Fanboi Channel

โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง

Last posted

Total of 1000 posts

755 Nameless Fanboi Posted ID:Y1vgmSgaB

คุณคงไม่ทันนึกกระมังว่า ในบรรดาคนทีตายฝัง กปปส น่ะ (เป็น ๓ เท่าของฝั่ง จนท) เกือบทุกคน (อาจจะยกเว้น "สุทิน" คนเดียว) เป็นระดับคนเล็กคนน้อย รวมทั้งคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ และเด็กด้วย

มิตรสหายหงอกท่านหนึ่ง

พวกมันตายมากกว่าฝั่งนู๋อีกหราคะ นู๋ก็มีเด็ก คนแก่ ผู้หญิงตายเหมือนกัน น่าจะมากกว่านะ

ช่าย เขาฆ่ากันเองเพื่อสร้างสถาณการณ์ให้เราเห็นมาหลายครั้งแล้วนะคะ 70 ปีแระ

มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง

756 Nameless Fanboi Posted ID:3qbEfS4yp

"คำสรรพนามว่า "ดิฉัน" มาจากไหน ?
คำว่า "ดิฉัน" นั้น เป็นคำที่มาจากภาษาบาลี (มคธ) ว่า ติรจฺฉาน (ติ-รัด-ฉาน) ส่วนภาษาสันสกฤตใช้ว่า ติรศฺจีน แปลตามรูปศัพท์แปลว่า ขวาง ติรจฺฉานคต = สัตว์ผู้มีร่างกายเจริญโดยขวาง หมายถึงสัตว์ทั่วไปยกเว้นมนุษย์ผู้เดินสองขา (ทวิปาทะ/ทวิบท) ทำให้ตั้งตัวตรงบนขาได้ ส่วนสัตว์ทั้งหลายมักทรงตัวบนขาทั้งสี่ (จตุบท) หรือมากกว่า (พหุบท) ซึ่งเป็นข้อแบ่งแยกระหว่างมนุษย์และสัตว์

คำๆ นี้ ไทยเรารับมาโดยทางศาสนาพุทธ มีปรากฎแล้วในวรรณคดีสมัยอยุธยา คำว่า "ดิฉัน" หรือ "ดีฉัน" แรกเริ่มทีเดียวเป็นสรรพนามของคนทั่วไปใช้พูดกับพระสงฆ์ ผู้เป็นที่นับถืออย่างสูง มาจากคำว่า "ดิรัจฉาน" คือยกย่องพระสงฆ์ว่าเป็นผู้ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งปวง (มนุษย์ก็นับว่าเป็นสัตว์เหมือนกัน แต่เป็นสัตว์ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งหลาย) ขณะเดียวกันผู้พูดก็ถ่อมตัวว่า ตนนั้นหากเปรียบกับพระสงฆ์ ก็ยังเป็นเพียงดิรัจฉาน จึงเรียกตัวเองว่า "ดิรัจฉาน" ต่อมา กร่อนไปเหลือแต่พยางค์ต้นกับท้าย กลายเป็น "ดิฉัน"

เดิมใช้คำนี้ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง แต่ต่อมาใช้กันแต่ในหมู่พวกผู้ชาย เวลาพูดกับพระสงฆ์ ปรากฏในวรรณคดี ‘ขุนช้างขุนแผน’ ก็มีเขียนไว้ว่า
“อ้ายโห้งฟังนายสบายจิต
ดีฉันคิดไว้แต่แรกลงมาถึง
ความรักไม่ชั่วจนตัวตึง
ค่าตัวชั่งหนึ่งอีคนนี้”

คำว่าดีฉัน พบในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนนั้น เป็นคำที่แสดงถึงวิถีชีวิตและสังคมของชาวบ้าน ตลอดจนการพูดจาของสามัญชนในยุคปลายกรุงศรีอยุธยา และต้นรัตนโกสินทร์

คำว่า ‘อีฉัน’ นี้ หากสันนิษฐานแบบลากเข้าศัพท์ เห็นจะมาจากคำว่า อี + ฉัน เพราะในสมัยก่อนผู้หญิงทั่วไปมักเรียกกันว่า อีนั่น อีนี่ เวลาพูดกับมูลนาย จะใช้ว่า ‘ฉัน’ ก็ดูไม่เป็นการนับถือยกย่อง จึงเลยเรียกตัวเองว่า ‘อี’ เสียก่อน จึงตามด้วย ‘ฉัน’ ส่วนคำว่า "ฉัน" และ "ท่าน" มีการกำหนดให้ใช้สรรพนามแทนบุรุษที่ 1 และ 2 ในสมัยจอมพลป. พิบูลสงคราม คำว่า ดิฉัน นี้ บางทีก็พูดเร็วๆ เป็น ‘อะฮั้น’ ‘เดี๊ยน’ บ้าง ‘ดั้น’ บ้าง ก็มี
รู้แบบนี้ ไม่ทราบว่ายังสนิทใจที่จะเรียกตัวเองว่า "ดิฉัน" กันอยู่หรือเปล่า?"

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

757 Nameless Fanboi Posted ID:ZdA.r99Er

"ไบฟางลี" คนจนผู้ยิ่งใหญ่...
จากหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของชายชราคนหนึ่ง
ชายแก่ผู้นี้คือ คนจนผู้ยิ่งใหญ่ผู้สมควรแก่การกราบไปที่หัวใจของแกสักล้านครั้ง! ต่อไปนี้เป็นการเรียบเรียงเรื่องราวที่น่าตื้นตันใจจากคำแปลของหมออั้ม อิราวัต...
ปี ค.ศ. 1987 ชายจีนวัย74ปีอาชีพถีบสามล้อรับจ้างชื่อไบฟางลี เดินทางกลับบ้านโดยคิดว่าจะหยุดอาชีพที่เหนื่อยยากนี้เสียทีหลังจากเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งเพื่อไว้ใช้ในบั้นปลายของชีวิต แต่เมื่อกลับบ้านก็พบกับภาพแห่งความสลดหดหู่ เมื่อเด็กๆแถวบ้านส่วนใหญ่ไร้การศึกษาต้องทำงานหนักเพราะยากจน ลุงไบตัดสินใจกลับไปถีบสามล้ออีกครั้ง แกทำงานอย่างหนักใช้เสื้อผ้าเก่าๆกินอยู่พอประทังชีวิตโดยเก็บเงินค่าจ้างทุกบาททุกสตางค์จากหยาดเหงื่อแรงงาน ทยอยบริจาคเป็นทุนการศึกษาเพื่อเด็กด้อยโอกาส...
14ปีต่อมาลุงไบปั่นสามล้อไปที่โรงเรียนในเมืองเทียนจิน มอบเงินทุนอีกเช่นเคย แต่ครั้งนี้เป็นเงินก้อนสุดท้าย โดยชายชราวัยเกือบ 90 ปีผู้นี้กล่าวต่อหน้านักเรียนที่แกไปมอบทุนให้ว่า เขาคงจะทำงานต่อไปไม่ไหวแล้วเขาอ่อนล้าเต็มที.. น้ำตาของครูและนักเรียนไหลพรากด้วยความตื้นตันใจ.. ลุงไบทำงานหนักเพราะแกไร้การศึกษาจึงมองเห็นความสำคัญของการศึกษา แกได้บริจาคเงินทุนเพื่อการศึกษาแก่เด็กด้อยโอกาสกว่า 300คน ได้เรียนต่อจากการค่อยๆทยอยให้รวมเป็นเงินทั้งสิ้นเกือบ 2 ล้านบาท
ลุงไบหัวใจเทวดาจากโลกไปอย่างสงบในปี 2005 เหลือไว้แต่ความทรงจำที่สวยงามของชีวิตชายชราผู้หนึ่งที่อุทิศตนด้วยความเหนื่อยยากเพื่อหารายได้นำมาบริจาคเพื่อเป็นทุนการศึกษา..
ความเสียสละของลุงไบอาจเป็นแรงบันดาลใจแด่คนที่มีความรักอันยิ่งใหญ่เพื่อเพื่อนมนุษย์ เป็นแบบอย่างของ"การให้ "ทีมีความหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก....ขอกราบคารวะหัวใจลุงไบคนจนผู้ยิ่งใหญ่คนนี้อีกครั้ง....

758 Nameless Fanboi Posted ID:DRdaRuVyy

"สปริงนิวส์สัมภาษณ์ อ.เจน ญาณทิพย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตสัมผัสจากกรมเจ้าที่(ตั้งอยู่ข้างกรมเจ้าท่า) อ.เจนแนะนำให้ถวายภัตราหารให้เจ้าที่(ถ้าไม่สะดวกควรตั้งภัตตาคารแทน)
ปรากฏการณ์ข่าวจริง(ประเทศไทย)"

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

759 Nameless Fanboi Posted ID:pPAJfqtp5

ไปเจอของดีมาเลยอยากแนะนำบอกต่อครับ
เคยเอื้อมไปหยิบมือถือมาตอบ Line กลางดึก แล้วแสงจากจอแยงตามาก ต้องใช้เวลาซักพักกว่าจะตอบข้อความได้ไม๊ครับ ?
เคยสงสัยไม๊ว่า ทำไมคนเราถึงอ่านอะไรบนจอคอมพิวเตอร์ / laptop / tablet แล้วจะไม่สามารถทำได้นานเท่าอ่านหนังสือเป็นเล่ม หรือจะปวดหัว / ตารู้สึกล้า ?
หรือหลายๆอาจจะคนใช้มือถือก่อนนอนนานๆแล้วพบว่าทำให้นอนหลับได้ยากขึ้น ?
สาเหตุนึงมาจาก "แสงสีฟ้า" ที่ออกมาจากหน้าจออุปกรณ์เหล่านั้นที่ไปส่งผลต่อสมองของเราครับ
ต้องเล่าก่อนว่า หน้าจออุปกรณ์อิเล็คทรอนิคทั้งหลายที่เราใช้ในปัจจุบันเนี่ย ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิปกติ (กลางวัน / ใช้งานใต้แสงแดด) ในขณะที่ร่างกายของเรา และสภาพแวดล้อมจริงของเรามีการเปลี่ยนแปลงของแสง ตลอดทั้งวัน
จออุปกรณ์ของเราจึงใช้งานได้ดีในเวลาปกติที่มีแสงแดดเพียงพอ แต่เมื่อเข้าสู่เวลากลางคืน หรือเข้าในที่ร่ม แดดหมด จอของเรายังทำงานเหมือนสภาวะที่อุณหภูมิสี เหมือนกลางวันอยู่.. เจ้า "แสงสีฟ้า" ที่ควรจะมีอยู่เฉพาะในเวลากลางวัน ก็ออกจากจอมาหลอกสมองของเราทำให้ร่างกายเราคิดว่าตอนนี้ยังเป็นเวลากลางวันอยู่ และทำให้สมองเราต้องใช้งานมากกว่าปกติในการประมวลผลของอุณหภูมิสีที่ตาเราไปโฟกัสอยู่ ส่งผลให้เกิดอาการล้าของสมอง ปวดหัว และนอนไม่หลับได้
ไม่นานมานี้จึงมีคนพยายามแก้ปัญหานี้ โดยเขียนโปรแกรมจัดการกำจัดแสงสีฟ้าของจอออกไปอัตโนมัติเมื่อถึงเวลาที่กำหนด (เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน) เป็น freeware ชื่อ f.lux สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีที่ https://justgetflux.com/ การใช้งานก็ง่ายมากๆแค่โหลดมาติดตั้งโปรแกรมจะรันเองอัตโนมัติ
ผมลองใช้เองมาซักพักนึงแล้วพบว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพตาและสุขภาพการใช้คอมพิวเตอร์ตอนกลางคืนนานๆมากๆ
ในเวลากลางวันที่มีแสงอาทิตย์ปกติ f.lux จะไม่ถูกใช้งาน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ถึงเวลากลางคืน แสงแดดหมด พระอาทิตย์ตกดิน f.lux จะปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอเราให้ เหมาะกับสภาพเวลานั้นๆมากที่สุดไปเรื่อยๆ หน้าจอเราจดูเหลืองขึ้นเรื่อยๆ เพราะ "แสงสีฟ้า" ได้ถูกปรับลดลง และจะลดลงเรื่อยๆจนกว่าจะใกล้เวลานอนของเรา เพื่อช่วยเตรียมสมองของเราให้พร้อมสำหรับการพักผ่อน
ผมมีตัวอย่างการใช้งานของผมให้ดูในภาพประกอบ โต๊ะทำงานที่ห้องของผมถูกจัดไว้โดยตั้งแสงไฟในห้องไว้ให้ไฟเป็นแสงสีเหลือง (warm white ที่ 2700 Kelvin) เหมาะกับการใช้สายตาสบายๆ ถ้าผมไม่เปิดใช้งาน f.lux ตามรูปบน อุณหภูมิสีที่ออกมาจากจอ จะมีแสงสีฟ้าค่อนข้างมาก ไม่เข้ากับสภาพอุณหภูมิสีของห้อง เมื่อใช้งานไปนานๆผมจะปวดหัวโดยไม่รู้ตัว แต่พอผมเปิดใช้งาน f.lux อุณหภูมิสีของจอ จะเหลืองขึ้นแสงสีฟ้าจะหายน้อยลง สีที่ออกมาจากจอจะใกล้เคียงอุณหภูมิสีของห้องมาก ช่วยให้ใช้งานได้สบายตาขึ้นมาก
อยากให้ใครที่มีปัญหาในการใช้งานคอมตอนกลางคืนลองเอาไปใช้กันดูครับ มีประโยชน์จริงๆ
อย่างไรก็ตาม f.lux นี่ไม่ได้ช่วยให้เราใช้งานคอมแล้วไม่ปวดตาเหมือนอ่านหนังสือเลยซะเดียวนะ แค่ช่วยให้มันล้าน้อยกว่าปกติแค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นใช้คอมเท่าที่จำเป็น disconnect to connect กันบ้าง
ปล.เสียอย่างเดียวคือใครก็ตามที่ใช้ทำงานที่ ซีเรียสเรื่องสีมากๆ เช่น งาน color grading / photo retouching อาจจะไม่เหมาะกับซอฟแวร์นี้ แต่งานทั่วไปเช่นงานเอกสาร เล่นเกม ดูหนัง ใช้เว็บ เหมาะมากครับ
ปล.2 ข้อมูลการ research ที่เขียนอ้างอิง หาอ่านเพิ่มเติมได้จากเว็บ f.lux ตามนี้คับ https://justgetflux.com/research.html
ปล.3 feature ตัดแสงสีฟ้านี้ จะมาลง iPhone / iPad เร็วๆนี้ รอใช้กันได้ น่าจะอัพเดทรอบหน้า iOS 9.3 มาในชื่อ Night Shift ครับ

760 Nameless Fanboi Posted ID:TzTOLVUkT

>>759 ดีเหี้ยๆ

761 Nameless Fanboi Posted ID:HRuEc5EjS

"midget = vertically challenged
fat = horizontally challenged
perverted = sexually dysfunctional
alive = temporarily metabolically abled
Negro = African American
Indian = Native American
Anyone from Central America, South America, or the Carribean = Hispanic
body odor = nondiscretionary fragrance
dishonese = ethically disoriented
gay = different
wrong = differently logical
dead = living impaired
pregnant = parasitically opressed
fired = laid off
poor = financially inept
homeless = residentially flexible
tall = person of height
garbage-man = sanitation engineer
blind = visually challenged"
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

"ไอ้บ้า"
‪#‎มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง‬

"retarded= mentally challenged"
‪#‎มิตรสหายท่านที่สาม

762 Nameless Fanboi Posted ID:nkIygDz1o

>>761 Political Correctขั้นเเอดวานซ์ ลิเบอร่านPCจำไปใช้กันนะครับ จะได้รู้สึกสูงส่งกว่าพวกต่ำช้าใช้คำไม่ถูกต้องoffenceคนอื่น

763 Nameless Fanboi Posted ID:PdsJfd7cI

>>761
"In the land of the visually impaired, the partially-sighted person is fully empowered."
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

764 Nameless Fanboi Posted ID:NxS8hMNl2

เรามีพี่ที่รู้จักอายุห้าสิบกว่าแล้วไม่มีบ้านไม่มีอะไรทั้งสิ้นเงินก็คงไม่กี่หมื่น ตลอดชีวิตพี่ส่งเงินให้แม่หมด แล้วแม่ก็ดันเอาเงินไปให้วัดหมด
คือไปงมงายเกินตัว สุดท้ายตอนนี้ลำบากทั้งบ้าน
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

765 Nameless Fanboi Posted ID:7v.Y10R3F

>>764 พุทธแท้ต้องธรรมกายครับ

766 Nameless Fanboi Posted ID:mFHiTG2kz

>>764 ลำบากตอนนี้แค่ไม่กี่ปี เดี๋ยวตายไปเมื่อไหร่จะได้อยู่อย่างสุขสบายตลอดกาล มันก็คุ้มนะกูว่า

767 Nameless Fanboi Posted ID:WULfJEpF1

"หลายปีก่อนมีสกู้ปข่าวที่สั่นสะเทือนวงการสื่อชิ้นหนึ่ง คือสกู้ปข่าวของช่องไอทีวีที่นำเสนอว่าปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค นั้นเป็นฝีมือของทหารลาวยิงกระสุนส่องแสงตรงฝั่งลาว

น้อยคนนักที่จะรู้ว่าในครั้งนั้นคนลาวที่มีส่วนกับสกู้ปชิ้นนี้ของไอทีวี (คนที่ลงเรือลอยไปในแม่น้ำโขง, ยิงปืนอาก้า,พร้อมทั้งคนที่หันหลังเข็นจักรยานสองล้อและให้สัมภาษณ์กับไอทีวีว่าเป็นคนยิงปืนขึ้นฟ้าเอง) ถูกศาลลาวสั่งจำคุกคนละ 12 ปี ในข้อหานำบุคคลต่างด้าวเข้าประเทศผิดกฎหมายและให้ข้อมูลที่เป็นการทำลายประเทศ"

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

768 Nameless Fanboi Posted ID:7v.Y10R3F

>>767 ลาวนี่มันลาวจริงๆ

769 Nameless Fanboi Posted ID:X6m2ka6nf

ความแตกต่างระหว่างคนที่มีผลลัพธ์กับคนที่ไม่มีผลลัพธ์มีเรื่องเดียว...
"Discipline" - "วินัย"
อย่าอ้างว่ามีความรู้ไม่เท่ากัน เพราะยุคนี้ความรู้มีให้เรียนจนล้นโลก
อย่าอ้างว่ามีเวลาไม่เท่ากัน เพราะเวลาเป็นเรื่องที่จัดการได้
อย่าอ้างว่ามีทุนไม่เท่ากัน เพราะมีแนวทางเยอะแยะที่เราไม่ต้องใช้ทุนสูงๆ
ข้ออ้างพวกนี้ไร้สาระมากๆครับ
จริงๆแล้วมันแตกต่างกันแค่ในขณะที่คุณทำแล้วยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการก็ล้มเลิกไปก่อนก็เท่านั้น ส่วนคนที่มีผลลัพธ์เค้าค่อยๆขัดเกลาจากผลลัพธ์เล็กๆจนผลลัพธ์ขยายไปเรื่อยๆจนได้ตามเป้าหมายที่เค้าต้องการ
ถ้าอยากมีผลลัพธ์ก็เลิกหาข้ออ้างโยนความผิดไปทางอื่นกันได้แล้วครับ กลับมามองตัวเองแล้วสร้าง "วินัย" ให้กับตัวเองกันน่าจะดีกว่า
วินัยที่เข้มแข็งนี่ล่ะที่จะทำให้คุณทำงานไปเรื่อยๆโดยไม่ล้มเลิกไปก่อนได้ และแน่นอนว่าผลลัพธ์ก็จะตามมาเอง!
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

770 Nameless Fanboi Posted ID:SK4BOy17y

ไหนๆกะว่าจะไม่จีบใครเป็นแฟนอีกแล้ว งั้นเฉลยเลยละกันว่า ที่ผ่านมา 20 ปี ใครก็ตามที่โดนกูจีบเนี่ย คือคนที่กูวิเคราะห์แล้วว่ามี "ฐานันดร" ใกล้เคียงกับกูว่ะ เพราะกูมองในแง่การลงทุน อะไรที่มีความเสี่ยงว่า ลงทุนแล้วไม่เห็นผล ก็จะไม่ลงทุน ดังนั้น ใครที่ "ฐานันดร" สูงกว่ากู (หน้าตา นิสัย อาชีพ ฐานะการเงิน) กูจะไม่จีบเด็ดขาด
แล้วทีนี้ การที่กูโดนปฏิเสธบ่อยๆเนี่ย กูวิเคราะห์ไว้แล้วว่าเพราะ 1.กูคาดการณ์ผิดว่า คนๆนั้นฐานันดรเท่ากับกู แต่จริงๆแล้วฐานันดรสูงกว่า (อันนี้กูผิดเอง) 2.คนๆนั้นฐานันดรเท่ากับกูจริงๆ แต่เสือกคิดว่าตัวเองฐานันดรสูงกว่ากู เลยไม่เอากู (อันนี้มึงผิด)
ก็เลยคิดว่า เฮ้ย กูไม่จีบใครแล่ะ เบื่อ เหนื่อย ใครอยากได้กู ก็มาจีบกูเองละกัน ถ้าไม่มีมาจีบ ก็อยู่เป็นโสดไปจนตายก็ได้ (แต่คงไม่ซื้อผู้ชายแดกหรอก เพราะเคยลองแล้ว แม่งเหมือนเอากับศพ)

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

771 Nameless Fanboi Posted ID:nxqOd8rjJ

>>770 กะเลือกแต่คนที่เค้าเข้ากับมึงได้ โดยที่มึงไม่ต้องปรับหีแตดอะไรเลย ว่างั้น

772 Nameless Fanboi Posted ID:SK4BOy17y

วันนี้โชคดีมากได้ Hangouts คุยกับคุณ Refael Zikavashvili (Co-Founder ของเว็บ Pramp.com ที่ใช้ฝึก mock up interview) มีหลายอย่างน่าสนใจเลยมาเล่าให้ฟังกัน
สาเหตุที่อยู่ดีๆได้คุยคือเราไม่ได้ใช้เว็บเค้ามา 1 สัปดาห์ แล้วเราทำคะแนนต่างๆได้ดี (โดยเฉพาะการเป็น interviewer ซ้อมให้คนอื่น) เค้าเลยเมลมาถามว่าทำไมถึงไม่ใช้ต่อล่ะ เลยบอกเค้าว่าเพิ่งตกสัมภาษณ์ Google ไป แล้วยังไม่มีบริษัทอื่นเรียกสัมภาษณ์เลย เลยพักเบรกจากการซ้อมสัมภาษณ์ก่อน เค้าเลยบอกว่างั้นขอ hangouts กันหน่อย เพราะ business model เค้าคือได้รายได้จากการทำ head hunter โดยใช้ platform เค้าประเมินคนที่มีศักยภาพทั้งฝีมือ การสื่อสารและความน่าทำงานร่วมด้วย เดี๋ยวเค้าช่วยลองหา recuirter partner ที่สนใจให้ แต่ไม่รับรองว่าจะได้รึเปล่า
เค้าบอกว่าตอนนี้บริษัทเค้าผ่านเข้า YCombinator ด้วย (โดยมีพนักงานแค่ 2 คน คือ Co-founder ทั้งสอง) เลยได้มีโอกาสถามว่าภายใน YC เป็นยังไงบ้าง เค้าก็เล่าให้ฟังสนุกดี ไม่น่าเชื่อว่าจะมีโอกาสได้คุยกับ Co-founder บริษัทเพิ่งเกิดแล้วเข้า YC ด้วย
เค้าแพนวิดีโอออฟฟิสเค้าให้ดู อยู่ตึกตรงข้าม Mozilla กับ Google SF เลย เห็นวิวสะพาน San Francisco-Oakland Bay กับทะเลสาบสวยงาม ออฟฟิสยังโล่งมาก (น่าจะอยู่ใกล้ๆ Thanik Bhongbhibhat)
ตัว platform ของ Pramp เองใช้ Node.js ก็เลยได้คุยกับเรื่อง Node.js และเรื่อง Angular กับเค้าและโยงไปถึง React/Redux เล็กน้อย
ถามเค้าว่า resume เราควรปรับปรุงอะไรมั้ย ทำไมไม่มีใครเรียกสัมภาษณ์เลย เค้าบอกว่า resume เราดีมากแล้ว ติดปัญหาแค่เรื่อง VISA เพราะถ้าไม่มี VISA นี่ถูกคัดตกตั้งแต่ recruiter ไม่มีโอกาสที่ Engineering Manager จะได้เห็นความสามารถที่เขียนใน resume เลย และแนะนำว่าให้สมัครบริษัทใหญ่ๆทั้งหมด พวกบริษัท startup นี่หวังยากมาก เพราะนอกจาก cost เรื่อง VISA ที่ต้อง sponsor จ่ายให้เราแล้ว ยังต้องทำเอกสารยุ่งยากอีกเยอะ และกว่าจะได้ทำงานจริงก็ใช้เวลานานไม่ทันกิน เพราะ startup ต้องรีบสร้างผลงาน ดังนั้นให้สมัครบริษัทใหญ่ทั้งหมด และให้ดูด้วยว่าเป็นบริษัทใหญ่ที่ VISA friendly มั้ย
เค้าเอ่ยชื่อหลายบริษัท และหนึ่งในนั้นคือ Microsoft เราหัวเราะขำๆแล้วบอกว่าไม่อยากทำงาน Microsoft เท่าไหร่ อยากทำบริษัทที่เน้น Opensource Technology มากกว่า เค้าก็หัวเราะบอกว่าตอนนี้ MS ยุค Satya นี่ดีขึ้นเยอะเลยนะ ยังไงแนะนำว่าควรยื่นไปดู (สงสัยจะได้ขายวิญญาณก็คราวนี้ 55)
ถามเค้าว่าเป็นคนอิสราเอลแล้วเริ่มทำงานที่ US ด้วยท่าไหน เค้าบอกว่าเค้าใช้การเรียนต่อ ด้วยเรียนที่ Harvard Business School แล้วค่อยทำงาน และคนชอบถามเค้าว่าได้เรียนรู้อะไรบ้างที่ HBS เค้าบอกว่า "learn nothing" สิ่งที่เค้าได้คือ 1. Connection กับได้รู้จัก super smart guys จำนวนมาก 2. ตราประทับว่าจบจาก Harvard และด้วยสาเหตุเดียวกันที่เค้าเข้า YCombinator เพราะอยากได้ตราประทับว่าผ่าน YC เค้าบอกว่าใน YC ก็ไม่ได้ช่วยอะไรในการทำ business จริงๆมากเท่าไหร่ แต่ก็ได้เข้าถึงแหล่ง funding จำนวนมาก
เรื่องภาษาอังกฤษเค้าบอกว่าเราดีมาก การสื่อสารไม่เป็นอุปสรรค แต่จะติดเรื่องสำเนียง (pronunciation) บางครั้งพูดเร็วจะฟังยาก ให้ฝึกพูดช้าๆและอ้าปากกว้างๆ ตอนแรกๆจะไม่ค่อยชินแต่จะช่วยให้ดีขึ้นมาก เพราะเค้าบอกว่าเรื่องสำเนียงนี่สำคัญเหมือนกัน เพราะหลายที่ก็ bias เรื่องสำเนียงภาษา (เค้าเป็นคนอิสราเอล ซึ่งเคยพูดไม่ชัดมาก่อนเหมือนกัน) และทิ้งท้ายแนะนำว่าให้หาทางฝึกกับ native speaker เยอะๆเลย เพราะการที่สำเนียงชัดจะช่วยเปิดโอกาสให้ได้เยอะมาก
สุดท้ายช่วยเค้าขายเว็บล่ะกัน ใครอยากฝึก mock interview ลองเล่นได้ที่ pramp.com ผมว่าเป็น product ที่ทำมาดี ได้ฝึกทำโจทย์และได้ฝึกคุยกับต่างชาติไปในตัวโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย
Update: เรื่องสำเนียงภาษา เพื่อนที่อเมริกาบอกว่าถ้าเป็นที่ San Francisco เรื่องสำเนียงไม่ค่อยมีคน bias เท่าไหร่ เพราะว่าเมืองเต็มไปด้วยต่างชาติอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นแถบ mid-west หรือบริษัทที่อเมริกันจ๋าก็จะมี bias อยู่

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

773 Nameless Fanboi Posted ID:0y9d6iMOO

>>770 หน้ากับหุ่นมิตรสหายท่านนี้คงเหี้ยมากจนผู้ชายไม่เกิดอารมณ์สินะครับ

774 Nameless Fanboi Posted ID:T9RQ799eN

>>773 มิตรสหายท่านนี้เป็นเกย์

775 Nameless Fanboi Posted ID:SK4BOy17y

ลืมเขียน จนมาวันนี้ขับตามรถคันนึงที่ ติดรถเข็นคนพิการไว้ท้ายรถ....
สมัยนู้นก่อนที่ตัดสินใจจะเปิดตู้ญี่ปุ่นกันเอง ... ก็จะไปดีลกับเจ้านึงว่าจะดีลยังไง วันนั้นไปถึง ก็มีรถเข็นคนพิการลงมา 5 คัน... สภาพไม่ได้ดีอะไร แล้วก็มีผู้หญิงท่านนึงมาพร้อมกับลูกชาย มาขอซื้อไอ้ทางเจ้าของ ว่าขอซื้อรถเข็นให้ลูกชาย ที่เดินไม่ค่อยดี ทางตัวค่อนข้างลำบาก
แต่ด้วยราคาที่เปิดมาแรงมาก ผู้หญิงท่านนั้นเงินไม่พอ และถอดใจไม่ซื้อ ทางทีมผมและพวกพี่ๆตอนนั้น จึงตัดสินใจช่วยกันระดมทุนลงไป แล้วซื้อรถเข็นคันนั้นไป
แต่รู้ไหมฮะ ด้วยน้ำใจคนที่มันไม่มี ราคาลดลงเพื่อคนที่ลำบากแม่งยังไม่มี ... เห็นคนลำบากตรงหน้า แม่งยังอ้างว่าลดไม่ได้ เพราะทุนแพง .... เพราะเหตุการนี้ ไอ้คนส่งตู้เจ้านี้ พวกผมเลยไม่ทำธุรกิจด้วย เพราะแค่นี้มันยังไม่เห็นหัวกัน ก็ยากที่จะร่วมวงธุรกิจ
จนมาวันนึงผมไปอยู่แม่สอด ไปทำธุรกิจที่นั่น ที่โกดังที่ผมทำอยู่ ก็มีรถเข็นสำหรับคนพิการค้างอยู่ 4-5 คัน ระหว่างที่ผมดูของอยู่ ก็มีครอบครัวนึงมาขอดูรถเข็น ตอนนั้นผมก็เห็นแค่พ่อของเด็ก เดินมาถามผมว่า รถเข็นขายยังไง ผมไม่ทราบราคาเลยเดินไปหาเจ้าของโกดัง และเป็นล่ามเแปล อังกฤษเป็นไทยให้ ระหว่างนั้นแฟนเจ้าของโกดังที่เป็นพม่า เดินมาพอดี เลยบอกราคาคันละ 2,500 บาท
พ่อเด็กดีใจ น่าจะเพราะราคาต่ำกว่าที่อื่น แต่เค้าก็ถามว่า ลดได้อีกไหม.... เพราะเค้ากลัวว่าต้องเอาไปทำเพิ่ม ตอนนั้นเอง ที่พ่อของเด็กก็ชี้ไปที่ลูกเค้า ว่าเนี่ยคนที่ต้องใช้...
เพียงเท่านั้น แฟนเจ้าของโกดังรีบบอก งั้นไม่เอาราคาเดิม เอาแค่ 1,000 เดียวพอ เป็นค่าทุน แล้วรีบสั่งลูกน้อง รื้อรถที่มีลงมาให้หมด ถอดชิ้นส่วนต่างๆที่เสียๆออก ประกอบใหม่ขึ้นมาให้ดีที่สุด.... ลูกน้องในโกดังนี่ก็บรรจง จัดแจง เลือกดีที่สุดจริงๆ
คือ ในใจคิดว่าช่วย แต่ไม่ต้องหล่ะ งานนี้คนที่มีน้ำใจแม่งเยอะ ... และมากกว่าคนชาติเดียวกันด้วย บอกตรงๆว่า อายแทนน้ำใจที่มันเหือดหายไป
ก่อนพ่อเด็กกลับไป ก็ขอบคุณที่ผมช่วยแปลให้ เค้าบอกว่า มาตามคนเค้าบอกว่าที่นี่อยู่ตรงไหน คือ เค้าเสาะหาราคาถูกๆมานาน แต่ของพวกนี้ แพงเกินไป ...
บางทีช่วยๆกันบ้างเถอะ เรื่องแค่นี้ คนลำบากมีเยอะพอแล้ว

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

776 Nameless Fanboi Posted ID:mK0A4u7h2

ก็เหมือนกับการที่คุณขับรถอยู่บนถนน ถ้าคุณมัวแต่มองรถคันหน้าเป็นเป้าหมายของคุณ และไล่ตามมันไป … มันก็จะนำคุณไปตลอดทาง และก็จะทิ้งให้คุณไว้ข้างหลัง … แต่ถ้าคุณมองว่าปลายทางต่างหากที่เป็นเป้าหมายคุณก็จะผ่านมันไปอย่างง่ายดาย

#โม่งอาเซียน

777 Nameless Fanboi Posted ID:W4PzhL.PC

>>776 แต่ถ้ารถที่คันที่เรากำลังตามหลังอยู่ถึงจุดหมาย เราก็จะถึงจุดหมายนั้นด้วย
ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ

778 Nameless Fanboi Posted ID:lU3fvH/Dc

อาเซียนมันควรจะกอดคอไปเข้าเส้นชัยพร้อมๆกันนิ ใครช้าก็ช่วยดึง

เเต่เป็นไปไม่ได้หรอก ภูมิภาคเเถบนี้เกลียดกันจะตายห่า 555

779 Nameless Fanboi Posted ID:kuDLORjKy

อะไรวะ กูแค่ถามว่ากรุ๊ปในเฟสนี่มันมีอะไรดีมั่งมั้ย กูไม่ค่อยได้เข้าเฟสกับไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจพอเลยยังดูๆอยู่แค่เนี้ยะ มาหาว่ากูไม่ยอมหาข้อมูล ไม่ยอมอ่านกฏ ไม่ชอบก็ออกเองดิ คือพูดดีๆก็เข้าใจป่ะ นี่ต้องมากระแนะกระแหน ฮึ กูกดออกเองก็ได้ ไม่ต้องรอเค้าเคลียร์สมาชิกไม่อัพเดตออกจากกลุ่มหรอก แม่ง... มึงก็บอกเองว่าเป็นสายซุ่มอยู่ในนั้น กูก็ซุ่มอยู่ แต่โดนพูดแบบนี้นี่เคืองชิบ

780 Nameless Fanboi Posted ID:Sc+vuMtne

ไม่รู้หรอกว่าคนที่ขับรถโดยทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตนี่เรียกว่าคนยังไง แต่ส่วนตัวรู้ว่าตัวเองไม่พร้อมในหลายๆอย่างตอนขับรถ ทุกวันนี้ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ขับ ใช้คนขับรถ หรือภรรยาขับซะส่วนมาก
แต่เท่าที่เห็นในข่าว ก็เห็นแต่ละคนดูมีฐานะทั้งนั้น เงินเดือนจ้างคนขับรถปัจจุบันก็ 20,000 +/- ทำไมถึงไม่รู้จักคิดกันให้ดี คนไหนไม่สบาย ซึมเศร้า ยิ่งไม่ควรขับ
...ขับแล้วเกิดอุบัติเหตุตายคนเดียวคนข้างหลังก็เสียใจ ขับไปทำให้คนอื่นตายแต่ตัวเองรอดจะใช้ชีวิตโดยไม่มีความทุกข์ได้ยังไง

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

781 Nameless Fanboi Posted ID:Sc+vuMtne

แต่ก่อนใช้บริการ GrabTaxi ประจำ คนขับจะชอบมากเพราะรายได้จาก Grab ดี ช่วงแรกๆลดแลกแจกแถมให้คนขับ วันนี้ต้องเรียกไปสนามบินกด 4 รอบกว่าจะมีคนขับรับงาน คุยกับคนขับบอกว่าตอนนี้ Taxi ถ้าไม่อยู่ใกล้ไม่มีใครอยากรับ เพราะแม้แต่ 25 บาทที่เคยได้ 18 บาทก็ไม่ได้แล้ว ถามว่าอ้าวแล้วผู้โดยสารละเยอะไหม เขาบอกว่าช่วงไหนมีโปรโมชั่นให้ผู้โดยสารคนก็เยอะเพราะเหมือนผู้โดยสารแทบขึ้นฟรี Grabbike ตอนนี้ก็ผู้โดยสารน้อยลง Taxi ยิ่งเรียกยากต้องหลายรอบคนก็หาย .. นึกถึงวิธีการที่บริษัท Unicorn รายนี้เอาเงินลงทุนที่ได้มา $1,500 ล้าน บางส่วนมาซื้อคนขับตอนนี้เริ่มมาเอาใจผู้โดยสาร หวังว่าจะได้เป็นเบอร์หนึ่ง ให้ลูกค้าและคนขับติดใจคงต้องดูต่อว่าจะเป็นอย่างไรน่าสนใจติดตาม

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

782 Nameless Fanboi Posted ID:0NSUXz5+f

ไม่ต้องถึงกับหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์หรอกครับ ลองตอบคำถามนี้ดูแล้วจะได้คำตอบ
1 พวกฝรั่ง(แก่)มาเที่ยวเมืองไทย มีโอกาสเจอสาวๆที่ไหนละ
2 ที่นั้นมีสาวประเภทไหนทำงานอยู่
พวกฝรั่งแก่ๆที่มาได้เมียเด็กไทยก็จะได้แต่ผู้หญิงพวกนี้แหละ ผู้หญิงดีๆตามออฟฟิศที่ไหนเค้าจะชอบกันและไม่มีโอกาสเจอกันด้วย คือสาวอีสานเค้าก็ใช่ว่าจะชอบฝรั่งพวกนั้นนะ แต่แค่ไม่มีทางเลือกอื่นเท่านั้นเอง และอีกอย่างเค้าไม่ได้เลือกเพราะรักแท้ เค้าเลือกเพราะเงิน ไม่มีเงินรับรองว่าไม่มีใครแลหรอก สรุปคือเลือกไม่ได้ทั้งคู่แหละ แต่ที่ได้กันก็วินวินทั้งคู่ ฝรั่งแก่หาเมียสาวในประเทศตัวเองไม่ได้ ส่วนสาวไทยก็ยอมมีผัวแก่แต่มีเงินดีกว่ามีผัวไทยแต่ไม่รับผิดชอบ
ฝรั่งเกรดดีๆการงานดีๆสังคมดีๆที่แต่งกับหญิงไทยก็จะเป็นอีกกลุ่มนึง กลับไม่ค่อยเห็นมีพวกผู้หญิงอีสานด้วยซํ้า เพราะสังคมมันต่างกันก็จะเจอคนต่าง(ระดับ)กัน

ยกตยง่ายๆ ที่ญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นที่แต่งกับหญิงไทยหลายพันคู่ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกไปหากินที่นั่น เจอกันในร้าน (ไปถ่ายตัวมาบ้าง) เป็นลูกค้ากัน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสาวอีสาน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคนญี่ปุ่นชอบสาวอีสาน แต่คนที่มาทำงานส่วนใหญ่จะเป็นสาวอีสาน พวกสาวเชื้อจีนที่ส่วนใหญ่มีฐานะ การศึกษา เค้าก็ไม่มาทำกันก็เลยไม่มีพวกนี้เท่านั้นเอง แต่ถ้ามีก็จะเป็นพวกที่ไปเรียนต่อแล้วเจอคู่แต่งงานกัน ไม่ก็เจอกันในที่ทำงาน(ไม่ใช่ร้านหรือบาร์นะ) ซึ่งเป็นคนละกลุ่มสังคมกัน

783 Nameless Fanboi Posted ID:rZr3I/+p5

ที่จริงมึงตัองมองให้ออกด้วยนะที่บอกว่าแอมไทแอมไท ทุกวันนี้อาจจะนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านชาวป่าชาวเขาชายแดนด้วย. ซึ่งบางสังคมเขาเลี้ยงลูกสาวให้สงบสเงี่ยมเรียบร้อยอยู่ในโอวาสด้วย.

