สมรสอสุรา ที่เป็นยักษ์ แฟนตาซีมะ
Last posted
Total of 1000 posts
สมรสอสุรา ที่เป็นยักษ์ แฟนตาซีมะ
อีปลาบู่ทองนี่เจ้าแห่งการเกิเใหม่เลย เกิดแต่ละตัวแม่ง...ไมไม่เกิดเป็นคนเหมือนเดิมวะ
กูชอบพระรถเสนกับนาง นางไรวัใช่ชื่อนี้ป่ะ ที่เป็นยักษ์แล้วผัวหนีไป อีกชาติกรรมตามทันพระเอก นางเอกหนีบ้าง
ใช่ชื่อนี้ไหมวะ
ไปอ่านมาละใช่ว่ะ อีพระรถเสน กูเกลียดมันพอๆ กับเจ้าชายในแก้วหน้าม้า ไม่สวยนี่แบบไม่แยแส พอสวยมาง้อ ฟวย ไปตายซะเป็นกูเอาอีโต้เฉาะหัวไปแล้ว
สไตลินิยายตบหัวแล้วลูบหลังในสมัยนี้เลย
มองสิ ทองเชี่ยไร 5555
พระเอกวรรณคดี กูเกลียดสุดคืออิเหนาหว่ะ
พระรถเสนอยู่ในเมืองยักษ์ด้วยความสุข แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังระลึกถึงมารดาและป้าของพระองค์ จึงคิดหาอุบายโดยการจัดเลี้ยงสุราอาหาร นางเมรีเมามายและหลอกถามถึงห่อดวงตานางสิบสอง อีกทั้งกล่องบรรจุดวงใจของนางสันทมาร นางเมรีก็พูดด้วยความมึนเมา บอกเรื่องราวและที่เก็บสิ่งของสำคัญตลอดจนยาวิเศษขนานต่างๆแก่พระรถเสนจนหมดสิ้น พระรถเสนจึงนำกล่องดวงใจ ห่อดวงตาและยารักษารวมทั้งยาวิเศษที่โปรยเป็นภูเขา เป็นไฟ เป็นมหาสมุทร ติดตัว หนีออกจากเมืองไป
ครั้นเมื่อนางเมรีหายจากความมึนเมาไม่เห็นพระรถเสน นางจึงรู้ว่าพระรถเสนหนีไปแล้ว นางกับเสนายักษ์ได้ออกติดตามพระรถเสนด้วยความรัก พระรถเสนควบม้าหนีมาแต่นางเมรีก็ตามทัน พระรถเสนโปรยยาให้เป็นมหาสมุทร นางเมรีสิ้นแรงฤทธิ์ไม่สามารถจะข้ามมหาสมุทรได้ นางเฝ้ารำพันอ้อนวอนให้พระรถเสนกลับเมืองไปอยู่กับนาง แต่ม้าได้ทัดทานไว้ นางเมรีเศร้าโศกคร่ำคราญจนดวงใจแตกสิ้นใจตาย พระรถเสนกล่าวขอโทษต่อหน้าศพนางแล้วให้เสนายักษ์นำกลับเมือง ในที่สุดพระรถเสนก็ตัดใจกลับเมืองไปช่วยมารดาและป้าๆ
จริงๆ มันบอกตรง ๆ ก็ได้ใช่ป่ะ นางรักพระรถเสนขนาดนี้
ทั้งคู่เหมือนกันคือหลอกใช้ผู้หญิงเข้าใจป่ะมึง แต่อีพระรถเสนได้แก้ตัวชาติหน้า
เจ้าชายชื่อไรไม่รู้ไม่จำ ได้ใช้ชาติเดิม
ท้าวภูวดลพยายามหาหนทางที่จะเลี่ยงคำสัญญาเลยมอบให้พระปิ่นทองเดินทางไปอภิเษกกับเจ้าหญิงทัศมาลี ราชธิดาของท้าวพรหมทัต ก่อนเดินทางไป พระปิ่นทองกล่าวว่า "ถ้ากลับมานางยังไม่มีลูกจะถูกประหาร" นางแก้วนั่งเรือเหาะตามพระปิ่นทองไปแล้วถอดหน้าม้าออก ไปขออาศัยอยู่กับสองตายายในป่า เมื่อพระปิ่นทองผ่านมา นางแก้วก็ไปอาบน้ำที่ท่า พระปิ่นทองเห็นเข้าเกิดหลงรัก และไปเกี้ยวพาราณสี จนได้นางแก้วเป็นเมีย
>>557 กลัวไม่มีมุกแต่งอีกเรื่อง
เรื่องพระรถเสน สอนให้กูรู้ว่า เป็นคนรักกัน ทำไมมึงไม่คุยกันวะ พูดกันเด้ะ จะรอให้ชาติหน้าเหรอ
ส่วนแก้วหน้าม้าคือ หากมึงขี้เหร่ แต่มึงมีความสามารถ คนก็เกลียดมึงอยู่ดีจนกว่ามึงจะสวยขึ้น คนถึงจะหายเกลียด แล้วยกยอเชิดชู สไตล์นิยายสมัยนี้มี
ว่าแต่กูน่าจะแต่งนิยาย ย้อนยุคมาเป็นแก้วหน้าม้า หักว่าวซะ
เออ แต่เรื่องไม่ยอมพูดกันดีๆนี่เห็นด้วย แต่งี้ก็ดี ชาติต่อมาเป็นพระสุธนกูนี่โคตรสะใจจอร์จจริมๆ
ในนิยายปจบ.มีเรื่องแนวๆนี้อีกกูก็ช้อบชอบ ไอ้ผลัดกันรักผลัดกันตามเนี่ย สาแก่ใจอีช้อยนัก อิน 555555 ใครมีแนะนำกูได้
เหอออออ พอมานึกดูก็เยอะดีนะ
แต่... จะปรับมาใช้กับยุคปัจจุบันยังไงดีวะเนี่ย?
กูอยากให้มีคนแต่ง fairy retelling แบบไทย ๆ มั่ง ว่ะฝรั่งทำกันโครม ๆ beauty and the beast นี่มี 20 อันได้แล้วมั้ง
นิทานพื้นบ้านไทยจะว่าไปแม่งแฟนตาซีทุกเรื่องเลยนี่หว่า กูยังไม่เห็นเรื่องไหนมีแต่คนธรรมดา อย่างต่ำต้องมีฤาษีมีฤทธิ์เป็นตัวช่วยทุกเรื่องเลย
แฟนตาซีไทยร่วมสมัยเป็นว.วนิจฉัยกุล/เก้าแก้ว ได้เปล่าวะ เจ้าบ้านเจ้าเรือน นิรมิต จากฝันสู่นิรันดร แต่ปางก่อน ผ้าทอง แดนดาว ฯลฯ
หรือคนที่แต่งชุดผ้าอาถรรพถ์นานาชาติอะ ชื่อไรวะลืม
เพชรพระุอุมาก็ใช่นะ
หรืออีกทีก็มีเป็นนิยายวาย เอาไกรทองมาใช้ น่ารักดี พระเอกเป็นชาละวันนน
>>563 อันนั้นไม่นับได้เปล่า ถ้าจะแนวนั้นทำไมมึงไม่ยกตัวอย่างดี ๆ แบบปลายเทียนวะคะ
>>564 >>565 เอิ่ม....กูไม่อ่านวายอะนะ
ที่กูพูดถึง retelling กูหมายถึงอยากเห็นคนเอาพล๊อตนิยายพื้นบ้านมาใส่ในยุคปัจจุบันแทนน่ะ เช่น
ปลาบู่ทอง
เช่น
ชื่อก็อาจเปลี่ยนไป จากเอื้อยอ้าย เป็น หนึ่งสอง ดาวเดือนไรก็ได้
แทนที่พ่อแม่เอื้อยจะทำนาก็เป็นชนชั้นกลางในกรุงเทพ
พระเอกเป็นนักธุรกิจหล่อรวย
พอแม่เอื้อยตาย (อาจตายด้วยอุบัติเหตุเฉย ๆ ก็ได้ ไม่ได้ถูกฆ่า) มาเกิดเป็นปลา เมืองกรุงคงเลี้ยงปลาบู่ยาก มาเป็นปลาทอง ปลาคาร์ฟในบ่อแล้วกัน
ไม่ก็เปลี่ยนไปเป็นหมาแมวเอาก็ได้
พอตายก็เอาศพไปฝังใช่ป่ะ แล้วมีมะเขืองอก แล้วถูกโค่นไปเกิดเป็นต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองในป่า
แทนที่จะเป็นป่าก็เป็นที่ดินพระเอกแล้วกัน พระเอกจะสร้างห้างหรืออะไรก็ว่าไป มีต้นโพธิ์นี่มางอก จะตัดจะย้ายก็เจออาถรรพภ์ตลอดจนคนงานกลัวหัวหด นางเอกต้องไปช่วยย้าย ต่อมาก็รักกันแต่งงาน
เรื่องนกแขกเต้าอาจลำบากไปนิด แต่พอสลับตัวได้ไม่ต้องตายก็ได้ ถูกพาตัวไปฆ่าแต่หนีไปได้ ไปอยู่วัด เด็กเสกก็ช่างมันเอาเป็นท้องธรรมดา ๆ แล้วกัน
ให้ระหว่างนั้นพระเอกไปทำงานเมืองนอกเหอะ ไม่งั้นจำเมียไม่ได้จะดูโง่เกิน พอกลับมาก็รู้สึกเมียแปลก ๆ ไปแต่ไม่ได้คิดมาก ไปหลาย ๆ ปีเลยก็ได้
วันนึงไปเที่ยวตจว. เข้าวัด เจอลูก จบ
ไกรทองก็ดูจะเป็นเรื่องตำรวจจับผู้ร้ายธรรมดา ๆ ได้อยู่นะ
ทำไมนึกถึงไกรทอง ในหัวกูมีฉากวายขึ้นมาทันที ไกรทอง x ชาละวัน ทำไมกัน ทำไม ทำไมมมม
เพื่อนโม่งขอความเห็นหน่อย พอดีกำลังจะเขียนนิยายจีน
ระหว่างคนสำคัญของพระเอกถูกฆ่าตายต่อหน้า กับ พระเอกคิดว่าเธอตายไปแล้ว แต่ที่จริงยังไม่ตาย แล้วได้พบกันอีกครั้งหลังจากนั้นหลายปีต่อมา แบบไหนมันจะบีบอารมณ์ได้มากกว่ากันวะ?
>>568 เอามายำแบบกู
เออมึงกูแต่งนิยายทีไรเรื่องของกูมีแต่พวกผิดปกติแบบยังไงอ่ะ ผิดปกติทั้งนั้นหมายความว่าไงฟะ
นางเอกมันรักพระเอกมากจนฆ่าทุกคนเพื่อพระเอกได้ เป็นพวกที่anxiety attackตลอดเวลา
พระรองก็รักนางเอก แต่ไม่ใช่เชิงชู้สาวนะ เหมือนหมกหมุ่นอ่ะ
อีกคนก็รักเงิน แบบรักเงินมากกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าสกปรกแค่ไหนก็ทำได้เพื่อเงิน
หรือว่าคนแต่งมันผิดปกติ...
>>561 urban fantasy ไทยกูว่าแม่งทำยากตรงที่บริบทบ้านเราเปลี่ยนจากสมัยก่อนราวหน้ามือกะหลังตีน แบบไม่มีป่าเขาลำเนาไพรแล้วง่ะ เอาจริงๆเดี๋ยวนี้แถวบ้านใครยังติดท่าน้ำอยู่บ้าง
แต่มึงลองเทจินตนาการไปเยอะๆก็มีหวังอยู่นะเว้ย
สมมติกระสือที่ลอยมาติดระเบียงคอนโดชั้น23แล้วลงไม่ได้เพราะแก๊สหมดไรงี้ //โพร่ง
หรือแม่ปลาบู่กลายเป็นปลาทอง ต้นมะเขือกลายเป็นแคคตัส นกแขกเต้าเป็นนกพิราบไม่ก็อีกาละกัน
ถ้ากระสือบินไปตดไปจะพุ่งเป็นไอพ่นมั้ย 5555
กระหังก็เลิกใช้กระด้ง เปลี่ยนมาเป็นพลาสติกPET ดีไซน์สีสันสดใส น้ำหนักเบา ใช้งานทนทาน บังคับการบินได้ดี ติดไฟกระพริบกันโดรนเฉี่ยวใส่
พวกผีพื้นบ้านนี่อาจจะเลิกกินของโสโครกตามป่าถ้ำห้องส้วมหรือไปแทะไก่เป็นตามบ้านชาวบ้าน แต่เปิดเป็นร้านพิเศษเฉพาะเผ่าพันธุ์แบบผีดิบกูลเรื่องโตเกียวกูลก็ได้ ดูถูกสุขอนามัย (เหรอวะ) ถถถ
ตอนเด็กกูกลัวชิบหายอีผีนี่ โตมา สงสัยแบบแม่งกูกลัวไร
ถัดจากนั้นก็เขียนเปเปอร์วิจัย การเรืองแสงและการลอยได้ของกระสือ ทำอย่างไรจึงถอดหัวและอวัยวะภายในออกมา ออกตีพิมพ์ ถุ้ย
>>589 โรแมนติกอะไรขนาดนั้น กระสือวาเลนไทน์ชิดซ้ายไปเลย 555555
>>590 เกลียดธีมว่ะ 555555 นศพหนุ่มใกล้สอบไฟลนก้น เพื่อนแนะนำให้บนศาลหน้าหอให้สอบผ่าน บังเอิญเจอยัยกระสือที่พึ่งหัดถอดหัว กะระยะไม่แม่นมาห้อยโตงเตงที่ระเบียงห้องเค้าพอดี ปฏิบัติการแบล็กเมล์ความลับแลกกับการติวแบบถึง-เนื้อ-ถึง-ตัว "นศพ ตัวร้าย กับ ยัยกระสือออ" - สนพ.โม่ง
อยู่อยากเขียนนะ แต่กลัวโม่งแตก๕๕๕
เหี้ยอะไรวะเนี่ยยยย กระสือฮอตไลน์เรอะ!?
ถ้ากูอยากแต่งนิยายแล้วลงที่โม่งให้โม่งทั้งหลายวิจารณ์ กูควรตั้งกระทู้ใหม่ไหม
ky กุมีปัญหาว่ะ กุต้องการจะเขียนนิยายที่มีฉากนางเอกหนีพระเอกแบบหนีจริงๆ เพราะกุรำคาญเวลาอ่านนิยายคนอื่นที่มันเถียงกะเขาแค่สองสามประโยคแล้วก็โดนอีกฝ่ายบังคับขึ้นรถเอาไปด้วยละอะไรงี้ แบบเมิงหนีละเหรอ หนีจริงดิ ทำไมเชื่อคนง่ายจัง กุลองคิดแบบว่าถ้าเป็นกุมีคนแปลกหน้ามาพูดอะไรประหลาดๆ ใส่ก็อาจจะยืนฟังจนจบแล้วขอโทษว่าช่วยอะไรม่ได้ ถ้ามันยังมาตื๊อไม่จบไม่สิ้นอีกกุก็คงจะถอยห่างๆ ให้ตายใจแล้ววิ่งไปขอความช่วยเหลือ วิ่งเข้าโรงพัก หรือถ้าเปลี่ยวกุก็คงหาอะไรมาฟาดหน้ามันแล้วหนีอยู่ดี แต่ถ้างั้นมันจะออกเป็นแอคชั่นไปว่ะ กูจะเขียนนิยายรัก......... แต่กูก็เข้าใจนะว่าจะมายืนเถียงๆ ไม่ยอมฟังพระเอกครึ่งเรื่องก็เนื้อเรื่องไม่เดินซักที
>>613 ใช่มะ กูเลยให้นางเอกกูตัดไฟตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอไง ตอบอย่างที่คนปกติจะตอบ ไม่ค่ะ / ไม่ทราบค่ะ / ฉันไม่รู้จักคุณค่ะ / ลาก่อนค่ะ สวัสดี / พระเอกกูก็เอ๋อแดกไปดิ เสือกเป็นคนธรรมดาที่ไม่ใช่นักลักพาตัวนักใช้กำลังข่มขืนอีก กุก็เลยเอ๋อแดกตามพระเอกไปอีกคนเลย อห กุต้องทำยังไงให้นางเอกยอมมากับพระเอกด้วยความสมัครใจทั้งที่เขาไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้วะ 5555
>>614 ทำยังไงให้นางเอกยอมมากับพระเอกด้วยความสมัครใจทั้งที่เขาไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้วะ >> กูว่าไม่น่าจะมีนะ คือพระเอกจะไม่อธิบายอะไรแต่จะให้นางเอกเขาตามไปง่ายๆ เนี่ย โลกนี้คงไม่มี
ไม่สมัครใจตามไป = พระเอกเลยต้องบังคับ ใช้กำลัง
สมัครใจตามไป = พระเอกมีเหตุผล หว่านล้อม หรือกุเรื่อง
ไม่งั้นต้องสร้างเรื่องให้พระเอกวางแผนล่อนางเอกออกมา โดยจ้างวานคนอื่นแทน กึ่งๆ อยู่ตรงกลางระหว่างใช้กำลังว่ะ หรืออาจจะมีทางอื่นที่กูคิดไม่ออกอีก
กู >>610 เอง ขอบคุณมากไม่คิดว่าจะมีคนมาช่วยคิดขนาดนี้ 55555555 อ่ะโอเค เอาของพวกมึงมายำนะ นางเอกกุจน เจอพระเอกมาตามตื๊อก็เลยยอมไปกับเขาเพราะเห็นว่านาฬิกาข้อมือน่าจะแพง สูทแพง รองเท้าแพง จิวที่หูก็แพง เลยอดใจไม่ไหว พระเอกพามาที่บ้านสวนบนเกาะร้างห่างไกลนางเอกถามจนแน่ใจว่ามีกันแค่สองคนบนเกาะก็เอาท่อนไม้ทุบหัว ตุ๊ยท้อง เตะหน้า กระทืบไขล่ รูดทรัพย์สินทั้งหมดและยกตู้เซฟพระเอกไปด้วย เอาค้อนทุบโทรศัพท์ให้แตก สับสายไฟเป็นชิ้นๆ กรีดแพยาง เจาะถังน้ำมันเรือทุกลำ แล้วขโมยสปีดโบ้ทหนีกลับแผ่นดินใหญ่สวยๆ อ้าว พล้อตเดิมกุพระเอกโดนล้างสมองให้เชื่อว่านางเอกเป็นคนรักเลยจะมาตามกลับบ้านเฉยๆ นะ ว้อยย 555
เวลามึงเริ่มเขียนนี่เริ่มกันไงวะ
ช่วงนี้กูบล๊อคอะ กูแบบนั่งมโนเรื่องได้ฉากได้แต่พิมพ์เป็นตัวอักษรไม่ถูก
แบบถ้าช่วงไหนได้ก็แค่นั่งก็พิมพ์ต๊อกแต๊กไปเรื่อยๆ แต่พอมันไม่ได้ถึงพล๊อตมีมันก็ไม่ออกอะ ทำไงวะ
>>626 ถ้าคิดคำบรรยายไม่ถูกก็ก็พิมบทพูดก่อนเลย แล้วไปทยอยเติมบทบรรยายตามเอาทีหลัง แต่ปกติกูเป็นพวกคิดช้าอยู่แล้วอะ 2 ห้าหกชั่วโมงนี่ธรรมดาของกูเลย พล็อตนี่งอกเอาๆ นะ สึสกุมีพล็อตนิยายราว 20 เรื่อง พิมไว้คร่าวๆ ตั้งแต่ต้นยันจบว่าจะเกิดเหตุการณ์ไรบ้างๆ แต่เขียนได้ไม่เกินสิบหน้า พพล็อตใหม่กุงอกอีกละเลยต้องไปเปิดพไฟล์ทิ้งไว้อีก วนลูปเงี้ยเหี้ยมาก
พวกมึงรู้ได้ไงว่าตรงไหนคือดีแล้ววะ กูแบบพอถึงจุดหนึ่งก็โอเคละ พอใจละ แต่พอทิ้งไว้พักหนึ่ง กลับมาอ่านแล้วอยากเอาหัวมุดโถส้วมตาย ก็แก้ๆรื้อๆ แล้วก็วนลูปเป็นวงจรอุบาทว์ไม่จบสิ้นอีก บางทีกูก็เหนื่อยกับความบ้าเพอร์เฟ็คของตัวเอง
>>631 สำหรับกูถ้ายังไม่จบก็ก็แก้เรื่อยๆ บางทีก็แก้ประโยคละคำสองคำนี่ล่ะ เปิดผ่านๆ อ๊ะ ตรงนี้ถ้าเติมเข้าไปจะธรรมชาติขึ้นนะเลยไม่ไปไหนสักที กูเลยตัดปัญหาเดินหน้าอย่างเดียวไม่กลับมาอ่าน เอาให้จบแล้วไปเขียนเรื่องอื่นสองอาทิตย์ค่อยกลับมารีไรท์1 เขียนเรื่องอื่นต่ออีกหนึ่งเดือนค่อยรีไรท์2 แล้วทิ้งไว้งั้นเลยว่ะ อาจจะกลับมาเปิดอ่านในอีกสามปีให้หลังอะไรงี้ กุไม่โพสนิยายที่ไหนด้วย ไม่ส่งสนพ. เพราะกูเป็นโรคกลัวความถาวร เกิดลงเว็บขึ้นมา/ตีพิมพ์วันนึงกุเกลียดนิยายตัวเองมันจะเป็นตราบาป อ้าวสรุป ช่วยไรมึงไม่ได้เลย 55555
ไม่เข้าใจว่าทำไมนิยายที่บอกว่าเป็นยุคกลาง(มีเวทมนตร์หรือไม่ก็ช่าง)หลายๆเรื่อง ถึงมีโบสถ์ยอดแหลมหรือหลังคาโดม สวมคอร์เซ็ทกระโปรงสุ่มไก่ มีเพลง(และเครื่องดนตรี)คลาสสิค ห้องหรูหราประดับลายร็อกโคโควิจิตรตระการตาวะ.... โคตรผิดที่ผิดทางผิดยุคกันเลย... ไปเลียนแบบมาจากไหนกัน...
สำหรับคนลงนิยายในเนตอย่างกูตอนแรกกูก็พอใจนะผ่านไปสองเดือนกลับมาอ่าน อีเหี้ยกูเขียนอะไร แล้วตอนนี้กูวนลูปนรกตอนที่ สิบ เพราะอยากทิ้งบทนำไปเริ่มใหม่มา
กูคิดว่าอาการนี้เกิดขึ้นเมื่อคนติดตามเยอะขึ้นว่ะ
เหมือนแบบเกิดแรงกดดันแบบเหี้ยมาก กูอยากดองไว้เก็บจนวันตาย แต่ใจก็อยากเผยแพร่นิยายที่เต็มไปด้วยดาร์กไซด์ผิดกับชื่อเรื่องของกู
มันแบบเกิดความรู้สึกขัดแย้งกัน จนทรมานชิบหาย
แต่นึกไม่ออกว่านิยายเพอร์เฟ็คเป็นยังไง คนเขียนระดับโลกเคยอยากแก้นิยายตัวเองกันไหม แบบสมมุติเจเคโรวลิ่งอยากไปแก้นิยายที่เผยแพร่ไปแล้วไหม
กูก็เป็น เล่มไหนที่พิมพ์ออกมาแล้วงี้กูแทบไม่กลับไปอ่านซ้ำ อ่านได้แต่เรื่องใหม่ๆที่เพิ่งเขียน
พิมพ์ไปแล้วสักสองปีที่เริ่มละะะ ตอนนั้นกูคิดไรอยู่ละเขียนไรลงไปวะ
สรุปคือถ้าเผยแพร่แล้ว
เชี่ย เผลอกดส่ง
สรุปคือถ้าเผยแพร่แล้วอย่ากลับมาดูสินะ
ฮือ... เหล่าโม่งเขียนทั้งหลายขอถามหน่อย
กูเป็นโม่งชาย แต่อยากจะเขียนแนวเจาะตลาดนักอ่านหญิงเนี่ย กูสามารถไปเรียนรู้จากไหนได้มั่งเนี่ย
ประมาณว่าอยากทราบองค์ประกอบ และแนวทางดำเนินเรื่องหน่อย เพราะตลาดนักอ่านหญิงกับชายนี่มันคนละแบบกันเลย
>>643 เจาะกลุ่มนักอ่านหญิง คงเน้นความรัก ความโรมานซ์ หรือวาย
หาแนวนิยาย ตัวอย่างอ่านได้ ประมาณในเว็บ ebook ก็ดูว่าเรื่องไหนขายดีอันดับต้นๆ บ้าง
อย่างใน meb พวก TOP Taid ล้วนเป็นนิยายรักและโรมานซ์
มีการ์ตูนหรือแนวอื่นสอดแทรกขึ้นอันดับสูงอยู่บ้าง แต่เกือบทั้งหมดมีแค่นิยายรัก โรมานซ์ วาย
ส่วนแนวนิยายผู้ใหญ่ 18+ ก็เป็นอะไรที่รายได้ดีแบบเงียบๆ กูเห็น นข.บางคนรับเงินเดือนละหลายแสน ติดต่อกันเป็นปีๆ เมื่อแอบไปส่องดูเฟซเค้า
>>646 มึงก็อ่านนิยายโรมานซ์อ่ะค่ะ มันก็แล้วแต่มึงอยากขายใครละ หรือไม่แรกๆมึงอาจจะเหวี่ยงๆไปก่อน อ่านนิยายโรมานซ์แปลบ้าง ไทยบ้าง เอาให้ครบๆ ละก็ค่อยมาหาแนวตัวเอง
ศึกษาที่ไหนกูบอกไม่ได้หรอก มึงต้องหาอ่านเองไม่ได้หายาก อ่านทั้งที่ดีและที่ห่วย ห่วยเป็นไง ดีเป็นไง เอามาพิจารณาเอง
หานิยายโรมานซ์อ่านให้มากๆ นั่นแหละ
ลองหาอ่านดูหลายๆ แบบ ทั้งของไทย ทั้งแบบแปลนิยายโรมานซ์ของฝรั่ง อย่างสนพ.แก้วกานต์ หรือ นิยายแปลจีน แนวง่ายๆ อย่าง มากกว่ารัก ของค่ายแจ่มใส
หรือหาลงลึกในระดับทางสายมืด พวกมังก้า โดจิน
แนวโรมานซ์ เน้นด้านอารมณ์ตัวละครมากกว่าเนื้อหา
แต่เอาจริงๆกูคิดว่าผู้ชายแอบเขียนแนวโรแมนซ์ยากเหมือนกันนะ ขนาดไม่ใช่แนวโรแมนซ์นักเขียนผู้ชายบางคนยังแสดงความเป็นผู้ชายเต็มที่มากๆในงานเขียน (เห็นชัดๆก็แบบ ดร.ป้อป หรือลาสต์แฟนตาซี ดีหน่อยก็มุราคามิ หรือรหัสลับหลังคาโลก ไม่ได้อยากยกตยรวมกันแต่รู้สึกว่าเป็นคนที่กูสัมผัสได้ผ่านงานแบบชัดๆเลยว่าคนเขียนเขียนจากมุมมองการมองโลกแบบผช)
ละยิ่งแนวโรแมนซ์มันจะค่อนข้างแบบพูดไงดีมีความย้อนแย้งในตัวเยอะ ลักษณะการติดเรทของมันที่คนอ่านผญจะชอบมันค่อนข้างอธิบายยาก เทียบแบบเหี้ยๆเป็นแนวการ์ตูนก็จะเห็นได้ว่าแบบ smutแบบjosei ซึ่งค่อนข้างใกล้กับแนวโรแมนซ์ที่นิยมในไทย กับแนวติดเรทขายผู้ชาย(เล่าจากมุมมองผช) มันต่างกันมากๆๆๆๆ แบบมองโลกคนละอย่างเลยนะ
มึงกูรู้สึกว่าตัวเองรู้สึกแย่มากตอนนี้ คือแบบคอมเม้นกูหล่นลงเยอะมาก จนกูประสาทเสียไปหมดแล้วววว ฮือออออออ กูก็เข้าใจนะว่ามันไม่ควรจะไปแคร์อะไรมาก แต่กูทำไม่ได้กูทำไม่ได้กูทำไม่ได้
>>656 +1 กูก็คิดว่าผู้ชาย เพศคนแต่งดูง่าย ๆ คือ
ผู้หญิงแต่ง พระเอกหึงนางเอก
ผู้ชายแต่ง นางเอกหึงพระเอก
อันนี้คือนิยายรักธรรมดานะ แบบว่าหึงนิด ๆ หน่อย ๆ ให้เรื่องมันเดินหรือเป็นซีนขำ ๆ กุ๊กกิ๊ก ถ้าเป็นนิยายประเภทที่ความหึงเป็นพล๊อตทำพระนางบ้านแตกแบบจริงจังไม่นับ (เช่นสามีตีตรา)
พวกมึง คำว่าทอดมองกับปรายตามองนี่คนละความหมายกันใช่ป่ะ คือกูเป็นพวกเกลียดคำซ้ำอ่ะ เห็นมันมีคำว่ามองเหมือนกันแล้วอึดอัด แต่ถ้ามันคนละความหมายจะได้พยายามปลงๆหน่อย 555 เออ เขียนแค่ปรายตามองหรือชำเลืองมองก็พอป่ะวะ ไม่ต้องเขียนว่าปรายตาชำเลืองมองใช่ป่ะ กูคิดว่ามันดูซ้ำซ้อนไป
ขอบคุณสำหรับคำตอบ จริงๆลองอ่านแล้วสำเนียงใช้ได้เลยนะ แต่ดูแปลกๆจริงด้วยว่ะ 555
ผช กะ ผญ แต่ง มันให้อารมณ์ต่างกันจริงๆ อย่างซ่อนกลิ่น นิยายเขาที่กูอ่านเรื่องแรกคือเรื่องไรสักอย่างในชุดบ้านไร่ฯที่เอามาทำละคร มันรู้สึกได้นะว่าต่างไปจากอีกสามเรื่องในชุดนั้น พอตอนหลังมารู้ว่าคนแต่งเป็น ผช ก็อ๋อ ไม่แปลกใจที่ตอนอ่านรู้สึกแบบนั้น แต่ก็ถือว่าแต่งได้โอเคนะสำหรับนิยายรักแบบนี้
แต่ถ้าเป็นพวกนิยายแฟนตาซีที่มีแนวรักๆนี่ ผช ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรื่องไหน ผช แต่ง เรื่องไหน ผญ แต่ง
ชื่อนิยาย ...
สมมุติ เรื่องเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิดของตัวละครกู สองสามพันรอบเวียนว่ายตายเกิดเพราะอีนางเอกมันไม่ยอมปล่อยพระเอกไปสู่สุคติ (แนวมาม่า)
ชื่อ "พันภพชาติ","พันภพชาติไม่อาจพรากจากกัน".... มันเชยชิบหาย ชื่อไรเนี่ย ช่วยกูที มีชื่อไรงามและดูได้กว่านี้ไหม
จะเกิดอีกกี่ชาติ ไม่อาจขาดยอดดวงใจ
ขอบคุณเพื่อนโม่งกูจะเอาไปใส่ในโพลแล้วให้นักอ่านเลือกเอา555 ชอบทุกชื่อ55
อย่าให้มันใกล้กับเรื่องอื่นมาก มันสร้างความสับสนได้ง่ายๆ อย่าง หนึ่งดวงใจพันชาติภพ เหมือนหนึ่งดวงใจสามชาติภพมาก
ตอนนี้ก็มีเรื่องใหม่ชะตารักพันภพ ของคนเขียนเมืองจันทราดอกไม้ร่วง
เคยแต่งนิยาย ขอระบาย และขอคำปรึกษาในห้องนี้ได้มั้ยครับ
พอดีว่าแต่งนิยายใหม่ๆไปหาข้อมูล วิธีเขียน เจอพวกบอกให้เขียนตัวหนังสือขนาด11 แล้วก็ตอนหนึ่ง10หน้าขึ้น กุก็บ้าจี้ทำตาม
ทำได้แต่เหนื่อยซิปหาย สุดท้ายไม่รอด
เพื่อนๆมี แนวทางแนะนำมั้ยครับ ผมเห็นพวกเขียนนิยายในเวปส่วนใหญ่เขียนเป้นตอนสั้นๆ แบบนั้นดีกว่าใช่ปะ
ปกติเขียนพวก Character sheet เขียนอะไรกันไปบ้างวะที่ไว้บอกดีเทลคร่าวๆกับเมโม่บางจุดกันลืม
>>682 เอาที่สบายใจ อย่าไปฟังคนอื่น แค่ดูไม่ให้สั้นจนน่าเกลียดก็พอ แบบไม่กี่บรรทัดไม่รู้เรื่องอะไรอย่างนั้นอย่าลง รอให้เป็นกอบเป็นกำนิดนึง แล้วก็ไม่ต้องไปสนใจคนอ่านว่าต้องใช้ฟอนท์นั้นนี้ ลงกี่หน้า กี่ตอน อย่าไปเชื่อ คนอ่านร้อยคนก็ร้อยความเห็น ถ้ายอดวิวขึ้นสม่ำเสมอก็โอเค รับฟังได้ แต่อย่าบ้าจี้ทำตามไปซะหมด นิยายของเรา จำไว้ว่านิยายของเรา
ฟอนต์กู คอเดีย 14 เหมือนกัน จะได้เวลาจัดหน้าลงเล่มไม่ยากมาก ไม่ต้องมาจัดอีกรอบ
ลงเวบกู 16 ไม่ก็ 18 แล้วแต่อารมณ์ 555555
อ้าว ปกติเขาไม่ใช้Angsanaเผ็นหลักเหรอ เพิ่งรู้ 555
689 ตั้งขนาดฟอนต์ 14 ตามสำนักพิมพ์ แล้วตั้ง % ขนาดใช้งานบนจอเป็น 130-150% สิ ไม่ต้องมาจัดหน้าใหม่
ถ้าเขียนนิยายเกมออนไลน์ เวลาพูดถึงสกิลตอนต่อสู้นี้ชอบแบบไทย หรือ eng หรือไม่ต้องบอกอาศัยบรรยายเอา
ส่วนตัวกูชอบฟ้อนต์โบรวิเลีย ใช้เขียนรายงานไปจนถึงแต่งนิยาย
กูชอบ browallia สวยกว่า angsana เยอะ
KY
เพื่อนโม่งมีreferenceนิยายทุกแนวที่ตัวเอกมันโตมาเพศนึงตลอดแล้วแม่งค่อยรุ้มั้ยว่าตัวเองเป็นอีกเพศนึงปะ คือกูมีไอเดียอยากเขียนแบบหญิงที่รุ้ตัวเป็นชายแทน(เหตุผลเด่วกุหาเองเพราะจะเขียนแฟนตาซี) กูขอrefทั้งชายเป๋นหญิงและหญิงเป็นชายเลยก็ได้ คือกูเคยอ่านแบบนี้แค่บารามอสอ่านะ
แล้วกูแพลนจะเขียนให้มันอยุ่บนโลกแห่งความจริงด้วย ที่แม่งเริ่มมีทางเลือกให้ตัวละครว่ามันจะไปเป็นเพศชายตามชาติกำเนิดหรือว่าจะแปลงเพศเป็นสาวสองเพราะเป็นหญิงมาตลอดดีวะ เรื่องความรักด้วยว่ากูจะชอบชายหรือหญิงกันแน่วะ (ถึงกูจะแพลนว่าให้มันเลือกเป็นชายแล้วมีนางเอกให้ แต่กุกลัวมันไม่สมจริงไงแบบสมมติตื่นขึ้นมามึงค้นพบว่าตัวเองเป็นอีกเพศงี้5555 กูอยากแต่งแฟนตาซีแต่กลัวตรรกะวิบัติ)
มึงไปหาหลักวิชาการมาอ่านควบด้วยดีกว่านะถ้ากลัววิบัติน่ะ หลักจิตวิทยาพวกqueer theory ทั้งหลาย
คนที่มีจิตใจไม่ตรงเพศกายภาพ ส่วนใหญ่ไม่ลังเลนะมึง เพื่อนๆกูมันบอกมันรู้ใจตัวเองกันแต่เด็กอาจจะลองมีแฟนปกติแต่จะเป็นช่วงเด็กๆมากๆที่ยังพยายามอยากปกติ แต่พอชอบคนจริงๆมันก็รู้เลยเพราะความรู้สึกไม่เหมือนกัน
>>701 ขอบคุณมาก แนวไหนอะ กูไม่เคยแตะมังงะ
>>702 เออ ขอบคุณมาก คือตอนแรกกูไม่ได้อยากจะแต่งไปแนวqueer lgbt y ไรงี้นะ แค่อยากคิดไรแปลกๆ แบบสมมติมึงคิดว่าอินี่เปนนางเอกแล้วหักมาเปนพระเอกเลย5555 แต่พอกูเริ่มโตมันก้ทำให้กูนึกถึงสภาพจิตใจตัวละครเมื่อเทียบกะตัวเองเพราะกูกะจะbased on ตัวกูแบบคร่าวๆตรงบุคลิก (กูเปนโม่งหญิง สาวห้าวคนเดียวในแก๊งชายเปนสิบที่บางทีอิเพื่อนผู้ชายหาว่ากูหื่นเถื่อนกว่ามัน แต่กูก็ชอบผู้ชาย บ้าดาราฮอลลีวู้ด อยากมีผัวไรงี้นะ ซึ่งตัวกูค่อนข้างเข้ากะผู้ชายได้ดีหญิงมาก อาจเพราะกูสนิทกะพ่อ มีพี่ชาย เอาง่ายๆอยุ่รรหญิงล้วนกุไม่มีเพื่อน ย้ายมาสหกุมีเปนแก๊ง555) แล้วเมื่อคิดว่าถ้ากุเจอแบบตัวละครกุ กุก็คงใช้ชีวิตโอเคขึ้น เพราะกุชอบโดนด่าเรื่องเป็นผู้หญิงล่ะทำตัวเถื่อนบ่อยๆ แต่เรื่องความรักคงต้องเป็นแบบสวิงตาม >703 อ่ะ55555 เพราะตอนนี้กูก็มีtypeผู้หญิงที่กูคิดว่ากูเป็นผู้ชายจะเอาเป็นเมียอยุ่ แต่ก้ไม่ได้ชอบจริงๆ ซึ่งกูอาจให้แม่งสวิงไปซักพักล่ะจบที่อินั่นเปนนางเอกตัวจริงแทน
เออขอบคุณเรื่องพวกการ์ตูน ทฤษฎีมากๆนะ กูจะลองหาอ่านดู
บ่นหน่อย กูมีปัญหาไร้สาระเวลาเลือกใช้คำว่ะ
แบบสมมติแต่งแฟนตาซีเซ็ตติ้งยุโรปโบราณ แล้วจะใช้คำว่า "กลับตาลปัตร" กูก็จะ เอ๊ะ ยุโรปไม่ควรมีตาลปัตรนะ
ให้ตัวละครด่ากันจะใส่ว่า "ไอ้เปรต" ก็เอ๊ะ โลกนั้นไม่น่ามีความเชื่อเรื่องเปรต
อะไรพวกนี้ กะสำนวนพังเพยซะส่วนใหญ่ ไร้สาระฉิบหาย บางทีกลัวศัพท์ใหม่เกินไปกูก็รีเสิร์ชทั้งวันว่ามันมีคำนี้เมื่อไหร่ หรือเสือกสงสัยว่าที่มาคือไร หมดไปกะพวกนี้ งานเขียนแม่งไม่เดิน ประสาทมาก 555555
ไม่งั้นก็เอาทางสายกลางแบบไอ้เวร ไอ้เฮงซวย ไอ้เส็งเคร็ง ไอ้ทุเรศนั่นอะไรงี้ได้มั้ย คำพวกนี้เห็นหนังฝรั่งใช้กัน
bastard ... :P มีทุกภาษา
กูไม่ได้ใช้เปรตอะไรจริงหรอก แค่เมื่อคืนนึกตัวอย่างไม่ออกน่ะ ใช้สารเลว ฯลฯ ไป...
แต่อย่างสมมติคำว่า ทมิฬ กูก็จะเฮ้ย ที่มาจริงๆของคำมันไม่ได้แปลว่า ดำ นะ
โฉด ไม่ได้หมายถึง โหด
พวกคำที่ปจบ.ความหมายเพี้ยนๆมา กูมีความลังเลที่จะใช้
แต่ส่วนใหญ่ก็เลี่ยงไปนั่นแหละ แค่มาบ่นความวิตกจริตของตัวเอง 55555
มึง ถ้ากูจะเขียนแนวแฟนซีแล้วมีเรื่องเทพปีศาจบลาๆ กูต้องอิงพระคัมภีร์เป๊ะๆเสมอไปไหม หรือบิดเบือนได้เองเลยแล้วแจ้งว่ามาจากจินตนาการ คิดไม่ตกเลยเนี่ยยย
>>712 บิดเบือนได้นะ ขึ้นอยุ่กะการเซตโลกของมึงด้วย(แต่ของกุกะจะอ้างประมาณนั้น เพราะอยากทำให้แม่งเรียลๆ)
ง่ายๆมึงดูแฮร์รี่ดิ มีตั้งแต่เอลฟ์ในตำนานพื้นบ้านอังกฤษ หมา3หัวตามปกรนัมตำนานเทพเจ้ากรีก กัปปะ(ในนิยายมี แต่หนังไม่มี) พ่อมดแม่มดมีทั้งไม้กวาด ไม้กายสิทธิ์ เอาตรงๆแม่งก้ยำหลายอย่างที่อยุ่คนล่ะจักรวาลความเชื่อ แต่ก้ทำได้ไงเพราะถือว่าป้าโจเซตโลกของป้ามาแล้ว
>>712 ไม่จำเป็นหรอก มึงแค่ต้องไม่ลืมว่าโลกแฟนตาซีนั้นๆ มีกฏยังไง ขอให้มีเหตุผล เป็นไปตามกฏของโลกที่ถูกเซตขึ้นมาเพื่อไม่ให้มันหลุดกรอบเพราะแฟนตาซีคือจินตนาการ อยู่ที่จะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง
กูว่าที่คนส่วนใหญ่อิงสัตว์ประหลาด/ความเชื่อ/ปีศาจ จากตำนานเพราะมันง่ายกว่า และเข้าถึงมากกว่า
มึงกูกำลังจะเขียนนิยายแล้วต้องการให้ตัวเอกเรียนสถาปัตย์ กูสามารถหาข้อมูลการเรียนการทำงานของคนคณะนี้ได้จากไหนบ้างวะ
กุไปเจอนิยายเล่มหนึ่งเขียน victoria's secret = วิคตอเรีย'ส ซีเคร็ต แบบนี้ กุสงสัยว่าการเขียนอย่างนี้ในภาษาไทยมีด้วยเหรอวะ ความจริงแล้วควรจะเขียนวิคตอเรียไปเลยมั้ย หรือว่าวิคตอเรียสดี
อยากถอนหายใจ TT^TT
แบบยอดเฟบหลายพัน เปิดพรียอดเท่าขี้มด ถ้ายอดไม่ถึงคราวนี้กูเลิกแล้ว เปลี่ยนแนวดีกว่าเผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น
ขอนั่งบ่นหน่อย
ไม่ได้เขียนนิยายแบบจริงๆ จังๆ มาราวครึ่งปี
พอตอนนี้กลับมาตั้งใจจะเขียนกลับได้แต่หน้า word เปล่าๆ ซะงั้น orz แบบว่าเขียนไม่ออกอะ เขียนไปก็รู้สึกไม่ไหลลื่น
ให้ตายสิ สงสัยต้องกลับไปเริ่มใหม่ตั้งแต่ศึกษางาน นั่งอ่านงานคนอื่นอีกแล้วเหรอเนี่ย
กูไม่กล้าอ่านคอมเม้นแล้วว่ะมึง กูเคยอ่านทีหนึ่งแบบ กูเฟลไปสองเดือนเลยทีเดียว
มีคอมเม้นเดียวที่ว่าประมาณนี้ "ทำไมไม่อัพทุกวัน ไม่ติดตามละ"
กูตอนแรกเดือด จากนั้นเศร้า จากนั้นหดหู่ เง้อ ตอนนี้กูเลยแบบไม่ได้อะไรเลยหัวตันไปหมด
กูอยากเขียน แต่กูก็อยากนอนด้วย แม่งเป็น dilemma ของชีวิต
นี่กูยังไม่ได้เริ่ม แต่เท่าที่ฟังจากเพื่อนโม่ง กูว่าช่วงว่างจะเขียนตุนไว้ ล่ะลงแบบอาทิตย์ล่ะครั้งเรื่อยๆ ว่างๆตุนไว้ งั้นเลยว่ะ
เออ แฟนตาซีเด่วนี้มีแนวไหนไม่ซ้ำบ้างวะ คือกุว่าตอนนี้แม่งมาถึงจุดที่ทุกแนวถูกนำไปใช้แล้วอะ รรเวทมนตร์ เกิดใหม่ เกมออนไลน์ โลกสมมติ รักต่างเผ่าพันธุ์ เขียนให้ไม่ซ้ำกุคงต้องนั่งไทม์แมชชีนไปซักร้อยปีที่แล้ว
เห็นโม่งพูดเรื่องเฟบละกูว่ากลุ่มผู้อ่านมันสำคัญจริงๆ ถ้านิยายมึงคนมีอ่านเยอะมาก แต่เป็นพวกชอบอ่านของฟรี แต่ให้ซื้อจริงก็บายกันเยอะ มันก็ขายยากอยู่
แต่ถ้าคนอ่านนิยายมีไม่เยอะเท่าไหร่ แต่เป็นคนที่พร้อมซื้อจริงๆหรือมีกำลังซื้อสูง มันก็จะได้เงินง่ายกว่า
นิยายที่คนอ่านตามไปซื้อมักจะเป็นนิยายไม่กระแสว่ะ เพราะขนาดไม่กระแสยังมีคนมาตามอ่าน ถ้ามียอดเฟ้บถึงพัน ยอดอ่านแต่ละตอนถึงพัน มีโอกาสทำขาย เพราะในตลาดไม่มีนิยายแบบนี้ แต่ถ้าเป็นนิยายกระแสจัด ๆ คนอ่านเป็นแสน คนอ่านมันหนีไปอ่านเรื่องอื่นได้ถ้าถูกปิดตอน เพราะมันเหมือนกันหมดไง คนอ่านส่วนใหญ่เลือกอ่านแค่ตอนที่ชอบ แบบไล่ ๆ ดูฉากที่ชอบ บางคนไม่อ่านคำบรรยายด้วย ยอดวิวจึงไม่สามารถรับประกันว่านิยายจะมีคนซื้อถ้าทำเล่ม กูว่าขายอีบุ๊คกับเมบดีกว่า เวลามันลดราคานักอ่านชอบไปสอยคราวละเยอะ ๆ คนเขียนไม่ต้องลงทุนด้วย
อยากจะร้องไห้ ดองงานไปครึ่งปีเพราะจะอ่านสอบ กลับมาอีกทีคือเขียนไม่ออกเลย หรือควรจะเริ่มใหม่ตั้งแต่ 0 ดี
เออเพื่อนโม่ง ขอถามหน่อยนะ
คิดว่าเพศของตัวละครเอกนั้นมีผลต่อรสนิยมของผู้อ่านมากน้อยแค่ไหนอะ?
คือไม่รู้กูรู้สึกไปเองรึเปล่านะว่า เวลาเขียนแนวแฟนตาซีผจญภัยเก็บเลเวลนี่ ถ้าตัวเอกเป็นชายจะได้นักอ่านที่เป็นผู้ชายมากกว่า ซึ่งกลับกันเวลาเขียนตัวเอกเป็นหญิงนี่คนที่เข้ามาเชียร์มักจะเป็นนักอ่านแฟนตาซีหญิงซะส่วนใหญ่ซะงั้น
>>736 กูคือโม่งตัวนั้น กูไม่ซื้อว่ะ5555 คือกูโม่งหญิงชอบชายแก่(ดาราฮอลลีวู้ดที่กูกรี๊ดๆก็ประมาณ จอห์นนี่ เดปป์,จอร์จ คลูนีย์ ไรงี้อ่านะ) มันฝืนความรู้สึกกูเกิ๊นนน แต่ขอบคุณมากว่ะมึง แนวสาวแก่กว่าไม่ค่อยได้เจอแฮะ เข้ากะยุคสมัยสาวสายเปย์ดี
เออ ky แปป ถ้ากูจะแต่งให้ตัวละครแม่งแบบเป็นเด็กเร่ร่อนเติบโตข้างถนน มันจะเป็นไปได้มั้ยถ้ากูจะให้ตัวละครมัน’ไม่แตะเหล้า’ แนวว่าเคยกินแล้วไม่ชอบ เลยไม่แดกเลย แต่ว่าต่อสู้ป้องกันตัวได้ มีสกิลพวกหลบหนีขโมยของขอทานตามประสาเด็กจรจัด อายุแม่งก็โตแบบเป็นวัยรุ่นล่ะอะ มันมีโอกาสเปนไปได้ช่ะ
>>738 +1 ตัวละครชายมันดึงคนชอบได้ทั้งชายหญิง ตัวละครหญิงกุไม่ค่อยเห็นผู้ชายชอบเลยนะ(เยอะสุดน่าจะสายบู๊แบบแคทนิส ไม่ก็ฉลาดๆแบบเฮอร์ไมโอนี่) คือส่วนนึงเวลาแต่งชะนีคนชอบแต่งให้มันน่ารำคาญด้วยอะ นี่ขนาดกูโม่งหญิงนะ555 แล้วก็ต้องสวยเลือกได้ มีผัวไรงี้ เห็นชัดๆคือนิยายเจ๊กัล
กูว่าตัวละครชายมันดึงได้ทั้งคนอ่านชายและหญิงนะ
ถ้าตัวละครหญิง กูรู้สึกว่าพังง่าย มันมีมีปัจจัยเยอะที่จะต้องทำให้คนอ่านชอบ เช่น ห้ามงี่เง่าเกิน ห้ามทำตัวโง่ๆ (โง่ไม่ได้แปลว่าไม่มีความรู้นะ) คือรู้สึกว่า ผู้หญิงด้วยกันก็ไม่ชอบตัวเอกหญิงได้นะ แต่ผู้หญิงถ้าซูไปเลยก็จะได้คนอ่านอีกแบบนึง
อันนี้สำหรับแนวผจญภัยเก็บเลเวลน่ะนะ
ตัวละครหญิงที่ผู้หญิงชอบต้องเก่ง ฉลาด ไม่ง้อใคร ไม่ง้อผู้ชาย กับอีกแบบนึงคือเป็นยายขี้เหร่ ไม่สวย แต่ความคิดดี ไม่งี่เง่า ไม่เหมือนตัวละครชายที่ถ้าหล่อออกมา ผู้อ่านก็พร้อมจะให้อภัย ถถถถถถ
>>745 กูก็ชอบtypeนั้น แต่แม่งน้อยเหลือเกิน ถ้าแต่งมาก็ซู(เช่น อิเรย์ สตาร์วอร์ส ชะนีไม่งี่เง่าที่ซูชิบหายยยยย ลุคแม่งพลาดมือขาด ทำอาจารย์ตาย ฝึกกับโยดาตั้งนาน อิเรย์มาถึงเก่งเลย ด่าไม่ได้ด้วย เด่วหาว่าเหยียดเพศ)
ตัวละครชะนีแบบชะนีเลยที่กูชอบคือ Scarlet O’Hara จากGone With The Wind อ่ะ งี่เง่ามาก ยึดติดกับผัวชาวบ้านอยู่ได้ แต่ชอบที่นางเป็นผู้หญิงแกร่ง แม่งอึด ปากกัดตีนถีบมากๆ จากคุณหนูกลายเป็นยากจน แล้วทำทุกอย่างให้ตัวเองกลับมารวยไเ้อีกครั้ง(ถึงวิธีแม่งจะดูเลวๆบ้าง อย่างแย่งผัวน้องสาว แต่ถ้าไม่มีสกิลการบริหารนางก็มาไม่ได้ขนาดนี้ว่ะ)
มึงมีวิธีไหนทำให้พระรองของกูดูดีขึ้นบ้างไหมวะ กูพยายามแล้วแต่คนเกลียดชังพระรองกูกันชิบหาย มันแค่นิสัยกวนตีนเท่านั้นเอง ทำไมคนเกลียดชังคนกวนตีนงั้นหรือ นางเอกกูกวนตีนชาวบ้านมีแต่คนเอ็นดู แม่ง
นิยายขาวบ้านมีแต่คนเกลียดนางเอก นิยายกูคนเอ็นดูนางจนแบบ นางเอกทำเหี้ยไรไม่ผิดแล้วโว้ย นางเอกกูที่สุดแห่งความงอแง กวนตีน ไร้สาระมีแต่คนรัก ในนิยายญาตินางก็รักนาง ในความจริงคนก็เอ้นดูนาง เด็กคนนี้นี่เป็นที่รักจริงๆ
>>748 พระรองมันเลวบริสุทธิ์ หรือเลวแบบแค่ซึนเดเระเฉยๆ ล่ะ ถ้าเลวบริสุทธิ์มึงก็อุทิศให้มันบรรยายซักย่อหน้ามั้ยล่ะ ให้คนเข้าใจกระบวนการคิดบองมัน คนอาจจะเข้าใจมันขึ้นมาหน่อยนึงเมหือนพวกตัวร้ายในหนังที่คนกรี๊ดๆ น่ะ แต่ถ้าเลวแบบซึนเดี๋ญวพอมีฉากที่มันทำดีแบบซึนๆ คนก็เทมาทางนี้เองนั่นล่ะ
ส่วนอันนี้คือคำถามของกุนะ กุอยากรู้ว่าทำไมเวลาอ่านนิยายรักที่ผู้หญิงแต่งแล้วเป็นมุมมองพระเอกทำนองว่ารักแท้ รักมาก มันจะไม่น่าเชื่อวะ ส่วนใหญ่อ่านแล้วจะรู้สึกแบบว่าผู้ชายมันไม่สามารถรักได้อย่างที่ผู้หญิงรักหรอก มันไม่มาประดิดประดอย คิดเล็กคิดน้อยอย่างที่มึงบรรยายมาซะหน่อย ทั้งที่เวลาอ่านนิยายที่ผู้ชายแต่งอย่างของนิโคลัส สปาร์คผู้ชายของเขาก็คนดีเหี้ยๆ รักแท้ รักมั่นตลอดกาลเหมือนกัน แต่กุกลับเชื่อวะว่ามีผู้ชายที่มันรักใครคนนึงขนาดนั้นจริงๆ ง่ะ
ky เขียนเรื่องสั้นยังไงให้สั้น และเป็นเรื่องสั้นที่ดีวะ.. พอดีปกติเขียนแต่ยาวๆ อยากมาลองเขียนอะไรสั้นๆบ้าง
>>749 นิโคลัส สปาร์ค กูเกลียดชื่อนี้5555 คือกูรุ้สึกว่าอ่านนิยายเค้าแล้วแม่งนำเสนอให้ผู้ชายดีเกินจนกูเกลียดนางเอกโดยถูกโน้มน้าวอ่ะ
เออกูโม่งหญิงนะ อยากรุ้ความรุ้สึกโม่งชายอะว่าเวลามีความรักมันเปนไง ที่บ่นๆว่ามันไม่เหมือนที่นขหญิงบรรยาย ส่วนผู้หญิงมีความรักเปนไงกูไม่รุ่เพราะกูโสดซิงมาตลอดชีวิต ฮือออ
>>753 หนังที่กูเกลียดชิบหาย(ยกเว้นพระนาง กับฉากสวยๆ)อย่างThe Notebook ลอยมาเลยสัส555 ต้นกำเนิดการเกลียดนิคสปาร์คของกู แล้วก็ลามไปเกลียดแม่งทุกเรื่องเพราะเปนงี้หมด คืออินางเอกนี่มึงจะแต่งก็กลับไปให้ความหวังอิพระเอกอีก เข้าใจนะว่าโดนเรื่องจดหมาย แต่แบบ โอ๊ยยย แม่งstereotypeคุณหนูงี่เง่าจริงๆอะ อิพระเอกแม่งก็ดีมาก ดีสุดๆ เก็บเงินสร้างบ้านรอ อื้อหือ กูจะด่าว่าแกรี่ได้ปะวะ คนดี มีความรับผิดชอบ รักมั่นคง บ่นนนนน
กูไม่ค่อยชอบนิโคลัส สปาร์กเหมือนกัน อ่านแล้วไม่อิน บางเล่มนี่ชวนหลับเวอร์
รองจากเด็กดีกับธัญวลัย ส่วนมากลงที่ไหนเวิร์ค กูรู้สึกว่าลงที่ fictionlog คนอ่านน้อยมาก เหมือนเค้าขายแต่นิยายเค้าอ่ะ
ส่วน readawrite ก็พอได้อยู่ แต่ยอดก็ไม่ได้เยอะเท่าเด็กดีกับธวล
บ่นระบายนิด คือรู้สึกอึดอัดแฮะ
ไอ้เราก็ถนัดแนวดราม่า Tragedy แต่ตลาดในไทยดันนิยม Love comedy ซะงั้น
กูจะเปลี่ยนแนวเขียนยังไงดีล่ะเนี่ย
กูก็ถนัดแนวดราม่า มึงก็ดราม่าไปเลย คนชอบอ่านดราม่ามันก็มี แถมแนวดราม่า คนจำง่ายนะเว่ย ยิ่งกระชากน้ำตาเท่าไหร่ คนก็ยิ่งจำได้
KY มันมีวิธีแต่งตัวละครแบบ เจ้าชายแวมไพร์อยู่มา600ปี ไม่ติงต๊อง(คืออาจมีหยอกเล่น ชวนคุย แต่นิสัยแบบผู้ใหญ่อะ) ชอบเรียนรู้ แบบอยู่มานานแม่งก็รุ้เยอะ พูดได้หลายภาษา เดินทางไปทั่ว แข็งแรง ต่อสู้ได้เก่งดาบพอควรแบบพวกอัศวินยุคกลางอะ แบบไม่สตูปะวะ คือกูพยายามคิดให้ไม่ซูด้วยการใส่ปมตัวละครเป็นคนปิดตัวจากสังคมเพราะอดีตเลวร้าย อาจจะพิการไรซะอย่างขาดเพราะต่อสู้ อะไรซักอย่างหาย ขังตัวเองในปราสาท แต่กูก็คิดว่าแม่งสตูกว่าเดิม555 จะตัดอิโพรไฟล์ฉลาดๆ ออกกูก็ว่ามันไม่สมจริงเพราะว่าแม่งคนชอบเรียนรุ้ อยุ่นานก้ศึกษาเรื่อยๆ ตัดเรื่องดาบออก จากการที่แม่งเปนเจ้าชาบนักรบมันก้ควรมีสกิลมะ หรือกูควรจบที่ให้แม่งออกมาน้อยชิบหายจนคนเลิกด่าดีวะ5555
KY ถ้ามีคนอ่านคอมเม้นไม่ดี (หมายถึงคอมเม้นติแล้วใช้ภาษาไม่ดี) มึงจะทำไงกัน คือมึงจะเข้าไปคุยกับคนอ่านคนนั้นมั้ย หรือมองผ่านไป
คือกูอยากมองผ่านไป แต่มันติดในใจมากเลยอ่ะะะะ
>>768 >>769 >>770 กูพยายามเบลอมากกกก
แต่กูยอมรับเลยว่าเฟลมากก คือกูไม่เคยเจอมาก่อนอ่ะ ตั้งแต่เขียนมาสองสามปี ปกติทุกคนใจดีน่ารักกับกู
พอมาเจอกูรู้สึกเลยว่ากูอ่อนไหวกว่าที่คิด คือกูไม่ได้อยากจะทำตัวเป็นคนรับคำติไม่ได้อ่ะนะ แต่คือถ้าคำติมันมาในรูปแบบที่แบบสุภาพๆพุดดีๆกับกุหน่อย มันก็คงดีกว่านี้อ่ะ
คือกูเฟลแล้วก็งงด้วย ว่าทำไมเค้าพูดจาแบบนี้ แบบไม่รู้จักกูแต่พูดจาแบบนี้กับกูเหรอ แล้วปกติกูพูดสุภาพกับคนอ่านทุกครั้งอ่ะ
พวกมึง ตอนนี้กูลงนิยายไว้หลายเว็บ เพิ่งเห็นว่าห้องสมุดล้ำมาก
คนเม้นเยอะมาก นิยายกูไม่เงียบเป็นเป่าสากว่ะ
ลงเว็บอื่นคือมีคนอ่านบ้าง เด็กดีก็พอดี แต่พอลงที่ห้องสมุดแล้วค่อนข้างแฮปปี้อ่ะ มีคนเม้น คนเฟบพอใช้ได้เลย
อยากรู้ว่านิยายแนวรักขายอีบุ๊คได้เฉลี่ยกี่เล่มกัน
กูขอถามหหน่อย กูกำลังจะเขียนแนวฆาตกรรม แต่กูรุ้สึกว่า แบบกูไม่อินเลยยย แบบนึกออกมะว่ากูไม่รู้สึกว่าจะมีอะไรรุนแรงเบอร์ที่ทำให้กูต้องฆ่าคนแบบอลังการเหมือนในนิยายอ่ะ แบบกุเลยเหมือนกับ doubt แรงจูงใจของตัวละครตัวเอง อารมณ์ว่า มึงเป็นไรมากป่าววะอีตัวนี้ กูไม่เกตมึงเหลยยย
>>781 ปมแค้นส่วนตัวแบบ ฆาตกรเคยไปโกงพ่อมันจนหมดตัวแล้วต้องฆ่าตัวตาย ฆ่าแม่ ข่มขืนพี่สาว จนแม่งกลายเป็นคนเร่ร่อนต้องเข้าสู่วงการมืด แต่แนวนี้สุดท้ายกูอ่านล่ะจะสงสารฆาตกรแทนว่ะ แม่งเหมือนตกหลุมที่ไม่มีวันปีนขึ้นได้ แต่หลุมแม่งลึกเรื่อยๆแทน
ถ้า แนวฆาตกรต่อเนื่องแบบโรคจิตๆ ฆ่าเปนสัญลักษณ์ มึงลองศึกษาจิตวิทยา พวกโรคนู่นโรคนี่ หรือลองหาหนังประมาณSilence Of The Lamb,Se7en,Capote(เรื่องนี้เน้นที่ตัวทรูแมน คาโปตี้ แต่ก้พูดถึงตัวฆาตกรเยอะนะ),Monster ที่มันเล่าถึงเหตุจูงใจฆาตกรรม ปมความบิดเบี้ยวทางจิตของฆาตกร ไรงี้ดูเป็นreferenceอ่ะ กูก็ไม่เคยเขียนนิยาย สู้ๆนะคะ
>>780 กูแต่งแนวอื่นนะ แต่ตัวเอกกูฆาตกรรมชาวบ้านไปเยอะเพราะแรงหึงหวงอย่างรุนแรง นางเป็นฆาตกรข้ามภพข้ามชาติที่ใครก็จับไไม่ได้ด้วย
ปมมันมาจากครอบครัวมันทิ้งนางเอก พอนางเอกเจอกะพระเอกก็ยึดติดเหมือนเป็นที่พึ่งทางใจ พระเอกเป็นเหมือนพระเจ้าของนางอ่ะ นางเลยไม่รู้สึกว่าตัวเองทำผิด นางเอกฆ่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเอกรัก เพื่อให้พระเอกมีมันคนเดียวเท่านั้น
กูสาบานว่ากูไม่ได้อยู่หมวดสยองขวัญ
นักสืบเจน ริซโซลี
ตอนนี้กูเพิ่งเขียนจบไปหนึ่งเรื่อง ระหว่างรอขึ้นเรื่องใหม่ที่กูยังไม่มีพลอต กูรุ้สึกเหมือนกำลังเจอ writer block กูคิดอะไรไม่ออกเลย เขียนอะไรไม่ออกเลยอ่ะ ละพอไม่ได้เขียนกูก็หดหู่(มากๆ)
กูเพิ่งเริ่มหัดเขียนนิยาย ลงตอนละประมาณพันคำได้ไม่กี่ตอน สั้นสัสๆ ไม่คิดว่าจะมีคนอ่านด้วยดีใจชห
มึงกูเป็นพวกชอบดูหนัง ชอบการแสดงออกทางสีหน้าที่มึงต้องตีความเอาเองว่าตลค.คิดอะไรอยู่ แล้วให้รู้ผลทีเดียวตอนกระทำแล้วเลย ทีนี้พอเขียนนิยายถ้ากูไม่บรรยายความคิดของมันแล้วให้ตลค.กูทำเลยได้ป่ะ เช่น นาย ก.มองไปทางอื่น ก่อนหันกลับมายกมุมปากราวกับจะยิ้ม "ผมคิดว่าผมชอบคุณ" อะไรงี้ อ่านๆ แล้วกลัวคนจะรู้สึกว่านี่มันนิยายนะ มึงควรบรรยายให้เคลียร์ ไม่งั้นก็ไปเขียนมังงะ เขียนบทละครไป๊อะไรงี้
ในนี้มีใครที่ไม่สนใจยอดเม้นยอดเฟบ เขียนตามใจตัวเอง ทำเป็นงานอดิเรกเฉยๆ อะ
อย่ามาทำซึน พวกมึงต้องสนใจยอดเฟบ คอมเม้น ยอดคนดูกันหมดแหละ ยอมรับมาเสีย ไม่มีใคคมาจ้องติมึงเหมือนในบอร์ดเด็กดอกหรอกว่าเพ้อเจ้อแต่งไปวัน ๆ พอมีมู้บ่นไม่มีคนคอมเม้นเลยจะโผล่มาหน้าสลอน
กูเขียนแบบวางพลอตไม่ได้ว่ะ เหมือนเป็นพวกชอบแหก พอวางพลอต เขียนถึงจนจุดนั้นนี้ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามอารมณ์ตอนนั้น แล้วนิยายกูจะเสี่ยงเขียนไม่จบเพราะนี่แหละ
>>804 กูเคยแหย่ๆ คนเขียนเล่นว่าเออ เนี่ย อาจจะไม่ต่อสักพักเลยนะ เพราะเมนต์น้อยมาก สวนทางกับยอดวิว ขอโทษด้วยนะ บลาๆๆ ปรากฏว่าตอนนั้น คนมาเมนต์เยอะเป็นประวัติการณ์ หน้าเดิมที่เป็นขาประจำนี่กูเห็นแล้วรักเลยแหละ กูรู้ว่าต่อให้กูไม่พูดคุยท้ายตอนแบบนั้น ยังไงเขาก็เมนต์ แต่บางคนอ่ะ โห มาแบบ เราชอบผลงานของคุณนะคะ แต่ไม่ค่อยได้เมนต์เลย/ เราเมนต์ไม่เก่งค่ะ/ เราจะรออุดหนุนเล่มเลยไม่เมนต์ค่ะ
พวกหลังๆ กูกับพวกๆ ที่เขียนฟิคด้วยกันเจอแล้วก็จะแบบ หลังไมค์กันเถอะ หนักสุดคือพี่กูคนหนึ่งเคยพูดคุยท้ายตอนขอเมนต์แบบนี้ แล้วโดน ask.fm ไปด่าจ้ะ ว่าเขียนฟิค/นิยายนี่เพราะอยากดังหรือเพราะอยากเขียน โอ้โหมึงเอ๊ย เมนต์เยอะไม่เยอะไม่เกี่ยวกับอยากดังไม่อยากดังป่าววะ เรื่องดังๆ บางทีเมนต์อย่างกร่อยก็มี
กลุ้มว่ะเพื่อนโม่ง ใครมีเทคนิคช่วยแก้ write block ก็ช่วยบอกกูหน่อย
คือกูเขียนพล็อตเสร็จ วาง Storyboard เรียบร้อย คือตั้งแต่ต้นจนจบอะกูเขียนโครงเอาไว้หมดแล้ว
แต่พอมาถึงขั้นตอนที่ต้องเขียนเนี่ยสิ กลายเป็นว่ากูเอ๋อแดกเลย ...ตอนแรกคิดว่าคงเพราะไม่ได้เขียนมานาน (ราวครึ่งปี) เลยเขียนไม่ออก กูเลยไปนั่งอ่านเรื่องของคนอื่นเผื่อว่าจะซึมซับสำนวนมา แต่ก็ผิดคาดว่ะ คือมันไม่มีอะไรเข้ามาเลยแม้กระทั่งอารมณ์อยากจะเขียน เหมือนกับกูได้ใช้อารมณ์ทั้งหมดกับการเขียน storyboard ไปแล้วยังไงอย่างงั้นเลย
วันนี้ว่างเลยเปิดคอมตั้งใจจะพิมพ์ แต่ 4 ชั่วโมงได้แค่ 4 บรรทัดเนี่ยกูว่าแม่งก็ block เกินไปว่ะ
>>811 อ้อ แต่กูไม่เขียนสตอรี่บอร์ดนะ กูนึกไว้ในหัวคร่าวๆแล้วเขียนเลย ไปด้นสดระหว่างทาง กูรู้สึกว่าถ้าคิดเอาไว้หมด มันเขียนไม่สนุก เหมือนมันจบแล้วอ่ะ ฟีลลิ่งมันคอมพลีทแล้วไรงี้ แต่ก็แล่วแต่คน ทำแบบกูก็จะเป๋ไปเป๋มานิดนึง เรื่องล่าสุดกูแบบรอมคอมแต่จบแบบดราม่าอาชญากรรมเฉย เพราะความคิดแค่ธีมกว้างๆของกูนี่แหละ
>>811 กูก็ประสบปัญหาแบบมึง ตอนนี้ดีขึ้นนิดนึงละ กูใช้วิธีธรรมดาแต่ได้ผลสำหรับตัวเองนะ เขียนบรรยายธรรมดาๆว่าแต่ละฉากใครทำอะไรยังไงให้พอเห็นภาพ กัดฟันเขียนมันเข้าไปให้จบตอนนึงก่อน พอได้โครงมาแล้วก็ค่อยๆใส่รายละเอียด/ประดิดประดอยภาษา/หาวิธีเล่าเรื่อง ฯลฯ ค่อยๆ shape ค่อยๆคราฟต์มันไปเรื่อยๆว่ะ เขียนแก้วันละนิดวันละหน่อย ใช้เวลาพอสมควรแต่ก็พอช่วยได้ ถ้ามัวเขียนให้สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นกูคงไม่รอด ตายห่าตั้งแต่ย่อหน้าแรก
กูเห็นในห้อง BL มีคอมเม้นว่า ฝีมือไม่ถึงอย่าเขียนเลย พวกมึงว่าไงกัน
ไม่รู้ดิ กูรู้สึกว่าฝีมือไม่ถึงก็ต้องยิ่งเขียนรึเปล่าอ่ะ
>>815 ฝีมือไม่ถึงยิ่งต้องเขียนต้องอ่าน จะได้พัฒนา น่ะถูกแล้ว อารมณ์เหมือนเต้นไม่เก่ง ก็ต้องฝึกใช่ป่ะ ไอ้ที่บ่นว่าฝีมือไม่ถึงแสดงว่าอ่านแล้ว แล้วคนเขียนเขาบังคับให้อ่านรึ ก็เปล่า ถ้าอ่านแล้วไม่สนุก ไม่ชอบ แสดงว่าแนวนี้หรือสำนวนของคนเขียนอาจจะไม่ถูกใจคนอ่าน หรืออะไรยังไงก็ช่วยแนะนำเขาไปหน่อย เขาจะได้ปรับปรุง ติเพื่อก่อเพื่อปรับปรุงผลงาน ไม่ใช่ติติแบบนี้ เหมือนมึงไล่ให้เขาเลิกทำอ่ะ ถ้ามึง (คนเม้น) โดนนักเขียนไล่ให้เลิกอ่านบ้าง มึงจะชอบมั้ย (ทำไมกูต้องอินขนาดนี้)
ฝีมือไม่ถึงต้องยิ่งเขียน แต่ต้องปล่อยของตอนที่มันถูกขัดมาได้มาตรฐานแล้ว ถ้ายังไม่พร้อมก็ฝึกเขียนฝึกเกลาก่อน
Ky
เออ กูขอถามจริงๆ คือกูจะแต่งนิยายแบบตัวละครมีหลายเชื้อชาติ แต่ถ้ากูให้พิมพ์ทั้งหมดเป็นภาษาไทยยกเว้นบางส่วนเช่นชื่อเฉพาะ สรรพนาม คำทักทาย อ่ะสมมตินะ
‘ถ้าใช้วิธีนี้มีโอกาสพลาดสูงมากนะ’ชายหนุ่มพูดขึ้นกลางวงสนทนาด้วยภาษาเยอรมัน เรียกความงงเป็นไก่ตาแตกให้กับทุกคนรอบโต๊ะยกเว้นหญิงสาวชาวออสเตรียข้างตัวเขาที่สบตาเป็นเชิงให้ออกความเห็นว่า มีอะไรก็ว่ามา
แบบนี้จะโอเคกว่าใช้ภาษานั้นจริงๆแล้ววงเล็บปะวะ แต่นิยายกูจะเซตให้ส่วนใหญ่มันสื่อสารอังกฤษกันอยู่ล่ะ
ถามเรื่องเพลงอีกอย่าง คือสมมติกูจะใส่เพลงภาษาอังกฤษแบบทั้งเพลง กูควรใส่แปลไทยเลยมั้ย หรือว่าใส่ภาษาเดิมดีกว่า เพราะกูก็เคยเห็นคนใส่แบบแปลเข้าไป แล้วกูคิดว่าอารมณ์มันต่างจากกูแปลมันเป็นไทยในใจเลยว่ะ
ของคุณมากโม่ง กูส่อง&ถามบ่อยมาก ว่าจะเริ่มเขียนล่ะ555
.*ใส่ภาษานั้นแล้ววงเล็บคำแปล
>>823 แปลดีกว่า ข้อยกเว้นเดียวคือถ้ามึงจะเขียนทับศัพท์ภาษาอังกฤษ เช่น ไอเลิฟยู งี้ เขียนภาษาอังกฤษเลยดีกว่า เพราะเขียนทับศัพท์ยาว ๆ แล้วกูปวดหัวเหมือนอ่านภาษาสก๊อย
เพลงไม่ว่าแปลไม่แปลก็ไม่ควรใส่ทั้งเพลง เอาท่อนที่สำคัญเป็นประโยค ๆ แทรก ๆ มาพอแล้ว พวกเพลงถ้ามาทั้งดุ้นกูข้ามทุกครั้ง (ทุกครั้งจริง ๆ แบบลากผ่านเลย) ถ้ามาบ่อย ๆ เผลอ ๆ รำคาญเลิกอ่านนิยายเรื่องนั้นไปเลยก็มี
คนอ่านชมนิยายกูว่านิยายกูเดาทางไม่ออก ทำให้รู้สึกลุ้นตลอดเวลา
กูคนเขียนก็เดาทางตอนต่อไปไม่ออกเหมือนกัน แม่งเอ้ย help somebody help me
*จะได้มีไอเดีย แต่อย่ายึดถือไอเดียคนอ่านจนทำให้โครงนิยายมึงเละ
สมัยนี้ยังมีคนพูดหล่อนกันปะวะพวกมึง คือกูเรียกเพื่อนว่าหล่อนอ่ะ ถ้าเอามาใส่ในนิยายมันจะแปลกปะวะ
กูเป็นผู้หญิงอายุ20++
ถามหน่อย เวลาอ่านบทบรรยายในนิยาย พวกมึงชอบคำว่า หล่อน หรือคำว่า เธอ มากกว่ากัน
คือกูเป็นพวกไม่ชอบใช้คำว่าหล่อนง่ะ จะใช้คำว่าเธอมากกว่า แต่กูก็อ่านนิยายที่ใช้คำว่าหล่อนได้นะ ไม่ได้รู้สึกขัดใจอะไรขนาดนั้น แค่ถ้าเป็นกูเขียนเอง กูจะไม่ใช้เฉยๆ
>>830 คิดว่าได้นะ ก็ดูไม่แปลกอะไรมาก
ไม่แปลก กูก็ใช้หล่อน ชีวิตจริงก็ใช้บ้าง ไม่เห็นเป็นอะไร
กูจะใช้แบบเวลาพูด ตอนเรียกแทนชื่อไรงี้ หล่อนๆ ของหล่อนละ แหมหล่อน หล่อนทำไร หล่อนมารึยัง ไรงี้5555555555
ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ
กูโม่งหญิง ใช้แค่ตอนทัก ไงยะหล่อน ทักทั้งชายหญิง ตอนคุยก้ใช้เธอๆแกๆมึงๆล่ะ
เออ กูถามจริง คือกูแทบไม่เห็นคนใช้นายกันเลยอ่ะ แต่กูก็คิดไม่ออกว่าสรรพนามที่เหมาะเวลาให้ตัวละครหญิงเรียกตัวละครชายคืออะไร แกถ้าไม่สนิทก็ดูแปลกๆ เธอดูหวานไป ยิ่งผู้ชายคุยกันในนิยายกูยิ่งกุมขมับ ถ้าเรียลจริงๆต้องกูมึง แต่เขียนใส่นิยายแม่งดูหยาบคายอีก5555 ใช้แกๆก็ดูสุภาพเกิ๊น
กูเป็นโม่งหญิงนะ กูเรียกเพื่อนผู้ชายด้วยชื่อหมดเลยอะ มึง/แก/นายและสรรพนามอื่นๆนี่กูไม่เคยใช้เลย 5555
ถ้าเป็นผู้หญิงกัยผู้ชายคุยกัน ใช้แกก็ได้นะ แต่ถ้าผู้ชายคุยกันนี่ก็คิดไม่ออกเหมือนกันแฮะว่าควรใช้คำว่าอะไร
คนปกติที่ใช้นายพูดกันคือ รุ่นตากูอะ กูเคยฟังเค้าพูดกับเพื่อน ภาษาวัยรุ่นรุ่นเค้าคือ อั้ว ลื้อ นาย กัน นี่คงหยาบของเค้าแล้วส่วน มึง กู นี่หยาบคายไป เค้าไม่พูด แต่รุ่นหลังๆคงพัฒนามาจนทุกวันนี้
อั๊ว ลื้อ คือ หว่อกับหนี่ แต่ออกเสียงแบบจีนแต้จิ๋วว้อยยย กูยืนยันได้ว่าไม่ใช่คำหยาบ พ่อแม่กูยังใช้พูดกัน พูดกะลุงกะป้ากะปู่ย่าตายายอยู่เลย ละครมันเอามาให้นักเลงพูดเลยหยาบ
แต่นี่กูถามแม่(แม่กู61นะ) แม่กูบอกสมัยแม่กูเรียนมัธยมหญิงล้วนคุยกันก็ใช้นายๆ ส่วนพ่อคุยกะแม่เรียกแม่กูว่ายู(you) แปลกดี555
>>843 มึงโหดร้ายจังวะ ยังไม่แก่ขนาดนั้นว้อยย เพื่อนกูก็ยัง(เคย)ใช้นายนะตอนมัธยม ตอนเข้ามาเรียนแรกๆงี้ นายๆตรงนี้มีใครนั่งไหมนู่นนี่ พอผ่านไปได้นึงเจอไอ้พวกเด็กเก่าล้างสมอง กูมึงตามๆปันไปหมดเลย
พ่อแม่กูตอนนี้เวลาเรียกตัวเองกับอีกคนก็เรากะเธอนะ ทั้งคู่เลย ไม่ว่ากับเพื่อนหรือกันเอง
หลัก ๆ กูเรียกเพื่อนว่า เอ็ง ว่ะ บางครั้งก็เรียกชื่อ, แก, เธอ ตามโอกาส
แล้วตัวละครพี่น้องแทนตัวยังไงกันบ้าง ทั้งแบบสนิทกัน ไมาสนิทกัน
กูมี2โหมด โหมดแรก เรียกพี่กูว่าเฮีย แทนตัวกูด้วยชื่อ(กูโม่งหญิง) พี่กูก็ทำงี้ อีกโหมดคือใช้แกกับข้า คือพี่กูใช้ก่อน กูเลยใช้บ้าง อันนี้ใช้เวลาไม่ได้อยุ่กะพ่อแม่5555
พี่กูแก่กว่ากู3ปีนะ
>>849 พี่กูผู้ชาย กูผู้หญิง บางเวลาหยอกๆ กันก็เรียกมึงกู แบบเวลาพูดแล้วอินก็จะหลุด คำหยาบๆ กันออกมา มันได้อินเนอร์น่ะ แต่ปกติพี่กูจะแทนตัวเองด้วยชื่อหรือ ผ้ม (ไม่ได้เขียนผิด พี่กูเล่นเสียงแต่ฟังสุภาพสัส) แต่ก็ไม่ได้เรียกแทนตัวกันทุกครั้ง ปกติเรียกชื่อกันเลย กูไม่เคยเรียกพี่ว่าพี่ยกเว้นพูดกับคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง
>>849 กูห่างกับพี่สองปี น้องหนึ่งปี เวลาเรียกคือแทนชื่อตัวเอง เช่น สมมติกูชื่อฟ้า พี่ชื่อฝน น้องชื่อฝ้าย อย่างนี้
กูจะแทนว่า พี่ฝน วันนี้ฟ้าบลาๆๆ
น้องฝ้ายๆ วันนี้พี่ฟ้าไม่อยู่นะ บลาๆ
ปล.ผู้หญิงหมดทั้งสามคน
ปล.สอง น้องกูก็เคยแทนตัวเองแบบนี้จนกระทั่งนางเข้าม.ปลาย พูดชั้นกับแกตลอดเลย กับพี่คนโตสุดก็เป็น ฮื่อ น้องที่น่ารักของกู…
มีหนังสืออะไรที่น่าอ่านน่าวิเคราะห์เพิ่มพูนคำศัพท์พัฒนาการเขียนบ้างวะ
เพื่อนโม่ง เคยสงสัยมั้ย ทำไมนิยายที่กูว่ากูเขียนออกมาได้กากสัสๆ แม่งเสือกขายได้ ไอ้งานที่ปรับปรุงแล้วปรังปรุงอีกจนกูว่านี่แหละแม่งสุดยอด เสือกขายไม่ได้ คนอ่านแม่งชิทเทสป่าววะ
ถ้ามึงเขียนแล้วเขียนอีกแต่ยังไม่ได้ดั่งใจ 100% แต่ได้เวลาอัพตามกำหนดการแล้ว มึงจะยังอัพตอนนั้นๆตามเวลาหรือจะรอจนกว่าจะสมบูรณ์แบบวะ
คือจริงๆคนอ่านมันมีหลายกลุ่ม คนส่วนมากชอบสบายๆอ่านง่ายๆโรแมนติก กูก็เพิ่งลงเรื่องที่กูคิดว่าสุดมากของกูลงไป คนเม้นหลักร้อย อีเรื่องที่กูเขียนเล่นๆคนเม้นสองสามพัน บัยย
กูกำลังคิดว่าการลงนิยายในเว็บให้คนอ่านฟรีเนี่ย มันคือการเผยแพร่ผลงาน มากกว่าที่จะให้เป็นสถานที่ที่แต่ละคนมาช่วยกันดูจุดด้อยของคนๆหนึ่งแล้วแนะนำให้พัฒนาว่ะ แม่งเอ๊ย
ตอนนี้กูอยู่ช่วงหยุดแต่งว่ะ มีอะไรต้องพัฒนาเอามาใช้ในการแต่งอยู่
>>864 ใจเย็นๆมึง โดนใครด่านิยายมึงเหรอ กูว่าลงให้คนอ่าน เสียงคอมเมนท์ดีไม่ดีมันห้ามไม่ได้ อะไรที่มึงปล่อยไปแล้ว แปลว่าใจจริงมึงก็อยากให้คนเขาฟีดแบค
กูว่ามึงอย่าไปตอบโต้เมนท์ลบๆเลย ถ้ามึงทบทวนดูแล้ว ไม่เห็นด้วยกับเค้า ก็แค่ขอบคุณที่เสียเวลามาเมนท์มึงแล้วมึงก็จงมุ่งทำตามที่มึงคิดว่าดีไปนั่นแหละ
เขียนนิยายเรื่องแรกแล้วปัง กูเอามากดดันกับเรื่องที่สองเลยไอสัส เครียดชิบหาย
ky ช่วยกูทีTT พวกคุณหนู เด็กที่เป็นลูกหลานผู้ดีจะแทนตัวเองยังไงได้บ้าง ที่กูคิดไว้คือดิฉัน แต่ถ้าเอาดิฉันคุยกับผู้ใหญ่พวกมึงว่ามันจะแปลกไหมอะ
ปล.กูใช้แต่งนิยายแฟนตาซีต่างโลกที่เซ็ตติ้งยุโรป
ถ้ามึงเอาsetting Europe โบราณคงต้องไปหานิยายแนวท่านดยุคราชินีมาอ่านเพิ่มน่าจะช่วยได้
>>869 นิยายไทยป่ะ....เท่าที่เคยอ่านจะใช้แทนตัวด้วยชื่อตัวเอง ถ้ามียศ ก็ หญิง อย่างนั้นอย่างนี้.....ถ้าคุยกับพี่ ก็แทนตัวว่าน้อง ถ้าคุยกับ ญาติผู้ใหญ่ ก็แทนตัวว่าหลาน ...กับพ่อแม่ก็แทนตัวว่า ลูก
ลองดูนะ....ลูกอยากทาน...ค่ะคุณแม่ / หลานขอบพระคุณคุณลุงค่ะที่.... / น้องดีใจที่พี่ชายว่างมารับ ....
สายนิยายยุคศตวรรษ18 พูดกับญาติ ก็ คุณป้าคะ หนูยังโง้นยังงี้
ท่านลอร์ดคะ ดิฉันว่า
ถ้าเก่าแบบยุคกลาง
ท่านอัศวิน อย่าปล้ำข้า
ลองไปอ่านดูเลยดีกว่า นอกจากสรรพนามแล้วยังจะมีพวกภาษาด้วย
อ่านเกมออฟโทรนก็ได้ ไม่ก็อ่านนิยายไทยพวก คลั่งเพราะรัก ฤทธีราชินีสาว เซตสองเรื่องหลังนี้นอกจากจะได้ภาษาแล้วยังได้ความรู้ด้วยนะ
กูมาระบาย คิดนามปากกาไม่ออกสักทีเว้ย อะไรดี ๆ เขาก็ใช้ไปหมดแล้ว แง้ ttttffff
กูขอมากรี๊ดหน่อย
ไอ้ห่ากูเกลียดตัวเองงงงงง!! เกลียดสไตล์การเขียนของตัวเองที่ชอบเผลอยัดข้อมูลเข้าไปชิบหายยยยย
แสงแดงอบอุ่นสาดส่องผ่านหน้าต่างห้องนอนของหญิงสาว เธอเปิดเปลือกตาขึ้นอยากงัวเงียแล้วค่อยๆลุกเปลี่ยนอิริยาบถเป็นท่านั่งขัดสมาธิ ถอนหายใจ เหนื่อยหน่ายกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนเย็นวาน สายตาจ้องมองอย่างเหม่อลอยไปที่สมาร์ทโฟนสีดำที่วางอยู่ทางซ้ายมือของเธออยู่พักใหญ่ ชายหนุ่มที่เคยเป็นทุกสิ่งของเธอจนกระทั่งเมื่อเย็นวานที่เขาโทรผ่านไลน์มาหาเธอ เธอรับมันเหมือนทุกทีด้วยความคิดถึงและหัวใจที่เต็มไปด้วยความรัก แล้วตอนนั้นก็เป็นเวลาที่โลกทั้งใบได้พังครืนลงมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน แม้ไม่ต้องการจะจำแม้สักพยางค์เดียวแต่หลายประโยคก็ยังคงดังวนเวียนอยู่ในหัว บาดลึกลงไปในใจของเธอ
สิ่งที่เข้ามาดึงเธอออกจากห้วงความคิดอันหม่นหมองคือเสียงเคาะประตูห้อง มันดังสองสามครั้งแล้วตามมาด้วยเสียงเรียกชื่อเธออีกหนึ่งครั้ง
"คุณแจนครับ อยู่ไหมครับ" เสียงของชายชราเชื้อสายจีนที่เธอคุ้นเคย เขาเป็นเจ้าของหอพักที่นี่ เธอเดินไปเปิดประตู
"ผมเอาค่าห้องของเดือนนี้มาให้ครับ ยังไงรบกวนโอนให้ผมก่อนวันที่สิบเอ็ดนะ" เธอรับกระดาษที่เขียนรายละเอียดการชำระค่าห้องมา ตอบรับพร้อมพยักหน้า
"ส่วนอันนี้ ป้าเขาทำมาให้นะครับ" ชายชราพูดขณะที่กำลังหยิบกล่องโฟมใส่อาหารออกมาจากถุงหิ้วพลาสติกที่ใส่กล่องโฟมอยู่ราวๆสิบกว่ากล่อง
"ขอบคุณค่ะ"
ชายชรายิ้มให้เธออย่างอบอุ่น แล้วเดินไปเคาะประตูห้องถัดไป เขามักจะมีอะไรติดไม้ติดมือมาให้ผู้เช่าในห้องนี้เสมอเวลาที่เอาบิลค่าเช่าห้องมาให้ และก็มีบางครั้งที่เอาของกินมาฝากเวลาภรรยาของเขาทำอาหารอะไรใหม่ๆ เธอปิดประตูแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ดึงผ้าม่านสีน้ำเงินมาปิดหน้าต่างไว้ทำให้ห้องทั้งห้องมืดสลัว เธออยากอยู่แบบนี้สักพัก
การเขียนกูเป็นอย่างไรบ้างวะเพื่อนโม่ง พอดีกำลังลองหัดอยู่ วิจารณ์ที
1.เยิ่นเย้อไปจริงๆอ่านแล้วเหมือนเธอจะตื่นหนืดๆขึ้นมาเล่นโยคะนั่งขัดสมาธิ มึงอธิบายมากและซีเรียสกับดีเทล มันดีนะที่มึงตั้งใจดีแต่ฟีลมันแข็ง เพราะฟีลตัวละครกำลังเศร้าหมดอาลัยตายอยากอกหักแฟนทิ้ง แต่คนเขียนกำลังเล่าในฟีลของคนเขียนที่ตั้งอกตั้งใจมากๆ คือฟีลของมึงดันขัดกับตัวละคร มันเลยออกมาไม่สมู้ท
2.แฟนโทรมา ไม่ต้องบอกว่าใช้ไลน์หรอก
3.เธอ ถอนใจเหนื่อยหน่ายกับเรื่องเมื่อวาน มึงไม่เคยอกหักแฟนทิ้งแน่นวล มันไม่ได้ เหนื่อยหน่าย อันนี้มันคือเบื่อสัสแต่ต้องแครี่ออน แต่นี่มึงโดนเท มันต้องทั้งโกรธ ผิดหวัง หัวใจฉีก กูไม่อยากตื่นมารับความจริง
อืมๆ เห็นด้วยกับ 882 ว่ามันแข็ง จริงๆก็เห็นด้วยทุกข้อ กิกิกิ
กูว่ามึงเขียนเลยเว่ย ไม่ต้องหัด แบบเขียนจริงๆไปเลย เดี๋ยวภาษามันจะดีขึ้นเองตามจำนวนเรื่องที่มึงเขียนอ่ะแหละ แล้วก็ยังจะมีคนอ่านคอยดันมึงด้วย
ก็วิจารณ์อะไรไม่เก่งหรอกนะ แต่อารมณ์ที่ได้หลังอ่านจบคือเธออกหักแล้วก็แบบเฮ้อ เซ็งว่ะ อกหักซะแล้วสิอะไรทำนองนี้ ไม่ใช่เธออกหักแล้วแบบกูเจ็บ กูเสียใจ กูทุรนทุรายเลยอ่ะ
อืมมม ตอนนี้กูไม่ค่อยมีความมั่นใจกับการ Monologue เท่าไรเลยแฮะ คือกูเขียนแนว POV1 อะนะ ตัวละครกูเลยต้องมีการอธิบายสิ่งที่เห็น + ความคิดของตัวเอกในแบบ Monologue เข้าไปบ้างเพื่อให้เรื่องมันดำเนินใช่มั้ย?
แต่ตอนนี้กูเจอปัญหาคือกูอยากจะให้คนอ่านรู้แบบคร่าวๆ ว่าในเรื่องของกูมี "ไอ้สิ่งนี้" แต่ปัญหาที่เจอคือมันต้องเล่าผ่านมุมมองของตัวเอก แล้วตบท้ายด้วย Monologue ความคิดของตัวเอกเป็นระยะ ๆ ว่าเจ้าตัวมีความเห็นยังไงเนี่ยล่ะ ซึ่งเมื่อก่อนกูเคยโดนติมาว่าการเล่าแบบนี้มันทำให้เหมือนว่าตัวเอกรู้มากเกินไปทั้งที่เป็น POV1 เนี่ยล่ะกูเลยไม่มั่นใจว่าจะใช้วิธีการเล่าแบบเดิมต่อไปตามถนัด หรือว่ายังไงดีกันเลย
>>887 ต่อให้เป็น POV1 เอง ส่วนมากก็มักจะรู้มากเกินไปอยู่แล้วนะ (จะมากจะน้อยแล้วแต่คน) น้อยมากที่รู้เท่าที่ตัวดำเนินเรื่องรู้จริงๆ กูก็เพิ่งอ่านนิยายไปที่รู้เท่าตัวดำเนินเรื่องเลย แบบสุดตีนนนมาก ตัวดำเนินเรื่องเสือกไม่ค่อยรู้ห่าอะไร ที่เหลือกูต้องเดาเอาเอง แต่ก็เป็นรสชาติที่สนุกดี รู้สึกว่าคนเขียนเก่งเลยล่ะ
ปวดกบาลมากเลย จะเขียนฉากรักยังไงให้ดีวะ นิยายที่กำลังเขียนอยู่ดำเนินเรื่องแบบจะให้พระนางฆ่ากันมาตลอด ไม่รู้จะดริฟกลับให้แม่งมารักกันยังไง ที่คิดไว้คือ ใช้เวลาด้วยกัน-เห็นความดี-เริ่มเปิดใจ แต่จากนี้คือตันแล้วไม่รู้ไปไงต่อ ใครมีเทคนิคดีๆแนะนำมั่งช่วยที
ถ้านักอ่านไม่บอก มึงจะรู้ได้ไงว่างานตัวเองสนุกหรือไม่สนุกวะ เหมือนพอเขียนเอง อยู่ใกล้เกินไป เซนส์ตรงนั้นก็ทื่อไปเลยว่ะ
>>892 ถ้าถ้าอ่านแล้วก็สนุกดี เอาลงไปหลายๆ ตอนมีคนคอมเม้นต์ แสดงว่าโอเค อ่านแล้วสนุกดี แต่ลงไปเท่าไหร่ก็ไม่มีคนแสดงความเห็นอะไรแสดงว่ายังไม่ดีพอ ยังขาดอะไรบางอย่างให้ดึงดูดใจ ถ้ายังไม่ได้ลงแต่ไม่แน่ใจว่ามันสนุกหรือเปล่า มีโอกาสที่มันยังไม่สนุกเพราะขนาดคนเขียนอ่านเองยังไม่รู้เลย มันเป็นแค่ความรู้สึกว่า เออ มันก็ดี แต่มันมีงานก็ดีเยอะแยะไง งานก็ดีมันไม่ได้น่าสนใจอะไร
>>894 ซึนว่ะ ตามเนื้อเรื่องแล้วคงเต็มที่ได้เท่านี้แหละ แต่สงสัยว่ามันจำเป็นป่ะวะว่าต้องมีฉากพีคๆสักฉากเพื่อเล่าให้คนเก็ทว่ามันรักกันมาจากตรงไหน หรือถ้าเขียนแบบค่อยๆแทรกความสัมพันธ์ในเรื่องไปเรื่อยๆให้คนอ่านค่อยๆรู้สึกเองดีกว่า คือตัวละครมันเริ่มจากเกลียดปานจะฆ่ากันก่อนอ่ะ ก็เลยจะได้รู้นิสัยแย่ๆของกันมาก่อนด้วย ปรึกษาเยอะเลย โทษทีนะ
>>895 คือมึงต้องตีแผ่ออกมาก่อนนะว่าตลค.มึง รักกันเพราะอะไร ? แล้วค่อยใส่ไปนะ แต่คำถามว่ามึงจะยัดซีนใหญ่มาเลยหรือค่อย ๆ แทรกมา อันนี้มันได้ทั้งสอง แล้วแต่มึงจะพอใจ ส่วนตัวกูชอบอย่างหลังมากกว่า ยิ่งค่อย ๆ ละเลียดละไมนะมึงเอ๊ย ฟิน
กูก็แนะนำอะไรไม่เก่งอะ ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่เลย ขอโทษด้วยคน 5555 แต่เอ้อ มึงขอคำแนะนำฉากรักนี่คือเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายโรแมนซ์เป็นหลักใช่มั้ย ?
>>896 แค่ช่วยตอบก็ดีแล้ว ขอบคุณมาก นิยายไม่ใช่โรแมนซ์อ่ะเป็นกึ่งๆสืบสวน ฉากละมุนละไมเลยไม่ค่อยมีแต่ถ้าพยายามใส่ก็จะกลายเป็นยัดเยียดเกินไปอีก อยากได้ฟีลแบบพออยู่ด้วยกันถึงจะยังตีกันแต่ก็เป็นห่วงกัน เป็นความสัมพันธ์แบบไม่พูดก็เข้าใจแล้วค่อยกลายเป็นรักไรงี้ เก็ทป่ะวะ
กู 898 พิมพ์ผิด จะบอกว่าไม่ใช่แนวโรแมนซ์อยู่แล้วป่ะ
เพิ่งค้นพบว่าพล็อตคนเคยรักกลับมาหวั่นไหวยามใกล้กัน เขียนยากที่สุดในสามโลก เฮ้อออ เปิดเรื่องมายังไม่เจอหน้ากันก็สบาย ๆ นะ แต่พอมาเจอะกันเท่านั้นละ ไปไม่รอดจ้า พับโครงการ
ยังมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกันแหละ แถมอีกฝ่ายก็แสดงท่าทีเหมือนอยากจะคืนดี ไถ่โทษด้วยงี้ แต่อีกคนก็พยายามใจแข็ง ใจเย็น เขียนไปไม่รู้ว่าจะให้แสดงความรู้สึกออกมาแค่ไหนดี น้อยไปก็น่ารำคาญ มากไปก็อารมณ์ตัดจบอะพวกมึง แวะมาระบาย กลับไปเขียนเรื่องอื่นต่อละ
มีใครแนะนำการเขียนแนวสืบสวน ฆาตกรรมอะไรงี้ได้บ้าง กูเพิ่งค้นพบว่ามันแต่ง ยาก ชิบ หาย เลยว่ะ จาล้องงงงง
เขียนฉากแอ็คชั่นยังไงให้ไม่น่าเบื่อวะ คือกูดูหนังบู๊มาก็เยอะ อ่านนิยายแอ็คชั่นพอสมควร
แต่พอมาเขียนเองก็รู้สึกยืดๆแปลกๆ กูควรเขียนไปให้จบรวดก่อนแล้วค่อยกลับมารีไรต์หรือควรไปหานิยายแอ็คชั่นอ่านศึกษาเพิ่มก่อนดี
แล้วก็ ปกติส่วนใหญ่กูเขียนoneshot จบในตอน ความยาวเรื่องสั้นที่เป็นมาสเตอร์พีซล่าสุดของกูคือ 28 หน้าa4 ฟ้อนต์cordia14
ไม่ถือว่าเยอะเกินไปใช่มั้ยวะ ตอนpublishไปก็ไม่มีคนอ่านบ่นนะ
แต่บางทีกูก็เกรงใจว่าแม่งจะยาวไปไหมวะ เพราะลองมาอ่านในแอปดูแล้วตาลายนิดหน่อย
ปล.มาสเตอร์พีซของกูไม่ได้หมายความว่าดีนะ กูเรียกงั้นแค่เพราะเสียงตอบรับจากคนอ่านมันดีกว่าทุกเรื่องที่เขียนมาน่ะ 555555
ตอนนี้กลับมาอ่านหลังจากลงไว้ปีกว่า เจอช่องโหว่อยู่นิดหน่อย แต่ขี้เกียจแก้แล้วเลยปล่อยไว้งั้นไปแหละ
>>902 อ่านมากๆ ทำให้สมเหตุสมผล วิชาแพทย์แน่นไหม สมัยนี้เขียนมั่วซั่วมีโดนด่า คนตายต่างกันดูกันยังไง นิยายจีนเกี่ยวกับการชันสูตร นิติวิทยาศาสตร์ออกมาเยอะไปหาอ่านดูเอา หลักฐานก็กำหนดเอาว่ายุคไหนสมัยไหน วิทยาการขนาดไหน จะทิ้งอะไรเอาไว้บอกทาง ลองดูซีรี่ย์ฝรั่งซึมซับดู ถ้าอยากเขียนอย่างเดียวไม่มีอะไรในหัวมึงไม่ต้องเขียน ไปอ่านไปดูงานมากๆ ก่อนค่อยกลับมาเขียนใหม่
>>903 อ่านแล้วยืดก็ตัด ตัดแล้วไม่โดนก็เขียนใหม่ มันเป็นเรื่องจังหวะ เหมือนกำกับคิวบู๊ต้องจินตนาการในหัว บางทีคิวบู๊ออกมามันดูธรรมดามึงเขียนก็ดูธรรมดา อาจต้องนึกอะไรที่มันดูตื่นเต้นบีบคั้นมากขึ้น
ความยาวไม่มีความเห็น ยาวไปสั้นไปกูว่ามันเป็นความรู้สึกคนอ่าน มึงเขียน 5 หน้าคนอ่านหาวแล้วหาวอีกก็ยาวไป เขียน 50 หน้า คนอ่านวาไม่ลงอาจโดนด่าว่าสั้นไปแทนก็เป็นไปได้ แต่มึงลองปรับเขียนความยาวระดับส่งงานประกวดเรื่องสั้นต่างๆ ดู เผื่อวันหนึ่งนึกอยากส่งตอนเขียนจะได้ไม่ต้องวุ่นวายมาก
มึงลองอ่านหนังสือเกี่ยวกับนิติเวชดู กูมีเล่มหนึ่ง ฆาตกรรมอำพลาง forensics อะไรนี่แหละ เป็นร่วมจดหมายถามตอบของนักนิติกับพวกนักเขียนที่ส่งมาถา บางทริคคือช่างคิดจริง ๆ
เห็นคลาสคาโดคาว่าสอนเขียน ln กูหัวตัน ๆ เขียนไม่จบมาเป็นปี คิดว่ากูควรแคะปุกไปเรียนไหมว่ะ ราคาเห็นแล้วลมจะจับเสียเหลือเกิน รึใครมีหนังสือรึคลาสออนไลน์ดี ๆ แปะบอกกูด้วย กูหมดทางไปแล้ว
>>908 มึงเขียนไม่จบก็หยุดเขียนแล้วไปทำตัวเป็นนักอ่าน อ่านมากๆ อ่านให้สนุก อ่านให้ไหลไปกับอารมณ์หนังสือ อย่าไปเคร่งกับมันมากว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ ต้องเขียนแบบนั้นแบบนี้ พยายามค้นหาอารมณ์ตอนแรกเริ่มที่จะเขียน แต่ถ้ามึงไม่ได้อ่านอะไรมาเลยแล้วอยากเขียนมึงไม่ต้องไปเข้าคลาสไหนหรอกเสียเงินกับเสียเวลาเปล่า มึงไม่มีอะไรให้เขียนมึงจะเขียนออกมายังไง
แต่ถ้ามึงอ่านมามากแล้วแต่เขียนไม่ออก มึงอาจจะเคร่งกับมันเกินไป ตั้งใจมากเกินไป มีข้อแม้นั่นนี่กับงานตัวเองมากเกินไปจนสุดท้ายเขียนออกมาไม่ได้ มึงพยายามปลดข้อแม้ตัวเองออกแล้วเอาอารมณ์นำงานเขียนดู หนังสือกูเคยผ่านตาหลายเล่มละ มันก็มีข้อดี เรียบเรียงความคิดได้ดี แต่ถ้ามึงอ่านแบบตันๆ จะกลายเป็นสร้างข้อแม้ไปเสียเปล่าๆ
อันนี้คำแนะนำไม่รู้ช่วยมึงได้หรือไม่ได้
มึงตัน ตันเพราะอะไร
ตันเพราะไม่ได้วางพล็อต - ไปวางซะ
ตันเพราะมีพล็อตแต่เขียนไม่ออก - มึงมีปัญหาในการเล่าเรื่อง ดูพวกโฆษณาสั้นๆ กลับไปอ่านหนังสือที่เคยชอบ ดูหนังฟังเพลง
ตันเพราะไม่มีคำดีๆ ใช้ - ไปอ่านคลังคำสักรอบสองรอบ
ตันเพราะเขียนออกมาเท่าไหร่ก็ไม่ดี - มึงมีปัญหาในการเล่าเรื่อง
ตันเพราะตันเฉยๆ - ปัญหามึงเยอะเกินไป เลิกเขียนแล้วกลับไปอ่าน
ตันเพราะเขียนแล้วไม่มีผลตอบรับ ไม่มีคนคอมเม้นต์ ขาดกำลังใจ - การไม่มีความเห็นก็เป็นความเห็นแบบหนึ่ง แปลว่า งานมึงไม่ดีพอให้เขามีความเห็นใดๆ อย่างมากก็ระดับก็ดี ซึ่งแปลว่ายังไม่ดีพอให้คนอยากอ่านนัก
ไม่ได้ตันแต่เขียนแล้วไม่ได้ดั่งใจคิด - ฝีมือมึงไม่ดีพอ ไปอ่านงานดีๆ เก็บประสบการณ์กูว่าเร็วกว่านั่งเขียนแล้วเขียนอีก เขียนไปมันไม่เพิ่มขีดความสามารถมึงมากนักหรอก อาจจะไหลลื่นเพิ่มขึ้นแต่อยู่ในกรอบจำกัด ถ้ากรอบมึงใหญ่ก็ไม่เป็นไร ถ้ากรอบมึงเล็กมึงเค้นอะไรออกมาก็ยาก
ถ้ามึงอยากได้หนังสือดีๆ กูแนะนำให้มึงกลับไปอ่านหนังสือที่มึงชอบ อ่านแล้วสนุก อันนั้นแหละดี
รีวิว Artery แจ่มใสหน่อยมีใครไปตำมาแล้วบ้าง
>>908 แพง ไม่ต้องไปราคาเวอร์ ไม่รับรองผลหรอก มึงอ่านคู่มือเขียนงานที่ไหนก็ได้ สลับอาานนิยายที่ชอบชำแหละแล้ววิเคราะห์เลย เผลอไม่ต้องอ่านคู่มือด้วย ตามด้วยฝึกเขียน แล้วลองอ่านดู แค่นั้นแหละเคล็ดลับมันไม่มีอะไรเลยไม่ต้องไปเสียตังเรียนหรอก เสียตังหาหนังสืออ่าน หาข้อมูลที้จะเขียนเถอะ มันจะดีไม่ดีอยู่ที่ประสบการณ์ว่าฝึกบ่อยแค่ไหน
แต่ถ้าอยากเรียนเพิ่มลองลงครอสดู ต้องดูด้วยนะว่าคนสอนสอนมึงน่ะเขาสายอะไร วรรณหรือสายการตลาด เพราะสายแรกสอนชิงรางวัล สายสองสอนให้งานขายออก แต่หนักมึงผ่านการฝึกขั้นแรกมาจะดีสุด แล้วอย่ายึดติดตำราหรือครูมากพอ มันพลิกแพลงได้
เวลาโดนบอกว่างานดีจนไม่รู้จะเม้นท์อะไรนี่จริงๆแม่งดีหรือไม่ดีวะ กูงง
พยายามอ่านวรรณกรรมดี ๆ เข้าไว้ว่ะ งานอะไรที่เขาว่าเป็นวรรณกรรมโลก อ่านให้มาก มึงอ่านหนังสือได้ระดับไหน งานเขียนของมึงก็จะดีในระดับนั้นหรือต่ำกว่านั้นซักสองสามขั้น เพราะคนเขียนระดับโลกได้มันก็ต้องเก่งมากเป็นธรรมดา แต่ถ้าอ่านได้แค่หนังสือรักทะลวงตูดทะลวงจุ๋ม อ่านแต่บทอย่างนั้น อ่านมากกว่านั้นไม่ได้เพราะปวดหัว งานเขียนมึงก็จะได้แค่นั้นหรือต่ำกว่านั้นเหมือนกัน ถ้ารักจะมาสายงานเขียนและอยากสร้างงานดี ๆ ก็ต้องอ่านหนังสือดี ๆ ถ้าอ่านไม่รู้เรื่องก็แปลว่าเรายังไม่เก่งพอ พยายามหาวรรณกรรมโลกที่เราพออ่านไหว ความจริงมันมีตั้งหลายเรื่อง ทั้งรัก ตลก การเมือง ลึกลับ ผี ไซไฟ มันต้องมีแบบที่มึงชอบบ้างละ
>>917 ตบมือให้ กูเห็นด้วยเลย กูอ่านนิยายออนไลน์ทั้งหลาย เนื้อหาส่วนใหญ่มันวนๆสำนวนก็วนๆเพราะคนเขียนส่วนใหญ่อ่านฝีมือระดับเดียวกัน ภาษาระดับเดียวกัน ทั้งที่เซนส์เรื่องการทำให้สนุกสนานนี่กูว่าทำกันได้ดีจะตาย กูอ่านสนุกหลายเรื่องก็ตลกมาก แต่ผลงานมันมักมีข้อสะดุดเรื่องภาษาที่ซ้ำซาก และการวางโครงที่ไม่ท้าทาย สะกดคำผิด ใช้สำนวนผิดที่ผิดทาง ไมสร้างสรรค์สำนวนบรรยายใหม่ๆ การอ่านของระดับยากๆ มันช่วยเรื่องความเข้าใจความลึกของมนุษย์ความซับซ้อนของอารมณ์ ที่คนอ่านยังเด็กไม่มีประสบการณ์เอง ก็เรียนรู้ได้จากประสบการณ์ที่ถูกถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือนี่แหละ
>>920 กูว่าการยกระดับนิยายไม่ใช่ว่ามึงต้องเขียนเครียดๆนะ มึงเขียนที่บันเทิงนั่นแหละแต่ตัวละครมึงอาจมีความลึกขึ้น สมจริงขึ้น เหตุผลในการตัดสินใจของตัวละครท้าทายความคิดคนอ่านมากขึ้น
ภาษาที่ใช้ก็จะมีศัพท์ใหม่ๆเพื่อแสดงออกมากกว่าเดิม การเรียบเรียงความคิด กนะขับขึ้น เทคนิคการเขียนหลากวิธีขึ้น
คนอ่านบางทีอ่านเอาเรื่องไม่ได้คาดหวังอะไรจากมึงนักหรอก อ่านฟรี ไม่แย่มากก็ไม่สับให้เสียเวลา แย่มากทนอ่านไม่ไหว ก็ไปอ่านเรื่องอื่นๆมีเป็นหมื่นเรื่อง
แต่ ต้องถามว่าแล้วมึงคาดหวังอะไรจากการเขียนบ้างต่างหาก
มาคอนเฟิร์มอีกคนว่ายิ่งอ่านงานเขียนดีๆ ยิ่งเขียนงานได้ดี อาจจะไม่ถึงระดับขั้นที่ว่าคนตะลึงแต่มันดีกว่าที่เขียนตอนที่อ่านน้อยแบบเห็นได้ชัดมาก
สำหรับกูที่ได้จากการอ่านหลักๆก็แรงบันดาลใจ(ที่ไม่ใช่ก๊อป) ทำให้กูมีแรงเขียนต่อได้เพราะอยากจะเขียนนิยายที่คนอื่นอ่านแล้วได้อะไรดีๆกลับไปบ้าง
แต่ก็ไม่ได้หวังว่าคนอ่านจะต้องปลื้มขนาดนั้น แค่ได้คำชมง่ายๆอย่างพวก ชอบเนื้อเรื่อง ชอบภาษา ชอบสำนวน จะติดตามอ่านเรื่องอื่นนะ แค่นี้ก็ดีใจละ
>>919 หลายเรื่องมันสนุกจริงนะ เข้าใจคิด แต่ภาษาห่วยบรรลัย ประโยคในย่อหน้าเดียวกันมีคำซ้ำมากมาย รู้เลยว่าอ่านน้อย คำศัพท์น้อย ไม่มีเทคนิคอะไรเลย แล้วเทคนิคพวกนี้มันได้มาจากการอ่าน แต่ก็ไม่อ่านกัน กูไม่ว่าอะไรนะถ้าคนเขียนแค่อยากเขียนแก้เครียด แต่ถ้าบอกว่าอยากเป็นนักเขียนจังเลย อยากตีพิมพ์จังเลย มันจะเป็นนักเขียนไปได้ยังไงวะถ้าไม่ใช่นักอ่าน
คนที่อยากเป็นนักเขียน ถามตัวเองให้ดีว่ามึงอยากเป็นเพราะอะไร ถ้ามึงบอกว่ามึงมีใจรัก มึงต้องอ่านวรรณกรรมดี ๆ แต่ถ้ามึงบอกว่ามึงเขียนเพราะอยากได้เงิน กูบอกเลยว่าเลือกอาชีพผิด นักเขียนเมืองไทยคืออาชีพที่รายได้ต่ำกว่าอาชีพอื่น ที่อยู่กันได้เพราะทำงานอื่นด้วย สมมุติว่าเป็นนักเขียนเก่ง เขียนได้ปีละสี่เล่ม พิมพ์ครั้งละสามพัน (ซึ่งถือว่าดีมากในยุคนี้) กูบอกเลยว่าต้องอยู่อย่างกระเหม็ดกระแหม่พอสมควร ถ้าต้องผ่อนบ้านผ่อนรถ ไม่มีบ้านพ่อแม่ให้อยู่ ไม่มีรายได้ทางอื่น มึงจะจัดอยู่ในขั้นคนจน นักเขียนจะมีเงินเป็นกอบเป็นกำต่อเมื่อนิยายแม่งบูม พิมพ์ซ้ำซาก หรือได้เอาไปทำหนัง แต่คนนึงชั่วชีวิตจะมีเรื่องแบบนั้นไม่มากหรอก ทมยันตีเขียนมากี่เรื่อง ที่เอาไปขายทำหนังได้บ่อย ๆ ก็คือคู่กรรม พี่เลี้ยง แล้วกว่าจะดังได้อย่างทมยันตีก็ต้องอายุสี่สิบห้าสิบ อย่างรอมแพงที่ขายบุพเพแล้วดัง เขียนมากี่เรื่องแล้ว ดังกี่เรื่อง ถ้าไม่ทำหนังก็เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ เหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าใครจะเลือกอาชีพนักเขียน มึงต้องรักอาชีพนี้จริง ๆ แล้วพัฒนาตัวเอง เพราะเงินก็ได้น้อย ทำงานชิ้นเอกหลายเดือน ทำเสร็จแล้วเอาไปส่ง บรรณาธิการบอก ช่วยแก้ซักครึ่งเรื่อง ขอหวานกว่านี้ ขอบทบนเตียงอีกสามฉาก มึงก็ต้องกลับไปแก้ ทำมาอีกอย่างน้อยสองอาทิตย์ ส่งให้เขาไปตีพิมพ์ รอกว่าจะทำรูปเล่มเสร็จ พิมพ์เสร็จ อย่างเร็วสองเดือน เว้นแต่ว่าเขาจะรีบเอาออกขายงานหนังสือ งานของมึงก็อาจจะเสร็จออกมาภายในเดือนเดียว ถ้าสำนักพิมพ์มีทุนสำรองเขาก็จะจ่ายให้มึหลังพิมพ์เสร็จ ถ้าเขาไม่มีทุนมาก มึงก็ต้องรอไปอีกสามเดือน หกเดือน บางทีรอจนชวด ไม่มีใครในวงการนี้ที่ไม่เคยโดนโกง กูหมายถึงคนที่ทำงานมาระยะนึงแล้วนะ ในเมื่ออาชีพมันยากอย่างนี้ จะทำทั้งทีก็ต้องรักงานของมึงและพัฒนาตัวเอง ไม่งั้นอย่าเข้ามาให้เสียเวลาเลยว่ะ
>>924 กูจับมือ การอ่าน สร้างคนอ่านคุณภาพ และก็สร้างนักเขียนคุณภาพ
You are what you read
ถ้ามึงอยากโตขึ้นกว่าเดิม มึงก็จะได้คนอ่านที่โตขึ้นไปกับมึงและคนอ่านที่โตแล้วรอมึงอยู่ มันไม่ดีตรงไหน ความสุขใจของการเขียน มันก็เหมือนเล่นเกมนะสำหรับกู พอมึงเชี่ยวชาญขึ้นมึงก็อยากผ่านด่านไปทำมิชชั่นอัพเลเวลขึ้นไปอีก แต่จะเก่งขึ้นต้องเก็บไอเทมเยอะๆก่อน5555
ky พวกเสียงซาวด์เอฟเฟกต์จำเป็นต้องมีในนิยายมั้ยวะ
>>928 ถ้างั้นตรงเสียงกวางร้องก็ต้องมีเอฟเฟกต์ด้วยสิ แล้วลูกธนูหน้าไม้นี่มีจริงเหรอวะ ที่ใช้กับหน้าไม้น่าจะเป็นลูกดอกนะ ทำไมไม่ลองเป็น
เสียงดังฟุ่บดังขึ้นเมื่อลูกดอกถูกยิงออกมาจากหน้าไม้ มันพุ่งแหวกผ่านอากาศทะยานหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสียงร้องของสัตว์ตระกูลกวาง...
กูว่าลูกศรกับลูกธนูคือสิ่งเดียวกันปะวะ
เราเรียกว่าที่ยิงว่าคันศรหรือคันธนู ลูกก็เรียกตาม
หน้าไม้ใช้ลูกศรขนาดสั้น กว่าธนูที่ใช้คันธนูยาวๆ
ลูกดอกเป็นไม้หรือโลหะปลายแหลมที่สั้นๆจะอาบยาพิษเอาไว้เป่าหรือปาซัดใส่
เสียงฟึ่บของมึงกูโอเคนะ
แต่เสียงร้องของสัตว์ตระกูลกวาง กูว่ามันตลก แปลกๆ มึงฟันธงไปเลยดีกว่าปะ ว่าจะกวาง ละมั่ง อะไร
จะได้แก้เป็น เสียงร้องคล้ายดังมาจากฝูงกวางที่แตกตื่น /เสียงร้องฟังคล้ายเป็นเสียงกวาง
คือกูว่าให้ภาพชัดกว่า แม้ตัวละครจะไม่ได้แน่ใจ
เพื่อนโม่งช่วยดูหน่อยกว่าการบรรยายของกูมันโอเครึเปล่า เป็นเรื่องของตำรวจหนุ่มคนหนึ่งที่สังเกตเห็นพฤติกรรมผิดปกตินะ
เนื่องจากน้องสาวตัวแสบของผมยังไม่มีท่าทีว่าจะแต่งตัวเสร็จ ผมจึงตัดสินใจลงออกมาจากคอนโดแล้วตั้งใจว่าจะหาอะไรแก้เบื่อทำไปพลาง
ให้ตายสิ... ใครกันน้าเป็นคนบัญญัติว่าผู้หญิงต้องแต่งตัวนานเป็นชั่วโมงแบบนี้
ระหว่างนั่งฆ่าเวลา ผมก็ปรายตากวาดมองผู้คนที่เดินไปมาหน้าคอนโดไปพลาง ยืนอัดมะเร็งไปพลาง ก็ไม่รู้นะว่าเป็นเพราะอะไร สงสัยวันนี้อากาศดีล่ะมั้ง หน้าคอนโดถึงได้มีคนยั้วเยี้ยอย่างกับตลาดซะงั้น
คนเยอะแบบนี้พาลให้รู้สึกอึดอัดชะมัด คิดผิดจริง ๆ ที่ลงมาก่อน แล้วก็ยิ่งน่าเศร้าเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่าวันนี้บุหรี่รสชาติห่วยชิบ แต่เนื่องจากนี่มันบุหรี่นอกราคาต่อมวนแพงหูฉี่ ผมจึงไม่อาจจะดูดทิ้งขว้างได้เหมือนกับกรองทิพย์ที่ซื้อตามเซเว่น ผมจึงต้องจำใจลิ้มรสมันต่อไปทั้งที่ตอนนี้อยากจะสำลักควันแทบตายอยู่แล้ว
แต่แล้วระหว่างซึ้งใจกับมันอยู่นั่นเอง สายตาของผมก็บังเอิญเห็นสิ่งผิดปกติ
มีชายร่างสูงสองคนเดินผ่านหน้าผมไป พวกเขาสวมชุดฮู้ดสีดำสะพายเป้อาดิดาสใบตุง แถมยังเดินล้วงกระเป๋าตัวโก่งเหมือนทำท่าซ่อนอะไรซักอย่างเอาไว้ ...ก็อยากจะมองโลกในแง่ดีนะว่าเป็นแค่สไตล์การแต่งตัวเขา เหมือนพวกเด็กฮิปจากนิวยอร์กอะไรทำนองนั้น แต่ก็นะนี่มันประเทศไทยแถมยังอยู่กลางหน้าร้อนอีกต่างหาก การแต่งตัวด้วยชุดเสื้อนอกสีดำดูน่าอึดอัดแบบนั้นจึงค่อนข้างเตะตาผมอย่างจัง
สองคนนั้นหันซ้ายแลขวาแทบจะตลอดเวลา ก่อนที่พวกเขาจะเดินอ้อมเข้าไปข้างหลังคอนโดซึ่งเป็นจุดลับตาคนในเวลาต่อมา
บะ... ทั้งที่เพิ่งออกเวรมาแท้ ๆ แต่ในฐานะผู้พิทักษ์สันติราชคนหนึ่ง ...ถึงจะอยู่นอกราชการก็เถอะ แต่เจอคนน่าสงสัยเดินผ่านไปแบบนี้ ผมคงปล่อยผ่านไปเปล่า ๆ ไม่ได้สินะ
ว่าแล้วผมก็จำใจต้องเขี่ยเจ้าบุหรี่ยี่ห้อแพงนั่นไปกับพื้น แล้วลุกขึ้นแอบเดินตามพวกเขาไปแบบห่างๆ
กูว่าก็โอเคนะ อ่านลื่นดี แต่มีขัด ๆ ตรง ใครกันน้า...นิดหน่อย แต่คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก กูแค่ไม่ค่อยได้อ่านสรรพนามบรุษที่ 1 เท่าไหร่ แต่คิดว่าส่วนตัวคงชินกับ "ให้ตายสิ...ผมล่ะอยากรู้จริงว่าใครมันบัญญัติ..." มากกว่า
กุถามหน่อยโม่ง สมมติว่ากุแต่งแฟนตาซี ให้นางเอกเป็นคนไม่สวยมาก คือหน้าตาใช้ได้แต่ไม่ได้สวยหยาดเยิ้มไรงี้อะ แต่แบบร่าเริง เฟรนด์ลี่ นิสัยดี ห้าวๆแก่นๆ แล้วมีคนมาชอบนางเอก3คนคือ แฟนเก่านางเอก พระเอก แล้วก็เพื่อนนางเอกฟีลพระรองเพื่อนแสนดี มันจะถือว่าซู,ฮาเร็มปะวะ ถ้ากุไม่ได้เน้นรักแต่เขียนว่ามีคนมารักนางเอก3คนทั้งๆที่ไม่ได้สวยมาก
>>941 ถ้ามึงใส่เหตุผลดีๆ กูว่าไม่ฮาเร็มนะ อย่างเช่นนางเอกเป็นคนจิตใจดี ชอบช่วยเหลือเพื่อน เป็นคนที่ปลอบโยนปลอบใจยามสิ้นหวัง อยู่เคียงข้างไม่ทิ้งกัน หรือพระเอกเป็นคนเย็นชา นางเอกเป็นคนร่าเริงเข้ามาเติมความสดใสให้พระเอก อะไรทำนองนี้
ส่วนตัวนะ ที่กูจะเห็นว่าฮาเร็มคือเห็นหน้าละปิ๊งเลย ยอมทำทุกอย่างที่นางเอกต้องการ และมีคนมาชอบพร้อมกันเกินสาม (กูให้สุดๆ แค่สาม)
>>942 คาร์นางเอกกุ&เหตุผลกุประมาณนั้นแหละ กะให้แฟนคนแรกคือคบตอนวัยรุ่นแล้วต้องไปแต่งกะคนอื่น แต่มันยังรักนางเอก นางเอกก็อกหักหนักจนมีพระเอกเย็นชาเพื่อนมันเข้ามาจนแต่งกัน ส่วนอิเพื่อนพระรองแสนดีแม่งก้ชอบอยุ่ตั้งแต่นางเอกชอบกะแฟนเก่ายันนางเอกแต่งกะพระเอกแล้วมันยังโสด แต่ก้เปนเพื่อนกะนางเอกต่อ
ขอบคุสค่ะเพื่อนโม่ว
กูชอบที่มึงสร้างรายละเอียดให้ภาพดี แต่มึงต้องอ่านซ้ำเพื่อแก้คำย้อนแยงให้บ่อยๆมึงจะรอด
เช่นขณะนั่งฆ่าเวลา ถัดมามึงบอกว่ายืน ตกลงเอาไง
ก่อนอื่นมึงจะเล่าผ่านความคิดตัวแสดงมึงต้องเข้าใจว่าเป็นคำพูดฝั่งเดียวไม่มีอีกคนช่วยรับและขยายความ ดังนั้นคำรำพึงเหมือน ให้ตายสิใครกันน้า มันจะตีความระดับการทอดเสียงรำพึงยากแล้วแต่คนอ่าน ตัวละครมึงเป็นตำรวจถ้ามึงอยากให้คาร์แมนๆกว่านี้ อย่าให้คำหน่อมแน้มโผล่มาให้คนอ่านสับสน
ให้ตายสิ ใครกันว้า ใครกันวะ น่าจะให้ภาพตำรวจได้ดีกว่า
>>938 ต่อ
บุหรี่ที่รสชาติห่วย ตกลงมึงอยากให้คนอ่านเข้าใจว่าอะไรได้บ้าง ตอนนี้มันเข้าใจได้3อย่าง กูว่าเลือกเอาสักอย่างจะไม่สับสน มึงก็เพิ่มการชี้นำคนอ่านให้ชัดได้ง่ายกว่า
-หงุดหงิดเพราะรอนาน รสชาติที่คุ้นเคยยังไม่ทำให้ผ่อนคลาย กลายเป็นห่วยขึ้นมาง่ายๆ นี่คือมึงจะสะท้อนอารมณ์เบื่อหน่ายของพระเอก
-หรือมึงอยากใบ้คนอ่านต่อไปอีกว่า ทั้งๆที่บุหรี่รสชาติเดิมๆวันนี้แม่งต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น พระเอกมีลางสังหรณ์ สัญชาตญาณ สัมผัสฝนตั้งเค้าได้ผ่านการรับรสที่เปลี่ยนไป
-หรือแค่อยากแทรกให้คนอ่านเข้าใจทัศนคติของพระเอก เพิ่งเปลี่ยนมาซื้อบุหรี่ยี่ห้อใหม่ ที่แพงขึ้น แล้วค้นพบว่าของแพงกลับห่วยกว่า แต่ทนต่อเพราะงก แต่กูว่าจะสำลักควันตายนี่ต้องเพิ่มหน่อยว่า รสชาติมันห่วยบาดคอ จนแทบทำให้ต้องสำลักควันไอออกมา นี่ต้องฝืนแทบตายแล้ว ไม่งั้นมันสับสนนิดหน่อยสำหรับคนไม่สูบบุหรี่ว่าจะสำลักเพราะตัวเองพ่นควันออกมาเยอะหรือไง
หรือถ้าจะรวททั้ง3ข้อ ก็คือ วันนี้อะไรๆไม่เป็นใจ นี่ต้องรอนาน เสือกต้องสูบยี่ห้อใหม่ แพงสัส รสชาติห่วยนี่มันเป็นวันซวยของกูรึเปล่าวะ
คำสบถของตำรวจคนนี้ จะช่วยให้ภาพของดีกรีนิสัย คำว่า บะ นี่เหมือนลุงแก่ๆกูอุทานเลย
เป็นบ้ะ เวร เฮ้ย เชี่ยเอ้ย ได้อารมณ์ตำรวจมากกว่า
พิทักษ์สันติราษฏร์ ไม่ใช่ราช
นอกราชการ คืออะไร เกษียณ โดนไล่ออก แปลว่า ไม่มีสิทธิ์เป็นตำรวจแล้วนะ
ถ้าจะบอกว่านอกเวลาราชการ ยังแปลว่าเป็นตำรวจอยู่นะ
โดยรวมกูชอบ
>>944 >>945 ขอบใจมากเพื่อนโม่ง สับละเอียดดี
แต่ที่จริงก็แค่อยากให้ดูสำนวนแหละ เพราะไอ้พิมพ์มานี่เขียนสด - - ไม่ได้วางพล็อต วางคาร์อะไรเลย
เรื่องที่เขียนอยู่ปัจจุบันเนี่ยพระเอกขี้บ่นแนวๆ นี้เหมือนกัน เลยลองเขียนเหตุการณ์สมมุติขึ้นมาเพื่อให้ช่วยดูหน่อยว่าโอเคมั้ยน่ะ
แต่ถามอย่างหนึ่ง เรื่องคำรำพึงนี่ไม่จำเป็นต้องใส่ระดับการทอดเสียงสินะ?
>>946 ขึ้นกับบุคลิกตลคที่ต้องการสื่อนะ
อย่างตำรวจคนนี้ รำพึงออดอ้อน ด้วยคำว่า ใครกันน้า มันเรียบๆร้อยๆขัดแย้งกับทิศทางของตัวละครรึเปล่า
ถ้าตำรวจคนนี้สร้างบทสนทนากับน้องสาวว่า
ให้ตายสิ ใครกันน้าบลาๆ มันก็จะน่าเอ็นดูเหมือนหยอกเย้าอีกฝ่าย แต่นี่มันพูดกับตัวเอง ต่อด้วยอารมณ์เบื่อหน่ายหงุดหงิด คำว่าน้า มันเลยสะดุด
ระดับทอดเสียงใส่มา มันก็ให้อารมณ์ตามนั้นปะ เราก็แค่ต้องเข้าใจความแตกต่างของมัน
ใครกันนะ
ใครกันน้า
ใครกันหนา
ใครกันวะ
ใครกันว้า
ใครกันหว่า
มึง กูอยากถามข้อมูลหน่อย
หาอ่านแล้วไม่ค่อยเจอกฎเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัย (suspect) อะ มีแต่จำเลยกะผู้ต้องหา (accused/defendant)
กูเข้าใจว่ามันต่างกันไง แต่งง ๆ การปฏิบัติ สรุปคือถ้าหาหลักฐานไม่ได้ ผู้ต้องสงสัยก็ยังรอดตัวลอยนวลได้ปกติรึเปล่า ไม่มีคุมขัง กักตัวใช่ป้ะ ถึงเสี่ยงต่อการหลบหนีก็ขังไม่ได้รึเปล่า
>>949 กูเคยเรียนมาแต่จำแบบละเอียดไม่ได้ละ
คราวๆ คือผู้ต้องสงสัยมันเริ่มตั้งแต่ตอนที่ทำตัวมีพิรุธแล้วอะ ยกตัวอย่างเช่นตำรวจเดินมาขอตรวจ แต่กลับวิ่งหนีจนตำรวจต้องวิ่งตามเนี่ย ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงตอนโดนแจ้งข้อหา เราจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปเลย
แต่กลับกันถ้าถูกพาไป สน. แล้วแจ้งข้อหาแล้วเนี่ยจะกลายเป็นผู้ต้องหา
ส่วนจำเลยคือต้องโดนอัยการส่งฟ้องไปแล้ว
ส่วนเรื่องหาหลักฐานไม่เจอก็ใช่ เพราะไม่มีหลักฐานหรือพยานที่หนักแน่นพอ อัยการก็จะไม่ส่งฟ้อง ตามอำนาจของตำรวจมีสิทธิ์กักตัวได้แค่ 48 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งถ้าเลยไปกว่านั้นก็ต้องพึ่งอำนาจศาลเพื่อฝากขัง แต่ในเมื่อไม่สามารถส่งฟ้องได้ก็จำเป็นต้องปล่อยตัวไปไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
>>952 คือผู้ต้องสงสัย เพราะไม่มีใครเห็นว่าฆ่ากับมือใช่มั้ย ถ้ามีคนเห็นแล้วนำไปแจ้งตำรวจ ก็จะกลายเป็นผู้ต้องหา แต่นี่ไม่มีใครเห็นอะไร เพียงแต่คิดกันไปเองว่าน่าจะเป็นคนฆ่า จึงเป็นผู้ต้องสงสัยก่อนในขั้นต้น ถ้าถึงขั้นหาหลักฐานได้ พบกางเกงในตกในที่เกิดเหตุ ตำรวจเห็นว่าน่าจะใช่ ก็จะกลายเป็นผู้ต้องหา
เอ... กูสงสัยขอถามหน่อย
ถ้าสมมุติกูสร้างตัวละคร 2 ตัว ชาย-หญิง อายุห่างกันประมาณ 8 ปี ทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กและฝ่ายหญิงก็สนิทกับฝ่ายชายและเรียกว่า "พี่" มาตลอด จนแทบจะเหมือนกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ
แต่เพราะมีเหตุต้องแยกจาก ทั้งคู่เลยไม่ได้พบกันราว ๆ 20 ปี ซึ่งตรงนี้ล่ะที่กูอยากจะถามว่า ถ้าเจอหน้ากันอีกทีแล้วจำกันได้เนี่ย กูควรให้ฝ่ายหญิงเรียกฝ่ายชายยังไงดีวะ?
