Fanboi Channel

วรรณกรรมคลาสสิค เล่มที่ 1

Last posted

Total of 270 posts

1 Nameless Fanboi Posted ID:oEAj6w4/L

สำหรับคุยเกี่ยวกับหนังสือคลาสสิค วรรณกรรมยุโรป เฮสเส นิทเช่ หรือวรรณกรรมชั้นสูง(ตามที่มีคนเรียก)

2 Nameless Fanboi Posted ID:1NDN.ycfl

Hesse ยังอ่านชื่อเค้าผิดเลย เป็นชนชั้นต่ำเสล่อมาตั้งมู้ก็เงี้ย
โทรลมาตั้งกระทู้ ปล่อยตกๆ

3 Nameless Fanboi Posted ID:O4BRb0qLh

เสร่อสัส

4 Nameless Fanboi Posted ID:3m41wEJ5v

>>2 >>3 สะเหล่อ สะกดแบบนี้ เปิดพจนานุกรมบ้าง ด่าคนอื่นระวังเข้าตัว

5 Nameless Fanboi Posted ID:zT+xNMByv

ศัพท์นี้เอาไว้ใช้กับชนชั้นต่ำผมจะพิมพ์ยังไงก็เรื่องของผม
ถึงขนาดต้องไป gg มาบลัฟนี่สันดานขี้แพ้ฝุดๆเลยนะครับ
สะเหร่อ เสร่อ เสล่อ สเหร่อ สะสะสะเหล่อ

6 Nameless Fanboi Posted ID:3m41wEJ5v

>>5 ใครกันแน่สันดานขี้แพ้ เที่ยวด่าคนอื่นผิด ทีตัวเองผิดบ้างทำเป็นแถ
ขี้แพ้ๆๆๆ ขี้แถๆๆๆๆ
ไอ้สะเหล่อๆๆๆๆ
55555

7 Nameless Fanboi Posted ID:yxLJYMaUv

เอ้า สติแตกไปแล้วครับท่านผู้ชม ใจเย็นนะครับ
ทำเป็นพิมพ์ 555 กลบเกลื่อน จริงๆคงสติแตกจนทุบคีย์บอร์ดพังไปแล้วสินะ
เกิดเป็นชนชั้นต่ำช่างน่าสงสารจังเลยครับ

8 Nameless Fanboi Posted ID:3m41wEJ5v

>>7 เถียงไม่ออกก็เปลี่ยนเรื่องเนอะ 55555
ดิ้นเข้าไป พวกอีโก้สูง อีคิวต่ำ

9 Nameless Fanboi Posted ID:CPOxA4Jqr

>>2 กูเอาตามนี้ https://www.se-ed.com/product-search/เฮอร์มานน์-เฮสเส.aspx?keyword=เฮอร์มานน์+เฮสเส&search=author

10 Nameless Fanboi Posted ID:+CT/x2DZA

>>4 กร๊ากกกก พวกสวะเด็กดี ผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดคำว่าเสร่อ
เก่งสัสอ้ะ สะกดคำนี้ถูกแล้วพ่อแม่ให้รางวัลเลยไหม
เหมือนตอนอีพวกกะเทยฟุสอนกูสะกดคำว่ากะเทยเลย กร๊ากกก
เชี่ยวชาญแบบนี้ไม่ต้องสงสัย แม่ขายหีอยู่สถานีรถไฟหัวลำโพงแน่นอน กร๊ากกๆๆๆ

11 Nameless Fanboi Posted ID:7iXZmFcuW

>>8 น่าสงสารจังเลยครับ สติแตกจนต้องมาตอบทุก 2 นาที
สงสัยชีวิตคงไม่มีอะไรน่าภูมิใจนอกจากสะกดคำว่า สะเหล่อ

12 Nameless Fanboi Posted ID:wPEnu+EVm

>>9 >>>/literature/2330/2-9

13 Nameless Fanboi Posted ID:CPOxA4Jqr

>>12 ที่นี้เมืองไทยกูเอาตามปกดีกว่า มันถือเป็นชื่อที่รู้กันดีกว่าว่าจะสื่อถึงใคร(อย่างน้อยก็อ้างอิงจากงานที่ตีพิมพ์ได้)

14 Nameless Fanboi Posted ID:Bs/AChQCi

>>13 ควาย อ่านผิดแล้วยังเสือกแถสีข้างถลอก
คนแปลมันโง่ไง แปลจากอังกฤษแล้วยังเสือกไม่รู้จักชื่อนักเขียน เรียกไปได้ เฮสเส
คนอ่านโง่ๆแบบพวกมึงก็เลยอ่านตาม ถุยเหอะ กร๊ากกกกกก

15 Nameless Fanboi Posted ID:CPOxA4Jqr

>>14 เฟสบุคเจ้าตัวถ้ามึงอยากด่าการแปล https://www.facebook.com/people/สดใส-ขันติวรพงศ์/100010925831293
ปล.ว่าแต่อยากคุยกันแต่แบบนี้จริงเหรอ

16 Nameless Fanboi Posted ID:bUA/X8SjK

ทำไงได้ ไอ้ควายจากเด็กดีมันเข้ามาแล้ว
มึงหาวิธีต้อนควายกลับคอกได้ไหมล่ะ
สุดท้ายก็ต้องคุยกันแบบนี้แหละ

17 Nameless Fanboi Posted ID:CPOxA4Jqr

>>16 ถ้ามึงไม่ชอบใจบรรยากาศตอนนี้ มึงทำได้สองอย่างคือชวนคุยให้คนที่อยากคุยเรื่องเดียวกับมึงมาคุยให้ได้ ให้จำนวนเยอะพอจนบรรยากาศการคุยเป็นแบบที่มึงต้องการ สองคือกด x ตรงมุมบนขวาแล้วหาบอร์ดใหม่ที่คุยในบรรยากาศที่มึงต้องการไม่ใช้ด่ากราด อย่าทำตัวขี้เกียจสิ

18 Nameless Fanboi Posted ID:4n4o9FYI3

โดนเสี้ยมกันง่ายจังเลยพวกมึงเนี่ย

19 Nameless Fanboi Posted ID:7+7IYiA6d

กูว่าปล่อยแม่งไปเหอะ อย่าไปเถียงกับมัน ไร้ประโยชน์ ให้มันดิ้นด่าๆ แสดงความต่ำตมด้านความคิดไปคนเดียว คงจะว่างมาก คนรอบตัวไม่คบ เลยไม่มีที่ระบาย เพราะดูแล้วมันไม่เลิกเหี้ยหรอก น่ารำคาญเหี้ยๆ
เห็นก็เลื่อนผ่านไป หาเรื่องมาคุยดีกว่า

20 Nameless Fanboi Posted ID:rJXf.jJo6

ไอ้โง่เด็กดีแฟนตาซีก็ไม่ยอมปล่อยตกซะทีนะ

21 Nameless Fanboi Posted ID:ADsVgxwg0

>>4 กรั๊กกกกกกกก ใช้สมองเถียงสู้ไม่ได้ก็เลยสอนคนอื่นสะกดคำซะงั้น
นี่มันสันดานกะเทยฟุเลยนี่หว่า อีกะเทยฟุยังหน้าด้านมาเสือกห้องหนังสืออีกหรอวะ คอก801นี่กั้นขยะแบบพวกมึงไม่อยู่จริงๆ
เก็บยาฆ่าแมลงให้พ้นมือพ่อแม่มึงด้วยนะ ขยะฟุ ขยะฟุ ขยะฟุ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกๆๆๆๆ

22 Nameless Fanboi Posted ID:tGxahsOX1

มึงคุยเรื่องคลาสสิคทีดิ๊ ทำไมกูเห็นมีแต่ด่าบ้าบอไรกัน

23 Nameless Fanboi Posted ID:4R0YDBOo/

>>22 โทรลมันตั้งน่ะ รอแอดมินลบ

24 Nameless Fanboi Posted ID:LwXhMxEai

>>23 ตั้งแล้วก็คุยไปเหอะ

25 Nameless Fanboi Posted ID:iCRgzx5Qw

>>24 คุยไปเหอะของมึงคือเหี้ยไรล่ะ คุยมาสิ
มันไม่มีเรื่องจะคุยกันแต่แรกแล้ว
ไอ้เด็กประถมเอาแต่ใจมันตั้งมาโง่ๆไปงั้น

26 Nameless Fanboi Posted ID:tGxahsOX1

>>23 อ่องี้นี่เอง รอลบๆๆ

27 Nameless Fanboi Posted ID:Zc9V/p0lx

>>26 หวัดดี ไอ้ลูกกะหรี่แม่ขายหีอยู่หัวลำโพง
กร๊ากกกกกกกกกกก

28 Nameless Fanboi Posted ID:LwXhMxEai

ไม่ได้ซ้ำ ไม่ได้ผิดห้อง ชื่อก็ไม่ไดด่าประชดอะไรเรื่องจะลบในเรื่องอะไรวะ

30 Nameless Fanboi Posted ID:tGxahsOX1

>>27 เล่นของมึงไปคนเดียวเถอะ

31 Nameless Fanboi Posted ID:tGxahsOX1

>>28 มันคงเถียงกันละมาตั้งประชด กูว่า

32 Nameless Fanboi Posted ID:uJXG.J8.0

....กะจะเข้ามาหานิยายดีๆอ่านซะหน่อย น้ำตาไหลเบย.......

33 Nameless Fanboi Posted ID:YLYMKiWIW

กุนี้อยากรู้มากว่า คห.ไหนของใคร คนนอกอย่างเราดูไม่ออกเบย

35 Nameless Fanboi Posted ID:Of04I+5/a

https://www.facebook.com/lepetitprinceofficiel/photos/a.10151032961237257.411549.301963557256/10153422436827257/?type=3
:(

36 Nameless Fanboi Posted ID:cH.XRw9F4

มีใครอ่านนาร์เนียทั้งซีรี่ส์จนจบบ้าง กูดูแต่หนังรู้สึกเหมือนเป็นแค่นิทานเด็กเริ่มโตธรรมดาๆ
พออ่านหนังสือจริงๆแม่งแฝงนัยยะเรื่องศาสนาเยอะมาก บางอย่างแม่งใส่มาแรงๆแบบไม่กั๊กเลยด้วย
กูล่ะแปลกใจที่ไม่มีใครเอามาเป็นประเด็น

37 Nameless Fanboi Posted ID:pY4S10d6o

>>36 ในไทยไม่ค่อยมีหรอก ไปอ่านรีวิวเมืองนอกนี่เพียบ....

38 Nameless Fanboi Posted ID:RsByjDCht

>>36 เคยวิจารณ์เห็นในกลุ่มศาสนาคริสต์หลายปีแล้วตอนที่หนังดัง เขาวิเคราะห์เป็นฉากๆ เลยว่าตัวละครทำแบบนี้อ้างอิงจากช่วงไหนในพระคัมภีร์บ้าง แล้วนักเขียนมีแรงดลใจอะไรเกี่ยวกับศาสนา

39 Nameless Fanboi Posted ID:TZj8hxh3O

>>38 โหได้ยินแล้วอยากอ่านเลย กูดูหนังรู้สึกเฉยมาก แต่หนังสือน่าอ่าน

40 Nameless Fanboi Posted ID:5ao8pPbUf

>>36 กูเป็นคริสต์ อ่านแล้วเหมือนมันย่อยไบเบิลมาให้อ่านง่าย ๆ อะ ทุก ๆอย่างในเรื่องมันเกี่ยวกับศาสนาหมดเลย ขอเรียงภาคแปป เผื่อมีโม่งสนใจ

1.กำเนิดนาร์เนีย เป็นภาคที่ปู่ย่าของไอ้สี่สหายไปเจอตอนนาร์เนียโดนสร้าง เจออัสลาน(สิงโต=GOD) มาร้องเพลง พอร้องปุ๊ปร้องว่าอะไรก็มีสิ่งสร้างเกิดขึ้นตามนั้น ตามเล่มแรกของไบเบิล NEMESIS ตอนพระเจ้าสร้างโลกเป๊ะ มีแม่มดมาจากโลกที่ใกล้จะพัง แม่มมดก็มายืดที่นึงในนาร์เนียไป เหมือนการมาของซาตานไรงี้
2. ตู้พิศวง อันนี้ก็เป๊ะ ย้ำอยู่ว่าผู้ครองนาร์เรียต้องเป็นบุตรของอาดัมกับเอวาเทานั้น มีฉากตายแล้วฟื้นคืนของอัสลาน เล่มนี้มันรีพีทฉากและชีวิตของพระเยซูเต็ม ๆ สนุกนะ นั่งจับความเหมือนจับนัยยะอะไรเทียบไปเรื่อย
3. อาชากับเด็กชาย อันนี้กูงง ๆ เป้นพวกคนดำ จำชื่อไม่ได้อะ แต่สนุกดี ผจญภัย
4. เจ้าชายแคสเปี้ยน อันนี้เหมือนเล่าถึงยุคที่ศรัทธาเสื่อมสลาย คนไม่เชื่อในอัสลานไม่เชื่อในสิ่งวิเศษต่าง ๆ อีกต่อไปไรงี้ โดนคนต่างถื่นเข้ามาปกครองนาร์เนีย สนุก
5. ผจญภัยโพ้นทะเล อันนี้กูว่าฟีลลิ่งมันมีสัญลักษณ์เยอะมาก กูโคตรชอบแต่ละเกาะที่ผจญภัยเลยอะ น่ากลัวมาก ต้องไปอ่านเอง มีจุดแบบไบเบิลตรงที่อัสลานมาบอกเด็กสี่คน+ยูสตาส(ญาตินิสัยเสียที่โดนพามานาร์เนียด้วยแบบงง ๆ) ว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว เพราะพวกเจ้ากำลังโตขึ้น แต่เราจะได้พบกันอีก.....
6. เก้าอี้เงิน อันนี้เป็นโลกใต้บาดาลล้วน ๆ มีคนคุม สิ่งใ้บาดาลก้จะนากลัๆ เหมือนอยู่ในนรกนิดนึง กูหลอน ถ้าอ่านพวกไบเบิลมาจะรู้ว่าบาดาลไม่ใช่นรก แต่อยู่ใกล้นรก เป็นที่อยู่ของพวกไม่มีที่ไปอย่างตอนพระเยซูเจ้าเกิด เด็กทารกนับพันคนถูกสังหารเพราะกษัตริย์เฮโรดตอนนั้นได้ข่าวว่าพระเยซูมาเกิดก็กลัวเลยสั่งฆ่าทารก เด็กทั้งหมดที่ตายนั่นบางคนบอกวาไปสวรรค์ แต่บางคนบอกว่าเป็นวิญญาณที่ไม่มีความดีความชั่ว เลยต้องลงไปอยู่ใต้บาดาล
7. อวสานการยุทธ์ นี่ก็อีกเล่มที่สัญลักษณืเยอะมาก ทั้งหมดสื่อถึงวันพิพากษาโลก วันสิ้นดลก และการเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ ทั้งหมดเลย

หนังมันใส่ได้ไม่หมดหรอก บางตัวละครที่ตัดออกแม่งก็มีนัยยะแฝงอยู่เยอะ แต่ต้องรู้พวกนี้ประมาณนึงถึงจะสนุกตอนหาeaster eggs

41 Nameless Fanboi Posted ID:Shgk4RXhJ

มีใครเคยอ่านโลลิต้าบ้าง สำนวนภาษาดีไหม กูว่าจะซื้อมาอ่านอยู่

42 Nameless Fanboi Posted ID:encOOnR0.

เท่าที่กูตีความนะ
โลกนาร์เนีย = โลก
อาณาจักรนาร์เนีย = ดินแดนของคนคริสต์
อัสลาน = พระเยซู
จักรพรรดิแห่งดินแดนโพ้นทะเล = พระเจ้า
แม่มดขาว = ลูซิเฟอร์
คาร์โลเมน = คนมุสลิม อันนี้ทั้งเซ็ตติ้งภูมิประเทศ รูปลักษณ์คน ธรรมเนียม การแต่งตัว ลักษณะอาวุธที่ใช้ มันชัดมากๆ กูยังสงสัยจนทุกวันนี้ว่าไม่มีใครโวยวายจริงๆหรอวะ
อาณาจักรคาร์โลเมน = ดินแดนของคนมุสลิม
เทพ(?) ทัช = ซาตาน

นอกจากเรื่องศาสนาเหมือนจะมีเรื่องการเมืองภายในของ UK ด้วย ซึ่งจะชัดแค่ในตอนตู้พิศวง อันนี้กูฟังเค้ามาอีกที ให้ตีความเองนี่ไม่รู้เรื่องเลย

43 Nameless Fanboi Posted ID:gYk3Hyrpv

>>42 คาโลเมนนี่โดนวยหนักมาก แต่ตัวคนเขียนเองแม่งก็มีmindsetไม่ชอบมุสลิมอะ แบบต้งแต่ครูเสดแล้วอะไรประมาณนั้น ส่วนอัสลานกับพระเจ้าก็คือคนๆเดียวกันแต่แบ่งภาค ถ้าไปศึกษาไบเบิลเพิ่มจะเข้าใจ พระเจ้ามีหลายตัวตนไรประมาณนั้น
พูดแล้วก็นึกถึงHis dark materials คนเขียนนี่เกลียดนาร์เนียชิบหายเรย เร้าใจมากมึง5555555555555

44 Nameless Fanboi Posted ID:gGw3VKnvF

นาร์เนียนี้อ่านตอนเด็กไม่คิดอะไรเลยส่วนหนึ่งเพราะความรู้คริสต์กูมันน้อยด้วย(กูว่าที่ไทยไม่ค่อยพูดถึงนัยแผงเพราะเรื่องนี้) อ่านเอาผญจภัยล้วนๆซึ่งก็สนุกอะแต่อ่านไปก็ตงิดนิดหน่อยว่าทำไมเป็นงี้มานึกได้ตอนโตว่าคงเป็นนัยแฝง
เทพของพวกคาโลเมนนี้กูว่าเท่ากับเทพของมุสลิมเหมือนจะบอกว่าไม่ใช้เทพองค์เดียวกันนะเทพของเอ็งอะปีศาจ

45 Nameless Fanboi Posted ID:NMY.cUBWc

>>41 ควรอ่านฉบับภาษาอังกฤษ

46 Nameless Fanboi Posted ID:iyVIxuUj9

ต่อเรื่องนาร์เนียอีกนิด อันนี้ที่กูตีความแต่ละเล่มนะ

เล่ม 1 กำเนิดนาร์เนีย กับ เล่ม 2 ตู้พิศวง นี่ก็พระเจ้าสร้างโลกกับพระเยซูคือชีพ เป๊ะมาก

เล่ม 3 อาชากับเด็กชาย นี่ประเด็นหลักเหมือนมาเพื่อปูเรื่องของอาณาจักรคาร์โลเมนเลย แล้วก็พูดถึงความเลวทรามของคาร์โลเมนไปพร้อมกันด้วย

เล่ม 4 กูจับอะไรไม่ได้เป็นพิเศษ แต่ก็น่าจะพูดถึงการที่ผู้คนเสื่อมสรัทธาในพระเจ้า

เล่ม 5 ผจญภัยโพ้นทะเล จริงๆมีพูดถึงคาร์โลเมนเป็นครั้งแรกในเล่มนี้ พูดถึงแค่ว่าชนเผ่าที่ใช้แรงงานทาส แต่ก็ยังไม่ได้บรรยายถึงแบบแย่ๆ
แล้วก็น่าจะมีแฝงอะไรอีกเยอะเลย กูคิดว่าบทเรียนที่พวกตัวเองได้เจอในการผจญภัยแต่ละเกาะน่าจะเป็นพวกคำสอนเด่นๆของพระเยซู

เล่ม 6 เก้าอี้เงิน กูจับอะไรไม่ได้เป็นพิเศษ มีที่กูเดาคือมีการพูดถึงยักษ์ทางเหนือน่าจะหมายถึงพวกป่าเถื่อนที่ไม่เชื่อในพระเจ้ามั้งนะ (มาจาก as liberal as the north ของเชคสเปียร์???)
แล้วก็แม่มดแปลงร่างเป็นงูเหมือนซาตานแปลงร่างเป็นงูมาหลอกอดัมกับอีฟ
แต่เล่มนี้เป็นเล่มที่กูชอบมาเป็นพิเศษตรงเซ็ตติ้งเรื่องโลกใต้พิภพ มันออกเป็นแฟนตาซีแบบนิทานเด็กที่มีอะไรออกหม่นๆหน่อยแปลกๆดี เสียดายที่ไม่ได้ทำหนัง

เล่ม 7 อวสานการยุทธ์ เป็นสงครามระหว่างนาร์เนียกับคาร์โลเมนเกือบทั้งเล่ม เล่มนี้มีประเด็นจิกแขวะเยอะมาก
เริ่มด้วยอัสลานตัวปลอม => คนที่อ้างชื่อพระเจ้ามาหาประโยชน์ให้ตัวเอง
คาร์โลเมนสร้างเรื่องว่าเทพทัชกันอัสลานเป็นคนๆเดียวกัน => คนที่บอกว่าคริสต์กับอิสลามนับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน ว่าเป็นพวกอิสลามมาแอบอ้างหาประโยชน์
เทพของคาร์โลเมนดูเหมือนจะเป็นปีศาจ => คนอิสลามเป็นพวกชั่วร้าย บูชาซาตาน
หลังจบสงครามนาร์เนียล่มสลายแล้วโลกก็ถึงกาลอวสาน => วันพิพากษา
ทุกคนตายหมดได้มาอยู่กันพร้อมหน้ายกเว้นซูซานที่เลิกสนใจเรื่องนาร์เนีย มองว่าเป็นเรื่องของเด็กๆ => คนที่หลงแสงสีเอาใจออกห่างพระเจ้าจะถูกพระเจ้าทอดทิ้ง
ทหารคาร์โลเมนที่เป็นคนดีได้มาอยู่ในดินแดนของอัสลานด้วย ถึงจะบูชาเทพองค์อื่นถ้าทำความดีก็เหมือนทำในนามของอัสลาน => ไม่รู้จะบอกว่าคนเขียนแม่งใจกว้างหรือใจแคบดี เหมือนจะบอกว่าถึงจะเป็นคนที่นับถือปีศาจ(จริงๆก็แฝงนัยถึงคนศาสนาอื่นโดยเฉพาะอิสลาม) ถ้าจิตใจตั้งมั่นในความดีก็เหมือนบูชาพระเจ้า คนที่บูชาพระเจ้าถ้าในใจเป็นคนชั่วร้ายก็เหมือนบูชาซาตาน

ถ้าไล่จากไทม์ไลน์ที่หนังสือออกขายกูคิดว่าตอนแรกคงไม่ได้ตั้งใจจะให้คาร์โลเมนเป็นตัวร้ายขนาดนั้น แต่เพิ่งมาเปลี่ยนเอาช่วงหลังของเรื่อง
ใส่มาซะแรงขนาดนี้ต่อให้หนังไม่มีปัญหาเรื่องงบก็คงทำเล่มหลังๆไม่ได้ ไม่งั้นก็ต้องเปลี่ยนบทกับภาพลักษณ์คาร์โลเมนที่หนังสือบรรยายไปเยอะๆ

47 Nameless Fanboi Posted ID:x5+/G0ANu

>>46 มันต้องมีปัญหาเรื่องมุสลิมแน่นอน ชัดเจนชิบหาย
กูก็ชอบเล่มหกเหมือนกัน มันดูเป็นนิทานอะ ชอบตรงที่มีแม่มดขี่ม้ามาล่อลวงคน ตั้งแต่ตรงนั้นกูว่างานมันให้อารมณ์เหมือนวรรณกรรมอังกฤษยุคกลาง La Belle Dame sans Merci อิมเมจภาพในหัวกูจอนอ่านเล่ม 6 นี่แนวนี้เลย

48 Nameless Fanboi Posted ID:PtH5ZlZjw

กูไม่น่าเลื่อนไปอ่านโพสต์แรกๆเลยสิพับผ่า

49 Nameless Fanboi Posted ID:x5+/G0ANu

>>48 ไม่น่าเลย.........

50 Nameless Fanboi Posted ID:PaXKQN81j

เก้าอี้เงินกลับเป็นเล่มที่กูชอบน้อยเกือบที่สุดแฮะ(จำเหตุผลไม่ได้นานแล้ว) กูดันไปชอบอาชากับเด็กชายกับผจญภัยโพ้นทะเลแทนกูชอบอะไรที่มันเป็นการเดินทางละมั่ง

51 Nameless Fanboi Posted ID:bfNZgXfoa

กูรู้สึกเสียดายเวลาของกูเกือบเดือนในการอ่าน the great Gatsby จนจบเล่มยังไงไม่รู้
ไม่สนุกเลย พล็อตละครน้ำเน่าชัดชัดดดด ทำไมมันถึงขึ้นมาเป็นวรรณกรรมคลาสสิคได้กูอยากจะรู้นัก
นอกจากจะน้ำเน่าแล้วยังเหมือนส่งเสริมให้ตีท้ายครัวคนอื่น ไปแย่งเมียชาวบ้านอย่างไร้ยางอายที่สุด
กูอยากจะปาหนังสือทิ้งแต่เสียดายตังเหลือเกิน

52 Nameless Fanboi Posted ID:RxYBXsnvA

>>51 ออกตัวก่อนว่าชอบเรื่องนี้ ชอบความละเอียดทางอารมณ์ของมันอ่ะ คิดว่าคนเขียนเป็นคนที่ sentimental เหมือนกัน นี่ก็ว่าไม่สนุก5555 แต่ชอบ ถ้าอ่านเอาบันเทิงมันอาจจะไม่ขนาดนั้น แต่อ่านเอาประเด็นมาต่อยอดก็สนุกดี (ไว้ถ้ามีเวลาจะมาเขียนยาวๆ)

