Fanboi Channel

โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง

Last posted

Total of 1000 posts

961 Nameless Fanboi Posted ID:hIT2RjWuI

>>956 มุกไรวะเนี่ยกูไม่เก็ต

962 Nameless Fanboi Posted ID:9dmjKyLLK

>>956 1
ผมขโมยจักรยานครั้งแรกตอนอายุ 25 เพราะคนดำคนหนึ่งบอกผมว่า
"อย่าพูดเลยว่าตัวเองเป็นคนดำเลย ถ้าขโมยแค่สแน๊คสองชิ้นต่อเดือน หรือเดินงานมหกรรมอาหารเพื่อหาไก่ทอดทานชิ้นสองชิ้น"
ทะนงตน ผมเสียหน้า
ผมคุยกับเขาอีกสองสามประโยคแล้วรีบปลีกตัวออกมา เดินไปหาเพื่อน กระซิบบอกมัน ดนตรีฮิปฮอปดังกระหึ่มเป็นฉากหลัง
"ไอ้นั่นใครวะ อวดรู้ชิบหาย"
เพื่อนบอกไม่รู้เหมือนกัน ดูเหมือนจะไม่ได้ซื้อบัตรเข้างานด้วย ผมหันกลับไป เขากำลังโยกร่างกายตามจังหวะเบส พันลำหนึ่งมวนที่มือ ไม่สนใจใยดีใครทั้งสิ้น เสี้ยววินาทีนั้น เขารู้ว่าถูกมอง เขามองตรงมาหาผม ยักคิ้วเป็นนัยให้รู้ว่ามีพันลำขาย แล้วหันกลับไปสนใจดนตรีต่อ

2
คืนต่อมา กลุ่มผู้จัดงานลงรูปเขาในเพจของงานอีเว้นท์นั้น ข้าวของเมื่อวานหายหลายรายการ แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะไปตามเขาได้ที่ไหน

3
สองสัปดาห์ต่อมา ผมไปงานเปิดอัลบั้มใหม่ของแรปเปอร์ท่านหนึ่ง ทั้งที่ไม่รู้ว่าไปทำไม
บางครั้งผมคงจะเบื่อและว่าง จึงออกจากห้องแทบทุกคืน
ยอมรับว่าไม่ได้สนใจเขาแล้ว แต่เขาดันอยู่ที่นั่น ผมเริ่มประโยคแรก "ผมหรอยจักรยานสี่ล้อเล็กมาแล้วนะ"
เขาตอบ "ของเด็กมันขโมยง่ายสุดน่ะสิ"
เขาอัปเปอร์คัตขวา ผมหลบไม่ทัน อะไรวะ ผู้ชายคนนี้
“คุณทำงานอะไร” ผมอยากรู้จริงๆ “เป็นช่างซ่อมรถ บาทหลวง หรือพวกขายตรง”
เขาตอบ "ฉันไม่ชอบทำงานอะไรสักอย่าง"
ผมพยายามชวนคุยอีกหลายอย่างก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ชวนเขาสูบบุหรี่
เขาบอก “บุหรี่ธรรมดาฉันไม่สูบ” อะไรของเขาวะ ผมควรจะตัดบทแล้วไปคุยกับคนอื่นใช่ไหม ?
แต่ไม่ว่ะ ไม่ใช่กับครั้งนี้ “งั้นช่วยแนะนำบุหรี่แบบที่คุณชอบให้ผมหน่อยแล้วกัน เผื่อผมจะได้รู้จักอะไรมากขึ้น”
ได้ผล ผมเห็นตาเขาเยิ้มน้อยๆ “ถ้าชอบก็ติดต่อมา”

4
ผมได้เฟสบุ๊คของเขามาในที่สุด อันที่จริงเขาเป็นคนขอแอดผมเองเพื่อลากผมเข้ากรุ๊ปเสรีกัญชา ...ดูเพิ่มเติม
#มิตรสหายท่านหนึ่ง

963 Nameless Fanboi Posted ID:9dmjKyLLK

>>961 https://www.facebook.com/porspramsumran/photos/a.1763212220579496.1073741828.1762840390616679/1763212077246177/?type=3&theater

964 Nameless Fanboi Posted ID:4tz+VQJsj

>>962 จัญไรตรงดูเพิ่มเติมนี่แหละ แต่กูก็เสือกโดนดักควายทั้งๆที่ตั้ง facebook เป็นภาษาอังกฤษแท้ๆ Orz

965 Nameless Fanboi Posted ID:+QVs5G3Ch

>>963 อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจ ไม่ใช่ไม่เข้าใจเนื้อเรื่องนะ แต่ไม่้ข้าใจว่าทำไมคนเอาไปล้อเยอะแยะอ่ะ มันไม่ดียังไง ก็เป็นแค่เรื่องผู้ชายไม่เอาผู้หญิงไม่ใช่หรอวะ ทำไมกลายเป็นกระแส

966 Nameless Fanboi Posted ID:0AhlMCxwx

>>965 คนที่อ่านแล้วจะรู้สึกว่าตัวเองได้อ่านอะไรลึกซึ้งเหมือนเสพงานศิลปะมั้งมึง แต่กูก็เข้าใจเหมือนมึงแหละ 555+

