>>908 มึงเขียนไม่จบก็หยุดเขียนแล้วไปทำตัวเป็นนักอ่าน อ่านมากๆ อ่านให้สนุก อ่านให้ไหลไปกับอารมณ์หนังสือ อย่าไปเคร่งกับมันมากว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ ต้องเขียนแบบนั้นแบบนี้ พยายามค้นหาอารมณ์ตอนแรกเริ่มที่จะเขียน แต่ถ้ามึงไม่ได้อ่านอะไรมาเลยแล้วอยากเขียนมึงไม่ต้องไปเข้าคลาสไหนหรอกเสียเงินกับเสียเวลาเปล่า มึงไม่มีอะไรให้เขียนมึงจะเขียนออกมายังไง
แต่ถ้ามึงอ่านมามากแล้วแต่เขียนไม่ออก มึงอาจจะเคร่งกับมันเกินไป ตั้งใจมากเกินไป มีข้อแม้นั่นนี่กับงานตัวเองมากเกินไปจนสุดท้ายเขียนออกมาไม่ได้ มึงพยายามปลดข้อแม้ตัวเองออกแล้วเอาอารมณ์นำงานเขียนดู หนังสือกูเคยผ่านตาหลายเล่มละ มันก็มีข้อดี เรียบเรียงความคิดได้ดี แต่ถ้ามึงอ่านแบบตันๆ จะกลายเป็นสร้างข้อแม้ไปเสียเปล่าๆ
อันนี้คำแนะนำไม่รู้ช่วยมึงได้หรือไม่ได้
มึงตัน ตันเพราะอะไร
ตันเพราะไม่ได้วางพล็อต - ไปวางซะ
ตันเพราะมีพล็อตแต่เขียนไม่ออก - มึงมีปัญหาในการเล่าเรื่อง ดูพวกโฆษณาสั้นๆ กลับไปอ่านหนังสือที่เคยชอบ ดูหนังฟังเพลง
ตันเพราะไม่มีคำดีๆ ใช้ - ไปอ่านคลังคำสักรอบสองรอบ
ตันเพราะเขียนออกมาเท่าไหร่ก็ไม่ดี - มึงมีปัญหาในการเล่าเรื่อง
ตันเพราะตันเฉยๆ - ปัญหามึงเยอะเกินไป เลิกเขียนแล้วกลับไปอ่าน
ตันเพราะเขียนแล้วไม่มีผลตอบรับ ไม่มีคนคอมเม้นต์ ขาดกำลังใจ - การไม่มีความเห็นก็เป็นความเห็นแบบหนึ่ง แปลว่า งานมึงไม่ดีพอให้เขามีความเห็นใดๆ อย่างมากก็ระดับก็ดี ซึ่งแปลว่ายังไม่ดีพอให้คนอยากอ่านนัก
ไม่ได้ตันแต่เขียนแล้วไม่ได้ดั่งใจคิด - ฝีมือมึงไม่ดีพอ ไปอ่านงานดีๆ เก็บประสบการณ์กูว่าเร็วกว่านั่งเขียนแล้วเขียนอีก เขียนไปมันไม่เพิ่มขีดความสามารถมึงมากนักหรอก อาจจะไหลลื่นเพิ่มขึ้นแต่อยู่ในกรอบจำกัด ถ้ากรอบมึงใหญ่ก็ไม่เป็นไร ถ้ากรอบมึงเล็กมึงเค้นอะไรออกมาก็ยาก
ถ้ามึงอยากได้หนังสือดีๆ กูแนะนำให้มึงกลับไปอ่านหนังสือที่มึงชอบ อ่านแล้วสนุก อันนั้นแหละดี