53 Nameless Fanboi Posted ID:eFbJIJghC

>>51 เรื่องนี้มันเป็นการเสียดสียุคสมัยในยุคนั้น (ตอนคนเขียนเขียน) มันบรรยายความฟุ้งเฟ้อ การแบ่งชนชั้น แล้วก็สะท้อนว่าชนชั้นล่างจะโดนตีตราออกมาว่าเป็นผู้ผิดก่อน คนเขียนสะท้อนมุมมองจากตัวเอกที่เป็นชนชั้นล่างแต่ดันไปหลงรักชนชั้นสูงเลยทำทุกทางเพื่อจะยกตัวเองขึ้นมา โดยอาศัยเส้นทางการเงินของพวกมาเฟียซึ่งก็เป็นการด่าคนในยุคนั้นด้วยว่าขอให้รวยมีเงินก็จะกลายเป็นคนมีเสน่ห์ มีแต่คนยกย่องสนใจทันที แล้วนางเอกมันก็เป็นผู้หญิงจะเรียกว่าโง่คงไม่ได้เรียกว่าเห็นแก่ตัวตามแบบชนชั้นสูง พระเอกโดนแฉหมดประโยชน์ก็เลิกรู้จักทิ้งไว้แต่ความหลังให้พระเอกมันคิดเองคนเดียว ซึ่งตัวพระเอกในเรื่องเขาพยายามจะเก็บความรู้สึกของเด็กหนุ่มที่ไร้เดียงสาและอยู่ในช่วงเวลาตกหลุมรักเอาไว้ตั้งแต่วัยรุ่นจนตายซึ่งโคตรน่าสงสารเหมือนตาบอด แต่แปลฉบับล่าสุดคนบ่นกันเยอะว่าไม่ละเมียด โลลิต้าด้วย ถ้าจะอ่านแล้วอินเขาให้ไปหาฉบับคนอื่นแปลแต่โดนตัดเนื้อหารายละเอียดไม่ครบอีก (เวรมาก)

54 Nameless Fanboi Posted ID:sv9OUSTHm

>>53 โม่งผ่านมาอ่าน ขอบคุณมากเพื่อ มึงทำให้กูตัดสินใจว่าซื้อต้นฉบับมาอ่านดีกว่า

55 Nameless Fanboi Posted ID:sv9OUSTHm

^*เพื่อน

56 Nameless Fanboi Posted ID:arA8+Pg2n

The great gatsby ยังไม่เคยอ่านฉบับแปลไหนทำได้ใกล้เคียงต้นฉบับเลยนะ ของโตมรนี่ก็ทำร้ายจิตใจแฟนคลับเล่มนี้มาก
ส่วน Lolita ปราบดาเก็บความโอเคอยู่ แต่เรื่องภาษา ให้กลางๆ

57 Nameless Fanboi Posted ID:arA8+Pg2n

ขอเสริมจาก >>53 นิดว่า ตัวคนเขียนนี่เรียกได้ว่าอยู่ในชนชั้นกลางค่อนสูง เพราะงั้นงานนี้มันเลยเป็นการเสียดสีชนชั้นกลางค่อนสูง-สูง จากคนใน ไม่ใช่คนนอก เซตติ้งเรื่องอยู่ยุค roaring twenties คือยุคที่ฟู่ฟ่าปาร์ตี้บ้านเศรษฐีกันเป็นวรรคเป็นเวรนั่นละ (อันนี้จำกัดความคร่าวๆ สนใจลองหาอ่านเพิ่มดู) สำหรับเรา ชอบความฟูมฟายของมัน ฟูมฟายแบบที่บางคนอาจจะรำคาญเลยก็ได้ แต่เราไม่555 มันเก็บดีเทลอารมณ์คนค่อนข้างละเอียด จิกกัดอย่างมีชั้นเชิง มีรสนิยม แล้วมันเป็นการจิกกัดตัวเองซ้อนการจิกกัดอีกที (โปรดเปิดดู opening lines ของนิค; ตัวผู้เล่า; ประกอบ) เราชอบอะไรแบบนี้ self-mockery น่ะ

58 Nameless Fanboi Posted ID:lI.PFhslH

ให้ระดับอาจารย์มาแปลงานแบบนี้ก็ออกมาห่วยเหมือนกันแหละ อ่านต้นฉบับดีสุด
ว่าแต่ช่วงต้นกระทู้มันเกิดอะไรขึ้นวะ มาไม่ทัน

59 Nameless Fanboi Posted ID:qm6us9lbi

>>58 เหมือนตอนแรกเป็นกระทู้ที่ตั้งประชดเลยมีพวกโทรลมาป่วนกัน มั้ง

60 Nameless Fanboi Posted ID:SGmZV/qyE

>>53 >>57 อ่านความเห็นสองอันนี้แล้วถึงกับงงว่า...ตรูอ่านหนังสือเล่มเดียวกับเขารึเปล่าวะ 55555 คือนี่ดูหนังลีโอก่อนแล้วชอบ ไปซื้อหนังสือฉบับแอโรว์มา อ่านไปก็อยากเขวี้ยงทิ้งไป แม่งแปลได้สตึมาก ยิ่งกว่าอากู๋ทรานสเลท อ่านจนจบยังจับใจความไม่ได้เลยว่ามันขึ้นเป็นงานคลาสสิคได้ไง สงสัยต้องไปหาอิ้งมาอ่านจริงๆ

61 Nameless Fanboi Posted ID:OLeJRiK2m

กูชอบgreat gatsbyนะ อ่านตอนยุคนี้อาจรู้สึกน้ำเน่าเลี่ยนๆหน่อย แต่กูชอบการจิกกัดของเรื่องนี้นะ
พูดถึงเรื่องที่ไม่เข้าใจว่ามันขึ้นแท่นเป็นคลาสสิคได้ยังไง กูนึกถึงดอเรี่ยนเกรย์ อ่านครั้งแรกโคตรขนลุกแทบปาทิ้ง แต่ต้องอ่านต่อไปเพราะเป็นหนังสือวิชาreading

62 Nameless Fanboi Posted ID:2Z.LcKg0z

>>60 แปะมือกับมึงงง กูโม่ง >>51 เอง
คือกูขัดใจการแปลของไทยมาก แปลออกมาได้วนเวียนเพ้อเจ้อ เล่นคำเยอะเกินไปจนอ่านแล้วมึน
คนอ่านต้องใช้สมาธิในการโฟกัสมาก ปกติกูอ่านนิยายธรรมดาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็จบ หนากว่าอีเรื่องนี้ด้วย
แต่อีเรื่องนี้กูไม่ไหวจริงๆ กูอ่านไปได้แค่ครึ่งชม. ก็ปวดหัวกับภาษาการแปลจนอ่านได้วันละนิดละหน่อย ใช้เวลาไปเกือบเดือน
ผิดหวังฉิบหายยยยยย น้ำเน่าสาสสส กูไม่ได้รู้สึกถึงการจิกกัดอย่างมีรสนิยมอะไรตามโม่งบนๆ ว่าเลย
คือมันจิกกัดอ่ะใช่ แต่ไม่ได้จิกกัดแบบเลิศเลออะไรขนาดนั้น
ตอนแรกกูก็ข้องใจว่าคนแปลมันแปลมาได้ไงวะ พอกูไปคุ้ยๆ เวอร์ชั่นฉบับอิ้งมาอ่าน ผิดหวังไม่ต่างกันเลย ห่วยมากในใจกู

63 Nameless Fanboi Posted ID:0p02BWk6N

arrow แปลเหี้ยมากจริงๆ นี่กูรู้เลยว่าแปลจากประโยคภาษาอังกฤษว่าอะไร 5555 กูว่าของอีกเจ้าคงแปลดีกว่าเยอะ แต่กูอ่านฉบับเหี้ยๆ ของธนูกูก็ยังเศร้าอยู่นะ

