Last posted
Total of 1000 posts
KY หน่อย กูว่าตอนนี้กูเริ่มเขียนต่อไม่ไหวแล้วแฮะ
ทุกวันนี้พยายามกัดฟันเขียนเข็นต่อโดยคาดหวังว่าซักวันจะมันจะออกผล แต่ยิ่งเข้าไปดูยอดแล้วก็พบว่ายิ่งไม่มีหวังเลย จนตอนนี้รู้สึกหมดใจกับเรื่องที่เขียน จนอยากจะเปลี่ยนเขียนเรื่องใหม่ละ
ปัญหาก็คือตอนนี้ที่กูเขียนสต๊อกเอาไว้ เนื้อหาแม่งเพิ่งดำเนินมาช่วงกลางๆ ของเรื่องนี่ล่ะ เลยไม่รู้จะหาทางลงยังไงดี ที่คิดได้ก็คือเขียนให้แค่จบเล่มแล้วระบุว่าดรอปเท่านั้น จึงอยากถามเหล่าโม่งหน่อยว่ามีไอเดียยังไงบ้างกับการดรอปงานที่เขียน?
>>478 ถ้ามึงไม่ได้ออกเล่มให้เก็บ ไม่ได้ติดเหรียญ กูคิดว่ามึงมีสิทธิ์ดรอปเพื่อไปเซฟใจมึงโดยไม่ต้องขออนุญาตใคร จะแจ้งตรงๆหรือไม่กล้าแค่เฟดไปเงียบๆ ยังไงก็ไม่มีใครได้ลงทุนกับมึงนอกจากลงทุนค่าเน็ตเอามาอ่าน หรือแค่เอางานพักไปก่อนรอโอกาสที่เหมาะสมก็ได้นะ บางทีงานมึงอาจจะมาก่อนกาล หรืออาจจะไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่มันจะเติบโตได้ พูดไว้ตรงนี้ว่านข.ที่ดรอปงานทุกคนมีหลากหลายเหตุผลมาก ดรอปด้วยความจำเป็นก็เยอะ ไม่ผิดอะไรถ้ามึงจะบอกลาตรงจุดนี้ไปก่อน แต่ถ้ามึงออกเล่มติดเหรียญแล้ว ให้คนมาเสียเงินกับมึงแล้ว มึงต้องรับเสียงด่าทั้งหลายให้ได้นะ ไม่ใช่ทุกคนจะพร้อมเข้าใจมึง แต่ไม่ว่าใครจะด่ามึง จำไว้ว่าที่มึงดรอปก็เพื่อเซฟสุขภาพจิตของมึงที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด สุขภาพจิตมึงพังมึงพยายามเข็นไปก็ไม่รู้มันจะเขียนจบมั้ยอยู่ดี งานมันก็จะพังลงเรื่อยๆจนกว่างานมึงจะแมสปาฏิหาริย์อ่ะ
ปกติคนจะไม่ค่อยให้กำลังใจนข.ที่ดรอปหรือจะดรอปงาน มันเหมือนนข.ทำบาปอะไรซัมติง แต่กูขอเป็นโม่งตัวนึงที่ให้กำลังใจมึงนะ สู้ๆ เซฟตัวเองให้ได้ก่อน แล้วถ้ามึงรักการเขียนจริงๆมึงอาจจะกลับมาเซฟงานของมึงต่อ
>>479 มึงพูดถูกเลยแฮะ ตอนนี้คืองานพังมาก กลับมาย้อนอ่านเองรู้สึกได้เลยว่าสำนวนออกจืดๆ Plain ไม่ไหลลื่นแบบช่วงแรกที่เขียน
แถมระหว่างเขียนๆ เข็นๆ ก็รู้สึกทุกข์ใจมาก เหมือนพยายามหลอกตัวเองว่าต้องไปต่อได้อะ
ยังดีนะที่กูเปิดอ่านฟรีอยู่ ยังไม่ได้เริ่มติดเหรียญ ลงสต๊อกหมดแล้วค่อยแจ้งแล้วกัน
ky หกหมื่นคำนี่ถือว่าเรื่องสั้นหรือเรื่องยาวอะโม่ง พอดีกูเขียนเสียวปั่กๆแล้วไม่รุ่งทั้งเงินและกำลังใจ เลยว่าจะไปเปิดแนวโรมานซ์จริงจังเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องฝืนสำนวนตัวเองด้วย (นปก.หลักกูก็เขียนธรรมดา แต่แสนคำทุกเรื่องเลยว่ายาวละ) พอดีลองละเป็นจำนวนคำที่กูเขียนได้ทุกเดือน ออกได้เดือนละเล่มพอดีเลยอยากรู้ว่ามันถือเป็นเรื่องสั้นปะ
ยอดสถิติในเมบนี่มันคำนวณเฉพาะคนที่กดซื้อหรือเปล่าวะ กุแปลกใจที่ของกูมันแสดงกลุ่มคนอ่านที่อายุ 31-50 ไป 80 % เลยผิดจากที่คาดว่ากลุ่มเป้าหมายจะเป็นวัยรุ่นแฮะ
Kyเพื่อนโม่งพอจะรู้ไหมว่า แฟมมิลี่ทรี ทำได้ที่แอพไหน อยากทำใส่ในนิยายจ้า //กราบขอบพระคุณล่วงหน้า
KY เป็นอะไรไหมที่นางเอกกูไม่ฟาด เป็นสาวน้อยเรียบร้อยที่ธรรมดาสุดๆ ไม่ได้มีซีนพูดจาฉลาดๆ แต่เป็นคนเข้าอกเข้าใจเป็นความอบอุ่นใจของพระเอกไปวันๆ นักอ่านจะหาว่านางเอกกูหน่อมแน้มไหมวะ
KY เป็นอะไรไหมที่นางเอกกูไม่ฟาด เป็นสาวน้อยเรียบร้อยที่ธรรมดาสุดๆ ไม่ได้มีซีนพูดจาฉลาดๆ แต่เป็นคนเข้าอกเข้าใจเป็นความอบอุ่นใจของพระเอกไปวันๆ นักอ่านจะหาว่านางเอกกูหน่อมแน้มไหมวะ
>>495 ในมุมมองกูก็ไม่เป็นไร แต่จะมีประเด็นน่าติดตามรึเปล่านี่ล่ะ เพราะมันจะออกแนวสาวจืด
ถ้าเป็นกูคงใส่ภูมิหลังสุดโต่งมาด้วย เช่นเป็นหลานสาวประธานบริษัท มีคุณตาขี้หวงเลี้ยงมา แล้วพระเอกที่เป็นแค่พนักงานธรรมดาๆ โดนยัดเยียดหน้าที่คอยดูแล เพราะฝ่ายหญิงมาถูกใจนั่นล่ะ
>>495 กูชอบนะ ถึงเบื่อก็ไม่ว่าเพราะคาแรคเตอร์นางเอกมันน่ารักอะ กูชอบผู้หญิงแบบนี้ กูสายซื้อนิยายเพราะคาแรคเตอร์555 ถ้าจะเขียนจริงกูคงแนะนำให้ต้องมีซีนให้น้องช่วยฮีลใจพระเอกเยอะๆ ว่ะ พระเอกเป็นไอ้หนุ่มโดนครอบครัวกดดัน น้องชายเหลวแหลก พี่ชายห่วยแตก พ่อแม่หย่าร้าง หางานไม่ตรงสาย ปมจะไปหนักที่พระเอกแทน จุดนี้กูว่าจะช่วยชูคาแรคเตอร์นางเอกให้คนเอ็นดูมากๆ เป็นยัยน้อง ยัยนุ่มนิ่ม และเอาใจช่วยนางให้เป็นแสงตะวันกลางใจของไอ้หนุ่มนี่ (ยิ่งถ้านางเอกมีภูมิหลังน่าสงสารแต่ยังน่ารัก คอยเป็นความอุ่นใจให้พระเอกได้ สายอ่านนิยาเพราะคาร์แรคเตอร์จะเลิ้ฟมาก) เขยเปรตทีคนเข้าข้างนางเอกเยอะด้วยนะมึง555
กู 495 นะ โฮ ขอบคุณพวกมึงทุกคนมาก 😭 กูเองชอบนางเอกแนวนี้ ชอบความสัมพันธ์แบบนางเอกแสนธรรมดามองโลกในแง่ดี เป็นผู้หญิงเรียบๆ ที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจหายเหนื่อยอ่ะ ส่วนปมก็ไปหนักทางพระเอกจริง วิ่งสู้ฟัดสุดๆ 555 บางทีกูก็นึกว่านางเอกกูควรมีซีนเป็น heroine ฟาดฟันตัวโกงกับเข้าบ้างไหม แต่ก็โคตรฝืนคาแรคเตอร์เลย น้องมันก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งอ่ะ กูเขียนๆ ไปก็กลัวนักอ่านจะเบื่อนางเอกแนวนี้แล้ว ขอบคุณพวกมึงจริงๆ ที่มาตอบให้กูมีกำลังใจเขียนต่อไปได้นะ /สูดยาดม
มีข้อสงสัยนิดนึงว่ะ กูไม่ได้เขียนแนวโรแมนติคขายฝันอะไรนะ แนวพีเรียดๆเหมือนบันทึกชีวิตมากกว่า นางเอกกูแอบรักผู้ชายคนหนึ่ง แล้วนางเอกโดนทางบ้านบังคับแต่งงาน นางเอกไม่ได้รักผัวตัวเอง แต่ผัวนางรักนางมากจนนางโคตรรู้สึกผิด พยายามรักแล้วแต่คนไม่ใช่มันก็ไม่ใช่ ส่วนผู้ชายคนนั้นก็โสดตลอดชีวิตเพราะรักนางเอกเหมือนกัน
ถ้านางเอกกูยังคะนึงหารักแรกของตัวเองแต่ไม่ได้ไปสานต่ออะไร ผัวก็อยู่กันแบบผูกพันแต่ไม่ได้รักในฐานะผัวเมีย ตายไปก็ยังคิดถึงแต่ผู้ชายคนนั้นไม่เคยคิดถึงผัวตัวเอง อันนี้นักอ่านจะผิดหวังและด่านางเอกมั้ยวะเพราะแม่งก็ขัด norm ที่เมียต้องซื่อสัตย์รักผัว แต่นางเอกไม่สามารถเลือกได้ว่าจะแต่งงานกับใครได้ด้วยซ้ำ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบให้คู่ครองในเรื่องแต่งไม่รักกันใช่ป่ะ
>>502 ใช่ มันจะขมเกิน เป้นแนวเรียลๆ ที่อ่านละหน่วงจิตอะ แต่ถ้ามึงเขียนให้นางเอกกะผช.ที่นางรักรักกันมากแล้วเขียนให้อินมันก็น่าสงสารแหละ ไม่น่าด่าหรอก ฟีลนางเอกพระเอกแต่ไม่ได้คู่กันอะ แต่ถ้ามึงให้บทผัวชีเด่นมากอันนี้แหละนักอ่านอาจจะเลือกข้างฮีแล้วหาว่านอ.ใจร้ายไม่ยอมมูฟออน อยู่ที่การนำเสนอเรื่องนะ
ว่าแต่มึงเขียนแนวนี้กะขายใครวะ ถามจริงๆ ไม่ได้กวนตีน 555
>>502 กูขอโทษ แต่กูลำใยนอ.ไทป์นี้จัง ไม่ใช่เพราะแม่งขัดนอร์มที่เมียต้องซื่อสัตย์รักผัว แต่ลำใยที่มึงจะยื้อสามีไว้ทำไมถ้าใจมึงอยู่กับอีกผู้ อยู่กันแบบผูกพันแต่ไม่ได้รักนี่เข้าข่ายรักพี่เสียดายน้องมั้ยวะ ถ้ามึงจะมาทรงพีเรียดที่ตลค.ยังโดนบังคับด้วยขนบ มึงให้ครอบครัวนอ.บังคับนอ.แต่งกับผัวเหี้ยๆหน่อยเหอะ อย่างที่ >>503 บอกว่าถ้าบทผัวเด่นคนอ่านจะเทใจให้แทน
>>502 ตามตรงคือ กูไม่ชอบนางเอกมึงเลยว่ะ กูสงสารผัวเขาที่แต่งด้วย แล้วกูก็ไม่ชอบคนที่นางเอกรักด้วย ทำไมมันไม่ไปรักกันให้จบๆ คาราคาซัง แต่อย่างที่มึงว่ามึงเขียนตามใจตัวเองไม่เน้นเซอร์วิสคนอ่านซึ่งก็จะดีใจมากที่เราไม่เป็นลูกค้ากันนะ ไม่งั้นกูสาปมึงจริงๆ แนวมึงเหมือนหนัง-ซีรี่ย์ญี่ปุ่งเลย นักเขียนชอบจบแบดๆไม่แคร์ เป็นแนวที่ทำให้กูรู้สึกว่า กูจะอ่านไปทำไมวะมันไม่คอมพลีทอะ ค้างคาในความรู้สึกสุดๆ555
>>505 แนวพีเรียดชนชั้นสูงอะมึง หย่าได้ซะที่ไหน ครอบครัวนางเอกแม่งบังคับกะเกณฑ์จัดๆตั้งแต่บังคับแต่งงาน ถ้าลูกสาวหย่าผัวแม่งเอาตายแน่ๆ ผัวที่มาแต่งด้วยก็นิสัยดีประมาณหนึ่ง เป็นคนดีแต่คนที่ไม่รัก ทำยังไงมันก็ไม่รัก ฟีลแบบมึงรู้จักคนคนนี้เป็นสิบปีแล้วมึงก็ผูกพันกับเขานั่นล่ะ แล้วอยู่ร่วมบ้านกันมาสิบปีมันจะไม่ผูกพันกันมันเป็นไปบ่ดั้ย แต่ผูกพันในแง่ไหนมันก็อีกเรื่อง
>>508 นางเอกของกูมันแนวบันทึกชีวิตเหมือนพวกโอชินไรงี้มากกว่า อาจจะไม่เน้นรักมาก เน้นเล่าชีวิตนางว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างตั้งแต่เด็กยันแก่ มีสุขมีทุกข์ ผ่านความลำบากมากมาย ตายไปก็ทิ้งบันทึกให้รุ่นหลานมาอ่าน บางบทก็ยังมีเขาในซอกหัวใจไรงี้ ฟีลเพลงสลักจิต 55555555555555555
ผัวอีนางด้วย แต่งเมียก็คาดหวังว่าจะมารักกัน
>>514 ลงให้ถูกหมวดละกันว่าดราม่า คนชอบแนวนี้เขาจะได้มาอ่าน ส่วนคนไม่ชอบจะได้ไม่แตะ เขียนเตือนด้วยคนเขาจะได้รู้ว่ามึงเขียนแนวประวัติชีวิตแบบใด ยกตัวอย่างมาเลยว่าฟีลเหมือนหนังเหมือนนิยายเรื่องไหน เข้าใจความอยากเขียนนะ แต่ลงให้ถูกหมวดกับเตือนให้ครบด้วย คนอ่านจะได้ไม่เข้าใจผิด และมึงจะได้ไม่ต้องมากลัวว่านางเอกจะโดนด่ามั้ย ต้องมากังวลว่าสังคมสมัยนี้จะรับนางเอกของกูได้รึเปล่านะ คนชอบแนวนี้ก็มี เขาไม่ตั้งคำถามมากหรอกถ้ามึงเขียนทุกอย่างครบ ขอให้หานักอ่านที่ชอบแนวนี้เจอเยอะๆนะเว้ย
เห็นด้วยว่าเขียนบอกไว้ก็ดี ไม่ได้บังคับหรอก แต่ถ้าบอกก็ดีกับนักอ่านมากกว่าอะ กุเคยเห็นคห.แนวนักอ่านสมัยนี้เรื่องมาก อยากได้เตือนนั่นเตือนนี่ สมัยก่อนไม่เห็นต้องขนาดนี้ กุก็เก้ทว่าพวกจิกหัวบังคับให้นข.เตือนทุกเม็ดนี่ก็เกินไปหน่อย แต่ก็ยังอยู่ทีมบอกก่อนดีกว่า ถ้าไม่โอจะได้ไม่เสียเวลาอ่าน นข.ได้นักอ่านตรงทาร์เก็ต ไม่โดนหักใจ นักอ่านได้อ่านแนวที่รับได้ ไม่เสียอารมณ์/ทริกเก้ออะไร วิน-วินอะ
อันนี้เม้าเฉยๆ ว่าเคยอ่านนิยายเก่า อ่านแค่คำโปรยหลังปกละซื้อเลยเพราะชอบไดนามิคพระนาง นิยายไม่แมสเลยไม่มีรีวิวด้วย สรุปสุดท้ายพระเอกนางเอกไม่ได้คู่กัน ต่างคนต่างแยกย้ายไปแต่งงานมีลูก (กับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก) แต่ตัวเองก็ยังมีคนในใจอยู่เสมอ จนลูกโตอะ กุจะร้องไห้ตาย เข้าใจว่าเรียล แต่กุไม่อยากอ่านอะไรแบบนี้อะ โฮรๆๆๆๆ เจองี้ทำกุหลอนงานสมัยก่อนไปเลย ต้องหารีวิวก่อนว่าแฮปปี้มั้ย เฮ้อ
>>516 เจ้าใจมึงเลย จบงี้ก็เคว้งสิวะ เพิ่งเจอกับตัวก็เรื่องสงครามสมรสอะ เห็นเขาว่าละครดัดแปลงเยอะอยู่เลยไปหาสปอยนิยายเป็นไง สรุปจบแบบเรียลเชี่ยๆ ตัวร้ายลอยนวลไม่ได้รับกรรม ถึงคู่พระนางจะสมหวังก็เหอะ แต่กูคาใจจุดจบตัวร้ายอะ รอดทั้งบ้านได้ไงกัน แม่งควรคุกคู่เลยสิวะ แต่ดันจบแบบเรียลเกินรอดหมดไม่พอมีชีวิตดีๆต่อไปอีก คือมันก็ดีแหละในแง่จบแบบสะท้อนเสียดสีสังคมไรงี้ แค่ไม่ถูกใจคนอ่านอย่างกูที่อยากเห็นจุดจบแบบสาสมสักหน่อย
*แก้ สมเหตุสมผล
>>519 ใช่แหละ มันสมเหตุสมผลอยู่ในตัวเพราะผู้มีอิทธิพลมันก็รอดคุกชิวๆงี้แหละ ซึ่งมันน่าหงุดหงิดใจที่เป็นตัวร้ายด้วยไงไม่ได้รับกรรมไรเลย กูสูนหลาย555 แต่พอเข้าใจอะนข.ตั้งใจเขียนแบบนี้แหละ ซึ่งกูว่าดีนะเอาจริง เป็นจบแบบทั้งเสียดสีและสะท้อนสังคมได้แบบไม่ตกยุคเลยมุกคลาสสิคสัสๆ เป็นการเขียนแบบที่พวกฉอดต้องด่าว่าโรแมนติกไซส์ห่าไรสักอย่างแหง
>>521 ฉอดไม่กล้าหรอก กับเคสที่สะท้อนสังคมจริงชัดๆแบบนี้ มันจะแสดงความโลกสวยแต่แปาก ทำห่านไม่ได้จริง ชัดเจนเกินไป ฉอดรับตัวเองไม่ได้
>>509 มึง ต้องทำใจหน่อยนะ งานแบบนี้คนเปย์ยาก ไม่ใช่ไร ขนาดกุเองงานแบดเอนท์ งานหม่นๆ นี่กุจะซื้อคิดแล้วคิดอีก ชีวิตกุทุกข์ยากจนไม่ต้องเติมผงปรุงเพิ่มแล้ว ต่อให้รู้ว่างานมันจะสำนวนสวย เรื่องตราตรึงใจ ดีเลิศๆ ก็เหอะ แต่กูมะอยากอึนไปเป็นสัปดาห์แล้วอ่าาา ขอมุมเล็กๆจากนิยายให้กุหนีความจริงหน่อยเถ้ออ
จริง ชีวิตจริงมันมีเรื่องให้อยากร้องไห้เยอะแล้ว จะเสียเงินอ่านนิยายทั้งที กูขอที่จบดีทำให้กูคนเสียเงินมีความสุขอะ
KY ถามโม่งหน่อย กูกำลังคิดพล๊อตโดยอิงให้ตัวเอกเป็น "คนมีอายุ" ไม่ใช่แนวโรมานส์จ๋า แต่อยากให้มีเนื้อหาความรักกับตัวละครอายุน้อยกว่ามาก (เอาซัก 20 ต้นๆ ละกัน) เลยอยากถามว่า "คนมีอายุ" เนี่ย ...ควรซักเท่าไรดีที่จะไม่รู้สึกว่าแก่เกินไป ตอนแรกกะจะเอาซัก 35+ แต่มาคิดดูแล้วอายุนี้ก็น่าจะยังหนุ่ม/สาวอยู่เลย จึงคิดว่าควรจะเพิ่มอายุเข้าไปหน่อย แถมอยากให้ตัวละครอื่นเรียกตัวเอกว่า ลุง/ป้า ด้วย (ยังไม่ได้กำหนดเพศน่ะ)
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นแนวพีเรียดตะวันตก แต่ยังลังเลเรื่องยุคอยู่เดี๋ยวขอตบๆ พล๊อตให้เข้าที่ก่อนค่อยตัดสินใจ
>>521 สมจริงมากไปนักอ่านก็สะเทือนใจอะ โลกความจริงมันเหี้ยอยู่แล้ว ต้องมาอ่านนิยายเจอตัวละครมีชะตากรรมเหี้ยๆแบบไม่มีทางผุดขึ้นจากก้นบึ้งนรกได้แม่งก็หดหู่ชิบหาย คนมันเลยต้องขอนิยายมาปลอบประโลมใจบ้างก็ยังดี ถึงรู้ว่าโอกาสแฮปปี้แม่งเกิดได้ 1 ในล้านก็เหอะ ยังดีกว่าอ่านอะไรที่ตัวเองรู้สึกเฟล
แต่ดูท่าทางโม่งในนี้คงเป็นสายสุขนิยมกันพอสมควร อะไรขมๆดูสะเทือนใจหรือตัวเอกดูทรงจะงี่เง่าไม่ตรงตามมาตรฐานโม่งนี่ดูยี้กันอย่างแรง
>>526 กุก็งงเหมือนกัน พออ่านนิยายกุอยากให้มันต่อให้ตกระกำลำบากแค่ไหนสุดท้ายจะพลิกกลับมาจบดีได้ แต่ในฐานะคนเขียนกุนี่ชอบคิดพล็อตแบบจบทางใครทางมัน ไม่ชนะไม่แพ้ซะทีเดียว บอบช้ำกันไปทุกฝ่ายแล้วก็พยายามไปตั้งหลักกันที่อื่นงี้ คือกุมือใหม่ พยายามท่องว่านิยายรักๆ จบงั้นมึงจะขายใคร้ ไว้ยอดใช้ได้แล้วค่อยเขียนอะไรที่อยากเขียนแต่ใจกุมันจะไปทางจบเทาๆ ทุกที
>>528 กูมองว่าถ้าสร้างสรรค์งานก็ต้องการความหลากหลายว่ะ ถึงแนวเมนสตรีมแบบแมสๆอาจจะนิยมผัวโบ้ ขึ้นแบบหงส์ลงอย่างหมา ทำเหี้ยแล้วมาเลียตีนเธอทีหลัง คนอ่านต้องการเห็นมันแฮปปี้ แต่ในใจมึงบอกว่ามันไม่ใช่ ทำเหี้ยก็ต้องชดใช้ มึงแต่งออกมาแต่นักอ่านไม่ชอบ ขายได้ไม่ได้ อันนี้ก็อีกเรื่องนะ แต่มึงโอเคที่จะแต่งแบบนี้ มีความสุขกับผลงาน มันน่ายินดีกว่า
แต่ถ้าเนื้อหามึงยังจะลากมาให้จบแฮปปี้แม่งก็ไม่ต่างจากเรื่องอื่นๆ แล้วมันจะเอาเสน่ห์จากไหน กูชอบงานที่เป็นตัวเองไม่เอาใจใครและจบแบบที่มันควรเป็น ซึ่งมันคนละแบบกับจบเหี้ยๆส้นตีนๆนะเว้ย 5555555555
-จบแบบที่ควรเป็น เช่น ไททัน
-จบเหี้ยๆส้นตีนๆ เช่น เลือดของอีจีเซล
>>526 บ่ มึง ในฐานะโม่งตัวนึง กุไม่ได้ยี้งานที่ไม่สุขนิยม แต่เงินในมือกุมีจำกัด กุจำเป็นต้องจัดสรรทรัพยากรให้พออยู่พอกิน
งาน bad end สะท้อนสังคมมีความงดงาม สมเหตุสมผลในตัวมันนะ ถ้ากุมีเงินล้นเหลือกุก็คงเปย์ไม่คิดเท่าไหร่ มึงผลิตงานได้แต่ตลาดมันเป็นงี้ ไม่มีใครถูกผิด ยอดขายมันก็จะแม่งสะท้อนสังคมแบบเดียวกับผลงานมึงเลย คนเขียนเห็นยอดแล้วก็อาจจะเศร้าพอๆกันกับคนอ่าน 🥲
>>530 ไม่ได้ยี้แต่ก็ไม่อ่านใช่ป่ะล่ะ อันนี้ไม่มีใครถูกผิด ทุกคนก็อยากอ่านสิ่งที่ตัวเองสบายใจกันหมด เลือกนรกที่ชอบกันเลย
แต่พอแนวอื่นๆมันไม่นิยม คนก็ไม่ค่อยเขียนอะไรแหวกๆออกมา เขียนแต่เมนสตรีม พระเอกนางเอกเป็นบล็อคแพทเทิร์นสูตรสำเร็จ เช่นเมะหึ เคะอ๊างๆ หรือสาวเฟียซกีเกิดมาฟาด อีสาวหวานดอกทองแอ๊บแบ๊ว แล้วนักอ่านก็จะบ่นว่าแม่งมีแต่อะไรซ้ำๆซากๆ กลายเป็นวงจรเหี้ยๆวนลูปไปอีก ก็ตลาดเขาชอบแนวนี้ แนวอื่นขายไม่ออกจะเขียนทำไมมันไม่คุ้ม สุดท้ายก็แทบไม่มีใครสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆเพราะเล่นเพลย์เซฟเน้นขายออกกันหมด
>>533 กูว่าแนวอินดีคงจะขายยากจริง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีนข.มาถามในนี้บ่อยๆว่าจะขายวิญญาณแล้ว ช่วยชี้เป้าแนวตลาดให้หน่อย
แต่กรณีโม่งเจ้าของทอปิคข้างบนคือเค้ารู้แล้วว่ามันไม่ใช่แนวกระแสน่ะ จะเขียนสนองนี้ดตัวเอง ไม่ได้เอาอารมณ์ไปแขวนกับยอดคนอ่าน กับนข.ที่ชัดเจนกับตัวเองชัดแบบนี้กูก็เอาใจช่วยให้ทำนะ
ky กุเห็นประเด็นก็อปพล็อตละเข็ดขยาดชิบหาย สมมติถ้าโดนกล่าวหาว่าก้อปชาวบ้านทั้งที่ไม่ได้ทำเนี่ยต้องยืนยันความบริสุทธิ์ยังไงวะ เอาในกรณีดันมาทีหลังด้วย หลักฐานไทม์สแตมป์ไม่ช่วยเงี้ย ToT ละเคสกล่าวหาแบบนี้เราฟ้องหมิ่นกลับได้มั้ยวะ ใครพอรู้กฎหมาย
ky กูอยากเขียนเรื่องแยกคู่พ่อแม่ แต่แม่ของรุ่นลูกเขาตายนะ มีลูกแล้วก้ใช้ชีวิตครอบครัวสุขสันต์ไม่กี่ปีแล้วตาย ผัวยังรักยังหลงตลอด ขนาดในเล่มหลักของเรื่องลูกก็ยังเพ้อถึงเมียที่ตายไป ไม่คิดมีใหม่ อันนี้ถ้ากูเริ่มเขียนคู่พ่อแม่ละ คนอ่านจะรับได้มั้ยถ้ารู้ว่านางเอกตายตอนจบ (แต่ก็ได้ใช้ชีวิตกับพระเอก มีลูก ได้เลี้ยงและตายไปเพราะปกป้องลูก) ต้องเขียนเตือนมั้ยว่านางเอกตาย
>>535 ฟ้องได้ เอาจริงควรทำเป็นสิ่งแรกด้วยซ้ำ ไม่ต้องมาโวยวายลงเนตเพราะบ้านเมืองมีขื่อมีแปอะ ฟาดแม่งในศาลเสียเวลาหร่อยแต่อีนั่นคงเลิกกล่าวหาพล่อยๆสักที โวยลงเนตแค่อาศัยกฏหมู่มาช่วยอะ แล้วหลักฐานที่ว่าคือไร ต้องมีไทม์สแตม ต้องการจดบันทึกว่าเราเขียนพล็อตไว้วันที่นี้ๆเหรอวะ แล้วงี้พวกสายด้นสดที่ไม่จดไรก็ซวยสิ เพราะงั้นไปสู้ในศาล มีผู้รู้จริงกว่าพวกชาวเนตคอยให้คำแนะนำ โดนด่าในเนตอย่าไปดิ้นตามประเข้าทางคนเปิดเลย ใันอยากให้มึงดิ้นแหละ แล้วให้พวกมือที่สามเข้ามาช่วยซ้ำอีกที ซึ่งเห็นมาเยอะนะ โดนกล่าวหาทั้งที่ไม่ใช่คนปิด ชีวิตชิบหายกันไปเท่าไหร่ พอความจริงปรากฎว่ามึงบริสุทธิ์ ไอ้คนทำแค่ขอโทษนะงุ้ยๆ แล้วเนียนเงียบไปเลย คนที่มามุงเขาก็ไม่ได้ติดตามจนจบหรอกว่ามึงไม่ผิด ก๋จำกันต่อแหละว่ามึงผิดๆ
เข้าใจว่าการขึ้นศาลมันยุ่งยาก แต่เพื่อผลประโยชน์ตัวเองคือทำเถอะ
เดี๋ยวนี้เรทราคาอีบุค ภาพรวมตลาดราคาตกลงไปที่ คำx0.0015 กันแล้วเหรอวะ ไถไปเห็นแสนคำไม่ถึงสองร้อยกันโคตรเยอะ ห้าหมื่นคำก็วิ่งแถวร้อยนิดๆกัน
น่าจะรู้ว่า300กว่าบาทขายยาก ถ้าไม่ได้มั่นใจว่ามีฐานลูกค้าเก่า หรือขายเอาแพชชั่น ราคาไม่เกิน300 คนอ่านสะดวกใจซื้อมากกว่า เจ้าไหน500คำอัพ:1฿ คือราคาเป็นมิตร
หลายธุรกิจเขาจับมือทำราคากลางกัน ไม่ตัดราคากันเกินเหตุ แต่นักเขียนมันล้นตลาดแหละ จับมือกันไม่ไหว ร้อยพ่อพันแม่ แข่งกันลดราคา ใครลดไม่ไหวมึงก็ปั้นนามปากกาตัวเองให้ดี ๆ เอาให้ไม่ลดราคาคนอ่านก็ต้องดิ้นรนมาซื้อเหมือนพวกตัวแม่ตัวมัมเขา หรือมึงจะปั้นจนดังแล้วก็ตามมาขึ้นราคางานเก่าทีหลังก็ได้ ตอนนั้นไม่มีใครว่ามึงหรอก มีแต่คนอวยขึ้นครับพี่ ดีครับผม
ไถเจอสองแสน ขายร้อยกลางๆ ลงไม่กี่วันป้ายแดงแล้ว เห็นรีวิวบอก เห็นราคาคุ้มเลยกดเลย เนื้อหารอลุ้นเอา 🥲
เรื่องต่อไปกุลองเอากะเค้ามั่งดีกว่ามั้ยวะ แสนคำขายแม่ง 99 ไปเลย ลองดูว่าของถูกจะทำยอดขายรวมได้ดีกว่าขายเกาะราคาตลาดมั้ย
>>541 เหมือนเจอสภาพนี้ทุกวงการเลยว่ะตอนนี้ ดูสภาพคนแย่งกันกินแย่งกันใช้มากอ่ะมึง เห็นแล้วกังวลอนาคตสัดๆ
>>546 เคยอ่านเจอว่า กดราคาไปก็ไม่มีคนซื้ออยู่ดี ขาย 250 ได้ 10 คนอย่างน้อยก็ดีกว่าขาย 100 ได้ 10 คนวะ แม่งตลกร้ายสัส 5555555
ว่าก็ว่า คนไทยแม่งจนชิบหาย เสดกิจงี้ใครจะซื้ออีบุ๊คเล่ม 300 ที่ขายต่อไม่ได้ ยาวแค่ไหนก็ช่างเถอะ เพราะมันไม่มี physical touch ด้วย มันกะความหนาความบางไม่ได้อะ อยากขายราคาคุ้มค่าแรงคงต้องอวตารไปเกิดใหม่ที่จีนนู่น นิยายแปล 300 หน้าเล่มเกือบ 500 อิดอก
คนซื้อมีนะราคา300กว่าน่ะ แต่ต้องเป็นนักเขียนที่ชอบ เชื่อใจ มีคุณงามความดี เคยทำให้ฟินกันมาก่อน บุญเก่าเกื้อหนุนน่ะ ถ้าเป็นหน้าใหม่ก็ต้องมีกระแสมีแสง มีคนบอกต่อเยอะว่าสนุกมาก
เขียนเซอร์วิสคนอ่าน ไม่ตามใจความติสต์ของตัวเองหักมุมตอนจบ แบบอ่านแล้วร้องอิหยังวะ
>>548 มึงนิยายแปลราคาแรงมากๆๆ กูพูดตรงๆเลยนะ กูมีเงินซื้อได้สบายมาก แต่พอเห็นราคาเห็นการจัดหน้าแล้ว สัดมาก ซื้อแล้วเหมือนคนโง่อะ กูเห็นพวกนักแปลออกมาบอกว่าภาษาไทยสวยซื้อแปลไทยคุ้มได้คุณค่าทางภาษา กูนะไปอ่านจีนกดตุ่มแปล(อย่ามาด่ากูจ่ายเงินจิ้นเจียง)อ่านผ่านเอาดีกว่าไม่ต้องจ่ายทุกตอน อย่างพวกแนวquick wear กูก็กดอ่านเฉพาะโลกที่เซ็ตติ้งกุชอบ แล้วเรื่องไหนที่ชอบมากกุก็ซื้อเล่มเก็บเวลาลด หรือซื้อมือสอง ถ้าอีบุ๊คลด 40%กูก็กดซื้อ
ส่วนนิยายไทยคือซื้ออยู่เฉพาะนักเขียนเดิมๆที่เคยอ่านกันมา ส่วนนักเขียนหน้าใหม่กูกดอ่านตัวอย่างก่อนเลย แต่ถ้าเจอคำผิดตั้งแต่คำโปรยตัวอย่างกูก็ไม่อ่านละ อ่านตัวอย่างถ้าดึงดูดได้แล้วตัดช่วงได้น่าติดตาม กูจะไปอ่านรีวิวในกู้ดรี้ดก่อน รีวิวในเมพคือหารเยอะ ส่วนใหญ่คือเกรงใจนักเขียน ถ้านิยายแปลรีวิวในเมพเชื่อได้ ส่วนราคามีผลมาก ถ้าราคาเกิน 300คือไม่ใช่เศษเงินละ คิดเยอะก่อนซื้อ แต่ตอนนี้นิยายแปลราคาทะยานเกิน500ไปมากละ
กุเคยอ่านเจอมีคนมาเล่าว่าเป็นนักเขียนแนวบทกวีแต่ขายงานไม่ได้คนไม่ซื้อไม่มีแดก ต้องแยกนามปากกาส่วมโม่งเขียนนิยายขายเสว 29 39 89 109 บาทอะไรแบบนี้ ถึงได้มีเงินมาทำงานกวีที่รัก แต่กุว่าดูสภาพตอนนี้เรื่องเสวยังขายยากเลยมั้ง
>>552 ขายยากจิงงง ต้องตัวท้อปๆสายเสวเลยมั้งถึงยังขายดีอยู่ กูก็จ้างคอมมิชไปเยอะเพราะปีสองปีก่อนได้เงินดีอยู่ มาตอนนี้หมุนเกือบไม่ทันเลย เงินลดฮวบฮาบ พวกนูกูสู้ๆเด้อ ทำสายเขียนเป็นอาชีพไม่ได้ก็อย่าทำให้มันมาสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจเลย T_T (กูบอกตัวเองด้วย)
>>553 เห็นด้วยว่ะ ถ้ามันไม่ได้จริงๆ ก็วางมันลงก่อนแล้วจัดลำดับความสำคัญใหม่ ว่ามันคุ้มจริงเหรอที่ต้องทุ่มชีวิตให้มัน
กูหยุดเขียนเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว มาอาทิตย์นี้รู้สึกกระปรี่กระเปร่าชิบหาย ทั้งที่ก่อนหน้านี่ซึมจนทำอะไรไม่ได้ มาตอนนี้กูกลับเข้ายิมเล่นฟิสเนตละ มาเบิร์นไขมันทิ้งหน่อย หลังจากนอนอ้วนมาทั้งปี
ขอถามพวกมึงหน่อย งาน 18+ ของพวกมึงเวลาลงรี้ดเนี่ย มึงติดบัตรกันป่ะ กูอยากลงงานเรท แต่งานกูมันวานิลาธรรมดาไม่ได้โลดโผนอะไร ถึงจะบอกว่า 18+ แต่ฉากเยแม่งมีไม่กี่ฉากด้วย จะติดบัตรเพื่อจะอ่านฉากเยของกูไม่กี่ฉากในเรื่อง กลัวคนจะผิดหวังว่ะ ไม่ได้อยากให้คาดหวังว่าติดบัตรจะได้อ่านอะไรเสวๆต้องให้คน 18+ มาอ่านเท่านั้นน่ะ
>>557 แล้วมึงบอกว่างานมึง 18+ ด้วยสาเหตุไรวะ ฉากเยวานิลาไม่กี่ฉากอีก หรือมึงบรรยายลึกถึงขั้นทุกจังหวะ สวบผลัก เย เค อะไรพวกนี้เหรอวะ คือกุว่าเลิฟซีนไม่กี่ฉากที่บรรยายเลี่ยงหน่อยไม่ได้เน้นปลุกอารมณ์เสือป่าเกินไปมันก็โอเคนะที่จะไม่ติดบัตร
มึงลองสมมุติว่ามึงมีน้องมีนุ่งที่อายุต่ำกว่า 18 แล้วมึงอยากให้เค้าอ่านงานแบบนี้มั้ยก็ได้ ถ้าชั่งใจตรงไปตรงมาแล้วไม่อยากก็ติดบัตรซะ
แต่ถ้ามึงเองก็ต่ำ 18 เหมือนกัน อันนี้กุก็ไม่รู้แล้วแฮะ
>>560 ฉากเยถึงมีไม่กี่ฉากแต่กูก็จัดเต็มน่ะ อาจจะไม่ได้บรรยายว่าเสียวกีจังค่ะ แต่ก็บรรยายตั้งแต่ต้นยันจบ เลีย อม ดม กลืน โยกไรงี้ ไม่แพนเข้าโคมไฟแน่นอน 5555555555 ถ้าจะบอกแม่ง 18+ มันก็มีเนื้อหาด้านอื่นด้วย จริงๆฉากเยแม่งแค่ 10% ของเรื่องด้วยซ้ำ แถมกว่าจะเยก็กลางเรื่องค่อนไปทางท้ายๆละ ไม่ได้อยากให้คิดว่าติดบัตรต้องอ่านอะไรเสียวกีทั้งเรื่องเพราะกลัวจะผิดหวังเอา
>>561 ไม่ต้องติด นักเขียนที่อีฉอดทั้งหลายอวยเช้าอวยเย็น นิยายมาทั้ง เน้ด หลี กรวย มันยังลงหมวดวัยรุ่น ไม่ติดบัตรกันเลย ขายกับแบบใสๆ แต่ข้างในเป็นเหล้าขาว โดนเม้ดแบนมาแล้วด้วยซ้ำ อีฉอดยังช่วยนักเขียนเถียงเลยมึง ใครมาฉอดเพราะเลิฟซีน กุสนับสนุนให้มึงด่ากลับ ประสาทแดกเกิน
>>563 อาจต้องลองส่งเมลไปคุยว่ะ ของกูก็มีเรื่องนึงติดไป แต่พอมาเจอนิยายหลายๆเรื่องที่แรงกว่าแถมแอบสอด ฮี้ ครวย แตรดคือเอ้า กูติดทำไมเนี่ย555 อย่าหาติดเชียว จะขึ้นแบนเนอร์เม้ดก็ไม่ได้เลยนะถ้ามีคำว่า 18+ เป็นป้ายตามหลังนิยายอะ เม้ดนี่แบนเนอร์ขึ้นง่ายขึ้นไวสุดละ แต่ไม่ค่อยรับประกันยอดขายที่เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ อย่าไปหวัง55
Kyเพื่อนโม่งเคยเบื่อนิยายที่ตัวเองเขียนไหม แบบพอเขียนจบก็อยากหนีไปเลย
>>566 มึงเครียดเกินแล้วแหละ ทำเป็นอาชีพเหรอวะ ถ้าไม่มีอะไรบีบคั้นจนดิ้นไม่ได้ มึงก็ไปหาเวลาพักคืนกำลังใจ คืนความมีชีวิตชีวาสักพักก่อนเหอะ แล้วค่อยกลับมาทำต่อ
กุเคยเบื่อเป็นพักๆ เวลาเครียดจัดเบื่อจัดจะอ่านไรแม่งก็ไม่สนุกทั้งนั้น แต่พอผ่านสักพักแล้วกลับมามองมันใหม่ก็จะรู้สึกสนุกขึ้นมาได้เอง
อีกตอนคือตอนเกลาคำกับพิสูจน์อักษร ทำแล้วโคตรเบื่อนิยายตัวเองเลย ทำเสร็จคือต้องวางเป็นอาทิตย์ ถึงจะพอกู้ความรักในงานคืนกลับมาได้
>>566 กูเป็นอยู่เนี่ย ยอดคนอ่านไม่ได้ตามที่คาดและสิ้นหวังมากทั้งที่กูเขียนไปสต๊อกไว้แล้วตั้งหลายเล่ม
ผลที่ได้ก็คือกูไม่มีใจจะเขียนต่อละเนี่ย ตอนนี้กูเลยดรอปงานนี้เอาไว้ก่อน พักหาอะไรอย่างอื่นทำไปใช้ชีวิตบ้างละ จากที่วันๆ ในหัวมีแต่นิยายคิดเนื้อหาตอนต่อไปเกือบ 24 ชั่วโมงจนทำอะไรก็ไม่สนุก พอดรอปปุ๊บกูมีอารมณ์กลับไปนั่งเล่นเกมยันเช้าเหมือนเมื่อก่อนเลย
แต่จะว่าไปตอนนี้กูกำลังคิดมากอยู่เกี่ยวกับพล๊อตใหม่เหมือนกันว่ะ
คือพล๊อตคิดได้นะ ได้ไอเดียมาจดไว้หลายอันละ แต่พอคิดออกมาคำถามแรกที่ขึ้นมาในหัวกูเลยคือ มันขายได้เหรอ? จะมีคนอ่านเหรอ? หรือไม่ก็ จะไปรอดในยุคนี้เหรอ? ตลอดเลยว่ะ จนตอนนี้กูไม่มีความมั่นใจว่าจะเขียนเรื่องที่คิดออกมายังไงดีกันเลยว่ะ เพราะกลัวว่าเขียนมาขายไม่ได้อีกจะทำให้เสียเวลาชีวิตไปเป็นเดือนๆ กับเขียนให้เสร็จแต่ละเล่ม
ผลคงมาจากเรื่องก่อนหน้ากูมั่นใจมากว่าจะขายได้ แต่เอาจริงกลับแทบไม่มีใครแตะนั่นล่ะ
>>569 เป็นนข.อย่าคิดเยอะ ยิ่งคิดเยอะจะยิ่งคาดหวังเยอะ หรือถ้าคาดหวังแล้วได้กลับมาในทีแรกเลย ต่อไปพวกมึงก็จะคาดหวังสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่จบสิ้นหรอก แม่งอยู่กับความเฟลวนไปอ่ะ ได้ 10 ก็อยากได้ 100 ได้ 100 เดี๋ยวก็อยากได้ 1000 แต่แล้วงานมึงมึงจะดันมันให้ไปถึงจุดนั้นไหวมั้ยอ่ะ อยากได้คนเข้ามาอ่านเพิ่มเม้นเพิ่มก็ต้องพยายามเพิ่ม นั่งเขียนอย่างเดียวก็ไม่รอด ต้องวิ่งโปรโมท จ้างรีวิว ล่าสุดแจกโดเนทอีก สารพัดพวกนั้นจะทำไปตลอดไหวมั้ย
อยากแนะนำมึงว่า "ช่างพ่อดีกว่า" มึงต้องบ้ามากพอถึงจะอยู่กับงานทุกลมหายใจจนกว่ามันจะประสบความสำเร็จได้ ถ้ามึงยังไม่บ้า มึงหนีไปเล่นเกมอ่ะถูกแล้ว
ส่วนงานเรื่องใหม่มึงกลัวก็ดีแล้ว งานเรื่องก่อนมึงไม่กลัวอ่ะดิ เขียนล่วงหน้าไปซะหลายเล่ม แต่มึงก็อย่าคิดเยอะเกินไป คราวนี้ลองเขียนทีละเล่มแล้วก็แอบอู้ไปทำอย่างอื่นบ่อยๆ เอาทีละตอนรายอาทิตย์เลยก็ได้ เวลาคาดหวังมันจะคาดหวังนิสเดียว จากที่เคยคาดหวังก้อนโคตรใหญ่ 55555555
>>566 พูดรวมกันไปเลย วันไหนเกิดเบื่อขึ้นมาก็ปกติ พวกมึงก็หนีเลย ไปตั้งอัปตอนกับลงขายอีบุ๊กเสร็จปุ๊บหนี อย่าอยู่กับงานตัวเอง 24 ชม.นะ ผัวเมียอยู่บ้านด้วยกันบ่อยเกินไปยังเบื่อหน้ากัน5555555
พ้อยต์ของกูคือ 'อย่า' เอาทั้งใจไปลงกับนิยาย แล้วไม่ต้องเอาตัวตนไปผูกติดกับความสำเร็จของมัน ได้อย่างที่หวังก็ยิ้มรับ ไม่ได้ก็ช่างพ่อ ท่องไว้ "ถ้ากูไม่เขียนโลกนี้ก็ไม่มีใครได้อ่าน ไอ้กูเองก็ไม่ได้อ่าน ไม่มีใครอ่านก็มีกูได้อ่านฟรีตั้งแต่ต้นจนจบคนนึง"55555555
แล้วถ้าใครมาเขียนเพราะจะหารายได้เลยคาดหวัง บอกตรงนี้เลยว่าตอนนี้มึงยังหนีทัน ให้รีบหนี มึงไม่รีบเดี๋ยวค่าปกบานตะไท ขาดทุนยับๆ ไม่มีทุนไปทำอย่างอื่นต่ออีก5555555
>>566 ขนาดเขียนยังไม่จบกุยังเบื่อเลยมึง โคตรเห้ 5555
>>567 กุเก้ทตอนพสอษ.มากกก อ่านทวนจนอ้วกจะแตก แม่งก็ยังมีหลุด จะเครซี่
>>570 กูชอบความคิดเพื่อนโม่งมาก อยากจะอคปเก็บไว้เลย 55555 ไอ้เรื่องอย่าเอาใจไปลงเต็มร้อยเนี่ย แม่งโคตรจริง ทุ่มเยอะเกินมันจะเครียดอะ อย่างที่โม่งบน ๆ ว่า ตอนแรกคิดพล้อตก็หนุก เขียนแรก ๆ ก็หนุก จนโฟกัสกับมันทั้งวันทั้งคืนใช้สมองเกิน 100% ไป ๆ มา ๆ แม่งเบื่อชิบหาย จู่ ๆ ก็คิดว่างานกุแม่งสนุกมั้ยนิ 5555 เจอแบบนี้กุต้องถอยออกมาก่อน บางทีต้องรอให้ลืมที่เขียนไป พอห่างกันแล้วเอากลับมาอ่านใหม่ก็หนุกเหมือนเดิม ฟีลผัวเมียละเหี่ยใจเหมือนที่ว่าเลย 5555 บางทีมันเบื่อเพราะเรารู้ทุกอย่างอยู่แล้วอะมึง คือรู้ทุกเม็ดตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เวลานักอ่านมาอ่านเขาไม่รู้เรื่องกับเราไง ก็ลุ้นตื่นเต้นเหมือนปกติ กุถึงต้องรอให้ลืมก่อนเนี่ย 555
ต่ออีกนิด มาแชร์ปสก.ละกันว่ากูก็นข.นูกูคนนึง เขียนแนวอินดี้ตามใจกุจัด ๆ งานแทบขายไม่ได้ 55555 แต่ก็ยังหน้าด้านเขียนต่อด้วยแนวคิดแบบ >>570 เลย คือถ้ากุไม่เขียนกุก็ไม่ได้อ่าน 5555555 กุเขียนมาสนองนี้ดตัวเองล้วน ๆ อ่านงานคนอื่นละขัดใจ อยากอ่านแนวนี้แต่หาคนเขียนไม่ได้ ก็เขียนเองแม่งเลยสิครับ 555 ถ้ามีคนอ่านด้วยก็ดี ถ้าไม่มี อย่างน้อยกูก็คือเอฟซีตัวเอง คุณไรท์เก่งมาก อวยตัวเองจ้ะ 55555 ใครทำเป็นอาชีพนี่แหละจะเครียด ตอนนี้ใครมาขอคำแนะนำถามว่าเป็นนข.ฟูลไทม์ดีมั้ยกูคงแนะให้ไปทำมาหากินอย่างอื่นเหอะ ถ้าไม่ได้ปังแบบได้เรื่องละหลายหมื่นแน่ ๆ เนี่ย บอกเลยอยู่ยาก ยิ่งเครียดยิ่งเขียนงานไม่ออก ไปทำงานออฟฟิศกิ๊กก๊อกอย่างน้อยก็ได้เงินทุกเดือน ว่างๆ ค่อยเขียนนิยายไป เรื่อย ๆ ไม่ต้องกดดัน เสร็จเมื่อไหร่ก็ขาย ขายได้นิดหน่อยก็ถือเป็นค่าขนม ไม่ซีเรียส ดีกว่าเป็นเครื่องจักรเขียนนิยายยี่สิบสี่ชั่วโมง เขียนไม่จบก็ไม่มีตังแดกข้าว ขายไม่ได้ขาดทุนก็เสียสุขภาพจิตอีก มีแต่เสียกับเสียเด้อ
กุว่างานเขียนมันก็คือแพชชั่นอย่างหนึ่งอะ ถ้ามีใจรักก็เนรมิตออกมา เหมือนวาดรูปเล่น อ่านนิยายเล่นนี่แหละ บางทีอาจจะชอบเป็นงานอดิเรก พอทำเป็นงานจริงจังแล้วดันเกลียดแม่งไปเลย เป็นนว.เจอลูกค้าเรื่องมากสั่งแก้เอา ๆ เป็นบ.ก.ต้องอ่านงานคนอื่นจนตาแฉะ พสอษ.จนอ้วกแตก แทนที่จะได้วาดรูปเล่น อ่านนิยายฟริน ๆ สรุปพอมีเวลาว่างปุ๊บขยาดจนไม่อยากแตะ 5555 งานเขียนก็เหมือนกัน กุบอกเลยนะพวกคอร์สขายฝันอย่าง >>571 นี่แม่งมอมเมาเยาวชนชิบหาย ขอมองบนด้วยคน ไอ้พวกขายคอร์สแม่งเป็นใครวะ นข.ดังหลายคนยังพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่างานมันไม่มั่นคง คุณพี่เป็นใครมาบอกว่า "งานง่าย ๆ" นี่ยังไม่รวมคนนอกวงการที่เห็นนข.อวดยอดเงินแสนเงินล้านละคอมเม้นว่าเงินดีจุง เอาบ้างดีกว่า กุอยากหัวเราะฟันหัก คุณพี่มาลองดู๊ มาาาา
>>574 โอเค กู 570 ขอกลับมาให้กำลังใจเพื่อนๆ นาน ๆ ทีได้เข้ามาพอจะช่วยอะไรได้กูก็ดีใจ ฮือ
ใครที่หนีไม่ได้หรือไม่อยากหนี คือใจมึงรักตรงนี้ไม่อยากไปไหนแล้ว (เหมือนกูที่กลับมาตายรังที่การเขียนนิยายเหมือนเดิม) คืออย่าโทษตัวเองทุกครั้งนะว่าเพราะมึงเขียนแบบนี้แบบนั้นมันเลยไปไม่รอด มึงไม่ต้องโบยตีตัวเองหรือรู้สึกว่าทำผิดพลาด ทุกอย่างเป็นความผิดของมึงขนาดนั้น ตลาดมันเหี้ย เศรษฐกิจก็เหี้ย สังคมแม่งก็เหลี่ยม วงการนี้มันมีนักอ่านมาด่านข.ที่ติดเหรียญตอนละ 3 บาทอ่ะ มึงว่ามันเป็นวงการแบบไหนล่ะ
ถ้ามึงเลือกที่จะมาอยู่ในไอ้วงการแบบนี้แล้ว เห็นมันเหี้ยห่าบ้าบอขนาดนี้แต่มึงก็ยังไม่อยากหนี มึงก็ต้องมีเวลาที่ตอบตัวเองได้ว่า บางอย่างมึงทำผิดพลาด หรือมึงแค่ทำผิดที่?
กูเชื่อว่าพวกมึงทุกคนมีงานดี ๆ ที่พยายามเขียนออกมาให้โลกเห็นอยู่ตอนนี้ แต่วงการนี้มันไม่ได้มีแสงพอสำหรับทุกคน แล้วมันก็ไม่มีอะไรเป็นตัวบอกว่ามึงต้องทำยังไงถึงจะได้เข้าไปอยู่ในแสง เพราะฉะนั้นมึงจงจำไว้ ถ้ามึงจะผิดเรื่องอะไร มึงคงผิดที่มึงแค่ไม่ขายวิญญาณ 5555555
ต่อให้มึงขายวิญญาณเขียนงานตลาดได้นะ ก็ไม่ได้แปลว่าคนจะซื้อ กูเคยเจอบางเรื่อง ยอดวิวเป็นล้าน ขายอีบุ๊กได้รีวิวไม่ถึง 10 ป้ายแดงยังไม่มี เส้าชิบหาย 5555555
เราเป็นนข. เราก็อยู่กันไปแบบนี้แหละมึง อยากรวยอยากดังให้ไปทำอย่างอื่น ให้มึงดังเปรี้ยงในวงการ มักเกิ้ลแม่งก็ไม่ได้รู้จักมึง 555555 ถ้ามึงรับได้ว่านี่คือสภาพความเป็นจริง มึงก็จะไม่ทุกข์มาก เขียนไปเรื่อยๆเพลินๆอาจจะมีวันที่แมสขึ้นมาแบบงงๆใครจะไปรู้
สำคัญคือ ถ้าทำได้มึงอย่าเพิ่งยอมแพ้จนกว่าจะถึงวันนั้น ให้เซฟพลังงานจะได้รันยาวๆ
กูเชียร์ให้พวกมึงทุกคนเขียนอย่างสบายใจ ถ้าผลตอบรับไม่ดี มึงลองด่า "ไอ้ตลาดชายหญิง/ตลาดวายเหี้ยๆ" ดูบ้าง
งานมึงจะดีไม่ดีไม่รู้ล่ะ วันไหนที่สิ้นหวังแนะนำให้ไปส่องงานหัวตาราง Top แล้วถามใจตัวเองว่ามึงอยากเขียนแบบนั้นหรืออยู่ดี ๆ ก็รู้สึกภูมิใจในฝีมือตัวเองขึ้นมาทันที 5555555555
เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะ ขอให้มีวันที่ได้เจองานพวกมึงส่องแสง แสงไม่มาสักทีก็ "ช่างพ่อช่างแม่มัน พลาดของดีละ ไม่มาอ่านงานกู" 55555555555555555
>>576 ไม่ได้สิวะ ตัวข้าไม่อยากสร้างศัตรู 555555
กูว่าใครอยู่ไปนานๆ เอาสัก 10 ปี เดี๋ยวก็คิดแบบกูเองอ่ะ ไอ้พวกไลฟ์โค้ชขายฝันช่างหัวพ่อมัน เหมือนหลอกคนมาลงนรก เรียนคอร์สวาดรูปยังรู้วิธีวาดรูปให้สวยขึ้น เรียนคอร์สเขียนนิยายเมืองไทยกูไม่รู้เลยว่ากูจะได้อะไรกับการสอนวิธีเขียนนิยายให้มีคนอ่าน กูถามจริง ๆ นะ มีนิยายเป็นแสน นข.เป็นหมื่น นข.ดังเป็นสิบ คนไปเรียนพวกนี้เนี่ยยอดฟอลแอคถึง 10 คนยังสัด เอาแค่บารมีดึงดูดคนมึงก็ไม่มีแล้ว
คอร์สพวกนี้มันไม่เวิร์กเพราะวงการนี้มันไม่เคยแฟร์ มึงพยายามเท่ากันกับนข.ดัง ลองทำแบบนข.ดัฝ มึงก็ไม่มีทางได้เท่ากับนข.ดัง มึงต้องพยายามมากกว่าเขา 5 เท่าหรือ 10 เท่า แต่ทำไปแม่งก็ยังการันตีเหี้ยอะไรไม่ได้ ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นเรื่องของจังหวะเวลาที่ถูกต้องกับโชค กับความอึด
กูว่าพวกมึงอ่ะไม่ได้อยากได้กำลังใจมากหรอก มึงแค่อยากได้อะไรที่จะมายืนยันว่าสิ่งที่พวกมึงทุ่มเททำ มึงไม่ได้เสียเวลาเปล่า
กูก็จะบอกว่ามันไม่เสียเปล่าแน่นอน ลูกมึงถึงจะไม่ดังก็ยังเป็นลูกมึงที่ไม่มีเรื่องไหนมาแทนได้ ลูกมึงถึงจะไม่ได้พามึงรวยมึงก็สร้างมาเองกับมือไม่มีใครได้มาช่วยมึงเลี้ยง เหมือนที่เขาว่าใครเขียนได้จนจบสักเล่มก็โคตรเก่งแล้ว มันคือผลงานที่ไม่ใช่ใครก็ทำได้ เดี๋ยวนี้คนแม่งชอบบอกว่านิยายใครก็เขียนได้ คนไทยทั้งปท.เป็นนข. แม่งเขียนบนเอ๊กเธรดเดียวก็เบื่อเลิกอ่ะดิ
แต่พวกมึงเขียนได้จนจบเล่มตั้งแต่ยังไม่มีใครได้อ่านสักคนไม่มีแสงสักแอะ มึงกอดตัวเองกับลูกมึงให้เยอะ ๆ เลย วันพรุ่งนี้มาพยายามกันใหม่
>>575 กูขอกราบเพื่อนโม่งให้ข้อคิดดีมากเลย
กู >>568 เองเคยเลิกเขียนไปหลายปี น่าจะราวๆ 5-6 ปีได้เพราะการงาน แล้วเพิ่งกลับมาเขียนเมื่อปีที่แล้วนี่เอง มันเป็นงานอดิเรกแค่ไม่กี่อย่างที่กูทำมาตลอดตั้งแต่สมัยยังเบียวๆ กูเลยหวังจะหารายได้จากงานอดิเรกบ้าง แต่ผลสุดท้ายกลายเป็นว่าให้ความสำคัญกับมันมากเกินไป เกินกว่าจะเป็นงานอดิเรกจนมันย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองอย่างที่ว่าจริงๆ อะ
มากขนาดไหนก็ขนาดกูเอาเวลางานเกือบครึ่งมาเขียน ยอมสละเวลาเล่นเกมทั้งปีมาปั่นงาน จ้างวาดปกราคาหลักหมื่น ใช้เวลาเป็นเดือนๆ ในการ Rewrite เติมแต่งให้มันสมบูรณ์ โดยคาดหวังว่าจะได้รับเสียงตอบรับดี เรียกได้ว่าแม่งตั้งใจเขียนเต็มที่อะ
แต่ถึงงานนี้จะเฟล กูก็รู้สึกว่าทิ้งมันไม่ลงว่ะ ส่วนหนึ่งก็คงเขียนไปเยอะ แต่อีกส่วนก็คือเดิมทีกูเขียนงานนี้เพราะชอบด้วย ขนาดพักงานเขียนมาอาทิตย์กว่าพยายามไม่นึกถึงมัน อยู่ๆ ก็มีพล๊อตโผล่มาในหัวเฉย จนกูคันมืออยากจะกลับไปเขียนต่อละเนี่ยทั้งที่พักมาอาทิตย์เดียวเอง
แล้วล่าสุดแม่งทำกูใจฟูมาก คือนิยายกูมีแต่นักอ่านเงาขาประจำราวๆ 20 คน ที่จะเข้ามาอ่านอย่างเดียวแต่ไม่คอมเม้นท์อะไร ลงงานไปจะ 80 ตอนละคอมเม้นท์มียังไม่ถึง 10 แต่วันนี้พอลองเข้าไปเช็คดูก็พบว่าในที่สุดก็มีคนอ่านใหม่มาคอมเม้นท์ บอกว่าสนุกกับเนื้อหาที่กูเขียนด้วย ซึ่งสำหรับกูที่กำลังเฟลในตอนนี้ ได้แค่นี้แม่งก็ทำเอาน้ำตาคลออยากจะเขียนต่อแล้วว่ะ
แต่คงลดความสำคัญลง ไม่ให้มันมาเบียดเบียนชีวิตปกติน่าจะดีกว่า ก่อนหน้านี้จริงจังเกินเล่นซะชีวิตไม่มีความสุขเลย
>>577 ยินดี ๆ ขอบคุณพวกมึงที่กล้ามาระบายความทุกข์ของพวกมึงเหมือนกัน
หมดคืนนี้กูคงไม่มาอีกยาว5555 ขอทิ้งท้ายว่าพวกทุกข์ ๆ อย่างเราก็คือนข. 99% ในวงการนี้
สักวันเราอาจจะได้หลุดจาก 99% ก็ได้ แต่ตอนที่ยังไม่หลุดก็อ่านงานตัวเองให้มีความสุข เพลิน ๆ ไป มีเพื่อนอ่านเป็นยอดวิวหลักหน่วยหลักสิบยังดีกว่ายอดวิว 0 เพราะไม่เคยกดเผยแพร่เลย
ลองนึกภาพวันที่มึงมีงานที่แมสขึ้นมาได้ วันนั้นงานที่ยังไม่แมสของมึงพวกนี้จะเป็นหลักฐานว่าที่ผ่านมามึงพยายามมามากแค่ไหน จะโคตรภูมิใจ บอกเลย ❤️
เจอกันต่อในนรกนักเขียน~
>>580 กุชอบคห.เพื่อนโม่งมากเลย ขอแคปเก็บไว้เหมือนกัน ทรงเหมือนผู้นิพพานอะ (ชม) 555555 ไม่รู้มาทันมั้ย แต่ไหน ๆ แล้วก็ขอเสียมารยาทหน่อย คิดแบบนี้ได้ (ชม) พส.อายุ 30 ยังวะ 5555 อยากรู้วัยเพื่อนโม่งคนอื่นในมู้นี้ด้วย คือถ้าเราอยู่คนละรุ่นกันก็อยากสอบถามแลกเปลี่ยนปสก.น่ะ 555
ส่วนตัวกุนี่เด็ก gen z สมัยม.ต้นอ่านนิยายละก็เพ้อ อยากเป็นนข.มั่ง 5555 ทีนี้พอโตมา ปรากฏว่าทิศทางวงการนิยายมันเปลี่ยนไปมากก ToT จากที่ตั้งใจจะเป็นนข.สนพ. สนพ.แม่งก็ดันไม่ค่อยรับงานชญ. *ถ้าเทียบกับสมัยก่อนนะ* ที่เคยรุ่งโรจน์อย่างยามเช้างี้ ปจบ.หันไปเอาดีกับงานแปล สนพ.อื่นก็จับตลาดวาย นิยายชญ.ของนข.ใหม่ ๆ แทบจะไม่มีที่ยืน คนอ่านหดหายไปไหนหมดไม่รู้ ค่าหนังสือแพงขึ้น เสดกิจอุบาดขึ้นทุกวัน เรียกว่าปจบ.แม่งต่างจากที่กุในวัยใส 10 ปีที่แล้วคิดฝันพอสมควร ToT แต่ยังไงตอนนั้นกุก็ยังโตไม่ทัน ไม่รู้ว่าจริง ๆ ในวงการเป็นยังไง เทียบกับตอนนี้มันดีกว่าหรือที่จริงแย่กว่า ใครมีปสก.มาเล่าให้ฟังบ้างนะ
เอ้อ เวลานข.เก่า ๆ หายไปทีละคนก็ทำเอาเศร้าเหมือนกัน TT ขนาดบางคนเคยเด่นดังก็ยังไม่ใช่ดาวค้างฟ้า มีเกิดมีดับตามสัจธรรมชีวิต คิดไปคิดมาวงการนี้ทำกุปลงจนจะละทางโลกแล้วเนี่ย 55555 คนอื่นอาจจะล้มหายตายจากไปเพราะท้อ เดี๋ยวกุหน้าด้านสู้ต่อเอง สักวันคงมีตำนานนข.นูกู จู่ ๆ ก็แมสขึ้นมา 55555 เขียนไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่ยังเขียนเด่วก็มีวันของกุเองแหละมั้ง 5555 เป็นกำลังใจให้คนอื่นด้วยนะ จุ๊บ ๆ
กูมาแคปมึงเช่นกัน ดูไม่ขายฝันดี ชอบตรงกูได้อ่านงานกูฟรีนี่แหละ กูชอบของฟรี5555
กุอยากให้เพื่อนนขกุคิดได้แบบโม่งบนจังวะ เคยบอกมันว่าไม่ใช่งานหลักอย่าไปคิดมากเรื่องยอดแต่มันเพอเฟคชั่นนิสไม่ปล่อยเรื่องยอดจนทอกซิคคนอื่นไปทั่ว ใครบ่นขำๆมันก็ตามไปโพสตัดพ้อว่ามันยิ่งลำบากกว่า แรกๆคนก็ยังห่วงหลังๆกุไม่ไหวละ ปล่อยให้บ่นคนเดียวไป
Kyขอถามนักเขียน กูเคยเห็นคอมเม้นเชิงลบในช่องรีวิวนิยายเรื่องนึงของเมด แล้วมีคนมาตอบคอมเม้นนั้น3-4คอมเม้น แบบแซะกัน วันนี้กูจะเข้าไปเสือกดูว่าเขาโต้ตอบกันไปถึงไหน แต่มันหายไป หาไม่เจอ คำถามคือนักเขียนสามารถลบคอมเม้นได้เองเลยใช่ไหมวะ หรือต้องแจ้งเมดมาลบให้ หรืออย่างไร อดเสือกเลยกู555
มีใครทำงานประจำแล้วเขียนนิยายมั้ยวะ ทำไงให้ไม่หมดไฟ ไม่หมดแรงวะ คืองานประจำกูหนักมากกกก งานโปรเจคอ่ะ ไม่มีวันจบสิ้น ทีนี้กูเขียนนิยายลง รอร. ผลตอบรับก้โอเค แล้วตอนเขียนกูประณีตมาก ตั้งใจมาก มีค.สุขมากที่ได้เขียน รักตัวละครที่เสกขึ้นมามากๆ จนเหมือนเป็นเพื่อนอยู่ช่วงหนึ่งเลย ตัดภาพมาปัจจุบัน ดองได้เดือนกว่าๆ ละ หมดแรงใจจะทำสุดๆ ทำไงดีวะ อยากเอาให้จบ 🥹🥹
กู586 ขอบคุณมากที่มาตอบ พวกที่ไม่ได้ซื้อแต่มาถามอะไรที่นข.ไม่อยากตอบ หรือมาให้ดาวต่ำกว่า5แล้วบอกว่าตามมาจาก รอร ก็โดนลบด้วยเลย ดีกับนข.นะตัดปัญหาจุกจิก
KY สอบถาม กุให้ลูกชายกุเป็นทายาทเจ้าของบ. เป็นผู้บริหารบริษัทบ้านตัวเอง (แต่เป็นบ.ใหญ่ระดับมหาชนนะ) ไฮโพรไฟล์ขนาดนี้อย่างน้อยมันควรเรียนป.โทอย่างน้อยสักใบใช่มั้ยวะ ถ้าจบตรีเฉย ๆ เพื่อนว่าดีกรีมันพอมั้ย เอาแบบสมจริงอะ ชีวิตจริงมันมีผู้บริหารบ.มหาชนที่จบแค่ตรีมั้ย 555555
>>595 ชีวิตจริงพวกจบปวช.ม.สามม.หกได้เป็นเจ้าของsmeยูนิคอร์นก็มีเว้ยมึง เพราะงั้นแล้วแต่มึงจะเซตติ้งอะ ให้มีวุณิสูงๆไว้เพื่อไร ดูเป็นคนฉลาดที่บีิหารธุรกิจเก่งเหรอ แต่ถ้าวุฒิต่ำๆก็จะกลายเป็นคนเก่งที่ฉลาดและมีความพยายามในการปั้นธุรกิจงี้
สตอรี่เศรษฐีอายุน้อยร้อยล้านมักจะมาทรงนี้ คือเคยจนเคยตกต่ำมาก่อน แล้วพอทำธุรกิจจนรวยเลยมีที่ให้โม้ว่ายืนด้วยลำแข้งตัวเอง จากยาาจกเป็นยอดคน ส่วนพวกที่มีใบปริญญาหลายใบ จะมาแนวๆบ้านรวยไว้ก่อน ซึ่งแน่นอนอะเรียนปริญญามันก็ต้องใช้ตังเยอะอะเนอะ เลยมีภูมิหลังประมาณจบมหาลัยตัวท็อปของประเทศ หรือมหาลัยเมืองนอกที่เป็นระดับโลก แล้วมาเริ่มจับธุรกิจสานจากรุ่นพ่อแม่ให้ปังกว่าเดิม ไม่ก็สร้างขึ้นเป็นของตัวเองแล้วปั้นจนปังไปเลยทั้งที่เป็นมือใหม่ทำธุรกิจ
สรุป มึงจะให้มีหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าเพื่ออะไร เช่น ให้ฟาดหน้าตัวที่มาเย้ยว่าเรียนจบม.Aมาด้วยเกียรตินิยมนะ คอนเนคชั่นธุรกิจตัวร้ายก็มาจากม.เดียวกัน พระเอกก็หงายการ์ดมาเลยกูจบม.B จากประเทศอังกฤษ คอนเนคชั่นกูระดับโลกเลยอะๆม่ใช่แค่ในประเทศอย่างมึงหรอกงี้
>>595 ถ้าลูกชายมึงเป็นทายาทบ.ใหญ่โต อย่างน้อยต้องจบโทเมืองนอก ไม่มีหรอกที่จบแค่ตรีแล้วต้องมารับตำแหน่งคุมผู้บริหารคนอื่นๆ ที่จบสูงกว่า ใครจะเชื่อถือ ชีวิตจริงถ้าไม่รู้จักทายาทบ.คนไหนก็ลองไปดูประวัติสามีหรือแฟนดาราที่เป็นนักธุรกิจสิ มีคนไหนที่จบแค่ตรีบ้าง
พวกที่จบตรีแล้วได้เป็นผู้บริหารมันก็มี แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่ลูกหลานคนรวย เป็นพวกสู้ชีวิตจนประสบความสำเร็จ
>>596-599 ขอบใจทุกคนมาก พอดีกุต้องวางแผนเส้นทางชีวิตให้มันน่ะ ไม่ได้กะให้ฟาดใครหรอก 5555
>>599 นี่แหละที่กุคิดเลย 5555 ถึงเป็นทายาทนายทุนเจ้าของบ.แต่ถ้าจบแค่ตรีมานั่งบริหารก็อาจค้านสายตาประชาชีหน่อย 555 ((ตอนแรกกุวางไว้ว่าคาร์มันไม่อยากรับช่วงต่อที่บ้าน เลยเรียนแค่ตรีแล้วไปทำงานที่มันอยากทำ แต่สุดท้ายก็โดนที่บ้านจิกหัวเรียกมาช่วยงาน ทีนี้กุเลยสงสัยว่าแค่ป.ตรีมันจะพอเรอะ ก้เลยมาถามเพื่อนโม่ง 5555)) สรุปคงให้เรียน ๆ ไปก่อนแหละ อัพโปรไฟล์ให้ลูกหน่อย 555 แต้งกิ้วทุกท่านอีกทีจร้า
ky ขอระบาย เขียนนิยายเรื่องปัจจุบันมานานมาก รู้สึกหมดใจหมดไฟสุดๆ อะไรที่เคยเขียนแล้วรู้สึกว้าวสัสๆ ในตอนแรกก็หายว้าวไปแล้วตอนอ่านทวน อยากเทไปนอนเฉยๆ สักพักแต่ก็สัญญากับนักอ่านไว้แล้วว่าจะออกเรื่องนี้ เขียนได้ประมาณ 75% แล้วด้วย กูไม่มีกะจิตกะใจจะใช้ชีวิตด้านอื่นเลย อยากทำให้มันเสร็จๆ สักที แต่ก็ตึงไปหมด เขียนแล้วไม่ไหลลื่น ไม่สนุกเอง อยากมาขอแชร์ว่ากำลังรู้สึกแบบนี้ ขอบคุณสำหรับพื้นที่นะ
>>604 กอดมึงนะเพื่อน เพื่อนต้องพัก หาอะไรฮีลใจคลายความเครียดบ้างให้เวลาตัวเองสักวันดูหนังซีรี่ย์ที่ไม่ใช่แนวที่ปกติเคยดู ไปนวด อาบน้ำให้ตัวหอมๆ หรือขับรถไปทางใหม่ๆไปกินร้านอร่อยๆที่ไม่เคยกิน ไม่งั้นเพื่อนจะแย่และจมจ่อมมากไปกว่านี้ เผื่อจะได้ไอเดียอะไรใหม่ๆและรันกับมันยาวๆจนเสร็จ อีก25%
ตอนกูเครียดคิดอะไรไม่ออกเลยในหัวคิดแต่จะทำให้เสร็จจะได้จบๆไป พอไปทำอย่างที่ว่า สมองมันก็ค่อยเบาขึ้นมีแรงมาทำต่อแบบยิงยาว แทบไม่กินไม่นอนเลยจนมันเสร็จ ตอนเสร็จคือนอนยาว แบบตาE
>>604 ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็หยุดเขียนไปก่อน ถ้าลงเน็ตไปแล้วก็บอกนักอ่านว่าขอหยุดอัพชั่วคราว ไม่ต้องฝืนเขียนหรอกมึง ไปใช้ชีวิตดูซีรีส์ดูหนังฟังเพลงหรือทำอย่างอื่นให้มันผ่อนคลายก่อนก็ได้ ไม่ต้องตึงกับตัวเองขนาดนั้น พอมึงสบายใจขึ้นผ่อนคลายขึ้นเดี๋ยวก็คงอยากกลับมาเขียนเองแหละ
>>604 กูเป็นเหมือนมึง เขียนจะจบแล้ว หมดไฟดื้อๆ ตัดใจวางเรื่องนี้ทิ้งไว้ก่อน ดีนะกูรอเขียนจบค่อยอัปเพราะกูเป็นแบบนี้บ่อย ไม่อยากให้ทิ้งนักอ่านรออัป แต่ก็แลกกับการไม่มีกระแส คนอ่านลืมนามจนกว่าจะเขียนจบ กูเลยหนีไปปั่นเรื่องที่เข้ามือก่อน แนะนำมึงก็พักผ่อน ไปหาอย่างอื่นทำ ดูหนัง ฟังเพลง เที่ยวเล่น เผือกดราม่า หรืออ่านงานคนอื่น เดี๋ยวไฟเขียนก็กลับมาเอง สู้ๆ
>>604 กูเขียนมา 5 เล่ม เล่ม 6 เขียนไปได้ 90% กูก็นอยด์จนไม่อยากจะเขียนอยู่เนี่ยตอนนี้
แต่กูปล่อยวางชั่วคราวละ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมากูปล่อยจอยผ่อนคลายตัวเองเต็มที่ นั่งเล่นเกม Elden ring รอ DLC ใหม่ยันเช้ามาหลายวัน ตอนนี้คิดว่าน่าจะกลับไปเขียนต่อได้แล้ว
มันต้องมีช่วงพักชาร์จแบตมั่งแหละ งานศิลป์เป็นเหมือนกันทุกวงการ จนกูเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไม คมช. ที่กูสั่งไปบางทีต้องรอเป็นเดือนๆ
ว่าไปแม่งทำใจยากอยู่เหมือนกันแฮะ กับการปล่อยวาง เขียนแบบไม่สนอะไร
กูว่าช่วงพักกูไม่คิดถึงแล้วนะ แต่พอวันนี้ลองเข้าไปเช็คประจำสัปดาห์แล้วเห็นยอดรี้ดไม่กระเตืองเท่าไร ก็ทำเอาใจฟ่อเหมือนเดิม
ทั้งที่ก่อนหน้าเขียนสต๊อกเองอ่านเองรู้สึกสนุกแท้ๆ แต่พอมีตัวเลขมากำกับแบบนี้ก็ทำเอาห่อเหี่ยวได้ง่ายๆ เลยเหมือนกัน
ky คือมันมีช่วงหนึ่งที่กูดวงดี ได้ของที่อยากได้มาแล้วอารมณ์ดีมากเลยเปิดให้นักอ่านรีเควสฉากที่อยากอ่านในนิยายมา (ขอบอกก่อนว่าปกติกูเป็นพวกทำตามใจตัวเองมากเพราะแต่งสนองนี้ดล้วนๆ มีนักอ่านน้อยนิด) แล้วทีนี้มีนักอ่านสองคนมารีเควส คนแรกกูแต่งให้ได้ค่อนข้างโอเคเลย ถึงกลับไปอ่านก็ยังไม่คิดว่าแย่ แต่พอคนที่สองดันทำได้ไม่ดีมากๆ ตอนลงตอนแรกกูว่างานออกมากลางๆ แต่พอกลับไปอ่านวันต่อมาดันรู้สึกว่าแย่มาก กูต้องทำนักอ่านคนนั้นเสียความรู้สึกแหงเลยปิดตอนหนีไป เรื่องมันผ่านมาสักพักแล้วล่ะ กูกำลังคิดว่าควรกลับไปเขียนแก้รีเควสอันนั้นดีไหม หรือว่าควรปล่อยจมไปเลยดี กูคิดไม่ตกมาสักพักแล้ว ฮือ
กู 604 นะ ขอบคุณเพื่อนโม่งมากๆๆๆ กูกลับมาอ่านแล้วจะร้องไห้เลยพวกมึง กูจะไปพักก่อนสู้ต่อไปนะ
ky ใครมีแนวคิดนี้เป็นเพื่อนกูบ้าง กูไม่ค่อยชอบลดราคานิยายตัวเองว่ะ ไม่ได้ร่วมโปรมาสักพักละ ลดแค่ช่วงโปรออกใหม่แรกๆ เข้าทีก็แค่ไปดูยอดขายตัวเองเฉยๆ ว่าแต่ละปีได้กี่เล่ม (ซึ่งกูก็เพิ่งรู้จากเพื่อนโม่งว่าแค่กดข้ามตรงบุฟเฟต์ก็ดูยอดได้ละ ง่าวรออีเว้นท์ตั้งนาน555) เคยลดช่วงเทศกาลแล้วยอดกริบด้วย กับเวลาเห็นยอดซื้อถึงจะแค่โหลดสองโหลด แต่มาก่อนเม้ดจัดโปรแค่ไม่กี่วันกูก็ใจอ่อนว่ะ เคยเจอคนซื้อก่อนมีโปรใหญ่แค่1วันเอง แล้วกูตั้งใจจะเข้าร่วมโปรวันสุดท้ายเอาให้แน่ใจว่ายอด 0 มันนิ่งไง พอคิดว่าไม่อยากให้นักอ่านหลังหักเลยไม่ได้ลดสักที555
กู 612 ลืมใส่คำถาม555 กูเลยอยากถามว่ามีวิธีทำใจไม่ให้รู้สึกผิดมั้ย เวลาเห็นคนซื้อก่อนโปรแค่ไม่กี่วัน เราไม่ควรใจอ่อนใช่มั้ยวะถึงจะขายได้เยอะๆ เหมือนกูเห็นนข.ดังบางคนลดแทบทุกไตรมาสเลย อยากใจเด็ดได้แบบนั้นบ้าง
>>612 มึงงงง มึงคือกุละเมอพิมพ์แน่ ๆ สาบานว่าเมื่อชม.ก่อนกุกะจะมาถามประเด็นเดียวกันเลย แต่หุบนิ้วไปก่อน 5555 เอาเป็นว่ากุมาจับมือเรื่องไม่กล้าลดราคาเหมือนกัน ToT คือต่อให้ลด 20-30 บาทขั้นต่ำแคมเปญก็ไม่กล้าลดอะ สงสารนักอ่านที่เขาอุตส่าห์รีบซื้อแต่ได้ราคาเต็ม (กุก้เคยเจอนักอ่านซื้อก่อนแคมเปญงานนส.อะ รออีกไม่ถึงเดือนก็ได้ลดราคาละ สรุปพองานนส.ปุ๊บกุแม่งไม่กล้าลดเลย 55555) นี่พวกเราคิดมากไปใช่มั้ยวะ 55555555 คิดในแง่ดีก็ได้ความเท่าเทียมแหละ นักอ่านไม่หลังหักแน่ ๆ ยกตย.กุเนี่ยเวลาเจอโปรลดกระหน่ำล้างสต๊อกละนอยทุกที บางเล่มซื้อราคาเต็มมายังดองยุในซีล เวลาผ่านไปมีโปรลดราคาเฉย ทำเอากุไม่อยากรีบซื้อเลย รอลดดีกว่า การลดราคาที่มีกำหนดแน่นอน (เช่นลดทุกงนส.ทุกปีงี้) มันสร้างนิสัยเสียให้นักอ่านนะเอาจิง ๆ 55555
>>613 ในฐานะที่เป็นนักอ่านนะ ก็ลดไปเถอะนี่ก็ซื้อแบบหลังหักบ่อย ถ้าเราอ่านงานนขคนนี้แล้วชอบ ต่อให้เคยซื้อเรื่องนึงตอนราคาเต็มมา แต่ถ้าเรื่องใหม่ๆเขาออกมาแล้วรู้ว่าเขาจะเข้าร่วมโปรแน่ก็แค่ไปรอซื้อเรื่องใหม่ช่วงที่มีโปรเอา หรือถ้าไม่มีเรื่องใหม่ออกมันก็จูงใจให้ไปย้อนซื้อเล่มเก่าๆที่ยังไม่ได้ซื้อ อย่างตัวกูงี้เวลามีโปร หลังจากซื้อเล่มที่จ้องไว้แล้วว่าจะซื้อแน่ๆ(ไม่ว่าจะลดไม่ลด)ก็จะดูเล่มเก่าๆของนขที่ชอบเพราะลด
>>613 >>614 นข.ดังคนนึง(ถธ) ไม่มีโปรใดๆ(ขายราคาเดียว)คือราคาลดจากปก 20-25%อะไรก็ว่าไป มีหลายคนไปถามว่าจะมีโปรไหม เขาตอบได้ดีนะว่า --จัดโปรตลอดกาลให้นักอ่านไปแล้วคือราคานี้ ไม่ว่าจะซื้อเมื่อไหร่ก็จะได้ราคานี้เท่าเทียมกันทุกคน คนที่ซื้อมาแต่ไม่อ่านก็จะไม่รีบซื้อมาดองเพราะมีโปร อยากอ่านเมื่อไหร่ก็มาซื้อได้ เป็นราคาที่ยุติธรรมกับทุกคน//นานไปนักอ่านก็จะเข้าใจและยอมรับว่าเขาเป็นนข.สไตล์นี้ แต่นี่คือกรณีของคนที่ไม่ลดราคาแล้วขายได้นะ ในยุคที่การแข่งขันสูง ฉิบ ห าย น้อยคนที่จะทำแบบนี้แล้วมีคนตามซื้อ
ดังนั้นกูอยากบอกว่า มึงจะลดเวลาไหนก็ลดไปเถอะ ตามที่มึงเห็นสมควร นักอ่านถ้าเขาอยากจะซื้อตอนลด เขาพิมพ์ถามได้เว้ย นข.จัดโปรไหม? จะมีลดช่วงไหนอีกไหมคะ? ถ้าเขากดซื้อคือเขาอยากอ่านเลย อยากซื้อเลย พร้อมเสียเงินตรงนี้ ถ้ามาเจอลดทีหลังแล้วเจ็บครั้งหน้าก็จะเรียนรู้เองว่าต้องทำยังไง มึงไม่ต้องคิดมากแทนเขาขนาดนั้นนน
>>614 จับมือๆๆ บังเอิญจังวะ5555 เราคนประเภทเดียวกันแน่ๆเพราะกูเกลียดโมเม้นตอนอยู่ดีๆก็มีโค้ดมีลดทั้งที่เพิ่งซื้อสุดๆ เข้าใจว่าธรรมดาของชีวิต แต่ถ้าเลือกได้กูก็ไม่อยากเป็นคนทำให้ใครหลังหักอ่า T-T
และขอบคุณ >>615 มาก รู้ว่านักอ่านเขาชินจะได้ไม่ซี ก็อยากอ่านตอนนั้นเลยซื้อคือเก็ตไอเดียเลย กูแค่ไม่ชินเฉยๆ อยู่มาหลายวงการทั้งเกม แม่บ้าน สายเทค เครื่องครัว เจออะไรแบบนี้แล้วกูเจ็บจึ้กตลอด ไม่เคยชินเล้ย ในอกเลยรับไม่ได้เวลาต้องลดเองกับมือ เหมือนอย่างน้อยก็ไม่อยากเป็นคนที่ทำใครหลังหัก555
และ >>616 กูไม่เคยอ่านงานคนนี้นะ แต่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามในโม่งบ่อยมากเรื่องการยึดมั่นจะขายราคาเดียวตลอดไป แล้วยังขายได้ดี ลึกๆกูอาจมีเขาเป็นไอดอลแหละ ถ้าวางเรื่องขายดีขายไม่ดีทิ้งไป กูก็แค่อยากเป็นคนที่ไม่ทำให้ใครหลังหักเฉยๆ ทำเพื่อความสบายใจของตัวเองล้วนๆ ขอบคุณที่มาบอกในมุมคนอ่านไม่คิดมากขนาดนั้นด้วยนะ ไว้รอยอดนิ่งแบบกินแกลบสักครึ่งปีเด๋วกูจัดโปร ช่วงนี้ลดไม่ลงเพราะแต่ละเดือนก็ดันมียอดเล่มสองเล่มนี่แหละ555
>>618 มึงต้องอยู่กับความเป็นจริงก่อนว่ามึงไม่ใช่นักเขียนที่มีแฟนคลับเท่าเขา (ถธ หรือคนอื่นๆ) ดังนั้นการจัดโปรลดราคามันคือการโปรโมตงานทางหนึ่ง ให้นักอ่านขาจรได้มาทำความรู้จักกับงานมึงผ่านการลดราคาหนังสือ มึงไม่ต้องรู้สึกว่าหักหลังคนซื้อราคาเต็มหรือคนซื้อก่อนหน้า มันคือเรื่องของการส่งเสริมการขาย สินค้าไหนๆ ก็ทำกันเป็นปกติ ถ้ามึงไม่อยากหักหลังคนซื้อคนแรกๆ มึงจัดโปรลดแบบเยอะที่สุดช่วงออกเล่มใหม่ ส่วนโปรลนตามฤดูกาล ตามแคมเปญเป็นช่วงๆ อะไรพวกนี้มึงลดได้ ถ้าไม่อยากให้ดูน่าเกลียดก็รอให้ออกหนังสือเกินหกเดือนค่อยจัด แต่กำหนดราคาลดไม่ให้ลดเยอะเท่าช่วงออกเล่มใหม่ก็พอ ก็คือคนที่ช่วงมึงออกเล่มใหม่จะได้ราคาถูกที่สุดไป ส่วนคนซื้อหลังๆ ในช่วงจัดโปรลดจะได้ราคาถูกลงแต่ไม่ถูกที่สุด
ในฐานะนักอ่าน กูโอเคที่นักเขียนจดโปรลด แต่ต้องไม่จัดโปรลดเร็วเกินไป เช่นออกงานมาแค่สองสามเดือนก็จัดโปรลดแล้ว ส่วนถ้าจะจัดโปรล้างสต็อกลดเกิน 50% ก็ทำได้ แต่ต้องออกงานมาเกิน 3 ปีกูถึงจะไม่รู้สึกว่าโดนหักหลัง
กูได้เจอผลงานของนักเขียนใหม่ๆ ที่กูไม่เคยอ่านงานจากการช้อปช่วงมีแคมเปญลดราคานี่แหละ การลดราคาให้ถูกลงมันจูงใจให้กูกดเข้าไปดูผลงานของนักเขียนคนอื่นๆ และมักได้เจอนักเขียนที่ชอบเพิ่มเข้ามาในลิสต์ด้วย
ky ขอระบายหน่อย ไม่มีใครให้ระบาย เหนื่อยเขียนนิยาย ยังต้องเหนื่อยกับการเสี่ยงดวงอีกว่านักวาดจะเทมั้ย เมื่อไรนักวาดจะส่งงานกุสักทียยยยยย รอจนลืมบรีฟ จนนิยายแต่งเสร็จแล้วแต่ลงไม่ได้เพราะรอปก ตามนานๆ ละเริ่มประสาทแหลก กุเข้าใจคนซื้อปกสำเร็จละ แม่งดีกว่าเยอะ บ่นเฉยๆ T-T อยากร้องไห้ พอไม่ได้ปกก็ต้องเลื่อนแพลนงานตัวเอง จะควักตังไปจ้างอันอื่นมาใช้แก้ขัดก็เกินงบ เครียด
>>623 เข้าใจมึงมากกก กอดๆ ของกูเคยได้คิวต้นปี ส่งภาพร่างกลางปี แค่ภาพร่างด้วยนะ จะปีใหม่กูทนไม่ไหว ทักทวงทุกช่องทางเลย จะเอาเงินคืนแล้ว สุดท้ายจบดีได้เงินคืนครบจำนวนพร้อมคำขอโทษของนักวาด แต่ที่เสียไปคือเวลากับโอกาสจริงๆว่ะ กูไม่ยอมจ้างคนอื่นเพราะรอเขาคนเดียวเลยนะ มีอีกหลายคนมากที่เข้าตาและถ้าตั้งใจกูก็จองทัน แต่กูก็ต้องตัดใจเพราะมีนักวาดแล้ว แต่เขากันดอง หายหนี ทั้งที่งานมันควรจะเสร็จนานแล้วแท้ๆ แต่กลายเป็นว่าเราไม่ได้อะไรเลย
Ky ใครเขียนพอร์นผู้ใหญ่แวะมาดิสคัสกัน ตั้งแต่แอพเขียวบอกว่ากรองพอร์น ยอดขายกูเหมือนกีแห้งตั้งแต่นั้น แชร์ยอดพวกมึงหน่อย กูเขียนพอร์นผู้ใหญ่ต่อหรือเปลี่ยนแนววะ เป็นนูกูว่ายากแล้ว นิยายพอร์นขายยากขายเย็นอิ๋บอ๋าย
Kyถามนักเขียน ถ้ามีคอมเม้นรีวิวมาบอกว่านิยายของมึงเป็นนิยายที่สนุกแบบต้องถอดสมองอ่าน มึงจะรู้สึกลบไหม? นข.ใจบางกันมากกูเดาใจไม่ถูกเลย
>>632 รู้สึก คำว่า เบาสมอง ถอดสมองอ่าน พวกนี้กูเคยเจอในรีวิวตัวเองแล้วไม่ค่อยรู้สึกดีเท่าไหร่ เพราะเป็นงานแนวๆที่เนื้อหาหนักหน่อยด้วยมั้ง ที่นอ.มาบอกว่าสิ่งที่กูตั้งใจคิดมาให้ซับซ้อนเป็นอะไรเบาสมอง มันรู้สึกไม่ค่อยดี
แต่นข.จะใจบางยังไงก็อย่าปิดกั้นตัวเองไม่ให้รีวิวตามตรงนะ ไม่มีอะไรจะทำให้นข.เติบโตได้แล้วนอกจากคำวิจารณ์
>>631 คนไม่มีเงินจริงๆนะ ไม่ใช่แค่นิยาย แต่ขนาดของกินของใช้ก็ยังแห้งอ่ะ แต่กุกลับคิดว่านิยายเสวรายตอนน่าจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าแนวอื่น เพราะเปย์เหรียญตอนละไม่กี่บาทสั้นๆ เสวพอใจแล้วแยกย้ายได้ ดันไม่เป็นงั้นแฮะ
>>632 คุ้น ดราม่าเก่าเล่าใหม่เหรอวะ ปีก่อนป่าวที่ดราม่ากันใหญ่โตเพราะคำนี้ คนเขียนที่เป็นนักอ่านมานานและเขียนแนวคอมเมดี้จะไม่มีปัญหานี้นะ แต่ถ้าเป็นน้องๆรุ่นใหม่ เคสนี้มีเคยดราม่ามารอบนึงแล้วไปหาฟุตพรินต์ของจริงดูได้เลย
เด่วนี้ใจบางกันเกินอะ รีดเม้นดีๆก็โดนด่าเพราะคำว่าดีของไรท์แต่ละคนไม่เท่ากัน แล้วใครมันจะอยากไปเม้น ถอดสมองนี่ก็ไม่ได้คำด่าตรงๆเลยมีช่วงนึงเป็นคำต่อท้ายตลกถอดสมองเฉยๆด้วย ไรท์แม้มบางคนบอกเม้นแค่ติ้กเกอก็ได้บางคนบ่นเขียนแทบตายได้แค่ติกเกอ บางคนเปิดมาแค่มาลองอ่านก็ดีใตแล้วอีกคนด่าแช่งอ่านงาน บางคนเม้นสั้นเอาไปเทียบกับไรท์คนอื่นทำไมเม้นเค้ายาวของเราได้สั้น ทำไมเม้นเค้าก่อนมาเม้นเรา ปสด
อ่านชาอู่หลงติดไฟ อ่านมังงะกาวๆ = ถอนสมองอ่าน ชม
อ่านนางร้ายหุ่นเชิด= ถอดสมองอ่าน ด่า
ไม่รู้จะยกตัวอย่างนิยายอะไร ขอยกเป็นสายนี้ที่อ่านบ่อย อยู่ที่บริบทของเรื่องนั้นๆ
ขอรบกวนสอบถามเพื่อนโม่งในนี้หน่อย ถ้าถามผิดมู้ต้องขออภัยด้วยจริงๆ จ้า
พอดีกูไปเห็นปกสำเร็จที่เค้าบอกว่าเป็นปกจากจีนสวยๆ คนขายบอกไม่มีส่วนผสมของ AI ราคาแค่ 200-300 บาท เป็นเทมเพลตที่เค้าทำมาจากจีน มันคืออะไรหว่า แล้วควรซื้อมาเป็นปกมั้ย เค้าบอกว่าใช้ได้เชิงพานิชย์ แต่ได้แค่อีบุคเท่านั้น
>>637 เหมือนเอาตลค. ในภาพในเซท มาแปะๆรวมกันได้อ่ะ ภาพที่mixออกมาให้สิทธิ์ใช้งานอย่างเดียว ทำอะไรอื่นไม่ได้ เผลอๆก็อาจมีโอกาสไปเจอคาร์หน้าเดียวในปกนิยายเรื่องอื่น แต่ใส่เสื้อคนละสีได้ แต่นอกนั้นกุก็ไม่รู้ข้อจำกัดอื่นๆแฮะ ใครเคยใช้มาเล่าทีนะ กุเองก็อยากรู้เหมือนกัน ขอบคุณในความเอื้อเฟื้อแบ่งปันความรู้ล่วงหน้า
>>637 มึงกูเคยซื้อมาดองว่าจะใช้นั่นแหละ แต่ระหว่างที่กูดองอยู่นั้น กูเจอปกนิยายebookวางขายแล้ว องค์ประกอบในภาพ(เป็นชายหญิงจับมือกัน)เหมือนของกูเป๊ะ แต่ฉากไม่เหมือน แล้วเดือนต่อมาก็เจอนักเขียนดังเอา ไอ้ชายหญิงจับมือกันแต่ฉากอีกแบบ มาทำแบรนด์เนอร์โปรโมตนิยายตัวเอง คือกูยังไม่ทันใช้แต่เห็นคนอื่นๆใช้กัน เรื่องก็ประมาณนี้
อ้อ แบบแอปแคนวาป่าววะที่มีกราฟิคให้เรามาแปะรวมเองได้ ปรับสีปรับองศาได้นิดหน่อย มีเทมเพลตที่ให้เราดัดแปลงต่อได้แค่ใส่ชื่อเรื่องหรือเปลี่ยนสีเอางี้ มีรูปถ่ายให้ทำฉากพร้อม
ใช่ๆ มันจะประมาณแคนวา ดังนั้นถ้ามีคนสนใจคาร์เดียวกับมึงเยอะ ก็เป็นแบบเมนต์บนเลย เพราะเค้าขายแค่สิทธิ์การใช้งานองค์ประกอบ และสามารถเอาไปดัดแปลงขายสิทธิในการใช้ซ้ำได้อีกเรื่อยๆ ทำให้ราคามันถูก และมีโอกาสเจอคนใช้ซ้ำได้แน่นอน ส่วนปัญหาเรื่องเอไออาจจะไม่มี เพราะคงคล้ายๆกับแคนวาที่ใช้คนวาดองค์ประกอบลงขายน่ะ
แปลว่าต้นทางมันมีแอพแบบเดียวกับแคนวาโดยเฉพาะหรือเปล่าวะ ตอนแรกกุก็คิดว่ามีนักวาดรับผิดชอบเฉพาะ แค่วิธีการขายมันต่างจากการคอมมิชชั่นให้สิทธิ์ขาดรายเดียว แต่ถ้าทางจีนมีแอพแนวนี้จริง เราก็สมัครใช้แล้วแปะๆเองไม่ต้องผ่านร้านพวกนี้ได้เหมือนกันมั้ยวะ
มีใครซื้อโฆษณาในตตเพื่อโปรโมทนิยายบ้าง อยากรู้ว่ามันเห็นผลมั้ย
เออใครเป็นบ้างวะ เขียนนิยายตัวเองแล้วพอลองไปอ่านเรื่องอื่นๆ รู้สึกไม่ถูกใจสำนวนของเขาซะงั้น
คือช่วงนี้เวลากูอ่านเรื่องอื่น โดยเฉพาะนิยายแปลแล้วสัมผัสได้ว่าสำนวนเขาแย่ ไม่ไหลลื่น จืด ฯลฯ แล้วคิดว่าสำนวนที่กูเขียนดีกว่าเยอะเลย จนพาลไม่รู้สึกอยากอ่านแบบละเอียดเอาอารมณ์ แต่ขออ่านข้ามๆ เก็บรายละเอียดเนื้อเรื่องพอซะงั้น ซึ่งพอลองมามองย้อนดูแล้วรู้สึกว่าตัวเองอีโก้จัดยังไงก็ไม่รู้ว่ะ
>>646 แปลจีนเหรอ ถ้าแปลจีนนิยายออนไลน์ตกเกรดหมด บางเรื่องแปลแล้วนึกว่าเสิ่นเจิ้นในเสิ่นเจิ้น ส่วนสนพ. ตอนนี้ห่วยกว่าจย.ก็ รหมล. มาตรฐานหน่อยก็ ยช กับ จส มึงอาจจะอีโก้ แต่ไม่ได้อีโก้สูงอะไรนักหรอก ถ้ามึงเขียนเสิ่นเจิ้นอะนะ เอาจริงนักเขียนไทยสำนวนดี แค่ติดตรรกะไทยๆ ใส่ในนิยายให้เสียอารม
Light novel ญี่ปุ่นส่วนนึงยังมองเป็นขยะวรรณกรรม ก็เหมือนไทยที่นักเขียนซร. นักเขียนรางวัลมองนิยายแมสๆ นิยายวายขายดีแต่สำนวนห่วยว่าเป็นขยะ เขียนให้วัยรุ่นอ่าน self insert ฮาเร็มบุฮี้ๆ ไม่ก็ตบหน้าฟินๆ สำนวนอ่ะเรื่องรอง ยกตัวอย่างเรื่องเฮียวกะ ออกมาหลายปีอย่างกริบ เพิ่งแมสได้จากอนิเม นิยายรีปรินต์ก็ใช้ปกอนิเม แต่นข.ยื่นคำขาดว่าห้ามจัดนิยายเขาเป็น Light novel ***เด็ดขาด*** เพราะฝั่งวรรณกรรมไม่นับ Light novel อยู่ในหมวดเดียวกัน
สำนวน Light novel ตั้งต้นมาอย่างนั้น คนแปลจะแปลให้สละสลวยก็ไม่ได้อีก หน้าที่คือแปลและเรียบเรียงให้ตรงต้นฉบับ ไม่ใช่ทำให้สละสลวยกว่า ขนาดมุกไม่ขำยังแปลให้ขำขี้แตกยังไม่ได้เลย อันนี้มาจากคนทำงานแปล กูไม่ได้พูดเอง
เห็นคลิปนึงบอกว่าเวลาคนเราอ่านหนังสือ สมองจะประมวลผลในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง
>>648 อย่าไปบ่นให้พวกมู้นี้เห็นเชียวนะ https://fanboi.ch/literature/18408/recent/ มันเทิดทูนสำนวนจืดๆแบบนั้นจะตาย ใครติหน่อยไม่ได้ ด่ากราดไปทั่ว
ป่วนไปทั่ว=หาบจงหยวน
ติไม่ได้จริงด้วยว่ะ ติปุ๊บ=หาบจงหยวน 555
กุกำลังวางพลอตว่าจะเขียนแนวอีโรติกหื่นจัด +ผัวชั่ว+รักเป็นพิษ+ดราม่าการกดทับโดยค่านิยมสังคม+แบดเอนท์ แต่เขียนไปเขียนมาประเด็นหดหู่ของสังคมปิตาชักแทรกเข้ามามากขึ้นทุกที ทำให้เรื่องแม่งฟีลซึมเซาสัด ซึ่งก็ละไม่ได้เพราะกุว่ามันเป็นแรงจูงใจหลักที่จะพานอ.กูไปสู่การดีดผัวชั่วแต่รักจริงทิ้งในท้ายสุด
มึงว่าส่วนประกอบนี้จะไปกันได้ไหมวะ คนอ่านยังจะหื่นออกอยู่มั้ยในเรื่องที่โทนซึมเซาแบบนี้ ส่วนคนอ่านดราม่าจะหนีเพราะฉากเรทกุมันเยอะไปไหม แต่อีโรติกไงมึง ไม่เรทเรื่องก็โหว่อ่ะ กุตั้งใจให้มันข่มเหงกดทับกับบนเตียงเป็นจุดหลัก นอกเตียงประปรายเป็นจุดรอง
ปล.กุรู้อยู่แล้วว่าไม่น่าจะขายออก แต่แบบ... กุแค่อยากเขียนอ่ะ🥲
เชี่ยพักงานเขียนไป 2 อาทิตย์ กลับมาเขียนแล้วรู้สึกต่อไม่ได้ติดว่ะ ถถถถถถ
นี่กูหมดใจกับเรื่องไปแล้ว หรือว่าแค่ลืมวิธีเขียนสำนวนตัวเองวะเนี่ย
>>660 ปกติมุง อาจต้องใช้เวลาอุ่นเครื่องหน่อย เด่วเครื่องก็ติด 5555 สู้ ๆ เพื่อน
>>658 ไปกันได้อยู่ เขียนบอกไว้ก็พอ ส่วนเรื่องหมวดนี่กุอยากให้มึงคิดถึงกลุ่มนักอ่าน อยากขายเสวหรือขายดราม่ามากกว่า อยากเขียนก็เขียนเลยเพื่อน จัดไป /แอบมาดันหลังว่าจริง ๆ กูก็อยากอ่านแนวนี้นะ 5555555 ขายเสว ผัวเหี้ย แบดเอนท์สะใจเนี่ย ถ้ามีวาสนาขอให้เราได้เจอกันนะ
Kyคำว่า”กระ-เ ด้ า” เป็นคำต้องห้ามของเมดไหมวะ คือกูอยากใช้แต่ไม่กล้าใช้กลัวโดนระงับการขาย แต่กูไปอ่าน เล่มปกแดงนข.ดัง เจอคำนี้ มากกว่า1ครั้ง เลยมาลองถามที่นี่/ขอบคุณล่วงหน้า
กูงงๆ กับการตรวจนะว่ามันเอาไรตรวจกันแน่ อย่าง PleaseStarเรื่องล่าสุดนี่ เย็ แบบตรงๆ ตั้งสามรอบ ล่อตั้งแต่แรกๆ เลย ไม่เห็นโดนไร
>>669 แต่แตดใช้ได้นะมึง ที่เหลือคือโนหมด555
กูสงสัยมาสักพักละ แสดงว่าเล่มดังๆนข.ท็อปที่กล้าเขียนอวัยวะ เน้ด ตรงตัวคือไม่มีใครเมลแจ้งอ่อวะ ถึงยังรอด อยากให้ได้บทเรียนเหมือนคนอื่นบ้าง ทีตัวเล็กตัวน้อยนอ.เมลกันฉ่ำเลยน้า555
ช่วงนี้ก็เข้าใจกันว่ามีนักอ่านเมลแจ้งไปแหละ เม้ดมันรักษาความลับนักอ่านด้วย ถึงนข.มาหลังไมค์ขอเมลขอตัวนอ.ที่แจ้ง เม้ดก็ไม่มีทางให้ ถ้าทำผิดจริงก็โดนสอบโดนย้ายหมวด มีรักผู้ใหญ่อะเข้มมากหน่อย แทบจะ Ctrl+F หาหอยหาโคยหาเย้ดแล้วบอกให้รีบแก้เลย555
กู >>671 นะ งี้นี่เองต้องกดแจ้งสินะ คิดเหมือน 675 ว่าแสดงว่าไม่มีใครแจ้งเลยเขาเลยรอดมาได้
จริงๆกูก็อยากกดแจ้งนะ แต่ติดตรงกูก็เป็นนักเขียนนี่แหละ ละกูก็กำลังจะขายงานเร็วๆ นี้ด้วย ไม่ได้กลัวเขาจะมาจองเวรนะเพราะเขาไม่รู้หรอกว่ากูแจ้ง(ถ้ากูจะแจ้งจริงๆ) แต่แอบกลัวกรรมนิดหน่อย ปกติก็ไม่ได้ขายดีมากมายอยู่ละ ต้องลุ้นทุกเรื่องทุกเล่มเลยกลัวแป้ก ข้าพเจ้าจึงของดกระทำการชั่วร้ายไปก่อน555
ละประเด็นคือกูแม่งทำไรแบบนี้ไม่ค่อยขึ้นว่ะ มักให้ผลตรงกันข้าม อย่างเกลียดใครนึกแช่งชักใคร คนนั้นได้ดีเฉย ละก็มีแบบกูเคยอวตาร์ไปเม้นเพื่อนนักเขียนที่รู้จักกันนี่แหละ เม้นติเพราะติต่อหน้าไม่ได้เขาไม่รับ ซึ่งเรื่องนั้นมันเหี้ยมากจนกูทนไม่ไหวต้องอวตาร สรุปเป็นเรื่องที่ขายดีสุดของเขาซะงั้น(โดยที่เขาไม่ได้แก้ซึ่งมันบูดมากจริงๆนะ) แล้วก็มีอีกเรื่องหนึ่งของเขาที่ไม่ได้บูดมากเท่าอีเรื่องแรกแต่มีจุดที่กูอ่านแล้วขำรู้สึกไม่เมกเซนส์กูอวตารไปอีก แบบเม้นแค่เบาๆสั้นๆเหมือนนักอ่านทั่วไป สรุปขายดีอีก(สำหรับเขา) กูเลยแบบพอเลิกติติงเลิกขัดแข้งขัดขาใคร 555
ถามโม่งหน่อย ถ้าเขียนแนวนางร้าย + ทะลุมิติ + ระบบ แต่อยากจะคงให้นางร้ายเล่นบทนางร้ายตลอดไป เราควรเขียนให้เป็นแบบไหนดี ระหว่าง
1. นางเอกทะลุมิติมาเป้นนางร้ายเองเลยแล้วมีระบบนางร้าย ทำให้เ่ล่นเป้นคนดีไม่ได้ ต้องทำตัวร้ายๆต่อ หรือ ต้องเบียวเป้นนางร้ายต่อไปเรื่อยๆแม้ไม่ชอบ
2. นางเอกไม่ได้ทะลุมิติมาเป้นนางร้าย แต่เป้นระบบหรือพลังของนางร้ายแทน อารมณ์เหมือนเป็นผี/เอไอ สิงสู่อยู่กับนางร้ายแต่แชร์อารมณ์ ค.เจ็บ ถ้าตายก็ตายด้วยกัน เลยต้องคอยให้คำปรึกษานางร้าย ใช้ระบบของตัวเองที่ล็อคไว้แล้วว่าต้องร้ายเท่านั้นคอยให้รางวัลและภารกิจกับนางร้ายให้รอดไปได้แบบร้ายๆต่อไป ตัวนางร้ายก็ต้องร้ายต่อไปไม่ก็เบียวร้ายต่อไป ไม่งั้นระบบของนางเอกจะลงโทษ
ถ้าโม่งเป้นนักอ่านจะชอบแบบไหน หรือรับกับแบบไหนได้มากกว่ากัน
>>677 แค่ขึ้นมาว่า ทะลุมิติ + ระบบ + นางร้าย กูก็ส่ายหัวแล้วจ้า แต่นั่นก็ความเห็นกูคนเดียวนะ ตลาดอาจจะชอบ
ถ้าถามกู ข้อแรกก็น่าสนใจอยู่ อาจจะแสดงความขัดแย้งว่าตัวเอกไม่ได้อยากจะร้าย แต่ระบบบังคับให้ร้ายเลยต้องตามน้ำ จนมีใครซักคนมองออกแล้วอาศัยจังหวะนั้นเข้ามาตีซี้ก็น่าจะได้อยู่มั้ง
แต่อย่างที่บอกล่ะ กูไม่ชอบอ่านแนวทะลุมิติ + ระบบ กูก็บอกไม่ได้มากว่าแบบไหนดีกว่า
>>677 ถ้าทำตัวเป็นนางร้ายสันดานหมาก็จะเข้า bad end แล้วตอนจบก็จะเกิดความชิบหายแก่ตัวมันน่ะสิ คนปกติที่ทะลุมิติเข้าไปแม่งก็หาทางเลี่ยงเดธแฟลกกันทั้งนั้น เว้นแต่ว่าการเป็นนางร้ายของอีสาวทะลุมิติมันจะได้รับรางวัลอะไรซักอย่างที่ทำให้ลงทุนทำถึงขนาดนั้น จะให้ยอมเสียหรือยอมแลกทุกอย่างก็ได้เพื่อสิ่งนี้ นักอ่านก็จะได้เห็นใจนางหน่อยว่าดิชั้นไม่ได้อยากร้ายแต่จำเป็นต้องทำจริงๆนะคะ เช่น ป่วยใกล้ตาย บ้านติดหนี้มหาศาล อยู่แบบตายทั้งเป็น ฯลฯ มีระบบมาถามอยากสมหวังในสิ่งที่ปรารถนามั้ย งั้นมึงมาเป็นนางร้ายในโลกระบบของกูหน่อยไรงี้ แต่มึงเจ็บจริงตายจริงโดนเกลียดจริงนะ ถ้ามึงสะสมพอยน์การเล่นบทเป็นนางร้ายได้จะสามารถขอพรนั่นนี่โน่นได้ อะไรแบบนี้ก็ว่าไป นางเอกสาวทะลุมิติของมึงก็คิดซะว่าสิ่งที่ต้องทำเป็นงานชนิดหนึ่ง ถึงจะไม่ได้ชอบแต่ก็ต้องทำเพื่อหาเลี้ยงตัวเองไรงี้
>>677 กุชอบดำน้ำนิยายจีนอะนะ แนวแรกจะเห็นบ่อยกว่าแนวหลัง(คือ in gerneral เลยล่ะถ้าจะให้นางร้ายร้ายเหมือนเดิม) เหมือนมาซ่อมโลกที่กำลังจะพังแล้วระบบกำหนดให้ต้องดำเนินตามบทนิยายไม่งั้นจะมีบทลงโทษที่ถึงตาย หรือถ้าทำตามบทได้ก็จะได้รางวัลอะไรก็ว่าไป ถ้าคิดว่าพล็อตแบบแรกเจอเยอะกว่า=คนน่าจะยอมรับได้มากกว่าก็อันแรกมั้งกูว่า
โอ้ว ขอบคุณโม่งมาก ที่ช่วยตอบ ความจริง เราอยากให้นางเอกเป้น hater นางเอกในเรื่อง และรู้สึกเห็นใจนางร้ายมากกว่า เลยทำให้เธออยากช่วยตัวร้ายไรงี้ด้วย
>>683 อ้าว แบบนี้มันก็ซ้ำรอยพวกมังฮวาทั่วๆไปอะดิ เกลียดนางเอก รักนางร้าย ทั้งที่ความจริงแล้วนางร้ายในนิยายส่วนใหญ่น้อยมากที่จะทำให้คนรักชอบได้ แล้วมังฮวาพวกนี้เหตุผลจะสั่วจัดๆ บอกชอบนางร้ายแต่เหตุผลเบาหวิว ทำให้เชื่อไม่ได้เลยว่าอีนางร้ายพรรค์นี้จะมีคนชอบ พอได้สวมร่างนางร้ายปุ๊บก็เตะเหตุผลอื่นๆกระเด็นหมด เสพสุขในร่างนางร้ายคนสวยอย่างเดียว ถ้ามึงจะเล่นเหตุผลนี้จริงๆก็ควรเขียนให้คนเชื่อได้ด้วยว่านางร้ายมีดีให้ชอบจริงๆ ไม่งั้นมันก็จะซ้ำรอยมังฮวาเกร่อๆแบบที่กูบอกไป
แต่นางร้ายเรื่องนึงกูก็เห็นใจมันอยู่เหมือนกัน ไม่รู้มึงเคยอ่านนางร้ายสายเชิดมั้ย อีสาวเกาทะลุเข้าร่างนางร้ายที่สวยและรวยมาก เกลียดอีนางเอกนิยายหัวชมพูเพราะอีนี่มันตอแหลจริงๆ พอเฉลยปมอีหัวชมพูก็เห็นใจมัน ตอนแรกอุตส่าห์เป็นคนดี บ้านถังแตกก็ยังเพียรพยายามหางานสุจริตทำ เป็นชนชั้นสูงแต่ตกอับต้องมาเป็นสาวใช้ในบ้านขุนนางชั้นสูง ไม่สนใจคำนินทา หนักเอาเบาสู้ ได้รับคำชมจากอีนางร้ายหนนึงเลยถือเป็นไอดอล แต่ต่อมาโดนอีนางร้ายทำตัวเหี้ยๆใส่เลยธาตุไฟแตก เข้าดาร์กไซต์ไปเลย ไม่เป็นแม่งแล้วคนดี กูจะตามอาฆาตมึงไปตลอดกาล ซึ่งอีเรื่องนี้มันก็เข้ารอยพล็อตชอบนางร้ายเกลียดนางเอกนิยายแบบที่กูบอก และมันเดินเรื่องได้สั่วสัสๆ ทั้งเรื่องแม่งไม่มีเหี้ยไรดีเลย มีอีหัวชมพูมาดึงมีนนิดนึงแต่ก็เป็นตัวละครโง่ๆตายไปแบบกีกี้อีก สงสารมันเหมือนกัน ขนาดจะเป็นนางร้ายยังกระจอกงอกง่อยสู้ใครเขาก็ไม่ได้ไปอีก
>>683 งั้นมึงตอบตัวเองก่อนว่านางร้ายของมึงน่ารักตรงไหน แล้วค่อยชูจุดนั้นขึ้นมาให้คนอ่านรักด้วย ตัวเอกนิสัยไม่ดีบางคนมีคนรักเพราะตลก ฉลาด ไม่ยอมแพ้ หรือตั้งใจวางแผนร้ายๆแต่ผลดันออกมาดี ทุกคนแฮปปี้มีความสุข
จะไปเวย์นางเอก(ร้าย)กลับมาแก้แค้นก็ได้แหละ แต่มีเป็นพันๆเรื่องแล้วปะนะ
Kyกูจ้างนักวาดที่ส่วนใหญ่วาดงานช-ช
แต่กูเป็นนข.สายช-ญ แล้วมีเรื่องนึงขายหมวดโรมานซ์ ไม่มีแท็กบอยเลิฟหรือวายใดๆ ที่คำโปรยบอกให้อ่านตัวอย่างก่อนซื้อด้วย ภาพปกเป็นผู้ชาย1คน มีคนให้1ดาว สถานะขึ้นว่ามีแล้ว ด้วยเหตุผลว่านึกว่าเป็นนิยายช-ช
กูต้องยังไงดีวะ ต้องใช้ทริคอะไรรับมือ😑เจอแบบนี้ไปไม่เป็นเลย
>>684 685 688
ความจริงเราวางแผนให้นิยายที่ตัวเอกทะลุมิติไป มันมี 2 ไตรภาค ไตรภาคแรกที่ขายดีโด่งดังไปทั่ว ตัวละครและเนื้อเรื่องดี
แต่พอขายดีแล้ว ก็โดนบริษัทใหญ่ซื้อลิขสิทธิ์ไปทำไตรภาค2 ต่อ ตัวละครหลักเป้นตัวละครใหม่หมด เนื้อเรื่องบ้ง ซ้ำซาก ไม่สมเหตุสมผล นางเอกใหม่แมรี่ซูเกิน + ไม่สวย ตัวละครเก่าบทมีน้อยแถมยังโดนตัวละครใหม่แกล้ง เจอปู้ยี้ปู้ยำ แถมบริษัทที่ซื้อไปเจอใครให้คะแนนน้อยจะส่งไอโอออกมาโจมตี ด่า รีพอร์ท และชอบปั่นคะแนน รีวิว ไตรภาคใหม่ให้ดีเว่อ
นางเอกที่ทะลุมิติ มันแฟนรุ่นเก่า เคยโดนไอโอเล่นงานไป เลยเกลียดมากเข้ากระดูกดำ พอเกิดใหม่เป้นนางร้ายที่ถูกบทเขียนให้โง่แบบไม่มีเหตุผลเพื่อแพ้นางเอก เลยเห้นใจเธอ งวดนี้เลยขอเช็คบิลนางเอกใหม่ ใช้ระบบมุ่งพัฒนาเป้นนางร้ายที่เก่งกว่าเพื่อล้างจักรวาลไตรภาคใหม่ที่เธอแสนเกลียด และช่วยตัวละครเก่าที่เธอชอบ
แบบนี้เป้นไงบ้างโม่ง มันพอสมเหตสมผลไหม
>>689 ก่อนอื่นนางเอกทะลุไปไหน เกมหรือนิยาย แต่จากที่พิมพ์น่าจะนิยาย กูมองว่าไม่สมเหตุสมผลตั้งแต่บริษัทล่ะ ต่อให้ซื้อลิขสิทธิ์ แต่คนประพันธ์ก็คนเดิม เหมือนนางร้ายยุคบุกเบิกของชาวเกาะ เขียนลงเว็บเล่มเดียวจบ นายทุนติดต่อมา ต้องเขียนยาวๆ หลายเล่ม
แล้วทำคนแต่งทำตามที่มึงว่า คนโดนด่าก่อนคือคนเขียนจากที่เขียนดีๆ ในภาคแรก แล้วภาคสองก็จู่ๆ ผีเข้าเขียนบ้งชิบหาย แฟนคลับด่ายังไง นายทุนแม่งก็ไม่สนหรอก ถ้าขายไม่ได้ก็ตัดจบ หานิยายเรื่องใหม่ขาย
เหตุผลเดียวที่คนเกลียดนางเอกได้ในสายตากูคือคนปสด.แบบสุดๆ อย่างที่กูเจอนางเอกเกมจีบหนุ่มหนึ่งแม่งโดนเกลียด เพราะนางขัดขวางโมเมนต์จิ้นวาย
ขอบ่นหน่อย ช่วงนี้รู้สึกไม่มีอารมณ์จะเขียนแฮะ
คืออยากเขียนนะ แต่แม่งเบื่อที่จะต้องมาคำนึงว่าแนวนี้จะเป็นที่นิยมมั้ย แนวนี้จะมีคนอ่านมั้ย แนวนี้จะขายได้มั้ย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องปัจจัยภายนอกที่ทางเราควบคุมไม่ได้ แล้วแม่งก็พาลรู้สึกไม่อยากเขียนเลยแฮะ
คิดถึงตอนที่เขียนแบบไม่คิดอะไรชะมัด ตอนนั้นแค่รู้ว่าอยากจะเขียนก็เลยเขียนออกมาเท่านั้น
ถึงผลลัพธ์จะออกมาไม่เวิร์คก็เถอะ แต่ระหว่างเขียนเองอ่านเองก็ยังรู้สึกสนุก ไม่เหมือนตอนนี้เลยที่แค่มองหน้ากระดาษก็รู้สึกเปื่อยแล้ว
>>692 มึงก็รู้ตัวนะว่ามึงตั้งความหวังในสิ่งที่มึงควบคุมไม่ได้ แล้วมึงก็รู้ตัวด้วยนะว่ามึงเอาแต่คิดแต่เรื่องเดิมๆจนเบื่อตัวเอง ทางตัดวงจรก็ง่าย(แต่ทำโคตรยากอยู่) ไม่คาดหวังผล แล้วรับรางวัลจากความสุขระหว่างขั้นตอนแทน เท่านั้นแหละ
ปัญหาแนวนี้ไม่ได้เกิดแค่กับงานเขียน แต่มันเกิดได้กับทุกอย่างในชีวิต
>>689 กูอ่านแล้วรู้สึกเหมือนเห็นติ่งเดนตายของบุพเพเลยว่ะ ภาคแรกทำไว้ดี เป็นออเจ้ากันทั่วบ้านทั่วเมือง พอขายดีนายทุนก็ได้ใจ ยัดแต่ฉากฟิน ตัวละครก็งี่เง่าไม่สมเหตุสมผลไปหมด
แต่ถึงงั้นกูก็รู้สึกว่ามันงี่เง่ากับการที่นางเอกของมึงจะทะลุไปเปลี่ยนนั่นนี่ในเรื่องตามประสาติ่ง คือถ้าอยากให้เป็นไปตามใจมันก็ควรไปเขียนแฟนฟิคเองว่ะ บางเรื่องทำมาห่วยๆนี่แทบจะลบความจำว่ากูเคยดูเรื่องนี้แล้วเตะทิ้งถังขยะให้หมด อ่านแค่ต้นฉบับพอ ส่วนหนังจะวินาศสันตะโรยังไงกูไม่สนใจ
แล้วเซ็ตติ้งมึง นายทุนทำพังเองขนาดนั้น นักอ่านมันน่าจะรู้สึกเหมือนโดนหักหลังป่ะวะ ฟีลแบบ got ที่จบห่วยๆ จากคนเคยไฮป์เรื่องนี้เพราะดีมาตลอดแม่งก็ไม่พูดถึงอีกเลย ซีรีส์แม่งแทบจะจมลงไปใต้ก้นมหาสมุทรไม่มีใครพูดถึง ติ่งที่เคยรีวิวก็ส่ายหน้ากันหมด เจออะไรแย่ๆมันเลยหมดรักกับเรื่องนี้ไปแล้วก็มูฟออนไปหาด้อมใหม่มากกว่าจะย้ำคิดย้ำทำว่าอยากแก้อีเวนท์ให้เป็นไปตามใจมึงมากกว่าว่ะ ถ้านางเอกมึงยังคิดจะแก้ไขอีเวนท์แม่งต้องรักเรื่องนี้อย่างแรงกล้ามากๆเลยนะ ซึ่งแม่งน่าทึ่งมาก เจ้าของผลงานมันคงไม่รักนิยายที่มันแต่งเท่านางเอกมึงเลยมั้งนั่น
KY เคยมีส่วนที่ต้องเขียนแต่ดันไม่มีใจเขียนส่วนนั้นบ้างมั้ยวะ คือกุแต่งนิยาย อยากเขียนซีนคนจีบกันกุ๊กกิ๊ก แต่ต้องเขียนประเด็นอื่นด้วยเพื่อให้เรื่องมันสมบูรณ์ /สมมติว่าเป็นส่วนปมตัวละคร ย้อนอดีตรันทดที่ทำให้กลายเป็นคนมีปม คือมันควรจะเขียนเพื่อเพิ่มความมีมิติ แต่กูดันไม่อยากเขียน เขียนละเบื่อ ไม่มีไฟ แบบนี้ถือว่ากูมาถูกทางมั้ยวะ กูควรกัดฟันเขียนๆ ไปให้เรื่องมันสมบูรณ์ หรือพยายามเค้นสมองแก้ให้ประเด็นมันน่าสนใจขึ้น หรือตัดส่วนนั้นออกเลยดีกว่า Orz เพื่อนคิดว่าไง
ปล.พอดีกูเป็นนักอ่านสายเรื่องมากน่ะ พอเป็นนข.แล้วอะไรไม่อยากอ่านก็ไม่อยากเขียน ชอบคิดว่าขนาดนข.ยังเบื่อยังไม่อยากอ่านเลย นักอ่านจะเหลือเหรอวะ 5555 (ทั้งๆ ที่ถ้ามองอย่างเป็นกลางมันก็ไม่ได้แย่มากนะ แค่ตัวกุไม่อยากอ่านเฉยๆ) แต่ประเด็นส่วนนั้นมันก็ควรเขียนนิ 5555
เป็นนข.แม่งยากจังวะ ต้องผูกเรื่องให้มันสมเหตุสมผลนั่นนี้ กุแค่อยากเห็นคนรักกัน โฮรๆๆๆๆๆๆ
>>691 +1 ทางเดียวที่จะบิดพล็อตได้แบบหน้ามือหลังตีนโดยเมคเซ้นมาหน่อย กูว่าต้องมาทรงนี้แหละ ให้สาวทะลุสองคนมาซัดกันเอง ถ้าให้ทะลุคนเดียวแล้วมาแถแหลกแบบพส.เกาที่ใช้ทุกเดิมๆเช่น พอนิยายจบไม่มีนข.คุมแล้ว ตลค.อย่างนางเอกเรื่องเลยหลุดคาร์ocได้เฉย แต่เป็นอยู่ตัวเดียวนะ555 พระเอกพระรองยังคีปคาร์เดิมไม่เปลี่ยน แต่สาวทะลุเข้ามาตบเกรียนนางเอกนิยายที่ออกลายดอก เลยหันมาสนใจสาวทะลุแทน ส่วนนางเอกนิยายโดนเขี่ยทิ้งไป
แต่ อันนี้เป็นเว็บตูนในแอปเขียว ชื่อไรวะกูลืมละ โม่งไหนจำได้มาใส่ชื่อที
แต่ก็เคยเจออีกเรื่องคือสาวทะลุมาตีกันแหละ แต่ดันใส่พล็อตย้อนเวลามาแทรก เรื่องเลขาทรราชในแอปดำ คือเส้นเวลาแรกสาวทะลุเข้าร่างนางเอกนิยาย แล้วพอเดินอีเว้นตามรอยทุกอย่างจนจบกับพระเอกจนจบเรื่อง หลังจากนั้นก็แต่งวานมีลูกซึ่งพอเป็นเนื้อหาไม่มีในนิยายหลักก็ดันบิดซะว่าเป็นอีดอกไม่สนลูกซะงั้น มาสำนึกได้ตอนขิตเลยตั้งใจจะแก้ไขตัวเองพอได้ย้อนเวลาใหม่ เสือกยัดสาวทะลุอีกคนมาเข้าร่างตปก. แล้วฉกตำแหน่งนางเอกนิยายไปแทน ทีนี้สาวทะลุในร่างนางเอกนิยายเลยกลายเป็นตัวร้ายเต็มขั้นไปเลย กลายเป็นความอิหยังสะแบบจะย้อนเวลามาทำไมในเมื่อยัดบทนางเอกให้อีกคนงี้ สาวทะลุคนเดิมก็ควรขิตไปเลยเหอะงั้นจะให้ย้อนเวลามาด้วยเพื่อ ส่วนสาวทะลุคนใหม่ที่ไม่ได้ย้อนเวลา แต่เพิ่งมีบทในเส้นเวลาใหม่ก็โดนดันขึ้นแท่นนางเอกแทนเพราะแค่สาวทะลุคนเดิมมันดอกเกินนะเหรอ ดูอิหยังสะแถไปทุกทางซะงั้น
เพราะงั้นจากพล็อตที่มึงเล่าใน >>689 พอเมคเซ้นในระดับนึงที่บิดคาร์จนสาวทะลุต้องแก้กรรมให้ แต่ไม่เมคเซ้นพอจะลบล้างความอิหยังวะ ตลค.ออริต่อให้เขียนจากมือคนแต่ง(ที่โดนนายทุนสั่งแก้)จนนิสัยเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีน แต่ถ้าสาวทะลุเข้ามาแทรก ไงตลค.นั้นๆก็กลายเป็นตลค.oc ไปแล้วงั้น ไม่ใช่ตลค.ดั้งเดิมที่นางเอกรักอะ
ถ้าใส่สาวทะลุมาอีกคนมันจะเมคเซ้นขึ้นมานิดนึงแหละ กลายเป็นตลค.oc สองตัวที่ไส้ในเป็นสาวทะลุมาซัดกันเอง แต่ทั้งนี้ก็อย่าใส่จุดเปลี่ยนบ้งๆอย่างที่กูยกตัวอย่างมานั่นละ ทะลุก็คือทะลุ ย้อนเวลาก็คือย้อนเวลา มึงจะเล่นปมทะลุอย่างเดียวก็เล่นไป แต่ถ้าคิดใหญ่เอาสองปมมารวมกันแบบทะลุ+ย้อนเวลา มันจะไปกันไม่รอดเพราะมีจุดขัดแย้งกันไปหมด
ช่วงฉากที่ตัวละครต้องทำแบบเดิมซ้ำๆ นานเป็นหลายเดือนโดยที่ยังไม่มีเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนเข้ามา กูพยายามบรรยายแบบไทม์สคิปแล้วหาจุดเปลี่ยนเล็กๆ (เช่น วันแรกนั่งอ่านสือที่สวนสาธาแบบเบื่อๆ แต่ไม่อยากกลับบ้าน จนผ่านไปอาทิตย์นึงก็จำหน้าคนที่มาประจำได้หมด เดือนนึงผ่านไปก็พบว่าที่นี่ถึงจะหน้าเบื่อแต่ก็มีอะไรน่าสนุกให้ทำ ไม่เหมือนกับตอนอยู่บ้าน วันนี้ก็เลยมาที่นี่อีกจนหมาที่เห่าตลอดเลิกเห่า แล้วในตอนนั้นเอง… ) แล้วว่ะ แต่มันก็ยังออกมาเป็นชอตๆ แล้วพอถึงเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนมันก็ยังดูเหมือนรีบรวบ กูรู้สึกเองว่าไม่สมูธ ไม่มีตังจ้างเบต้า ใครพอนึกตัวอย่างบรรยายประมาณนี้แต่อ่านแล้วไม่ขัดได้บ้างวะ
>>698 เลขาทรราชเหตุผลการสวมร่างคือสั่วมากและพล็อตโฮลเละเทะ มีดีแค่เส้นสวย แต่เหตุผลห่วยแตก
-พระเจ้าสร้างโลกมา กลายเป็นนิยายมาให้อีเกาหลีสองตัวได้อ่าน
-อีเกาหลีตัวแรกทะลุเข้านิยายตามจุดมุ่งหมายของพระเจ้า โลกของมันต้องมีสาวอิเซไกมาสวมร่าง โลกของอีพระเจ้าถึงจะสมบูรณ์(เหตุผล wtf สัส)
-อีเกาหลีตัวแรกนี่สันดานดอกตั้งแต่แรกอยู่ละ ได้สวมร่างสาวสวย เป็นนางเอก มีผัวหล่อๆ ก็เดินเรื่องตามบท พอไม่มีบทเป็นไกด์นำทางอีกละ สันดานเดิมเลยออก เอาแต่เกาะหนึบติดกับผัว ไม่เอาลูก ผัวจ๋าสำคัญที่สุด
-พระเอกนิยายเฮิร์ตหนัก เมียเปลี่ยนไป จากสาวน่ารักๆกลายเป็นอีดอก วันๆไม่ทำอะไรเอาแต่ติดหนึบกับกูไปละ ทะเลาะกัน ครอบครัวแตกแยก ตัวเองต้องหนีอีน่ารำคาญจนตรอมใจตาย(มั้งนะ ถ้ากูจำไม่ผิด)
-สาวเกาเบอร์ 2 ตายห่ามาสวมร่างตัวประกอบไร้ชื่อไร้บทในนิยาย มีประวัติโคตรย่อว่าเป็นน้องสาวของเลขาที่ไม่ได้เรื่องของพระเอกแล้วโดนสั่งประหารเพราะทำงานพลาด
-อีนี่เลยไปเสนอตัวทำงานแทนเพราะไม่อยากตายห่ายกบ้านแบบนิยายสปอยไว้ ทำงานไปอ่อยไปแต่ไม่รู้ตัวเลยว่านี่คือการอ่อยเหรอคะ
-อีป้าไทเฮาแม่เลี้ยงพระเอกสาระแนเรื่องหาคู่หมั้นให้พระเอกแต่งงาน อีพระเอกเลยต้องจัดงานเลือกเมีย
-อีเมียจากลูปก่อนย้อนเวลากลับมา ทำตัวตอแหลแอ๊บแบ๊ว หวังว่าจะเป็นเหมือนเดิม แต่โทษที มึงโดนปาดหน้าเค้กไปละ มีอีดอกเบอร์ 2 มาอ่อยติดไป อดเป็นนางเอกแล้ว ว้ายยยย
-อีเบอร์ 1 ทำตัวเหี้ยๆดอกๆ ฮว้ากกก มึงแย่งผัวกู อีเบอร์ 2 อ่อยอย่างตอแหลแอ๊บแบ๊ว หีอยากปากตอแหล แต่บังเอิญว่าเขาล็อคตำแหน่งนางเอก อีเบอร์ 1 แพ้ไปนะ ดอกทั้งคู่ แต่อีพระเจ้าตัดหางมึงทิ้งนานละ มึงทำโลกอีพระเจ้าล่มจมในลูปแรก พระเจ้าไม่ปลื้ม (แต่มันเอาอีนี่กลับมาทำไมวะ เหตุผลอีพระเจ้าโคตรกะหลั่ว อีเบอร์ 1 ใช้งานไม่ได้ มันเอาอีเบอร์ 2 ขึ้นแท่นนางเอกแทนทันที นักเขียนให้เหตุผลได้กากชิบหาย)
>>705 อีเบอร์ 1 มันสันดานดอกอยู่แล้วด้วยน่ะ พอคลอดลูกแล้วตัวเองก็ไม่เอาลูก มุ่งแต่จะตัวติดกับผัว ไม่มีไกด์จากนิยายนำทางแล้วก็เป็นตัวมันเองจริงๆละ ผัวถึงกับรับไม่ได้ ไม่ได้น่าสงสารอะไรหรอก
แต่คนน่าสงสารคือนางเอกนิยายตัวจริงมากกว่า อยู่กับผัวอยู่ดีๆ อีพระเจ้ามากระชากวิญญาณออกจากร่างแล้วเอาวิญญาณอีดอกใส่ เอาร่างนางไปปู้ยี้ปู้ยำ ตอนจบก็โดนลืมไปเลย ทำเหมือนอีเกาหลีเบอร์ 1 มันคืออีนางเอกนิยายตัวจริง แต่เปล่าจ้า มันก็คนสวมร่างเฉยๆ นางเอกนิยายเสียทุกอย่างทั้งร่างตัวเอง สถานะ แล้วก็ผัวที่รักกันอยู่ดีๆ เป็นกูคงเปิดสงครามกับพระเจ้าเหี้ยๆแบบนี้แม่ง โลกตัวเองไม่ดูแลให้ดี สาระแนไปเอาใครไม่รู้มาใส่ร่างแล้วพังไทม์ไลน์เละเทะ
>>703 ลองบรรยายแบบ วันนี้ตื่นมาชงกาแฟกินอาหารเช้าบลาๆ เลือกหนังสือที่จะไปอ่านที่สวนสาเหมือนเดิม(เหตุการณ์เดิมๆ แต่เพิ่มรายละเอียดที่มึงเคยตัดออกไปเอามาใส่ตรงจุดนี้แทน) อาจจะบรรยาย ครส ตัวละครว่าวันนี้รู้สึกยังไง เบื่อมั่งไรมั่ง หรือไม่บรรยายประมาณวันนี้ก็เหมือนเดิมๆ แต่ไม่รู้เลยว่าจะมีสิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตเธอ/เขาไปไรงิ แล้วค่อยๆ บรรยายเข้าสู่เหตุการณ์ที่จะเป็นจุดเปลี่ยนที่มึงตั้งใจ
ไม่รู้จะตรง จปส ที่มึงอยากได้ป่าวนะ เผื่อเป็นไอเดีย
>>710 กูเขียนไปไกลแล้วไง นี่กำลังจะปิดเล่มที่ 6 ซึ่งตามแผนเดิมมันดำเนินมาได้ครึ่งเรื่อง
แต่มาตอนนี้กูหมดไฟจนไม่อยากเขียนต่อละ ว่าจะตัดจบแค่เล่มนี้เล่มสุดท้าย แต่ก็ไม่มีอารมณ์ที่จะเค้นเขียนต่อให้จบได้ซะงั้น
แถมพอนึกจะเขียนเรื่องใหม่ก็เจอโจทย์มารุมเร้าจนไม่อยากเขียนต่ออีก เลยมาบ่นอย่างที่เห็นนี่ล่ะ
อยากร้องไห้ว่ะ มีประเด็นไหนแตะแล้วทำนักอ่านร้องไห้ได้มั่ง ถ้าไม่ใช่เรื่องความตาย / สัตว์ตาย ????
>>713 เรป,ล่วงละเมิดเด็ก (ถ้าเป็นนางเอกหรือพระเอกจะยิ่งหดหู่) ,ถูกนอกใจแบบเจ็บปวด ร้องไห้ตามเพราะอยากออกจากสภาพนี้, โดนตัวละครที่ชงมาว่าดีตลอดทรยศหักหลัง แล้วทุกอย่างที่พยายามมาพังลงต่อหน้า , ต้องตัดใจจากคนที่รักทั้งที่ยังรัก เพื่อเหตุผลบางอย่างที่กดดันบีบคั้น เช่นต้องหลอกผัวว่าทำแท้ งไปแล้วเพื่อให้ผัวเลิกกับตัวเองแล้วไปเรียนต่อ แล้วก็แอบคลอดลูกมาเลี้ยงลูกคนเดียว
สำหรับกู กูจะร้องไห้ฉากที่ตัวละครทำอะไรเสียสละชีวิตเพื่อคนอื่น ทำตามคำสัญญาได้แล้ว การจากลา หรือตอนจบหลังฝ่าฟันอุปสรรคมามากมายจนได้เจอความสงบสุขและที่พักใจไรงี้ ส่วนใหญ่มันจะเป็นน้ำตาความปลื้มปิติมากกว่า เรื่องไหนจบดีๆแบบเคลียร์ทุกประเด็นแล้วให้ตัวละครพบกับความสุขได้ซักทีกูก็ร้องไห้เหมือนกัน
แต่ถ้าฉากเศร้าๆแบบบิลด์มาเศร้าแน่นอนคือฉากหมาหรือสัตว์ตาย คนแก่ไรงี้กูก็สะเทือนใจ เคยดูหนังเกาหลีเรื่องคุณยายของผมดีที่สุดในโลกแม่งสะเทือนใจหลายอันเลย พระเอกที่เป็นเด็กน้อยต้องไปอยู่ตจว.กันดารๆกับยาย เงินก็ไม่ค่อยมี อยากกินเคปซีก็ไม่มีให้กิน หงุดหงิดใส่ยายตลอด หนีออกจากบ้านจะกลับไปหาแม่แล้วยายที่เป็นใบ้ต้องตามหาทั้งคืน ตื่นมาเจอไก่ทอดเย็นๆที่ยายเจียดเงินไปซื้อมาทอดให้ พระเอกนั่งกินไก่เย็นชืดทั้งน้ำตา กลับตัวเป็นเด็กดีไม่สร้างภาระให้ยาย ตอนลาจากก็เศร้าแต่ก็งดงามเหมือนพระเอกก็ได้เรียนรู้ชีวิตแล้ว
อีกเรื่องที่กูร้องไห้ทั้งเรื่องจำได้ว่าเป็นเรื่องแม่อายสะอื้นมั้ง ชีวิตนางเอกแม่งบัดซบทุกดอกแทบไม่มีช่วงไหนดีเลย โดนหลอกไปขายตัว ท้องแล้วต้องเอาลูกไปฝากพ่อไว้ พอเตลิดไปแล้วกู่ไม่กลับ ทำร้ายคนนั้นคนนี้ไปเยอะแยะมากมาย แต่คนที่นางเอกทำร้ายก็มีครอบครัวตัวเองด้วย กูสะเทือนใจตอนพ่อนางเอกที่ป่วยหนักแต่ต้องพาหลานที่ขาพิการออกมาเร่ร่อนขอทานเพราะมาตามหานางเอกในกรุงเทพ นางเอกก็ทำเป็นไม่รู้จักไปอีกเพราะตอนนั้นตัวเองเป็นดาราดังแล้ว กลัวว่าถ้ามีคนรู้อดีตตัวเองว่ามีลูกแล้วจะดับ ตอนจบก็เศร้าไปอีก
ในเอ็กมีคนโพสว่าเจนzไม่มีใครดันใครปั้น กุว่ามันก็ตามกระแสคนอ่านด้วยปะ สนพใหม่ๆจับกระแสว่าคนอ่านชอบหวัดงานชชที่มีกระแสดังมาก่อนก็เอามาแปลเพื่อความอยู่รอดของสนพเอง พวกรุ่นเก่าๆที่เคยขายงานคนไทยก็ไม่ใช่สายที่คนอ่านเจนนี้ชอบ
>>719 เป็นกุก็ไม่อยากปั้นอ่ะ กุไม่อยากเหมารวมนะแต่ส่วนใหญ่เด็กสมัยนี้มันร่วมงานยาก ไม่อดทน ไม่รอ อยากให้ดันแต่ไม่ยอมปรับงาน ให้แก้งานทีอีโก้เสียดฟ้า เข้าข้างตัวเอง มีเหตุผลให้ตัวเองทุกอย่าง แต่ไม่เข้าใจองค์กรที่ร่วมงาน แถมยังแฉเก่งอีกต่างหาก บางเรื่องก็พูดแต่มุมตัวเอง เป็นสนพ.ปวดหัวตาย งานยังขายไม่ได้แต่อีโก้ยิ่งกว่ายอดพีระมิด กุไปจับงานแปลที่ขายได้ชัวร์ๆ และไม่เสี่ยงดราม่าให้ปวดหัวดีกว่า
>>720 เดี๋ยวๆ หน้าที่ของสนพ.คิอการตีพิมพ์งานมันต้องมาแคร์เรื่องพวกนี้ด้วยเหรอวะ เอางานนข.มาตีพิมพ์ ไม่ได้เอาตัวนข.มาตีพิมพ์ ถ้าจะยึดตรรกะนี้สนพ.ก็เขียนเองตีพิมพ์เองเลยไม่ดีกว่าเหรอ จบปัญหาดึงคนนอกมาร่วมงานแน่นอน คนในมึงก็อย่าปากเปราะ เอาอย่างค่ายดาร์คฟตซ.ไทยบางค่าย มีนข.ในสังกัด เขียนงานกันเป็นทีม ทำกันได้มั้ย ทุกวันนี้ทำได้แค่แก้ปัญหาปลายเหตุคือไม่รับงานนข.ไทยดีกว่า ละดูปท.ชาติอื่นที่เขาเจริญๆดิ๊ นข.ประสาทขนาดไหนเขาก็ปล่อยแม่ง เรื่องมึงพล่ามเกี่ยวกับกูที่ไหน ละยังไงงานชาติตัวเองก็ต้องมาก่อนค่าLCก็ไม่แพงหูดับ
ละปัญหานข.ไม่ให้บรรณาธิกร? แล้วมึงจะไปแคร์เหี้ยไรอ่ะ นข.อยากตีพิมพ์ก็ต้องทำงานมีคุณภาพ ไม่ทำนข.มึงก็หอบงานมึงกลับไป บ.ก.ก็แข็งใส่อีพวกประสาทอย่างงี้บ้างดิ เป็นคนไทยขี้เกรงใจเลยทำไม่ได่รึไง หรือไปง้อเอางานแมสๆบนเน็ตมากลัวเขาจะไม่ยอมตีพิมพ์ด้วย เลยไม่กล้าแตะ จนติดมาเป็นนิสัย แล้วมึงจะเป็นไปทำไมบ.ก. วันๆจัดเล่มกับนั่งพิสูจน์อษ.แข่งกับฝ่ายพิสูจน์อษ.เหรอ
นข.ก็ไม่คิดจะโทษตัวเอง ไม่คิดพัฒนาตัวเอง สนพ.ก็ไม่คิดจะโทษตัวเอง ไม่คิดพัฒนาระบบ ก็ปล่อยมันเจ๊งไปหยั่งงี้แหละสัส ใครแกร่งสุดก็อยู่รอดละกัน กูรอดูภาคเอนด์เกมอย่างเดียวละ
>>719 เห็นในx ถ้าเป็นอันเดียวกันนะ มันก็ไม่เชิงตัดพ้อว่าไม่มีใครดันเจน z แต่เป็นสภาพการณ์โดยรวมของตลาดว่านักเขียนใหม่ที่ปังๆไม่มีเกิดในยุคนี้เลยมากกว่า และส่วนหนึ่งคือสนพ.เน้นงานแปล เพราะว่าคนอ่านส่วนใหญ่ก็เทไปงานแปลด้วย จะด่าสนพ.อย่างเดียวก็ไม่เต็มปาก เพราะตลาดมันเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดทิศทางจริงๆ
แต่เห็นคห. นึงน่าสนใจ ตรงที่พูดถึงงานแมวมอง ว่าคุณภาพงานตาม webnovel มันไม่ผ่าน ส่วนที่ผ่านก็ยอดไม่ปัง แถมลงปุ๊บขายebook ปั๊บ สนพ.จีบไม่ทัน กุแอบสนใจประเด็นนี้แฮะ อยากรู้ว่าความคุณภาพไม่ผ่านนี่คือยังไง และถ้าเรื่องนั้นยอดไม่ปังคือไม่เอาเลยใช่ไหม ต่อให้คุณภาพตามเกณฑ์แมวมองจะดีมากก็ตาม และถ้ามีอีบุคแล้วคือตัดเลยใช่ไหม เพราะสนพ.ต้องการทั้งสองอย่าง อะไรทำนองนี้
เมื่อก่อนสนพ.แทบจะกว้านกวาดเอานิยายท็อปๆติดอันดับในเว็บ กับคนในหลังไมค์หานข.ให้ส่งต้นฉบับมาเลยด้วยซ้ำ นักเขียนใหม่กลายเป็นนักเขียนดังบางทีก็เกิดจากตรงนี้ด้วย (แต่ก็ต้องยอมรับว่าไอ้ที่กวาดมา เรื่องแปลกๆก็เยอะใช้ได้) เดี๋ยวนี้เหมือนไปแตะนิยายแปลกันหมดแล้วจริงๆ เห็นบางสนพ.เคยไปจีบนข.ทำมือดังๆเขาก็ไม่เอา เพราะเขาลำบากแค่ตอนแพ็กของอย่างเดียว แต่เงินทำเล่มกับอีบุ๊คต้องหักให้สนพ.ต่อ รายได้มันลด เขาก็ไม่ร่วมงานด้วย ไม่ใช่แค่สนพ.ที่เลือกได้หรอก นข.ก็เลือกเหมือนกัน
คือกูรักนิยายไทยพอตัวนะ กูรักการบรรยายด้วยชื่อจริงในบทบรรยายและเรียกกันด้วยชื่อเล่น กูรัก nc แบบเปรียบเปรยนมเป็นทรวงอกอิ่ม ยอดปทุมถัน กูรักคลังคำบ้านเรา และกูก็ชอบรูปเล่มมากจริงๆ 😭 พอเห็นมันจะตายและสนพ.ที่ตามก็เต็มไปด้วยนิยายแปลชื่อจีนกันไปหมด กูก็แอบเจ็บใจจริงๆ
กูเจน Y ต้นๆ ปลายๆ เจน X ยังตัดพ้อเลยมึง
ตลาดตอนนี้แม่งเหี้ยจริงวงการนิยายเนี่ย ราวๆ สิบปีก่อน กูเห็น บก. มานั่งเสาะหานิยายวาย แล้วปฏิเสธนิยายแนวอื่นหมด ทั้งที่ก่อนหน้าก็มีแต่แฟนตาซีออกมาเรื่อยๆ
พอยุคถัดมาแทนที่แนวอื่นจะได้กลับมารุ่งเรืองก็ดันต้องมาแข่งกับนิยายแปล โดยเฉพาะนิยายจีนที่มีเป็นพันๆ ตอนซะงั้น กูเขียนมาตลอดยังไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากเลย
แต่เจน Z นี่ปัญหาเยอะจริงคนไม่ค่อยอยากทำงานด้วย ทว่าเคสนี้อาจจะเป็นปัจจัยมาจากกระแสตลาดมากกว่านั่นละ
>>721 ก็คนไทยอะไรมันก็ด่านายทุนก่อนไง ด่าสนพ.ก่อนไง กุไม่ใช่คนในด้วย เป็นแค่นักอ่านที่เห็นความเคลื่อนไหวมาตลอด ตลาดไทยล่มจมกุก็ไม่เดือดร้อนนะ แต่นักเขียนบางคนงานไม่ผ่านพิจารณาก็ด่าสนพ. ไม่ได้ดั่งใจอะไรก็ด่า แต่งานก็ไม่ได้ขายดีอ่ะ เขาบอกให้ปรับให้เข้ากับตลาดหน่อยก็งอแงว่าลดทอนเอกลักษณ์ แล้วส่วนใหญ่พวกขายดีเขาก็ออกไปทำเองกันทั้งนั้น สนพ.ไทยมันไม่ได้สายป่านยาว ตลาดกว้างเหมือนเมืองนอกที่มึงจะไม่แคร์อะไรขนาดนั้น เขาก็ทำมาค้าขาย งานขายไม่ได้แล้วนักเขียนยังเอาทัวร์มาลง ทำให้คนอ่านด่า มึงยังจะเสี่ยงเหรอ พูดแบบแฟร์ๆ เลย
กุเข้าใจคนที่คิดว่าหน้าที่ของสนพ.คือกรองเรื่องดีๆ หลากหลาย ปั้นออกสู่ตลาด สมัยก่อนที่นักอ่านยึดสนพ.เป็นหลัก การออกงานต้องผ่านสนพ.ถึงจะขายได้ มันก็ใช่ตามนั้น แต่ยุคนี้มันแตกต่างเพราะนักเขียนทำมือเองได้ พวกที่ขายได้เอง มีฐานแฟนคลับกลางๆ ถึงระดับสูงเลยเลือกทำมือเอง ไม่ก็ทำอีบุคเองเพราะมันได้เงินเยอะกว่าผ่านสนพ. แถมไม่ต้องรอนาน (งานที่ออกกับสนพ.มึงต้องรอไม่ต่ำกว่า 2 เดือน) แล้วสนพ.สมัยนี้มีปัญหาตรงนั้นตรงนี้กันหมด พวกนักเขียนที่พอจะมีทางไป เขาเลยออกมาทำเอง ทีนี้เลยกลายเป็นว่าสนพ.ไม่ได้งานเขียนไทยที่ขายได้ ส่วนนักเขียนใหม่มึงต้องแข่งกับตลาดแปลถ้าอยากออกงานกับสนพ. แต่นักเขียนใหม่ยุคนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นคล้ายๆ กับที่กูบอกไปข้างบน เทียบกับงานแปลที่เอามาขายได้และปัญหาน้อย สนพ.ก็เลยเลือกงานแปลมามากกว่า เพราะมันขายได้ สิ่งสำคัญสุดคือมันขายได้นั่นแหละจ้า อยากให้สนพ.ปั้นนักเขียนหน้าใหม่แต่งานขายไม่ได้แถมบางคนฉอดองค์กรอีก สนพ.มันจะไหวเหรอ กุย้ำอีกทีว่าตัวเองไม่ใช่คนใน แต่เป็นคนอ่านที่ผ่านมาหลายรุ่น มึงอย่าไปคิดว่าเขาจะใจบุญสุนทานทำเพื่อวงการยอมกัดก้อนเกลือดันนักเขียนหน้าใหม่ที่ยอดเสี่ยงขายไม่ออกขนาดนั้น ขายไม่ออกเล่มนึงขาดทุนเป็นแสนๆ แบกไหวเหรอ แล้วสมัยนี้ถ้างานไม่ดัง สายส่งไม่รับเลย ปัดตกเลยนะ ทุกวันนี้คนอ่านหนังสือน้อยลงมาก ไม่เหมือนยุคก่อน สมัยก่อนแฟนตาซีขายไม่ได้ยอดพิมพ์ยังสามสี่พัน สมัยนี้ไม่ได้คือไม่ได้เลย งานมันเลยถูกบีบให้แคบลง มีแนวที่ขายได้ไม่กี่แนว คนอ่านไม่กล้าเสี่ยงกับแนวใหม่ๆ สนพ.ก็เลยไม่กล้าเสี่ยงกับนักเขียนหน้าใหม่ด้วย ถ้าคนอ่านหนังสือเยอะเหมือนสมัยก่อน อย่างขายไม่ได้ยังได้ยอดสักสองสามพัน สายส่งไม่ถีบหัวส่ง กุว่าสนพ.เขาก็อาจอยากลองเสี่ยงผลิตงานที่หลากหลายนะ
คนไทยก็อ่านงานไทยกันเยอะนะ แต่พฤติกรรมการอ่านคืออ่านในรอร. อ่านอีบุ๊กใน meb ไรงี้มากกว่า ลองไปดูนิยายขายดีใน meb สิ ส่วนใหญ่เป็นนิยายคนไทยเขียนทั้งนั้น แล้วคนไทย (นอทออล) มันจะมี mindset แปลกๆที่ไม่รู้เริ่มมาจากไหน ว่างานไทยต้องลงให้อ่านในเว็บจนจบ ใครลงไม่จบ=แย่มาก ไม่เห็นใจนักอ่าน สนพ.เลยหันไปจับงานแปลกันหมด เพราะมันเป็นงานที่ไม่เคยมีเผยแพร่ทางไหนมาก่อน เอาจริงๆพวกงานแปลตามร้านเนี่ยส่วนใหญ่ยอดพิมพ์ก็แค่หลักพัน พันในที่นี้คือพันสองพันด้วยซ้ำ มีน้อยเรื่องที่จะได้พิมพ์หลายพันหรือไปถึงหมื่น คือไอ้งานแปลที่ชาว x แขวะๆกันอยู่ว่าวางเต็มร้านตอนนี้ยอดขายยอดพิมพ์แม่งไม่ได้เยอะเลย แค่มุมมองที่คนอ่านมีต่องานไทยกับงานแปลมันไม่เหมือนกัน งานแปลเลยได้พิมพ์ออกมาเป็นเล่มจับต้องได้เยอะกว่า เท่านั้นเอง
บางมุมกุก็คิดนะ ว่าเรายึดติดกับคำว่า สื่อสิ่งพิมพ์ = งานสนพ./งานรูปเล่ม มากเกินไปหรือเปล่า เราได้พิจารณายอดเติบโตในฝั่ง webnovel และ ebook ด้วยหรือเปล่า แน่ล่ะว่าตอนนี้ด้วยสภาพเศรษฐกิจยอดตลาดมันซึมลงจนร่อแร่ทั้งตลาดแหละ
แต่ถ้าเน้นที่ประเด็นที่โพสท์x ต้นทางเปิด เรื่องประเด็นนักเขียนหน้าใหม่ในยุคเจนz ถ้าลองพิจารณาดีๆ มันอาจจะมีนข.เกิดในวงเวบโนเวลและอีบุคมากมายก็ได้ เพียงแต่แนวเรื่องและมาตรฐานงานเขียนที่ตลาดตอบรับนั้นมันเปลี่ยนไปแล้ว พอวัดด้วยเกณฑ์เดิมในมุมมองเขาก็เลยกลายเป็นไม่มีหน้าใหม่เกิดไป (ปล. อันนี้เอาแค่ในปท.นะ)
>>728 เห็นด้วยเลย หนังสือที่พูดว่าตายๆๆกันอยู่ดูหมายถึงรูปเล่มเน้นๆ ไม่ได้มองพวกหนังสือออนไลน์กันเท่าไหร่ สาเหตุนึงที่สมัยนี้ไม่ค่อยมีนักเขียนดังเปรี้ยงๆแบบรุ่นบูมเมอร์มันไม่ใช่เพราะคนอ่านน้อยลง หรือมีงานคนไทยน้อยลง แต่เป็นเพราะยุคนี้นักเขียนเยอะมากกกกกกต่างหาก นักอ่านก็มีตัวเลือกเยอะ หาอ่านออนไลน์กันตามสะดวก ไม่ต้องมานั่งอ่านในหนังสือสกุลไทยเหมือนสมัยก่อน (บ่งบอกอายุเลยกู) แต่ถ้ามองแค่รูปเล่มเพียวๆก็ใช่แหละ มันมีรูปเล่มของนักเขียนไทยน้อยลงจริงๆ
