Fanboi Channel

โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง

Last posted

Total of 1000 posts

1 Nameless Fanboi Posted ID:5bFGftO/M

มา Quote Status ที่มี "สาระ" ของชาวบ้านกัน ขอสาระล้วน ๆ ไม่เอาบันเทิง

3 บริษ้ท ห้างสรรพสินค้าไทย (งานบริหาร)
1 บริษัทอีคอมเมิร์ซจากวอชิงตัน (งานเดิม),
1 บริษัทจากจีนที่เพิ่งเข้าตลาดหุ้น (งานใหม่)
1 บริษัทจากอังกฤษ ที่ทำสายการบิน
1 บริษัทจากเยอรมัน ที่เปิดตลาดในไทยอยู่แล้ว (งานเดิม)
ใช้คำว่าถูกจีบก็ได้ เพราะในรอบเดือนนี้ บางรายเค้ามารอสัมภาษณ์ที่ออฟฟิศเลย บางรายก็ขอนัดคุยตอนทานมื้อค่ำ และส่วนมากจะได้เจอเลเวล รองประธาน กับ ประธาน พร้อมข้อเสนอเป็นตัวเลข กับ ผลประโยชน์อื่นๆ
สิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นได้มากสุดคือเวลา เค้าเห็นเรานำเสนอพวกตัวเลข ต่างๆเราลงที่มาที่ไปได้ และเราไปบอกข้อเสียข้อด้อยเค้าได้ ถูกหมดจากการเห็นแค่ P&L บางตัวของเค้า
ผมมองว่าคนจะเข้าใจธุรกิจ อีคอมเมิร์ซได้ดี ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี หรือ โปรดักส์ที่มาวางขายอีกต่อไป แต่การแพลนนิ่งกิจกรรมการตลาด, สินค้าที่จะนำมาขาย, การทำสต็อกและจัดซื้อ, การทำเครดิตเทอม, บริการหลังการขาย ต้องมองให้ขาดและวางแผนล่วงหน้าหลายๆเดือนได้ยิ่งดี และถ้ามีสกิลไฟแนนซ์ในการบริหาร Cash flow ด้วย คุณย่อมเป็นที่ต้องการของหลายๆองค์กรไม่ยาก
‪#‎ใครอยากผันตัวมาทำงานสายนี้‬ ตามลายแทงมาเลย (วางแผนศึกษา และพัฒนาตัวเองรัวๆ)

เรียน วิศวอุตสาหกรรม ต่อโลจิสติกส์ กับไฟแนนซ์ แล้วหัดหาเวลาเขียนโปรแกรมครับ

2 Nameless Fanboi Posted ID:5bFGftO/M

เหนื่อยงานแค่กาย แต่ทุกวันนี้มีความสุขดี แม้มีภาระบ้างส่งทั้งบ้าน คอนโด และที่ดิน แต่รายรับเยอะกว่ารายจ่ายถือว่าสบายตัวไป เงินเก็บ เงินออม กองทุน ประกันฯก็สมบูรณ์ (ไม่อยากทำเพิ่มกับใครแล้ว) ... มีเงินปันผลทุกๆไตรมาส ไว้ให้ได้เที่ยวต่างประเทศทุกๆ 3 เดือนแบบสบายๆ
... ใครๆก็ทำได้ แค่งดใช้จ่ายอะไรที่ไม่จำเป็นในช่วงแรกๆ (อายุ 15 - 30) กินแบบพออิ่ม ได้เงินมาก็เก็บลงทุนให้ได้ครึ่งนึง อยู่แบบธรรมดาไม่ต้องดีมากมาย เหล้า-เบียร์-บุหรี่-กลางคืน-งานเลี้ยง งดได้ก็งด ... ทนแค่ 15 ปีเท่านั้นแหละ พออายุ 31 ต้นๆ จะรู้เลยว่า การมีสินทรัพย์ที่มีมูลค่า 8 หลักในชื่อเราเองไม่ใช่เรื่องยาก ...เทคนิคนี้ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานการเงิน หรือพื้นฐานทางสังคมของครอบครัวมาสนับสนุนแต่อย่างใด "หัวใจคือ การอดทนกับการออม และอดทนกับสิ่งยั่วยวนให้ได้"

3 Nameless Fanboi Posted ID:NR2nKw5W7

"ระบบดอกเบี้ย" สิ่งที่ทำให้คนจนยิ่งจนและคนรวยยิ่งรวย
ในแง่ของคนมีหนี้ การมีหนี้ 5 ล้านกับหนี้ 1 ล้าน ก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว ก็ด้วยสิ่งนี้เอง ...
หนี้ 1 ล้าน ยังถือว่าไม่หนักหนานัก บริหารเงินดีๆ ตั้งใจทำงานหนักหน่อย 1-2 ปีก็น่าจะเบาลงเอง แต่ถ้าเริ่มไปถึง 5 ล้าน ในฐานเงินเดือนของพนักงานเงินเดือนทั่วไป เมื่อหักค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเงินต้น แค่ดอกเบี้ยก็น่าจะยังไม่พอจ่ายแล้ว
ทุกวินาทีที่หายใจผ่านไป มันคือเงินที่กำลังไหลไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ
ทำยังไงหละ ... ก็ต้องทำงานหนักขึ้นอีกหนักขึ้นอีก เพียงเพื่อจะหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยและพอจะลดเงินต้นได้บ้าง เรื่องเวลาพักผ่อนหรือเงินที่จะใช้ไปผ่อนคลาย ... อย่าหวัง
รู้ตัวอีกที ผ่านไป 5 ปี ... หนี้ยังอยู่ครบ แต่ความเครียดและความเหนื่อยล้าเพิ่มพูน ไม่เหมือนตอนยังเป็นหนุ่มสาวอีกต่อไป
ก็จะเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่า ถึงตายก็คงไม่อาจใช้หนี้หมด ต่อให้มีเงินเดือนเรือนแสน ก็ไม่อาจหมดหนี้ได้ เหมือนคนใช้ชีวิตไปวันๆ หาเช้ากินค่ำ ความท้อแท้และสิ้นหวังก็จะค่อยตามมา
คนที่เงินเดือนแค่ 10,000 บาท แต่มีข้าวกินทุกวัน ไม่มีหนี้ต้องจ่าย อยากพักเมื่อไหร่ก็ยังพักได้ ยังมีชีวิตที่ดีกว่าคนที่เงินเดือน 100,000 บาท แต่ต้องใช้เงินทั้งหมดไปกับการใช้หนี้
กำแพงที่กั้นกลางระหว่างคนรวยกับคนจนนี้เอง เกิดเป็นเรื่องเศร้ามากมาย เกิดเป็นความน่าเสียใจเรื่องโอกาส
ในขณะเดียวกัน ก็เกิดเป็นเรื่องที่ดีได้เช่นกันสำหรับผู้ที่ต้องการจะหลุดพ้น ความมุ่งมั่น ความพยายาม ประสบการณ์ บางทีก็ศัลยกรรม ... หลายครั้งก็ทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆขึ้นได้
เอาจริงๆผมเฉยๆมากนะกับการได้เห็นคนทำธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จ
หากมีเวลา หากมีเงินทุน หากมีโอกาส สำหรับผมแล้ว อะไรมันก็เป็นไปได้
สิ่งที่ผมสนใจคือ คนที่เป็นหนี้เยอะๆ เค้าสามารถกลับมามีชีวิตเป็นของตัวเอง หนี้เหลือศูนย์ได้อย่างไร
ผมว่าคนเหล่านั้น เรื่องราวเหล่านั้น สอนอะไรได้มากกว่าเยอะ
ร่ำรวยสำหรับคนจนอย่างเราไม่ใช่มีเงินร้อยล้านพันล้าน ... แค่ไม่มีหนี้ มีชีวิตเป็นของตัวเอง ... นั่นแหละ รวยแล้ว

4 Nameless Fanboi Posted ID:oxm2mdGC5

เราอยุ่ในยุคที่ ... คนไม่เคยทำธุรกิจสอนเขียนแผนธุรกิจ
คนไม่เคยมีแบรนด์เปนของตัวเองสอนสร้างแบรนด์สินค้า
คนทำงานประจำสอนการลาออกจากงานประจำ
.
... เยี่ยมไปเลย

5 Nameless Fanboi Posted ID:F.26Ne6qs

เป้าหมายใหม่ของปีที่ผ่านมาทำสำเร็จหมดแล้ว เช่น อุปการะเด็กจนเข้ามหาลัยฯ, มีบ้านหลังละสิบล้านให้ได้, ลงทุนให้ได้ปันผลหลักล้าน, เรื่องบริษัทที่วางแผนไว้ก็ไปได้เกินเป้า, แพลนแต่งงานก็เริ่มดำเนินการแล้ว ... ปีใหม่นี้ตั้งเป้าใหม่แทนของเดิมที่ตั้งไว้และทำได้หมดแล้ว คือ พาบริษัทที่ทำอยู่เงียบๆเข้าตลาด MAI ให้ได้ภายใน 1-2 ปีนี้, แต่งงานและมีทายาทแล้วก็เที่ยวให้ได้สักครึ่งนึงของประเทศในโลก (อยู่เมืองละสัปดาห์), เป็นเจ้าของปราสาทสักแห่งในยุโรป (ไม่รู้จะทำได้เมื่อไหร่ ตั้งเป้าไว้ก่อนล่ะกัน)

6 Nameless Fanboi Posted ID:to2J16r3p

"เพิ่งได้ดูสารคดี Ivory Tower เกี่ยวกับสถานการณ์อันวิกฤตของการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในอเมริกา แล้วก็สะท้อนใจนึกถึงเพื่อนอเมริกันที่เคยเรียนด้วยกัน เพราะปัญหาหลักก็คือ ค่าเทอมที่แพงมากๆ (ปีละ 30,000-60,000 เหรียญ หรือประมาณ 1-3 ล้านบาท) ทำให้นักศึกษาส่วนมากต้องกู้เงินเรียน และเมื่อจบออกมาปุ๊บ บริษัทก็ทวงหนี้ปั๊บ นักศึกษายังไม่ทันได้หางานหาการทำเลย ดังนั้นจึงเกิดการติดหนี้สะสมและการหนีหนี้ขึ้น และทำให้จำนวนหนี้ทวีคูณขึ้นไปสามเท่าห้าเท่า แฟนเก่าเราก็เป็นหนึ่งในกรณีนี้ เพราะกู้เงินมาเรียนแต่จบมาไม่มีงานการประจำทำรับจ็อบไปเรื่อย ทำให้มีหนี้ค้างชำระหลายปีมากๆ สุดท้ายบริษัทตามตัวเจอส่งใบแจ้งหนี้เพิ่มทบต้นทบดอกมา พอเห็นจำนวนเงินเราก็มองหน้ากันแล้วก็รู้กันว่าชาตินี้เขาไม่มีทางหลุดจากหนี้ student loan นี้ได้แน่นอน คนอเมริกันตกอยู่ในสถานการณ์นี้เยอะมาก หนี้มวลรวมของเงินกู้เพื่อการศึกษาในอเมริการวมแล้วเกิน 1 ล้านล้านบาท เข้าไปแล้ว (1 trillion dollar)

หนังได้แจกแจงสาเหตุของการที่ค่าเทอมพุ่งเป็นจรวดว่ามีหลายประการ ทั้งจากนโยบายรัฐที่เปลี่ยนไป จากที่สมัยหลังสงครามโลกรัฐให้เงินสนับสนุนมหาวิทยาลัยต่างๆค่อนข้างมาก และต้องการส่งเสริมให้ประชาชนมีการศึกษาฟรีหรือถูกที่สุด แต่เมื่อรัฐบาลอนุรักษ์นิยมรีพับลิกันขึ้นมามีอำนาจ โดยเฉพาะในสมัยรัฐบาลเรแกน ก็เปลี่ยนท่าทีและลดเงินสนับสนุนมหาวิทยาลัยต่างๆลงอย่างฮวบฮาบ ทำให้มหาวิทยาลัยต้องเร่งหาทุนเพิ่มเอง และทางออกหลักๆของมหาวิทยาลัยก็คือ ต้องเพิ่มโปรแกรมเรียนให้มากที่สุดเพื่อเพิ่มจำนวนนักศึกษา อีกทั้งต้องเพิ่มสิ่งดึงดูดใจต่างๆให้นักศึกษา เช่น สร้างอาคารเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ในแคมปัสอย่างอลังการ สร้างทีมกีฬาให้ใหญ๋โต ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงนี้ ไม่ได้เป็นการใช้เงินในการพัฒนาการศึกษาและการเรียนการสอนเลย

ทางออกของเด็กรุ่นนี้ต่อการศึกษาในระบบที่แพงระยับและอาจไม่ได้การันตีอาชีพการงานด้วยซ้ำ ก็มีไม่มากนัก และทั้งหมดเป็นเรื่องของการศึกษาทางเลือกที่ดูอุดมคติหรือดูเฉพาะกลุ่มมากๆ แต่ก็เป็นความพยายามที่น่าสนใจของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยขนาดย่อมที่อยู่ห่างไกลในป่าเขา รับนักศึกษาเพียงยี่สิบกว่าคน และให้นักศึกษามีการร่วมออกแบบโปรแกรมการเรียน และเน้นการถกประเด็นวิชาการต่างๆกันครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเป็นภาคปฏิบัติคือให้นักศึกษาสร้างชุมชนที่อยู่ได้ด้วยตนเองหรือออกไปทำกิจกรรมร่วมกับชุมชนอื่นๆ อีกทางเลือกหนึ่งคือ movement ที่เรียกกันว่า uncollege คือกลุ่มบุคคลที่รณรงค์ให้คนรุ่นใหม่ไม่ต้องให้ความสำคัญกับมหาวิทยาลัยและใบปริญญา และจัดการเรียนการสอนแบบเน้นการเรียนรู้จากการปฏิบัติและการทำงานจริง โดยมี mentor ผู้ประสบความสำเร็จมีองค์กรหรือบริษัทต่างๆ และไม่ได้จบมหาวิทยาลัยมาให้คำแนะนำ นอกจากนี้ก็ยังมีทางเลือกของการเรียนการสอนออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ แต่เรทของผู้ผ่านการวัดผลระดับมหาวิทยาลัยจากช่องทางนี้ค่อนข้างต่ำ

ในสารคดียังมีทางเลือกและรายละเอียดกรณีต่างๆอีกหลายแห่ง แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว คนที่สามารถ "เลือก" จะไม่อยู่ในระบบได้ก็เป็นคนส่วนน้อยมากๆ การแก้ปัญหาเชิงนโยบายของรัฐและของมหาวิทยาลัยเองจึงน่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอยู่ดี แต่การจะคาดหวังให้อเมริกาดำเนินตาม mission เดิมของบรรพบุรุษ เรื่องการให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม ก็คงจะอุดมคติเกินไปเช่นกัน สุดท้ายก็ไม่มีคำตอบ มีแต่คำถาม.."

มิตรสหายท่านหนึ่ง

7 Nameless Fanboi Posted ID:e1+ruKTM7

ทุกคนมีค่า จงไปอยู่ในที่ที่ผู้คนเห็นค่าของคุณ หากคุณรู้สึกไร้ค่า นั่นก็เพราะคุณอยู่ผิดที่ ‪#‎หนึ่งสิ่งที่เรียนรู้‬

8 Nameless Fanboi Posted ID:e1+ruKTM7

ปีใหม่แล้ว จะสปอยล์ตอนอวสาน The Hunger Games: Mockingjay Part 2 ให้อ่านนะจ้ะ แล้วจะรู้ว่าทำไมกูถึงบอกว่า ตอนอวสานไม่น่าตัดเป็น 2 ภาคเลย เพราะถ้ารวมเป็นภาคเดียว คงมีคนไทยอึึ้งกันหลายคน
อ่ะ ตอนอวสานมันเป็นอย่างงี้นะมึง
อย่างที่รู้กัน แคทนิสถูก นาง Coin ซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงของม็อบ ชักชวนให้มาเป็นหนึ่งในแกนนำม็อบ ปลุกระดมมวลมหาประชาชนให้โค่นล้มรัฐบาล กำจัดประธานาธิบดี Snow ซึ่งรัฐบาลของ Snow มันก็เหี้ยจริงๆ แต่สิ่งที่ Coin ปลุกม็อบชนชั้นล่างคือ การเหมารวมว่าชนชั้นกลางและชนชั้นสูงทุกคนคือคนชั่ว ทั้งๆที่ตัวนาง Coin และพวกพ้องของนางเองก็จัดอยู่ในหมวดชนชั้นกลางกับชนชั้นสูงแท้ๆ?
ทีนี้หลังจากแคทนิสพาม็อบมาเย้วๆกันอยู่เป็นเดือนๆ ท่อน้ำเลี้ยงก็เริ่มหมด ม็อบเริ่มฝ่อ ไม่คึกคักเหมือนช่วงแรกๆ นาง Coin ก็เลยต้องบิ้วม็อบ ปลุกม็อบ โดยการสั่งฆ่าม็อบตัวเองจ้า! ระเบิดตายโหงตายห่ากันเป็นเบือ แล้วป้ายความผิดว่ารัฐบาลสั่งฆ่าประชาชน
แคทนิสก็เลยแค้น เลยปลุกระดมครั้งใหญ่ “เอ้า! พี่น้องเขต13 เอาน้ำมันมาคนละลิตร รับรอง แคปริตอลเป็นทะเลเพลิงแน่นอน เย้” ทีนี้แม่งก็วอดวายชิบหายวายป่วง โค่นประธานาธิบดี Snow สำเร็จ แล้วนาง Coin ก็ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทนสมใจนาง
ปรากฏว่า นาง Coin ก็ยังปกครองในระบอบเผด็จการเหมือนเดิม! แคทนิส มารู้ทีหลังว่านาง Coin ก็ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนจริงๆ มีแต่พวกนาง Coin เท่านั้นที่ได้ผลประโยชน์ พวกชนชั้นล่างก็ยังคงเป็นชนชั้นล่างตามเดิม แล้วนาง Coin ก็จัดแข่ง Hunger Games โดยจับพวกชนชั้นกลางมาแข่งแทน
ต่อมา แคทนิสก็จับได้ว่าจริงๆแล้วนาง Coin เป็นคนสั่งฆ่าม็อบตัวเอง เพื่อปลุกระดมม็อบ ที่แท้นักการเมืองทุกคนเหี้ยหมด อ้างว่าทำเพื่อประชาชน แต่จริงๆทำเพื่อตัวเอง นางแคทนิสเลยฆ่านาง Coin ซะเลย ล้างบางทุกอย่าง ยึดการปกครอง แล้วแคทนิสก็คืนความสุขให้ประชาชนในตอนจบ

9 Nameless Fanboi Posted ID:c.1l8+nci

ผู้ที่รู้ประวัติศาสตร์ย่อมรู้ดีว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสังคมจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าปราศจากการยกฐานะสิทธิสตรี ความก้าวหน้าของสังคมสามารถวัดได้จากความเสมอภาคทางเพศ
มิตรสหายท่านึงงง

10 Nameless Fanboi Posted ID:OW7LhchIr

“แม้ว่าเราจะเชื่อว่าความสวยงามของตัวเรานั้นอยู่ข้างใน แต่คนในสังคมจำนวนมาก ก็มักติดสินเราที่รูปลักษณ์ภายนอกเสมอๆ และเมื่อเรารู้ว่าสังคมก็เป็นเช่นนี้ ถ้าเราไม่คิดจะดูแลตัวเราเองซะเลย มันก็เท่ากับเรากำลังปิดโอกาสตัวเราเองรึเปล่า? หมอไม่ได้หมายถึงต้องทำศัลยกรรมนะ บางคนก็สวยขึ้นได้โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม แค่ปรับเปลี่ยนตัวเองในเรื่องการแต่งกาย แต่งหน้า หรือแม้แต่บุคคลิภาพ ก็สวยได้ ความงามไม่ใช่เรื่องของการเอาแต่รักสวยรักงาม แต่หมายถึงการดูแลรูปลักษณ์ หมอว่ามันเป็นการให้เกียรติกับตัวเราเองนะ”

มิตรสหายท่านหนึ่ง

11 Nameless Fanboi Posted ID:uzWI1Nae1

>>8 มึงอธิบายได้อย่างสุ่มเสี่ยงมาก...กูดันเผลอคิดถึง----เลย

12 Nameless Fanboi Posted ID:SdBTcq8yr

"5 เหตุผลที่เมื่อผู้ใหญ่สูงวัยเล่นเน็ตโซเชียลมีเดียแล้วอันตรายกว่าเด็กและวัยรุ่น
1. ไม่มีประสบการณ์ถูกหลอกลวง
ผู้ใหญ่วัยเบบี้บูมเมอร์หรือฮิปปี้ในอดีต (60-70's) เติบโตมากับการรับสารทางเดียว และเป็นสารที่ถูกคัดกรองแล้วโดยรัฐหรือสำนักข่าว เมื่อมาพบกับข่าวสารที่ใครก็เขียนได้ในสมัยใหม่ จึงมีแนวโน้มที่จะเชื่อไว้ก่อนโดยไม่ทันพิจารณาข้อเท็จจริง เพียงแค่มีแหล่งหรือบุคคลอ้างอิง(ซึ่งอาจจะไม่จริง) ก็เชื่อได้โดยง่าย ชาวเน็ตที่เล่นมาตั้งแต่สัยรุ่นจะพบเรื่องหลอกลวงเดิมซ้ำๆ จนรู้ทัน แต่ผู้ใหญ่ที่เพิ่งเล่นใหม่ๆ ท่านจะไม่รู้มาก่อนและคิดเอาเป็นจริงจัง โดยเฉพาะฟอเวิร์ดเมล์สุขภาพต่างๆ
2. ขาดภูมิต้านทานการล้อเลียน
วัยผู้ใหญ่จนถึงวัยชรานั้นต้องทำงานทำการจริงจัง บางครั้งก็ตามไม่ทันมุขตลกล้อเลียนหรือมีม (meme) ของสังคมอินเตอร์เน็ตยุคใหม่ บางครั้งก็ตีความตรงๆ เท่าที่เห็น ทำให้เกิดความเครียด ความโกรธ หรือไม่พอใจได้
3. รู้ไม่ทันภาพตัดต่อ
ภาพตัดต่อในอดีตนั้นเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญทำในห้องมืดถ่ายภาพ ไม่แปลกที่ผู้สื่อสารที่สูงอายุเห็นภาพโฟโตช็อปหรือการแต่งภาพสมัยใหม่แล้วจะหลงเชื่อไปว่ามีสิ่งที่เกิดขึ้นตามภาพแต่งจริงๆ ตั้งแต่ภาพอภินิหาร ไปจนถึงภาพหนุ่มสาวแต่งแอ็พให้ดูดี
4. มีเครือข่ายแพร่ความเข้าใจผิดกว้างขวาง
เมื่อผู้ใหญ่หันมาเล่นเน็ตและโซเชียลมีเดีย ก็มักจะมาพร้อมกับสังคมเพื่อนโดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนเก่าสมัยยังเรียนหรือในที่ทำงาน พร้อมที่จะส่งข้อความ ข้อมูล ข่าว ผิดๆ ให้แพร่กระจายไปได้เร็วกว่าเด็กและวัยรุ่นที่มีกลุ่มคนรู้จักแคบกว่า
5. มีอำนาจเงินและตำแหน่งที่จะใช้ทำตามความหลอกลวงเข้าใจผิด
เพราะว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบมีคนนับถือ หรือมีกำลังทรัพย์มากแล้วที่สะสมมา เมื่อหลงเชื่อเข้าใจผิดสิ่งใด ก็พร้อมจะทุ่มเทใช้เงินทองหรืออำนาจสั่งการ ทำตามความคิดของตัวเองโดยดื้อรั้นไม่ฟังคนทักท้วงได้ง่าย และอาจสร้างความเสียหายได้มากกว่าเด็กหลายเท่านัก
บุตรหลานผู้ใดมีผู้ใหญ่ในบ้านหัดเล่นเน็ตเล่นโซเชียล จึงต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา ระมัดระวังการเล่นเน็ตของผู้ใหญ่ผู้อาวุโส เพื่อป้องกันอันตรายดังกล่าวไปด้วยกัน ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการต้องห่วงใยการใช้เน็ตของเด็กและวัยรุ่นเลย"

‪มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

13 Nameless Fanboi Posted ID:Xya.KhTsC

" มันไม่เกี่ยวกับสมัยนี้หรือสมัยไหนหรอกว่ะ ในโลกนี้ ไม่ว่าในยุคไหน มันก็มีคนแค่หยิบมือเดียวที่จะลุกขึ้นมาทำเหี้ยอะไรแบบสุดโต่งและเปลี่ยนโลกไปทั้งใบอยู่แล้วล่ะนะ ถ้าทุกคนแม่งบ้าระห่ำ ใฝ่รู้ ทะเยอทะยานแบบที่คุณต้องการกันหมด โลกคงได้ฉิบหายป่นปี้แน่ ๆ คุณไม่ต้องตกอกตกใจไปหรอกที่เด็กมันไม่ตั้งใจเรียน (บางทีคุณอาจจะสอนน่าเบื่อเหี้ย ๆ ก็ได้ แต่บางทีเด็กมันก็เหี้ยเอง) มันเป็นเรื่องธรรมดาเว้ย โลกมันไม่ล่มสลายลงที่ยุคพวกเรา ลูกพวกเรา หลานพวกเรา หรือเหลนพวกเราหรอก
ก่อนคุณจะเกิดมาอุแว้ ๆ โคตรเหง้าทวดคุณก็คงคิดเหมือนกันว่าโลกคงล่มสลายลงที่รุ่นพ่อคุณเป็นแน่แท้ เพราะคนรุ่นใหม่มันห่วยแตก แต่สุดท้ายโลกก็ยังคงหมุน คนก็ยังคงคิดสิ่งใหม่ ๆ เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ร้อยกี่พันปี มนุษย์ก็ไม่เคยทิ้งสันดานเดิมเลย เพราะงั้นคุณอย่ากังวลให้มากนัก เชื่อเรา This too shall pass..."

‪มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

14 Nameless Fanboi Posted ID:3RzIL0dBV

โลกนี้มันไม่มีความดีความเลวหรอกว่ะ หมีแดกกวาง ถามว่าหมีเลวรึเปล่า? ทุกอย่างคือธรรมชาติ คนอื่นที่มึงเห็นว่าเลว ในกลุ่มในเผ่าพันธุ์เขาอาจจะมองว่าดีก็ได้ เพราะงั้นมันก็คือธรรมชาติ 2 อย่างที่ขัดแย้งกัน

15 Nameless Fanboi Posted ID:IigT43ELA

"ผมมั่นใจมากๆว่าถ้าวันนึงข้างหน้าการค้าประเวณีเป็นสิ่งถูกกฎหมาย มีกะหรี่ในเซเว่นแน่นอนครับ"
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

16 Nameless Fanboi Posted ID:jIFgWrSPg

No one disturbs the master race. Not even Steam

#anonymousmasterrace

17 Nameless Fanboi Posted ID:VAq.pTBBd

"ถ้ามันเห็นแก่อนาคตการทำงานรุ่นน้องจริง คงจัดเวิร์กชอปเอ็กเซลแทนการว้ากแล้ว"
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

18 Nameless Fanboi Posted ID:pO0pZAGQW

"จั๊บ...จั๊บ...จั๊บ"
มิตรสหายท่านหนึ่ง

19 Nameless Fanboi Posted ID:.jusCyNIQ

นิยามสำคัญที่สุด ไม่ใช่แค่คณิตศาสตร์ แต่ทุกเรื่อง เพราะมันคือ "ข้อกำหนด/ข้อตกลง" ว่าอะไรคืออะไร สัมพันธ์กันแบบไหน มีลักษณะอย่างไร ข้อจำกัดคืออะไร ให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน ถ้าเข้าใจเรื่องพวกนี้ไม่ตรงกันก็คุยกันต่อไม่รู้เรื่อง ทุกอย่างที่สร้างขึ้นต่อจากนี้ก็หลวมและกลวงหมด
แต่ปัญหาคือ บ้านเราไม่ได้สนใจ ไม่ได้สอบ ไม่ได้วัดผล ที่ความแม่นและความละเอียดในนิยาม แต่เป็นความฉาบฉวยในการได้ผลลัพธ์ในการคำนวน แก้โจทย์ ที่ปลายเหตุ (เอาจริงๆ นะ ทุกวันนี้คนยังบอกว่า แก้สมการด้วยการ "ย้ายข้างไปลบ" อยู่เลย ทั้งๆ ที่จริงๆ มันคือการทำให้สองข้างเท่ากันเสมอ นั่นคือ "ลบทั้งสองข้าง" ที่บังเอิญให้ผลที่ปลายทางคล้ายกับเราย้ายมันไป แต่มันคือการข้ามขั้นไปแล้ว 1-2 ขั้น)
เด็กบ้านเราไม่ได้อยากเก่งคณิตศาสตร์ เด็กบ้านเราแค่อยากสอบเลขได้คะแนนดีๆ (เพราะเด็กไม่รู้หรอก ว่าเก่งคณิตศาสตร์หมายถึงอะไรกันแน่ เด็กรู้แค่ คะแนนสูง = เก่ง .... ต่อให้ "เด็กอยากเก่งคณิตศาสตร์" ก็ไม่พ้นกับดักนี้อยู่ดี -- น้อยคนมากที่จะหลุด) การสอนคณิตศาสตร์บ้านเราก็ไม่ได้อยากให้เด็กเก่งคณิตศาสตร์ แต่อยากให้เด็กคำนวนเก่งๆ แก้โจทย์เก่งๆ .... มากกว่าการสื่อสารด้วยนิยาม การบรรยายด้วยนิยามที่หนักแน่นและพิสูจน์ได้ การสื่อสารจินตนาการออกมาเป็นรูปร่างที่เชื่อมโยงด้วยตรรกต่างๆ ฯลฯ
เวลาผมบอกว่า "คณิตศาสตร์ไม่ใช่วิชาคำนวน" นี่เอาจริงๆ แทบไม่มีใครเชื่อผมล่ะ เพราะทุกคนสนใจแค่ "ข้ามฉาก ชิดฉาก ข้ามชิด" (จนอยากจะบอกว่า ข้ามไอ้พวก shitๆ พวกนี้ไปก็ได้นะ) มากกว่าความสัมพันธ์พื้นฐานระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ที่บรรยายได้เป็นรูปเป็นร่าง
เวลาเด็กนักศึกษานำเสนองาน ที่เป็นสมการคณิตศาสตร์ หรือฟังก์ชั่นต่างๆ ทุกคนจะบอกแค่ว่า "ใช้สูตรนี้" หรือ "มีสูตรนี้" (ซึ่งผมเกลียดคำว่า "สูตร" ที่สุด -- แต่อันนี้ส่วนตัว) พอถามว่าแล้วสมการหรือคณิตศาสตร์ตัวนี้ มันบอกอะไรเราบ้าง มันเหมาอะไรบ้าง มันเหมาะสมหรือไม่ในการใช้งานแบบนี้ ฯลฯ ทุกคนจะทำหน้างง ว่าอาจารย์พูดบ้าอะไร มันก็แค่สูตร ก็ป้อนๆ ตัวเลขเข้าไปคำนวนก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ แทบจะทั้งนั้น
ไม่ใช่แค่เด็ก ป.ตรี นะ เคยมี น.ศ. ป.โท (หรือเอกหว่า จำไม่ได้) ทางด้านคณิตศาสตร์ มาปรึกษาบอกว่าอาจารย์สั่งให้ไปอ่าน paper มา แล้ว "เจอสูตร" ถามว่า "จะใช้ยังไง" พอผมให้อธิบาย "สูตร" นั้น ทำไม่ได้ ไม่เข้าใจพื้นฐานที่มาอะไรเลย กลวงมาก ต้องมาเสียเวลาค่อนวันนั่งอธิบายแบบตั้งแต่พื้นตั้งแต่ฐาน .... นี่ขนาดคนที่เรียนสาขานี้ในระดับสูงนะ ยังเป็นแบบนี้
กลับมาเรื่องเดิม จะไปสนใจนิยามมันทำไม มันเอาไปสอบคณิตศาสตร์ไม่ได้ มันไม่ทำให้ได้คะแนน มันก็แค่นั้นแหละ ..... เด็กไม่ได้อยากเก่ง เด็กอยากได้คะแนน (ซึ่งเรื่องนี้โทษเด็กไม่ได้ อย่าไปโทษนะ .... โทษผู้ใหญ่นี่แหละ ที่วัดผลแต่เรื่องปลายเหตุกัน ... เด็กเข้าใจว่าคะแนน = เก่ง เป็นปกติอยู่แล้ว) การสอนก็ไม่ได้อยากให้เด็กเก่งคณิตศาสตร์นักหรอก แค่อยากให้แก้โจทย์ที่กำหนดให้แล้วได้ ก็เท่านั้นเอง

20 Nameless Fanboi Posted ID:BqaRHnpgp

>>19 ของใครวะ

21 Nameless Fanboi Posted ID:uj2Ninylt

If someone says they are Napoleon trapped in the body of a modern day human, society agrees they are insane and the person is given medication and treatment. They are not invited to rule France (or exiled) for being Napoleon.

If someone said (to a doctor, not shitposting anonymously online) that they were a wolf trapped in a human body, they would be diagnosed as mentally ill, and given medication and treatment. They would not be permitted to take actions consistent with being a wolf (and likely doctors would take precautions to stop that scenario).

Yet, for some reason, when someone says they are a woman trapped in a man's body (or vice versa) they are not diagnosed as mentally ill, they are not given medication and treatment to help them. Instead, medication (hormones) to assist in their delusion, and surgeries to make it closer to the truth are available to them. Other people are forced to acknowledge their delusion, it is illegal for employers to discriminate against them (in the US) and now (in some states) you can't stop them from using the restrooms and other facilities of the gender they imagine themselves to be.

What gets me /pol/ is that there's no functional difference between the three scenarios. All three involve someone who is mentally ill and imagines themselves to be something they are not. But because the third example's mental illness touches on sexuality, all logic flew straight out of the window.

How long before the same arguments in support of transgenders get used for increasingly deranged goals? /pol/ loves to crash threads with "pedophilia isn't bad" gibberish, but the way the wind is blowing, they might not be wrong for too much longer...

>TL;DR Transgender is a mental illness. No one caters to the hallucinations of a schizophrenic, and we should not have to cater to the delusions of a transgender. Stop it here and now before it spreads and get those people some help.

22 Nameless Fanboi Posted ID:pSHrgAZsB

"วันนี้เป็นวันประกาศใช้กฎหมายใหม่ ว่าด้วยเรื่องการขับขี่จักรยานบนท้องถนนในญี่ปุ่น ซึ่งกฎหมายใหม่ที่ปรับคราวนี้ เข้มงวดขึ้น และมีบทลงโทษอย่างชัดเจน ดังนั้นเราในฐานะคนไทย เมื่อมาเที่ยวหรือพักอาศัยอยู่ที่นี่ ก็ควรปฏิบัติตาม กฎหมายการขี่จักรยาน ของญี่ปุ่นเค้านะครับ
พฤติกรรมอันตราย 14 ข้อ ที่ถือว่าผิด กฎหมายการขี่จักรยาน ในญี่ปุ่น
1. ฝ่าไฟแดง
2. ไม่หยุด ในจุดหยุดชั่วคราว (จะมีป้ายเขียน「一時停止」อยู่บนถนน ให้หยุดจอดดูซ้ายขวา เพื่อชะลอความเร็ว)
3. ฝ่าฝืนกฏหมาย การสัญจรในเขตฟุตบาทคนเดินเท้า (เช่น บนฟุตบาทอนุญาตให้เฉพาะ เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีและ คนแก่ที่อายุเกิน 70 ปี ขับขี่ได้เท่านั้น)
4. ขี่จักรยาน บนถนนที่มีป้ายห้ามจักรยานใช้ถนน
5. ขี่จักรยานด้วยความเร็วบนฟุตบาท (ทางที่ดีให้เข็นจักรยานเอานะครับ)
6. ขี่จักรยานสวนทางกับรถยนต์บนถนน (ในพื้นที่บนถนนที่ให้จักรยานขี่)
7. กีดขวางคนเดินเท้า บนถนนที่ไม่ได้เป็นฟุตบาท
8. ลอดข้ามป้ายกั้นทางรถไฟ
9. กีดขวางทางเดินรถยนต์ ในช่องทางที่รถยนต์สามารถวิ่งได้
10. กีดขวางรถยนต์ที่จะวิ่งอยู่บนถนน เช่น ทำการเลี้ยวขวาในช่องทางเดินรถตรงไปข้างหน้า
11. ทำผิดกฎหมายโดยประมาทในช่องทางจราจร ที่เป็นวงเวียน เป็นต้น
12. ขี่จักรยานที่ไม่มีเบรค
13. ขี่จักรยานในขณะที่เมาสุรา
14. ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับจักรยาน จนเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ
ซึ่งเนื้อหาจริงๆนั้น อาจจะมีรายละเอียดที่ลึกลงไปอีก แต่ที่สำคัญคือ .. ถ้าใครโดนจับเตือนแค่ 2 ครั้ง ภายใน 3 ปี คนนั้นก็จะถูกทำโทษ ให้ไปรับการอบรมเกี่ยวกับ กฎหมายขี่จักรยาน โดยจะมีคอร์สอบรมประมาณ 3 ชั่วโมง และหลังอบรมก็จะมีข้อสอบให้ทำอีกด้วย หนำซ้ำค่าอบรมนี่คุณต้องจ่ายเองนะครับ เป็นเงิน 5,7000 เยน
ซึ่งถ้าฝ่าฝืนไม่ไปรับการอบรมก็จะถูกปรับ เป็นเงินไม่เกิน 50,000 เยนอีกด้วย .. เรียกว่าเสียทั้งเงิน และเวลาแบบนี้ หากใครมีพี่น้องอยู่ที่ญี่ปุ่น ก็ฝากความรู้ เกี่ยวกับ กฎหมายการขี่จักรยาน ในญี่ปุ่นไปให้ทราบทั่วๆ กันด้วยนะครับ"
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

23 Nameless Fanboi Posted ID:R6nxpxyqB

>>21 เป็นสารที่แถเหี้ยๆ

24 Nameless Fanboi Posted ID:RpjtZIQW1

I’ve been reading your blog for a while, I’m a transfat activist and I wanted to submit my own story of oppression:

Thin privilege is not being harassed for daring to take up too much space on a bus. I am a transfat individual who prefers to wear cushions underneath my clothing to represent my phantom fat and ease my transition to a larger state. I had to ride a bus home one day, and it was very crowded but I did find an empty seat that accommodated my true size. Then, at the next stop a bunch of other people got on and the bus filled up. This one cis douchelord sat next to me and had the audacity to ask me to put the cushion under the seat so he would have more room! I explained that no, I would not remove it. My phantom fat is a part of me that does not need to be violated by any white cis assholes. I told him he could stand if he insisted on having space.

I had to explain the whole concept of transfat to the ignorant ass, and (tw: ableist slur) he said I was a “total loony.” At that moment I just broke. I told him that he has no idea what it is like to be a larger person, that he doesn’t understand the trials I face every day of my life.

I called him a privileged asshole and a fucking creep and then he started tone and language policing me, which is one of my triggers. I nearly had a panic attack. He then said I was insane. I then called him out on his fatphobic, transfatphobic, and ableist shit, he wouldn’t listen to me so I got off the bus early, crying, and had to walk the rest of the way, losing the precious calories I gained that day.

25 Nameless Fanboi Posted ID:S9bgbcYLu

>>24 >>waste your time on making analogy

26 Nameless Fanboi Posted ID:GOuEXbkeJ

โอเค กูสั่งคิกบอร์ดจากอเมซอนแพพ

27 Nameless Fanboi Posted ID:JlXo6ZdnK

"เอาจริงๆไอ้หลักดีมานด์ - ซัพพลาย นี่มันใช้ไม่ได้จริงหรอกครับในบริบทที่การดำรงชีพพื้นฐานมันไม่ได้ราบรื่นเท่ากัน (แค่ราบรื่นนะครับ ยังไม่ต้องพูดถึงคุณภาพ)
ตัวอย่างง่ายๆที่คนชอบซัพพอร์ทกันคือการเอาเงินรัฐไปอุ้มราคาข้าวให้ชาวนานั่นแหละ (ซึ่งก็ส่งผลสะเทือนต่อมาในการซัพพอร์ทการซื้อข้าวในราคาสูงขึ้นและขายแพงขึ้นเพื่อช่วยเหลือชาวนา - เออ ข้าวลายจุดน่ะแหละ)
ถ้าเราว่ากันตามหลักดีมานด์ - ซัพพลาย โดยทั่วไป ถ้าราคาข้าวมันจะเหี้ยขนาดนั้นมันก็เป็นไปได้สองอย่าง คือ
1.มันเป็นสินค้าที่คนไม่ต้องการ
2.มันเกิดภาวะล้นตลาด
ซึ่งทางออกก็ควรจะเป็นว่ามึงก็เลิกปลูกข้าวไปทำมาหาแดกอย่างอื่นกันซะ เพราะการทู่ซี้ผลิตในสิ่งที่คนไม่ต้องการออกมาขายแล้วเรียกร้องให้รัฐหรือแม้แต่เอกชนมาช่วยเหลือมันงี่เง่าสิ้นดีบนหลักการนี้ สินค้าของคุณไม่มีมูลค่าในตลาด จะดื้อดึงผลิตมาขายทำห่าอะไร
แต่อย่างที่เราทราบกันดีว่าคนไทยแดกข้าวกันอยู่ทุกวัน แล้วยังเสือกส่งออกได้อีกแน่ะ (ซึ่งแปลว่ามีความต้องการในตลาด) แล้วทำไมมูลค่าจากผู้ผลิต (ที่มีทั้งต้นทุนและแรงงาน) มันถึงได้ระยำเยี่ยงนั้น
มันก็อย่างที่คุณก็คงรู้กันอยู่แล้วแต่ไม่เคยเอามาเชื่อมโยงกันเลย เพราะแม้ดีมานด์มันจะมากแค่ไหน และซัพพลายแม้จะไม่ถึงกับขาดแคลนแต่ก็ไม่ได้ล้นตลาด แต่ปัญหามันเสือกอยู่ที่ผู้ค้า (ชาวนายากจน - ชาวนารวยก็ช่างแม่งมันไป แต่มันก็ขายได้ในราคาเดียวกับที่ถูกชาวยากจนลากไปอยู่ดีน่ะแหละ) มันเสือกต้องการใช้เงินเพื่อดำรงชีพในเวลานั้นๆ ไม่ใช่เพียงค้าขายเพื่อสะสมทุน (ซึ่งแปลว่ามีปัจจัยดำรงชีพเพียงพออยู่แล้ว) ซึ่งแปลว่ามึงไม่มีทรัพยากร (อย่างน้อยที่สุดคือเวลา) ในการต่อรองให้มูลค่าที่เป็นจริงในตลาดของมึงปรากฎตัวออกมาได้เลย (ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามูลค่าตลาดที่เป็นจริงนี่มันมีจริงๆมั้ย) ถ้ามึงจน
ดีมานด์ - ซัพพลาย จึงไม่เคยสร้างมูลค่าด้วยตัวเองในตลาด แต่เกิดจากการยื้อยุดของทั้งสองฝั่ง (ผู้ซื้อ/ผู้ขาย - ดีมานด์/ซัพพลาย) ซึ่งแปลว่าใครร้อนเงินกว่ามึงก็แพ้ มูลค่าในตลาดไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวสินค้าเอง (นอกจากมึงจะไม่ร้อนเงินทั้งสองฝั่ง)
หรือไม่ก็ทำให้มนุษย์เป็นอมตะได้ก่อน"
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

28 Nameless Fanboi Posted ID:uv8.Rzsjf

>>27 แม่งก็แค่เพิ่มน้ำกับตรรกะป่วยของมันผสมเพิ่ม สรุปมันก็หลัก demand supply เหมือนเดิม

29 Nameless Fanboi Posted ID:yzewecxZz

"ฝนชอบตกเวลาผมไม่อยู่"
#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

30 Nameless Fanboi Posted ID:4PV7lnb0M

>>29 หนังของหว่องกาไวซักเรื่องใช่ไหม

31 Nameless Fanboi Posted ID:NiaOLX7yr

>>30 ไอ้เหี้ยกุลั่น 55555+

32 Nameless Fanboi Posted ID:3CHUPXXy0

>>20 ทำไมอยากรูปชอบหรือ

33 Nameless Fanboi Posted ID:3CHUPXXy0

2 สัปดาห์ที่ผ่านไป เวลาส่วนมากหมดไปกับการสอนน้องๆ เด็กฝึกงานที่บริษัท
เรื่อง Technical Skill เป็นเรื่องที่ผมมองว่าเล็กมากสำหรับเด็กกลุ่มนี้ เพราะว่าส่วนมากพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าทำได้ บางคนทำได้ดีกว่าเด็กรุ่นเดียวกันเยอะมาก
สิ่งที่สอน มันจึงเป็น "รากฐานของความคิด" พวกปรัชญาและความรู้พื้นฐานต่างๆ ที่บ้านเรามักจะมองข้าม แต่มันเป็นสิ่งที่ทำให้ "งานที่ดี" มันแตกต่างจาก "งานที่แค่ใช้ได้ผ่านๆ ไป"
ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานมากๆ เช่น "โมเดล" ไม่ว่าจะเป็น Mathematical Model, Computational Model ว่าพวกนี้มันคืออะไร ทำไมต้องมีมัน ต่อยอดไปถึง Computation Theory ทั้งสาย Turing Machine (Machine Abstraction) และสาย Lambda Calculus (Function) และการที่พวกมันเท่าเทียมกัน .... พื้นฐานที่แท้จริงของ Information (ไม่ใช่พูดลอยๆ เช่น "ข้อมูล" หรือ "ข่าวสาร" หรือ "สารสนเทศ") และอื่นๆ มากมายหลายอย่าง (เช่น เรื่องหลักการ หลักคิดและปรัชญาของการโปรแกรมแบบต่างๆ ที่แท้จริงแล้ว มันคือ Modeling + Communication นั่นแหละ)
ทั้งหมดนี้คือ "การมองโลกและทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว"
ทั้งหมดนี้ เพื่อสร้างกรอบความคิดพื้นฐาน
"Every thing you see is Information. Every change is Computation. Every thing you see changing has computation process underneath"
เวลาที่เขามองโลกรอบตัว ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป แทนที่เขาจะเห็นโลกแบบเดิมๆ .... เขาจะเห็นสิ่งที่สามารถจำลองมันขึ้นมาได้ในคอมพิวเตอร์ สามารถเขียนโปรแกรมอะไรสักอย่างขึ้นมาทำอะไรสักอย่างได้เสมอ .... และนั่นแหละ คือหัวใจของการทำงาน และการคิดแอพ คิดระบบต่างๆ รวมถึงการคิดถึงข้อมูลต่างๆ ... และส่งผลถึงอะไรต่างๆ มากมาย รวมถึง Information UX, Application UX, Software Design, Software Testing, ฯลฯ
จากนั้น ไม่ว่าจะเรื่องอะไร มันก็สามารถนำไปใช้ได้ และมีที่อยู่ในโครงสร้างใหญ่ๆ อันนี้ทั้งนั้น
"เขียนโค้ดน่ะ ใครๆ ก็เขียนได้ แต่ถ้าอยากจะเปลี่ยนโลกด้วยอะไรก็ตาม เราต้องเริ่มจากการเข้าใจมันทั้งคู่ด้วยกันซะก่อน" ... และนี่คือสิ่งที่ยากที่สุด คือสิ่งที่ถูกมองข้าม ละเลย หรือผ่านไปอย่างฉาบฉวยที่สุด อย่างมากก็แค่แตะๆ ผิวๆ ...
อีกครั้ง
"เขียนโค้ดน่ะ ใครๆ ก็เขียนได้ แต่ถ้าอยากจะเปลี่ยนโลกด้วยอะไรก็ตาม เราต้องเริ่มจากการเข้าใจมันทั้งคู่ด้วยกันซะก่อน" .... และแน่นอนว่า สำหรับคนสายนี้ พื้นฐานของพวกเรามันก็คือ การเปลี่ยนโลกด้วย Computation & Information ... ถ้าพวกเราไม่เข้าใจโลกในแบบนี้ แล้วใครจะไปเข้าใจ

34 Nameless Fanboi Posted ID:hwLMFuoVB

Google: 90% of our engineers use the software you wrote (Homebrew), but you can’t invert a binary tree on a whiteboard so fuck off.

35 Nameless Fanboi Posted ID:12wJ2HZBz

" การชอบดูอนิเมะไม่มีผลอะไรกับสเป็คชอบผู้หญิงครับ "

36 Nameless Fanboi Posted ID:QLB18Im.8

#ความรักก็เช่นกัน

37 Nameless Fanboi Posted ID:dlKa0Xzrz

>>35 ขนาดเจ้าของโควตเป็นพวกเกลียดสาวฟุ ยังได้สาวฟุเป็นเมีย โหดสัสจริงๆ

38 Nameless Fanboi Posted ID:3pNWVI/v.

ฟุตานาริ ?

39 Nameless Fanboi Posted ID:ljmOGszMP

"โฆษณา" เนี่ย มีผลในการทำให้ช่องทีวีดูดีจริงๆนะ ยกตัวอย่าง ช่องไหนมีโฆษณาสวยๆหรูๆ อย่างพวก เครื่องสำอางแบรนด์ดัง ยาสระผมแบรนด์ดัง ลอรีอัล นีเวีย รถยนต์หรูๆ อาหารแบรนด์ดัง เราจะรู้สึกว่า ช่องนั้นๆดูดี มีระดับ น่าดูไปด้วย
ส่วนช่องไหน ไม่มีโฆษณาสินค้าแบรนด์ดัง มีแต่สินค้าแบรนด์ตลาดนัด เช่น ครีม เจล ยาลดน้ำหนัก อาหารเสริม ยาเปลี่ยนสีผิว ยานวดควย ฯลฯ แล้วเอาพวกดาราแถว 3 - 4 ที่ว่างๆงาน มานั่งกล่าวอาเศียรวาทความดีงามของสินค้า เราจะรู้สึกว่า ช่องนั้นๆดูแย่ ดูใต้ดินๆ ดูเป็นช่องตลาดมืด ไม่น่าดูไปด้วย คือ แทบไม่อยากกดรีโมทกลับไปดูช่องนั้นๆอีกเลย

40 Nameless Fanboi Posted ID:AgwGr+kn2

Blog ล่าสุดมีคลิปผลการทำงานสั้นๆ 5-10 วิอยู่ราวๆ 20 ตัว จะเอาขึ้น YouTube ก็ไม่ใช่เรื่อง จะทำเป็น GIF ก็ดีแต่ไฟล์ก็ใหญ่ไป สุดท้ายเลยลองใช้ ffmpeg แปลงไฟล์เป็น WebM ดูแล้วแปะด้วย <video/> ดู
ผลการทดลอง: ประทับใจน้ำตาไหลนอง ... ไฟล์เล็กลงเยอะมาก เล็กกว่าภาพนิ่งบางภาพอีก แถมใช้งานง่าย กราบกูเกิ้ลงามๆ

41 Nameless Fanboi Posted ID:x.3p.bXHq

>>40 Dear the uninformed, you can use H264 with <video> tag too, and it worked in more devices.
Please thank WHATWG instead of Google, thanks.

42 Nameless Fanboi Posted ID:6.QRvCRI6

"After witnessing the media fervor and outpouring of praise on social networks by tens of millions for Jobs, and nothing close to that for Ritchie, one name came to my mind: Nikola Tesla. …

Tesla’s inventions have been kind of a big deal for the past century or so, but they’re things you just don’t think about. It’s kind of like a programming language on which most computers were built and an operating system that is used on servers and workstations to power worldwide commerce and the Internet. They’re things we just take for granted, but we shouldn’t."
-A Comrade Of Mine

Don't forget to thank Dennis Ritchie, thanks.

43 Nameless Fanboi Posted ID:E8nIAcHpz

แม่สอนผมมาตั้งแต่เด็ก
"อย่าสร้างปราสาทท่ามกลางสลัม แต่ทำให้คนในสลัมช่วยกันสร้างสลัมให้กลายเป็นหมู่บ้านดีๆ แล้วสร้างบ้านหลังหนึ่งในนั้น"
ถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็กๆ แบบนี้ และถูกตอกย้ำตลอดเวลาที่อยู่ที่ญี่ปุ่น ทั้งจากสังคมและแนวคิดของแทบทุกคนที่ได้คุยด้วย
น่าเสียดาย .... ที่บ้านเรามักสอนให้สร้างปราสาทใหญ่ๆ ของตัวเอง (โดยบางทีอาศัยทรัพยากรจากสลัมน่ะแหละ) ... และคนในสลัมก็มักจะบูชาเจ้าของปราสาท อยากเป็นแบบนั้นบ้าง หวังว่าสักวันจะเป็นแบบนั้นบ้าง ...
จนลืมสร้างบ้านของตัวเอง และช่วยกันสร้างหมู่บ้านของตัวเอง .... และมีบ้านหลังพออยู่สบาย ในสังคมที่ดี ... จนบางครั้งลืมเห็นไป ว่าปราสาทนั้นๆ ยิ่งใหญ่โตขึ้นเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งห่างไกลจากการมีสิ่งนั้นไปทุกที

44 Nameless Fanboi Posted ID:Q77SEUZyx

"ส่วนพวกที่ทำตัวเหมือนจะมีของ เเละมาโชว์สโลไลฟ์ไปวันๆ ทำเป็นมีเวลาว่าง ทำเป็นนอนดึกชีวิตชิว เเต่ เช้ามาก็ต้องไปทำงาน สุดท้ายก็ได้เเต่โชว์จริงๆนั่นเเหล่ะ ส่วนพวกของจริงจะไม่เสียเวลามาโชว์สโลว์ไลฟ์เพราะมันสโลไลฟ์ตั้งเเต่วินาทีเเรกที่ค้นพบตัวเองเเล้ว
พวกที่ไม่ทำงานทำการเลย เเบบว่าทำเป็นหล่อ ทำเป็นว่า คิดอยู่ คิดเสร็จเเล้วจะทำ ก็คงไม่ได้ทำ เพราะพอเวลาจะลงมือทำ ก็ไม่เคยมีทักษะ ก็ไม่เคยทำไรเลย คิดอยู่นั่น พวกนี้ห่วยครับ
ทุกยุคทุกสมัยมีคนดีจริงกับคนห่วยจริง ผลงานดีจริงไม่มีวันมาจากคนห่วย เเละระบบก็ไม่ได้เหลียวเเลคนห่วย
ความจริงระบบปรับตัวได้ง่ายมากเเละเลือดเย็นเสมอ ในยี่สิบปีที่เเล้ว ระบบเต็มไปด้วยเด็กว่านอนสอนง่าย เป็นเด็กเรียนหรือไม่ก็เด็กเรียนเเต่อาจจะเรียนไม่ถึงกับเก่ง ผสมกันไป ซึ่งเป็นช่วงยุคที่ขาดเเคลนเด็กเเนวนอกรอก เป็นธรรมดาที่เด็กเเนวนอกกรอบกลายเป็นของมีค่าราคาเเพง ส่วนเด็กเรียนก็ไม่เป็นที่เหลียวเเลนัก ระบบก็เฉยๆ ไม่ตั้งคำถามเเละไม่ต้องทำอะไร เพราะเด็กเรียนมีล้นตลาด พวกเด็กรุ่นถัดไปก็เห็นเด็กเเนวราคาเเพงวเหล่านั้นเป็นฮีโร่ ทำตามกันใหญ่ ทุกวันนี้เด็กเเนวล้นเมือง ที่ต้องมานั้งร้านชิคๆใจกลางเมืองก็ไม่ใช่อะไร ก็ออฟฟิศอยู่ในกลางเมืองนั่นเอง ไม่มีปัญหาไปไหนหรอกครับพวกนี้ ก็โชว์สโลไลฟ์ปลอบใจตัวเองกันไป
ทุกวันนี้หากถามว่าระบบควรจะคาดหวังอะไรกับเด็กเเนวที่มีอยู่ล้นโลกไหม คำตอบง่ายๆเเละเลือดเย็นเช่นเคย ไม่คาดหวังเเละไม่ใส่ใจครับ ทุกวันนี้เด็กเเนวจะเป็นอะไร เตอร์ๆก็เเล้วเเต่ ระบบไม่ได้ต้องการ ระบบหันไปโหยหาเด็กเรียน บุคลิกเรียบร้อยเเละไม่โชว์ตัวตนเยอะ ซึ่งยุคนี้มีน้อยลง ระบบก็ให้ราคาเเพงสิครับ เเล้วสักพัก เด็กเรียนพวกนี้ก็จะมีเพชรเม็ดงามที่กลายเป็นคนโด่งดัง กลายเป็นฮีโร่ เด็กยุคถัดไปก็เฮโลกันไปเป็นเด็กเรียนอย่างยี่สิบปีที่เเล้ว ระบบไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยครับ มันเป็นวัฎจักร ใครที่เฮโลไปทำอะไร สุดท้ายก็เป็นส่วนเกิน ส่วนคนที่ลอยลำคือ จ่าฝูงไม่กี่คนเท่านั้น เพราะถ้าเป็นของจริง จะเด็กเรียนหรือจะเด็กฮิพสเตอร์ มันก็เป็นของจริงวันยันค่ำ
ความจริงมันไม่ได้ไกล ทุกวันนี้ระบบก็ทำอย่างนั้นอยู่ ที่เห็นพวกเอ้อระเหยล้นเมือง เดินเตร่กันหล่อๆวันจันทร์ยันอาทิตย์ ก็มีไม่น้อยคือออกจากงานมาเฉยๆ เเก้ตัวว่าออกมานั่งคิด ออกมาเพื่อทำงานใหญ่ หลอกตัวเองได้พักใหญ่ก่อนจะหายหน้าหายตาไปเฉยๆ ซึ่งก็จะไม่มีใครมีถามหรอกว่า หายไปไหน โลกมันก็ก้าวต่อไป ระบบก็รันต่อไป ของจริงของปลอม ดูไม่ยาก ถ้ามันมีค่าพอให้รอดู"
(มิตรสหายท่านหนึ่ง)

45 Nameless Fanboi Posted ID:tfVf46CYY

"อย่าง ps4 นี่ต้นทุนจริงๆควรจะครึ่งแสน แต่ขายในราคาแค่20K"

ต้องไม่รู้ขนาดไหนถึงจะพิมพ์อะไรแบบนี้ออกมาได้

46 Nameless Fanboi Posted ID:lHRlXmoHV

"บนโลกมีที่ผมเกลียดอยู่ 2 อย่างครับ
1. การเหยียดสีผิว
2. คนดำ"

47 Nameless Fanboi Posted ID:kMX6ceYqe

>>46 ย้อนแย้งสัส

48 Nameless Fanboi Posted ID:LaBiYngAD

>>47 เปลี่ยนข้อสองเป็น "มุสลิม" แทนก็ไม่ย้อนแย้งละ

49 Nameless Fanboi Posted ID:e/6+iT3Of

เรียนเชิญ >>>/lounge/1346/

50 Nameless Fanboi Posted ID:v61uXjAp9

Racism is a crime and crime is for black people

51 Nameless Fanboi Posted ID:pbOESxWx.

BE CIVIL.

52 Nameless Fanboi Posted ID:jyd/eLLpf

Many people will rejoice at this decision, and I begrudge none their celebration. But for those who believe in a government of laws, not of men, the majority’s approach is deeply disheartening.
Supporters of same-sex marriage have achieved considerable success persuading their fellow citizens—through the democratic process—to adopt their view.
That ends today.
Five lawyers have closed the debate and enacted their own vision of marriage as a matter of constitutional law. Stealing this issue from the people will for many cast a cloud over same-sex marriage, making a dramatic social change that much more difficult to accept.

If you are among the many Americans—of whatever sexual orientation—who favor expanding same-sex marriage, by all means celebrate today’s decision. Celebrate the achievement of a desired goal. Celebrate the opportunity for a new expression of commitment to a partner. Celebrate the availability of new benefits.
But do not celebrate the Constitution. It had nothing to do with it.

I respectfully dissent.

53 Nameless Fanboi Posted ID:aoiUxSuDT

"โพรไฟล์สีรุ้ง"
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมันกลายเป็นเรื่อง "รักร่วมเพศ" หรือ "การสนับสนุนรักร่วมเพศ" หรือ "เปิดเผยว่าตัวเองเป็นพวกไหน" หรือแม้แต่กลายเป็นคำพูดสวยๆ แบบ "ความรักไม่มีเพศ" อะไรพวกนี้ไปได้ หรือแม้แต่ลากไปถึง "ถ้าคนรักกัน ปัญหาสังคมจะน้อยลง มีคุณภาพมากกว่า" ฯลฯ
ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องของ Equality มากกว่า Love เยอะมาก
ต้องเข้าใจก่อนว่านี่มันเป็นเรื่องของ "อเมริกา" ไม่ใช่ไทย ผมอาจจะเข้าใจผิดนะ แต่สังคมเขาเปิดกว้างกว่าเราพอสมควรในเรื่องนี้ (แน่นอนว่าคนที่ไม่เห็นด้วย คนที่ไม่ชอบน่ะมีแน่นอน ไม่ได้เหมาว่า 100%) เขารักกันได้ อยู่ด้วยกันได้ เปิดเผยตัวเองได้ มานานพอสมควรแล้ว
แต่ทั้งหลายทั้งปวงทั้งหมด มันไม่รองรับด้วยกฏหมาย ไม่รองรับด้วยสิทธิพื้นฐานในรัฐธรรมนูญ นั่นคือ "ไม่มีสิทธิที่พึงได้ในฐานะคู่สมรสเด็ดขาด"
ลองคิดดู สิทธิในฐานะคู่สมรสมันเยอะมาก ไม่ว่าเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ เรื่องทรัพย์สิน เรื่องมรดก เรื่องการเบิกค่ารักษาพยาบาลตามสิทธิ เรื่องการดูแลบุตร (รับบุตรบุญธรรมได้นะครับ อย่าลืม) และเรื่องอืนๆ อีกมากมาย .... ที่ทั้งๆ ที่เค้าก็เป็นเหมือนคนอยู่ด้วยกันปกติ เป็นคู่สมรส แต่กลับไม่เคยมีสิทธิพวกนี้ตามกฏหมายเลย
มันเป็น "ชัยชนะ" ของ "ความเท่าเทียมโดยพื้นฐาน" ที่ "ก้าวข้ามเพศสภาพ" ที่รองรับด้วย "กฏหมาย" ครับ ไม่ใช่แค่พ่อแม่รับได้ สังคมไม่ว่า
ไม่เกี่ยวอะไรเลยกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ สนับสนุนอะไรหรือไม่อะไร"
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

54 Nameless Fanboi Posted ID:nzoGZQhYz

>>53 เข้าใจผิดจริงๆ บ้านเราเปิดกว้างกว่าพอควร
https://www.planetromeo.com/lgbt/gay-happiness-index/

55 Nameless Fanboi Posted ID:9Zb7xqH3j

ผมมีสาระมาฝาก
วิธีการเลือกซื้อทุเรียน: หลายคนมีปัญหากับการเลือกซื้อทุเรียน การเลือกซื้อทุเรียนต้องดูที่หนาม ทุเรียนหนามต้องยาว...แหลม..และแข็ง ถ้าหนามสั้น ไม่แหลมและนิ่ม อันนั้นไม่ใช่ทุเรียน มันคือขนุน!! หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับทุกคนนะครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง

56 Nameless Fanboi Posted ID:J95SPCeco

>>55 เอาที่พี่สบายใจเลยครับ

57 Nameless Fanboi Posted ID:obHpOxqHe

>>55 ครับ....

58 Nameless Fanboi Posted ID:+uNFfZWvP

พฤติกรรมมนุษย์ทั้งหมดอธิบายได้ด้วยยีน
เราตาย แต่ยีนไม่ยอมตาย เราถูกโปรแกรมมาเพื่อส่งต่อยีน ยีนใช้ประโยชน์จากเรา

ยีนไม่สนว่ามนุษย์จะตายกี่รุ่นๆก็ตาม มันใช้ร่างมนุษย์ส่งผ่านตัวมันเองผ่านกาลเวลาชั่วกัลป์
มันทำให้พ่อหรือแม่ ยอมตายเพื่อลูก มันทำให้แม่กระต่ายที่ขี้ขลาด กลับมาสู้กับงูได้เพื่อปกป้องลูก
ยีนแปลงโฉมเพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นผ่านการสืบพันธุ์วิธีต่างๆ ไม่ว่าจะอาศัยเพศหรือไม่
แต่วิธีที่ทำให้มันกลายพันธุ์เร็วที่สุด แข็งแกร่งที่สุด คือ แบบอาศัยเพศ
เมื่อยีนแข็งแกร่งขึ้น รุ่นถัดมาจึงได้รับประโยชน์จากการแปลงโฉมของมันมากขึ้นเรื่อยๆ
เป็นสิ่งที่เราเรียกว่า วิวัฒนาการ

เราเป็นแค่ตัวละครที่ถูกยีนควบคุมให้แสดงบทบาท และมี Will ที่เกิดจากยีน ที่เราเข้าใจไปเองว่าเป็น Freewill
และนั่นเป็นพลังที่ทำให้เราอยากจะดำรงชีวิตต่อไป โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังรับใช้ยีนอยู่

แต่วิทยาศาสตร์ทำให้มนุษย์รู้มากเกินไป และรู้ทันยีนบ้างแล้ว จึงสูญเสีย Will ไป
คนที่รู้ทันยีนมี 2 แบบ คือแบบที่มีความสุขกับมันที่ได้เห็นจักรวาลที่สวยงาม และยินดีเล่นเกมของยีนต่อไปจนตาย
กับอีกแบบคือ คนอย่าง จขกท ที่รู้สึกหดหู่ที่เสีย Will ไป และเป็นอันตรายต่อยีน คือ อาจไม่ส่งต่อพันธุกรรม

59 Nameless Fanboi Posted ID:2JUArOWVP

>>58 เดี๋ยว จขกท อะไรของมึง?

60 Nameless Fanboi Posted ID:xc1.bkos/

>>58 นี่มึงเสพหรือขาย

61 Nameless Fanboi Posted ID:Fg/AEx0lC

"ม้ายูนิคอนวิ่งเร็วกว่าม้าแกลบ"
ถูก!! แต่ว่าโลกนี้ไม่มีม้ายูนิคอน ก็เหมือนบอกว่า"เผด็จการที่ดีดีกว่าประชาธิปไตยที่เลว"
โลกนี้ก็ไม่มี"เผด็จการที่ดี"จริงเหมือนกัน

62 Nameless Fanboi Posted ID:/eb8i32dL

มีแต่พวกโง่เท่านั้นแหละที่ชอบเผด็จการ

63 Nameless Fanboi Posted ID:1JZV5WMKG

>>61 define "ดี" ก่อน

ถ้า "ดี" หมายถึงความเจริญของรัฐ เผด็จการสามารถ "ดี" ได้ เช่น จีน รัสเซีย เกาหลีไต้

ถ้า "ดี" หมายถึงสิทธิพลเมือง เผด็จการสามารถ "ไม่เลว" ได้ เช่น สิงค์โปร์ แต่แนวโนมส่วนใหญ่คือเลว เช่น จีน รัสเซีย

64 Nameless Fanboi Posted ID:3HcAWDZiE

>>63 ไอ้เด็กที่พูดถึง กวนยู ติดคุก กูก็ว่าเลวแล้ว

65 Nameless Fanboi Posted ID:RSdC9kRp0

>>63 ระบบการปกครอง มันมีจุดมุ่งหมายเพื่อประโยชน์ของมนุษย์ที่อยู่ในระบบ
ถ้ามัวแต่สนใจวิธีการจนลืมจุดมุ่งหมาย มัวแต่ไปทำให้ตัวระบบได้ประโยชน์ แต่ตัวผู้อยู่ในระบบเสียประโยชน์ ระบบแบบนั้นมันก็ไม่มีความจำเป็นหรอกว่ะ

66 Nameless Fanboi Posted ID:czSD1wf0v

>>61 search for "Benevolent Dictator"

67 Nameless Fanboi Posted ID:VVuDe2DIX

>>65 ประชาชนเสียประโยชน์แค่ไหนละ ทุกวันนี้เศรษฐกิจของSGดีมาก คุณภาพชีวิตก็ติดอันดับโลกยกเว้นสุขภาพจิต พวกเขาพอใจกับการหาเงินมากกว่าการเมือง แล้วมันผิดตรงไหน
คนรักประชาธิปไตยมักบอกว่าประชาธิปไตยคือระบอบที่เปลี่ยนได้จากเสียงของประชาชน แล้วถ้าเสียงของประชาชนต้องการSGแบบที่เป็นอยู่นี้ พวกมึงเป็นใครถึงมีสิทธิไปเถียงเสียงของประชาชนละ

68 Nameless Fanboi Posted ID:yL.S5uJ82

>>67 มึงนั่งไทม์แมชชีนมาจากยุคไหน หรือเอาแต่เสพสื่อในไทยที่เขาป้อนข้อมูลเอียง ๆ เกี่ยวกับสิงคโปร์ให้มึง
ใช้ระบอบประชาธิปไตยมาสี่สิบปีแล้ว สากลโลกเขาให้คะแนนความเป็นประชาธิปไตยกับสิงคโปรมากกว่าไทยอีก ห่า
https://en.wikipedia.org/wiki/Democracy_Index

แทบจะไม่มีใครที่ไหนในโลกเขามองสิงคโปร์เป็นเผด็จการ
มีส่วนน้อยมากที่คิดว่าสิงคโปร์ใช้ระบบ dictatorship
มีแต่คนไทยบางพวกนี่แหละที่ชอบบอกว่าสิงคโปร์เป็นเผด็จการประชาธิปไตยด้วยเหตุผลแค่ว่าสิงคโปร์มีพรรคใหญ่แค่พรรคเดียว

ส่วนยุคก่อนประชาธิปไตยที่สิงคโปร์เจริญก็เพราะผลพลอยได้จากความเจริญที่ได้จากการถูกยึดครองโดยอังกฤษ แบบเดียวกับฮ่องกงและออสเตรเลีย ไม่ใช่เพราะว่าเป็นเผด็จการ

สมัยนี้โลกเรามีอินเตอร์เน็ตแล้ว มึงลองไปศึกษาดูบ้างนะ อย่าเอาแต่รับข้อมูลจากสื่อในไทยอย่างเดียว

69 Nameless Fanboi Posted ID:ehJK19FkJ

เผด๊จการกับสมบูรณาญาสิทธิราชเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร จงอภิปรายอย่างมีซีวิล

70 Nameless Fanboi Posted ID:NYjUcI3sp

มิตรสหายท่านหนึ่งทำไมมันดุเดือดจังวะ

71 Nameless Fanboi Posted ID:/92Ynjxvq

>>68 >>64-65 เอาจริงๆสิงคโปร์มีหลายอย่างที่เขามองว่าไม่ค่อยดีอย่างเสรีถาพสื่อกับการสืบทอดอำนาจ ปชช.ก็ยอมรับกฎหมายเรื่องสื่อ ตอนลีกวนยูตายแล้วมีเด็กไปด่าก็เหมือนกัน คนส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จับเด็กนั่นนะ แต่ชาติตะวันตกด่าสิงคโปร์ว่าเผด็จการ ซึ่งสมัยลีกวนยูแรงกว่านี้อีก

72 Nameless Fanboi Posted ID:1hmduAoWI

แต่ถ้าปชต.จ๋าสิงคโปร์ก็คงเดินมาไม่ถึงจุดนี้นะ กูว่ามันต้องปรับให้เหมาะกะแต่ละประเทศ อย่างไทยเราอาจเหมาะกะแบบนี้ก็ได้

73 Nameless Fanboi Posted ID:6HlMDdobB

>>68 ถ้ามึงอ่านข่าวภาษาอังกฤษออกอย่างที่มึงพูด มึงน่าจะคุ้นกับคำว่าBenevolent DictatorของLKYมั่งนะ
http://www.washingtonpost.com/opinions/what-singapore-can-teach-us/2012/05/02/gIQAlQEGwT_story.html
http://www.businessinsider.com/most-succesful-dictators-2011-6?op=1
http://www.forbes.com/sites/donaldkirk/2015/03/29/singapores-lee-kuan-yew-and-koreas-park-chung-hee-two-tough-leaders-with-much-in-common/
http://www.theguardian.com/world/2015/mar/23/lee-kuan-yews-legacy-of-authoritarian-pragmatism-will-serve-singapore-well
http://www.theguardian.com/public-leaders-network/2015/apr/04/uk-learn-former-colony-singapore-lee-kuan-yew
http://www.washingtonpost.com/opinions/lee-kuan-yew-singapores-long-time-leader/2015/03/22/47d34c2e-ce60-11e4-8c54-ffb5ba6f2f69_story.html
http://www.theatlantic.com/international/archive/2015/03/lee-kuan-yew-conundrum-democracy-singapore/388955/

แม้แต่คนsgยังคิดว่าบ้านเมืองเขาเป็นbenevolent dictatorshipเลย
http://sgforums.com/forums/10/topics/96639

อันนี้คนอังกฤษเถียงกัน
http://www.thestudentroom.co.uk/showthread.php?t=3216435

อังกฤษกับsgช่างเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน รับข่าวแต่จากสื่อไทยถึงได้มองsgว่าเป็นเผด็จการ รึว่ากูอ่านภาษาแอตแลนติสที่dictatorแปลว่าแม่ชีเทเรซ่าอยู่วะ

74 Nameless Fanboi Posted ID:oqkA7i1Fj

>>73 แล้วมึงได้อ่านไหมว่าคนส่วนใหญ่เขาคิดว่าสิงค์โปร์เป็นเผด็จการไหม
กูไม่ได้บอกว่ามันไม่มีคนคิดแบบนั้นเลย กูบอกว่าแทบจะไม่มี
คนส่วนมากมองว่าสิงค์โปรเป็นประชาธิปไตยว่ะถึงจะเป็นประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์ก็เถอะ
มึงลองเปลี่ยนจากคำค้นว่า dictator เป็น democracy ดูนะแล้วมึงจะเห็นว่าคนคิดแบบไหนเยอะกว่า

โพสที่มึงบอกว่าแม้แต่คนsgยังคิดว่าบ้านเมืองเขาเป็นbenevolent dictatorshipเลย
นี่กูก็ไม่รู้นะ บางเว็บมันก็มีเอียงข้างกันได้ ดูอย่างเว็บผจก.หรือสังคมคุณภาพเป็นตัวอย่าง
แต่ที่สำคัญคือถ้าเป็นเผด็จการจริงเนี่ยไอ้คนพวกนี้ไม่ได้มาพูดอย่างนี้หรอก โดนจับหรือโดนเซ็นเซอร์ไปหมดแล้ว
กระทู้ที่มึงโพสมาเนี่ยมาจากหมวดการเมืองการปกครองเลยนะ
ถ้าเป็นเผด็จการ มึงคิดว่าประเทศที่เป็นเผด็จการมาหลายสิบปีจะปล่อยให้มีเว็บที่มีหมวดการเมืองมีคนคุยเรื่องการเมืองกันหลายแสนโพสเหรอ
กูว่าประเทศไทยตอนนี้อยู่ใกล้ความเป็นเผด็จการมากกว่าสิงคโปร์ด้วยซ้ำ

โพสที่มึงบอกว่าเป็นคนอังกฤษเถียงกัน คนที่คิดว่าไม่ใช่เผด็จการก็เยอะกว่า

และนอกจากความเห็นของใครที่ไหนก็ไม่รู้ มึงดูพวกผลวิจัยดีกว่านะ
https://en.wikipedia.org/wiki/DD_index
https://en.wikipedia.org/wiki/Polity_data_series
https://en.wikipedia.org/wiki/Freedom_House
https://en.wikipedia.org/wiki/Freedom_in_the_World
https://en.wikipedia.org/wiki/Worldwide_Press_Freedom_Index
https://en.wikipedia.org/wiki/Freedom_of_the_Press_(report)
https://en.wikipedia.org/wiki/Democracy_Index

ถ้ามึงจะบอกว่าสิงคโปร์เป็นเผด็จการ ก็เป็นเผด็จการไปค่อนโลกแล้ว

กูขอถามมึงหน่อยว่ามีเหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้มึงคิดว่าสิงคโปร์เป็นเผด็จการ

75 Nameless Fanboi Posted ID:6HlMDdobB

>>74 the guardianนี่ซ้ายจะตายห่า ไม่งั้นไม่บอกว่าLKYเป็นเผด็จการหรอก ที่กูเถียงคือมึงบอกว่าเสพย์แต่สื่อไทยเลยบอกว่าsgเป็นเผด็จการ ทั้งๆที่ตะวันตกเรียกLKYว่าเป็นbenevolent dictator คิดว่าคนอื่นอ่านภาษาอังกฤษไม่ออกหรือไงถึงถึงพูดแบบนี้ออกมาได้

https://en.wikipedia.org/wiki/Press_Freedom_Index
จากอันนี้sgอยู่อันดับ 160 ไทย 130
https://en.wikipedia.org/wiki/Freedom_of_the_Press_(report)
อันนี้sgอันดับ 67 ไทยอันดับ 75
https://en.wikipedia.org/wiki/Democracy_Index
sgอันดับ 75 ไทยอันดับ 93
https://en.wikipedia.org/wiki/Freedom_in_the_World
sg 5:4 ไทย 5:4 ตัวเลขยิ่งน้อยยิ่งดี ไทยกับsgเท่ากัน

ที่สำคัญที่สุดคืออันนี้
https://en.wikipedia.org/wiki/DD_index
มึงอ่านรึปล่าวว่าDDย่อมาจากDemocracy-[Dictatorship] ทำใมกูต้องอ่านอันนี้เป็นอันสุดท้ายนะ ถ้ากูอ่านก่อนกูคงไม่เถียงกับมึง ต้องให้กูแปลAnocracyไม๊
Singapore anocracies Military dictatorship
https://en.wikipedia.org/wiki/Anocracy

มึงอ่านภาษาออกจริงรึปล่าววะ ข้อมูลที่มึงให้มา 6 ตัว
1 อันที่sgแย่กว่าไทยคือเสรีภาพสื่อของReporters Without Borders
2 อันดีกว่าไทยคือเสรีภาพสื่อของFreedom Houseและประชาธิปไตย
1 อันที่เท่ากับไทยคือเสรีภาพ
และอันสุดท้าย ซึ่งคือlinkอันแรกของมึงบอกชัดเจนว่าsgคือDemocracy-Dictatorship และอย่างที่กูบอก dictatorเป็นภาษาแอตแลนติสแปลว่าแม่ชีเทเรซ่า เข้าใจตรงกันนะ

มึงถามกูใช่ไม๊ว่าอะไรทำให้คิดว่าsgเป็นเผด็จการ กูจะตอบให้เลยว่าเพราะข้อมูลอ้างอิงที่มึงบอกว่าsgไม่เป็นเผด็จการ มันแสดงว่าsgมีความเป็นเผด็จการนะสิ และบอกตามตรงนะ กูเชื่อถือReporters Without Bordersมากกว่าวะ

76 Nameless Fanboi Posted ID:CLZ1POnIk

>>61 ยูนิคอนมีจริงนะฮับ ไปหัดดูมายลิตเติ้ลโพนี่มั่งนะฮับ

77 Nameless Fanboi Posted ID:agMMe/fH8

SG มันเป็เผด็จการประชาธิปไตยไงล่ะครับ ที่คนไทยเขาเรียกว่าเผด็จการรัฐสภานั่นแหละ
เลือกยังไง พรรคลีกวนยูได้เข้าทุกที พอพรรคอื่นขึ้นก็คุมอำนาจไม่อยู่แตกเละ สุดท้ายก็ต้องเลือกลี กวน ยู ขึ้นมานี่แหละ

78 Nameless Fanboi Posted ID:agMMe/fH8

แต่ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้วนะเมิง ฝ่ายค้านเริ่มมาเยอะขึ้น คิดว่า หลัง ลี กวน ยู ตายไป อำนาจคงค่อยๆ เสื่อมลงแล้วล่ะ

79 Nameless Fanboi Posted ID:VutGAbVW7

แหงแหละ ลัทธิบูชาบุคคล บุคคลตายก้จบ

80 Nameless Fanboi Posted ID:ljLydSQUd

เผด็จการรัฐสภา vs ประชาธิปไตยที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

81 Nameless Fanboi Posted ID:oqkA7i1Fj

กูพูดไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่ใช่ไม่มีคนคิดว่าสิงคโปร์เป็นเผด็จการเลย แต่ฝ่ายที่เชื่อว่าสิงคโปร์มีเสรีภาพมีมากกว่าเยอะ
ข้อมูลวิจัยต่าง ๆ มันก็ต้องมีอันที่สิงคโปร์แย่กว่าไทยอยู่แล้ว
จะให้กูลงข้อมูลแต่ฝั่งที่มองว่าสิงคโปร์เป็นประชาธิปไตยมากกว่าไทยเหรอวะ ทำแบบนั้นทุเรศไปไหม

ที่กูยกมาให้มึงแปดอันเพราะจะชี้ให้มึงเห็นว่ามีประเทศที่แย่กว่าสิงคโปร์อีกเยอะแต่ไม่ถูกมองว่าเป็นเผด็จการ ไม่ได้ให้มึงเอามาเทียบกับไทย

แต่ตอให้ให้เทียบกับไทยที่กูบอกว่าไทยแย่กว่าสิงคโปร์นี่คือภาพรวม จำนวนที่บอกว่าไทยแย่กว่ามันมีเยอะกว่า
Freedom in the World มึงดูปีผิด ล่าสุดของไทยตกไปเป็น 6:5 กลายเป็น Not Free แล้ว
จากที่มึงยกมาห้าตัว มีแค่อันแรกอันเดียวที่บอกว่าสิงคโปร์แย่กว่าไทย

Democracy-Dictatorship มันไม่ใช่คำเรียกประเภทการปกครองนะ มันไม่ได้แปลว่าเผด็จการประชาธิปไตย มันย่อมาจาก index of democracy and dictatorship อีกที ดัชนีความเป็นประชาธิปไตยและเผด็จการ
มึงอ่านให้จบบรรทัดก่อน
เผด็จการประชาธิปไตยเขาเรียกว่า Democratic Dictatorship

Polity data series และ Democracy Index บอกว่าสิงคโปร์เป็น Democracy สองอันแต่มึงก็ยังไปเลือกเชื่อ DD Index ที่บอกว่าเป็น Anocracy อีกนะ

แล้วมึงแปล Anocracy ว่าอะไรวะ เผด็จการหรือไง?
Anocracy ไม่ใช่ Autocratic นะมึงสับสนอะไรอยู่รึเปล่า

สิ่งที่สิงคโปร์เป็นมันก็เกือบจะเหมือนกับที่รัฐบาลก่อนหน้านี้เป็นอยู่เลยว่ะ เพียงแต่การบังคับใช้กฎหมายในไทยมันหย่อนยานกว่าสิงคโปร์มาก
มึงมองว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้เป็นเผด็จการด้วยไหม

>>77 ไอ้คำว่า democratic dictatorship มันเป็นแค่คำที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อใช้ต่อต้านรัฐบาล มึงลองไปหาที่มาของคำนี้มาอ่านดู
ไม่เคยมีการยอมรับในเชิงวิชาการว่ามีระบบแบบนี้จริง
การที่ประชาชนเลือกผู้นำคนเดิมหรือพรรคเดิมซ้ำ ๆ เพราะว่าผู้นำคนนั้นบริหารประเทศให้เจริญได้ ตามหลักแล้วเขาไม่เรียกว่าเผด็จการว่ะ

82 Nameless Fanboi Posted ID:xa2+RbGrL

ตลก ข้อมูลมึงไม่ได้บ่งบอกอย่างเด่นชัดว่าsgไม่ได้เป็นเผด็จการ กลับกัน มันบ่งบอกว่าระดับของเสรีภาพทั่วไปและเสรีภาพสื่อพอๆกับไทย และมันเป็นหน้าที่กูเหรอที่ต้องเถียงตัวเอง ข้อมูลมึงไม่แน่นพอกูชี้ดันบอกข้อมูลรอบด้าน แต่กูดูปีผิดกูยอมรับ ปี 2015 มันเป็นรัฐบาลทหาร คะแนนเลยตกลงเยอะ แต่sgยังถือว่าPartly freeอยู่นะ

ส่วนDD index มันรวมคะแนนsgแล้วได้Military dictatorshipกับanocracies นับค่าตามนี้นะ แต่กูก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่ามันMilitary dictatorshipตรงไหน
https://en.wikipedia.org/wiki/DD_index
https://en.wikipedia.org/wiki/Polity_data_series
sg -2 แปลว่าการเมืองอยู่ต่ำกว่าระดับมาตราฐานประชาธิปไตยที่ต้องมีอย่างน้อย 6 แต้ม ดัชนีนี้ชั่งน้ำหนักระหว่างความเป็นประชาธิปไตยกับเผด้จการ ซึ่งsgโน้มเอียงมาทางเผด็จการมากกว่าประชาธิปไตย เยอะ ส่วนคำว่าAnocracyยึดตาม
https://en.wikipedia.org/wiki/Anocracy
"incoherent mix of democratic and autocratic traits and practices.
Anocratic regimes are also loosely defined as part democracy and part dictatorship
ซึ่งคะแนน -2 นี่ละที่แสดงว่าsgมีความเป็นเผด็จการมากว่าประชาธิปไตย พูดให้เป็นไทยคือประชาธิปไตยครึ่งใบที่โน้มเอียงไปทางเผด็จการมากกว่าประชาธิปไตย 2 แต้ม แต่มึงอ่านยังไงให้Polity data seriesเป็นประชาธิปไตยวะ ในDemocracy Index sgคะแนน 6.03 จากขั้นต่ำ 6.00 ก่อนHybrid regimeแบบไทย พูดแบบDD indexคือให้คะแนนsgด้านPolity data+3 ไม่ไช่ - 2 แบบอีกค่าย

Democratic Dictatorshipไม่ถือเป็นเผด็จการเสียดีเดียว ข้อนี้ใครๆก็ยอมรับ แต่ตามมาตราฐานตะวันตกก็ถือเป็นเผด็จการอยู่ดี ในนี้ขึ้นอยู่กับนิยามของแต่ละสำนัก ส่วนตัวกูไม่ถือว่าsgเป็นเผด็จการ แต่มีองค์ประกอบของเผด็จการอย่มาก ซึ่งตารางข้อมูลของมึงก็สนับสนุนข้อนี้ว่ามาตราฐานด้านเสรีภาพsgไม่ได้healthyเท่าไหร่

83 Nameless Fanboi Posted ID:teons1ulE

"ตามความเห็นเรานะ ถ้าอ่านจากข่าวกับสนธิสัญญาที่ UNHCR อ้างยังไงไทยก้ผิดอยู่ดี เพราะ
1 ไม่ยอมให้ UNHCR เข้ามาร่วมตรวจสอบ แต่ไปบอกว่าตรวจสอบแล้ว ซึ่งถ้าแค่ล่ามมาช่วยไม่ถือว่าตรวจนะ
2 ในเมื่อหลักฐานยังไม่แน่ชัด หรือแน่ชัดก็ต้องบอกมา ทำไมถึงต้องรีบและทำการส่งกลับแบบปกปิดลับ คนเป็นร้อยคน อาจจะไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้ายแต่เป็นผู้ประท้วงที่จีนไม่ยอมให้ถือศีลอดหรือทำกิจทางศาสนาก้ได้ ซึ่งในกฎหมายสากล การนับถือศาสนาเป็นเสรีภ่พการประท้วงโดยสันติเป็นเสรีภ่พ แต่กฎหมายจีนที่ติดบัญชีดำเรื่อง สิทธิมนุษยชนบอกว่าผิด ซึ่งขัดกับหลักการพื้นฐานของสหประชาชาติ
3 คนที่เข้ามาเขาขอลี้ภัยไปในประเทศที่สาม ตามสนธิสัญญาเราต้องช่วยเหลือแต่เราทำกับอีกกลุ่ม อีกกลุ่มไม่ทำ
4 นายกให้สัมภาษณ์ว่า เราเป็นประเทศกลางทางไม่อยากมีปัญหา ทำไมไม่กันตัวเอง(ไทย) ให้ออกจากปัญหาโดยให้ UN เข้ามาขัดข้อกับจีนเอง ทำไมเราดันไปช่วยเหลือจีน อำนวยความสะดวกเจ็มที่โดยไม่สนใจ un (ตามข่าว) "

84 Nameless Fanboi Posted ID:PI8Zfeftj

>>79 แต่บุคคลที่ยังไม่ตายนี่สิ

85 Nameless Fanboi Posted ID:XqRKsQDoB

>>79 ตายก็ไม่จบ คราวนี้กลายเป็นศาสนาใส่ความเชื่อปรุงแต่งอภินิหารได้ตามใจชอบอยู่ค้ำฟ้าไปอีกหลายพันปี

86 Nameless Fanboi Posted ID:j6XDKYM4n

>>83 ก็จะจีบจีนไง แล้วจีนก็ประกาศแบบซึนเดเระ พวกมึงเชื่อกันเหรอฟะไอ้ประกาศๆ กันน่ะ แม่งสร้างกระแสทั้งนั้นแหละ ไอ้ข้อตกลงจริงๆ มันไม่พูดประกาศแบบนี้หรอกมันเงียบๆ

87 Nameless Fanboi Posted ID:PM/Y.7ldz

ไทยน่ะผิดชัวร์แต่กูรำคาญพวกคนที่ด่าจีนว่าทำไมไม่คืนดินแดนให้อุยกูร์
ถ้าถามพวกนี้ว่าทำไมไทยไม่คืนดินแดนให้มลายู ละโว้ ล้านนา คืนเขาไปบ้างพวกนี้จะตอบยังไงวะ จีนได้ซินเจียงมาก่อนที่เราจะได้พวกนี้มาอีก

88 Nameless Fanboi Posted ID:qAtxdP8XN

"บริษัท ณัฐตะวันทัวร์ โทรมาเสนอขายทัวร์เพื่อเดินทางไปสอบ พนักงานคดีปกครอง ที่ กทม ถามว่าดีไหมมันก็สะดวกนะ มีรถรับส่ง ที่พัก อาหารให้ แต่มันน่าสนใจตรงที่ได้เบอร์โทรผู้เข้าสอบมาจากไหน?? แถมรู้ด้วยว่าเราอยู่จังหวัดอะไร พอถามว่าได้เบอร์จากไหน เค้าตอบว่ารวบรวมข้อมูลตั้งแต่สอบกพ. หมายความว่าไง?? มันควรจะเป็นข้อมูลส่วนตัวไม่ใช่เหรอ หน่วยงานราชการเอามาเปิดเผยให้กับบริษัททัวร์แบบนี้มันถูกต้องเหรอ?? แบบนี้ความเป็นส่วนตัวอยู่ตรงไหน ละจะไว้ใจหน่วยงานรับสมัครสอบได้ป่ะเนี่ย เพราะที่ให้ไปมีทั้งเลขที่บัตรประชาชน ที่อยู่ บลาๆๆๆ"
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

89 Nameless Fanboi Posted ID:BuKJNx99D

#‎DontJudgeChallenge‬ นี่มันลักลั่นย้อนแย้งมากเลยแฮะ
แคมเปญออกมาเพื่อบอกว่าอย่าตัดสินคนจากภายนอก ด้วยการแต่งหน้าให้ดูน่าเกลียดเพื่อบอกว่านี่คือความน่าเกลียด ... นี่มัน Don't Judge ยังไง squint emoticon

90 Nameless Fanboi Posted ID:CHsMD5ok0

>>89 เทศกาลส่องคนแปลกหน้าหน้าตาดีๆ ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก

91 Nameless Fanboi Posted ID:tnMYbE933

คำถามพื้นฐานคือ แล้วเราจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร ระหว่างคนปทุมฯ ซึ่งกำลังไม่มีน้ำกิน กับคนกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้ยังมีน้ำกินและไม่กร่อยด้วย

การจัดการเท่าที่เป็นขณะนี้คือ การยังเอาน้ำจืดจากต้นน้ำไปดันน้ำทะเลไม่ให้หนุนขึ้นสูง เพื่อคน กทม. จะได้ไม่ต้องกินน้ำที่มีน้ำทะเลมาปนจนทำให้น้ำกร่อย ไม่น่ากิน ทั้งๆ ที่คนปทุมฯ กำลังไม่มีน้ำกิน ซึ่งตามหลักการการจัดการน้ำสำหรับประชาชน รัฐพึงไม่บริการคนเฉพาะกลุ่ม แต่หากต้องบริการให้แก่คนทุกกลุ่มอย่างยุติธรรม

ดังนั้น ทางแก้เร่งด่วนที่ผมอยากเสนอ คือ ต้องปล่อยให้น้ำทะเลหนุนขึ้นมาบ้าง แล้วผันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไปตามคลองต่างๆ เพื่อให้มีน้ำให้การประปาภูมิภาคหรือเทศบาลแล้วแต่กรณี สามารถสูบและผลิตน้ำเพื่อจำหน่ายแก่ประชาชนอย่างทั่วถึงกันโดยทันที

ส่วนคน กทม. หากต้องกินน้ำกร่อยขึ้นเล็กน้อยในช่วงนี้ ก็ต้องให้เป็นเช่นนั้น ดีกว่าปล่อยให้เพื่อนทรมานจากการไม่มีน้ำใช้น้ำกิน

92 Nameless Fanboi Posted ID:rly6ydOts

"สุดยอดเนื้อคือหมา สุดยอดปลาคือชัคเกอร์" #มิตรสหายท่านหนึ่ง

93 Nameless Fanboi Posted ID:kIzP1GQl.

>>92 เซมาดือ~ ชัคเกอร์~ จิโกะคุ โนะ กุอึนดัน~ วาเรวะ โวะ เนรา~ คุโรอิ คาเงะ~ เซไค โนะ เฮวะ โวะ มาโมรุ ตาเมะ! โก!! โก!! เลสโก~ คากายะคุ มาชินอือ~~ ไรดา~ จั้ม!! ไรดา~ คิก!! คาเมคึ ไรดา~ คาเมคึ ไรดา~ ไรดา~ ไร้ดา~~~

94 Nameless Fanboi Posted ID:kIzP1GQl.

>>92 ซัคเกอร์มันนกอินทรีย์ไม่ใช่เหรอ? มีศตรูโดนธรรมชาติเป็นตั๊กแตนที่คนไทยเข้าผิดว่าเป็นมดร่วม 2 ทศวรรษ

95 Nameless Fanboi Posted ID:wl3F65tya

>>92 เคยแดก Sucker แล้วแม่งเหม็นกลิ่นดินว่ะ แต่ไม่รู้สึกว่าคาวมาก แต่เพื่อนกูบางคนบอกก็บอกว่าคาว
สำหรับกูเมนูนี้ไม่ผ่าน

96 Nameless Fanboi Posted ID:iVoDzXZO9

" สองเดือนก่อน ถามเพื่อนที่เชี่ยวชาญประเทศญี่ปุ่น ว่า ถ้าเกิดญี่ปุ่นเกิดภัยแล้ง (นี่คือถามตอนเดือน พ.ค. นะค๊า) รัฐบาลอาเบะ จะจัดการยังไง? นางบอกว่า ญี่ปุ่นไม่เคยเจอภัยแล้ง แล้วนางก็หัวเราะ (อ้าว) ก่อนจะตอบว่า อาเบะก็คงปรึกษากับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำๆ เรียกตัวท็อปๆ มาปรึกษาแหละ ว่าจะใช้เทคโนโลยีอะไรช่วยกู้ชาติญี่ปุ่นได้บ้าง
จริงๆ เราก็คาดหวังคำตอบแบบนี้อยู่แล้ว คือเราคิดว่า อาเบะก็คงไปศาลเจ้า ไปสวดมนต์อะไรพวกนี้เคารพบรรพบุรุษบ้างแหละตามประสาผู้นำ แต่เขาคงไม่ออกสื่อในแง่ที่ว่า อาเบะสวดอ้อนวอนที่ศาลเจ้าเมจิให้...ไรงี้ (นี่ไม่ได้จะกวนตีนนะ แต่สิ่งนี้ไม่มีวันเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นแน่ๆ ‪#‎ไม่ได้มีแฟนเป็นหนุ่มญี่ปุ่นแต่เดี๊ยนมั่นใจ‬) คือการเคารพนบนอบต่อธรรมชาติของคนญี่ปุ่นนั้นสูง แต่ขณะเดียวกัน ถ้าเกิดปัญหาวิกฤต เขาก็พร้อมใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย
เป็นตอนที่มาเรียนต่อที่นี่แหละที่ได้เจอคนที่ต่างจากแวดวงนิตยสารที่อยู่เยอะ เราก็เลยรู้ว่า รัฐบาลไทยก็ส่งคนไปเรียนต่อเมืองนอกเยอะ แต่สิ่งที่สงสัยก็คือ เรามีทรัพยากรบุคคลที่เก่งและทรงคุณค่ามากๆ และเราเชื่อว่าพวกเขาเก่งเทคโนโลยีกันมากๆ (ไม่ได้หมายถึงเล่นเฟซบุ๊ค) แต่ทำไม เราโตมาจนจะใกล้วัยกลางคนแระ (นี่ยังไม่กลางเรอะ) แต่ทุกครั้งที่เกิดปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม หรืออะไรที่มันดูน่าจะใช้เทคโนโลยีมา manage ได้ เรากลับยังไม่เจอวิธีสื่อสารหรือการทำงานของรัฐ ที่สะท้อนว่า ประเทศเรา pro technology และพร้อมจะใช้สิ่งเหล่านี้ในการแก้ปัญหาเลย
ไม่ได้จะโทษใครนะ โยนโจทย์ใส่ทุกคน เราคิดว่าสื่อหรือนักวิชาการก็ต้องช่วยกันสื่อสารตรงนี้ไปให้มากที่สุดเช่นกัน "

97 Nameless Fanboi Posted ID:qL3lbAnEd

we believe in miracle
we do believe you are miracle creator
God we need you
we need rain
https://www.youtube.com/watch?v=_CPmQAs2Bfg

98 Nameless Fanboi Posted ID:BDYDfF5gS

>>96 ญี่ปุ่นก็กราบไหว้เหมือนไทยเรานั่นแหละแค่ไม่ขยันนำเสนอตีเลขหวย กราบไหว้เดรัจฉาน ศพ พิการ เพราะมันโลว์คลาส
ส่วนคนเก่งๆหายไปไหน หนีไปนอกกันหมดไง พวกเบี้ยวทุนการศึกษาก็เยอะ

ปัญหาแล้งกูเสนอมักง่ายคือพวกมึงก็ขนกันมาเที่ยวจังหวัดที่น้ำท่วมแล้วแบ่งขนน้ำท่วมไปถมกันเอง

เหมือนตอนน้ำท่วมก็เผ่นแห่กันมาจังหวัดที่น้ำไม่ท่วม

99 Nameless Fanboi Posted ID:TkEmwcr.v

"จุดเปลี่ยนชีวิตจากการลอกข้อสอบ"
สมัยเข้าม.ต้นใหม่ๆด้วยอายุ 10 ขวบ ชีวิตยังคงเป็นเด็กเรียนคนหนึ่งที่วันๆทำอยู่สองอย่างคือเรียนและฝึกเขียนโปรแกรม
ด้วยความเด็กและไร้ความมั่นใจแต่จับพลัดจับผลูมาอยู่ห้องคิงได้โดยไม่รู้สาเหตุ รอบตัวประกอบด้วยคนเก่งจนตัวเองหดเหลือตัวนิดเดียว
จึงไม่ต้องแปลกใจที่ตอนสอบกลางภาคครั้งหนึ่ง ถึงจะจำวิชาไม่ได้ แต่จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างดี ...
ถึงแม้ตัวเองจะไม่ใช่คนชอบลอกข้อสอบ แต่สายตาเจ้ากรรมดันไปเหลือบเห็นคำตอบของคนข้างๆที่ใครก็ยกย่องว่า "เก่งมาก" แต่ข้อนั้นมั่นใจเต็มตัวว่าที่เราตอบมันถูกแล้ว แค่มันไม่ตรงกับคนนั้น ...
สุดท้ายเราก็หยิบยางลบมา บรรจงลบคำตอบแล้ว ... ไปกาข้อเดียวกับที่เพื่อนตอบ
หลังจากสอบเสร็จทุกคนก็ออกมาคุยกันหน้าห้องตามประสาคนสอบเสร็จ จึงได้รู้ว่า ... "ที่เรากาไว้ตอนแรกอ่ะถูกแล้ว ส่วนเพื่อนคนนั้นที่ทุกคนบอกว่าเก่งมากกลับตอบผิด" ... แต่เราเจือกไปลอกเค้าจนผิดตาม
เหตุการณ์เล็กๆนี้กลับทำให้ตระหนักได้จนความคิดและชีวิตเปลี่ยนมาจนถึงวันนี้
"ทำไมมนุษย์เราถึงเอาแต่เชื่อคนอื่น แต่กลับไม่คิดจะศรัทธาในตัวเองนะ"
"ทำไมถึงเอาแต่ดูถูกตัวเอง ทั้งๆที่จริงๆตัวเองก็ทำได้"
"แล้วเมื่อไหร่จะเติบโตได้?"
และตระหนักได้ว่าปัญหามันไม่ใช่คำตอบเพื่อนผิดหรือคำตอบเราผิด แต่เป็นความผิดที่ "เราไม่รู้ว่ามันผิดมั้ยตะหาก" หรือง่ายๆคือเป็นเพราะเราเก่งไม่พอ ... แค่นั้นเลย
แก้ปัญหาให้ถูกจุดสิ ...
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากวันนั้นคือมุ่งพัฒนาตัวเองเรื่อยมาและเปลี่ยนจากมุมมองคนที่เอาแต่พึ่งพิงคนอื่นมาเป็นพึ่งพาตัวเองและหากมีโอกาสก็จะคอยช่วยเหลือคนอื่นเรื่อยๆ
หยุดที่เอาแต่เชื่อหรือไม่เชื่อใคร หากอยากรู้อะไรก็ทดลองด้วยตัวเอง เรียนรู้ด้วยตัวเองและดำเนินชีวิตในแนวทาง "ยิ่งเจอปัญหายิ่งเก่ง" และ "ไม่เชื่อใครง่ายๆ" มานับตั้งแต่ตอนนั้น
ต้องขอบคุณการลอกข้อสอบครั้งเดียวในชีวิตที่คอยพร่ำเตือนบอกให้ชีวิต "อย่าหยุดพัฒนาตัวเอง"
บางทีสิ่งดีๆก็เกิดมาจากสิ่งร้ายๆ ...
ในขณะเดียวกันสิ่งร้ายๆก็เกิดจากสิ่งดีๆ ...
เนอะ smile emoticon

100 Nameless Fanboi Posted ID:9MjxhXIgH

กูเคยลอกข้อสอบหนนึงเพราะกูทำไม่รู้เรื่องเลย ระหว่างกระดาษเปล่ากะลอกขอลอกล่ะกัน

101 Nameless Fanboi Posted ID://dkupqSd

"If one civilization tries to genocide you, they're the problem.

If EVERY civilization tries to genocide you, maybe YOU'RE the problem." -Anonymous of /int/

102 Nameless Fanboi Posted ID:EHtnEFsxf

>>100 วิธีคิดเหี้ยมาก

103 Nameless Fanboi Posted ID:Rgb7KT5rk

>>100 ขี้ขลาดจังนาย ไม่รู้ก็ยอมรับว่าไม่รู้สิ

104 Nameless Fanboi Posted ID:7MCH.fmcJ

>>103 ให้ยอมระบว่าไม่รู้กูกล้ายอมรับ

แต่ไอสั่งให้ไปคัดข้อสอบบลาๆนี่กูไม่ยอมหรอกสัส

105 Nameless Fanboi Posted ID:0M70l.+MI

ญาตกูส่งข้อสอบกระดาษเปล่าวะ แล้วไปซ่อมวันหลัง

เผอิญวิชาที่สอบถ้ามึงตอบผิดคะแนนแม่งโดนติดลบหักกับข้อที่ถูกด้วย

106 Nameless Fanboi Posted ID:9MjxhXIgH

หน่าเรื่องผ่านไปแล้วสิบห้าปี ปล่อยกูไปเหอะ

107 Nameless Fanboi Posted ID:i1GFDlcft

>>101
"GAS THE KIKES, RACE WAR NOW!"
- Anonymous of /pol/

108 Nameless Fanboi Posted ID:48clv9bo6

>>99 by หนูเนยนี่หว่า

109 Nameless Fanboi Posted ID:ae2oSQxNP

>>101 ยิว?

110 Nameless Fanboi Posted ID:pWw/JbNzn

"เอาจริง ๆ นะ แค่คุณมาโพสต์เรื่องราวของคุณเองเนี่ย ก็แปลว่าคุณอยากเผยแพร่เรื่องส่วนตัวของคุณแล้ว
ถ้าไม่อยากให้คนยุ่งเรื่องส่วนตัว ก็อย่าโพสต์ลงสังคมออนไลน์เลย เก็บไว้อยู่แค่ในหัว จดลงไดอารี่ก็ได้ หรือพูดหน้ากระจกให้ตัวเองฟังก็ได้ แต่ถ้าจะโพสต์ก็ยอมรับซะเหอะ"

111 Nameless Fanboi Posted ID:U30ndk9uU

อ่านเรื่องทีวีพูลแล้วสรุปแบบหยาบๆได้ว่า ทำธุรกิจมาจนมีเงิน 2 พันล้าน ปีที่แล้วเอาไปลงทุนกับ Digital TV พร้อมประกาศว่าจะชนะช่อง 3,5,7,9 ได้ ล่าสุดตอนนี้ปิดช่องฟ้องกสทช. หากแพ้ก็จะล้มละลาย ...
เนื้อเรื่องทางคุณติ๋มโทษกสทช.นานาสารพัด แต่พอมาดูจริงๆจะเห็นว่ามีบางช่องรุ่งเรือง บางช่องล้มเหลว เลยค่อนข้างสะท้อนให้เห็นชัดว่าแท้จริงความผิดใคร
กสทช. ผิดเรื่อง Strategy ส่วนหนึ่งที่ปล่อยประมูลช่องเยอะเกินไป ไม่สมดุลกับจำนวนประชากร แต่ที่ผิดใหญ่ๆคือคนลงทุนกลับอ่านเกมไม่ออก ไปลงเลยโดยไม่เข้าใจแม้แต่นิดเดียวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทั้งๆที่มีคนจำนวนมากมองออกว่าจะเกิดอะไรกับ TV Digital
ก้าวพลาดก้าวเดียวไปทำสิ่งที่ตัวเองไม่เชี่ยวชาญ สิ่งที่สร้างมาทั้งชีวิตอาจไม่เหลืออะไร

112 Nameless Fanboi Posted ID:vw+VU1DPl

>>111 เหมือนป๋าเทพเด๊ะๆ

113 Nameless Fanboi Posted ID:hciB9YQna

>>111 กูเห็นแววเจ๊งตั้งแต่โชว์ตรรกะ
หารรายได้จากช่อง.....กำไรชัวร์

แล้ววะไปคิดเอาทฤษฎีควายเหี้ยๆมาใช้ได้ไงเนี่ย

114 Nameless Fanboi Posted ID:W3njbMUnr

เราบอกให้ใครมารักเราไม่ได้หรอก
โดมินิค โทเร็ตโต้
Furious 7

115 Nameless Fanboi Posted ID:1x2GJQWhR

"ถ้าเรายึดหลักการมีส่วนร่วม สสส.ซึ่งได้เงินมาจากคนดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ควรจะมีตัวแทนคนดื่มเหล้าสูบบุหรี่เข้าไปเป็นบอร์ดอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง"
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

116 Nameless Fanboi Posted ID:j6YHQ.kOE

กูเข้าใจละทำไมไทยแม่งแบน Tropico 5 ไม่ให้ขาย ได้เล่นจึงได้รู้ แหม่ พวกอคติต่อราชวงษ์จะเพิ่มขึ้นนั่นเองแถมรู้ทันรบ. แม่งจำลองได้เหมือนจริงเหี้ยๆ

117 Nameless Fanboi Posted ID:EeDxkJwDG

"ตอนผมเป็นวัยรุ่นยุค 56K (เล่น Pirch และ ICQ) จำได้ว่าพวกผู้ใหญ่และสื่อพากันเป็นห่วง "เยาวชนผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์" จะตกเป็นเหยื่อเทคโนโลยี ถูกผู้ไม่หวังดีล่อลวง. เมื่อไรที่มีข่าวนักศึกษาขายตัวทางเน็ต พ่อแม่ชนชั้นกลางทั้งหลายก็กระวนกระวายกันไปทั่ว ว่าลูกจะโดนหลอกขายตัวให้เสี่ย.
พอนึกย้อนกลับไปก็ขำหึๆ. ที่ขำก็เพราะผู้ใหญ่ที่เคยเป็นห่วง "เยาวชนผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์" เนี่ย มาถึงวันนี้ก็กลายมาเป็นลุงๆ ป้าๆ ที่เริ่มเล่น Line และ Facebook กัน แล้วแต่ละคนตอนนี้นี่ดูไม่จืดทีเดียว.
บางคนโดนหลอกด้วยรูปตัดต่อระดับเบสิคที่เด็ก ป.5 ดูปุ๊บก็รู้ปั๊บแบบไม่ต้องซูม. บางคนโดนเพจดักควายหลอกซะเงิบเสียศูนย์ (มีเหยื่อแบบ high-profile มาให้เห็นตลอด). บางคนโดนหลอกให้โอนเงินไปให้คนที่อ้างว่าเป็นเศรษฐีไนจีเรีย. บางคนโดนฝรั่งใช้รูปโปรไฟล์ปลอมมาหลอกจีบแล้วขอเงิน บอกว่าจะซื้อตั๋วเครื่องบินมาหาที่เมืองไทย (เหยื่อประเภทนี้ส่วนใหญ่เป็นป้าวัยทองขี้เหงา หรือชายวัย mid-life crisis). แล้วก็มีนับไม่ถ้วนที่โดนหลอกด้วยข่าวมั่วๆ แนวฟอร์เวิร์ดเมล ที่ก๊อปส่งกันทาง Line.
พูดสั้นๆ คือ โดนหลอกด้วยมุกที่วัยรุ่นเขารู้ทันกันไปเกือบหมดตั้งแต่ก่อน Y2K แล้วอะครับ. (โอเค เพจดักควายนี่อาจเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ยุคปลายศตวรรษที่ 20 ยังไม่มี.) ถ้าความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เป็นเหตุให้ต้องถูกควบคุม ก็มีเหตุผลที่วัยรุ่นจะต้องควบคุมการใช้เทคโนโลยีของผู้ใหญ่นะครับ."
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

118 Nameless Fanboi Posted ID:9cnZ.niF0

เคยปรึกษาเพื่อนรักที่แต่งงานแล้วว่ามีคำแนะนำสำหรับชีวิตคู่ไหม มันตอบว่า "มึงอย่าแต่งงาน"

ได้แต่ขำ คงเพราะเราเป็นแค่คนที่อ่อนต่อโลกมองความรักในด้านที่สวยงาม กับอีกอย่างโจทย์ของชีวิตคือเรียนรู้ทุกอย่างใช้ชีวิตให้คุ้ม จะดี จะร้าย จะขอทำตามหัวใจ(ไต่เย้ยนรก-Sweet Mullet)

เพิ่งเข้าใจว่าความรักผู้ชายกับผู้หญิงไม่เหมือนกันเลย ผู้ชายรักแล้วจะเน้นทุ่มเท มุ่งมั่น กับความรัก ส่วนผู้หญิงขัดใจคือไม่รัก ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่แค่ไหน

สำหรับผู้ชายที่เพิ่งเรียนรู้เรื่องนี้ความรู้สึกคือโง่มาก พังมาก

เข้าใจแล้วที่ว่าผู้ชายดีๆไม่มีในโลก คือไม่ว่าทำอะไรก็ตาม แต่ขัดใจคือผิด ต่อให้ผู้ชายรู้สึกรักมากแค่ไหน ทุ่มเทมาก เปลี่ยนแปลงตัวเองมาก จุดนึงจะเจอขีดจำกัดตัวเอง ไม่ว่าทางร่างกาย จิตใจ แรงกดดัน ความเครียด ซึ่งผู้หญิงมักไม่ให้ทางเลือกอื่นนอกจากต้องข้ามขีดจำกัดให้ได้

ภรรยานี่คงเป็นขั้นแรกเบาะๆ ลูกนี่ของจริงชีวิตเปลี่ยน ค่อยๆ break limit & upgrade ไป

119 Nameless Fanboi Posted ID:KInP1sbHE

>>118 กูเลยปล่อยแล้วไง ไม่ทุ่มไม่เทแล้วอยากมาก็ทนให้ได้ล่ะกันเพราะกูอยู่คนเดียวได้

120 Nameless Fanboi Posted ID:Zzmg9wQAr

>>117 "อรุณสวัสดิ์วันศุกร์สีฟ้า ขอให้ธรรมะคุ้มครอง"
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

121 Nameless Fanboi Posted ID:YeJRLhIwm

"จริง ๆ แล้ว แฮมเบอเกอร์กับฮ็อทด็อก เป็นอาหารคนละแบบกันล่ะ"
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

122 Nameless Fanboi Posted ID:tm/wKkK2f

>>117 "อย่าไปจู้จี้กับพวกผู้ใหญ่มากเลยครับ ขอแค่พวกแกไม่ไปติดยาผมก็ดีใจแล้ว"
-‎มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง‬

123 Nameless Fanboi Posted ID:neKnqC/YV

"Vegans are the radical offspring of vegetarians. The ISIS of Al Qaeda if you will."

124 Nameless Fanboi Posted ID:WlFXlE8ey

"ถ้า"การแขวนป้ายใหญ่ๆมันมีประโยชน์มาก ทำให้รู้จักกันง่ายๆและมีสารพัดประโยชน์นัก ทำไม "รุ่นพี่"และ "อาจารย์"ที่สนับสนุนถึงไม่ร่วมแขวนด้วยกันล่ะครับ? ทำไมต้องให้แต่ปี1แขวน?"
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

125 Nameless Fanboi Posted ID:t3/4mTbwS

>>124 จริงว่ะ กูจำชื่อรุ่นพี่ไม่ได้ พอไปถามแม่งก็หาเรื่องกูอีก
ถ้ามึงแขวนป้ายแต่แรกกูจะได้ไม่ต้องเข้าไปถาม

126 Nameless Fanboi Posted ID:OKVRoiaLW

>>124 ที่ม.กูแขวนนะ

127 Nameless Fanboi Posted ID:jw1igCxnf

ดีเซล-เบนซินลดเหลือลิตรละ 2x บาทในยุคนี้

ขอกูซาบซึ้งแป๊บ

128 Nameless Fanboi Posted ID:ulXpoiZ3U

"การแสดงความคารวะต่อหยงประมูลที่ดีที่สุด คือเกรียนประมูลต้องขุดศพแกขึ้นมาเล่นต่ออย่างระยำตำบอนและผิดกาลเทศะครับ สปิริตของเว็บประมูลมันอยู่ตรงนี้
‪#‎ตรัส‬"

129 Nameless Fanboi Posted ID:Nyjp56h8C

"ผมชอบอ่านเล่นนะพวกคัมภีร์ศาสนาต่างๆ ถ้าอ่านเองมันไม่เหมือนที่พวกนักบวชสอนหรอกที่จะเลือกมาแต่บทที่ดีๆ ถ้าอ่านทุกบรรทัดในคัมภีร์มีอะไรบ้าๆเยอะ มีทั้งเรื่องราคาค้าทาส การลงโทษทาส การลงโทษหญิงที่พูดในศาสนสถาน ลงโทษคนที่ทำงานในวันหยุดโดยการปาหินใส่จนตาย การสมสู่ในครอบครัว สมสู่กับเด็ก ห้ามใส่ชุดที่มีผ้าปนๆกันหลายชนิด ห้ามรักพ่อแม่มากกว่าพระเจ้า ถ้าทะเลาะกับใครอยู่แล้วเมียเข้ามาห้ามแล้วเมียมือไปโดนจู๋คนนั้นให้ตัดมือเมียทิ้ง ห้ามกินอาหารทะเลที่ไม่มีเกล็ดและครีบ เจ้าสาวที่ไม่บริสุทธิต้องถูกปาหินใส่จนตาย ถ้าเจอคนที่ไม่นับถือศาสนาเราให้ฆ่าทิ้งถ้าเขาไม่ย่อมเปลี่ยน โอ๊ยสารพัดจะบ้าๆบอ

คนที่เห็นพวกศาสนิกชนหัวรุนแรงแล้วชอบพูดว่าโอ๊ยพวกนี้บิดเบือนศาสนา ไม่เข้าใจศาสนา ผิดครับ พวกศาสนิกชนหัวรุนแรงนี่ล่ะทำตามศาสนาแบบบรรทัดต่อบรรทัดเลย"

130 Nameless Fanboi Posted ID:CbxTPkAjt

"กูว่าคนอย่างไอ้เหี้ย กร ควยไรนั่นไม่น่าเป็นหัวหน้าคนได้ว่ะ ลูกน้องตัวเองเย็ดเด็ก แต่แม่งเสือกโดนด่าร้องไห้ฟูมฟาย ไอ้สัสกูขรรม"

131 Nameless Fanboi Posted ID:a1o/DgU26

"ถ้าไม่มีกล้องวงจรปิด ป่านนี้ได้ตัวคนร้ายแล้ว"

132 Nameless Fanboi Posted ID:F1.gruNB6

"A monkey is a much better voter than a socialist. Statistically speaking, if we assume that there are two options to choose from: the 'A' and the 'B' - the monkey is voting randomly, so its wrong 50% of the time. The socialist, however - is always wrong."

