สับแหลกแหกวงการหนังสือไทย --->
https://fanboi.ch/literature/2383/
Last posted
Total of 1000 posts
สับแหลกแหกวงการหนังสือไทย --->
https://fanboi.ch/literature/2383/
ขอคุยต่อจากประเด็นนี้ >> https://fanboi.ch/literature/2383/992/
ตามที่อ่านแล้วเข้าใจคือ หนังสือมันยังไม่ได้ปลอดลิขสิทธิ์ (และตอนนี้มีสนพ.อื่นซื้อลิขสิทธิ์ถูกต้องมาแล้ว)
แต่ที่สนพ.นี้หยิบอ้างนี่คือ เพราะว่ามันเคยแปลขายแบบไพเรตมาก่อนที่ไทยจะมีกฏหมายลิขสิทธิ์ การเอาของเดิมมาทำเล่มใหม่ครั้งนี้ กม.ถือเป็นโมฆะเอาผิดไม่ได้
กูอ่านเข้าใจถูกใช่มั้ย
แบบนี้ก็ได้เหรอวะ? มีใครถามบอสได้บ้างมั้ย
เสียใจอะ ไม่น่าทำตัวงี้ คือเขาจะออกงานของดัมบัดเซ อยากอุดหนุน แต่เจองี้แล้วซื้อไม่ลง ;___;
แทรกหน่อย แพรวปล่อย to kill a mockingbird ว่ะ เห็นบอกทันงานหนังสือ
https://www.facebook.com/Praewnovelclub/photos/pcb.1228033577261360/1228033277261390/?type=3&theater
ขอถามหน่อย ปกติเวลาเลือกหนังสือแปล ถ้าไม่ได้แปลจากภาษาต้นฉบับมีผลต่อการซื้อของพวกนายมั้ย แล้วอีกอย่างที่สงสัย สนพควรจะพิมพ์ไว้ที่เล่มเลยเปล่าว่าแปลจากภาษาไหนอ่ะ
>>12 มันก็น่าจะเปล่าวะ กูเป็นสายญี่ปุ่นนะ บอกเลยว่าถ้าแปลจากภาษาอังกฤษมาก่อน สำนวนญี่ปุ่นที่คุ้นเคยกันมันจะหายไปหมด ไปดูพวกหนังสือที่เพลงดาบแม่น้ำร้อยสายแปลจากภาษาอังกฤษไว้ได้ กูไม่ได้ว่าเขาแปลไม่ดีนะ แต่มันไม่ใช่ เหมือนเสือกเหยาะซอสมะเขือเทศใส่แทนมิรินอ่ะ รสชาติมันก็แปร่งๆ
>13 >14 >15 รู้ว่ามีผลแหละ แต่เพื่อนเราบางคนมันก็ไม่สนเลย แปลก็คือแปล แบบนี้น่ะ เลยเอามาถามในนี้ดูบ้าง อยากรู้คห อีกอย่าง หลังๆไม่ค่อยเห็นสนพใส่ไว้ในหนังสือหรือปกว่าแปลจากภาษาอะไร เลยไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ใส่ พอไปถาม เขาก็บอกว่ามันไม่จำเป็น (ขอไม่บอกละกันว่าสนพไหน)
>>2 ถ้าบทจรฟ้องขึ้นมานี่สนุกแน่ อาจไม่คุ้มเรื่องเงินแต่ได้ความสะใจและสร้างมาตรฐานให้วงการหนังสือ ค่าทนายหลายหมื่นฟ้องชนะมาอาจไม่คุ้ม
แต่ฝ่ายที่โดนฟ้องนี่ขี้แตกแน่ๆ หนังสือที่ขายไปแล้วก็โดนตีเป็นเงินที่ต้องจ่ายให้บทจร เล่มไหนยังไม่ได้ขายก็โดนศาลสั่งริบทรัพย์ มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง
กูอยากบ่นไม่รู้มาถูกมู้ไหม T_T
วันก่อนกูซื้อเล่ม metamorphosis แปลไทยมา ปรากฏว่ามีหลายจุดมากที่มีเครื่องหมายคำพูดเปิดแล้วไม่มีปิด กูก็งงไปดิ เสียใจ เซ็ง ไม่นึกว่าสำนักพิมพ์จะปล่อยผ่านมาได้
>>22 https://fanboi.ch/literature/2330/956/ โม่งนี้บอกว่างานของ บ.ก. นี้ไม่ค่อยดี
>>22 เราคนที่ >>23 อ้างถึงเองนะ เสียใจด้วยที่เผลอซื้อมา โอ๋นะ
เออ แล้วใครกำลังคิดจะซื้องานของคาฟก้าอ่าน เมตามอร์โฟซิส สำนวนแปลอาจารย์ถนอมนวล โอเจริญ จะพิมพ์ใหม่แล้วนะจ้าา (ดีใจ) เพราะงั้นเก็บเงินไปซื้อของสนพสามัญชนเถอะ จริงๆ แอร์โรวอะในวงการเขาขยาดกันเยอะ เพราะชอบออกงานชนชาวบ้าน มีเยอะมากที่ออกชน จริงๆก็ไม่อะไรถ้าแปลดี แต่ไม่ดีอะดิ แถมปกไม่สวยอีก เตือนไว้แล้วกัน อย่าเห็นแก่ของถูก (โปรในงานซื้อเสื้อแถมหนังสือ) ระวังสนพนี้ไว้เยอะๆ มันไม่ค่อยโอหรอก
งานหนังสือปีนี้เป็นไงบ้างวะ เงียบมั้ย กูยังไม่ได้ไปเลยว่ะ
เงียบของกูในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงกิจกรรม การแหกปากของบูทนะ อันนั้นรู้อยู่แล้วว่าไม่มี
กูหมายถึงปริมาณคน ปริมาณการซื้อขายอ่ะ เงียบเหงามั้ย
Ky ถามเรื่องการเปลี่ยนหนังสือหน่อย
ของ sic ถ้าส่งไปเปลี่ยนคือเราต้องออกค่าส่งเองใช่เปล่าวะ?
>>34 กูส่งหนังสือไปเจ้าไหนๆกูก็ต้องออกของค่าส่งเองทั้งนั้นว่ะ มีแจ่มที่จะมีของที่ระลึกกลับมาให้ กล้วยบางครั้งก็จะใส่เงินค่าส่งมาให้เป็นบางครั้ง กูว่าไม่น่าจะมีสนพ.ไหนให้เงินค่าส่งหนังสือเปลี่ยนนะ
>>35 ของสยามกูไปถามที่งานว่ากูเอาหนังสือไปเปลี่ยนได้มั๊ยมันชำรุดเค้าบอกว่าต้องเฉพาะที่ซื้อในงานแล้วเอาใบเสร็จมายื่นด้วย แต่ถ้าซื้อนอกงานต้องส่งไปรฯอย่างเดียว กูเลยว่าจะรวบรวมหลายๆเล่มส่งทีเดียวให้คุ้มเงินค่าส่งหน่อย
กุเป็นพวกซื้อดอง อยู่ในซีลขี้เกียจแกะเช็ค พอมีปัญหาก็เอาไปเปลี่ยนที่ร้านไม่ได้เพราะแม่มเลยวัน เซ็งมากมาย เดี๋ยวนี้ซื้อมาต้องเช็คให้เรียบร้อยก่อนยัดลงตู้
>>33 อันนี้ไม่ใช่หนังสือว่ะ แต่กูเคยเปลี่ยนการ์ตูนของบงกช
เขาให้เลือกสองทางคือทำลายหนังสือ (ตัดปกครึ่งนึงหน้าหลัง) แล้วส่งรูปหลักฐานให้เขาดู หรือไม่ก็ส่งหนังสือคืน กูทำลายไม่ลงเลยส่งคืน ค่าส่งกูออกเอง
(จากนี้ไม่ได้ตอบมึงแต่กูขอด่า สนพ.หน่อย)
เขาส่งเล่มใหม่มาแบบแพ็คแย่มาก เอากระดาษแข็งปกการ์ตูนรียูสห่อมา บับเบิ้ลกับถุงพลาสติกห่อการ์ตูนแบบปกติก็ไม่มี คือมาแค่ตัวเล่มกับปกบางแค่นั้นเลย
แถมการ์ตูนเล่มที่กูเปลี่ยนปกค่อนข้างสีอ่อน พอถูกับกระดาษแข็งมาปกอ่อนแม่งดำ ริมขอบปกอ่อนที่เกินเล่มมาเยินรอบ กูนี่เซ็งสุด และเล่มที่กูเปลี่ยนไม่มีขายแยก แม่งขายแต่เป็นแพ็ค (เลยเปลี่ยนกับร้านไม่ได้) -*-
ค่าส่งหรือของที่ระลึกไม่มีสักอย่าง ซึ่งอันนี้กูไม่ซี แต่เกลียดความแพ็คเลวจนกูยังด่ายันทุกวันนี้
โม่งกูจะแตกมั้ยวะ 5555
กูโคตรรำคาญสำนักพิมพ์ที่ชอบออกมาตัดพ้อคนอ่าน สารภาพเลยว่าที่ไม่ซื้อหนังสือเล่มใหม่เพราะเอาแต่ตัดพ้องอแงบนหน้าเฟสไปวันๆ เนี่ยแหละ
กู 40 นะ >>42 กูเซ็งแค่ครั้งนั้นนั่นล่ะ รอบที่เหลือก็เฉยๆ แพ็คมาปกติและมีพลาสติกห่อเล่มการ์ตูน แต่แค่รอบนั้นไม่มีแม้แต่พลาสติก กูงงและเซ็งรอบนั้นมากจริงๆ
ปกติถ้ามีปัญหาร้านที่กูซื้อเขาให้เปลี่ยนเลย เรื่องไม่ต้องถึง สนพ.
แต่กูก็ยังอุดหนุนการ์ตูนค่ายนี้ต่อไปอยู่ดี เพราะมีแต่ อ. ที่กูชอบ 5555
>>40 ถ้าในงานหนังสือเรื่องไหนที่แพตเราให้เขางัดแยกเล่มออกมาเลยนะ ก่อนหน้านี้พนักงานที่บูทก็ไม่แกะให้ เราเลยเมล์คุยกับฝ่ายขายบอกเขาว่าเรื่องที่เราตามหลายเรื่องตอนที่เพิ่งออกร้านไม่เอาลงทุกเรื่องนะ เราตามหาซื้อไม่ได้ก็ต้องมาซื้อในงานหนังสือที่ควรจะมีครบ แต่ถ้าคุณแยกขายให้ไม่ได้แล้วบังคับให้เราไปสั่งหน้าเว็บอย่างเดียว งั้นหลังจากนี้เราเลิกอ่านงานของสำนักพิมพ์คุณทั้งหมดก็ได้ประหยัดเงินเราด้วยจะได้ไปซื้อนิยายแทน ฝ่ายขายเขาโทรบอกพนักงานในบูทให้แกะแยกเล่มให้เลย หมดปัญหาอีก เลยตามอ่านของบงกชต่อ
ไม่เหมือนของสยามไล่ให้เราไปสั่งหน้าเว็บอย่างเดียวเล่มเก่าๆ ก็ไม่มีบอกทำลายทิ้งหมดแล้วหนังสือก็ขาดไม่ครบชุดหน่ายใจมาก เซ็งมากคือมีอยู่รอบที่เราหาการ์ตูนเก่าอยู่เล่มเดียวที่ขาดแล้วเขาให้เราไปสั่งในเว็บ ในเว็บคิดค่าส่ง+ธรรมเนียมโอนมากกว่าค่าหนังสืออีก เขาก็บอกงั้นรอให้ค่าส่งคุ้มค่อยสั่ง เราก็อืม... งั้นรอ ผ่านไปเกือบปีโอเคได้เรื่องที่สั่งหลายเล่มพอล่ะติดต่อไปบอกเรื่องที่เราหาเขาทำลายหนังสือทิ้งแล้วไม่มีสต๊อก เรางงสิไม่ถึงปีทำลายหนังสือปลายปีถามยังมีอยู่เลยพ้นปีไปไม่มีแล้ว เขาก็พยายามอธิบายมาว่าเรื่องที่เราหามันการ์ตูนเก่าแล้วพ้นปีเขาต้องเคลียร์โกดัง เข้าใจนะแต่เซ็ง เข็ดมากสุดคือเพิ่งซื้อแพตชุดตอนเล่มจบออกไปผ่านไปแค่เดือนสองเดือนงานหนังสือเจอแพตชุดในบูทลดมากกว่าที่เราซื้ออีก เซ็งๆๆๆ ฝ่ายขายของสยามแย่มากจนตอนนี้เราไม่ซื้อแยกของสยามแล้วรอจบแพตชุดงานหนังสืออย่างเดียวได้ลดด้วย
งานหนังสือรอบนี้มันงานเทกระจาดมากๆ ลดกันเยอะจนจะนึกว่าเขาเตรียมปิดสำนักแล้ว ทั้งการ์ตูน ทั้งหนังสือเลย สงสารคนทำหนังสือด้วย มีข่าวเรื่องในหลวงงี้ แต่ชอบบรรยากาศได้เลือกหนังสือเงียบๆนะ เรื่องคนคิดว่าน้อยกว่ารอบที่แล้ว (เพราะวันที่ไปด้วยเปล่าไม่แน่ใจ)
ในนี้มีใครรู้เกี่ยวกับพวกร้านหนังสือบ้าง?
อยากรู้พวกร้านเวลาเขารับมา เขาได้ส่วนลดจากสนพ.กี่%วะ? คือกุซื้อร้านนึง ของใหม่มากกก หนังสือพึ่งออก ได้ลด 50% แถมสั่งเรื่องไหนก็ได้ที่มีของ กุเลยสงสัยว่ะ (แต่เขาไม่ได้ลดทุกคนนะ เขาบอกกุว่าลดให้กุเพราะลูกค้าประจำ)
>>51 มันมีร้านประเภทหนึ่งที่ได้หนังสือมาขายในทางที่มิชอบค่ะ พวกนี้จะกล้าเอาหนังสือสภาพดีบางทีเป็นหนังสือใหม่ลดถึง 80% ได้
1. เขาได้หนังสือหลุดจากโรงพิมพ์ (ไม่ใช่สนพ.) โรงพิมพ์จะพิมพ์และเข้าเล่มเกินเผื่อเสียจากการผลิต ซึ่งการพิมพ์แต่ละครั้งจะมีหนังสือกลุ่มนี้ 2-5% จากยอดสั่งพิมพ์ขึ้นกับโรงพิมพ์ซึ่งเขาอาจยกแถมให้สนพ.ที่จ้างแต่ส่วนใหญ่จะไม่เก็บซักระยะไว้เผื่อเปลี่ยนแล้วพอเครียร์เงินก็ทำ
ายทิ้ง แต่บางมีไม่ทำลายขายเหมาเป็นกี่โล และบางทีคัดตัวเล่มสภาพดีเอาไปส่งร้านหนังสือขายแบบถูก
2.หนังสือที่ได้จากการขโมยค่ะ มีกลุ่มที่จ้างเด็กเข้าร้านหนังสือใหญ่บ้างเล็กบ้างเข้าไปทำเนียนสนใจหนังสือแต่ขโมยออกมา ที่จ้างเด็กเพราะถ้าทางร้านจับได้จะมีผู้ใหญ่แสดงตัวขอโทษซื้อหนังสือนั้นแล้วขอยอมความว่าเด็กอยากได้แต่ไม่ซื้อให้เลยมาแอบขโมยให้สงสารเด็ก หนังสือที่กลุ่มนี้เล็งจะเป็นหนังสือแพงหรือดัง กลุ่มเคยเป็นข่าวออกโทรทัศน์เมื่อหลายปีก่อนช่อง TPBS ตำรวจสืบต่อพบเป็นขบวนการใหญ่มูลค่าหนังสือหายต่อเดือนเป็นแสน
แล้วหนังสือพวกนี้จะถูกส่งต่อไปร้านใต้ดิน (แต่เปิดขายปกติเหมือนร้านทั่วไป) เมื่อที่จตุจักรมีเยอะพอตำรวจกวาดล้างใหญ่ก็หายไปพักหนึ่ง
>>52 ข้อแรกนี่เพิ่งรู้นะเนี่ย ความรู้ใหม่เลย แต่เดิมกูรู้แค่ว่าสนพ.ที่ไม่มีโรงพิมพ์ของตัวเองใช้ระบบ แยกสี แยกเพลท แล้วมาประกอบกันทีหลังป้องกันโรงพิมพ์แอบพิมพ์เกิน
ส่วนข้อสองกูเคยไปเดินจตุจักรแล้วซื้อเทวากับซาตานลดราคา 40% สภาพหนังสือมือหนึ่ง ตอนนั้นกูนึกว่าร้านเป็นสายส่ง แต่มาคิดดูอีกทีก็รู้สึกแปลกๆ ที่มีนิยายดังๆปกล่ะไม่กี่เล่ม ถ้าเป็นสายส่งจริงมันควรมีวางในชั้นอย่างน้อยสี่ห้าเล่ม พอหาข้อมูลเพิ่มก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองซื้อของโจร
52 เองค่ะ ขอโทษที่พิมพ์ตกหล่นเยอะ กดในมือถือจอแคบเลยไม่ได้ทวนก่อนส่งแต่คงพออ่านรู้เรื่องเน้อะ ขอเพิ่มนะ
กรณี 1 ที่ทราบเพราะเคยติดต่อโรงพิมพ์ที่หนึ่งแล้วพอถามเขา เขาใจดีเลยอธิบายให้ฟังว่าเป็นพวกหนังสือที่พิมพ์เผื่อหนังสือเสียที่สำรองไว้เปลี่ยน ตามที่บอกข้างบนที่จะพิมพ์เกินไว้ 2-5% แล้วแต่โรงพิมพ์ด้วย บางที่เผื่อแค่ 0.5% ก็มี พอเกิน 3-6 เดือนตามตกลงจ่ายเงินถ้าทางสนพ.ไม่มีแจ้งเปลี่ยนหนังสืออีก เขาก็ขายทิ้งแบบชั่งกิโล เมื่อก่อนกิโลละ 5 บาท ตอนนี้กิโลละ 10 บาท โรงพิมพ์ส่วนใหญ่เขาจะรับผิดชอบทำลายหนังสือให้ก่อนโดยการถอดปกหรือผ่าครึ่งหนังสือ แต่บางโรงพิมพ์ก็อาจจะไม่ทำเพราะต้องเสียเวลาและจ้างคนงานมาทำลายหนังสือ ยกให้ร้านที่มารับเหมาเลยง่ายกว่าซึ่งคนที่เหมาไปจะเอาไปคัดแยกขายที่ไหนไม่ใช่ความรับผิดชอบโรงพิมพ์แล้ว (เขากระซิบมาว่าจริงๆ ผิดด้วยนะ เพราะโรงพิมพ์จะต้องรับผิดชอบทำลายหนังสือที่เกินก่อนขายชั่งกิโล)
ซึ่งหนังสือที่พิมพ์เกินพวกนี้เหมือนหนังสือขายตามร้านทั่วไปเลย (แค่จะไม่มีหุ้มพลาสติก) ทำให้บางทีมีร้านหนังสือหรือผู้อ่านบางคนที่สืบได้ว่าพิมพ์ที่ไหนจะตามมาที่โรงพิมพ์ถามหาขอซื้อหนังสือที่ต้องการก็มี ยิ่งถ้าเป็นหนังสือหายากพิมพ์จำนวนน้อย หนังสือราคาแพง จะยิ่งมีคนถามเยอะ ก็ขึ้นอยู่กับโรงพิมพ์อีกว่าที่ไหนยอมขายแต่ส่วนใหญ่จะไม่ขายเพราะกลัวเจอสนพ.ล่อซื้อแล้วแจ้งความดำเนินคดีเพราะถือเป็นคดีลักทรัพย์ ขายของโจร
สนพ.จะป้องกันตัวเองเบื้องต้นเช่นแยกเพรทตามที่บอกมา แยกส่วนพิมพ์ขาวดำสี แยกส่วนบทพิมพ์ แยกโรงพิมพ์กับร้านเพรท แยกโรงพิมพ์กับร้านเข้าเล่ม เลือกสั่งกระดาษแบบพิเศษเพื่อไม่ให้ร้านเพรทแอบเอาไปพิมพ์เอง หักเพรททันทีที่พิมพ์เสร็จ ซึ่งทั้งหมดถ้าโรงพิมพ์จะโกงก็ทำได้หมดเพราะโรงพิมพ์ ร้านเพรท ร้านเข้าเล่ม ส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายกันหมด แต่โรงพิมพ์ไม่ทำเพราะมูลค่าการขายหนังสือในตลาดมืดจากขบวนการพวกนี้มันได้น้อยกว่าเขารับงานอื่น
พวกหนังสือหลุดจากโรงพิมพ์จึงมักจะหลุดที่ขั้นตอนขายทิ้งให้ชั่งกิโลมากกว่า แต่หนังสือกรณีนี้มักเป็นพวกเล่มเดียวจบหรือจำนวนเล่มน้อยๆ เพราะถ้าเป็นพวกเรื่องที่มีหลายเล่มจบ สนพ. มักจะจ้างหลายโรงพิมพ์พิมพ์คนละเล่ม (คุณภาพหนังสือในชุดอาจจะไม่เหมือนกัน) และถ้าเป็นเรื่องขายดีๆ พิมพ์หลายครั้ง สนพ. มักจะเปลี่ยนปกในการพิมพ์แต่ละครั้งเพื่อไม่ให้โรงพิมพ์มีการยักยอกไปขายตลาดมืด
กรณีที่ 2 ขโมยจากร้านปัจจุบันก็ยังมีอยู่แต่เปลี่ยนไปขโมยในงานหนังสือต่างๆ แทน เด็กที่ถูกจ้างบางทีอายุน้อยมาก 10 ขวบก็มีส่วนใหญ่ค่าจ้าง 20 บาทก็ยอมทำแล้ว และกลุ่มนี้ออเดอร์หนังสือได้ด้วยค่ะ เหมือนขโมยรถยนต์เลย
มีเพิ่มกรณีที่ 3 จากสายส่ง/ชั่งกิโลค่ะ กรณีนี้จะไม่ผิดกฎหมายเพราะเป็นการตกลงยินยอมของสนพ.กับสายส่ง/ชั่งกิโลเอง เกิดจากหนังสือค้างสต๊อกขายไม่ออกจำนวนมาก สนพ.จะตัดสินใจขายเหมากับสายส่งแทนเช็คจำนวนแล้วพบว่าขายได้บางทีไม่ถึง 100 เล่มจากที่พิมพ์ 3,000 เล่ม หนังสือกลุ่มนี้บางทีเจอเป็นชุดครบทุกเล่ม แต่อย่างที่บอกมันเป็นหนังสือขายไม่ออกซึ่งมันอาจจะเป็นหนังสือที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ กลุ่มนี้มักจะเห็นลดเหลือเล่มละ 10 - 20 บาท
บ้านเล็กในป่าใหญ่ หนังสือหายากมั้ยวะ?
ดูดวงจากแนวนิยายก็ได้เหรอวะ
https://www.dek-d.com/writer/42462/
แล้วทไวไลต์กูข้องใจอย่าง ไอ้ที่บอกว่าได้เรียนรู้สิ่งมีชีวิตอื่นๆ คือกูดูแต่หนังก็เห็นแต่เรื่องของเบลล่าและรักที่เหมือนจะระทมแต่ก็สมบูรณ์ดี ได้เรียนรู้สิ่งมีชีวิตอื่นอะไรวะนอกจากหมาป่ากับแวมไพร์
เว็บ DD กูงงเรื่องดูดวงตั้งแต่ราศีนี้มีไฟเขียนหนังสือ ช่วงนี้ควรงด ช่วงนี้ออกไปหาอะไรใหม่ๆ ทำ เห้ แบบนี้ก็ได้เหรอ มันชื่อดูดวงอะไรสักอย่าง เคยกดเข้าไปดูแค่ครั้งเดียวเพราะเห็นบ่อยเหลือเกิน แต่ก็ดูเหมือนจะเสริมแรงใจนักเขียนตัวเล็กๆ อยู่นะ แลดูบันเทิง แต่ไม่ค่อยมีอะไร
>>61 เหมือนกระทู้อวยกระตุ้นหนังสือมากกว่าว่ะ ไม่ได้เกี่ยวกับนิสัยหรือวันเกิดเลยนะไอ้รสนิยมการอ่านนี่
ทไวไลท์กูก็ได้ดูแค่หนัง ก็ไม่มีอะไรอย่างมึงว่า แต่หนังสือเขาอาจจะมีเรื่องราวสิ่งมีชีวิตอื่นๆ หรือเปล่า นี่กูคิดในแง่ที่ว่าหนังสือส่วนมากมันจะมีรายละเอียดมากกว่าหนังน่ะนะ
ป.ล. A Song of Ice and Fire คือชื่อซีรีส์มันจริงๆ ใช่เปล่าวะ
คนเขียนทไวไลท์อ่ะเขียนหนังสือเด๋อมากกกกกก มากๆๆๆ ตอนอ่านรอบแรกก็ฟินแหละ คือดูหนังอล้วชอบพระเอกไง เออก็เลยอ่านสนุก กลับมาอ่านอีกทีคือมันห่วยมากๆๆๆๆ พล็อตบ้านๆ แล้วเขียนหนังสือแย่อะ หนังสือกับหนังนี่ห่วยพอกัน
รู้จักแต่ชุดไดอารี่แวมไพร์ฯ 4 เล่มของมติชนที่ว่าเขียนล้อทไวไลท์ มีภาพวาดประกอบด้วย คนเขียนไดอารี่เด็กไม่เอาถ่านนี่ละมั้ง ดูเนื้อแล้วคล้านๆ กัน กูซื้อมาแต่ก็ยังไม่ได้อ่าน
ทไวไลท์ เดอะไวท์โร้ด 50เฉด
เรื่องไหนดีกว่าหรือแย่กว่ากันอย่างไรจงอธิบาย 10คะแนน
>>75 ถนนขาวเป็นเรื่องที่กูหลงใหลได้ปลื้มตอนประถม อ่านแบบไร้สมองไปพิจารณามันได้อรรถรสอยู่ กูให้ดีกว่าอีกสอง
ทไวไลท์อ่านตอนมัธยม เล่มแรกกูอ่านจบ พออ่านต่อๆไปทนไม่ไหว อ่านไม่จบครัช อย่างน้อยกุก็อ่านจบเล่มนึง เอาไปที่สอง
50 เชด กูแค่อ่านเล่มแรกก็อ่านไม่จบแระครัช ก็ไม่รู้ว่าทำไม เอาอันดับสุดท้ายไปครัช
>>75 ทไวไลท์ ต้องอ่านแบบหัวเบลอๆ พออ่านจนจบได้ > 50เฉด อ่านแล้วปิดๆ อ่านแล้วด่านางเอกไปเบลล่าโคตรว้อนแล้ว แอนาโคตรกว่า ปัจจุบันอ่านไม่จบ > เดอะไวท์โร้ด เปิดฉากก็อป FF ปิดหนังสือเลย... ทำใจอย่าอคติแค่แรงดลใจ พลิกๆ เล่มอื่นตัดสินใจก่อนจะซื้อ จาก FF เป็นแฮรี่แล้วก็เป็นลอร์ด ดีใจที่ไม่ได้ซื้อทันที
ถนนสีขาวนี่กูอ่านตั้งแต่ก่อนตีพิมพ์ สมัยกูประถมโคตรเด็กเลยว่ะ อ่านแล้วตอนนั้นวู้วฮู้วมาก โคตรชอบ แต่พอไปอ่านภาคมหาลัย เชี่ยไรวะ กูอ่านได้เล่มสองเล่มแล้วลาขาดเลยว่ะ ทั้งๆที่มันไม่ได้ทิ้งช่วงนานอะไรเลย แต่กูว่าภาคมหาลัยโคตรไม่สนุกเลยว่ะ ตอนนั้นกูเลยผิดหวังแล้วเลิกอ่านไปเลย ประกอบกับตอนนั้นกูคิดว่า นข.ไม่น่ากำหนดตายตัวเลยว่าต้องมีกี่ภาค ภาคละกี่เล่มไรงี้ มันจำกัดกรอบเกินไป ทำให้มันเนือย มันไม่หนุกว่ะ กูไม่รู้ด้วยว่ามันมีดราม่าลอกฉาก FF อีเหี้ย ร้องไห้หนักมาก เพิ่งมารู้จากพวกมึงนี่แหละ
ส่วน50กูไม่ได้อ่าน หนังได้ดูนิดๆแล้วออกเลย ไม่ชอบเท่าไหร่ เรื่องไม่มีไรให้น่าสนใจสำหรับกูเลย
ทไวไลท์ กูดูแต่หนัง เชี่ย กูจะร้องไห้ กูดูอะไรมาตั้งนาน โคตรไร้แก่นสาร แถมกูโง่ดูในโรงจนครบทุกภาคด้วย ร้องไห้หนักมากว่ะ นักแสดงสำหรับกู กูว่าก็แข็ง เล่นได้แข็งไม่สมูทเลย แวทไพร์ซีดซะจนกูนึกว่าเป็นโรคผิวเผือกละ แต่ตอนนั้นกูแอบติ่งเจคอปนิดๆ แต่พอดูจนจบแล้ว............
50เฉดมันเขียนแย่จริงๆอย่างที่ >>77 ว่า ลองไปอ่านภาษาอังกฤษดู เหมือนเด็กไฮสคูลหัดเขียนนิยายอ่ะ การเลือกใช้คำ รูปประโยค ฯลฯ มันเห่ยมาก แล้วเขียนบทรักได้ฝืดๆแข็งๆ เวลาสองคนนี้นอนด้วยกันมันแห้งมาก เขียนไม่เร้าอารมณ์เลยซักนิด บอกไม่ถูกเลยว่าเรื่องนี้กับทไวไลท์อะไรห่วยกว่า
สำหรับกู ทไวไลยังโอเคกูอ่านได้จบ ไม่ได้แย่มาก (กูความอดทนสูง)
ไวโรดกูอ่านตอนมัธยมยังเกลียดสุด ถ้ามาอ่านตอนนี้คงเกลียดกว่าเดิม ห่วยกว่ามาก ๆ
ส่วน 50เฉดกูไม่ได้อ่าน แค่เรื่องย่อ สปอยล์กูก็ไม่ไหวแล้ว
ถ้าจะเอานิยายอิ้งที่ห่วยสุดกูขอแนะนำ discovery of witches ว่ะ กูให้เหนือถนนขาวมา 5 เซน (ส่วนทไวไลกูให้เหนือถนนขาวซัก 1 โลแล้วกัน)
อีกอันคือ drake sisters กูเกลียดพระ-นางเกือบทุกคู่ (มี 7 คู่ 14 คน เกลียด 10 มั้ง นานแล้ว ลืม) ขอให้เหนือถนนขาว 100 เมตร
ตอนเด็กๆ กูอ่านถนนขาวนี่ก็รู้สึกชอบนะ เพราะตอนนั้นกูเพิ่งเริ่มหัดอ่านยังอ่านไม่เยอะ แต่พอเห็นหน้าคนเขียนกูรู้สึกไม่ถูกชะตาก็เลยเลิกอ่านเอาดื้อๆ 555
>>83 กูนับถือมึงมากกูอ่านทไวไลท์ไม่จบ ทนไม่ได้ มโนเบลล่าแม่งวันๆ ไม่คิดอย่างอื่นนอกจากผู้จริงๆ อ่านได้ครึ่งเล่มแรกก็บัยส์
แต่กูดันอ่าน 50เฉดได้ เพราะความอยากรู้ล้วนๆ ว่ามันเอสเอ็มยังไง อ่านแล้วเซ็งอย่าเรียกเอสเอ็มเลย ปาหี่มาก
ทไวไลท์กูอ่านตอนประถมอะ สมัยเป็นชะนีเด็ก อ่านจบนะ แต่รู้สึกว่าเบลล่าหลายใจกับอยากเยกับเอ็ดเวิร์ดซะเหลือเกิน 555555555
ไม่รู้ช้าไปหรือเปล่า แต่กุอยากรุว่าโรมาเนียยอดขายเป็นไงบ้าง ถามที่นี่ได้ปะ
เพิ่งเห็นบทความนี้
https://www.dek-d.com/writer/42788/
มันเป็นคำคมช่วยพัฒนาชีวิตยังไงวะ คือบางอันไม่น่าตะเรียกว่าคำคมอ้วยซ้ำ บางอันมันก็มุกคลาสสิกมีอยู่ทุกที่ นี่สถาพรจะรีปริ้นเลยจ้างเด็กดีมาอวยเรอะ
กูอยากรู้ว่าหนังสือแปลที่ขายในmebของสุวิทย์นี่ไปดอยมารึเปล่าวะ
ถ้ากูจะจ้างนักแปลช่วยแปลนิยายญี่ปุ่นเรื่องนึงที่ Lc ในไทยหลุดไปแล้ว ไม่ได้ทำขายหรอก แค่จะเก็บไว้อ่านเองคนเดียวน่ะ กูติดซีรีย์นี้แต่โอกาสจะได้อ่านแบบถูกลิขสิทธิ์ไม่มีอีกแล้ว เขาจ้างกันเท่าไหร่วะ ใครเคยจ้างบ้าง กูอยากรู้เรื่องต่อจริงๆ แปล eng ในเว็บหยุดไปนานแล้วด้วย ทั้งๆที่ปัจจุบันเรื่องมันไปไกลกว่านั้นแล้ว
>>100 เรื่องนี้ไม่ดังในไทยว่ะ มีสนพ.เอามาทำหนนึงและลอยแพปล่อยลิขสิทธิ์หลุดไปแล้ว เคยแยบๆสนพ.อื่นว่าจะเอามาทำต่อมั้ย เขาก็ไม่สนใจเพราะไม่ดังและไม่มีกระแส จริงๆกูไม่สนใจว่าภาษาต้องเลิศลอยอะไร แค่อ่านได้ใจความครบถ้วนและรู้เรื่องก็พอ กุแค่อยากอ่านต่อเฉยๆ เอาคร่าวๆก็ได้ ถ้ากูจ้างนักเรียน กูควรจ่ายเขาเท่าไหร่ดี
>>99 มึงรับแปลรึเปล่า
http://imgur.com/1YXPIVn มึงงงงงงงงงง โรเซเนียภาคใหม่ : จุดจบของมิกซ์แฟนฟิค
>>109 โม่งให้อันดับสูงอยู่นะ
https://docs.google.com/spreadsheets/d/1QtrnMCC1M02YCEjTbNbNZAkW2vYq34Yhga53fQ4HwgQ/edit#gid=0
แต่งานมันขายไม่ออกแจ่มใสเลยลอยแพ
พวกมึงพูดถึงเจ้าหญิงจอมฟลุกกันทำไม กูยังเสียดายอยู่จนทุกวันนี้ เป็น JLN เรื่องที่สามที่กูชอบ รองจากเจ้าสาวอสูรและจอมเวทย์บุปผาแดงเลยนะ แต่ดันถูกลอยแพ ฮือออออ
มาระดมทุนซื้อ Lc มาแปลอ่านกันเองกัน 5555
ไปขอให้ ELN ซื้อสิ ได้ข่าวแยกกันทำนี่
กุก็ชอบเจ้าหญิงจอมฟลุก ชอบพ่อบ้านแวมไพร์ด้วย โอ้ยยยย
เดี๋ยวนี้เค้าเริ่มใช้กระดาษแบบนิยายต่างประเทศแล้วเหรอวะ ที่แบบบางๆเหม็นๆ กูไม่ชอบเลยว่ะ
ขอบ่นแปป เพื่อนแม่งเอาหนังสือมาให้กูอ่าน กูรู้สึกหนังสือแม่งเข้าใจยากมาก เหงาๆฟุ้งๆแบบประดิษฐ์ ๆแล้วก็มีชื่อเพลงฮิป ๆ เพลงอินดี้ๆ โผล่มาเป็นระยะ อ่านมานานกูยังไม่รู้เลยตัวเอกจะไปทำอะไร เดี๋ยวนี้นิยายแต่งสไตล์นี้ออกมากันเยอะนะ
กูเพิ่งได้ไปลองจับหนังสือต่างประเทศครั้งแรก ไม่สวยเหมือนกรีนรีดบ้านเรา แต่เบาจนตกใจ กูว่ากูชอบนะ
กุชอบเหมือนกันแม้ว่กระดาษหนังสือเมืองนอกมันบาง ดูไม่ทน แต่เทียบกับความหนาของหนังสือแล้วถูกโคตร เหมือนเขาทำเพื่ออ่านไม่ใช่เพื่อสะสมว่ะ ตรงจริตกุเลย
>>122 จริงมึง ออกมาเยอะ กูอ่านแล้วกูก็ไปตามฟังเพลงนะ แล้วก็พบว่าเพลงแม่งไม่ถูกจริตกู พออ่านจบกูก็ไม่เก็ตว่าตัวละครแม่งเป็นเหี้ยไรทำไมเวิ่นเว้อ จากนั้นก็เลือนไปจากสมอง
หนังสือต่างประเทศกูเคยเห็นเพื่อนอ่านแล้วหนังสือมันบานง่ายมาก กูเห็นแล้วกูจะร้องไห้เพราะกูเป็นคนที่ถนอมหนังสือ(ที่ไม่ใช่หนังสือเรียน)มาก แต่ที่กูไม่ชอบเลยคือขอบกระดาษไม่เท่ากัน กูอ่านโลลิต้าแล้วรำคาญมาก บอกกูที สนพ เค้าทำเพื่ออะไร
ไม่รู้กูคิดไปเองหรือเปล่า กูว่าเรไรรายวันมันดูปลอม
มึงๆๆ ช่วงนี้กูเห็นคนแชร์การเก็บค่าฝากวางของซีเอ็ดกันเยอะเลย บ่นว่า เพราะแบบนี้นี่แหละ หนังสือเลยแพง
กูสงสัยมาก อัตราการขายหนังสือหน้าร้านมันเยอะแค่ไหนวะ เห็นคนชอบรองานหนังสือกับสั่งผ่านเว็บ กูเองก็จะซื้อผ่านนักเขียนเพราะจะเอาลายเซ็นและส่วนลด ถ้าอัตราการขายได้กว่าช่องทางอื่นมันไม่เยอะ ทำไมต้องไปง้อมัน เปลี่ยนโมเดลขายเองไม่ดีกว่าเหรอ
>>136 เรต 40-45% ของราคาหนังสือ
คือส่วนที่จะต้องถูกหักไปกับระบบสายส่งและการวางแผง
และต้องรอรับเงินไปอีกหลายเดือนกว่าจะได้เงินสด
อีกทั้งยังมีกำหนดการวางด้วยว่า ให้วางขายได้กี่เดือนจึงจะเรียกเก็บกลับคืนสนพ. ไม่ได้วางได้ตลอดเวลา เพราะมีปัญหาเรื่องสต็อกหนังสือที่จะมีเข้าร้านตลอด
ส่วนงานหนังสือคือสนพ.จะได้เงินสดเต็มเม็ดเต็มหน่วย เมื่อหักส่วนลด 10-20% และได้เงินสดคืนกลับมาหมุนเวียนได้เร็วที่สุด
ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่สนพ.เล็กๆ หรือเรื่องเปิดใหม่ต้องเน้นขายที่งานหนังสือก่อน
ส่วนซีเอ็ดเก็บค่าฟรีจากยอดส่งตามจำนวนเลยไม่ใช่ยอดขายราคาเดิมคือ 1% จากข้อมูลเก่า
คือไม่ว่าจะขายได้ไม่ได้ก็คิดค่าวางแบบเหมารวมเลย
เช่นเอาไปฝากขาย 1000 เล่ม ราคาปก 300 บ. ก็จะมีค่าเก็บส่วนนี่ 3000 บ. ไม่ว่าจะขายได้กี่เล่มก็ตาม
อ่านแล้วเข้าใจว่าทำไมวงการหนังสือคนถึงหายไปเรื่อยๆ
ระบบบ้านเรากูว่าแม่งผิดตั้งแต่มีงานหนังสือลดราคาเยอะๆ ละว่ะ
ตามที่กูเข้าใจงานหนังสือสำหรับตปท. มีไว้สำหรับร่วมลงทุนในธุรกิจอะไรแบบนี้
>>140 เราชอบงานหนังสือนะ แต่เราไม่ชอบซีเอ็ดนานแล้วไม่เข้าร้านน่าจะเกิน 10 ปีแต่เข้านายอินทร์ คิโนะ
งานหนังสือเป็นอะไรที่ชอบมาก เดินหาหนังสือเก่าก็ไม่ต้องไปถึงร้านเขาเอามารวมกันที่งานเลย หนังสือหายากก็หาเจอในงาน หนังสือใหม่ก็ลดราคา ซื้อกับสำนักพิมพ์เลยได้เจอนักเขียนด้วย มีสัมมนากิจกรรม ของแถมมากกว่าร้านข้างนอก ถ้าไม่ไปวันที่คนเยอะๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย
ตั้งแต่รู้ว่าซีเอ็ดกินส่วนแบ่ง 40%ก็พยายามเลิกซื้ออ่ะ หันมาสั่งออนไลน์หน้าร้านแทน ได้ส่วนลดแถมสนพ.ได้กำไรเต็มๆ ปีที่ผ่านมากูหมดกับ Readery เป็นหมื่น ซีเอ็ดนี่ซื้อเฉพาะเล่มที่ไม่มีให้สั่งออนไลน์
>>145 ถ้าซื้อทีละเยอะๆ กูก็สั่งกับ readery เหมือนกัน แต่ถ้าเล่มเดียวหรือสองเล่มสนพ.เดียวนี่กูสั่งกับสนพ.ไม่ก็ตัวนักเขียนเลยว่ะ
อยากรู้ว่ายอดไม่ถึง 1,000 บาท RDR คิดค่าส่งยังไงวะ กูสั่งแต่ละครั้งพันกว่าทั้งนั้น เสียดายค่าส่ง ๕๕๕ ถ้าไม่แพงกูอาจจะลดยอดลง และจำได้ว่าแต่ก่อนยอดขั้นต่ำมันหกหรือเจ็ดร้อยนี่ละมั้ง ไม่รู้มาขึ้นพันตั้งแต่เมื่อไหร่
>>146 เห็นข่าวจะย้ายมาหลายปีละเหมือนกันว่า 0จะปิดปรับปรุง แต่งานมีนา-เมษายังจัดที่เดิมอยู่ ถ้าย้ายไปเมืองทองจริงกูคงโบกมือลาว่ะ ไกลไปเดินทางลำบาก ถ้ามาไไบเทคยังสะดวกกว่า
จริงๆเรื่องค่าหัวคิว นายอินทรผืก็เก็บเหมือนกันไท่ใช่เหรอ พวกค่าวางชั้นงี้ 40-50% เหมือนกัน แต่ส่สนตัวแล้ว ถ้าไม่ได้ซื้อกับสนพ.โดยตรง กูก็เข้านายอินทร์แหละ กูชอบบรรยากาศมากกว่าซอ. แถมหนังสือเยอะกว่าด้วย ซอ.เหมือนจะเน้นพวกฮาวทู หนังสือเรียนซะมากกว่า แต่ตามปกติแล้วขนาดเดินงานหนังสือ กูก็ยังไปซื้อที่บูธสนพ.โดยตรงมากกว่า ทั้งๆที่รู้ว่ามีบูธอื่นที่ราคาถูกกว่าของสนพ.อะ กูมีความรู้สึกอุ่นใจกว่ายังไงก็ไม่รู้
เรื่องศูนย์ประชุม เห็นข่าวล่าสุดออกมาแล้ว ปิดปรับปรุงกลางปี 2561 แสดงว่าเหลือให้เดินได้อีก 3 ครั้ง
>>148 หกร้อย ส่งแบบพัสดุธรรมดา ส่วนพันนึงขึ้นนี่น่าจะส่งเคอรี่
ส่วนตัวยังไงก็ชอบซื้อหน้าร้าน หรือที่งาน สั่งออนไลน์ไม่บ่อย สั่งทีก็สั่งเยอะๆไปเลย สั่งถี่มันเสียค่าโอนนั่นนี่อีก อีกอย่าง เคยมีกรณีของหายทั้งที่ที่อยู่ถูกต้อง เลยเข็ด ไม่อยากสั่งบ่อย ส่วนขนส่งอย่างเคอรี่ก็มีเคสกล่องพัสดุโดนแกะ ทวงความรับผิดชอบไปจากทางครก็กริบ เห้อม
ตอนนี้ สนพ ใหญ่ๆก็ฝากขายกับหน้าร้านออนไลน์เยอะแล้วนะ ทั้ง Readery bookmoby ในอนาคตพวกร้านหนังสือก็หมดบทบาทไปเรื่อยๆ และพูดตรงๆก็สมควรหมดบทบาทด้วยว่ะ สมัยนี้มีเฟสบุคที่เอื้อกับการสร้างหน้าร้านออนไลน์ สนพ ควรเน้นตรงนี้เพื่อกำไรจะได้เข้าตัวเองเน้นๆ ใช้สื่ออนไลน์เชื่อมคนขายคนซื้อตรงๆไม่ต้องผ่านคนกลาง
ที่บอกว่างานหนังสือทำร้ายวงการสิ่งพิมพ์ เพราะคนรอแต่จะมาซื้อตอนวันงาน รอแต่จะรอซื้อราคาที่ลดแล้ว
กุว่ามันแค่ทำร้ายร้านหนังสือป่าววะ สนพ ได้ประโยชน์เต็มๆ เพราะไม่ต้องเสียค่าสายส่งค่าฝากร้าน ซึ่งในสังคมที่การอ่านอ่อนแอ ไงๆก็ต้องรักษาเสถียรภาพของ สนพ ที่เป็นต้นน้ำก่อนป่าว
ถ้าร้านจะเอาตัวรอดดึงคนเข้ามา คงต้องใช้กลยุทธิ์พรีเมียมเพื่อดึงคน แบบญี่ปุ่นที่มีการขายปกพิเศษหรือของแถมพิเศษเฉพาะร้าน
ตอนแรกกูไม่คิดอะไรกับเรไรแต่เห็นล่าสุดแฝงคติธรรมะด้วยกูตกใจว่ะ กูพยายามมองแง่ดีว่าเด็กมันได้รับการปลูกฝังมาดี แต่ถ้ามันคิดได้เองโดยไม่ศึกษาธรรมะมันเข้าขั้นอัจฉริยะเลยนะ แม่เขาอาจจะสอนมาดี แต่กูรู้สึกแปลกๆว่ะ เหมือนมันข้ามขั้นอ่ะ กูลองเปรียบเทียบกับธรรมชาติกูตอนเด็กๆโลกสวย พอประถมปลายถึงมัธยมต้นจะเริ่มดาร์กเริ่มเห็นโลก ม.ปลายเริ่มปรับตัว มหาลัยถ้าเริ่มคิดได้จะออกมาแนวธรรมะ ฯลฯ
แล้วแต่ประสบการณ์ชีวิต กูไม่ได้อิจฉาเด็กนะ แต่ระดับความคิดมันโตเร็วเกินไป ยังไม่ทันเบียวปลงได้แล้วอ่ะ 555 กูสรุปได้จากโพสสองอย่าง เด็กอัจฉริยะ ไม่ก็เขียนในสิ่งที่แม่ป้อน เฮ้อ ถ้าอย่างหลังสงสารเด็กว่ะ
>>153 ในห้องหนังสือสมัย Subculture กูเคยเสนอเรื่องการตรึงราคาหนังสือของฝรั่งเศส เมื่อเหลียวมามองที่ไทยแล้ว กูคิดว่ามันเป็นนโยบายที่ดีมากนะ
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2012/08/K12500111/K12500111.html
แม้ทุกวันนี้ร้านหนังสือระดับคลาสสิคของฝรั่งเศสก็เริ่มล้มบ้างแล้ว มันสู้กับโลกออนไลน์ยาก แต่ตัวนโยบายมันยังมีข้อดีของมันอยู่
พวกมึง เก้าแต้มทิ้งสถาไปอยู่กับ Groove แล้วเหรอ เห็นในเพจ
มึง ทำไมชายแพศยา ของว.วินิจฉัยกุล ไปอยู่กับอรุณวะ งงว่ะ
ถามนิสนึง พอดี กุไปเจอข่าว ว่า สนพ บัทเตอร์ฟลาย ไม่จ่ายค่า บก กะ ค่าวาดภาพประกอบ จริงหรือ -_-)
คือกูชอบงานค่ายนี้มากนะ ถามตรงนี้ได้ป่ะวะ
กุไม่ค่อยเข้าใจ สนพ แซลมอน เท่าไรเลยว่ะ ประมาณว่ากุอ่านคำโฆษณาหนังสือของมันบนหน้าเฟสมันไม่รู้เรื่องอะ ดูจงใจประดิดประดอยคำ กุมองว่าอธิบายเวิ่นเว้อฟุ่มเฟือยเต็มไปด้วยอารมณ์ ทั้งๆที่ไม่ใช่นิยาย
คอนเซปของ สนพ คืออะไรกันแน่วะ
>>158 เพิ่งได้อ่านเรไรเมื่อไม่กี่วัน จากประสบการณ์ส่วนตัวช่วยหลานเขียนไดอารี่ส่งครูทุกวันมาหลายปี
อ่านแล้วเดจาวูตัวเองมาก แบบช่วยคิดคอนเซปท์ให้ โน้มน้าวโดยการป้อนข้อมูลบางอย่าง กระตุ้นให้คิดตาม บางวันมีเหตุการณ์น่าสนใจหลายเรื่องก็เก็บไว้ใช้ในวันอื่นๆ เพราะไม่ใช่ทุกวันที่มีเรื่องน่าสนใจ
ทั้งหมดทั้งมวลถ้าน้องเค้ามีสติปัญญาเลิศทางด้านการสื่อสาร เข้ามนุษย์. เป็นหนึ่งใน8-9 อัจฉริยะภาพของคนก็ต้องขออภัยด้วยที่เข้าใจผิด
>>169 พี่กูเคยเจอตัวจริง เป็นเด็กฉลาดพูดเยอะพูดเก่ง แม่ก็พูดเก่งจุกจิกๆๆ
กูว่าก็เด็กแก่แดดรู้เยอะทั้วไปนี่แหละ บางคนดูละคร/อ่านหนังสือ/ฟังแม่คุยเยอะก็จะศํพท์เยอะชาวบ้าน แต่เห็นด้วยว่าการเรียงประโยคบางอันมันเกินความคิดเด็กจริงๆ อ่านแล้วข้อสงสัยเยอะกูเลยไม่อ่านแล้ว
พี่ที่ทำงานก็ชอบมากยิ่งพวกที่มีลูกจะชอบกันมาก ชอบอ่านแล้วมาเล่าให้ฟัง กูฟังเค้าเล่าอีกทียังคิดเลยว่าน่าจะมีคนป้อนข้อมูลให้
อห. เจ้กัลแกลงเนื้อเรื่องนิยายใหม่ไม่ถึง 10 ตอนเปิดพรีอาร์ตบุ๊คร้อยกว่าหน้าราคาเล่มละพันสอง ช่วงนี้ดูขยันปั่นเงินดีว่ะ แต่ที่อึ้งก็ตรงนิยายขายกับสถา อาร์ตบุ๊คขายเอง กูงง แบบนี้ก็ได้หราวะ
อาร์ทบุ๊คenferราคาแค่800 ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลย
ร้านนายอินทร์สาขาCTW เพิ่งจะปิดตัวไป นี่จะปิดสาขาจามจุรีอีกละ
วงการร้านหนังสือจะมีเจ้าไหนที่ไปรอดบ้างเนี่ย
ถามในนี้ได้ปะวะ เห็นเอเวอร์วายของแจ่มเปิดตัวนิยายยูริเรื่องแรก ซึ่งคนเขียนก็คือนักเขียนเก่าในสนพ.ที่เคยเขียนนิยายอีโมติค่อนสมัยก่อน คิดว่าไงกันเพื่อนโม่ง
กูแค่อยากรู้งานเขียนนางโอเคไหม หรืออีโมเพียบเหมือนเดิม คือกูไม่เคยอ่าน ได้แต่ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาตลอด
>>>/fanboi.ch/801/3814/915-926
คุยกัน บ่นกัน เม้าท์กัน เรื่องหนังสือ
ไม่อ่านเจอภาษาไทยดีบ้างเลยเรอะ
คำว่า... กู... มึง...สุภาพชน คนอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ เขาใช้กันเนอะ...
ถ้าคิดว่าเป็น...ภาษาพ่อ...ภาษาแม่...ก็ใช้ไปเถอะ...คนอ่าน(คนอื่นๆ)จะได้รู้กำพืด
มากาคำสุภาพในโม่ง ถถถ เหมือนไป ธวล แล้วบอกว่าไม่อยากอ่านเรื่องเสียว
โม่งใหม่มั้ง
กูนี่ชีวิตจริงใช้ชั้น/เรา/เธอ/แกตลอด มาโม่งแรกๆใช้เรา รู้สึกประดักประเดิกผิดที่ผิดทางมากๆ อยู่ไปอยู่มาชินซะงั้น
โม่งแม่งตลอดตรงที่ทุกคนพูดกูๆเมิงๆกันหมดเนี่ย แยกไม่ออกอีกใครเป็นใคร
จะสุภาพหรือไม่สุภาพมันก็ไม่เกี่ยวกับความดัดจริตนะสำหรับกุ มันเกี่ยวกับเนื้อความที่ต้องการจะสื่อออกมาจริงๆมากกว่า
เหมือนบอกว่า บิดาท่านมรณะแล้ว ฟีลลิ่งก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าพ่องตายเท่าไหร่ จะดัดจริตมันขึ้นอยู่กับสันดานส่วนตัว โทษภาษาอย่างเดียวไม่ได้
ดูก็รู้ว่าโทรลอย่าให้อาหารสิ
คิดยังไงกับการ pre-order ที่นักเขียนเลื่อนกำหนดส่งเรื่อยๆด้วยเหตุผลสุดฮิต เช่น คนในครอบครัวตาย/ป่วยหนัก ตัวเองป่วย คอมพัง ไฟล์หาย
>>207 แต่ก่อนกูด่าพวกนั้นเยอะ พอมาเจอกับตัวเองกูเลิกด่าเลย ของกูเปิดด้วยญาติกูเป็นมะเร็งต้องผลัดเวรไปโรงบาล จู่คนในครอบครัวอีกคนกูก็ตาย พอเผาเสร็จตัวเองป่วยไข้ขึ้น ฟื้นไข้ได้คอมพัง เครมคอมหาตัวสำรองมาใช้วาคอมเสีย ยอมซื้อวาคอมใหม่ฮาร์ดดิสก์สำรองกูอ่านไม่ได้ แม่งกว่าจะกู้ไฟล์ได้คอมได้กลับมานึกว่าจะหมดแล้วแอร์ห้องกูเสียอีก
ตอนชีวิตบัดซบมันบัดซบจริง
>>207 ต้องแยกว่าเหตุผลที่ว่าจริงหรืออ้างเพื่อแถไปวันๆ
เพราะเคยเจอที่มีเหตุแบบนั้นจริงกับโกหกว่าป่วยว่าตาย ซึ่งอย่างหลังนี่ยอมใจว่ามึงช่างกล้าอ้าง ไม่ได้คิดเลยว่าแช่งตัวเองหรือพ่อแม่บุพการีอยู่ ดูออกว่ะ แต่ถ้าเขาป่วยหนักจริง มีญาติตายจริง อันนี้กูเห็นใจนะ แต่ก็ต้องดูขอบเขตระยะเวลาด้วย ไม่ใช่ตายมาเป็นปีแล้วยังนั่งทำใจ ดรามาไม่เลิก ก็ตายตามๆ ญาติไปเหอะ
>>207 ถ้าเหตุร้ายแรงเช่นป่วย ตายพวกนี้ก็รับได้ เพราะสุดวิสัยจริงๆ แต่คอมเจ๊ง ไฟล์หาย อันนี้ไม่โอเคอย่างแรงเพราะถือว่าอยู่ในความรับผิดชอบของนักเขียน ซึ่งควรจะต้องแบ็กอัปไฟล์หรืออะไรก็ว่าไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต่อให้เป็นเหตุสุดวิสัย ถ้ามาขอเลื่อน "เรื่อยๆ" ก็ไม่โอเคเหมือนกัน
กูขอยกตัวอย่างเคสเจ๊อาโออิละกันที่เอาเงินค่าพรีกูไปดองเล่นมาปีกว่า คือเหตุผลที่นางยกมาก็ดูสุดวิสัยอะนะ ญาติป่วยนู่นนี่นั่น รอบแรกๆกูก็โอเค ไม่ได้อะไร แต่หลังๆ นางบอกกำหนดเสร็จทีไร ไม่เห็นจะเสร็จจริงอย่างปากว่าซะที ก็มีแต่ขอโทษแล้วแจ้งกำหนดใหม่ ซึ่งก็ไม่เสร็จซะที วนลูปซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่นแล้ว มันดูไม่โปรอย่างแรง พูดอะไรก็มีแต่ลมปาก ไม่พยายามรักษาคำพูดตัวเองเลย คือถ้าบอกมาแต่แรกว่าจะเลื่อนไปเลยนานๆ 6 เดือนปีนึงก็ยังว่าดีกว่ามาบอกเลื่อนทีละเดือนๆ บ่อยๆอย่างที่ทำมานี้ เหมือนมาหลอกให้กูดีใจ สุดท้ายก็เก้อผิดหวังซ้ำๆ กันหลายครั้งอะ
>>211 ถ้าคิดแบบนี้เวลาพ่อแม่ตายก็อย่าลาหยุดนะ เขาขายหนังสือให้มึง ไม่ได้ขายชีวิตให้ คิดเอาแต่ได้สัดๆ เลย
อ้อ Perfectionist ไม่จำเป็นต้องรักษาเวลาเสมอไปนะ คูบริคทำงานเกินเวลาไป 2 ปี ใครกล้าด่าป๋าว่าไม่ใช่ Perfectionist บ้างละ ความหมายหลักๆ ของมันคือชอบความสมบูรณ์ ซึ่งก็ทำเพื่อสนองตันหาของตัวเอง ไม่ได้มีหน้าที่สนองตันหาคนดูซักหน่อย พวกดาวินซีหรือมิเกลันเจโล่ก็แบบนี้ บางทีทำงานค้างไว้เป็นปีก็มี
>>214 แต่กูกลับเห็นด้วยกับ >>211 นะในประเด็นที่ว่า perfectionist ควรจะตรงต่อเวลาในการทำงาน ควรแยกแยะให้ออกอ่ะ ไม่ใช่เลื่อนไปเรื่อยๆหาเหตุผลอ้างแถไปวันๆ คนประเภทนี้ต้องเป๊ะ จะไม่ยอมให้เกิดอะไรที่ผิดพลาด อย่างตอนปก ซค ของอาโออิ ที่ตอนแรกออกมาสีเพี้ยน ทั้งที่ ตย ปกแกกูหาสีม่วงไม่เจอะเลย มันต้องมีการตรวจงานเว้ยย แล้วเอาไปดองข้ามปีแบบนี้บอกตรงๆกูก็ไม่ชอบนะ
ถ้าตาย/ป่วยจริงก็เห็นใจนะ แต่ต้องมีระยะเวลาที่เหมาะสม คิดง่ายๆเทียบกับคนทำงานบริษัท/รับราชการ/ฟรีแลนซ์ จะหยุดก็ได้ในเวลาที่กำหนด เช่น มีโควตาพักร้อนปีละ 10 วัน ลาป่วย 10 วัน ก็หยุดได้ 20 วัน รวมส.-อา.ก็เดือนนึง แต่เลื่อนไปเป็น 3-4 เดือน 6 เดือน ปีนึง มันก็ไม่ใช่ป่ะวะ ถ้ามีบริษัท/ราชการไหนที่ทำแบบนี้ได้แล้วไม่โดนเชิญออก ยกตัวอย่างให้ฟังที อ้อ ยิ่งฟรีแลนซ์ ถ้าขอเลื่อนงานไปเรื่อยๆ โดนบอกว่าอยากให้งานเป๊ะที่สุด ทั้งๆ ที่รับเงินลูกค้ามาแล้ว ไม่เสร็จตามกำหนดเลทไปเป็นปีๆ โดนยกเลิกสัญญาจ้างไปเป็นชาติแล้ว ไม่โดนฟ้องผิดนัดสัญญาส่งมอบงานก็บุญหัวละ ขนาดราชการ ผู้รับเหมาทำงานไม่เสร็จตามกำหนด แต่ไม่ทิ้งงาน ยังโดนบัญชีดำเลย
Perfectionistทุกอย่างยกเว้นเวลาที่ตัวเองกำหนดว่างั้น
>>219 ก็มันทำเพื่อสนองความ Perfectionism ของตัวเองนิ ไม่ได้สนอง Perfectionism ของคนอื่น คนอื่นไม่พอใจก็ไม่พอใจไป กูพอใจของกูก็พอ อย่างคูบริกขนาดเลยเส้นตายไปเป็นปียังกินอิ่มนอนหลับ ผลาญเงินทำหนังไม่จบไม่สิ้นจนกว่าตัวเองจะพอใจเลย แต่บอกก่อนนะว่าผลงานของคูบริกไม่เคยขาดทุนและคำชม พอๆ กับคาเมรอน มีตัวเองเท่านั้นที่สั่งได้ว่างานจะเสร็จเมื่อไหร่
>>214 กูยอมรับนะ กูอาจจะไม่เห็นใจ นข. เรื่องนี้ แต่กูยอมรับเวลากูซื้อของจ่ายเงินไป กูอยากได้ของเร็วๆ อีกอย่าง นส.เรื่องนึงไม่ใช่บาทสองบาทนะมึง ที่พรีๆไปราคาแพงๆทั้งนั้น เหมือนเงินไปจมอ่ะเป็นปีเป็นชาติ ของก็ไม่ได้สักที ไม่รู้จะได้เมื่อไหร่ เอาตังไปเปย์นส. สนพ อื่นได้หลายเล่ม ในเมื่อ นข. จะเปิดพรี ก็ต้องมั่นใจในตัวเองระดับนึงแล้วว่ามีฐานแฟนคลับรออ่าน ก็ต้องทำงานออกมาให้ตรงตามกำหนดดิวะ นข.ก็ควรใจเขาใจเราเห็นใจนักอ่านด้วยเหมือนกัน ทางที่ดีรอให้เสร็จสมใจแล้วค่อยออกขายดีกว่า
บางคนอาจจะบอกว่าถ้ารอไม่ได้ ก็ขอคืนเงินสิวะ แต่ความจริงแล้วนักอ่านอย่างกูไม่อยากขอเงินคืนหรอก กูอยากได้หนังสือโว้ยยย
>>221 กูแย้งเรื่อง Perfectionist ที่โม่งข้างบนบอกว่า Perfectionist=ทำตามเส้นตาย กูแย้งว่าไม่ใช่ เพราะเส้นตายสำหรับพวกนี้คือเมื่อตัวเองพอใจ ไม่ใช่คนอื่นพอใจ เพราะเมื่อตัวเองพอใจ มันจึง Perfect ง่ายๆ แค่นี้ละ
>>224 เขียนแบบนี้ไม่มีปัญหาอะไร แต่มึงเขียนก่อนนี้แบบเห็นแก่ตัวมากว่าต่อให้โคตรพ่อโคตรแม่ตายก็ต้องมาเขียนนิยายให้มึง ใช้สติตรองดูหน่อย ถ้ามันจำเป็นจริงๆ ก็ปล่อยเขาไปก่อน มึงเป็นแค่ลูกค้า ไม่ใช่พ่อแม่ ไม่ใช่พระเจ้า ถ้ามึงบอกว่าเป็น กูจะจ้างมึงไปฆ่าตัวตายเดี๋ยวนี้ ให้ตั้ง 5 บาทเลยนะ
กุอ่าน game of throne แปลไทยหมดแล้ว รู้สึกอึดอัดกับการแปลว่ะ บ่น+ถกในกระทู้นี้ได้ป่าววะ หรือต้องไปที่อื่น
Ky กูชวนคุยๆ พวกมึงตาม นข ไทยรุ่นใหม่คนไหนบ้าง ที่แบบว่าเห็นชื่อมึงก็ซื้อได้เลย ไม่ต้องดูคำโปรย ของกูมี ร่มแก้ว อุมาริการ์ อุธิยา ภัสรสา
>>229 คนที่ซื้อทุกเล่มก็มีกิ่งฉัตร ส่วนดวงตะวันไม่อ่านเซ็ตราชสีห์ แต่พวกนี้ก็รุ่นใหญ่แล้วเนอะ อีกคนก็รอมแพง คนนี้ไม่รู้นับไว้รุ่นไหนดี
ส่วนรุ่นใหม่หน่อย คนในลิสต์มึงเป็นคนที่กูชอบเหมือนกันแต่ไม่ถึงขนาดออกแล้วซื้อทุกเล่ม อย่างร่มแก้ว 2 เรื่องหลังที่เพิ่งออกมาก็ไม่ใช่แนวเท่าไหร่ อุมาริการ์ตอนนี้กูสนใจเรื่องที่นางเอกเป็นนกอะไรซักอย่างที่จะออกกับคำต่อคำ อุธิยาเคยอ่านเชิงรักฯกับบุพเพฯ ก็โอเค แต่ช่วงนี้กองดองสูงเลยยังไม่ได้ตามเรื่องอื่น ภัสรสานี่น่าจะซื้อเยอะสุดละมั้ง ชอบตั้งแต่สมัยเป็น yayoi ตอนนี้ก็รอเรื่องเทพๆ อะไรของเค้าอยู่
นอกจากพวกนี้ที่ชอบก็มี Andra เรซิน ที่ถ้าเห็นชื่อก็หยิบมาดูก่อน แต่หลังๆกูไม่ค่อยตะบี้ตะบันซื้อเหมือนเมื่อก่อนละ เวลาอ่านก็ไม่ค่อยมี ก็จะดูพวกพล็อตไรงี้ว่าถูกใจมั้ย
>>229 ของกูร่มแก้ว กูผิดหวังกับต้องมนต์ราตรี กับรัตติกาลอะไรน่ะ อ่านแล้วไม่โอเคเลยว่ะ เลยขายไปอย่างรวดเร็ว อัญชรีย์ด้วยหลังๆก็ไม่สนุก ผิดหวังมากก ตะก่อนก็เหมือนมึงนะซื้อหมดถ้าเจอคนเขียนที่ชอบ เดี๋ยวนี้ไม่แล้วว่ะ เช่าอ่านก่อนค่อยเก็บ เดี๋ยวนี้หนังสือแพงด้วย ไม่ก็รอรีวิว บางทีร่วิวก็เชื่อไม่ได้
แต่ก่อนกูชอบภัสรสามาก รู้สึกหลังๆมางานเขาไม่ค่อยถูกชะตาถูกแนวกูยังไงไม่รู้ว่ะ เสียดายจัง
พวกมึง ใครเคยเป็นอย่างกูบ้างวะ เวลาเจอตัวจริง นข. ที่ชอบเวลาไปงานหนังสือ พอกลับมาจากงานความชอบ นข. กูลดลงทุกครั้งเลยว่ะ นข. บางคนอัตตาสูงมาก จนกูกลัว แบบมีกำแพงระหว่างนักอ่านกับ นข. ทั้งรุ่นครู รุ่นใหม่เลยว่ะมึง กูเคยไปขอลายเซ็นต์แล้วแบบหยิ่งมาก หลังจากนั้นกูเลยเลิกขอลายเซ็นต์นักเขียนทุกคนเลย กลัวจะเสียความรู้สึก
>>238 กูจะเอ่ยชื่อดีไหม ตอนแรกเสียความรู้สึกจนอยากจะเลิกอ่านอ่ะ อันนี้รุ่นครูเลย คนแต่งจ.บ้านจ.เรือน กูอ่านงานเค้าทุกเรื่อง ซื้อทุกเรื่องทั้งสองนามปากกา พอกูเจอเค้าให้เค้าเซ็นต์ หยิ่งมากมึง มองกูแบบสายตายังไงบอกไม่ถูก พอเซ็นต์เสร็จกูแบบกูจะเลิกซื้อนิยายเค้าเลย แต่สุดท้ายกูก็ทำไม่ลง เพราะงานเขียนเค้าคุณภาพ พอไปซื้อทีนี้คนขายถามว่าจะให้ท่านเซ็นต์ไหม กูบอกเลยทันทีว่า ไม่
อีกคน รุ่นเล็กค่ะมึง คนนี้เกลียดเลย เลิกซื้อเลิกตามจริงจัง คนอวยแค่ไหนก็เท แต่งนิยายผี
>>239 ลืมพิมพ์ คนน่ารักที่กูเจอก็มีเหมือนกัน ดอกปอป ไง ถึงพวกมึงจะชอบด่าเค้า แต่กูเป็นติ่งเค้า เค้าน่ารักมากตอนกูขอลายเซ็นต์ เป็นคน nice อาะ อีกคนป้า กฉ คนนี้น่ารักมาก พูดดีกะกูสุด ดตว ด้วย คนนี้ก็ดียิ้มสวย แต่ที่พูดมากูชอบดอกปอปที่สุด จำไม่ลืม ถึงกูจะไม่ได้ตามงานนางแล้ว
กูรู้จัก นข สนพ หนึ่งผ่านเฟส เบื่อความมั่นหนา ตัวเองอ่านหนังสือน้อยจะตาย ห่า ทำเป็นกระแดะวิจารย์กหนังสือวรรณกรรม โถ่ นิยายมึงมันขยะเปียก ยอมรับเถอะ
>>246 ใช่เลยมึงง กูเองนะ
กูว่าเวลานางโพสต์ลงเฟสต์ดูเป็นคนแรง คำพูดคำจาแรง มั่นใจในมันสมองตัวเองมาก มึงลองไปหาเฟสของนางย้อนไปเยอะๆ นางเป็นคนเยอะ ตั้งแต่เรื่องสาปแล้ว กูอ่านตอนนางแก้ตัวเรื่องเทพกรีกบอกตรงๆ คำพูดดูเหมือนซอฟต์ แต่แอบแรงงแฝงอยู่ โพสต์ที่เอาเด็กมายกมือไหว้อ่ะ เหมือนประชดประชันยังไงบอกไม่ถูก คนขอโทษกูว่าน่าจะใช้คำพูดให้อ่อนลงกว่านี้นะ เหมือนประชดว่าจะไม่เปิดพรี ความจริงเปิดได้เปิดไปเหอะ แต่ต้องพัฒนาปรับปรุงตัวใหม่ ฐานฟค ก็มี ติ่งนางเยอะอยู่ มึงลองเลื่อนหาอ่านดูเลยนะจะรู้ว่า นข. คนนี้แรง
พวกมึง ใครอ่านฤารักฉัตราบ้าง กูฟิน นข คนนี้มากเลยว่ะ
KY มึงกูแค้นสนพ สถาว่ะ กูซื้อตอนมันออกราคาเต็มหลายเรื่อง แม่งชอบมาจัดโปรบุฟเฟต์ ขายถูกๆแม่งโคตรหักหลังกูเลยว่ะ หลายเรื่องในบ้านกูเลยกูจะร้องว่ะ
>>260 โปรพวกนี้ขายเอาค่าพิมพ์คืน ส่วนใหญ่ขายจนคืนทุนก่อนแล้ว หนังสือครับว่าจัดเก็บปีนึงๆ ไม่น้อย ยิ่งเก็บเท่ากับบวกทุนลงไปในเล่ม โกดัง สนพ.ใหญ่ๆ มีหนังสือหลายแสนเล่ม ในกระบวนการของหนังสือเล่มนึง กูว่าร้านค้าสบายสุด เลือกได้ กำไรเยอะกว่าใครๆ รันทดสุดคือนักเขียน เดี๋ยวนี้เลยเห็นนักเขียนไปทำอีบุ๊คเองมากขึ้น แต่เสียดายที่ราคาอีบุ๊คไทยแพงไป เพราะคนเขียนไม่ได้ตั้งเป้าตามต้นทุนที่ควรเป็น เหมือนคิดว่าต้องได้เท่ากับที่เคยได้กินเท่าที่อยากได้มากกว่า แต่ก็อีกแหละ มีปลิงมีปลวกคอยฉกฉวยเอาเปรียบ ต้องบวกค่าความเสี่ยงไปอีก สุดท้ายกรรมอีกส่วนมาตกกับคนอ่านตัวจริง
อีบุ๊คไทยหรือทั่วโลก ปกติโดนค่าแอป ค่ายผลไม้ไป 30%
หรือคนที่ซื้อ เป็นเครื่องแอนรอยส์หรือ PC ก็จะมีท่าบริการ+ค่าเว็บท่า คิดเป็น 1 ใน 3 ของราคาตามปกติ
บวกยอดโหลดวงการหนังสือบ้านเรา ต่ำมากแค่หลักร้อยกว่า นักเขียนก็ดีใจแล้ว เรื่องดังๆ ยังไปหลักพันโหลด
เมื่อคิดราคาต่อค่าแรงที่นักเขียนจะได้แล้ว
ราคาอีบุ๊คไทยเลยเป็นแบบนี้
สว่นต่างประเทศ เค้าหวังเป็นหลักหมื่นหลักแสนโหลด ต่างกันหลายสิบเท่า ถึงทำให้ราคาหนังสือเมื่อเทียบค่าครองชีพมันถูก
สรุปว่ามันมีเรื่อง หน่วยจำนวนที่ขายได้น้อย แปรผันต่อราคาอยู่
เหี้ย กุขอด่าคนอ่านบ้างเหอะ โรคจิตฉิบหาย กูเขียนนิยายทำมือขาย แล้วอีห่า กุส่งของเรียบร้อย แจ้งเลขแล้ว เหยดแม่ ทวงของกะกูยิกๆตั้งแต่วันที่กูแจ้งเลข
ของยังไม่มา ทำไมของช้า ดอกเถอะ คนที่จ่ายค่าส่งด่วนก็ถึงก่อนสิคะ ขอมึงลงทะเบียนก็ช้ากว่าสิวะ
แม่งไม่จบ ของถึงช้ามากค่ะ สั่งกะนข.คนอื่นป่านนี้ได้นานแหละ เช็คเลขในเว็บก็ไม่เห็นจะเคลื่อนไหวเลย โกงกันรึเปล่า
กูนี่กลอกตามองบน เลขลงทะเบียนมันเช็คได้เเค่ปลายทางต้นทางว้อย
