คำถามยอดฮิต มาถกกันได้ที่นี่
Last posted
Total of 502 posts
คำถามยอดฮิต มาถกกันได้ที่นี่
มะเร็งวรรณกรรม lol
นิยายไร้แก่นสานที่เอาไว้อ่านฆ่าเวลา
นิยายที่มีแต่คนระดับสติปัญญาต่ำอ่าน
by โม่งขยะวรรณกรรมจากห้องไหนสักห้อง
หนังสือที่ดีกว่าขยะวรรณกรรมอย่างแฮรี่ พอตเตอร์ lol
ไม่ใช่สิ หนังสือที่ขายดีจนมีพวก สนพ.เห่อหม่อย ขี้อิจฉา
งานตัวเองขายไม่ออก แล้วมาบ่นแบบปัญญาอ่อนต่างหาก lol
คือสิ่งที่อ่านแล้วจะทำให้มึงสติปัญญามึงด้อยลง
แต่ถ้ามึงด่ามันแล้วมึงจะฉลาดขึ้น
ตอนกูอ่านไลท์โนเวลเล่มแรก กูอ่านไปได้สองหน้ากูก็ต้องปิดมาถอนหายใจว่ากูซื้ออะไรมา แล้วกูควรจะเสียดายเวลาที่จะอ่านหรือเงินที่ซื้อดี
ทุกวันนี้กูไปงานหนังสือเพื่อไปหิ้วไลท์โนเวล อ่านแล้วกะปรี้กะเปร่าดี
ไลท์โนเวลดีๆมีไม่กี่เรื่องเองมั้ง ส่วนใหญ่ทีกูเจอจะอุดมไปด้วยฮาเร็มโมเอะพระเอกแกรี่เนื้อหาจูนิเบียวตัวละครแบนแต๊ดแต๋บทบรรยายห่วยแตกอัดแน่นไปด้วยมุกตลกฝืดจากญี่ปุ่นที่กูไม่เก็ต
แต่อ่านแล้วมันบันเทิงดี และนั่นแหละที่ทำให้กูซื้อ
>>9 >>10 ถ้าเทียบกับสเกลของวงการวรรณกรรมโลกแล้ว แฮร์รี่ก็ไม่ได้ดีเลิศอะไรหรอก ถือว่ากลางๆ สามารถอ่านได้ไม่อายครูบาอาจารย์ เพียงแต่การโปรโมตของสำนักพิมพ์มันทำให้กลายเป็นกระแสได้เท่านั้นเอง
แต่อย่าเอาไปเปรียบเทียบกับไลท์โนเวลเชียวล่ะ ถ้าแฮร์รี่เรียกว่ากลางๆ ไลท์โนเวลก็คือเศษถุงกล้วยแขกที่ถูกถังขยะทับไว้แล้วมีน้ำเน่าๆจากขยะในถังไหลลงมาใส่น่ะ ยิ่งไลท์โนเวลที่ สนพ. ไทยเอามาแปลขายยิ่งไม่ต้องพูดถึง เกือบทั้งหมด (คำว่าเกือบทั้งหมดคือ น่าจะสัก 99% ของทั้งหมด) แม่งเป็นเรื่องโม่ยๆ ใช้ภาษากากเดน เอาใจลูสเซอร์ที่หวังว่าชีวิตตัวเองจะประสบความสำเร็จได้โดยไม่ต้องพยายามทั้งนั้น
>>11 ยินดีด้วย มึงถูกล้างสมองไปแล้ว กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้วงการวรรณกรรมบ้านเราเสื่อมโทรมลง
ขอเพิ่มเติมอีกหน่อยก่อนจะนอน
นึกขึ้นได้พอดี เห็นมีคนเคยถามกูว่ากูจะมาด่ารสนิยมคนอื่นทำไม ถามว่าคิดอะไรอยู่ถึงมาด่าไลท์โนเวล กูก็อยากจะเผยความในใจให้พวกมึงฟัง
เมื่อ 10 กว่าปีมาแล้วมีหนังเรื่องนึงชื่อ idiocracy เรื่องนี้ดังมากนะ กูเชื่อว่าพวกมึงน่าจะเคยดู แต่สำหรับคนที่ไม่เคยดู จะเล่าย่อๆว่ามันเกี่ยวกับคนที่มีสติปัญญาธรรมดาๆ ความสามารถกลางๆคนนึง ที่ถูกจับเอามาทดลองแช่แข็งมนุษย์ แต่เกิดความผิดพลาดขึ้นทำให้ไปตื่นในอีก 500 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นยุคที่มนุษยชาติโง่ลง โง่ฉิบหาย โง่จนขนาดที่ว่าทำให้พระเอกกลายเป็นยอดอัจฉริยะไปเลย
ทีนี้มันมีอยู่ฉากหนึ่ง เป็นฉากในโรงหนังในยุคของคนโง่ ซึ่งโรงหนังทุกโรงแม่งฉายหนังเรื่องเดียวกันหมด คือเรื่องตูด โดยหนังเรื่องนี้ไม่มีเนื้อหาห่าเหวอะไรทั้งสิ้น มีแต่ภาพตูดด้านๆของคนๆนึงที่ไม่รู้ว่าเป็นใครฉายขึ้นจอ แต่ผู้คนกลับชอบมันมาก ดูไปหัวเราะไป ตบมืออย่างสนุกสนาน
นี่แหละคือความเห็นของกูเกี่ยวกับคนอ่านไลท์โนเวลที่ถามกูว่ากูไปเสือกอะไรกับรสนิยมของมัน
>>15 มันก็เสือกอยู่ดี อยากทำตัวเป็นศาสดาหรือไง?
ln ก็เหมือนอาหารฟาสฟู้ดนั้นแหละ ส่วนใหญ่ก็กินเอาอร่อย(บันเทิง) ไม่มีใครยกมาหรอกว่า ln ควรเป็นวรรณกรรมขึ้นหิ้ง ตัวอย่างของวรรณกรรมอะไรพวกนี้ เขาอ่านเอาบันเทิง(ถ้ามึงไม่เข้าใจความบันเทิงของคนอื่น มึงก็ไม่ต้องมาเสือกเพราะคนเราความคิดต่างกัน) และความบันเทิงก็ไม่จำเป็นต้องมีประโยชน์ ต้องมีภาษาที่ดี ต้องมีตัวละครที่มีมิติ ต้องมีแง่คิด ฯลฯ(คือมันอาจต้องมีในบางแง่ แต่อาจไม่จำเป็นก็ได้)มันอาจเป็นเรื่องที่บ้าอะไร ไร้เหตุผลสิ้นดี บรรยายบัดซบแต่ถ้ามันตอบสนองความสนุกคนอ่านได้มันก็บรรลุคุณค่าในตัวมันแล้ว
อ๋อ รู้สึกเหมือนกับในไลท์โนเวลที่มีพระเอกฉลาดอยู่คนเดียวรายล้อมไปด้วยsidekickหัวกลวง ผู้ใหญ่รั้นๆหน้าโง่ กับตัวร้ายหลงผิดอ่ะนะ
มู้LNอยู่ข้างล่างนี่เอง ไม่ไปรณรงค์หน่อยล่ะ
ปล.เจ้าแม่เรย์กะนี่เป็นLNไหม?
>>27 จริงๆ กูไปมาแล้วนะ พอไปแม่งก็หาว่ามาป่วน โคตรกากเดน ทั้งๆที่กูพูดด้วยเหตุผล ไม่ได้สักแต่ด่า แต่ก็งี้แหละ รีแอคชั่นของพวกที่เหตุผลพิการก็มีแค่ด่าคนอื่นว่าโทรลล์บ้าง มาป่วนบ้าง แถบ้าง เท่านั้นล่ะ
ส่วนอีเรย์กะน่ะรำคาญฉิบหาย เห็นกระทู้แม่งวิ่งไวสัสจนงงมากว่าคือเหี้ยอะไรจนต้องไปอ่านดู อ่านได้สองสามตอนก็ร้องเหี้ยละ เพียงแต่กูไม่ได้อยากเจาะจงด่าเป็นเรื่องๆ ของแบบนี้มันต้องพูดรวมๆ เพราะความเหี้ยมันไม่ได้อยู่แค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง
เอาเป็นว่าข้อดีของการอ่านไลท์โนเวลอย่างเดียวเท่าที่กูนึกออกคือป้องกันมะเร็งสมอง เพราะเนื้อสมองพวกมึงคงถูกทำลายจนไม่เหลือที่ให้เซลล์มะเร็งเติบโตอีกแล้ว
อธิบายให้ง่ายขึ้นไปอีกก็คือ สมมติว่าตรงหน้ามึงมีกองขี้หมาอยู่หลายๆกอง กูก็ไม่จำเป็นต้องบอกมึงใช่ไหมว่ากองนี้เหลวกว่า กองนี้เหม็นกว่า
สิ่งเดียวที่กูอยากบอกคือ "อย่าเหยียบขี้"
ไปตั้งเพจเลยเชื่อกุ เดวกุกดไลค์ให้
อ่านแล้วดูเห่อหมอยแปลกๆ
กูนับถือในความพยายามของมึงจัง มึงดูเป็นห่วงเป็นใยเรื่องรสนิยมของชาวบ้านอย่างแท้จริง
เหมือนกูนึกครึ้มอยากไปดูหนังระเบิดภูเขาเผาใบกระท่อมเอามันส์ แล้วมีคนมาบอกว่า หนังสวะ ทำไมไม่ไปดูหนังรางวัลนั่งตีความสิบตลบ
เหมือนกูอยากเล่นเอโรเกะ แต่มีคนมาบอกให้ไปเล่นเกมAAA
เหมือนกูอยากแดกปิ้งย่าง แต่มีคนมาบอกให้ไปแดกสุกี้
>>32 ดิสเครดิตกันฉิบหาย คิดมุกที่ดีกว่านี้ไม่ออกแล้วเหรอ
>>33 คือถ้าพวกมึงไปเขียนอ่านกันอยู่ในรูในถ้ำเงียบๆก็คงไม่ว่าอะไรหรอก แต่มึงเอางานสวะมาในที่แจ้ง แถมไปเบียดบังงานดีๆเขาไง เหมือนกับผักตบชวาอะ เลี้ยงไว้ในอ่างปลาตอนแรกก็สวยดีหรอก พอเริ่มแพร่พันธุ์แล้วเอาไปโยนทิ้งคลอง ทีนี้ล่ะฉิบหายกันทั้งลุ่มแม่น้ำเลย
กูไม่อยากให้ลูกหลานกูต้องมาเจออะไรอย่างนี้ ก่อนตายก็ไม่อยากเห็นไวท์โร้ดหรืองานคิโม่ยอื่นๆติดชาร์ต 100 เรื่องที่ควรอ่านก่อนตาย
จะด่า LN ทั้งทีเอาให้เหมือนโม่งวรรณกรรมคลาสสิคได้ป่าววะ อย่างน้อยมันก็ยังแนะนำวรรณกรรมญี่ปุ่นแปลกๆให้กูได้รู้จักบ้าง
>>39 แนวไหนก็แนะนำมาเหอะ จริงๆกูว่ายกนิยายอะไรมาในแง่คุณค่าวรรณกรรมมันเหนือกว่าไลท์โนเวลเกือบหมดละ
แต่กูชอบไลท์โนเวลหลักๆเพราะเวลาอ่านแล้วนึกภาพตามมันเป็นตัวการ์ตูนน่ารักๆไม่ใช่คนจริงๆแบบนิยาย กับเพราะฉากเลิฟซีนหวานแหววกับพระเอก
แต่กูจะไม่มีวันเดินไปซื้อนิยายรักโรแมนติกหรือเข้าโรงหนังไปดูหนังรัก มึงเข้าใจมั้ย
เหมือนมึงชอบเพลงๆนึงแค่เพราะดนตรีช่วงท่อนฮุก ไม่ใช่เพราะความหมายของเนื้อร้อง
เหมือนมึงดูหนังโป๊เพราะนม ไม่ใช่เพราะเนื้อเรื่อง
ไม่ได้มาแป้บเดียวทู้แม่งวิ่งเฉย
แฮรี่มันก็ถือว่าดีในระดับนึงมันอยู่ในหมวดวรรณกรรมเด็กนะถ้ากูจำไม่ผิด
วรรณกรรมเด็กคือให้เด็กอ่านแล้วเซ้ลอินเสิทตัวเองเข้าไป เหมือนมึงไปเรียนฮ้อควอดด้วยตัวเอง
แล้วทีนี้มันเป็นเรื่องแรกๆที่วางเฟรมเกี่ยวกับโรงเรียนและดัง อารมณ์ประมาณ sao
หลังจากนั้นก็มีแนวโรงเรียนตามมาเรื่อยๆ อย่าง บารามอส เป็นต้น
งั้นแสดงว่า ก็แค่สวะนิยายเห่อหมอยเองสินะรู้จักแต่แฮร์รี่ แนวโลกขาวดำ
อ่านกันดั้มยังบันเทิงปัญญามากกว่าเลย lol
>>47 จ้า เอาที่สบายใจเลยจ้า
คือมึงน่าจะรู้สึกตัวสักหน่อยนะว่าตัวเองนู้บมาก ไม่ได้ใช้เหตุผลอะไรในการโต้แย้งเลย ทั้งกระทู้นี้และกระทู้อื่นๆ ก็ไม่มีใครบอกได้ว่าไลท์โนเวลมันจะจรรโลงสังคมได้ยังไง มีแต่พล่ามๆ มันสนุกนะเว้ย อ่านเบาสมอง อย่าดูถูกรสนิยมคนอื่น บลาๆ
และอันที่จริงมึงก็กำลังดูถูกรานิยมของคนที่ชอบแฮร์รี่อยู่นะ ถถถ
Feedแม่งเยอะๆกูจะได้แจ้งแบนเรื่องเหยียดรสนิยมชาวบ้านได้ ตอนนี้เริ่มมีหลุดมาละ
>>50 แอดมินไม่น่าบ้าจี้ตามมึงนะ คือกูว่ากูไม่ได้ด่ากราด ไม่ได้ฟลัดกระทู้ ไม่ได้ป่วน ไม่ได้ไปขวางลำใครที่กระทู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเลย ดูเอาก็ได้ว่ากูไม่เคยไประรานเจ้าแม่เรย์กะ หรือกระทู้อื่นในห้องนี้นอกจากกระทู้ไลท์โนเวล vol.xx กูอยู่ถูกที่ตลอด จะโดนแบนได้ยังไง?
คือมึงจะต้องให้ทุกคนเห็นด้วยกับมึงหมดว่างั้น? ลองแจ้งแอดมินดูแล้วกัน ถ้าแบนจริงนี่มันโคตรตลกเลย
>>51 ไหนละเหตุผลมึงไม่เห็นยกตัวอย่างมาได้ซักเรื่อง ไม่เอาแฮร์รี่ พอร์เตอร์นะ lol
อย่างว่าเห่อหม่อยอ่านแต่นิยายแปล กับอ่านได้แค่ eng ก็งี้แหละ แถมดันดูถูกรสนิยมชาวบ้าน ทั้งที่ตัวเองอ่านเป็นแต่นิยายขาวดำแท้ๆ
Wiedźmin ลองหาต้นตำหรับอ่านนะคับ อ๋อลืมไปเห่อหมอยอ่านภาษาโปแลนด์ไม่ออก lol
วรรณกรรมแนวซีไรต์ มันยังเรียกกันว่าแนวซีไรต์เลย
ง่ายๆ ln เป้าหมายมันคือเพื่อความบันเทิง ไม่ได้ทำมาเพื่อเป็นซีไรต์วันนาบีต้องการรางวัลอะไรมากมาย
แล้วจะให้ไลท์โนเวลมาจรรโลงสังคมได้ยังไงวะกูก็งง ประเด็นนี้มึงก็ไปด่านิยายรักๆเกาหลีหรือนิยายที่แม่งชอบเอามาทำเป็นละคร 3579 ได้เหมือนกันหมด ฟิฟตี้เกรย์ ทไวไลท์ แหวนครองภิพพ นาเนีย สตาร์วอร์ เหี้ยไรแม่งก็ไม่จรรโลงสังคมxxxไรทั้งนั้น ทำมาเพื่อความันเทิงหาเงินทั้งนั้น
>>52 กูชี้แจงไปมากแล้ว นี่ไม่เคยตามอ่านเหรอ? มาใหม่หรือเปล่า
สรุปให้สั้นๆก็แล้วกัน ว่าไลท์โนเวลมันกำลังทำให้ตลาดนิยายดีๆ ตาย เพราะว่าเด็กๆ และวัยรุ่น ซึ่งเป็นกำลังซื้อที่พร้อมเพย์เนี่ย แม่งหันไปเสพไลท์โนเวล ซึ่งเป็นงานเขียนที่ขาดทั้งความงามทางวรรณศิลป์ และขาดทั้งเนื้อเรื่องที่เป็นระบบ ซึ่งส่งผลโดยตรงให้คนพวกนี้ไม่เข้าใจการใช้ภาษาที่สูงและเนื้อเรื่องที่ซับซ้อน ทำให้นิยายดีๆ ไม่ได้เกิดกับเขาสักที
เอาตามตรงนะ สนพ. น่ะไม่ได้เดือดร้อนกับเรื่องพวกนี้หรอก สนพ. ก็แค่จับตลาดกลุ่มลูกค้า และก็หางานเขียนที่ขายได้เอามาขาย แล้วเป็นไงล่ะ ลองไปดูตามแผงหนังสือทุกวันนี้สิ ปีๆหนึ่งมีหนังสือที่เรียกได้ว่าดีโผล่ขึ้นชั้นมาสักที่เล่มกัน และเมื่อตลาดขาดแคลนงานเขียนดีๆ คนแม่งก็ต้องโง่ลงเป็นธรรมดา
ส่วนสถิติ กูคงหามากางเป็นแผนภูมิให้มึงดูไม่ได้ แต่กูสามารถแนะนำให้มึงไปเปิดดูเด็กดี โดยเฉพาะในหมวดแฟนตาซี รักแฟนตาซี และเกมออนไลน์ ว่าตอนนี้มันเกิดเหี้ยอะไรขึ้นกับนักเขียนนักอ่านของชาติเรา
อ่านแต่ วรรณกรรมเยาชน แต่มีรสนิยมเหยียด อืม เทพชิดหาย
กูว่า หน้ากากนักร้องหรือไอ้พวกแคสเกมนี่สร้างปัญหาให้สังคมมากกว่า ln อีกนะ 555
ไม่แปลกหรอกเด็กเห่อหมอยชัดๆ วรรณกรรมยกมามีแต่ วรรณกรรมเด็ก
พวกวรรณกรรมทางจิตวิทยา การเมืองไม่เคยแตะ สุดท้ายอ่านจบก็ไม่ได้อะไร
ไม่ต่างจากอ่าน LN จับนมเลยแม้แต่น้อย lol
งวดหน้าอย่าลืมยก หนูน้อยจอมทรนง เข้ามาอีกเรื่องด้วยนะ จะได้ครบชุด วรรณกรรมเด็ก
>>68 ถ้าจะหวังให้กูดิ้นน่ะเปล่าประโยชน์นะ แต่ยิ่งมึงพิมพ์มาแบบนี้ยิ่งทำให้รู้ว่ามึงแม่งเป็นเด็กน้อยมากๆ ที่พอจวนตัวก็เริ่มทำตัวเกรียนๆ กล่าวหาอย่างนู้นอย่างนี้
สำหรับคนที่ไม่รู้นะครับ ทั้ง 1984 แอนนิมอล ฟาร์ม และการผจญภัยฯ ที่ยกมานั้นเป็นวรรณกรรมที่ได้รับการยอมรับว่าดีในทุกแนวที่ถูกพูดมา (ทั้งในแง่สังคม การเมือง) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผจญภัยฯ ได้รับการยอมรับประมาณว่าเป็นบิดาของวงการวรรณกรรมอเมริกันเลยทีเดียว ลองไปเสิร์ชกูเกิ้ลดูได้ ถถถถ
>>71 ไม่เป็นแบบนี้ครับ อย่างน้อยแนวเกิดใหม่ก็เพิ่งมาในช่วงหลัง ยังไม่รวมถึงเกมออนไลน์แนวใหม่แบบใส่หน้ากากออกมาในโลกแห่งความจริง เกิดเป็นนางร้าย และการตั้งชื่อเรื่องยาวเหยียดเลียนแบบไลท์โนเวล อันนี้เห็นได้ชัดเจนมากๆ
ส่วนเรื่องสถิติ อย่างที่บอกไปว่ากูไม่ได้อยู่ในส่วนที่จะสามารถเอาตารางสถิติมาแปะให้ดูได้ แต่มันเป็นที่รู้กันโดยทั่วไป ถ้าไม่ปิดตาก็คงจะมองออกนะ
Wiedźmin ที่มีฉากเยดกัน โลกเทาๆ ยังดูดีมีมิติกว่า นิยายเยาวชนที่ยกมาเลย lol
ลองยกตัวอย่างวรรณกรรมดีเด่นที่ออกในช่วง 2 ปีนี้หน่อยดิ ยกมาแต่เรื่องเก่า อย่าง never ending story อ่านตั้งแต่เด็กล่ะ อ่านจบมาหลายรอบล่ะ จะให้อ่านซ้ำๆแม่งทุกวันเหรอไง ยกมามีแต่วรรณกรรมอมตะ เอาเน้นทันสมัยหน่อยดิ
>>79
1 สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง นี่แหละคือนางร้าย
2 Stella นางร้ายป้ายแดง
3 หลุดเข้ามาในนิยายที่ตัวเองเขียนเนี่ย ไม่ใช่เรื่องตลกนะคะ!
4 ลำนำรัก นางร้าย
5 ฉันเกิดใหม่ในโลกปีศาจ
6 Really Otome? นี่มันแค่เกมจีบหนุ่มจริงๆน่ะเหรอ?
7 ตื่นเถอะ...ฉันนางร้ายไม่ใช่นางเอก
8 การใช้ชีวิตในเกมจีบหนุ่มมันไม่น่ารักอย่างที่คิดหรอก
9 [Love Villain Plz~] ผมเกิดใหม่เป็นนางร้ายครับ
10 (สนพ.อรุณ) Erika No Nikki บันทึกของเอริกะ
ต่อให้กูไปทำวิจัยมา มึงก็คงอ้างว่าการเก็บตัวอย่างของกูมันมี bias ไม่ก็ตัวชี้วัดของกูมันเพี้ยนอยู่ดี งั้นก็ไม่เอาอะไรมาก ไปเอาชื่อเรื่อง top 10 ของหมวดรักแฟนตาซีมาให้ดูแทนแล้วกัน ไม่ต้องอธิบายเพิ่มนะ มันน่าจะตอบคำถามในตัวเองอยู่แล้ว
>>80 ช่วงปีสองปีมานี้เอาตรงๆ ว่าหานิยายที่เรียกว่าดีจริงๆ อ่านแล้วขนลุกไม่ได้เลย เลยพยายามไปเก็บงานเก่าๆ ทั้งที่ติดชาร์ตอวยและติดชาร์ตเฮทเตอร์มาลองอ่าน ก็สนุกดีเหมือนกันนะ
>>83 เข้าประเด็น
ตอนโรงเรียนบูม สนพ. ก็แห่พิมพ์แนวโรงเรียน ตอนออนไลน์บูม บนชั้นหนังสือก็เต็มไปด้วยแนวออนไลน์ พอมาถึงคิวของไลท์โนเวลก็อิหรอบเดิม ถามตรงๆว่าจะมอมเมาเยาวชนไปถึงไหนกัน อย่างน้อยๆ มึงเป็นคนไทยก็น่าจะเขียนภาษาไทยให้ได้ดีกว่านี้ ถึงแนวออนไลน์จะเต็มไปด้วยพระเอกเก่งเทพ แต่ก็มีบางเรื่องที่การใช้ภาษาไม่ได้กากเดนนะจ๊ะ ตัวอย่างเช่น ภารกิจรักฯ (ในแง่ของภาษากูยอมให้ผ่าน แต่เนื้อเรื่องยังไม่ได้)
นี่กุอยู่ในโลกของโซมะป่าววะ แค่เปลี่ยนจากการทำอาหารเป็นLN
"นโยบายของเซนทรัลคือการกำจัดร้านอาหารที่ไม่ได้คุณภาพตามที่เซนทรัลต้องการออกจากญี่ปุ่นทั้งหมด"
เดบิต จากโม่งในห้องไหนสักห้อง
สักพักคงกลายเป็นเกาหลีเหนือ อะไรกุไม่ชอบ=แบนแม่ง ไอสัส 555
>>87 การที่จะทำให้วรรณกรรมที่ดีบูมได้นั้น มีอยู่แค่ทางเดียวคือทำให้คนหันกลับมาอ่านวรรณกรรมดีๆ ซึ่งมันจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าคนพวกนั้นผ่านการอ่านนิยายที่แย่มามากๆ เห็นได้ชัดว่าหลายต่อหลายคนเสพติดนิยายสูตรสำเร็จ (พระเอกต้องเก่งเทพเท่านั้น) และไม่เข้าใจความสวยงามของภาษา (ชอบอ่านอะไรกระชับสั้น บรรยายผ่านความคิดในมุมมองบุคคลที่ 1 เลยยิ่งดี เวลาเห็นการบรรยายฉากแล้วอ่านข้าม เป็นต้น)
กูเข้าใจการวางแผนการตลาดดีนะ ว่ามึงไม่สามารถขายแต่นิยายดีที่ไม่มีคนอ่านได้ ถ้าอยากรอดในยุคที่หนังสือเล่มกำลังจะตายห่าแบบนี้ ยังไงๆ ก็ต้องเกาะกระแสไอ้ที่คนอ่านเยอะๆ ปัญหาคือไอ้ที่คนอ่านเยอะๆ อย่างไลท์โนเวลเนี่ย มันไม่สามารถพาคนอ่านให้มีความสามารถพอที่จะอ่านนิยายดีๆได้ไง หมายความว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป วรรณกรรมดีๆ ก็จะอยู่บนหิ้ง วรรณกรรมใหม่ๆ ก็จะมีแต่พวกห่าอะไรก็ไม่รู้
ก็แอบอมยิ้มนะตอนที่่มีคนบอกให้แนะนำนิยายดีๆ ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา ไม่แน่ว่าในอีกสิบปีข้างหน้า กูอาจไม่สามารถตอบลูกหลานได้เลยว่า นิยายดีๆ เมื่อ 5-6 ปีก่อน มันมีเรื่องอะไรบ้าง
ซื้อไลท์โนเวลห้าเล่มแล้วแถมนิยายของเลิฟคราฟ
วันนี้รบกวนเวลาของทุกคนมามากแล้ว ถึงแม้ว่าจะด่ากูอย่างนั้นอย่างนี้ แต่กูก็เชื่อว่าพวกมึงคงจะพอเข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นกว่าเดิมบ้าง
ก็ฝากไว้ 4 เรื่องข้างต้นนะ 1984 แอนิมอล ฟาร์ม การผจญภัยของฮักเกิลเบอรี่ ฟินน์ และเนเวอร์เอนดิ้ง สตอรี่ (ชื่อไทยว่าจินตนาการไม่รู้จบมั้ง) ที่ยกตัวอย่าง 4 เรื่องนี้ขึ้นมา เพราะเป็นงานที่หาซื้อได้ง่าย มีการพิมพ์ใหม่อยู่ตลอด อยากให้ลองอ่านดู บอกได้เลยว่าเรื่องเหล่านี้ถึงแม้ว่ามันจะเก่า (บางเรื่องมาจากศตวรรษที่ 19) แต่ถ้าลองอ่านดูแล้วจะพบว่าปมต่างๆ ที่ผู้เขียนใช้ในเรื่องไม่เก่าเลย พอได้อ่านแล้วบางทียังรู้สึกตลกกับพวกนิยายใหม่ๆหลายเรื่องด้วยว่า เฮ้ย นี่มึงผ่านมา 100 ปี แล้วนะ ยังใช้มุกเดียวกับตาแก่พวกนั้นอยู่อีกเหรอวะ
เอาล่ะ เดี๋ยวกูมาใหม่นะ วันนี้ฝากไว้เท่านี้
กูคิดวิธีทำเพื่อนิยายดีๆได้แล้ว
มึงก็ไปทำห่าไรก็ได้ให้เป็นคนใหญ่คนโตหรือรวยระดับบิลเกต
จัดแข่งนิยายน้ำดีระดับโลกทุกปี อัดฉีดเม็ดเงินเข้าไป โฆษณาแม่งทุกช่องทุกสื่อทุกวงการ ใช้อำนาจหรือเม็ดเงินบดขยี้ Ln ขยะวรรณกรรมให้หมดโลก
หรือมึงก็หาทางครองโลกให้ได้และสั่งเผาทำลาย Ln ฆ่าประหารคนแต่งให้หมดโลกอารมณ์แบบจิ๋นซีเผาตำรา ฝังบัณฑิต
หรือถ้าคิดว่าคนเดียวมันทำยากมึงก็ไปสร้างลัทธิอะไรขึ้นมาสักอย่างหลอกให้คนเชื่อแล้วค่อยๆครองโลกไปทีละนิดแบบธรรมกายก็ได้นะ
>>94 ไปชิ่ว
http://imgur.com/3Z3m1NN
อะไรคือนิยายน้ำดี ในเมื่ออาจจบแล้วไม่ได้อะไรเหมือนกัน
หนังสือถ้าให้คนซื้อมันต้องอ่านง่ายเข้าว่าโว้ย ดังคำกล่าวที่ว่า
นักคณิตศาสตร์แต่งหนังสือแต่เขากลับพบว่า ยิ่งใส่สมการซับซ้อนเท่าไหร่
คนกลับซื้อน้อยลงเท่านั้น อย่ากระนั้นเลย แต่งหนังสือแค่ basic แล้วโกยตังค์ดีกว่า
อ้าวไอปื๊ด แม่เรียกไปกรอกน้ำแล้วเหรอ งั้นเจอกันรอบหน้านะ บาย
มึงรู้ไหมว่าตอลสตอยล์เคยด่างานของเช็คสเปียร์ว่างานขยะอ่านไม่รู้เรื่อง นักเขียนระดับตำนานอีกหลายคนก็เคยด่า แบบนี้ตอลสตอยล์นับว่า shit taste ป่าววะ
>>102 เฉยๆนะ งานของเชคสเปียร์มีคนด่าเยอะจะตาย ถามกลับแบบเดียวกับมึงก็แล้วกัน แบบนี้เรียกว่าตอลสตอยเป็นพวกอีโก้สูง เหยียดรสนิยมคนอื่นด้วยรึเปล่าวะ?
พูดถึงตอลสตอย หลายๆ คนอาจชอบสงครามและสันติภาพ ส่วนตัวกูชอบเรื่องสั้นกับนิทานที่เขาเขียนมากกว่า อย่างอีวานคนซื่อ หรือนักโทษแห่งคอเคซัส อาจเป็นเพราะตอนนั้นกูอยู่ประถมด้วยแหละมั้ง เลยอ่านอะไรยาวๆ อย่างสงครามฯ ไม่ไหว
มึงเข้าใจผิดแล้วสหาย สิ่งที่บั่นทอนวรรณกรรมดีๆคืออินเตอร์เน็ตต่างหาก
มึงคิดดูนะเดี๋ยวนี้คนเราเสพสื่อบันเทิงจากอินเทอร์เน็ต เล่นโซเชียลมีเดียกันเป็นส่วนใหญ่จนแทบไม่เหลือเวลาทำอย่างอื่นรวมไปถึงเสพวรรณกรรมดีๆด้วย และผลจากการเสพมากเข้าก็ shit taste ขึ้นเรื่อยๆ
ใช่แล้วสหายสิ่งที่เป็นศัตรูตัวจริงของเราคืออินเทอร์เน็ตยังไงล่ะ ดังนั้นหนทางที่จะทำให้วรรณกรรมดีๆกลับมาคือกำจัดอินเทอร์เน็ตให้พ้นจากโลกซะ
เริ่มที่สหายก่อนจงเลิกเล่นเน็ตเสียเพื่อประโยชน์ต่อวงการวรรณกรรมและบอร์ดโม่งแห่งนี้
เกลียดและดูถูกการบรรยายแบบบุคคลที่1สินะ? เคยอ่านโรเจอร์ แอคครอยด์มั้ยเนี่ย?
>>106 ไม่เคยอ่านเรื่องนั้น และไม่ได้เกลียดการบรรยายด้วยบุคคลที่ 1
>>107 ไอ้ >>81 ที่มึงชี้ไปเนี่ยมีแต่ hate speech นะ มึงจริงจังกับคำพูดพรรค์นั้นด้วยเหรอ
ส่วนที่ยกตัวอย่างเด็กดีเพื่อจะสื่อให้เห็นว่าไลท์โนเวลส่งผลกระทบยังไงกับงานเขียนในปัจจุบัน และคงไม่ปฏิเสธหรอกใช่ไหมว่าช่วงหลังๆมาเนี่ย ไม่ว่าจะเป็นไลท์โนเวลหรืองานเขียนอื่นๆ ก็มักจะมาจากการที่เคยได้เผยแพร่ลงไปในอินเทอร์เน็ตมาก่อนทั้งนั้น รวมไปถึงปัจจัยหนึ่งที่ สนพ. เลือกงานขึ้นมาตีพิมพ์ ก็ขึ้นอยู่กับเสียงตอบรับจากในโลกออนไลน์ด้วย
>>108 ไม่ใช่ LN กับ Wen Novel นั้นไม่เหมือนกัน LN นั้นกว่าจะพิมพ์ออกมา ผู้เขียนจะต้องมีทีม บก หรือก็คือผู้ดูแล คอยชี้แนะแนวทาง ไปจนถึงกำหนดจังหวะของเรื่องราวในเล่ม ให้สามารถจบประเด็นในเล่มนั้นๆได้อย่างสมบูรณ์ เหมือนแฮรี่ที่กำหนดให้1เล่มคือจบปีการศึกษา
แต่อีพวกนิยายที่ลงในเนตให้อ่านมักจะเขียนไปเรื่อยๆ เพราะมันไม่รุ้ว่าจะมีคนมาขอพิมพ์เล่มขายมั้ย
ท่าจะเป็นเอามาก
>>109 พูดแบบนี้ก็เกินไป นิยายอัพลงเน็ตที่มีการวางพล็อตวางโครงเรื่องก็เยอะแยะ และนิยายทุกเล่มก็ต้องถูกตรวจทานแก้ไขด้วย บก. ทั้งนั้น ซึ่งพอพูดแบบนี้แล้วก็ดูตลกดี เพราะไอ้ไลท์โนเวลส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดที่วางขายอยู่ในไทยตอนนี้น่ะโคตรห่วยจนงงว่านี่คือ บก. มึงปรู้พแล้วเหรอ? ถ้ายังไม่ปรู้พจะแย่ถึงขนาดไหน? และไอ้ที่ว่าเขียนไปเรื่อยๆเนี่ย ไลท์โนเวลก็เป็นเหมือนกัน (มังงะยุ่นหลายๆเรื่องก็เป็น สังเกตไหม คงไม่ต้องยกตัวอย่างนะ) เห็นแวบๆว่ามีคนงงในอีกกระทู้นึงว่า ฉาก บท องค์ มันคืออะไร ก็ขำๆ ไปอะนะว่าเออ ไลท์โนเวลที่มึงตามเนี่ย จะเขียนได้ครบทุกองค์จนหมดเรื่องไหม (หรือจะโดนลอยแพก่อน)
>>110 งานของอกาธาเคยอ่านเล่มเดียวคือ And Then There Were None ปกติไม่ชอบแนวสืบสวนอยู่แล้ว แนวนี้อ่านแค่เชอร์ล็อก โฮล์มเท่านั้นเอง
>>112 พูดอย่างกะมึงอ่าน LN ในไทยมาเยอะ ทั้งที่อ่านไม่ถึง 10 เรื่องด้วยซ้ำมั้ง
ย้ำอีกรอบว่า การเอานิยายเด็กดีมาเทียบกับLN แม่งก็คือมวยคนละรุ่น อย่างที่กุบอกว่าแม้แต่ในยุ่นมันก็ยังว่า WN แม่งกากและเลวร้ายกว่า LN ด้วยซ้ำ
เหมือนที่มึงเอา LN ไปเทียบกับวรรณกรรมคลาสสิคของโลกนั่นแหละ มวยคนละรุ่นอยู่ดี
ทำไมชอบยกเด็กดีจัง ผูกพันธ์อะไรกับนิยายเวบนั้นนักหนา ชอบอ่านนิยายในนั้นเรอะไง อ่านนิยายในนั้นผ่านๆตามาเยอะจนสมองมะเร็งกินสมอง ไม่ต่างกับพวกเสพ LN ที่มึงด่าๆสินะ
>>113 ก็ไลท์โนเวลส่วนใหญ่มันห่วยจริงๆนี่หว่า ภาษาเหี้ย เนื้อเรื่องโม่ยๆ หรือจะเถียงวะ?
นิยายเด็กดีน่ะปกติไม่ค่อยได้อ่านหรอก ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละว่ามีเด็กๆเขียน แถมเด็กๆพวกนั้นแม่งก็เสือกได้แรงบันดาลใจมาจากไลท์โนเวล ไม่ก็นิยายกากๆ การ์ตูน หรือจับดารานักร้องมาเย็ดกัน ส่วนใหญ่นิยายในนั้นมันก็ใช้ไม่ได้หรอก
แต่จะให้ทำไงวะ? ก็มันเป็นตลาดนิยายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศที่หว่า ไม่ว่ายังไงในสายงานกูก็ต้องลงไปยุ่งกับมันอยู่ดี
ตกลงLN < WN เหรอวะเนี่ย อห ความรู้ไหม่
ทำงานแล้ว โตๆเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ยังเสือกมีทัศนคติเหยียดคนอื่น เหยียดรสนิยมคนอื่น โตสักทีเหอะน่า หรือเก็บกดจากการทำงาน?
เรื่อง เหยียด เนี่ยเป็นประเด็นค่อนข้างซีเรียสนะมึง เป็นสิ่งที่ uncivilize การเสพวรรณกรรมดีๆมันไม่ได้ช่วยยกระดับจิตใจขึ้นเรอะ มันเป็น 1 ในคุณค่าของวรรกรรมดีๆไม่ใช่เรอะไง
>>116 กูไม่อยากพูดมากเรื่องงานของกูหรอก ถ้ากูอยากเผยตัวกูก็คงโพสต์ลงที่หน้าเฟซ ไม่ใช่มาด่าอยู่ในโม่งนี่ เอาเป็นว่ากูจำเป็นต้องเข้าไปดูนิยายพวกนั้นแล้วกัน แล้วก็พบว่าแม่งเหี้ยลงสาละวันเหี้ยลงเรื่อยๆ เชื่อกูเถอะ กูมอนิเตอร์มาเป็นเวลานานพอที่จะเห็นว่าไลท์โนเวล(แน่นอน รวมไปถึงเว็บโนเวลของฝั่งยุ่นและจีน) มันส่งผลยังไงต่อการเขียน(และอ่าน)นิยายของเด็กไทยก็แล้วกัน
เออ พึ่งนึกได้เว็บเด็กดีเนี่ยมีมานานแล้วนะ คือมากกว่า10ปี ก่อน LN บูมหรือเมะแฟนซับบูมอีกด้วยซ้ำนิ จะว่าเด็กๆในนั้นมันได้แรงบันดาลใจงานเขียนจาก LN ก็ไม่ถูกสักทีเดียว จริงอยู่ยุคนี้อาจได้มาจากอนิเมะและLN แต่ยุคแรกมันไม่ใช่
เด็กก็คือเด็ก มันไม่มีทางเขียนอะไรสวยๆเลิศเลอได้หรอก มันต้องอาศัยประสบการณ์ทั้งนั้น ก็ค่อยๆเก็บไป เด็กดีก็แค่เวทีแรกของมันเท่านั้นเอง มึงจะไปซีเรีึยสจริงจังกับ "การเล่น" ของเด็กมันทำไม
>>118 โม่งมีไว้เพื่อให้คุยเรื่องพวกนี้ได้โดยไม่ต้องแคร์ อยากนินทาอยากบ่นเรื่องที่ทำงานก็บ่นได้ เพราะมันคือโม่ง คือ anonymous การบ่นลงเฟซไม่ถือเป็นการเผยตัวเท่าไรหรอกนะ เพราะถ้าเซต privacy ก็ไม่มีการเผยเชี่ยไรกับ public ทั้งนั้น แต่บอร์ดโม่งยังมีความ public มีขึ้นเพื่อให้เผยได้
มึงเข้าใจคอนเซบของที่นี่จริงรึเปล่า?
>>118 ย้ำอีกรอบ กุไม่ปฏิเสธว่า LN ไม่มีผลกระทบกับเด็กๆนะ แต่ในเมื่อมึงไม่ยอมบอกว่างานมึงคืออะไร ก็คุยกันต่อไม่ได้อยู่ดี เพราะตอนนี้มึงเสือกเรื่องของเด็กๆอยู่ไง แต่ถ้า สมมตินะ มึงบอกว่ามึงเป็นทีม บก ที่ต้องพิมพ์นิยายเด็กดีออกมาขาย แล้วกำลังกลุ้มว่านิยายแม่งห่วยจนขายไม่ออก ก็จะได้คุยกันต่อหรือช่วยออกความเห็นได้ง่ายขึ้น ว่าสิ่งที่มึงควรทำในฐานะคืออะไร
>>119 บอกไปตั้งแต่บนๆแล้ว แต่ความต่างมันมีอยู่ที่ว่า เมื่อก่อนมันเกาะกระแสที่เป็นกระแสจริงๆ เช่น แฮร์รี่บูมก็มีแนวโรงเรียน ราชาฯบูมก็มีแนวเกมออนไลน์ แต่พอคราวนี้มาเป็นไลท์โนเวล ไลท์โนเวลมันไม่ใช่ "แนว" จริงๆ ถูกไหม คือมันมีเนื้อเรื่องหลายรูปแบบมากๆ ที่ส่วนใหญ่มักแฝงอะไรเหี้ยๆเอาไว้ เช่น เทพทรู ฮาเร็ม มันก็เลยกลายพันธุ์กันไปใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเกมออนไลน์ฮาเร็ม ชาตินี้หน้าเหี้ยไม่มีอะไรดีสักอย่าง เกิดใหม่เป็นเทพทรูฮาเร็ม ชาตินี้อาภัพรัก ชาติหน้าเกิดมาเทพทรูฮาเร็ม ชาตินี้โดนกดขี่ เกิดมาชาติหน้าเป็นนางร้ายสุดสวยไล่จิกคนอื่น คือมันไม่ใช่แค่ "โรงเรียน" หรือ "ออนไลน์" แต่เป็น "โรงเรียนเทพทรูฮาเร็ม" "ออนไลน์เทพทรูฮาเร็ม" "ไซไฟเทพทรูฮาเร็ม" และอีกมากมายที่เทพทรูฮาเร็ม
>>120 กูว่ากูก็ค่อนข้างทำตามคอนเซ็ปต์ของที่นีนะ อย่างน้อยๆ มันก็เป็นการแสดงความคิดเห็นของกูโดยที่ไม่ต้องเผยตัวว่ากูคือใคร เพราะฉะนั้นพวกมึงจะได้สนใจแต่สิ่งที่กูเขียน แทนที่จะมาสนใจว่าจริงๆแล้วกูเป็นใคร มีหน้าที่การงานอะไร
ผิดกับในเฟซ ที่มันไม่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น "จริงๆ" ของกูออกมาได้เท่าไหร่ เพราะอย่าลืมว่าในนั้นก็มีเพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน หัวหน้าลูกน้องอยู่ด้วย มันคงไม่ตลกนักหรอกที่จะไปโพสต์ความคิดของตัวเองที่บางคนในนั้นอาจฟังแล้วไม่ถูกหูน่ะ
>>122 กุก็สนใจในสิ่งที่มึงเขียนแล้วไงว่ามึงเสือกเรื่องรสนิยมของเด็กๆโดยไม่มีเหตุผล พอมึงบอกว่าเหตุผลของมึงที่ต้องหัวร้อนกับเรื่องพวกนี้เพราะเกี่ยวกับงานของมึงด้วย กุก็เลยบอกต่อว่า งั้นก็เล่ามาสิว่างานมึงเกี่ยวกับอะไรจะได้โฟกัสไปที่จุดนั้นต่อ
มันคือการเจาะประเด็นเรื่องที่คุยให้ลึกลงไปอีกไง เพื่อให้มีเรื่องคุยและถกกันได้เพิ่มอีก ไม่งั้นแม่งก็คุยแต่ประเด็นเดิมๆอยู่อย่างงี้อะ ไม่สังเกตเรอะไง
>>123 งั้นกุจะบอกอะไรให้นะ แค่รู้ว่าเป็นนิยายเด็กดี กุก็ไม่ซื้อแล้ว ต่อให้เป็นนิยายญี่ปุ่นก็เหอะ
เพราะช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา สนพ LN ของไทย เรื่มเอานิยายเว็บของญีปุ่่นเข้ามาขายบ้างแล้ว (แนว เกิดใหม่ หรือ เกมออนไลน์ มาจากนิยายเว็บพวกนี้ ไม่ใช่มาจาก LN นะ) ซึ่งกุก็ไม่ซื้อนะ ในห้องนี่ก็คุยกันบ่อยว่าแม่งห่วยแตกจริง
>>124 ก็ประเด็นจริงๆมันมีอยู่เท่านี้นี่หว่า มันง่ายๆว่า ถ้าคนยังชอบเสพแต่อะไรง่ายๆ โดยเฉพาะไลท์โนเวลที่ใช้ภาษาได้แย่ และมีเนื้อเรื่องที่เทพทรู นิยายที่ดีกว่านั้นมันจะไม่สามารถเติบโตขึ้นมาได้เลย นักอ่านที่เสพแต่ไลท์โนเวล พอไปเจองานที่มีการบรรยายที่จริงจัง มีการใช้โวหารต่างๆ และพระเอกไม่ได้เทพตั้งแต่บทแรกๆ แม่งก็แทบไม่สนใจที่จะอ่านกันแล้ว พอเป็นแบบนี้ต่อไปก็คิดดูแล้วกันว่างานที่วางขายบนแผงมันจะเหลืออะไรบ้าง
อย่างที่บอก งานห่วยแต่คนชอบยังไงก็ได้ตีพิมพ์ เพราะ สนพ. เห็นว่าการเอาสำนวนและภาษามาปรับเองเนี่ย มันง่ายกว่าไปหางานดีๆมา แล้วค่อยมาทำการตลาดสร้างฐานลูกค้าไง เลยกลายเป็นเรื่องตลกร้ายของวงการ ว่าถ้ามึงเอางานที่ตั้งใจเขียนมาส่ง สนพ. จะตั้งทีมงานเพื่อคัดแล้วคัดอีกว่าจะตีพิมพ์ไหม แต่ถ้ามึงมีงานห่วยๆ แต่กองอวยเยอะ มันจะเข้า fast track ไปเลย
อ้าวไอปื๊ด ไปกรอกน้ำให้แม่เสร็จแล้วเหรอ ไปซื้อน้ำปลาต่อไป ห้องจะได้เงียบๆหน่อย
>>126 งั้นมึงต้องโทษทุนนิยม โทษทัศนคติของกอง บก โทษฝีมือ บก
บิเบลีย เป็นงานที่ดีสัสๆ แล้วก็ขายได้ซะด้วย มึงไปศึกษาเคสนี้ให้ละเอียดจะดีกว่านะ ว่าทำยังไง สนพ ขาย LN สามารถขายนิยายคุณภาพไปด้วยได้สำเร็จ
อยากให้เด็กได้มีโอกาสอ่านงานดีๆเหรอ แต่หนังสือไม่ใช่ของฟรีไง ต้องซื้ออะ มึงอยากให้เด็กทุกคนอ่านได้อ่านงานดีๆใช่มะ รัฐก็คิดเหมือนกัน และมันก็เป็นหน้าที่ของรัฐเว้ย เรามีหนังสือนอกเวลาที่เด็กทุกคนต้องอ่าน มึงไปดูลิสต์ของกระทรวงซะสิ มีงานระดับโลกอยู่ในลิสต์เท่าไรเชียว มึงไปด่ากระทรวงซะบ้าง
>>129 ชาติก่อนกูต้องเคยทุบเครื่องอัดเสียงเล่นแน่ๆ ชาตินี้เลยต้องมาใช้กรรมด้วยการพิมพ์อะไรซ้ำๆ
พูดถึงโดยรวมสิ ไม่ใช่บอกว่ามีไลท์โนเวล 1% ที่ดี แล้วให้กูไปมองแต่อะไรดีๆพรรค์นั้น
และเรื่องการตลาดเนี่ยกูเข้าใจดี เพียงแต่ว่าถ้าทุกคนช่วยกัน "มาแบบนี้อีกแล้ว ไม่ซื้อ" "ภาษาห่วย ไม่ซื้อ" และร่วมกันสนับสนุนงานเขียนดีๆ เพียงแค่นี้วงการวรรณกรรมบ้านเราก็มีทางรอดแล้ว ถ้าให้มีเส้นสมมติเส้นหนึ่งขีดเป็นเส้นชัย (คนหันมาอ่านนิยายดีๆ) ไลท์โนเวลก็คงเป็นมือมารมือหนึ่งที่ฉุดดึงคนไม่ให้วิ่งเข้าไปถึงเส้นนั้นได้นั่นแหละ
>>131 ไม่เข้าใจประเด็นของกุสินะ บิเบลียไม่ใช่ LN นะ เป็นนิยายทั่วไปเลยว้อย เป็นวรรณกรรมทั่วไปแบบทีมึงพูดถึงนั่นแหละ
ต่อให้ไม่มีการขาย LN เลยนะ แต่ก็ใช่ว่าเด็กๆจะซื้อนิยายดีๆ เพราะมันไม่ใช่ของฟรี ในโลกทุนนิยม คนเราจะซื้อของที่เราพอใจถูกมะ
ถ้างั้นจะทำไงให้เด็กๆมาซื้อนิยายดีๆอ่าน ก็ควรต้องให้เด็กๆมันได้ลิ้มลองซะหน่อยใช่ม้า ลองแล้วติดใจมันก็มาซื้อเอง ถูกปะ แต่มันไม่ใช่ของฟรีไง การที่อยู่ๆจะลองซื้อเพื่อชิมมันยาก มันถึงเป็นหน้าที่รัฐไง มันถึงมีหนังสืออ่านนอกเวลาไงที่รัฐจัดหามาให้อ่านฟรีๆ แต่ลิสต์หนังสืออ่านนอกเวลาทีมีตอนเนี้ยแม่งก็ไม่ได้เรื่อง ไม่มีงานดีๆระดับโลกทีมึงยกมาเลย
ที่กุบอกให้มึงศึกษาเคสของนิยายเรื่อง บิเบลีย ก็เพราะ สนพ เค้าทำสิ่งที่มึงดิ้นอยู่ป่าวๆได้สำเร็จแล้วไง
เริ่มด้วยพิมพ์ LN ขายเพื่อเอาตังค์ จากนั้นก็เอานิยายดีๆเรื่องนี้ ซึ่งไม่ใช่ LN เข้ามาขาย เพื่อให้โอตาคุทั้งหลายได้มีโอกาสลองเสพงานดีๆได้รางวัลมามากมายกะเขามั้ง แล้วก็สำเร็จด้วย ขายได้จริงด้วย เข้าใจยัง?
อืม คนในวงการสื่อสิ่งพิมพ์ เด็กดี LN-นิยายแฟนตาซี ขายไม่ออก
มึงเป็นบก.ปหรือบก.ด.ละ นิยายแฟนตาซีของสนพ.ตัวเองขายไม่ออกแล้วมาพาลเหรอวะ
นิยายที่มึงตีพิมพ์แม่งก็ภาษากากขายฝันไม่ต่างจาก LN หรอก กากกว่าด้วย
WN ยุ่นดีๆมีเยอะนะแต่คนไม่ค่อยอ่านกันหรอก แม่งชอบอ่านกันแต่นิยาย チートハレムさすごしゅ กับ 悪役令嬢ざまぁ
ใน ranking มีแต่นิยายพวกนี้ แล้วแม่งก็ได้พิมพ์เป็น LN เพราะคนอ่านเยอะ ขายได้
อยากอ่านเรื่องดีๆภาษาดีๆนี่ต้องไปค้นเอาเอง ไม่ได้พิมพ์เป็น LN หรอก
LN ขายดีอันดับ 1 ประจำปี 2016
Kimi no Na wa สรุปไอ้นี่ คงเป็นนิยายกากๆ ด้วยสินะ =__=
WN ต่างหากคือขยะวรรรณกรรมที่แท้จริง LNเป็นงานตีพิมพ์อย่างน้อยมันก็กระรันตีได้ว่าต้องมีความสนุกอยู่บ้าง
แต่WNมึงจะเขียนห่าเหวอะไรก็ได้
>>141 มึงอ่านดีๆแล้วจะรู้ว่าพล็อตโฮลมันเยอะชิบหายแต่ถ้ามองข้ามจุดนั้นมึงก็สนุกกับมันได้ไม่ยาก
ซึ่งเรื่องนี้นิยายไม่ดีเท่าหนังว่ะ เพราะหนังมันมีองค์ประกอปหลายอย่างที่ทำให้มันดูสนุกทั้งบทพูดฉากเพลงทำให้เรียกน้ำตาคนดูได้ แต่นิยายนี่มันไม่ได้มีไอพวกนั้นกุเลยอ่านแล้วไอโอเคเท่าไหร่
>>144 ไม่โฮลสิแปลกเพราะงานรีบปั่นรีบขาย คงไม่ตรวจอะไรมากมายเหมือนงานเก่าๆ
คนที่ซื้อคือคนที่ดูหนังมาก็ถูกจุดประสงค์มันแล้ว อีกอย่างหนังมันรวมนิยาย 2 เล่ม ถ้าอ่านเล่มแรกโดดๆ
แบบไม่ได้ไปดูหนังก็ไม่แปลกหรอก แต่ถ้าอ่านดีๆ มันคือ LN ที่ใช้โครงสร้างวางเนื้อเรื่องแบบนิยาย
แล้วก็ไม่เกิดต่างโลก ไม่เทพทรู แต่ก็ขายดีได้ไง
ตกลงกุสงสัยว่าไอ้การอ่านนิยายคลาสสิคดีๆขึ้นหิ้งนี่มันช่วยได้ดีกว่าอ่านLNจริงๆเหรอวะ คือกุก็ไม่เคยเห็นคนอ่านLNเขาออกมาด่านิยายอย่างอื่นว่ากาก ห่วย ทำลายสมอง มะเร็ง อะไรเทือกนี้อ่ะนะ
อันนี้กุสงสัยนะ
ไอ้คนอ่าน LN มันก็บุฮี้ ฟืนกับการ self insert อยู่ ไม่ว่างมาด่าคนอื่นหรอก
นิยายที่ดีของชาวโม่งคืออะไร??? จงยกตัวอย่าง
*ฟิน
ส่วน WN มันใครแต่งก็ได้ว่ะ มันต้องมีดีกับห่วยผสมกันอยู่แล้ว ไม่แปลกอะไร
ถ้าเด็กประถมแต่งห่วยๆมันก็ห่วย
คนแต่งมืออาชีพมาแต่งอย่างเช่นคามาจิเขียน WN ลงเว็บตัวเองมันก็ออกมาดี
โทษทีที่หายไป ออกไปซื้อน้ำปลาให้แม่มาน่ะ
>>135 ตอนแรกงงมากว่าบิเบลียคืออะไร เห็นบอกว่าเป็นนิยายสุดดังก็ตกใจ พอลองไปค้นดูก็อ๋อ เป็นนิยายญี่ปุ่นนี่นา ถึงว่าสิว่าทำไมไม่รู้จัก แหม่ พูดยังกะแม่งเอางานโนเบลมาแปลขายแล้วโอตาคุแห่ซื้อ
เรื่องหนังสืออ่านนอกเวลาเนี่ยขอทีเถอะ พูดแบบนี้แปลว่ามึงไม่ค่อยได้เข้าห้องสมุดที่โรงเรียนเท่าไหร่สินะ เพราะโดยปกติแล้วโรงเรียนจะต้องมีงบซื้อหนังสือดีๆ เข้าห้องสมุดเสมอ ยิ่งเป็นโรงเรียนรัฐแล้วยิ่งเป็นไฟลท์บังคับเลยว่าจะต้องมีหนังสือซีไรต์ อย่างลับแลแก่งคอย หรือความสุขของกะทิเนี่ยโผล่ไปทุกโรงเรียนทั่วไทยแน่ๆล่ะ นอกจากนี้ยังมีวรรณกรรมเยาวชน และวรรณกรรมคลาสสิกอีกมากที่เป็น must have ของโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นชุดบ้านเล็กในป่าใหญ่ แมงมุมเพื่อนรัก หรืออย่างเรื่องจินตนาการไม่รู้จบที่กูเพิ่งยกตัวอย่างไป
แต่มันคงจะยากเกินความสามารถของเด็กที่อ่านแต่การ์ตูนหรือไลท์โนเวลล่ะมั้ง เชื่อได้เลยว่าหลายๆคนในที่นี้ไม่เคยอ่านเรื่องที่กูเพิ่งออกชื่อไป หรือเผลอๆ แม่งอาจเพิ่งเคยเห็นชื่อด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้จะเคยเห็นในห้องสมุดหรือในร้านหนังสือแล้วจะทำไม คนอย่างไอ้หมอนี่ >>>/lightnovel/3623/578 มันเยอะจะตายห่า
กูคงเขียนไม่เคลียร์แต่แรก หนังสือรางวัลไม่ว่าจะรางวัลของภูมิภาคหรือรางวัลระดับโลกมัน "ขายได้" แต่มันไม่ได้หมายความว่าหนังสือที่เขียนดีทุกเรื่องจะต้องเป็นหนังสือรางวัลนี่หว่า มันเลยเกิดวรรณกรรมประเภทขายไม่ออกที่อยู่ระหว่าง "ห่วยแต่ขายได้" กับ "หนังสือรางวัล" ยังไงล่ะ
>>150 พูดจริงจังแบบไม่โทรล
คือกูว่าการเสพสื่อบางอย่างที่คนเสพมองว่ามันสูงส่ง มีรสนิยม หรือพิเศษเฉพาะกลุ่มไม่แมส
ถ้าเสพสื่อด้วยความคิดแบบนั้นมันทำให้คนเสพเกิดความรู้สึกว่าตัวเองพิเศษ รสนิยมดีกว่าคนอื่นได้อยู่แล้ว
พอคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น สื่อที่ตัวเองเสพดีกว่าของคนอื่นมันก็เกิดการเหยียดกันนั่นแหละ
ไม่ใช่แค่หนังสือหรอก วงการเพลง หนัง เกม หรือสื่ออื่นๆก็มีคนแบบนี้ทั้งนั้น
กูเห็นด้วยอีกเสียงว่านิยายชื่อเธอแม่งไม่ได้ดีเด่อะไรเลย ยอมรับว่าชอบตัวอนิเมโคตรๆ แต่ตัวนิยายแม่งจืดสัตว์
ใช้ความเป็นนิยายที่สามารถบรรยายหรือพรรณาได้ไม่คุ้มเลย อีกทั้งOSTของRadwimpsในอนิเมมันช่วยดันหนัง พออ่านนิยายที่ไม่มีส่วนนี้เลยไม่มีอะไรให้ชมเลย
>>155 ไม่ได้เข้าใจนิยามของหนังสืออ่านนอกเวลาใช่มั้ย? มันคือหนังสือที่ไม่ใช่แบบเรียนที่ถูก "บังคับให้อ่าน" ในหลักสูตรการเรียนเลย คือเด็กทุกคนในชั้นเรียนนั้นต้องอ่านเพื่อเขียนรายงานส่งอาจารย์อะไรก็ว่าไป (รามเกียรติ์หรือพระอภัยไรพวกนี้ไม่นับ เพราะมันอยู่ในแบบเรียนอยู่แล้ว) ่ส่วนห้องสมุดเนี่ยมันคือความสมัครใจจะอ่าน ถ้าคนมันไม่คิดจะอ่านก็ไม่ต่างอะไรกับประเด็นเรื่องการไม่อยากลองซื้อหนังสือดีๆใช่มั้ย
เวลาที่เด็กไทยก่อเรื่องดราม่านาซี ก็เคยมีรายการหนึ่งออกมาวิพากย์วิจารณ์แล้วว่ากระทรวงควรจะบรรจุ บันทึกลับของแอน แฟรงค์ ลงไปในหนังสือนอกเวลาได้แล้ว (ประเทศอื่นเค้าทำกัน)
ย้ำอีกรอบ ว่าต่อให้ไม่มีไลท์โนเวล ไม่มีมังกะ ไม่มีอนิเมะเลย ก็ใช่ว่าเด็กจะนึกอยากเดินไปหยิบหนังสือจากห้องสมุด หรือ ซื้อจากร้านหรอกนะ มันก็อาจมีแต่น้อยแน่นอน (กุเชื่อว่ากุเป็นเคสที่น้อยมากๆที่ชอบเข้าห้องสมุดมากกว่าไปร่วมเตะบอลหรือเล่น MOBA กับเพื่อน) แต่มึงอยากให้เกิดการขับเคลื่อนเป็นวงกว้างใช่มั้ยละ ก็ต้องให้ชิมฟรีแบบบังคับเพื่อเพิ่มจำนวนคนให้มากที่สุดนั่นแหละ
>>162 เข้าใจเรื่องหนังสืออ่านนอกเวลา ตอนกูเรียนก็โดนบังคับให้อ่านคนอยู่วัด น้ำพุ ฯลฯ อ่านแม่งมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ถ้าในระดับมัธยมส่วนใหญ่มันจะพยายามไม่เน้นนิยายเล่มแพงๆ (สังเกตได้จากการตลาดของ สนพ. บางแห่ง ที่เอางานมาพิมพ์ด้วยกระดาษกากๆ เพื่อดึงให้ รร. ซื้อ อย่างแดดเช้าร้อนเกินกว่าจะจิบกาแฟ) อันนี้กูไม่ชัวร์นะว่าเป็นนโยบายของกระทรวงหรือของโรงเรียน แต่เดาเอาว่าแต่ละโรงเรียนน่าจะเป็นผู้กำหนดเรื่องหนังสือนอกเวลาขึ้นเอง (โดยส่วนมากมักมีครูภาษาไทยคุม จึงออกมาแบบไทยๆ ยกเว้นหนังสืออ่านนอกเวลาในวิชาภาษาอังกฤษ) เพราะงั้นมันถึงเปลี่ยนยากไง ไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างการดีลให้กระทรวงบังคับให้ทุกห้องสมุดโรงเรียนต้องมีหนังสือรางวัล (โดยเฉพาะซีไรต์) หรอก
เอ่อ "ความสุขของกะทิ" กุว่าไม่บรรจุมันลงในสารบบน่ะดีแล้ว มาม่าเกินไป
ไปเอาหนังสือเก่าๆ รุ่นคุณลุงคุณป้า อย่าง "เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก" ยังจะดีกว่า = ="
>>164 มึงเข้าใจถูกแล้ว แต่การดีลให้ห้องสมุดมีหนังสือรางวัล กับ ดีลให้ชัดเจนไปเลยว่าหนังสืออ่านนอกเวลาควรมีอะไรบ้างที่มันอัพเดท และเหมาะสมกับยุคสมัยนี้จริงๆ มันก็ไม่ต่างกันเท่าไรเลย
การโวยวายโทษ LN โทษอนิเมะ โทษมังงะ ไป แม่งก็แค่การตีโพยตีพายโบ้ยความผิด เพราะมึงตอบกุให้ได้สิ ว่าต่อให้ไม่มีของพวกนี้เลย มึงจะทำยังไงให้เด็กเข้าหันมาเข้าห้องสมุดมาอ่านงานขึ้นหิ้งของมึง แทนที่จะไปเตะบอล หรือ เล่นโซเชียลเนตเวิค ถึงตอนนั้นมึงจะไปโทษบอลหรือโทษมือถืออีกงั้นเรอะ? เกาให้มันถูกจุดถูกที่หน่อย
ถูกของเพื่อนโม่งหลาย ๆ คน ปัญหาของประเทศไทยไม่ใช่แผงหนังสือถูกนิยายบันเทิงด่วนพวกนี้ยึดหรอก แต่ปัญหาอยู่ที่ปริมาณนักอ่านน้อยต่างหากล่ะ เอาง่าย ๆ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ประชากรนักอ่านเยอะมากถึงขนาดว่าต่อให้นิยาย LN ครองแผงหนังสือ ก็ยังมีนักอ่านที่อ่านวรรณกรรมดี ๆ ในสัดส่วนที่เยอะมากพอจะทำกำไรได้ ประเทศพวกนี้พิมพ์หนังสือทีหลักหมื่นหลักแสนเล่มก็อาจจะขายหมดได้ ค่าหนังสือก็ถูกมากเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ แต่หนังสือไทยพิมพ์ทีพิมพ์แค่หลักพันเล่มยังไม่รู้จะขายหมดมั้ยเลย หนังสือก็ราคาแพงขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น เรื่องวรรณกรรมดี ๆ หดหายหรือขาดทุน สาเหตุน่าจะมาจากปัญหานี้มากกว่า ทางแก้ทางเดียวคือปลูกฝังให้คนในประเทศรักการอ่านเพื่อเพิ่มประชากรนักอ่านเท่านั้นถึงจะแก้ปัญหานี้ได้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่อะไรที่แก้ได้ง่าย ๆ เป็นปัญหาที่ต้องทำใจเลย ถ้าจะอยู่ในวงการนี้ในประเทศนี้ต่อ (หนังสือนอกเวลาไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาหรอก เพราะหยิบมาแต่ละเรื่องไม่เห็นจะบันเทิงซักเท่าไหร่ แถมยังต้องทำงานส่ง ต้องสอบ ใครจะไปเอ็นจอยรีดดิ้งล่ะ สมุดรักการอ่านด้วย สุดท้ายก็ลอกเพื่อนลอกของปีก่อน ๆ กันหมด มีแต่เรานี่แหละที่อ่านใหม่หมดทุกเล่ม)
>>167 เด็กที่เตะบอล เล่นเกม หรือทำอย่างอื่นจนไม่สนใจอ่านหนังสือน่ะมีเยอะแยะ แต่มันยังมีเด็กอีกประเภทหนึ่งที่อ่านหนังสืออยู่แล้ว แต่กลับไปอ่านหนังสือที่แทบไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาทักษะด้านวรรณกรรมอย่างไลท์โนเวล คือถ้ามันไฝ่ดี สามารถก้าวผ่านไปสู่งานเขียนที่สูงขึ้นเองได้ก็ดีไป แต่ถ้ามันก้าวไม่ผ่านล่ะ? ถ้ามันเป็นแบบไอ้ >>>/lightnovel/3623/578 ล่ะ? ไม่แย่เหรอ