967 Nameless Fanboi Posted ID:0bLv5T2VX

>>965 มันดูเพ้อๆ+ดัดจริตอ่ะ ดูน่าแซะ พอมีคนเริ่มแล้วกระแสมันมามันก็เลยลามไปทั่ว

968 Nameless Fanboi Posted ID:+QVs5G3Ch

กูชอบสำนวนเค้านะดูน่าอ่านดี แต่ไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องมันเกี่ยวกับนักบินอวกาศยังไง หรือเค้าอยากเปรียบเปรยว่าอวกาศมันน่าสนใจแต่สุดท้ายนักบินก็เข้าไม่ถึงเลยกลับมาที่โลกดีกว่างี้หรอ

969 Nameless Fanboi Posted ID:hg1YZjEQI

>>968 มันแค่จะเปรียบพวกนักบินอวกาศมั้งว่าอยู่ข้างบนไม่มีไรทำก็เย็ดกันได้กันลงมาก็ไม่มีอะไรความสัมพันก็จบแค่นั้นแยกย้ายกลับบ้าน

970 Nameless Fanboi Posted ID:YkzA6BMJB

กระทู้หน้า "โม่งมิตรสหายท่านสอง " ดีไหม

971 Nameless Fanboi Posted ID:wcstCYSV8

>>965 เหตุผลเดียวกับที่นิ้วกลมโดนด่า

972 Nameless Fanboi Posted ID:.0Pxa0BgD

>>969 แล้วถ้าทีมนั้นมีแต่ผู้ชายล้วนล่ะมึง !!!!!

973 Nameless Fanboi Posted ID:j+e27j20w

>>969 ไม่ใช่เว้ยเขาหมายถึงตอนที่อยู่ด้วยกัน มันเหมือนอยู่ในโลกแฟนตาซี เหมือนล่องลอยในอวกาศไปผจญภัยในโลกใหม่กฏใหม่ๆไร้แรงดึงดูดไร้พันธะของบนพื้นโลก ตือขึ้นไปก็ซั่มกันอย่างเดียวได้เพราะไม่คิดเรื่องอื่น พอลงมาบนพื้นโลก คนก็ติดพันธะนู้นนี่มาให้คิด เรื่องใันก็แค่ระดับ one night stand น้ำแตกแล้วแยกทางแค่นั้น

974 Nameless Fanboi Posted ID:0ywAvpiaF

>>970 คิดเหมือนกันเลยเธอ

975 Nameless Fanboi Posted ID:+gIXyvbRL

>>973 แล้วมันต่างกันยังไงวะ ความหมายก็คือเย็ดกันเล่นๆไม่จริงจังเหมือนกัน

976 Nameless Fanboi Posted ID:j+e27j20w

>>975 มันเขียนให้แฟนตาซีไปงั้นแหล่ะ เหมือนเพลงไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ ที่มึงเมาแล้วสาวมาเย็ดกันเก็บแต้มแล้วแยกกันโดยลืมถามกระทั่งชื่อ

977 Nameless Fanboi Posted ID:KyS3ioUZR

จริงๆ กูชอบเรื่องอายุ 25 นะ มันเป็นความสัมพันธ์ของคนจริงๆ ดี แต่กูไม่ชอบตรงที่ผู้หญิงต้องมาร้องไห้กับแม่งว่ามันไม่ดีตรงไหน กับมันได้เมียขาวตัวเล็กตรงสเป็ก ดูโคตรตอแหล

978 Nameless Fanboi Posted ID:RG8hURl2h

>>975 แต่ต้นฉบับมันไม่ได้เอากันไม่ใช่หรอ ผู้ชายบอกว่าผู้หญิงไม่ใช่เสป๊ก ไม่มีอารมณ์แล้วก็จากไป
>>971 นิ้วกลมโดนด่าว่าไรวะ กูไม่เคยอ่านงานนิ้วกลม ไม่เคยตามด้วยแต่เห็นคนแซะเยอะโดยที่กูก็ไม่รู้สาเหตุ อธิบายที

979 Nameless Fanboi Posted ID:OWlbqOZag

>>978 ส่วนมากนิ้วกลมก็โดนด่าว่ากลวงกับเพ้อเจ้ออะ เนื้อหาเบาโหวง มีเท่าจิ๋มมด แต่เขียนพรรณาโวหารซะน้ำท่วมทุ่ง หาสาระอันใดไม่มี เหมาะกับฮิปสเตอร์โง่ๆวอนนาบีที่อยากอ่านแล้วไปทำตัวสโลว์ไลฟ์

980 Nameless Fanboi Posted ID:gy4L+DjMh

>>979 ช่วงนี้เห็นหันมาแซะหว่องกับมุราคามิกันแล้วว่ะ 555

981 Nameless Fanboi Posted ID:7DOQUmZaK

>>976 เพลงนี้เนื้อหาแม่งโคตรเพ้อเจ้อเลย แต่กูไม่โทษคนแต่ง ตอนแรกไม่ดังเท่าไร พอเอามาเป็นเพลงประกอบหนังแล้วเสือกดัง