>>729 ใช่ๆ ที่กูพูดก็หมายถึงสายวายนั่นแหละ เลยใส่คำว่านอทออลไว้ จริงๆกูว่าเรื่องคนอ่านงานแปลเยอะกว่าไทยนี่มันดูเป็นปัญหาของสายวายมากกว่า สายชญคนก็ยังอ่านงานนักเขียนไทยกันเยอะแยะ งานแปลไม่ได้แมสขนาดนั้น กูอ่านชญเป็นหลักยังต้องมานั่งคร่ำครวญอยู่บ่อยๆว่ากูอยากอ่านงานแปลแต่ไม่มีให้กูอ่านเลยโว้ยยย เห็นมีแต่แปลจีนซึ่งกูไม่อ่านง่ะ
กุเป็นนักอ่านคนนึงที่พฤติกรรมเปลี่ยนจริง นิยายไทยไม่เก็บเล่มเลย ซื้อแต่ebook (ไม่อ่านในรอรด้วย ไม่มีเวลามาตามที่เขาอัพเดทงาน ปกติเลยอ่านแค่ตยในเมพถ้าชอบก็ซื้อเลย) ส่วนนิยายแปลถ้าไม่ได้ขายebookค่อยซื้อเล่ม ซึ่งกูเห็นนขดังๆก็มาอวดนะบางเรื่องยอดโหลดอีบุ๊คเป็นหมื่น ขณะถ้าทำเล่มยอดอาจจะแค่หลักพัน จริงๆกูว่าคนคงไม่ได้อ่านนิยายไทยน้อยลงหรอก ยอดอีบุ๊คน่าจะโตทุกปี แถมนักอ่านมีโอกาสเห็นงานนักเขียนหน้าใหม่ก็มีมากกว่าไปเซ็นต์กับสนพอีกกุว่า แต่เพราะมันเข้าออกตลาดง่าย จำนวนนักเขียนเลยเยอะขึ้น แข่งกันเยอะขึ้นกว่าเดิมด้วย
>>730 ถ้ารัฐหันมาผลักดันอย่างจริงจังกุว่ามันกลับมาได้นะ แต่ไม่ใช่สนับสนุนพอให้ได้ชื่อว่าช่วยแล้วนะ อย่างโปรเจ็กต์ล่าสุดที่เอางานไปขายต่างชาติ กุว่าไม่ได้อะไรเท่าไหร่เลย ถ้าจะผลักดันจริงๆ ต้องเข้าพยุงไม่ให้ต้นทุนการพิมพ์สูงก่อน คนจะได้เข้าถึงได้มากขึ้น สนับสนุนให้คนไทยอ่านหนังสือเยอะขึ้น สมัยก่อนมีเยอะนะโครงการรักการอ่านอะไรพวกนี้ พอคนอ่านเยอะขึ้น ตลากกว้างขึ้น กุว่าฟันเฟืองในตลาดมันก็คล่องขึ้น ถ้าระยะยาวส่งต่อรุ่นต่อรุ่นมันก็มั่นคงได้นะ แต่ยุคนี้พอตลาดมันแคบ นักอ่าน นักเขียน สนพ. ก็ตัวใครตัวมันแบบที่เห็น นักอ่านก็ไม่มีงบมากพอจะซื้อหนังสือทิ้งๆ ขว้างๆ หรือเปิดใจรับแนวใหม่ เลือกซื้อที่ชัวร์ไว้ก่อน นักเขียนก็เขียนแต่แนวที่ขายได้ ส่วนสนพ.ก็เลือกพิมพ์งานที่ขายออก เพราะทุกคนก็ต้องเอาปากท้องตัวเองก่อนอะ เสร้าฉิบหาย
ky ขอคั่นเวลามาถามเรื่องความรู้สึกของตัวละครหน่อย
คือกูอยากให้มีฉากแม่ตัวเอกเก่งมาก นางทำความฝันไปเรียนต่อเมืองนอก ห่างลูกทั้งสองคน ห่างผัว เลยเผลอใจ ไปๆมาๆก็หลงผู้ใหม่เลยอยากหย่า ผัวที่ไทยรู้ก็ตกใจ เพราะก็ยังรู้สึกว่าเรารักกันอยู่ ลูกก็ตกใจเหมือนกัน แม่เลยแก้ตัวว่าตอนนี้นางเจอคนที่ใช่ในเวลาที่ไม่ใช่ แต่ก็จะทำให้ใช่ด้วยการหย่าไปอยู่กับชู้นี่ไง ตัวเอกมีแม่เป็นไอดอลมาตลอด มาเจอแบบนี้ก็ผิดหวังโคตรๆ แม่เลยบอกว่ากล้ามาผิดหวังได้ไง นางส่งเงินส่งให้ลูกเรียนตลอด เป็นเมียที่ดีด้วย แค่เจอรักใหม่ อย่ามาผิดหวังในความเป็นแม่ของนาง ตัวเอกควรรู้สึกยังไงกับแม่ดีวะ โกรธที่ทรยศพ่อ แต่นางก็เป็นแม่ที่ดีมาตลอด หรือควรเข้าใจ พอมองให้ผู้ชายเป็นฝ่ายนอกใจกูคิดได้นะ แต่พอเป็นฝ่ายหญิงกูดันเข้าข้างแม่ตัวเอกว่ะ (คงเพราะกูก็หญิงเหมือนกัน) ตัวเอกควรรู้สึกยังไงวะ
>>719 ยุคนี้ไม่เหมาะกับการ "ปั้น" เด็กแล้วน่ะกูว่า ปั้นคือโพรเซสสำหรับยุคเก่าที่บ.ก.มีฝีมือกับนข.มีแววจะมาขัดเกลามาลองตลาดไปด้วยกัน
เด็กยุคนี้เผลอๆ เก่งกว่าบ.ก. ไม่ต้องมารอสนพ.มาเฟ้นหาก็ขายงานเองได้ Tools ก็มี media ที่จะทำตลาดก็มีอยู่ในมือ พวกเก่งๆไม่ต้องรอแล้ว
>>720 เชี่ย คห.มึงทำให้กูนึกถึงตอนรับเด็กเจนหลังๆ มาสอนงานเลย อีโก้พุ่งชนเพดาน งานออกมาทั้งผิดทั้งชุ่ย สอนให้แก้ไม่จัม ไม่ได้เป็นแค่คนสองคนด้วยนะที่กูเจอ
>>734 มึงเข้าข้าง cheater ทำไม๊ม๊ม๊ ถ้าทรงนี้กูด่าเช็ดนะ ถ้าผัวไม่เหี้ย = ไม่มีข้ออ้างให้นอกใจว่ะ ต่อให้เป็นแม่กูเลี้ยงกูมาดีกูก็ผิดหวัง คงไม่อยากคุยด้วยเลยอะ แก้ตัวว่าเป็นแม่ที่ดีเป็นเมียที่ดีก็ฟังไม่ขึ้นนะ มึงนอกใจชัด ๆ มาขอความเห็นใจเหี้ยไร คนดี ๆ ที่ไหนจะเผลอใจทั้งที่มี commitment อยู่ทนโท่ ทุเรศ อินไปนิด โทษที 555
>>734 ขึ้นอยู่กับวัยว่ะ ถ้าเด็กๆยันวัยรุ่นช่วง20คงมีเกลียดแม่ แต่พอโตมา30-35+ถ้าเขายังพยายามkeep in touchตัวเอกตลอดแม้โดนเมินใส่ พยายามชดเชยลูกจริงๆตลอดสิบกว่าปีมานี้ กุเป็นตัวเอกคงไม่เกลียดแม่ละ แต่ไม่สนิทใจเหมือนเดิมหรือเท่าพ่อแน่ๆ และความคิดที่แม่เป็นฝ่ายผิดก็ยังไม่หายไปด้วย คงแบบปีนึงนัดกินข้าวทีไรงี้
บนๆนี่กุเห็นด้วยเรื่องจำนวนไรท์มันเยอะขึ้นด้วยแต่รีดน้อยลงมาก คนที่ชอบอ่านงานเขียนมากๆผันตัวมาเป็นไรท์เองเยอะแต่ผู้บริโภคเสพสื่ออื่นมากขึ้น ราคาสตรีมซีรีย์ก็ไม่กี่ร้อยดูได้ทั้งเดือนแต่อ่านหนังสือได้แค่เล่มเดียวสองสามวันก็จบแล้ว ราคาความคุ้มมันต่างกันมากๆ แล้วตลาดงานเขียนมันก็แปลก กุไม่รู้ว่าเป็นแค่ที่ไทยเจนนี้หรือเปล่าเพราะกุเป็นแค่ผู้บริโภค กุเห็นไรท์ไทยกันเองก็ยังไม่เสพงานกันเองอ่านแต่งานแปลด้วยเหมือนกัน งานหนังสือทีโพสรูปว่าซื้องานแปลวรรณกรรมงานดังๆมาเพียบแต่งานไทยซื้อแค่ที่สนิทกันมากๆเท่านั้นเคยลองแอบถามก็บอกว่าไม่ได้อ่านงานกันเองเพราะไม่มีเวลาแล้วกัวติดสำนวนกันเอง แต่ซื้องานแปลมาได้เนี่ยนะ ที่ยกมานี่ไมได้คิดว่าตลาดจะรอดถ้าไรท์มาอ่านกันเองหรอกนะแค่มันแปลกที่ขนาดพวกมึงยังไม่อ่านงานกันเองเลยแล้วทำไมคิดว่าคนอื่นจะอ่านน่ะ
>>736 ไม่เป็นไร อินเหอะ กูอยากรู้ความรู้สึกของลูกไง555 กูดูเข้าข้างเนอะ รู้สึกแย่กับตัวเองเหมือนกันที่ไบแอส คงเพราะแม่มีเหตุผล ใจดีกับลูกมาตลอด แล้วมาเสนอขอหย่าดีๆด้วยแหละ (ถึงจะด้วยตรรกะบ้งๆก็ตาม) แต่ก็อย่างที่มึงว่า นอกใจคือนอกใจอะ นางก็ไปมีคนอื่นจริง ผัวไม่ได้ทำไรผิดเลย ผัวอยู่ไทยเลี้ยงลูกแทนด้วยซ้ำ ขับรถพาลูกไปนู่นไปนี่ ตอนจบกูเลยอาจให้ผัวฟ้องหย่าไม่ก็หย่ากันดีๆไป แต่ความรู้สึกของลูกทั้ง2ก็ไม่เหมือนเดิมแน่ๆ
>>737 วัยตัวเอกประมาณมหา'ลัยนี่แหละ อยากได้ฟีลๆผิดหวังในตัวเขาแต่ก็เกลียดไม่ลง เพราะเขาก็เป็นแม่ที่ดีมาตลอด เป็นไอดอล เป็นแนวทางให้อนาคตของลูก ให้กำลังใจและเข้าใจเสมอ แต่เป็นเมียที่นอกใจผัว โอเคเลย เดี๋ยวกูจดไว้ว่ายังรักแม่แต่แค่ไม่สนิทใจเหมือนเดิมเฉยๆ เป็นบทลงโทษของคนนอกใจไป ไม่โดนฟ้องหย่าก็จริง แต่ลูกก็ไม่รู้สึกรักแม่เท่าเมื่อก่อนละ
>>738 อันนี้ตลกร้าย เพื่อนนข.กูก็งี้เลย เขียนงานไทยแต่ไม่อ่านงานไทย จริง ๆ เข้าใจเรื่องติดสำนวนนะ อันนี้เรื่องใหญ่ แต่ใหญ่กว่าน่าจะเป็นเรื่องพล็อต / องค์ประกอบอื่นอะ ถ้าเจอเรื่องที่คล้ายตัวเองมาก ๆ (แต่ไม่มีใครก้อปใครแน่ ๆ) แม่งจะหลอนนั่งไม่ติดละ 555 สมมติไม่ได้อ่านแต่มีหาบประสาทแดกมาชี้หน้าหาว่าก้อปจะได้แก้ต่างได้เต็มปากว่าไม่เคยอ่านโว้ย ถ้าอ่านแล้วนี่สิงานหยาบ ต้องระแวงว่าควรแก้ไหม ต้องแก้แค่ไหนให้ไม่คล้ายคนมาก่อน (นี่กูมาดีเฟ้นให้เลยนะ 55555)
หาบบางคนแม่งประสาทจริง โดยเฉพาะทำมาเกริ่นว่ากลิ่นคล้าย ๆ เนี่ย อิดอก กลิ่นผัดกะเพราแม่งก็คล้ายกันทั้งประเทศแหละ คิดว่าร้านประจำตัวเองเป็นต้นฉบับกะเพรามั้ง หัวจะปวด // ใด ๆ กูคิดว่าถ้านข.ไม่อ่านงานคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไรว่ะ คือถ้าอ่านก็ดี ถือว่าสนับสนุนวงการ ถ้าไม่อ่านก็สิทธิ์ของเขา เหมือนร้านข้าวเปิดข้างกัน ตัดปัญหาโดนหาว่าก็อปสูตรประมาณนั้น กุว่าถ้าไม่มีปัจจัยภายนอกด้านความประสาทแดกพวกนี้คงสะดวกใจอุดหนุนเพื่อนร่วมวงการมากขึ้นแหละ
>>738 กุพูดในมุมนักอ่านนะ เท่าที่เห็นมา มันจะมีใครกล้าพูดตรงๆมั้ยว่านักเขียนก็ไม่อยากสนับสนุนกันเองอ่ะ ส่วนใหญ่มองเป็นคู่แข่ง มึงดูดราม่าที่ผ่านมาแต่ละอันสิ ชัดเจนชิบหาย ส่วนเรื่องหาบก็อีกเรื่อง กุว่าโดนชี้หน้าทีนี่ไม่สนุกเลยนะ ไม่อ่านก็ตัดตรงนี้ทิ้งได้ว่ากูไม่ได้อ่าน แค่บังเอิญใช้มุกเดียวกัน แล้วยังมีเรื่องอีโก้นักเขียนอีก ต้องชมอย่างเดียว ไม่ชมมีน้อยใจ เอาไปแขวนลับหลังก็มีให้เห็นเยอะแยะ ไฟลามทุ่งจนเป็นดราม่าก็มีให้เห็น กุว่านักเขียนหลายคนทำตัวเองด้วยว่ะ ใจบางกันเกิน ใครจะอยากอ่านวะถามจริง อีกอย่าง ถ้าซื้องานนักเขียนคนอื่นมา ก็เหมือนต้องมาคุยกันนิดนึงป่ะ กุไม่รู้นะอันนี้กุไม่ใช่นักเขียน แต่แบบ กุเห็นนักเขียนหลายๆคนเวลาซื้อหนังสือนักเขียนคนอื่นมาก็ถ่ายรูป ละก็มีนักเขียนเจ้าของหนังสือมาเม้นขอบคุณไรงี้ไหม ละถ้าสมมตินักเขียนคนนั้นซื้อมาแล้ว ดันไม่ชอบ ทำไงอ่ะ กุเป็นนักอ่านกุก็ดองคลังเงียบๆได้ แต่นักเขียนทำไงวะ สุดท้ายก็คงจะจบที่ตัดปัญหาไม่ซื้ออ่านน่าจะดีกว่ามั้ยนะ ขนาดกุยังคิดแบบนี้เลย แล้วนักเขียนไม่คิดเหรอวะ กุอ่านนิยายแปลกุจะพูดยังไงก็ได้ว่ากุเบื่อมุกนางร้ายต้องแอ๊บแบ๊ว ไม่มีใครเอากุไปแขวนอ่ะ
>>739 กุคงอินจริงแหละมึง พอดีประเด็นนี้มันทิกเก้อพอดี 5555 แต่เห็น >>737 ละเพิ่งนึกได้ ตัวกุก็อยู่วัย 20 ต้นเหมือนกัน เป็นเด็กสายฮาร์ดคอ อ่อนต่อโลก ยังไม่มีเซ้นการปลง (ซึ่งก็คือหายเกลียด) ถ้าโตขึ้นอาจมองอีกมุมนึงอย่างที่ว่า แค่ตอนนี้ยังปลดล็อกสกิลไม่สำเร็จ 5555 มันอยู่ที่วัยจริง ๆ ว่ะ 55555
จะว่าไปเรื่องทำนองนี้กูก็ยังปลดล็อกไม่ได้จริง ๆ แฮะ เคยอ่านเจอเรื่องที่พ่อเป็นคนเหี้ยแบบเหี้ยสุดตีนมาก แต่เสือกเป็นพ่อที่ดีกับลูก อิลูกรู้ทั้งรู้ว่าพ่อแม่งเหี้ยแต่ก็ยังรักยังปกป้อง กูไม่เข้าใจละไม่อินจนพาลไม่ชอบนางไปเลย คงเพราะกุชอบเทคไซด์เหยื่อ by default มั้ง ลองคิดว่าถ้าเป็นพ่อแม่กูก็คงผิดหวังมาก ๆ เหมือนกัน ไม่สนว่าดีกับกูแค่ไหนแต่ถ้าทำร้ายคนบริสุทธิ์ (โดยเฉพาะคนที่กุรัก อย่างประเด็นถ้าพ่อนอกใจแม่ กุรักแม่กุยิ่งเกลียดพ่อว่ะ ต่อให้ดีกับกูก้เหอะ) ยังไงกูก็ไม่อยากญาติดีด้วยอะ ดูคุณธรรมสูงเนอะ TT แม่งคิดไปคิดมากุดูเป็น typical เด็กหัวรุนแรงมองทุกอย่างแค่ขาวกับดำอย่างที่พรี่ ๆ ชอบว่าเลย เด็กสมัยนี้นะ 5555555
ในเอกมีคนแซะรีดที่ลอยตัวเหนือปัญหาว่าไม่ต่างกะไรท์ที่ขายนิยายโหนสมรสเท่าเทียม มันไปเหมือนกันได้ไงวะ เงินก็เงินเค้า สไตล์การอ่านจะซื้อไม่ซื้อก็เรื่องส่วนตัว รีดงานแปลนี่ทักษแห่งสายงานเขียนเหรอ คิดอะไรไม่ออกด่ารีดไว้ก่อนโดยเฉพาะพวกรีดอ่านงานแปล
>>744 รีดอ่านงานแปลถ้าเจอนข.ที่เขียนจริตได้เท่างานแปลที่ตัวเองอ่าน กูก็ไม่เห็นใครจะมากีดกันไม่เอางานนข.ไทยแล้วนะ แต่นข.ไทยที่เขียนได้จริตแบบงานแปลแม่งหายากอ่ะดิ จะไปหาที่ไหน มีใครกล้ารวบรวมเทรดมั้ยละว่านี่นะค้านิยายไทยที่กลิ่นอายเหมือนนิยายแปลค่า ใครปกติซื้อแปลแต่อยากลองสนับสนุนไทยบ้างมาดูทางนี้ได้ ช่วงนี้ยิ่งดันกระแสชาตินิยมกันอยู่ จะได้มั้ยละ 5555555
พอมีรีวิวว่า”มีกลิ่นอายคล้าย…”มันตีความเป็นหาว่าลอกหรือก็อปทุกทีเลยว่ะ นข.ก็ไม่พอใจกันอีก
>>746 ดีนะ จากใจกุที่ขุดหางานจาก webnovel และ meb ไม่เจอ แถมพอจะไปหาตามกรุ๊ป แม่งก็เจอแต่นข.มาแปะงานรัวๆวันละเป็นร้อยๆงาน บางคนแปะซ้ำๆสามรอบต่อวัน จะเบนไปหานักรีวิวแม่งก็เจอแต่จ้างรีวิว คลิปอวยแบบฉาบฉวย บอกตง กุจนใจกะการค้นหามาก กุอยากอ่านเพื่อผ่อนคลาย แต่ก่อนจะผ่อนคลายได้ กุกลับต้องเครียดก่อนไปสามวันเพื่อคุ้ยหางานที่กุจะอ่านได้ มึงว่าสภาพนี้กุมีทางออกที่ดีกว่านี้มั่งมั้ย คือกุเป็นอ่านพวกทอปชาร์ทไม่รอดดดด แน่นอนว่าถ้าอยากแดกด่วน กุก็ต้องพุ่งไปที่งานแปลที่เป็นเล่มก่อนเลยฮะ
กูมีปัญหากับการตั้งชื่อเป็นภาษาไทยจังว่ะ
ชื่ออังกฤษนี่คิดง่ายๆ นะ บางทีคือแค่สื่อไปถึงตัวเอกเลย ยกตัวอย่างง่านเช่น Banished CEO งี้ พล็อตก็ทำนองลูกชายประธานบริษัทโดนเนรเทศไปขยายกิจการบ้านนอกงี้
พอมาเป็นชื่อไทยกูล่ะคิดไม่ออกเลยว่าจะเอายังไง
KY เคยอ่านนิยายที่ไม่มีบทเพื่อนพระ/นางบ้างมั้ย กุเขียนมาหลายเรื่องละแอบกลัวนักอ่านเบื่อคาร์ซ้ำ ๆ แต่ถ้าไม่มีตัวโจ๊ก/สายชง เรื่องมันจะจืดไปปะวะ ยังไงดี
ว่าไปกูแว่บไปดูวงการนักวาดมี มักมีคติย้ำกันก็คือวาดไปหลายปี ต่อให้ไม่มีใครชมซักวันก็จะมีคนเห็นงาน
พอหันมามองทางวงการนักเขียนแล้วก็แอบสงสัย ถ้าเขียนต่อเนื่องไปหลายๆ ปี ทั้งที่ไม่มีใครอ่านมันจะมีโอกาสแบบนั้นบ้างเปล่าวะ ถถถถถ
>>755 ถ้าเอาตรงๆก็ยากนะ
สำหรับมือใหม่ วาดรูป 1 รูป ใช้เวลาอย่างมากสุดๆเลยก็ 1 เดือน มันมีผลงานออกมาให้คนมีโอกาสได้เห็น
แต่เขียนนิยาย 1 เรื่องสำหรับมือใหม่มันใช้เวลามากกว่านั้นนะ บางทีครึ่งปีหรือนานกว่านั้นด้วยซ้ำ จะต้องใช้เวลากี่ปีกว่าคนจะมาเห็น แล้วระหว่างนั้นเอาอะไรกินอะ
>>755 ผลงานวาดมันเห็นพัฒนาการชัดเจนด้วย สวยไม่สวยดูออกทันที แต่งานเขียนมันดูพัฒนาการสำนวน/ภาษา/พล็อตยากกว่า แถมงานเขียนถ้าไม่ใช่สไตล์ที่นักอ่านคนนั้นจะชอบก็คงไม่เสียเวลามาลองอ่าน ต้องใช้เวลาในการอ่านกว่าจะรู้ว่าเราชอบงานไหม ผิดกับงานวาดที่เห็นรูปแล้วตัดสินได้ทันที ถ้างานวาดมึงวาดรูปวิวแล้วสวย คนก็ชม เปลี่ยนไปวาดรูปคนแล้วสวย คนกลุ่มเดิมก็ยังชม แต่งานเขียนถ้าพล็อตไม่ตรงเทสต์กับนักอ่าน ต่อให้หมวดเดิมเขาก็ไม่อ่านแล้วยกเว้นเขาเป็นแฟนคลับที่ตามทุกเล่ม
ทำไมชอบเอาตัวเองไปเทียบกะคนอื่นกันจังวะ นักวาดวาดไม่สวยคนก็เลื่อนผ่านไม่ชอบไม่ตามเหมือนกันนะแหละ ทำไมต้องมาแต่แต่คนอื่นก็เห็นไปแล้วไม่เหมือนนักเขียน เทียบไปแล้วคนจะมาอ่านงานมึงมากไหมก็ไม่ คนจะมาสงสารมึงมากไหมก็ไม่
>>755 ต่อให้นว.ถ้ามึงวาดไม่ตรงตามแนวตลาดใครก็ไม่เห็นงานมึงเหมือนกันน คนวาดโคตรสวยไม่มีใครแลเพราะมันไปกระตุ้นต่อมอะไรในใจคนไม่ได้มีเยอะแยะ รูปโป๊ๆฝีมือธรรมดาได้ยอดมากกว่ารูปสวยๆโชว์สกิลเดือดๆมีเยอะแยะ ไอ้ที่นว.เขาพูดๆกันมันก็การสะกดจิตตัวเองให้ทำต่อไปไม่งั้นก็จะทิ้งไปทำอย่างอื่นก่อน ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันหรอกว่าวันนึงจะมีใครมาเห็น
นข.เสียเปรียบกว่านว.อย่างที่ >>756 ว่า มึงนั่งเขียนเรื่องเดียวที่ไม่ใช่แนวตลาด อีกหลายปีอาจจะมีคนมาสะดุดเจอก็เป็นไปได้ แต่ระหว่างหลายปีนั้นมึงไม่ได้กระจายผลงานเลย มึงนั่งเขียนสิ่งเดิมๆสิ่งเดียวที่มันไม่มีคนสนใจอยู่แล้ว คนก็ไม่เห็นหรอกว่ามึงเขียน 1 ตอนนี้ๆได้ว้าวแค่ไหน
ละนิยายมันต้องอ่านตั้งแต่ตอนแรกเกิดมึงเขียนตอนแรกได้ไม่ดึงดูดแม่งก็ดับแล้ว แต่นว.วาดเสร็จทีละรูปมึงก็ไม่ต้องตามเสพตั้งแต่รูปแรกนี่หว่า พัฒนาการของงานวาดกับงานเขียนต่างกันโดยสิ้นเชิง
ชาวเอ้กดูสิ้นหวังกับวงการหนังสือละเกิน กูที่หมดไฟเป็นปี พยายามกลับมาเขียนเจือกหมดไฟหนักเลย กูขายแต่อีบุ๊ก วงการอ่านออนไลน์ยังพอไปได้มั้ย
Kyเพื่อนโม่งเล่มก่อนกูตรวจเองแต่อยากจะลองจ้างพิสูจน์อักษร ปกติพิสูจน์อักษรเขาจะแก้ในไฟล์ให้เลย หรือวงแดงมาให้เราแก้เองเหรอ
>>761 กูไม่อยากทำตัวเป็นสลิ่มที่บอกว่า ใครจะเป็นนายกเราก็ต้องทำงานอยู่ดี นะ แต่ ถ้ามึงอยากเขียนมึงก็เขียนเถอะ ถ้ามึงกังวลตามชาวเอ้กทุกเรื่อง ทุกอย่างมันก็สิ้นหวังหมด เพราะพวกนี้มันสิ้นหวังทุกประเด็น เขียนหนังสือก็ถึงจุดจบ ไลน์แมนแกร๊บนายทุนกดขี่ ขายข้าวเสเว่นกดขี่ ทุกอย่างมีตัวร้ายในสายตาชาวทวิต
กูไม่ได้บอกว่า ห้ามสิ้นหวัง
มึงสิ้นหวังได้กังวลได้
แต่ถ้า มึง จะทำอะไรก็ทำลงไปเถอะ จะหาอ่านข่าวความซบเซาของสังคมมันมีทุกอาชีพแหละ ถ้าอ่านแล้วไม่ทำอะไรเลยสักอย่าง เพราะกลัว หมดไฟ มึงจะ นอนอดตายหรอวะ
สังคมมันมีปัญหา ทุกคนรับรู้ แต่ถ้ามึงอยากเขียน สังคมจะมีปัญหามาก หรือน้อย มึงก็ต้องเขียนอยู่ดี
>>761 ถามว่าไปได้ไม่ได้ คือมึงยังอยากเขียนมึงก็ต้องลอง อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องขายอะไรมากมาย ลงรายตอนดูกระแสไปก่อนค่อยลงทุนกับการขายก็ได้
ในเมื่อมึงรู้แล้วว่าวงการตอนนี้อยู่ยากขึ้นในการจะกลับมาเขียนมึงเข้ามาตอนนี้อาจจะมีคนเจ๊งบ้างถอนตัวบ้าง แต่ถ้ามึงยังยืนอยู่ท่ามกลางคนที่ล้ม นักอ่านเบื่อๆเห็นเรื่องเก่าๆไม่อัปเดต นข.หน้าเก่าเทเงียบๆ นข.บ่นมากขอกำลังใจอยู่นั่น กว่าจะอัปทีรอนข.พี่ท่านรวบรวมกำลังใจเป็นเดือนๆ คนก็อาจจะเข้ามาให้โอกาสงานมึงได้ถ้ามันไม่นอกกระแสจนเกินไป
ไม่ใช่อะไรคิดว่านข.คนอื่นเป็นคู่แข่งในตลาด วันที่คู่แข่งในตลาดถอนตัว เป็นมึงที่ยังอยู่อย่างแข็งแกร่งนะที่จะได้เปรียบ แต่งานมึงต้องดี ต้องเข้าไปอยู่ในใจนักอ่านได้จริงๆนะ ทำไม่ได้มึงก็คือคนที่โดดเข้ามาจังหวะไม่ดีแล้วเจ๊งนั่นแหละไม่ต่าง
>>766 กูไม่ใช่ >>761 นะ
แต่ปัญหาที่กูเผชิญตอนนี้คือกูพยายามจะไม่ล้ม แต่ก็ไม่มีใครเห็นหัวอยู่ดีว่ะ
กูอัพตอนใหม่ทุกวันก็ไม่ช่วย ปล่อยฟรีคนอ่านก็ยังมีแค่หยิบมือ ทำตามคำแนะนำมืออาชีพทั้งหลายแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จนทุกวันนี้ได้แต่เดาสาเหตุกันไปเรื่อย ท้ายที่สุดก็คือกูหมดไฟไม่อยากจะเขียนต่อแล้วเป็นที่เรียบร้อยนี่ล่ะ หมดที่สต๊อกเอาไว้ก็คงหมดละ
ตอนนี้กูพยายามนั่งคิดนอนคิดพล๊อตเรื่องใหม่มาจะเดือนละ แม่งก็ยังคิดไม่ออก คือหมดไฟจริงจังเลย ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไรถึงจะกลับมาเขียนต่อได้ คราวก่อนกูหยุดเขียนไปราวๆ 6-7 ปีอะ ถึงจะได้ฤกษ์กลับมาเขียนอีกครั้ง
>>767 ว่ากันขนาดนี้แล้วกุก็ขอแนะนำเลยว่า บางทีถ้าทางเส้นนึงมันมาถึงทางตันแล้ว มึงจะหันกลับไปเลือกทางเส้นอื่นก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายว่ะ
ถ้ามึงอยากได้ถ้วย แต่มึงพยายามมาขนาดนี้แล้ว ทุ่มจนหมดวิญญาณแล้ว มันไม่ได้อย่างที่มึงต้องการก็ถอยเถอะ ยังมีทางเส้นอื่นที่มึงสามารถเดินไปล่าถ้วยของมึงได้
งานศิลปะอ่ะมึง บางคนต้องรอตายไปเป็นสิบๆปี ถ้วยที่ฝันถึงจะมา แต่ก็แม่งไม่ได้อยู่รับรู้แล้ว กุก็ไม่รู้ว่าแบบนี้เรียกประสบความสำเร็จได้หรือเปล่า
>>769 เพิ่มอีกนิด ว่ากุไม่ได้ทับถมให้มึงเลิก ถ้ามึงอยากจะไปต่อ ทางเดียวที่มีคือเห็นมันเป็นงานอดิเรก หาความสนุกกับการสร้างงานอ่ะ ถ้ามึงตัดใจจากลาภยศสรรเสริญ (ชื่อเสียง เสียงอวย เงิน) ไม่ได้ ลูบนี้จะคงอยู่ถาวร และต่อให้เกิดมีปังขึ้นมาสักรอบ ก็ไม่แน่ว่ารอบต่อไปจะไม่กลับสู่จุดเดิมนะ สงครามความรู้สึกนี้แม่งไม่มีวันจบหรอก
ถ้าเขียนแนวสืบสวนแบบจบในตอนที่บางทีคนร้ายก็ไม่ได้รับผลกรรมอะไรเพราะหลักฐานไม่เพียงพอไรงี้ แต่ตัวเอกที่เป็นนักสืบก็ไม่ได้ไล่บี้ หรือบางทีสืบได้แต่ก็ปล่อยคนร้ายไปเพราะไอ้คนตายสมควรตายจริงๆ นักอ่านจะขัดใจป่ะวะ ตัวเอกกูไม่ใช่ผู้ผดุงความยุติธรรมหรือมีศีลธรรมสูงส่งอะไรอยู่แล้ว เหมือนสืบเพราะน่าสนใจ ลับสมอง พอเรื่องคลี่คลายจะเป็นยังไงต่อก็ไม่สนใจละ หรืออาจจะมีเล่าต่ออีกประมาณว่าคนร้ายก็ไปใช้ชีวิตแบบนี้ๆๆๆๆ ไรงี้ บางคนอาจจะรู้สึกผิดก็ไปมอบตัวเอง ตัวเอกกูไม่ได้มีหน้าที่แจ้งจับหรือคลี่คลายคดีต่อหน้าตำรวจเยอะๆเหมือนโคนันน่ะ
>>768 กูเองล่ะ แต่พอลองอ่านแนวผัวโบ้แล้ว กูว่ากูไม่มีปัญญาเขียนแนวนั้นแน่ๆ ตอนนี้ว่าจะลองแนวอื่นดูบ้างแล้วเขียนให้มันเล่มเดียวจบดูแล้วถ้าไปได้ค่อยต่อยอด ไม่ใช่เขียนสต๊อกหลายๆ เล่มแบบก่อนหน้า ...แต่อย่างที่บอกไปอะคิดพล๊อตใหม่ยังไม่ออกเลย ถถถถถ
>>770 เคสกูเดิมทีก็ทำเป็นงานอดิเรกนั่นล่ะ แต่เข้าใจว่าพอใส่จิตวิญญาณเข้าไปเยอะเกินจนอินกับงานแล้วมันออกมาแป๊กก็รู้สึกเฟลเป็นธรรมดา อีกอย่างคือกูใช้เวลาที่หยุดไปหลายปีมาหัดเขียน + ศึกษาตลาด จนมั่นใจมากกว่ากูเขียนดีกว่าเรื่องเก่ามาก สำนวนได้ เนื้อหาแน่น และมีตลาดรองรับ แต่พอยอดมันน้อยกว่าเรื่องเก่าที่เขียนเขี่ยๆ ตามกระแส มันก็ชวนให้รู้สึกแย่นั่นล่ะ
เอาจริงตอนนี้กูก็ปลงกับเรื่องเก่าเรียบร้อยแล้วล่ะ หันกลับมาดูงานอีกรอบแล้วพบความผิดพลาดเยอะเหมือนกันเลยรู้สึกว่าสมควรถอยแล้วล่ะ
แต่ไอ้การหมดไฟไม่มีอารมณ์เขียน + คิดพล๊อตเนี่ยล่ะ กูไม่รู้จะรับมือยังไงกับมันดี นอกจากปล่อยจอยให้เวลามันเลียแผลไปเท่านั้น
มึงกูอยากมาถามความเห็นดูว่าตัวละครประมาณนี้มึงจัดอยู่ในหมวดหมู่ไหน พอดีมีคนอ่านมาเรียกนางว่านางร้ายแล้วกูรู้สึกว่าไม่ใช่ นิยายมันแนวโบราณนะ มีหลายเมีย ตัวละครนี้เป็นเมียหลวง ตัวเอกเป็นเมียน้อย เมียหลวงกับพระเอกไม่ได้รักกันเลย นางไม่เคยไปหาเรื่องตบตีอะไรกับเมียน้อยเพราะรู้ว่าพระเอกยังไงก็เขี่ยตัวเองทิ้งไม่ได้ไม่งั้นตายหมู่ ถ้าจะแย่งชิงความรักอะไรก็แย่งไปนางไม่ยุ่ง แต่ถ้ามาแย่งอำนาจนางเอาถึงตาย นางช่วยตัวเอกไว้หลายทีเพราะมีประโยชน์ แต่ก็ทำตัวเอกปางตายหลายทีเพื่อประโยชน์ตัวเองเหมือนกัน ตอนจบคือมีแค่นางนั่นแหละที่สมหวังได้ตามต้องการทุกอย่าง ตัวเอกกับพระเอกคือก็มีความสุขไหมก็สุขอต่ไม่ได้จามความตั้งใจ100%
ส่วนตัวกูมองนางเป็นลาสบอส
>>771 ในมุมกู สิ่งที่มองหาจากการอ่านแนวสืบสวนคือความสมเหตุสมผลว่ะ พวกทริค ตอนคลี่คลายคดี การเรียงลำดับขั้นตอน สำคัญที่พวกนี้ สุดท้ายถ้าคนร้ายจะลอดตาข่ายกฎหมายไปได้เพราะเหตุผลที่ฟังขึ้น กูก็ไม่ติดอะไร คนที่อ่านแนวนี้ไม่น่าจะมายึดติดกับพวกกฎแห่งกรรมมากมายหรอก ถ้าเหตุผลมันได้ มึงไปใส่ใจกับตอนเขียนไขคดีเหอะ แล้วก็ถ้ากังวลว่ามันห้วนไปก็เล่าต่ออีกหน่อยตามที่ว่าก็ได้
>>778 คือเรื่องความสมเหตุสมผลมันต้องมีอยู่แล้วอะ ซึ่งกุคิดว่าเป็นมาตรฐานของงานสืบสวน ยกตยมนุษย์กบนะ อันนั้นก็ลอยตัวไม่โดนคดี แต่คนเขียนยังตั้งใจทิ้งท้ายเพื่อให้นักอ่านสะใจอะ เห็นรีวิว/คอมเม้นท์ในหลายเพจว่าถ้าไม่ทิังท้ายตรงนั้นเล่มนี้คงค่อนข้างเฉยๆเยอะ
คือถ้าเขียนให้หลักฐานไม่แน่นพอ ก็ต้องเขียนตัวร้ายฉลาดด้วยอะ เป็น mastermind เช่น Curtain ของปัวโรต์ เพราะไม่งั้นนึกภาพไม่ออกว่าถ้าไม่ฉลาด คดีจะหลักฐานไม่พอได้ยังไง ยกเว้นรวย ยัดตังตำรวจตรงๆ
ทั้งนี้นักอ่านมีหลายแนวจริง
>>771 กูชอบนะ5555 ยิ่งมึงบอกจบในตอนกูยิ่งชอบอะ คือบางทีมันก็เวย์นี้แหละ ความสนุกจะไปตกอยู่ที่ตัวเอกปะนะ กูอ่านแค่นี้กูก็แอบอยากรู้นะว่าคนไม่สนโลก สืบเอามันส์อย่างตัวเอก จะปล่อยผ่านคนร้ายไม่ให้ถูกรับกรรมไปได้สักกี่คน อย่างที่โม่งบนๆบอกว่าถ้ามึงไม่ได้เขียนให้ตัวร้ายน่าเชียร์ หรือมีเหตุผลเพียงพอที่จะไม่อยากให้เข้าคุก (คนตายคือคนที่เคยข่มขืน จนเหยื่อมาวางแผนฆ่าไรงี้) ก็อาจไปขายคาร์ตัวเอกที่ทำตัวไม่สนใจจะเอาใครเข้าคุก มันจะทนไปได้สักกี่น้ำถ้าเกิดวันนึงคนที่ปล่อยไปดันมาทำร้ายตัวเอง หรือก่อคดีอีก จนมันเริ่มคิดว่าหรือกูควรจะเริ่มจริงจังกับความสามารถนี้ได้แล้ว555 คนที่ชอบตอนจบแบบนี้ก็มีอยู่นะ แค่ต้องมีปัจจัยให้คนอ่านรับได้เท่านั้นเอง
กูสับสนระหว่างน้องสะใภ้กับน้องเมียแฮะ
ถ้าในเคสตัวละครเป็นน้องสาวของฝ่ายหญิงนี่เขาเรียกว่าอะไรกันวะ?
