ขอพูดมั่งเรื่อง Startup กับ SME.... อย่าด่ากรูนะ
SME เป็นองค์กรธุรกิจขนาดเล็ก (ในไทยถือเกณฑ์ revenue ต่อปีไม่เกิน 200 ล้านบาท) เป็นเรื่องของ Real Sector - ผู้ผลิต ผู้ขายส่ง ขายปลีก ตาม business model ดั้งเดิมของการส่งผ่าน value ไปตาม value chian แบบ Pipe business model คือ จากผู้ผลิต ไป distributor, dealer, retail shop จนถึงผู้บริโภค เป็นส่วนใหญ่ของธุรกิจที่เราดำเนินกันมาหลายร้อยปี
เมื่อมีเทคโนโลยีไอทีเข้ามา...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Software และ Internet เริ่มมีบทบาทในทางธุรกิจมากขึ้น จนหลายปีก่อน Marc Andressen นักลงทุนเจ้าพ่ออินเตอร์เน็ต ได้เอ่ยว่า "Software is eating the world" เพราะมันกินไปทีละอุตสาหกรรม ไม่ว่า เพลง ภาพยนต์ กล้องถ่ายรูป นาฬิกา ฯลฯ
และมันวิวัฒนาการต่อไปจนมากกว่านั้น มีการใช้ IT ไปสร้าง Business Model ใหม่ๆ (ตอนนี้ Business Model ต่างหากที่กำลังแดรกโลก) เช่น Uber, Airbnb ที่ชอบยกตัวอย่างกัน คือ Business Model เดิมมันมีปัญหา แท็กซี่เรียกยาก โรงแรมหายาก ราคาแพง ก็เอาไอทีมาทำ Business Model ใหม่ ในรูปแบบที่เรียกว่า Platform ตัด Supply chain แม่มหมด เอาผู้ให้บริการ มาชน (interact) โดยตรงกับผู้บริโภค โดย Business ใหม่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง (Platform) เล่นเอา อุตสาหกรรม Taxi และ โรงแรม ที่อยู่มาร่วมร้อยๆปี ถอยร่นไม่เป็นกระบวน จนต้องออกมาเดินขบวนกันใหญ่
ไอ้ธุรกิจที่มี Business Model แบบ Platform นี่แหละ มันเลยกลายเป็น trends ใครๆก็เริ่มหาปัญหาใหม่ๆ (จริงๆต้องเรียกว่าปัญหาเก่าๆที่เราเผชิญอยู่มานาน) แล้วก็เขียน Business model ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา
ทีนี้ใครมันจะรู้ว่าไอ้ Business model ใหม่นี่มันจะแก้ปัญหาได้จริงหรือป่าว ก็เลยเกิด phase ที่เรียกว่า "Startup" ขึ้นมา คือมีไอ้บ้าที่คิดว่าอะไรมีปัญหาแล้วก็เขียน Business Model ขึ้นมา แล้วก็ป่าวประกาศ โดยที่เป็นองค์กรที่ยังไม่มีรายได้ มีแต่กระดาษกับคนทำงาน ที่หลายคน "เชื่อ" ว่าความคิดพวกมรึงเจ๋งมาก กรูอยากลงทุนด้วย ก็ให้เงินที่เรียกว่า "Seeding Money" ไปลองทำดู เจ๊งเป็นเจ๊ง แค่อยากลอง
เนื่องจากไอ้ Business Model พวกนี้ถ้ามันคลิ๊ก มันก็จะโตเร็วเลย เรียกว่าสามารถ scale ได้ (ขยายตัวเร็ว) และ duplicate ได้ เช่น Uber ทำในประเทศนึง พอจะทำอีกประเทศนึง ก็ duplicate หรือ ทำซ้ำได้ โดยลงทุนไม่มาก ไม่เหมือนทำ Taxi เพราะไม่ต้องซื้อรถเอง ไม่ต้องจ้างคนขับ ฯลฯ
คนก็แห่กันไปลงทุน แห่กันไปเป็น Startup
บริษัท Startup เมื่อได้ seeding money มาแล้ว มาลองทำดู เมื่อมีรายได้เป็นจริงจังแล้ว ก็พ้นจาก stage ที่เรียกว่า Startup เข้าสู่ stage ของบริษัทธรรมดาสามัญ ที่สามารถระดมทุนต่อไปได้ อีตรงนี้จะเรียก SME ก็ได้ หรือถ้ามันโตเร็วมาก ระดมทุนรอบนี้ได้มาก มันก็ไม่ใช่ SME ถ้าเกินพันล้านดอลล่าห์ ก็เรียกว่า "ยูนิคอร์น" ไอ้หน้าม้ามีเขา นั่นแหละ
ในประเทศที่กรูอยากเท่ ก็คิดว่าเราควรมี Startup ดูบ้าง ก็เลยลองจัดงานดู ทำให้เราส่งเสริม Startup กัน
ยกตัวอย่าง
ลุงจิมขายน้ำพริกหนุ่ม ลุงจิมเป็น SME และมี SME อีกเป็นร้อยเป็นพันทำแบบเดียวกัน
ปัญหาคือคนอยากซื้อน้ำพริกหนุ่ม แต่ซื้อยาก ไม่แน่ว่าถูกใจ อร่อยปากหรือไม่
ลุงจิมเห็นปัญหา คิดเครื่องชิมน้ำพริกหนุ่ม แล้วก็ทำศูนย์รวมน้ำพริกหนุ่ม มีบริการส่งรสให้ชิมทางเว็บ ผู้ใช้เลียหน้าจอแล้วได้รสน้ำพริกหนุ่ม สั่งง่าย ส่งเร็ว มีแคชออนเดลิเวอรี่ ก็เอาไอเดียไป เสนอนักลงทุน นักลงทุนเห็นว่าดี เอ็งเอาเงินไปลองทำดู
ลุงจิมก็กลายเป็น Startup
ถ้าทำสำเร็จ ก็ระดมทุนต่อ เป็น SME ขนาดใหญ่ หรือเป็น ยูนิคอร์น แห่งวงการน้ำพริกหนุ่มไป
ถ้าเจ๊ง ก็ตัวใครตัวมัน ลุงจิมก็กลับมาเป็น SME ขายน้ำพริกหนุ่ม
ทั้งหมดนี้เป็นการเปรียบเปรย เท่าที่รู้ ผิดถูกยังไงก็ท้วงติงกันมานะครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์