982 Nameless Fanboi Posted ID:iZqkOE2M5

>>980 เพราะฮิปสเตอร์มันแห่กันไปนิยมหว่องกับมุราคามิมั้ง จะได้ดูมีความหมายลึกซึ้ง ซึ่งไอ้หนังหว่องกับหนังสือมุราคามิมันมีจริตที่ถูกมองว่าอาร์ต เป็นความเหงาในเมืองใหญ่ ฟุ้งๆลอยๆไม่ค่อยรู้เรื่อง ต้องใช้ความเข้าใจสูง จะได้ดู Deep ดูเป็นคนมีแก่นสาร

983 Nameless Fanboi Posted ID:EzV9hLTYc

>>976 กูว่าคนแต่งแม่งก็เก่งนะ เอาอะไรที่ดูโคตรจะไม่โรแมนติกอย่างเย็ดกันน้ำแตกแล้วแยกทางมาแต่งเป็นเพลงให้ฟังดูเป็็นเรื่องโ่รแมนติกได้เนี่ย

984 Nameless Fanboi Posted ID:Q7.RYF9fR

ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ คนแต่งได้แรงบันดาลใจมาจากฝันเปียกไม่ใช่เหรอวะ เจ้าตัวเป็นคนบอกเอง
เพลงที่เนื้อเพลงมันดูมั่วๆเพ้อๆ เนื้อหาใจความหลักอาจไม่มีอะไรเลย คนแต่งแต่งตอนเมา แต่เสือกดังประสบความสำเร็จมีเยอะแยะวะ
เคสที่คลาสิคสุด คงเป็นเพลง A Whiter Shade Of Pale ไม่รู้สื่อถึงอะไร คนขอเย็ดกันมั้ง แต่ฟังแล้วแม่งโดน หลายคนชอบ เอามาโคเวอร์ร้องใหม่ก็บ่อย
ว่าแล้วก็แปะเพลง กูชอบเวอร์ชั่นนี้ https://www.youtube.com/watch?v=lpw_Hx-ABrM

985 Nameless Fanboi Posted ID:oR+W83Wfv

ขี่ช้างจับตั๊กแตน
คนโง่ๆ ที่ชอบทำอะไรเกินพอดี
ผมมีตัวอย่างหลายคน
เล่าให้ฟังสองคนละกัน
_______________________________
คนแรก...ดีไซน์เนอร์ 3,000.-
ตอนปี 2011
ผมต้อง Redesign เว็บขายของใหม่หมด
แต่เงินไม่ค่อยมี
เพราะใช้ออกแบบเว็บไปหมดแล้ว
.
.
เลยต้องวานกราฟิคฟรีแลนซ์
ช่วยออกแบบโลโก้ให้
"พี่มีงบ 3,000 นะ”
สำหรับงานระดับนี้
เงินจำนวนนี้ถือว่า “ดูถูก” กันเลยทีเดียว
.
.
แต่ตอนส่งงาน
น้องออกแบบมาให้ 7 แบบ มีที่มาทุกแบบ
ผมถึงกับคอตีบพูดไม่ออก
ประทับใจ ปนละอายใจ
จนต้องควักจ่ายไปรวม 5,000
และทุกวันนี้ก็ยังใช้โลโก้นี้อยู่
ใครถามหากราฟิกจากผม
ส่งงานให้น้องคนนี้คนเดียว
แถมตั้งราคาให้เสร็จ กลัวน้องได้เงินต่ำกว่าฝีมือ
.
.
_______________________________
คนที่สอง...ที่ปรึกษาญี่ปุ่น 60 แผ่น
ในประมาณปีเดียวกัน
ก็มีญี่ปุ่นสองคน Walk in เข้ามา ที่บริษัท
พยายามจะนำเสนอบริการ “ที่ปรึกษา”
หลังจากฟังๆ ผลงานที่ผ่านมา
ผมก็ไล่กลับไป...(แบบสุภาพ)
.
.
.
จากนั้นก็พยายามนัดเจออีกหลายรอบ
ผมไม่ยอมรับนัด ไม่อยากนั่งเบื่อ
จนกระทั่ง
เขาอีเมล์ Slide 60 แผ่นมาให้
ละเอียดแบบสไลด์ญี่ปุ่น
อธิบายถึงกลยุทธ์ทั้งหมด ที่ผมควรใช้
ที่จะทำให้ธุรกิจเราแตะพันล้านได้
.
.
.
สไลด์ชุดนี้...คัสตอมเมดให้เราโดยเฉพาะ
ส่งมาให้เปล่าๆ
แต่เยี่ยมขนาดต้องเชิญทั้งสองคน
ให้มานำเสนอนายต่อหน้า
จนสุดท้าย
และนายก็อนุมัติให้จ้างเดือนละ 200,000
เป็นเวลาเกือบสี่ปี
_______________________________
ตัวอย่างพวกนี้มี “อย่างหนึ่ง”ที่เหมือนกัน
คือ ขี่ช้างจับตั๊กแตน
ทุ่มเทกำลังทำงานในขอบเขต
ที่เกินกว่าผลลัพธ์อย่างมาก
.
.
“คนทั่วไป” คงมองความทุ่มเทแบบนี้
เป็นความเปล่าประโยชน์
เพราะเทียบสมการ