แล้วโม่งคิดไงถ้าฝ่ายคนน้องยังเด็กมาก เลยต้องมาอยู่ร่วมกับบ้านของพี่
KY เพื่อนโม่งว่าคนเพิ่งเคยรู้จักกัน ใช้เวลานานแค่ไหนถึงรักกันคบกันเป็นแฟนได้ ขอขั้นต่ำสุดที่ดูโอเค ไม่เร็วไปไม่ช้าเกิน ครึ่งปีนี่เร็วไปมั้ย เคยเห็นคนบอก talking stage คุยเป็นปีไม่ได้คบสักทีนี่จะคุยอะไรอีก ถ้าคนมันคลิกแป๊บเดียวก็คบแล้ว มึงว่าจริงไหม 55555
อยากเขียนแนวแฟนตาซีแต่อยู่ในยุคปัจจุบันหรือใกล้เคียงว่ะ แต่กูจะหาข้ออ้างยังไงให้มันมีเผ่าพันธุ์ต่างๆ กับใช้ดาบ+เวทมนต์กันมากกว่าปืนดีวะ
อย่างแฮรรี่นี่คือไม่กล่าวถึงปืนเลย ใช้เวทมนต์สั่งตายอย่างเดียว
ตอนนั้นใครมีปัญหากับชื่อเรื่องนะ ลองเอาให้ chat gpt ช่วยได้นะมึง (แต่หลายๆคนแอนตี้การใช้ ai ช่วยตั้งชื่อมั้ย อันนี้กูไม่ทราบ ผิดถูกอย่างไรชี้แนะได้) คือกูกำลังเตรียมชื่อเรื่องไปจัดไทโป กังวลพอดีว่าชื่ออิ๊งในนิยายมันถูกแกรมม่าป่าว ลองเอาไปเช็กๆละมันพูดดีแบบอวยชิบหายว่าใช้ได้ มีความเป็นบทกลอนและเหมาะกับนิยายมาก5555 เห้ย ก็ใช้ได้อยู่นะ ใครไม่มีเพื่อนได้อิ๊งหรือไม่รู้จะไปถามใครลองถามมันดู แต่มันจะเอาข้อมูลเราไปให้คนอื่นต่อ แล้วเจอคนใช้ชื่อนิยายซ้ำมั้ย อันนี้กูไม่รู้จริงๆ แต่ถ้าให้ช่วยเช็กก็ได้อยู่
>>786 ต่อนิดนึง ส่วนไอ้ที่ผิดแกรมม่าแบบผิดมากๆๆๆ จนกูอาย แต่ทำเล่มกะจัดไทโปไปหลายปีละ5555 มันก็พูดดีนะ บอกว่าความจริง in standard English grammar มึงควรใช้แบบนี้มากกว่าเด้อ แต่มันก็ปลอบใจเราช่วงท้ายๆว่าแต่ถ้าอยากใช้ก็เอาเลย ปกติชื่อนิยายมันก็ประมาณนี้ กลอนๆ เน้นเข้าปาก มีเอกลักษณ์ beyond strict grammatical rules มันพูดดีว่ะ555
>>788 อวยไส้แตกจริง555 ของไทยกูเคยเห็นพอดแคสต์ช่องนึงไปขอให้ตั้งชื่อให้ แล้วออกมาดีใช้ได้เลย ไม่รู้เหมือนกันว่าไปเกริ่นไปถามอะไรไว้ถึงออกมาได้ผลลัพธ์ดี แต่กับนิยายน่าจะยังไม่เวิร์คแน่ๆ
>>789 ได้ๆ มึงเตือนกูเหมือนเพื่อนที่พยายามบอกว่าอย่าไปหลงหนุ่มฝรั่งสแกมเมอร์ในทินเดอร์เลย555 กูใช้ตรวจภาษาปะกิดเฉยๆเพราะนี่คือสิ่งที่กูอ่อนสุดละ (และมันน่าจะเก่งด้วย) ให้คิดพล็อตกับอุดรอยรั่วพล็อตยากๆนี่ไม่ทำ เพราะเคยเห็นคนหาข้อมูลเรื่องหุ้นตัวไหนน่าลงทุนสุด จัดอันดับมา แล้วมีคนเตือนว่าอย่าไปเชื่อมาก มันเอาคำพูดที่นักลงทุนคอยอวยกับคาดการณ์ตามเน็ตมาผสมด้วย
ky ขอถามหน่อยดิ พึ่งลองดูตลาดชญครั้งแรก กูงงๆ กับหมวดนิยายมาก นิยายรักกับนิยายโรแมนซ์ต่างกันยังไงวะ พอเข้านิยายรักก็ดูไม่ต่างกับหมวดโรแมนซ์เท่าไร ไม่รู้จะปัดนิยายไว้หมวดไหนดี
ถ้าเราให้นางเอกฆ่าล้างมนุษยชาติ(ที่ไม่ชอบนางเห็นนางเป็นศัตรูและเคยพยายามฆ่านางกับผัว) ไปสัก80% เพื่อแลกกับชีวิตของผัวสุดที่รัก สุดท้ายตอนจบนางก็ไม่ตายด้วยนะ ไม่ได้รับการลงโทษใดๆ แค่เศร้าบ้าง
รี้ดจะรักนางหรือเกลียดนาง? แล้วไรท์จะโดนทัวลงไหม?
>>793 ก้แล้วแต่ว่าที่ผ่านมาทำให้คนอินกับคาร์ได้แค่ไหน สมมติมึงเขียนให้คนทั้งโลกสารเลวมาก ๆ เขียนให้นางเอกมึงน่าสงสารสุด ๆ ก็คงมีคนเชียร์ แต่ใด ๆ ประเด็นละเอียดอ่อนเล่นกับศีลธรรมในใจพวกนี้มันแล้วแต่มุมคน ถามสิบคนก็คงตอบไม่เหมือนกัน มึงลองไปอ่านคห.ตูนญป.เรื่องไททันดิ เสียงแตกจัด ๆ มีทั้งคนชอบและเกลียด โดนทัวร์แล้วไง นข.กลายเป็น GOAT ไปแล้ว 555555
>>794 สกาย สกาย ก็ไม่ขนาดนั้นครับต่างชาติเขาไม่ได้อคติกับเรื่องที่เป็นLGBTQ ถึงประเทศตัวเองจะไม่ค่อยยอมรับหรือไม่อิน แค่ประเทศอื่นเขาไม่ได้สนเรื่องเพศกันแล้ว จะเป็นชญ. หรือญญ. มันไม่เกี่ยวครับ ชญ. ไม่ได้ทำให้อินเสมอไป ผมพูดในมุมที่หลากหลายเดี๋ยวนี้ต่างประเทศเขาก็มีภาพยนตร์ ชช. ญญ. ออกจะเยอะเขาไม่อคติ ถ้าไม่ใช่ทางก็ไม่ต้องดูแค่นั้นครับ เพราะภาพยนตร์เขาไม่ได้จำกัดแค่เพศ ชญ. ในการเป็นตัวหลักของเรื่องเสมอไป
กูกังวลเกี่ยวกับต่อมความสนุกของตัวเองว่ะ รู้สึกว่ากูรู้สึกสนุกอะไรกับสิ่งที่ไม่เหมือนชาวบ้านส่วนมาก
ถ้าเป็นแบบนี้ กูไม่มั่นใจเลยว่าเขียนออกมาแล้วตัวเองรู้สึกสนุกแต่คนอ่านจะมองว่าน่าเบื่อรึเปล่า
เอาง่ายๆ เลยกูสนุกกับเรื่องที่คุยกัน + ใช้ความคิดหาทางแก้ปัญหา แต่พอลองคุยกับเพื่อนแล้วหลายคนบอกว่าชอบแบบถอดสมองไม่ต้องใช้ความคิดซะงั้น ซึ่งนั่นก็เป็นคนละแนวกับที่กูรู้สึกสนุกเลยเนี่ยสิ
นิยายมีเหตุการณ์พยายามข่มขืน แต่ไม่สำเร็จและยังแทบไม่ได้ทำอะไร ได้แค่หอมแก้มทีเดียวก็มีคนมาขวางแล้ว ซีเรียสว่าต้องติดคำเตือน attemped rape มั้ยวะ
ไม่ใช่ไรกุลืมคิดไป เพิ่งนึกได้ว่าน่าจะติดแล้วกลัวคนอ่านด่า = =
ky ถามสายชอบนอ.หวานๆ ได้มั้ยว่ามันต้องประมาณไหนถึงจะเรียกว่าหวานนุ่ม กำลังดี กูกำลังเขียนสาวหวานสายเย็บผ้า ถักโครเชต์ พูดคะขา แสนดี เรียกแทนตัวเองด้วยชื่อ อายุห่างจากพอ. 10ปี แต่เวลาโดนพี่ที่ทำงานโยนงานใส่เพื่อหลอกใช้ความแสนดี ก็ปกป้องตัวเองเป็น ผช.มาจีบแต่ไม่ชอบนางก็บอกปัดแบบสุภาพได้หมด ไม่ลำบากให้พอ.มาถลึงตาใส่ เลิฟซีนโดนพอ.แกล้งตลอด ขยันหน้าแดงสุด ได้มาแสนคำละ ใกล้จบ เลยอยากรู้ว่าแบบนี้เรียกหวานป่าววะ กูจะได้โปรโมทเรียกแขกได้ว่านางเอกกูหวานนุ่ม แต่ถ้าแบบนี้ยังไม่เรียกหวาน กูจะได้ลบคำนี้ทิ้งไปตอนขายงาน เหลือแค่แสนดีแทน5555
>>800 ติดเถอะมึงอะไรที่เราคิดว่าเล็กๆน้อยๆเจอคนรักการอ่านแต่ใจโคตรบางเซนสิทีฟในบางประเด็นขึ้นมาคือเรื่องใหญ่
เช่นคนรู้จักกู รักผลงานนข.คนนึงมาก แต่เขามีซีนชวนขยะแขยงติดมานิดเดียวซึ่งเป็นปมในใจนางเอกแต่ลืมติดTW คนอ่านร้อยกว่าไม่มีใครคิดว่าสำคัญหรือเมนชั่นถึงประเด็นนี้แต่คนนี้นอยเว่อร์ ประกาศเลิกอ่านงานนข. เก็บเรื่องเก่าๆเข้าคลาวด์แบบอย่าพบอย่าเจอกันอีก ทำร้ายจิตใจสูงสุด ขนาดนั้นเลยมึง จนกูล่ะสงสารนข.เลย
ดังนั้นมึงครอบคลุมประเด็นแรงๆชวนขยะแขยงกันคนใจบางไว้ก่อนจะได้ไม่รู้สึกผิด เรปคือหนึ่งในนั้น
สงสัยแฮะผู้อ่านรับเรื่อง FWB กันได้ขนาดไหนวะ
ประมาณว่าสองตัวละครโสดมีเยเย่กันบ่อยๆ เดือนละ 2-3 ครั้ง แต่ขีดเส้นชัดว่าไม่เอาทำผัว/เมียแน่ ขอหยุดแค่เพื่อน ทำแบบนี้กันจนกระทั่งต่างฝ่ายต่างเจอคนที่ใช่ของตัวเองอะ
กูอยากเขียน age gap เซ็ตติ้งแนวๆท่านดยุคคุณหนู พระเอกเคยรับเลี้ยงนางเอกมาก่อนช่วงสั้นๆแบบตอนนางเอกยังเด็ก(คิดอายุไว้น่าจะราวๆ 8-9 ขวบ) ฟีลลูกเพื่อนที่เอามาฝากไว้หลบภัยสงครามการเมืองไรงี้ เลี้ยงไปได้ซักระยะประมาณครึ่งปีหรือปีนึง เรื่องจบแล้วพ่อแม่เขาก็มาเอากลับไป ระหว่างนั้นก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากมาย ส่วนใหญ่พระเอกก็ให้เมดดูแล มีกินข้าวด้วยกันบ้างตอนเย็น ตัวเองก็หาเพื่อนเล่นให้เด็กมันไปเล่นกันเอง ไม่ได้มานั่งพะเน้าพะนออะไร
ผ่านไปราวๆสิบปี นางเอกกลายมาเป็นคู่หมั้นทางการเมืองให้พระเอกที่ยังไม่ยอมแต่งงานซักที อีคิงเลยจับแต่งเลยเพื่อจะได้มาเป็นฐานเสริมอำนาจให้ฮี ใส่ปลอกคอไปในตัว นางเอกก็เต็มใจแต่งด้วย อาจจะเพราะสถานะที่นางก็รู้ว่าซักวันต้องแต่งการเมืองกับซักตระกูล พอรู้ว่าเป็นพระเอกที่ต้องแต่งด้วยนางก็ตกลงทันที เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นยังไง ดีกว่าไปแต่งกับตระกูลอื่นที่นางไม่รู้จัก แต่งเข้าบ้านพระเอกสบายใจกว่า แต่กูก็มาคิดๆดูว่าพระเอกมันจะโดนด่าเรื่องกรูมมิ่งเลี้ยงมาเป็นเมียอะไรมั้ย ไอ้ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันแม่งไม่ได้สนิทชิดเชื้อไรกันเลย มาทำความรู้จักใหม่ตอนโตหมด
อยู่ที่ว่าเขียนยังไงแหละ ถ้าเขียนไม่โรแมนติกในช่วงแรก(เด็ก)ห็คฃไม่เป็นไร
แต่มันคงไม่มีใครมาฉอดหรอกมั่ง เห็นเขาชอบจับผิดนิยาย ชช มากกว่า
Ky ถ้าตัวละครจะด่าว่า ไ อ้-สัด ,สัด-เอ๊ย ควร ใช้”สัส” หรือ “สัตว์” ดีวะ ใจกูอยากใช้”สัส”
เพื่อนกูขอตามหาข้อมูลหน่อย อยากรู้ว่าพวกขุนนางมันสามารถตกอับทั้งที่มียศได้ป่าววะ แบบเป็นดยุก เป็นเคานต์แต่จนงี้ แต่ก็ยังมียศอยู่
ทีนี้ถ้าเกิดจนได้กูก็สงสัยอีก พวกนี้หน้าที่คือดูแลเขตแดนของตัวเองช้ะ ถ้าจนมันจะดูแลยังไงหว่า พวกคิงควีนไม่ยึดยศคืนหรอ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบ
>>812 มีแต่ยศจนได้ เคยอ่านเรื่องหนึ่ง พ่อพระเอกผลาญตังค์เพราะติดผู้หญิง ติดพนัน พอมาถึงพระเอกแม่งให้ได้แต่ยศ พระเอกจนสัดจนต้องเลือกผู้หญิงรวยมาแต่งงาน เพราะพวกนี้มันไม่ทำงาน ดูแลเก็บภาษีคนในเขตตัวเอง แต่ถ้าบอกไปอีกว่าตอนนี้เขตเก็บภาษีไม่ค่อยได้ เพราะแล้ง เพราะคนย้ายหนี ก็จะเป็นท่านกยุกจนต้๊อกต๋อย
ไม่ทำงาน คือไม่ลงทุนทำธุรกิจอะไร เพราะในเรื่องมันเซ็ทมาว่า คนที่ทำธุรกิจคือพวกพ่อค้า คนละชั้นกัน แล้วทีนี้พ่อนางเอกก็อยากดองกับพวกผู้ดี เลยดีลกันลงตัวไรงี้
>>815 ถ้าจะปลด มีแค่พวกกบฎไรงี้ ส่วนใหญ่ยศมันเป็นยศที่ได้มาแล้วจะส่งต่อสู่ทายาท อ่านโรมานซ์ฝรั่งไม่เคยเจอปลดเพราะจนนะ แล้วพวกนี้คือ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ มันไม่แต่งกับคนธรรมดานะ อย่างน้อยก็ต้องมียศ เอิร์ล เคาท์ไรก็ว่าไป จะแต่งกับนางเอกที่เป็นลูกท่านเอิร์ลที่รวยมาก เพราะมีเหมืองทองในที่ดินก็ได้นะ
>>812 มีเยอะแยะมึง ช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมพวกขุนนางผู้ดีทั้งหลายตกอับกันเยอะแยะ มียศแต่ไม่มีเงิน แต่พวกนี้ยังอยากใช้ชีวิตหรูๆฟู่ฟ่ากันต่อทั้งที่ไม่เคยทำงาน ไม่ทำธุรกิจอะไรเลย แต่ไลฟ์สไตล์ยังฟุ่มเฟือยทั้งที่เจ้าหนี้ตามจิกตลอด ก็เลยมีพล็อตแต่งงานกับเศรษฐีใหม่ที่เป็นพวกชนชั้นกลางชั้นล่างที่ถีบตัวเองจากการทำธุรกิจขึ้นมารวยเท่าขุนนางในสมัยก่อน ถึงจะเหยียดว่ามึงมันชั้นต่ำแต่ก็อยากได้เงิน พวกเศรษฐีใหม่ก็อยากได้ยศ เจอกันครึ่งทางที่จับลูกหลานแต่งงานกัน พล็อตปกติมาก
>>812 มันรวยเพราะขูดรีดดูดทรัพย์จากคนในท้องที่ที่ปกครองนี่แหละ ทีนี้พอยุคปฎิวัติอุตสาหกรรมมา คนไปเป็นแรงงานหมด ไม่ยอมเป็นทาสติดที่ เงินก็ไปโฟลวกับสินค้าอุตสาหกรรม พวกนี้เลยจนลงจนลง แต่ถ้าเป็นยุคก่อนปฎิวัติอุตสาหกรรม ช่วงที่ระบอบศักดินารุ่งเรือง อันนี้นอกจากสงครามกับโรคระบาดแล้วก็นึกไม่ออกว่าจะมีเหตุอะไรให้จนกรอบถึงขีดสุดเหมือนกันนะ
>>818 อันนี้แย้งนิดนึง อีพวกขุนนางส่วนมากมันก็ปรับตัวกันทั้งนั้นแหละ แค่เปลี่ยนจากเจ้าของที่ดินไปเป็นนักลงทุนและผู้ถือหุ้น ถ้าไม่ใช่พวกนี้ได้รับประโยชน์จากการปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วยจะยอมให้แรงงานเข้าสู่โรงงานได้ไง เพราะมันต้องการคนในโรงงานและตลาดที่มีคนมีกำลังพอซื้อเพื่อขายสินค้าเหมือนกัน มันแค่เปลี่ยนไปขูดรีดแรงงานต่อ (สมัยนั้นทำงานวันละ16ชม) ที่จนลงในช่วงหลังๆเพราะลงทุนล้มเหลว บริษัทล้มละลาย แต่ที่รอดมายันปัจจุบันก็มี เช่น Grosvenor Group บริษัทแม่อยู่ukเจ้าของเป็นตระกูลดยุค Howard เจ้าของก็บรรพบุรุษเป็นขุนนาง
>>812 กูมาเสริมให้ ขุนนางคือข้าราชการของอาณาจักร ที่ทำสัญญาว่าจะคอยดูแลอาณาเขตปกครองของตัวเองโดยแลกกับการจ่ายภาษีให้กับอาณาจักร ซึ่งมากน้อยก็แล้วแต่สัญญาที่ระบุเอาไว้ ภาษีที่ว่ามีทั้งเป็นสิ่งของ เป็นเงินทอง บรรณาการ หรือแม้กระทั่งแรงงาน
ยศขุนนางเป็นสิ่งที่ไม่สามารถริบคืนได้ด้วยวิธีปกติ เพราะมันจะทำให้ขุนนางคนอื่นๆ มองคนริบคืนในแง่ร้ายว่าพยายามกำจัดเสี้ยนหนาม ในกรณีที่ถูกริบยศคืนจะมีแค่ทำตัวเป็นปรปักษ์ก่อกบฎชัดเจนเท่านั้น ขนาดพยายามลอบสังหารคนให้ยศยังไม่ผิดพอที่จะขอริบยศคืนได้เลย
แต่การตกอับนี้ขึ้นอยู่กับว่าตกอับในกรณีไหน กรณีถังแตกเงินในคลังหมด หรือว่าตกอับเพราะถูกริดรอนอำนาจ
ที่ปรากฎให้เห็นบ่อยๆ คือมักจะเป็นอย่างแรกคือตระกูลถังแตก ไม่มีเงินไปใช้บริหารบ้านเมืองจนต้องขายข้าวของในบ้านไปเป็นทุน ซึ่งเคสนี้เป็นเรื่องปกติ เพราะขุนนางคือผู้ปกครองพื้นที่ ถ้าบริหารไม่ดีแล้วไม่ได้ผลผลิตกลับมาก็ทำให้ไม่มีเงินไปบริหารได้เช่นกัน
ส่วนอีกเคสคือกรณีที่โดนริดรอนอำนาจ มักเห็นกันในช่วงยุคเปลี่ยนผ่าน เช่นยุคปฏิวัติอุตสหกรรมที่อำนาจขุนนางน้อยลง จะมีพวกที่ปรับตัวเอาเงินทุนไปทำธุรกิจ หรือพวกที่ปรับตัวไม่ได้แล้วยอมสละยศ
ถ้าเป็นนิยายโรมานซ์นี่ ส่วนใหญ่ที่เขาขายดีขายได้ง่ายๆ กัน นอกจากพลอตแล้ว เขาชอบแบบภาษากระชับๆ อ่านง่ายกันด้วยใช่ป่ะ
>>822 เท่าที่กูสังเกตพวกบิ๊กเนม กูว่าสำนวนการเล่าเค้าไม่เหมือนใคร อย่างคนอื่นอาจจะสนุกเพราะพล็อตรวมๆ ทั้งเรื่อง แต่คนพวกนี้จะสนุกแม้แต่การเล่าที่ส่งความน่าสนใจไปแบบย่อหน้าสู่ย่อหน้า แต่ละย่อหน้ามันน่าติดตามต่อไปหมด ยิ่งข้ามจากอีกบทไปอีกบทเค้าจะตรึงคนอ่านไว้ไม่ให้เบื่อ ความเคมีเข้ากันของตัวละคร แบบพระนางเคมีเข้ากันแบบกริบ ประมาณนักแสดงที่ต่อบทกันลื่นไหลเวลาเข้าฉากอะ มึงลองสังเกตพวกป้ายแดง (บางเรื่อง) ดู
>>822 ภาษากระชับจริง แต่มันไม่ได้กระชับแบบไร้อารมณ์อะ พวกท็อปๆที่กูว่าเขียนดีบางคนคือทั้งกระชับ ส่งความรู้สึกได้ในหนึ่งย่อหน้า ไม่ต้องเยิ่นเย้อให้มากความ บางคนเน้นบรรยายเยอะๆไว้ก่อน แต่ถ้ามากไปจะกลายเป็นคำพูดมากมายความหมายเท่าเดียว กว่าจะหลุดจากบทบรรยายมาบทพูดได้ ภาษาจะเนือยไป คนอ่านเหนื่อย เผลอๆลืมละว่าเมื่อกี้ใครพูดว่าอะไรวะ บรรยายเยอะเกิน
บางคนก็กระชับแบบน่าชื่นชมนะ สื่อสารครบจบ แต่ไม่ห้วนสั้นเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่ กูเจอแต่แบบห้วนสั้นเกินจนไม่อินกับอารมณ์ตัวละคร ถ้าหาตรงกลางได้จะเจ๋งเลย
มึงคือกุเขียนเพราะรักไม่ได้ทำเป็นอาชีพ แต่ได้เงินก็ดี เขียนจบไปเรื่องเดียว ที่คิดไว้มีเรื่องในจักรวาล นอกจักรวาลต่ออีกเป็นล้าน ทีนี้สามปีถัดมากุยังเขียนต่อไม่จบซักเรื่อง หงุดหงิดเข้าวนกลับไปอ่านไอ้เรื่องเดียวที่เขียนจบเพื่อจูนตัวเอง แล้วก็เจอคำผิด อ่านเจอย่อหน้านี้แล้วรีไรท์ อยากปรับโครงสร้าง/ลำดับเนื้อเรื่อง บลาๆ ไปหมดเลยว่ะ กุเป็นโอซีดียังวะ
>>826 นี่คิดว่าถ้าคิดจะแก้ มันก็แก้ก็เสริมได้ไม่รู้จบอ่ะ เพราะความคิดมุมมองมันก็จะเป็นไปตามอารมณ์เราขณะนั้นๆด้วย สังเกตดูว่าประโยคเดิมนี่แหละ วันนี้อ่านแล้วดี พรุ่งนี้อยากแก้ อีกสามวันมาอ่านรู้สึกว่าพอไหว หกวันต่อมาอ่านแล้วรู้สึกไม่ใช่สุดๆ เก้าวันกลับมานี่มันก็สอดคล้องกับวรรคก่อนแล้วนี่หว่า สิบห้าวันผ่านไปแม่งอันแรกอ่ะเมพสุดแล้ว อะไรงี้ตลอด
คติกุคือถ้าลงให้คนอ่านแล้วคือจบ กุจะไม่แก้ไรนอกจากคำผิดคำตกเท่านั้น เพราะกุเป็นพวกเขียนจบก่อนค่อยลง และขณะเขียนก็มีทวนหลายรอบแล้ว ดีร้ายไงมันก็คอมพลีตออกสู่สายตาประชาชีไปแล้ว ถ้าพลาดอะไรกุขอเอาไปลงกับเรื่องใหม่ดีกว่า
KY กุจะเขียนประเด็นนึงที่ร้ายแรงมากแบบทำคนอ่านลบออกจากชั้นทันทีได้ แต่จะมาเฉลยทีหลังว่าจริง ๆ กุแค่ mislead ไปงั้น (สมมติประเด็นพระเอกนอกกายไปนอนกับคนอื่นงี้ ถ้ากุเจอกุก็ปิดล่ะ 555) ซึ่งมันจำเป็นกับเนื้อเรื่องแบบแก้ไม่ได้ แต่กุก็กลัวนักอ่านหนี 555555 มึงว่ากุควรสปอยนักอ่านอ้อม ๆ มั้ย ว่ามันอาจไม่ใช่อย่างที่คิสสส ฯลฯ หรือปล่อยไปตามยถากรรม Orz ประเด็นคือถ้าสปอยจะเสียอรรถรสมั้ย มุมกุถ้ากุเป็นนักอ่านกุยอมโดนสปอยดีกว่าเสียอารมณ์ละต้องดรอปดื้อ ๆ น่ะ 5555 แต่ไม่รู้คนอื่นคิดไงกัน กุคือทั้งกลัวไปสปอยเขา ทั้งกลัวนักอ่านหนีเลย 555555555
นานๆจะเข้านกฟ้าที ถ้ากุอยากอ่านคห.ที่คนคุยกันเกี่ยวกับการเขียน ทริค หรือการขายงาน บลาๆ ที่ไม่มีพวกโปรโมทกุต้องไปเกาะแท๊กไหนวะ ไปตรงไหนก็เจอแต่พวกโปรโมทนิยายเป็นพรืดไปหมด
>>831 แล้วแต่มึงนะ แบบไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ แต่สต.กูว่า บอกไปเถอะมึง นักอ่านส่วนใหญ่(นอท ออลลล)อ่านนิยายเพื่อผ่อนคลายต้องการความสบายใจเป็นหลัก สปอยนิดหน่อยให้สบายใจที่จะอ่านตั้งแต่เริ่ม กับ อรรถรสการอ่านที่อ่านไปอย่างระแวงแล้วมาเซอร์ไพรส์รู้ตอนจบ
กูว่าอย่างแรกคนชอบ มีมากกว่า อย่างหลัง
>>831 ใส่คำเตือนเนื้อหากว้างๆไว้ แล้วจากนั้นก็ตามใจมึงเถอะ ว่าอยากหักอารมณ์คนอ่านแค่ไหนยังไง คนที่เขารับไม่ได้เขาก็บายตั้งแต่แรก คนที่เหลือคือคนที่รับได้ ยังไงมึงก็จับคนอ่านทุกกลุ่มไว้ทั้งหมดไม่ได้อยู่แล้ว
ยสตน. สำหรับกูนักอ่านธงแดงนี่เป็นอะไรที่สบายใจในการเขียนให้อ่านกว่ามาก
>>834 เจอแต่แปะฝากนิยาย โฆษณารับรีวิว แจกโดเนทแลกใจ ไถหาที่คุยกันจริงๆแทบไม่เจอเลย ที่เจอก็คุยคนเดียวไม่มีคนตอบหรือตอบแค่สองสามรีว่ะ - -.