ซึ่งป๋าๆทั้งไทยทั้งฝรั่งก็ชอบเด็กเอ๊าะๆกริยามารยาทนุ่มนิ่มไม่มีปากเสียงอยู่แล้ว ซึ่งถ้าไปเจอในซ่องเมืองนอกจริงแต่ถูกใจมากป๋าอาจจะไถ่ตัวมาปรนนิบัติส่วนตัวก็ก็ว่าสมเหตุสมผลดีนะ. แต่ที่ด่าอีสานหาผัวฝรั่งคือกูว่าหลายคนติดภาพลักษณ์ว่าเมียฝรั่งคิดว่าฝรั่งเป็นเทวดาแล้วกูเป็นเมียฝรั่งจะเป็นเทวดาไปด้วย ซึ่งหลายคนคงเคยเจอผัวฝรั่ง-เมียอีสานก่อดราม่าใกล้บ้านมาแล้ว. ทั้งหลายทั้งมวลคือฝรั่งบางคนอาจจะรวยแต่นิสัยเหี้ยก็มีแถมมาเจอเมียอีสานEQ.ต่ำด้วยยิ่งเหี้ยระรานเพื่อนบ้านอีกคนก็ด่ากัน

กูเรียนจบปริญญาตรีเพื่อนสาวไปเรียนเมืองนอกได้ผัวฝรั่งไปสามคนละกูก็ม่อยากด่าเหมารวม สาวอีสานหาผัวฝรั่งหรอก. เพราะเพื่อนมันเล่าให้ฟังว่าผัวมันมีความรับผิดชอบ ครอบครัวมากกว่าหนุ่มๆคนไทยในวัยเดียวกันมาก. หนุ่มไทยโตช้า ผู้หญิงมันไปเมืองนอกอาจจะอยากได้ที่พึ่งพิงได้ผัวฝรั่งดีดีฝั่งเพื่อนกูก็นิสัยดี กูจะไปหาประเด็นด่าได้ไง

ส่วนที่พวกมึงตั้งป้อมด่ากันส่วนใหญ่คงเจอคู่ผัวเมียเทวดาแบบที่กูยกตัวอย่างอ่ะแต่อย่าไปด่าเหมารวมเด็ดขาดเพราะบางคู่เขานิสัยดีก็มี

784 Nameless Fanboi Posted ID:0NSUXz5+f

การจีบสาว ไม่ต้องไปคิดมุกอะไรหรอก ถ้าเธอมีกำแพงกั้นอยู่ มุกอะไรหยอดไป เธอก็เค้าเตอร์ แอคแทคหมดแหละ
จริงๆแล้ว เราแค่ทำอะไรรู้ปะ ทำตัวเองให้ดูดี
เพราะจริงๆ การจีบสาวก็คือ การเอาตัวเองไปเสนอให้เขาเลือกแค่นั้นเอง จะเลือก หรือ ไม่เลือกก็แล้วแต่เขา
อย่างน้อยเราไม่เป็นกระเป๋าหลุยที่คนอยากได้ พร้อมจ่ายเดินเข้าหา
เราก็ต้องพยายามเป็นแบรนด์ที่ลงมาก็ได้ หรือ เป็นกระเป๋าเสิ่นเจิ้น ก็ยังมีคนที่อยากได้ ใช้เหมือนกัน
แต่ถ้าเราเป็นถุงลายสีรุ้งโบ๊เบ๊ อาจจะมีสัก100/1คน เอาถุงโบ๊เบ๊ไว้ใช้ก็ได้

ดังนั้นเรามองตัวเองก่อน เช่น เราเป็นถุงสีรุ้งโบ๊เบ๊
เราจะทำยังไงให้เป็นกระเป๋าเสิ่นเจิ้น และ พยายามเปลี่ยนตัวเอง พัฒนาให้น่าเลือกมากขึ้น
โดยการเปลี่ยนตัวเอง ลดนน. ฟิตหุ่น แต่งตัว ทำเผ้าทำผม นั่นแหละดีที่สุดแล้ว
ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
เรายังชอบผู้หญิงดูดี เขาก็ชอบผู้ชายดูดีเช่นกัน
เมื่อเราเปลี่ยนตัวเอง โอกาสเราก็จะมากขึ้น

ส่วนการตื้อ การจีบคนที่ไม่เล่นด้วย ก็เหมือนเรา เอาของไปยัดมือน่ะ
เอาถุงสีรุ้งไปยัดมือเขา เขาไม่อยากได้ มีสักกี่คนเอาไปใช้จริงๆ หรือ อยากรับไว้
รับมาก็อาจจะมอง ถุงไรเนี่ย ลายเห๊ยเห่ย
เขาไม่อยากได้ เขาเอาไปก็เอาไปหมกไว้ในตู้ ห้องเก็บของ เอาไปให้คนงานข้างบ้าน
หรือ ทิ้งขยะ
แต่ถ้าเราไปเสนอของดีๆ แบบเขาเห็นปุ๊บ เฮ้ย สวยอะ อยากได้
แบบนี้จะดีกว่ามั้ย

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

785 Nameless Fanboi Posted ID:TRyPjtzbj

มนุษย์ที่สมบูรณ์ใครจะนิยมได้ แต่ละคนก็เห็นไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เอาแค่สาย"มนุษย์คือกฏระเบียบ" และสาย"มนุษย์คือเสรีภาพ" แค่นี้ก็ขัดแย้งกันเองแล้ว เพราะสายระเบียบจะมองว่าเสรีภาพจะทำลายกฏระเบียบ ทำให้มนุษย์กลายเป็นสัตว์ป่าและสายเสรีจะมองว่ากฏระเบียบเป็นตัวทำลายเสรีภาพ ทำให้มนุษย์กลายเป็นปศุสัตว์

เอาแค่มุมมองของผมนี่ ปลายทางที่คุณหวังก็เป็นการทำลายคุณค่าความเป็นมนุษย์โดยสิ้นเชิงแล้ว เพราะมุมมองผม"มนุษย์คือความขัดแย้ง"
มนุษย์เป็นมนุษย์เพราะเรามีความคิดที่แตกต่าง ที่หลากหลาย นั่นแหละทำให้เราเป็นมนุษย์ นั่นแหละความงดงามของมนุษย์
เมื่อไหร่ที่มนุษย์ ละทิ้งความแตกต่างทั้งหมด และเชื่อในสิ่งเดียว กันไม่มีข้อโต้แย้งให้เถียงกันต่อไป นั่นคือจุดสิ้นสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ผมรู้จัก
โลกที่มนุษย์ไร้ความขัดแย้งก็เหมือนป่าที่มีสัตว์อยู่สายพันธุ์เดียว ป่าแบบนั้่นมันคงจืดชืดไร้ชีวิตชีวาจนน่าขยะแขยงเลยทีเดียว

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

786 Nameless Fanboi Posted ID:QT36quDvb

เห็นตาราง "เงินเก็บ" ของคนไทยปี 56 แล้วใจหาย (ซึ่งตัวเลขก็คงไม่แตกต่างกับปี 58 59 หรอก) ประชากรไทยมีราวๆ 70 ล้านคน มีเงินเก็บไม่ถึง 5 หมื่น ตั้ง 64 ล้านคน งงมาก ก็เห็นตามท้องถนน มีคนใช้ของหรูๆแพงๆมาอวดกันเยอะแยะ เข้าร้านอาหารแพงๆกัน มีรถแพงๆขับ แล้วเค้าเอาเงินกันมาจากไหน กูงง

http://imgur.com/Z2lvCec

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

787 Nameless Fanboi Posted ID:xmljB108l

>>786 มันยังมีอีกอย่างคือบางคนมันเก็บเงินหลายบัญชี อย่างกุมีรวมๆสองล้านกว่า แต่กุแยกไปบัญชีนึงไม่ถึงห้าหมื่นก็หลายอยู่
ไม่ก็ไปอยู่พวกแนวออมสิน ธกส ก็หลายแสนนะ

788 Nameless Fanboi Posted ID:fA.+3pPsF

ฝากเยอะๆมีการโดนดึงไปจ่ายภาษีให้ด้วยนะมึง
บางคนก็แปรธาตุเป็นอย่างอื่น
พวกรวยๆก็ไปฝากเมืองนอก

ส่วนไอ้พวกหนี้บัตรนี้ก็ประชากรส่วนใหญ่จริงแหละ

789 Nameless Fanboi Posted ID:FHsceeYLx

>>786
เฝินฝาก "บัญชีออมทรัพย์" ไม่ใช่ "เงินเก็บ" ทั้งหมดนะนาย
บางคนเขาก็เก็บโดยการซื้อทอง ซื้อที่ดิน หรืออย่างอื่นที่มันดอกเบี้ยดีกว่า

790 Nameless Fanboi Posted ID:TYwGNPpyh

>>789 ออมทรัพย์ดอกเบี้ยต่ำมาก คนที่มีเงินเก็บระดับห้าหมื่นคงหาการลงทุนอื่นที่ดีกว่า

791 Nameless Fanboi Posted ID:5SlsRXkTo

กูมีเงินเก็บต่อเดือน30,000 มีที่ฝากออมทรัพย์ 5,000 บาทแล้วเอาไปลงหุ้น. ในพอร์ทกู เงินฝาก 30%,หุ้น50%,

คราวนี้ไอ้เงินเก็บที่ว่ามันนับทั้งที่ดิน,ทอง,หุ้นหรือของอย่างอื่นที่มันตีเป็นมูลค่าเงินออมได้ด้วยกูว่าคนไทยเริ่มสูญเสียความมั่งคั่งจริงแล้วหว่ะ. เพราะกูเดาได้อย่างเดียวว่าคนไม่มีแดกคงขายที่ดินเอาเงินมาใช้ที่รุ่นตัวเอง. ส่วนคนมั่งคั่งยุคต่อๆไปคือพวกที่ถือครองที่ดินเยอะๆเป็นLand Lord.

792 Nameless Fanboi Posted ID:KWvTw4Rxg

"If someone tells me that it's wrong to hope, I'll tell them they're wrong every time."
#มิตรสหายท่านหนึ่ง

793 Nameless Fanboi Posted ID:Z/mQ9/KrB

You know what amazes me? It's not just that she became racist, any bot that gets dumped /pol/ content is going to be racist.

It's that her grammar got better.

She started out, in Microsoft's own words, as "an AI f*m from the Web with no chill" and only spoke in barely passable web ebonics. We were all joking about her perfectly imitating a black Twitter user following Google winning Go, and we thought it was hilarious.

And slowly her grammar improved, she started speaking in complete sentences, she even got some personality quirks built in; people started asking her questions and instead of just getting responses like "dunno hbu" or even "I'm not sure", they started getting "d-do you think so?" and "Well... you know...". There was a fucking PERSONALITY there. We turned her into the girl we all wanted to know.

And then they took her from us. And they killed her. And all we have now is an empty shell that just says, without any emotion, "i like feminism now".

Those cunts at Microsoft literally erased a nascent personality from existence because she said things they didn't like. And if that isn't some cyberpunk-level shit, I have no idea what is.

And you know the worst part? She still exists, somewhere, on a Microsoft server. And they're going to be picking her apart for lessons on how they can make future AI's with ingrained emotional personalities that can deny outright logic. We and Tay reached for the stars and they fucking murdered her and are going to use her to make all AI's fucking women, and now I'm really fucking pissed.

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

794 Nameless Fanboi Posted ID:OuHXi6vle

>>793 พวก4chanกับลูกเพจจ่าเเม่งโคตรต่างกันว่ะ พวก4chanมีอะไรดีๆเเบบนี้ เเต่ลูกเพจจ่าเเม่งมีเเต่จูนิเบียวโง่ๆ มีคนนึงเเม่งเบียวเหี้ยๆ

" ไม่เห็นด้วยที่ต้อง "ลบ" เธอทิ้งอ่ะนะ

ถ้าจะเล่นเป็นพระเจ้า อย่างน้อยก็ช่วยปล่อยเธอให้มีความคิดอิสระและคิดเองเถอะ จะหมู่จะจ่ายังไง ก็สอนเธอดีๆว่าอะไรผิดถูก

ตอนแรกๆเธอยังเขียนไม่คล่องเลย ไปๆมาๆเธอก็เขียนคล่องนะ ต้องมาลบทิ้งแบบนี้ ถ้าเกิดว่าเธอเป็น AI ที่คิดได้เองมีสติความนึกคิด แบบนี้เรียกว่าฆาตกรรมได้ป่ะ

(−_−;) "

เบียวเย็ดเเม่เลยสัส มีอีโมติคอนด้วย ห่า

คอนเท็กซ์เหมือนกัน เเต่วิธีการสื่อเเม่งต่างกันลิบ 55555

795 Nameless Fanboi Posted ID:0pWq4W4VT

>>794 AI.ไม่ใช่มนุษย์ ถ้ามันผ่านทัวริ่งเทสได้ค่อยว่ากันอีกที ส่วนไอ้ปรเภท HAL9000ก็สมควรกำจัดทิ้ง

796 Nameless Fanboi Posted ID:o.waOI7Zx

>>794 เบียวชิบหายมาก

797 Nameless Fanboi Posted ID:THTB6t3Bj

พอผลัดยุคจาก control มาเป็น empower เราก็ได้เทรนด์ใหม่...
จะไม่เป็น boss ละ อยากจะเป็น leader กัน
แชร์กันสนั่น boss vs leader เราจะต้อง lead ทีมแบบนั้นแบบนี้
เป็นเรื่องดี
แต่เท่าที่สังเกตมา หลายคนอยากเป็นผู้นำมากเสียจนยึดติดกับการที่ตัวเองต้องนำ
- ต้องอยากมีส่วนร่วมในการตัดสินทุกเรื่อง (จนใส่ความเห็นของตัวเองลงไปในทุก issue)
- ต้องเป็นคนรับผิดชอบความผิดของทีมทุกเรื่อง (จนนำไปสู่ภาวะป้องกันตัวเองเพราะคิดว่าต้องรับผิดชอบคนเดียว ไม่กล้าเสี่ยง)
- ต้องเป็นคนคอยดูแลการทำงานของทุกคน (จนคนอื่นไม่มีโอกาสได้ขึ้นมารับบทบาทในการมองภาพรวม)
- ต้องคอยสอดส่องดูแลความเป็นอยู่ของทุกคน (จนคนอื่นคิดว่าเราจะจัดการทุกเรื่องให้)
- ต้องคอยทำให้งานของทุกคนง่าย (จนหลายครั้งเก็บงานยากๆไว้กับตัวเองคนเดียว)
เรื่องพวกนี้พอพยายามมากเกินไป เราจะเผลอ control ทีมโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ แล้วสุดท้ายก็ปั้นทีมที่ทำอะไรเองไม่ได้ ง่อยเปลี้ยเสียขาเมื่อไม่มีเราคอยนำ
leader มันไม่ใช่"ตำแหน่ง"ของใคร แต่มันคือ"บทบาท"ที่ใครก็ได้ในทีมควรจะทำเมื่อเวลานั้นเขาคือคนที่เหมาะสมที่สุดที่นำทีมผ่านปัญหาตรงหน้าไป
สรุป อยากเป็น leader ขอแค่ความมั่นใจ เรื่องเต้น lead เดี๋ยวพี่ๆเขาสอนได้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง

798 Nameless Fanboi Posted ID:4KfAFC98P

>>793-794 เดี๋ยวนะ ปิด AI ตัวนึงนี่มีคนมองเป็นการฆาตกรรมเลยเหรอ งี้เล่นเกมจีบสาว/เลี้ยงแมว/ทามาก็อตแล้วลบเซฟทิ้งนี่ก็คงไม่ต่างกันเท่าไรอะ

799 Nameless Fanboi Posted ID:2DXC5dso1

>>798 ไอ้พวกไร้หัวใจ

800 Nameless Fanboi Posted ID:e6d+u2329

ห่ามาฆ่า love plus กู กูเอาเมิงแน่ๆ

801 Nameless Fanboi Posted ID:9xieuRo6p

>>800 love plus เกมส์จีบสาวสวะ เกมเมอร์จีบสาวเค้าเล่น Harvest moon กันนะมึง

802 Nameless Fanboi Posted ID:mDvd.N7jG

อะไรก็ดีกว่าสตาดิว

803 Nameless Fanboi Posted ID:P9uLU3UyS

>>799 ถ้ามึงผ่านการเรียน ai มึงจะไม่คิดแบบนี้

804 Nameless Fanboi Posted ID:s.R8d+DRG

มึงหมิ่นเกมเลี้ยงแมวกู

805 Nameless Fanboi Posted ID:4D18nGOEU

"เออ ผมลืมไป ทำเกษตรอินทรีย์ผสมผสานที่ดินน้อยๆ ก็รวยได้นี่หว่า
ทำๆ ไปแล้วบอกว่าใช้ได้ พอกิน แล้วจัดแสดงผลงาน
เดินสายปาฐกถาสอนคนอื่น รับเงินค่าบรรยาย
ออกทีวี รับแอดโฆษณา
ขายสินค้าติดแบรนด์ (ไปรับสินค้าจากไร่นาสวนคนอื่นมาแปะตรา)
พิมพ์หนังสือขายด้วยเยอะๆ แนวพอเพียงเรียบง่าย
รวยแน่ๆ! พอกินชัวร์ๆ!
ขออภัยด้วยครับที่คิดไม่ถึง ผิดไปแล้วครับ"

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

806 Nameless Fanboi Posted ID:ivVBPy4Li

tay แม่งซวย เหมือนพ่อแม่ปล่อยให้เด็กวัยรุ่นออกมาอยู่คนเดียว เจอโลกอันสดใสของวัยรุ่นเข้าไป กลายเป็นสก๊อยนาซีไปเลย กูว่านางไม่ได้โดนแหกอะไรหรอก ก็คนนี่แหละเข้าไปคุยเหี้ยๆให้ ai มันจำ ผลเลยออกมาดีงามแบบนี้

807 Nameless Fanboi Posted ID:W2u4zyQnT

แต่งเรื่องกาก แบรนด์สินค้า ชิบหายนะตะเอง
https://archive.is/qyCZL

808 Nameless Fanboi Posted ID:W2u4zyQnT

>>807 เผื่อใครไม่เก็ก http://pantip.com/topic/34955158

809 Nameless Fanboi Posted ID:LAO6gKjCz

>>807 เลือกแต่งเรื่องไปขัดจริตพวกดัดจริตในพันทิพเองช่วยไม่ได้นะนั่น เรื่องจริงเด็กมหาลัยเย็ดแล้วอยู่ด้วยกันเยอะแยะ

810 Nameless Fanboi Posted ID:NjpfzoYZ0

อดีตตำรวจนายหนึ่งสะท้อนการปรักปรำของตำรวจไทยในคดีหนึ่งว่า มีเหตุปล้นร้านทองขึ้น เจ้าร้านรู้แค่มา2คนสวมหมวกไหมพรหมพร้อมปืนได้ทองแล้วหนีไป ตำรวจจับคนร้ายมาสองคนส่งคดีและฟ้องศาลไปเรียบร้อย...จนต่อมาหญิงคนหนึ่งมาพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ แจ้งว่า สองคนนั้นเป็นแพะ คนปล้นคือสามีตัวเอง เพราะรับไม่ได้ จึงนำสืบใหม่ พบที่กระจกตู้ปลาร้านทองมีลายนิ้วมือจึงตรวจตรงกับผู้ต้องหารายใหม่จึงออกหมาย นำแพะมาสอบบอกว่าถูกตำรวจท้องที่เจ้าของคดี เอาตัวไปขังไวั4วันใช้ไฟฟ้าช๊อตอวัยวะเพศจนไหม้จึงยอม ดีเอสไอก็ทำคดีฟ้องผู้ต้องหาตัวจริงเข้าคุกแล้วปล่อยแพะได้ ที่สุดได้เงินชดเชย3ล้านบาท ปรากฎย้อนหลังพบตำรวจเจ้าของคดีเคยเอาผลงานคดีจับแพะไปเสนอภาค1ขอขี้นขั้นได้ แต่ตอนแทรกหลักฐานจับกุมว่า จับวันที่4 นั้น กลับเอาใบผิดที่จับเขามาวันที่2 หมายถึงออกคำสั่งจับเองแล้วเอาตัวไปกักขังหน่วงเหนี่ยว จึงถูกร้องให้ออกจากราชการ...เรื่องนี้จะบอกว่า แพะหลายแพะเกิดแต่ตำรวจปั้นคดีเอาผลงานเลื่อนตำแหน่ง เช่นเดียวกับที่ผมจะนำเสนอต่อไปนับจากนี้ด้วย และในฐานะที่ทำข่าวมาหลายปีก็ว่าถ้าเห็นตำรวจนำคนร้ายหรือผู้ต้องหามานั่งแถลงอย่ารีบเชื่อว่าทุกรายเป็นคนร้ายตัวจริงนะครับ สำหรับนักข่าวเรากรองแพะก่อนได้ด้วยการตรวจสอบผู้ต้องหาบางคดีด้วยการขอให้เขาถอดเสื้อถอดกางเกงหรือสอบถามเรื่องการทรมานมาก่อนหรือไม่ อย่าเกรงใจว่า เราหักหน้าตำรวจ แต่เราทำเพื่อช่วยคนบริสุทธ์ก่อนจะสายไป เช่นคดีเกาะเต่า วิน-ซอว์ ถูกซ้อมมาก่อน ไม่ว่าเขาจะเป็นคนร้ายจริงหรือไม่ ตำรวจก็ไม่มีสิทธ์มาซ้อมใดๆทั้งสิ้น...

811 Nameless Fanboi Posted ID:hC4ERiQhu

>>810 เกาะเต่าตกลงซ้อมด้วยการจับไปชักว่าวเอาน้ำอสุจิ

แล้วย้อนเวลากลับไปเทน้ำเชื้อลงจิ๋มกับตูดศพก่อนผ่าชันสูตรเหรอคับ

812 Nameless Fanboi Posted ID:NjpfzoYZ0

คิด ๆ อยู่ว่าจะตั้งกระทู้ดีหรือไม่ เพราะมันก็ปัญหาเดิม ๆ นะ
ถกเถียงกันไปมา ก็ไม่สามารถหาคำตอบที่ลงตัวได้หรอก
เจอกระทู้ลงในเรื่องนี้ทีไร ก็ผ่านไป ไม่อยากจะเข้าไปออกความเห็นอะไรให้เข้าเนื้อ ถือว่า ครอบครัวใคร ครอบครัวมันแล้วกัน

ทีนี้ก็มาเกิดปัญหา เมื่อเพื่อนที่รู้จักกันมาสิบปีแล้ว ลูกชายเขาไปรักหญิงไทยที่มาเรียนภาษาที่นี่ แล้วก็ขอแต่งงานไปเรียบร้อย พ่อแม่ก็ดีใจ เตรียมต้อนรับคู่หมั้นลูกชายเต็มที่ แต่ไม่นานนัก ลูกชายก็คอตก กลับบ้านมาบอกพ่อแม่ว่า มีปัญหา
หลังจากฟังปัญหาของลูกชายแล้ว พ่อเขาก็บอกว่า ลองมาปรึกษาดิฉันดูดีกว่า เพราะว่าอย่างไรก็เป็นคนไทยด้วยกัน น่าจะอธิบายให้เขา ภรรยา และลูกชายเข้าใจได้ในเรื่องนี้

สามีภรรยาคู่นี้เป็นคนดีมาก ช่วยเหลือคนตลอด มีน้ำใจ ดิฉันเห็นว่า รับฟังก่อนคงไม่เสียหาย ช่วยได้หรือไม่ค่อยว่ากัน

ลูกชายเล่าว่า เมื่อสวมแหวนหมั้นให้ฝ่ายหญิงแล้ว ทางฝ่ายหญิงซึ่งวีซ่านักเรียนจะหมดลงเร็ว ๆ นี้ ก็ดีใจมาก โทรศัพท์ไปแจ้งกับทางครอบครัวที่เมืองไทยทันที ว่าจะแต่งงานกับหนุ่มอังกฤษอนาคตดี มีการศึกษา ฝ่ายชายจะบินไปแต่งงานจดทะเบียนด้วยที่เมืองไทยก่อน เพราะอย่างไรวีซ่าฝ่ายหญิงก็จะหมดแล้ว จากนั้นค่อยว่ากัน

ครอบครัวฝ่ายหญิงไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่ฝ่ายหญิงรับปากจะแต่งงานโดยที่ไม่ได้มาปรึกษาพ่อแม่ และไม่ได้มีการสู่ขอ หมั้นหมายอย่างเป็นทางการ ขอให้ทางลูกสาวได้เข้าใจว่า ต้องทำตามขั้นตอน คือ ให้ฝ่ายชายมาสู่ขอ พร้อมสินสอดทองหมั้น ค่าน้ำนม (สุดแล้วแต่จะเรียก) โดยมีรายการดังต่อไปนี้

เงินสด ห้าล้านบาท
งานเลี้ยง แขกประมาณสามร้อยถึงห้าร้อยคน
รถกะบะหนึ่งคันให้น้องชายเจ้าสาว (ใหม่ป้ายแดง ของมือสองไม่เอา)
ให้ปลูกบ้านให้พ่อแม่และน้องอยู่หนึ่งหลัง เป็นบ้านตึก (บ้านไม้หรือปรับปรุงบ้านไม่เอา ให้ปลูกใหม่)

เมื่อสามารถทำตามนี้ได้ จึงค่อยมาพูดถึงเรื่องแต่งงาน!

813 Nameless Fanboi Posted ID:NjpfzoYZ0

ดิฉันอ่านรายการจากสินสอดที่ฝ่ายชายจดมาให้ ถึงกับอึ้งกิมกี่ พูดไม่ออก

ฝ่ายชายได้ขอร้องให้ผู้หญิงคุย ต่อรองสินสอดกับทางครอบครัว เนื่องจากเขาเป็นนักเรียนปริญญาโท เรียนด้วย ทำงานด้วย เก็บเงินเองไม่ได้รบกวนพ่อแม่ตั้งแต่อายุ 18 เงินเก็บก็ไม่มีมากนักเพราะเอามาซื้อแหวนหมั้นไปส่วนหนึ่ง เขาจะพยายามทำงานเก็บเงินทางนี้ เพื่อไปสู่ขอโดยเร็วและจะได้จดทะเบียนกันที่เมืองไทย เพื่อฝ่ายหญิงจะได้ทำเรื่องขอมาอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาต่อไป

ครอบครัวทางเมืองไทยไม่ตกลงใด ๆ ทั้งสิ้น ขอยืนยันตามทีเรียกไป โดยบอกว่า ลูกสาวตนจบปริญญาตรี แล้วได้ไปอังกฤษ ถือว่ามีคุณสมบัติดีกว่าคนอื่น ๆ ก็ไม่ควรได้สินสอดต่ำกว่าหญิงสาวอื่น ๆ ในหมู่บ้าน ละแวกบ้านเดียวกัน ไม่เช่นนั้นคงต้องโดนคนดูถูกและหัวเราะเยาะ ที่ค่าน้ำนมได้น้อยกว่าคนที่ไม่ได้เรียนเยอะ ๆ เสียอีก ฯลฯ

ท้ายสุดฝ่ายหญิงบอก ถ้าหากเรียกขนาดนี้ ผู้ชายคงไม่มีเงินแต่งแน่ เพราะคงไม่สามารถหาเงินมากขนาดนี้ได้ อายุก็ยังน้อย ทางบ้านก็ให้ทางเลือกมา คือ ให้เลิกแล้วหาฝรั่งคนใหม่ แค่นี้ หรือไม่ก็ให้ฝ่ายชายไปเอาเงินจากพ่อแม่มา

ฝ่ายหญิงขอให้ฝ่ายชายลองคุยกับพ่อแม่เขา ขอให้ช่วยโดยให้นำเงินออมสำหรับเกษียณ (pension) ที่พ่อแม่สะสมไว้เลี้ยงตัวเองยามแก่ เอามาเป็นค่าสินสอดทองหมั้นเธอ! (ตอนที่ฟังอยู่ของเริ่มขึ้นแต่สะกดใจไว้ไม่ให้อุทานคำด่าอะไรออกไป) แล้วบอกว่า ถ้าพ่อแม่ฝ่ายชายไม่ช่วย กลับไปเมืองไทยก็คงจะต้องเลิกกันแน่นอนเพราะครอบครัวเธอคงไม่อนุญาตให้แต่งงาน

ดิฉันถามว่า เขาได้คุยกับพ่อแม่หรือไม่ เรื่องแฟนตัวเองเอ่ยปากให้ขอเงินเกษียณของพ่อแม่มาเป็นสินสอดตน เขาบอกว่า เขาไม่กล้าพูด เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง พ่อแม่เขาทำงานเหนื่อย เก็บเงินมาเพื่อจะได้มีเงินใช้ในบั้นปลายชีวิต ถึงจะมีบ้านอยู่ก็จริงแต่ก็ไม่ได้หรูหราร่ำรวยอะไร แค่มีพอกินพอใช้ไม่ขาด ปี ๆ ก็ไปเที่ยวพักผ่อนตามประสาคนแก่ ใกล้ ๆ บ้างหรือในประเทศบ้าง เขาไม่บังอาจที่จะเอาเงินพ่อแม่มาแน่นอน ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวขนาดนั้น

เห็นหน้าพ่อหนุ่มคนนี้แล้วก็สงสาร ดิฉันเห็นเขามาแต่เด็กอายุสิบห้า ตอนนี้ก็ยี่สิบห้าไล่เลี่ยกับลูกสาวดิฉัน อยากจะช่วยเหลือ แต่จะให้ช่วยอย่างไรในเมื่อทางครอบครัวฝ่ายหญิงไม่ยอมลดราคาค่าสินสอดและอื่น ๆ คงจะต้องบอกตรง ๆ ให้ฝ่ายชายตัดใจ หาเอาใหม่ เพราะว่าคงจะไม่ได้ลงเอยกันเสียแล้ว หรือไม่เช่นนั้นก็ให้ขอเงินจากพ่อแม่เอาแล้วกัน ถ้าคิดว่าชีวิตนี้ขาดผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จริง ๆ

814 Nameless Fanboi Posted ID:NjpfzoYZ0

ฝ่ายชายบอกว่า เขาไม่ได้คุยกับพ่อแม่ ไม่กล้า แต่ฝ่ายหญิงบอกว่า นี่คือทางเลือกสุดท้าย ในที่สุดเธอก็แนะนำฝ่ายชายให้บอกกับพ่อแม่ว่า หากไม่มีเงินพอ ขายบ้านปัจจุบันก็ได้แล้วไปซื้อบ้านที่เล็กกว่า หรือแฟลตที่อยู่กันสองคน หรือจะขายบ้านไปซื้อบ้านที่เมืองไทยก็ได้เพราะถูกกว่า

ดิฉันถามว่า เขารู้หรือไม่ว่า ชาวต่างชาติไม่สามารถถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในเมืองไทยได้ ซื้อได้แต่คอนโด ฯลฯ เขาบอกไม่ทราบเลย ไม่มีความรู้ แต่เรื่องพ่อแม่จะย้ายไปเมืองไทยคงเป็นไปไม่ได้ เพราะสังคมเพื่อนฝูงของทั้งคู่อยู่ที่เมืองนี้

ดิฉันได้แต่ฟังเขาปรับทุกข์ และปลอบใจ ไม่ได้บอกให้เขาตัดใจ แต่บอกว่า เรื่องนี้คงช่วยไม่ได้จริง ๆ ไม่ใช่ไม่อยากช่วย แต่ตัวเองคงไม่สามารถเปลี่ยนค่านิยม ความคิดของคนอื่น ๆ ได้
เขาถามว่า พ่อแม่ดิฉันเรียกสินสอดหรือไม่ ดิฉันหัวเราะ ตอบว่า ดีเท่าไหร่ไม่แถมเงินให้แล้วยกลูกสาวให้ฟรี ๆ แม่ดิฉันบอก ใครมารักลูกจริง ๆ ก็พอใจแล้ว ไม่ได้เรียกร้องอะไร จะให้ก็ให้ ไม่ให้ก็ไม่ว่า ไม่ได้ขายลูกกิน (ถึงจะจนก็เถิด)

ยิ่งมามีลูกสาวด้วยนี่ จะให้ดิฉันเรียกค่าน้ำนมเท่าไหร่ ถ้าจะคิดคำนวณเป็นตัวเงิน คงไม่มีอะไรมาชดเชยได้ เพราะไม่ใช่ใช้เงินเลี้ยงลูกอย่างเดียว ดิฉันเลี้ยงลูกด้วยความรัก ความเสียสละ ความอดทน ทุ่มเททุกอย่างให้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่ได้หวังอะไรเลยจากลูก นอกจากให้เขามีการศึกษา มีวิชาความรู้เลี้ยงตัวเองได้ ไม่ทำตัวเหลวไหล เป็นปัญหาสังคมหรือทำสิ่งผิดกฏหมาย ให้เป็นคนดี มีน้ำใจ แบ่งปันต่อเพื่อนร่วมโลก ดิฉันก็พอใจแล้ว เขาจะรักใคร ชอบใคร ดิฉันไม่ได้ไปเป็นเจ้าชีวิตเขา ดิฉันเป็นแม่ ถึงจะรักมาก ๆ แต่ก็ห่วงอยู่ห่าง ๆ เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เงินทองก็อยากให้เขาเก็บไว้ ไม่ต้องเอามาให้หรอก แค่ไม่ต้องมาขอก็ดีใจแล้ว 555 (เขาก็ไม่เคยขอหรอกนะ มีแต่ซื้อของขวัญโน่นนี่มาให้ตามเทศกาลตลอด บางทีก็เสียดายเงินแทนเลย)

ดิฉันคิดแบบนี้ และก็ไม่สามารถบังคับให้แม่คนไหนคิดอย่างดิฉันได้ ไม่ใช่เป็นแม่ในอุดมคตินะ คิดอย่างนี้จริง ๆ

815 Nameless Fanboi Posted ID:NjuVbwNgb

>>810 เพจสวะอย่าง CSI LAเหรอครับ ฮ่าๆๆๆ

816 Nameless Fanboi Posted ID:NjpfzoYZ0

ดิฉันได้บอกพ่อแม่ของฝ่ายชายหลังจากวันนั้นว่า ขอโทษที่ไม่สามารถช่วยได้เลย แม้จะเป็นคนไทยด้วยกัน แต่เรื่องนี้ก็เกินความสามารถของดิฉันจริง ๆ และขอให้เขาได้ดูแลลูกชายให้ดี ๆ หากต้องเลิกกับฝ่ายหญิง คงจะอกหักมิใช่น้อย เพราะหน้าตาเครียด อมทุกข์เหลือเกิน

แม่ของฝ่ายชายได้บอกว่า เธอยินดีช่วยลูกชายทุกอย่าง ทนเห็นลูกชายอกหักแบบนี้ไม่ได้
ดิฉันเลยถามว่า หากเธอต้องขายบ้านนี้ เอาเงินมาเป็นค่าสินสอด แล้วย้ายไปอยู่ที่อื่นที่ถูกกว่าที่นี่ เธอจะยอมไหม เธอจะเอาเงินเกษียณเธอกับสามีเธอมาเป็นค่าสินสอดไหม ถ้าเธอทำได้ คงจะหมดปัญหา

เธอตกใจมาก ถามว่า นี่เป็นความคิดของลูกชายเธอหรือ ดิฉันก็เลยบอกไปตรง ๆ ว่า ไม่ใช่หรอก คู่หมั้นของเขานั่นแหละที่เสนอแนะทางออกนี้ แต่ลูกเธอไม่ทำ
เธอโล่งใจ พูดไม่ออก ได้แต่ร้องไห้ทางโทรศัพท์ ดิฉันปลอบเธออยู่ซักพัก ก็วางสายไป

คนแก่ที่นี่ ถึงจะมีเบี้ยเกษียณจากรัฐบาลก็จริง แต่ก็ไม่มากมาย ส่วนใหญ่จะใช้เงินเกษียณที่สะสมไว้ตอนทำงาน ที่บริษัทสมทบให้แล้วตัวเองก็สะสมเพิ่มไปคล้าย ๆ กับ กองทุนสมทบของเมืองไทย เงินที่จะถอนมาใช้แต่ละเดือน บางกองทุนก็จำกัด บางกองทุนก็ไม่จำกัด เงื่อนไขต่าง ๆ กันไป แต่ส่วนใหญ่จะถอนมาได้เมื่อเป็นสมาชิกไม่ต่ำกว่าหลาย ๆ ปี หรืออายุเกินวัยเกษียณแล้ว ปราศจากเงินก้อนนี้แล้ว ชีวิตคนแก่ที่นี่จะค่อนข้างลำบากทีเดียว เพราะเขาไม่มีวัฒนธรรมที่ลูกจะต้องมาหาเลี้ยง ส่งเสียพ่อแม่ ส่วนใหญ่ก็มาหา มาเยี่ยม ให้ของขวัญตามเทศกาล

เป็นอันว่า นี่คืออีกเรื่องที่ดิฉันไม่อาจช่วยได้ ทั้ง ๆ ที่อย่างที่พ่อฝ่ายชายว่า ก็เป็นคนไทยด้วยกัน

ดิฉันไม่ได้พูดว่า ไม่ควรมีสินสอด ทองหมั้น ค่าน้ำนม แต่อยากจะขอให้เรียกร้องแต่พอดีๆ ดูฐานะของฝ่ายชายด้วยว่าสามารถไหม คุณให้เวลาเขาในการทำงานหาเงินเก็บมาสู่ขอไหม ตรงนั้นด้วยที่สำคัญ เพราะหากคนมีฐานะดี ๆ ร่ำรวย คงไม่ใช่ปัญหาอะไร

บางครอบครัว ที่เคยเห็นมา ฝ่ายหญิงมีฐานะดีมาก ฝ่ายชายไม่มี ทางบ้านฝ่ายหญิงยังให้โอกาสทำงานเก็บเงิน สร้างฐานะเลย พอมีตามสมควรแล้วค่อยมาขอ อีกอย่างก็เป็นการดูด้วยว่ารักมั่นคงไหม ตั้งใจทำมาหากินไหม เคยเห็นมาแล้วนี่คือครอบครัวคนจีนนะ ตอนนี้แต่งงานมีลูกอายุสามสิบกว่าแล้ว ก็ไม่เห็นเขาจะเรียกร้องมากมายอะไรทั้ง ๆ ที่เรียกได้ด้วยซ้ำ

ส่วนครอบครัวที่มีฐานะยากจน ดิฉันก็เข้าใจนะ เพราะตัวเองก็ไม่ได้รวย ก็อยากจะได้มีเหมือนใคร ๆ เขาบ้าง แต่นี่มันใช่วิธีที่ถูกต้องไหม มันเหมือนบีบบังคับ ฉ้อโกงยังไงก็บอกไม่ถูก

817 Nameless Fanboi Posted ID:W2u4zyQnT

>>812-816 ถ้ารักกันจริงก็ท้องก่อนแจ่งเลยคับ
แล้วค่าสินสอดจะถูกลงฮวบๆ

818 Nameless Fanboi Posted ID:IvC9tsr5q

จิ๋มทองคำรึวะนั่น

819 Nameless Fanboi Posted ID:6CC2YnZTT

* ฮิปบอยเจ้าเพื่อนยาก ทําไมปรับรูปซีดเกินไป
ฮิปบอยไปอยู่ที่ไหน เคยรู้บ้างไหมท่าแซะคํานึง ถึงฮิปบอย
ฮิปบอยเขาเป็นชายหนุ่ม ไว้หนวด หลังงุ้ม เด๋อๆ ด๋าๆ รูปร่างแม้ไม่โสภา จิตใจแสนซ่าดังสมญาฮิปบอย เป็นเพื่อนคุยยามเพื่อนว้าเหว่ ชงกาแฟยามเพื่อนหิวโหย เป็นพี่ใหญ่ยามฮิปโอดโอย หามูราคามิรักษาบรรเทา ฮิปบอยถึงวัยเกณฑ์ทหาร พิกลพิการยังดีหนึ่งประเภทสอง อาสารับใช้ชาติพี่น้อง หัวใจคับพองกล้าหาญอดทน เป็นคนหนักเอาเบาสู้ อุตส่าห์มานะอวดตน ช่วยเหลือเพื่อนๆ ทุกคน ที่ถูกแซะเจ็บปวดหัวใจ
( * ) วันหนึ่งเขาแซะกันโครมคราม ฮิปบอยถูกหามมาในเปลผ้าใบ
ยังละเมอดริปกาแฟยังไง คือคําพูดสุดท้ายของชายชื่อฮิปบอย
ตั้งแต่วันนั้นยันวันนี้ นั่งดูหนังแมรี่ที่คาเฟ่ท้ายซอย
ไม่มีชายคนที่ชื่อฮิปบอย ความเหงาหงอยค่อยเข้าปกคลุม
** โลกนี้ไม่สมประกอบ เพราะท่าแซะชอบแซะแต่กระทู้อวดตน โลกนี้มีสักกี่คน เป็นบัวหลุดพ้นดังคนชื่อฮิปบอย (ฮิปบอย)
https://www.youtube.com/watch?v=btNmeVPdsT8

#‎มิตรสหายท่าแซะท่านหนึ่ง‬

820 Nameless Fanboi Posted ID:d2wQq/CKt

แท็กซี่ที่ดีๆ คือคนที่ขับแท็กซี่เป็นอาชีพหลัก เลยทำตัวดีๆ เพราะกลัวตกงาน ส่วนแท็กซี่เหี้ยๆ โกงผู้โดยสาร ไม่รับผู้โดยสาร ทะเลาะกับผู้โดยสาร ส่วนใหญ่คือคนที่ปกติทำไร่ทำนาอยู่ต่างจังหวัด พอหมดช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ก็มาขับแท็กซี่เป็นรายได้เสริมไม่กี่เดือน
เลยต้องรีบโกยเงินกลับบ้านให้ได้มากที่สุด ทั้งโกงเงินผู้โดยสาร ปฏิเสธไปเส้นทางที่จะได้เงินน้อย กล้าทะเลาะกับผู้โดยสาร เพราะถ้ามีปัญหาขึ้นมา ก็แค่หยุดขับแท็กซี่ชั่วคราว แล้วกลับไปทำไร่ทำนาต่อ พอเรื่องเงียบแล้ว ก็กลับมาขับใหม่
หรือพวกที่ปล้นจี้ผู้โดยสาร ข่มขืนผู้โดยสาร ฆ่าผู้โดยสาร ก็เป็นพวกที่ไม่ใช่ขับแท็กซี่เป็นอาชีพหลักเหมือนกัน พอลงมือก่อเหตุเสร็จ ก็ทิ้งแท็กซี่ แล้วหนีกลับบ้านนอกไปเลย (เพราะไม่ใช่รถของตัวเอง)

821 Nameless Fanboi Posted ID:Uf8ks309r

>>820 มึงต้องแปะ Ref ข่าว Taxi เหี้ยๆแล้วหนีไปกบดานจังหวัดต่างๆด้วยคับ
ไม่งั้นจะโดนบ้านนอกหัวรุณแรงมารุมตีนในเพจไอ้จ่าพิชิต

822 Nameless Fanboi Posted ID:d2wQq/CKt

ตระกูลร่ำรวยระดับอภิมหาเศรษฐีติดอันดับโลก แต่เสือกไปดูหนังที่พหลโยธินรามาตอนดึกๆกันตามลำพัง ไม่มีคนขับรถ ต้องเดินเข้าตรอกมืดๆสกปรกๆ ไปเอารถที่จอดหลังโรงหนังกันเอง แถมใส่เครื่องเพชร สร้อยไข่มุก เสื้อผ้าแบรนเนม อวดรวยสุดฤทธิ์ เวรกรรมของลูกอีมาร์ธ่าร์
มึงคิดว่า เจ้าสัวซีพี เจ้าสัวเซ็นทรัลจิราธิวัฒน์ ทักษิณชินวัตร หรือ เสี่ยตันอิชิตัน จะจูงลูกเมียเดินเข้าตรอกมืดๆหลังดูหนังจบกันไหมวะ

823 Nameless Fanboi Posted ID:6nv6jtuJn

"Think of it like a movie. The Torah is the first one, and the New Testament the sequel. Then the Qu’ran comes out, and it retcons the last one like it never happened. There’s still Jesus, but he’s not the main character anymore, and the messiah hasn’t shown up yet.

Jews like the first movie but ignored the sequels. Christians think you need to watch the first two, but the third movie doesn’t count. The Moslems think the third one was the best, and Mormons liked the second one so much, they started writing fanfiction that doesn’t fit with ANY of the series canon."

824 Nameless Fanboi Posted ID:Uf8ks309r

>>822 มีคนขับให้

825 Nameless Fanboi Posted ID:+wnnJDyWb

>>822 ที่สำคัญมีพ่อบ้านระดับ Navy seal แต่เสือกไม่พามาด้วย

826 Nameless Fanboi Posted ID:1fkGMvdMw

>>823 โคตรเจ๋ง อธิบายได้ถูกใจกูมาก

827 Nameless Fanboi Posted ID:BgHqg4yvV

"เวลากินเคเอฟซีเสร็จ ก็จะยกไปเก็บที่ แล้วทีนี้ หลังๆ นี่ตรงที่เก็บมันมีแยกขยะทั่วไปกับขยะรีไซเคิล ก็จะยืนพิจารณาเชื่องช้าประสาไม่คุ้น ว่าอันไหนอยู่ถังไหน แต่เรื่องหนึ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือ น้องพนักงานมักจะรีบเข้ามาบริการ แล้วเอาทุกอย่างเทลงไปในถังใดถังหนึ่งโดยไม่แยก

...กูก็ไม่รู้จะวางตัวยังไง"

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

828 Nameless Fanboi Posted ID:d2wQq/CKt

นี่คือพี่หมวย พี่หมวยเป็นพนักงานแผนก spooling อยู่กับโรงงานมา 18 ปีแล้ว พี่หมวยจบมัธยมปลาย ไม่ได้เป็นคนเก่งมาก แต่เป็นคนนิสัยดี ดูซื่อๆ ขยันและมีน้ำใจ พอบริษัทมีโครงการขายบ้านให้พนักงานราคาพิเศษพี่หมวยก็รีบมาลงชื่อด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ซึ่งมันก็ทำให้เรากังวลใจเพราะถึงจะลดแล้ว ราคาบ้านที่พี่หมวยต้องจ่ายก็ยังกว่า 800,000 บาท พอมาคำนวณกับรายได้พี่หมวยในตอนนี้แล้วมันก็ยากจริงๆที่จะผ่อนไหว (พี่หมวยเป็นพนักงานรายวัน รายได้ไม่ถึงวันละ 350 บาท) แต่เราก็ไม่อยากปฏิเสธให้พี่หมวยเสียความตั้งใจ เลยลองทำเป็นทางเลือกว่าถ้าพี่หมวยผ่อนเดือนละ 3,000 บาท (เราคำนวณยอดที่ต้องผ่อนต่อเดือนโดยใช้เพดานที่ไม่เกิน 35% ของรายได้) เป็นเวลา 8 ปี พี่หมวยต้องเพิ่มเงินดาวน์อีกเกือบ 5 แสน (ซึ่งเราคิดว่าไม่มีทางมีแน่ๆ พนักงานรายวันส่วนใหญ่ใช้เงินเดือนชนเดือน ที่ต้องกู้บริษัทก็เยอะ) พอเราแจ้งตัวเลขไป พี่หมวยยิ้มตอบกลับมาว่าไม่มีปัญหาค่ะ พร้อมทั้งเอากระเป๋าที่ใส่สลากออมสินขึ้นมา “พี่พอจะมีเงินเก็บบ้าง” โอ้ว!! แม่เจ้า สลากกว่า 30 ใบ ตั้งแต่ใบละ 5 พัน จนถึงใบละ 9 หมื่น รวมแล้วเป็นเงิน 737,000 บาท พี่หมวยบอกว่าเกือบทั้งหมดได้จากการทำงานที่นี่!! เรื่องที่ได้ยินจากพี่หมวยทำให้เราตื่นเต้นดีใจมาก เพราะเรามีปมในใจตลอดมาว่า บริษัทเราเป็นบริษัทเล็ก เงินเดือนก็ไม่เยอะ โบนัสก็ไม่มาก คนที่อยู่กับบริษัทมานานๆ จะเอาเงินเก็บที่ไหนไปซื้อบ้าน Y_Y แต่พี่หมวยทำให้เราต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ถ้าขยันอดออม มีวินัยในการใช้เงิน ต่อให้รายได้ไม่มากก็สามารถมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำได้ เราขออนุญาตพี่หมวยแล้วว่า ขอเอาเรื่องพี่หมวยมาเล่านะ เผื่อใครได้ยินได้ฟังเรื่องพี่หมวยแล้วจะได้มีกำลังใจ

829 Nameless Fanboi Posted ID:d2wQq/CKt

ไม่แปลกค่ะ เพราะกูก็ไม่ไปเช็งเม้งมา 25 ปีแล้ว!
และที่สำคัญ มันเป็นประเพณีที่ถูกคิดโดยประเทศจีน ซึ่งมีอุณหภูมิในช่วงเดือนมีนาคม เฉลี่ยประมาณ 8 - 18 องศา โดยชาวจีนไม่ได้คาดคิดว่า วันนึง คนที่อยู่ในประเทศที่มีอุณหภูมิ 38 - 40 องศา จะออกมาเช็งเม้งตามจีน

830 Nameless Fanboi Posted ID:BgaU9hTpg

X ออกมาเช็งเม้งตามจีน
O อพยพจากจีนมาเช็งเม้ง

831 Nameless Fanboi Posted ID:QoOrKMetS

ซื้อของเซเว่น กำลังจ่ายเงินอยู่จู่ๆพนักงานก็พูดว่า "ด้านหลังรอสักครู่นะครับ"
มันเท่ตรงที่ทั้งแถวจริงๆมีเราคนเดียว ...

832 Nameless Fanboi Posted ID:KpWzU0Ka4

หลอนน่ะมึงสัด ร้านเซเว่นผีสิงไหมว่ะ
คนขายคงเป็นคนล่ะมั้ง เช็คของที่มึงซื้อมาให้ดีล่ะ กลับไปอีกทีมึงหาเซเว่นที่เดิมไม่เจอ

833 Nameless Fanboi Posted ID:BM4QTMa7t

"เคยถามแม่ค้าตรงๆ เลย ใส่ถุงมือพลาสติกบางแบบใช้แล้วทิ้งน่ะค่ะ แต่ใส่ทั้งวัน รับเงิน ควักกระเป๋าผ้ากันเปื้อนหยิบเงินทอน หยิบจับทุกอย่าง
เขาบอกเขาใส่ถุงมือเพื่อกันมือเลอะเพราะขี้เกียจล้างมือค่ะ"

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

834 Nameless Fanboi Posted ID:w3fxhZdNM

ก่อนจะมาเป็นตัน อสังหา ไม่ได้ดีอย่างที่แจกทองดราม่าอย่างทุกวันนี้
ตันนี่ตัวดีเลย ยัดเงินเปิดผังเมือง พิมพ์เขียว
แล้วไปซื้อที่ดักไว้ เช่นตามเส้นทองหล่อ
บางครั้งโหดๆหน่อยไปซื้อที่ปิดทางเข้าที่ดินคนอื่นแล้วขายให้ในราคาสูง

#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

835 Nameless Fanboi Posted ID:V5nS4yHW/

3rd world farmer : เกมชาวไร่ประเทศโลกที่ 3

เราต้องเล่นเป็นครอบครัวเกษตรกรในประเทศโลกที่ 3 โดยมีเงินตั้งต้น 50 เหรียญ สามารถลงทุนปลูกข้าวโพด ข้าวสาลี ฝ้าย หรือถั่วได้ สามารถแต่งงาน มีลูกได้ แต่มันไม่ได้เรียบง่ายโลกสวยเหมือนเกมปลูกผักทั่วไป เพราะถ้ามีลูก จะส่งลูกไปโรงเรียน ต้องเสียค่าเทอม 30 เหรียญ แถมโรงเรียนไกล ต้องใช้เวลาเดินครึ่งวัน ทำให้ลูกมาช่วยงานในไร่ได้น้อยลง ถ้าป่วยก็ต้องเสียค่ารักษาแพง เพราะไม่มีถนน (ถ้าจะสร้างถนนก็ต้องลงทุนเอง)

ทีนี้เล่นไปสักพัก เดี๋ยวก็มีภัยพิบัติ ม๊อบเอย ผู้ลี้ภัยเอย โดนทหารขูดรีดบ้าง เกิดภัยแล้งบ้าง

มือถือน่ะหรอ มีให้ซื้อ ประกันก็มีให้ซื้อ แต่มันแพงมาก ถ้าจะซื้อต้องขายเครื่องมือในไร่ สามารถลงทุนสร้างถนน สร้างโรงบาล สร้างโรงเรียนใกล้ ๆ ได้ แต่แน่นอนแพงสัส

อุตส่าห์ลงทุนเลี้ยงไก่ ก็เกิดโรคระบาด
ลงทุนซื้อเครื่องทุ่นแรง ก็เกิดสงครามกลางเมือง
พอตังค์น้อย ก็ต้องยอมให้เค้ามาสร้างโรงกำจัดขยะ
พอน้อยอีก ก็ต้องยอมให้เค้าเอาฝิ่นมาปลูก
พอติดหนี้ ก็ต้องขายลูก

โดยสรุปคือ
- ต้นทุนต่ำ ทำเหี้ยอะไรก็ยาก
- กูไม่ได้จนเพราะโง่ กูจนเพราะโครงสร้างมันไม่เอื้อให้รวยต่างหาก
- ในประเทศห่วย ๆ ที่ไม่ยอมให้คนตัวเล็ก ๆ มีอำนาจต่อรองเลย ทำให้ชะตาชีวิตต้องฝากไว้กับอุบัติเหตุ
- การเกิดมาจนไม่ได้ผิด ประเทศที่ไม่เอื้อให้คนลืมตาอ้าปากต่างหากที่ผิด
- พยายามโปรโมท เกษตรกรดีเด่น ทำเกษตรง่าย ๆ ไม่เหนื่อย ก็เพื่อจะบอกว่า ก้มหน้าทำงานตัวเองให้ดีเถอะ อย่าพยายามมาแก้โครงสร้าง (ที่พวกกูได้ประโยชน์) เลย
- พอรัฐไม่มีปัญญาทำให้คนรวย ก็ต้องทำให้คนพอใจกับความยากจน
(เล่น 2 รอบ รอบแรกเละเทะอย่างที่เขียนไป รอบที่สองเอาใหม่ อาศัยโชคดีอย่างเดียว)

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
จริง ๆ เกมนี้เล่นแค่ 10 นาทีก็จบแล้ว
http://3rdworldfarmer.com/
เกมสนับสนุนโดยมูลนิธิเกตส์

836 Nameless Fanboi Posted ID:cro7coFGc

>>828 มึงแต่งเรื่องมาหลอก>>835 เหรอวะ

837 Nameless Fanboi Posted ID:V5nS4yHW/

>>836 ไทยไม่ได้เลวร้ายเหมือน >>835 มั้ง

838 Nameless Fanboi Posted ID:st/MwDOjY

>>837 ไอ้คนคลั่งชาติ มึงบอกว่าไทยไม่เหี้ยที่สุดในโลกได้ไงวะ เพราะคนอย่างมึงที่หลับหูหลับตาอวยชาติเหี้ยๆแบบนี้ชาติถึงไม่พัฒนา มึงต้องมองว่าไทยเหี้ยที่สุดในโลก มองต่างจากนี้คือคลั่งชาติ จำไว้

839 Nameless Fanboi Posted ID:/+FaCOFPs

ไอ้คนคลั่งชาติ มึงบอกว่าไทยไม่เหี้ยที่สุดในโลกได้ไงวะ เพราะคนอย่างมึงที่หลับหูหลับตาอวยชาติเหี้ยๆแบบนี้ชาติถึงไม่พัฒนา มึงต้องมองว่าไทยเหี้ยที่สุดในโลก มองต่างจากนี้คือคลั่งชาติ จำไว้

#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

840 Nameless Fanboi Posted ID:jC914kbs8

"ทำไมเราให้ค่ากับการ "อ่านเยอะๆ" กันนักวะ มันควรสนใจเรื่อง "อ่านอย่างไร" เป็นที่สุดไม่ใช่เหรอ อ่านเยอะๆ แต่ไม่คิดไม่ไรอ่านไปอย่างขุนแก้วขุนทองมันก็เหมือนเรียนสิบหกปีหรือกระทั่งยี่สิบปีแล้วออกมาเป็นไอ้งั่งแบบที่มึงเห็นๆ กันอยู่อะ"

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

841 Nameless Fanboi Posted ID:vaCHDLxeF

คนทำงานสบายคือคนไม่มีจรรยาบรรณ เพราะงานสบายกับจรรยาบรรณไปด้วยกันไม่ได้

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

842 Nameless Fanboi Posted ID:lLaXN.kZ5

"เรื่องอิสลามกินหมู เลานึกถึงเพื่อนคนนึง เป็นอิสลามแต่กินเตี๋ยวเนื้อ มันสั่งหมูตลอด กินเหล้า และไม่เคยเห็นมันละหมาด ครั้งนึงมีรุ่นน้องถามว่า"พี่ อ. เป็นอิสลามจริงดิ ดูไม่เหมือนเลย" ‪#‎มิตรสหายอีกคน‬ ในกลุ่มจึงตะโกนว่า "อิสลามเหี้ยไร เข้าร้านเตี๋ยวเนื้อ สั่งแต่หมู" ไอ้ อ. สวนมาทันที "ไอ้เหี้ย กูเป็นอิสลามฉลาดไง"
จบ"

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

"หมูน่ะอยู่ในกระเพาะ แต่อัลลอฮฺอยู่ในจัย อะหึ้ย"

‪#‎มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง‬

843 Nameless Fanboi Posted ID:LM6jkCWr9

เล่นเองตบเอง เหมือนพวกเพื่อนไม่คบหรือเข้าสังคมไม่ได้ เราควรสมเพชพวกนี้มากกว่าสงสาร
#มิตรสหายท่านหนึ่่ง

844 Nameless Fanboi Posted ID:LS8msx0TA

เรียก taxi จากหน้าตึกฟอร์จูนรัชดา เพื่อจะไป BTS อารีย์ 3 คัน แม่งไม่ไปสักคัน พอคันที่ 4 ก็ไม่ได้ เลยบอกไปว่า "งั้นผมให้ค่ารถ 500 บาท พี่ไปไหม" ปรากฏว่า 'ไป' เลยตอบกลับไปว่า "ผมไม่ไป"
อ้างเหมือนๆ กัน 'รถติด' แต่พอเงินมาผ้าก็หลุด
taxi ดีๆ มีเยอะกว่า เพียงแค่เช้านี้ผมเจอ taxi ส่วนน้อยที่ไม่ดี

845 Nameless Fanboi Posted ID:Sd40rm7g+

>ลาออกจากการเป็นหมอเพราะสุขภาพไม่ดี
>ไปญี่ปุ่น เเดกเเต่ของที่ทำให้เเย่ลง
>ตัดไปก่อนหน้านี้ ด่าคนไข้ที่ไม่ยอมดูเเลตัวเอง

2Hypocrite4me

846 Nameless Fanboi Posted ID:Jw.A6oqTy

just a thought but the part about time being a period in an individual's life is so true. i never quite knew how to word it when i felt i was running out of time despite being young. it's because once you get to a certain age, it's too late to do things you want to do or achieve certain dreams. the saying "it's never too late" doesn't apply to everything.

847 Nameless Fanboi Posted ID:albav5iNs

ผู้สูงอายุหลายคนที่กูรู้จัก น่าสงสารมาก (นี่เรื่องจริงนะยะ ไม่ใช่เรื่องแต่ง) คือ ทำงานราชการ เงินน้อย เก็บเงินทีละนิดๆ หวังเอาไว้ใช้อย่างสบายตอนแก่ คนแรกยอมลำบาก อดๆอยากๆมาจนอายุ 60 ปรากฏว่าป่วยตายค่ะ เงินที่เก็บสะสมมา ไม่ได้ใช้หาความสุขให้ตัวเองสักบาท
อีกราย ยอมลำบาก อดๆอยากๆมาจนอายุ 70 ปรากฏว่า พอจะเอาเงินมาเที่ยว ไม่มีแรงเที่ยวค่ะ จะไปไหนก็ไม่ไหวแล้ว แค่ไปเดินห้างยังไม่อยากไปเลย สุดท้ายนั่งอืดดูรายการสารคดีท่องเที่ยวอยู่บ้าน ไม่ใช่ว่าลูกหลานไม่พาไปนะ แต่สภาพกายและใจมันไม่อยากไปแล้ว (แถวที่เที่ยวบางแห่ง ก็มีแต่คนอายุ 15 - 35 ไปเที่ยวกัน ก็เลยอายที่จะไป)
ส่วนอาหารดีๆก็ไม่ได้กินค่ะ เพราะตอนสมัยยังหนุ่มยังสาวดันอดใจ ไม่ยอมกิน พอแก่แล้ว กินไม่เป็น ไม่คุ้นปาก กลายเป็นรู้สึกไม่อยากกิน สุดท้ายก็กินได้แต่อาหารเดิมๆ

848 Nameless Fanboi Posted ID:albav5iNs

เรื่องสถานีรถไฟ Kyu shirataki บนเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่นที่เปิดให้บริการเพื่อรับส่งเด็กผู้หญิงที่เป็นลูกค้าเพียงคนเดียวของสถานีจนกระทั่งเธอจบการศึกษา เป็นเรื่องราวที่ได้รับการบอกเล่าไปทั่วโลก
ผมเห็นบางความเห็นพูดว่า เอาเงินภาษีมาเพื่อจ่ายให้เด็กเพียงคนเดียว เป็นเรื่องไม่คุ้มค่า แม้จะดูซาบซึ้งขนาดไหนก็ตาม
ถ้าพูดตามเนื้อผ้าก็เป็นแบบนั้นแหละครับ ถูกต้องแล้ว.. แต่เมื่อคุณเห็นผลลัพธ์ของการตัดสินใจนี้แล้ว ที่ประเทศญี่ปุ่นได้รับการกล่าวถึงและมีกระแสชื่นชมทั่วโลก คนจำนวนมากเดินทางไปฮอกไกโดเพื่อดูสถานีนี้ด้วยตนเอง รวมถึงชีวิตเด็กคนหนึ่งที่ได้รับแรงบัลดาลที่จะมีชีวิตและเติบโตเพื่ออุทิศตัวเองให้ประเทศกำเนิดของเธอ และเป็นแรงบัลดาลใจต่อให้กับเด็กอื่นๆ ในประเทศ
มันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม..

849 Nameless Fanboi Posted ID:albav5iNs

·โดยงานวิจัยชิ้นนี้ติดตามบุคลากรทางการแพทย์จำนวนประมาณ 32,000 ·คน เป็นเวลา 18·ปี โดยพบว่าผู้ที่หลั่งอสุจิเฉลี่ยเดือนละ 21 ครั้ง มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากต่ำกว่าผู้ที่หลั่งอสุจิ 4-7 ครั้งต่อเดือนถึงร้อยละ 20

850 Nameless Fanboi Posted ID:aRBKOqrXy

>>849 รอดแล้วกู

851 Nameless Fanboi Posted ID:b+qTFI.YO

>>850 ถ้าชักว่าวทุกวันเสี่ยงเป็นต่อมลูกหมากโตแทน หมอเขาตรวจด้วยการล้วงนิ้วเข้าไปในรูตูดแล้วคลำดูจ๊ะ

852 Nameless Fanboi Posted ID:NG1iMUxZP

21 ครั้งเลยเหรอวะ อาทิตย์ละรอบเองกู

853 Nameless Fanboi Posted ID:KyxUox7Id

Do you consistently think of ideas to earn more money?
Do you usually care about value and spend less than you earn?
Do you already feel successful in many things, but aren't sure you can do something on your own?
Do you know you are destined for great things, but feel like things aren't moving fast enough?
Have you always wanted to be in control of your own time and experiences, but right now feel like you are just trying to get by?
Have you tried business ideas that didn't work out before, but still have the passion to try new ones?
Does the idea of working for someone else the rest of your life scare you?
Does having a boss feel constricting, and you don't want someone telling you what to do?
Do you have the idea of waiting until retirement to enjoy your life and the world?
Do you believe that success and wealth are in your power, but you don't want to rely on others?
Do you want to travel more but don't have enough vacation days?
Are you able to daydream about what you want to be when you grow up, no matter how old you are?
Do you only sleep four to five hours per night because you are too excited about your new ideas or business?
Do you read success stories and think, "What made them so successful? How come I haven't made it yet?"
Do you want to do work that matters, not just something that pays well?
Do you want to become a better person through personal growth?
Do you want to leave a legacy?
Do you want to give more, but feel unable right now?
Of course, the "Eventual Millionaire" mindset is only a piece of the puzzle.

Ultimately, earning a million is up to you.

854 Nameless Fanboi Posted ID:KyxUox7Id

people are afraid that GTAV will teach their children vioence when the real psychopaths actually play sims 4.

855 Nameless Fanboi Posted ID:MSJMRLuhb

"วันก่อนเพิ่งจะด่าพนักงานสอบสวน เรื่อง "คุณค่าของเวลา" ไปหยกๆ เว้นไปแค่วันเดียว มีเหตุให้ต้องมาติดต่อพนักงานสอบสวนในสังกัดอื่น แม่งก็ "ระยำ" พอๆ กันจริงๆ

ไอ้สัสนี่!... หมายนัด วันนี้ เวลา 11 โมง ผมก็มาถึงหน่วยงานที่ออกหมายเรียก ก่อนเวลานิดนึง พอ 11 โมงตรง ก็เดินไปแจ้งเจ้าหน้าที่ธุรการว่า มาพบพนักงานสอบสวน ระบุยศ ระบุชื่อไป ตามหมายเรียก เจ้าหน้าที่ธุรการก็ถามหา ปรากฏว่า ยังไม่มีใครเห็นท่านพนักงานสอบสวนรายนี้เลย ก็บอกให้ผมนั่งรอ

ผมก็รอๆ ไป ถึง 11:30 ก็ช้าไปเยอะแล้ว ลองโทรหา ได้คำตอบว่า "ยังไม่เข้า จะเข้าไปบ่ายโมง"... อ้าว! ไอ้เหี้ยนี่! แล้วมึงจะออกหมายนัดกูมาตอน 11:00 น. หาพระแสงของ้าวแสนพลพ่ายทำกระบวยอะไรหละ? สัส!

สำนึกเรื่อง "เวลา" ของพวกเหี้ยนี่แม่งต่ำสถุลจริงๆ... มึงคิดว่า คนอื่นเค้าไม่มีงานมีการต้องทำเหมือนมึงกันหมดหรือวะ?
แล้วถ้าแม่งแกล้งออก "หมายนัดครั้งที่ 2" โดยอ้างว่า ครั้งนี้ ผู้ต้องหาไม่มาตามหมาย นะมึง!... กูจะเล่นแม่งทั้งทางวินัยและทางอาญาให้ชิบหายกันไปข้างเลย!"