64 Nameless Fanboi Posted ID:TUzJXr1Tx

>>62 ปวดใจจัง เพราะเราชอบแกตสบี้มาก 5555 ( >>57 เองงง) พูดถึงคนแปลแล้ว ที่คิดว่าเป็นเพชรน้ำงามวงการแปลเลยคือ สุริยฉัตร เสียดายมากที่แกเสียไปก่อน แปลดีมาก รักผลงานที่แกแปลทุกเล่ม อยากให้แปลงานอีกเยอะๆ, สดใส, จูเลียต (ชนิด สายประดิษฐ์) น่าจะเป็นคนเดียวด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ ที่แปลเรื่อง pride & prejudice นี่ก็สนุกมากอีกเรื่อง แนะนำๆ (พล็อตละครไทยนะ แต่เขียนสนุก ออสเตนเป็นคนเขียนหนังสือที่กระชับ ใจความครบถ้วน คุณงามความดีของออสเตน พิสูจน์ได้จากงานของเธอ อวยอวยอวย), พิมพา คนนี้ชอบเป็นพิเศษเพราะพี่สาวแกคือ ร จันทพิมพะ ซึ่งเขียนหนังสือได้ล้ำสมัยมากกก งานของพิมพาที่แนะนำก็ทุกเรื่อง แกแปลน้อย รีเบคก้าก็สนุกนะ ชอบ, วัลยา วิวัฒน์ศร อาจารย์แกเน้นงานฝรั่งเศส ที่แนะนำก็มาตา ที่ไลบรารี่ เฮ้าส์ เพิ่งพิมพ์, นันทวัน จำนามสกุลไม่ได้ ที่แปลงานอิตาโล คัลวิโน เน้นงานอิตาลี ชอบทุกเรื่องที่คนนี้แปล, สังวรณ์ ไกรฤกษ์, ถนอมนวล โอเจริญ, อำพรรณ โอตระกูล

65 Nameless Fanboi Posted ID:TUzJXr1Tx

นักแปลคนอื่นที่เราชอบมากๆ แต่ยังไม่รู้สึกว่าผลงานที่แปลโดดเด่นเหมือนอย่าง >>64 ก็พวก ธิดารัตน์ เจริญชัยชนะ,​ มณฑารัตน์ ทรงเผ่า, นาลันทา คุปต์ เป็นต้น

66 Nameless Fanboi Posted ID:bW1T35Fnb

>>64 กูชอบสดใส เคยอ่านงานแปลครั้งแรกก็ของHesseอะ ภาษาเยอรที่กูอ่านมันซับซ้อนมากแต่สดใสแปลเก็บความได้ครบได้ดีมาก อ่านรู้เรื่องมีวรรณศิลป์ ไม่รุ้จะอวยไรเพิ่มละ เอาเป็นว่ากูชอบ

67 Nameless Fanboi Posted ID:lmJg0.njX

>>64 อาจารย์สดใส, สีมน ( แปลเรื่องน้ำหอม) นี่นักแปลในใจกูเลย ขอเพิ่มคุณเทศภักดิ์ นิยมเหตุไปอีกคน แปลเรืองแผ่นดินนี้เราจองได้สนุกมาก เหมาะกับนักเขียนคนนี้เหมือนฟ้าสร้างมา

68 Nameless Fanboi Posted ID:3ZUyK.XCI

>>64 ชอบสดใสด้วยชอบจากนายเกมลูกแก้วทำให้ไปหาเฮสเสเรื่องอื่นมาอ่านเลย จูเลียตกับพิมพาก็ชอบ

69 Nameless Fanboi Posted ID:YtK74tJ3T

ถ้าอยากได้ข้อมูลเฮสเสเพิ่มเติมย้อนไปอ่านช่วงต้นกระทู้นะ เราอ่านมาแล้ว

70 Nameless Fanboi Posted ID:SIw/i/2og

>>69 ตกลงอ่าน แฮร์มันน์ เฮสเซอ? แล้วอย่างนี้จะโอเคกับการแปลของสดใสได้เหรอ? อันนี้ไม่ได้ประชดแบบช่วงต้นกระทู้นะถามจริงๆ เพราะอ่านตามปกมาตลอดเหมือนกัน

71 Nameless Fanboi Posted ID:jI.qS2X+W

>>69 ต้นกระทู้มีแต่ด่ากัน ย้อนไปก็ไม่เห็นมีอะไร

72 Nameless Fanboi Posted ID:jI.qS2X+W

>>70 ไม่เข้าใจคำถามอะ ถามใหม่ที

73 Nameless Fanboi Posted ID:OdXjf5/5l

>>72 โม่งคนนั้นน่าจะหมายถึงว่า จริงๆ แล้วชื่อเรื่องมันไม่ได้อ่านเฮสเส แต่อ่านว่าเฮสเซอตามที่โทรลว่า แล้วถ้าแปลชื่อเรื่องยังเพี้ยนยังงี้จะไว้ใจในการแปลเนื้อเรื่องของสดใสได้เหรอ --> กูตีความได้งี้นะ

74 Nameless Fanboi Posted ID:8iOTexNxv

สดใสแปลจากอังกฤษ

75 Nameless Fanboi Posted ID:+/rRss3iv

>>70 Hesse เฮสเซ คืออ่านแบบภาษาอังกฤษ ส่วน เฮสเซอ อ่านแบบเยอรมัน ซึ่งตัวเฮสเซ (เราอ่านแบบนี้) ก็เป็นคนเยอรมัน ควรอ่านแบบเยอรมันละนะ ส่วนเรื่องแปล เราอ่านเทียบกับฉบับอังกฤษ ก็ไม่มีอะไรพลาดจนบิดเนื้อความอะ เทียบกับต้นฉบับทำไม่ได้ เพราะไม่รู้เยอรมัน อ้อ แล้วอาจารย์สดใสแปลจากอังกฤษนะ ไม่ใช่เยอรมัน ส่วนตัวเราไม่มีปัญหาตรงนี้เท่าไหร่ แต่ก็แอบเคืองที่สนพไม่ค่อยแปะบอกที่หนังสือ

76 Nameless Fanboi Posted ID:+/rRss3iv

>>75 เรื่องการอ่านนี่เรา assume เอาจากการค้นๆมาอะ รอผู้รู้มายืนยันอีกที

77 Nameless Fanboi Posted ID:OdXjf5/5l

>>76 มึงอ่านถูกแล้ว ถ้าเป็นเยอรมันจะอ่านเฮสเซอ

78 Nameless Fanboi Posted ID:N9H9LEDJw

ในหนังอมริกันยังเรียกเฮสเซอเลย
มีแต่คนไทยที่อ่านเฮสเส

79 Nameless Fanboi Posted ID:jI.qS2X+W

>>75 อ๋อกูเก็ตละ ใช่ จริงๆต้องอ่านแบบเยอรว่าเฮสเส่อะ แบบสำเนียงเป๊ะๆเลยนะ สำเนียงกลางแบบบาวาเรีย แต่บางถิ่นเยอรเขาก็เรียกเฮสเส ทีนี่เรื่องเฮสเสนี่ กูไม่มายที่จะอ่านแบบนี้ เพราะว่ามันเป็นชื่อที่โดนเอามาทับภาษาไทยเรียบร้อยแล้ว อย่างคนรัสเซียชื่อ ดิมิทรี งี้ ถ้าจะใช้หลักว่าต้องสะกดเฮสเสอแบบที่โทรลบอก ก็ต้องเขียนว่า ดมิตตริ นีทเช่ก็คงต้องเป็นนีตเฉ่อะ ราชบัณฑิตอนุโลมให้ใช้ดิมิทรีได้ เฮสเสก็เช่นกัน ส่วนฝรั่งอังกฤษมันก็เรียกเฮสเซออะไรไปตามสำเนียงมัน เพราะเขาไม่ได้มีวรรณยุกต์ตัวสระอะไรที่ทำให้อ่านยาก+ไม่สวยถ้าถอดตามเสียงเป๊ะ ๆ แบบของไทยเรา กูคิดเห็นงี้นะ
ปอลอ เพิ่งรู้ว่าสดใสแปลจากอิง แต่ก็รู้สึกแปลตรงไปตรงมาดีนะ เข้าใจง่ายดี

80 Nameless Fanboi Posted ID:gGevjA7eM

>>75 >>79 ได้ความรู้เพิ่ม ขอบคุณมาก

81 Nameless Fanboi Posted ID:4JwY.ROaH

บอกบุน Oliver Twist ของดิกเกน ฉบับแปลไทย อ. สนิทวงศ์ (น่าจะเป็นฉบับ abridged) โหลดฟรีที่ meb

82 Nameless Fanboi Posted ID:9DJl98osI

แถวนี้อ่านแต่เฮสเส่อะฮะ งานของคนอื่นไม่ต้องมาแนะนำ

83 Nameless Fanboi Posted ID:iyARdH74A

>>81 ขอบคุณมึงมาก เพื่อนโม่ง

84 Nameless Fanboi Posted ID:A5lwDdLFL

เดี๋ยวนี้การศึกษาเขาไม่สอนวรรณกรรมคลาสสิคนานาชาติเเล้วเหรอวะ สมัยก่อนยังได้อ่านทอมซอวเยอร์ ฮัคฟิน บ้านเล็ก etc. เดี๋ยวนี้เด็กไม่รู้จักเเล้ว

85 Nameless Fanboi Posted ID:btr14HDlt

>>84 ไม่รู้เป็นที่รร.กูด้วยมั้ย แต่กูไม่เคยผ่านพวกนั้นเลยมีสอนแต่ของไทยตลอด

86 Nameless Fanboi Posted ID:Artijt2Co

>>84 กูเรียนในกทม.ก็ไม่มีเหมือนกัน

87 Nameless Fanboi Posted ID:uomJrgl.L

>>84 ของกู บังคับซื้อหนังสือทอมซอร์เยอร์ แต่จนจบมาก็ยังไม่เคยสอนสักแอะเดียว

88 Nameless Fanboi Posted ID:03W21kpf2

นาร์เนีย กูไม่เคยรู้เลยว่าแฝงเรื่องศาสนาไว้เยอะขนาดนั้น

รู้แต่จบได้แบบ.......

