จริงๆกูก็ยังอ่านไม่จบนะ กำลังต่อสู้กับเล่มสุดท้ายอะวะ ได้เกือบจะ 200 หน้าละ มาถึงขั้นนี้ได้เพราะอาเจ๋อจริงๆ
Last posted
Total of 1000 posts
จริงๆกูก็ยังอ่านไม่จบนะ กำลังต่อสู้กับเล่มสุดท้ายอะวะ ได้เกือบจะ 200 หน้าละ มาถึงขั้นนี้ได้เพราะอาเจ๋อจริงๆ
อาเจ๋อกุชอบมาก ช่วงสืบคดีกุไม่หลับนะพาร์ทที่กุชอบที่สุดคือตอนอยู่ใสค่ายกลว่ะมึงแต่กุจะหลับตรงช่วงออกจากค่ายกลมาแล้วก็ต้องไปสืบคดีของสำนักต่างๆช่วงนั้นแหละเนือยแต่โดยรวยเรื่องนี้ดีจริงๆขึ้นหิ้งนางเอกน่ารักกำลังดีไม่ลำใยพระเอกก็งานดี
รออิเต้ จะเลิฟ งือ วันนี้ไม่มา คือคงติดสฃกรานต์ละ
กูอ่านวังเดียวดายจบแล้ว จอขอรีวิวแบบไม่สปอยล์มากไปนะ
.
.
.
.
.
เรื่องนี้คำนำของสนพ.ถือว่าเด็ดขาดมาก แสดงแก่นของเรื่องได้เด่นชัดไร้ที่ติ "เล่าเรื่องราวกับใช้ภาพประกอบเล็กๆ เป็นบทตอน ก่อนประกอบขึ้นเป็นภาพใหญ่ เรื่องราวไหลลื่นอย่างไม่อาจหยุดอ่าน เมื่อถึงฉากบีบคั้นอารมณ์เราก็ร่วมดิ่งลงลึกกับตัวละครอย่างไม่อาจไถ่ถอน" ้ป็นเช่นนี้จริงๆ คำตามปิดท้ายคนแต่งกล่าวว่าใช้ภาพชื่อดังสมัยนั้นมาผูกโครงเรื่อง และนิยายก็ทำตามคำนำสนพ.อย่างตรงตัว จุดนี้กูชอบมาก
จุดที่กูอ่านจบแล้วคิดได้ การเปิดเรื่องคือการปิดเรื่อง เพราะฉากแรกเริ่มด้วยประตูวังยามวิกาลกลางพายุที่องค์หญิงพยามเปิดออกมาเพื่อกลับไปยังวัง (รัง) ของตัวเอง จุดนี้สำคัญมากจริงๆ เพราะอย่างที่คำโปรยบอกไว้ ศัตรูของความรักครั้งนี้คือประเพนี คือขบบธรรมเนียม คือสังคม คือขุนนาง คือคนรอบข้าง และคือความเป็นจริงที่ว่าพระเอกเป็นขันทีที่ถูกตอน
ตัวละครในเรื่องมีมากมายหลายตัว มีความรักหลายคู่หลายแบบ แต่มันเป็นตัวละครในประวัติศาสตร์ ยากจะผิดแผกแตกต่างหรือเอาจิตใจเข้าไปจมดิ่งได้ทุกตัว แต่อย่างนึงที่กูอยากพูดก่อนคือ เหล่าคนที่คอยขัดขวางความรักของพระเอกนางเอก แม้จะดูเหมือนตัวร้าย แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เวลาอ่านคำโต้แย้งกูยังรู้สึกเลยว่าพวกนี้พูดถูก อย่าง "ฝ่าบาทคิดถึงแต่ความสุขของธิดาตัวเอง แต่ไม่นึกถึงหัวอกของ***หูหยินว่ามีเลือดเนื้อเท่าเทียมพระองค์ นางทำผิดอะไร เหตุใดความสุขขององค์หญิงต้องแลกมาด้วยความทุกข์ของนางด้วย" ประโยคไม่ตามนี้ แต่ใจความตามนี้เลย กูอ่านแล้วยังผงกหัวตามเลย
