>>564
.
.
.
.
.
เราว่าก่อนอื่น ต้องไม่เอาบรรทัดฐานปัจจุบันไปใช้กับสมัยก่อนอะ
ในเรื่อง แบบฉางป่าย ฉางอู๋ หรือสามีฮวาหลัน ก็ไม่ถือว่าเจ้าชู้นะ สมัยก่อนเหมือนผู้ชายที่มีฐานะทางสังคมประมาณนึง อย่างน้อยต้องมีสาวใช้ข้างห้องตอนเข้าวัยหนุ่ม ฉางป่ายแต่งงานช้าพอสมควร เพราะย่าอยากให้สอบจิ้นซื่อผ่านก่อน จะได้มีเครดิตไปขอสาวจากตระกูลดีๆ (ซึ่งก็สำเร็จตามแผน 555)
แล้วเฮียฉางป่ายเนี่ย เหมือนโดนแม่ตื๊อด้วยมั้ง กลัวลูกจะไม่แมน (ตัวเองไม่ชอบให้สามีมีผู้หญิงอื่น แต่ดันอยากให้ลูกชายใช้ท่อนล่างเยอะๆ โวะ) จนแต่งงานแกก็มีสาวใช้ข้างห้องแค่คนเดียว แถมให้คุยกันก่อนแล้วด้วยว่าจะไม่ยกเป็นอนุ ฮวาหลันก็คงคุยกับสามีแล้วเลือกเก็บไว้เป็นข้ออ้างปฏิเสธเวลาขุนนางคนอื่นจะยกอนุให้
ที่ไปค้างด้วย สมัยก่อนถ้าเป็นอนุหรือสาวใช้ข้างห้องแล้วผู้ชายไม่มาค้างด้วยเลย คือเหมือนสถานภาพแย่มากๆ (สมัยก่อน เวลาไปค้างด้วยมักจะมีตกรางวัลด้วย ถ้าไม่ไปหาเลยก็เท่ากับไม่ได้เงินเพิ่มนอกจากเบี้ยเลี้ยงเลย) แกคงไปค้างด้วยแบบ เหมือนตามหน้าที่มากกว่า ส่วนที่ให้กินยาระงับครรภ์ คงเหมือนอยากการันตีสถานภาพสายตรงให้ชัดเจนอะ เพราะตัวแกเองโตมาในบ้านที่พ่อเจ้าชู้ มีอนุเจ้ามารยา พ่อก็ลำเอียงรักอนุ แกก็คงไม่อยากให้เมียกับลูกต้องเจอแบบเดียวกัน คือแกคิดเผื่อลูกเมียมากเลยนะ
สามีฮวาหลัน อาจจะไม่ได้เจ้าชู้ แต่คงไม่ได้คิดเผื่อลูกเมียขนาดพี่ฉางป่ายอะ เพราะมีลูกกับอนุด้วย คือก็คงโตมาแบบผู้ชายชนชั้นสูงทั่วไป ไม่ได้มีแผลใจที่เกิดจากอนุพ่อแบบฉางป่ายไง
พระเอกนี่ สมัยหนุ่มๆ คงเรียกว่าเจ้าชู้ประมาณนึงแหละ คือสมัยก่อนแกคิดแบบผู้ชายสมัยก่อนทั่วไป มีภรรยาเป็นกุลสตรีผู้ดีไว้ออกงาน ดูแลจัดการเรือนหลัง มีอนุกับหญิงรับใช้อ่อนช้อยเย้ายวนไว้ดูแลเรื่องบนเตียง แต่ที่คิดจะยกเป็นอนุจริงๆ คงมีแค่ม่านเหนียงมั้ง เพราะเหมือนรู้จักในช่วงที่ตัวเองบ้านแตกทะเลาะกับพ่อ แล้วตัวเองมักจะโดนญาติหาเรื่องด่าพาดพิงไปถึงแม่ เพราะแม่ชาติตระกูลไม่สูงไง พอเห็นเคยลำบากมาก่อน ถูกคนดูถูกด้วยเรื่องชาติตระกูลเลยสงสาร แบบที่นางเอกแซะไง ว่าพวกผู้ชายชอบทำตัวเป็นพระเอกปกป้องแกะน้อย
จนเกิดเหตุการณ์หลายๆ อย่าง แกถึงตระหนักว่า แกะน้อยจริงๆ คือนางมารใจเหี้ยม แล้วหมิงหลันก็ชี้ให้เห็นว่า เออ ชีวิตผู้หญิงทั้งหมดแทบจะขึ้นอยู่กับอำนาจในเรือนหลัง แล้วคนที่รักลูกใครอยากจะให้ลูกสาวแต่งกับคนที่มีผู้หญิงอื่นเยอะแยะ แกถึงเหมือนตระหนักว่า จริงๆ ผู้หญิงก็มีความคิดความต้องการของตัวเองเหมือนกัน ลึกๆ แกคงไม่อยากให้ชีวิตแต่งงานล้มเหลวอีกแล้ว บวกกับแกชอบหนูหมิงจริงๆ เลยพยายามปรับตัวอะ
ส่วนเคสเซิ่งหง เราว่าออกแนวเจ้าชู้หน่อยๆ อยู่แล้ว แต่ปัจจัยอื่นพาไปด้วย คือแกเป็นพวกชอบคนอ่อนหวาน ชอบให้ผู้หญิงมาออเซาะเอาอกเอาใจ แต่หวังซื่อไม่ใช่แนวนั้นเลย แถมยังออกแนวชอบข่มสามี อยู่ด้วยกันไปนานวันก็ทะเลาะกัน แล้วหลินอี๋เหนียงก็เข้ามาจังหวะนั้นพอดี ตัวหลินอี๋เหนียงก็สวยกว่า ช่างเอาใจกว่า ใจเลยเทไปทางนั้น
ตัวเซิ่งหงเองไม่ใช่ไม่รู้นะว่าหลินอี๋เหนียงสร้างปัญหา แต่ความผู้ชายโบราณอะ นอกเวลางานก็ให้ความสำคัญกับความสำราญมากกว่า เลยเหมือนตราบใดที่ปัญหายังวนอยู่แค่ในเรือนหลัง ไม่ได้ทำให้หน้าที่การงาน ชื่อเสียงตระกูลเสียหาย แกก็ไม่สนใจเท่าไหร่ (ตอนหมิงหลันเปิดศึกกับโม่หลันแล้วฟ้องพ่อ เลยพูดถึงชื่อเสียงสกุลเซิ่งไง ทีเดียวชนะน็อก 55555)
แล้วคือตัวเซิ่งหงเองมาจากสายรองไง ก็คงเคยโดนกดขี่ กลั่นแกล้งอะไรมาก่อน แกเลยอยากให้สายรองมีชีวิตที่ดีแหละ ตรงนี้พอเข้าใจได้
แต่แกก็ลำเอียงจริงๆ เหมือนชอบเอนเอียงไปทางฝ่ายที่ดูอ่อนแอกว่า สัญชาตญาณประเภทต้องปกป้องแกะน้อย ซึ่งจุดนี้หวังซื่อกับหรูหลัน นิสัยแข็งกร้าวทั้งคู่ เลยยิ่งเข้าทางโม่หลันอะ พอมาถึงคราวหมิงหลัน หนูหมิงเลยมาแผนเหนือเมฆ ชิงร้องไห้ก่อนแม่มเลย 5555555555
.
.
.
.
.