"ศึกระหว่าง คสช. ทะเลาะกับ สสส. น่าดูเหมือนกัน
เอาจริงๆ ไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังเขาไม่ชอบอะไรกัน เห็นคนออกมาโวยวายว่าเป็นการทำลายภาคประชาสังคม แต่ส่วนตัวคิดว่า สสส. หมดความเป็น "ภาคประชาสังคม" ไปนานแล้ว โอเคว่าสสส.ทำงานทางสังคมอย่างคล่องตัวกว่าหน่วยราชการ แต่ระบบการบริหารใช้เส้นสายและคิดแบบ Topdown ด้วยแนวคิดสายหมอๆ บริหารด้วยเงินรัฐ เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติทำตัวเป็นเครื่องจักรทำงานตามกรอบ คนนอกและคนรับทุนตั้งคำถามไม่ได้ ยกประเด็นขึ้นโต้แย้งกับกรอบคิดของคนให้ทุนไม่ได้ ขณะที่ฝ่ายนโยบายสสส.ก็ย่ำอยู่กับแนวคิดงดเหล้า-สอนคุณธรรม หลายปีที่ผ่านมาสสส.ล้มเหลวในการพัฒนาตัวเพื่อเอางบภาษีเหล้าไปทำงานที่สร้างผลกระทบใหม่ๆ ให้มากขึ้น
แน่นอนว่าการใช้มาตรา 44 ปลดบอร์ดนั้นเป็นวิธีการที่ทุเรศจริงๆ แน่นอนว่าเป็นการทำลายโอกาสและช่องทางที่ภาคประชาสังคมกลุ่มหนึ่งเคยมองว่าเป็นความหวัง แน่นอนว่าสสส.ในอนาคตคงเปลี่ยนไปและอาจห่วยหนักกว่าเดิม การเดินหมากครั้งนี้ไม่รู้คสช.ทำเพื่ออะไร แต่ที่แน่ๆ คสช.กำลังสร้างศัตรูทางการเมืองเพิ่มและกำลังทำลายตัวเอง
ถ้าคนทำงานเครือข่ายสสส. ต้องการจะตอบโต้ ด้วยฐานะที่ยังมองตัวเป็นเป็นภาคประชาสังคมที่ต่อสู้เพื่ออุดมคติ สิ่งที่คนในเครือข่ายสสส. ควรพูดให้หนัก ไม่ใช่แค่เรื่องการปกป้องความเป็นสสส.แบบเดิมที่ตัวเองหวงแหน แต่ควรหันมาสนใจและตอบโต้ไปที่ประเด็นการใช้มาตรา 44 แบบเบ็ดเสร็จและครอบจักรวาล ควรตั้งคำถามถึงการใช้อำนาจโยกย้ายฟ้าผ่าของคสช.หลายร้อยตำแหน่งก่อนหน้านี้ด้วย http://ilaw.or.th/node/3132 และควรตั้งคำถามถึงการอยู่อาศัยร่วมกันภายใต้สังคมที่รัฐบาลนึกจะทำอะไรเมื่อไรก็ได้ ซึ่งจะเป็นการตั้งคำถามที่ใหญ่ขึ้นและเผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นๆ ด้วย
สิบกว่าปีมาสสส.วางเครือข่ายผู้คนของตัวเองไว้เข้มแข็งในระดับ "เจ้าพ่อ" ที่ใหญ่ที่สุดตัวหนึ่งในสังคมไทยเลยก็ว่าได้ สสส.และคสช.ต่างก็มีจุดคล้ายกันตรงที่เข้าควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จแบบไม่ถามคนอื่น วางฐานอำนาจตัวเองคับประเทศในนามการทำความดีเพื่อชาติบ้านเมือง ถ้าคนในเครือข่ายสสส.จะอาศัยจังหวะนี้มองเห็นข้อเสียของการทำตัวแบบนี้ แล้วเริ่มต่อสู้เพื่อออกแบบกติกาการอยู่ร่วมกันที่สร้างสรรค์กว่าแค่การเอาคนของตัวเองเข้าไปนั่งแก้ปัญหา และต่อสู้เพื่ออุดมคติแบบอื่นๆ ในสังคมด้วย ศึกครั้งนี้ในระยะยาวคงมีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสีย"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง