" นึกถึงบ้านนั้นอีกละ ที่ผมชอบเล่าให้ฟังว่า ทั้งๆ ที่มีโครงการเรียนฟรี แต่แกก็ไม่ได้ให้ลูกไปเรียนได้ทุกคน เพราะเงินไม่พอ ไอ้คนเล็กก็เลยไม่ได้เรียน
ฟังดูโคตรงง หือ เรียนฟรี แต่ไม่มีเงินเลยไม่ได้ให้ลูกไปเรียน
นี่จัดน้ำเสียงเสียหน่อย กลายเป็นเรื่องตลกตึ่งโป๊ะได้เลย
สำหรับบ้านยากจน ไอ้ค่าใช้จ่ายที่หนักหนาจริงๆ ของการเรียนในโรงเรียนนี่ นอกจากค่าเทอมแล้ว พวกค่าอุปกรณ์ต่างๆ ค่าเครื่องแบบ รวมทั้งค่าขนมลูกในแต่ละวัน มันก็ไม่ใช่เรื่องเบาๆ
เรียกว่าพอจนแล้ว...มันก็หนักแม่งในทุกมิตินั่นแหละ
ทีนี้ ไอ้เรียนฟรีเนี่ย มันก็มีค่าอุปกรณ์ค่าเครื่องแบบให้ด้วย แต่เขาเหมาจ่าย โดยจำนวนเงินที่ได้ก็หลดหลั่นกันไป ตามแต่ว่าอยู่ในการศึกษาระดับใด ซึ่งในตอนที่ถามเมื่อสามสี่ปีก่อนนั้น มันไม่พอน่ะครับ ถ้าจำไม่ผิด งบเครื่องแบบนี่สูงสุดปีนึงไม่ถึงพันนะ เพดานที่ 900 มั้ง ปวช. ส่วนพวกมัธยมประถมนี่ 300-500 ราคานี้นี่มันคงได้สักสองชุด แต่ทีนี้ ชุดพละล่ะ ชุดลูกเสือล่ะ แต่ต่อให้ไม่มีชุดพละกับชุดลูกเสือ ไอ้สองชุดนี่อาทิตย์นึงพอใส่ไหม มันก็มีแต่ต้องใส่ซ้ำหรือซักทุกวันนั่นแหละ แล้วบางทีมันไม่ใช่ให้เงินมาก่อน มันคือไปซื้อแล้วเอามาเบิก ถ้าตอนต้องไปซื้อไม่มีเงินเลยนี่ทำไง หนี้นอกระบบสักหน่อยไหม ดอกร้อยละยี่สิบขยี้กันไป ซวยน้อยเจอดอกรายเดือน ซวยมากเจอดอกรายวัน มันส์พะย่ะค่ะ
นี่ยังไม่ต้องนับไอ้พวกค่าขนม ค่าเดินทาง
คือ เวลาพูดถึงนโยบายเรียนฟรี มันไม่ได้ เอ้อ จบละ สบาย ต่อไปนี้ทุกคนเข้าถึงการศึกษาชิวๆ แม่งไม่ใช่อะครับ ไม่ได้สวยขนาดนั้น บางด้านกลายเป็นตลกร้ายอย่างเรื่องของบ้านที่ผมเล่านั่นด้วยซ้ำ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง