สับแหลกแหกวงการหนังสือไทย --->
https://fanboi.ch/literature/2383/
Last posted
Total of 1000 posts
สับแหลกแหกวงการหนังสือไทย --->
https://fanboi.ch/literature/2383/
ขอคุยต่อจากประเด็นนี้ >> https://fanboi.ch/literature/2383/992/
ตามที่อ่านแล้วเข้าใจคือ หนังสือมันยังไม่ได้ปลอดลิขสิทธิ์ (และตอนนี้มีสนพ.อื่นซื้อลิขสิทธิ์ถูกต้องมาแล้ว)
แต่ที่สนพ.นี้หยิบอ้างนี่คือ เพราะว่ามันเคยแปลขายแบบไพเรตมาก่อนที่ไทยจะมีกฏหมายลิขสิทธิ์ การเอาของเดิมมาทำเล่มใหม่ครั้งนี้ กม.ถือเป็นโมฆะเอาผิดไม่ได้
กูอ่านเข้าใจถูกใช่มั้ย
แบบนี้ก็ได้เหรอวะ? มีใครถามบอสได้บ้างมั้ย
เสียใจอะ ไม่น่าทำตัวงี้ คือเขาจะออกงานของดัมบัดเซ อยากอุดหนุน แต่เจองี้แล้วซื้อไม่ลง ;___;
แทรกหน่อย แพรวปล่อย to kill a mockingbird ว่ะ เห็นบอกทันงานหนังสือ
https://www.facebook.com/Praewnovelclub/photos/pcb.1228033577261360/1228033277261390/?type=3&theater
ขอถามหน่อย ปกติเวลาเลือกหนังสือแปล ถ้าไม่ได้แปลจากภาษาต้นฉบับมีผลต่อการซื้อของพวกนายมั้ย แล้วอีกอย่างที่สงสัย สนพควรจะพิมพ์ไว้ที่เล่มเลยเปล่าว่าแปลจากภาษาไหนอ่ะ
>>12 มันก็น่าจะเปล่าวะ กูเป็นสายญี่ปุ่นนะ บอกเลยว่าถ้าแปลจากภาษาอังกฤษมาก่อน สำนวนญี่ปุ่นที่คุ้นเคยกันมันจะหายไปหมด ไปดูพวกหนังสือที่เพลงดาบแม่น้ำร้อยสายแปลจากภาษาอังกฤษไว้ได้ กูไม่ได้ว่าเขาแปลไม่ดีนะ แต่มันไม่ใช่ เหมือนเสือกเหยาะซอสมะเขือเทศใส่แทนมิรินอ่ะ รสชาติมันก็แปร่งๆ
>13 >14 >15 รู้ว่ามีผลแหละ แต่เพื่อนเราบางคนมันก็ไม่สนเลย แปลก็คือแปล แบบนี้น่ะ เลยเอามาถามในนี้ดูบ้าง อยากรู้คห อีกอย่าง หลังๆไม่ค่อยเห็นสนพใส่ไว้ในหนังสือหรือปกว่าแปลจากภาษาอะไร เลยไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ใส่ พอไปถาม เขาก็บอกว่ามันไม่จำเป็น (ขอไม่บอกละกันว่าสนพไหน)
>>2 ถ้าบทจรฟ้องขึ้นมานี่สนุกแน่ อาจไม่คุ้มเรื่องเงินแต่ได้ความสะใจและสร้างมาตรฐานให้วงการหนังสือ ค่าทนายหลายหมื่นฟ้องชนะมาอาจไม่คุ้ม
แต่ฝ่ายที่โดนฟ้องนี่ขี้แตกแน่ๆ หนังสือที่ขายไปแล้วก็โดนตีเป็นเงินที่ต้องจ่ายให้บทจร เล่มไหนยังไม่ได้ขายก็โดนศาลสั่งริบทรัพย์ มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง
กูอยากบ่นไม่รู้มาถูกมู้ไหม T_T
วันก่อนกูซื้อเล่ม metamorphosis แปลไทยมา ปรากฏว่ามีหลายจุดมากที่มีเครื่องหมายคำพูดเปิดแล้วไม่มีปิด กูก็งงไปดิ เสียใจ เซ็ง ไม่นึกว่าสำนักพิมพ์จะปล่อยผ่านมาได้
>>22 https://fanboi.ch/literature/2330/956/ โม่งนี้บอกว่างานของ บ.ก. นี้ไม่ค่อยดี
>>22 เราคนที่ >>23 อ้างถึงเองนะ เสียใจด้วยที่เผลอซื้อมา โอ๋นะ
เออ แล้วใครกำลังคิดจะซื้องานของคาฟก้าอ่าน เมตามอร์โฟซิส สำนวนแปลอาจารย์ถนอมนวล โอเจริญ จะพิมพ์ใหม่แล้วนะจ้าา (ดีใจ) เพราะงั้นเก็บเงินไปซื้อของสนพสามัญชนเถอะ จริงๆ แอร์โรวอะในวงการเขาขยาดกันเยอะ เพราะชอบออกงานชนชาวบ้าน มีเยอะมากที่ออกชน จริงๆก็ไม่อะไรถ้าแปลดี แต่ไม่ดีอะดิ แถมปกไม่สวยอีก เตือนไว้แล้วกัน อย่าเห็นแก่ของถูก (โปรในงานซื้อเสื้อแถมหนังสือ) ระวังสนพนี้ไว้เยอะๆ มันไม่ค่อยโอหรอก
งานหนังสือปีนี้เป็นไงบ้างวะ เงียบมั้ย กูยังไม่ได้ไปเลยว่ะ
เงียบของกูในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงกิจกรรม การแหกปากของบูทนะ อันนั้นรู้อยู่แล้วว่าไม่มี
กูหมายถึงปริมาณคน ปริมาณการซื้อขายอ่ะ เงียบเหงามั้ย
Ky ถามเรื่องการเปลี่ยนหนังสือหน่อย
ของ sic ถ้าส่งไปเปลี่ยนคือเราต้องออกค่าส่งเองใช่เปล่าวะ?
>>34 กูส่งหนังสือไปเจ้าไหนๆกูก็ต้องออกของค่าส่งเองทั้งนั้นว่ะ มีแจ่มที่จะมีของที่ระลึกกลับมาให้ กล้วยบางครั้งก็จะใส่เงินค่าส่งมาให้เป็นบางครั้ง กูว่าไม่น่าจะมีสนพ.ไหนให้เงินค่าส่งหนังสือเปลี่ยนนะ
>>35 ของสยามกูไปถามที่งานว่ากูเอาหนังสือไปเปลี่ยนได้มั๊ยมันชำรุดเค้าบอกว่าต้องเฉพาะที่ซื้อในงานแล้วเอาใบเสร็จมายื่นด้วย แต่ถ้าซื้อนอกงานต้องส่งไปรฯอย่างเดียว กูเลยว่าจะรวบรวมหลายๆเล่มส่งทีเดียวให้คุ้มเงินค่าส่งหน่อย
กุเป็นพวกซื้อดอง อยู่ในซีลขี้เกียจแกะเช็ค พอมีปัญหาก็เอาไปเปลี่ยนที่ร้านไม่ได้เพราะแม่มเลยวัน เซ็งมากมาย เดี๋ยวนี้ซื้อมาต้องเช็คให้เรียบร้อยก่อนยัดลงตู้
>>33 อันนี้ไม่ใช่หนังสือว่ะ แต่กูเคยเปลี่ยนการ์ตูนของบงกช
เขาให้เลือกสองทางคือทำลายหนังสือ (ตัดปกครึ่งนึงหน้าหลัง) แล้วส่งรูปหลักฐานให้เขาดู หรือไม่ก็ส่งหนังสือคืน กูทำลายไม่ลงเลยส่งคืน ค่าส่งกูออกเอง
(จากนี้ไม่ได้ตอบมึงแต่กูขอด่า สนพ.หน่อย)
เขาส่งเล่มใหม่มาแบบแพ็คแย่มาก เอากระดาษแข็งปกการ์ตูนรียูสห่อมา บับเบิ้ลกับถุงพลาสติกห่อการ์ตูนแบบปกติก็ไม่มี คือมาแค่ตัวเล่มกับปกบางแค่นั้นเลย
แถมการ์ตูนเล่มที่กูเปลี่ยนปกค่อนข้างสีอ่อน พอถูกับกระดาษแข็งมาปกอ่อนแม่งดำ ริมขอบปกอ่อนที่เกินเล่มมาเยินรอบ กูนี่เซ็งสุด และเล่มที่กูเปลี่ยนไม่มีขายแยก แม่งขายแต่เป็นแพ็ค (เลยเปลี่ยนกับร้านไม่ได้) -*-
ค่าส่งหรือของที่ระลึกไม่มีสักอย่าง ซึ่งอันนี้กูไม่ซี แต่เกลียดความแพ็คเลวจนกูยังด่ายันทุกวันนี้
โม่งกูจะแตกมั้ยวะ 5555
กูโคตรรำคาญสำนักพิมพ์ที่ชอบออกมาตัดพ้อคนอ่าน สารภาพเลยว่าที่ไม่ซื้อหนังสือเล่มใหม่เพราะเอาแต่ตัดพ้องอแงบนหน้าเฟสไปวันๆ เนี่ยแหละ
กู 40 นะ >>42 กูเซ็งแค่ครั้งนั้นนั่นล่ะ รอบที่เหลือก็เฉยๆ แพ็คมาปกติและมีพลาสติกห่อเล่มการ์ตูน แต่แค่รอบนั้นไม่มีแม้แต่พลาสติก กูงงและเซ็งรอบนั้นมากจริงๆ
ปกติถ้ามีปัญหาร้านที่กูซื้อเขาให้เปลี่ยนเลย เรื่องไม่ต้องถึง สนพ.