กูปลอบให้ใจเย็นๆ ของมันจะไปภายในเวลาที่ปณ.กำหนดนั่นแหละ ผ่านไปอีกวัน มาด่ากูสาดเสียเทเสียหน้าเพจ ด่าว่าของแม่งมาช้า มันช้าเกินไปแระ ส่งจริงรึเปล่า กูขึ้นเลย แต่แม่งคนอ่านมันคือเทพบุตรเทพธิดาไง กูก็ต้องตอบหวานๆ
แล้วไงต่อ อีดอก ตกบ่ายแชทมา ของถึงแล้วค่ะ ขอโทษที่โวยวายนะคะ
อ้าว แล้วที่มึงแว้ดใส่หน้าเพจกูล่ะ ไม่ไปแก้
อีฉิบหาย เฮ้อโล่ง
สถานการณ์ของสนพ.ผีเสื้อนี่คิดไงกันมั่งวะ หนังสือคุณภาพทั้งนั้นหายไปเสียดายนะเนี่ย เฮ้อ
พูดถึงนักเขียนที่มั่นหน้ามั่นโหนกตัวเองนี่ สำหรับกู อ_ริต_ ลอยมาเลยพวกมึง ไปดูเฟสนางได้ นางยกหางตัวเองตลอด แล้วก็มีโพสแขวะจิกกัดคนอื่นอยู่เรื่อย กูไม่เคยอ่านงานนางจริงจังนะ เคยแต่โหลดตัวอย่างจาก meb มาอ่าน สำนวนเขียนล้าสมัย แล้วนางกล้าใช้คำว่าเขียนนิยายแบบยั่งยืนมาเปิดคอร์สสอนคนอื่นได้ไงวะ
อ้อ ต้องบอกก่อนว่าดราม่าขโมยงานไม่เคยได้ยิน แต่ที่แน่ๆ คือเล่นแง่ จ่ายค่าลิขสิทธิ์งานแปลไม่ครบ (ประมาณว่า พิมพ์มาแล้ว 10 ครั้ง ซึ่งถ้าคนที่มีศีลธรรมจรรยาปกติเขาก็จะต้องจ่ายเงินนักแปลในทุกครั้งที่พิมพ์ซ้ำ แต่ผสเหรอ ไม่จ้า พิมพ์ในหนังสือว่า พิมพ์ครั้งที่ 1,2,3 แต่ความจริงแล้วนั้น พิมพ์ซ้ำครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้) แถมพอนักแปลเขาจะเอางานไปพิมพ์กับค่ายใหม่ ก็เอาหนังสือนั้นที่อยู่ในคลังของตัวเองออกมาแจก พอคนในวงการออกมาแหกมากเข้าก็เลยต้องแบกหน้าออกมาบอก 'ถ้าค่ายใหม่พิมพ์หนังสือเสร็จจะขอซื้อตามจำนวนที่แจกไป' หรา ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ยินจากบรรณาธิการค่ายใหม่นั้นเลยว่าผสมาขอซื้อ ผิดๆ ต้องบอกว่าค่ายใหม่ที่ว่า เขาไม่ขายให้จ้า หักหน้าเขาขนาดนั้น แถมตัดโอกาสในการขายเขาไปอีก (ลองคิดดูนะ หนังสือเรื่องเดียวกัน แปลโดยนักแปลเดียวกัน แต่คุณได้มาฟรีๆแล้วเล่มนึง จะควักเงินซื้อเล่มใหม่เหรอ)
ตัวบกคนปัจจุบันก็ใช่เล่นนะจ๊ะ จะบอกว่า เรื่องฉาวๆ กำเนิดเกิดจากยุคบกคนนี้ทั้งน้าน ผส เคยเป็นสำนักพิมพ์น้ำดีมากๆแห่งหนึ่ง น่าเสียดาย พอเจ้าของคนเก่าทยอยเสียกันไปทีละคนจนตอนนี้ผสตกมาอยู่ในบังเหียนของบกคนใหม่คนปัจจุบัน น่าเสียดายจริงๆ หนังสือในมือน่ะดีๆทั้งนั้น แต่คนทำงานดัน... เห้อ เอาเถอะ จะหายไปก็ดี เพราะตัวบกคนใหม่ก็ทัศนคติไม่ดีเท่าไหร่ แอนตี้เทคโนโลยี แถมพฤติกรรมการทำงานก็ฉาวโฉ่ เห้อ ยิ่งพิมพ์ก็ยิ่งเสียดายจริงๆ
หาลิงก์ไม่เจอ แต่จำได้ว่าเรื่องนี้เคยลงเพจดราม่าแอดดิคด้วย นานมาแล้วแหละ ลองหากันดูแล้วกัน
แล้วแต่ วิจารณญาณ ไปดอยมาจากเฟสมิตสหายท่านหนึ่ง
มึงไม่คุยกันกุลืมไปแล้ว. สาทุบุล
* เรื่องขำขันของคนชอบตุ๋น https://goo.gl/gRDQoW :)
* ไม่ควรเรียนบรรณาธิการศึกษาที่ ม. บูรพา ที่สอนโดย มxD
- ตอน 1 https://goo.gl/Zna7IK
- ตอน 2 https://goo.gl/CEZoBV
- ตอน 3 https://goo.gl/2YHqNe
ผลงานที่ผ่านมา
* กรณีนามปากกาวาวแพร https://goo.gl/s4ezw6
เพื่ออรรถรสในการติดตามความคิดเห็นต่างๆ ให้ครบถ้วน ดูความเห็นก่อนหน้าได้ที่
-- ดูความคิดเห็น 1-100 https://goo.gl/K2bdcb
-- ดูความคิดเห็น 101-200 https://goo.gl/YpsWTH
-- ดูความคิดเห็น 201-300 https://goo.gl/CWG16h
-- ดูความคิดเห็น 301-400 https://goo.gl/zl7ZyL
* กรณีตั้งโครงการเฝ้าระวังหนังสือบริจาค ทั้งที่ไม่เข้าใจเรื่องการเสียภาษี https://goo.gl/HuXLqn (ดูความเห็น 15 และ 19)
* กรณีก็องดิด https://goo.gl/vsJWjN
* ของฟรีไม่มีในโลก https://goo.gl/Poz86J
* เปิดกรง https://goo.gl/77jYTR
* อยากอ่านหนังสือที่ระลึกงานศพคุณผกาวดี อุตตโมทย์ https://goo.gl/TQSb8T
* ระลึกถึงคุณผกาวดี อุตตโมทย์ https://goo.gl/Ss2sYS
ไหนๆก็พูดถึงผีเสื้อแล้ว ขอบ่นหน่อยแล้วกัน คนทำหนังสือในไทยนี่อีโก้กันเยอะจริง มีเรื่องให้เม้าเยอะ ไม่ใช่แค่บกผีเสื้อคนนั้นหรอกที่น่าสับ พวกที่ทำงานวรรณกรรม literary นี่ตัวดี ชอบคิดว่างานของตัวเองดีกว่าใครๆ ไปดูถูกหนังสืออื่นว่าขยะบ้างไรบ้าง
แล้วพวกนี้เนี่ย ยกหางกันเอง อย่างนักแปลเซเลปหลายคนน่ะก็ใช่จะทำงานดี แต่ก็ใช้บริการกันจังเลย แหม่ ก็เข้าใจว่าสนิทกัน แฮงค์เอาท์กันบ่อยๆ แต่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจไว้หน้ากันขนาดน้าน ตัวเองเป็นบรรณาธิการแท้ๆ ดูไม่ออกเหรอว่าอย่างไหนเรียกแปลไม่ดี คนแบบไหนที่สกิลภาษาไม่ถึง เห้อ
กูไม่ชอบลุงผีเสือ ตอนนางเปรียบเทียบดินสอไม้ กะดินสอกด ฟังแล้วดูกลวง และอคติมากๆ เหมือนคนมองโลก ด้ายเดียว คือด้านที่ตัวเองอยากมองและยากให้เป็น
>>270 มีร้านหนังสือเก่าเอางานนางไปขายเล่มละ 20 บาท
นางวีนแตกฮะ ฟาดงวงฟาดงาไปหาเรื่องร้านถึงถิ่น ประมาณว่า นายกสมาคมฯ คนก่อนเป็นเพื่อนนาง กะว่าร้านนั้นต้องเกรงใจนาง เลิกเลหลัง หารู้ไหม ไอ้ร้านนั้นก็เป็นกรรมการสมาคมฯด้วยฮะ แถมพ่อของเจ้าของร้านนี้ (ที่เป็นกรรมการ) ยังอาวุโสขนาดนายกสมาคมฯคนก่อนยังต้องยกมือไหว้ (ถ้าลุงแกไม่ซื้อ หนังสือที่ค้างโกดังของทุกคนก็เน่าทันที แล้วนางเป็นใคร ถถถถถถถถถถ) อีกอย่างร้านมันไม่ผิด ก็สนพ.ดันเลหลังมาเล่มละ 3 บาท 5 บาทเอง นางก็ไม่กล้าวีนสนพ. ฮะ กลัวเขาไม่พิมพ์งานนาง
แต่นางแทงข้างหลังสนพ. เงียบๆ ด้วยการพิมพ์งานเองขายเองเลย
>>291 ต่อๆ
แล้ววันนึง นางไปออกบูธงานหนังสือเด็กฮะ แบบว่า ไม่ดูงานตัวเองเลย มึงจะขายหนังสือพวกนี้ในงานหนังสือเด็กนี่นะ ถถถถถ
แล้วนางก็ขายไม่คุ้มค่าบูธฮะ จากนั้น พอนายกสมาคมฯ คนก่อนไม่จัดงานเด็ก
นางโผล่มาเลยฮะ เห็นด้วยที่เลิกจัดงานนี้ เพราะไม่เห็นด้วยที่ไปจัดงานให้คนบางกลุ่มขายหนังสือได้ (แต่หนังสือนางขายไม่ได้ ถถถถถ)
ยังมีเคสบุกจับโรมานซ์ในงานหนังสือเมื่อ 7-8 ปีก่อนด้วยฮะ และนางอยู่เหตุการณ์ด้วยคนนึง และนางก็เอาตัวรอดแบบเนียนๆ
แต่กูไม่เล่าต่อล่ะ เพราะงานนั้นมีตัวละครไม่เยอะ เดี๋ยวโม่งแตก
เขาสอน แบบ มายา จริงๆ มึง ให้เด็ก ม หาลัยเขียนบันทึก ส่งด้วย แต่เด็กเขาก็ดูมีความสุขดีนะ แต่ก็นั่นแหละกูก็ไม่รู้ว่าเขาสอนจริงจังแค่ไหน พวกเป็น บก บางคนก็ไม่ได้จบเฉพาะทางมา ซะด้วย
>>295 กระทู้นั้นเงียบจริง ปกติตามอ่านเวลาเพื่อนโม่งคุยกัน สนุกดี บางทีก็ไปหาหนังสือที่คุยกันมาอ่าน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือเก่าแล้ว หายากอยู่
สนพ.นั้นเราก็ติดภาพลักษณ์เค้าเหมือนกัน คือเค้าพิมพ์งานดีๆ เยอะ ภาพจำมันเลยดี เราไม่รู้เรื่องภายในเค้าเลย แต่ดราม่าบางเรื่องเคยอ่านนะ เรื่องที่นามปากกาซ้ำกันแล้วเค้าออกมาวีนนั่นก็เคยอ่าน แต่ก็ไม่ได้เอาเค้าไปเชื่อมโยงกับบอกอคนนั้น หลังๆ ไปตามเพจสนพ. เห็นข้อความอะไรที่อ่านแล้วรู้สึกประหลาดๆ มันรู้สึกขัดแย้งเมื่อรู้ว่าเค้าออกหนังสือแนวไหน หรือพยายามวางสถานะตัวเองยังไง
>>296 สนพ.นึงเคยรับสมัครบอกอแบบไม่จำกัดสาขาที่จบ บางคนถามในหน้าเพจที่รับสมัครว่า "ต้องจบอะไรค่ะ" แค่คะค่ะยังใช้ผิดเลย แถมรายละเอียดมีบอกครบในข้อความของสำนักพิมพ์ แต่ก็ยังถามซ้ำๆ อยู่ คำง่ายๆ ยังใช้ไม่คล่อง อ่านแค่นี้ยังไม่อ่านแต่จะมาสมัครเป็นบอกอ เราเป็นคนอ่าน เห็นหนังสือจะผ่านมือคนแบบนี้เราก็คิดหนักนะ
>>297 เรามีคนที่รู้จักเรียนอยู่ สาขานี้ แต่ไม่กล้าถามอะไรเยอะว่ะ แลดูเขามีอุดมการณ์ยิ่งใหญ่เหมือนอาจารย์ เห็นโพสต์ลงก็บอกว่าวันนี้เขียนบันทึกไรดี งี้ หลังๆเห็นโพสต์แนวกำกวมมินิมอลมากขึ้น (แต่แม่งก็ยังมีเขียนผิดๆถูกๆ) คือโลก นางช่างสวยงาม กับงานหนังสือ สไตล์ลุงผีอ่ะ
>>297 มันดีมาตั้งแต่สมัยผู้ก่อตั้งเลยน่ะ จะว่ากินบุญเก่าก็คงใช้ ตัวบกคนใหม่เอง แกก็ไม่รู้ภาษาอื่นนอกจากอังกฤษ แล้วเผลอๆ ไม่ได้สันทัดถึงขั้นที่สามารถอีดิตงานได้ด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังจะบรรณาธิการงานแปลจากภาษาอื่น (ไม่ใช่อังกฤษ) ที่พล่ามมาว่า บรรณาธิการต้นฉบับ สำคัญอย่างนั้นอย่างนี้ คิดว่า เอาคนไม่รู้ภาษา A มาแก้งานแปลจากภาษา A มันจะได้เรื่องไหม สงสัยมากๆ ก็จริง การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องสละสลวยเป็นเรื่องสำคัญ แต่ที่สำคัญกว่า ก็คือสารัตถะของงานนั้นๆ ถ้าคนที่ไม่สามารถอ่านต้นฉบับได้ จะรู้ได้อย่างไรว่านักแปลแปลเก็บเนื้อความครบถ้วน อย่าไปไว้ใจบทแปลภาษาอังกฤษมากนัก แปลผิดก็ถมเถ จะเทียบก็ต้องเทียบจากต้นฉบับสิ
เพื่อนโม่งมากันยังงงงง
เมื่อกี้เห็นในฟาร์ม ว่าด้วยเรื่องเอาหนังสือมีตำหนิมีลายเซ็นต์ หนังสือที่เพื่อนนักเขียนให้เอามาขาย
ใครวะคะ
กฉ ลบหมดเลย ระเหยกลายเป็นไอ ทำตำรา นักเขียนก๋วยจั๊บ ไหม ไว้ให้ศึกษา กรณี นี้
ตามมาแล้นนนนนนนนนน //รอมีตำหนักเป็นของตัวเอง
ห้องนี้โค้ดร้างเลย ตั้งแต่สิงหา ปัดฝุ่น พึบผับๆๆ
ตามๆ สรุปแคปมึงจะให้แปะกันที่ไหน
เผือกข้างบนก็ไม่เบาเลยนะนั่น!!
ย่องตามมาเบาๆ
ดูล่องลอยมาเลยพวกเราเนี่ย
ตามมาจากตำหนักจีน ขออยู่ชั่วคราวค่ะ
เผือกลุงผีเสื้อหาในเนตก็เจอมึง มีคนเขียนเป็นซีรี่ย์เลย
- ลบหมดแล้ว เหลือไว้แค่ผัดกะเพรา เท่านั้นนน
ปกติอ่านหนังสืออย่างเดียว ไม่ได้กินเผือก แต่พอกินเผือกจงหยวน มันทำให้กูเพิ่งรู้ว่าไร่เผือกมันกว้างเกินล้านเอเคอร์จริงๆ
กูว่าอาจจะมีหลังไมค์ไปหากฉ.หรือเปล่าเถอะ แบบขอให้ลบทุกตัสที่เกี่ยวกับเรื่องวันนั้น คนที่หลังไมค์ไปอาจจะเป็นนข.ที่เราแคปๆ กันมาทันหรือไม่ก็กลัวโดนแคปนี่แหละมั้ง เพราะถ้าปล่อยไว้เป็นอนุสรณ์ เกรงว่าจะวอดวายกันไปมากกว่านี้
ในฟาร์มมีคนมาแถแถ่ดๆเรื่องแบนไม่แบนด้วยเว้ย กูงงว่าจะไปเสือกอะไรกับเงินในกระเป๋าคนอื่นมึงอยากซื้อก็ซื้อสิโว้ยใครห้าม มาว่ามีคนที่พยายามชักจูงให้เทให้แบนส้มซึ่งใครมันจะควายขนาดคนอื่นบอกให้เทก็เทวะ ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองขนาดนั้นเลย? โว๊ะ กูละงงจะเถียงเอาอะไร
มาแล้วๆเผือกด้านบนนี้มันแซบใช่ย่อยแอบตามอ่านก่อน5555
สรุปว่างวดนี้นรกร่วมวงด่านักอ่านจริงเหรอๆ
ที่ซวยคือ กล้วยเน่า ที่โดนเทจริงจัง
เข้าไปส่องมา ลบหมดแล้วจริงๆ ด้วย ดีนะ เมื่อคืนมีแคปไว้แล้ว
กะว่ากำลังจะเข้าไปถอดรหัสนักเขียน-นักแปลจาก blacklist ที่เพื่อนโม่งแปะไว้ให้
(บางคนแก้รหัสออก บางคนก็ไม่ออก)
ปล.ขอเพิ่มเติม blacklist นักแปล - มฑร ทผ (เข้าไปเม้นท์เห็นด้วยกับการส่งหนังสือให้อ่านล่วงหน้า กรูแคปไว้แล้ว)
นักแปลอิงค์เป็นไทยของ สนพ.เครือเดียวกับยามเช้า
ให้บก.หย่ายโพสต์ขอโทษเรื่องอะไร เรื่องให้หนังสือกฉ.หรอแล้วจะบอกว่าไม่ทำอีกไรงี้อะนะ
บก.หย่ายยยทั้งคู่ กูว่าต้องมีนิกเนมอื่นเพื่อแยกแล้ว ไม่งั้นเข้าใจผิด
นรก กับเบอร์ตองไง ที่ดราม่าๆ อ่ะ ฉาวเวอร์
>>335 อ่ออ แต๊งมึงๆ
ส่วนตัวกูเฉยๆ กะฝั่งส้มว่ะ ขอโทษไปก็เท่านั้น ก็รู้กันอยู่ดีว่ายังไงก็ไม่หายไปหรอก จะให้อธิบายตอนนี้กูว่าก็ช้าไป ต้นเรื่องลบโพสท์ไปแล้วนี่ ขืนโผล่มาตอนนี้โดนเขม่นแน่ๆ เผลอ ๆ หาบทางนู้นถล่มซ้ำอีก เอ๊ะ ฝ่ายคุมคูเขาจบ ลบเรื่องให้หมดแล้ว ทำไมยังไม่จบคะ เสียดายควัมลู้สึกมั่กๆ เรยค่ะ
แต่ทางกล้วยเนี่ย กูว่าเหี้ย เลียไม่ดูตาม้าตาเรือ โดนเทซะเถอะมึง
กูว่า ที่คูลบ เพราะคนโดนหางเลย เยอะมากกว่า เพื่อนๆนางก็ฮึมๆ อยู่ บางคนยังไม่ลบด้วยซ้ำ ตามแคปต่อไป
กูอึ้งมากที่รู้ว่าเจ้าเฟซ KH ที่เม้นแรงๆในเฟซคูคือคนเดียวกับนรก. (จากที่ส่องกูมั่นใจประมาณ80%ว่าคนเดียวกัน ใครคอนเฟิร์มทีถ้าไม่ใช่กูยินดีขอโทษ) ซึ่งตอนเกิดดราม่าใหม่ๆกูอ่านเม้นนี้แหละกูเลยเคืองมาก แม่งเล่นไปแย้งกะทุกคนฟาดงวดฟาดงาประหนึ่งเรื่องของตัวเอง แต่แม่งดันฟาดไม่ถูกประเด็น แถมหลุดวาจาดูถูกดูแคลนนักอ่านอีกตะหาก
มี ฌามิ_อ_ห์/ภaภิmol ด้วย ไม่ค่อยเห็นงานเท่าไร กับ อั_ชรย์ นี่กด like กด love ตลอด
ส่วนเจ้าป้าไปเห็นมาเม้นต์อีโมเม้นเดียวแต่ไม่ likeไม่ love ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น
ส่วนแอดมินrain ของส้มไปส่งกอดเม้นแรกเลยจ้า
กูอยากรุ้ว่าจะให้บก.กล้วยแถลงการณ์ขอโทษยังไงวะ กูอยากรู้แนวทางที่ให้เขาแก้ไขของพวกมึง ตามที่เขาแจ้งคือกล้วยต้องส่งหนังสือใหม่ให้ กฉก่อนอยู่แล้วเพราะกฉ.มีบูธผลไม้ที่เอาของสนพไปลงขายในงาน มันก็ถูกแล้วที่เขาจะได้ก่อนใคร กูวงวารกล้วยอะ ไม่น่าเหยียบกับระเบิด ประโยคเดียวเทหมดทั้งๆที่อยู่เงียบๆมานาน นิยายล็อตล่าสุดก็ตลกดี หรือมีอะไรที่กูพลาดไปมากกว่าประโยคนั้น?
