ถ้าเราอ่าน ปวศ ของไทยที่เกี่ยวข้องกับมหาอำนาจโลกมาตั้งแต่แถวๆ ร.4-5 จนถึงหมดสงครามเย็น เราจะเห็นว่าชนชั้นนำไทยแม่งเป็นนกสองหัว ลิ้นสองแฉก ตอแหลยอดเยี่ยมมาตลอดแบบ siamese talk
เหตุผลคือมันเป็นวิธีเอาตัวรอดแบบประเทศกระจอกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมหาอำนาจทุกฝั่ง
ชนชั้นนำไทยใน ปวศ ไม่เคยมีวิธีคิดสร้างไทยเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคเพื่อสร้างอำนาจต่อรองอะไรกับใครทั้งนั้นเพราะผลประโยชน์ของชนชั้นนำผูกกับมหาอำนาจแต่ละฝั่งอยู่เสมอด้วยเรื่องเศรษฐกิจ เลยไม่เห็นความจำเป็นต้องทำ
(มีเพียงบางช่วงสั้นๆที่ผู้นำไทยพยายามสร้างให้ไทยเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคแต่ถูกโค่นอำนาจลงมาก่อน)
เรามีรากบางอย่างมาแบบนี้เลยเป็นอย่างที่เห็น
การที่รัฐบาลประยุดถูกบีบไปเข้าข้างตะวันตกแบบออกหน้าก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่คุยกับจีนหรือรัสเซีย เพราะทั้ง mind set และผลประโยชน์ของประเทศเรามันผูกกับมหาอำนาจทุกฝั่ง กางตัวเลขต่างๆจะเห็นเอง
ไม่ต้องฟังจากวงใน เอา data sheet จริงๆมากาง ก็เห็นเอง
ดังนั้น เวลาผมหรือสลิ่ มถือหางคนละข้างเวลามองเรื่องระหว่างประเทศ เรามองจากมุมของคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในระดับตัดสินใจเชิงนโยบาย
ถ้าผมอยู่ในระดับนั้นผมจะถูกตีกรอบด้วยวงล้อม mind set ของชนชั้นนำไทยใน circle ที่ผมสังกัดด้วย และ ถูกตีกรอบด้วย fact สารพัด
สุดท้ายผมจะต้องคิดอีกแบบแน่ๆเมื่อต้องตัดสินใจสำคัญๆเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศของไทย คงไม่ง่ายเหมือนนั่งโพสต์เฟสบุ้คลงลิ้งข่าวแล้วเฮฮาแซะสลิ่ มไปตามเรื่อง