ในเรื่องจะมีคนที่องค์หญิงรักอีก 2 คน คนแรกเมื่อเจอราชทัณฑ์กล้ำกลาย จึงกล่าวกับองค์หญิงตามตรงว่า "องค์หญิง ข้ารักองค์หญิง แต่ข้ารักครอบครัวมากกว่า" และเลิกรากันไป ตอนนี้สำคัญมาก เพราะทำให้องค์หญิงหัวใจสลาย เพราะต้องไปอยู่กับคู่หมั้นที่เป็นคนดีมากจริงๆ แต่นางก็เกลียดมากๆ และเป็นจุดที่ทำให้องค์หญิงเริ่มเห็นหัวใจของขันที ว่าไม่ได้เป็นเพียงแค่คนรับใช้ รวมถึงขันทีเองก็ยอมเปิดอกบอกความในใจเป็นครั้งแรก
คนที่สอง คู่หมั้น ถ้าจะสรุปความ คงเป็น "ขุนช้าง" นั่นละ ไม่ได้มีรูปโฉมหรือสติปัญญาพอเอ่ยชม มีแต่ความรักแท้จากใจจริง นอกจากพระเอกนางเอกแล้ว คนนี้ละน่าสงสารที่สุด ทำทุกอย่างให้แล้ว แต่คนไม่ใช่ยังไงก็ผิด ทั้งสร้างสวนใหญ่โตหวังให้กล่าวชม แต่องค์หญิงชมซักคำยังไม่เคยชม องค์หญิงชอบภาพวาดก็ไปฝึกวาดภาพ ทั้งที่ไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น สุดท้ายใช้เวลากว่า 5 ปีสร้างผลงานชิ้นหนึ่งที่สื่อถึงใจได้ แต่ก็พบว่าภาพที่ตัวเองวาด (ฝัน) ลงไป คือช่วงเวลาธรมดาๆ ที่ขันทีอยู่กับองค์หญิง เพราะสำหรับทั้งคู่แล้ว ตัวตนของทั้งคู่คือที่มาของความสุขทั้งหมด เป็นสิ่งที่คู่หมั้นไม่มีวันได้รับ แต่คู่หมั้นเป็นคนดีจริงๆ
กดผิด โทษทีๆ ยังไม่จบนะ กูขอคั่นสั้นๆ ก่อน เดี๋ยวพิมพ์ยาวๆ ที่เหลือให้จบ
.
.
.
.
.
แต่คู่หมั้นเป็นคนดีจริงๆ นะ ตอนนึงที่ฮองเฮาประทานเหล้าพิษมาให้เพื่อตัดขาดกับองค์หญิง ก็ดื่มไม่ลังเล เพื่อให้องค์หญิงมีความสุขที่ตนไม่อาจให้ได้ กูนับถือหัวใจจริงๆ
.
.
.
.
.
ต่อ
.
.
.
.
.
ตอนแรกกูคิดว่าจะเกลียดขุนนางหัวเก่าที่สุดในเรื่อง แต่อย่างที่บอก ฝ่ายคัดค้านมีเหตุผลมากๆ จนกูคล้อยตามเลย แถมกูดันเกลียดองค์หญิงซะงั้น เพราะนางเอาแต่ใจมากๆ แม้จะมีเจตนาดี ไม่ได้มุ่งร้าย แต่ความเอาแต่ใจจนเสียตัวก็ทำให้เรื่องทุกอย่างแย่ลงมาก ถ้านางผ่อนปรนได้มากกว่านี้ ไม่มีอคติราชบุตรเขยอย่างที่เป็น ยางอาจจะมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่นางทำไม่ได้ จนผลักใสทุกคนให้มาถึงทางตัน เพราะนางไม่อยากถูกขังไว้ นางพูดเองว่า "เรา (พระเอก/นากเอง) ถูกขังไว้ที่นี่ (วัง) เสียแล้ว"