แต่กูก็ยังอุดหนุนการ์ตูนค่ายนี้ต่อไปอยู่ดี เพราะมีแต่ อ. ที่กูชอบ 5555
>>40 ถ้าในงานหนังสือเรื่องไหนที่แพตเราให้เขางัดแยกเล่มออกมาเลยนะ ก่อนหน้านี้พนักงานที่บูทก็ไม่แกะให้ เราเลยเมล์คุยกับฝ่ายขายบอกเขาว่าเรื่องที่เราตามหลายเรื่องตอนที่เพิ่งออกร้านไม่เอาลงทุกเรื่องนะ เราตามหาซื้อไม่ได้ก็ต้องมาซื้อในงานหนังสือที่ควรจะมีครบ แต่ถ้าคุณแยกขายให้ไม่ได้แล้วบังคับให้เราไปสั่งหน้าเว็บอย่างเดียว งั้นหลังจากนี้เราเลิกอ่านงานของสำนักพิมพ์คุณทั้งหมดก็ได้ประหยัดเงินเราด้วยจะได้ไปซื้อนิยายแทน ฝ่ายขายเขาโทรบอกพนักงานในบูทให้แกะแยกเล่มให้เลย หมดปัญหาอีก เลยตามอ่านของบงกชต่อ
ไม่เหมือนของสยามไล่ให้เราไปสั่งหน้าเว็บอย่างเดียวเล่มเก่าๆ ก็ไม่มีบอกทำลายทิ้งหมดแล้วหนังสือก็ขาดไม่ครบชุดหน่ายใจมาก เซ็งมากคือมีอยู่รอบที่เราหาการ์ตูนเก่าอยู่เล่มเดียวที่ขาดแล้วเขาให้เราไปสั่งในเว็บ ในเว็บคิดค่าส่ง+ธรรมเนียมโอนมากกว่าค่าหนังสืออีก เขาก็บอกงั้นรอให้ค่าส่งคุ้มค่อยสั่ง เราก็อืม... งั้นรอ ผ่านไปเกือบปีโอเคได้เรื่องที่สั่งหลายเล่มพอล่ะติดต่อไปบอกเรื่องที่เราหาเขาทำลายหนังสือทิ้งแล้วไม่มีสต๊อก เรางงสิไม่ถึงปีทำลายหนังสือปลายปีถามยังมีอยู่เลยพ้นปีไปไม่มีแล้ว เขาก็พยายามอธิบายมาว่าเรื่องที่เราหามันการ์ตูนเก่าแล้วพ้นปีเขาต้องเคลียร์โกดัง เข้าใจนะแต่เซ็ง เข็ดมากสุดคือเพิ่งซื้อแพตชุดตอนเล่มจบออกไปผ่านไปแค่เดือนสองเดือนงานหนังสือเจอแพตชุดในบูทลดมากกว่าที่เราซื้ออีก เซ็งๆๆๆ ฝ่ายขายของสยามแย่มากจนตอนนี้เราไม่ซื้อแยกของสยามแล้วรอจบแพตชุดงานหนังสืออย่างเดียวได้ลดด้วย
งานหนังสือรอบนี้มันงานเทกระจาดมากๆ ลดกันเยอะจนจะนึกว่าเขาเตรียมปิดสำนักแล้ว ทั้งการ์ตูน ทั้งหนังสือเลย สงสารคนทำหนังสือด้วย มีข่าวเรื่องในหลวงงี้ แต่ชอบบรรยากาศได้เลือกหนังสือเงียบๆนะ เรื่องคนคิดว่าน้อยกว่ารอบที่แล้ว (เพราะวันที่ไปด้วยเปล่าไม่แน่ใจ)
ในนี้มีใครรู้เกี่ยวกับพวกร้านหนังสือบ้าง?
อยากรู้พวกร้านเวลาเขารับมา เขาได้ส่วนลดจากสนพ.กี่%วะ? คือกุซื้อร้านนึง ของใหม่มากกก หนังสือพึ่งออก ได้ลด 50% แถมสั่งเรื่องไหนก็ได้ที่มีของ กุเลยสงสัยว่ะ (แต่เขาไม่ได้ลดทุกคนนะ เขาบอกกุว่าลดให้กุเพราะลูกค้าประจำ)
>>51 มันมีร้านประเภทหนึ่งที่ได้หนังสือมาขายในทางที่มิชอบค่ะ พวกนี้จะกล้าเอาหนังสือสภาพดีบางทีเป็นหนังสือใหม่ลดถึง 80% ได้
1. เขาได้หนังสือหลุดจากโรงพิมพ์ (ไม่ใช่สนพ.) โรงพิมพ์จะพิมพ์และเข้าเล่มเกินเผื่อเสียจากการผลิต ซึ่งการพิมพ์แต่ละครั้งจะมีหนังสือกลุ่มนี้ 2-5% จากยอดสั่งพิมพ์ขึ้นกับโรงพิมพ์ซึ่งเขาอาจยกแถมให้สนพ.ที่จ้างแต่ส่วนใหญ่จะไม่เก็บซักระยะไว้เผื่อเปลี่ยนแล้วพอเครียร์เงินก็ทำ
ายทิ้ง แต่บางมีไม่ทำลายขายเหมาเป็นกี่โล และบางทีคัดตัวเล่มสภาพดีเอาไปส่งร้านหนังสือขายแบบถูก
2.หนังสือที่ได้จากการขโมยค่ะ มีกลุ่มที่จ้างเด็กเข้าร้านหนังสือใหญ่บ้างเล็กบ้างเข้าไปทำเนียนสนใจหนังสือแต่ขโมยออกมา ที่จ้างเด็กเพราะถ้าทางร้านจับได้จะมีผู้ใหญ่แสดงตัวขอโทษซื้อหนังสือนั้นแล้วขอยอมความว่าเด็กอยากได้แต่ไม่ซื้อให้เลยมาแอบขโมยให้สงสารเด็ก หนังสือที่กลุ่มนี้เล็งจะเป็นหนังสือแพงหรือดัง กลุ่มเคยเป็นข่าวออกโทรทัศน์เมื่อหลายปีก่อนช่อง TPBS ตำรวจสืบต่อพบเป็นขบวนการใหญ่มูลค่าหนังสือหายต่อเดือนเป็นแสน
แล้วหนังสือพวกนี้จะถูกส่งต่อไปร้านใต้ดิน (แต่เปิดขายปกติเหมือนร้านทั่วไป) เมื่อที่จตุจักรมีเยอะพอตำรวจกวาดล้างใหญ่ก็หายไปพักหนึ่ง
>>52 ข้อแรกนี่เพิ่งรู้นะเนี่ย ความรู้ใหม่เลย แต่เดิมกูรู้แค่ว่าสนพ.ที่ไม่มีโรงพิมพ์ของตัวเองใช้ระบบ แยกสี แยกเพลท แล้วมาประกอบกันทีหลังป้องกันโรงพิมพ์แอบพิมพ์เกิน
ส่วนข้อสองกูเคยไปเดินจตุจักรแล้วซื้อเทวากับซาตานลดราคา 40% สภาพหนังสือมือหนึ่ง ตอนนั้นกูนึกว่าร้านเป็นสายส่ง แต่มาคิดดูอีกทีก็รู้สึกแปลกๆ ที่มีนิยายดังๆปกล่ะไม่กี่เล่ม ถ้าเป็นสายส่งจริงมันควรมีวางในชั้นอย่างน้อยสี่ห้าเล่ม พอหาข้อมูลเพิ่มก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองซื้อของโจร
52 เองค่ะ ขอโทษที่พิมพ์ตกหล่นเยอะ กดในมือถือจอแคบเลยไม่ได้ทวนก่อนส่งแต่คงพออ่านรู้เรื่องเน้อะ ขอเพิ่มนะ
กรณี 1 ที่ทราบเพราะเคยติดต่อโรงพิมพ์ที่หนึ่งแล้วพอถามเขา เขาใจดีเลยอธิบายให้ฟังว่าเป็นพวกหนังสือที่พิมพ์เผื่อหนังสือเสียที่สำรองไว้เปลี่ยน ตามที่บอกข้างบนที่จะพิมพ์เกินไว้ 2-5% แล้วแต่โรงพิมพ์ด้วย บางที่เผื่อแค่ 0.5% ก็มี พอเกิน 3-6 เดือนตามตกลงจ่ายเงินถ้าทางสนพ.ไม่มีแจ้งเปลี่ยนหนังสืออีก เขาก็ขายทิ้งแบบชั่งกิโล เมื่อก่อนกิโลละ 5 บาท ตอนนี้กิโลละ 10 บาท โรงพิมพ์ส่วนใหญ่เขาจะรับผิดชอบทำลายหนังสือให้ก่อนโดยการถอดปกหรือผ่าครึ่งหนังสือ แต่บางโรงพิมพ์ก็อาจจะไม่ทำเพราะต้องเสียเวลาและจ้างคนงานมาทำลายหนังสือ ยกให้ร้านที่มารับเหมาเลยง่ายกว่าซึ่งคนที่เหมาไปจะเอาไปคัดแยกขายที่ไหนไม่ใช่ความรับผิดชอบโรงพิมพ์แล้ว (เขากระซิบมาว่าจริงๆ ผิดด้วยนะ เพราะโรงพิมพ์จะต้องรับผิดชอบทำลายหนังสือที่เกินก่อนขายชั่งกิโล)
ซึ่งหนังสือที่พิมพ์เกินพวกนี้เหมือนหนังสือขายตามร้านทั่วไปเลย (แค่จะไม่มีหุ้มพลาสติก) ทำให้บางทีมีร้านหนังสือหรือผู้อ่านบางคนที่สืบได้ว่าพิมพ์ที่ไหนจะตามมาที่โรงพิมพ์ถามหาขอซื้อหนังสือที่ต้องการก็มี ยิ่งถ้าเป็นหนังสือหายากพิมพ์จำนวนน้อย หนังสือราคาแพง จะยิ่งมีคนถามเยอะ ก็ขึ้นอยู่กับโรงพิมพ์อีกว่าที่ไหนยอมขายแต่ส่วนใหญ่จะไม่ขายเพราะกลัวเจอสนพ.ล่อซื้อแล้วแจ้งความดำเนินคดีเพราะถือเป็นคดีลักทรัพย์ ขายของโจร
สนพ.จะป้องกันตัวเองเบื้องต้นเช่นแยกเพรทตามที่บอกมา แยกส่วนพิมพ์ขาวดำสี แยกส่วนบทพิมพ์ แยกโรงพิมพ์กับร้านเพรท แยกโรงพิมพ์กับร้านเข้าเล่ม เลือกสั่งกระดาษแบบพิเศษเพื่อไม่ให้ร้านเพรทแอบเอาไปพิมพ์เอง หักเพรททันทีที่พิมพ์เสร็จ ซึ่งทั้งหมดถ้าโรงพิมพ์จะโกงก็ทำได้หมดเพราะโรงพิมพ์ ร้านเพรท ร้านเข้าเล่ม ส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายกันหมด แต่โรงพิมพ์ไม่ทำเพราะมูลค่าการขายหนังสือในตลาดมืดจากขบวนการพวกนี้มันได้น้อยกว่าเขารับงานอื่น
พวกหนังสือหลุดจากโรงพิมพ์จึงมักจะหลุดที่ขั้นตอนขายทิ้งให้ชั่งกิโลมากกว่า แต่หนังสือกรณีนี้มักเป็นพวกเล่มเดียวจบหรือจำนวนเล่มน้อยๆ เพราะถ้าเป็นพวกเรื่องที่มีหลายเล่มจบ สนพ. มักจะจ้างหลายโรงพิมพ์พิมพ์คนละเล่ม (คุณภาพหนังสือในชุดอาจจะไม่เหมือนกัน) และถ้าเป็นเรื่องขายดีๆ พิมพ์หลายครั้ง สนพ. มักจะเปลี่ยนปกในการพิมพ์แต่ละครั้งเพื่อไม่ให้โรงพิมพ์มีการยักยอกไปขายตลาดมืด
กรณีที่ 2 ขโมยจากร้านปัจจุบันก็ยังมีอยู่แต่เปลี่ยนไปขโมยในงานหนังสือต่างๆ แทน เด็กที่ถูกจ้างบางทีอายุน้อยมาก 10 ขวบก็มีส่วนใหญ่ค่าจ้าง 20 บาทก็ยอมทำแล้ว และกลุ่มนี้ออเดอร์หนังสือได้ด้วยค่ะ เหมือนขโมยรถยนต์เลย
มีเพิ่มกรณีที่ 3 จากสายส่ง/ชั่งกิโลค่ะ กรณีนี้จะไม่ผิดกฎหมายเพราะเป็นการตกลงยินยอมของสนพ.กับสายส่ง/ชั่งกิโลเอง เกิดจากหนังสือค้างสต๊อกขายไม่ออกจำนวนมาก สนพ.จะตัดสินใจขายเหมากับสายส่งแทนเช็คจำนวนแล้วพบว่าขายได้บางทีไม่ถึง 100 เล่มจากที่พิมพ์ 3,000 เล่ม หนังสือกลุ่มนี้บางทีเจอเป็นชุดครบทุกเล่ม แต่อย่างที่บอกมันเป็นหนังสือขายไม่ออกซึ่งมันอาจจะเป็นหนังสือที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ กลุ่มนี้มักจะเห็นลดเหลือเล่มละ 10 - 20 บาท
บ้านเล็กในป่าใหญ่ หนังสือหายากมั้ยวะ?
ดูดวงจากแนวนิยายก็ได้เหรอวะ
https://www.dek-d.com/writer/42462/
แล้วทไวไลต์กูข้องใจอย่าง ไอ้ที่บอกว่าได้เรียนรู้สิ่งมีชีวิตอื่นๆ คือกูดูแต่หนังก็เห็นแต่เรื่องของเบลล่าและรักที่เหมือนจะระทมแต่ก็สมบูรณ์ดี ได้เรียนรู้สิ่งมีชีวิตอื่นอะไรวะนอกจากหมาป่ากับแวมไพร์
เว็บ DD กูงงเรื่องดูดวงตั้งแต่ราศีนี้มีไฟเขียนหนังสือ ช่วงนี้ควรงด ช่วงนี้ออกไปหาอะไรใหม่ๆ ทำ เห้ แบบนี้ก็ได้เหรอ มันชื่อดูดวงอะไรสักอย่าง เคยกดเข้าไปดูแค่ครั้งเดียวเพราะเห็นบ่อยเหลือเกิน แต่ก็ดูเหมือนจะเสริมแรงใจนักเขียนตัวเล็กๆ อยู่นะ แลดูบันเทิง แต่ไม่ค่อยมีอะไร
>>61 เหมือนกระทู้อวยกระตุ้นหนังสือมากกว่าว่ะ ไม่ได้เกี่ยวกับนิสัยหรือวันเกิดเลยนะไอ้รสนิยมการอ่านนี่
ทไวไลท์กูก็ได้ดูแค่หนัง ก็ไม่มีอะไรอย่างมึงว่า แต่หนังสือเขาอาจจะมีเรื่องราวสิ่งมีชีวิตอื่นๆ หรือเปล่า นี่กูคิดในแง่ที่ว่าหนังสือส่วนมากมันจะมีรายละเอียดมากกว่าหนังน่ะนะ
ป.ล. A Song of Ice and Fire คือชื่อซีรีส์มันจริงๆ ใช่เปล่าวะ
คนเขียนทไวไลท์อ่ะเขียนหนังสือเด๋อมากกกกกก มากๆๆๆ ตอนอ่านรอบแรกก็ฟินแหละ คือดูหนังอล้วชอบพระเอกไง เออก็เลยอ่านสนุก กลับมาอ่านอีกทีคือมันห่วยมากๆๆๆๆ พล็อตบ้านๆ แล้วเขียนหนังสือแย่อะ หนังสือกับหนังนี่ห่วยพอกัน
รู้จักแต่ชุดไดอารี่แวมไพร์ฯ 4 เล่มของมติชนที่ว่าเขียนล้อทไวไลท์ มีภาพวาดประกอบด้วย คนเขียนไดอารี่เด็กไม่เอาถ่านนี่ละมั้ง ดูเนื้อแล้วคล้านๆ กัน กูซื้อมาแต่ก็ยังไม่ได้อ่าน
ทไวไลท์ เดอะไวท์โร้ด 50เฉด
เรื่องไหนดีกว่าหรือแย่กว่ากันอย่างไรจงอธิบาย 10คะแนน
>>75 ถนนขาวเป็นเรื่องที่กูหลงใหลได้ปลื้มตอนประถม อ่านแบบไร้สมองไปพิจารณามันได้อรรถรสอยู่ กูให้ดีกว่าอีกสอง
ทไวไลท์อ่านตอนมัธยม เล่มแรกกูอ่านจบ พออ่านต่อๆไปทนไม่ไหว อ่านไม่จบครัช อย่างน้อยกุก็อ่านจบเล่มนึง เอาไปที่สอง
50 เชด กูแค่อ่านเล่มแรกก็อ่านไม่จบแระครัช ก็ไม่รู้ว่าทำไม เอาอันดับสุดท้ายไปครัช
>>75 ทไวไลท์ ต้องอ่านแบบหัวเบลอๆ พออ่านจนจบได้ > 50เฉด อ่านแล้วปิดๆ อ่านแล้วด่านางเอกไปเบลล่าโคตรว้อนแล้ว แอนาโคตรกว่า ปัจจุบันอ่านไม่จบ > เดอะไวท์โร้ด เปิดฉากก็อป FF ปิดหนังสือเลย... ทำใจอย่าอคติแค่แรงดลใจ พลิกๆ เล่มอื่นตัดสินใจก่อนจะซื้อ จาก FF เป็นแฮรี่แล้วก็เป็นลอร์ด ดีใจที่ไม่ได้ซื้อทันที
ถนนสีขาวนี่กูอ่านตั้งแต่ก่อนตีพิมพ์ สมัยกูประถมโคตรเด็กเลยว่ะ อ่านแล้วตอนนั้นวู้วฮู้วมาก โคตรชอบ แต่พอไปอ่านภาคมหาลัย เชี่ยไรวะ กูอ่านได้เล่มสองเล่มแล้วลาขาดเลยว่ะ ทั้งๆที่มันไม่ได้ทิ้งช่วงนานอะไรเลย แต่กูว่าภาคมหาลัยโคตรไม่สนุกเลยว่ะ ตอนนั้นกูเลยผิดหวังแล้วเลิกอ่านไปเลย ประกอบกับตอนนั้นกูคิดว่า นข.ไม่น่ากำหนดตายตัวเลยว่าต้องมีกี่ภาค ภาคละกี่เล่มไรงี้ มันจำกัดกรอบเกินไป ทำให้มันเนือย มันไม่หนุกว่ะ กูไม่รู้ด้วยว่ามันมีดราม่าลอกฉาก FF อีเหี้ย ร้องไห้หนักมาก เพิ่งมารู้จากพวกมึงนี่แหละ
ส่วน50กูไม่ได้อ่าน หนังได้ดูนิดๆแล้วออกเลย ไม่ชอบเท่าไหร่ เรื่องไม่มีไรให้น่าสนใจสำหรับกูเลย
ทไวไลท์ กูดูแต่หนัง เชี่ย กูจะร้องไห้ กูดูอะไรมาตั้งนาน โคตรไร้แก่นสาร แถมกูโง่ดูในโรงจนครบทุกภาคด้วย ร้องไห้หนักมากว่ะ นักแสดงสำหรับกู กูว่าก็แข็ง เล่นได้แข็งไม่สมูทเลย แวทไพร์ซีดซะจนกูนึกว่าเป็นโรคผิวเผือกละ แต่ตอนนั้นกูแอบติ่งเจคอปนิดๆ แต่พอดูจนจบแล้ว............
50เฉดมันเขียนแย่จริงๆอย่างที่ >>77 ว่า ลองไปอ่านภาษาอังกฤษดู เหมือนเด็กไฮสคูลหัดเขียนนิยายอ่ะ การเลือกใช้คำ รูปประโยค ฯลฯ มันเห่ยมาก แล้วเขียนบทรักได้ฝืดๆแข็งๆ เวลาสองคนนี้นอนด้วยกันมันแห้งมาก เขียนไม่เร้าอารมณ์เลยซักนิด บอกไม่ถูกเลยว่าเรื่องนี้กับทไวไลท์อะไรห่วยกว่า
สำหรับกู ทไวไลยังโอเคกูอ่านได้จบ ไม่ได้แย่มาก (กูความอดทนสูง)
ไวโรดกูอ่านตอนมัธยมยังเกลียดสุด ถ้ามาอ่านตอนนี้คงเกลียดกว่าเดิม ห่วยกว่ามาก ๆ
ส่วน 50เฉดกูไม่ได้อ่าน แค่เรื่องย่อ สปอยล์กูก็ไม่ไหวแล้ว
ถ้าจะเอานิยายอิ้งที่ห่วยสุดกูขอแนะนำ discovery of witches ว่ะ กูให้เหนือถนนขาวมา 5 เซน (ส่วนทไวไลกูให้เหนือถนนขาวซัก 1 โลแล้วกัน)
อีกอันคือ drake sisters กูเกลียดพระ-นางเกือบทุกคู่ (มี 7 คู่ 14 คน เกลียด 10 มั้ง นานแล้ว ลืม) ขอให้เหนือถนนขาว 100 เมตร
ตอนเด็กๆ กูอ่านถนนขาวนี่ก็รู้สึกชอบนะ เพราะตอนนั้นกูเพิ่งเริ่มหัดอ่านยังอ่านไม่เยอะ แต่พอเห็นหน้าคนเขียนกูรู้สึกไม่ถูกชะตาก็เลยเลิกอ่านเอาดื้อๆ 555
>>83 กูนับถือมึงมากกูอ่านทไวไลท์ไม่จบ ทนไม่ได้ มโนเบลล่าแม่งวันๆ ไม่คิดอย่างอื่นนอกจากผู้จริงๆ อ่านได้ครึ่งเล่มแรกก็บัยส์
แต่กูดันอ่าน 50เฉดได้ เพราะความอยากรู้ล้วนๆ ว่ามันเอสเอ็มยังไง อ่านแล้วเซ็งอย่าเรียกเอสเอ็มเลย ปาหี่มาก
ทไวไลท์กูอ่านตอนประถมอะ สมัยเป็นชะนีเด็ก อ่านจบนะ แต่รู้สึกว่าเบลล่าหลายใจกับอยากเยกับเอ็ดเวิร์ดซะเหลือเกิน 555555555
ไม่รู้ช้าไปหรือเปล่า แต่กุอยากรุว่าโรมาเนียยอดขายเป็นไงบ้าง ถามที่นี่ได้ปะ
เพิ่งเห็นบทความนี้
https://www.dek-d.com/writer/42788/
มันเป็นคำคมช่วยพัฒนาชีวิตยังไงวะ คือบางอันไม่น่าตะเรียกว่าคำคมอ้วยซ้ำ บางอันมันก็มุกคลาสสิกมีอยู่ทุกที่ นี่สถาพรจะรีปริ้นเลยจ้างเด็กดีมาอวยเรอะ
กูอยากรู้ว่าหนังสือแปลที่ขายในmebของสุวิทย์นี่ไปดอยมารึเปล่าวะ
ถ้ากูจะจ้างนักแปลช่วยแปลนิยายญี่ปุ่นเรื่องนึงที่ Lc ในไทยหลุดไปแล้ว ไม่ได้ทำขายหรอก แค่จะเก็บไว้อ่านเองคนเดียวน่ะ กูติดซีรีย์นี้แต่โอกาสจะได้อ่านแบบถูกลิขสิทธิ์ไม่มีอีกแล้ว เขาจ้างกันเท่าไหร่วะ ใครเคยจ้างบ้าง กูอยากรู้เรื่องต่อจริงๆ แปล eng ในเว็บหยุดไปนานแล้วด้วย ทั้งๆที่ปัจจุบันเรื่องมันไปไกลกว่านั้นแล้ว
>>100 เรื่องนี้ไม่ดังในไทยว่ะ มีสนพ.เอามาทำหนนึงและลอยแพปล่อยลิขสิทธิ์หลุดไปแล้ว เคยแยบๆสนพ.อื่นว่าจะเอามาทำต่อมั้ย เขาก็ไม่สนใจเพราะไม่ดังและไม่มีกระแส จริงๆกูไม่สนใจว่าภาษาต้องเลิศลอยอะไร แค่อ่านได้ใจความครบถ้วนและรู้เรื่องก็พอ กุแค่อยากอ่านต่อเฉยๆ เอาคร่าวๆก็ได้ ถ้ากูจ้างนักเรียน กูควรจ่ายเขาเท่าไหร่ดี
>>99 มึงรับแปลรึเปล่า
http://imgur.com/1YXPIVn มึงงงงงงงงงง โรเซเนียภาคใหม่ : จุดจบของมิกซ์แฟนฟิค
>>109 โม่งให้อันดับสูงอยู่นะ
https://docs.google.com/spreadsheets/d/1QtrnMCC1M02YCEjTbNbNZAkW2vYq34Yhga53fQ4HwgQ/edit#gid=0
แต่งานมันขายไม่ออกแจ่มใสเลยลอยแพ
พวกมึงพูดถึงเจ้าหญิงจอมฟลุกกันทำไม กูยังเสียดายอยู่จนทุกวันนี้ เป็น JLN เรื่องที่สามที่กูชอบ รองจากเจ้าสาวอสูรและจอมเวทย์บุปผาแดงเลยนะ แต่ดันถูกลอยแพ ฮือออออ
มาระดมทุนซื้อ Lc มาแปลอ่านกันเองกัน 5555
ไปขอให้ ELN ซื้อสิ ได้ข่าวแยกกันทำนี่
กุก็ชอบเจ้าหญิงจอมฟลุก ชอบพ่อบ้านแวมไพร์ด้วย โอ้ยยยย
เดี๋ยวนี้เค้าเริ่มใช้กระดาษแบบนิยายต่างประเทศแล้วเหรอวะ ที่แบบบางๆเหม็นๆ กูไม่ชอบเลยว่ะ
ขอบ่นแปป เพื่อนแม่งเอาหนังสือมาให้กูอ่าน กูรู้สึกหนังสือแม่งเข้าใจยากมาก เหงาๆฟุ้งๆแบบประดิษฐ์ ๆแล้วก็มีชื่อเพลงฮิป ๆ เพลงอินดี้ๆ โผล่มาเป็นระยะ อ่านมานานกูยังไม่รู้เลยตัวเอกจะไปทำอะไร เดี๋ยวนี้นิยายแต่งสไตล์นี้ออกมากันเยอะนะ
กูเพิ่งได้ไปลองจับหนังสือต่างประเทศครั้งแรก ไม่สวยเหมือนกรีนรีดบ้านเรา แต่เบาจนตกใจ กูว่ากูชอบนะ
กุชอบเหมือนกันแม้ว่กระดาษหนังสือเมืองนอกมันบาง ดูไม่ทน แต่เทียบกับความหนาของหนังสือแล้วถูกโคตร เหมือนเขาทำเพื่ออ่านไม่ใช่เพื่อสะสมว่ะ ตรงจริตกุเลย
>>122 จริงมึง ออกมาเยอะ กูอ่านแล้วกูก็ไปตามฟังเพลงนะ แล้วก็พบว่าเพลงแม่งไม่ถูกจริตกู พออ่านจบกูก็ไม่เก็ตว่าตัวละครแม่งเป็นเหี้ยไรทำไมเวิ่นเว้อ จากนั้นก็เลือนไปจากสมอง
หนังสือต่างประเทศกูเคยเห็นเพื่อนอ่านแล้วหนังสือมันบานง่ายมาก กูเห็นแล้วกูจะร้องไห้เพราะกูเป็นคนที่ถนอมหนังสือ(ที่ไม่ใช่หนังสือเรียน)มาก แต่ที่กูไม่ชอบเลยคือขอบกระดาษไม่เท่ากัน กูอ่านโลลิต้าแล้วรำคาญมาก บอกกูที สนพ เค้าทำเพื่ออะไร
ไม่รู้กูคิดไปเองหรือเปล่า กูว่าเรไรรายวันมันดูปลอม
มึงๆๆ ช่วงนี้กูเห็นคนแชร์การเก็บค่าฝากวางของซีเอ็ดกันเยอะเลย บ่นว่า เพราะแบบนี้นี่แหละ หนังสือเลยแพง
กูสงสัยมาก อัตราการขายหนังสือหน้าร้านมันเยอะแค่ไหนวะ เห็นคนชอบรองานหนังสือกับสั่งผ่านเว็บ กูเองก็จะซื้อผ่านนักเขียนเพราะจะเอาลายเซ็นและส่วนลด ถ้าอัตราการขายได้กว่าช่องทางอื่นมันไม่เยอะ ทำไมต้องไปง้อมัน เปลี่ยนโมเดลขายเองไม่ดีกว่าเหรอ
>>136 เรต 40-45% ของราคาหนังสือ
คือส่วนที่จะต้องถูกหักไปกับระบบสายส่งและการวางแผง
และต้องรอรับเงินไปอีกหลายเดือนกว่าจะได้เงินสด
อีกทั้งยังมีกำหนดการวางด้วยว่า ให้วางขายได้กี่เดือนจึงจะเรียกเก็บกลับคืนสนพ. ไม่ได้วางได้ตลอดเวลา เพราะมีปัญหาเรื่องสต็อกหนังสือที่จะมีเข้าร้านตลอด
ส่วนงานหนังสือคือสนพ.จะได้เงินสดเต็มเม็ดเต็มหน่วย เมื่อหักส่วนลด 10-20% และได้เงินสดคืนกลับมาหมุนเวียนได้เร็วที่สุด
ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่สนพ.เล็กๆ หรือเรื่องเปิดใหม่ต้องเน้นขายที่งานหนังสือก่อน
ส่วนซีเอ็ดเก็บค่าฟรีจากยอดส่งตามจำนวนเลยไม่ใช่ยอดขายราคาเดิมคือ 1% จากข้อมูลเก่า
คือไม่ว่าจะขายได้ไม่ได้ก็คิดค่าวางแบบเหมารวมเลย
เช่นเอาไปฝากขาย 1000 เล่ม ราคาปก 300 บ. ก็จะมีค่าเก็บส่วนนี่ 3000 บ. ไม่ว่าจะขายได้กี่เล่มก็ตาม
อ่านแล้วเข้าใจว่าทำไมวงการหนังสือคนถึงหายไปเรื่อยๆ
ระบบบ้านเรากูว่าแม่งผิดตั้งแต่มีงานหนังสือลดราคาเยอะๆ ละว่ะ
ตามที่กูเข้าใจงานหนังสือสำหรับตปท. มีไว้สำหรับร่วมลงทุนในธุรกิจอะไรแบบนี้
>>140 เราชอบงานหนังสือนะ แต่เราไม่ชอบซีเอ็ดนานแล้วไม่เข้าร้านน่าจะเกิน 10 ปีแต่เข้านายอินทร์ คิโนะ
งานหนังสือเป็นอะไรที่ชอบมาก เดินหาหนังสือเก่าก็ไม่ต้องไปถึงร้านเขาเอามารวมกันที่งานเลย หนังสือหายากก็หาเจอในงาน หนังสือใหม่ก็ลดราคา ซื้อกับสำนักพิมพ์เลยได้เจอนักเขียนด้วย มีสัมมนากิจกรรม ของแถมมากกว่าร้านข้างนอก ถ้าไม่ไปวันที่คนเยอะๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย
ตั้งแต่รู้ว่าซีเอ็ดกินส่วนแบ่ง 40%ก็พยายามเลิกซื้ออ่ะ หันมาสั่งออนไลน์หน้าร้านแทน ได้ส่วนลดแถมสนพ.ได้กำไรเต็มๆ ปีที่ผ่านมากูหมดกับ Readery เป็นหมื่น ซีเอ็ดนี่ซื้อเฉพาะเล่มที่ไม่มีให้สั่งออนไลน์
>>145 ถ้าซื้อทีละเยอะๆ กูก็สั่งกับ readery เหมือนกัน แต่ถ้าเล่มเดียวหรือสองเล่มสนพ.เดียวนี่กูสั่งกับสนพ.ไม่ก็ตัวนักเขียนเลยว่ะ
อยากรู้ว่ายอดไม่ถึง 1,000 บาท RDR คิดค่าส่งยังไงวะ กูสั่งแต่ละครั้งพันกว่าทั้งนั้น เสียดายค่าส่ง ๕๕๕ ถ้าไม่แพงกูอาจจะลดยอดลง และจำได้ว่าแต่ก่อนยอดขั้นต่ำมันหกหรือเจ็ดร้อยนี่ละมั้ง ไม่รู้มาขึ้นพันตั้งแต่เมื่อไหร่
>>146 เห็นข่าวจะย้ายมาหลายปีละเหมือนกันว่า 0จะปิดปรับปรุง แต่งานมีนา-เมษายังจัดที่เดิมอยู่ ถ้าย้ายไปเมืองทองจริงกูคงโบกมือลาว่ะ ไกลไปเดินทางลำบาก ถ้ามาไไบเทคยังสะดวกกว่า
จริงๆเรื่องค่าหัวคิว นายอินทรผืก็เก็บเหมือนกันไท่ใช่เหรอ พวกค่าวางชั้นงี้ 40-50% เหมือนกัน แต่ส่สนตัวแล้ว ถ้าไม่ได้ซื้อกับสนพ.โดยตรง กูก็เข้านายอินทร์แหละ กูชอบบรรยากาศมากกว่าซอ. แถมหนังสือเยอะกว่าด้วย ซอ.เหมือนจะเน้นพวกฮาวทู หนังสือเรียนซะมากกว่า แต่ตามปกติแล้วขนาดเดินงานหนังสือ กูก็ยังไปซื้อที่บูธสนพ.โดยตรงมากกว่า ทั้งๆที่รู้ว่ามีบูธอื่นที่ราคาถูกกว่าของสนพ.อะ กูมีความรู้สึกอุ่นใจกว่ายังไงก็ไม่รู้
เรื่องศูนย์ประชุม เห็นข่าวล่าสุดออกมาแล้ว ปิดปรับปรุงกลางปี 2561 แสดงว่าเหลือให้เดินได้อีก 3 ครั้ง
>>148 หกร้อย ส่งแบบพัสดุธรรมดา ส่วนพันนึงขึ้นนี่น่าจะส่งเคอรี่
ส่วนตัวยังไงก็ชอบซื้อหน้าร้าน หรือที่งาน สั่งออนไลน์ไม่บ่อย สั่งทีก็สั่งเยอะๆไปเลย สั่งถี่มันเสียค่าโอนนั่นนี่อีก อีกอย่าง เคยมีกรณีของหายทั้งที่ที่อยู่ถูกต้อง เลยเข็ด ไม่อยากสั่งบ่อย ส่วนขนส่งอย่างเคอรี่ก็มีเคสกล่องพัสดุโดนแกะ ทวงความรับผิดชอบไปจากทางครก็กริบ เห้อม
ตอนนี้ สนพ ใหญ่ๆก็ฝากขายกับหน้าร้านออนไลน์เยอะแล้วนะ ทั้ง Readery bookmoby ในอนาคตพวกร้านหนังสือก็หมดบทบาทไปเรื่อยๆ และพูดตรงๆก็สมควรหมดบทบาทด้วยว่ะ สมัยนี้มีเฟสบุคที่เอื้อกับการสร้างหน้าร้านออนไลน์ สนพ ควรเน้นตรงนี้เพื่อกำไรจะได้เข้าตัวเองเน้นๆ ใช้สื่ออนไลน์เชื่อมคนขายคนซื้อตรงๆไม่ต้องผ่านคนกลาง