--- แรงงาน = ผลงาน ---

อยากได้เท่าไหร่ ใส่แรงเท่านั้น
ใส่เงินแค่ไหน ได้งานแค่นั้น
ฉลาดครับ...
แต่ไม่มีความ “พิเศษ"
คนอื่นๆ ในวงการก็ทำได้
.
.
.
ถ้าใส่เงินให้น้องสิบ แล้วน้องทำงานสิบ
พี่ใส่หยอดตู้อื่นก็ได้เหมือนกัน
น้องก็เป็นตู้หยอดเหรียญตู้นึง
ทุกปีก็มีตู้มาตั้งใหม่ มีน้ำแบบใหม่
ถึงน้องมีน้ำแบบใหม่ด้วย
แต่ตู้น้องมันเก่าแล้ว
ไม่น่ากด ไม่สดใสเหมือนตู้ใหม่ๆ
.
.
.
คนที่ทุ่มเทขี่ช้างจับตั๊กแตน
หยอดสิบ เทให้สี่สิบ
ขอสิงค์โปร์ หามาให้ทั้ง ASEAN
ให้ทำสไลค์ 15 แผ่น แอบเตรียม Back up มา 50
.
.
.
ไม่ใช่เขาบ้านะ...
แต่เพราะเขา "เคารพตัวเอง"
เขารู้ว่ามีศักดิ์ศรี...ที่อยู่เหนือผลงานนั้น
การขี่ช้างของเขา จึงไม่ใช่แค่จับตั๊กแตน
แต่มันคือการได้ขี่ช้าง
เขาจึงทำอย่างทุ่มเทตั้งใจ
.
.
.
ความตั้งใจนี้
มันจะเปล่งเป็นออร่าเคลือบอยู่ในงาน
ออร่านี้แหละ
ทำให้งานจาก “คนพิเศษ"
ต่างจากงานจาก “คนทั่วไป"
.
.
และออร่าแบบนี้ใครๆ ก็รับรู้ได้
และประทับใจเมื่อได้เห็น
(แบบเดียวกับพวกคลิปงานฝีมือเทพๆ นั่นแหละ)
.
.
และความประทับใจนี้แหละ
ที่ยอมควักเงินยัดให้
และอยากจะอวดให้เพื่อนๆ ฟังว่า
กูเจอ “ของดี” เว้ย สุดยอดดดด
.
.
.
และจากจุดนี้ คุณจึงเป็น “คนพิเศษ”
.
.
.
ผมลืมเล่าปัจจุบันของทั้งสองตัวอย่าง
คนแรก Graphic Designer
ตอนนี้เป็น Art Director อยู่ Agency ยักษ์ข้ามชาติ
ไม่รับงานเองแล้ว
.
ญี่ปุ่นสองคน
ตอนนี้มีบริษัทที่ปรึกษาเป็นของตัวเอง
(ก่อนนั้นเป็นลูกจ้าง)
วิ่งรอกทั้ง JP, TH, CN, SG, HK
เพราะใช้ Reference จากงานที่ทำให้เรา
.
.
ผลลัพธ์ของคนที่ดูเหมือนโง่ๆ ตอนส่งงาน
ที่ชอบขี่ข้างจับตั๊กแตน
สักวันหนึ่ง...สิ่งที่ทุ่มเทไป
จะไม่ทำให้ได้แค่ตั๊กแตนกลับบ้านแน่นอน

986 Nameless Fanboi Posted ID:oR+W83Wfv

แปลกเหรอ ถ้าบอกว่าใช้ Developer ออกแบบ UX?
จริงๆ อยากจะบอกว่าโดยประสบการณ์ที่ผ่านมา Developer มีแนวโน้มจะเป็น UX Designer ที่ดีมาก ดีกว่า Graphics Designer ที่มีพื้นเพมาจากทางด้านสื่อสิ่งพิมพ์ด้วยซ้ำ
เพราะ UX มันคือ "การใช้งาน" ไม่ใช่ "ความสวยงาม"
Developer มักจะต้องทดสอบโปรแกรมตัวเองบ่อยๆ อาจจะต้องทดลองใช้งานประจำ เขียนอะไรเสร็จบางอย่างก็ต้องทดลองใช้งาน นั่นคือชีวิตอยู่กับการใช้งาน แล้วก็อยู่กับงานจริง อะไรที่ทำได้ ทำยาก ทำแล้วมีปัญหาเชิงเทคนิคที่นำมาซึ่งปัญหาการใช้งานแน่ๆ พวกนี้ก็จะรู้ดี
และพวกนี้มักจะต้องคุยต้องแก้ปัญหาในการใช้งานจริง ให้กับผู้ใช้ และ/หรือลูกค้าตลอดเวลา
ดังนั้น พื้นฐานการ "ทดสอบตลอดเวลา" และ "การแก้ปัญหาการใช้งานจริง" นั้นมีพอสมควรอยู่แล้ว
แต่ Developer ไม่ได้สามารถออกแบบ UX เป็นได้โดย "อัตโนมัติ"
การ "ฝึก" Developer ให้สามารถทดสอบและออกแบบ UX ได้ ถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ในการทำงานพัฒนาซอฟต์แวร์สมัยใหม่
ส่วนเรื่องการทำสวย ยังไงๆ ก็ต้องพึ่งนักออกแบบกราฟิกส์มืออาชีพ เพราะจะฝึกโปรแกรมเมอร์ให้ทำแบบนั้นได้ ก็ยากไปนิด และไกลตัวโปรแกรมเมอร์ไป พึ่งพามืออาชีพที่เป็น Graphics Designer เลยดีกว่า