อย่างที่กูเขียนไว้ตอนต้น การเปิดเรื่องคือการปิดเรื่อง ฉากที่องค์หญิงมาเปิดประตูวังยามราตรีอย่างดื้อรั้น คือคำนิยามและบทสรุปของเรื่อง ถัดจากฉากนี้จะย้อนกลับไปตอนพระเอกเข้าวังมาเป็นขันที่ใหม่ๆ และได้เรียนรู้ว่าเมื่อประตูวังเปิดในเวลาห้ามเปิด จะต้องมีโทษเสมอ อย่างต่ำเนรเทศ อย่างมากประหาร (ตาย) และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ประตูนั้นเปิดและปิดตามเวลา เมื่อเปืดนอกเวลาคือละเมิดธรรมเนียมและกฎระเบียบ ย่อมมีโทษตามมา องค์หญิงไม่ต้องการถูกกักขังในบ้านราชบุตรเขย จึงย้อนกลับมาที่วังเพื่อเปิดประตูวังยามพายุโหมกระน่ำ และอย่างที่พระเอกได้เรียนรู้ เมื่อเปิดประตูวังนอกเวลา ย่อมมีผลตามมาเสมอ องค์หญิงผู่ใช้กำลังและความโปรดปรานฝ่าฝืนขบบธรรมเนียม จึงถูกลงโทษพร้อมกับผู้ที่นำนางมาถึงจุดนี้ (ประตูวัง/ธรรมเนียม) ในตอนนึงที่ชื่อว่า "ผลาญใจ" องค์หญิงพูดว่า "ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิด จนคิดว่าถ้าจุดไฟเผากำแพงทั้งหมดทิ้ง สิ่งที่กีดขวางเราไว้จะหายไป" แต่เรื่องราวไม่ง่ายแบบนั้นเลย เพราะสุดท้ายสิ่งที่กีดขวางทั้งคู่ไว้ ก็คือทั้งคู่เอง
คนรอบข้างดูจะเข้าใจเรื่องนี้มากนะ เป็นจุดที่กูค่อนข้างแปลกๆ ที่สุดแล้ว เพราะแม้แต่ฮ่องเต้กับฮองเฮาก็จำยอมในท้ายที่สุด ฮ่องเต้ถึงกับยอมสู้ขุนนางทั้งหมดเพื่อให้ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันเลย แต่ก็พอเข้าใจได้ละ ความรักที่ไม่สมหวังมีส่วนสำคัญในเรื่องมาก ทั้งความกตัญญูที่ไม่สำเร็จของฮ่องเต้ ความรักที่อยู่บนหนามแหลมของฮ่องเต้และฮองเฮา มันประกอบกันให้ทั้งคู่เข้าใจและเห็นใจ แม้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็รู้ว่าถ้าขาดพระเอกไป นางเอกต้องตายแน่นอน ถึงยอมจำนนในท้ายที่สุด
ถ้าพูดตามตรง เล่ม 1- 2.5 กูไม่อินเท่าไหร่ เพราะเล่ม 1-2 เป็นจุดวางเรื่อง ดราม่าขององค์หญิงจะมาคลายปมที่เล่ม 3 เป็นสำคัญ กูมาน้ำตาแตกตอนจบนี่ละ มันเหมือนซึมมาถึงตอนสุดท้าย หลังจากรู้บทสรปทุกอย่างแล้วได้เห็นภาพสุดท้ายที่พระเอกได้รับ ไปจนถึงดอกไม้ปลอมบนต้นไม้ น้ำตามันไหลออกมาเองจริงๆ เพราถึงจะรู้ว่าจะจบแบบนี้มาตั้งแต่แรก และไม่อยากให้จบแบบนี้ แต่ต้องยอมรับจริงๆ ว่ามันควรจบแบบนี้ละ ไม่ว่าจะเศร้ายังไงก็ตาม
.
.
.
.
.
จบละ รีวิวยาวมาก อันแรกของกูในโม่งเลย แค่ 3 เล่มหนาหน่อย แต่กูชอบมากจริงๆ ไม่ผิดหวังเลย
องค์หญิงวังเดียวดาย อิงเรื่องจริงปะ
>>977 อิงปวศ.จริง ในท่านเปาคือคดีสับเปลี่ยนรัชทายาท ฮ่องเต่พ่อองค์หญิงคือรัชทายาทที่ฮ่องเอาสับเปลี่ยนมาเลี้ยงนั่นละ
>>979 ตอนจบวังเดียวดาย เตรียมใจหน่อยนะ
.
.
.
.
.
พระเอกกล่อมให้องค์หญิงเลือกความกตัญญู เพราะฮ่องเต้ปกป้องตัวเองจนป่วยหนัก แยกกับพระเอกไม่พบหน้าตลอดไป แต่พบกันผ่านดอกไม้ปลอมบนต้นใม้ต้นนึงปีละครั้ง เห็นดอกไม้เหมือนเห็นหน้านางเอก พระเอกยอมรับสภาพนี้อยู่หลายปี พอเข้าปีที่ 8 องค์หญิงที่เดียวดายในวังที่ว่างเปล่ามานานไม่อาจยื้อสังขาร จากไปก่อนได้แขวนดอกไม้ให้พระเอกเห็น ในคำตาม พระเอกจากไปอย่างสงบหลังจากนั้นปีนึง
.
.
.
.
.
อ่านรีวิววังเดียวดายจากโม่งแล้ว แต่หลบสปอยล์ตอนจบ 55555555 คงต้องไปหามาเบิกเนตรหน่อยแล้ว
กูผ่านละกันวังเดียวดาย สงสารราชบุตรเขย
โห ปวดตับมาก ยังไม่ต้องการเสพย์ดราม่า งั้นกูขอผ่านก่อน ข่อมค้า
ดราม่าเกินไปกุผ่านดีกว่าปวดตับ
>>984 กูไม่เข้าใจคำถาม เย่กันเหรอ? อันนี้ไม่สปอยล์มั้ง เพราะมันก็โต้งๆ นะว่าขันทีทำไม่ได้ มากสุดแค่กอดจูบ แค่นี้จริงๆ
>>985 ราชบุตรเขย
.
.
.
.
.
ไม่ตายนะ ตอนแรกทุกคนเข้าใจว่าโดนพระราชทานเหล้าพิษจริง เพราะคนเบื้องบนคิดว่าทางนี่ดีที่สุด แต่ฮองเฮาขวางไว้ คนที่มาส่งเหล้าให้ก็เหมือนจะทดสอบด้วย จงใจไม่อธิบายก่อนราชบุตเขยดื่ม แต่ดื่มไปแล้วก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น นอกจากสายตาของฮ่องเต้ฮองเฮา องค์หญิงยังไงก็ไม่รักอยู่ดี ได้แต่อยู่กันอย่างคนแปลกหน้าชั่วชีวิต น่าสงสารไม่แพ้พระเอกนางเอกเลย
.
.
.
.
.
อย่าเพลินจนลืมเปิดมู้ใหม่นะ
วัง1 ดราม่าเกิน กูไม่ไหว กูใจบาง
วดดนี่คือดราม่าอยู่ที่องค์หญิงใช่ปะ
.
.
.
.
.
ถ้าองค์หญิงไม่เอาแต่ใจก็จะผ่านดราม่าได้หมด? ตัดใจจากคนรักคนแรกได้ ทำไมตัดใจจากขันทีไม่ได้ ทั้งที่มันไม่มีหวังตั้งแต่แรกแล้ว
.
.
.
.
.
>>995 จะพูดแบบนั้นก็ได้
.
.
.
.
.
คนรักแรกมันไปกันไม่ได้แน่นอน เพราะอีกฝ่ายเลือกจะจากไปด้วย ทั้งคู่เริ่มรู้ตัวเองตอนนี้ละ อย่างที่กูบอกว่าไม่ชอบเพราะนางดึงดันไป แต่ก็ไม่คิดว่าที่รักขันทีผิดนะ ในเรื่องจัมีอีกคู่นึงที่คล้ายกัน แต่ตัวจันทีเลือกตะออกห่างสุดชีวิตเพื่ออีกฝ่าย ฝ่ายหญิงก็รู้และเคารพการตัดสินใจ ส่วนพระเอก จะบอกว่าซื่อสัตย์ต่อตัวเองกว่าก็ได้ ถึงอยากยื้อให้นานที่สุด จนทุกอย่างแก้ไม่ได้ เพราะทั้งคู่คือความสุขหนึ่งเดียวของกันและกัน
กูไม่คิดว่าเรื่องนี้มีคนผิดจริงๆ นะ กูไม่ชอบองค์หญิงแต่ก็ไม่ได้เกลียด นางแค่อยากมีความสุจกับคนที่มองว่านางไม่ใช่องค์หญิง แต่เป็นแค่ผู้หญิงคนนึง แม้จะไม่มีหวังแต่แรกก็ตาม
.
.
.
.
.
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.