กูอยากรู้ว่าคนนี้ใช่ นรxเกxx จริงหรอ มีหลังฐานไหมวะ
เพื่อนโม่งที่ตามมาสิงดราม่าคุณคู กูแนะนำเลย เผือกห้องนี้แซ่บไม่แพ้กันนะเว้ย อยากให้อ่าน กูสิงวนๆ อยู่ แล้วมึงจะได้เปิดโลก ถึงห้องนี้จะกริบไปนิด แต่เข้าใจแหละ บางเรื่องเอามาเม้าท์แม่งก็รู้ทันทีว่าคนวงในคนไหน
ต่อดราม่าคู >>315 ใช่คนเดียวกะที่กูงงอยู่แหงเลย ที่พิมพ์ยาวมากป่ะ แล้วบอกว่าไม่เข้าใจว่าทำไมต้องโวยวายทำไมต้องชวนกันเท รู้สึกเน้นประเด็นนี้มาก แปลกใจว่าไปเห็นที่ไหนว่าเค้าชวนกันเท? แล้วนางมาด้วยความไม่เข้าใจและไม่พร้อมจะเข้าใจใครเลย
https://www.mx7.com/i/163/OTdNPK.jpg
เดบิท พี่กะเพราโนเนม ของน้องๆ
#คนไม่จบ ยังไงก็ไม่จบ
กูเคยไปมิตติ้งกล้วย สมัยแรกเริ่ม มิตติ้งเซเวนเซ่น ตอนนั้น116.กับฟิสิก.. ยังรวม
สนพกันอยุ่เลยนะพวกมึง สิบปีแล้วมั้ง
กูมั่นใจว่านางเป็นเจ้าของ สนพเลยนาจา
กูเทกระเพราไม่ได้ กูชอบกินกระเพราหมูสับไข่ดาว(เอาเงินเปย์หนังสือหมดแล้ว ไม่มีปัญญาซื้อเนื้อวากิวกิน) เดี๋ยวรอตอนเที่ยงกูจะไปสั่งละ
>>351 กูหมายถึงก่อนหน้าวันเกิดเหตุน่ะ.... //ไปสำนึกผิดแป๊บที่ทำให้เพื่อนโม่งเข้าใจกันผิด
>>347 มึงเข้าใจอะไรผิดไปเปล่า บก.กล้วยพูดว่า จะส่งหนังสือไปให้อ่านฟรีแบบเร็วๆด้วยนะ อ่านฟรี รีวิวได้ ไม่ดราม่า แต่สิ่งที่กล้วยแถ-ลงมาคือวิธีส่งหนังสือให้กับร้านค้า และบูธต่างๆ ซึ่งมันคนละประเด็นกัน ขีดเส้นใต้เลยว่า คนละประเด็น โดยเฉพาะข้อสุดท้ายคือกล้วยบอกว่า "ทางสำนักพิมพ์ไม่มีนโยบายส่งหนังสือให้อ่านฟรี เพื่อรีวิวค่ะ" แต่บก.กล้วยพูดเองว่า "วันหลัง กล้วย ส่งให้อ่านฟรีก่อนใครนะ review ได้ ไม่ดราม่า" ย้อนแย้งมั๊ยล่ะมึง
>>343 ฌา กับ ภา ด้วยเหรอวะ อชร ก็เอากะเค้าด้วย! กูบอกเลยว่าชั้นหนังสือกูมีล็อคเฉพาะของทั้ง ฌา และ อชร กูมีทุกเล่ม เปลี่ยนปกก็โง่ซื้อนะจ๊ะ เรื่องใหม่ๆ ไม่ชอบพล็อตก็ยังซื้อ กลัวนักเขียนเสียใจว่าไม่มีคนสนับสนุน แหม ซึ้งว่ะ พอกันที!
>>350 ห๊ะ คนแปลแฟนหญิงชื่อ มฑก ไม่ใช่เหรอ ของสนพ.อน.อ่ะนะ? แต่กูเข้าใจ มฑร ทผ มึงนะ กูเสียใจ กูชอบนักแปลคนนี้
พวกมึงว่ามาเลย! กูตามเก็บข้อมูล เอาซี่ กูเทแม่งหมด เคยรักแค่ไหนกูก็หมดรักได้เว้ย ถึงเวลารวยของกูซะทีละ งานหนังสือหมดทีละกี่หมื่น เก็บเงินไว้ไปนวดหน้าดีกว่า อีเหี้ย
>>362 ทผ เป็นท่อนนามสกุลเค้าอ่ะ มฑร เป็นชื่อ
กล้วยส่งให้อ่านฟรีก่อนใคร review ได้ ไม่ดราม่า
กล้วยส่งให้อ่านฟรีก่อนใคร review ได้ ไม่ดราม่า
กล้วยส่งให้อ่านฟรีก่อนใคร review ได้ ไม่ดราม่า
กล้วยส่งให้อ่านฟรีก่อนใคร review ได้ ไม่ดราม่า
กล้วยส่งให้อ่านฟรีก่อนใคร review ได้ ไม่ดราม่า
อชร เมื่อก่อนตอนยังไม่มาสายจีนแปลกูเป็นติ่งนางแต่งานพักหลังๆพล็อตซ้ำเนื้อเรื่องมีแต่น้ำโหรงเหรงอ่านแล้วไม่โดนซักเรื่อง เลยเปย์บ้างปล่อยบ้าง กูยังไม่เทแต่คงไม่เปย์แบบเก่าละ(ซึ่งจริงๆก็ทำมาก่อนจะมีดราม่า)
>>368 มันมีประโยค 'จะส่งหนังสือไปให้อ่านฟรีแบบเร็วๆด้วยนะ' ด้วยหรอวะ คือกูเข้าใจว่าบก.กล้วยบอกจะส่งให้อ่าน รีวิวได้นะ ไม่ดราม่าประมาณนี้ แล้วสนพ.ก็แถลงตามที่มึงบอกว่าไม่มีนโยบายส่งหนังสือให้อ่านฟรี เพื่อรีวิว ก็คือเขาส่งให้เฉยๆไง ไม่ได้ส่งให้รีวิวแต่กฉจะรีวิวก็ได้ อะไรประมาณนี้ งงปะ
เห็นคนบ่นๆเรื่องคืนเงินช้า ก็รอๆหน่อยทำบัญชีต้องมีขั้นมีตอนมะ สายวายมีนบ.ที่กำลังมีปัญหาแจ้งคืนเงินเหมือนกัน อันนั้นหนักกว่าอันนี้มากโขด้วย ก็กำลังรอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ
อ่านไปอ่านมาเหมือนแก้ตัวให้กล้วย แต่กูก็เงาแค้นกล้วยนะ จากโม่งนอกพื้นที่
เพิ่มเติมแบ็คลิสต์อีกนิด คนนี้มากดไลค์ กฉ เฉยๆ นะแต่นางเป็นทีม บก สถาพรว่ะ สำหรับกูคงเท สถาพรไปก่อน ต่อให้มีหน้งสือของค่ายนี้ที่กูอยากอ่านจริงๆ กูก็ไม่ซื้อ จะรอหาอ่านฟรีจากห้องสมุดเอา
นักอ่านไม่ตายเพราะไม่ซื้อหนังสือ แต่คนทำหนังสือขายอาจตายเพราะไม่มีคนซื้อ
>>387 >>391 กูเห็นแคปอยู่นะแต่ไม่เห็นคำว่าเร็วๆอะไรนั่นเลยนึกว่ามีอะไรอื่นอีก
>>388 นบ.box ไม่เหมือนที่ลงให้ดูในตัวอย่างที่พรี ให้ดูตอนเริ่มแพคของไปแล้ว คนจองเสียใจ/กริ้วโกรธที่ไม่แจ้งมาแจ้งตอนใกล้งาน ก็เท ขอเงินคืนกัน นิยายนี้มันยืดเยื้อปัญหาหลายอย่างด้วย เรื่องใหญ่กว่าเรื่องนี้หลายเท่าอะ ก็เลยงงว่าอันนี้คือดราม่าเทกล้วยแค่คำบก.กล้วยจริงหรอเปิดโลกใหม่กูมาก แต่กูก็ไม่ได้ว่าอะไรโม่งนะ เงินใครเงินมันอะ เข้าใจ
>>392 นขกับสนพไม่ตายหรอกมึงเขารวยกันจะตายไหนจะบางคนที่ได้ลิขสิทธิ์ละคร พวกเรามันแค่คนกลุ่มน้อยไม่กระทบต่อยอดขายเขาหรอกว่ะ กูคนหนึ่งอ่าที่จะไม่เดินเข้าบูธส้ม กล้วยแล้วเกี่ยวข้ององุ่นกูไม่เข้าอยู่แล้ว กูรู้สึกแย่ที่เขาไม่ให้เกียรติอาชีพตัวเองเลยดูถูกผู้บริโภคที่เขาซื้อของคุณใช้ของคุณถ้าคุณดูถูกเขาก็เท่ากับคุณดูถูกตัวเองที่คุณทำออกมาให้เขาซื้อ
บก มันก็ แบรน แอม บาส สะ เด่อ ของ สนพ นั่นแหละ ยิ่งเป็น เจ้าของ ยิ่งเป็นภาพลักษณ์ ถ้าเป็นลูกกะจ๊อก กูจะไม่กริ้วขนาดนี้
เจ้าของ บอสัด บอกแบบนี้แม่งเหยียบ น้ำใจคนอ่านสัสๆ
โพสต์ของเจ๊ที่โวยวายเรื่องคนเทส้มนี่น่าปวดกบาลมากว่ะ ไม่ว่าใครจะอธิบายยังไงแต่นางไม่เคยผิด ล่าสุดบอกว่า คนที่มาอธิบายนี่ไม่ใช่คนที่พูดว่าจะเทส้มซะหน่อย คือมึงไหลไปได้เรื่อยๆ แบบนี้กูชัดเจนในจุดยืนของอีเจ๊นี่ละ ลำไยขั้นสุด! (แต่กูก็ยังเสือกต่อไป)
>>392 ชอบๆ เราไม่ซื้อเราไม่ตายแถมเรายังมีเงินเก็บเพิ่มด้วย มีแต่เรื่องดี แต่ถ้าเราไม่ซื้อสนพ.น่าจะตายนะ อย่างน้อยๆ ก็รายที่เป็นนักแปลแล้วทำสนพ.คนเดียวนั่นอ่ะ หึ
ข้อมูลเรื่อง อั....ย์ กุเริ่มเชื่อล่ะ
คนไทยคนเดียวที่กุตามอยู่ เทล่ะ เพราะสามสี่เรื่องหลังนี่กุก็เต็มกลืนเหมือนกัน พล็อตซ้ำๆ ยังซื้อเพราะอยากให้กำลังใจ
เก็บเงินไปฉีดโบท็อกซ์ดีก่า
พวกกูเป็นส่วนเล็กๆ ของวงการ จะโวยวายเรื่องเททำไม
ในเมื่อมี พลเมืองชั้นดี คอยซื้อมึงอยู่ แค่เสียส่วนพวกกูไปแค่ปลาซิวปลาสร้อย ปลากรอบ ไม่มีพวกกู มึงก็อยู่ได้
มั่นใจหน่อย มั่นใจเหมือน ตอนแรกๆ ที่มึงว่าพวกกู ว่าฟูมฟาย ดราม่าไม่เข้าเรื่อง ไม่เข้าใจการตลาด หัวอ่อน ขี้อิจฉา
มึงเริ่มแล้ว ก็ต้องไปให้สุดทาง สิ ไม่ต้องหันหลังกลับมา ดูพวกกูหรอก
>>398 ก็เฉพาะนข.ที่ชื่อติดตลาดแหละว่ะที่จะรวยแท้ อย่างคุงคูงี้ก็ต้องยอมรับล่ะนะว่าเค้าดัง เป็นที่รู้จักจริงๆ งานก็ได้เป็นละครหลายเรื่อง แต่พวกนข.ที่แบบพูดชื่อมาแล้วใครวะ? อย่าทะนงตนนักเลยว่ะ ของงี้ชั่วโมงบินไม่สูงจริงอยู่ยากกกกกกกก ส่วนสนพ.ไม่มีเราเค้าก็ไม่ล่มจมหรอกแค่ไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนแล้วเท่านั้นแหละ
พวกละครนักเขียนก๊กนี้ กุก็จะไม่ดู
ขาดกุไปคน ไม่กระทบนักเขียนชนชั้นอภิสิทธิ์หรอก เพราะงั้นไม่ต้องมาโวยวาย หาว่าหัวร้อน
เงินในกระเป๋าลูกค้า จะเปย์ใครก็ได้
กูอาสาสร้างบ้านเผือกละ รอแอดมาปลดล็อค มาช่วยลิสชื่อตัวละครหน่อย กูนึกออกแค่นี้ ไม่ถนัดฝั่งไทย วอนช่วยกันเติม ทั้งนักเขียนนักแปลมึงเติมมา กูจะเเปะตอนสร้างทีเดียว
รายชื่อตัวละคร
**ฟาร์มกวาง
แอดชธช
แอดกนร
ผักชี
ผักกาด
หมึก
พี่รองเท้าคู่
.
**สยั่มเมืองยิ้ม
บก.ต.
ท่านน.
ทปม
นายหญิง
คิบอม/คบ.
เจมจิ/จจ
แก็งค์ F4 / จตุรดราม่า
.
**ส้มส้ม
บก.ย.
บก.เรน
หลักกิโล/หินพิงค์
Windsun
.
จงหยวน
หลอด
ป้าอัม
นกไฟ
นัตตี้
.
**ยามเช้า
เทพเจิ้น
.
**กล้วย
บก.ก
.
**ลูกเกรฟ
คุงคู/กฉ.
.
**สำนักงานเขตบางเลิฟ
บก.ป
.
**เฟอร์นิเจอร์
ภคน.
ลุงกระเพรา/ธวธ
.
ทำไมกูรู้สึกว่ากฉ.นางไม่ตายหรอก ลูกหาบเยอะ ส้มนี่ก็อาจจะคนซื้อลดลงไม่มาก กล้วยนี่หนักหน่อย
แต่ไอ่ที่มาอวยๆไม่ดู4ดู5นี่ล่ะจะตาย ตัวเองดังมากแบบเค้าหรือก็เปล่า เดินลงกองไฟเองซะงั้น
เหอะ นิยายเป็นละครแล้วไงเหรอ ละครเด๋วนี้ยังจะเอาตัวไม่รอดเลยป่าวเรตติ้งตกถูกหั่นตอนกันรัวๆ คนรอบตัวกูมีแต่สกรีมซีรีย์จีนเกาหลีกัน แล้วอีกคนดูละครที่อ่านหนังสือด้วยจะมีซักเท่าไหร่ส่วนเรื่องบก.สถพ นั้นกูไม่แปลกใจหว่ะ นข.ในสังกัดแห่มาซะขนาดนั้นชวนให้คิดว่าสิ่งแวดล้อมในสนพ.เป็นแบบไหนคนถึงได้ออกมาสันดานเดียวกันหมอ ดีที่กูเลิกเปย์สนพ.นี้ไปสองปีละ ส่วนลดวันเกิด 30% ยังทำให้กูกลับไปซื้อไม่ได้เลยหว่ะ
>>409 ขอบคุณมึง รอบ้านเผือกหลังใหม่นะ ชื่อนึกไม่ออกแล้วว่ะ ว่าแต่นกไฟแม่งชื่อขึ้นก่อนพี่แหนดตี้อีกเหรอ ความยิ่งใหญ่นี้ รู้สึกดีใจกับคุณนกเธอจัง 5555555
>>403 ตัวที่... คือ ยอยักษ์? กูเสียใจซ้ำอีก คนนี้กูก็ตามอยู่ เฮ้อ นางทำไร? กดอีโมให้กำลังใจคูหรืออะไรวะ ขอกระจ่างนิดนึง
>>407 กูกำลังกลับไปอ่านต่อ อ่านแล้วมึนดีว่ะ อยากแจกสไลเดอร์ให้เจ๊แกเลย ลื่นหราเกิน 555
ยามเช้านี่ขอเพิ่ม
ทีมบก.ที่ไม่รู้มีตัวตนจริงรึเปล่า
ด้วยได้มะ ออกงานมาแบบไม่เคยไฟนอลเลย ผิดตลอด
สถานการณ์ตอนนี้ "คู" ล้าง "ศิษย์"
ออกมาเล่นโคลนกันทำไม นักอ่านเททิ้งแทบไม่ทัน
คือเอาจริงๆ นข.ที่เข้าข้างกฉ. นี่เรียกรวมเป็นลูกศิษย์คูมคูเลยก็ได้มะ 555555 ยกเว้นแต่พวกมีตำแหน่งนำหน้างี้
มึงๆ "ลูกเกด" นี่มึงหมายถึง นรก ป่าว? คือถ้ามึงใบ้ว่าลูกเกดวูบแรกกูนึกถึง เรsin ว่ะ
บ้านใหม่สร้างแล้วไปเจิมค่าาาาาาาาาาาา
https://fanboi.ch/netwatch/4613/
ทามไหล
- กฉ โพสต์ว่า มีเพื่อนใช้พลังภายใน คัมภีย์ก๋วยจั๊บ มหาปะลัย จนได้ อ่าน ท่าน 9 ก่อนคัย
- มีนักอ่านไปพบเลยมาโพสต์ถามใน วดด ว่า เห็น นข ดังได้อ่านก่อน แบบนี้จะมีข่าวดีออกก่อนงานไหมคะ?
- บก rain มาตอบว่า ออกตามกำหนด แต่ พอดี กฉ เนี่ยมีสายสัมพันอันดีกับ บก ห บลาๆ
- กฉ ขอโทษ ไม่คิดว่าจะวุ่นวายกัน
- กฉไปขอโทษ ที่หน้าเฟส เสีนใจจีจีโทษนะ ที่ 'ออกนอกหน้านอกตา'
- ลูกหาบ นข นักแปล บก สนพ สารานุศิษย์ ทั่วฟ้า ต่างพากันวิพาร์กวิจารณ์นักอ่านว่า
ขี้อิจฉา ใจร้อน นี่มันโฆษณานะ ดราม่าไม่เข้าเรื่อง ใจน้อย เอาใหญ่เหลือเกิน
- มีนักอ่านพยายามไปอธิบายแล้วโดนยินเฟส จนกู้ไม่ได้
- ดีเลิศ บกกล้วย มาเม้นว่า ค่ายกล้วยส่งให้อ่านฟรีไม่มีมาม่า ค่า
- เริ่มมีกระแสแบน สนพ กล้วย ขอถอน พรีออเดอร์
- มีนักเขียนโนเนม หลายคน โพสต์ หน้าเฟสว่า กะเพรา บ้าง ดราม่าจังบ้าง กระแหนะกระแหน ไปเรื่อย แต่หลายคนตีความว่า
นักอ่านอิจฉา ที่ กฉได้อ่านก่อนเพราะ ระบบ อุปถัม
- มีการลิสท์ รายชื่อ นข นักแปล บก ที่เล่นใหญ่ ในดราม่านี้
- กฉ ปราม หาบ รอบที่ 1 แต่ยังมีคอมเมนท์ 555 อุะอะเป็นระยะ
- สถานการณ์ไม่ดีขึ้น
- กฉ ปราม ครั้งที่ 2 สั่งระงับยิง
- สถานการณ์ไม่ดีขึ้น
- กฉ ลบโพสต์ทั้งหมด
ขอกุเผือกมั่ง ฟาร์มกวางคือไรอะ
ลิ้งไม่ติด เอาใหม่
>>>>>/webnovel/4661/93-97/
ky ใครคะ ใคร สารภาพมาซะ ใครทำร้ายขุ่นแม่สร้อย
'
'
'
สำหรับผู้อ่านที่กำลังติดตามนิยายเรื่องดุจตะวัxแห่งใx สร้อยขอกราบขอโทษค่ะ เนื่องจากสร้อยจะหยุดเขียนนิยายเรื่องนี้และหยุดอัพเดทลงออนไลน์ค่ะ
.
เหตุผล..แม้มีคนถามมา แต่ขอไม่ตอบนะคะ กลัวว่าจะดราม่า แต่ขอบอกว่าไม่ใช่น้อยใจเพราะวิวน้อย เมนต์นัอยหรืออะไรทำนองนั้น เพราะสร้อยเขียนนิยายมานานเกือบสิบปีกว่าแล้วกระมัง ความรักในการเขียนของสร้อยมันไปไกลมากกว่าความอยากที่จะได้รับการยอมรับแล้ว เหตุผลจริงๆไม่ใช่เหตุผลนั้น แต่เป็นคำประนามที่ได้รับจากใครบางคนซึ่งเลวร้ายมาก ซึ่งสร้อยขอไม่พูดถึงเนื่องจากคนคนนั้นพูดในสังคมปิดและไม่รู้ว่าเป็นใคร และสถานที่แห่งนั้นเป็นสังคมของเขา สร้อยไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว
.
สร้อยตัดสินใจหยุดเขียนเรื่องนี้ด้วยเหตุผลว่าสร้อยจะไม่เสี่ยงให้งานตัวเองดูเหมือนว่า'ลอก'มาจากที่ไหนอีก (ซึ่งคราวนี้อาจโดนหาว่าลอกพล็อตมาจากมหาภารตะ) สร้อยจึงคิดว่ายุติเลยดีกว่า หยุด ต่อไปจะเขียนอะไรที่พยายามจะอิงข้อเท็จจริงให้น้อยที่สุด (แต่อีกเรื่องคือตำนานกับประวัติศาสตร์อียิปต์ อันนั้นจะเขียนต่อค่ะ ต่อให้มีมาดูถูกว่ากากเพราะลอกประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณมาก็เถอะ) เฮ้อ..
'
'
'
ตกลงขุ่นแม่สร้อยไม่รู้จริงๆใช่มั้ยคะว่าขุ่นแม่โดนข้อหาลอกเรื่องอะไร
ยูริ อิชทาร์ รายงาน
ชอบครีษะมายันนะ แต่พอมาเจอสวรรค์ก๊อปเกรดเอถึงกะอึ้งไป
ทุกเรื่องของนางได้รับแรงบันดาลใจอย่างสูง(โคตรๆ)มาจากเรื่องอื่นๆทั้งนั้น ครีษมายันเองยังมีฉากปีนหน้าผาเหมือนท่านราเอลที่เอาลินินขึ้นหลังใช้เถาวัลย์มัดเอวกันตกเลย แค่เพิ่มการตอกทอยที่เอามาจากเพชรพระอุมาใส่เข้าไปเท่านั้นเอ๊งงงงงง
กูเคยพยายามอ่านมาราซันทิยาตอนได้ยินว่ามันลอกสวรรค์ลำน้ำแดง แต่กูอ่านไม่จบ ทนความรำคาญไม่ได้...
นิยายที่โดนกล่าวหาว่าได้แรงบันดาลใจเจ้มจ้นชื่ออะไร นางยังไม่ยอมเอ่ยเลย กลัวโดนขุดป่าววะ
แล้วสรุปคือนางโดนอะไรทำไมต้องหยุดเขียนอ่ะ กูไม่รู้เรื่อง เหลาให้กูฟังด้วย
>>449 ถ้าให้กูเดา ก็คงเรื่องมาราxซันทิxา ที่มีกลิ่นการ์ตูนเรื่องตะวันรักที่ปลายฟ้าอย่างรุนแรงไงคะ
พอมีเสียงกระซิบจากโม่งบอกว่านิยายเหมือนการ์ตูนเรื่องนี้สุดๆ ต่อมนางเอกอ่อนแอก็ทำงานสิคะ หยุดเขียนค่ะ ไม่เขียนแนวอิงปวศ.แล้วคาะ เดี๋ยวมีคนมาแซะว่าลอกอีกค่ะ
อะ กูตีความให้
มีโม่งไปด่านางตอนไหนก่อนหน้านี้รึ กูไม่ยักกะรู้เรื่อง
>>455 https://fanboi.ch/literature/3152/172/ อะ กูไปรื้อมาให้
แล้วลำนำต่างภพของจุฑารัตน์ กับ มังงะญี่ปุ่น จอมคนแดนฝันล่ะ
สำหรับกู กูว่าลอก
พูดตรงๆเลยนะกูผิดหวังมาก สมัยยังละอ่อนกูชอบ มิติมหัศจรรย์ ชอบราเอล-ลินินมาก แม้แต่เล่มต่อมาเรื่องขอบน้องสาวลินินกูก็ยังตามถึงกูจะรู้สึกว่ากูโตขึ้นอ่านพล็อตแนวนี้ไม่รอดแล้ว แต่เจอเรื่องนี้กูผิดหวังกับเขามาก เพราะสำหรับกูมันคือการลอกว่ะ
เอก บก แถว ม ชายทะเล จะปิดแล้วเหรอมึง
คิดยังไงกับโปรเจ๊ค ผีเสื้ออนาคต ที่จะระดมทุนทำหนังสือปกแข็งวะ? ไหนบอกว่าอยากให้ หนังสือเข้าถึงประชาชน ไง
เขาชอบทำหนังสือให้อ่าน หรือไว้ประดับวะ เอาจริงๆ งานแปลที่พิมพ์ขายเป็นชิ้นเป็นอัน โดยเฉพาะพวกงานวรรณกรรมสำหรับเด็ก (ที่ไม่ใช่งานที่หากินกับเด็ก) เนี่ยมีผลิตออกมาบ้างไหม? แบบที่สามารถให้คนเข้าถึงง่ายอย่างที่โม้ไว้ กุเห็นแต่โทษทุกอย่าง รัฐไม่ช่วย สนพผลิตงานไม่ดี บลาๆ แล้วดูสิ่งที่ตัวเองทำ
สนพนี้ก็ไม่ค่อยจะพิมพ์อะไรใหม่ๆอยู่ละ วนเวียนอยู่กะของเดิม ว่าแต่ประกวดบันทึกเด็กไรนั่น มีประกาศผลยัง
Facebook อุทิศ เหมะมูล ปิดไปแล้วเหรอ? Bookmark โพสต์ที่แกรีวิวหนังสือไว้เยอะ แต่หายไปแล้ว
ไส้เดือนตาบอด สนุกไหมเห็นใน Good read ได้ตั้ง 3.96
กูไม่เคยอ่านซีไรต์แล้วรู้สึกสนุกเลย สงสัยกูจะโง่เกินกว่าจะเข้าใจความสนุกในนิยายได้รางวัล
เอาจริงซีไรต์เรื่องสั้นอ่ะ กูอ่านทุกเรื่องเลยนะที่อยู่ในเล่ม บางเรื่องแม่งไม่รู้ผ่านเข้ารอบมาได้ไง เนื้อเรื่องแบบเฉยสัด โคดเชย เหมือนเขียนอยากเอาใจกล่องแต่ว่าเชยมาก เหมือนอยากเรื่องสั้นส่งอาจารย์สมัยมอปลายในหัวข้อ สะท้อนสังคมไทย
แต่บางเรื่องก็ดีดี้แหละ
ซีไรต์นี่กูเคยอ่านแต่ความสุขของกะทิงอ่ะ ซึ่งก็ก็หมั่นไส้แบบที่เพื่อนโม่งบอกกัน คือแม่งเหมือนโฆษณาผัวเมียบ้านดินอีซูสุอะอิดอก ชนชั้นกลางดัดจริตเปนคนจนอะ(แต่ดูจากโปรไฟล์ชีวิตคนเขียนกูก็ไม่แปลกนะ ยิ่งกว่าคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด)
มีเพื่อนโม่งคนไหนแนะนำนิยายซีไรต์ดีๆ แมสๆ บ้างคะ เอาแบบไม่เน้นปรัชญาอ่ะ แบบคำพิพากษาก็ได้
ขอบคุณเพื่อนโม่ง กูว่าหลังๆแม่งซีไรต์ยังกะหนังเมืองคานส์แบบดัดจริตล่ะอะ555
นักเขียนบางคนเขียนเรื่องคนธรรมดาเดินดินยังไงก็ติดกลิ่นไฮโซว่ะ เช่นทมยันตี
กูว่าเขียนให้ดูชาวบ้านนี่ขึ้นอยู่กับสำนวนคนเขียนเป็นส่วนใหญ่เลยนะ แบบเศรษฐีตีนเปล่าอะ รวยฉิบหายแต่ก็เขียนได้ติดดินเป็นชาวบ้านมาก ๆ ช่วงบรรยายชาวบ้านกรูไปเก็บตังค์เหมือนไก่รุมจิกข้าวเปลือกนี่กูแบบเห็นภาพมาก ยังจำได้มาถึงทุกวันนี้แม้จะอ่านมาเป็นสิบปีแล้ว
เฮ้ย B2S เปิดรับนิยายแล้วว่ะ ร้านขายหนังสือมาลุยวงการด้วยตัวเองแบบนี้มึงว่ามันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างวะ เห็นมีพิจารณาทำซีรี่ส์ด้วย ชงเองกินเองเลยสัส ไม่ใช่ว่าอีกหน่อยพวกช่องทีวีมาเปิดรับนักเขียนส่งบทละครด้วยนะ
เคยมีโม่งเอาบทสัมภาษณ์ของคนเขียนไส้เดือนมาลง ประมาณว่าที่เขียนให้งงๆเพราะอยากให้นักอ่านมีสมาธิกับตัวหนังสือ วอกแว่กไม่ได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ส้นตีนมาก กูแบล็คลิสนักเขียนชื่อนี้ตลอดชีวิตอ่ะ ดูถูกตัวเองดูถูกนักอ่าน รางวัลซีไรต์ถึงวันจะเหี้ยยังไงก็ไม่น่าเกลียดเท่ากับอีไส้เดือนเหี้ยนี่ได้รางวัล ความสุขของกะทิที่นักอ่านบอกว่าดัดจริต อย่างน้อยคนทั่วไปหรือนักเรียนมัธยมมันหยิบมาอ่านก็ยังอ่านรู้เรื่อง แต่ไส้เดือนเหี้ยกูว่าเปิดไปไม่เกิน5หน้าก็วาง
ปล.ได้ยินว่ารางวัลซีไรต์จะพิมพ์เยอะเพราะได้ยอดสั่งจากห้องสมุดโรงเรียน/มหาลัย กูโคตรสงสารต้นไม้เลย ถ้ากูเป็นครูบรรณารักษ์แล้วต้องเลือกระหว่าง Fate diary กับไส้เดือนตาบอด กูเลือก Fate diary เข้าห้องสมุดโรงเรียนอ่ะมึง
>>484 แม่งคิดไงเอาหนังสืออ่านไม่รุ้เรื่องมาเปนนอกเวลาวะ5555 เปนกูจะเอาคำพิพากษา ดาร์คดี สอนเด็กให้ไม่รุ้อะไรอย่าไปตัดสินชาวบ้านเค้า
ความสุขของเอนโดสเปิร์มมะพร้าวกูว่ายังโอเคนะ ถึงมันจะโลกสวย มีความผัวเมียอีซูสุ อย่างน้อยกะทิมันก็เป็นเด็กดีอะ เชื่อฟังตายาย มีเจอประสบการณ์แม่ตาย มีเรียนรุ้วิถีชนบท พอไหว ตอนอ่านกุก้ชอบ โตมากุเบ้เลย555
ทำไมบ้านเราไม่มีรางวัลหนังสืออื่นๆบ้าง
>>487 เปล่า หนังสือรางวัลขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นรางวัลแบบไหน บางรางวัลก็ให้เฉพาะหนังสือติสๆ บางรางวัลก็ให้หนังสือยอดนิยม ซีไรต์ให้ในแง่วรรณกรรม อ่านรู้เรื่องไม่รู้เรื่องไม่ใช่ประเด็น ขอแค่ด้านวรรณกรรมเด่นก็ใช้ได้ เนื้อเรื่องจะยังไงก็ช่าง ลองสังเกตุดูได้ หนังสือซีไรท์ไม่ว่าจะอ่านไม่รู้เรื่องยังไง ด้านภาษาและวิธีการเขียนจะโดดออกมาจากนิยายทั่วไปในตลาดเสมอ
ถ้าให้เทียบก็เหมือนหนังคานส์ไม่ใช้หนัง Mass Media นั่นละ แต่มันมีจุดเด่นของมัน อย่างหนังเรื่องนึงที่กูดู บอกว่าหนังผี ลึกลับ คนหายตัวไป แต่ทั้งเรื่องแม่ง Anti Climax มาก ฉากที่ผีควรโผล่แน่ๆ แม่งไม่ออกซักที ลุ้นทั้งเรื่องให้ผีออกมา คิดในใจว่าตอนนี้ละออกมาแน่ๆ แม่งไม่ออกจนจบเลย ดูจบแล้วไม่สนุกเหี้ยๆ แต่มันเล่นกับจิตใจคน ทำให้คนดูไปจนจบแล้วตะโกนด่าเหี้ยได้คือผ่าน
>>489 แต่รางวัลที่ถูกพูดถึงจนแม้แต่ชาวบ้านร้านตลาดก็รู้ว่ามีอยู่มันคือซีไรต์ไง
มันน่าจะมีการโปรโมทให้รางวัลอื่นๆดังมั่ง รางวัลหนังสือรักโรแมนติกประจำปีแห่งชาติ รางวัลหนังสือยอดนิยมสามอันดับของปี รางวัลหนังสือสอบสวนลึกลับยอดเยี่ยม
เหมือนเวลา หนังสือแปลจะแปะไว้ว่าเล่มนี้ได้รางวัลเอ็ดการ์ด อลันโปนะ
คือ แนวซีไรต์ก็คือแนวซีไรต์ แต่หนังสืออย่างอื่นที่ไม่ได้เข้าแนวก็ไม่เคยถูกยกย่องเป็นทางการในประเทศเราเลย
สรุปง่ายๆว่าวัฒนธรรมการอ่านบ้านเราไม่เข้มข้นพอ ไม่เหมือนประเทศที่คนรักการอ่าน
ถูก แม่งถึงมีโควตาว่าคนไทยอ่านหนังสือปีล่ะ8บรรทัดไง คือคนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือ ชอบอ่านตามแบบบทความโซเชียล ไรงี้มากกว่า อ่านฟรีไง
ความสุขของเอนโดสเปิร์มมะพร้าวกูว่าสำนวนธรรมดามากนะ อ่านง่าย กูอ่านเปนนอกเวลาตอนม.2มั้ง คือมันก้พอสอนเด็กได้อะให้เชื่อฟังผู้ใหญ่แบบอิกะทิ ถ้าจะให้รางวัลมึงก็ควรให้หนังสือเด็กยอดเยี่ยมจากกระทรวงศึกษาพิการไรก้ว่าไป แต่ถ้ามึงบอกให้เพราะคนกันเอง กูก็ไม่แปลกใจจากนามสกุล5555
เรื่องหนังสือเด็กกูเหนด้วยนะ คือมึงทำรูปเล่มไฮโซ แพง เหมือนเอาไว้เกบบนหิ้งอย่างเดียวอะ ราคาสมสภาพแต่นั่นแหละ มึงก้รุ้นิสัยรักของฟรี ของถูก ของคนไทยดี(ซึ่งกูก้เป็น5555)
เห็นในทวิต สนพ.พูนิก้ารับสมัครบก.อีกแล้วเหรอ ทำเอานึกถึงสนพ.1168เลย เห็นสมัครบ่อยจังนะเนี่ยถ้าเทียบกับสนพ.อื่น
กูก็อยากรู้ กลับมาขยายความต่อด้วยสิ
นอกจากบก.ยังมีนี่ด้วยเรอะ
https://twitter.com/comicjobs/status/960170890200666112
เห็นห้องblคุยกันเรื้องสนพ.นึงชื่อสนพ.ไซคี กูก็เลยสงสัยว่าปกติเวลาซื้อลข.หนังสือเขาซื้อทีเดียวแล้วค่อยประกาศใช่มั้ย คือสนพ.บอกมีทั้งจ่ายแล้วกับยังจ่ายไม่ครบแต่เจ้าของเสียก่อน รับภาระไม่ไหวจึงขอปิดสนพ. ยังไม่ทันจะมีผลงานอะไรออกมาซักเล่ม พอเจ้าของตายนี่คือไม่มีคนดูแลต่อเลยเหรอวะเนี่ย
ยังไม่ทันออก สนพก็ล่มแล้ว? กูก็รอนิยายที่เขาได้ LC ไปสิ เอาไปเสนอให้สนพ อื่นพิจารณาจะได้หรือเปล่าวะ เพราะได้ยินว่า LC ซื้อทีหลายปี ถ้าสนพที่ซื้อปิดตัวไป LC นั้นจะหลุดมั้ย
กูเห็นคนพูดว่าตั้งแต่อ่านFBวินเลียว*** ก็ไม่ชอบคนนี้อีกเลย กูงงอ่ะ ทำไมเหรอ มีใครพอจะบอกได้ไหมว่าคนนี้มีวีรกรรมอะไร (ไม่ได้รู้จักกันเลยไม่กล้าถามเหตุผล) กูเคยอ่านงานเขาไปเล่มเดียวคือประชาธิปไตย ก็เขียนดีใช้ได้นะ
กูเคยชื่นชมเขา เคยดีใจที่ได้ลายเซนเขา แล้วกูก็เลิกตามเพจเขา แล้วพวกมึงก็กระทืบความชื้นชมที่กูมีต่อเขา(อันน้อยนิด)จนจมดิน ฮืออออ *สูดน้ำมูก*
ไอ่สัดเอาไปเปรียบกับ ดร.ป็อบ พวกมึงก็เกินไป คนหลังนี่หาข้อดีไม่ได้เลย555 เห็นด้วยว่าเขาไม่ควรเล่นโซเชี่ยลเลยว่ะ อะไรเหี้ยๆนี่คนรู้หมดส่วนตัว งานเก่าๆเขาก็ก็ยังรู้สึกว่ามันดีอยู่ แค่กุไม่ชอบทัศนคติบางอย่างแบบที่โม่งพูดกันนั่นแหละ คือไม่ถึงกับชอบชื่นชมเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ถึงกับเกลียดแอนตี้ไปเลยเพราะกุยังชอบงานเขาอยู่...
เฮ้ย...เทียบกับปอบนี่เกินไปนะ อย่างน้อยวอก็ยังไม่เคยไล่เด็กไปตายแบบปอบ ปอบสำหรับกูไม่คิดว่าเป็นนักเขียนเลยนักการตลาดมากกว่า
กูเพิ่งได้เข้ามามู้นี้อีกที 55555
>>513 ไม่เกี่ยวกับกับวงนั้นเลยมึง กูได้ยินตั้งแต่2-3ปีที่แล้วละ แต่มันเป็นบทสนทนาที่บังเอิญได้ยินน่ะ แล้วไม่ได้(แอบ)ฟังต่อ
>>514-522 มีต้นตอหรือคียเวิร์ดของเรื่องมั้ย อยากตามไปอ่าน อยากรู้ว่าทัศนคติเค้าเป็นยังไง อ่านที่พวกมึงพูดมาก็พอเข้าใจบ้างละ แต่ก็อยากอ่านสเตตัสพวกนั้นของเขา
พูดถึงเขาแล้วก็ลืมไปละว่าทำไมกูชอบเรื่องประขาธิปไตยบนเส้นขนาน เดี๋ยวขุดมาอ่านอีกรอบดีกว่า
จริงๆก่อนโซเชียลมา ก็มีบอร์ดมีบล็อกในเว็บของเขานะ เป็นนานละแค่มีโซเชียลมาคนเข้าถึงเพจง่ายกว่า 5555
เดี๋ยวพวกมึง รอกูด้วย กูตกขบวน มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับ ว ลวร อ่ะ กูอ่านหนังสือเค้าอยู่นะ แต่อยากรู้ด้วย คืออะไรอ่ะ เล่าๆ
อ้อ ส่วนเรื่องงานเขา กูก็อ่านหลายเล่มเหมือนกันนะ แต่เรื่องความคิดเขาบางเรื่องที่ลงเพจนี่กูก็อิคนอร์ไปบ้างอะไรบ้าง หลังๆ มาไม่ค่อยได้ตามละ กูแค่ตลกงานเขานิดหน่อย อย่างปีกแดงงี้ (เล่มแรกที่กูอ่าน) หรือเรื่องอื่น มันจะมีตัวละครหนึ่ง ในสถานการณ์หนึ่งที่แบบ...ว่าไงอ่ะ เหมือนจะรู้หมด จำประวัติศาสตร์แม่น ปี พ.ศ. นั้นเกิดนั่นนี่ขึ้น มาแบบโคตรละเอียด ละเอียดจนบางทีกูก็นึกขำว่า เออ มันต้องมีตัวละครนักประวัติศาสตร์สักคนในเรื่องสินะ แต่เป็นในสถานการณ์หรือคนที่ไม่คิดว่าจะจำได้ด้วยนะ อย่างเรื่องปีกแดงก็จะมีคนที่เป็นเจ้าของโรงแรม เป็นคนพายเรือ เป็นคนในร้านกาแฟตอนเช้า (ที่แบบขายโอเลี้ยง กาแฟ ให้คนแก่ๆ อ่ะ เค้าเรียกว่าอะไรนะ ลืม)
แต่เรื่องที่กูไม่ค่อยชอบคือเรื่องเสี่ยวนักสืบมันอ่ะ ไม่รู้สิ กูรู้สึกว่าเค้าไปเขียนเรื่องแนวอื่นเถอะ แนวสืบสวนฯ นี่มันไม่ใช่จริงๆ ว่ะ
@home นี่เขาเลิกดองเงินนข.รึยังวะ
กูซื้อหนังสือตกปีละ 22,000 บาทเยอะไปไหมวะยังเป็นนักเรียนอยู่อายุ 18 พวกมึงช่วยออกความเห็นหน่อย
เป็นงี้ประมาณ 3 ปีแล้ว ถ้าสมมติซื้อ 30 เล่มก็จะอ่านได้ราวๆ 24 เล่ม
ถ้ายังหาเงินเองไม่ได้มึงต้องคิดเองแล้วล่ะว่าลดซักหมื่นโดยไปเช่าอ่าน และ ยืมห้องสมุดเอา มึงจะมีเงินเหลือไว้ไปซื้อของให้พ่อแม่ หรือลดภาระพ่อแม่มึงได้
แต่ถ้าบ้านมึงมีตังค์ พ่อแม่ไม่ได้ทำงานเหนื่อยขนาด ก็ยินดีด้วย
ที่ว่ามานี่เพราะกูแก่แล้ว ทำงานแล้ว ที่บ้านก็กลางๆไม่ได้จน แต่พอหาเงินเอง เลยรู้สึกเลยว่า พ่อแม่กูคงเหนื่อยสัส ค่าเทอมลูก ค่าใช่จ่ายค่าผ่อนบ้านผ่อนรถ
มีปีนึงกูยืมทีเค ไป100เล่ม ซื้อแต่เรื่องที่ดีจริงๆ ไม่ซื้อมาดองมั่วละ กูคูณว่าเฉลี่ยค่าหนังสือเล่มละ200 บาท=20,000 บาท
กูรู้สึกเหมือนถูกหวยเลย แค่กูต้องอ่านช้ากว่าคนอื่น เพราะเล่มใหม่ฮิตๆแม่งคิวจองยาวมาก
>>532 อายุกับงบซื้อหนังสือเท่ากันเลย แต่กูอ่านทุกเล่ม
รอซื้อเฉพาะเวลามีโปรลดราคา หรือตอนงานหนังสือ
คิดว่าไม่เยอะเกินไปนะ หารดูตกวันละ60กว่าบาท
กูงดกินขนมจุบจิบ ไม่เติมเกม ไม่ซื้อของใช้ฟุ่มเฟือย
เก็บเงินจากค่าขนม+ทำงานพาสไทม์ ไม่ได้ขอจากที่บ้านเพิ่ม
พ่อแม่ไม่ว่าก็okแหละ
อยากให้ประเทศนี้ลดภาษีให้กระดาษ ให้โรงพิมพ์ เพราะการอ่านมันช่วยให้คนมีนิสัยใฝ่รู้ ขี้วิจารณ์ สร้างจินตนาการ ต่อให้มึงเริ่มจากนิยาย การ์ตูน มึงก็ได้ฝึกskill คิด เห็นด้วยไม่เห็นด้วย พอโตๆไป มึงก็จะอ่านของโตตามวัยไปเอง ไม่ว่าจะฟังเพลง อ่านหนังสือ วาดรูป เล่นเกม คนเราก็ต้องติดอะไรสักอย่าง เพียงแต่ จำนวนเงิน เราก็พยายามไม่ให้มันเกินตัว เก็บเงินซื้อยิ่งเพาะนิสัยที่ดีให้ตัวเอง
20,000บาท ปลูกฝังskillดีๆ ถือเป็นการลงทุนให้อนาคต ฮ่าๆ กูเองตะก่อนดั้นด้นไปหามือสองจตุจักร สะพานควาย เพื่อซื้อราคาถูก ประสาจนแต่บ้านิยาย เดี๋ยวนี้สบายขึ้นเยอะนะ มีออนไลน์มีขายมือสองในเน็ต กูประหยัดไปได้เพียบ
พูดถึงเรื่องการอ่าน กูอยากให้ห้องสมุดประจำจังหวัดทุกๆ จังหวัดได้รับการพัฒนาเหมือนต่างประเทศ ห้องสมุดแถวบ้านกู...โบราณมาก
การอ่านมันทำให้คนฉลาด ใฝ่หาความรู้ (ถึงบางอย่างจะไม่รู้ว่าควรเอาไปใช้ตอนไหนก็เหอะ)
เรา >>532 คือมันเงินค่าขนมเราเองแหละ เก็บเอาเองหนังสือทุกเล่มเราใช้เงินตัวเองหมดเลย แต่เรารู้สึกว่าถ้าใช้เงินเยอะๆอย่างงี้เดี๋ยวอนาคตจะไม่มีกินปกติเราก็ไม่ซื้ออะไรมากมายบางวันไม่ได้ใช้เงินเลยได้ตังวันสองร้อยเราหลักๆมีค่ากินนิดหน่อยค่าเดินทางที่เหลือเกี่ยวกับหนังสือหมดปกติเราจะอ่านเกือบทุกเล่มที่ซื้อมา แต่ความสัมพันธ์กับคนที่บ้านเกือบทั้งหมดไม่ค่อยดี เราอ่านหนังสือทั่วไป
>>540 อืม ถ้าไม่ได้เดือดร้อนก็โอเคอยู่นะ ต่อให้เป็นการ์ตูนหรือนิยายที่คนมองว่าไร้สาระแค่ไหน มันก็มีประโยชน์แบบที่ 538 ว่านั่นแหละ อย่างน้อยๆ ก็ต้องได้ทักษะด้านการอ่านมาบ้าง
เรื่องการเงิน พอได้ค่าขนมมาก็เริ่มแบ่งส่วนที่จะเก็บเป็นเงินออมก่อนนั่นแหละ แบ่งไว้เลยแล้วห้ามใช้ เินเหลือจากตรงนี้+ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นแล้วค่อยเอาไปซื้อหนังสือ ถ้าที่บ้านเห็นว่าเรามีเงินเก็บ แล้วค่าหนังสือไม่ได้กระทบกับเงินส่วนนี้ก็น่าจะโอเคนะ