987 Nameless Fanboi Posted ID:oR+W83Wfv

ถ้าคิดว่าแฟร์จริง จะทำเอกสารลับทำเบื๊อกอะไร โปร่งใสประกาศออกสื่อไปเลยสิ..?
คนที่แยกไม่ออกว่าคอรัปชั่นคืออะไร จะปราบคอรัปชั่นได้ยังไงครับ..? ‪#‎กาก‬

988 Nameless Fanboi Posted ID:YPyxSBr0b

เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลมีการเปิดเผยงบใช้จ่ายเงินแผ่นดิน แต่งบลับเราไม่เปิดเผยนะครัช ชะละล่า

989 Nameless Fanboi Posted ID:oR+W83Wfv

เมื่อวานเขียนเรื่องการให้ Developer ออกแบบ UX ไป วันนี้เลยขอเขียนเพิ่มนิดหน่อย เดี๋ยวคนจะเข้าใจอะไรผิด smile emoticon

เนื้อหาเมื่อวาน มันเกิดจากการที่เห็นหลายคนทำหน้าช็อค เมื่อเราบอกว่า "ในทีมเราใช้ Developer ในการออกแบบ UX" เพราะเราใช้ Developer ในการคุยกับฝั่ง User และ Business ตรงๆ (และผมรู้สึกว่า พอพยายามอธิบาย ก็ทำหน้าเหมือนไม่อยากฟัง)

การสร้าง Application ที่ดี จริงๆ แล้วมันต้องเลิกมองแยกฝักแยกฝ่ายว่าใครทำอะไร แต่ให้มองว่ามันต้องมี Product ที่ "Design & Develop มาดีที่สุดเพื่อตอบโจทย์ของผู้ใช้งาน และ/หรือ โจทย์ทางธุรกิจ"

ดังนั้น จริงๆ แล้วมันเป็นไปไม่ได้ ที่มันจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ทำทั้งหมดโดยไม่เข้าใจอะไรอย่างอื่นเลย

Developer ที่ไม่เข้าใจ Design และ Business เลย จะทำงานพัง
Designer ที่ไม่เข้าใจ Developer และ Business เลย จะทำงานพัง
Business ที่ไม่เข้าใจ Developer และ Design เลย จะทำงานพัง

มันเหมือนเก้าอี้สามขาครับ .... มันจะตั้งอยู่ได้ต้องอาศัยทั้งสามขา ที่ยาวเท่าๆ กัน

นั่นแหละ ผมถึงบอกว่า "ในด้านของ UX ... ควรฝึกให้ Developer เข้าใจ UX Design" ด้วยพื้นฐานของเขาแล้ว เขาจะเรียนรู้และเข้าใจได้ไม่ยาก

สิ่งที่ยากกว่า (แต่ทำได้) ก็คือ "ในด้านของ Business .... ควรฝึกให้ Developer เข้าใจ Business" นั่นแหละ ..... เพราะพื้นฐานการทำงานไม่ค่อยอำนวยเอาซะเลย

งานทุกงานของผม รูปแบบการใช้งาน เกิดจากการที่ "ทุกคนในทีมคิดด้วยกัน" นั่นคือ Business จะมี Input ให้กับทางทั้ง Dev/Design, Dev จะมี Input ให้ทั้ง Design/Biz, Design จะมี Input ให้ทั้ง Dev/Biz

"เราไม่แยกฝ่ายแบบแยกกันคิด แต่เราแยกฝ่ายเพื่อเป็นเสาหลักในการ lead ความคิดแต่ละเรื่อง"

Team ไม่เคยเริ่มต้นจากการแยกกันเล่นครับ Team เริ่มต้นด้วยส่งบอลให้กัน เล่นประสานกัน วิ่งหาตำแหน่งที่ว่างเพื่อให้อีกคนที่กำลังมีบอลอยู่เล่นได้ง่ายขึ้น ... เพื่อส่งบอลเข้าประตูอีกฝั่ง

ป.ล. นึกถึง บ.หนึ่งที่ผมไปทำ Consult ให้ตอนนี้ หลังจาก Initial team evaluation ผมเดินไปบอกเจ้าของบริษัท

"คุณมี ~20 คน คุณมี 3 ฝ่าย ... แต่คุณไม่มี 1 ทีม"

[Ref: โพสท์เมื่อวาน]