133 Nameless Fanboi Posted ID:gO+85vgP1

"ถ้ายังจำกันได้ เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว ชายคนหนึ่งมีอาการทางจิต บุกเข้าไปใช้ค้อนทุบพระพรหมจนพังทั้งองค์ จากนั้นก็ถูกคนแถวนั้นรุมกระทืบจนเสียชีวิต
ตำรวจจับพนักงานเก็บขยะกทม.ได้สองคน พ่อของผู้ตายพอรู้ว่าลูกชายถูกกระทืบตายก็เศร้ามาก แถมสองคนที่ถูกจับก็ได้รับการประกันตัวกลับไปทำงานปกติและมีแนวโน้มว่าจะหลุดคดี เขาพยายามร้องขอความเป็นธรรม
แต่ข้าราชการตำรวจระดับสูง พ่อค้าแม่ขาย เมื่อพูดถึงกรณีนี้ก็จะแสดงความเห็นไปในทางเศร้าโศกเสียใจต่อสภาพของพระพรหม ไม่มีใครโศกเศร้าต่อความตายของ 'คนบ้า' คนนั้น ไม่มีใครเห็นว่าครอบครัวของคนบ้าคนนั้นควรได้รับความยุติธรรมจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเลยแม้แต่น้อย"
‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

134 Nameless Fanboi Posted ID:OecsarDds

เวลามีคนจะจ้างทำเว็บให้เหมือน Lazada มันไม่ยากเลยนะ แต่เวลาเค้าบอกว่าอยากทำให้ขายดีแบบ Lazada มันยากมากนะ
เพราะ KPI เค้าโหดมาก และไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ KPI ของทุกทีมในนั้น แม้แต่ตัวผู้บริหารสูงสุดอย่าง ริค ก็ไม่ได้รู้ KPI ของทาง WH ครบทุกตัวในตอนนี้ แม้ช่วงเริ่มต้นบริษัท ริค จะเป็นถึง MD ฝ่าย WH มาก่อน .... จะแข่งอะไรกับใครก็ต้องทำ engine ออกมาให้ดีเท่ากันหรือดีกว่าคู่แข่ง ... นั่นแหละคือ KPI หลายๆ KPI รวมกันคือองค์ประกอบของ engine ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในธุรกิจ การที่บริษัทของเราต้องตั้ง KPI ไว้สูงกว่าคู่แข่งเสมอ แปลว่าเราพร้อมแข่งกับคนอื่นเสมอ
ตอนทำ Lazada เราเลยต้องตั้งทุกๆ KPI ให้สูงกว่าเว็บ eCommerce ที่มีอยู่เดิมในตลาด ตอนทำ CDiscount เราก็ต้องตั้ง KPI ให้สูงกว่า Lazada
พนักงานหลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องตั้ง KPI แล้ว KPI มันช่วยอะไรให้ดีขึ้น ส่วนมากจะมองภาพง่ายๆว่าอยากได้ตัวเลข KPI เพิ่ม ก็เพิ่มคน หรือ ไม่ก็ปรับปรุงระบบ ไม่งั้นก็อัพเกรดอุปกรณ์ แต่ไม่ได้มองการปรับปรุงการทำงานหรือทัศนคติตัวเอง เพราะเจอหน้าจอเดิมๆ เจอคนข้างๆทำงานแบบเดิมๆ ... Lean / Kaizen เลยกำเนิดมาบนปัญหานี้ ให้เราเปลี่ยนแนวคิด แนวการแก้ไข บนเครื่องไม้ เครื่องมือเดิม เพิ่มให้ผลลัพธ์ดีขึ้น ถ้าลองปรับแล้วดีจนถึงที่สุด ค่อยวนกลับไปเพิ่มคนถ้าต้องการ KPI ที่มากขึ้น
พอได้ KPI ที่มีระดับสูงมากจนคู่แข่งยากจะตามทัน เราถึงค่อยมาทำ cost optimized นั่นคือสูตรสำเร็จที่ Google ทำมาก่อน แล้ว Facebook ก็ลอกตามมา สุดท้ายก็กลายเป็นวัฒนธรรมที่หลายๆ Startup ทำกันอยู่ ... ไปดู Financial Plan เหล่า Startup เกิดใหม่ได้เลยช่วง 3 ปีแรกมีแต่ cost structure ใช้เงิน กับ หาเงิน ไม่มี cost optimized อยู่ใน financial sheet เลย และถ้าทำพลาดหรือเงินหมดก่อนก็จบ แต่ถ้า KPI ยังดีอยู่ก็จะมีอัดฉีดเงินเรื่อยๆ แต่ถ้า KPI ไม่ดีดั่งเดิม ก็ยากจะหานายทุนมาอัดฉีดเงิน
เวลาใครถามว่าได้ข่าว Lazada ยังขาดทุน แต่ก็มีกระแสข่าวเรื่อยๆว่าได้เงินลงทุนเพิ่ม นั่นแหละครับ เฉลยคือ KPI และ วัฒนธรรมนี้มีสูงมากในหมู่ชาวเยอรมัน การทำ KPI ให้สูงที่สุดเท่าที่จะสูงได้ เพื่อพัฒนาอะไรก็ตามแต่ขึ้นมาให้คนทั่วไปใช้

135 Nameless Fanboi Posted ID:8KsbwgjN4

I like racist jokes the same way that I like black people.

I don't like racist jokes.

136 Nameless Fanboi Posted ID:Hy3hpq5Ls

ฉันใดของ
คนที่จิตหมกมุ่น แม้เห็นนมโนบิตะก็หาว่าการ์ตูนโป้

ฉันนั้น
คนที่ด่าพวกเหยียด คือคนที่มีความคิดเหยียดซะเอง

137 Nameless Fanboi Posted ID:QEC5DO5Mj

ในโลกนี้ มิตรสหายท่านหนึ่งเกลียดอยู่ 2 อย่าง
1. การเหยียดผิว
2. คนดำ

138 Nameless Fanboi Posted ID:avrvNru0f

เมียดีเป็นศรีแก่ผัว
http://pantip.com/topic/34094171

139 Nameless Fanboi Posted ID:UJVixfFxk

"Because when men see an ideal male, they aspie to be that man, like James Bond.

When a woman sees an ideal woman, she makes a tumblr about how that ideal is not real, or not what men want, or a crazy obsessed person who hates themselves, etc.

Men climb the mountain to reach the top, women complain that there is a mountain top, and declare wherever they are to be the new mountain top."

140 Nameless Fanboi Posted ID:h8s7lTbgS

If news reporters were armed this tradegies would not happen

141 Nameless Fanboi Posted ID:aTRhNzqYA

"ชีวิตที่มีแรงผลักดันจากหนี้สิน"
2-3 วันนี้นั่งทำบัญชี ก็เลยคิดโน่นคิดนี่เพลินระหว่างทำ
มานั่งคิดๆดู เราทำโน่นทำนี่ไม่หยุดเพราะเราหยุดไม่ได้ เนื่องจากโดนหนี้สินเอาไม้ทิ่มอยู่ตลอดเวลา ดิ้นไปไหนก็ไม่ได้ เลยต้องทำโน่นทำนี่ตลอดเวลาอย่างไม่ได้หยุดพัก
รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นคนหยุดพัฒนาตัวเองไม่ได้ (ทั้งเต็มใจและไม่เต็มใจ)
และ "หนี้สิน" คือ "แรงผลักดัน"
ทุกวันนี้ก็เดือนชนเดือนอยู่เหมือนเดิม แต่ก็เริ่มพอจะหายใจได้บ้าง ของฟุ่มเฟือยไม่เคยได้แอ้มเงิน ทุกบาททุกสตางค์เอาไปลงกับการลงทุนทั้งหมด มือถือเครื่องล่าสุดที่ซื้อใช้เองก็ประมาณ 3 ปีที่แล้ว -0-
ทั้งหมดทั้งมวล ไม่ได้ดีใจที่เกิดมาจน แต่ดีใจที่สามารถดิ้นรนจนยังไม่อดตาย ถึงทุกวันนี้จะยังลำบากอยู่มากๆจนจิตใจหดหู่ห่อเหี่ยวทุกวันก็ตาม
ยังไงใครสนใจอยากได้แรงผลักดัน ผมพอจะแบ่งให้ได้นะครับ มีพอสำหรับหลายคนเลยหละ .... เอามะ นี่หวังดีจรีจรีนะ

142 Nameless Fanboi Posted ID:4So5s+Ib8

>>141 แบ่งมาใช้ชีวิตปัจจุบันไม่ได้เลยเหรอ อนาคตมันไม่เคยมาถึงนะ

143 Nameless Fanboi Posted ID:D7030qLYK

"why do we still feel the need to follow religions, in this day and age?
they've run their course, they established moral values, now all they do is divide us into groups so we can start wars with others.
why can't we all just get along, as fucking humans? " -Anon-

144 Nameless Fanboi Posted ID:ij+pPQXSr

"ไม่มีหรอกครับพุทธแท้ พุทธในพระไตรปิฎก พุทธจากปากพระพุทธเจ้าอะไรนั่น

คำสอนออกจากปากใคร ก็ผ่านการตีความของคนคนนั้นแล้ว ถ้าไม่ยอมรับตรงนี้ ยังไงก็คุยกันไม่รู้เรื่อง

พระไตรปิฎกเป็นแค่วรรณกรรมโบราณชิ้นหนึ่ง ที่หากจะแสวงหาความลึกซึ้ง ก็ต้องฝึกตีความ การอ้างพระไตรปิฎกไม่ได้ช่วยให้ความงมงายไร้สาระดูน่าเชื่อถือมากขึ้น อันนี้หากยอมรับกันไม่ได้ ก็คุยกันไม่รู้เรื่องอีก

การตีความผ่านประสบการณ์ของคนนัั่นแหละ ที่ทำให้คำสอนทางศาสนามีชีวิต

ไม่มีประสบการณ์ของใครที่จริงกว่าของใคร การศึกษาคำสอนจึงต้องเป็นการแลกเปลี่ยนเสวนา ไม่ใช่เทศนาทางเดียว

หากจะทำให้คำสอนมีความหมายต่อชีวิตมนุษย์ คำสอนก็ต้องเคารพความเป็นมนุษย์ และผ่านประสบการณ์ความเป็นมนุษย์เข้าไป คำสอนทางศาสนาต้องถูก "ตีให้แตก" ผ่านยุคสมัย ผ่านวัฒนธรรม ผ่านความหลากหลาย คำสอนจึงจะพัฒนาความลึกซึ้งยิ่งขึ้น ไม่ใช่อะไรๆ ก็อ้างความถูกต้องสูงสุด ราวกับคำพูดของพระพุทธเจ้าหรือถ้อยคำในพระไตรปิฎกเป็นความจริงในตัวมันเอง

ปัญหาของพุทธอำนาจนิยมแบบไทยๆ คือ การยึดอำนาจการตีความคำสอนทางศาสนาเป็นของคนกลุ่มเดียว แล้วผลักให้คนที่เห็นต่าง "เป็นอื่น" แล้วทำให้คำสอนทางศาสนาเป็นสิ่งที่แน่นิ่ง ปราศจากชีวิต และไม่เคารพความเป็นมนุษย์ คำสอนทางศาสนาแบบนี้เป็นส่วนสำคัญของความรุนแรงทางสังคม และง่ายที่จะถูกหยิบใช้เป็นเครื่องมือและอาวุธในการกดขี่"

-‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

145 Nameless Fanboi Posted ID:aC6LzUSK9

In order to be a hipster you CANNOT call yourself a hipster. A person who thinks of him or herself, and identifies as, a hipster is automatically NOT a hipster. (Urban Dictionary)

The first rule of being a hipster is you can’t want to be one, and you can’t say you are one. (City Terms Pop Culture)

146 Nameless Fanboi Posted ID:CCxLO5Peo

เออ มีเรื่องแจ้งให้ทราบ

วันนี้คุยกับวินมอไซถามหา"คนดำ" ที่ขับวินนี้ว่าหายไปไหน

วินตอบว่ามันหนีไปแล้ว มันขโมยมอไซกับกันน้อคเพื่อนในวินไปขายแล้วหนีไปเลย

จบเพียงเท่านี้

‪#‎เรื่องจริงจากมิตรสหายท่านหนึ่ง‬

147 Nameless Fanboi Posted ID:gO3W9kMPe

"หัวหน้าฝรั่งถามกูว่าร้านอาหารนี้อ่านว่าอะไร
กูอ่าน สุพรรณิกา
มันบอกมันอ่านว่า super-niggar"

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

148 Nameless Fanboi Posted ID:VUyiqAvfR

"ขออภัยมิตรสหายทางพุทธนะครับ การที่คุณยืนยันว่าคำสอนเรื่อง "ความดับทุกข์" ของพุทธศาสนาเป็นคำสอนสำหรับคนทุกชนชั้นนั้น ก็จริงครับในแง่นว่าเปิดโอกาสสำหรับคนทุกชนชั้นให้ศึกษา ปฏิบัติ
แต่ความจริงก็คือว่า เรื่องความพ้นทุกข์ที่พุทธศาสนาสอนนั้น สะท้อน "รสนิยมของชนชั้นสูง" ครับ เพราะในวัฒนธรรมทางศาสนาของอินเดียสมัยพุทธกาล มีแต่พวกวรรณะกษัตริย์, พราหมณ์เป็นส่วนใหญ่ที่ศึกษาพระเวทย์ ไตร่ตรองอย่างจริงจังในเรื่องความพ้นทุกข์
คือคนพวกนี้ส่วนมากมีความสุขทางโลกจนเอียน เบื่อหน่าย มองเห็นความไร้สาระ แล้วก็ออกบวชแสวงหาทางพ้นทุกข์ เป็นรสนิยมเดียวกันเลยครับไม่ว่าจะเป็นสิทธัตถะ, ปัญจวัคคีย์, ยสกุลบุตร กัสสปะ, สารีบุตร, โมคคัลานะ, อานนท์, เทวทัต, ปชาบดี ฯลฯ รวมทั้งศาสดา นักบวชในศาสนาอื่นๆด้วย เช่น มหาวีระ, สัญชัย, กลุ่มชฎิล 3 พี่น้อง ฯลฯ
คนเหล่านี้ออกบวชจากวรรณะกษัตริย์, พราหมณ์เป็น "ส่วนมาก" ทั้งนั้น พวกไพร่ทาส ใช้แรงงาน ทำงานหนัก น้อยมากครับที่จะมาคิด ไตร่ตรองเรื่อง "ความพ้นทุกข์" มีแต่พวกเอียนความสุข หรืออยากมีชื่อในการเป็นครู เป็นศาสดานั่นแหละที่คิดเรื่องความพ้นทุกข์อย่างจริงจัง"

-‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

149 Nameless Fanboi Posted ID:lKNixB9Ml

รำคาญพวกลิเบอทาเรียนที่ชอบอ้างว่า การที่คนในสังคม(หรือที่จริงไอ้ตัวคนพูดเองนั่นแหละ)เหยียดคนอ้วนหรือความอ้วน 1) เพราะคนอ้วนขี้เกียจไม่รู้จักออกกำลังกาย 2) เพราะความอ้วนทำให้สุขภาพย่ำแย่ 3) เป็นเพราะวิวัฒนาการทำให้คนชอบคนผอม ทั้งที่ความจริงแล้วสังคมที่เหยียดความอ้วนไม่ได้เหยียดความอ้วนเพียงอย่างเดียว แต่เหยียดรูปร่างที่ไม่เป็นไปตามอุดมคติอีกด้วย บางคนรูปร่างอ้วน-ท้วมแต่สุขภาพดีและออกกำลังกายเป็นประจำ ก็ยังถูกหาว่าขี้เกียจไม่ดูแลตัวเอง ผู้หญิงบางคนไหล่กว้าง กล้ามขาเยอะ ก็ถูกหาว่ารูปร่างไม่ดี ซึ่งมันอธิบายไม่ได้ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวมาเลยว่าทำไม
ในทางตรงกันข้าม คนบางคนผอมจนเป็น anorexia เพราะกินน้อยกว่าปกติกลับถูกยกย่องว่าสุขภาพดีและดูแลตัวเองดี ซึ่งถ้ามันเป็นไปตามหลักวิวัฒนาการจริงๆ คนพวกนี้ในอดีตน่าจะอดตายก่อนเพื่อน ไม่ใช่คนอ้วนที่ตายก่อน
เหตุผลข้างๆคูๆพวกนี้ มันไม่ใช่คำอธิบาย แต่มันเป็นข้ออ้างที่พวก bigots ชอบใช้เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง
-มิตรสหายลิเบอรัลท่านหนึ่ง

แต่เราควรจะเอาลิเบอรัลแบบนี้ไปฆ่าทิ้งจริงๆนะครับ
-มิตรสหายลิเบอทาเรียนท่านหนึ่ง
(กล่าวถึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกัน กูเอามาใส่เฉยๆ)

150 Nameless Fanboi Posted ID:UgOg9kro2

>>149 เออ แต่กูเห็นด้วยกะข้อความข้างต้นว่ะ
-มิตรสหายโม่งท่านหนึ่ง

151 Nameless Fanboi Posted ID:kynSL72hi

>>149 มันก็พูดถูกนะ ความงามเป็นรสนิยมที่เปลี่ยนไปตามเวลาและสถานที่ มึงเจอสาวงามมองโกลสมัยเจงกิสข่านมึงไม่มีทางมองว่าสวยหรอก

152 Nameless Fanboi Posted ID:y73uGvl+z

>>151 แต่แม่งก็projectคนอื่นเต็มที่เลยนะ เดี๋ยวนี้คนอ้วนไปผอมไปใครๆก็ว่าสุขภาพไม่ดีว่ะไม่ได้โดนเฉพาะคนอ้วน

153 Nameless Fanboi Posted ID:dCq48IFRb

>>147 kek

154 Nameless Fanboi Posted ID:g5gsQ2AOl

มีบางคนฉีดยา ละลายกล้ามเนื้ออยากให้ขาเล็กก็มีนะเมิง อันตรายชะมัด

155 Nameless Fanboi Posted ID:M.InKR/+B

มีคนล้อศาสนา? มีคนบ่น
ไอ้จ่าเอาพวกบ่นมาประจาน

มีคนล้อแพทย์/พยาบาล มีคนบ่น
ไอ้จ่าเอาคนล้อมาประจาน

ปล. ไอ้มุขพยาบาลนั้นวาดตีพิมพ์ไปแล้วตั้ง20กว่าปีก่อน แค่ข่าวสดเสือกเอารูปเก่าๆมาลงซ้ำ

156 Nameless Fanboi Posted ID:d/SclK1wA

>>155 มึงจะเอาไรกับเสาหลักปักขี้เลนอย่างมัน

157 Nameless Fanboi Posted ID:FKrui0Ffp

>>155
ตรรกะจ่าพิชิต
ล้อศาสนาพุทธ ไม่เป็นไร
ล้ออิสลาม สมควรตาย

158 Nameless Fanboi Posted ID:ca3je8tH6

กูคล้อยตามอีจ่าอยู่เนืองๆนะ ในหลายๆเรื่อง อาจจะเพราะกูไม่มีความรู้ในแขนงนั้นๆด้วย
แต่อีรูปพยาบาลนี่คือยังไงวะ มันก็การ์ตูนแก๊กขำๆซ้ำๆป่ะ มุกนี้กูเคยเห็นในขายหัวเราะเมื่อหลายปีก่อนด้วยซ้ำ
แต่ที่กูปรี๊ดสุดช่วงนี้คือเรื่องคณิตศาสตร์ จบเรื่องพ่องงงง มึงช่วยเห็นคุณค่าของลิขสิทธิ์งานอาร์ตให้มันเท่าเทียมกับสิทธิ์แพทย์พยาบาลพวกมึงหน่อย

159 Nameless Fanboi Posted ID:qcvtdEW8w

นับวันแม่งยิ่งเหมือน SJW โง่ๆมากขึ้น
https://www.facebook.com/jarpichit/posts/10153179817873379?pnref=story

160 Nameless Fanboi Posted ID:etPNJxoG3

ไม่รู้จะถามที่ไหน ถามที่นี่ละกัน กูเห็นข่าว เห็นให้ลงชื่อ
ต้าน ซิงเกิลเกดเวย์ อยากรู้ว่ามันมีโอกาศเอามาใช้แค่ไหนว่ะ
หรือสุดท้ายเค้าก็จะออกมาบอกว่าไม่มีไรเหมือนทุกที

161 Nameless Fanboi Posted ID:Zb1LCCJXl

>>160 กูว่าแม่งทำยากนะ ไม่น่าได้ทำจริง หรือทำจริงก็น่าจะล่ม งบที่ต้องใช้แม่งเยอะไป อาจจะตั้งขึ้นมาเพื่อแดกเงินเฉยๆ

162 Nameless Fanboi Posted ID:Yf7FbotYm

>>161 https://www.blognone.com/node/72855
มีตั้งชื่อให้แบบนี้ไม่น่ารอด

163 Nameless Fanboi Posted ID:QANTEOfFq

>>160 ยากน่ะเพื่อนโม่ง แถมกว่าจะใช้จริงได้ก็ 5-10 ปี แถมเงางบละลายแม่น้ำแน่ๆ
- Data farm ขนาดขั้นต่ำต้องสนามฟุตบอล งบดูแลรายปีไม่ใช่ขี้ๆแน่นอน
- จะเก็บ log อะไรบ้าง เก็บไม่เข้าท่าก็ได้ data ขยะมาเปล่าๆ
- ใครจะมาทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาและจะป้องกันยังไงไม่ให้คนเหล่านั้นเอาข้อมูลไปใช้ประโยขน์เอง
- ธนาคาร,โรงบาล,เอกชน มีปัญหาแน่นอนเพราะโดนล้วงลูกได้ความน่าเชื่อถือในระบบจะต่ำลงมาก

164 Nameless Fanboi Posted ID:E3IE9uyDA

>>163 เสริมให้ โพสนี้บอกว่า 5-10ปีว่ะ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10153157205189013&set=a.183349144012.125160.562519012&type=3

165 Nameless Fanboi Posted ID:31nqg6caY

ลองประกาศแล้วหุ้นร่วงซัก500จุดนี่กลับลำกันแทบไม่ทัน

166 Nameless Fanboi Posted ID:f34cx2OQe

>>164 เอาง่ายๆ เมิง ค่าทำท่อใหม่ มึงคิดว่าง่ายๆ เหรอฟะ แถมเคเบิลอะไรๆ พวกนี้อีก พวกมันโง่หรือฉลาดล้ำเนี่ย ที่จะไปเปลี่ยนระบบเครือข่ายทั้งระบบ สมัยนี้มีแต่กระจายๆ กันทั้งนั้นเวลาล่ม จะได้ไม่หนักมาก แหมเอาเงินไปซื้อเซิร์ฟเวอร์ทะเทียนราษฎร์ดีกว่ามั้ง แม่งมี 3 เครื่อง พังไปแล้ว 2

167 Nameless Fanboi Posted ID:qZGyC.1E1

>>166 ไม่เห็นยากทำส่งๆแล้วบังคับเล่น 56K ทั้งประเทศ จะเล่นเหี้ยไรกันมาก

168 Nameless Fanboi Posted ID:4f/YNhvPA

>>167 ภาคธนาคารและธุรกิจก็คง อ่าห์

169 Nameless Fanboi Posted ID:5D.qMcWno

"Beware of he who would deny you access to information, for in his heart he dreams himself your master."