ถ้าสะดวกก็ยืมหนังสือจากห้องสมุดแทนก็ได้ เรื่องไหนชอบจริงๆ ค่อยซื้อเก็บ ไม่ก็หาซื้อมือสองตามในเฟส (หรือจะขายต่อก็ได้ ถ้าไม่กลัวขาดทุน)
ky หน่อย คือกูเป็นคนหนึ่งที่อยากเป็นนักเขียนและเขียนนิยายลงเว็บ แต่กูรู้สึกว่านิยายไทย ช-ญ ที่ไม่ใช่แนวโรมานซ์มันขายยาก ขนาดกูเองยังหันไปอ่านแปลจีนเลย กูเลยกะว่าจะหยุดเขียนก่อนแล้วไปทำงานอื่น แต่ก็อยากจะรู้ก่อนลงมือทำจริงว่ามันขายยากอย่างที่กูคิดจริงๆ มั้ย
>>544 น่าจะเป็นไปตามกระแสตลาดแหละ เหมือนเมื่อหลายปีก่อนที่เฮกันเขียนแนวเกมออนไลน์ ก่อนหน้านั้นก็โรงเรียน เวทมนตร์ต่างๆ แต่นิยายรักมันจะว่าแยกเป็น genre นึงเลยก็ได้ หรือจะแทรกอยู่ในเนื้อเรื่องก็ได้ ตลาดมันเลยกว้างกว่าสไตล์อื่นๆ ละมั้ง อีกอย่างคือคนอ่านนิยายหลักๆ น่าจะเป็นผู้หญิง ความสนใจเลยเอียงไปทางนิยายรักมากกว่า
ส่วนนิยายจีน กูไม่แยกมันออกมาเป็นอีก genre นะ เดี๋ยวนี้สนพ แห่กันไปทำจีนซะเยอะ นิยายจีนดังๆ มันก็เยอะ แต่ว่ามันก็มีหลากหลายไง กำลังภายในแบบเก่าก็มี แฟนตาซี นิยายรักต่างๆ พอพูดว่า "นิยายจีน" มันก็ไม่ต่างกับพูดว่า "นิยาย" เฉยๆ จะบอกว่าคนอ่านเยอะก็ไม่แปลกเพราะมันครอบคลุมตลาดในวงกว้าง
>>540 ที่ว่าความสัมพันธ์กับที่บ้านไม่ค่อยดี คือมึงเอาแต่เข้าห้องหลบความจริงไปอ่านหนังสือรึเปล่า อย่างน้อยก็เป็นการหนีที่มีประโยชน์นะ อ่านหนังสือดีๆเยอะ ภาษาก็จะดีตาม
แต่ถ้าเรามัวแต่หลบ เลยไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว ก็ไม่ดีนะ
กูไม่เผือกเรื่องส่วนตัว แค่แนะไว้กว้างๆ เป็นกำลังใจ
>>546 กูก็รู้สึกว่าแค่กูตามอ่าน 'นิยายแปลจีน' ก็ได้ครบทุกแนวแล้ว ไม่จำเป็นต้องหันกลับมามองนิยายไทยอีก งั้นกูไปทำมาหากินด้านอื่นดีกว่า ฮ่าๆ
นิยายรักชายหญิงโดยนักเขียนไทยที่ยังขายได้อยู่บ้าง เห็นจะมีแต่นักเขียนเก่าๆ ที่มีฐานแฟนคลับเยอะ นอกนั้นคิดจะแจ้งเกิดตอนนี้ก็ต้องเขียนแนวจีนไปเลย แต่เอาจริงขนาดนักเขียนชั้นครูยังเขียนนิยายจีนเลย เฮ้อ
วัดที่ตัวกู กูอ่านจีนมานานพอควร และอ่านทุกแนวด้วย จีนเองก็วนๆแล้วนะ แต่มันมีอะไรใหม่ๆในแง่วัฒนธรรม มีการเฉือนปม พลิกแพลง สะใจ มีปรัชญาความคิดให้ค้นหาอยู่
นิยายรัก หลายเรื่องก็ไม่โอเค ตรรกะปนะหลาดและเบาหวิว แต่มันก็ยังมีรสชาติแปลกใหม่ทางภาษา ประเพณี ระดับมาตรฐานเสิ่นเจิ้นก็มีนะจ้ะ
กลับมาที่นิยายไทย รักๆฟินๆกูก็อ่านมาจนพรุนระดับนึงพร้อมๆกับอ่านจีนนี่แหละ แต่นขที่กูรู้สึกโอเค มันน้อยลงทุกที ที่ดังๆกูอ่านแล้วทนสำนวนภาษาไม่ได้ก็เยอะ แล้วความที่แก่แล้วเจอเรื่องที่เอะอะจะแก้ปม ก็แก้แม่งโง่ๆ กูรู้สึกว่ามันมีแต่จินตนาการไม่มีความรู้ งานมโนหนักกว่า การตีแผ่จิตใจของตัวละครบนพื้นฐานของคนจริงๆ บางทีก็คิดว่า หรือคนส่วนใหญ่เค้าคิดแบบนี้จริงๆ กูต่างหากที่หลุดnorm
คือกูรู้สึกกูโตกว่านักเขียนแล้วมั้ง เรื่องในท้องตลาดมันเลยไม่เข้าตาแล้ว กูเลยทนอ่านมันไม่ได้แล้ว กูเลิกตามนิยายไทยมาปีกว่าละ กูอยากอ่านนิยายนักเขียนชายบ้าง ก็มีแต่แนวผีๆ fictionที่สนุกและประเทืทองปัญญา มันหายากพูดเลย
อืม แต่จริงๆอ่านภาษาไหนก็ได้ครบทุกแนวหมดรึเปล่า ขึ้นอยู่กับว่าภาษาไหนถูกจริตมึงแค่นั้นบวกกับรายละเอียดยิบย่อยของแต่ละภาษา
>>549 เห็นด้วย นักเขียนในไทยที่ภาษาดีก็มีอยู่พอสมควรนะกูว่า ส่วนมากจะเป็นรุ่นเก่าๆ หน่อยซะมากกว่า จะออกเรื่องใหม่ไม่ค่อยบ่อย พวกออกบ่อยเนื้อหาก็จะวนๆ หน่อย ถ้าอ่านแบบไม่ต้องเอาตรรกะหรือไม่ต้องคิดมากก็อ่านได้ แต่ถ้าเป็นนิยายออนไลน์เนี่ย เด็กๆ ทั้งนั้น พออายุเกินแล้วกลับไปอ่านไม่สนุกจริงๆ ว่ะ ภาษาก็แย่ คำผิดมหาศาล
ส่วนถ้าเป็นนิยายแปล ไม่ใช่แค่แปลจีน แต่แปลทุกภาษา อย่างน้อยนักแปลก็น่าจะมีความมั่นใจในภาษาของตัวเองพอสมควรถึงจะมาแปลได้ เทียบกันแล้วจะรู้สึกว่าอ่านได้ลื่นไหลกว่า เซ็ตติ้งฉากต่างประเทศก็น่าจะมีส่วนที่ทำให้คนสนใจเหมือนกัน หรือถ้าให้พูดแบบใจร้ายหน่อยกูว่าบางคนมองว่าการอ่านนิยายแปลมันดูมีระดับกว่า (เน้นว่า บางคน) ลองคิดว่าถ้าใช้พล็อตเหมือนกันเป๊ะ แค่เปลี่ยนเป็นทุกอย่างเกิดในไทย นิยายบางเรื่องอาจจะโดนมองว่าเป็นพล็อตละครน้ำเน่าตบตีแล้วก็เทไม่อ่านแต่แรกก็ได้ แต่อันนี้คือความคิดส่วนตัวกูน่ะนะ จริงๆ อาจจะสนใจเพราะวัฒนธรรมต่างกันเป็นหลักก็ได้
>>551 สำหรับกูอ่านนิยายไทยน้อยมาก เรื่องที่ยังเหลืออ่านอยู่ก็เป็นของนักเขียนที่ตามกันมานานซึ่งส่วนมากก็แฟนตาซี
การอ่านนิยายของกูคือการหนีความจริง ไม่ต้องการคิดว่าไม่สมเหตุผล ไม่เอาตรรกะในชีวิตจริงของกูมาจับ ดังนั้นการอ่านนิยายแปลแม้ว่าจะเป็นยุคปัจจุบันก็ทำให้กูรู้สึกว่า เนื่องจากวัฒนธรรมมันต่างกันนะ เอาความคิดคนไทยไปตัดสินไม่ได้นะ แล้วกูก็จะอ่านได้สบายใจ แต่ก็ยังเลือกที่จะอ่าน ไทยโบราณ จีนโบราณ ฝรั่งโบราณ หรือแนวแฟนตาซี หรือแนวต่างโลกไปเลยอยู่ดี
ฝากสับหน่อยครับ นิยายไทยเรื่องสั้นของผมเอง คิดว่าดีพอสมควร แต่ไม่รู้คนอื่นคิดยังไง ขอความเห็นด้วยครับ (ถ้าผิดกระทู้ขออภัยด้วยครับ)
https://writer.dek-d.com/Black_centaur/story/view.php?id=1846595
>>554 ลองอ่านบทนำ มีคำว่า 'อย่าง' เต็มไปหมดเลย เช่น "อย่างน่าประหลาดเสียงบางอย่างกลับดังขึ้น" ประโยคนี้ใช้ไม่ได้ มีความขัดแย้ง ใช้ "กลับ" ไม่ถูกที่ เขียนง่าย ๆ เป็น "เสียงบางอย่างดังขึ้นอย่างน่าประหลาด" ก็ถูกต้องแล้วตามหลักภาษาไทย แต่พอมาอ่านบรรทัดต่อมา เฉลยว่าเป็น "เสียงเด็กหญิงร้องอย่างดูหวาดกลัวและตกใจยิ่ง" มันไม่สอดคล้องกับคำว่าเสียงบางอย่างในบรรทัดก่อน เสียงเด็กหญิงร้อง "กรี๊ด ไม่นะ" มันไม่ใช่เสียงบางอย่าง มีคำพูดชัดเจนอย่างนั้นคนฟังต้องรู้อยู่แล้วว่าเป็นเสียงเด็ก เพราะฉะนั้น รวมสองบรรทัดที่บรรยายถึงเสียงให้มันเป็น "เสียงเด็กหญิงกรีดร้องกลางดึก" หรือ "เสียงเด็กหญิงกรีดร้องอย่างหวาดกลัว" อะไรก็ว่าไป
การบรรยายเหตุการณ์ที่ฉับไว แต่ใช้คำเยอะ หลายประโยค เยิ่นเย้อ มันทำให้กลายเป็นไม่ฉับไว ไม่ตื่นเต้น กว่าพ่อแม่ในเรื่องจะลุกไปดูลูก บรรยายผ่านไปแล้วหลายบรรทัด มันขาดความสมจริง ปกติคนเป็นพ่อแม่ได้ยินลูกกรีดร้องผิดปกติ จะไม่มานั่งถามกันอีกหรอกว่านั่นเสียงลูกเราใช่มั้ย บทนำบทนี้เขียนไม่ผ่าน ช้ามาก ไม่ได้อารมณ์ของนิยายสยองขวัญ
ลองรีไรต์ใหม่นะ เอาให้กระชับ บทพูดต้องเป็นคำพูดที่คนเราพูดกัน ภาษาพูดกับภาษาบรรยายมันต้องต่างกัน ยกตัวอย่าง พ่อพูดว่า "แกไอ้เลวระยำบัดซบ แกพรากชีวิตลูกสาวฉันทำไม แกจะต้องตายที่ฆ่าลูกสาวฉัน" คำแบบนี้ไม่มีใครมาพูดหรอกถ้าเห็นลูกสาวโดนแหวะอกควักปอดออกมา ยังมายืนถามอีกว่าฆ่าลูกทำไม แล้วใช้คำว่า "พรากชีวิต" มันเป็นภาษาบรรยาย ไม่ใช่ภาษาพูด
สับตรง ๆ หวังว่าจะไม่เสียใจจนเลิกเขียน ขอชมที่ตรวจทานคำผิดเป็นอย่างดี (อ่านแค่บทนำนะ) อีกเรื่องคือเครื่องหมาย ! ? มันไม่ควรจะมีเยอะขนาดนั้น ลองแก้ดูนะจ๊ะ
>>554 แอบแข็งนะ อ่านไปแล้วเหมือนไปทีละจังหวะแบบกึกๆอ่ะ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังบรรยายการ์ตูนทีละช่องด้วยประโยคสั้นๆซึ่งการบรรยายแบบนิยายไม่น่าใช้แบบนี้อ่ะ ติดที่เดียวกับ 555 เลย ประโยคแรกๆแปลกมาก "อย่างน่าประหลาดเสียงบางอย่างกลับดังขึ้น" เหมือนตรงนี้ไม่ใช่ภาษาไทยเลยอ่ะ อารมณ์เหมือนแปลมาจากภาษาอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่ภาษาไทย คล้ายๆกับประโยคตรง "และอย่างน่าหวาดกลัว" ตรงนี้ก็โคดแปลก
คือถ้าเป็นเราเองจะขยี้ตรงสภาพศพเยอะๆเลย แต่ก็แล้วแต่สไตล์คนอ่ะแหละนะ
ปกติอ่านหนังสือแนวไหน แปลญี่ปุ่น/ไลท์โนเวล/การ์ตูน อะไรทำนองนี้มั้ย (ไม่รู้ อันนี้แค่เดาๆว่าน่าจะอ่านอะไรทำนองนี้มา) ลองอ่านหนังสือดูเยอะๆหลายๆแนว ถ้าชอบนิยายแปลก็เลือกที่แปลดีๆ
แค่หัวข้อกับเนื้อหากระทู้ยังไม่อ่าน กูต้องเสียเวลากดเข้าไปอ่านนิยายของคนเขียนแบบนี้เหรอวะ บัยส์
>>564 เอาใจช่วยนะ ถ้าภาษายังไม่ได้ จะให้ไปวิจารณ์พล็อตมันก็ไม่ได้แล้วไง เพราะภาษาไม่ผ่านอย่างแรง มันไม่ใช่แค่ภาษายังไม่ดี แต่นี่คือภาษาไม่ผ่านมาตรฐาน อ่านแล้วต้องช่วยคิด ช่วยมองข้ามมากมาย ถึงได้บอกว่าลองไปหัดเขียนมาใหม่ให้กระชับ ปรับปรุงก่อนแล้วค่อยมาบอกให้ไปอ่าน
อีกอย่างคืออายุคนเขียน ถ้าต่ำกว่าสิบแปด ไม่มีอะไรสาย ลองอ่านหนังสือให้มากๆ เลือกเฉพาะที่เขาบอกว่าดี อ่านให้หลากหลายเข้าไว้ทั้งนิยายแปลนิยายไทย เรื่องสั้นที่แนะนำคือของมนัส จรรยงค์ ชาติ กอบจิตติ ไมตรี ลิมปิชาติ ลองดูลีลาของเขาในเชิงบรรยาย พวกนี้บรรยายง่ายๆ แต่กินใจและเห็นภาพ ไม่จำเป็นต้องมีคำซับซ้อน แล้วประโยคที่เขียนแบบฝรั่งมันไม่ควรมีในนิยายไทย นิดหน่อยพอได้ แต่ถ้ามีแทบทุกประโยค มันจะรกรุงรังมากจ้า
>>554 ไปมู้นี้น่าจะตรงกว่านะ https://fanboi.ch/literature/5724/recent/
การบรรยายเยิ่นเย้อเกินไป เหมือนพยายามจะให้ภาษาสวยแต่พลาดไปไกล อยากให้เข้าใจก่อนว่าภาษาดีหรือสละสลวย ไม่ได้แปลว่าต้องบรรยายยืดยาวเสมอไป ประเด็นสำคัญของการเขียนคือการสื่อสาร ต้องเริ่มจากสื่อสารให้เข้าใจและเห็นภาพก่อน ยิ่งเป็นนิยายสยองขวัญ พยายามใช้คำให้กระชับแต่มีอิมแพคกับความรู้สึกดีกว่า
เห็นบอกว่าอาจจะติดสำนวนนิยายแปลมา ไม่รู้ว่าที่เขียนแบบนี้เป็นความตั้งใจจะเหมือนสำนวนในนิยายแปลรึเปล่า ถ้าใช่ เปลี่ยนเถอะ แบบนี้ไม่ใช่สำนวนนิยายแปลหรอก ไม่ได้ติดสำนวนอะไรมาเพราะการอ่านเลย คือถ้าเป็นนิยายแปลที่ติดกลิ่นนมเนยจริงๆ อ่านแล้วจะรู้ เพราะการเรียงประโยคมันเป็นภาษาอื่น เผลอๆ เดาประโยคต้นทางได้ด้วยซ้ำไป แต่นี่คือการเรียงประโยคผิดหลักภาษาไทยไปไกลมาก เนื้อความก็ขัดแย้งกันเอง แล้วก็ ไม่รู้ว่าเซ็ตติ้งในเรื่องเกิดที่ไหน ถ้าในไทย หลีกเลี่ยงการเขียนแบบสำนวนแปลดีกว่านะ มันไม่เข้ากัน แต่ถ้าเซ็ตติ้งเป็นทางตะวันตกก็โอเค
อีกอย่างคือ เรารู้สึกว่าเว้นบรรทัดกว้างไป ระยะห่างระหว่างแต่ละข้อความมันก็สื่อความหมายได้ในตัวของมันเองนะ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องสั้นยิ่งต้องให้ความสำคัญ เพราะจุดเล็กๆ พวกนี้อาจจะส่งผลกระทบกับเนื้อเรื่องหรือความรู้สึกคนอ่านได้ ถ้าใช้ถูกวิธี ทั้งระยะบรรทัด วรรคตอนหรือเครื่องหมายทุกอย่างมันใช้สื่ออารมณ์ได้หมดเลย
>>565 ขอบคุณมากครับ สำหรับคำแนะนำ อันที่จริงตั้งแต่อ่านมาจากหลายความเห็นก็เพิ่งเข้าใจว่าการเขียนแบบซับซ้อน ประดิษฐ์คำมากไปมันไม่โอเคนี่แหละครับ แต่ก่อนก็เคยเขียนคำกระชับอยู่ ทว่าช่วงหลัง ๆ คิดว่าเวลาเขียนให้กระชับแล้วมันดูไม่สมบูรณ์(ในความคิดผม) เลยชอบหาคำมาขยายเพิ่ม กลายเป็นว่าคุณภาพมันตก โชคดีมากครับที่ได้คำแนะนำมาจากพวกคุณ ขอบคุณมากจริง ๆ ครับ
>>566 อย่างที่คุณพูดแหละครับ ผมพยายามจะให้ภาษามันดูสวย แต่พลาดเอามาก ๆ มันกลายเป็นว่ายัดเยีย่ดให้คนอ่านจริง ๆ ตามที่คุณว่า ส่วนเรื่องสำนวนนิยายแปลผมไม่ทราบจริง ๆ ว่าเป็นสำนวนนิยายแปลหรือเปล่า? พอดีผมอ่านแต่นิยายที่แปลมา(เพราะเพิ่งหันมาสนใจนิยายจากพวกอนิเมะ และมังงะประมาณปีที่แล้วครับ เริ่มเขียนมกราคมปีนี้) ยังไงก็ขอบคุณมากจริง ๆ ครับสำหรับคำแนะนำดี ๆ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งเลยครับ ผมจะนำไปปรับปรุงเนื้อหาในนิยายแน่นอนครับ ส่วนเรื่องนี้ที่เขียนแล้วคงไม่ได้แก้ไขอะไรเพิ่มเติม เพราะใกล้จะหมดเวลาพักแล้วจึงจะไปเริ่มรีไรต์ที่นิยายหลักอีกเรื่องแทนครับ
หน้าด้านว่ะ ผิดกระทู้แล้วยังคุยต่อ ไม่เคารพกฎกติกา ไร้มารยาท น่ารำคาญ
>>567 ขอโทษนะ เราเองก็เห็นกระทู้นี้มาหลายวันแล้ว เดิมคิดว่ามีคนท้วงแล้วว่าผิดเลยปล่อย แต่เห็นคุณมาไล่ตอบต่อ เลยรู้สึกสะดุดใจนิดหน่อย
คุณขอบคุณเหมือนจะรับคำวิจารณ์ทุกสิ่งดี แต่สุดท้ายทุกข้อคิดเห็นทุกข้อวิจารณ์ คุณก็หาเหตุมาแย้งจนได้ บอกว่าสำนวนไม่สวย คุณก็บอกว่ามันเป็นสำนวนแปล แต่พอคนถามว่าสำนวนแปลไหน คุณก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน คนอ่านที่อื่นบอกมา พอท้วงว่าสำนวนแปลบนเน็ตที่มีปัญหาใช่ไหม คุณก็ว่างั้นมั้ง อ้างว่าคุณเพิ่งมาเริ่มอ่านพวกแปลทางเน็ตเพราะเพิ่งสนใจเมื่อปีที่แล้ว แต่ขณะเดียวกันคุณก็บอกว่าคิดคำซับซ้อนประดิษฐ์มันน่าจะสวยกว่า
สรุปคือทุกข้อผิดพลาดของคุณมีเหตุมีผลดีนะ เหมือนคุณจะรู้ แต่คุณไม่ได้แก้ ไม่ได้ฝึก เลือกที่จะใช้มันมาเป็นข้ออ้างในการตอบคนที่คอมเม้นต์งานของคุณแทน
ถ้าคุณรู้อยู่แล้วทำไมคุณไม่ไปปรับปรุง มาวิ่งไล่แก้ตัวมันอยู่ได้ แล้วก็ตบท้ายว่าที่ถูกพูดถึงนี่คุณคงไม่แก้แล้วแหละ ไม่มีเวลา โอเค มันอาจจะไม่ผิด งานคุณ สิทธิ์ของคุณ แต่นอกจากคำว่าขอบคุณตามมารยาทแล้วคุณไม่ได้นึกถึงคนที่คอมเม้นต์งานคุณเลยหรือว่าเขาว่ายังไง เขาอาจจะไม่คิดมาก แต่เราก็ไม่คิดว่าการตอบสนองหลังการโดนวิจารณ์ว่า ไม่แก้แหละนะ ไม่มีเวลา มันไม่น่าเรียกว่ามีมารยาทที่ดีได้นะคุณ
ส่วนเรื่องการใช้พื้นที่กระทู้นี้ เนื่องจากเราเองก็ใช้ในการตอบคุณ เลยไม่มีหน้าจะว่าเรื่องผิดมารยาทในการใช้กระทู้ แต่ผิดมันก็คือนั่นแหละ จบ
ถามผิดกระทู้ คนบอกดีๆก็ไม่สน หน้าด้านหน้าทน เพราะได้ยอดวิว ได้คำแนะนำ แต่ผมไม่แก้ละนะ ผมจะเขียนเรื่องใหม่ ถถถถ
ป.ล. แล้วรู้บ้างไหมว่ามีคนวิจารณ์ให้ในกระทู้ที่ถูกต้อง เขาวางลิงก์ให้ เคยกดเข้าไปดูบ้างไหม ไปขอบคุณบ้างไหม มัวแต่พล่ามอยู่แต่กระทู้นี้ มันรบกวนคนอื่นโว้ย หัดเกรงใจกันบ้าง
คืออย่างนี้ครับ ที่เขียนเรื่อง RISK จุดประสงค์จริง ๆ มันก็มีหลายอย่าง
อย่างแรกก็อยากจะลองเขียนดูว่ามันโอเคไหม เพราะส่วนตัวคิดว่าพล็อตมันน่าสนใจดีเลยเขียนขึ้นมา
อย่างที่สองผมเขียนมาเพื่อดูว่าการเขียนของผมมีปัญหาตรงไหนบ้าง เพราะสำนวนอีกเรื่องมีบางคนบอกว่ามันมีปัญหา บางคนชมก็มี ซึ่งหลายคนก็บอกว่าเหมือนสำนวนแปล (ในเว็บที่ลง) ผมเลยคิดไปแบบนั้น นอกจากนี้เรื่องที่เหมือนสำนวน(แกรมม่า)ตะวันตกก็เพราะผมเรียนภาษาอังกฤษด้วย อย่างเช่นประโยคที่ขึ้นต้นด้วยคำอุทาน Immediately ! ... พอเวลาแปลอ่านเองมันก็ชินกับรูปแบบประโยค อย่างกะทันหัน ! ...