990 Nameless Fanboi Posted ID:4O/wiTr9D

“ก่อนหน้านี้เรื่องราวของปัญหาการใช้แรงงานทาสในอุตสาหกรรมประมงไทยโด่งดังมาก แต่เพิ่งจะได้อ่านข่าวนี้ของเอพีที่ได้รางวัลพูลิตเซอร์ เขาใช้เวลาเป็นปีตามเรื่อง ผลของการนำเสนอข่าวทำให้มีแรงงานพม่าได้กลับบ้านร่วมสองพันคน และเปิดโปงปัญหาอันน่าเกลียดของการใช้แรงงานทาสในประมงไทยสู่สายตาชาวโลก

ในวิดีโอและงานเขียน มีเรื่องราวของมินนาย จากบ้านไปตั้งแต่วัยสิบแปด คิดว่าจะได้งานทำ เขากลับลงเอยถูกขายให้เรือประมงไทย เขากับแรงงานพม่าอีกจำนวนมากถูกบังคับให้ทำงานหนักแบบไม่ได้หยุด อาหารน้อย ไม่มีค่าแรง และถ้าทำงานช้าหรือหยุดจะถูกเฆี่ยนตีอย่างทารุณ คนพยายามหนีโดนฆ่า คนไทยที่คุมพม่าทำงานบอกพวกเขาว่า 'พวกมึงพม่าจะไม่ได้กลับบ้านอีก แม้ว่ามึงตายมึงก็จะไม่ได้กลับ' (เดาเอาว่าเขาคงไม่ได้พูดว่าคุณ)

มินพยายามหนี เขาถูกตีจนหัวแตก หนสุดท้ายที่เขากระโดดกอดขากัปตันเรือไทยขอกลับบ้าน เขาถูกจับล่ามโซ่ทิ้งกลางแดดกลางฝน ไม่ได้กินข้าวกินน้ำสามวัน จนกระทั่งหาวิธีไขกุญแจแล้วโดดหนีว่ายน้ำขึ้นฝั่ง หลบหนีอยู่ในป่าในอินโดหลายปี ความฝันที่จะได้กลับบ้านเริ่มเลือนลาง กระทั่งเมื่อมีการรายงานข่าวเปิดโปงเรื่องนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียจึงรวบรวมคนพม่าส่งกลับบ้าน มินจึงได้กลับไปพบครอบครัวและเห็นหน้าแม่อีกครั้งหลังจากหายไป 22 ปี แม่ของมินถึงกับเป็นลมด้วยความดีใจ มันเป็นข่าวที่ยาวมาก แต่รายงานได้ดีมากด้วย แม้แต่ตอนท้ายที่มินกลายเป็นคนแปลกหน้าในบ้านตัวเอง สมแล้วที่ได้พูลิตเซอร์ และเป็นข่าวที่มีอิมแพคมาก

ชอบการเล่าเรื่องของเขาด้วย”

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

“Congratulations! to Esther Htusan นักข่าวหญิงชาวคะฉิ่นเป็นหนึ่งในทีมนักข่าวเอพี 4 คนที่ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ประจำปี 2016 สำหรับการรายงานข่าวด้านบริการสาธารณะ (Public Service Journalism)

เธอเป็นนักข่าวจากพม่าคนแรกที่ได้รับรางวังพูลิตเซอร์

รายงานข่าวที่ได้รับรางวัลเป็นข่าวสืบสวนสอบสวนที่เกี่ยวกับแรงงานจากพม่าซึ่งถูกใช้เป็นแรงงานทาสในอุตสาหกรรมประมงแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ รายงานข่าวดังกล่าวนำไปสู่การช่วยเหลือแรงงานประมงที่ถูกบังคับใช้เป็นแรงงานทาสราว 2,000 คน และมีการนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังนำไปสู่การปฏิรูปการใช้แรงงานประมง”

‪#‎มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง‬

“ชิ้นนี้คนเขียนได้พูลิตเซอร์

ส่วน ภูเก็ตหวาน, อลัน มอริสัน, ชุติมา สีดาเสถียร, ฐปณีย์ เอียดศรีไชย พวกนี้ถ้าไม่โดนรัฐฟ้องคดีหมิ่นประมาทหรือพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก็โดนชาวไทยก่นด่านะครับ ข้อหา "ไม่รักชาติ””

‪#‎มิตรสหายอีกท่านอีกท่านหนึ่ง‬

991 Nameless Fanboi Posted ID:yP3C0e.4h

ไปนั่งรถไฟที่ญี่ปุ่นมา แล้วนึกอะไรได้
รถไฟความเร็วสูงค่าตั๋วแพงเหี้ยๆ ทำไมไทยเราเงี่ยนอยากได้แพงๆจังวะ คิดว่ามันจะราคาเท่า bts เหรอวะ
ระบบรางในญี่ปุ่นมีแยกกระจายเป็นหลายสายแต่เป็นระบบ และตรงต่อเวลา อันนี้กูอยากให้ไทยเลียนแบบนะ แต่แค่ตรงต่อเวลานี้ก็ยากล่ะมึง อย่างน้อยมีรางรถไฟแยกเป็นคู่สวนกันได้ก็ยังดี
แต่สงสัยได้ไล่ที่ไล่บ้านคนกันมโหฬารวะ ยิ่งดูของญี่ปุ่นบ้านแม่งเบียดกันขนาดนั้นอีก(เห็นว่าของญี่ปุ่นนี้มีภาษีที่ดินแพงจนคนแม่งอยู่แทบไม่ได้แทน)

