นั่งฟังท่านผู้นำบอกว่าคนตัดหญ้า ชาวนาโง่ ไม่เข้าใจเรื่องประชาธิปไตยแล้วตลกดี
อันที่จริงเป็นเรื่องจริงที่คนไทยเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยกันน้อย แต่พวกที่ไม่เข้าใจจริงๆไม่ใช่รากหญ้าหรอก แต่เป็นพวกชนชั้นกลางในเมือง
สิ่งที่เรียกว่ารัฐคือการเอาภาษีมากองกันเป็นกองกลาง การปกครองคือการตัดสินว่าจะเอาเงินกองกลางเนี่ยไปทำอะไรดี
ทุกคนต่างก็อยากเอาเงินมาใช้เพื่อตัวเองทั้งนั้น ประชาธิปไตยคือการที่เราถือว่าทุกคนเป็นเจ้าของประเทศเท่าๆกัน ดังนั้นจึงตัดสินว่าจะใช้เงินกองกลางอย่างไร ผ่านการตัดสินโดยเสียงส่วนใหญ่
คนต่างจังหวัดคุ้นเคยกับระบบนี้มากกว่า เพราะหลังจากการกระจายอำนาจของรัฐธรรมนูญ 40 เป็นต้นมา ชีวิตประจำวันของเขาก็อยู่กับระบบแบบนี้
ถนนจะตัดผ่านบ้านไหน ที่ไหนจะได้อ่างเก็บน้ำ จะปล่อยน้ำเมื่อไหร่ ประปาไฟฟ้าจะมาหรือไม่ จะสร้างตลาดที่ตรงไหน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งท้องถิ่น
การหาเสียงคือการสัญญาว่าจะใช้เงินภาษีไปทำอะไรบ้าง ส่วนการเลือกตั้งคือการสนับสนุนการใช้อำนาจปกครองให้เป็นไปดังที่โฆษณา
การบอกให้ไปเลือกคนดีนั้นเป็นสิ่งที่ตลก เพราะเราไม่รู้เลยว่าคนดีจะเอาเงินภาษีและอำนาจไปทำอะไร เราไม่รู้ว่าคนดีจะสร้างถนนผ่านหน้าบ้านเรามั้ย คนดีจะทำอ่างเก็บน้ำที่ไหน
สุดท้ายแล้ว สิ่งที่คนดีทำก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนดี ไม่ใช่ประโยชน์ของมหาชนเลย คนแบบนี้เก็บไว้ในวัดนั่นแหละดี ไม่เหมาะจะให้ใช้ภาษีของทุกคน
ชนชั้นกลางมีความเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยต่ำมาก ส่วนใหญ่แทบไม่ได้ไปประชุมเลือกกรรมการคอนโดของตัวเองด้วยซ้ำ เท่าที่ผมเห็นส่วนใหญ่เอาแต่บ่น แต่ไม่ยอมไปประชุมกรรมการคอนโด แล้วมันจะได้อย่างที่บ่นมั้ยล่ะ
วิธีอยากได้สิ่งที่คุณต้องการจากเงินส่วนกลาง คือการไปบอกนักการเมืองของคุณ (ชนชั้นกลางอาจจะไม่รู้จักแต่ชาวบ้านเขารู้ดีว่าต้องไปหาใคร) และต่อรองด้วยคะแนนเสียงเลือกตั้ง นี่แหละคือประชาธิปไตย
สมมุติว่าอยากให้ฟิตเนสเปิดถึงเที่ยงคืนเพราะทำงานดึก ก็ไปเคาะประตูหาคนลงชื่อสักห้าสิบคน แล้วไปประชุมบอกว่า เนี่ย ผมมีห้าสิบรายชื่อที่เลิกงานดึก เราน่าจะเอาเงินส่วนกลางไปจ่ายโอทียามดูแลฟิตเนสแล้วเปิดมันดึกๆนะ ถ้าพี่ทำได้ เดี๋ยวสมัยหน้าผมเลือกพี่เป็นกรรมการอีกรอบ... หรือถ้าคอนโดคุณคนน้อยหน่อย เป็นแบบประชุมทางตรง คุณเสนอไป คนเห็นด้วยเกินครึ่งที่เข้าประชุม ก็ได้ตามต้องการแล้ว ก็แค่นั้นเอง
เพราะมันไม่มีเทวดาที่จะรู้ทุกเรื่อง ทำดีตามใจคุณทุกอย่าง สิ่งเดียวที่คุณทำได้คือไปบอกมัน แล้วบีบบังคับต่อรองให้มันทำในสิ่งที่คุณต้องการ
คนต่างจัดหวัด ชาวบ้านที่ห่างไกล เข้าใจสัจธรรมนี้ดี จึงรู้ว่าการเลือกตั้งทำให้ชีวิตดีขึ้นเพียงใด แต่ชนชั้นกลางเมืองไม่เคยรู้เลย และยังหวังโง่ๆว่าจะมีเทวดาอยู่จริงบนโลกนี้
เหตุผลที่รัฐธรรมนูญของท่านผู้นำมันจัญไรเพราะว่ามันทำลายระบบการต่อรองที่สมบูรณ์ และมอบอำนาจให้ใครไม่รู้ที่คุณต่อรองกับมันไม่ได้แทน
สมมุติว่าคุณอยากได้อ่างเก็บน้ำ โดยทั่วไป คุณก็รวมตัวกันจำนวนมากส่งเรื่องไปที่นักการเมืองท้องถิ่น นักการเมืองท้องถิ่นก็จ ส่งเรื่องไปที่ สส. จากนั้น สส. ก็จะไปล็อบบี้เอางบมาจากสภา หรือเอาไปเสนอ ครม. นายกฯ ถ้ามันไม่ทำให้ คุณก็บอกว่า "ครวย ไหนมึงว่าจะไปเอางบทำอ่างเก็บน้ำให้ สมัยหน้ากูไม่เลือกให้แม่งละ มึงไปขอข้าววัดแดรกเอาละกันสมัยหน้า"
แต่รัฐธรรมนูญใหม่ของท่านผู้นำ ทั่น สว.ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ อาจจะปัดตกด้ือๆ หรือว่านายกฯ อาจจะมาจากไหนก็ไม่รู้ ก็ไม่ต้องฟัง สส.
แล้วแบบนี้อยากได้อ่างเก็บน้ำต้องไปคุยกับใครล่ะ?
ประเทศเป็นของคุณ อ่างเก็บน้ำก็อยู่หน้าบ้านคุณ แต่ถ้าอยากได้ก็ต้องรอว่าวันนึง คนดีเขาจะนึกขึ้นมาว่าน่าจะอ่างเก็บน้ำให้หมู่บ้านนี้นะ งั้นเหรอ
ฝันไปป่ะ ท่านผู้นำแกขี้มอไซค์เล่นในทำเนียบ เขาไม่รู้จักบ้านคุณด้วยซ้ำ แกก็พูดอยู่ทุกวันว่าแกไม่แคร์ฐานเสียง