>>406 กูเข้าใจนะเว่ย มันขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ที่มึงเขียนด้วย
เช่น มึงอยากเขียนเฉยๆ เขียนแล้วสบายใจ มีความสุข อะไรก็ว่าไป หรือมันเกินกว่านั้นไปแล้ว อยากตีพิมพ์ อยากมีชื่อเสียง อยากเลี้ยงตัวเองได้
บอกตรงๆเลย สำหรับกู กูอยากให้การเขียนของกูเลี้ยงกูได้ กูไม่ได้เขียนเพราะแค่ได้เขียนก็พอแล้ว กูเลยเข้าใจฟิลลิ่งนี่นะ เขียนแล้วก็ไม่ได้พิมพ์สักที แม่งก็ท้อถอย
ส่วนความรู้สึกที่ว่าไม่อยากเขียนกูรู้สึกว่า ถ้าตอนไหนรู้สึกไม่อยากเขียนแล้ว รู้สึกว่าเขียนไปก็เท่านั้น ไปทำอย่างอื่นที่หาแดกได้ดีกว่า กูว่าก็ไปทำอย่างนั้นเหอะว่ะ ไว้ค่อยกลับมาใหม่ตอนมึงอยากเขียนแล้วก็ยังไม่สาย