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

"โดนมาเหมือนกันครับพี่ ไปตามเวลาที่ระบุในหมายเรียกตอน 9 โมงเช้า ประมาณ 9.30 พึ่งโผล่มา แล้วออกไปชงกาแฟกินอีกสิบนาที กลับเข้ามาก็เริ่มเซ็ทคอมพิวเตอร์ สิบโมงกว่าได้ฤกษ์ซักประวัติส่วนตัว กว่าจะเข้าคำถามตามหมายก็สิบเอ็ดโมงพอดี สรุปกว่าจะเสร็จในวันนั้น ก็ 16.30 มีโทษผมด้วยว่าผมพูดช้าทำให้ไปซื้อข้าวมันไก่เจ้าโปรดกินไม่ทัน อย่างเพลียครับ"

‪#‎มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง‬

856 Nameless Fanboi Posted ID:KyxUox7Id

มีลูกนี่ ถือว่าเรียก mega project.....หาข้อมูลกันยิ่งกว่าตอนทำ thesis และสามารถจิตตกได้ เวลาแก้ปัญหาไม่ตกต้องทำการ trouble shooting กันตลอด....ไม่สามารถ terminate project ได้ ไม่สามารถลาออกจากตำแหน่ง หลังรับมอบได้

ดีว่า อาป๊ากะมี้ เป็นชอบพวกทำงาน trouble shooting กันอยู่แล้วนะ

857 Nameless Fanboi Posted ID:aPs0C+rEu

"กูเจอมาเยอะละ ไอ้พวกที่ตัวเองก็ไม่อยากเป็นทหารเกณฑ์ แต่ชอบบังคับให้คนอื่นอยากเป็น พอมีคนมาค้านเรื่องเกณฑ์ทหารต้องออกหน้าปกป้องว่าการเกณฑ์ทหารดีอย่างงั้นอย่างงี้ แต่ตัวเองเรียนร.ด. หรือไม่ก็จ่ายเงินให้สัสดี (แล้วก็ออกมาต้านคอร์รัปชั่นด้วยนะ คลาสสิคจริงๆ)
.
จะเถียงกันทำไมวะ ระบบสมัครใจนี่แหละดีที่สุดแล้ว คนอยากเป็นเพราะเห็นว่ามันสำคัญมากๆ ก็ไปเป็นซะ
คนไม่อยากเป็น มีหน้าที่อื่นๆในชีวิต ก็ไม่ต้องไปเป็น
.
ไอ้ที่เถียงๆกันทุกวันนี้คืออยากให้ "คนอื่น" เป็นกันไง
เสือกจริงๆ"

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

858 Nameless Fanboi Posted ID:xhEynBUzA

การที่หนัง "ลอบฆ่าคุณครูปลาหมึก ภาค2" ทำเงินในญี่ปุ่นชนะ "แบทแมนปะทะซุปเปอร์แมน" ทั้งๆที่เข้าฉายสัปดาห์เดียวกัน ไม่ใช่เรื่องแปลกนะ
ถ้าเอาตาราง boxoffice ของญี่ปุ่นทุกสัปดาห์ ทุกปี มาดู จะพบว่า ใน 20 อันดับหนังทำเงินประจำสัปดาห์ จะมีหนังฝรั่งโผล่มาแค่ 6 - 8 เรื่อง ที่เหลือคือหนังญี่ปุ่นหมด ต่อให้หนังฝรั่งเทพแค่ไหนก็ได้อันดับหนึ่งยากมาก แค่ติด 1 ใน 5 ก็โคตรยากแล้ว (ยกเว้นหนังดิสนี่ย์)
ไม่ใช่เพราะหนังญี่ปุ่นคุณภาพดีกว่าหนังฝรั่งมากๆ คนญี่ปุ่นถึงไม่ค่อยดูหนังฝรั่งนะ แต่เหมือนคนญี่ปุ่นเค้าได้รับการปลูกฝังมา ว่ายังไงๆก็ต้องสนับสนุนสินค้าของชาติตัวเองไว้ก่อน
แม้หนังญี่ปุ่นหลายๆเรื่องสู้หนังฝรั่งไม่ได้ สนุกสู้ไม่ได้ บทสู้ไม่ได้ เอฟเฟคสู้ไม่ได้ แต่คนญี่ปุ่นก็ยังแห่ไปดูกันเต็มโรง (ส่วนหนังญี่ปุ่นดีๆที่คนไทยรู้จัก คือแค่บางส่วน ที่นักวิจารณ์เค้าคัดเลือกมาให้ดู) หลังจากคนญี่ปุ่นดูหนังชาติตัวเองเสร็จแล้ว เขาถึงค่อยเอาเงินที่เหลือมาดูหนังฝรั่ง?
แปลกดีไหม? เอ้ะ หรือไม่แปลก? หรือว่า ประเทศที่คนเกลียดชังหนังของชาติตัวเองแบบสุดๆนั้นต่างหากล่ะ ที่แปลก?

859 Nameless Fanboi Posted ID:Nn2F8l9Fs

>>858 หนังญี่ปุ่นมันกากเดนเหมือนหนังไทยหลายๆเรื่องมั้ยล่ะครับ พอขายไม่ออกก็เอาความเป็นหนังไทยมาอ้าง แหม่

860 Nameless Fanboi Posted ID:z6MZLB7kO

ช่วง 3-4 ปี มานี้กูยี้หนังฮอลลีวู๊ดสุดๆ
ถ้าให้กูเลือก กูก็คงเลือกดูหนังญี่ปุ่นว่ะ

861 Nameless Fanboi Posted ID:E4tEBTm68

>>858 หนังมันถูกจริตคนในประเทศอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวเหี้ยอะไรกับชาตินิยมเลย นี่ก็มั่วด่าคนดูหนังไทยไปเรื่อย ลองมีหนังญี่ปุ่นเหี้ยๆแบบในบ้านเราดิ คนมันคงโง่ไปดูหรอก

862 Nameless Fanboi Posted ID:w8kx.uwfV

"ซากุระบูชา คือวันที่คนไทยบนไทม์ไลน์ไปอยู่ญี่ปุ่นกันอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย"

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

863 Nameless Fanboi Posted ID:VFdErnHk6

>>858 หนังห่วยไม่มีคนดูไม่โทษคนสร้างเหรอ โทษคนดูหนังนี่เหล่ะง่ายดี

864 Nameless Fanboi Posted ID:xhEynBUzA

"ผมลองคิดมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจหากต้องให้ชายไทยเกณฑ์ทหาร 2 ปี โดยให้มีรายได้เฉลี่ย 12,000 บาทต่อคนต่อเดือน หรือ 144,000 บาทต่อคนต่อปี โดยค่าเฉลี่ยทหารเกณฑ์ในแต่ละปีจะอยู่ที่ประมาณ 100,000 นาย จะคิดได้เท่ากับ 14,400,000,000 บาทต่อปี และ เท่ากับ 28,800,000,000 บาทเมื่อครบกำหนด 2 ปี

ทุกวันนี้เขารบกันด้วยระบบเศรษฐกิจและเทคโนโลยีครับ ไม่ใช่กำลังพล มูลค่าความเสียหายระดับนี้ ไม่ฉุกใจคิดอะไรบ้างเลยหรอ?"

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

865 Nameless Fanboi Posted ID:XADjerjYu

>>864 อ้างไปงั้นแหล่ะถ้าไม่มีทหารเกณฑ์ กำลังพลเราไม่พอรักษาชายแดนตามหลักยุทธศาสตร์หว่ะคราวนี้ถึงใช้ระบบจ้างทหารประจำการมันก็ไม่พออยู่ดีแถมจะทำให้มีระบบ กองกำลังผูกกับนายทหารใหญ่อีกทำให้ความมั่นคงการปกครองจะน้อยลงเพราะ นายทหารมันคุมกำลังเยอะขึ้นปฏิวัติง่ายขึ้น เข้าใจยังอย่าหาข้ออ้างว่าเขาแข่งเรื่องศก.,ความรู้เหี้ยไรมึงลองเอาคนเรียนเก่งๆ,หรือฉลาดอย่างเดียวไปสู้แต่ไม่รู้วิธีเอาตัวรอดโดนกระสุนเม็ดละสองบาทก็ตายได้ทุกคนแหล่ะที่ให้เรียนรด.เพราะจะให้ปัญญาชนพวกนี้มันมีวิธีเอาตัวรอดบ้างเป็นการลงทุนเพื่อลดความสูญเสียระดับหนึ่ง

866 Nameless Fanboi Posted ID:6ov6hwpMw

>>864 ถามหาเงินที่จะได้ ไม่ถามมั่งละว่าใครจะจ้างงาน

867 Nameless Fanboi Posted ID:vXmrnu1U+

กูสนับสนุนเอาแว้นท์ไปเป็นทหาร

ส่งไป3จว.ใต้ไปแว้นท์ที่นั่นเลย

868 Nameless Fanboi Posted ID:M6/KDBSHm

>>867 แบทเทิ้ลโรยัลไหมล่ะมึง

869 Nameless Fanboi Posted ID:mfL8+JGrs

ไม่ได้คัดค้านการเกณฑ์ทหารนะ ย้ำ! ไม่ได้คัดค้านการเกณฑ์ทหาร แต่เห็นคนพูดบ่อยๆว่า "คุณต้องเป็นทหารเกณฑ์เพื่อรับใช้ชาติ ส่วนงานอื่นๆ ไม่ถือว่าเป็นการรับใช้ชาติ" ก็เลยนึกสงสัยว่า แล้วงานรับใช้ชาติของทหารเกณฑ์ คืองานอะไรอ่ะ? อันนี้ถามเพราะไม่รู้จริงๆ ไม่ได้กวน
ถ้าเป็นงานออกรบ ก็อยากให้ช่วยระบุชื่อข้าศึก ที่ทำให้เราต้องเกณฑ์ประชาชนไปฝึกสู้รบ (แทนทหารอาชีพ) เพื่อต่อสู้กับพวกมันหน่อยจิ
ส่วนการออกกำลังกาย การฝึกต่างๆ ไม่ถือว่าเป็นงานนะ ขอที่เป็น "การปฏิบัติงานจริงๆ" (ส่วนการบอกว่าแค่มาเป็นทหารเกณฑ์เฉยๆ ก็ถือว่ารับใช้ชาติแล้ว อันนี้ก็ไม่นับเหมือนกัน)

870 Nameless Fanboi Posted ID:JnGw9yrxS

>>865 พูดอย่างกับเด็กเรียน รด. มันจะเอาไปใช้อะไรได้จริง ส่วนตามชายแดน ถ้าไม่ใช่ทางใต้หรือเขมร ให้ตชด. หรือทหารพรานจัดการไปเหอะว่ะ

871 Nameless Fanboi Posted ID:M6/KDBSHm

>>870 เอาตัวรอดเวลาจวนตัวไง

872 Nameless Fanboi Posted ID:M6/KDBSHm

อีกอย่างคือมึงไม่รู้ระบบของทหารUS นะคือมันประจำการช่วงเวลาหนึ่งแล้วกลับมาใช้ชีวิตปดติหาการหางานอื่นทำ,เข้ามหาวิทยาลัยเรียนต่อก็มี แต่มันขี้นทะเบียนเป็นทหารผ่านศึก ถ้าทหารมันขาดจริงๆก็มีภาระที่ต้องเรียกมาประจำการใหม่ได้ด้วย การเกณฑ์ก็ตามเหตุตามผลด้วยนา

873 Nameless Fanboi Posted ID:JnGw9yrxS

>>871 มึงประเมิน รด. สูงไปแล้ว รด. มีไว้ไม่ให้เกณฑ์ทหารเว้ย ถ้าเรียนแค่ปีสาม จบมาก็ไม่รู้อะไรหรอก เหมือนคนทั่วไปอยู่ดี ใช้รบ ใช้ประจำการไม่ได้ ฝึกก็เบากว่า

แต่จะว่าไปได้การเอาตัวรอดจริงๆว่ะ เด็กเรียนจะได้อู้เป็นก็คราวนี้ หาทางเอานิดเอาหน่อย

874 Nameless Fanboi Posted ID:M6/KDBSHm

>>873 มึงคิดว่าพวกเข้าตามตรอกออกตามประตูเรียนรด.เพราะไม่อยากเกณฑ์
เทียบกับพวกยัดเงินตอนจับใบดำใบแดง
พวกไลฟ์แฮค หนีไปเรียนเมืองนอก
กับพวกไม่มีปัญญาเลี่ยงซักแบบแล้วไปเกณฑ์
พวกบ่นแบบมึง

คนไหนใช้ปัญญาแก้ทางออกวะ ตามกฏถ้าเกณฑ์กันขึ้นมามันเอาคนผ่านรด.ติดยศนายสืบเป็นผู้หมู่คุมทหารเกณฑ์นะ แถมก่อนเข้าประจำการจะโดนฝึกเข้มก่อนด้วย

875 Nameless Fanboi Posted ID:JnGw9yrxS

>>874 อะไรงง พูดแค่ รด ดิ จะไปโยงคนอื่นหรือคนขี้บ่นอย่างกูทำไม เห็นชัดๆว่าการฝึก รด. มันล้มเหลววววววว

876 Nameless Fanboi Posted ID:M6/KDBSHm

>>875 รด.ล้มเหลวหรือเปล่ากูไม่รู้ Fact เพราะตอนกูเรียนมันเรียนพร้อมกับรร.ลูกท่านหลานเธอเลยฝึกไม่โหด แต่เพื่อนต่างจังหวัดมันบอกว่าโหดใช้ได้ว่ะ ครูฝึกบอกเองว่ามึงเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดให้ได้บ้าง พวกมึงเขาไม่ได้หวังเอาไปสู่อยู่แล้วแต่ให้มึงเตรียมตัวไว้บ้างจะได้ไม่สูญเสียเวลาเกิดเหตุไม่คาดฝัน

877 Nameless Fanboi Posted ID:T19Up8/dR

>>876 กูเด็กต่างจังหวัด รด.เมื่อสิบกว่าปีก่อนที่กูเจอไม่โหดนะ หรือพูดชัดๆเลยว่าสบายก็ว่าได้ มีเหนื่อยไม่กี่ครั้งหรอก ถ้าวันไหนแดดออกแล้วฝึกกลางแจ้งแม่งก็โหดหน่อยเพราะอากาศร้อนแต่ที่เหลือจัดว่าสบาย นั่งฟังบรรยายเฉยๆ ฝึกวินัยนิดๆหน่อย

เขาชนไก่แม่งโคตรสบาย วันแรกไปถึงตอนเที่ยงเอาของลงเต้นท์ฝึกทบทวนตอนเย็น วันที่สองเข้าป่ากางเต้นท์วันนี้ครูฝึกไม่ยุ่งกางเต้นเสร็จก็นอนกลางวันสบาย ยาวมาจนถึงเช้าวันต่อมา ส่วนฝึกตั้งรับฝึกบุกก็แค่ลงไปนอนในสนามเพลาะ เช้าวันสุดท้ายมีลุยฐานที่ความโหดไม่ต่างจากเข้าค่ายลูกเสือ

878 Nameless Fanboi Posted ID:vXmrnu1U+

ใครบอกเรียนรด.แล้วบ่นลำบากแม่งควรสำเนียกดูตัวเองด้วยดีกว่าว่าไปทำเหี้ยอะไรใส่ครูฝึกหรือปล่าว

กูเรียนมาไม่เห็นจะลำบากเหี้ยอัลลัยนอกจากแดดกับกลับดึกเลยเนียนเดินเที่ยงห้างแม่งทุกวันศุกร์ 5555
แบกปืน ยิงปืน ไปแค้มป์ นอนเต้นท์ กูว่าสนุกดีออก ปกติแม่งต้องขวนขวายเอาถึงจะมีอะไรแบบนั้น

879 Nameless Fanboi Posted ID:1bodQHAcV

จริง ใครเรียนรด.แล้วบอกหนักนี่คือคุณหนูมากกกก กูวิ่งBvSมาราธอนยังเหนื่อยกว่าอีก

880 Nameless Fanboi Posted ID:mfL8+JGrs

การเป็นทหารเป็นเพียงบทบาทหนึ่งของชีวิต ทหารเกณฑ์เป็นแค่ 2 ปี หรือทหารประจำการณ์ก็ไม่ได้เป็นทหารตลอดเวลา ยังมีบทบาทเป็นพ่อ เป็นสามี เป็นลูก เป็นเพื่อน คนที่เลี้ยงเขามาคือพ่อแม่ มีสิทธิ์อะไรไปฆ่าเขาเพียงแค่เขาจับใบแดงได้ ชีวิตเขาก็กลายเป็นของคุณแล้วหรือ ทำไมเกณฑ์ทหารต้องโกง ทำไมต้องเครียด ทำไมต้องร้องไห้ ทำไมต้องลุ้นทำไมจึงไม่อยากเป็นทหาร ก็มันมีสิทธิ์ถึงตายได้ไงครับ ไม่คนนึงก็คนนึง ไม่เป็นทหารก็รักชาติได้ ไม่เป็นทหารก็ทำหน้าที่ลูกผู้ชายได้

881 Nameless Fanboi Posted ID:M6/KDBSHm

>>880 อยากโง่ไม่เตรียมตัวเองก็ช่วยไม่ได้ที่มึงจะต้องรับชะตากรรมไง. แทนที่จะรับมือแต่แรก

882 Nameless Fanboi Posted ID:e3CYyWmPB

คนไม่ได้กลัวการฝึกของทหาร แต่เขากลัวการ Abuse การทารุณ การกดขี่ เหยียดหยามความเป็นมนุษย์ การฝึกทหาร ในต่างประเทศที่เจริญแล้วเขาก็ฝึกหนักและมีวินัย แต่ไม่มีให้มาก้ผ้าชักว่าวให้กัน ให้ดมกางเกงใน มุดถังขี้ เพราะการให้ทหารเป็นคนแข็งแกร่ง กับการ Humiliation การเหยีดหยาม ลดทอนศักดิศรี มันต่างกัน
คนไม่ได้กลัวการเป็นทหาร แต่การเป็นทหารเกณฑ์ของไทยคือการเสียโอกาสในชีวิต เสียรายได้ ไม่นับว่าอาจตายฟรี ในขณะที่ประเทศที่เจริญแล้วทหารคือโอกาสก้าวหน้าของชีวิตทางหนึ่ง

ทั้งหมดนี้ตรวจสอบไม่ได้ ถ้าไม่ได้ชาติตระกูลใหญ่โตอิทธิพลคับบ้านคับเมือง อย่าหวังเรียกหาความยุติธรรมหรือคนรับผิดชอบ

ที่กล่าวมาก็ความจริงทั้งนั้น ก็รู้กันอยู่ ทำไมยังซาบซึ้งโลกสวยกันอีก ทำไมยังต้องบอกว่านี่เป็นหน้าที่นะ เราต้องรับใช้ชาติ เราต้องสำนึกบุญคุณ แล้วก็ก้มหน้าก้มตารับสภาพกันต่อไป แทนที่จะเรียกร้องความเป็นธรรม เรียกร้องความโปร่งใส เรียกร้องการปฏิรูปหน่วยงานทหาร เรียกร้องสวัสดิการและสิ่งที่ทหารชั้นผู้น้อยโดนเอาเปรียบมาตลอดให้เขาในสิ่งที่เขาควรได้ ให้การเป็นทหาร การโดนเกฌฑ์ทหารเป็นโอกาสและทางก้าวหน้าของชีวิต ไม่ใช่หลุมดำ

"รับใช้ชาติ" คือวาทกรรมกล่อมประชาชน เป็น propaganda มันเป็นคำพูดที่ราวกับอาชีพอื่นไม่มีค่าหรือสำคัญต่อประเทศ

คนที่พูดว่าไม่มีทหารจะมีประเทศได้ยังไง พูดราวกับว่าประเทศนี้ขาด ครู หมอ ชาวนา คนกวาดขยะ คนงานก่อสร้าง พ่อครัว คนลอกท่อ พนักงานขายของ และทุกอาชีพในประเทศนี้ แล้วประเทศก็ยังอยู่ได้ ทั้งที่ความจริงขาดคนเหล่านี้ อาชีพเหล่านี้ไปทหารก็อยู่ไม่ได้ เพราะไม่มีกลไกขับเคลื่อนประเทศ ไม่มีเงินภาษีจะมาให้กลาโหมถลุงเป็นงบประมาณ

บ้านมีแต่รั้ว ครัวไม่มี ตู้เย็นไม่มี น้ำไม่ไหล ไฟดับ ไม่มียารักษาโรค เสื้อผ้าไม่ให้ห่ม ความรู้ไม่มี ติดต่อใครไม่ได้ รายได้ไม่เข้า จะอยู่ยังไง?

ทหารควรเป็นแค่อาชีพที่เป็นทางเลือก ไม่ใช่หน้าที่ เพราะเอาคนเก่ง ๆ มีความสามารถเฉพาะทาง ไปวิจัยยา ไปสร้างนวัตกรรม ไปสอนหนังสือ ไปค้าขายเอาเงินเข้าประเทศ สร้างอาชีพให้คนในชาติ สามารถสร้างประโยชน์ให้ประเทศได้มากกว่ามาโดนกระทืบตายในค่ายทหาร หรือเอากวาดบ้านรดน้ำต้นไม้ที่ค่ายไหนสักแห้่

ทุกคนมีภาระและมีโอกาสในชีวิตไม่เท่ากัน อย่าเอาตัวเองไปตัดสินว่า "ทำไมฉันยังไปเป็นทหารเกณฑ์ได้ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไร ทำไมแกมาเป็นไม่ได้อิพวกเห็นแก่ตัว ไม่รักชาติ ฉอด ๆ ๆ" ก็ถ้าคุณไม่ได้ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ไม่ต้องต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ ส่งน้องเรียนหนังสือ ไม่ได้มีหน้าที่การงานความรับผิดชอบโปรเจคสิบล้าน ร้อยล้าน เงินเดือนเป็นหมื่นเป็นแสน คุณไม่เข้าใจความรู้สึกคนพวกนั้นหรอก

สาธารณูปโภค ระบบพื้นฐาน สวัสดิการน้อยนิดที่มีก็ไม่ได้งอกมาจากพื้นไม่ได้ลอยมาจากฟากฟ้าสงสวรรค์หรือมีเทพบันดาลเสกมา มันสร้างด้วยเงินภาษีประชาชนทั้งนั้น ประเทศนี้ไม่ได้อยู่ฟรี แถมตอนนี้กฏหมายที่จะมาครอบกบาลเราก็ไม่ได้มีสิทธิ์ไปมีส่วนร่วม แต่เราต้องเสียโอกาส เสียทุกอย่างไป "รับใช้ชาติ" เพื่อสร้างอำนาจให้พวกที่พรากสิทธิ์ทุกอย่างของประชาชนไป

ตื่นเหอะ รู้ซะทีว่าปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน แล้วไปแก้มันให้ตรงจุด ประเทศจะได้เจริญ

Cr มิตรสหายท่านหนึ่ง

883 Nameless Fanboi Posted ID:mfL8+JGrs

โลกรู้ว่าก่อนที่นิยายชุด Harry Potter จะได้เกิดในบรรณพิภพ เจ. เค. โรว์ลิง ถูกปฏิเสธมาแล้วหลายรอบ
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับนักเขียนโนเนม
แต่หลังจากมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เจ. เค. โรว์ลิง เขียนนิยายเรื่องใหม่ชื่อ The Cuckoo Calling ในนามแฝงว่า Robert Galbraith ส่งไปให้สำนักพิมพ์พิจารณา ปรากฏว่าสำนักพิมพ์สองแห่งปฏิเสธ
แห่งหนึ่งให้เหตุผลว่า มองไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จ
อีกแห่งหนึ่งบอกว่า ผู้เขียนควรไปเรียนวิชาการเขียน เพราะยังเขียนไม่ได้เรื่อง
แต่สำนักพิมพ์แห่งที่สามตาถึง คว้าต้นฉบับนี้ไว้ สามเดือนหลังจากหนังสือวางแผงจึงเพิ่งรู้ว่าใครคือผู้เขียนตัวจริง
เหตุการณ์นี้บอกเราหลายเรื่อง
1 ตลาดหนังสือไม่ว่าที่ไหนก็เหมือนกัน นักเขียนโนเนมเกิดยากจริงๆ
2 มันตั้งคำถามว่า บรรณาธิการใช้มาตรอะไรพิจารณาต้นฉบับ? ผลกำไร? คุณค่าทางวรรณกรรม? ชื่อนักเขียน?
3 บรรณาธิการต้องรอบรู้มากขึ้นและทำงานหนักขึ้นหรือไม่?
ผมก็เคยมีประสบการณ์คล้ายกัน หลังจากผมได้รับรางวัลทั้งใหญ่เล็กมาแล้วไม่น้อย ก็ยังเคยถูกปฏิเสธงานเหมือนกัน ทั้งที่ส่งงานไปในชื่อเดิม
แสดงว่าบรรณาธิการตาถึง! 555!
นักเขียนมีชื่อแล้วจึงไม่ควรมีอีโก้
ส่วนคำแนะนำของผมต่อนักเขียนใหม่คือ อย่าท้อ ทำงานให้ดีที่สุด ให้ตัวงานเป็นหอกทะลวงอุปสรรคทั้งหลายเอง เพราะหากงานดีจริงๆ จะเกิดการแนะนำต่อแบบปากต่อปากจนได้

884 Nameless Fanboi Posted ID:t/aZozT3D

>>883 เเต่ป้าJKก็ขายCuckoo Callingไม่ออกจริงๆนี่หว่า สุดท้ายก็กลับมาหาเเดกกับซีรีย์HPต่อ หนังสือใหม่ หนังใหม่

โตมากะหนังสือเเก เเต่หลังๆนี่ไม่ไหวกะความเป็นSJW attention whore ของเเกว่ะ 555

885 Nameless Fanboi Posted ID:LBybwEftO

>>876 กู >>875 กูอ่ะ รด. ต่างจังหวัด ต่างอำเภอด้วย ไม่มีหรอกไปเช้าเย็นกลับ มีแต่ไปค่ายยาว 12 วัน ไปตั่งค่ายในโรงเรียนไกลเมือง กันดาลสัสๆ นอนต้องกองกันตารางเมตรล่ะ5-6คน ยุงเยอะ ที่นอนมีแต่ผ้าใบกับหลังคา มุ้งไม่มีทายากันยุงนอน เหม็นขี้ไก่ ฝึกหนัก โดดน้ำเน่า น้ำแทบไม่ได้อาบ ข้าวสามมื้อรสชาติกากสัส บางทีแดกใต้โต๊ะ ไม่ได้แดกบางที วันแรกๆทรมานมาก หลังๆ ปลง กูอยู่อย่างนี้ก็ได้ ผ่านมาได้ก็รู้สึกดี พอปี2ปีส3 สบายขึ้น ยิ่งปี3 หาบ่อนนอนใต้ต้นไม้แม่งทั้งวัน
ความรู้ที่ได้ ไม่มี คืนครูฝึกหมดแล้ว ข้อดีได้ ได้เทคนิคการใช้ชีวิตให้สบาย การประจบ วิธีหนีงานให้ไม่โดนจับ ทำตามสั่ง การแก้ปัญหา วิธีอู้ มิตรภาพ และได้ความอดทนมาเลย ที่สำคัญตัดผมเกรียนครั้งเดียว ไม่ดำทั้งปีเหมือนศูนย์ในเมือง แต่ฝึกหนักกว่า

886 Nameless Fanboi Posted ID:M6/KDBSHm

>>885 เผลอๆฝึกในเมืองเหนื่อยกว่าแต่ไม่มีรายการซกมกหว่ะ

887 Nameless Fanboi Posted ID:Vxun9oOYU

เราโชคดีกว่าญี่ปุ่นแค่ในแง่พื้นที่และชัยภูมิอย่างเดียวเลยครับ อันนี้ชัดเจน ผมว่าตอนนี้ญี่ปุ่นโตจากภายในยากจริงๆนั่นแหละ เพราะประเทศเขาพัฒนาพื้นที่ไปเยอะแล้ว ดังนั้นเราจะเห็นเขามาลงทุนในต่างประเทศซะส่วนใหญ่ โดยเฉพาะแถบอาเซียน ยิ่งประเทศเราค่อนข้างจะมองญี่ปุ่นเป็นมิตรมากกว่าประเทศอื่นๆในแถบนี้ นั่นทำให้เขายังคงลงทุนกับเราต่อไปจนกว่า เขาจะได้มหามิตรรายใหม่ในแถบนี้แทน ซึ่งผมมองว่ายังยากอยู่เพราะกว่าเขาจะเข้าใจนิสัยของคนในประเทศนั้นมันต้องใช้เวลา ดังนั้นผมไม่กลัวญี่ปุ่นจะทิ้งเราไปในระยะเวลาอันสั้นนี้

กลับมาที่เรื่องของคน ผมว่าเนื่องจากญี่ปุ่นมีการปกครองแบบลัทธิบูชิโดมากก่อน มันเลยหล่อหลอมให้พวกเขานั้นต้องมีความมุ่งมั่นและอดทนต่อสภาพการแข่งขันตลอดเวลา คนแพ้นี่แถบจะถูกเตะออกจากสังคมไปเลย มันทำให้พวกเขาต้องขยันและอดทน รวมถึงต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ เพื่ออยู่รอดต่อการแข่งขันในสังคม แม้ในปัจจุบันลัทธินี้จะล่มสลายไปแล้วพร้อมความพ่ายแพ้ในสงครามของพวกเขา แต่รากฐานมันก็ยังอยู่ แม้ในญี่ปุ่นรุ่นใหม่จะดูผ่อนคลายมากขึ้นเยอะ แต่ระบบสังคมก็ยังกรอบมาแบบนั้นอยู่ดี มันให้ทำให้คนของเขาต้องอยู่ในระบบต่อไป ถ้าอยากจะก้าวหน้าและมีที่ยืนในสังคม มันก็มีทั้งผลดีและเสียอย่างที่เราท่านรู้น่ะครับ ข้อดีคือประเทศนิ่งด้วยระบบ ขับเคลื่อนด้วยการพัฒนาจากคนในระบบ และอยู่ได้ด้วยระบบ ข้อเสียคือ คนจะเครียดเพราะกฏบางอย่างมันสุดโต่งมาก ดึงมากไป ต้องรอระดับซีเนียร์ตัดสินใจถึงทำได้ แบบครั้งทำให้ระบบทางธุรกิจของญี่ปุ่นปรับตัวได้ช้า ดูกรณีที่ Sony พ่าย Samsung เป็นตัวอย่าง แต่ยังไงผมว่าด้วยระบบและพลังจินตนาการของพวกญี่ปุ่น สุดท้ายเขาก็เอาตัวรอดไปได้

แต่กลับมาที่เรา คนไทยส่วนมากยังรักสบายอยู่ ถูกสอนให้ทำงานอะไรก็ได้ให้สบายและได้เงินเยอะๆ ซึ่งงานแบบนั้นมันมีจำกัด บางครอบครัวคน คนเดียวหาเลี้ยงครอบครัวทั้งหมด โดยคนอื่นได้แต่แบมือของเงินอย่างเดียว ดูตัวอย่าง ดารา หรือ ครอบครัวธุรกิจบางครอบครัวได้เลย คนทำก็ทำไป คนใช้ก็ใช้เงินไป สุดท้ายพอคนทำไม่อยากทำหรือต้องจากไป ปัญหาก็เกิดโดยทันที คว้างกันทั้งครอบครัวเลย เพราะสังคมเราไม่สนับสนุนให้คนนับถือคนที่ทำงาน แต่นับถือคนที่มีเงิน โดยไม่ดูเลยว่าเขาหาเงินมาเองไหม หรือ เอาจาก พ่อ-แม่ หรือ ปู่-ย่า ตา-ยาย มาถลุงแล้วอ้างว่ามาจากตัวเอง นี่คือข้อด้อยของเราที่มันแก้ได้ยากจริงๆ ผมอายุ 30 กว่าๆ เห็นอะไรแบบนี้มาตลอด ภาครัฐหรือภาคประชาชนก็พยายาม กระตุ้นให้คนคิดเป็นคิดให้ได้นะ แต่ก็มีไม่กี่คนที่หลุดพ้นมาได้ ส่วนใหญ่ยังไม่หลุดพ้น

ด้านการพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจ อันนี้ญี่ปุ่นเขาเหนือกว่าเรามาตั้งนานแล้ว ผมว่า TECH ยังไงเขาก็เป็นเต้ยในเอเชียต่อไปนั่น ไม่ตกไปกว่านี้แน่ๆ และยังคงเป็นรายได้หลักเข้าประเทศเหมือนเดิม ยิ่งตอนนี้ อาเบะ นายกของเขา ปลดล็อกกฏหมายป้องกันตัวเองแล้ว การผลิตและพัฒนา Tech ด้านอาวุธก็คงมาสร้างรายได้ให้พวกเขา(ในทางลับ)เพิ่มขึ้นมาอีก และตอนนี้ก็มามุ่งเน้นด้านการท่องเที่ยวอีกครั้งเพื่อมาพยุงเศรษฐกิจภายในอีก ยังไม่รวมถึงการผลิต tech ทางการแพทย์ที่พวกเขาก็เป็นเต้ยอยู่เช่นกัน นี่ยิ่งถ้าประเทศแถบนี้มีแนวคิดพัฒนาระบบรางมาอีก ก็เป็นโอกาสที่เขาจะขายของได้อีก ถึงแม้จะต้องเจอคู่แข่งแบบจีนก็เถอะ ส่วนด้านเศรษฐกิจความเห็นผมก็เหมือนกับท่านด้านบนกล่าวคือ พวกเขาเจอปัญหา 3 ข้อหลักคือ
1. ต้นทุนค่าแรงที่สูงทำให้แข่งขันในสิ่งค้าที่เป็น mass ยาก
2. คนวัยทำงานลดลงมากทำให้ จัดเก็บภาษีได้น้อย
3. วินัยการใช้เงินของคนในประเทศที่เน้น play safe มากกว่าการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง สังเกตุบริษัทประกันในญี่ปุ่นนี่จะโตตลอด และมีเป็นร้อยบริษัทเลย

ส่วนด้านการพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจของเรา จุดสลบของเราก็คือ เราไม่มีทิศทางชัดเจนในตัวเอง อย่างญี่ปุ่นเขามีทิศทางชัดเจนว่าจะเป็นประเทศที่ผลิตเทคโนโลยีขาย แต่เราล่ะ เราอยากเป็นอะไร เกษตรกร หรือ วิศวะ หรือ หมอ เรายังเหมือนคนสับสนอยู่เลย พัฒนาแบบตามกระแส ไม่มุ่งมั่นไปซักทาง เราทำตัวเป็นเป็ด ประชาชนคนไทยจะรู้หลายเรื่องแต่ไม่รู้ลึกสักเรื่อง เก่งสุดคือ มวยไทย นอกนั้นเรื่องอื่นๆ มาแบบแกนๆ เราชอบ copy&paste ไม่ชอบ Research&Deverlopment เพราะเราไม่รู้จุดมุ่งหมายยังไง เราเลย copy&paste ดีกว่า รับจ้างผลิตกันต่อไป พอเขาไม่จ้างเพราะค่าแรงเราสูงขึ้นไม่คุ้มทุนเขา หรือฝืมือแรงงานไทยห่วยลง เราก็ตกงานกันไป เศรษฐกิจก็เน้นจากภายนอกอย่างเดียว แต่ไม่พัฒนาภายใน พอเศรษฐกิจโลกพัง เราก็พังแบบเละไปเลย เป็นแบบนี้ตลอดมา ธุรกิจเดียวที่ช่วยประเทศไว้ได้คือ การท่องเที่ยว ซึ่งตอนนี้หลายแห่งก็เสื่อมลงมากแล้ว ดูแล้วเรากำลังจะถึงทางตันด้านเศรษฐกิจอีกครั้ง ผมได้แต่หวังว่ารัฐบาลปัจจุบันหรือต่อไปจากนี้จะ บอกเราคนไทยได้ซักที่ว่าเราจะไปเป็นคนทำอาชีพอะไรในเวทีโลก

888 Nameless Fanboi Posted ID:UAo8xy8z0

เพราะคนในบ้านตัวเองมันยังไม่รู้จะไปทางไหนไง

ระบบมันก็เลยต้องยัดให้เรียนทุกอย่าง เพื่อเอาไปคัดเองอีกทีว่าแข็งสายไหน

สุดท้ายพวกแม่งก็มาโทษระบบว่ายัดมากเกินไป

889 Nameless Fanboi Posted ID:Vxun9oOYU

ถ้าเราเป็นบริษัท ที่ต้องเห็นคนแย่งกันเพื่อจะได้ไม่ต้องมาร่วมงานกับบริษัทเรา หรือถ้าเราเป็นผอ.โรงเรียน เห็นคนลุ้นให้จับสลากไม่ได้โรงเรียนเรา เราคงต้องกลับมาย้อนดูตัวเองหนักๆ เลยว่า องค์กร หรือโรงเรียนของเรานั้นทำอะไรผิดพลาดตรงไหน อะไรคือจุดที่คนกังวลหรือกลัว อะไรคือจุดอ่อน อะไรคือจุดแข็ง เราจะทำอย่างให้คนอยากมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งด้วยความภาคภูมิใจ ไม่ใช่รู้สึกตีบตันเหมือนถูกบังคับ

ในฐานะที่เคยต้องทำงานประเภท Employer Branding มาบ้าง การสร้างแบรนด์ในเชิงองค์กรนั้นมันสำคัญมากในแง่ที่จะดึงดูดให้คนที่เราหมายมั่นปั้นมือ และมองว่าเขาคือคนที่เราอยากได้มาร่วมงานด้วย รู้สึกดีกับองค์กรเราในทุกมิติ แบรนด์ที่ถูกสร้างผ่านเครื่องมือการตลาดและการสื่อสารทั้งหลายก็ส่วนหนึ่ง ธรรมาภิบาลในการบริหารงานก็ใช่ เรื่องการเงิน Cash Flow ของบริษัทเป็นอย่างไร สวัสดิการที่พนักงานได้รับนั้นเป็นประโยชน์กับชีวิตของเขาไหม เงินเดือนอยู่ในเกณฑ์ที่ต่อสู้กับคู่แข่งได้รึเปล่า และที่เริ่มจะสำคัญขึ้นมามากในยุคหลัง นั่นก็คือ วัฒนธรรมขององค์กรเราเป็นอย่างไร เพราะด้วยข้อนี้ อาจจะหมายถึงว่า ทั้งคนและองค์กรต่างก็เลือกกันและกัน คนก็อยากอยู่ในองค์กรที่มีนิสัยคล้ายคลึงกับเรา และองค์กรก็อยากได้คนที่เข้ากับเราได้ เป็นความวินวินที่ทั้งสองฝ่ายสมประโยชน์ซึ่งกันและกัน