อีกเรื่องที่กูชอบ บ้านเล็กในป่าใหญ่ ชอบทั้งเซตเลย
ดีงามมาก ว่าแต่ร.ร. สมัยนี้ยังบังคับหนังสืออ่านนอกเวลาไหมวะ

89 Nameless Fanboi Posted ID:VXbjgbRQL

ไม่เคยได้เรียนอะ พูดถึงบ้านเล็ก นึกถึงหนังสือ laura ingalls wilder a writer's life ในหนังสือพูดถึงส่วนที่ไม่จริงในนิยายชุดนี้ จำรายละเอียดปลีกย่อยไม่ได้ละ แต่คร่าวๆก็ว่าตัวลอร่าไม่ได้เขียนเรื่องจริงหมดอะ มันเคยมีบทสัมภาษณ์ของลอร่าเองที่ก็พูดด้วยว่าหนังสือชุดนี้ ชั้นเขียนเรื่องจริงนะแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ประมาณนี้

90 Nameless Fanboi Posted ID:VXbjgbRQL

เออๆ เรื่องที่จำได้แม่นคือในหนังสือไม่ได้พูดถึงน้องชายเลยใช่มะ แต่ในชีวิตจริง ลอร่ามีน้องชาย แต่น้องตายตอนยังเด็กมากๆ ไม่ถึงขวบเลยมั้ง เขาก็วิจารณ์กันว่าตกลงนี่ควรนับเป็น autobiography หรือเปล่า (เพราะลอร่าเคลมว่าใช่ ในความจริงแล้วเธอเขียนชีวิตตัวเองแบบปรุงแต่งน้อยมากด้วย แต่ไม่ฮิต มาฮิตกับซีรีส์นี้) เพราะมันมีการตัดแต่งออกไปอยู่ไรงี้

91 Nameless Fanboi Posted ID:yDkMGwSm3

เหมือนเรื่องบ้านเล็ก ส่วนที่ไม่จริงคือ ชีวิตจริงไม่ได้ชอบพระเอกแต่แรก ชอบเพื่อนตัวเองน่ะ เพื่อนเคยเล่ามาจริงมั้ยวะ แต่ชอบเรื่องนี้เวลาบรรยายของกินกับชีวิตในเรื่องว่ะ 555

ส่วนนาร์เนียพอรู้ว่าเทียบอะไรบ้าง แต่ในนี้ละเอียดขึ้นมาอีกขอบคุณมาก ตอนอ่านครั้งแรก กูโคตรสงสารซูซาน ยังคิดเลยคนเขียนใจร้ายว่ะ.......และตอนจบเป็นอะไรที่เงิบมาก ตอนทุกคนมาเจอกัน เจอพ่อแม่ด้วย คือเอาแบบนี้เลยเรอะ

92 Nameless Fanboi Posted ID:A2YUAyOyN

นาเนียร์จบไงวะ ชักอยากรู้แล้วสิ

93 Nameless Fanboi Posted ID:WS2IfnkH7

>>90 เท่าที่จำได้เล่มแรกลอร่าพูดว่ามีพี่น้องสามคนคนเล็กยังเด็กมากอยู่พอสองสามเล่มต่อมาจู่ๆก็พูดถึงน้องสาวคนที่สี่ขึ้นมาแบบโตประมาณนึงแล้ว

94 Nameless Fanboi Posted ID:WS2IfnkH7

แบบมันมีช่วงเวลาที่กระโดดๆอยู่

95 Nameless Fanboi Posted ID:WS2IfnkH7

เค้าคงข้ามเรืองของน้องชายไปเลยละมั้ง

96 Nameless Fanboi Posted ID:Iw9KxVAXD

>>92 >>92 เวลาผ่านไปหลายพันปีหลังจากเหตุการณ์ในเล่มเก้าอี้ มีลิงไปเจอหนังสิงโตแล้วใช้เอามาคุ้มให้ลาแกล้งเป็นอัลสาน แล้วหลอกกษัตริย์ปล่อยให้พวกทางใต้บุกนาร์เนีย พวกคนที่เคยมานาร์เนียกลับมาช่วยหมด ยกเว้นซูซาน แต่โลกก็แตก คนที่เหลือรอดหนีไปยังโรงนา อัลสานโผล่มาพาไปนาร์เนียที่แท้จริง ที่ทุกคนที่เชื่อในอัลสานยังมีชีวิตและความสุข แต่คนที่ไม่เชื่อก็จะไม่มีความสุขหรือไม่ได้ที่นี่ เพราะพวกพระเอกก็เผยว่าตายในเหตุการณ์รถไฟชนกันหมด

97 Nameless Fanboi Posted ID:VP7JVxLeS

>>96 เนื้อเรื่องเเบบJesus Christ is my niggaสุดๆ

98 Nameless Fanboi Posted ID:3BB2eT4XZ

>>96 ให้ตีความง่ายๆคือผู้คนนับถือfalse gods + พวกมุสลิมเอาพระเจ้าตัวเองมามอมเมา จนท้ายที่สุดก็ถึงเวลาสิ้นโลกที่พระเจ้าจะรับเหล่าผู้ศรัทธาไปอยู่ด้วย ฉากในโรงนา มันสื่อถึงสวรรค์มาก ๆ ละก็ จริงๆตอนต้นเล่มทุกคนนั้นทุกคนนั่งอยู่ในรถไฟจะไปหาปู่ย่า ยกเว้นซูซานที่อยากไปปาร์ตี้( นี่งะ คนบาป) ละจุ่ๆรถไฟชนแรงมาก งงๆแล้วก็มาตื่นที่นาร์เนีย ส่วนตัวกูว่าเล่มนี้นัยยะแรงเว่อ

99 Nameless Fanboi Posted ID:815W/sn05

>>95 มีนิดนึงนะ กูจำได้ว่ามีพูดถึงน้องชายว่าโดนพ่อแม่ไล่ไปเล่นนอกบ้าน หรืออะไรเนี่ยแหละ กลับมาก็เจอแม่อุ้มน้องอยู่

100 Nameless Fanboi Posted ID:t.r4RsmF2

>>96 หะ เอางี้เลย โอเค นัยยะทางศาสนาเต็มเปี่ยม 555

101 Nameless Fanboi Posted ID:U15w+Prtz

บอกบุญจ้า เทพนิยายออสการ์ ไวลด์ แปลโดย อ. สนิทวงศ์ โหลดฟรีที่ meb

102 Nameless Fanboi Posted ID:++w5Pyzp4

ปกติเวลาจะหารีวิวนี่ใช้เว็บรีวิวไหนบ้างอะ goodreads นี่พอใช้ได้ไหม

103 Nameless Fanboi Posted ID:nI+uSF11m

>>102 ถ้าคลาสสิคหรือภาษาอังกฤษก็ Goodreads นี่แหละ

104 Nameless Fanboi Posted ID:ccPGHrMt2

>>103 ok ขอบคุณมาก

105 Nameless Fanboi Posted ID:OgqfmWlJJ

>>64 อยากอวยอาจารย์ถนอมนวลกับอาจารย์อำภามาก แต่เอาเป็นว่าวันศุกร์ที่ 16 มิถุนา อาจารย์ถนอมนวลมีบรรยาย (ปาฐกถา) เรื่องคาฟก้าที่อักษรฯจุฬาฯนะ เข้าร่วมได้ไม่เสียเงิน ของภาควรรณคดีเปรียบเทียบก็น่าสนใจเหมือนกัน เป็นภาคที่มีของ เป็นภาคที่สามารถปล่อยพลังได้
(วาร์ป: https://www.facebook.com/aksarapiwat/photos/a.100526833815025.1073741828.100378453829863/100566717144370/?type=3&theater) ไม่ได้ค่าโฆษณาจริงๆ5555 แต่เป็นติ่งอาจารย์ อยากให้มีคนได้ฟังอาจารย์ตอนบรรยายหรือเวลาสอนเยอะๆ
ของอาจารย์ถนอมนวลนี่หลักๆจะเป็นคาฟก้า แต่ยืนยันจริงๆว่าถ้าเห็นชื่ออาจารย์คือมั่นใจได้ว่ามันจะเป็นงานแปลที่ดี ส่วนอาจารย์อำภาจะเป็นวรรณกรรมเด็กๆอ่าน/นิทาน แต่มีเล่มที่รวบรวมเรื่องสั้นเยอรมันมาแปลหนึ่งเล่ม (เรื่องสั้นเยอรมันสำหรับนักศึกษา ปกสีฟ้าๆ) เล่มนี้ก็โอเคเหมือนกัน นอกจากนี้ก็จะมีอาจารย์อารตี จำไม่ได้ว่าอาจารย์แปลอะไรบ้าง แต่ที่ซื้อมาก็มี โธมัส มันน์ (มาริโอกับนักมายากล) นี่คือเท่าที่รู้ว่าแปลตรงจากภาษาเยอรมันแน่ๆ และก็เป็นอาจารย์ที่สอนวิชาสายวรรณกรรมเยอรมันด้วย