ที่บอกว่างานหนังสือทำร้ายวงการสิ่งพิมพ์ เพราะคนรอแต่จะมาซื้อตอนวันงาน รอแต่จะรอซื้อราคาที่ลดแล้ว
กุว่ามันแค่ทำร้ายร้านหนังสือป่าววะ สนพ ได้ประโยชน์เต็มๆ เพราะไม่ต้องเสียค่าสายส่งค่าฝากร้าน ซึ่งในสังคมที่การอ่านอ่อนแอ ไงๆก็ต้องรักษาเสถียรภาพของ สนพ ที่เป็นต้นน้ำก่อนป่าว
ถ้าร้านจะเอาตัวรอดดึงคนเข้ามา คงต้องใช้กลยุทธิ์พรีเมียมเพื่อดึงคน แบบญี่ปุ่นที่มีการขายปกพิเศษหรือของแถมพิเศษเฉพาะร้าน
ตอนแรกกูไม่คิดอะไรกับเรไรแต่เห็นล่าสุดแฝงคติธรรมะด้วยกูตกใจว่ะ กูพยายามมองแง่ดีว่าเด็กมันได้รับการปลูกฝังมาดี แต่ถ้ามันคิดได้เองโดยไม่ศึกษาธรรมะมันเข้าขั้นอัจฉริยะเลยนะ แม่เขาอาจจะสอนมาดี แต่กูรู้สึกแปลกๆว่ะ เหมือนมันข้ามขั้นอ่ะ กูลองเปรียบเทียบกับธรรมชาติกูตอนเด็กๆโลกสวย พอประถมปลายถึงมัธยมต้นจะเริ่มดาร์กเริ่มเห็นโลก ม.ปลายเริ่มปรับตัว มหาลัยถ้าเริ่มคิดได้จะออกมาแนวธรรมะ ฯลฯ
แล้วแต่ประสบการณ์ชีวิต กูไม่ได้อิจฉาเด็กนะ แต่ระดับความคิดมันโตเร็วเกินไป ยังไม่ทันเบียวปลงได้แล้วอ่ะ 555 กูสรุปได้จากโพสสองอย่าง เด็กอัจฉริยะ ไม่ก็เขียนในสิ่งที่แม่ป้อน เฮ้อ ถ้าอย่างหลังสงสารเด็กว่ะ
>>153 ในห้องหนังสือสมัย Subculture กูเคยเสนอเรื่องการตรึงราคาหนังสือของฝรั่งเศส เมื่อเหลียวมามองที่ไทยแล้ว กูคิดว่ามันเป็นนโยบายที่ดีมากนะ
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2012/08/K12500111/K12500111.html
แม้ทุกวันนี้ร้านหนังสือระดับคลาสสิคของฝรั่งเศสก็เริ่มล้มบ้างแล้ว มันสู้กับโลกออนไลน์ยาก แต่ตัวนโยบายมันยังมีข้อดีของมันอยู่
พวกมึง เก้าแต้มทิ้งสถาไปอยู่กับ Groove แล้วเหรอ เห็นในเพจ
มึง ทำไมชายแพศยา ของว.วินิจฉัยกุล ไปอยู่กับอรุณวะ งงว่ะ
ถามนิสนึง พอดี กุไปเจอข่าว ว่า สนพ บัทเตอร์ฟลาย ไม่จ่ายค่า บก กะ ค่าวาดภาพประกอบ จริงหรือ -_-)
คือกูชอบงานค่ายนี้มากนะ ถามตรงนี้ได้ป่ะวะ
กุไม่ค่อยเข้าใจ สนพ แซลมอน เท่าไรเลยว่ะ ประมาณว่ากุอ่านคำโฆษณาหนังสือของมันบนหน้าเฟสมันไม่รู้เรื่องอะ ดูจงใจประดิดประดอยคำ กุมองว่าอธิบายเวิ่นเว้อฟุ่มเฟือยเต็มไปด้วยอารมณ์ ทั้งๆที่ไม่ใช่นิยาย
คอนเซปของ สนพ คืออะไรกันแน่วะ
>>158 เพิ่งได้อ่านเรไรเมื่อไม่กี่วัน จากประสบการณ์ส่วนตัวช่วยหลานเขียนไดอารี่ส่งครูทุกวันมาหลายปี
อ่านแล้วเดจาวูตัวเองมาก แบบช่วยคิดคอนเซปท์ให้ โน้มน้าวโดยการป้อนข้อมูลบางอย่าง กระตุ้นให้คิดตาม บางวันมีเหตุการณ์น่าสนใจหลายเรื่องก็เก็บไว้ใช้ในวันอื่นๆ เพราะไม่ใช่ทุกวันที่มีเรื่องน่าสนใจ
ทั้งหมดทั้งมวลถ้าน้องเค้ามีสติปัญญาเลิศทางด้านการสื่อสาร เข้ามนุษย์. เป็นหนึ่งใน8-9 อัจฉริยะภาพของคนก็ต้องขออภัยด้วยที่เข้าใจผิด
>>169 พี่กูเคยเจอตัวจริง เป็นเด็กฉลาดพูดเยอะพูดเก่ง แม่ก็พูดเก่งจุกจิกๆๆ
กูว่าก็เด็กแก่แดดรู้เยอะทั้วไปนี่แหละ บางคนดูละคร/อ่านหนังสือ/ฟังแม่คุยเยอะก็จะศํพท์เยอะชาวบ้าน แต่เห็นด้วยว่าการเรียงประโยคบางอันมันเกินความคิดเด็กจริงๆ อ่านแล้วข้อสงสัยเยอะกูเลยไม่อ่านแล้ว
พี่ที่ทำงานก็ชอบมากยิ่งพวกที่มีลูกจะชอบกันมาก ชอบอ่านแล้วมาเล่าให้ฟัง กูฟังเค้าเล่าอีกทียังคิดเลยว่าน่าจะมีคนป้อนข้อมูลให้
อห. เจ้กัลแกลงเนื้อเรื่องนิยายใหม่ไม่ถึง 10 ตอนเปิดพรีอาร์ตบุ๊คร้อยกว่าหน้าราคาเล่มละพันสอง ช่วงนี้ดูขยันปั่นเงินดีว่ะ แต่ที่อึ้งก็ตรงนิยายขายกับสถา อาร์ตบุ๊คขายเอง กูงง แบบนี้ก็ได้หราวะ
อาร์ทบุ๊คenferราคาแค่800 ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลย
ร้านนายอินทร์สาขาCTW เพิ่งจะปิดตัวไป นี่จะปิดสาขาจามจุรีอีกละ
วงการร้านหนังสือจะมีเจ้าไหนที่ไปรอดบ้างเนี่ย
ถามในนี้ได้ปะวะ เห็นเอเวอร์วายของแจ่มเปิดตัวนิยายยูริเรื่องแรก ซึ่งคนเขียนก็คือนักเขียนเก่าในสนพ.ที่เคยเขียนนิยายอีโมติค่อนสมัยก่อน คิดว่าไงกันเพื่อนโม่ง
กูแค่อยากรู้งานเขียนนางโอเคไหม หรืออีโมเพียบเหมือนเดิม คือกูไม่เคยอ่าน ได้แต่ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาตลอด
>>>/fanboi.ch/801/3814/915-926
คุยกัน บ่นกัน เม้าท์กัน เรื่องหนังสือ
ไม่อ่านเจอภาษาไทยดีบ้างเลยเรอะ
คำว่า... กู... มึง...สุภาพชน คนอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ เขาใช้กันเนอะ...
