินค้าและบริการได้มูลค่าถึง 28,000 ล้านดอลลาร์ พอคิดว่าตัวเลขขาดทุน 50 ล้านดอลลาร์ซึ่งคิดเป็นแค่ 0.2% ของ GDP ประเทศจะสามารถทำลายหรือทำให้เศรษฐกิจของประเทศเราไร้เสถียรภาพได้ มันช่างเป็นความคิดที่ไม่ใช่แค่โง่เง่า แต่ยังบ่งบอกถึงอะไรบางอย่างอีกด้วย
เพราะคุณคงคาดหวังว่าเหล่าอัจฉริยะด้านเศรษฐกิจจากบลูมเบิร์ก, ฟอร์บส์, ฟอร์จูน, ไฟแนนเชียลไทม์ส, ดอยช์เวลล์, บีบีซี, อัลจาซีรา, เดอะการ์เดียน, เดอะนิวยอร์คไทม์ส, เดอะวอชิงตันโพสต์ ฯลฯ น่าจะมีนักวิเคราะห์และกองบรรณาธิการจำนวนมากที่เข้าใจดีในประเด็นเหล่านี้แล้วแย้งสำนักพิมพ์ว่าอย่าตีพิมพ์เรื่องไร้สาระแบบนี้นะ คุณคงคาดว่าบทความไร้สติปัญญาพวกนี้ไม่ควรจะผ่านกองบรรณาธิการออกมาได้ตั้งแต่แรก แต่มันก็ผ่านออกมาหน้าตาเฉย แถมบางครั้งพวกเขาจะจัดพื้นที่ใหญ่ ๆ ให้ข่าวนี้ บางทีก็เต็มสองหน้าใหญ่ของเดอะนิวยอร์คไทม์สก็มี
ดังนั้นคำกล่าวอ้างที่ว่าเราขาดทุนบิตคอยน์ 50 ล้านดอลลาร์นั้นเป็นเรื่องเท็จ เพราะเราไม่เคยขายออกไปแม้แต่เหรียญเดียว แล้วถ้ายังดึงดันจะเชื่อว่าเราขาดทุนจริง ๆ ก็ยิ่งไร้สติไปกันใหญ่ที่จะสรุปว่าเศรษฐกิจมูลค่า 28,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี จะล้มละลายหรือต้องผิดชำระหนี้เพียงเพราะการขาดทุนแค่ 0.2% ในปีเดียว ทั้งที่ในปี 2021 นั้นเศรษฐกิจเราโต 10.3% หรือโตขึ้น 4,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนี่เป็นตัวเลขจาก IMF เองด้วยนะ!
แล้วถ้าคุณยังอยากจะยอมรับคำกล่าวอ้างไร้สาระนั้นว่าเป็นเรื่องจริง ก็แปลว่าคุณไม่สนใจคณิตศาสตร์หรือหลักตรรกะพื้นฐานอะไรอีกแล้ว แถมคุณยังต้องถามตัวเองอีกด้วยนะว่าทำไมบรรษัทสื่อยักษ์ใหญ่ทั่วโลกถึงให้เวลาและพื้นที่สื่อเยอะมากกับประเทศเล็ก ๆ อย่างเอลซัลวาดอร์
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยพูดถึงเอลซัลวาดอร์หรอ? ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยสนใจมั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศเรา? พวกเขาเคยลงรายงานมั้ยว่ารัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ขโมยเงิน 37,000 ล้านดอลลาร์ไปจากคลังของประเทศ?
ลองถามคำถามพวกนี้กับตัวเองดู เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้คุณรู้มั้ยว่าประเทศเอลซัลวาดอร์อยู่ตรงไหนในแผนที่โลก? คุณรู้จักชื่อประธานาธิบดีคนเก่ามั้ย? คุณรู้เรื่องนโยบายเศรษฐกิจที่ล้มเหลวของพวกเขามั้ย?
คำตอบของคำถามพวกนี้ยิ่งชี้ให้ความไร้สาระของข่าวเศรษฐกิจจากหลายร้อยสื่อ มีอย่างที่ไหนถึงรายงานว่าเศรษฐกิจที่สร้างมูลค่า 28,0000 ล้านดอลลาร์ต่อปีกำลังล้มละลายเพราะตัวเลขขาดทุน 50 ล้าน (ซึ่งเชื่อถือไม่ได้ด้วยนะ) นี่คือการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขากำลังจะหลอกเรา
เพราะตามข้อเท็จจริง ตามตัวเลขจริง ซึ่งเป็นข้อมูลสาธารณะที่หาอ่านและตรวจสอบได้ง่ายมากนั้น
ในปี 2021 GDP ของเราโต 10.3% รายได้จากการท่องเที่ยวโต 52% ตัวเลขการจ้างงานโต 7% ธุรกิจใหม่เกิดเพิ่ม 12% ส่งออกโต 17% ผลิตพลังงานได้เพิ่ม 19% การส่งออกพลังงานโต 3,291% จัดเก็บภาษีได้มากขึ้น 37% โดยไม่ได้เพิ่มอัตราภาษีแต่อย่างใด และในปีนี้อัตราอาชญากรรมและฆาตกรรมลดลง 95%
📷
นี่คือตัวเลขของจริง ข้อเท็จจริงที่ไม่อาจถูกบิดเบือนด้วยข่าวลวงใด ๆ ตัวเลขเดียวที่พวกเขาจะสามารถบิดเบือนได้ด้วยสำนวนการเล่าข่าวก็คือราคาพันธบัตรของเรา เพราะตัวเลขพวกนี้ขึ้นอยู่กับข่าวลวงที่สร้างขึ้นมาและระบบเครดิตเรตติ้งจากพวกเอเยนซี่ที่ทำงานให้พวกเขา ตัวเลขที่เป็น “ความจริงที่จริงยิ่งกว่าจริง”
พวกเขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าผ่านสื่อที่อุปโลกน์ความน่าเชื่อถือขึ้นมาเองหลายร้อยสื่อว่าประเทศเราไม่มีปัญญาจ่ายหนี้และกำลังจะผิดชำระหนี้ พวกเขาบอกว่าประเทศเราคือหนึ่งในประเทศที่มีเสี่ยงสูงที่สุดในโลกที่จะผิดชำระหนี้ ใช่..เสี่ยงสูงกว่าประเทศยูเครนเสียอีก เอากับเขาสิ
ดังนั้นเพื่อที่จะตอบโต้คำลวงพวกนี้ เราจะทำตรงกันข้ามกับที่พวกเขาบอก (ว่าเราจะผิดนัดชำระหนี้) เพราะเราได้ยื่นข้อเสนอขอชำระหนี้ล่วงหน้าเลย ซึ่งเดือนนี้ (กันยายน 2022) เราจะชำระหนี้พันธบัตรปี 2023 และ 2025 ของเราเสียเลย และผู้ถือพันธบัตรก็พร้อมจะขายให้เราทันทีที่ราคา market อีกด้วย
พวกอีลีทยังบอกอีกนะว่ามีการประท้วงบิตคอยน์ขนานใหญ่ในเอลซัลวาดอร์ ใหญ่แบบสุด ๆ ซึ่งทำให้สงสัยว่าแล้วทำไมรัฐบาลของผมถึงมีเรตติ้งความไว้วางใจสูงถึง 85-90% จากทุกโพลที่สำรวจผลในปีที่ผ่านมา ซึ่งโพลพวกนี้รวมถึงผลสำรวจที่จัดทำโดยพรรคคู่แข่งและสำนักโพลอิสระนานาชาติอีกหลายแห่ง มันแปลว่าเราดูแลประเทศได้แย่งั้นหรอ?
จะว่าไปแล้วคะแนนเรตติ้งความไว้วางใจผู้นำประเทศของคุณคือเท่าไหร่หรอครับ?