ค่าโดยสารใช้เส้นทางปกติค่อนข้างถูกสำหรับค่าครองชีพที่นั่น(แต่ยังคงแพงเมื่อดูค่าเงินไทย)
คิดว่าปัจจัยรถไฟถูกของญี่ปุ่นมีหลายกรณีที่ทำให้กดราคาให้คุ้มได้ เช่น
- เป็นเอกชนที่มีหลายบริษัททำให้มีการแข่งขันด้านราคา ไม่ใช่การผูกขาดราคาแบบในไทย
- สัดส่วนผู้โดยสารหลักล้าน เอาแค่โตเกียวก็มีประชากรมากกว่ากรุงเทพ 3-5 เท่าได้(เดาๆจากประชากรแฝงและนักท่องเที่ยว) ทำให้มีเงินหมุนเวียนต่อเที่ยวต่อวันที่สูงมาก
- มีช่องการหารายได้เสริมมากมาย จากการทำพื้นที่ให้ร้านค้าเช่า/ตู้น้ำ บางสถานีเชื่อมต่อกับห้างสรรพสินค้า การโคกันกับบริษัทรถไฟสายอื่นๆหรือเมืองที่สังกัดส่งเสริมการท่องเที่ยว การให้เช่าพื้นที่โฆษณาต่างๆ

มามองไทยที่คนไทยอยากได้แต่ของถูกๆให้เท่ารถเมล์ แค่นี้กูก็รู้สึกว่าทำยากชิบหายจริงๆ

992 Nameless Fanboi Posted ID:pjV4OzZ1i

>>991 ต้องแยกกันระหว่างรถไฟความเร็วสูงกับรถไฟธรรมดา อย่าเอามาปนกันแล้วด่ารวมๆมั่วๆ
- ความเร็วสูงแพง ใช่ แต่มันใช้เดินทางข้ามจังหวัด และมันเร็วกว่ารถทัวร์และสะดวกกว่าสายการบินโลวคอสต์ไง มันมีโพสิชั่นของมันอยู่แล้ว คนจะใช้เค้าก็รู้กันอยู่แล้ว
- เรื่องระบบรางไม่เกี่ยวอะไรกับความเร็วสูงเลย ไม่ต้องไล่ที่ด้วย ที่รถไฟแม่งเยอะเหี้ยๆแล้ว ถ้าจะขยายเมื่อไรก็ทำได้ ประเด็นคือสหภาพรถไฟมันเป็นมาเฟีย และทำงานได้เหี้ยสัดๆ เรื่องตรงต่อเวลาก็ลืมได้เลย
- แข่งขันราคาทำไม่ได้ตราบใดที่ยังมีสหภาพ
- ผู้โดยสารมันเพิ่มได้อยู่แล้วถ้ามีระบบรองรับ bts mrt ก็เต็มตลอด รถไฟธรรมดาคนก็ใช้ไม่น้อย แค่พัฒนาให้ดีคนก็พร้อมจะย้ายไปใช้
- โมเดลรายได้เสริมแบบที่ว่าของไทยก็มีไม่ใช่เรอะ นี่เคยขึ้น bts mrt บ้างมั้ยเนี่ย แต่เรื่องเมืองท่องเที่ยวก็ไม่มีล่ะ เหตุผลเดิมคือความกากของสหภาพ
- เท่ารถเมล์อะไรยังไง ทุกวันนี้ก็เห็นนั่ง bts mrt ที่ราคาแพงกว่ารถเมล์เพื่อซื้อเวลาได้เป็นเรื่องปกติ อย่ามั่ว

993 Nameless Fanboi Posted ID:yP3C0e.4h

>>992
- ประเด็นคือคนมันอยากได้ค่าโดยสารถูกๆด้วยนะ
- กูหมายถึงมันมีพวกบ้านบุกรุกที่แทบจะติดรางรถไฟวะ
- สหภาพแม่งแก้ยากคนนอกก็เข้ายาก เข้าไปได้ก็อยู่ไม่ทนอีก ส่วนหนึ่งคือมันเคยมีคนจะไปหักดิบทันทีเลยแก้แม่งยากกว่าเดิมแทนที่จะค่อยๆแก้
- อันนี้กูสนใจว่าถ้าพวก BTS/MRT มันจะขยายไปครอบคลุมจังหวัดรอบๆกรุงเทพเลยวะพวก นครปฐม สมุทรสาคร ชลบุรี อยุธยา นครนายก ฯลฯ ตอนนี้มันยังกระจุกตัวอยู่

- กูเห็นคนด่า BTS/MRT แพงอยู่ตลอดเวลานะ วันนี้ก็กระทู้นี้ >>> http://pantip.com/topic/35062531