ยอมรับว่าผมไม่ได้แตกฉานในการเขียนจริง ๆ มีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ ความสับสนหลายอย่างมันก็ตีกัน เพราะช่วงนี้ก็อ่านนิยายจีนแปลบน Fic อีก ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องยอมรับว่าผมพลาดเอง ผมไม่ได้อ่านนิยายเยอะขนาดนั้น เพราะตอนเริ่มต้นอ่านก็คิดไปว่าถ้าเป็นนักเขียนแล้วสามารถสร้างอาชีพเสริมได้ สร้างรายได้ขณะเรียนได้ก็เลยเขียนครับ
ต่อจากอย่างที่สอง ผมเลยคิดว่าเอาเรื่องนี้(RISK)มาทดลองให้คนอ่านดูว่าสำนวนปัจจุบันมันโอเคไหม มองอะไรพลาดไปตรงไหน ? แล้วจะนำปัญหาที่เกิดขึ้นมาปรับปรุงเนื้อหานิยายหลัก (ผมเขียนเป็นภาค หยุดถึง 24 ส.ค. นี้ ต้องเขียนต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ สัปดาห์ละ 5 ตอนเป็นอย่างน้อย ส่วนตอนเปิดภาคใหม่คิดว่าจะลงหลายตอนรวด เวลาที่จะแก้ไขเลยยังไม่มี นอกจากนี้ต้องเรียนมหา'ลัยปีสองไปด้วย ซึ่งเรียนคณะวิทย์ สาขาฟิสิกส์) และจากการดูผลลัพธ์ก็พบว่ามีการใช้คำซ้อนมากไป ควรแก้ไขให้กระชับ
ดังนั้นที่บอกว่าไม่แก้เรื่อง RISK เพราะผมไม่มีเวลา และยังต้องไปรีไรต์ภาค 1 กับ ภาค 2 ใหม่ พอได้คำแนะนำว่าการใช้คำซ้ำคำซ้อนมากไปก็ไม่ดี ทำให้คนไม่สนใจ ผมเลยคิดว่าจะไปแก้ไขในส่วนนี้
ส่วนที่บอกว่าแก้ตัว จะพูดแบบนั้นก็ได้ครับ เพราะผมก็คิดแบบนั้นจริง ๆ (อย่างในครั้งนี้จะมองว่าผมพูดแก้ตัวอีกก็ได้ครับ) แต่ที่พูดขอบคุณก็เพราะเห็นว่าคนที่แนะนำมาพูดเพราะหวังดี ซึ่งผมก็ไม่ได้มีปัญหาในส่วนนี้ พอคนบอกให้เงียบผมก็พยายามเงียบแล้ว และครั้งนี้ก็จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วครับที่ผมจะแก้ตัว
สุดท้ายนี้เอาเป็นว่าผมขอโทษก็แล้วกันนะครับที่ทำให้ทุกท่านเดือดร้อน ผมไม่ได้เคารพกฎกติกา ไม่ได้อ่านหัวข้อโพสต์ มารยาทผมแย่เองจริง ๆ และผมจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีกแล้วครับ
อย่างไรก็ตามผมก็หวังว่าที่ผมตอบไปจะช่วยคลายข้อสงสัยของทุกท่านไม่มากก็น้อย ขอบคุณที่ช่วยคนหลงทาง และชี้ทางออกให้คนอย่างผมครับ
ขอบคุณมากครับ
>>572 เลิกบอกว่าตัวเองติดสำนวนแปลมาได้แล้ว คุณไม่ได้ติดสำนวนการแปลต่างประเทศ คุณแค่แปลตรงตัวแล้วเอาคำมาต่อๆ กัน ไม่นับเป็นภาษาการแปลด้วยซ้ำไป
Immediately ไม่นับเป็นคำอุทาน และไม่ใช้กับอัศเจรีย์แบบนี้ด้วย ถ้าใช้ขึ้นต้นประโยคจริง ไม่มีนักแปลคนไหนเริ่มแปลด้วยคำว่าอย่างทันทีทันใดแน่นอน ถ้าจะไว้ต้นประโยคควรจะแปลเป็นทันใดนั้นมากกว่า ถ้าเจอหนังสือเรื่องไหนแปลแบบนั้นก็เอาไปเผาทิ้งซะเถอะ
ผิดมู้มาหลายรอบแล้วนะ แจ้งแอดมินให้แบนเลยดีมั้ยเนี่ย
>>574 มึงไปกระทู้รวมพลนักเขียน ตรง >>566 ลงไว้บรรทัดแรกอะ ถึงกระทู้นี้จะเขียนว่าสับแหลก แต่มันไม่ใช่กระทู้วิจารณ์หรือให้ความเห็นนิยาย เป็นกระทู้พูดถึงวงการหนังสือมากกว่า เหมือนมึงไปเว็บพันห้องกีฬาแล้วคุยการเมือง คนอื่นก็บอกว่าไม่ใช่กระทู้นี้ แต่พอเห็นคนตอบบ้างด่าบ้างมึงก็ยังคุยอยู่นั่นแหละ มันไม่โอเคอะ ที่ควรทำคือรู้แล้วก็ไปถามไปคุยอีกกระทู้
เข้าใจกติกามารยาทแล้วก็ดี หวังว่าจะไม่เจออะไรแบบนี้อีก
ส่วนโม่งใหม่คนไหนมาเจอก็ขอพูดหน่อยเหอะ
ถึงมามู้รวมพลนข. ก็ไม่ได้แปลว่ามึงมีสิทธิ์แปะลิงค์นิยายมึงมาเนียนโปรโมตหรือให้สับตามความเป็นจริงอะไรก็ตามแต่ นี่ไม่ใช่ที่ของมึงว่ะ กูว่ามันน่าเกลียด คิดให้ได้หน่อยเหอะ อยากให้วิจารณ์สำนวนจริงก็ตัดมาสักย่อหน้าสองย่อหน้างี้ก็คงชี้จุดถูก
จะสับก็ไปมู้เด็กดีในห้อง webnovel โน่น
ขอบคุณและขออภัยอีกครั้งครับ บอร์ดนี้มีหลายห้องหลายกระทู้ ทำให้ผมสับสนมึนงงอยู่บ้าง อย่างไรต่อไปจะพยายามศึกษาแนวทางที่ถูกต้องของแต่ละกระทู้ก่อนทำการโพสต์ครับ
โตมอนแปลเป็นไงบ้างวะ กูเห็นเขาทั้งเขียน (ซึ่งกูยังไม่เคยอ่าน) ทั้งแปล แต่งานแปลนี่ก็มีทั้งนอนฟิก ฟิกชันเลยอะ เขาแปลแนวไหนออกมาได้ดีกว่ากันวะ กูค่อนข้างไม่ไว้ใจนักแปลที่แปลไปทั่วแบบนี้
ป.ล. ไม่เคยอ่านงานแปลเขาซักเล่มอะ เลยไม่แน่ใจจะสอยเล่มล่าสุดของสนพ.เขาดีหรือเปล่า ฮือ เล่มนี้อ่านต้นฉบับละยอม แต่แปลไทยก็ดันเป็นโตมอน...
ทำไมสำนักพิมพ์ไทยไม่ลงตัวอย่างให้หมดทุกสำนักพิมพ์เลยวะ สายช็อปออนไลน์แบบกูลำบากใจมาก อยากเปย์จนมือสั่น แต่ถ้าไม่เห็นสำนวน เลย์เอาต์กูควักตังค์ไม่ลง ลังเลใจจนสุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อ
>>587 จริงมึง ลงตัวอย่างหน่อยก็ได้ คนอ่านจะได้ตัดสินใจถูก
กูอ่านหนังสือฝรั่งใน amazon 90% มีตัวอย่างให้อ่าน
แล้วที่ร้าน asiabook ส่วนใหญ่ไม่ซีลด้วย ดูตัวอย่างสบาย
ร้านหนังสือ&สนพ ไทยควรปรับปรุง ณ จุดนี้ คือถ้าไม่ให้ดูข้างในหนังสือที่ร้าน ก็ต้องมีให้อ่านในเว็บเป็นน้ำจิ้ม ไม่ใช่มีแต่เรื่องย่อแล้วกูจะรู้มั้ยว่าซื้อมาแล้วอยากเขวี้ยงทิ้งมั้ย บางเรื่องมันไม่ตรงรสนิยมกูอ่ะ กูอ่านสำนวนแบบนี้ไม่ได้ อะไรแบบนี้
หน้าปกสถาบันสถาปนาของแพรวแม่งห่วยแตกมาก แถมคล้ายกันทั้งสามเล่ม
แพรวมันคิดว่าไม่น่าจะขายได้มาก เลยจ้างออกแบบปกถูกๆถูๆไถๆไป? หรือ บก มันชิทเทสจริงๆ?
>>590 คิดเหมือนกุเลย แต่ของแบบนี้กุว่ามันใช้การตลาดช่วยโหมได้อยู่บ้างนะ ดีกรีนิยายไม่ใช่ขี้ๆ แต่ต้องเริ่มจากทัศนคติของ สนพ ก่อนไง ถ้าอยากขาย ปัจจัยเล็กๆน้อยๆอย่างหน้าปกที่ดีมันก็ช่วยได้ แต่แบบนี้คือทำแบบเสียไม่ได้ขอไปที แล้วจะลงทุนซื้อมาทำไม
อีกเรื่องก็เรื่องการแปล กุเป็นนักอ่านรุ่นใหม่อะนะ ไม่เคยอ่านรู้จักแต่ชื่อเลยอยากลอง ไปค้นๆมาเห็นว่าใช้นักแปลเดิม ซึ่ง..กุมีอคติกับนักแปลเก่าๆแก่ๆว่ะ รู้สึกว่าแปลโบราณอ่านไม่รื่่นตารื่นใจรู้สึกเชยไปหมด เป็นของที่ไม่ควรจะมีอยู่ในยุคสมัยนี้
"มโนมัย" นี่คือเหี้ยอะไรวะ? เลยลองไปค้นมา พบว่ามันแปลว่า ม้า แต่ต้นฉบับใช้คำว่า mule เพื่อ ref ถึง ล่อ(mule)
คือแวบแรกเลยรู้สึกว่าศัพท์คำนี้มันดูจูนิเบียวสัสๆ เป็นความพยายามให้ดูหรู กุไม่อยากอ่านวรรณกรรมคลาสสิคของโลกแล้วต้องมาเกิดฟีลลิ่งจูนิเบียว
หน้าปกเห่ยๆ ใช้งานแปลตัวเก่าไม่จ้าฃแปลใหม่ สามเล่มขายพร้อมกล่องราคาแค่ 708 บาท ก็ดูทุนต่ำจริงๆนั่นแหละ
เหมือนแค่ทำไปส่งๆให้ สนพ ได้มี portfolio เก๋ๆไว้ตอนยื่นเจรจากับ ตปท ว่า สนพ กูมีแปลงานของอาซิมอฟด้วยนะเว้ย ยย
เรื่องนี้สนุกเหรอ ไม่เคยอ่าน
เพิ่ม มโนมัย เฉย ๆ ใช้แปลว่า เร็วดังใจ แต่เหมือนเห็นมีเขียนว่า ภายหลังตัดม้าออกเหลือแค่คำหลัง แม่งก็ประมาณเป็นคำไวพจน์ แต่คนเขาไม่ค่อยรู้จักกัน(เทียบกับอาชา อัศว-) ก็ถือว่าคนแปลแม่งเอาศัพท์หรูโดยใช่เหตุ แย่ว่ะ
>>597 https://dictionary.sanook.com/search/dict-th-th-pleang/มโนมัย
เค้าบอกว่าภายหลังมีการตัดคำให้เหลือแค่คำว่ามโนมัย แต่ก็นะ ปกติเราจะคุ้นกับคำว่า อาชา มากกว่า ที่ใช้คำว่า มโนมัย ก็แค่อยากให้ดูหรู เพราะเป็นตัวละครสำคัญของเรื่อง ซึ่งในยุคนี้มันถูกมองว่าดูจูนิเบียวมากกว่า
ที่มาของชื่อของตัวละครนี้มันมาจาก ล่อ เพราะเป็นหมันเหมือนกัน http://asimov.wikia.com/wiki/The_Mule
จะแปลเป็นไทยว่า ตัวล่อ แม่งก็คงดูตลกอยู่ดีละมั้ง
หน้าปกสถาบันโดนสนพ เอาออกจากเฟสไปแล้ว สงสัยโดนคนชื่นชม(?)จนทนไม่ไหว อาจต้องไปหารือกันใหม่ เพราะถ้าปกนี้ออก กูว่ายอดขายไม่ค่อยดี รู้ๆ อยู่ว่าปกคือสิ่งที่ดึงดูดนักอ่านได้ก่อนเนื้อเรื่อง ทำแบบเรียบๆ สวยๆ ก็ยังดี นี่อะไร มีคนบอกว่าเห็นแล้วนึกถึงหนังสือเรียน 55555555
>>600 เห็นยังมีในทวิตอยู่นะ ส่วนตัวกูว่ามันก็เรียบๆ แต่คือไม่ดึงดูดใจจริงๆแหละ ด้วยเรื่องอ่ะ คนก็คงไม่ได้จะอ่านเยอะอยู่แล้วมะ ยิ่งต้องทำหน้าปกสวยๆมาดึงคนซื้อหน่อย
ถ้าพูดถึงนักแปลเก่าๆ กูไม่ชอบหลายคนเลยนะ ท่าน น นี่ก็คนนึง รู้สึกเค้ามีสำนวนเฉพาะตัวมาก แบบอ่านปุ้บรู้ว่านี่ท่าน น
เห็นปกแล้วคิดถูกที่ตอนนั้นซื้อของโปรวิชั่นเอาไว้ มี 10 เล่มแพรวทำแค่ 3 เล่มแรกที่ท็อปสินะ แต่เอาจริงไม่มีคนซื้อหรอกงานยากสำนวนเก่ามาก แนวคิดไซไฟในเรื่องโบราณแล้วด้วย มันหมดยุคไซไฟโลกแตกหนีหาดาวใหม่ พลังจิตเทพกว่าวิทยาศาสตร์ไปแล้ว
เรื่องสถาบันฯกูเคยยืมห้องสมุดอ่านแล้วกูชอบมาก ประทับใจที่เอาเรื่องศาสนามาโปะกับวิทยาศาสตร์และการปกครองได้ อ่านแล้วอย่างฮา สำนวนแปลและการเลือกใช้คำไม่ได้เหี้ยขนาดนั้น บางคนอาจว่าเรื่องเชยแล้ว แต่กูมองว่าเรื่องนี้สร้างหมุดหมายสำคัญกรุยทางให้กับนิยายไซไฟเป็นอย่างดี มึงควรลองอ่านด้วยตัวเองก่อนเท
กูอยากซื้อเก็บมาก กันแบงค์พันให้แล้วตอนสนพ.ประกาศลิขสิทธิ์ พอเห็นปกแล้วกูคิดหนักจริงจัง (มีคนแซะว่าปกเหมือนนิยายลุงคิงสมัยก่อนที่แปลเถื่อนกัน)
ร้านนายอินทร์จะมีโปรฯ ช่วงงานหนังสือมั้ยวะ ทีมอยู่บ้าน แต่อยากได้โปรฯ เท่าบูท...
กูสงสัยว่าน้ำพุนี่เป็นอะไรมากไหม ชอบประกาศรายชื่อหนังสือใหม่แต่ไม่แจ้งราคา เป็นความลับทางการค้ารึไงวะ
วีรพร นิติประภา กับ พุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ รางวัลซีไรต์ สมัยที่2 แลเงียบ ๆ ไม่ค่อยโปรโมตเหมือนไส้เดือนผลงานก่อนเลย
ไส้เดือนนี่เขียนแบบมุราคามิวันนาบีจริงป่ะ
ใครคือมุราคามิเมืองไทย ???
มีคนอื่นนอกเหนือจากนิ ที่พยามจะเป็นมูราคามิ ใครบ้าว
สนพ. หนังสือแห่งฝัน นี่เป็น สนพ.เก่าไหนอวตารมาไหม
>>629 สิ้นหวังอีกแล้ว
https://thematter.co/brief/brief-1550660044/71162
ต่อไปคงมีแต่นสพ ออนไลน์ ทำไงได้เพราะเทคโนโลยีกับนิสัยการอ่านของคนเปลี่ยนไป
ใครเคยอ่านเซ็ต เมืองรักหนังสือ ของกมยบ้างอะ เป็นไงวะ ปกน่าเก็บสัส
ต่อไปราคาหนังสือจะแพงขึ้นมั้ย ถ้าคนหันไปอ่านอีบุ้คกันหมด กูไม่ชอบอีบุ้ค กูชอบหนังสือมากกว่า ไม่ปวดตา
ลมตะวัน เขาแปลหนังสือโอเคมั้ย
>>637 ราคาหนังสือแปรผันกับยอดขาย ยิ่งขายได้น้อย ยิ่งแพงขึ้น
ตัวอย่างก็หนังสือการ์ตูนไง ชัดเจน เมื่อก่อนเล่มละ 25-35 บ. ตอนนี้ 70-120 บ.
และเรื่อง ebook ที่บางคนคิดว่าไม่มีต้นทุนอะไร ... เป็นความคิดที่ผิดพลาดมาก
เพราะ ebook จะเกี่ยวกับส่วนแบ่งทางเทคโนโลยี ทุกโหลดที่ซื้อผ่านเครื่องแอปเปิ้ล เท่ากับจ่ายให้ 30% ของราคาหนังสือไปที่ บ. แอปเปิ้ล (นี่แหละทำไม บ. นี้ ถึงรวยเอารวยเอา)
แบ่งให้เว็บ ebook อีก 10 กว่า % นักเขียนได้จริง 50 กว่า % เท่านั้น
ซึ่งเทียบแล้วไปมาก็พอๆ กับที่หนังสือพิมพ์เป็นเล่มนั่นแหละ
กูรักหนังสือมากกว่า หอมกลิ่นกระดาษ และการลูบไล้สัมผัส ยินดีจ่ายแพง แต่ขออย่าหายไป งือออ
เดี๋ยวนี้กูอ่านเป็นเล่มไม่ค่อยได้เลยว่ะ รู้สึกลำบาก ติดอีบุ๊คนอนอ่านโคตรสบาย เป็นเล่มนอนตะแคงอ่านแล้วตาจะเขเอา แต่ก็ไม่อยากให้หนังสือหายไปนะชอบเก็บเป็นเล่มเหมือนกันเฉพาะเล่มที่ขึ้นหิ้ง ย้อนแย้งจังกู
กูเก็บเป็นบางเล่ม ว่าจะเช่าอ่านก่อน เล่มไหนถูกใจจริงๆ ค่อยเก็บ
นี่ก็กำลังโล๊ะหนังสือที่บ้านอยู่ มีในกล่อง 10 กล่อง ตู้ไม้ใหญ่อีกหนึ่งใบ ตอนจะโล๊ะแม่มเสียดายทุกเล่มเลย ทำไงดี T T
กูมองว่าเหมือนวงการธนาคารนะ ที่ทยอยปิดสาขาลงไปเรื่อยๆ
เพราะตอนนี้ คนสมัยใหม่ไม่เข้าไปทำธุรกรรมอะไรในธนาคารเท่าไรนัก ทำอะไรใช้มือถือไปหมด มีแต่คนรุ่นก่อนที่ไม่ถนัดทางเทคโนถึงยังไปธนาคารเพื่อฝากถอนเงินสดอยู่
ส่วนที่เทียบกับหนังสือได้ เพราะ แผงหนังสือเองก็ทยอยปิดตัวลงเรื่อยๆ
คนรุ่นใหม่นิยม ebook หรือ อ่านตามเว็บเอามากกว่า ถึงแม้จะมีกลุ่มนักอ่านที่ชอบหนังสือเล่มที่ชอบจับสัมผัสอยู่มาก
แต่อนาคตกูว่าคนอ่านคงหันมานิยม ebook มากขึ้น ตามเทคโนโลยีที่เป็นแนวทางบังคับให้ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
ปล. มองง่ายๆ คือ คนสมัยนี้ ขาดมือถือก็แทบขาดใจกันเลยนั่นแหละ
ช่วงนี้กูอ่านแต่ ebook ไม่ก็พวกไลท์โนเวลเล่มเล็กๆ พอมาอ่านนิยายเล่มใหญ่ๆ แล้วพบว่าหนักมาก นอนตะแคงอ่านก็ไม่สะดวก พกไปข้างนอกก็เกะกะ แต่กูก็ยังชอบกลิ่นหนังสือเป็นเล่มอยู่นะ เพราะงั้นออกมาทั้งสองเวอร์ชั่นเลยเหอะ เผลอๆ กูจะซื้อทั้งสองแบบ
กูชอบเล่มกระดาษ ในแง่ที่ว่าตั้งสมาธิอ่านได้นานกว่า ไม่ชอบก็ขายต่อ ส่งต่อให้คนอื่นได้ และยังเป็นพร็อพได้อีก (กูชอบถ่ายรูปน่ะ 555) แต่ยอมรับละว่ามันเริ่มไม่สะดวกแล้ว บางเล่มกูอ่านตัวอย่างแล้วอยากอ่านต่อมาก ๆ ถ้ารอเล่มกว่าจะมาถึงมือคือหมดอารมณ์ก่อน ก็จะกดซื้อมันเดี๋ยวนั้นเลย แต่ว่างี้ว่างั้นหนังสือภาษาไทย กูซื้อเป็นเล่มเกือบหมดนะ เพราะนอนฟิคไทยไม่มีอีบุ๊กให้เปย์ ภาษาอังกฤษอ่านเอาในลิบบี้กับคินเดิลอะ ลดบ่อยมากกก กูรักอีบุ๊กเพราะแบบนี้ เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ดีคนละแบบ
ละกูชอบนส.ตปท.ตรงที่มันทำอีบุ๊กเกือบทุกเล่ม แล้วกุก็จะโหลดตัวอย่างมาเซอเวก่อนได้ว่าแนวไม่แนว สนพ.ไทยพวกทำวรรณกรรมอินดี้ คลาสสิค บลา ๆ รวมทั้งนอนฟิคควรทำบ้างนะ ขอหน่อยเถอะตัวอย่างสำนวนแปล เลย์เอาต์ อัพลงเว็บสำนักพิมพ์หรือหน้าเพจก็ได้ กูไม่มั่นใจการสั่งออนไลน์ทุกวันนี้เพราะงี้ละ
ทำไม สนพ.ไม่ค่อยลงทุนกับปกนิยาย อย่ามาอ้างว่าอย่าตัดสินนิยายจากปก ทำไมหนังสือทำมือปกถึงสวยสาดได้ แต่ของ สนพ. เหมือนกับขายเหมา
สงสาร นข สุด ใครๆ ก็คงอยากได้ปกสวยๆ
++++++++++++
มีใครจำได้บ้าง โพสห้องนิยายไทยละ หาห้องนี้ได้ด้วยป้ะ หานิยายเด็กดีตีพิมละเล่มนึง
นางเอกเป็นเด็กไม่พูด เหมือนมีปัญหาทางจิต พระเอกเป็นจิตแพทย์ รับนางเอกมาอยู่ด้วยจะได้พูดได้
จำไม่ได้ว่า ชื่อ จิตร มัทวา หรืออะไรทำนองนั้น ชื่อพระเอกนางเอกรวมกันได้ชื่อจัตวาอะ
เป็นนิยายเด็กดี เก่ามากละ รวมเล่มหนาๆ เขียวๆ เป็นสิบปีละมั้ง มันชื่ออะไรนะ
ขุดมู้ที่มีสาระ
โรงพิมพ์กำลังจะตาย?
พวกโรงพิมพ์มันน่าจะเพิ่มบริการจัดเล่มให้พวกนักเขียนนะ เดี๋ยวนี้คนนิยมออกเล่มเอง ไม่ต้องผ่านสำนักพิมพ์ ถ้าจัดตั้งแผนกที่มาจุดนี้โดยเฉพาะ พิสูจน์อักษร จัดหน้า ทำปก แล้วก็พิมพ์ กูว่าน่าจะได้ลูกค้ามหาศาลว่ะ เพราะเดี๋ยวนี้พวกนักเขียนอยากพิมพ์เองแม่งเกลื่อนกลาด ไอ้ประเภทขี้เกียจ กูเขียนอย่างเดียว จัดหน้าไม่เป็น ก็เยอะแยะ
ไม่รู้จะไปถามที่ไหนวะมีใครอ่าน
Bertrand Russell บ้างไหม
>>663 >>664 ถ้าจะเทียบภาษาก็คงประมาณลอร์ดออฟเดอะริงแหละ แต่มันไปในทางปรัชญาไง เลยค่อนข้างจะวกวน แต่ถือว่าอ่านง่ายนะ กูว่าอ่านง่ายสุดในบรรดานักปรัชญาคนอื่นๆ แล้วแหละ ต้องบอกก่อนว่ากูเรียนมาทางนี้เลยต้องอ่าน ถามว่าอ่านนานมั้ยกว่าจะจบ คือกูยังอ่านไม่จบเลยว่ะ ฮ่าๆ มัวแต่ติดนิยายจีน กูชอบอ่านอะไรๆที่มันเป็นประวัติศาสตร์ตะวันตกน่ะ แล้วของคนเขียนคนนี้เขาเล่าถึงเรื่องประวัติศาสตร์ ศาสนาอะไรตั่งต่างอะมึง มันเลยน่าอ่าน เออ ถ้าอยากอ่านแนวปรัชญา ลองอ่านเรื่อง Sophie’s World ดิ สนุกดีนะ เป็นปรัชญาง่ายๆ เหมือนคนเขียนพยายามย่อยปรัชญาให้คนอ่านทั่วไปสนุกด้วยน่ะมึง ภาษาอังกฤษในเล่มก็ไม่ยากเลย กูแนะนำ
KY ไม่รู้ถามถูกห้องไหม คือกูรอเก็บเล่มนิยายชนะเลิศของงานประกวดblจากสนพ.นึงอยู่ มันประกาศตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ยังไม่มีกล่าวถึงอีกเลยคือสนพ.ได้ดองพวกกูแล้วใช่หรือไม่...
สถพ.โดนละเมิดเลยออกมาโวยวาย เห็นแล้วตลก ทีฝั่งตัวเองละเมิดไปหลายหนนี่ทำเงียบ ใครทีกท้วงก็เมินเฉย
+++++
ซื้อหนังสือหลายสำนักพิมพ์ ก็ต้องเสียค่าขึ้นแต่ละสำนักพิมพ์อีก
กูกดนายอินซีเอ็ดเหมือนเดิมว่ะ ง่ายกว่า
แฟลชทำหนังสือกูมีตำหนิว่ะ เซ้ง
คิดถึงสนพ.เอ็นเทอร์ที่เมื่อก่อนชอบเอานิยายแฟนตาซีมาแปลว่ะ เดี๋ยวนี้มีแต่นิยายจีนกำลังภายใน ซึ่งกูไม่อ่าน
คิดถึงยุคของ Nohero, LSK, Knight of darkness, kill no more ไรงี้
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.