อย่างน้อยๆ คนที่ก้าวผ่านไปแล้วก็น่าจะช่วยกันสนับสนุนให้เกิดงานเขียนดีๆ หรืออย่างน้อยก็ไม่ลดตัวลงไปเสพอะไรแย่ๆอีก เป็นการช่วยกันคนละไม้คนละมือในการตัดตอนนิยายพวกนั้นให้ค่อยๆหายไปจากสังคมไทย
ไหนๆมึงก็มาอยู่นี่ละ ถามหน่อยแล้วกัน ถ้ามึงดูถูก LN ว่าเป็นนิยายขยะต่ำตม แล้วพวกนิยายอีโรติกมีฉากอย่างว่าเยอะขายผู้ใหญ่วัยแม่บ้าน นิยายที่มีเนื้อหาชักจูงให้เห็นผิดเป็นถูกหรือใส่ร้ายป้ายสีว่าอีกฝ่ายเป็นคนชั่วอย่างชัดเจน หนังสือรวมเรื่องเสียวที่บอกว่าเป็นเรื่องเสียวชัดเจนหรือมาในรูปนิยาย นิยายรักอีโมติค่อนบาน พวกนี้มึงถือว่าเป็นนิยายขยะไหม กูแค่สงสัยเลยมาถามน่ะ
เพราะในความคิดกูตราบใดที่นิยายเรื่องนั้นไม่ได้ชักจูงหรือสร้างค่านิยมผิดๆจนคนเอาไปทำตามอย่างไอ้ฉากนางร้ายโดนข่มขืนเพราะมันสมควรแล้ว กูก็ไม่ถือว่านิยายนั้นเป็นเนื้อร้าย สมควรที่จะต้องกำจัดออกไปหรอก
>>170 ต้องดูว่ามีความสวยงามทางด้านวรรณศิลป์ไหม ถ้าสักแต่ว่าเย็ดๆ กันอย่างเดียวก็แย่ทั้งนั้นล่ะ
อย่างที่กูบอก ที่กูมาด่าๆไลท์โนเวลเนี่ยไม่ได้หมายถึงแค่นิยายเล่มเล็กๆ อย่างเดียว แต่มันยังหมายรวมถึงนิยายที่พิมพ์เป็นเล่มปกติแต่ห่วยด้วย อย่างบารามอสเนี่ย เอาตรงๆ กูก็มองว่ามันเป็นไลท์โนเวลเหมือนกัน (จะมีใครมาตลกที่กูยกตัวอย่างบารามอสอีกไหม แค่จะยกตัวอย่างให้เห็นภาพเฉยๆน่ะ) หรืออย่างนิยายออนไลน์หลายๆเรื่องที่ได้พิมพ์เพราะกระแสดี อย่างยุทธภพ อันนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
นิยายแปลมันจะเด่นด้านวรรณศิลป์ได้ไงวะ อ่านงานแปลของเชคสเปียร์ไปก็ไม่งดงามเท่าภาษาต้นฉบับอยู่ดี
เคสนิยายแปลมุราคามิของนพดล ก็มีคนด่าอยู่บ่อยๆ
>>173 อย่างที่เคยบอกไป วรรณกรรมเป็นเงาสะท้อนสติปัญญาของคนในสังคม
>>174 ก็จริงว่าเราไม่สามารถรับรู้ความงามของภาษาต้นฉบับผ่านนิยายฉบับแปลได้หรอก แต่นักแปลที่ดีจะพยายามคงรูปแบบการใช้ภาษาของต้นฉบับไว้ให้มากที่สุดนะ กรณีของนพดลนั่นเห็นว่าแกชอบใช้สำนวนของตัวเองเขียนลงไปแทนใช่ปะ กูเองก็ไม่เคยอ่านงานของมุราคามิหรอก กะว่าจะรอมันได้โนเบลก่อน แล้วจะอ่านงานโนเบลของนักเขียนญีปุ่นให้ครบ
คือก็อยากแนะนำให้ไปอ่านต้นฉบับเหมือนกัน แต่เดี๋ยวจะมีโทรลล์มาบอกให้กูไปอ่านวรรณกรรมโปแลนด์หรือหนังสือฮิตเลอร์อีก แหม่
LN ไทย หรือ LN ยุ่น ถ้า LN ที่มาจาก WN ยุ่น ปรกติแล้วมันมีผู้ดูแลคอยคุมการใช้ภาษาและไม่ให้ออกทะเล
ส่วนของไทยมักง่ายเอา WN มาพิมพ์โดดๆ ห่วยก็ไม่แปลก
>>175 ก็จบ มึงเสนอนิยายแปลมามากมาย กุอ่านแล้วทั้งนั้นแหละไอ้ทีมึงยกมาอะ เนื้อเรื่องน่ะไม่เถียงหรอก แต่ในแง่ความงามทางภาษา กุว่าก็ไม่ได้งดงามอะไรเลย มันก็คือภาษาไทยทั่วๆไปนั่นแหละ
ยกเว้นงานแปลของนพดล หรือ น นพรัตน์ ที่จงใจดัดให้มันออกมาเป็นอย่างนั้นเอง ซึ่งกุก็เฉยๆไม่ได้ซีเรียสตรงจุดนี้
มันสำคัญที่การเปิดโลกทรรศน์ของมึงมากกว่า ซึ่งกุก็ไม่ได้เปิดโลกออกมากลายเป็นมนุษย์จอมเหยียดแบบมึง
>>176 บรรยายฉากเย็ดไม่จำเป็นต้องบอกว่าเอาควยกระแทกเข้าไปในจิ๋มกี่ครั้ง ร้องครวญครางยังไงบ้าง หรือเปลี่ยนมาเป็นท่าอะไร มันยังมีลูกเล่นอื่นๆอีก เช่นการบรรยายแสงเงา กิริยาท่าทางของคู่พระนาง เอาง่ายๆว่า มึงไม่จำเป็นต้องบอกว่าควยพระเอกใหญ่มาก หัวสีชมพูมีน้ำหล่อลื่นเคลือบอยู่ แต่สามารถให้ตัวนางเหลือบมองแล้วแสดงสีหน้าตกตะลึงแทนได้น่ะ
ไม่อ่ะกูอ่านทุกประเภท นิยายจีนแบบสอนให้เหี้ยกว่าพ่อรวยสอนลูก หรือ LN โม่ยๆ กูก็อ่าน
กล้าขายกูก็กล้าซื้อ
แต่ของค่ายเด็กดีกูจะจำไว้ล่ะกัน ว่ากูไม่ควรซื้อ เพราะมันไม่มีคนคุมที่มีคุณภาพพอ = =)/
>>165 มึงไม่ได้อวยก็แล้วไป 555 พอดีเป็นหนังสือรางวัลที่อ่านแล้วรู้สึกโคตร "อี๋"
ซึ่งกูไม่แปลกใจและไม่ปฏิเสธเรื่องที่มันขายดีหรอกนะ แต่ยังไงกูก็ไม่ชอบอยู่ดี
กูมองมันเป็นนิยายขายฝันชนชั้นกลางแบบกลวงๆ ซึ่งพอมันมีตลาดคนชอบแนวนี้รองรับบวกกับกระแสจากการได้รางวัลมันก็เลยขายดี แค่นั้นแหละ
>>176 บางคนเค้าวิเคราะห์กันว่าเป็นเพราะวัฒนธรรมไทยทำให้คนเก็บกด เลยต้องมาลงกับการแต่งแล้วเอาความเป็นวรรณคดีมาบังหน้า
ที่กูเสียใจคือกาพย์เห่เรื่ออันนึงที่กูชอบมากโดนด่าเหมารวมไปด้วยทั้งที่ไม่มีฉากเย็ดเลยแท้ๆ คนแต่งแค่พรรณนาว่าคิดถึงหญิงคนรักเฉยๆเอง
บัณฑิตเที่ยงคืนครับของดี ตอนเาของหมามาต่อนี่พีคมาก เย็ดกันมันสุดๆ
>>185 กุเทียบจากนี่นะ https://www.dek-d.com/writer/publish/?page=1
แต่นิยายแนวนี้ ไม่ใช่แบบที่กุชอบอยู่แล้วน่ะนะ
คือถ้ามันเกี่ยวข้องกับงานพิมพ์นิยายเด็กดีขาย กุก็แอบเห็นใจที่ต้องมาทำหรือยุ่งกับนิยายอะไรแบบนี้นะ
แต่แม่งโบ้ยทุกอย่างให้ LN แม่งงี่เง่าชิบหายเลย ทั้งที่ยุคนึง ไวท์โรดหรือบารามอสดังแบบหนักมากๆ ขึ้นมาก่อนมี LN ด้วยซ้ำ
>>190 กรีดร้อง ต้องพิมพ์ซ้ำอีกใช่ไหม
เมื่อก่อนมันไม่เลวร้ายขนาดนี้ พล็อตเดิมๆบ้าง (แนวโรงเรียน) ตัวเอกซูบ้าง พอรับได้ แต่พอกระแสไลท์โนเวลเทพทรูฮาเร็มมา มันทำให้ทุกเรื่องกลายเป็นแนวเทพทรูฮาเร็มหมดเลยโว้ย ประมาณว่าพระเอกแนวโรงเรียนแทนที่จะเย็นชา เก่งแบบซูๆ แม่งขูดบัตรเติมเงินเพิ่มไปกลายเป็นอภิมหาเทพทรูแทน แถมคนก็ชอบแบบนี้ด้วย ถึงขนาดที่ว่าถ้าไม่เทพทรูไม่อ่าน ตัวเอกตกระกำลำบากก็ไม่อ่าน
>>171 แสดงว่าต่อให้เนื้อเรื่องจะเหี้ยแค่ไหน แต่ถ้าภาษาดีมึงก็โอเคสินะ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก คนอ่าน LN กับไม่อ่าน ภาษาที่ใช้มันก็ไม่แตกต่างกันมากเท่าไหร่หรอก ถ้าเด็กที่อ่าน LN มันอยากก้าวเข้าสู่เส้นทางนักเขียนหรือทำงานที่เกี่ยวกับการใช้ภาษาให้ถูกต้อง เดี๋ยวมันก็ปรับปรุงภาษามันเองแหละ
แต่ถ้าไม่ได้มาเส้นทางนักเขียน กูว่าเขียนภาษาไทยให้ถูกกับเขียนให้อ่านรู้เรื่องก็พอแล้ว ไม่ต้องการการพรรณนาให้มากความหรอก
เคสของ LN เนี่ยกูว่าไม่ถือว่ามีผลกระทบต่อการใช้ภาษาหรือค่านิยมในสังคมมากกว่าเคสอื่นๆที่เคยมีมาก่อนเท่าไหร่ (อย่างนิยายแจ่มใสสมัยก่อนเงี้ย) ซึ่งกูเห็นคนที่ตอนเด็กอ่านนิยายแจ่มใส พอโตขึ้นรสนิยมเปลี่ยนมันก็ไปหานิยายที่มันคิดว่าเนื้อเรื่องและภาษาเหมาะสมกับวัยอ่าน การใช้ภาษาที่แต่ก่อนอาจวิบัติมาเต็มก็เริ่มปรับปรุงให้ดีขึ้น เพราะงั้นมึงไม่ต้องเป็นห่วงอนาคตของเด็กไทยมากนักหรอก
ภาษาถ้าสละสลายเกินไป แต่ไม่ได้เหมาะกับโครงเนื้อเรื่อง มันก็สุดโต่งเกินไป
แนวเทพทรู ฮาเรม แต่ใช้คำพรรณาแบบ คุณนพดล แปล twilight เอ่อ... อันนี้ไม่เข้าท่าล่ะ
>>191 ไม่รู้ แต่ไหนแต่ไรกุก็ไม่เคยเข้าไปอ่านเด็กดี ตอนเวบเปิดตัวเป็นช่วงเวลาเดียวกับ สนพ bliss เปิด ซึ่งกุก็เบนเข็มไปอ่านงานแปลญี่ปุ่นทันที กุไม่เคยคิดจะเข้าไปอ่านนิยายเว็บนี้แต่แรกอยู่แล้ว กุรับรู้ได้ตั้งแต่ตอนนั้นว่านิยายที่เด็ก (เด็กวัยไล่เลี่ยกุนั่นแหละ) เขียนแม่งไม่เข้าท่าแน่นอน มะเร็งแน่นอน