ถ้าคิดว่าเป็น...ภาษาพ่อ...ภาษาแม่...ก็ใช้ไปเถอะ...คนอ่าน(คนอื่นๆ)จะได้รู้กำพืด
มากาคำสุภาพในโม่ง ถถถ เหมือนไป ธวล แล้วบอกว่าไม่อยากอ่านเรื่องเสียว
โม่งใหม่มั้ง
กูนี่ชีวิตจริงใช้ชั้น/เรา/เธอ/แกตลอด มาโม่งแรกๆใช้เรา รู้สึกประดักประเดิกผิดที่ผิดทางมากๆ อยู่ไปอยู่มาชินซะงั้น
โม่งแม่งตลอดตรงที่ทุกคนพูดกูๆเมิงๆกันหมดเนี่ย แยกไม่ออกอีกใครเป็นใคร
จะสุภาพหรือไม่สุภาพมันก็ไม่เกี่ยวกับความดัดจริตนะสำหรับกุ มันเกี่ยวกับเนื้อความที่ต้องการจะสื่อออกมาจริงๆมากกว่า
เหมือนบอกว่า บิดาท่านมรณะแล้ว ฟีลลิ่งก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าพ่องตายเท่าไหร่ จะดัดจริตมันขึ้นอยู่กับสันดานส่วนตัว โทษภาษาอย่างเดียวไม่ได้
ดูก็รู้ว่าโทรลอย่าให้อาหารสิ
คิดยังไงกับการ pre-order ที่นักเขียนเลื่อนกำหนดส่งเรื่อยๆด้วยเหตุผลสุดฮิต เช่น คนในครอบครัวตาย/ป่วยหนัก ตัวเองป่วย คอมพัง ไฟล์หาย
>>207 แต่ก่อนกูด่าพวกนั้นเยอะ พอมาเจอกับตัวเองกูเลิกด่าเลย ของกูเปิดด้วยญาติกูเป็นมะเร็งต้องผลัดเวรไปโรงบาล จู่คนในครอบครัวอีกคนกูก็ตาย พอเผาเสร็จตัวเองป่วยไข้ขึ้น ฟื้นไข้ได้คอมพัง เครมคอมหาตัวสำรองมาใช้วาคอมเสีย ยอมซื้อวาคอมใหม่ฮาร์ดดิสก์สำรองกูอ่านไม่ได้ แม่งกว่าจะกู้ไฟล์ได้คอมได้กลับมานึกว่าจะหมดแล้วแอร์ห้องกูเสียอีก
ตอนชีวิตบัดซบมันบัดซบจริง
>>207 ต้องแยกว่าเหตุผลที่ว่าจริงหรืออ้างเพื่อแถไปวันๆ
เพราะเคยเจอที่มีเหตุแบบนั้นจริงกับโกหกว่าป่วยว่าตาย ซึ่งอย่างหลังนี่ยอมใจว่ามึงช่างกล้าอ้าง ไม่ได้คิดเลยว่าแช่งตัวเองหรือพ่อแม่บุพการีอยู่ ดูออกว่ะ แต่ถ้าเขาป่วยหนักจริง มีญาติตายจริง อันนี้กูเห็นใจนะ แต่ก็ต้องดูขอบเขตระยะเวลาด้วย ไม่ใช่ตายมาเป็นปีแล้วยังนั่งทำใจ ดรามาไม่เลิก ก็ตายตามๆ ญาติไปเหอะ
>>207 ถ้าเหตุร้ายแรงเช่นป่วย ตายพวกนี้ก็รับได้ เพราะสุดวิสัยจริงๆ แต่คอมเจ๊ง ไฟล์หาย อันนี้ไม่โอเคอย่างแรงเพราะถือว่าอยู่ในความรับผิดชอบของนักเขียน ซึ่งควรจะต้องแบ็กอัปไฟล์หรืออะไรก็ว่าไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต่อให้เป็นเหตุสุดวิสัย ถ้ามาขอเลื่อน "เรื่อยๆ" ก็ไม่โอเคเหมือนกัน
กูขอยกตัวอย่างเคสเจ๊อาโออิละกันที่เอาเงินค่าพรีกูไปดองเล่นมาปีกว่า คือเหตุผลที่นางยกมาก็ดูสุดวิสัยอะนะ ญาติป่วยนู่นนี่นั่น รอบแรกๆกูก็โอเค ไม่ได้อะไร แต่หลังๆ นางบอกกำหนดเสร็จทีไร ไม่เห็นจะเสร็จจริงอย่างปากว่าซะที ก็มีแต่ขอโทษแล้วแจ้งกำหนดใหม่ ซึ่งก็ไม่เสร็จซะที วนลูปซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่นแล้ว มันดูไม่โปรอย่างแรง พูดอะไรก็มีแต่ลมปาก ไม่พยายามรักษาคำพูดตัวเองเลย คือถ้าบอกมาแต่แรกว่าจะเลื่อนไปเลยนานๆ 6 เดือนปีนึงก็ยังว่าดีกว่ามาบอกเลื่อนทีละเดือนๆ บ่อยๆอย่างที่ทำมานี้ เหมือนมาหลอกให้กูดีใจ สุดท้ายก็เก้อผิดหวังซ้ำๆ กันหลายครั้งอะ
>>211 ถ้าคิดแบบนี้เวลาพ่อแม่ตายก็อย่าลาหยุดนะ เขาขายหนังสือให้มึง ไม่ได้ขายชีวิตให้ คิดเอาแต่ได้สัดๆ เลย
อ้อ Perfectionist ไม่จำเป็นต้องรักษาเวลาเสมอไปนะ คูบริคทำงานเกินเวลาไป 2 ปี ใครกล้าด่าป๋าว่าไม่ใช่ Perfectionist บ้างละ ความหมายหลักๆ ของมันคือชอบความสมบูรณ์ ซึ่งก็ทำเพื่อสนองตันหาของตัวเอง ไม่ได้มีหน้าที่สนองตันหาคนดูซักหน่อย พวกดาวินซีหรือมิเกลันเจโล่ก็แบบนี้ บางทีทำงานค้างไว้เป็นปีก็มี
>>214 แต่กูกลับเห็นด้วยกับ >>211 นะในประเด็นที่ว่า perfectionist ควรจะตรงต่อเวลาในการทำงาน ควรแยกแยะให้ออกอ่ะ ไม่ใช่เลื่อนไปเรื่อยๆหาเหตุผลอ้างแถไปวันๆ คนประเภทนี้ต้องเป๊ะ จะไม่ยอมให้เกิดอะไรที่ผิดพลาด อย่างตอนปก ซค ของอาโออิ ที่ตอนแรกออกมาสีเพี้ยน ทั้งที่ ตย ปกแกกูหาสีม่วงไม่เจอะเลย มันต้องมีการตรวจงานเว้ยย แล้วเอาไปดองข้ามปีแบบนี้บอกตรงๆกูก็ไม่ชอบนะ
ถ้าตาย/ป่วยจริงก็เห็นใจนะ แต่ต้องมีระยะเวลาที่เหมาะสม คิดง่ายๆเทียบกับคนทำงานบริษัท/รับราชการ/ฟรีแลนซ์ จะหยุดก็ได้ในเวลาที่กำหนด เช่น มีโควตาพักร้อนปีละ 10 วัน ลาป่วย 10 วัน ก็หยุดได้ 20 วัน รวมส.-อา.ก็เดือนนึง แต่เลื่อนไปเป็น 3-4 เดือน 6 เดือน ปีนึง มันก็ไม่ใช่ป่ะวะ ถ้ามีบริษัท/ราชการไหนที่ทำแบบนี้ได้แล้วไม่โดนเชิญออก ยกตัวอย่างให้ฟังที อ้อ ยิ่งฟรีแลนซ์ ถ้าขอเลื่อนงานไปเรื่อยๆ โดนบอกว่าอยากให้งานเป๊ะที่สุด ทั้งๆ ที่รับเงินลูกค้ามาแล้ว ไม่เสร็จตามกำหนดเลทไปเป็นปีๆ โดนยกเลิกสัญญาจ้างไปเป็นชาติแล้ว ไม่โดนฟ้องผิดนัดสัญญาส่งมอบงานก็บุญหัวละ ขนาดราชการ ผู้รับเหมาทำงานไม่เสร็จตามกำหนด แต่ไม่ทิ้งงาน ยังโดนบัญชีดำเลย
Perfectionistทุกอย่างยกเว้นเวลาที่ตัวเองกำหนดว่างั้น
>>219 ก็มันทำเพื่อสนองความ Perfectionism ของตัวเองนิ ไม่ได้สนอง Perfectionism ของคนอื่น คนอื่นไม่พอใจก็ไม่พอใจไป กูพอใจของกูก็พอ อย่างคูบริกขนาดเลยเส้นตายไปเป็นปียังกินอิ่มนอนหลับ ผลาญเงินทำหนังไม่จบไม่สิ้นจนกว่าตัวเองจะพอใจเลย แต่บอกก่อนนะว่าผลงานของคูบริกไม่เคยขาดทุนและคำชม พอๆ กับคาเมรอน มีตัวเองเท่านั้นที่สั่งได้ว่างานจะเสร็จเมื่อไหร่
>>214 กูยอมรับนะ กูอาจจะไม่เห็นใจ นข. เรื่องนี้ แต่กูยอมรับเวลากูซื้อของจ่ายเงินไป กูอยากได้ของเร็วๆ อีกอย่าง นส.เรื่องนึงไม่ใช่บาทสองบาทนะมึง ที่พรีๆไปราคาแพงๆทั้งนั้น เหมือนเงินไปจมอ่ะเป็นปีเป็นชาติ ของก็ไม่ได้สักที ไม่รู้จะได้เมื่อไหร่ เอาตังไปเปย์นส. สนพ อื่นได้หลายเล่ม ในเมื่อ นข. จะเปิดพรี ก็ต้องมั่นใจในตัวเองระดับนึงแล้วว่ามีฐานแฟนคลับรออ่าน ก็ต้องทำงานออกมาให้ตรงตามกำหนดดิวะ นข.ก็ควรใจเขาใจเราเห็นใจนักอ่านด้วยเหมือนกัน ทางที่ดีรอให้เสร็จสมใจแล้วค่อยออกขายดีกว่า
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.