ฉะนั้นแล้วถ้าคุณเป็นคนต่อต้านการใช้บิตคอยน์ของเรากลุ่มที่ 1 และ 2 สิ่งที่ผมอยากจะสื่อกับคุณก็คือ “เลิกหลงเชื่อคำลวงของพวกอีลีทได้แล้ว” และหันมามองดูข้อเท็จจริงเสียที หรือให้ดียิ่งกว่านั้นลองมาถามประชาชนที่นี่ มาดูความเปลี่ยนแปลงให้เห็นด้วยตาของคุณเอง มาลองเดินเล่นในเมืองของเรา มาดูชายหาดหรือแม้แต่ภูเขาไฟของเรา สูดอากาศบริสุทธิ์ สัมผัสถึงความรู้สึกเป็นอิสระว่ามันเป็นยังไง มาดูให้เห็นกับตาว่าหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในทวีปและเคยมีชื่อเล่นว่าเมืองหลวงแห่งการฆาตกรรมของโลกสามารถเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดเยี่ยมได้อย่างไร
จากนั้นถามตัวคุณเองอีกครั้งว่าทำไมพวกอีลีทมากอำนาจทั้งหลายในโลกถึงต่อต้านความเปลี่ยนแปลงนี้ของเรา ทำไมพวกเขาถึงต้องแคร์?
เริ่มเห็นแล้วใช่มั้ยครับ? เหตุผลก็เพราะพวกเราไม่ได้ต่อสู้กับพรรคการเมืองคู่แข่งหรืออุปสรรคทั่วไปที่ประเทศเล็ก ๆ มักประสบ แต่เรากำลังต่อสู้กับระบบที่เป็นอยู่..เพื่ออนาคตของมนุษยชาติ
เอลซัลวาดอร์คือจุดศูนย์กลางของการริเริ่มใช้บิตคอยน์ ซึ่งหมายถึงเสรีภาพทางเศรษฐกิจ อธิปไตยทางเศรษฐกิจ การต่อต้านการระงับยับยั้งทางการเงิน การมีความมั่งคั่งที่ใครก็ยึดไปไม่ได้ การเป็นจุดจบของพวกที่คอยชักใยผู้นำทั่วโลก จุดจบของการพิมพ์เงิน จุดจบของการลดค่าเงิน จุดจบของการโยกย้ายถ่ายเทความมั่งคั่งให้กลุ่มพวกพ้องกันเองของพวกอีลีท พวก oligarch และพวกกุนซือเบื้องหลังที่คอยชักนำคนพวกนี้ในเงามืด
ถ้าเอลซัลวาดอร์ประสบความสำเร็จก็จะมีอีกหลายประเทศทำตามเรา แต่ถ้าเราล้มเหลว ซึ่งเราไม่ยอมล้มเหลวง่าย ๆ หรอกนะ ก็แปลว่าจะไม่มีประเทศไหนกล้าทำตามเราอีกเลย
พวกอีลีทรู้ดีถึงเรื่องนี้และนี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงสู้กับเราเต็มกำลัง
แต่คุณจะเล่นเกมนี้กับพวกเขาหรอ?
หรือคุณจะเริ่มตื่นรู้ได้แล้วว่าอะไรคือเรื่องจริง?