กุก็ไม่เข้าใจว่ามึงจะไปยุ่งกับเวบนั้นทำไม จนมะเร็งกัดกินสมองจนมึงป่วยเป็นโรคเหยียดได้ขนาดนี้ เคยอ่านตอนสมัยยังเรียน? ก็แล้วมึงจะไปอ่านทำไม shit taste ตั้งแต่เห่อหมอยเหรอ? หรือ เพราะต้องทำงานที่เกี่ยวกับนิยายจากเวบนั้น? มึงหัดเลือกงานหน่อยก็ดีนะหรือไม่ก็ไปบริหารจัดการความคิดและสุขภาพจิตใหม่ ไม่ใช่เจอมลพิษแบบนั้น (ซึ่งกุไม่แปลกใจหรอก เห็นใจหน่อยๆด้วย) แล้วมาอาละวาดที่นี่
>>192 เมื่อกี้พิมพ์สั้นไปหน่อย เขียนให้ยาวขึ้นไปว่า นอกจากดูภาษาแล้วก็ต้องดูการสื่อความหมายด้วย
การสื่อความหมายคืออะไร? มันก็คือว่างานเขียนเรื่องนี้ต้องการจะสื่ออะไรไปยังคนอ่าน การเขียนนิยายไม่ควรเป็นแค่เรื่องเล่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เพียงอย่างเดียว มันควรที่จะต้องมีประเด็นแฝงอยู่ด้วย ตัวอย่างง่ายๆ คือกรณีของนิยายแนวผู้กล้าปราบจอมมาร มันไม่ควรเป็นแค่ผู้กล้าโชว์เทพอัดจอมมารตายใช่ไหม มันควรจะเล่นที่ประเด็นอื่นด้วย เช่น ผู้กล้าเป็นคนขาวสะอาด 100% จอมมารเป็นคนเลว 100% จริงหรือ หรืออาจพูดถึงเรื่องเบสิกที่สุดอย่างพลังแห่งมิตรภาพ การเชื่อใจเพื่อนอะไรงี้ก็ได้ ซึ่งกูมองว่างานเขียนโดยส่วนใหญ่มันก็มีอะไรทำนองนี้แฝงอยู่นั่นแหละ เพียงแค่ว่าเรื่องไหนจะสามารถแสดงแนวคิดที่น่าสนใจออกมาได้อย่างสมูท (ไม่ใช่การจับยัดลงไปดื้อๆ) ก็เท่านั้นเอง
>>193 ถ้ามึงคิดอย่างนั้นได้ก็ดี หลังจากกำจัด LN ออกจากประเทศไปได้ ก็อย่าลืมไปกำจัดนิยายอื่นๆที่ภาษาแย่ๆหรือเนื้อเรื่องแย่ๆด้วยล่ะ ลำพังกำจัดแค่ LN ไม่พอให้เด็กหันมามีรสนิยมหรือการใช้ภาษาที่ดีขึ้นได้หรอก ถ้าไม่ไปหาอย่างอื่นทำแทน มันก็ไปหาอ่านอันที่เหลือที่ไม่โดนกำจัดนั่นล่ะ
ถ้ามึงริจะกำจัดนิยายที่เป็นเนื้อร้าย ก็อย่าได้พุ่งเป้ามาที่ LN อย่างเดียว เพราะมีนิยายอย่างอื่นที่แย่ตามมาตรฐานของมึงให้เห็นตามร้านหนังสืออยู่ตำตา ถ้ามุ่งแต่ที่ LN อย่างเดียว แต่เว้นอันอื่นไว้ คนก็จะคิดว่ามึงเป็นแค่โทรลที่เข้ามาป่วนเฉยๆ ไม่สามารถคล้อยตามมึงได้หรอก
>>198 ก็มันเป็นนิยายสืบสวนนี่หว่า มันก็ต้องไขขดีไปตามเรื่อง แถมส่วนใหญ่เป็นแนวจบในตอนด้วย แต่มันก็ยังแฝงข้อคิดต่างๆ ไว้ในตอนนะ อย่างมีบางตอน(จำรายละเอียดไม่ได้แล้ว) ที่โฮล์มส์ยอมปล่อยคนผิดไป โดยบอกวัตสันว่ากูไม่ใช่ตำรวจ หรือการพูดถึงสาเหตุและปูมหลังของฆาตรกร ว่าทำลงไปทำไม อย่างตอนที่ข้าหลวงอังกฤษ(เรียกงี้เปล่าวะ)ทำซองจดหมายหาย แล้วปรากฎว่าเมียของมันเองแหละที่แอบเอาไปให้ชู้ โดยไม่รู้ว่าชู้เป็นสายลับ อันนี้ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับความว้าเหว่ของตรีชั้นสูงในอังกฤษนะ
>>202 ก็มึงชอบบ่นไงว่างานเขียนไม่ควรเป็นเรื่องเล่าของ ใคร ทำอะไรที่ไหน อย่างไร
บ้าป่าววะ เพ้อเจ้ออะไรของมึง ถ้าไม่มี ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร แล้วมันจะเกิดเป็น "รูปประโยค" ขึ้นมาได้ยังไง
ถ้าพูดว่ามันควรมีประเด็นแฝงให้ขบคิดอยู่บ้างหรือสามารถทำ literature review ได้ เดียวก็จบแล้ว
Lnมันก็เหมือนกับนิยายทั่วไปอะแหละ มีดีมีห่วยเหมือนกัน อย่างน้อยกูก็ให้ราคาlnมากกว่าพวกนิยายแจ่มใสโง่ๆหลายขุมว่ะ ส่วนประเด็นแฝงมันก็แล้วแต่เรื่องรึป่าววะ อย่างสาววรรณกรรมเล่ม2มันก็ใส่ประเด็นเรื่องการแก้แค้นไว้ได้ถึงอารมณ์อยู่ รึcop craftที่สะท้อนภาพในแง่ประเด็นผู้อพยพและวัฒนธรรมที่แตกต่างจนไปสู่ความขัดแย้งได้เนียนอยู่นะ
เอาใหม่กุยกเควนิยายสืบสวนมา เพราะจุดเด่นของแนวนี้มันก็คือเน้นที่ ใคร(ฆาตกร) ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร นั่นแหละ เน้นแค่นี้เลย เอาแต่นี้แหละ ก็เรียกว่าเพียงพอแล้ว แต่กุรู้ว่ามึงไม่ค่อยจับแนวนี้ใช่มั้ยละ
ดังนั้นมึงจะมีคิดตีขลุมไปทุกอย่างไม่ได้ โลกนี้มีหนังสือหลากหลาย แต่ละอันมีจุดเด่นของมันเอง มีประเด็นให้ถกกันได้อยู่ ไม่ควรไปตั้งแง่รังเกียจรุนแรง
วันเดียวสองร้อยกว่าเมนท์...ไม่คิดว่ากระทู้นี้จะมาไกลขนาดนี้
นอนแล้วนะ ฝันดีครับทุกคน
กูไม่คิดว่าความสวยงามของภาษาจะมีส่วนช่วยเหี้ยไรในชีวิตประจำวันเลยว่ะ ไม่คิดว่าแม่งจะมีความจำเป็นอะไรด้วยซ้ำถ้าเกิดมึงไม่ได้เรียนหรือทำงานสายนั้น กูว่าเรื่องความงามทางภาษาเป็นเรื่องไร้ค่ามากสำหรับสังคมตอนนี้ แค่ใช้ภาษาให้ถูกต้องก็พอแล้ว มันไม่ได้มีค่ามากถึงขั้นที่ต้องให้สังคมเจียดเวลามาแก้ไขว่ะ เสียใจด้วยนะปื๊ด บิบิ
เห็นพูดถึง "ปิ๊ด" อยู่บ่อยๆ คืออะไร คือใครฟะ กุไม่เก็ต
ไอ้ปื้ดแม่งโดนแบนไปแล้วเหรอวะ555555 สมน้ำหน้า แม่งคงไม่รู้ว่าแอดโม่งก็อ่าน ln
มันเงียบไปก็ดีแล้ว จะได้อยู่กันสงบๆ เสียที
รสนิยมดีซะเปล่า เสือกทำตัวเหมือนพวกหมอสอนศาสนาสมัยล่าอาณานิคม
ไอ้ปื้ดคือใคร??
>>224 แปะให้มึงดู >>>/meta/3581/190
ทำไมพวกมึงชอบไปไล่เค้าจัง
ห้องlnพอแยกมาแล้วร้างชิบหาย นานๆจะมีสิ่งบันเทิง
ขาดไอ้หมอนี่ไปแล้วจะรู้สึกเหมือนนิยายที่ไม่มีตัวร้าย เหมือนเกมที่ไม่มีลาสบอส เหมือนกินซาลาเปาไม่เจอไส้
มาก็แจ้ง ง่ายๆ
>>226 ตัวร้ายแบบนี้เหมือนพวกลูกกระจ๊อกที่เสือกไม่ยอมตาย ตามมากวนตีนไปเรื่อยๆทั้งเรื่อง กูว่ามันน่ารำคาญมากกว่าเป็นสีสันนะ ตลกก็ไม่ตลก
ไอ้โม่งขยะวรรณกรรมคนก่อนยังโชว์เหนือเอาหนังสือที่ไม่ค่อยมีคนไทยรู้จักมาอวดภูมิได้ (ถึงมันจะเกรียน search มาไม่ได้อ่านเองก็เถอะ)
>>228 หือ การ search หนังสือที่ไม่เคยอ่านมาอวดเนี่ยมันเป็นการ "โชว์เหนือ" เหรอวะ งั้นถ้ากูบอกว่ากูเคยอ่านมาทุกเรื่องบนโลกแล้วก็ได้สิ พอพวกมึงถามมา กูก็เอาไปกูเกิ้ลแล้วมาตอบ ถถถถ ตรรกะเหี้ยอะไรวะ
คือกูกวนตีนตรงไหนเหรอ? ถึงพวกมึงจะอ้างว่าการโจมตีไลท์โนเวลเป็นการด่ากราด(?) แต่กูก็คิดว่ากูไม่เคยเรียกพวกมึงเป็นไอ้อีหยาบๆคายๆ อะไรเลยนะ มิหนำซ้ำยังพยายามใช้เหตุผลกับพวกมึงด้วย
แต่ก็ยังงงอยู่ดีว่าการที่กูแสดงจุดยืนว่าไม่พอใจไลท์โนเวลมันเป็นการด่ากราดยังไง มันก็เหมือนกับการที่กูบอกว่ากูไม่ชอบฮิปฮอป/ฮิปฮอปมันแย่ เพราะ... นั่นแหละ คือกูพูดถึงฮิปฮอปโดยรวม และบอกว่ามันส่งผลยังไงๆ ไม่ได้ต้องการจะบอกว่า เพลง A ที่เป็นแนวฮิปฮอป มันดีหรือไม่ดียังไงสักหน่อย แบบนี้ก็เป็นการด่ากราดเพลงฮิปฮอปเหรอวะ?
ไอ้คนนี้ตัวมันเองยังอ่านสารพัดแนวเลย ภารกิจรักสายลับ ราชัน ยัน ln
แล้วจะไปทำให้เด็กยุคใหม่อ่านแต่วรรณกรรมน้ำดีได้ยังไง
>>229 >>>/meta/3581/190 อ่านบ้างมั้ย
>>231 การที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ต่างฝ่ายต่างก็ต้องแสดงจุดยืนของตัวเองก่อนไม่ใช่เหรอครับ? แล้วถ้ามีคนยอมละทิ้งจุดยืนของตัวเอง ถ้าไม่ได้แพ้ราบคาบ ก็คงเป็นเพราะการแลกเปลี่ยนนั้นไม่ได้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์กระมัง
และถ้าจุดยืนนั้นมันเปลี่ยนไปมาได้ ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ อาจแปลว่าคนๆนั้นไม่ได้มีหลักคิดอะไรเลย เผลอๆ อาจไปถึงขั้นแถ หรือเป็นแค่โทรลล์ที่คอยป่วนเท่านั้น
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.