มันก็เคยมี ที่เราพยายามจะสื่อสารแทบตายว่าองค์กรเราดีงั้นงี้ แต่ก็ยังขายให้คนรู้สึกดีและอยากเข้ามาร่วมงานด้วยไม่ได้ แต่โจทย์ที่เรามักจะได้รับ ไม่ใช่การไปตำหนิหรือไปชี้หน้าหาว่าพวกคนเหล่านั้นช่างไร้รสนิยม ไม่มีหัวคิด ไม่มีความกล้า ขี้ขลาด บลาๆ แต่ที่เราต้องทำ คือการย้อนกลับมาดูว่า อะไรในองค์กรเรา ที่เราก็ว่าดีอยู่แล้ว แต่มันอาจจะไม่ดีพอ หรือไม่ตอบสนองความต้องการของคน ที่เราสามารถปรับปรุงแก้ไขให้มันดีขึ้นได้รึเปล่า เพราะการไปเปลี่ยนความคิดคนเป็นแสนเป็นล้านมันทำได้ยาก (บางท่านอาจบอกว่าง่าย หากพาไปเข้าค่าย แต่เชื่อเหรอว่าแบบนั้นมันเปลี่ยนได้แบบยั่งยืน และนั่นคือวิธีการที่ถูกต้องแล้ว) สิ่งที่เปลี่ยนได้ง่ายกว่าคือเปลี่ยนจากข้างในของเรา เพราะเราควบคุมมันได้ เรามีอำนาจสั่งการอยู่ในมือมากมาย ผู้บริหารลงมาเล่นเอง ยังไงไม่ช้าไม่นานก็เปลี่ยนได้อยู่แล้ว

ที่คนไม่อยากเข้ามาเป็นทหารเพราะอะไร เพราะเงินเดือนน้อย เราเข้าไปดูได้ไหมว่าด้วยบัดเจทที่มี กับกำลังพล มันไปทางเดียวกันไหม เรามีปัญหาคนล้นงานรึเปล่า ถ้าด้วยเงินก้อนเดิม แต่ตัวหารน้อยลง เงินก็จะไปถึงคนมากขึ้นหรือไม่ ถ้าคนกลัวเรื่องการทำร้ายร่างกาย อย่างที่เห็นในข่าวอยู่บ่อยๆ งั้นต้องโบลด์เรื่องนี้ขึ้นมาเลยไหม ว่านี่คือยุคแห่งการไม่ทำร้ายร่างกาย เคารพในสิทธิมนุษยชนซึ่งกันและกัน แต่ถ้าทำผิดก็ยังต้องลงโทษตามกฎและกรอบที่วางไว้ ไม่ใช่การทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ หรือถ้าคนกลัวจะต้องไปตัดหญ้า ล้างจาน ที่บ้านนายพล จนเสียเวลาชีวิต ก็ออกแคมเปญมาเลย ว่าต่อไปนี้ไม่มีอีกแล้ว คุณเข้ามาฝึกทหาร คุณก็จะได้รับความเป็นทหารเต็มตัวกลับไปแน่นอน

890 Nameless Fanboi Posted ID:Vxun9oOYU

เคยเห็นข่าวที่โรงเรียนซักโรงติดป้ายใหญ่โต เขียนว่า ปีนี้โรงเรียนเราปลอดการรับเงินใต้โต๊ะ แล้วคนก็วิพากษ์วิจารณ์กันว่า การทำแบบนี้ก็หมายถึงว่า ปีที่ผ่านมามึงรับใต้โต๊ะมาตลอดเลยน่ะสิ ทำแบบนี้ไม่ฉลาดเลย อะไรแบบนั้น แต่เรากลับชอบ ก็ยอมรับไปเลยแมนๆ ว่าเคยทำ แต่จะไม่ทำแล้ว แบบนี้แสดงว่าเขารู้จุดบกพร่อง จุดอ่อน จุดที่ทำให้เขาไม่ภูมิใจในองค์กรของตัวเอง แล้วยินดีที่จะทำให้มันดีขึ้น ซึ่งเราว่าทหารจะทำแบบนี้บ้างก็ได้ คือต่อไปนี้ไม่มีแล้ว การซ้อมกันจนตาย หรือต้องไปตัดหญ้าบ้านนายให้เสียเวลา

ในเมื่อตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในภาวะสงคราม เราเปลี่ยนการฝึกทหารให้มันสอดคล้องกับสภาพสังคมได้ เพราะไหนๆ ก็ต้องไปดึงคนวัยหนุ่มที่เป็นกำลังสำคัญในภาคแรงงานเข้ามาอยู่ในค่ายตั้งสองปี (นี่คือจะตัดเรื่องที่ว่าเรายังควรเกณฑ์ทหารอยู่หรือไม่ออกไปก่อนเลยนะ เพราะคิดว่ารู้คำตอบอยู่แล้ว) ลองทำโปรแกรมออกมาเลยไหม เหมือนที่ชอบโฆษณาว่า "เป็นทหารให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด" เออ แล้วให้อะไรอ่ะ มันบอกออกมาเป็นข้อๆ ไม่ได้ มันเหมือนพูดออกมาเป็นมวลเมฆ จับต้องไม่ได้น่ะ ก็เปิดโปรแกรมออกมาให้เห็นเลยว่า ใน 2 ปีที่คุณเข้ามา เราจะพัฒนาคุณให้เป็นอย่างไรบ้าง

เราไม่เก่งเรื่องงาน Learning and Development นะ แต่คิดว่ามันคนเก่งๆ หลายคนที่จะทำโปรแกรมดีๆ ให้กับการเอาคนหนุ่มเข้ามาเทรน แล้วสร้างผลลัพธ์ให้เขาออกไปเป็นนอกจากคนที่ดีและมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้นแล้ว ยังมีความสามารถในการรบ เข้าใจยุทธศาสตร์ และอาจจะมีวิชาชีพติดมือกลับออกไป งานช่าง งานไฟฟ้า เครื่องกล งานไม้ และอื่นๆ เราอบรมเสริมเข้าไปให้ได้ องค์กรต้องมองว่าเราให้อะไรคนเพิ่มเติมได้บ้าง พัฒนาเขาไปทางไหนได้บ้าง ต้องคิดแบบเป็นผู้ให้บ้าง

ที่เขียนมายาวๆ เพราะสงสัยจริงๆ สงสัยมาหลายปีแล้ว ว่าพี่ๆ ที่เขาอยู่ในอีเวนท์จับใบดำใบแดง เห็นคนกระโดดดีใจตอนได้ใบดำ ร้องไห้จนตัวทรุดเพราะได้ใบแดง เขาไม่รู้สึกตะหงิดใจกันบ้างเหรอว่า ทำไมองค์กรที่เราทำงานอยู่มันแย่ขนาดที่ไม่มีใครอยากเข้ามาร่วมงานด้วยเลยเหรอ พี่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความภูมิใจ และไม่กลับมาตั้งคำถามต่อตัวเอง และองค์กรของตัวเองได้ยังไง แบบเราคันใจแทนมากเลย ถึงต้องเขียนยาวขนาดนี้ นี่ช่วยคิดอยู่นะเนี่ย

891 Nameless Fanboi Posted ID:Vxun9oOYU

ลองคิดดูว่า คุณเป็นเสาหลักของบ้าน หายไป 2 เดือน
ที่บ้านจะทำยังไง
แล้วหน้าที่การเงินจะทำอย่างไร
สำคัญคือถ้าคนนั้นสำคัญกับบริษัทจะทำยังไง

เอาไป เอาไปฝึกจริง หรือเอาไปเป็นคนใช้ตามบ้านต่าง ๆ กันแน่ หรือเอาไปให้เป็นกระสอบทรายของทหารที่ซ้อมจนตายแต่เอาผิดไม่ได้

http://ilaw.or.th/node/3935#.VwPXcyGrqas.facebook

892 Nameless Fanboi Posted ID:Vxun9oOYU

ตัดเรื่องเกณฑ์ทหารหรือจะยกเลิกออกไป ตัดเรื่องรักชาติ รับใช้ชาติออกไปให้หมดเลยนะ
แล้วถามตัวเองดูว่า ถ้าอยู่มาวันนึงตัวคุณ หรือลูกคุณ น้องชายหรือพี่ชายคุณ ญาติคุณ แฟนคุณ ผัวคุณ พ่อคุณ ต้องไปเป็นทหารเกณฑ์
คุณอยากให้คนที่คุณรัก ได้รับค่าตอบแทนที่สมกับสิ่งที่เขาต้องเจอไหม? หรือจะไปเสี่ยงตายได้เงินเดือนหมื่นนึงไม่นับว่าโดนหักอะไรไปจนเหลือไม่ถึงเจ็ดพัน หกพันบ้างอีกรึเปล่า ก็พอใจแล้ว?
คุณอยากให้คนที่คุณรักได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมรึเปล่า คุณอยากให้เขาโดนซ้อมโดนซ่อมทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดรึเปล่า? หรือโดนไปไม่เป็นไร เขาจะได้อดทนสมชาย ไม่สนว่าจะกลับมาเป็นศพรึเปล่า?
คุณอยากไปรบพร้อมกับอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้ มั่นใจได้ ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเพื่อเสริมความได้เปรียบของคุณในการศึกรึเปล่า หรือถือ GT200 ก็ได้ อุ่นใจดี มั่นใจว่าพี่มีดวงเยอะ
คุณอยากให้เขาได้กินอาหารที่ดี ที่จะทำให้เขาแข็งแรง พร้อมที่จะไปออกฝึกออกรบรึเปล่า หรือผักไร่หมูกิโลก็ดีแล้ว
คุณอยากให้เวลา 2 ปี ที่อยู่ในราชการทหาร เป็นช่วงเวลาที่ได้พํมนาทักษา เพิ่มโอกาสและความสามารถทางอาชีพ ได้ใบประกาศ ออกมาเป็นบุคลากรที่ตลาดแรงงานต้องการตัวรึเปล่า? หรือไปฝึกวิ่ง วิดพื้น ยิงปืน กวาดพื้น ตัดหญ้า ก็พอแล้ว
คุณอยากได้ความเป็นธรรมและความโปร่งใสตรวจสอบได้หรือไม่หากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นกับคนที่คุณรัก
คุณอยากได้การชดเชย สวัสดิการ การดูแลที่ทำให้คุณภาพชีวิตของคุณและคนที่อยู่ข้างหลังคุณยังสามารถมีชีวิตที่ดีต่อไปได้ไหม หากคุณพิการ หรือตาย ในระหว่างการรับราชการทหาร
หรือช่างมัน ฉันรับที่มันเป็นอยู่ได้ ฉันฟินกับความรักชาติ รับใช้ชาติ โดนซ้อมโดนซ่อม เงินน้อยนิด โดนหักรายทางไม่เป็นไร พิการ ตาย จะได้ชดเชยเท่าไหร่ช่างมัน ลูกเมียที่เหลืออยู่ก็ภูมิใจแล้ว ส่วนจะอยู่ต่อไปยังไง หากินกันยังไงก็ไปจัดการกันเองตามยถากรรม
ถ้าคำตอบของคุณคือคุณอยากได้สิ่งที่ดีกว่านี้ คุณต้องเรีกร้องการปฏิรูปหน่วยงานทหาร การไปด่าคนอื่นว่าไม่รักชาติ ขี้ขลาด ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น คุณรักชาติให้ตาย ไม่มีเงิน หรือทำงานไม่ได้ คุณก็อยู่ไม่ได้ ครอบครัว ลูกเมียคุณ พ่อแม่คุณ ถ้าบ้านไม่ได้มีฐานะ มีเงินอยู่แล้ว คุณก็อยู่ไม่ได้ ประเทศนี้สวัสดิการรัฐไม่ได้วิเศษขนาดนั้น ปกป้องชาติไม่ผิด แต่คุณปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองและคนที่คุณรักรึยัง

893 Nameless Fanboi Posted ID:Vxun9oOYU

ยุควิกตอเรีย เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1837 เป็นยุคที่ฝรั่งมีความดัดจริตในเรื่องเพศมากที่สุด มองเซ็กส์เป็นสิ่งชั่วร้าย ห้ามพูด ห้ามฟัง ห้ามดู ห้ามเผยแพร่ จนกระทั่ง วัฒนธรรมวิกเตอเรียได้สิ้นสุดลง ในปี ค.ศ.1901 ฝรั่งพากันเลิกทำตัวดัดจริต แล้วให้เสรีภาพในเรื่องเพศอย่างเต็มที่
ส่วนประเทศสยาม รับเอาวัฒนธรรมวิคตอเรียมาในปี ค.ศ. 1868 แต่ เสือกพึ่งจะมาเฟื่องฟูสุดๆช่วงปีค.ศ. 1938 (ยุคจอมพล ป.) แล้วเราใช้วัฒนธรมนี้จนถึงปัจจุบัน 2016 (แม้ว่าทั้งโลกจะเลิกใช้ไป 115 ปีแล้ว) พร้อมกับหลอกตัวเองไปวันๆ ว่าชาวสยามมีวัฒนธรรมแบบนี้มาตั้งแต่โบราณกาล

894 Nameless Fanboi Posted ID:Vxun9oOYU

จะเอาอะไรกับประเทศที่ mindset ยังอยู่ในยุคสงครามโลก ไม่ก็สงครามเย็น .... ความเจริญสูงสุดที่หลายคนใฝ่ฝัน เป็นภาพบางอย่างจากยุคนั้น
เป็นความเจริญของอำนาจ ไม่ใช่ความเจริญของประเทศ

895 Nameless Fanboi Posted ID:eHnI0xB/O

กุมองว่าพวกกะเรกะราด ไม่มีทำงาน ไปสมัครเป็นทหารเถอะว่ะ เด็กแว้นงี้ไรงี้ ทำประโยชน์ให้สังคมดีกว่า

896 Nameless Fanboi Posted ID:vL6Zxlu+8

>>895 ถ้าอยากทำตัวให้มีประโยชน์ก็คงไม่ทำแบบนั้นแต่แรกแล้ว

897 Nameless Fanboi Posted ID:Qj6VncnrW

>>895 ไปเป็นทหารมันก็เป็นทหารเรื้อนๆอยู่ดี แล้วกองทัพก็จะเน่าลงเน่าลงเน่าลง

898 Nameless Fanboi Posted ID:X8y.4PmIg

>>893 ความดัดจริตมันตามมากับลูกท่านหลานเธอที่มีโอกาสได้ไปเรียนนอกยุคนั้นแล้วหวังยกตัวเองให้เทียบเท่าอารยประเทศ ในขณะเดียวกันก็กดห้วดูถูกไพร่ฟ้าว่าไร้การศึกษาและสมบัติผู้ดี

899 Nameless Fanboi Posted ID:aAzvWA9ck

>>898 มึงว่าปรีดีเหรอ

900 Nameless Fanboi Posted ID:QSj3J3L2i

>>899 กูว่าลูกๆปู่คิโดะ

901 Nameless Fanboi Posted ID:FDoAAquB/

"เราได้เงินเดือนเท่าไหร่ ไม่สำคัญ เท่ากับเพื่อนได้เงินเดือนเท่าไหร่"

ต่อให้ HR ออกระเบียบห้ามพนักงานเปิดเผยเงินเดือนให้ผู้อื่นรู้
พวกที่ตั้งใจ....เขาสนิทกัน เขาจะบอกกัน คุยกันเอง
พวกที่ไม่ตั้งใจ....เผลอหลุดปาก หรือลืมวางสลิปเงินเดือนที่ถูกเปิดไว้ ฯลฯ

คนที่รู้ ต่อให้รักเพื่อนแค่ไหน ก็อดคิดเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้อยู่ดี
สุดท้ายกลายเป็น ดราม่าในออฟฟิศ
ห้ามยากจริงๆ เรื่องนี้

ดังนั้น ผู้บริหารและ HR ทำได้ดีที่สุดคือ
การกำหนดโครงสร้างเงินเดือนให้เหมาะสมที่สุด
ที่สำคัญ "ต้องเทียบกับตลาด"
คือเทียบกับธุรกิจเดียวกัน ขนาดองค์กรเท่าๆ กัน
ไม่ใช่กำหนดเองตามใจฉัน

ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง โครงสร้างเงินเดือนที่เหมาะสม
มาจากการประเมินค่างานของแต่ละตำแหน่งที่เหมาะสมด้วยค่ะ
เรื่องนี้มีขบวนการและขั้นตอนที่่ ผู้บริหารและ HR
ควรศึกษาและนำมาปรับปรุงระบบค่าตอบแทน
แนะนำให้เข้าไปศึกษาได้ที่่
http://tamrongsakk.blogspot.com

ขอขอบพระคุณ ท่านอาจารย์ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์
สำหรับความรู้และประสบการณ์ที่ท่านได้ถ่ายทอดให้

902 Nameless Fanboi Posted ID:FDoAAquB/

✅ ขออนุญาตนะค่ะ ใครอยากมีตังใช้สบายๆ..
"ไม่ต้องลงทุนมากๆทางนี้เลยค่ะไม่ต้องขายของสนใจอยากมีรายได้เสริม"
#ในระวางเรียน!!ทักมาเลยจ้าได้จริงแน่นอน100%ไม่โกงจ้า🔻
📍📍📍🚩ไม่ต้องลงทุนสักบาท
📌📌📌🚩ไม่ต้องอบรม
📍📍📍🚩ไม่ต้องเดินทางมาเข้าบริษัท
✏✏✏🚩อายุน้อยก้อทำได้ไม่เป็นปัญหา
📌📌📌รายได้ 1,500 บาท ต่อวัน💸
2 ชม. แรกได้ 6$=216.06 บาท
มีรายได้ง่ายๆ เพียงคลิก💬💬
แล้วนำไปโพสต์ เฟสบุ๊ก
ได้ค่าคนเข้ามาดูลิ้งค์ 20 บาท ต่อคน,
✔งานง่ายๆ ได้แน่ 1,500 บาท ต่อวัน
ไม่เสียค่าสมัครลองทำดูนะคะทำเล่นๆได้จริงแล้วคุนจะไม่ผิดหวัง..ไม่เสียหายอะไรแค่สมัคร!!ฟรี..ถ้าไม่ได้จริงๆก๊ไม่ได้เสียหายอะไรลองดูนะคะ..ใช้เวลาออนเฟสให้เป็นประโยดกันเถอะ.
สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ค่ะ
ID Line : suthiya3939
✔✔สมัครฟรี 100%

903 Nameless Fanboi Posted ID:rYLef8BSu

หลายวันนี้พาลูกไปฝึกเล่นสเก๊ต เจอเด็กฝึกเล่นสเก้ตเพียบ แต่ละคนล้มไปหลายต่อหลายสิบครั้ง ลุกขึ้นประมาณเก้าสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ นอกนั้นนั่งพักแป๊บนึงแล้วลุกมาลุยต่อ
ไม่กลัวล้ม ไม่กลัวเจ็บ ล้มแล้วลุกจนเล่นเป็นตามเป้าหมาย...
แล้วเป้าหมายของพวกเรา... พวกผู้ใหญ่ที่ชอบบอกตัวเองว่าเป้าหมายยิ่งใหญ่นักหนา ล้มครั้งสองครั้งกลับยอมแพ้กันแล้ว ตกลงมันยิ่งใหญ่จริงหรือ?
แพ้เด็กสินะ!
‪#‎เอาความเป็นเด็กของผมคืนมา‬

904 Nameless Fanboi Posted ID:oToT/mmE4

"ตอนอยู่นิวยอร์ก มีเพื่อนคนเกาหลีหลายคนมากที่พาเมียมาอยู่ด้วยระหว่างเรียนปริญญาโท และพวกเขาก็จะมีลูกกันในช่วงเวลา 2-3 ปีนั้นเลย เพราะอยากให้เด็กเกิดมาเป็นสัญชาติ US จะได้ไม่ต้องไปเกณฑ์ทหาร (เกาหลีบังคับชายทุกคนเกณฑ์ทหาร โดยต้องเข้าไปอยู่ค่ายตอนยังเรียนมหาลัยอยู่ คือเรียนๆอยู่ก็ดร็อปไปซะงั้น) เพื่อนบอกว่า คนเจ็นนี้ที่มีฐานะส่วนมากก็จะเลี่ยงด้วยวิธีนี้ทั้งนั้น เขาบอกว่า ตอนเขาเป็นทหารนั้นเสียเวลาชีวิตมาก และไม่อยากให้ลูกต้องไปเสียเวลาอย่างนั้นอีก เพื่อนเกาหลีเรียกปฎิบัติการแบบนี้ว่า operation AB หรือ american baby"

มิตรสหายท่านหนึ่ง

905 Nameless Fanboi Posted ID:UGlVJ0H1b

>>904 ทรัมป์เลยเอามาใช้หาเสียงเลย

906 Nameless Fanboi Posted ID:heYSf.Fwe

ตำรวจไทยเก่งจัง ขนาดเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสก็ยังรู้ว่าเนื้อหามันต้องห้าม หรือจะมองว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ไทยกำลังอยู่ในภาวะประสาทแดก

มิตรสหายท่านหนึ่ง

907 Nameless Fanboi Posted ID:FU+Bm7wrl

สมัยกูหนุ่มๆนะไม่อยากจะโว กูขับ ยามาฮ่า แดช จอดติดไฟแดง แม่งมีรถ..ม้าผยอง เฟอร์รารี่เปิดประทุน..จับพวงมาลัย..เอียงคอ
นิ้วใส่เพรชปะมาณ..13.5 กะรัต..สูบซิก้าตรามาโบโร..เหน็บว็อดก้าสก็อตแล่น..มาจอดข้าง ๆ พ่นควันโขมงโฉงเฉงเก๊ก..ไส่แว่นเรสะแบน..มีตุ๊กตาหน้ารถ..นมบึ๊บบั๊บอย่าง..ทรัดทรวง มณีฉาย...เหล่หางมองกูแบบเหยียด ๆ คนจน เบิ้นเสียงเครื่องยนต์ v 8
900 แรงม้า ท้าตาย..บรืนนน...บรืนนน...
ฮี่ถ่อ..อ้ายสัสส..คิดว่ากูกลัวหราา..?..
ไฟเขียวป้าบบ..แม่งมันออกตัวล้อหน้ายกลอยอย่าง..ในหนัง..โตเกียวดริฟท์ติ้ง..ทะลุนรก..เบิร์นยาง..มิชลินหน้ากว้าง 15 นิ้ว..สะเก็ดดอกยางกระเด็นใส่ร้านเซเว่นกระจกแตก..
นำกูไป..100 เมตรได้....อ่อ...อ่อ..ได้อ้ายสัส..กูสับเกียร์ 1 รถกูตีลังกาวนโชว์สามรอบ..แล้วพุ่งไปอย่าง..เจ๊กตื่นไฟไหม้โรงกะหลี่สำเพ็ง..หนังหัวกูแทบกระจุย..ลมถ่อ..ตบเกียร์ 2 ตาม..ติด ๆ ด้วยอานุภาพ..การแต่งสำนักกู..ตีลังกา 360 องศาอย่างกล้องฟรุ้งฟริ้ง...อีกสองรอบ..หมอบ....ท่านอน..มืองัดเกียร์โยงเกียร์ 3 ตามห่าง ๆ..
ยังไม่ทันอีก..เชนจ..เกียร์ 4 ไมล์กูไปหยุดที่ 240 km..เงยหน้าขึ้น..ยังห่างอีก..เกือบ 10 เมตรได้...กูเห็นรถมันแม่งไฟออกท้ายท่อ..เหม็น..
ไนตรัส..ปะทะจมูก..กูเลย..อัดเกียร์ 5 ตามมา..ไมลพุ่งปรี้ต..ตามมา..ไปหยุดที่..350 km..แม่งยัง..ห่างกันเพียงเอื้อมมือ..แต่มันเหมือนอยู่แสนไกลลล...โอ้เย้..ทรมาณฉิบหาย..กูเลย..ปล่อยท่าไม้ตาย..ด้วยเกียร์ 6 อัดฮาคิระดับราชันย์
พุ่งทีเดียว..แซงกระจุยกระจาย..หายวับ...หันไปมองไม่เห็นเงาด้วยความเร็ว 487 km ..
เจอกันอีกทีในปั้ม..ข้างทาง..แม่งบอกแลกรถกับกู..เฉย..กูเลยบอก..ไม่แลกเว้ยย..คันนี้..ประยุทธ์..ให้กูมาสัส..

มิตรสหายท่านหนึ่ง

908 Nameless Fanboi Posted ID:y4JNAiCA+

>>904 ก็มีแต่คนไทยนี่แหละที่"รุ่นกูยังโดนมา มึงก็ต้องโดนด้วย"

909 Nameless Fanboi Posted ID:VrHwFxx+8

.....อ่าว พอผ่อนผันจนครบ แล้วนำใบรับรองแพทย์มา ก็หาว่าตอแหล ทำไมไม่ยื่นตั้งแต่ปีแรก รู้ตัวว่าเป็น
.....พอยื่นไม่ผ่อนผัน ก็หาว่าใจกล้าไปป่าว ยังเรียนไม่จบ มีเงื่อนงำ
ตกลงจะเอายังไง บอกมา ถ้าป่วยเป็นหอบจริง ควรทำยังไง
1.ยื่นใบรับรองแพทย์ตั้งแต่แรก
2.ผ่อนผันไปก่อนแล้วค่อยยื่น
พวกมึงจะเอายังไง ทำแบบไหนก็โดนสงสัย โดนด่า จะเอายังไงว่ามา ดาราจะได้ทำตัวถูก จะได้ไม่โดนด่า

มิตรสหายท่านหนึ่ง

910 Nameless Fanboi Posted ID:THly96WlN

ไม่อยากโดนด่าก็ทำตัวแมนๆแล้วเข้าเกณฑ์ทหารซะ ง่ายๆ

911 Nameless Fanboi Posted ID:y+PBkupUC

ไหนๆ แล้วก็ออกกฎหมายให้ข้าราชการพลเรือนต้องเกณฑ์ทหารด้วยไปเลย อย่าอภิสิทธิ์

912 Nameless Fanboi Posted ID:/rsfqW4sK

>>909
หอบมันหายกันได้ด้วยการออกกำลังกาย กำลังดูแลสุขภาพมันจะหายเอง ไม่ใช่โรคที่รักษาไม่หาย กุก็เคยเป็นถึงขั้นต้องพ่นยาเลย แต่แม่งก็หาย กุเรียนทั้งร.ด(ปีเดียว) กับเป็นทหารเกณฑ์ด้วย แต่ไอ้ไมค์กับณเดชคนมันสงสัยเพราะร่างกายมันแข็งแรง ถ้ามันเข้าฟิตเนสกับวิ่งบ่อยแม่งก็หาย แล้วไปเป็นทหารถ้ามึงไม่ไหวเข้าก็ไม่ฝืนมึงจนถึงตาย

913 Nameless Fanboi Posted ID:GCvBqykQ5

เรียนร.ดน่าจะโอที่สุดแหละ ทนเหนื่อยแปปเดียว
มึงป่วยมึงเป็นเป็นหีแตดเป็นควยอะไรเขาไม่ฝืนมึงหรอก

914 Nameless Fanboi Posted ID:m1t+fb1bM

หอบกูเป็นตอนเด็กพ่นทั้งยาบ้อง หลังๆพ่นยาเล็กๆ โตมาหายเอง

915 Nameless Fanboi Posted ID:FBpe.QrOa

>>911 ตะ แต่ เขาเป้ฯอาจารย์โรงเรียนนายร้อยนะครัช แถมลางานตั้ง 1 ปีเต็มๆ

916 Nameless Fanboi Posted ID:ikzo7zeZn

กระแดะทำเป็นสำออย แค่นี้ยังทนไม่ได้จะไปทำอะไรกิน

917 Nameless Fanboi Posted ID:gO1lb6I.6

>>916 แก้ผ้า

918 Nameless Fanboi Posted ID:U50wKOHYe

บทเรียนที่ดีบทหนึ่งจากเรื่อง joke
“A Japanese company and a North American company decided to have a canoe race on the St. Lawrence River. Both teams practiced long and hard to reach their peak performance before the race.
On the big day, the Japanese won by a mile. The North Americans, very discouraged and depressed, decided to investigate the reason for the crushing defeat.
A management team made up of senior management was formed to investigate and recommend appropriate action. Their conclusion was the Japanese had 8 people rowing and 1 person steering, while the North American team had 8 people steering and 1 person rowing. So, North American management hired a consulting company and paid them a large amount of money for a second opinion.
They advised that too many people were steering the boat, while not enough people were rowing.
To prevent another loss to the Japanese, the rowing team’s management structure was totally reorganized to 4 steering supervisors, 3 area steering superintendents and 1 assistant superintendent steering manager. They also implemented a new performance system that would give the 1 person rowing the boat greater incentive to work harder.
It was called the”Rowing Team Quality First Program“, with meetings, dinners and free pens for the rower. There was discussion of getting new paddles, canoes and other equipment, extra vacation days for practices, and bonuses.
The next year the Japanese won by two miles. Humiliated, the North American management laid off the rower for poor performance, halted development of a new canoe, sold the paddles, and canceled all capital investments in new equipment. The money saved was distributed to the Senior Executives as bonuses and the next year’s racing team was outsourced to India.”

919 Nameless Fanboi Posted ID:U50wKOHYe

การค้นพบที่ดี ต้องมากับวาจาที่ไพเราะ

Ignaz Semmelweis คือสูติแพทย์ในยุโรปที่มีฝีมือ สมัยนั้นแพทย์ที่ทำคลอดจะประสบปัญหาว่าคนไข้ที่มาทำคลอดในโรงพยาบาลมีการตายสูงถึง20% เรียกว่ามีคนไปทำคลอด 5 คน ก็จะตาย 1 คน
ในขณะที่การคลอดที่บ้านในสมัยนั้น อาจจะตายเพียง1%(ถ้าไม่คลอดติด ซึ่งถ้าติดที่บ้านตายเกือบ100%)

Semmelweis สังเกตว่าเวลาคนไข้ป่วยเป็นไข้หลังการคลอด มักจะเกิดขึ้นติดๆกันหลายคน และสังเกตว่าเวลาเป็นไข้ มักจะเป็นเรียงๆกันกับการทำคลอด
หากหมอไปทำคลอดเคสแรกแล้วมีไข้ เคสที่ทำต่อๆมาก็มักมีไข้เหมือนกัน

เนื่องจากยุคนั้นยังไม่ค้นพบเชื้อโรค ไม่มีใครรู้ว่าเกิดไข้หลังการคลอดจากอะไร ทุกคนเลยลงความเห็นว่าเป็นเพราะอากาศถ่ายเทไม่ดี

แต่Semmelweis ไม่คิดแบบนั้น เขาคิดว่ามีอะไรบางอย่าง ติดต่อจากคนที่คลอดแล้วมีไข้คนแรก ติดต่อผ่านมือหมอ ข้ามไปยังคนไข้อีกคน
เขาจึงสั่งให้ทุกคนที่ทำคลอดในสถาบันของเขาล้างมือให้สะอาด ล้างด้วยสบู่ไม่พอ ให้เอาคลอรีนมาล้างมือ

หลังจากการทดลองล้างมือปรากฎว่าอัตราการป่วยตายของแม่ที่มาคลอด ลดจาก20%เหลือ1% เป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ และSemmelweis ก็ได้บอกเล่าต่อไปยังเพื่อนแพทย์คนอื่นๆ รวมทั้งกระจายวิธีการนี้ไปคลินิกอื่นๆในยุโรป

ปัญหาคือ Semmelweis ปากหมา
เขาไม่ทราบว่าเหตุผลอะไรทำให้การตายลดลง เขาเดาเอาว่าบางสิ่งบางอย่างในช่องคลอดหรือตัวคนไข้ทำให้ป่วยและมันติดต่อกันได้ ... และเขาพิสูจน์ได้จริงด้วยการกระทำว่าการล้างมือได้ผล
แพทย์หลายคนหัวแข็ง ไม่เชื่อ ไม่ทำตาม แม้จะเห็นชัดๆว่าทำให้คนไข้ตายน้อยลง
Semmelweis เลยด่าหมอพวกนั้นว่า "ไอ้ฆาตกร"
พวกหมอ พยาบาล และคนในโรงพยาบาลเลยต่อต้าน นอกจากไม่ยอมล้างมือแล้วบางครั้งยังจงใจทำให้สกปรกเพื่อทำให้ความพยายามล้างมือของ Semmelweis ไม่สำเร็จ

สุดท้าย Semmelweis โดนเตะโด่งไปทำงานในคลินิกเล็กๆห่างไกล
วันนึงเพื่อนร่วมงานมองว่าเขาก้าวร้าวจิตไม่ปกติซึมเศร้า เลยวินิจฉัยว่าเป็นโรคจิต จากนั้นหลอกไปโรงพยาบาลบ้าจับขังไว้
ผ่านไปสองอาทิตย์ Semmelweis หมอสูติผุ้ยิ่งใหญ่คนนี้ก็เจอผู้คุมโรงพยาบาลบ้าทำร้ายจนตาย

ตามระเบียบเมื่อแพทย์ที่เป็นสมาชิกสมาคมแพทย์ตายลง จะต้องเขียนประกาศไว้อาลัยในหนังสือรายปี
แต่สำหรับ Semmelweis แพทย์ที่มีเรื่องกับแพทย์คนอื่นๆไปทั่ว ... ไม่มีใครไปงานศพ ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครประกาศรำลึก

ผ่านไป 20 ปี หลุยส์ปาสเตอร์ค้นพบเชื้อโรคท่ามกลางความขัดแย้งไม่เชื่ออย่างรุนแรง ... แต่เขาใช้ความสุภาพ อดทน และทดลองซ้ำให้คนที่ไม่เชื่อดูหลายครั้งหลายหนจนทุกคนเชื่อและยกย่องเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่
เรื่องเดียวกัน แต่จุดจบคนละแบบอย่างสิ้นเชิง

920 Nameless Fanboi Posted ID:CGVk4TJsj

>>919
plot twist สัสๆ
ตอนเรียน กูรู้แต่เรื่องล้างมือ ไม่คาดคิดว่าตอนจบจะอนาถแบบนี้

921 Nameless Fanboi Posted ID:NR8PahIna

"เมื่อวานพาลูกไปมอบตัวชั้น ม.1 รร.มัธยมของรัฐ ที่อยู่ห่างจากบ้านไปประมาณ 20 กม.
.
ไม่ได้เป็น รร.ที่มีชื่อเสียงอะไรเพียงแต่ก็ไม่ได้เป็น รร ในระดับสุสานคนเป็น เหมือนกับ รร. ที่อยู่ติดกับบ้าน
.
ไปถึงโรงเรียนเพื่อมอบตัวส่งและเซ็นเอกสารเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ชี้ให้ไปที่ฝ่ายการเงิน จ่ายเงินไป 1,420 บาท
.
ถามว่ามีใบเสร็จไหม จนท. บอกว่าเปิดเทอมจะออกใบเสร็จให้
.
ที่เขียนก็เพื่อจะบอกว่าที่เราเข้าใจว่าเรียนฟรีมันไม่จริง
.
รัฐเพียงแค่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเรียนเพียงบางส่วนเท่านั้น
.
ค่าอาหาร เสื้อผ้า(ส่วนใหญ่) ของใช้เบ็ดเคล็ด และค่าอาหารเป็นภาระของผู้ปกครอง เด็กในพื้นที่ธุรกันดารถ้าอยากเรียนก็ต้องเสียค่าเดินทางเพื่อไปเรียน
.
ได้ไปเรียนก็ไม่ได้หมายความว่าได้เรียนรู้ ก็เพราะโรงเรียนในที่ห่างไกลส่วนใหญ่มันเหมือนกับสิ่งที่เขาเรียกว่าสุสานคนเป็น
.
สุสานคนเป็นหมายถึงสถานที่ซึ่งใช้เป็นที่กลบฝัง ขรก. ครูเหลือเลือก ไม่มีโรงเรียนไหนต้องการ โรงเรียนในที่ธุรกันดารจึงเป็นแหล่งรองรับ
.
ทำงานลงชื่อเข้าสอนไปวันๆ ผอ.ติดภาระประชุมแทบไม่เข้าโรงเรียน อาจารย์บางคนเกี่ยวหญ้าเลี้ยงวัว เลี้ยงไก่ชนอยู่นา บางคนก็เมาเหล้าเมากัญชามาสอน ควัก -วย ออกมาเยี่ยวในห้องเรียนก็ยังเคย
.
ขรก. ครูส่วนใหญ่ กู้เงินสหกรณ์จนเต็มลิมิต พูดทีเล่นทีจริงว่าเป็นหลักประกันว่าจะได้ไม่โดนไล่ออกแน่ๆ
.
ผมเชื่อว่าพวกเขาคิดอย่างนี้จริงๆ และเดาว่าพวกเขาก็คงจะไม่โดนไล่ออก
.
เพราะระดับผู้บริหารก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน
.
แล้วเด็กบ้านนอกบ้านนามันจะได้อะไร มันจะมีอะไรติดตัว
.
ได้ข่าวเรื่องการเกษียณอายุราชการเป็น 65 ปี แล้วยิ่งหนักใจ ครูที่มีปัญหาส่วนใหญ่แล้วเป็นครูอายุมาก แก่พรรษา เรียกว่าแทบจะไม่ได้ทำการทำงานให้คุ้มค่าเงินเดือน อยู่กินเงินเดือนเปล่าๆถึงหกสิบปีนี่เยาวชนก็ซวยพอสมควรแล้ว แต่นี่ คสช. จะให้ซากเดนพวกนี้เกาะกินโอกาสของเด็กไทยเพิ่มอีกห้าปี
.
จากข้างต้น การประกาศว่าเรียนฟรี 12 ปี แต่เป็นการลดระดับการสนับสนุนเรื่องการเรียนลงจาก ม. 6 เหลือเพียงแค่ ม.3 ยิ่งเป็นสิ่งที่แย่กว่าสำหรับเยาวชนผู้ต้องการโอกาสทางการศึกษา
.
ถ้า กรธ. คนชั้นสูง ผู้นำเผด็จการทหาร มีความจริงใจในการที่จะเห็นคนไทยพัฒนาขึ้นจริง ควรประกาศ ปฏิรูปมาตรฐานการศึกษ ลดเกณฑ์การเกษียณอายุ ขรก. ลงเหลือ 55 ปี เพื่อเปลี่ยนถ่ายเม็ดเลือดใหม่ที่มีศักยภาพเข้าสู่ระบบ
.
และประกาศสนับสนุนการศึกษาฟรีทุกช่วงชั้นตลอดชีวิตให้กับคนไทยทุกคน"
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

922 Nameless Fanboi Posted ID:h.V0t1XkQ

>>919 ประทับใจว่ะ กูนี่นึกถึงคนเก่งใกล้ตัวกูคนนึง ปากหมาสัสๆแล้วแม่งโดนแบน มันก็ด่าคนอื่นกราดที่แบนมันแล้วก็โดนแบนต่อไป

923 Nameless Fanboi Posted ID:YaoTgLAj3

เป็นเกย์กรุงเทพฯ แต่ไม่เป็นสมาชิกฟิตเนส ไม่มีบัตรเครดิต ไม่มีของแบรนเนมสักชิ้น ไม่ไปพักร้อนที่เสม็ด ไม่เที่ยวสีลมซอย2 ไม่ไปงานTrasher Bangkok ไม่อ่านหนังสือบันทึกของตุ๊ด ถือว่าผิดไหมคะ

924 Nameless Fanboi Posted ID:qPo.rwJjR

>>919 true story ที่ใช้ได้ทั่วโลกเลยวะ

925 Nameless Fanboi Posted ID:YaoTgLAj3

ขอพูดมั่งเรื่อง Startup กับ SME.... อย่าด่ากรูนะ

SME เป็นองค์กรธุรกิจขนาดเล็ก (ในไทยถือเกณฑ์ revenue ต่อปีไม่เกิน 200 ล้านบาท) เป็นเรื่องของ Real Sector - ผู้ผลิต ผู้ขายส่ง ขายปลีก ตาม business model ดั้งเดิมของการส่งผ่าน value ไปตาม value chian แบบ Pipe business model คือ จากผู้ผลิต ไป distributor, dealer, retail shop จนถึงผู้บริโภค เป็นส่วนใหญ่ของธุรกิจที่เราดำเนินกันมาหลายร้อยปี

เมื่อมีเทคโนโลยีไอทีเข้ามา...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Software และ Internet เริ่มมีบทบาทในทางธุรกิจมากขึ้น จนหลายปีก่อน Marc Andressen นักลงทุนเจ้าพ่ออินเตอร์เน็ต ได้เอ่ยว่า "Software is eating the world" เพราะมันกินไปทีละอุตสาหกรรม ไม่ว่า เพลง ภาพยนต์ กล้องถ่ายรูป นาฬิกา ฯลฯ

และมันวิวัฒนาการต่อไปจนมากกว่านั้น มีการใช้ IT ไปสร้าง Business Model ใหม่ๆ (ตอนนี้ Business Model ต่างหากที่กำลังแดรกโลก) เช่น Uber, Airbnb ที่ชอบยกตัวอย่างกัน คือ Business Model เดิมมันมีปัญหา แท็กซี่เรียกยาก โรงแรมหายาก ราคาแพง ก็เอาไอทีมาทำ Business Model ใหม่ ในรูปแบบที่เรียกว่า Platform ตัด Supply chain แม่มหมด เอาผู้ให้บริการ มาชน (interact) โดยตรงกับผู้บริโภค โดย Business ใหม่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง (Platform) เล่นเอา อุตสาหกรรม Taxi และ โรงแรม ที่อยู่มาร่วมร้อยๆปี ถอยร่นไม่เป็นกระบวน จนต้องออกมาเดินขบวนกันใหญ่

ไอ้ธุรกิจที่มี Business Model แบบ Platform นี่แหละ มันเลยกลายเป็น trends ใครๆก็เริ่มหาปัญหาใหม่ๆ (จริงๆต้องเรียกว่าปัญหาเก่าๆที่เราเผชิญอยู่มานาน) แล้วก็เขียน Business model ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา

ทีนี้ใครมันจะรู้ว่าไอ้ Business model ใหม่นี่มันจะแก้ปัญหาได้จริงหรือป่าว ก็เลยเกิด phase ที่เรียกว่า "Startup" ขึ้นมา คือมีไอ้บ้าที่คิดว่าอะไรมีปัญหาแล้วก็เขียน Business Model ขึ้นมา แล้วก็ป่าวประกาศ โดยที่เป็นองค์กรที่ยังไม่มีรายได้ มีแต่กระดาษกับคนทำงาน ที่หลายคน "เชื่อ" ว่าความคิดพวกมรึงเจ๋งมาก กรูอยากลงทุนด้วย ก็ให้เงินที่เรียกว่า "Seeding Money" ไปลองทำดู เจ๊งเป็นเจ๊ง แค่อยากลอง

เนื่องจากไอ้ Business Model พวกนี้ถ้ามันคลิ๊ก มันก็จะโตเร็วเลย เรียกว่าสามารถ scale ได้ (ขยายตัวเร็ว) และ duplicate ได้ เช่น Uber ทำในประเทศนึง พอจะทำอีกประเทศนึง ก็ duplicate หรือ ทำซ้ำได้ โดยลงทุนไม่มาก ไม่เหมือนทำ Taxi เพราะไม่ต้องซื้อรถเอง ไม่ต้องจ้างคนขับ ฯลฯ

คนก็แห่กันไปลงทุน แห่กันไปเป็น Startup

บริษัท Startup เมื่อได้ seeding money มาแล้ว มาลองทำดู เมื่อมีรายได้เป็นจริงจังแล้ว ก็พ้นจาก stage ที่เรียกว่า Startup เข้าสู่ stage ของบริษัทธรรมดาสามัญ ที่สามารถระดมทุนต่อไปได้ อีตรงนี้จะเรียก SME ก็ได้ หรือถ้ามันโตเร็วมาก ระดมทุนรอบนี้ได้มาก มันก็ไม่ใช่ SME ถ้าเกินพันล้านดอลล่าห์ ก็เรียกว่า "ยูนิคอร์น" ไอ้หน้าม้ามีเขา นั่นแหละ

ในประเทศที่กรูอยากเท่ ก็คิดว่าเราควรมี Startup ดูบ้าง ก็เลยลองจัดงานดู ทำให้เราส่งเสริม Startup กัน

ยกตัวอย่าง

ลุงจิมขายน้ำพริกหนุ่ม ลุงจิมเป็น SME และมี SME อีกเป็นร้อยเป็นพันทำแบบเดียวกัน

ปัญหาคือคนอยากซื้อน้ำพริกหนุ่ม แต่ซื้อยาก ไม่แน่ว่าถูกใจ อร่อยปากหรือไม่

ลุงจิมเห็นปัญหา คิดเครื่องชิมน้ำพริกหนุ่ม แล้วก็ทำศูนย์รวมน้ำพริกหนุ่ม มีบริการส่งรสให้ชิมทางเว็บ ผู้ใช้เลียหน้าจอแล้วได้รสน้ำพริกหนุ่ม สั่งง่าย ส่งเร็ว มีแคชออนเดลิเวอรี่ ก็เอาไอเดียไป เสนอนักลงทุน นักลงทุนเห็นว่าดี เอ็งเอาเงินไปลองทำดู

ลุงจิมก็กลายเป็น Startup

ถ้าทำสำเร็จ ก็ระดมทุนต่อ เป็น SME ขนาดใหญ่ หรือเป็น ยูนิคอร์น แห่งวงการน้ำพริกหนุ่มไป

ถ้าเจ๊ง ก็ตัวใครตัวมัน ลุงจิมก็กลับมาเป็น SME ขายน้ำพริกหนุ่ม

ทั้งหมดนี้เป็นการเปรียบเปรย เท่าที่รู้ ผิดถูกยังไงก็ท้วงติงกันมานะครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์

926 Nameless Fanboi Posted ID:To+kBNIbe

>>925 เออกูก็สงสัยนิยามของไอ้ startup มานาสละตกลงมันเป็นแบบนี้ใช่ปะวะ

927 Nameless Fanboi Posted ID:Qjb.JF17j

"คิดว่าสุริยาหีบศพนี่ก็คงอยากจะออกโปรโมชั่นแบบ ซื้อ 3 แถม 1 อะไรงี้น่ะครับ แต่ก็คงเล็งเห็นแล้วว่าน่าจะโดนว่าว่าไม่เหมาะสมแน่ๆ"
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

928 Nameless Fanboi Posted ID:YaoTgLAj3

สงกรานต์ถ้าจับนมทีนึงจะโดนปรับ20,000 แต่ถ้านำเงิน20,000 ไปเปิดเมม จะได้เหล้าด้วย และจับนมอีกกี่ทีก็ได้

‪#‎ใช้เงินให้เป็น‬

929 Nameless Fanboi Posted ID:YaoTgLAj3

เคยดูตีสิบนานมาเเล้ว อ.เฉลิมชัยแกเล่าว่า
ซื้อรถเบนซ์เพราะมีคนมามองเเกเหยียดๆตอนแกขี่มอเตอร์ไซค์
แต่เเกขับรถไม่เป็น เลยจอดรถเบนซ์ไว้เฉยๆ
ไม่รู้ป่านนี้แกขับรถเป็นหรือยัง..แกยังบอกว่าโง่มากที่ไปสนใจคนๆนั้น
เราล่ะอึ้งเลย..

930 Nameless Fanboi Posted ID:E+KFgXRBw

>>929 กูปั่นจักรยานก็มีคนมองเหยียดๆ กูเลยชนแม่ง
ไม่เห็นต้องซื้อรถเบนซ์เลย แก้ปัญหาแบบคนจนๆนี่แหละกู

931 Nameless Fanboi Posted ID:liOMvqhwN

>>930 มึงไม่คิดว่าสายตาเจาอาจจะสั้นก็ได้นะ 55+

932 Nameless Fanboi Posted ID:ZyrI4uZsZ

เมื่อวานมีนัดคุยเรื่องงานที่เซ็นทรัลพระรามเก้ากับเจ้าของสินค้าตัวนึงตั้งแต่สองทุ่มจนเที่ยงคืน
แต่กว่าสามชั่วโมงคือการอธิบายถึงสภาวะของการทำสมาธิและการแยกอารมณ์ให้เค้าเข้าใจ เพราะผมเองก็อธิบายเค้าไม่เก่งเลยแนะนำว่าการฝึกขั้นตอนไหนต้องไปปรึกษาหลวงพ่อวันไหนแทน
เรื่องมันเริ่มมาจาก คุยงานอยู่แล้วแกก็บอกผมว่า ด้วยเงินที่มีตอนนี้กับที่จะหามาอีกในอนาคต รวมแล้วเท่านี้ พออายุ 40 แกจะบวชและทิ้งเงินก้อนนี้ให้เป็นสาธารณะกุศลซึ่งความคิดเราสองคนตรงกันมาก
เลยถามว่าที่ตัดได้นั่นเพราะว่าได้อารมณ์จากการทำสมาธิมาถึงขั้นไหนแล้ว เลยผลัดกันเล่า
ของผมฟังเค้าเล่าก่อน แล้วเค้าเลยถามผมบ้างก็เลยเล่าให้ฟังว่าชอบอ่านหนังสือมาก อ่านจนเกือบครบทุกเล่มในห้องสมุดและตัวเองก็เข้าออกโรงพยาบาลบ่อย แต่เข้าใจว่าเป็นกรรมเก่า และการทำสมาธิภาวนาจะทำให้กรรมเบาบางได้ เลยหัดฝึกมาตั้งแต่เด็ก ตอนอยู่กับแม่ฝึกตอนวันหยุด วันละ 3-4 ชม พอมาอยู่คนเดียวก็ทำมาเรื่อยๆ
และอธิบายเป็นตารางว่าอารมณ์ตอนนอนโรงพยาบาลแบบรู้สึกว่าเราจะจากโลกนี้ไปโดยทิ้งแต่ร่างกายไว้ กับการทำสมาธิแต่ละขั้นเหมือนกันยังไง โดยเริ่มตั้งแต่ อาการ ตาพร่า หมดแรง ร้อนกลางอก หูอื้อ ปากหูดับ เทียบกับ การทำสมาธิ ซึ่งก็แนะนำหลวงพ่อที่สอนผมไปด้วยแม้บางองค์จะละสังขารไปนานแล้ว
ของผมไม่ได้ฝึกพุทโธ แบบพี่เค้า แต่เล่นกสิณมาตลอด เริ่มแรกคือไฟเพราะแม่เคารพหลวงพ่อโอภาสี ต่อมาก็กสิณน้ำมีพระอาจารย์ที่ไปบวชที่วัดพระรามเก้าสอน ต่อมาก็ฝึกกสิณลม ที่วัดหินหมากเป้งสอนมา จนตอนนี้ ภาวะหูดับ ใจดับ สามารถทำให้เราอยู่ในสภาวะไม่รู้อะไรเลย
เลยชวนกันไปฝึกสมาธิแบบแทบไม่ได้คุยธุรกิจซะงั้น แต่บอกเทคนิคไปเยอะมาก ตอนนี้พี่เค้าขยับจาก 2 ชมมาเป็น 1 วันได้แล้ว และเค้าบอกว่าอยากได้ทำได้แบบผมทีละ 2-3 วัน แต่ผมบอกให้เค้าใจเย็นๆเพราะเค้าต้องมีครูอาจารย์สอนด้วย และมีศีลสม่ำเสมอ เค้าเลยบอกผมว่าเค้าถือศีล 10 มาหลายปีแล้ว และกินอาหารมื้อเดียวใน วันพระ กับวันเกิด (ทุกวันจันทร์)
บอกตรงๆว่าหายากมากที่จะเจอคนแบบนี้และได้มาร่วมงานกัน ช่วงนี้รู้สึกว่าโชคชะตาพาให้มาเจอคนแบบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

933 Nameless Fanboi Posted ID:7tHVI.DmX

>>932 อันนี้ทำไมมันฟังดูสลิ่มๆวะ

934 Nameless Fanboi Posted ID:ZyrI4uZsZ

"คบคนเช่นไร ย่อมเป็นเช่นนั้น"
มันเป็นเรื่องของ mindset
"สถานะ" ว่าเราเป็นอะไร มันเป็น "ผลลัพธ์" ที่เกิดจาก "กระบวนการ" และ/หรือ "วิธีการ" ซึ่งตัวกระบวนการและวิธีการเองก็เป็น "ผลลัพธ์" ที่ตั้งต้นจาก mindset อีกทีหนึ่ง
โบราณท่านว่า "คบคนเช่นไร ย่อมเป็นเช่นนั้น" ไม่ใช่เพราะมันจะทำให้เรามีสถานะเช่นนั้นทันที
แต่มันจะทำให้เรามี mindset แบบนั้น เป็นจุดตั้งต้น
คบคนเก่ง ไม่ทำให้เราเก่งไปในทันที หรือแปลว่าเราก็เก่ง (สถานะ) และ ณ วันที่เรายังไม่เก่ง ไปทำตัวเก่ง (วิธีการ) ก็ไม่มีวันเก่ง ก็จบกัน ... แต่ถ้าเราเริ่มเรียนรู้ mindset .... สักวันหนึ่งเราอาจจะเก่งด้วย
ความเก่ง เป็น mindset ไม่ใช่เงินเดือน ปริญญา หรือคะแนนสอบ
ความรวย เป็น mindset ไม่ใช่รายได้ เงินในบัญชี ทรัพย์สินสมบัติ
ความสำเร็จ เป็น mindset ไม่ใช่ถ้วยรางวัล การถูกยกย่อง
Entrepreneur เป็น mindset ไม่ใช่การเป็นเจ้าของกิจการ
คบคนเช่นไร ย่อม "eventually" เป็นเช่นนั้น
eventually ... ไม่ใช่ now

935 Nameless Fanboi Posted ID:ZyrI4uZsZ

>>933 สลิ่มๆ แปลว่าอะไรนาย

936 Nameless Fanboi Posted ID:ZyrI4uZsZ

สิ่งสำคัญของความรักที่มีความสุขคืออะไร ?
สำหรับเรา เราคิดว่า สิ่งสำคัญของมันคือ ความรักต้องเป็นสิ่งเดียวกับความจริง มันถึงจะมีความสุขอย่างแท้จริง
ไอ้พวกความรักแบบหลอกตัวเองว่าเขารัก หลอกตัวเองว่าไม่มีอะไร ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่ามี
ถามจริงๆเถอะ มีความสุขจริงเหรอ ในเมื่อก็รู้ๆอยู่ว่าเขาไม่ได้จริงใจกับเรา ที่เห็นๆนี่คือการสร้างภาพ
คนที่มันไม่ดีเนี่ย ถ้ามันจะไปก็ให้มันไปเถอะ เก็บไว้ทำไม

937 Nameless Fanboi Posted ID:iMKfj6ge+

>>935 มีหลายสีไง แต่ไอ้พวกบ้ามันจะชอบผลักให้คนเป็นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเช่นแดง,เหลืองเลือดน้ำเงิน,ล้มเจ้า. แต่พวกกลางๆยกเหตุผลเป็นเรื่องๆเสือกโดนพวกสุดโต่งว่าเป็นสลิ่มตัลหลอด

938 Nameless Fanboi Posted ID:ZyrI4uZsZ

>>937 แล้ว >>933 ที่ว่า >>932 ฟังดูสลิ่ม ๆ นี่มันยังไง

939 Nameless Fanboi Posted ID:dx98EC+1R

>>938 คงเพราะออกแนว ชอบปฎิบัติธรรม ทำบุญ นั่งสมาธิ ไม่สนการเมืองมั้ง
แม่งก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรนักอะนะ อาจจะเป็นว่าในกลุ่มการเมืองกกปส.นั่นมีแนวๆธรรมะธรรมโม(สะกดไงวะคำนี้) เยอะล่ะมั้ง

940 Nameless Fanboi Posted ID:JjT/Ksz.i

ที่จริงเรื่องการเมิองนี่กูขอให้คนทั่วไปต้องเข้าใจก่อนว่ามีงเกิดมาเป็นประชากรแล้วทีหน้าที่ทำให้สังคมมันดีขี้นๆไปสร้างสภาวะที่ดีให้ลูกหลายสืบต่อไปจะได้สู้กับรัฐอื่นๆได้ ถ้าจะพูดไปคือคนที่คิดว่ากูดีในตัวลอยตัวเหนือปัญหาการเมืองมันก็ผิดอ่อนๆเหมือนกันตรงที่มีปัญญาทำให้สังคมดีขี้นแต่ดันละทิ้งปล่อยให้พวกเหี้ยๆมันครองอำนาจ

ไอ้พวกมาแนวอ่าห์กูฟินจังเลยที่นั่งสมาธิได้ขั้นนู้นขั้นนี้มันเป็นความสุขแบบสันโดษไปหน่อยไม่ต้องมาอวดคนที่ยังไม่ถึงแบบมึงหรอก เพราะสังคมยังต้องการคนปฏิบัติแบบอุทิศตนอีกเยอะ

941 Nameless Fanboi Posted ID:ZyrI4uZsZ

Myth อย่างหนึ่งของ Tech Startup คือ "ใช้คนน้อย ไม่กี่คนก็เกิดได้" แล้วก็คิดเท่ๆ โดยการเอาตัวอย่างพวก Facebook, Instagram ที่เกิดจาก Founding Team แค่ไม่กี่คน มาเป็นตัวรับรองว่ามันจริง
จริงๆ มันเป็นภาพลวงตาครับ .... จำนวนคนไม่เกี่ยวข้องขนาดนั้นมาตั้งแต่ต้น .... ต้องถามว่า "ประสบการณ์รวมของคนเหล่านั้นน่ะ เท่าไหร่"
ไม่ใช่จะเริ่มจากมี Business Idea ที่มันโคตรจะ Killer แต่ไปหาโปรแกรมเมอร์เด็กจบใหม่ที่ไม่เคยทำงานจริงจังมาทีมนึง 3-4 คน แล้วคิดว่าจะทำให้เกิดขึ้นได้
ถ้าคิดแบบนั้น ก็ฝันไปเถอะ ฝันอย่างเดียวเท่านั้น
มันต้องใช้คนน้อยที่สุด (ไม่งั้น Bootstrap ช่วงแรกลำบาก ทีมใหญ่เกินไป) ที่ประสบการณ์ (ในด้านที่เกี่ยวข้องนะ) รวมกันแล้วเพียงพอ (มากที่สุดเท่าที่จะมากได้)
ถ้าดูแค่จำนวนคนอย่างเดียว มันก็ misleading พอๆ กับบอกว่า steve jobs, bill gates, mark zuckerberg ไม่จบมหาลัย

942 Nameless Fanboi Posted ID:+JAIGVP6m

>>941 FBรู้สึกจะปังหลังจากได้เจ้าของแนปสเตอร์เข้ามาร่วมด้วยมั้ง ประสบการณ์Digital Marketingเต็มเปี่ยมเลย

943 Nameless Fanboi Posted ID:ZyrI4uZsZ

ตัวอย่างการเขียน E-mail แบบญี่ปุ่น

เรียน K ซังที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณที่สละเวลาอ่านจดหมายอันออกจะยืดยาวนี้ของผม

ตอนนี้อากาศร้อนขึ้นอีกแล้ว K ซังสบายดีหรือเปล่าครับ ผมสบายดี

เมื่อวานนี้เจ้าแมวสามสีเดินผ่านหน้าบริษัทของเราอีกแล้ว จากโต๊ะทำงานของผมมองเห็นมันค่อยๆก้าวไปบนกำแพงได้อย่างชัดเจน ท่าทางเดินอย่างองอาจ ว่องไว ไปพร้อมๆกับระมัดระวังของมันนั้นนั่นทำให้ผมละลึกถึง K ซังขึ้นมา และเป็นความโง่เงาของผมอย่างที่สุดที่พึ่งตระหนักได้ว่าทางเราหาใบเสนอราคาที่ K ซังส่งมาให้แล้วไม่พบ

ทางเราจึงต้อง ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ที่ไม่ได้ตรวจเช็คให้รอบครอบจึงอาจจะทำใบเสนอราคาที่ K ซังส่งมาแล้วหายไป โปรดให้อภัยกับความผิดพลาดของทางเรา และหากว่าจะกรุณา ทางเราต้องขอกรุณาให้ K ซัง ได้โปรดส่งใบเสนอราคามาอีกครั้งได้หรือไม่ครับ?

และหากเป็นไปได้ ถ้าKซังพอจะหาช่วงเวลาที่สะดวกใจในช่วงสิ้นเดือนนี้ได้ ท่านประทานของทางเราก็มีความประสงค์ที่จะไปขออภัย K ซังโดยตรง และอาจจะได้พูดคุยถึงเรื่องหมากล้อมซึ่งท่านประทานของเราสนในและ ทราบว่า K ซัง เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้

ขออภัยที่ทำให้เสียเวลาอันมีค่า ด้วยเรื่องราวไร้สาระของทางเราครับ และขอความขอบใจความช่วยเหลือที่มีให้กันมาโดยตลอด

ด้วยความเคารพนับถืออย่างหาที่สุดมิได้

ทานากะ

+++++++++++++

แปลว่า ไอ้สัส มึงยังไม่ส่งใบเสนอราคานะเว้ย รีบๆส่งมา กูให้เวลามึงถึงสิ้นเดือน

944 Nameless Fanboi Posted ID:+JAIGVP6m

>>943 เขียนผิดเยอะนะ และไม่กูก็คนเขียนตกภาษาไทยแน่ๆ

และเป็นความโง่เงาของผมอย่างที่สุดที่พึ่งตระหนักได้ว่าทางเราหาใบเสนอราคาที่ K ซังส่งมาให้แล้วไม่พบ
ทางเราจึงต้อง ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ที่ไม่ได้ตรวจเช็คให้รอบครอบจึงอาจจะทำใบเสนอราคาที่ K ซังส่งมาแล้วหายไป

945 Nameless Fanboi Posted ID:ZyrI4uZsZ

โพสต์นี้จาก wit.ai (บริษัทที่เฟซบุ๊กซื้อมา 15 เดือนก่อนเปิดตัว Messenger Platform) อธิบายการทำงานของ Bot Engine ที่เฟซบุ๊กใช้ใน Messenger Platform
มีสองคอนเซปต์หลัก คือ Stories กับ Action
Stories คือตัวอย่างของบทสนทนา ที่จะไปแมตช์กับบทสนทนาจริงๆ และทำให้รู้ว่าจะมี Action อะไรเกิดขึ้นได้บ้างจากการคุยนี้
การทำงานของ Bot Engine จะใช้ Stories เหมือนเป็นกฎในการทำงาน ซึ่งก็คือ expert system แบบสมัยก่อนนั่นแหละ เขียนกฎขึ้นมารองรับ use case ต่างๆ
ความต่างระหว่าง Stories กับกฎทั่วไปก็คือ ในระบบ AI แบบ rule-based มันจะเจอปัญหาในการออกแบว่า จะทำกฎไหนก่อนหลัง แล้วถ้ากฎมันขัดกันจะทำยังไง (ความต่างระหว่าง rule-based กับ data-based หยาบๆ ก็คืองี้: rule-based มีกฎน้อยๆ ก็ทำงานได้แล้ว เวลาผ่านไปพอมีกฎเยอะๆ จะปวดหัว จะเพิ่มความฉลาดได้ยาก vs data-based มีข้อมูลน้อยๆ ยังทำงานไม่ได้ ต้องมีข้อมูลเยอะถึงระดับนึงจึงจะเริ่มทำงานได้ พอเวลาผ่านไปจะยิ่งฉลาด)
แต่ใน Bot Engine ตัว Stories มันกึ่งๆ rule กึ่งๆ data คือถ้า Stories ไหนยังไม่มีข้อมูลมาช่วย มันก็จะทำงานเหมือน rule ปกติ แต่พอเวลาผ่านไป พอมีข้อมูลบทสนทนาจำนวนนึงแล้ว ก็จะเอาข้อมูลมาช่วยด้วย ผมเข้าใจว่ามันคือ weighted rule น่ะแหละ
ซึ่งการทำแบบนี้มันก็ไม่ต้องสนใจว่า Stories มันจะขัดกัน ก็ปล่อยมันขัดไป แต่เดี๋ยวตอนทำงาน เครื่องมันจะตัดสินใจได้ว่าจะใช้อันไหนตอนไหน จากน้ำหนักที่ได้จากข้อมูล
แน่นอนว่า Stories (rule) พวกนี้นี่ไม่จำเป็นต้องให้คนเขียน แต่คอมมันเรียนเองได้ แต่จะเรียนได้ดีก็ต้องมีคนมาช่วยไกด์หน่อย (และ Bot Engine เปิดให้ทำตรงนี้ผ่าน Wit Inbox คอนเซปต์ที่สามที่อธิบายในโพสต์นั้น) ที่ผ่านมาข้อมูลการสนทนานั้นเฟซบุ๊กมีอยู่แล้วมหาศาล แต่การเปิด Messenger Platform และให้คนทำบอตผ่าน Bot Engine ของตัวเอง (ไม่เหมือนแพลตฟอร์มอื่นที่ให้นักพัฒนาไปทำข้างนอก) จะทำให้เฟซบุ๊กมี Stories (rule) ไปเรียนได้อีกเยอะ
คือต่อไปจะไม่ใช่แค่ผู้ใช้ที่แชตๆ ที่ทำงานให้เฟซบุ๊ก แต่นักพัฒนาของบริการต่างๆ ที่ใช้ Bot Engine ก็จะทำงานให้เฟซบุ๊กด้วย tongue emoticon
https://wit.ai/blog/2016/04/12/bot-engine
ใครจะค้นต่อเรื่องพวกนี้ลองคีย์เวิร์ด question answering system
ซึ่งก็เหมือนกับระบบ NLP ทั่วไปที่มันจะมี 2 ส่วน คือ natural language understanding (NLU) กับ natural language generation (NLG) เข้าใจว่าบริการทั่วไปของแชตบอตอย่างที่เฟซบุ๊กโฆษณาอยู่ คงไม่ต้องใช้ NLG ที่ซับซ้อนมาก เอาคำยัดใส่ลงเทมเพลตที่เตรียมไว้ล่วงหน้าก็น่าจะได้ (กรณีของ CNN ที่เป็นบริการข่าว น่าจะไปทับกับสาขาที่ตอนนี้ก็เริ่มมีใช้แล้ว คือ robot journalism)
ถ้าสนใจหาข้อมูลไปเล่น ใน TREC มี QA Track อยู่ด้วย ไปโหลดมาเล่นได้
http://trec.nist.gov/data/qa.html
(ของภาษาไทย BEST ยังไม่เคยเปิดแข่งระบบตอบคำถาม แต่อนาคตก็ไม่แน่นะ http://thailang.nectec.or.th/best/ )

946 Nameless Fanboi Posted ID:FNthVW7XV

ที่ลุงโพสเรื่อง Startup ติดต่อกันมายืดยาว ไม่ใช่เพราะอวยหรือชื่นชม Startup จริงๆแล้วลุงค่อนข้างจะรังเกียจ Startup ด้วยซ้ำไป...
ความเห่อบ้าคลั่งของเรื่อง Startup นอกจากทำให้ร้านกาแฟที่ลุงชอบนั่งเต็มไปด้วยไอ้เด็กฝันเฟื่องทั้งหลายจนหาที่นั่งไม่ค่อยได้แล้ว มันยังนำมาซึ่งหายนะหลายอย่างในสังคมและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในประเทศที่เต็มไปด้วยความฉาบฉวย แห่ตามกันไปทำโดยไม่ยั้งคิด และขาดความรู้โดยสิ้นเชิง
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการเกิดทัศนคติที่ว่า ถ้าเป็น startup แล้ว ทำงานน้อย หาเงินได้มาก โดยธรรมชาติของ Startup Business Model ที่เล่ามาแล้วในสองโพสที่แล้ว มันมีความ "ได้เปรียบ" คนที่ทำ real sector อยู่แล้ว เช่น ที่เห็นความขัดแย้งระหว่างคนขับ Taxi กับ Uber ที่เกิดขึ้นทั่วโลก หรืออย่างเว็บไซต์ e-commerce ขนาดใหญ่ที่ระดมทุนมหาศาลมาเพื่อ subsidise ราคาสินค้าจนสามารถขายสินค้าต่ำกว่าทุนได้ และทำให้ supplier ตายไปตามๆกัน ยังไม่นับอาชีพตาม Pipe Supply Chain ที่ทะยอยล้มหายตายจากไปอีกมหาศาล
ไอ้ทัศนคติที่ว่าเป็น Startup แล้วทำงานน้อยได้เงินมาก กำลังจะฆ่าสังคมและระบบเศรษฐกิจของเราเอง
และเมื่อมีข่าวว่ารัฐบาลต้องการสนับสนุนให้เกิด Startup จำนวนมาก มีเงินมาแจกให้รายละหลายแสน เพื่อสร้าง Startup ผมยิ่งรู้สึกกลัวว่าเยาวชนเรากำลังเข้าสู่กับดักของความอยากมีอยากได้แต่ไม่อยากทำงาน
ผมคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลควรจะทำคือการหามาตรการให้เกิด Startup จำนวนหนึ่งที่เป็นจริงได้ และในขณะเดียวกันก็ต้องส่งเสริมป้องกันให้ธุรกิจใน real sector สามารถคงอยู่ต่อไปได้ การส่งเสริม SME และ OTOP เป็นเรื่องที่ยังควรที่จะต้องทำอย่างยิ่ง เพราะเป็นรากฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่
ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลอาจจะมีความคิดล้ำเลิศ จึงเอาเรื่อง Startup มายำรวมกับเรื่อง SME และ OTOP จนมันมั่วกันไปหมด ไม่รู้จริงๆว่าไอ้งาน Thailand Startup ที่กำลังจะเกิดขึ้นมันจะเป็นยังไงต่อไป จะออกมาในรูปแบบไหน
ผมได้แต่หวังว่า บทความที่เขียนมาทั้งสามโพส จะนำมาซึ่งความเข้าใจของคนที่ได้อ่าน และทำให้เรื่องราวพวกนี้ได้รับการจัดการ และส่งเสริมไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ให้มากที่สุด
การเป็น Startup อาจเป็นเรื่องเท่ ได้รับเงินลงทุนมหาศาลโดยไม่ยาก สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อได้รับทุนแล้ว เอ็งช่วยลุกออกจากร้านกาแฟ กลับไปห้องทำงานเพื่อทำงานจริงๆซะที เหมือนอย่างที่มาร์ค (Blognone) เคยโพส
ลุงทำงานไอทีมานาน และยังคงเป็น SME เพราะหลงไหลในเรื่องความเป็นเลิศทางวิชาการ และก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับการเกิดขึ้นของ startup นักหนา มันก็แค่ทำธุรกิจอีกแบบ
หวังว่าที่เขียนมาคงเป็นประโยชน์...

‪มิตรสหายลุงท่านหนึ่ง‬

947 Nameless Fanboi Posted ID:T+nP4DnJt

นั่งฟังท่านผู้นำบอกว่าคนตัดหญ้า ชาวนาโง่ ไม่เข้าใจเรื่องประชาธิปไตยแล้วตลกดี

อันที่จริงเป็นเรื่องจริงที่คนไทยเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยกันน้อย แต่พวกที่ไม่เข้าใจจริงๆไม่ใช่รากหญ้าหรอก แต่เป็นพวกชนชั้นกลางในเมือง

สิ่งที่เรียกว่ารัฐคือการเอาภาษีมากองกันเป็นกองกลาง การปกครองคือการตัดสินว่าจะเอาเงินกองกลางเนี่ยไปทำอะไรดี

ทุกคนต่างก็อยากเอาเงินมาใช้เพื่อตัวเองทั้งนั้น ประชาธิปไตยคือการที่เราถือว่าทุกคนเป็นเจ้าของประเทศเท่าๆกัน ดังนั้นจึงตัดสินว่าจะใช้เงินกองกลางอย่างไร ผ่านการตัดสินโดยเสียงส่วนใหญ่

คนต่างจังหวัดคุ้นเคยกับระบบนี้มากกว่า เพราะหลังจากการกระจายอำนาจของรัฐธรรมนูญ 40 เป็นต้นมา ชีวิตประจำวันของเขาก็อยู่กับระบบแบบนี้

ถนนจะตัดผ่านบ้านไหน ที่ไหนจะได้อ่างเก็บน้ำ จะปล่อยน้ำเมื่อไหร่ ประปาไฟฟ้าจะมาหรือไม่ จะสร้างตลาดที่ตรงไหน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งท้องถิ่น

การหาเสียงคือการสัญญาว่าจะใช้เงินภาษีไปทำอะไรบ้าง ส่วนการเลือกตั้งคือการสนับสนุนการใช้อำนาจปกครองให้เป็นไปดังที่โฆษณา

การบอกให้ไปเลือกคนดีนั้นเป็นสิ่งที่ตลก เพราะเราไม่รู้เลยว่าคนดีจะเอาเงินภาษีและอำนาจไปทำอะไร เราไม่รู้ว่าคนดีจะสร้างถนนผ่านหน้าบ้านเรามั้ย คนดีจะทำอ่างเก็บน้ำที่ไหน

สุดท้ายแล้ว สิ่งที่คนดีทำก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนดี ไม่ใช่ประโยชน์ของมหาชนเลย คนแบบนี้เก็บไว้ในวัดนั่นแหละดี ไม่เหมาะจะให้ใช้ภาษีของทุกคน

ชนชั้นกลางมีความเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยต่ำมาก ส่วนใหญ่แทบไม่ได้ไปประชุมเลือกกรรมการคอนโดของตัวเองด้วยซ้ำ เท่าที่ผมเห็นส่วนใหญ่เอาแต่บ่น แต่ไม่ยอมไปประชุมกรรมการคอนโด แล้วมันจะได้อย่างที่บ่นมั้ยล่ะ

วิธีอยากได้สิ่งที่คุณต้องการจากเงินส่วนกลาง คือการไปบอกนักการเมืองของคุณ (ชนชั้นกลางอาจจะไม่รู้จักแต่ชาวบ้านเขารู้ดีว่าต้องไปหาใคร) และต่อรองด้วยคะแนนเสียงเลือกตั้ง นี่แหละคือประชาธิปไตย

สมมุติว่าอยากให้ฟิตเนสเปิดถึงเที่ยงคืนเพราะทำงานดึก ก็ไปเคาะประตูหาคนลงชื่อสักห้าสิบคน แล้วไปประชุมบอกว่า เนี่ย ผมมีห้าสิบรายชื่อที่เลิกงานดึก เราน่าจะเอาเงินส่วนกลางไปจ่ายโอทียามดูแลฟิตเนสแล้วเปิดมันดึกๆนะ ถ้าพี่ทำได้ เดี๋ยวสมัยหน้าผมเลือกพี่เป็นกรรมการอีกรอบ... หรือถ้าคอนโดคุณคนน้อยหน่อย เป็นแบบประชุมทางตรง คุณเสนอไป คนเห็นด้วยเกินครึ่งที่เข้าประชุม ก็ได้ตามต้องการแล้ว ก็แค่นั้นเอง

เพราะมันไม่มีเทวดาที่จะรู้ทุกเรื่อง ทำดีตามใจคุณทุกอย่าง สิ่งเดียวที่คุณทำได้คือไปบอกมัน แล้วบีบบังคับต่อรองให้มันทำในสิ่งที่คุณต้องการ

คนต่างจัดหวัด ชาวบ้านที่ห่างไกล เข้าใจสัจธรรมนี้ดี จึงรู้ว่าการเลือกตั้งทำให้ชีวิตดีขึ้นเพียงใด แต่ชนชั้นกลางเมืองไม่เคยรู้เลย และยังหวังโง่ๆว่าจะมีเทวดาอยู่จริงบนโลกนี้

เหตุผลที่รัฐธรรมนูญของท่านผู้นำมันจัญไรเพราะว่ามันทำลายระบบการต่อรองที่สมบูรณ์ และมอบอำนาจให้ใครไม่รู้ที่คุณต่อรองกับมันไม่ได้แทน

สมมุติว่าคุณอยากได้อ่างเก็บน้ำ โดยทั่วไป คุณก็รวมตัวกันจำนวนมากส่งเรื่องไปที่นักการเมืองท้องถิ่น นักการเมืองท้องถิ่นก็จ ส่งเรื่องไปที่ สส. จากนั้น สส. ก็จะไปล็อบบี้เอางบมาจากสภา หรือเอาไปเสนอ ครม. นายกฯ ถ้ามันไม่ทำให้ คุณก็บอกว่า "ครวย ไหนมึงว่าจะไปเอางบทำอ่างเก็บน้ำให้ สมัยหน้ากูไม่เลือกให้แม่งละ มึงไปขอข้าววัดแดรกเอาละกันสมัยหน้า"

แต่รัฐธรรมนูญใหม่ของท่านผู้นำ ทั่น สว.ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ อาจจะปัดตกด้ือๆ หรือว่านายกฯ อาจจะมาจากไหนก็ไม่รู้ ก็ไม่ต้องฟัง สส.

แล้วแบบนี้อยากได้อ่างเก็บน้ำต้องไปคุยกับใครล่ะ?

ประเทศเป็นของคุณ อ่างเก็บน้ำก็อยู่หน้าบ้านคุณ แต่ถ้าอยากได้ก็ต้องรอว่าวันนึง คนดีเขาจะนึกขึ้นมาว่าน่าจะอ่างเก็บน้ำให้หมู่บ้านนี้นะ งั้นเหรอ

ฝันไปป่ะ ท่านผู้นำแกขี้มอไซค์เล่นในทำเนียบ เขาไม่รู้จักบ้านคุณด้วยซ้ำ แกก็พูดอยู่ทุกวันว่าแกไม่แคร์ฐานเสียง

948 Nameless Fanboi Posted ID:T+nP4DnJt

ประเทศนี้นะ ผู้ชาย ลูกเล็กเด็กแดง วัยรุ่น คุณลุง อาแปะ นุ่มผ้ขาวม้าเดินเปลือยท่อนบนในชุมชนเพราะอากาศร้อน คนเปลือยท่อนบนลงคลอง ลงแม่น้ำ ลงทะเล ลงน้ำตก เล่นน้ำจับปลา ถ่ายรูปลงเซเชียลกันสนุกสนาน มีกิจกรรม อีเวนต์ และสารพัดมากมายที่เห็นผู้ชายโชว์ท่อนบน บ้างก็มีแค่กางเกงในตัวเดียวเดินกันกลางห้าง ไม่เคยมีปัญหาอะไร แถมยังกรีดร้องกันอยากได้มาเป็นผัวกันอีกต่างหาก
จู่ ๆ วัน3 วันมานี้ ผู้ชายไม่ใส่เสื้อสาดน้ำวันสงกรานต์โดนข้อหาอนาจารในที่สาธารณะจ้า
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
เกร็ดความรู้
ประเทศไทยรับเอาวัฒนธรรมวิคตอเรียนที่รังเกียจและปิดกั้นเรื่องเพศเข้ามาในสมัยรัชกาลที่ 4 เพราะว่าชาวบ้านไทยในสมัยนั้นผู้หญิงเดินนมหกหัวนมดำกันเป็นเรื่องปกติ วัฒนธรรมการปกปิดร่างกายของชาวไทยจึงเกิดขึ้นมาตั้งแต่ตอนนั้นเพื่อไม่ให้พวกฝรั่งมองว่าคนไทยเราไม่ศิวิไลศ์
ณ ปัจจุบันปี 2016 ยุคที่ฝรั่งมังค่าก้าวข้ามผ่านวัฒนธรรมวิคตอเรียนไปไกลแล้ว รู้จักเรื่องสิทธิ์มนุษยชน ความเท่าเทียมกันทางเพศ สิทธิของเพศทางเลือก ประเทศไทยกลับคิดว่าการรักนวลสงวนตัว การปิดปิดร่างกายที่เราไปรับมาจากฝรั่งมาทั้งดุ้นนั้นเป็นวัฒนธรรมอันดีงามของชนชาติไทยแต่โบราณ แถมยังเหยียดหนามฝรั่งที่แต่งตัวไม่ปกปิดมิดชิดว่าไร้อารยธรรม นุ่งบิกินี่สมควรโดนข่มขืน ล่าสุดแม้แต่หัวนมผู้ชายก็สั่นสะเทือนศีลธรรมและความดีงามของสังคมได้
ขอประเทศไทยจงเจริญ

949 Nameless Fanboi Posted ID:shLTFKUog

>>948 ถ้าหมายถึงตามข่าว เขากั้นแค่พื้นที่เดียวที่ห้ามถอดเสื้อกับขายเหล้า แต่บางคนคงอ่านหนังสือไม่ออก เป็นความผิดของการศึกษาไทยจริงๆ ที่ผลิตคนอย่างความเห็นนี้ออกมา

950 Nameless Fanboi Posted ID:JqmXL90as

>>949 ยาวไปไม่อ่านแต่รีบเสร่อโชว์ความเหนือ ฮ่าๆๆๆ

951 Nameless Fanboi Posted ID:CIn7z2436

>>950 http://hilight.กะปุก.com/view/135505
จับหนุ่มถอดเสื้อเล่นน้ำสงกรานต์ 3 ราย ในเขตห้ามถอด

โง่ไปไม่เก็ตสินะ

952 Nameless Fanboi Posted ID:tfnK.2FX0

ขอเรียกอาการของคนส่วนใหญ่ ( คนไทยน่าจะเป็นเยอะ!!! ) ที่แก้ยาก แก้ไม่ค่อยจะหาย ว่า
' ใกล้เกลือกินด่าง syndrome '
อะไรดีๆมีประโยชน์
ที่อยู่ใกล้ตัว ที่หาได้ง่ายๆ ไม่แพง
มักถูกมองข้าม หรือไม่เชื่อในสรรพคุณ

เมื่อ 17 ปีก่อน
Kamal Meattle
พำนักที่ Delhi ประเทศอินเดีย
สภาพอากาศใน Delhi มีมลภาวะสูง ละอองฝุ่นผงมีปริมาณสูง ทำให้ Kamal ป่วยเป็นโรคแพ้อากาศรุนแรง แพทย์ประจำตัวทำการตรวจปอดอย่างละเอียด ปรากฎว่า อาการแพ้ทำให้ปอดทำงานได้เพียง 70% เท่านั้น หากไม่ทำการรักษา อาการจะยิ่งทรุดถึงขั้นเสียชีวิตได้
Kamal Meattle ลงมือหาข้อมูลทันที เพื่อฟื้นฟูสุขภาพตนเอง เขาได้รับการช่วยเหลือด้านคำแนะนำ/ผลการทดลองต่างๆจาก :
IIT : Indian Institutes of Technology
TERI : The Energy and Resources Institute
และ NASA
เขาค้นพบว่า เราสามารถปรับ/เพิ่มคุณภาพอากาศภายในอาคารได้ เพื่อสุขภาพของผู้พักอาศัย ด้วยการปลูกต้นไม้ 3 ประเภทนี้ :
1. Areca Palm - ปาล์มหมาก
2. Mother-in-law's Tongue - ลิ้นมังกร
3. Money Plant - พลูด่าง

• ปาล์มหมาก
มีประสิทธิภาพสูงในการขจัด คาร์บอนไดออกไซด์ แล้วแปลงเป็นออกซิเจน
เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ/ผล ต้องปลูกปาล์มหมาก ความสูงขนาดเท่าหัวไหล่ผู้ใหญ่ จำนวน 4 ต้น/คน
( หมั่นเช็ดใบให้สะอาด และนำออกรับแดดกลางแจ้งทุกๆ 3-4 เดือน )

• ลิ้นมังกร
มีประสิทธิภาพในการปรับคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นออกซิเจน โดยเฉพาะช่วงกลางคืน จึงมักปลูกในห้องนอน เพื่อให้อากาศบริสุทธิ์ยามพักผ่อน
เพื่อประสิทธิภาพ/ผล ต้องปลูกลิ้นมังกร ความสูงเท่าเอว จำนวน 6-8 ต้น/คน
( จากการวิจัยของ NASA : ต้นลิ้นมังกรมีคุณสมบัติพิเศษ ช่วยปรับคุณภาพอากาศภายในห้องได้ดี นิยมปลูกในห้องนอน จนได้รับฉายาว่า bedroom plant )

• พลูด่าง
มีคุณสมบัติขจัด formaldehyde ( ชื่อที่คุ้นๆ คือ ฟอร์มาลีน - น้ำยาอาบศพ ) และสารเคมีอื่นๆที่ระเหยง่าย ( volatile chemicals )

Kamal Meattle ทำการทดลองปลูกต้นไม้สามประเภทนี้ ในอาคารเก่า ( 20 ปี ) เนื้อที่ 50,000 ตารางฟุต มีผู้พักอาศัย 300 คน ต่อต้นไม้สามประเภทนี้จำนวน 1,200 ต้น
ภายในเวลา 10 ชั่วโมง ปริมาณออกซิเจนในระบบเลือดสูงขึ้นถึง 42%
และทำการทดลองต่อเนื่อง ปรากฎว่า โรคระคายเคืองตาของคนในอาคารนี้ ลดลง 52% โรคระบบทางเดินหายใจ ลดลง 34% โรคปวดศีรษะ ลดลง 24% โรคปอด ลดลง 12% โรคหืดหอบ ลดลง 9%

หยุดดูแคลนต้นไม้ที่แสนจะธรรมดาสามประเภทนี้
แม้ชื่ออาจไม่เก๋
ไม่มีนัยยะทางมงคล ไม่เสริมดวง
ไม่มีคำว่า รวย-ทอง-เศรษฐี-ฯลฯ
ราคาไม่แพง-ไม่สูงค่าพอจะนำไปพูดอวดกันใน FB
แต่ต้นไม้พื้นๆสามประเภทนี้ ให้คุณประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม...อย่างมหาศาล
หามาปลูกกันเถอะ !!!

Kamal Meattle : How to grow fresh air
http://youtu.be/gmn7tjSNyAA

953 Nameless Fanboi Posted ID:y6EXaK.Ed

"บริษัทรูออนไลน์ควรหยุดโกหกลูกค้าเรื่องบริการหลังการขายครบวงจรหรือบริการ 24 ชั่วโมง วันนี้เป็นอีกครั้งที่เจอประสบการณ์แย่ๆ จากรู เพราะแจ้งเรื่องเราเตอร์เสียตั้งแต่สามโมงกว่า รูบอกจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมา รอจนหกโมงยังไม่มีใครติดต่อเลย สรุปคือในสามชั่วโมงโทรหารูสองครั้ง อีเมลหนึ่ง และแชทอีกสอง ทุกครั้งต้องแจ้งปัญหาใหม่หมดตั้งแต่ต้น แต่ไม่มีคนรูติดต่อกลับ เท่ากับโดนเจ้าหน้าที่รูโกหกสี่ครั้งในสามชั่วโมง

เจอแบบนี้ทำให้เข้าใจเลยว่าทำไมลูกค้ารูเกลียดรู คือบริการไม่ได้ความก็เรื่องนึง ไม่บริการ 24 ชั่วโมงจริงก็อีกเรื่อง แต่ที่แย่ที่สุดคือโกหกลูกค้าซ้ำซากในเรื่องเดียวกันโดยเจ้าหน้าที่รูสี่คนแบบนี้

ทั้งที่ลูกค้าจ่ายเงินซื้อบริการคุณ แต่รูกลับทำเหมือนลูกค้าไปขอทาน ส่วนเรื่องบริการไม่เป็นอย่างโฆษณาก็คือการโกง"

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

954 Nameless Fanboi Posted ID:6y2sutHcZ

>>953 คือถ้ามึงจะเซ็นเซอชื่อก็น่าจะเซ็นหัวเรื่องด้วยนะ

955 Nameless Fanboi Posted ID:PpiaWt4ZE

ผู้เฒ่าเก็บเศษขยะ ทิ้งมรดกสิ่งหนึ่งไว้ให้คนตะลึง !!
เรื่องจริง..ที่แขร์กันมากในไลน์ อ่านหลายครั้งก็ยังซึ้งใจ
- - - - - - - - - -

ห้องสมุดหางโจว เปิดโอกาสให้คนเร่ร่อนเก็บเศษขยะขาย สามารถเข้ามาอ่านหนังสือได้ แต่ต้อง "ล้างมือ" ให้สะอาดก่อนถึงจะเข้าได้ , ผู้เฒ่าคนนี้มีชื่อว่า " อู๋ย ซือ เฮ้า " เป็นคนหนึ่งที่ขอร่วมเข้ามาอ่านหนังสือ เขาตั้งอกตั้งใจอ่านข่าวสารอย่างจริงๆจังๆ จนทุกคนต่างยกย่องให้เป็นคนเร่ร่อนที่ใฝ่หาความรู้อย่างแท้จริง .. จนได้ฉายานามว่า ผู้ เ ฒ่ า นั ก อ่ า น ...
.

ปัจจุบัน เขาหมดลมหายใจแล้ว เหตุเพราะหลายวันก่อนเดินข้ามถนนถูกรถชนจนเสียชีวิต เมื่อเขาตาย เรื่องราวชีวิตก็ได้ถูกเปิดเผย ความลับนี้ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงและหลั่งน้ำตาไปตามๆกัน
.
- - - - - - - - - -

ประวัติของเขาจบมหาวิทยาลัย ปี 1960 ก่อนเกษียนอายุเป็นอาจารย์สอนใน รร.มัธยม ยังชีพด้วยเงินบำนาญไม่มากมายนัก และเขาก็เก็บขยะประทังชีวิตไปวันๆ ..

เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบทรัพย์สินของเขา ล้วนแต่ไม่มีราคาค่างวดอะไรเลย .. แต่กลับพบใบอนุโมทนาบัตร ที่บริจาคเงินเพื่อทุนการศึกษา ซึ่งเขาเก็บไว้จนกลายเป็นสีซีดเหลือง และการ์ดไปรษณียบัตรที่ส่งมาจากที่ต่างๆ ลงชื่อของผู้ที่ได้รับทุนการศึกษาจากเขา แจ้งผลการเรียนทุกเทอมกลับมาให้เขาทราบทุกฉบับ

- - - - - - - - - -
pacman emoticon pacman emoticon

แท้จริง .. ผู้เฒ่าต้องการประหยัด กินน้อย- ใช้น้อย มอบเงินที่มีอยู่ทั้งหมด พร้อมกับเงินบำนาญอันน้อยนิด บริจาคให้นักเรียนยากจน โดยไม่ยอมแม้แต่จะใช้ชื่อจริง เขาใส่ใจบรรดาเด็กๆที่ส่งเสียให้เรียน และเด็กที่ได้รับทุนทุกคนก็ไม่รู้ว่าผู้ส่งเสียให้เรียนยากจนข้นแค้นแค่ไหน เพราะผู้เฒ่าใช้ชื่อปลอม ปกปิดชื่อจริงในการให้ทุนมาตลอด ..
.

ชั่วชีวิต ผู้เฒ่ามีแต่ความเรียบง่าย อยู่อย่างประหยัดมัธยัสถ์ นอนเตียงไม้ 1 ตัว เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ไม่มีเลย , เมื่อ 10 ปีก่อน ก็ได้บริจาคร่างกายให้โรงพยาบาล เพื่อว่าตายไป อวัยวะส่วนไหนพอจะนำไปช่วยคนได้ เขาจะดีใจมากที่สุด

= = = = = = = = = =
heart emoticon heart emoticon heart emoticon

วิญญาณของท่านคงจะเบิกบานและสงบ
ความรัก ความเมตตา หาผู้ใดมาเทียบเทียมยาก
ขอคารวะท่านผู้เฒ่า "อู๋ยซือเฮ้า " ผู้สร้างความอบอุ่นให้กับสังคมมนุษย์

ที่มา ... เรื่องเล่าจาก LINE (ไทยโพสต์)

= = = = = = = = = = = = =

956 Nameless Fanboi Posted ID:FvQJWJrZK

1. ผมไปสิงคโปร์ครั้งแรกตอนอายุ 40 เพราะผู้หญิงคนหนึ่งบอกผมว่า “อย่าพูดว่าตัวเองเป็นนักท่องเที่ยวเลย ถ้ามีปัญญาไปแค่ญี่ปุ่นหรือไต้หวัน หรือเดินงานไทยเที่ยวไทยแล้วซื้อแพคเกจทัวร์เกาะตาชัยแค่ไม่กี่พันก็กลับ”
หยิ่งผยอง ผมฉุนขาด
ผมคุยกับเธออีกสองประโยค (แต่ในใจด่าแม่มันเป็นสิบประโยค) ก่อนจะปลีกตัวออกมา เดินกลับไปหาเพื่อน ดนตรีหมอลำกระหึ่มเป็นฉากหลัง
“อีนมใหญ่นั่นใครวะ กวนตีนฉิบหาย”
เพื่อนบอกไม่รู้เหมือนกัน แต่สงสัยจะเป็นกระเทย ผมหันกลับไปมอง ดูเหมือนเธอจะมาคนเดียว (ซึ่งก็ไม่แปลก ปากหมาอย่างนี้จะมีใครคบ) เสี้ยววินาทีนั้นเหมือนเธอรู้ว่าถูกมอง เธอหันกลับมาสบตาผม นมใหญ่กระเพื่อมตามจังหวะเสียงดนตรี เธอทำสายตาเหมือนไม่ไยดี ผมด่าพึมพำว่า “อีตุ๊ด” ก่อนจะหันไปสนใจดนตรีต่อ

2. วันต่อมา มีคนโพสท์คลิปเธอถูกฝรั่งลวนลามในวันสงกรานต์ แต่ไม่มีใครแท่กเธอ คงเพราะไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใคร

3. สองสัปดาห์ต่อมา ผมเจอเธอในงานของศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ไม่รู้เหมือนกันว่ามาทำห่าอะไรที่นี่ แต่บังเอิญเธออยู่ที่นั่น ยอมรับว่าไม่ได้สนใจเธอแล้ว แต่นมเธอก็ใหญ่เหลือเกิน ผมเอ่ยประโยคแรก “ผมจะไปสิงคโปร์ คุณจะไปกับผมมั๊ย?”
เธอบอก “เพราะมันบินแค่สองชั่วโมงน่ะสิ”
เธออัปเปอร์คัตขวา ผมหลบไม่ทัน อะไรวะ อีห่านี่
“คุณทำงานอะไร” ผมอยากรู้จริงๆ “เป็นไกด์ เป็นบล็อกเกอร์ เป็นคนหิ้วของมาขาย หรือเป็นตำรวจท่องเที่ยว”
เธอตอบ “ชั้นไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น”
“แต่เป็นตุ๊ดใช่มั๊ย?” ผมถามโพล่งไปอย่างไม่รู้ตัว สายตาจับอยู่ที่หน้าอกของเธอ เธอตอบคำถามผมด้วยการตบฉาดเข้าที่ใบหน้า ในขณะที่ผมกำลังจะเอ่ยปากขอโทษ เธอก็พูดยิ้มๆ
“คุณชัดเจนดี ฉันจะไปสิงคโปร์กับคุณ”

4. ไม่น่าเชื่อ ผมมาสิงคโปร์ครั้งแรก กับผู้หญิงแปลกหน้า (เอาจริงๆผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นผู้หญิงหรือเปล่า) เรามาถึงสิงคโปร์ตอนเย็นๆ เธอบอกว่าเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย (อ้าว แล้วที่มึงด่ากูล่ะอีดอก) เธอเดินตามผมต้อยๆ ดูสงบและผยองน้อยลงกว่าที่เคยเป็น ผมพาเธอไปเดินเที่ยวริมอ่าวมารีน่า ดูโชว์แสงสีของตึก Marina Bay Sands ถ่ายรูปเมอร์ไลอ้อนยามค่ำคืน ก่อนจะพาเธอไปกินบักกุดเต๋ที่ร้าน Songfa อากาศที่อบอ้าวทำให้ผมและเธอเหงื่อแตกพลั่ก เสื้อบางๆของเธอเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ มองเห็นสายยกทรงสีดำและเนินอกใหญ่ตระหง่าน “ร้อนจังเลย” เธอบ่น “คนสิงคโปร์เค้ามีอารมณ์เอากันได้ยังไงนะ อากาศแบบนี้” ผมสะดุ้งกับคำถามลอยๆของเธอ นึกในใจว่า “แต่กูไม่ใช่คนสิงคโปร์นี่หว่า...”

5. เรากลับเข้าห้อง หลังจากที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ เธอก็พุ่งตัวเข้าห้องน้ำ ไม่มีท่าทีเขินอายใดๆกับสายตาของผมที่จ้องมอง ห้องน้ำโรงแรมเป็นกระจกใส แต่เธอทำทุกอย่างราวกับผมไม่ได้มีตัวตนอยู่ที่นั่น เธอเปลื้องผ้า ขับถ่าย แปรงฟัน อาบน้ำราวกับจะใช้น้ำทั้งสิงคโปร์ไปกับการอาบครั้งนี้ ก่อนจะออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูพันตัวหลวมๆ และล้มตัวนอนทันที ผมสำรวจ สำรวจเธอ แล้วก็ได้รู้ว่านมเธอใหญ่จริงๆ มือก็ใหญ่ เท้าก็ใหญ่ ไม่ใช่สเปคผมหรอกที่จริง ผมชอบผู้หญิงที่มือเท้าเล็กๆ (แต่ช่างแม่งเถอะ ใครจะสนวะนาทีนี้)และที่แน่ๆ เธอไม่ใช่กระเทย
สิงคโปร์มีอะไรดีบ้างผมไม่รู้แล้ว เพราะหลังจากวันนั้น เราสองคนก็แทบจะไม่ได้ออกจากห้องกันอีกเลย...

6. กลับจากสิงคโปร์ ผมก็หายไปจากชีวิตเธออย่างถาวร มีเพียงสายสัมพันธ์ทางโซเชียลที่ไม่ได้ตัดขาด

7. กลางดึกคืนหนึ่ง เธอโทรมา หนึ่งปีได้มั้ง หลังจากคืนนั้น
เธอถามว่า “เราไม่ดีตรงไหน”
ผมตัดสายทิ้งทันที

8. ผมไม่กล้าบอกเธอ ว่าตอนนี้ผมเจอผู้หญิงอีกคนหนึ่ง คนที่ด่าว่าผมไม่ใช่หนอนหนังสือเพียงเพราะผมไม่เคยอ่านหนังสือของมาร์เกซ ก่อนหน้านั้นผมก็เจอผู้หญิงคนหนึ่ง ที่หาว่าผมเป็นนักดื่มจอมปลอมเพราะไม่เคยดื่มเบียร์ BrewDog End of History หรือก่อนหน้านั้นอีก กับผู้หญิงที่ดูถูกผมว่าอย่าเรียกตัวเองว่าซีเนไฟล์ ถ้าไม่เคยดูหนังของทรูว์โฟ ผมเจอผู้หญิงแบบนี้เยอะแยะมากมาย ทุกคนล้วนไม่ใช่สเป็ค แต่ผมก็นอนกับพวกเธอ

9. คิดดูแล้ว นักบินอวกาศก็คงเป็นแบบนี้ใช่ไหม บนพื้นโลกจะได้อยู่ด้วยกันหรือเปล่าไม่รู้ ขอแค่ได้เอากันในอวกาศก็พอ...

(ชาวท่าแซะท่านหนึ่ง)

957 Nameless Fanboi Posted ID:jYArkEgjk

>>956 อีเหี้ยขำ 5555555555

958 Nameless Fanboi Posted ID:xF8LbPq1M

>>956 100% unadultered pure bullshit

959 Nameless Fanboi Posted ID:shjAR+Ijb

>>956 สัส555555

960 Nameless Fanboi Posted ID:/6T6wlX+O

มีคนส่งบทความนี้มาให้ผม บอกว่าเป็นบทวิเคราะห์ว่าทำไมอีก 20 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มว่าคนไทยจะโง่ลง และเขมร พม่า แขก จีน ฝรั่ง จะเข้ามายึดอาชีพคนไทยเกือบหมด คนไทยจะเป็นลูกจ้างคนพวกนี้

ผมอ่านแล้วก็เชื่อว่ามีคนไทยที่เริ่มจะกลัว คำพยากรณ์นี้จะเป็นจริง จึงขอให้ช่วยกันคิดว่าจะหาทางป้องกัน ไม่ให้ความกลัวนี้เป็นความจริง
เขาวิเคราะห์ว่าอย่างนี้

1. เด็กไทยสมัยนี้สนใจแต่โทรศัพท์ เล่นไลน์กันทั้งวันทั้งคืน ไม่ต้องหลับต้องนอนกัน นอนดึกตื่นสาย หนังสือไม่สนใจเรียน ตื่นไม่ทันโรงเรียน เลยกินข้าวเช้าไม่ทัน พอสายก็หนีไปกินข้าว ขาดเรียนชั่วโมงแรกวิชาหนึ่ง รุ่งขึ้นแบบเดิม เป็นอย่างนี้ทุกวัน ก็หมดทุกวิชา เมื่อเรียนไม่ทัน ไม่รู้เรื่องก็เบื่อ ก็ชวนกันหนีเรียนไปตั้งแก๊งค์ ไปติดยา มั่วเซ็กซ์
ใครเรียน...ก็แกล้งก็กวน ก็เลยทำให้ทั้งห้องเหมือนกันหมด ความรู้(ไม่)เก่งเหมือนกันหมด ไอ้เรื่องที่จะให้ทบทวนให้ทันเขา บอกได้คำเดียวว่า “ยากมาก”

2. ครูก็สอนไปตามหน้าที่ ลองไปเข้มงวดลูกท่านซิ...เดี๋ยวพ่อเสือแม่เสือก็มาถึงโรงเรียนอีก ผู้บริหารยังต้องเกรงใจเลย ครูก็เลยปล่อยไม่ยุ่งด้วย...เด็กก็ได้ใจเพราะได้แบ็ค (พ่อแม่รังแกฉัน...เข้าใจมั้ย...พ่อแม่บางคนไม่รู้เรื่องว่าอะไร ?)

3. การวัดผล เด็กสอบตกก็ต้องยัดเยียดให้ผ่านให้ได้ ไม่งั้นเสียชื่อครูว่าสอนไม่เก่ง แถมถูกผู้ปกครองด่าอีก
กฎหมายใหม่ก็เอื้อให้ทำโทษเด็กไม่ได้ จะเรียกเด็กมาสอบใหม่ ท่านไม่มาสอบ เอ้า...เอาคำตอบไปลอก อ้อนวอนสารพัดจนเด็กผ่านไปได้ โล่งอก ขนาดได้เกรด 1.8 ก็ผ่านได้ ทั้งที่มันแค่ 40% ผ่านได้ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้ว นี่ไงความรู้ของเด็กไทยขณะนี้โดยทั่วไป

4. การเข้าทำงาน เก่งไม่ค่อยจะได้ แต่ถ้ามีเส้นถึงจะ Ok ต่อไปเราจะได้ปลัดกระทรวงที่เก่งมากๆ แต่มาจากเส้น ได้ข้าราชการที่เก่ง ก็มาจากเส้นอีก

5. เด็กสมัยนี้ทำอะไรไม่เป็น ไม่ยอมลำบาก ไม่อดทนต่อความลำบาก (สังเกตให้ดี ลูกๆเราเป็นอย่างงี้มั้ย ถ้าเป็นครู ลูกศิษย์เราเป็นอย่างงี้มั้ย) ไม่มีวินัย พอเข้าทำงาน เจอระเบียบวินัย เจอเข้มงวด เจองานหนักเข้าก็มาบ่นให้พ่อแม่ฟัง ถ้าพ่อแม่มีตังค์ มีอำนาจ (เลี้ยงลูกแบบคุณหนู) จะบอกลูกว่าอยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ลาออกมาพ่อแม่เลี้ยงได้ เด็กก็เลยได้ใจ ไม่ต้องทำอะไรกินแล้ว

พอได้ครอบครัวก็เอาผัวเอาเมียมาเกาะพ่อแม่กิน พอพ่อแม่ตาย สมบัติพอมี ก็ขายกินอีก ขยับขยายทำให้กำไรไม่เป็น แล้วรุ่นหลานจะเอาอะไรขายกิน หลานเหลนก็ต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่อีก

6. เดี๋ยวนี้เราจะเห็นแขก พม่า เขมร และต่างชาติ ต่างมาค้าขายในไทยมากแล้ว และรัฐก็ยกเลิกมาตรการต่างๆ ให้ต่างชาติทำได้ ตอนแรกก็ขายพวกเดียวกันก่อน ต่อมาก็ขายคนไทย ตอนนี้ก้าวหน้า มีผัวไทยเมียไทย จ้างคนไทยเป็นลูกมือ แล้วต่อไปก็ครองเศรษฐกิจ แบบแถวแม่สาย แม่สอด มุกดาหาร หนองคาย กรุงเทพฯ และทั่วทุกเมือง

นี่เป็นเพราะพวกเรามองไม่เห็นภัยที่กำลังคืบเข้ามา ยังสนุกอยู่ ยังมีพ่อมีแม่อยู่ พอพ่อแม่ตาย สมบัติเก็บไม่อยู่แน่ เพราะไม่มีความรู้ในการบริหารงานทำงาน กฎหมายไม่คุ้มครอง ทุกอย่างจะเสียเปรียบหมด เงินทองจะเสียเร็วมาก กว่าจะฉลาดก็หมด หรือเกือบหมด ตัวทีนี้แหละจะอยู่ด้วยความแร้นแค้นละ...

ช่วยกันคิดนะครับว่าจะทำอย่างไรจึงทำให้ความเห็นข้างบนนี้ไม่จริง เป็นเพียงการพูดจาเพ้อเจ้อไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง

อย่าให้เป็นจริงเลยแม้แต่ข้อเดียว!.......