เรียบเรียงจากต้นฉบับ : https://bitcoinmagazine.com/print/stop-drinking-the-elites-kool-aid
อ่านแล้วรู้สึกว่า ประเทศเขามีความหวังจริงๆนะ
หันมาดูประเทศตัวเอง 😕 stack Sat แล้วย้ายไปอยู่เลยง่ายกว่า
#มิตรสหาย bitcoiner ท่านหนึ่ง
หันมามองบ้านเราแค่บุหรี่ไฟฟ้าก็ห้าม ปั้มรถไฟฟ้าก็ห้าม เพราะนายทุนที่ผูกขาดตลาดอยู่จะเสียผลประโยชน์ กว่าจะได้เห็นอะไรใหม่ๆเป็นรูปเป็นร่างก็ต้องรอนายทุนเหล่านั้นผูกขาดของใหม่ให้เสร็จก่อน
วงการนี้แม่งเถื่อนวะ บอสใหญ่ทวิตครั้งสองครั้งก็ชนะแล้ว
เม่าร้อยเงิน ร้อนตัวกันใหญ่เลยค่ะ
F เจ๊ง รายต่อไปที่จะรุมก็ B
“เงินตราของรัฐต่างๆนี่มันแย่จริงๆครับ รัฐจะควบคุมยังไงก็ได้ มาใช้เหรียญขลิบโทกันดีกว่า”
“จ๊ากกกกกกก เจ้าของบริษัทเหรียญปั๊มแล้วทิ้ง ช่วยด้วย”
“จ๊ากกกกกกก วาฬโอนเหรียญไปมาหลอกกราฟ ช่วยด้วย”
“จ๊ากกกกกก ทุนใหญ่ทุ่มซื้อตบเม่า ช่วยด้วย”
แหม่
ติ่งเหรียญ ไม่เชื่อใจรัฐบาล
แต่เชื่อใจ exchange
NFTกับจตุคาม อันไหนฮิตนานกว่าครับ อันไหนตลาดหดเร็วกว่า
>>226 ล้มละลาย หมายความว่าไง "ผู้คนกรูเข้าไปถอนเงิน เจ้าของต้องเอาตัวรอดด้วยการล๊อคธนาคาร"
ในโลกของเงิน fiat ฝากเงินในธนาคาร คุณยังได้รับประกันเงินฝาก ธนาคารยังจ่ายเงินคืนให้คุณไม่เต็มจำนวน
ในโลกของคริปโตคือศูนย์ เพราะผู้ลงทุนในคริปโตไม่ได้รับการประกันเงินฝากจาก FDIC
การประกันในธุรกิจ exchange บริษัทประกันรับประกันอะไรกับธุรกิจนี้บ้าง?
สรุปถอนตังได้ไหมเนี่ย
ftx หนี้ 3.7แสนล้าน ไปจนถึง 2ล้านล้าน
แต่พอคริปโตล้มทีไร กุจะเห็นพวกที่บอกว่า บิทคอยน์ คือ เทพเจ้าเพียงหนึ่งเดียวที่เชื่อถือได้
https://youtu.be/4EqZpdz3zFk
แต่ขนาดบิทคอยน์ บัฟเฟตยังไม่เชื่อ มันไม่100% ในอนาคตถ้ามีซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ บิทคอยน์ก็โดนแฮคได้
อันดับสองของวงการยังล้มง่ายๆแบบนี้ ติ่งคริปโตโชว์ให้ดูหน่อยว่าเมื่อไหร่ในประวัติศาสตร์บ้างที่ธนาคารอันดับสองของโลกล่ม อิอิ
ธนาคารมีสินทรัพย์ไว้ชดใช้แทนได้
ขณะทีีเหรียญดิจิตอลมาจากการเสกเงินในอากาศแล้วบอกว่ามันมีค่า แล้วก็เอาอากาศไปกู้เป็นเงินสดมาใช้จ่าย พอเงินหมดก็ปั่นเหรียญมากู้อีก แล้วก็เชิญชวนคนนอกเอาเงินจริงมาซื้อเหรียญเสกจากอากาศของกูแล้วก็เอาเงินไปต่อยอดด้วยการถลุงเล่นโชว์ว่ามีมูลค่าทั้งที่ไม่ได้เอาไปลงทุนหารายได้มาถ่มหนีั
พอถึงเวลาจ่ายหนี้จริงก็ชิ่งหนีสิ ทรัพย์สินหมื่นล้านที่เสกมา = 0
ได้ยินว่าทุนสำรองครึ่งนึงที่ไบแนนซ์โชว์คือเหรียญโทเคนของตัวเอง
จะตามFไปไหมวะ
ทฤษฎีสมคบคิดที่ว่า crypto เป็นเครื่องมือเผาเงินเฟ้อนี่น่าจะจริงแล้วมั้งนิ
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.