>>619 กูจะเหลาให้ฟัง ถ้างานดีมีคนตามจริง เงินที่ได้จากสำนักพิมพ์กับทำเองต่างกันเยอะมาก คนเขียนมือเก่าที่เขียนมาสักหน่อยอาจจะพอประเมินได้เลยหันไปทำเองกันมากกว่า ที่สำคัญคือเงินค่าต้นฉบับบางที่มันไม่รู้จะได้เมื่อไหร่ ไม่รู้แก้งานแล้วคนตรวจจะตรวจทันไหม แก้แล้วจะออกมาดีไหม สำนักพิมพ์เองก็เอาความคิดตัวเองเป็นที่ตั้งเหมือนกัน แล้วบางทีก็คิดผิด แบบเก่าของคนเขียนสนุกกว่าอยู่แล้ว แก้ไปแก้มาออกหนังสือไม่ทันงาน บางทีอาจจะได้เงินช้ากว่าเดิมเพิ่มไปอีก 6 เดือน 1 ปี คนเขียนอยากจะรอไหมก็ไม่
คนเขียนมือดีสมัยก่อนเลิกเขียนไปเยอะเพราะระบบสำนักพิมพ์แบบนี้แหละที่ทำให้คนเขียนอยู่ไม่ได้ ส่งไปแล้วเปลี่ยนสำนักพิมพ์ก็อาจโดนแบนบอกเป็นมารยาท ส่งพิจารณา 3 เดือน ผ่านแล้วยังต้องรอแก้งานกันไม่รู้กี่เดือน แทนที่จะเอาเวลาไปเขียนเรื่องใหม่ต้องเอามาแก้งาน เงินที่ได้ก็ไม่ได้มากอะไร สู้ทำเองไม่ได้ สมัยนี้หลายคนที่ทำเองเขาจ้างพิสูจน์อักษรมาช่วยกันเยอะแล้ว ลองเปิดเล่มทำมือของบางคนดูมีชื่อคนพิสูจน์อักษรด้วย มาตรฐานบางทีก็ไม่ได้แตกต่างจากสำนักพิมพ์มากเพราะพิสูจน์อักษรบางคนก็คนจากสำนักพิมพ์นั่นแหละ หนังสืออาจจะแพงกว่าเพราะทุนสูง แต่ทำแบบนี้ไม่ต้องไปเสียเวลาแก้งานสามเดือนหกเดือน ไม่ต้องไปรอพิจารณา เอาเวลาไปเขียนไปวางโครงเรื่องใหม่ได้ทันที
ส่วนการแก้ปัญหาเรื่องคำผิด กูว่าจริงๆ ควรจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างพิสูจน์อักษรกับคนเขียน นักเขียนมือใหม่หลายคนมีปัญหาเรื่องภาษา แต่ให้เขาไปแก้เองจนหมดเล่ม เปิดดูทีละคำว่าคำไหนผิดคำไหนถูกมันเสียเวลาเยอะมากแล้วจะมีพิสูจน์อักษรไปทำไม การทำงานตรงนี้พิสูจน์ตรวจแล้วเห็นคำไหนผิดบ่อยก็ส่งกลับไปแจ้งคนเขียน งานคราวหน้ารู้แล้วก็ผิดน้อยลงแล้ว หรือคนไหนถูกจองตีพิมพ์ พิสูจน์ก็ตรวจต้นฉบับในเว็บก่อนเลยก็ได้ ส่งคำที่ผิดบ่อยไปบอกนักเขียน มือใหม่มีประสบการณ์มากเข้าก็ดีขึ้นเองไม่ใช่รอให้เขารู้เองแบบนั้นเสียเวลาฉิบหาย งานสำนักพิมพ์ต้องช่วยกัน ถ้าให้อะไรๆ ก็คนเขียนจัดการ เขาไม่ออกไปทำเองก็แปลกแล้ว