961 Nameless Fanboi Posted ID:hIT2RjWuI

>>956 มุกไรวะเนี่ยกูไม่เก็ต

962 Nameless Fanboi Posted ID:9dmjKyLLK

>>956 1
ผมขโมยจักรยานครั้งแรกตอนอายุ 25 เพราะคนดำคนหนึ่งบอกผมว่า
"อย่าพูดเลยว่าตัวเองเป็นคนดำเลย ถ้าขโมยแค่สแน๊คสองชิ้นต่อเดือน หรือเดินงานมหกรรมอาหารเพื่อหาไก่ทอดทานชิ้นสองชิ้น"
ทะนงตน ผมเสียหน้า
ผมคุยกับเขาอีกสองสามประโยคแล้วรีบปลีกตัวออกมา เดินไปหาเพื่อน กระซิบบอกมัน ดนตรีฮิปฮอปดังกระหึ่มเป็นฉากหลัง
"ไอ้นั่นใครวะ อวดรู้ชิบหาย"
เพื่อนบอกไม่รู้เหมือนกัน ดูเหมือนจะไม่ได้ซื้อบัตรเข้างานด้วย ผมหันกลับไป เขากำลังโยกร่างกายตามจังหวะเบส พันลำหนึ่งมวนที่มือ ไม่สนใจใยดีใครทั้งสิ้น เสี้ยววินาทีนั้น เขารู้ว่าถูกมอง เขามองตรงมาหาผม ยักคิ้วเป็นนัยให้รู้ว่ามีพันลำขาย แล้วหันกลับไปสนใจดนตรีต่อ

2
คืนต่อมา กลุ่มผู้จัดงานลงรูปเขาในเพจของงานอีเว้นท์นั้น ข้าวของเมื่อวานหายหลายรายการ แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะไปตามเขาได้ที่ไหน

3
สองสัปดาห์ต่อมา ผมไปงานเปิดอัลบั้มใหม่ของแรปเปอร์ท่านหนึ่ง ทั้งที่ไม่รู้ว่าไปทำไม
บางครั้งผมคงจะเบื่อและว่าง จึงออกจากห้องแทบทุกคืน
ยอมรับว่าไม่ได้สนใจเขาแล้ว แต่เขาดันอยู่ที่นั่น ผมเริ่มประโยคแรก "ผมหรอยจักรยานสี่ล้อเล็กมาแล้วนะ"
เขาตอบ "ของเด็กมันขโมยง่ายสุดน่ะสิ"
เขาอัปเปอร์คัตขวา ผมหลบไม่ทัน อะไรวะ ผู้ชายคนนี้
“คุณทำงานอะไร” ผมอยากรู้จริงๆ “เป็นช่างซ่อมรถ บาทหลวง หรือพวกขายตรง”
เขาตอบ "ฉันไม่ชอบทำงานอะไรสักอย่าง"
ผมพยายามชวนคุยอีกหลายอย่างก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ชวนเขาสูบบุหรี่
เขาบอก “บุหรี่ธรรมดาฉันไม่สูบ” อะไรของเขาวะ ผมควรจะตัดบทแล้วไปคุยกับคนอื่นใช่ไหม ?
แต่ไม่ว่ะ ไม่ใช่กับครั้งนี้ “งั้นช่วยแนะนำบุหรี่แบบที่คุณชอบให้ผมหน่อยแล้วกัน เผื่อผมจะได้รู้จักอะไรมากขึ้น”
ได้ผล ผมเห็นตาเขาเยิ้มน้อยๆ “ถ้าชอบก็ติดต่อมา”

4
ผมได้เฟสบุ๊คของเขามาในที่สุด อันที่จริงเขาเป็นคนขอแอดผมเองเพื่อลากผมเข้ากรุ๊ปเสรีกัญชา ...ดูเพิ่มเติม
#มิตรสหายท่านหนึ่ง

963 Nameless Fanboi Posted ID:9dmjKyLLK

>>961 https://www.facebook.com/porspramsumran/photos/a.1763212220579496.1073741828.1762840390616679/1763212077246177/?type=3&theater

964 Nameless Fanboi Posted ID:4tz+VQJsj

>>962 จัญไรตรงดูเพิ่มเติมนี่แหละ แต่กูก็เสือกโดนดักควายทั้งๆที่ตั้ง facebook เป็นภาษาอังกฤษแท้ๆ Orz

965 Nameless Fanboi Posted ID:+QVs5G3Ch

>>963 อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจ ไม่ใช่ไม่เข้าใจเนื้อเรื่องนะ แต่ไม่้ข้าใจว่าทำไมคนเอาไปล้อเยอะแยะอ่ะ มันไม่ดียังไง ก็เป็นแค่เรื่องผู้ชายไม่เอาผู้หญิงไม่ใช่หรอวะ ทำไมกลายเป็นกระแส

966 Nameless Fanboi Posted ID:0AhlMCxwx

>>965 คนที่อ่านแล้วจะรู้สึกว่าตัวเองได้อ่านอะไรลึกซึ้งเหมือนเสพงานศิลปะมั้งมึง แต่กูก็เข้าใจเหมือนมึงแหละ 555+

967 Nameless Fanboi Posted ID:0bLv5T2VX

>>965 มันดูเพ้อๆ+ดัดจริตอ่ะ ดูน่าแซะ พอมีคนเริ่มแล้วกระแสมันมามันก็เลยลามไปทั่ว

968 Nameless Fanboi Posted ID:+QVs5G3Ch

กูชอบสำนวนเค้านะดูน่าอ่านดี แต่ไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องมันเกี่ยวกับนักบินอวกาศยังไง หรือเค้าอยากเปรียบเปรยว่าอวกาศมันน่าสนใจแต่สุดท้ายนักบินก็เข้าไม่ถึงเลยกลับมาที่โลกดีกว่างี้หรอ

969 Nameless Fanboi Posted ID:hg1YZjEQI

>>968 มันแค่จะเปรียบพวกนักบินอวกาศมั้งว่าอยู่ข้างบนไม่มีไรทำก็เย็ดกันได้กันลงมาก็ไม่มีอะไรความสัมพันก็จบแค่นั้นแยกย้ายกลับบ้าน

970 Nameless Fanboi Posted ID:YkzA6BMJB

กระทู้หน้า "โม่งมิตรสหายท่านสอง " ดีไหม

971 Nameless Fanboi Posted ID:wcstCYSV8

>>965 เหตุผลเดียวกับที่นิ้วกลมโดนด่า

972 Nameless Fanboi Posted ID:.0Pxa0BgD

>>969 แล้วถ้าทีมนั้นมีแต่ผู้ชายล้วนล่ะมึง !!!!!

973 Nameless Fanboi Posted ID:j+e27j20w

>>969 ไม่ใช่เว้ยเขาหมายถึงตอนที่อยู่ด้วยกัน มันเหมือนอยู่ในโลกแฟนตาซี เหมือนล่องลอยในอวกาศไปผจญภัยในโลกใหม่กฏใหม่ๆไร้แรงดึงดูดไร้พันธะของบนพื้นโลก ตือขึ้นไปก็ซั่มกันอย่างเดียวได้เพราะไม่คิดเรื่องอื่น พอลงมาบนพื้นโลก คนก็ติดพันธะนู้นนี่มาให้คิด เรื่องใันก็แค่ระดับ one night stand น้ำแตกแล้วแยกทางแค่นั้น

974 Nameless Fanboi Posted ID:0ywAvpiaF

>>970 คิดเหมือนกันเลยเธอ

975 Nameless Fanboi Posted ID:+gIXyvbRL

>>973 แล้วมันต่างกันยังไงวะ ความหมายก็คือเย็ดกันเล่นๆไม่จริงจังเหมือนกัน

976 Nameless Fanboi Posted ID:j+e27j20w

>>975 มันเขียนให้แฟนตาซีไปงั้นแหล่ะ เหมือนเพลงไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ ที่มึงเมาแล้วสาวมาเย็ดกันเก็บแต้มแล้วแยกกันโดยลืมถามกระทั่งชื่อ

977 Nameless Fanboi Posted ID:KyS3ioUZR

จริงๆ กูชอบเรื่องอายุ 25 นะ มันเป็นความสัมพันธ์ของคนจริงๆ ดี แต่กูไม่ชอบตรงที่ผู้หญิงต้องมาร้องไห้กับแม่งว่ามันไม่ดีตรงไหน กับมันได้เมียขาวตัวเล็กตรงสเป็ก ดูโคตรตอแหล

978 Nameless Fanboi Posted ID:RG8hURl2h

>>975 แต่ต้นฉบับมันไม่ได้เอากันไม่ใช่หรอ ผู้ชายบอกว่าผู้หญิงไม่ใช่เสป๊ก ไม่มีอารมณ์แล้วก็จากไป
>>971 นิ้วกลมโดนด่าว่าไรวะ กูไม่เคยอ่านงานนิ้วกลม ไม่เคยตามด้วยแต่เห็นคนแซะเยอะโดยที่กูก็ไม่รู้สาเหตุ อธิบายที

979 Nameless Fanboi Posted ID:OWlbqOZag

>>978 ส่วนมากนิ้วกลมก็โดนด่าว่ากลวงกับเพ้อเจ้ออะ เนื้อหาเบาโหวง มีเท่าจิ๋มมด แต่เขียนพรรณาโวหารซะน้ำท่วมทุ่ง หาสาระอันใดไม่มี เหมาะกับฮิปสเตอร์โง่ๆวอนนาบีที่อยากอ่านแล้วไปทำตัวสโลว์ไลฟ์

980 Nameless Fanboi Posted ID:gy4L+DjMh

>>979 ช่วงนี้เห็นหันมาแซะหว่องกับมุราคามิกันแล้วว่ะ 555

981 Nameless Fanboi Posted ID:7DOQUmZaK

>>976 เพลงนี้เนื้อหาแม่งโคตรเพ้อเจ้อเลย แต่กูไม่โทษคนแต่ง ตอนแรกไม่ดังเท่าไร พอเอามาเป็นเพลงประกอบหนังแล้วเสือกดัง

982 Nameless Fanboi Posted ID:iZqkOE2M5

>>980 เพราะฮิปสเตอร์มันแห่กันไปนิยมหว่องกับมุราคามิมั้ง จะได้ดูมีความหมายลึกซึ้ง ซึ่งไอ้หนังหว่องกับหนังสือมุราคามิมันมีจริตที่ถูกมองว่าอาร์ต เป็นความเหงาในเมืองใหญ่ ฟุ้งๆลอยๆไม่ค่อยรู้เรื่อง ต้องใช้ความเข้าใจสูง จะได้ดู Deep ดูเป็นคนมีแก่นสาร

983 Nameless Fanboi Posted ID:EzV9hLTYc

>>976 กูว่าคนแต่งแม่งก็เก่งนะ เอาอะไรที่ดูโคตรจะไม่โรแมนติกอย่างเย็ดกันน้ำแตกแล้วแยกทางมาแต่งเป็นเพลงให้ฟังดูเป็็นเรื่องโ่รแมนติกได้เนี่ย

984 Nameless Fanboi Posted ID:Q7.RYF9fR

ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ คนแต่งได้แรงบันดาลใจมาจากฝันเปียกไม่ใช่เหรอวะ เจ้าตัวเป็นคนบอกเอง
เพลงที่เนื้อเพลงมันดูมั่วๆเพ้อๆ เนื้อหาใจความหลักอาจไม่มีอะไรเลย คนแต่งแต่งตอนเมา แต่เสือกดังประสบความสำเร็จมีเยอะแยะวะ
เคสที่คลาสิคสุด คงเป็นเพลง A Whiter Shade Of Pale ไม่รู้สื่อถึงอะไร คนขอเย็ดกันมั้ง แต่ฟังแล้วแม่งโดน หลายคนชอบ เอามาโคเวอร์ร้องใหม่ก็บ่อย
ว่าแล้วก็แปะเพลง กูชอบเวอร์ชั่นนี้ https://www.youtube.com/watch?v=lpw_Hx-ABrM

985 Nameless Fanboi Posted ID:oR+W83Wfv

ขี่ช้างจับตั๊กแตน
คนโง่ๆ ที่ชอบทำอะไรเกินพอดี
ผมมีตัวอย่างหลายคน
เล่าให้ฟังสองคนละกัน
_______________________________
คนแรก...ดีไซน์เนอร์ 3,000.-
ตอนปี 2011
ผมต้อง Redesign เว็บขายของใหม่หมด
แต่เงินไม่ค่อยมี
เพราะใช้ออกแบบเว็บไปหมดแล้ว
.
.
เลยต้องวานกราฟิคฟรีแลนซ์
ช่วยออกแบบโลโก้ให้
"พี่มีงบ 3,000 นะ”
สำหรับงานระดับนี้
เงินจำนวนนี้ถือว่า “ดูถูก” กันเลยทีเดียว
.
.
แต่ตอนส่งงาน
น้องออกแบบมาให้ 7 แบบ มีที่มาทุกแบบ
ผมถึงกับคอตีบพูดไม่ออก
ประทับใจ ปนละอายใจ
จนต้องควักจ่ายไปรวม 5,000
และทุกวันนี้ก็ยังใช้โลโก้นี้อยู่
ใครถามหากราฟิกจากผม
ส่งงานให้น้องคนนี้คนเดียว
แถมตั้งราคาให้เสร็จ กลัวน้องได้เงินต่ำกว่าฝีมือ
.
.
_______________________________
คนที่สอง...ที่ปรึกษาญี่ปุ่น 60 แผ่น
ในประมาณปีเดียวกัน
ก็มีญี่ปุ่นสองคน Walk in เข้ามา ที่บริษัท
พยายามจะนำเสนอบริการ “ที่ปรึกษา”
หลังจากฟังๆ ผลงานที่ผ่านมา
ผมก็ไล่กลับไป...(แบบสุภาพ)
.
.
.
จากนั้นก็พยายามนัดเจออีกหลายรอบ
ผมไม่ยอมรับนัด ไม่อยากนั่งเบื่อ
จนกระทั่ง
เขาอีเมล์ Slide 60 แผ่นมาให้
ละเอียดแบบสไลด์ญี่ปุ่น
อธิบายถึงกลยุทธ์ทั้งหมด ที่ผมควรใช้
ที่จะทำให้ธุรกิจเราแตะพันล้านได้
.
.
.
สไลด์ชุดนี้...คัสตอมเมดให้เราโดยเฉพาะ
ส่งมาให้เปล่าๆ
แต่เยี่ยมขนาดต้องเชิญทั้งสองคน
ให้มานำเสนอนายต่อหน้า
จนสุดท้าย
และนายก็อนุมัติให้จ้างเดือนละ 200,000
เป็นเวลาเกือบสี่ปี
_______________________________
ตัวอย่างพวกนี้มี “อย่างหนึ่ง”ที่เหมือนกัน
คือ ขี่ช้างจับตั๊กแตน
ทุ่มเทกำลังทำงานในขอบเขต
ที่เกินกว่าผลลัพธ์อย่างมาก
.
.
“คนทั่วไป” คงมองความทุ่มเทแบบนี้
เป็นความเปล่าประโยชน์
เพราะเทียบสมการ

--- แรงงาน = ผลงาน ---

อยากได้เท่าไหร่ ใส่แรงเท่านั้น
ใส่เงินแค่ไหน ได้งานแค่นั้น
ฉลาดครับ...
แต่ไม่มีความ “พิเศษ"
คนอื่นๆ ในวงการก็ทำได้
.
.
.
ถ้าใส่เงินให้น้องสิบ แล้วน้องทำงานสิบ
พี่ใส่หยอดตู้อื่นก็ได้เหมือนกัน
น้องก็เป็นตู้หยอดเหรียญตู้นึง
ทุกปีก็มีตู้มาตั้งใหม่ มีน้ำแบบใหม่
ถึงน้องมีน้ำแบบใหม่ด้วย
แต่ตู้น้องมันเก่าแล้ว
ไม่น่ากด ไม่สดใสเหมือนตู้ใหม่ๆ
.
.
.
คนที่ทุ่มเทขี่ช้างจับตั๊กแตน
หยอดสิบ เทให้สี่สิบ
ขอสิงค์โปร์ หามาให้ทั้ง ASEAN
ให้ทำสไลค์ 15 แผ่น แอบเตรียม Back up มา 50
.
.
.
ไม่ใช่เขาบ้านะ...
แต่เพราะเขา "เคารพตัวเอง"
เขารู้ว่ามีศักดิ์ศรี...ที่อยู่เหนือผลงานนั้น
การขี่ช้างของเขา จึงไม่ใช่แค่จับตั๊กแตน
แต่มันคือการได้ขี่ช้าง
เขาจึงทำอย่างทุ่มเทตั้งใจ
.
.
.
ความตั้งใจนี้
มันจะเปล่งเป็นออร่าเคลือบอยู่ในงาน
ออร่านี้แหละ
ทำให้งานจาก “คนพิเศษ"
ต่างจากงานจาก “คนทั่วไป"
.
.
และออร่าแบบนี้ใครๆ ก็รับรู้ได้
และประทับใจเมื่อได้เห็น
(แบบเดียวกับพวกคลิปงานฝีมือเทพๆ นั่นแหละ)
.
.
และความประทับใจนี้แหละ
ที่ยอมควักเงินยัดให้
และอยากจะอวดให้เพื่อนๆ ฟังว่า
กูเจอ “ของดี” เว้ย สุดยอดดดด
.
.
.
และจากจุดนี้ คุณจึงเป็น “คนพิเศษ”
.
.
.
ผมลืมเล่าปัจจุบันของทั้งสองตัวอย่าง
คนแรก Graphic Designer
ตอนนี้เป็น Art Director อยู่ Agency ยักษ์ข้ามชาติ
ไม่รับงานเองแล้ว
.
ญี่ปุ่นสองคน
ตอนนี้มีบริษัทที่ปรึกษาเป็นของตัวเอง
(ก่อนนั้นเป็นลูกจ้าง)
วิ่งรอกทั้ง JP, TH, CN, SG, HK
เพราะใช้ Reference จากงานที่ทำให้เรา
.
.
ผลลัพธ์ของคนที่ดูเหมือนโง่ๆ ตอนส่งงาน
ที่ชอบขี่ข้างจับตั๊กแตน
สักวันหนึ่ง...สิ่งที่ทุ่มเทไป
จะไม่ทำให้ได้แค่ตั๊กแตนกลับบ้านแน่นอน

986 Nameless Fanboi Posted ID:oR+W83Wfv

แปลกเหรอ ถ้าบอกว่าใช้ Developer ออกแบบ UX?
จริงๆ อยากจะบอกว่าโดยประสบการณ์ที่ผ่านมา Developer มีแนวโน้มจะเป็น UX Designer ที่ดีมาก ดีกว่า Graphics Designer ที่มีพื้นเพมาจากทางด้านสื่อสิ่งพิมพ์ด้วยซ้ำ
เพราะ UX มันคือ "การใช้งาน" ไม่ใช่ "ความสวยงาม"
Developer มักจะต้องทดสอบโปรแกรมตัวเองบ่อยๆ อาจจะต้องทดลองใช้งานประจำ เขียนอะไรเสร็จบางอย่างก็ต้องทดลองใช้งาน นั่นคือชีวิตอยู่กับการใช้งาน แล้วก็อยู่กับงานจริง อะไรที่ทำได้ ทำยาก ทำแล้วมีปัญหาเชิงเทคนิคที่นำมาซึ่งปัญหาการใช้งานแน่ๆ พวกนี้ก็จะรู้ดี
และพวกนี้มักจะต้องคุยต้องแก้ปัญหาในการใช้งานจริง ให้กับผู้ใช้ และ/หรือลูกค้าตลอดเวลา
ดังนั้น พื้นฐานการ "ทดสอบตลอดเวลา" และ "การแก้ปัญหาการใช้งานจริง" นั้นมีพอสมควรอยู่แล้ว
แต่ Developer ไม่ได้สามารถออกแบบ UX เป็นได้โดย "อัตโนมัติ"
การ "ฝึก" Developer ให้สามารถทดสอบและออกแบบ UX ได้ ถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ในการทำงานพัฒนาซอฟต์แวร์สมัยใหม่
ส่วนเรื่องการทำสวย ยังไงๆ ก็ต้องพึ่งนักออกแบบกราฟิกส์มืออาชีพ เพราะจะฝึกโปรแกรมเมอร์ให้ทำแบบนั้นได้ ก็ยากไปนิด และไกลตัวโปรแกรมเมอร์ไป พึ่งพามืออาชีพที่เป็น Graphics Designer เลยดีกว่า

987 Nameless Fanboi Posted ID:oR+W83Wfv

ถ้าคิดว่าแฟร์จริง จะทำเอกสารลับทำเบื๊อกอะไร โปร่งใสประกาศออกสื่อไปเลยสิ..?
คนที่แยกไม่ออกว่าคอรัปชั่นคืออะไร จะปราบคอรัปชั่นได้ยังไงครับ..? ‪#‎กาก‬

988 Nameless Fanboi Posted ID:YPyxSBr0b

เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลมีการเปิดเผยงบใช้จ่ายเงินแผ่นดิน แต่งบลับเราไม่เปิดเผยนะครัช ชะละล่า

989 Nameless Fanboi Posted ID:oR+W83Wfv

เมื่อวานเขียนเรื่องการให้ Developer ออกแบบ UX ไป วันนี้เลยขอเขียนเพิ่มนิดหน่อย เดี๋ยวคนจะเข้าใจอะไรผิด smile emoticon

เนื้อหาเมื่อวาน มันเกิดจากการที่เห็นหลายคนทำหน้าช็อค เมื่อเราบอกว่า "ในทีมเราใช้ Developer ในการออกแบบ UX" เพราะเราใช้ Developer ในการคุยกับฝั่ง User และ Business ตรงๆ (และผมรู้สึกว่า พอพยายามอธิบาย ก็ทำหน้าเหมือนไม่อยากฟัง)

การสร้าง Application ที่ดี จริงๆ แล้วมันต้องเลิกมองแยกฝักแยกฝ่ายว่าใครทำอะไร แต่ให้มองว่ามันต้องมี Product ที่ "Design & Develop มาดีที่สุดเพื่อตอบโจทย์ของผู้ใช้งาน และ/หรือ โจทย์ทางธุรกิจ"

ดังนั้น จริงๆ แล้วมันเป็นไปไม่ได้ ที่มันจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ทำทั้งหมดโดยไม่เข้าใจอะไรอย่างอื่นเลย

Developer ที่ไม่เข้าใจ Design และ Business เลย จะทำงานพัง
Designer ที่ไม่เข้าใจ Developer และ Business เลย จะทำงานพัง
Business ที่ไม่เข้าใจ Developer และ Design เลย จะทำงานพัง

มันเหมือนเก้าอี้สามขาครับ .... มันจะตั้งอยู่ได้ต้องอาศัยทั้งสามขา ที่ยาวเท่าๆ กัน

นั่นแหละ ผมถึงบอกว่า "ในด้านของ UX ... ควรฝึกให้ Developer เข้าใจ UX Design" ด้วยพื้นฐานของเขาแล้ว เขาจะเรียนรู้และเข้าใจได้ไม่ยาก

สิ่งที่ยากกว่า (แต่ทำได้) ก็คือ "ในด้านของ Business .... ควรฝึกให้ Developer เข้าใจ Business" นั่นแหละ ..... เพราะพื้นฐานการทำงานไม่ค่อยอำนวยเอาซะเลย

งานทุกงานของผม รูปแบบการใช้งาน เกิดจากการที่ "ทุกคนในทีมคิดด้วยกัน" นั่นคือ Business จะมี Input ให้กับทางทั้ง Dev/Design, Dev จะมี Input ให้ทั้ง Design/Biz, Design จะมี Input ให้ทั้ง Dev/Biz

"เราไม่แยกฝ่ายแบบแยกกันคิด แต่เราแยกฝ่ายเพื่อเป็นเสาหลักในการ lead ความคิดแต่ละเรื่อง"

Team ไม่เคยเริ่มต้นจากการแยกกันเล่นครับ Team เริ่มต้นด้วยส่งบอลให้กัน เล่นประสานกัน วิ่งหาตำแหน่งที่ว่างเพื่อให้อีกคนที่กำลังมีบอลอยู่เล่นได้ง่ายขึ้น ... เพื่อส่งบอลเข้าประตูอีกฝั่ง

ป.ล. นึกถึง บ.หนึ่งที่ผมไปทำ Consult ให้ตอนนี้ หลังจาก Initial team evaluation ผมเดินไปบอกเจ้าของบริษัท

"คุณมี ~20 คน คุณมี 3 ฝ่าย ... แต่คุณไม่มี 1 ทีม"

[Ref: โพสท์เมื่อวาน]

990 Nameless Fanboi Posted ID:4O/wiTr9D

“ก่อนหน้านี้เรื่องราวของปัญหาการใช้แรงงานทาสในอุตสาหกรรมประมงไทยโด่งดังมาก แต่เพิ่งจะได้อ่านข่าวนี้ของเอพีที่ได้รางวัลพูลิตเซอร์ เขาใช้เวลาเป็นปีตามเรื่อง ผลของการนำเสนอข่าวทำให้มีแรงงานพม่าได้กลับบ้านร่วมสองพันคน และเปิดโปงปัญหาอันน่าเกลียดของการใช้แรงงานทาสในประมงไทยสู่สายตาชาวโลก

ในวิดีโอและงานเขียน มีเรื่องราวของมินนาย จากบ้านไปตั้งแต่วัยสิบแปด คิดว่าจะได้งานทำ เขากลับลงเอยถูกขายให้เรือประมงไทย เขากับแรงงานพม่าอีกจำนวนมากถูกบังคับให้ทำงานหนักแบบไม่ได้หยุด อาหารน้อย ไม่มีค่าแรง และถ้าทำงานช้าหรือหยุดจะถูกเฆี่ยนตีอย่างทารุณ คนพยายามหนีโดนฆ่า คนไทยที่คุมพม่าทำงานบอกพวกเขาว่า 'พวกมึงพม่าจะไม่ได้กลับบ้านอีก แม้ว่ามึงตายมึงก็จะไม่ได้กลับ' (เดาเอาว่าเขาคงไม่ได้พูดว่าคุณ)

มินพยายามหนี เขาถูกตีจนหัวแตก หนสุดท้ายที่เขากระโดดกอดขากัปตันเรือไทยขอกลับบ้าน เขาถูกจับล่ามโซ่ทิ้งกลางแดดกลางฝน ไม่ได้กินข้าวกินน้ำสามวัน จนกระทั่งหาวิธีไขกุญแจแล้วโดดหนีว่ายน้ำขึ้นฝั่ง หลบหนีอยู่ในป่าในอินโดหลายปี ความฝันที่จะได้กลับบ้านเริ่มเลือนลาง กระทั่งเมื่อมีการรายงานข่าวเปิดโปงเรื่องนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียจึงรวบรวมคนพม่าส่งกลับบ้าน มินจึงได้กลับไปพบครอบครัวและเห็นหน้าแม่อีกครั้งหลังจากหายไป 22 ปี แม่ของมินถึงกับเป็นลมด้วยความดีใจ มันเป็นข่าวที่ยาวมาก แต่รายงานได้ดีมากด้วย แม้แต่ตอนท้ายที่มินกลายเป็นคนแปลกหน้าในบ้านตัวเอง สมแล้วที่ได้พูลิตเซอร์ และเป็นข่าวที่มีอิมแพคมาก

ชอบการเล่าเรื่องของเขาด้วย”

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

“Congratulations! to Esther Htusan นักข่าวหญิงชาวคะฉิ่นเป็นหนึ่งในทีมนักข่าวเอพี 4 คนที่ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ประจำปี 2016 สำหรับการรายงานข่าวด้านบริการสาธารณะ (Public Service Journalism)

เธอเป็นนักข่าวจากพม่าคนแรกที่ได้รับรางวังพูลิตเซอร์

รายงานข่าวที่ได้รับรางวัลเป็นข่าวสืบสวนสอบสวนที่เกี่ยวกับแรงงานจากพม่าซึ่งถูกใช้เป็นแรงงานทาสในอุตสาหกรรมประมงแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ รายงานข่าวดังกล่าวนำไปสู่การช่วยเหลือแรงงานประมงที่ถูกบังคับใช้เป็นแรงงานทาสราว 2,000 คน และมีการนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังนำไปสู่การปฏิรูปการใช้แรงงานประมง”

‪#‎มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง‬

“ชิ้นนี้คนเขียนได้พูลิตเซอร์

ส่วน ภูเก็ตหวาน, อลัน มอริสัน, ชุติมา สีดาเสถียร, ฐปณีย์ เอียดศรีไชย พวกนี้ถ้าไม่โดนรัฐฟ้องคดีหมิ่นประมาทหรือพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก็โดนชาวไทยก่นด่านะครับ ข้อหา "ไม่รักชาติ””

‪#‎มิตรสหายอีกท่านอีกท่านหนึ่ง‬

991 Nameless Fanboi Posted ID:yP3C0e.4h

ไปนั่งรถไฟที่ญี่ปุ่นมา แล้วนึกอะไรได้
รถไฟความเร็วสูงค่าตั๋วแพงเหี้ยๆ ทำไมไทยเราเงี่ยนอยากได้แพงๆจังวะ คิดว่ามันจะราคาเท่า bts เหรอวะ
ระบบรางในญี่ปุ่นมีแยกกระจายเป็นหลายสายแต่เป็นระบบ และตรงต่อเวลา อันนี้กูอยากให้ไทยเลียนแบบนะ แต่แค่ตรงต่อเวลานี้ก็ยากล่ะมึง อย่างน้อยมีรางรถไฟแยกเป็นคู่สวนกันได้ก็ยังดี
แต่สงสัยได้ไล่ที่ไล่บ้านคนกันมโหฬารวะ ยิ่งดูของญี่ปุ่นบ้านแม่งเบียดกันขนาดนั้นอีก(เห็นว่าของญี่ปุ่นนี้มีภาษีที่ดินแพงจนคนแม่งอยู่แทบไม่ได้แทน)

ค่าโดยสารใช้เส้นทางปกติค่อนข้างถูกสำหรับค่าครองชีพที่นั่น(แต่ยังคงแพงเมื่อดูค่าเงินไทย)
คิดว่าปัจจัยรถไฟถูกของญี่ปุ่นมีหลายกรณีที่ทำให้กดราคาให้คุ้มได้ เช่น
- เป็นเอกชนที่มีหลายบริษัททำให้มีการแข่งขันด้านราคา ไม่ใช่การผูกขาดราคาแบบในไทย
- สัดส่วนผู้โดยสารหลักล้าน เอาแค่โตเกียวก็มีประชากรมากกว่ากรุงเทพ 3-5 เท่าได้(เดาๆจากประชากรแฝงและนักท่องเที่ยว) ทำให้มีเงินหมุนเวียนต่อเที่ยวต่อวันที่สูงมาก
- มีช่องการหารายได้เสริมมากมาย จากการทำพื้นที่ให้ร้านค้าเช่า/ตู้น้ำ บางสถานีเชื่อมต่อกับห้างสรรพสินค้า การโคกันกับบริษัทรถไฟสายอื่นๆหรือเมืองที่สังกัดส่งเสริมการท่องเที่ยว การให้เช่าพื้นที่โฆษณาต่างๆ

มามองไทยที่คนไทยอยากได้แต่ของถูกๆให้เท่ารถเมล์ แค่นี้กูก็รู้สึกว่าทำยากชิบหายจริงๆ

992 Nameless Fanboi Posted ID:pjV4OzZ1i

>>991 ต้องแยกกันระหว่างรถไฟความเร็วสูงกับรถไฟธรรมดา อย่าเอามาปนกันแล้วด่ารวมๆมั่วๆ
- ความเร็วสูงแพง ใช่ แต่มันใช้เดินทางข้ามจังหวัด และมันเร็วกว่ารถทัวร์และสะดวกกว่าสายการบินโลวคอสต์ไง มันมีโพสิชั่นของมันอยู่แล้ว คนจะใช้เค้าก็รู้กันอยู่แล้ว
- เรื่องระบบรางไม่เกี่ยวอะไรกับความเร็วสูงเลย ไม่ต้องไล่ที่ด้วย ที่รถไฟแม่งเยอะเหี้ยๆแล้ว ถ้าจะขยายเมื่อไรก็ทำได้ ประเด็นคือสหภาพรถไฟมันเป็นมาเฟีย และทำงานได้เหี้ยสัดๆ เรื่องตรงต่อเวลาก็ลืมได้เลย
- แข่งขันราคาทำไม่ได้ตราบใดที่ยังมีสหภาพ
- ผู้โดยสารมันเพิ่มได้อยู่แล้วถ้ามีระบบรองรับ bts mrt ก็เต็มตลอด รถไฟธรรมดาคนก็ใช้ไม่น้อย แค่พัฒนาให้ดีคนก็พร้อมจะย้ายไปใช้
- โมเดลรายได้เสริมแบบที่ว่าของไทยก็มีไม่ใช่เรอะ นี่เคยขึ้น bts mrt บ้างมั้ยเนี่ย แต่เรื่องเมืองท่องเที่ยวก็ไม่มีล่ะ เหตุผลเดิมคือความกากของสหภาพ
- เท่ารถเมล์อะไรยังไง ทุกวันนี้ก็เห็นนั่ง bts mrt ที่ราคาแพงกว่ารถเมล์เพื่อซื้อเวลาได้เป็นเรื่องปกติ อย่ามั่ว

993 Nameless Fanboi Posted ID:yP3C0e.4h

>>992
- ประเด็นคือคนมันอยากได้ค่าโดยสารถูกๆด้วยนะ
- กูหมายถึงมันมีพวกบ้านบุกรุกที่แทบจะติดรางรถไฟวะ
- สหภาพแม่งแก้ยากคนนอกก็เข้ายาก เข้าไปได้ก็อยู่ไม่ทนอีก ส่วนหนึ่งคือมันเคยมีคนจะไปหักดิบทันทีเลยแก้แม่งยากกว่าเดิมแทนที่จะค่อยๆแก้
- อันนี้กูสนใจว่าถ้าพวก BTS/MRT มันจะขยายไปครอบคลุมจังหวัดรอบๆกรุงเทพเลยวะพวก นครปฐม สมุทรสาคร ชลบุรี อยุธยา นครนายก ฯลฯ ตอนนี้มันยังกระจุกตัวอยู่

- กูเห็นคนด่า BTS/MRT แพงอยู่ตลอดเวลานะ วันนี้ก็กระทู้นี้ >>> http://pantip.com/topic/35062531

994 Nameless Fanboi Posted ID:ayimyKoku

ระบบทาสมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่หนังตะวันตก 12 years of slave บอกเราก็ได้นะ คือเรามองด้วยสายตาของคนนอกอาจจะดูว่ามันกดขี่ไม่มีเสรีภาพ แต่คนที่เป็นทาสเค้าโตมาด้วยความคิดแบบนั้นไง เค้าก็มีความสุขในแบบของเค้า ถ้านายทาสเลี้ยงเค้าดีๆ เค้าก็มีชีวิตอยู่ได้แบบมีความสุขในแบบของเค้า เราต้องเคารพตรงนี้ด้วย ความสุขของคนเราไม่เหมือนกันหรอก อย่าเอามาตรฐานของเราไปตัดสินชีวิตใครเลย

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

995 Nameless Fanboi Posted ID:J6/83qGrA

>>991 มึงลืมไปรึเปล่าว่าใครบริหารรถไฟ ถ้าให้เอกชนทำ อาจจะฟาดกำไรพุงปลิ้นไปแล้วก็ได้ ไม่เชื่อมึงดู BTS เทียบกับ MRT สถานี BTS แม่งโฆษณาจัดเต็ม แบ่งล๊อกให้เช่าขายของหลายสิบช่อง ของ MRT แม่งเอาเหลือที่ในสถานีโล่งๆให้ผีบรรพบุรุษมันอยู่รึไงก็ไม่รู้

996 Nameless Fanboi Posted ID:J8nSUXTdC

>>994 ดูจากข่าวคนแก่ญี่ปุ่น(รวมถึงที่อื่นๆ) อยากไปอยู่ในคุกนี้ก็สะท้อนนิดๆล่ะนะว่าอย่างน้อยเป็นทาสก็ยังมีที่ให้อยู่ แน่ยอนกูไม่อยากเป็นแบบนั้นวะ

>>995 กูว่าเพราะคนไทยชอบอะไรสูงๆมากกว่าไปอยู่ข้างใต้หรือปล่าว?

997 Nameless Fanboi Posted ID:D5v.nWeoQ

>>996 ไม่เกี่ยวหรอก รถใต้ดินคนขึ้นเยอะชิบหาย ช่วงเร่งด่วนเช้าเย็นมึงไปดูสถานีสุขุมวิทได้เลย บางทีต้องปิดไม่ให้ลงไปที่ชานชลาเพราะไม่มีที่ยืนด้วยซ้ำไป แต่ MRT เจอปัญหาเดียวกันคือจะทำอะไรทีก็ต้องขอราชการก่อน ขอปีนี้กว่าจะอนุมัติก็ชาติหน้าเข้าไปแล้ว ขนาดเป็นรัฐวิสาหกิจก็ขาดทุนเป็นอันดับ 3 แล้ว ถ้าให้รฟท.บริหารรับรองว่าเหี้ยกว่านี้แน่

998 Nameless Fanboi Posted ID:n.B47yRBj

>>993
- พวกเรื่องมากอยากได้ทั้งเร็วทั้งถูกทั้งดีก็ช่างมันเถอะว่ะ โครงสร้างทางการเงินเราไม่เหมือนประเทศพัฒนาแล้ว กว่าจะทำราคาลงมาได้ต้องใช้เวลา อย่างบินโลว์คอสกว่าจะมาบูมก็ไม่กี่ปีนี่เอง ถ้าระบบมันใหญ่พอและมีผู้เล่นเยอะราคาจะลงมาเอง ....ซึ่งก็มีสหภาพคอยขวางคลองอยู่
- พวกบ้านบุกรุกมันต้องโดนอยู่แล้ว ถ้าเยอะนักก็ม.44แม่ง
- bts mrt ขยายออกนอกเมืองนี่ยากว่ะ ไปรถยนต์แบบทุกวันนี้มันก็ไม่ช้าเร็วต่างกันมาก คนจะไม่ค่อยใช้ ไม่เหมือนในเมืองที่คนใช้เพราะได้เปรียบเรื่องเวลา ยังไงระบบรถรางข้ามจังหวัดก็ต้องรถไฟธรรมดาไปก่อน

999 Nameless Fanboi Posted ID:IbD+4fUIU

ประกันควรทำเพื่อเน้นค.คุ้มครอง
หรือลดภาษีเท่านั้น
แต่ไม่ใช่การออมเผื่อฉุกเฉิน
เนื่องจากสภาพคล่องต่ำมาก
จะได้ก้อนใหญ่ก็ต่อเมื่อเด๊ดสะมอเร่
หรืออาการหนักจริง
ถ้าถอนก่อนกำหนด
มูลค่าเงินที่ได้รับอาจลดลงอย่างหนัก
แถมเงื่อนไขการเคลมก็จุกจิก
จ่ายง่ายเคลมยาก
เราสามารถทำประกันให้ตัวเอง
โดยไม่ต้องง้อบ.ประกันครับ
เพียงแค่...

1000 Nameless Fanboi Posted ID:KthS2aykx

กูพึ่งมา แต่กูปิดโพสต์ อิอิ

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.