994 Nameless Fanboi Posted ID:ayimyKoku

ระบบทาสมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่หนังตะวันตก 12 years of slave บอกเราก็ได้นะ คือเรามองด้วยสายตาของคนนอกอาจจะดูว่ามันกดขี่ไม่มีเสรีภาพ แต่คนที่เป็นทาสเค้าโตมาด้วยความคิดแบบนั้นไง เค้าก็มีความสุขในแบบของเค้า ถ้านายทาสเลี้ยงเค้าดีๆ เค้าก็มีชีวิตอยู่ได้แบบมีความสุขในแบบของเค้า เราต้องเคารพตรงนี้ด้วย ความสุขของคนเราไม่เหมือนกันหรอก อย่าเอามาตรฐานของเราไปตัดสินชีวิตใครเลย

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

995 Nameless Fanboi Posted ID:J6/83qGrA

>>991 มึงลืมไปรึเปล่าว่าใครบริหารรถไฟ ถ้าให้เอกชนทำ อาจจะฟาดกำไรพุงปลิ้นไปแล้วก็ได้ ไม่เชื่อมึงดู BTS เทียบกับ MRT สถานี BTS แม่งโฆษณาจัดเต็ม แบ่งล๊อกให้เช่าขายของหลายสิบช่อง ของ MRT แม่งเอาเหลือที่ในสถานีโล่งๆให้ผีบรรพบุรุษมันอยู่รึไงก็ไม่รู้

996 Nameless Fanboi Posted ID:J8nSUXTdC

>>994 ดูจากข่าวคนแก่ญี่ปุ่น(รวมถึงที่อื่นๆ) อยากไปอยู่ในคุกนี้ก็สะท้อนนิดๆล่ะนะว่าอย่างน้อยเป็นทาสก็ยังมีที่ให้อยู่ แน่ยอนกูไม่อยากเป็นแบบนั้นวะ

>>995 กูว่าเพราะคนไทยชอบอะไรสูงๆมากกว่าไปอยู่ข้างใต้หรือปล่าว?

997 Nameless Fanboi Posted ID:D5v.nWeoQ

>>996 ไม่เกี่ยวหรอก รถใต้ดินคนขึ้นเยอะชิบหาย ช่วงเร่งด่วนเช้าเย็นมึงไปดูสถานีสุขุมวิทได้เลย บางทีต้องปิดไม่ให้ลงไปที่ชานชลาเพราะไม่มีที่ยืนด้วยซ้ำไป แต่ MRT เจอปัญหาเดียวกันคือจะทำอะไรทีก็ต้องขอราชการก่อน ขอปีนี้กว่าจะอนุมัติก็ชาติหน้าเข้าไปแล้ว ขนาดเป็นรัฐวิสาหกิจก็ขาดทุนเป็นอันดับ 3 แล้ว ถ้าให้รฟท.บริหารรับรองว่าเหี้ยกว่านี้แน่

998 Nameless Fanboi Posted ID:n.B47yRBj

>>993
- พวกเรื่องมากอยากได้ทั้งเร็วทั้งถูกทั้งดีก็ช่างมันเถอะว่ะ โครงสร้างทางการเงินเราไม่เหมือนประเทศพัฒนาแล้ว กว่าจะทำราคาลงมาได้ต้องใช้เวลา อย่างบินโลว์คอสกว่าจะมาบูมก็ไม่กี่ปีนี่เอง ถ้าระบบมันใหญ่พอและมีผู้เล่นเยอะราคาจะลงมาเอง ....ซึ่งก็มีสหภาพคอยขวางคลองอยู่
- พวกบ้านบุกรุกมันต้องโดนอยู่แล้ว ถ้าเยอะนักก็ม.44แม่ง
- bts mrt ขยายออกนอกเมืองนี่ยากว่ะ ไปรถยนต์แบบทุกวันนี้มันก็ไม่ช้าเร็วต่างกันมาก คนจะไม่ค่อยใช้ ไม่เหมือนในเมืองที่คนใช้เพราะได้เปรียบเรื่องเวลา ยังไงระบบรถรางข้ามจังหวัดก็ต้องรถไฟธรรมดาไปก่อน

999 Nameless Fanboi Posted ID:IbD+4fUIU

ประกันควรทำเพื่อเน้นค.คุ้มครอง
หรือลดภาษีเท่านั้น
แต่ไม่ใช่การออมเผื่อฉุกเฉิน
เนื่องจากสภาพคล่องต่ำมาก
จะได้ก้อนใหญ่ก็ต่อเมื่อเด๊ดสะมอเร่
หรืออาการหนักจริง
ถ้าถอนก่อนกำหนด
มูลค่าเงินที่ได้รับอาจลดลงอย่างหนัก
แถมเงื่อนไขการเคลมก็จุกจิก
จ่ายง่ายเคลมยาก
เราสามารถทำประกันให้ตัวเอง
โดยไม่ต้องง้อบ.ประกันครับ
เพียงแค่...

1000 Nameless Fanboi Posted ID:KthS2aykx

กูพึ่งมา แต่กูปิดโพสต์ อิอิ

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.