170 Nameless Fanboi Posted ID:rCimiOids

>>160 สงสัยเรื่องลงชื่อ มันมีประโยชน์ตรงไหนวะ รัฐบาลต้องมาสนใจรายชื่อโง่ๆด้วยเหรอ
ถ้าพวกที่ลงชื่อไม่ชุมนุมประท้วงอย่างจริงจัง ถึงมีสัก60ล้านชื่อก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นป่ะวะ
หรือยังไง?

171 Nameless Fanboi Posted ID:784vc7VyU

>>170 ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไร+ทำให้คนที่ยังไม่มีข้อมูลหรือไม่รู้ว่ามันมีข้อเสียยังไงตื่นตัว ตู่มันก็คน ถ้าโดนค้านโดนเกลียดมากๆแม้แต่คนที่เป็นbackให้มัน มันก็อาจจะปอดแหกยอมถอยบ้าง

172 Nameless Fanboi Posted ID:784vc7VyU

อีกอย่าง การประท้วงชุมนุมเนี่ย ตอนนี้มันกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ไม่ดีไปแล้ว แค่ได้ยินคำว่า"กลุ่มผู้ชุมนุม" หลายคนก็ยี๊ ไม่อยากฟังต่อแล้วม้าง?

173 Nameless Fanboi Posted ID:3VUeSUjGK

>>172 จะยุคสมัยไหน การปกครองแบบไหน มันก็มีผู้ชุมนุมประท้วงทั้งนั้นแหล่ะ ถ้าคนคิดว่าผู้ชุมนุม=สัญลักษณ์ที่ไม่ดี ก็คงต้องอยู่ในโลกแห่งความฝันกันอย่างเดียวแล้วว่ะ ใครจะเดือดร้อนอะไรประท้วงไม่สนใจ ฉันมีความสุขในโลกของฉันก็พอ

174 Nameless Fanboi Posted ID:3fE8wsNel

>>173 แต่บ้างเมืองประเทศเทยตอนนี้มันชุมนุมประท้วงกันจนดูไม่เหลือความสำคัญห่าอะไรอีกต่อไปแล้วว่ะ

175 Nameless Fanboi Posted ID:2navjBWV4

>>174 แม้แต่เรื่องเหมืองทองมึงก็คิดแบบนั้นเหรอ?

176 Nameless Fanboi Posted ID:U.68Uh4Lb

"เรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้ได้แค่ 80,000 รายชื่อ แต่เรื่องคนกินหมาดันได้ 3 แสน ประเทศนี้สิ้นหวังจริงๆ"

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

177 Nameless Fanboi Posted ID:4i9bc0R7I

>>176 ตอนนี้ได้แสนห้าแล้วครับ

178 Nameless Fanboi Posted ID:Nr1uO3S.L

"เขามาโดยที่เราไม่ได้เลือก และเขาทำในสิ่งเราไม่ต้องการ...... "

179 Nameless Fanboi Posted ID:x+rcP19SQ

>>177 น้อยกว่าเซเลปfb อีกหลายแสน

180 Nameless Fanboi Posted ID:E+.yeAiXj

>>178 เขามาเพราะมีบางพวกที่ต้องการเขา โดยไม่สนความต้องการพวกเรา

181 Nameless Fanboi Posted ID:mlNi500Tx

"เราไปทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำ เขาถึงต้าน Single gateway กันขนาดนี้"
-มิตรสหายพูดขณะน้ำหูน้ำตาไหลไม่หยุด

182 Nameless Fanboi Posted ID:DXl8r09Yk

>>181 ต้องไปนั่งร้องไห้ริมแม่น้ำด้วยปะ

183 Nameless Fanboi Posted ID:E+.yeAiXj

>>182 ระวังพลัดตกแม่น้ำนะครับ

184 Nameless Fanboi Posted ID:.A.4+4jpk

>>181 ขอให้บอกเรานะ อยากให้เราปรับตัวอะไรบ้าง

185 Nameless Fanboi Posted ID:i1Ig0.PJk

ขอให้พวกมึงชิบหาย

186 Nameless Fanboi Posted ID:MkwaCL/Mv

>>185 xaxaxaxaxaxaxa

187 Nameless Fanboi Posted ID:YqWlY5WKw

Huehuehueuhe

188 Nameless Fanboi Posted ID:ni.WfdYl/

"PC Gamer มันก็ Pirate กันเยอะจริงๆนะ
อย่างในห้อง PCMasterrace กับ PCGaming ของเว็บ Reddit
พอมีคนพูดว่าจะ Pirate เกม ส่วนใหญ่จะมีคนมากดถูกใจพอสมควร
แต่พอมีคนมาพูดว่าการ Pirate เกมมันไม่ดีมักจะโดนถล่มกดลบอ่ะ"

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

189 Nameless Fanboi Posted ID:1Q7Eyx2Ii

>>188
>Reddit
That's the problem.

190 Nameless Fanboi Posted ID:.wfzL4DwH

"เราไปทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำ เขาถึงดื้อด้านไม่ยอมยกเลิก Single gateway ขนาดนี้!"

191 Nameless Fanboi Posted ID:tIGe8yCh8

>>190 อย่าลืมมองแม่น้ำบางปะกงไปด้วยนะครับ

192 Nameless Fanboi Posted ID:zwoL2Zehc

"ข้าขอฝากสัจธรรมไว้ให้ท่านอีกสักข้อ
เมื่อต่างเเนวคิด ไม่พึงร่วมทาง
ความเเปลกเเยกของการตีความมักนำมาซึ่งความบาดหมาง
ในภายภาคหน้าความคำปราชญ์มักกลายเป็นคำขวัญเเห่งความคาดหวัง"

‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬

193 Nameless Fanboi Posted ID:wnhfGssQ3

>>191 มองคลองแสนแสบแทนได้มั้ยครับ

194 Nameless Fanboi Posted ID:mQOtwcv6n

>>193 ระวังเหม็นนะครับ

195 Nameless Fanboi Posted ID:URJG5KX0W

>>194 เขาให้มองครับไม่ได้ให้มึงดม

196 Nameless Fanboi Posted ID:V3OZwDpPy

https://imgur.com/g0Zem54
"ความมั่นคงเท่าเส้นหมอยจริงๆ ลมจะพัดก็ปลิว ลมจะพริ้วก็ไป..."
-มิตรสหายท่านหนึ่งกล่าว

197 Nameless Fanboi Posted ID:HDs7lgGbX

"เรื่องเอาผิดคนจดการประชุม
มองในแง่ดี
อย่างน้อย ก็ทำให้รู้นิสัย นายประยุทธ์ เพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง

คือถ้าจวนตัว หรือจนด้วยหลักฐานจริงๆ
เขาจะไม่มีทางยืดอกรับอย่างแมนๆ
แต่จะโบ้ยให้ผู้น้อยรับเคราะห์ไป

เพราะฉะนั้น ใครที่คาดหวังอะไรแบบนี้จากคนๆ นี้
ก็คงหวังไม่ได้นะครับ"

198 Nameless Fanboi Posted ID:t7Z04Q4ez

อศาสนิก แปลว่า ผู้ไม่เอาคำสอน.
ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีใครสั่งใครสอน,
แต่หมายความว่า ถึงมีคนสอน และเขาก็เผลอเอามาใช้มากมาย แต่เขาไม่มีกตัญญูรู้บุญคุณว่ามีคนสอน. เขาไม่เคยมองเห็นความเชื่อที่ตนเองเคยมีเหล่านั้น, และก็ยังคงมีอยู่.
พระสารีบุตรเอง แม้จะเคยบอกว่า ท่านเองไม่จำเป็นต้องเชื่อพระพุทธเจ้า, แต่ท่านก็สรรเสริญความเชื่อที่เป็นบุญไว้มากมายในตำราของท่าน เพราะท่านมีความกตัญญูต่อกุศลศรัทธาที่ทำให้ท่านมีปัญญาขึ้นมาได้.

ต่างจากพวกอศาสนิกส่วนมาก ที่แสดงตัวเป็นพวกอเหตุกวาทะ (รู้เองลอยๆ ทุกอย่าง) นึกอยากจะยอมรับก็ยอมรับ นึกอยากจะปฏิเสธก็ปฏิเสธ เนรคุณผู้ให้ความรู้ ไม่มีจรรยาบรรณ ไม่มีวินัยใดๆ.
ที่โพสต์มานี้ ก็เพื่อให้ระวังตัว อยู่ให้ห่างอศาสนิก ซึ่งเป็นคนคนเนรคุณ อกตัญญู อกตเวทีให้มาก ครับ. คนพวกนี้ ฆ่าได้ฆ่า, ลักได้ลัก, ชู้ได้ชู้, โกหกด่าว่าได้ก็ทำ, สุราก็อาจจะร่ำเป็นนิจ เพราะเขาไม่เคยเห็นโลงศพ แม้โลงจะตั้งอยู่ข้างหน้าแล้วก็ตาม. พวกที่สนทนากับคนพวกนี้ ก็อาจจะเป็นเหยื่อรายต่อไป ครับ.

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

199 Nameless Fanboi Posted ID:Q.3VZgJN7

>>198 มิตรสหายท่านไหนวะเนี่ย

200 Nameless Fanboi Posted ID:nV1QJtD2G

>>198 ตะโกนบุดด้า อัคบา ไปเลยมั้ย

201 Nameless Fanboi Posted ID:K84rzdP4x

"เราไปทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำ เจียมถึงได้รื้อฟื้นเหตุลอบสังหารจากหอจดหมายเหตุโปรว๊องส์"
-OPUMEZ

202 Nameless Fanboi Posted ID:sxXbFqG/t

#‎มิตรสหายทั่นนึง‬ กล่าวว่า

"พวกนักท่องเที่ยวชาวกรุงนี่ก็ประหลาด ชอบหาที่ลับแลๆไปเที่ยวกัน ไปดูวิถีชีวิตขาวบ้าน ไปดูธรรมชาติ ไปทำให้บ้านเค้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว พอชาวบ้านเปิดรับนักท่องเที่ยว สร้างที่พักสร้างร้านค้าจนหมู่บ้านไม่เหมือนเดิมก็ไปว่าเค้าว่าเห็นแก่เงิน ทำลายวิถีชีวิตตัวเอง แล้วก็ไปหาที่ลับแลอื่นๆที่ชาวบ้านยังทำไร่ไถนาเที่ยวกันต่อไป ไอ้สันดานการเที่ยวแบบเหมือนไปดูสวนสัตว์ อยากให้มนุษย์ทำไร่ไถนาให้ดูตลอดไปนี่น่าจับไปทำนารวมนะ
จริงๆมันคือ dilemma ที่คุยกันได้เยอะแหละ มันทำทั้งสองอย่างไปพร้อมๆกันได้ แต่เบื่อเวลาพวกนี้เห็นชาวบ้านเค้าปรับตัวไปในทางที่ตัวเองไม่ชอบใจแล้วก็ไปโทษชาวบ้าน/โทษทุนนิยมอะไรไปโน่น เบื่อมาก"

203 Nameless Fanboi Posted ID:jHUYtNNzj

>>202
อยากไลค์มึง
เข้าใจอารมณ์

204 Nameless Fanboi Posted ID:5DsCvkmi8

"ถ้าต้องให้คนดีคนเก่งมาบวช ถึงจะทำให้ศาสนาดี
งั้นมึงช่วยเลิกอ้างเถอะว่า "ศาสนาสอนให้เป็นคนดี"

แล้วถ้าหลักคำสอนของศาสนานี้มันกระจอกงอกง่อย ไม่สามารถควบคุมให้จัดการเหล่าสาวกด้วยกันเองไม่ให้นอกลู่นอกทางได้ จนต้องมาร้องงองแงให้เอากฎหมายเข้าไปจัดการ ก็ปล่อยให้ศาสนาที่อ่อนแอปวกเปียกแบบนี้เหี่ยวแห้งตายไปเถอะว่ะ

มีอย่างที่ไหน อ้างว่าแนวคิดกูเจ๋ง สามารถควบคุมจิตใจ ควบคุมกิเลสได้ แต่พอเอาเข้าจริงต้องใช้กฎหมายมาบังคับนะ ไม่งั้นหลักธรรมไม่เวิร์ค
แล้วหลักธรรมมึงมีประโยชน์อะไรวะ"

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

205 Nameless Fanboi Posted ID:to3D4+n+S

จะอ้างว่าวิกิพีเดีย ใครจะเขียนอะไรก็ได้ มันก็ต้องรู้ถึงความหมาะสมด้วย ตราบใดที่ยังเขียนในประเทศไทย ใช้ภาษาไทย และคุณก็เป็นคนไทย ก็ควรจะสำเหนียก สำนึกไว้บ้างว่าที่แผ่นดินไทยเป็นปึกแผ่นมั่นคง จนคุณได้มีที่นั่งเอาไว้หมิ่นเจ้านายอย่างในปัจจุบัน

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

206 Nameless Fanboi Posted ID:KmKY8Y4lo

ศ. โจเซฟ สติกลิตซ์ นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เริ่มการปาฐกถาโดยการปล่อยมุกได้อย่างน่าคิดว่า “การเลือกที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเราคือ การเลือกเกิดมาในพ่อแม่ ที่มีสถานภาพทางเศรษฐกิจสังคมเพียงพอที่จะสนับสนุนให้เราเป็นคนที่มีศักยภาพอย่างที่เราควรมี”

มุกของ ศ. สติกลิตซ์ มุกนี้เป็นแนวคิดสำคัญทางเศรษฐศาสตร์ที่สะท้อนให้เห็นถึง ความเหลื่อมล้ำที่ถูกถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่ง (Inter-generational Inequality) หรือเราอาจเรียกว่าเป็น “ความเหลื่อมล้ำแบบถาวร” ซึ่งกำลังเป็นปัญหาสำคัญในสังคมต่างๆ รวมถึงในสหรัฐอเมริกา บ้านเกิดของคุณสติกลิตซ์เองด้วย

ทั้งนี้เพราะความเหลื่อมล้ำที่ ศ. สติกลิตซ์ กล่าวถึงนั้น ไม่ได้หมายถึงเฉพาะความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้อย่างที่นักเศรษฐศาสตร์อย่างผมนิยมใช้กัน แต่เน้นถึง “ความเหลื่อมล้ำของโอกาส” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ เรื่องการศึกษา เรื่องการทำงาน ล้วนส่งผลระยะยาวต่อความเหลื่อมล้ำของคนรุ่นหน้า ซึ่งดันไปผูกพันกับ “ความเหลื่อมล้ำของรายได้” และนั่นส่งผลเสียต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวด้วย

ในเมืองไทยของเรา เด็กที่เกิดในครอบครัวที่รวยที่สุด 10% แรกของประเทศ สามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้เกือบร้อยละ 70 ของเด็กที่เกิดในครอบครัวร่ำรวยกลุ่มนี้ทั้งหมด ในขณะที่เด็กที่เกิดในครอบครัวที่จนที่สุด 10% สุดท้ายของประเทศ จะเข้ามหาวิทยาลัยได้เพียงร้อยละ 4 ของเด็กที่เกิดในครอบครัวที่จนที่สุดกลุ่มนี้เท่านั้น

เราลองคิดดูว่า “โอกาส” ที่เด็กกลุ่มที่เกิดในครอบครัว 10% ที่จนที่สุดนั้น หายไปมากเพียงใด และสิ่งที่เราต้องไม่ลืมก็คือ โอกาสที่หายไปนั้น ไม่ใช่โอกาสของเด็กกลุ่มนี้เท่านั้น แต่เป็นการสูญเสียโอกาสของสังคมไทยทั้งประเทศ ในการที่จะมีประชาชนหรือกำลังแรงงานที่มีศักยภาพ

ศ. สติกลิตซ์ ได้เสนอให้เห็นว่า การตกต่ำทางเศรษฐกิจได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการลงทุนในมนุษย์ (เช่น เมื่อพ่อตกงาน ลูกจึงต้องออกจากการศึกษา หรือเอกชนลดการฝึกอบรมแรงงานลง) อันส่งผลเสียหายต่อการเติบโตเศรษฐกิจในระยะยาว นอกจากนี้ ศ. สติกลิตซ์ ยังพบว่า สังคมที่เน้นการฝึกอบรมในระหว่างการทำงาน (หรือ on-the-job training) และที่น่าสนใจมากคือ การฝึกอบรมนอกเหนือจากการทำงาน (หรือ beyond-the-job training) จะสามารถรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจได้ดีกว่า เพราะแรงงานในสังคมนั้น มีทั้งศักยภาพ สมรรถภาพ และความยืดหยุ่นในการทำงานมากกว่า

ศ. สติกลิตซ์ จึงเน้นว่า หากเราต้องการจะหยุด “การส่งมอบความเหลื่อมล้ำจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง” เราจะต้องเขียนกติกาของสังคมของเราขึ้นใหม่ โดยเริ่มต้นจาก (ก) การพัฒนาระบบบริการสาธารณะในการดูแลแม่และเด็กเล็ก (ข)การพัฒนาคุณภาพของระบบการศึกษาสาธารณะที่เอื้อโอกาสให้คนทั้งมวล (ค) การสร้างความมั่นคงในการทำงาน (ง) การพัฒนาระบบการอบรมในการระหว่างการทำงาน และการอบรมนอกเหนือจากการทำงาน และ (จ) การควบคุมการเติบโตและการถ่ายโอนรายได้ของกลุ่มคนที่รวยที่สุด 1% แรกของสังคมนั้นๆ

ผมฟังแล้วนึกถึงพี่น้องเกษตรกรในบ้านเราที่กำลังได้รับผลกระทบจากราคาผลผลิตที่ตกต่ำในช่วง 2-3 ปีนี้ สังคมไทยของเราไม่ค่อยได้ลงทุนในการฝึกอบรมระหว่างการทำงาน และไม่ต้องพูดถึงการฝึกอบรมนอกเหนือการทำงานที่แทบจะไม่มีเลย เราไม่เคยพูดถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจของพี่น้องเกษตรกร สิ่งที่รัฐบาลของเรานิยมทำก็คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ (ซึ่งมิได้แปลว่าไม่ดีเสียทั้งหมด) แต่นั่นมิได้สร้างหลักประกันเลยว่า ลูกหลานของเขาจะได้เรียนต่อในปีต่อๆ ไป

ความฝันของผมคือ จะได้เห็นสังคมไทยเป็น “สังคมที่จะดูแลและต่อยอดความฝันของเด็กทุกคน ไม่ว่าเขาจะเกิดมาในครอบครัวใด”

เราจะต้องมุ่งมั่นที่จะไม่ส่งมอบความเหลื่อมล้ำของคนรุ่นเรา ไปยังคนรุ่นหน้า เราจะต้องไม่เป็น “สังคมที่เหลื่อมล้ำอย่างถาวร”

สรุปจากเวที Transforming policy, Changing lives: The 5th OECD World Forum on Statistics, Knowledge, and Policy, Guadalahara, Mexico. 13-15 October 2015.

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.