กลับมานั่งอ่านนิยายตัวเองเขียนเมื่อราวๆ 10 ปีก่อนแล้วกุมขมับเลยว่ะ
กูเขียนไปได้ไงตอนละ 2 หมื่นคำแต่เนื้อหาไม่เดิน แถมยังนอกเรื่องไปซะเยอะด้วย ถถถถถถถถ
ซึ่งกูกำลังเผชิญเลย พระเอกนางเอกกูคบกันแล้ว ดำเนินเรื่องหวานชื่น แต่กูอยากให้มันมีวิกฤติชีวิตคู่สักหน่อย ช่วยกันแก้ปัญหา แล้วจบ แต่ยังตัน
>>838 เอาเคสที่กูเขียนเลยคือ
ตัวเอกเดินทางเข้าเมืองไปหางาน > เจอเพื่อนเก่ามารับ > พาไปหาเจ้านายระหว่างรอเข้าพบ เจอจิ๊กโก๋มาทะเลาะเลยตบให้หายซ่า > คุยกับเจ้านายเรื่องจ้างงาน
ทั้งหมดที่นับได้คือ 80k คำ ถถถถถถถ แม่งเอ้ย เทียบกับนิยาย 1 เล่มสมัยนี้เลย เมื่อก่อนกูบ้าเขียนไปได้ไงวะเนี่ย
>>843 เอาหลักๆ คือคุยสารทุกข์สุขดิบ พยายามยัด World build เข้ามาจนซะแน่น ปูตัวละครที่ต้องใช้ในอนาคต ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนั้นคือยังไม่เข้าเนื้อหาหลักเลย ทำเอากูอยากย้อนเวลาไปตบกะบาลตัวเองในสมัยนั้นชิบหาย
คือยุคนั้นกูเข้าใจผิดๆ ไงว่าเขียนเยอะ = งานดี เพราะกูเขียนยุคที่ สนพ. ตอนนั้นแม่งรีเควสนิยายหน้าละ 500+ คำ 300+ หน้า ขนาดตัวอักษร 14 ห้ามเคาะเว้นบรรทัดอะไรทำนองนั้น เลยทำให้เข้าใจว่าเขียนยิ่งเยอะยิ่งดี มาตอนนี้หยิบมาอ่านทีกุมขมับเลย
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นนิยายที่กูเขียนตอนเพิ่งเรียนมหาลัยฯ จบ เทียบตอนนี้ก็น่าจะ 12+ ปี
กุชอบปกกราฟฟิค / ปกที่มีความหมายกับเนื้อเรื่องมาก ๆ ไม่ค่อยชอบปกวาดเท่าไหร่ แต่เห็นว่าปกวาดดึงดูดนักอ่านมากกว่าใช่ปะ ทำไมเป็นงั้นวะมึง เห็นตลค.หน้าซ้ำ ๆ ยืนกอดกันเฉย ๆ มันน่ากดเข้าไปดูอะไรหว่า อันนี้สงสัยจริง ไม่ได้กวนตีน 5555
>>845 ตอบจากคนซื้อ ปกตลค.ช่วยกูกรองแนวเรื่อง-คาร์พระนางได้ระดับหนึ่ง กูไม่อ่านรักวัยเรียน เจ้านายกับเลขา มาเฟีย กีฬาทุกแนว ปลูกป่าบ้านนา พีเรียดไทยจีนเทศ นึกภาพทั้งร้านเป็นปกกราฟฟิคหมด กูคงเสียเวลาสกรีนกว่าเดิม ต้องกดเข้าไปอ่านคำโปรยกับตัวอย่าง
สมมติชื่อเรื่อง "รักสุดใจนายสุดจืด" ปกหนุ่มแว่นบนรถแกร็บไบค์ กับปกแกร็บไบค์เฉย ๆ สำหรับกูแบบแรกเข้าใจง่าย รู้ว่าจุดขายของเรื่องคืออะไร
กูไม่ได้สนับสนุนว่าต้องปกตลค.หมดนะ แล้วแต่รสนิยมเลย ปกตลค.ที่ว่าแพงๆกันบางคนออกมารกรุงรังก็มี อีกอย่าง ปกกราฟฟิคจะทำให้มีความหมายหรือดูแพงก็ยากไปอีกแบบนะมึง ภาพวิว ภาพแนวโกธิค กรอบแบบโรโกโก เอามาเบลนด์กับดอกไม้แฉะๆ ไม่ก็วิวธรรมชาติ ออกมารุงรังกว่าปกตลค.ก็มี กูนึกถึงปกความรู้สึกดี นั่นเรียกปกกราฟฟิคมั้ยวะ แรกๆสวย หลังๆเฟลก็มี กูซื้อเพราะหัวซีรีส์แท้ ๆ
>>845 กูชอบทั้งสองแบบ แต่ขอสื่อความหมายในเรื่องก็พอ กูมองว่าปกสองแบบมันก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป ปกตัวละครคือมองปราดเดียวรู้เลยว่าพระเอกนางเอกหน้าตายังไง ธีมเรื่องแบบไหน เช่นหน้าปกนางเอกสวยแซ่บเอาปลอกคอคล้องพระเอกที่ทำหน้าหมาน่อยหงิงๆ มันก็พอเดาเรื่องได้แล้วป่ะว่ามันมาแนวไหนลักษณะไหน หรือปกกราฟฟิคที่วางรูปโซ่แส้กุญแจมือไรงี้ ก็พอรู้เนื้อหาข้างในรางๆว่ามันเกี่ยวกับอะไร
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เวลาซื้อกูดูเรื่องย่อ พล็อต สำนวนก่อน ถ้าถูกใจก็หยิบแบบไม่เกี่ยงว่าจะเป็นปกคนหรือกราฟฟิค บางทีพกไปข้างนอก กูไม่หยิบปกคนไปอ่านเลยด้วย เอาปกกราฟฟิคไปอย่างเดียวพอ
ky กูเห็นมู้นี้พูดถึงเรื่องเขียนแนวมังฮวาโรแมนซ์แฟนตาซี กูก็มีเรื่องปรึกษาเหมือนกัน คือกูก็แนวทะลุมิติ พระเอกตื่นมาในนิยายแบบไปทั้งร่างไปทั้งชื่อ แล้วฮีมีเป้าหมายคือจีบนางเอกต้นฉบับที่ถูกพระเอกนิยายทิ้งไปสอยนางร้าย(ที่มีสาวทะลุมิติสิงร่าง) ประเด็นคือ พระเอกในโลกใหม่ตอนนี้อายุ 22 แล้วมีซีนที่กูเขียนให้พระเอกทะเลาะกับนางเอกเรื่องนางเอกไม่มูฟออนจากพระเอกนิยายสักที ทีนี้พ่อบ้านรุ่นลุงก็มาแนะนำว่า นางเอกตอนนี้แค่18-19 อาจจะยังเด็กที่คิดไม่เท่าพระเอกที่อายุมากกว่า พระเอกเลยสะกิดใจขึ้นมาว่า อ๋อก็นั่นสินะ ก็ก่อนจะอิเซไค เราอายุ 28 แล้วจะมองว่านางเอกคิดไม่ทันเราก็แปลก ทีนี้มึงว่ามันจะทำให้นักอ่านครีปปี้เรื่อง age-gap มั้ยวะ แม้ว่าพระเอกจะไม่ล่วงเกินนางเอกเลย เพราะกูอยากเขียนให้ตัวละครมี identity crisis บ้างอ่ะ กูอ่านมังฮวาตั้งหลายเรื่องเป็นป้าวัยทำงานอายุ 27 ทะลุเข้าร่างตัวละคร17-18 แล้วแม่งโยนเรื่องอายุตัวเองทิ้งเฉยเลย กูอยากให้มีการตระหนักถึงตัวตนโลกเก่าในแนวทะลุมิติอ่ะ
>>851 บ้านเขาวงการมันใหญ่ ไอ้ที่บางๆเป็นฉบับ paperback เน้นถูกไว้อ่าน ถ้าฉบับสะสมของเขาก็จะเป็นอีกเกรด
กุว่าปกคนจริงในแนวนั้นอาจจะถูกโฉลกกลุ่มเป้าหมายบ้านเขาก็ได้นะ
>>857 ขอแค่มึงขัดตาโวคยังไงก็ต้องมีสักจุดให้ขุดมาโดน ยกเว้นเนื้อหามึงจะฉาบความโวคแบบฉาบฉวยไว้แน่นหนา อันนี้มันอาจจะมองว่าเป็นพวกเดียวกันแล้วปกป้องมึงอย่างไม่ลืมหูลืมตา
Kyขอถามความเห็น นิยายกูมีซีนพยายาม ฆตต แต่มีคนมาเตือนสติทัน จากนั้นก็ไม่มีละ กูควรติดTW ให้เห็นชัดๆที่คำโปรย ตอนขายebookไหม
คือใจกู ไม่อยากติดที่คำโปรย อยากติดในเล่มก่อนบทนำที่เดียว อยากให้คนโหลดตัวอย่างไปดูสักหน่อย ไม่ใช่ลากันตรงคำโปรยน่ะ
>>857 มึงคะ ต่อให้พระเอกแสนดีธงเขียวเป็นป่าอเมซอนแค่ไหนก็โดนด่าได้ค่ะ ก่อนหน้านั้นพระเอกเธอคือดาวกลางใจก็โดนด่าไปแล้วเรื่องความเป็นชายแทร้ ตอนนี้ทันจิโร่ พระเอกเด็กดีธงเขียวยิ่งกว่าป่าอเมซอนสุภาพบุรุษไม่ชายแท้ก็โดนชาวฉอดด่าเหมือนกันค่ะ ข้อหาไปขัดขวางคนที่กำลังตั้งใจจะตายให้อยู่ต่อไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุดแบบทุกข์ทรมาน ขนาดทันจิโร่ก็โดนฉอดได้ ตัวละครของมึงก็พึงระวังไว้ 55555555555555555
มึงกูอยากรู้ว่าพวกฉอดเรื่อง age gap , pedo นี่มันลามไปถึงเผ่าพันธุ์อื่นที่ไม่ใช่คนไหมวะ คือถ้ากูแต่งแนว bestiality /มนุษย์ครึ่งสัตว์ ที่เผ่าสัตว์มัน2-3ปีก็โตเต็มที่พร้อมสืบพันธุ์มึงว่ากูจะโดนฉอดไหม
ky พวก template ในแคนว่า (แบบไม่ปรับอะไรเลย ใช้ดีไซน์ฟรีของเขาหมด) เอาไปใช้ตกแต่งในช่วง talk ของอีบุ๊คได้มั้ยอะ ติดลิขสิทธิ์อะไรหรือเปล่า กูกะว่าจะให้เครดิตคนทำเทมเพลทด้วย แต่ก็กลัวว่าจะยังไม่พอ แล้วจะโดนแคปมาแฉในเน็ตว่าเอาเทมเพลทชาวบ้านไปใช้แบบหน้าด้านๆ แต่กูไร้หัวศิลป์แล้วเทมเพลทเขาก็น่ารักมากจริงๆ TvT
>>871 เขียนๆไปมึง เหตุผลกับเซตติ้งมึงปูมาแค่ไหนคนจะด่าก็หาจุดด่าได้อยู่ดี นิยายพรอพเบิลมาติกโนเนมโดนแขวนจนได้ป้ายแดงก็เพิ่งจะมีให้เห็น ประเด็นเรดแฟล็กแต่นข.ขายดีมีครบทุกแฟล็กก็เพิ่งดิสคัสอยู่มู้ข้างๆ มึงอยากเขียนมึงก็เขียน ตีมึนไปจนมึงดัง แฟนคลับจะคุ้มมึงเอง ทนๆให้นข.ด้วยกันมาสับด่าเพราะอิจฉา ทนได้ก็พอ
Ky ขอวิธีรับมือ หรือ ทำใจ กับคนซื้อที่ให้1ดาว ไม่รีวิว หน่อยสิวะ กูขายถูก แสนกว่าคำไม่ถึงร้อย ลดราคาเพราะออกมาหลายปีแล้ว ปกสำเร็จไม่เอไอ คนให้5ดาว3ร้อยกว่า เพิ่งเจอ1ดาวครั้งแรก โม่งที่มีสติ มีวุฒิภาวะมีeqเจอแบบนี้จะทำอย่างไร
ใจกูรู้สึกเกลียดชังมากๆ อยากคืนเงิน ไม่อยากให้มันมาซื้อ หรือมายุ่งเกี่ยวใดๆ
มีทางไหนที่จะเขียนฮาเร็มและ polygamy อย่างเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้นอกใจกันและกันบ้างวะ ไม่ได้มาแนวคิงยุคก่อนนะเว้ย แต่เป็นคนธรรมดายุคปัจจุบันนี่ล่ะ มีหนทางไหนที่ทุกฝ่ายจะยอมรับความสัมพันธ์แล้วเปิดรับอีกคนเข้ามาแบบไหลลื่นไม่ติดขัดอะไรเลย
พอดีมีคนแนะให้กูไปดูพี่ต้องเทพที่พระเอกมีหลายเมีย แต่กูดูแล้วมันก็ อ้าว มึงนอกใจเมียนี่หว่าอีสัส แถมยังมัดมือชกพากลับบ้านมาให้ทางบ้านยอมรับด้วย เยสสาวอื่นในช่วงเวลาที่เมียท้องแก่รอผัวกลับบ้านแล้วเจอว่าผัวพาเมียน้อยกลับมา อีเมียหลวงก็ไม่โกรธแถมโอเคจ้า เรามาเป็นครอบครัวเดียวกันนะเตง อันนี้กูรับไม่ได้ กูไม่อยากเขียนฮาเร็มแบบนี้
>>878 ถ้ามึงขายผชแท้ หรือคุ ก็ตามตรรกะพี่ต้องเทพไปได้แหละ แต่ถ้าจะเน้นกลุ่มเป้าหมาย ผญ. หรือคนธรรมดา ที่นึกออกมีสองแนวว่ะ คือตั้งเซตติ้งแบบชนเผ่าไปเลย ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีหลายท้องถิ่นที่มีวัฒนธรรมนี้อยู่ ทั้ง polygamy และ polyandry
กับอีกแบบ กุเจอในแนวดราม่าโรแมนติก คือคู่เดิมก็รักกันดีๆ แต่มีอีกคนมาแทรกตรงกลางแบบตอนแรกก็มาแบบเป็นมิตรเอ็นดูกันทั้งสองฝ่าย แต่พอเรื่องราวดำเนินไปดันกลายเป็นรักสามเส้าแบบวนเป็นวงกลมขึ้นมา ใครก็ทิ้งใครไม่ลงสักคน เลยตกลงอยู่กันไปสามคนแบบนั้นแหละ
>>874 ให้ยืมวิธีของเพื่อน เพื่อนชอบใช้วิธีนี้ คิดว่ามีคนอิจฉา มึงขายถูกด้วยนี่ เหม็นๆ ขี้หน้ากันอยู่ ซื้อซะกดหนึ่งดาว(ไม่ซื้อลบรีวิวได้) ประมาณนี้
ส่วนในความเห็นกู เข้าใจที่มึงนอยด์นะ นักเขียนอะเนอะถึงจะมีคนให้ดาวเราเต็มห้ามากมาย แต่มันมีอีหนึ่งดาวโผล่มาตำตาตำใจ ยังไงก็นอยด์ คิดวนเวียน ทำไม กูผิดอะไร นู่นนี่ แต่ก็นั่นแหละมูฟออนเพื่อน ไม่น่าทำให้เรตติ้งเฉลี่ยรวมมึงตกสักเท่าไร กูว่ามึงเก่งมากเลยนะมีเรตติ้งตั้งสามร้อย เดี๋ยวนี้จะไปให้ถึงสักร้อยยังแสนยาก
Ky พวกมึงเป็นไหม กูรู้สึกว่าพอเป็นนักเขียนแล้วอ่านนิยายสนุกน้อยกว่าเดิมว่ะ กูจะอ่านแบบ เขาจะทำให้ตัวละครรักกันแบบไหน เหตุผลอะไร ใช้คำแบบไหน เปิดเรื่องยังไง บรรยายท่าทางแบบนี้อย่างไร ตอนนี้กำลังอยู่จุดไหนของโครงเรื่อง
>>883 เป็น แต่กับเรื่องที่มันตรงจริต ตรงเวลาจริงๆ ก็ยังทำให้มึงเพลินจนลืมคิดวิเคราะห์โครงเรื่องได้อยู่ แล้วก็ต้องกลับมาอ่านซ้ำเพื่อจะเรียนรู้กลวิธีการเขียนเขา แต่ถ้าสนุกและยาว สุดท้ายมึงก็ลืมอีก
ส่วนเรื่องที่แบบกลางๆ ไม่ดึงดูดใจมาก หรือ sos ที่อารมณ์เรื่องไม่พีคนัก อันนี้อ่านไปก็จะพยายามจับไป บางทีก็เปิดจินตนาการหาจุดเอ๊ะไปใส่เรื่องที่ตัวเองกำลังเขียน ไม่ได้ลอกนะมึง แบบอ่านเจอนอ.เที่ยวทะเล กุก็เออ ใส่ทะเลลงในเรื่องเอาแบบน้อยใจริมทะเลดีกว่า อะไรงี้ ผลคือ อินกะเรื่องได้ยากมาก
สรุปหาเรื่องที่อ่านแล้วอินกับปล่อยจอยไปกับเนื้อเรื่องยากกว่าเดิมมาก
นักเขียนที่มึงถูกจริตกับงานเขาซะส่วนใหญ่ แต่บางเรื่องมึงก็ไม่ชอบและไม่อ่าน อาจจะด้วยพล็อตหรือตรรกะประหลาดๆในเรื่องที่มึงรับไม่ได้ มึงยังจะโอเคกับเขาและจะอ่านงานต่อกันอยู่ป่ะ จะดูเป็นเรื่องๆไปหรือจบกันแค่นี้ล่ะ
>>885 ทำไมต้องยึดติดกับชื่อนข.ขนาดนั้น งานเขาโอเคคือความสามารถและวิธีเล่าเรื่องเขาตรงสเปค ทีนี้ถ้าเขาจะพลิกแนวกุก็แค่ข้ามเรื่องที่ไม่ใช่แนวกูไปเท่านั้น ถ้าเรื่องใหม่มาโปรยและแนวตรงกับที่กุชอบก็เปย์ได้ไม่ต้องคิดมาก
ทำไมต้องเทถาวร ทำไมต้องฝืนอ่านเรื่องที่ไม่ชอบแค่เพราะเขาเขียนวะ? กุตามผลงานเขาไม่ใช่ตัวเขาว่ะ
กูว่านักอ่านส่วนใหญ่เลือกอ่านที่พล็อตมากกว่าเน้นตามนักเขียน จะมีบ้างที่ตามซื้อทุกเรื่องเป็นแฟนคลับเดนตาย แต่เท่าที่กูสังเกตไม่ว่าจะตัวแม่แค่ไหนถ้าเขียนพล็อตที่ต่างไปจากเรื่องเดิมมากๆ และเป็นพล็อตที่ไม่ตรงจริตเท่าไรนักอ่านก็ไม่ค่อยซื้อกันนะ เช่น ปกติเขียนพระเอกโตกว่านางเอก แต่แหวกมาเขียนพระเอกเด็กกว่านางเอก นักอ่านที่ชอบอ่านพระเอกโตกว่านางเอกก็อาจจะไม่ซื้อหรือยังไม่ตัดสินใจซื้อทันที รอซื้อตอนลดไรงี้ ทำให้ยอดขายยอดรีวิวลดกว่าเรื่องก่อนๆ แล้วพวกที่ไม่ซื้อก็จะรอดูเรื่องต่อไปว่าจะตรงจริตอีกไหม ถ้าตรงก็เปย์เหมือนเดิมยอดรีวิวกลับมาเยอะเหมือนเดิม
>>885 กุซื้อแค่เรื่องที่เนื้อเรื่องและพระนางตรงจริตว่ะ กุเข้าใจมึงนะคือบางคนสำนวนดี คลังคำแน่น เดินเรื่องสมูธ แต่บางทีมันตั้งใจให้ตลค.โง่เกินเพื่อให้เรื่องเดิน ตรรกะแปลกจนฝืน ไม่ก็บริบทในออฟฟิศ ฉากธุรกิจ ฉากตปท.ปลอมๆ อ่านแล้วรุ้เลยว่านั่งเทียนเขียนงี้กุหงุดหงิดมาก ก็ถือว่าธรรมดา คนเราจะเขียนดีทุกเรื่องไม่ได้
พอดีกูไปเห็นเมนท์ด่านักเขียนมาน่ะ กูไม่เคยอ่านงานเขาหรอกนะ แต่เหมือนนักเขียนเขาจะเขียนพล็อตบ้งๆหรือตัวละครทำอะไรเหี้ยๆซักอย่างในเรื่อง แล้วนักอ่านคนนี้เขาก็เมนท์ด่าประมาณว่าตามงานมาตั้งนานทำไมเขียนอะไรแบบนี้ออกมาได้ ผิดหวังมาก จากนี้คือจะไม่อ่านงานมึงแล้ว กูเลยสงสัยว่าถ้าเป็นกรณีแบบนี้พวกมึงจะทำยังไงนี่ล่ะว่ะ ทั้งในมุมนักอ่านและนักเขียนเลย
Ky ขอถามหน่อย สงสัยเรื่องปกท่านชีคทะเลทรายของนิยายสมัยก่อนมานานละ555 กูเกิดทันแต่ไม่รู้กระบวนการหลังบ้าน ยุคนั้นยังไม่มี AI เลยนี่นา เลยอยากรู้ว่าปกเรียลๆแต่ก็ไม่เรียลเกินไปแบบนี้เขาทำ เขาซื้อกันยังไง แล้วถูกลิขสิทธิ์หรือเปล่า สงสัยมานมากกก
>>886 >>887 +1 คิดเหมือนกัน
>>890 งานบ้งกับงานไม่ตรงจริตมันต่างกันนะมึง ถ้าบ้งมากคนจะไม่อยากสนับสนุนอีกก็ไม่แปลกหรอก แต่ถ้าแค่ไม่คลิกก็รอเรื่องใหม่แค่นั้น ที่ว่าตามงานตั้งนานอาจจะตั้งตัวเป็นเอฟตีกองอวยปะ เลยยิ่งผิดหวัง เอาจริง ๆ ความพิศวาสคนเรามันเปลี่ยนได้เสมอแหละ ยกเว้นเป็นแฟนเดนตายหลับหูหลับตาสนับสนุนหมดไม่สนเนื้อเรื่อง 555
>>890 กูมีเพื่อนที่เคยบอกแบบนี้เลย อ่านงานกันมาจนเป็นนักเขียนในดวงใจแต่ไปเจอเรื่องนึงเขาใส่บทที่สะเทือนใจเพื่อนกูสุดๆ อ่านจบคือลบทิ้งจากชั้น ผิดหวังจนจะไม่อ่านงานนข.คนนี้อีกแล้ว ในมุมนักอ่าน ถ้าผิดหวังจากเรื่องนี้ ก็มูฟออนไปอ่านเรื่องอื่นๆนักเขียนคนอื่นได้ตลอดมึง ถึงจะโกรธแต่ก็มีทางไป มีที่ฮีลใจให้เลือกเยอะแยะ
มุมนักเขียน- ถ้าเขียนบ้งๆโดยไม่ตั้งใจและเจอนักอ่านแบบนี้ เข้าใจว่าอาจเฟลอาจนอยด์ แต่ขอให้มูฟออนให้ได้และเขียนเรื่องใหม่ ถ้ามึงมีเรื่องเจ๋งๆมากๆสนุกมากๆเรื่องใหม่คนชมกันปากต่อปาก มันจะมีคนคันยิกๆอยากอ่านของมึงแน่นอน มีนักอ่านหลายคนกลับมาตายรัง แต่ต้องเขียนต่อไปอะนะ
สงสัยเรื่องระลึกชาติแฮะ สมมติตลค.สาวใสอายุ 15 จู่ๆ วันนึงระลึกชาติได้ว่าชาติที่แล้วตัวเองเป็นลุงแก่อายุ 60 เคยมีลูกมีเมียบลาๆ เท่ากับว่าปัจจุบันที่เป็นสาวใสจะมีวุฒิภาวะเพิ่มขึ้นมา / กลายเป็นคนกร้านโลกทันทีเลยมั้ย คิดว่าไงกัน
Kyถ้ามีนักเขียนที่ไม่รู้จักมาให้หัวใจนิยาย ทั้งๆที่กูไม่ได้ขอ และทิ้งคอมเมนต์ว่ามาให้ใจค่ะ นิยายน่าอ่านมาก แบบนี้ กูจำเป็นต้องไปให้ใจคืนตามมารยาทไหมวะ เพราะกูไปส่องแล้วไม่ชอบ หรือปล่อยเบลอ เดี๋ยวเขาก็มาเอาใจคืนไปเอง
>>895 ใช้ชีวิตเป็นสาวน้อยมา 15 ปี พวกนิสัย พื้นเพ ความชอบมันสร้างตัวตนขึ้นมาในระดับที่ค่อนข้างมั่นคงแล้ว แค่เห็นความทรงจำของตัวเองในชาติก่อนว่าเคยเป็นตาลุงมาก่อนคงไม่ทำให้เปลี่ยนไปเท่าไหร่ แต่อาจจะได้ประสบการณ์เพิ่มขึ้นจากเรื่องที่เคยทำตอนเป็นลุงไรงี้ เช่นลุงเคยพูดหมาๆใส่คนนึงแล้วโดนกระทืบมา พอได้เห็นความทรงจำในส่วนนี้ก็รู้ว่าจะไปพูดแบบนั้นกับคนนี้ไม่ได้นะ ต้องหาวิธีอื่นในการคุย มีวุฒิภาวะเพิ่มขึ้นมั้ยก็คงเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ตัวตนสาว 15 ในชาตินี้ก็แข็งแรงมั่นคงเกินกว่าจะมองว่าตัวเองคือลุง 60 ในชาติก่อนน่ะ
สมมติชาติก่อนมึงเป็นลุงซกมก แต่ชาตินี้มึงเป็นสาวน้อยรักสะอาดเจ้าระเบียบ ถ้านึกขึ้นมาได้ว่ามึงเคยเป็นลุงซกมกมาก่อนมึงจะทิ้งนิสัยรักสะอาดของชาตินี้ไปเลยมั้ยก็ไม่ใช่ใช่ป่ะ ยิ่งเห็นความซกมกในชาติก่อนมึงจะยิ่งรักสะอาดล่ะสิไม่ว่า พวกเขียนแนวระลึกชาติบางทีก็เบลนด์บุคลิกไม่ดีจนกลายเป็นเอานิสัยชาติก่อนมาใช้ทั้งหมดแล้วทิ้งตัวตนในชาตินี้ไปเลยจนเหมือนมาสวมร่างมากกว่าจะระลึกชาติ ไม่เห็นการหลอมรวมนิสัยหรือความ identity crisis ยิ่งชาติก่อนเป็นผู้ชายแล้วมาระลึกได้ตอนเกิดมาเป็นผู้หญิงมันก็มีเรื่องเพศ เรื่องความเคยชิน เรื่องเส้นแบ่งระหว่างหญิงกับชายอยู่ด้วย การตัดสินใจของเด็ก 15 กับลุง 60 ก็ไม่เหมือนกันแล้ว มึงต้องบาลานซ์จุดนี้ให้ดีด้วย
พวกมึงคิดยังไงกับแนวทะลุมิติไปแย่งผัวนางเอกนิยายวะ จะเขียนแบบนั้นกันมั้ย5555
>>900 ก็เอาไว้สนองนี้ดกลุ่มเป้าหมายที่อยากได้พระเอกนิยายเป็นผัวไง 555555555555555555
แต่อ่านนิยายทีไรกูตกหล่มพระรอง ตัวรอง คู่รองตลอด คู่พระเอกนางเอกบางทีกูเอ็นดูมากกูคงไม่อยากไปแย่งเขาหรอก บางเรื่องกูก็เกลียดพระเอกด้วยซ้ำ ไอ้เรื่องจะแย่งมาไว้เองนี่คงไม่เขียน แต่นิยายแนวนี้เขาก็มีกลุ่มเป้าหมายของเขาอะนะ
กุคิดมากไปแหละ แต่หนักใจเรื่องการผลิตซ้ำจังเลยว่ะ... คิดไปคิดมารู้สึกว่าถ้าเขียนอะไรเดิมๆ มันจะซ้ำกับที่เคยเขียนมาไงไม่รู้ สมมุติเรื่องตัวละคร พระเอกนิ่งขรึมก็อาจมีปมคล้ายๆ กัน ตัวร้ายอาจมีจุดหมายคล้ายๆ กัน พลิกแค่ไหนก็หลุดไปไม่ไกล ยิ่งถ้าเขียนไป 10-20 เรื่องนี่ยังไงก็ต้องมีซ้ำเรื่องที่เคยเขียน นักอ่านหน้าเก่าเดาทางออกหมดละ Orz บางทีอาจจะเป็น skill issue แหละ แต่อดคิดไม่ได้ว่าสายผลิตสร้าง masterpiece ออกมาไม่กี่เรื่องก็ดีละ อาจจะดีกว่าเผลอผลิตซ้ำงานเดิมแล้วคนเปรียบเทียบ ToT
>>904 >>905 มีอีกเยอะจริงมึง มันก็ถือเป็นลายเซ็นจริงแหละ แล้วพวกนี้กุก็เห็นฟีดแบคนักอ่านบ่นอยู่ประปรายว่าแนวซ้ำเดิมเรื่องเก่า สลับตลค.ยังสมูท 555 แต่ก็ขายพวกชอบเซฟโซนได้แหละนะ
ว่าแล้วก็นึกถึงพวกชอบหาว่าคนอื่นก้อปบ้างยำบ้าง งานคนเดียวกันยังซ้ำกันได้เลย นับประสาอะไรกับบังเอิญซ้ำชาวบ้าน material มันก็มีให้เลือกกี่อย่าง พระนาง ตัวร้าย ครอบครัวพระนาง เพื่อนสาวสายชง บลาๆๆๆ ไอ้ว่า 'ยำ' นี่ฮาสุดละ งานส่วนใหญ่ในโลกแม่งก็ยำรวมมิตรทั้งนั้นแหละโว้ย คิดว่าตัวเองเป็นต้นฉบับนข.คนแรกหรือไงไม่รุ
เงิบ กูสองจิตสองใจว่ะว่าจะให้พระเอกเป็นหนุ่มหล่อปกติ หรือจะให้ออกมาเป็น Furry ขนปุยๆ ดีวะ
ถ้าถามส่วนตัวกูชอบ furry นะ แต่เกรงว่าผู้อ่านจะรับไม่ได้เนี่ยสิ ถถถถถ
Furryเป็นแบบไหนเหรอวะ แบบม๋าเด็ก เอเนอจี้ล้น ซนๆขี้อ้อน ตาใสๆ รักใครก็ตามวอแวพอเขาไม่แคร์ก็เป็นม๋าหงอยรึป่าว
ky กูเขียนมาสักพักแล้วแต่ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการเน้นตัวละครเดินเรื่องกับเน้นพล็อตเดินเรื่อง เห็นในเอ้กบอกนักเขียนไทยชอบใช้ตัวละคร ไม่ค่อยใช้พล็อต กูลองหาอ่านจากในเนตก็งงๆ ทุกวันนี้กูยังไม่รู้เลยว่าเวลาเขียนของตัวเอง กูใช้อันไหน ใครก็ได้ช่วยชี้แจงบอกบุญกูที
>>912 คาร์พระนางมึงเด่นมากกว่า หรือพล็อตเรื่องเด่นกว่า แค่นั้นเองมึง สมมติเรื่องย่อมึงคือ เรื่องราวความรักของหนุ่มเพลย์บอยกับสาวเนิร์ด อันนี้คือดำเนินเรื่องด้วยตัวละคร แต่ถ้าเรื่องย่อแนว เมื่อไดโนเสาร์ฟื้นมาครองโลก นายเอกับผองเพื่อนจึงต้องช่วยกันปราบ อันนี้อะพล้อต แต่ส่วนมากแนวรักก็เน้นคาร์สัก 80% อยู่แล้วนะ ถ้าจะเน้นพล็อตต้องมาแนวสืบสวน ให้ตัวละครดำเนินเรื่องเฉยๆ งี้ แต่อะไรพวกนี้ (คาร์กับพล้อต) จริงๆ มันผสมกันอยู่แล้วแหละ แค่อันไหนเยอะอันไหนน้อย บาลานซ์กันก็ดีกว่าเทไป 100%
อ้อ แต่ถ้าเป็นในเอ้กที่บ่น ๆ กันมึงอย่าไปฟังมากนะ ที่กดนข.ไทยบอกเอาแต่เน้นคาร์ อวยว่านิยายแปลเน้นพล็อตอะ ออกแนวเวอร์เกิน แนวรักชาติไหนก็ขายคาร์พระนางพระนายทั้งนั้นแหละ แค่เซตติ้งบางเรื่องมันอลังเกิน ปูพล้อตแน่นมาปึ้กแค่นั้น
Ky คำว่า good vibe กูอยากเอามาใช้บรรยายนิยาย กูควรแปลว่าอะไรดีวะ บรรยากาศดี พอจะได้ไหม
กุเขียนแนวรักมีเนื้อเรื่องจริงจัง ละหลวมตัวเขียนฉากแส้บอย่างมันมือ กลับมาอ่านละรู้สึกฉากอย่างว่าไม่เข้ากับอารมณ์ภาพรวมเรื่องไปหน่อยเลยตัดออก มึงว่ากุตัดสินใจถูกมั้ยวะ 5555555 หรือควรใส่ ๆ ไปเหอะ ใครไม่อยากอ่านเขาก็ข้ามแค่นั้น
กุเพิ่งรู้ว่า เวบเขียวที่ใส่ระบบเมนต์รายบรรทัดนี่ พอนอ.เมนต์รายบรรทัดแล้วมันจะไม่แจ้งเตือน
กุเพิ่งเปิดให้โชว์เม้น แม่ง นอ.ทิ้งอีโมกะเม้นไว้ในรายบรรทัดเพียบเลยนิหว่า บางคนเม้นแต่ในรายบรรทัด ไม่เม้นท้ายบท กุก็เข้าใจว่าไม่มีเม้นไปสิ
ky ถ้า Ebook กูจะเสร็จช่วงกย.พอดี กูควรออกเลยก่อนงานหนังสือ หรือว่ารอออกช่วงงานหนังสือไปเลยดีวะ
กูมีฐานนักอ่านอยู่เล็กน้อย น่าจะขายได้แน่ๆ สักห้าร้อยโหลด ถ้าออกก่อนงานหนังสือกลัวจะไม่ได้ร่วมวงการกับชาวบ้านเขา
แต่ถ้าออกชนงานหนังสือเลย ก็กลัวว่าจะจมหายไปกับนักเขียนอีกสามล้านกว่าคนที่จะออกช่วงนั้นพอดี
ยังไม่เคยมีประสบการณ์เขียนงานเสร็จเดือนกย.มาก่อน ขอคำแนะนำหน่อยนะเพื่อนโม่ง
ky ถามหน่่อย พอดีจะเขียนแนวจีนย้อนอดีต แต่ทีนี้ถ้าเป็นยุค90 นี่เราจัดว่าจีนโบราณมั้ย พอดีเห็นเรื่องนึงในหมวดจีนเป็นยุคนี้ แต่คือกูอยากอยู่หมวดนิยายรักไง ว่าแต่ยุค90นี่มันเข้าโบราณละหรอ กูที่เกิดยุคนี้ทำใจไม่ได้5555555555
เพื่อนโม่ง คือกุมีโอกาสมาใช้ชีวิตตปท.ด้วยโครงการนึง ทีนี้กุเดินทางด้วยบวกเปลี่ยนงานเรื่อยๆก็เลยได้ไปทำอะไรใหม่ๆ เห็นอะไรใหม่ๆ พล็อตงอกเยอะมาก เขียนได้เป็นห้าหกเรื่องเลย กุจะเอาปสก.ตรง เบื้องลึกเบื้องหลังมาเล่านี่ล่ะ แต่ถ้าจะให้นอ.ทุกเรื่องมาด้วยโครงการนี้หมดก็แปลกและซ้ำซาก แต่มันไม่สามารถรวบมาเขียนเป็นเรื่องเดียวได้จริงๆ รึถ้าทำเรื่องเดียวหลายคู่มันคงยาวมากแถมอิเหละเขะขะ รึกุควรตั้งเป็นเซ็ตไปเลย
>>931 อย่างที่โม่งบอก เซ็ตเลยมึง น่าตื่นเต้นจัง ให้มารู้จักกันตอนโครงการพาเด็กมาปาร์ตี้ ทำความรู้จัก จนคบเป็นกลุ่มเพื่อนคนไทย (หรือเพื่อนจากหลายประเทศ) ที่ซี้กันก็ได้ เซ็ตโครงการสื่อรักอะไรก็ว่าไป555 นักอ่านชอบนะ แก๊งสาว/หนุ่มโสดในเมืองนอก หรือจะให้บางคนไม่รู้จักกัน แต่มาเฉลยตอนท้ายว่าอ้าว มึงก็มาโครงการเดียวกับกูเรอะก็ยังได้
เพื่อนโม่งหาแรงบันดาลใจเขียนนิยายกันยังไงบ้างวะ?