พี่ก็ไม่ใช่สรรพนามก็สนิทสนมอะไรมากนะ 555555 แบบในชีวิตจริงกูเรียกพี่ดะหมดอ่ะ
สวัสดีเพื่อนโม่ง กูมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย เลยอยากมาถาม พอดีว่ากูกำลังเขียนนิยายอยู่เรื่องนึง กำลังวางพล็อต เเละเริ่มต้นเขียนบางเเล้ว เเละเมื่อวานจู่ๆก็มีนักเขียนมีชื่อคนนึงอัพงานใหม่ลง พอกูกดเข้าไปดูเท่านั้นล่ะ กูช็อคมากเลย เพราะพล็อตมันเหมือนกับกูมาก (กูไม่ได้กำลังหมายถึงว่าเค้าลอกกูหรืออะไรนะ เพราะกูยังไม่ได้เอาเนื้อหาอะไรลงเลย กะว่าจะเเต่งให้จบก่อนเเล้วค่อยลง) คือตัวพล็อตหลัก ตัวเอกวางปมเหมือนกับกูเลย กูเลยกังวลมากๆว่าถ้าวันนึงกูเอานิยายเรื่องงนี้ลง เค้าจะหาว่ากูลอกนิยายนักเขียนคนนี้ไหม กูเองก็ไม่สบายใจที่จะเปลี่ยนพล็อตอะไรด้วย เเบบกูหลงรักตัวลรครที่มีคาเเรกเตอร์กับบทบาทนี้ไปเเล้วเนี่ยสิ ฮือ
มีคนจองที่ไปก่อนแล้ว มึงก็ต้องจำใจทำงานหนักกว่าเดิม มึงต้องหาทางแก้ให้มันไม่เหมือน คือซวยๆๆๆ กูเห็นใจ
แต่ไม่งั้นมึงทุ่มทำไปทั้งๆที่รู้ว่ามันอาจออกไปคล้ายเรื่องอื่น กูว่าไม่คุ้มค่าเหนื่อย
แล้วเดี๋ยวต้องมานั่งเถียงคนอีก ว่าลอกไม่ลอก
>>259 >>260 >>261 ขอบคุณนะเพื่อนสพหรับคำแนะนำและกำลังใจ ปล. >>260 กูขอถามได้ไหมว่าตอนนั้นเมิงจัดการกับเรื่องนี้ยังไง
คือตอนนี้กูฟุ้งซ่านมาก ไม่รู้ว่าจะเรียกตื่นตูมไหม แต่กูคิดไปถึงเรื่องการลองทักเข้าไปคุยกับคุณนักเขียนคนนั้น แล้วเล่าให้เขาฟังว่าบังเอิญพล้อตดันเหมือนกัน ตรงจุดไหนบ้าง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจจะดีไหม
กูบอกตามตรงว่ากูกลัวมากว่ามันอาจมีปัญหาในอนาคตได้ ขอคิดในเเง่ร้ายไว้ก่อนแล้วกัน (ถ้านิยายกูรอดอะนะ) คือแบบอย่างน้อยกูก็จะมีหลักฐานว่า เออ กูบอกกับนัก้้ชียนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใตตั้งเเต่เเรกเเล้วนะ อะไรงี้ แต่กูก็แอบกลัวปฏิืริยาคุณนัก้้ขียนท่านนั้นเหมือนกันว่าจะออกมาเป็น
ต่อนะ (ขอโทษๆ พิมพ์ในมือถือแล้วมันพลาดไปกดโพส)
แต่กูก็แอบกลัวปฏิืริยาคุณนักขียนท่านนั้นเหมือนกันว่าจะออกมาเป็นยังไง คือแบบคงไม่มีใครชอบหรอกที่มีคนอื่นเเต่งนิยายที่พล้อตออกมาเหมือนนิยายตัวเองไรงี้ แต่กูก็จะพยายามจะปรับพล้อตนะ ให้มันลดความคล้ายเขาให้มากที่สุดในขอบเขตที่กูรับได้และให้กระทบกับพล้อตหลักน้อยที่สุด
เพื่องโม่งมีความคิดเห็นหรืออะไรเเนะนำกูบ้างไหม
>>963 คิดมากเกินไป ถ้ามึงคิดมากอย่างนี้ มึงจะไม่สบายใจไปตลอดเวลา กลัวอะไรวะ ถ้ามึงไม่ได้ลอกเขา มึงไม่มีทางเขียนออกมาเหมือนกัน พล็อทเหมือนกันมีเยอะแยะ รายละเอียดไม่มีทางเหมือนกัน ยิ่งมึงทำวุ่นวายมากเท่าไหร่ คนจะยิ่งคิดว่าร้อนตัว เขียนนิยายทั้งทีน่าจะจิตใจสบาย ๆ ไม่ใช่เหรอ นี่ทำแล้วกลัวสารพัด กลัวคนจะว่า กลัวนิยายจะเหมือน บอกตามตรง กูอ่านนิยายพล็อตเหมือนกันมาเยอะแยะ ถ้ามันไม่ได้ลอกกันมา ยังไงมันก็ไม่มีทางดำเนินเรื่องเหมือนกัน
เอาอย่างนี้ พล๊อต เช่น สโนว์ไวท์ ซินเดอเรลล่า
มึงสามารถเขียนนืยายที่แตกต่างกันได้ล้านเรื่อง
รายละเอียด เช่น เซตติ้ง ต่างๆ อาชีพ นิสัย ปม มู้ด คือจะเขียนดรามา สยองขวัญ จากพล๊อตนี้ก็ได้
>>966 เออ กูจะช่วยอธิบายเพิ่มให้ พวกมึงรู้จักเรื่องซินเดอเรลล่ากับปลาบู่ทองกันดีใช่ไหม สองเรื่องนี้มีแบบเรื่อง (Tale Type) แบบเดียวกันเลยเว้ยมึง คือสเต็ปแบบนางเอกมีแม่เลี้ยง มีลูกติดแม่เลี้ยง ถูกกลั่นแกล้ง แต่สุดท้ายไปเจอพระเอกที่สูงศักดิ์ แม่เลี้ยงกับพี่ก็อิจฉา พยายามขัดขวาง หรือไม่ก็เรื่องอิดิปุสที่มีแบบเรื่องเหมือนกับพญากงพญาพาน พระเอกมีคำทำนายว่าจะฆ่าพ่อ ถูกพ่อสั่งพาไปปล่อย แต่สุดท้ายพระเอกก็กลับมาฆ่าพ่อได้เพราะความไม่รู้ จะเอาแม่เป็นเมีย พอรู้ความจริงก็สำนึกผิด
ถ้าของมึงเหมือนกันในสเต็ปทำนองนี้ มึงไม่ต้องไปเครียดหรอก นิทานคนละมุมโลกยังดันมีแบบเรื่องเหมือนกันได้ขนาดนี้เลย เหมือนที่โม่งคนอื่นบอกนั่นแหละว่ามันอยู่ที่มึงจะใส่อะไรลงไปให้มันแตกต่าง แต่ถ้ามึงเหมือนชนิดฉากต่อฉาก(เช่นเขาเขียนว่าพระเอกฆ่าพ่อตอนขี้ ของมึงก็พระเอกฆ่าพ่อตอนขี้) อันนี้กูว่าควรเครียดละ
>>964-969 ขอบคุณมากๆพวกมึงที่เตือนสติกู พอมาอ่านความเห็นพวกมึงเเล้วทำให้กูรู้เลยว่ากูเเตกตื่นเเละเเพนิคไปมากจริงๆ กูจะเลิกติดตามนักเขียนคนนั้นซะจะได้ไม่ต้องมาเเพนิคเป็นระยะๆอย่างที่ >>965 บอก กูว่าเเบบนั้นน่าจะดีกับสุขภาพจิตกูมากกว่า คือกูรู้ตัวนะว่ากูเป็นคนวิตกกังวลง่ายมาก แต่บางทีกูก็แยกไม่ได้ว่าที่กูแพนิคเเบบนี้มันมากเกินควรไหม ต้องขอบคุณพวกมึงมากจริงๆที่ทั้งเตือนสติ ทำให้กูกลับมานั่งคิด และมีความหวังต่อ ขอบคุณมากๆพวกมึง
ขอถามเรื่องพาร์ทย้อนอดีตหน่อย สมมุติอย่างถ้าตลค.ไหนเป็นฝ่ายย้อน มุมมองพาร์ทอดีตนั้นก็ควรเล่าในมุมคนนึกช้ะ
แล้วกูอยากรู้ว่าถ้าเล่าบุรุษที่ 3 ในมุมตัดไปมาทุกฝ่าย เหมือนที่เล่าปจบ.เนี่ย จะทำได้ในกรณีไหนอะ
รึว่ากูไม่ควรมาฟิกซ์อะไรยิบย่อยแบบนี้ เขียน ๆ แม่งไปเหอะได้เลยวะ ฟฟฟฟฟฟ
อืม... เพื่อนโม่งขอถามหน่อย
ถ้าจะเขียนให้ตัวละครร้องเพลงนี่กูควรจะบรรยายยังไงดีวะ?
ใส่เนื้อเรื่อง? หรือว่า "ลาลาลาลา~" ไปเรื่อยดี?
มึงถามแบบนี้กูช่วยตอบไม่ได้หรอก
การเขียนแม่งไม่มีกฎตายตัวขนาดนั้น ไม่งั้นมันจะนับเป็นงานสร้างสรรค์หรือ
จะเขียนว่าเธอร้องเพลงออกมาด้วยความรื่นเริงใจ หรือ เธอเปล่งเสียงสดใสเอื้อนร้อง "ไก่ก่อนไข่ใครจะเกิดก่อนกัน "
บริบทมันคืออะไรล่ะ อะไรจะเหมาะกว่า
มึงกลัวโม่งแตกก็แปลงตัวอย่างเปรียบเทียบมาถาม โม่งอื่นจะได้ให้ความเห็นได้
ถามโง่ๆหน่อยค่ะ ถ้านิยายลอกมาจากประวัติศาสตร์จริงทั้งดุ้นเปลี่ยนแค่ชื่อตัวละครนับว่าก๊อปมั้ยคะ
อย่าก็อปคนเป็นประเด็นแบบปู่ดาบล่ะกัน
พวกมึงกูนอกเรื่องแปบนะ กูเครียดมากตอนนี้พอดีคนมาป่วนนิยายกูอ่ะ พอกูลองเช็คไอดีดูต่างกันแค่ตัวหลังสามตัวเอง กูเลยอยากรู้ว่า ID ใน ดด.นี่ดูอะไรได้บ้างวะ เนี่ย ID
103.26.22.219
103.26.23.234
103.26.23.253
กูว่าเป็นคนเดียวกันวะ ทำเหมือนเป็นคนหลายคนแต่ ID คล้ายกันมาก คือกูเครียดมาก
>>979 อยากบอกให้มองข้าม คนออนไลน์ร้อยพ่อพันแม่ แต่มึงคงเครียดมากเลยมาขอคำปรึกษา มึงแจ้งไปที่แอดมิน ก๊อปไปให้ดู แจ้งในบอร์ดปัญหาหรือช่องทางอะไรก็แล้วแต่ เพื่อให้เขาช่วยแบนช่วยบล็อค กูรู้ว่ามึงไม่สบายใจ ถ้ารู้สึกแย่มาก ๆ ก็หยุดเล่นแพร้บ อย่าให้คนไม่ดีมาบั่นทอนมึง
เพื่อนโม่งงงงง กูมีข้อสงสัย !!
คือกูแต่งนิยายอยู่ แล้วที่แต่งนี้มันดาร์คเกิน น่าจะไม่ผ่านสนพ.ได้อะ แต่กูมีพล็อตสำรอง คิดว่าจะส่งอันปลอดภัยให้สนพ. แต่ก็ยังเสียดายอันเก่าอยู่
ถ้ากูเปิดลงในเว็บทั้งสองเวอร์ แต่ตีพิมพ์ฉบับคลีนแล้วยังเปิดให้อ่านเวอร์แบดเอ้นท์นั้น มันทำได้ปะวะ จะมีปัญหาอะไรรึเปล่า
(เพิ่ม ทั้ง 2 เรื่องกูคือพระนางคนเดียวกัน เส้นเรื่องเหมือนกัน ต่างแค่ปมที่ตัดไปแล้วใส่อันเบากว่าเข้ามา / ตอนจบ อีกอันแบด อีกอันดี นอกนั้นก็เป็นเรื่องเดียวกันเป๊ะ ๆ เลย)
ลืมบั้ม
>>986 บางทีมันมีลิขสิทธิ์เว็บ กับตัวเล่ม ขายให้คนละเจ้า อันนี้แล้วแต่สัญญา พวกซื้อลิขสิทธิ์ ตปท บางทีซื้อแยก
เวลาขาย สนพ. มันจะมีสัญญา ว่าพ่วง ebook หรือเปล่า หรือบาง สนพ.ไม่เอา ebook เลย แต่มึงทำ ebook เองไม่ได้
ส่วนใหญ่ สนพ.ไม่น่าจะยอม ยกเว้น นข. มีพาวจริงๆ สนพ.ต้องง้อ หรือ นข.ยืนยัน แล้ว สนพ.อยากได้เรื่องนั้นโคตรๆ ถ้าไม่ใช่กรณีพวกนี้ ยากว่ะ
ถ้าให้แนะนำ ก็ส่งสนพ.แล้วผ่านได้พิมพ์แล้ว รอ 3-5 ปี สัญญาหมด ค่อยเอาอีกเวอร์ชั่นมาพิมพ์
>>986 แบบเล่มมีบรรณาธิการช่วยเกลา ทำเส้นเรื่องให้ชัดเจน หรือให้เป็นที่นิยมแบบที่น่าจะขายได้ พวกนี้ส่วนใหญ่เป็นสำนักพิมพ์ใหญ่มีอำนาจโน้มน้าวจิตใจคนเขียนเพราะกองบรรณาธิการที่นั่นถ้าสำนักพิมพ์ใหญ่ก็คงมีประสบการณ์กับตลาดมากพอมองออกว่าแบบไหนมันขายได้แบบไหนขายไม่ได้
แบบเว็บตามใจคนเขียน พวกตีพิมพ์ถ้าลงแล้วก็คงตกลงกันแล้ว
โอเค แต่กูมีข้อสงสัยอย่าง ที่บอกมีบก.ช่วยดูเนี่ย คือกรณีเราเป็นนข.ใหม่ ส่งต้นฉบับไปนี่ ต้นฉบับต้องเสร็จสมบูรณ์แล้วถูกม้ะ สมมุติบก.แนะให้ปรับ เราก็ต้องรื้อเขียนใหม่งี้เหรอ รึยังไง งง
อีกคำถามนึง สัญญากับสนพ.นี่ ถ้าเราลงกับเขาเรื่องนึง เราต้องลงกับเขาตลอดจนกว่าจะหมดสัญญามั้ย กูเห็นบางคนก็เปลี่ยนสนพ.ไปมาได้ ยังงี้นับไงอะ คือกูเข้าใจว่าถ้าเซ็นสัญญาอาจจะได้ผลตอบแทนมากกว่า นข.อิสระ แต่เงื่อนไขต้องออกเล่มตามกำหนด ปีละกี่เล่มว่าไป นี่กูเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า ขอเพื่อนโม่งช่วยชี้แนะ
>>990 ในไทย ปกติ สัญญาเซ็นตัวนิยาย เรื่องต่อเรื่อง 3-5 ปี ไม่บังคับนักเขียน หมดแล้วจะเอาต้นฉบับไปพิมพ์ไหนก็ได้
เขียนเรื่องใหม่เป็นสัญญาใหม่ จะเอาที่เดิมที่ใหม่แล้วแต่ไม่เกี่ยวกัน
แต่ถ้าสัญญาทาสตัวนักเขียน คือเซ็นแล้วทุกอย่างในช่วงเวลานั้นเป็นของ สนพ. กี่ปีว่ากันไป อันนี้ไม่รู้เมืองไทยมีสนพ.ไหนบ้าง แค่ที่แน่ๆของจีนหลายที่เป็นแบบนี้
กูเห็นวันก่อนในทวิตเตอรื (หลายวันล่ะแหละ)
เค้ารับสมัครหัวหน้าทีมเขียนอ่ะ แบบจะทำหน้าที่เป็นคนคิดพลอต แล้วก็ดูว่าจะโยนพลอตนี้ให้นักเขียนในทีมคนไหนเขียน แล้วสุดท้ายก็จะมา final edit อีกรอบ (แบบมีสิทธิ์แก้ไขเนื้อเรื่องได้เลยไรงี้)
กูก็งงว่า ถ้าคนเป็นหัวหน้าทีมเขียนเก่งขนาดนั้นทำไมไม่เขียนเองไปเลยอ่ะ จะไปเป็นหัวหน้าทีมเขียนโยนความคิดตัวเองให้คนอื่นเพืื่อ?
>>993 เพื่อให้งานไว มีงานออกสม่ำเสมอและได้คุณภาพ คนอีดิทงานได้ดีคือคนเก่งภาษา แม่นพล็อท คุมงานได้ไม่หลุด เขาแจกงานให้นักเขียนระดับกลาง ๆ ที่ยังไม่เก่งมากแต่มีไฟ มีเวลาทำ พอเอากลับมาก็ให้คนอีดิทแก้ ๆๆ จนได้มาตรฐานงานพิมพ์ คนอีดิทบางทีก็เป็นนักเขียนอยู่แล้วนี่แหละ เพียงแต่ไม่เปิดเผยก็มี เป็นการให้เครดิตนักเขียน
KY มึง ถ้ากูเขียนให้ตลค.ชายคนนึง เรียกผญ.อายุมากกว่าตัวเอง (ปีสองปี) ด้วยชื่อไปเลย ไม่มีพี่/คุณนำหน้างี้ คนอ่านเขาจะรู้สึกขัด ๆ กันบ้างปะวะ
ky มึง มีเทคนิกเขียนฉากรัก/ฉากโรแมนติกให้มันหวานถึงอารมณ์ไรงี้ปะวะ แบบอ่านแล้วหัวใจเต้นแรง กูเขียนนิยายรักแต่มันรักไม่ถึงอารมณ์เท่าไร กูเศร้า
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.