นักเขียนที่ลงทะเบียนเสียภาษีอย่างถูกต้องมีประมาณ 3000 กว่าคนในประเทศนี้
นักเขียนมืออาชีพที่ปีหนึ่งมีผลงานออกหลายเล่มได้ มีไม่กี่สิบคน
นักเขียนใจรักในงานตัวเองทุกคน ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง แต่ปัจจุบันพวกกินอุดมการณ์เป็นข้าวเหลือไม่เท่าไร
สังคมเศรษฐกิจมันบีบขนาดไหน ถ้าทำงานหาเงินเองแล้วจะรู้
นักเขียนที่มีรายได้หลักจากงานเขียนเพียวๆ แทบนับหัวคนได้
=== นักเขียนทั่วไปเขาทำเป็นอาชีพเสริม ทุกคนรู้แก่ใจดี เพื่อนโม่ง ไม่ต้องบอกเรื่องนี้===
เพื่อนโม่งเคยเห็นการ์ตูนล้อเรียนเรื่องนักเขียนยอม สนพ. เขียนฉากตบจูบ nc ว่าเป็นสุนัขไหม เพราะต้องการรายได้
เมื่อก่อนกูก็ว่า เอ้อ มันจริงว่ะ เขาเขียนล้อได้ดี
แต่พอเข้ามาวงการนี้จริงๆ มึงไม่ยอมมึงก็ไม่ได้ออกงานมีเงิน (ไม่มีใครอิ่มทิพย์ได้) มันเจ็บจี๊ดไปถึงหัวใจเมื่อนึกถึงการ์ตูนนั้น
คนเราไม่ใช่แค่นักเขียนเท่านั้น
เงินจากรายได้หลักแทบไม่พอใช้กันแล้วในสมัยนี้ ส่วนใหญ่คาดหวังมีเงินจากงานเขียนเล็กน้อยกันทุกคน
ผลที่รูปธรรมที่เห็นชัด
ก็หนังสือที่วางขายนั่นแหละ ขายดีที่สุดก็รักตบจูบมีฉากเยิ้มกัน ที่บางคนบอกว่าเป็นขยะ แต่เสือกขายดิบขายดีตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป
โลกนี้มันโหดร้าย ประเภทเพ้อฝันว่านักเขียนต้องให้อะไรสังคม ทุกคนคาดหวังกันจริงจังแต่ไม่อุดหนุนเท่าไรเลย
มีบางคนเท่านั้นที่เขียนออกมาได้รับการยอมรับแต่นับรายชื่อได้เลย
นักเขียนปกติ บอกตรง ว่ายากแบบหืดขึ้นคอ บวกสังคมเศรษกิฐตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
สนพ. เจ้งไปเท่าไร นิตรสารปิดไปเท่าไร
คนอ่านที่ซื้อตอบให้ได้หมดแล้ว