กูตอนนี้ Burnout มานานเกินจนเริ่มเปื่อยละ พล็อตเรื่องใหม่ก็มีแล้ว พร้อมที่จะเขียนได้ตลอด
แต่พอจะเขียนก็ดันมาตั้งคำถามกับตัวเองเยอะแยะทำนองว่าคุ้มค่ากับเวลาที่ต้องจ่ายไปมั้ย จะได้อะไรกลับมารึเปล่าในเมื่อไม่ได้เขียนแนวตลาดซะงั้น ทำเอาจุดอารมณ์ที่จะเขียนไม่ติดกันเลย
กุตระหนักว่า การเขียนนิยายเล่มหนึ่งให้สมบูรณ์มันงานช้างชิบหายเลยว่ะ 5555555555 กุเริ่มเขียนเพราะเป็นคนชอบมโน ชอบไดนามิคพระนางแบบที่หาอ่านไม่ค่อยได้ ชอบเขียนซีนคนคุยกัน แต่แม่งก็แค่เสี้ยวหนึ่งของเรื่องเต็ม จะปิดงานได้เล่มนึงนี่ต้องเค้นสมองผูกเรื่องเชื่อมโยง หาพื้นหลังให้ตลค. ใส่ค.สมเหตุสมผล ต้องรีเสิร์จข้อมูลบลาๆๆ เหน็ดเหนื่อยชิบหายกว่าจะได้ออกมาแบบสมบูรณ์ ยังไม่นับว่านักอ่านจะชอบรึเปล่าอีก อยากสดุดีนข.ที่ทุ่มเทกับงาน ไม่มักง่าย lazy writing น่านับถือจริง
>>935 หางานอื่นที่กินได้ทำ แล้วเอางานเขียนไว้เป็นงานอดิเรก
มึงพักสักพัก ในระหว่างนั้นทุกครั้งที่หัวมึงคิดคำถามพวกนั้นขึ้นมาเอง มึงก็ตอบตัวเองไปเลย ว่าไม่คุ้มหรอก ทุกครั้งนั่นแหละ จากคำตอบนี้คำถามต่อไปคือยังจะทำมั้ย ให้กลับไปอ่านพลอตเรื่องมึง โครงเรื่องมึง ถามตัวเองว่ารักอันนี้มั้ย รักคาร์พวกนี้มั้ย อ่านแค่โครงเรื่องคร่าวๆแล้วรู้สึกสนุกอยากจะซื้อเหมือนตอนที่เราอ่านโปรยเลือกซื้อนิยายสักเรื่องไหม ถ้าเห็นมันสมบูรณ์จะมีความสุขมั้ย เกิดความรู้สึกอยากจะเขียนขึ้นมั้ย
ถ้าตอบมี เอ่อ มึงก็ทำไป มึงรู้แล้วนะว่ามึงกำลังทำเพราะอะไร
ถ้าตอบไม่ มึงไม่ต้องฝืน ถ้าไม่มีปัจจัยเรื่องการทำมาหากินแล้ว งานอดิเรกที่แม่งตอบโจทย์สปาร์คจอยไม่ได้สักสิ่ง มึงทิ้งไปเถอะ โลกนี้มีอย่างอื่นอีกเยอะ
เสริมว่าต่อให้เป็นนักเขียนดังมึงก็หวังความปังเหมือนเดิมทุกเรื่องไม่ได้ คาดหวังผลลัพธ์เป๊ะๆกับนิยายก็พอๆกับที่มึงซื้อหวยแล้วหวังรางวัลที่หนึ่งเป็นเป้านั่นแหละ โอกาสได้โคตรต่ำ แต่ถ้ามึงหวังรางวัลรองๆลงมาโอกาสก็สูงขึ้น แต่ใดๆคือ มึงทำอะไรกับผลลัพธ์ไม่ได้ ได้แค่ลงมือหาเงินซื้อ ลงมือเลือกเลข จากนั้นผลลัพธ์ก็โชคชะตาล้วนแล้วว่ะ
Aka อย่างกุ นขใหม่สดซิงลงงานวายเล่มแรก ไปชนกับบรรดาโปร 91929 พอดี แถมวันหมดโปรช่วงแรกก็ไปชนกับวันหมดโปรพวกนี้อีก แถมลงในภาวะเศรษฐกิจซบเซา ปาฎิหารย์อะไรกุไม่เคยเห็นสักอย่าง เรื่องพวกนี้กุคุมได้เหรอ (ร้อยวันพันปีไม่เคยเกิดนะมึง) เหมือนเล่นเกมเศรษฐีจั่วไพ่อ่ะมึง มึงไม่รู้เลยว่าอะไรจะมากระทบกับเลขยอดขายยอดชมและแสงที่จะส่องมึงบ้าง อย่าไปคาดหวังในเรื่องที่มึงไม่สามารถคาดได้จนเกิดไปนัก ชีวิตมึงจะมีความสุขขึ้นอีกนิดหน่อย
ปล.งานกุไม่ได้ดีมากหรอกยังมีจุดอ่อนอีกเพียบและโคตรจะไม่คุ้มค่าเวลาและแรง กุไม่ใช่คนมีพรสวรค์ด้านนี้เลย กว่าจะเค้นออกมาได้แต่ละบทลากดินมากๆ แต่ก็ยังได้รับการตอบรับในเชิงตัวเลขและคอมเมนต์มาจากคนอ่านไม่กี่คนอยู่ กุแค่รักตลค.กูน่ะเหมือนที่กุอ่านแล้วรักตลค.ในนิยายสักเรื่องจนต้องอ่านซ้ำๆ เลยเข็นจนจบได้ และไม่เสียใจที่ค่อยๆปั้นมันขึ้นมา แต่อย่างว่า รายได้จากมันคือไม่พอกินจริงๆนะมึง เฉลี่ยกับเวลาเขียนจนตอนนี้คือตกเดือนละไม่ถึงพัน แถมนี่คือค่าจ้างรายสิบกว่าเดือนถึงจะจ่ายทีอีกต่างหาก
>>937 ลากเลือดมาก ทั้งข้อมูล ทั้งฉาก ส่วนที่คิดตอนเริ่ม ที่ฝันอย่างกาวๆ สมมุติเช่นพอ.นอ.ทะเลาะกันตัวร้ายเข้ามาแทรก นอ.เข้าใจโกรธและผิดหวังเลยตัดสินใจทุบพอ.จนฟันหักแล้วหนี ทิ้งท้ายเราจบกันก่อนสะบัดหน้าหนีเริ่ดๆ จากพลอตนี้กุเค้นสมองแทบตายตั้งแต่จะทำไงให้เรื่องมันเดินมาถึงฉากนี้วะ แล้วตัวร้ายมันทำอะไรถึงทะเลาะกัน มันต้องมีปูก่อนสัก3ฉากสิ จู่ๆมันจะมาทะเลาะกันปางตายไม่ได้ สาเหตต้องแรงพอไม่อิหยังวะสิ แล้วเวลาตบกันมือมันง้างไงวะ แรงตบประมาณนี้ทำพอ.กุฟันหักได้จริงป่าววะ ค้นข้อมูลแพทย์นิด นอ.เดินออกจากบ้านแล้วประตูอยู่ตรงไหน มันตบกันมุมไหนของบ้าน บ้านพอ.ผังเป็นไงวะ ตลค.น้องสาวที่กุเซทไว้บทก่อนหน้าว่าเวลานี้ต้องเล่นกับหมาหน้าบ้านล่ะ บลาๆ
คือที่ไอเดียแวบๆที่อยากเขียนอ่ะยอดน้ำแข็งสุดๆ กุอิจพวกตามเฟสที่ปั่นกันอย่างแฮปปี้วันละตอนสุด ๆ อิจเวลาพวกนั้นโชว์ยอดด้วย แต่นั่นล่ะ กุนี่แหละฐานรากของบรรดานข.เงินพันเงินร้อยกับเวลาเขียนเกินปีที่พวกบทความงานเขียนง่ายนิดเดียวคิดว่าไม่มีอยู่🥹
ดังนั้นนขทุกคน มีกุอยู่คนหนึ่งที่รู้ซึ้งแล้วถึงความทุกข์ยากของพวกมึงนะ กุชื่นชมพวกมึงอยู่ แต่เงินกุมีจำกัด กุหนับหนุนได้แค่งานที่ตรงใจสัดๆแค่ไม่กี่งานจริงๆ ถ้าอยากทำงานเขียนต่อก็สู้ต่อไปนะพวกมึง รายได้จากงานมึงได้มาไม่ง่าย คนอ่านอย่างกุก็รากเลือดในอาชีพเพื่อหาเงินมาเปย์มึงไม่ง่ายเช่นเดียวกัน เราไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกมึง 🥹
>>937 กูเป็นแบบมึงเลย เลย หลังๆ เลยฝันเอาก่อนนอน 🤣 อีกวิธีที่อยากลองแนะนำอส่วนที่รายละเอียดเยอะๆ แต่ไม่ค่อยจำเป็นให้รวบเป็นการเล่าแทน แล้วก็เน้น คสพ คู่ตัวละคร มันน่าจะออกมาเป็นเล่มเดียวจบได้ เหมาะกับคนที่ชอบอ่านเร็วๆ แล้วรู้ตอนจบเร็วๆ เปลี่ยนวิธีการและเป้าหมายคนอ่านไปเลย
>>940 กุเคยทำ กลายเป็นแม่งนอนไม่หลับ คิดๆไปกำลังจะหลับปิ๊ง! ตื่นมาจดไอเดีย นอนๆไปหลับไม่สนิทอีก ในฝันมีแต่เรื่องในนิยายวนไปวนมาแต่จำอะไรไม่ได้เลยไม่ได้อะไรปิ๊งๆสักนิด ตื่นมาต้องสะโหลสะเหลไปทำงาน เวลาพักก็เหม่อนั่นจิ้นเนื้อเรื่องต่างๆนานา แม่ง งานอดิเรกห่าอะไรวะ ไม่ต้องแนวตลาดหรอก กุขายวิญญาณแลกเงินร้อยเงินพันตั้งแต่ตอนนี้แล้วแหละ เป็นความทุกข์ทนรสน้ำผึ้งสัด
>>935 กูใช้วิธีทำงานอื่นไปด้วย แล้วก็เอาเรื่องที่เจอจากบรรดางานทั้งหลายนี่แหละมาเขียน ถ้ายังเรียนอยู่ก็สมัครทำกิจกรรมหรือลงแข่งอะไรสักอย่างให้ชีวิตมีอีเวนต์ เดี๋ยวแรงบันดาลใจก็มาเอง อย่าจมอยู่กับสภาพแวดล้อมเดิมนานๆ นิยายมันเป็นเรื่องของมนุษย์ว่ะมึง ถ้ามึงเจอแต่ผู้คนเดิมๆมึงก็จะไม่มีอะไรเขียน
Kyไม่รู้ถูกมู้ไหม ถ้าเพื่อนนข.ที่คุยกันบ่อยๆในโซเชี่ยลเรื่องนิยายดินฟ้าอากาศ เม้าเรื่องดารา แต่อยู่ๆมาถามว่ากูได้เงินดิจิตอลวอลเลตจะเอาไปทำอะไร มึงว่าคำถามนี้มันละลาบละล้วงไหมวะ กูมองว่ามันเป็นคำถามที่ประเมินสถานภาพ รายได้และเงินเก็บของกู หรือกูคิดมากไปเอง555
ขอระบาย ไม่รู้จะไปตีอกชกหัวที่ไหน นข.ชาวโม่งรับฟังกูที
กุไม่ชอบพล็อตคนเก่าคนโปรดมากๆๆๆๆๆ รับไม่ได้แบบทริกเกอร์ อ่านเจอแล้วเจ้บใจอยากร้องไห้สิ้นชีพ มีใครเข้าใจกุบ้าง ToT
พระ/นางมีคนเก่า รักมากแต่อีกฝ่ายตุยรึอุปสรรคอื่น ถึงมีคนใหม่แล้วก็ยังเก็บคนเก่าไว้ในใจเป็นรักที่ดีที่สุดตลอดไปงี้ กุจะร้อง คนมาทีหลังสู้ไรได้อะ ถ้าคนเก่ายังอยู่ก็คงไม่ได้รักกันใช่ปะละ ช้ำแทนทั้งคนใหม่คนเก่า ToT
เข้าใจว่าคนเราอาจจะมีรักตราตรึงใจลืมไม่ได้แหละ แต่กุไม่ต้องการความเรียลนี้ อ่านนิยายขอขายฝันฟริน ๆ ค่ะขอร้อง ถ้าอยากเขียนมากกราบขอความกรุณารบกวนติดสปอยแจ้งนิด ถ้าไม่บอกตั้งแต่เรื่องย่อ/ออกมาตอนแรกๆ เลยใครจะไม่รู้ อ่านเจอทีหลังละแจ้กพ้อตแตกตู้ม รับไม่ได้ เสียดายตัง งอนนข.ไม่อยากอ่านเรื่องอื่นอีกเลย ใครไม่อยากทำร้ายนักอ่านตาดำๆ แบบกุช่วยติดสปอยให้เถอะ ใครอยากอ่านจะได้พุ่งใส่ ใครไม่ไหวจะได้หนีทัน ดีกว่าทำร้ายใจกัน กุกราบละพี่ Orz
>>945 ไม่นะมึง คือกูก็คุยเรื่องนี้กับเพื่อนปกติเลย5555 ต้องดูแหละว่าเขาเป็นคนนิสัยยังไง แต่ถ้าเพื่อนปกติก็แค่ถามชวนคุยเล่นเฉยๆอะ บางทีเห็นเงื่อนไขห้ามจ่ายค่าน้ำค่าไฟซื้อมือถือละก็ไม่รู้จะเอาตังค์ไปทำอะไร ไม่อยากให้ค้างในบัญชีเปล่าๆ เลยถามมึงเผื่อจะลอกข้อสอบเฉยๆก็ได้ว่าเอาไปทำไรดี สำหรับกูคำถามเงินดิจิม่อนก็จัดอยู่ในหมวดหมู่ดินฟ้าอากาศอ่ะ
>>946 เหมือนกูเลย กูก็ไม่ชอบ ยิ่งจากตายมันเศร้าอะ คนเก่าไม่ได้ทำผิดอะไร เป็นที่หนึ่งในใจตลอดไปแน่นอน กับครอบครัวเช่นพ่อแม่ตายยังพอทน แต่ปมแฟนเก่าคนโปรดนี่เขียนเตือนไว้หน่อยเหอะ ทำเป็นคุยเล่นขำๆก็ได้ว่าพระนางมีแฟนเก่าคนโปรดนะคะเรื่องนี้ กูจะได้ถอยห่างไม่ก็เตรียมใจ แต่เข้าใจฟีลมึงนะ อ่านแล้วเครียดหน่วงๆตลอดเวลาเลย ไม่แฮปปี้ หวานแค่ไหน ncแส่บแค่ไหน กูก็ไม่แฮปปี้!!!5555
>>946 >>947 กุเข้าใจที่พวกมึงมีจุดที่ไม่ชอบนะ และไม่อยากอ่านเจอนะ แต่ตรงจุดที่มึงไม่ชอบเนี่ย... กุจะว่าไงดีล่ะ ลักษณะมันมักจะเป็นกิมมิคประกอบส่วนหนึ่งอ่ะ ถ้ายึดความยุติธรรมต่อนักอ่านทุกคนซึ่งอาจมีความไม่ชอบลักษณะเดียวกันกับมึงแต่คนละจุดคนละแบบแล้ว คนเขียนคงไม่สามารถไปรู้ทั้งหมดร้อยคนหรอกว่าใครจะทริกเกอร์เนื้อหาแบบไหน บางทีคนเขียนอาจไม่ต้องแปะเตือนแล้ว คือ มึงอาจต้องเขียนพลอตย่อขนาด 3 a4 ให้คนอ่านเลือกเหมือนขายงานเอเจนซี่ก่อนแล้วล่ะ จะได้สับกันไปเลยว่าทุกส่วนมีของไม่ถูกปากมึงมั้ย แต่สปอยหมดแบบนั้นแล้วมันยังจะเหลืออะไรน่าค้นหาในงานอีกเหรอมึง
คือ กุคิดว่าลักษณะนี้เนี่ย มันไม่ใช่ลักษณะที่ควรต้องเตือนเป็นสากลน่ะมึง และอะไรที่ไม่เดือดร้อนคนเป็นสากลเนี่ย คนๆนั้นควรรับผิดชอบตัวเองก่อนมาถามหาความรับผิดชอบจากสังคมนะ
ถ้าระบบรีวิวยังอยู่มึงคงจะรู้ได้จากรีวิวหรือวงเมาท์มอยนักอ่านทันทีแน่ๆ แต่ น่าเสียดาย
สอบถามในนีัได้ไหม พึ่งเข้าวงการนักอ่านนิยาย อยากซื้อนิยายที่ไม่ได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ในเมปจะมีลดราคาช่วงไหนบ้างไหม กับเรื่องที่ไม่ได้ตีพิมพ์นักเขียนลงขายเองงี้จะมีลดบ้างไหม
>>949 เม็ดมันก็หาเรื่องจัดแคมเปญบ่อยๆ นะ555 เดี๋ยวงายหนังสือนี้มันก็จัด แต่มันจะมีเทคนิค คืออยากได้เล่มไหน ไปกดว่าอยากได้ไว้ เวลาถ้ามันมีแคมเปญก็ไปไล่ดูลิสต์ที่อยากได้ ส่วนนักเขียนเนี่ยเขาจะเข้าร่วมการลดหรือเปล่า ตัวนักเขียนส่วนใหญ่ก็ประกาศกันในเพจ แต่ส่วนใหญ่โปรขายครั้งแรกของนักเขียนเนี่ยจะเปนราคาที่ถูกสุด
พวกมึง กุผวาว่ะ เพิ่งเคยเป็น คือ ไม่สามารถเขียนเล่มใหม่ได้ทันทีเพราะพลอตแบล้งเลย ได้แต่ขึ้นต้น เคมีพระ-นางคร่าวๆ แต่หาปมอะไรมาเดินเรื่องไม่ได้เลย
กุเขียนนิยายมา 5 ปีได้ละ ปลอบใจตัวเองว่าคนที่เขียนไประยะนึงน่าจะเป็นกันส่วนใหญ่ มันปกติใช่ไหม เดี๋ยวพักอ่านนิยาย ดูซีรีส์เก็บไอ้ดียไปเรื่อยๆ ก็ร่างทรีตเม้นจบเองใช่ไหมวะ
ป.ล. กูเขียนหลายแนว แล้วก่อนหน้านี้ นานมากไม่ได้แตะแนวที่กำลังแบล้งนี่อยู่เลย นิยายก็อ่านแต่คนละแนว นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง ?
ky ขอคำแนะนำหน่อยสิเพื่อน พอดีกุอยากเขียนนิยายเผยแพร่งาน แต่ดันค่อนข้างเป็นพวกขี้กลัว+ดิ่งง่ายจัดเลยไม่กล้าลงงานสักที พอเห็นนิยายดีๆ นข.ดังๆ ยังโดนคนตินั่นนี่ได้กุก็คิดว่างานกุจะเหลือเหรอ คือพยายามทำให้ดีอยู่แล้ว แต่ก็อาจไม่ดีเป๊ะแน่ๆ ถ้านักอ่านชี้ข้อผิดพลาดบลาๆ ให้กุก็ควรน้อมรับคำวิจารณ์ แต่กุแยกการติงานกับการติผู้ผลิตไม่ได้ ถ้าเจอฟี้ดแบคว่างานมีข้อเสียอย่างงั้นอย่างงี้กุคงเผลอคิดว่าตัวกุแม่งกากเอง คือแก้มายเซ็ตยังไงดี TT มีพส.คนไหนเป็นผู้กล้าแกร่งพร้อมรับคำติมั้ย สอนกุหน่อยว่าต้องคิดปล่อยวางยังไง
ขอเพิ่มอีกนิด ถ้า feedback คำผิดหรือ error อื่นๆ กุรับได้เพราะกุตรวจจริงจังมาก ถ้าดันหลุดมาจริงก็น้อมรับผิดได้ แต่บางเรื่องอย่างความสมเหตุสมผลนี่รู้สึกมันความเห็นปัจเจกมาก เอาตย.ที่เห็นคนติงานคนอื่นคือเรื่องคาร์ตัวร้ายไม่มีมิติ ร้ายแบบร้ายโดยสันดานเลย หรือความรักพระนางไม่น่าอิน คลั่งรักเกินไปงี้ คือมุมมองนข.มันสมเหตุสมผลไง ตัวร้ายมันร้ายเพราะ born villain ไม่มีเหตุผลมาก พระนางรักกันเพราะมันเป็นเนื้อคู่ พรหม(นข.)ลิขิต เขียนอะไรก็อินอยู่แล้ว ถ้าโดนติมากุคงไม่รู้จะดีเฟ้นยังไงเหมือนกัน คงเศร้าที่ความสมเหตุสมผลเรามันไม่เมคเซนส์ในสายตาเขา ฮือๆ กุมีบ.ก.มีเบต้ารี้ดให้คห.แล้วก็จริง แต่ก็กลัวจะมีนักอ่านเห็นต่างแบบนี้ (ขนาดเรื่องดังๆ กุอ่านแล้วโอยังโดนได้ ;-;) เอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่เลยไม่กล้าเผยแพร่สักทีเนี่ย 55555
>>957 เอาตรงๆน่ะ ตัวมึงยังใช้เหตุผลนำอารมณ์ไม่ไหวเลย แล้วมึงหวังจะให้นักอ่านที่มาติมึงเป็นคนดีศรีสยามนักวิจารณ์ชั้นเลิศเหรอวะ มันเป็นไปไม่ได้ว่ะ ขนาดเอาเหตุผลมาโต้กันในเรื่องหนึ่ง หัวข้อนึง มันยังมีได้หลายมุมมองเลย และแต่ละมุมมองก็ไม่มีถูกผิดแบบ1+1=2 ซะด้วย โลกมันก็แบบนี้ จะเอาอะไรกับนิยายที่เป็นเรื่องของการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกและเปิดจินตนาการของคนอ่านเป็นหลักวะ คนอ่านเขาต้องคิดต้องรู้สึกได้ร้อยแปดแบบตามแต่ชีวิตและประสบการณ์เขาอยู่แล้ว
มึงไม่ต้องกลัว บอกเลยยังไงมึงก็โดน มีคนเห็นต่างกับมึงแน่ ๆ ขึ้นแค่ว่าเขาจะบอกมึงมั้ย ข้อดีอย่างนึงคือวงการทุกวันนี้นักอ่านเขาไม่ค่อยอยากติมึงหรอก กลัวนข.ใจบางสร้างดราม่ากันอยู่แล้ว
บางเรื่องไม่จำเป็นต้องดีเฟนท์ เห็นต่างกันก็แค่ปล่อยเขาไป แยกแยะว่าคำไหนมีประโยชน์เก็บมา นักเขียนชั้นครูทุกคนมีคนด่าหมด มึงเทพเหนือโลกมาจากไหนล่ะ ถึงจะพ้นจากปัญหานี้อยู่คนเดียวอ่ะ
ดังนั้นลงไปเลย ยิ่งเจอของจริงมึงจะยิ่งแกร่ง หดหัวกลัวคำวิจารณ์มันก็จะกลัวต่อไปชั่วชีวิต ลุยตอนที่สภาพแวดล้อมยังดี ยังมีคนให้ซุกหัวคอยดันเวลาที่ใจยังไม่แข็งพอนี่แหละดีแล้ว ทุกคนเจ็บเหมือนกันหมดเวลาโดนติโดนว่า เลียแผลแล้วก็ปล่อยมันหายเหมือนกันทั้งนั้น มึงมองโลกให้กว้างๆ กลาง ๆไว้ แล้วมันจะมีที่ให้มึงเติบโตได้อีกมาก
>>956 เผยแพร่ไปเถอะ อย่าไปคิดมาก บางทีเรื่องกังวลมันก็ไม่เกิดขึ้นจริงหรอก กูก็เคยเป็นงี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเจอแต่คนดีๆมาบอกข้อเสียให้ปรับปรุงด้วยคอมเมนต์น่ารักๆที่รับได้ ส่วนอีกเรื่องไม่มีคอมเมนต์เลย ขายไม่ดีหนักมาก ก็คิดเข้าข้างตัวเองได้ว่ากูงานดี มียอดซื้อนิดๆแต่ไม่มีใครติใครชมสักคน ก็ถือว่าไอ้สิ่งที่เคยคิดว่ามันต้องบ้งต้องเลวร้ายจนโดนด่าก็ไม่เกิดขึ้นไง555
ต้องยอมรับว่าบางทีความกลัวมันก็ฉุดรั้งความพร้อมของเราอะ มึงเหลือแค่เผยแพร่กับวางขายเอง เผลอๆเขียนจบแล้วด้วย มีบก.มีเบต้ารี้ดอีกต่างหาก ถ้าเขาติก็แค่เอามาปรับปรุง หรือคิดว่าสมเหตุสมผลสุดแล้ว นักอ่านเรื่องมากเอง มึงแขวนเขาในใจได้เว้ย ด่าไปเลย ด่าในใจให้มันจบๆแต่อย่าแขวนอย่าแคปลงโซเชียลแล้วตัดพ้อเด็ดขาด กูก็ไม่ใช่แม่พระ เวลาเจอวิจารณ์แรงๆแบบสักแต่จะด่า ไม่คิดจะบอกว่าแย่ตรงไหนให้ปรับปรุง กูด่าในใจตลอด แต่ไอ้ที่พิมพ์ตอบคือขอโทษนะคะ ความเห็นคุณนักอ่านมีประโยชน์มากเลย จะเอาไปปรับปรุงในผลงานเรื่องต่อไปค่ะ <3 มึงจะหาทางอยู่กับวงการนี้ได้ด้วยวิธีของมึงเองแน่นอน ขอแค่มีความกล้า กลั้นใจ กดเผยแพร่ไปก็พอ อย่าไปกลัว คอมเมนต์คนติไม่ทำให้เราถึงตาย อะไรที่ไม่ทำให้เราถึงตาย มันจะทำให้เราแกร่งขึ้น
>>956 มึงคิดไปเลยว่าจะต้องเจอสองอย่างนี้แน่ๆ
1. คนด่าไม่มีเหตุผล / คนด่าไม่รักษาน้ำใจมึง
2. ไม่มีคนเมนต์เลย เงียบเหมือนเป่าสาก
คิดแล้วก็คิดต่อไปเลยว่าเจอแล้วจะทำยังไง เตรียมใจเผื่อไว้ เหมือนคนทำกับข้าวมันต้องถูกลวกถูกบาดอะมึง ก็เตรียมยาเอาไว้ มึงคิดไปเลยว่า “ยา” ที่มึงจะใช้เตรียมรับถ้าถูกด่าหรือเมนต์กริบคืออะไร เช่น มึงจะไปบ่นกับเพื่อนมึง มึงจะไปเผาพริกเกลือแช่งอีคนนั้นที่เมนต์ไม่รักษาน้ำใจมึง คิดไปให้จบแล้วก็วางได้แล้ว
กูวางพล็อตเรื่อง วางทรีตเม้นต์ แบ่งตอนตั้งแต่ต้นจนจบ ตัวละครโผล่มาฉากไหน ใช้คำพูดประมาณไหน สนุกสุดๆ เขียนไปครึ่งนึงแล้ว จนไปอ่านเรื่องนึงที่มีคนเผยแพร่ไว้เมื่อสองปีก่อน พล็อตหลักๆ คล้ายกู 30-40 % เลย (ไม่สิ กูมาทีหลัง กูสิไปคล้ายเขา) เวลาอ่านที่เพื่อนๆ มาถามว่าไปเจอเรื่องคล้ายๆ กัน แก้เกมยังไงดี ไปต่อหรือพอซ่ำหนี้ กูเคยคิดว่ามันพอจะบิดๆ ไปได้ พอมาเจอกับตัวกูนั่งยิ้มอ่อนเลย
กุ >>956 ขอบใจทุกคนมากนะ ได้แนวทางเป็นประโยชน์มาก จุ๊บๆ
>>962 ปัญหาพวกนี้คงไม่มีแต่แรกถ้าไม่มีสิ่งชีวิตที่เรียกลูกหาบกับลูกอีช่างเคลมเป็นออริ หดหู่อยู่นะวงการ Orz บางเคสมันพิสูจน์แทบไม่ได้อยู่ว่าก๊อปจริงมั้ย แต่ถ้าไม่จริงก็แสดงความบริสุทธิ์ใจไปเลย (ถึงจะไม่มีหลักฐานก้เหอะ) ถ้าโดนหาบจิกนักก็เล่นบทเหยื่อเยอะๆ พวกออกตัวแรงสิจะโดนกระแสตีกลับ
มึง นข.ที่ออกเรื่องแรกเรื่องสองแล้วกริบ มันจะมีวันได้เงยหน้าอ้าปากงานแมสปังปุเรื่องหลังๆ มั้ยวะ ที่เห็นคนมันจะรุ่งเปิดตัวมาก็รุ่งเลย มีเคสตัวอย่างคนสู้ชีวิตบ้างมั้ย อยากมีหวังเป็นกำลังใจ 5555555
>>967 กูไม่ได้ตามคนนี้จริงจังนะ แต่น่าจะตรงกับที่มึงตามหา (มั้ยนะ ใครคิดว่ายังไม่ใช่แย้งได้) ซำลีสีพิ้งค์ เห็น 1-2 งานที่ออกเองในเม้ดไม่ค่อยมีคนเห็นเท่าไหร่ กริบอยู่ พอไปอยู่กับสนพ.คือป้ายแดงมา 3 เรื่องติดทันที เรื่องแรกที่ออกกับสนพ.ยังตรงตามมารตรฐาน แต่เรื่อง 2 เหมือนปังในหมู่คนรีวิวไปเลย เรื่องที่แมสๆดราม่าคนก็อวยกับชมในกลุ่มกันล้นหลามสุดๆ
>>968 กูว่าคนนี้ตรงตามที่มันขอแล้วนะ กูยังนึกไม่ออกเลย ที่นึกออกอีกคนก็บบรพนั่นแหละ เล่มแรกๆ ยังตามมาตรฐาน มาปังมากที่เล่มนางร้ายน่ะ ส่วนที่มันบอกว่าเห็นแต่คนที่มันจะรุ่งมาถึงก็รุ่งเลยนี่กูเห็นภาพมาก คิดออกหลายคนอยู่ มีทั้งรุ่งแบบมาตรฐานกับตัวแม่เลย ซึ่งทุกคนก็ออกมาแล้วรุ่งเลยจริงๆ ว่ะ เพิ่งสังเกตเกมือนกัน 55
>>968 เริ่ดๆๆๆ คนนี้ได้เลอ ดีจัง แต่เขาลงสนพ.ด้วยแหละ แสงส่องถึงเยอะกว่าตอนอยู่ตัวคนเดียวอยู่แล้ว มีเคสที่ไม่ได้ลงสนพ.ไม่มีเจ๊ดันช่วยอุ้มบ้างมั้ย
>>970 ตัวแม่คนนี้จุติมาก็ป้ายแดงเลยนะมึง 555 เพิ่งไปไล่ดูกุยิ่งอึ้ง เขาเดบิ้วปี 21 ละลงงานใหม่ทุกเดือนเลยว่ะ (กุนึกว่าเขาเพิ่งมาลงทุกเดือนปีหลังๆ นี่ทำแต่แรกเลย เยกเข้) ที่เรตติ้งทุบสถิติแอพก็ปีเดียวกัน ของแทร้ว่ะคนนี้ ไม่รู้ได้ไปกี่ล้านละ ขยันปั่นขยันทำงาน สมละที่ได้ผลลัพธ์คุ้มเหนื่อย
ใดๆ คือกุสงสัยน่ะ หน้าใหม่เดบิ้วเรื่องแรกละกริบมันก็ไม่แปลกหรอก แต่อยากรู้มากว่าทำไงให้เรื่องแรกละป้ายแดงเลย ไปหานักอ่านมาจากไหนกัน point คือติดชาร์ตรี้ดให้ได้เหรอ ???? ขอแบนเนอร์ก้ต้องรอลุ้นเป็นเดือนละนิ
>>971 หลายปัจจัยมากมึง หลายจนมึงไม่ควรยึดติดเพราะมันไม่มีสูตรสำเร็จ
ไม่ใช่แค่เรื่องแรกกริบเป็นปกติหรอก วงการนข.มีทุกแนวเป็นปกติ ปังเรื่องแรกเรื่องเดียวแล้วดับยาว, เขียนมาสี่สิบเรื่องถึงปัง, เขียนไปสามเรื่องถึงปัง, เขียนสามเรื่องกริบสี่เรื่องปังต่อด้วยสามเรื่องกริบก็มี, หรือเขียนมายี่สิบเรื่อง ไม่เคยปังเลย แต่จากยอดขายกินขนมกลายเป็นยอดขายที่ใช้ชีวิตได้ทุกเดือนก็มี
มีฝีมือไม่ปังก็มี ไม่มีฝีมือแต่ปังก็มี ทำใจสบายๆผลิตงานแล้วลงแล้วค่อยปรับไปตามสมควร ตามสถานการณ์เถอะ
ตงกงนี่ขวัญใจด้อมโม่งเลย เวลามีคนมาสาปก็ช่วยกันดีเฟ้นสุดยังกับตงกงมาเล่นโม่งเอง ส่วนตัวกูว่าคนนี้ไม่ได้โนเนมบ๋อแบ๋มาก่อน แต่เป็นอวตารคนดังสักคนที่เขียนสายคลีนมาแล้ว แต่อยากจะสายแดงก็เลยอวตารนามใหม่ อะไหนๆ พวกมึงก็ปลิ้มปริ่มขนาดนี้ ไหนวิแคะให้กูฟังหน่อยว่าทำไมงานคนนี้ปังทุกเรื่อง ขายดิบขายดีเหมือนแจกฟรีปานนี้
>>975 โม่งช่วยดีเฟ้น?5555 ตัวดีเลย สงสัยก่อนบนบกจนเคลียร์กันเองแล้วว่าไม่ได้ใช้โกสต์ไร้ท์ช่วยเขียน เพราะช่วงนึงออกงานทุกเดือนแล้วเหมือนสำนวนไม่นิ่ง โม่งบนๆเคยวิแคะเรื่องความปังของงานเขากันไปนานละ ลองไปย้อนดูได้ เพราะคนสงสัยเยอะจริง+เป็นไอดอลของใครหลายๆคน ในโม่งคือผ่านจุดสงสัยมาเป็นจุดชื่นชมในความขยันละ
กูยังก้ำกึ่งกับคนนี้ว่าอวตารอีกนปก.มาจริงมั้ย เพราะกูทันช่วงแรกๆงานเขาก็ไม่ได้ปังมากนะ แต่เหมือนจับจุดคนชอบผัวโบ้สาวเฟียสได้แล้วเข็นแนวนี้ออกมารัวๆเลย พอมาถึงช่วงนี้ถึงยังแมสอยู่แต่ก็เหมือนอิ่มตัวอะ ขนาดแฟนคลับเดนตายยังเม้นบอกว่าอยากให้นักเขียนออกจากเซฟโซน ลองพอ.ไทป์อื่นบ้าง
>>975 ช่วงแรกงานเขาไม่ได้ปังนะ ค่อยๆ ไต่ระดับตามวิถีนามปากกาใหม่เหมือนคนอื่นๆ นั่นแหละ มาปังจริงๆ จากเรื่องสองพันเรตติ้ง จากนั้นก็ปังยาวแบบติดลมบนจนตอนนี้กระแสนิ่งเริ่มอิ่มตัวนั่นแหละ
>>976 กูคิดก้ำกึ่งเหมือนมึงว่าอาจจะอวตาร เพราะเปิดขายเล่มเรื่องแรกก็ให้โอนเงินเข้าบัญชี หจก. เลย หน้าใหม่ส่วนใหญ่เขาโอนบัญชีส่วนตัวกันทั้งนั้น นักเขียนหน้าเก่าหลายคนตอนนี้ก็ให้โอนเข้าบัญชีส่วนตัวกันอยู่เลย แต่เจ๊แกเปิดขายเรื่องแรกให้โอนเข้านิติบุคคลเลย หน้าใหม่แบบใด พิรุธพิราบมาก
เอ๊ะ เคลียร์แล้วเหรอว่าไม่โกสต์ กุว่างานเขาแรกๆ อาจจะไม่จัดว่าปังถล่มทลายแต่ได้ป้ายแดงยอดอ่านกับเรตติ้งหลัก 40+สำหรับกุมันก็ปังอยุ่นะ เรียกว่าเริ่มได้สวยอ่ะ เทียบกับบางคนหลายปีแล้วยังหลักหน่วยหลักสิบ ว่าแต่เราควรไปมู้สับมั้ย ถึงจะไม่ได้นินทาแต่เริ่มเม้ามอยตัวบุคคล
นักอ่านหัวโบราณมีอยู่จริงมั้ยวะมึง ถ้ากุเขียนแนวรักทั่วไปแต่มีซีนเด็กมหาลัยได้กันแบบ consent คู่ ไม่ได้เมา/พลาด แค่แส้บกันจริงจัง กุจะโดนเขาด่าว่าชี้นำเยาวชนมั้ย หรือฟรินๆ ไม่คิดไรมาก 555555
แต่... ที่โพสต์ว่าไม่สนับสนุน เอดูเขตต่างๆนานา ก็เห็นอ่านแนวพระเอก-นางเอกวัยมหาลัยเข้าร้านเหล้าเมาแล้วได้กัน ศัพท์ ค ห ต ย มาเต็มจนเมดระงับการขายมาแล้วก็มี ดังนั้นแนวที่มึงบอกว่าไม่เมาไม่พลาดแต่แส้บกันจริงจัง คือปกติมากนะ เขียนไปเถอะเพื่อน
พูดถึงจ้างโกสของตงกงแล้ว อีกคนคือ ตยก คนนี้ก็ออกทุกเดือน ป้ายแดงทุกเล่ม เขาทำได้ไงวะ กุว่าเขาไม่ได้จ้างโกส สำนวนการเขียนเขาค่อนข้างไปแนวแปลฝรั่ง แล้วคิดพลอตได้ทุกเดือนนี้ โห ทำได้ขนาดนี้คือ ลูกอึดเลยชะ ขายวิญญาณให้ซาตาน ไม่ใช่ไรกุอยากทำได้บ้าง ไม่จำเป็นต้องดังหรอก แต่การออกงานบ่อยมันก็ช่วยให้คนเห็นเยอะขึ้น
คนนี้ก็สุดจริง ขยันมากกกกกกกก ไม่ติดอันดับโดดเด่น แต่มาแบบเรื่อยๆเลื่อนดูจะเจอว่าติดอันดับขายดี มีแฟนขับเดนตาย กูเคยคิดจะตามซื้ออ่านทุกเล่ม ทำได้แค่หลัก30กว่า เขามีร้อยกว่าเล่มในเมดกูท้อ แต่งานเขามีซิกเนเจอร์และพระเอกจะสไตล์อัลฟ่าๆ เป็นเอกลักษณ์ ไม่มีโปรตอนแรกขาย ราคาจะ279 259 ประมาณนี้ จะมีโปรเล่มเก่าๆเฉพาะช่วงงานหนังสือ กูชอบในความขยันตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองอย่างเดียวมาก
โม่งใช้หลักเกณฑ์อะไรที่จะตัดสินใจเขียนต่อ/ไม่เขียนต่อกันวะ
คือกูเขียนสต๊อกเอาไว้พอสมควรละ แต่ยอดคนอ่านเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 30-40 คน เท่านั้น และอิงจากกราฟสถิติแล้วก็คงโตช้าไม่ก็ไม่โตละ
ก็ไม่ได้หวังจะขายหาเงินเพราะยังไงก็มีงานประจำอยู่แล้วเลยเป็นแค่งานอดิเรก แต่ก็ยังอยากหวังจะทำเป็นอาชีพอยู่ ทว่าพอเห็นยอดน้อยก็พาลรู้สึกเฟล + ตอนนี้คือใจกูเอียงไปเขียนเรื่องใหม่แล้ว ทั้งที่เรื่องนี้เพิ่งเขียนไปได้ราวๆ ครึ่งเรื่องเท่านั้น กูเลยไม่รู้ว่าควรจะเอายังไงต่อดีระหว่างเขียนต่อแบบไม่สนใจอะไร หรือจะไปลองเสี่ยงเขียนเรื่องใหม่เผื่อว่าจะดีกว่ากันเลย
เทียบข้อดีข้อเสีย เรื่องเก่านี่คือวางโครงเอาไว้จนจบละ ถ้าเขียนต่อมันก็เขียนไปได้เรื่อยๆ ในขณะที่เรื่องใหม่ต้องมาวางพล็อตใหม่ แต่ก็คงต้องทนรับกับยอดรีดที่ต่ำเตี้ยต่อไป ตอนนี้ก็ลังเลอยู่ว่าจะเอายังไงต่อดีเลยอยากขอความเห็นโม่งหน่อยว่าจะเขียนต่อหรือขึ้นเรื่องใหม่ไปเลยดี
>>992 ถ้ามึงมีแรงมากพอนะ ลองเขียน2เรื่องพร้อมกันไปก่อน อย่างน้อยเรื่องเก่าโครงมึงจบแล้ว แต่ถ้าไม่ไหวอยากทิ้งเลย มึงเริ่มเรื่องใหม่มึงก็ต้องเผื่อใจว่ามันอาจจะไม่แมสเหมือนเรื่องเก่านะ บางคนเขีบนไม่รู้กี่เรื่องกว่าจะแมส กว่าจะสร้างฐานแฟนได้อ่ะ กลัวมึงจะผิดหวังเกิดเริ่มเรื่องใหม่แล้วยังอีหรอบเดิมหรือแย่กว่าเดิม
>>994 ตลาดอีบุ๊คนี่ก็คิดอยู่ว่าจะลองวางขายดู แต่ต้องทำปก+รูปเล่มใหม่ก่อน
แต่แอพอื่นลองละ สุดท้าย ดด. นี่ล่ะคือกลุ่มลูกค้ากู รอ. นี่โดนกลืนหายไปกับธารนิยายละ
ปัญหาคือตอนนี้กูลังเลแล้วว่าจะเอายังไงต่อดีนี่ล่ะ เพราะที่เขียนมาทั้งหมดมันยังแค่กลางเรื่องเอง จะไปต่อให้จบก็เกรงว่าน่าจะอีกไกล ที่พอคิดได้ก็คือหางทางลงแบบตัดจบเท่านั้นล่ะ
จะหมดมู้แล้วอย่าลืมตั้งใหม่จ้าาา
>>995 มึงกำลังสับสนกับตัวเอง
ปากบอกไม่ได้หวังเงิน แต่ก็อยากได้เงินมากพอจะทำเป็นอาชีพ ปากบอกว่าเป็นงานอดิเรกแต่พอแสงไม่มามึงก็เฟลจนพานเลิก สรุปมึงเขียนเพราะอยากได้อะไร
ถ้าอยากได้เงินแล้วมันดูไม่รุ่ง ตลาดไม่ตอบรับ อันนี้มึงหาทางลงตัดจบแบบสวยๆหน่อยเลย จากนั้นค่อยเอางานไปลงอีบุคแบบช่างหัวมัน จะงอกไม่งอกก็ช่าง
แต่ถ้าคิดว่าทำเป็นงานอดิเรก กลับไปอ่านนิยายมึงใหม่ด้วยใจแบบคนอ่าน มันสนุกพอสำหรับมึงมั้ย สมควรไปต่อตามโครงเพื่อให้มันสมบูรณ์หรือเปล่า ถ้าใช่ก็ทำต่อไป อย่างน้อยก็ได้กำไรทางใจ
ใดๆคือมึงไม่มีทางรู้เลย ว่าคนอ่านของมึงจะโผล่มาตอนเรื่องจบแล้วหรือเปล่า หรือคนอ่านมึงจะไปอยู่ในตลาดอีบุคมั้ย และเรื่องใหม่มึงจะปังหรือเปล่า ถ้ามันออกมาแบบเดิมอีกล่ะ มึงก็จะหมดใจ ทิ้งไปเอาเรื่องที่สามมาปั้นต่ออีกเหรอ นักอ่านที่เห็นนามปากกามึงทิ้งเรื่องค้างๆคาๆหรือตัดจบเป็นประจำ ถ้าเขาชอบงานมึงอยู่คราวนี้เขาคงไม่ให้ค่าแล้ว รู้ว่าเอาใจช่วยลูกมึงไปสุดท้ายก็หมาทุกเรื่องอ่ะ เขาจะตามต่อเหรอ มึงลองคิดดูดีๆ
ถ้าพาสชั่นมึงมาจากข้างนอกอ่ะ หาไปเถอะ มันไม่มีทางพอว่ะ วันนี้ได้ร้อยวิวมึงก็จะเปรียบกับพันวิว วันข้างหน้าเคยได้หมื่นวิว มึงก็จะหัวเสียกับพันวิวเช่นกัน ใจคนมันไม่เคยรู้จักพอหรอก ลองนึกถึง 1 เปย์วันแรก กับ 1 เปย์วันนี้ดู เคยได้แล้วก็มีแต่จะอยากไม่สิ้นสุด ถ้ามึงให้คราส.นี้ลากมึงไปซ้ายขวา แม่งก็มีซึมเศร้าล่ะวะ
ตั้งมู้ใหม่แล้วนะเพื่อนโม่งงงง
https://fanboi.ch/literature/18814/
ขอให้ปังปังปังกันนะ
----ปิดมู้----
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.