>>90 บ้านเล็กนี่ชอบ สนุก แต่ถ้าถามว่าเป็น autobiography หรือเปล่า มันก็ยังไม่ใช่ขนาดนั้น5555 คือเป็นหนังสือที่ได้ความรู้เพิ่มนอกจากความบันเทิง แต่มันก็ไม่ใช่ความรู้แบบ fact เน้นๆ มันเหมือนแสดงให้เราเห็นมุมมอง ความคิดของคนในยุคนั้นต่อสิ่งต่างๆมากกว่า เช่นมุมมองของตัวลอร่าเอง ต่อชนพื้นเมืองอเมริกันบ้างอะไรบ้าง หรือเรื่องเนลลี่นี่ก็รู้สึกจะเอาคนมารวมกันตั้งสามสี่คน5555 มันมีประโยชน์ในแง่หนึ่ง แต่ก็นั่นแหละ ป้าลอร่าเองก็มโนอะไรเอาซะมาก

106 Nameless Fanboi Posted ID:mU7mtEVTO

>>105 64 เองนะ ชอบอาจารย์มากกก ดีใจแบบมากๆๆๆๆ ที่ไลบรารี่เฮาส์ทำรวมเรื่องสั้นคาฟกา ปกสวยอีก รักๆๆ เสียดายไม่มีโอกาสเรียนกับแก (พูดแล้วจะร้องไห้) งานน่าสนใจ ขอบคุณที่แวะมาบอกข่าวจ้า/ ส่วนของอาจารย์อำภา ยังไม่มีโอกาสได้อ่านงานแปลแกเลยอ่า เรื่องสั้นเยอรมันที่ว่านี่ยังมีอยู่ปะ เคยหาแล้วไม่เจอ มันพิมพ์ใหม่หรือยังน่ะ/ มาริโอฯนี่ซื้อไว้ยังอ่านไม่จบเลย555
btw งานหนังสือนี้มีงานคลาสสิกออกมาพอสมควรอยู่นะ ไว้ใกล้ๆวันงานจะรวบรวมแปะลง (โฆษณาให้สนพเลยด้วย ไปอุดหนุนกันเยอะๆเขาจะได้มีทุนทำเล่มต่อไป ฮาาา)

107 Nameless Fanboi Posted ID:dW6MkLBTs

ไม่รู้ว่าถามตรงนี้ถูกหรือเปล่า สนใจเล่มนี้ ใครพอรู้ข้อมูลมั้ยว่าเล่มนี้โอเคหรือเปล่า
เนินนางวีนัส | Delta of Venus
อนาอิส นิน เขียน
รังสิมา ตันสกุล แปล
https://www.facebook.com/libraryhousebangkok/photos/a.1818224058502530.1073741852.1411003912557882/1823097758015160/?type=3

108 Nameless Fanboi Posted ID:mU7mtEVTO

>>107 อ่านภาษาอังกฤษ ก็โอเคนะ สำนวนดี แต่ไม่ได้ชอบงานอีโรติกน่ะเลยเฉยๆ คนนี้แปลไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่ ก็ลองเปิดผ่านๆก่อนก็ได้ (แต่เราคงซื้อฉบับไทยแน่ๆเพราะชอบปก ไว้อ่านแล้วเดี๋ยวมารีวิว)

109 Nameless Fanboi Posted ID:dW6MkLBTs

>>108 ขอบคุณสำหรับข้อมูล จดเข้ารายการซื้อปลายเดือน

110 Nameless Fanboi Posted ID:OgqfmWlJJ

>>106 ไหนมาให้กอดทีนึงสิ Y_Y จริงๆพวกเราอาจอยู่ใกล้กันกว่าที่คิดก็ได้นะ5555 และมาริโอยังอ่านไม่จบเหมือนกัน555555 ปกติอ่านเบาสมองกว่านี้ เจอมาริโอคือชะงัก นั่งทำใจ ค่อยๆพลิกอ่านทีละหน้า แต่รวมเรื่องสั้นเยอรมันนี่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะพิมพ์อีกหรือเปล่า เพราะที่ซื้อมาเป็นเพราะต้องซื้อมาเรียนกับอาจารย์ *ถรึ่ง ตอนนั้นซื้อกันทั้งเอกเพราะเป็นวิชาบังคับ จริงๆถ้าอยู่เอกนี้ ลองถามพวกรหัส 55 ขึ้นไปอาจมีคนอยากส่งต่อก็ได้นะ
อาจารย์ถนอมนวลนี่มีโอกาสเรียนด้วยแบบ ฟลุคจริงๆ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก Y_Y ถึงจะไม่ได้เรียนกับอาจารย์อีกแล้ว เพราะอาจารย์น่าจะสอนแค่ระดับป.เอกแล้ว ซึ่งเราไม่เรียน5555 ตอนนั้นอาจารย์สอนวรรณกรรมหลังสงครามโลก แค่เรียนคอร์สเดียวก็รู้แล้วว่าอาจารย์คือของจริง รัก ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตแบบติ่งๆ รอเข้าฟังเวลาอาจารย์จัดบรรยาย เก็บหนังสืออาจารย์ไป ฮือ แต่อาจารย์เป็นคนน่ารักมาก ถ้าพบอาจารย์สามารถเดินเข้าไปสวัสดีอาจารย์และพูดความติ่งใส่อาจารย์ได้<3

อนึ่ง งานแปลของอาจารย์อำภาที่ยัง (น่าจะ) มีขาย คิดว่าน่าจะเป็น "เด็กดื้อ ชื่อว่า ชะตรูฟเฟลเพเทอร์" กับ "บีเดอร์มันด์และนักวางเพลิง และ นักฟิสิกส์" สองเล่มนี้นะ เหมือนศูนย์หนังสือธรรมศาสตร์จะมีขายออนไลน์อยู่ แล้วก็ "รวมเรื่องสั้นภาษาเยอรมัน" ของสำนักพิมพ์วงกลมที่มีนักแปลหลายๆคนแปลด้วยกัน จะมีเรื่องนึงที่อ.แปลอยู่ในนั้นด้วย

111 Nameless Fanboi Posted ID:YLAg7KERF

>>110 กอดกันๆๆ *โอบ* ดีใจเจอคนคอเดียวกัน เอาจริงๆคนรอบตัวเราไม่ค่อยมีใครอ่านงานแนวนี้เท่าไหร่555 คืออ่านนะ แต่ไม่จริงจัง ไม่คลั่งและติ่งอาจารย์หรือผู้แปลเป็นจริงเป็นจังอย่างเราน่ะ อาจารย์อีกคนที่เราอยากเรียนด้วยมากๆๆๆ คืออาจารย์วัลยา วิวัฒน์ศร ชอบงานอาจารย์ทุกเล่มเลยยยย เสียดายที่ไปพิมพ์กับผีเสื้อซะเยอะ (บ.ก.แอ็คอาร์ตของผีเสื้อมีกรณีกะอาจารย์เกี่ยวกับเรื่องค่าตอบแทนด้วยแหละ อ่านแล้วหมดศรัทธากับสนพนี้ แบบว่าไม่อยากอุดหนุนเลย แต่ก็นะ งานดีๆอยู่ที่นี่ก็เยอะอะ ฮืออ/ ถ้าอยากรู้ จะรวบรวมมาให้) แล้วก็อาจารย์ภาสุรี ลือสกุล อาจารย์แกแปลบทกวีของ pablo neruda (แนะนำๆๆๆ แกเขียนบทกวีรักได้หวานหยดจริง อ่านแล้วใจพอง เรารักเนรูด้ามากกก เรียกว่าเทิดทูนเลยดีกว่า555)
ได้อ่านความเปลี่ยวดายฯ ของฮราบัล ที่อาจารย์วริตา แปลหรือยัง? ดีมากนะ เราดีใจมากที่มีคนเอาวรรณกรรมประเทศอื่นมาแปลบ้าง งานของเช็คดีๆมีแยะ แต่ไม่รู้ทำไมในไทยไม่ค่อยพูดถึงกัน (มีคนอ่านน้อยมั้ง) พูดถึงอาจารย์วริตา น่าเสียดายที่แกไม่รับงานแปล orlando ของวูล์ฟ มั่นใจมากว่าอจจะแปลและถ่ายทอดน้ำเสียงของวูล์ฟได้ดีมากแน่ แต่ก็นะ งานวูล์ฟมันหนัก ต้องใช้พลังงานเยอะ และ might take one's souls to แปลออกมาให้ครบและสมบูรณ์ด้วยละนะ
จริงๆตอนนี้เราเชียร์ให้คนเอางาน austen มาแปลให้ครบๆอยู่ ไม่รู้จะมีสนพไหนสนมั้ย เราว่างานเจนมันอ่านสนุกมากๆๆๆ แบบไม่ต้องคิดมากก็สนุก พูดละอยากจะแปลเองพิมพ์เองเลยเนี่ย555 รักหล่อนมาก (people who read jane austen are 100% cool! 5555)

112 Nameless Fanboi Posted ID:YLAg7KERF

>>111 เพิ่มๆๆ อาจารย์สดใสด้วยยย เรารักแกมากกกก ฮือออ ปลื้มใจ ตอนซื้อสิทธารถะได้ลายเซ็นแกด้วยละ ปลื้มมั่ก ヾ(o✪‿✪o)シ แล้วก็อาจารย์นพพมาส แววหงส์ ดีใจที่แกแปลงานของเชคสเปียร์ ถึงเราจะไม่ชอบตานี่ แต่ก็เป็นนิมิตรอันดีที่งานชิ้นเอกได้เผยแพร่ในภาคภาษาไทย เสียดายที่ทั้งสองท่านอยู่ภาคการละคร (ซึ่งเราไม่ได้เรียน) อย่างอาจารย์สดใสก็ทำแฟนคลับใจฟูได้เรื่อยๆ เพราะมีผลงานตลอด ส่วนอจนพมาสก็มีคอลัมน์บ้างอะไรบ้าง ล่าสุดก็ the museum of innocence ของปามุก (พิมพ์กับมติชน) ดีเนอะ เวลานักแปลระดับอาจารย์มีผลงานใหม่ๆออกมา เดี๋ยวนี้นักแปลสายคลาสสิกดีๆมีไม่มาก ส่วนใหญ่ก็รุ่นอาจารย์ทั้งนั้น อยากให้มีมาเพิ่มอีกเยอะๆจังนะ... เห้อ

113 Nameless Fanboi Posted ID:XJ0WTjkv.

ถ้ามีงานแปลเยอรมันเรื่องไหนแนะนํากูบ้างนะ
กูเคยอ่านแค่คาฟคาอ่ะ ไม่ค่อยเจอคนอ่านงานเยอรมันเลย
ส่วนมากงานแปลเยอรมันในบ้านเราแปลจากเยอรมันเลยมั่ยอ่ะ

114 Nameless Fanboi Posted ID:VeKJBuQER

>>111 งานของเจน ออสตินนี่ใช้ที่ทำเป็นหนังใช่มะ ทั้ง 2 เรื่องเลย ทั้ง becoming jane กับ pride คือจะบอกว่าถ้าในหนังสือเนื้อหาเหมือนในหนังเลยนี่กูขอผ่านแน่ๆ ไม่โดนใจมาก ขนาดมีดาราที่กูชอบอย่างเคียร่ากับแอนน์มาเล่นกูยังตงิดๆ กับตัวนางเอกทั้งสองเรื่องเลย

115 Nameless Fanboi Posted ID:oqFVshMCa

>>114 becoming jane มันหนังชีวประวัติเจน ออสเตนป่ะ ส่วนหนัง p&p เวอร์ชั่นเคียร่า เราไม่เคยดู แต่เวอร์ชั่นซีรีส์ bbc จะทำออกมาตรงหนังสือมากกว่า เห็นเค้าว่างั้นนะ

เอาจริงงานของออสเตน ถ้าเทียบกับนิยายปัจจุบัน พล็อตมันธรรมดามากนะ ถ้าจะอ่าน อ่านเอาสำนวนอย่างเดียวพอแล้ว สำนวนกับวิธีการเล่าของออสเตนอ่านสนุก คำแนะนำคืออ่านไปซักสามสี่บท ถ้าไม่ชอบก็วางไปเลย ถ้าชอบก็ลุยต่อแล้วก็ไม่ต้องสนพล็อตมากนัก

116 Nameless Fanboi Posted ID:oqFVshMCa

เพิ่มเติม เราอ่านเจน ออสเตนที่มีแปลมาแล้ว เรารู้สึกว่าไปอ่านอังกฤษดีกว่า เราอ่านไทยแล้วปวดหัวจี๊ด ๆ เหมือนต้องแปลไทยเป็นไทยอีกที

117 Nameless Fanboi Posted ID:knEOlMjUT

>>113 น้ำหอม สีมนแปล เรื่องนี้กระแทกมาก

118 Nameless Fanboi Posted ID:CXacVE3Ky

>>113 ก็แล้วแต่คนแปลนะ เอาจริงๆมีนักแปลที่แปลตรงจากเยอรมันไม่กี่คนหรอก แต่อย่างของเลเจนด์ เล่มที่เกี่ยวกับฮิตเลอร์ ชื่อ (ถ้าจำไม่ผิด) กลับมาแล้วครับ นี่คิดว่าแปลจากอังกฤษ แล้วก็มีของสันสกฤตอีกเล่ม ชื่อ เดียวดายในเบอร์ลิน อันนี้น่าจะแปลจากเยอรมัน
>>114 becoming jane เป็นหนังประวัติออสเตนตามที่ >>115 ว่าเลยจ้า ส่วนหนัง p&p 2005 ก็สนุกดี แต่ซีรีส์ของบีบีซีเนื้อหาตรงตามต้นฉบับมากกว่า
>>115 ใช่ๆ พล็อตธรรมดา รักๆใคร่ๆ ละครมาก แต่ชอบอ่า v__v เราชอบการเขียนของออสเตนด้วยแหละ เป็นคนเขียนร้อยแก้วได้กระชับ ฉับๆๆ แต่ให้ภาพชัดเจน มีอารมณ์ขัน แบบว่าล้อตัวละครในเรื่องไปมา มีลีลา อืม จะใช้คำว่า เจนเป็นคนที่ witty ก็คงได้ เอ่อ อธิบายไม่ถูกน่ะ แต่เป็นว่าถ้าใครรำคาญความรุ่มร่ามของพล็อต ยังไงก็ยังศึกษาวิธีการเขียนของเจนได้อยู่ (well, วูล์ฟเองก็ชมเจนนะ อิๆ ขออวยหน่อย) ส่วนเรื่องการแปล ก็เป็นจริงอย่างที่ว่า อาจารย์จูเลียตแกแปลไว้เมื่อนานนนนนนมาแล้วน่ะ ภาษาออกโบราณ ศัพท์แสงไม่คุ้นหู รูปประโยคก็ใช้ความซ้อนเสียมาก (เขาเรียกความซ้อนใช่มะ) สารภาพว่ารอบแรกเราอ่านอย่างมึนๆก็ตามไม่ค่อยทัน555 อ่านแล้วต้องค่อยๆถอดความภาษาไทยอีกที

119 Nameless Fanboi Posted ID:GS0HUE1/2

เห็นคุยเรื่องเจนกัน เพื่อนโม่งแนะนำงานของเจนให้หน่อยได้มั้ย นี่เคยอ่านแค่ p&p เอง อยากอ่านอย่างอื่นด้วย
Sense&sensibility นี่โอเคมั้ย แล้วมีเรื่องไหนของเจนที่น่าอ่านอีกอะ

120 Nameless Fanboi Posted ID:thVchexs8

ของเจนขอแนะนำ the catcher in the rye

121 Nameless Fanboi Posted ID:CXacVE3Ky

>>119 Emma เลยยย ชอบพอๆกับ p&p จริงๆแนะนำทุกเรื่อง555 ยกเว้น persuasion กับ northanger abbey ที่ชอบน้อยที่สุด รู้สึกมันเฝื่อนๆยังไงพิกล แต่ก็อ่านเอาเพลินๆได้อยู่อะนะ ส่วน s&s ก็ใช้ได้ พล็อตคลีเช่มากมายแต่ก็สนุกอะนะ

122 Nameless Fanboi Posted ID:GfEo7tsZu

>>120 ห้ะ

Topic expired

Topic has reached inactivity threshold.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.