คำถามยอดฮิต มาถกกันได้ที่นี่
Last posted
Total of 502 posts
คำถามยอดฮิต มาถกกันได้ที่นี่
มะเร็งวรรณกรรม lol
นิยายไร้แก่นสานที่เอาไว้อ่านฆ่าเวลา
นิยายที่มีแต่คนระดับสติปัญญาต่ำอ่าน
by โม่งขยะวรรณกรรมจากห้องไหนสักห้อง
หนังสือที่ดีกว่าขยะวรรณกรรมอย่างแฮรี่ พอตเตอร์ lol
ไม่ใช่สิ หนังสือที่ขายดีจนมีพวก สนพ.เห่อหม่อย ขี้อิจฉา
งานตัวเองขายไม่ออก แล้วมาบ่นแบบปัญญาอ่อนต่างหาก lol
คือสิ่งที่อ่านแล้วจะทำให้มึงสติปัญญามึงด้อยลง
แต่ถ้ามึงด่ามันแล้วมึงจะฉลาดขึ้น
ตอนกูอ่านไลท์โนเวลเล่มแรก กูอ่านไปได้สองหน้ากูก็ต้องปิดมาถอนหายใจว่ากูซื้ออะไรมา แล้วกูควรจะเสียดายเวลาที่จะอ่านหรือเงินที่ซื้อดี
ทุกวันนี้กูไปงานหนังสือเพื่อไปหิ้วไลท์โนเวล อ่านแล้วกะปรี้กะเปร่าดี
ไลท์โนเวลดีๆมีไม่กี่เรื่องเองมั้ง ส่วนใหญ่ทีกูเจอจะอุดมไปด้วยฮาเร็มโมเอะพระเอกแกรี่เนื้อหาจูนิเบียวตัวละครแบนแต๊ดแต๋บทบรรยายห่วยแตกอัดแน่นไปด้วยมุกตลกฝืดจากญี่ปุ่นที่กูไม่เก็ต
แต่อ่านแล้วมันบันเทิงดี และนั่นแหละที่ทำให้กูซื้อ
>>9 >>10 ถ้าเทียบกับสเกลของวงการวรรณกรรมโลกแล้ว แฮร์รี่ก็ไม่ได้ดีเลิศอะไรหรอก ถือว่ากลางๆ สามารถอ่านได้ไม่อายครูบาอาจารย์ เพียงแต่การโปรโมตของสำนักพิมพ์มันทำให้กลายเป็นกระแสได้เท่านั้นเอง
แต่อย่าเอาไปเปรียบเทียบกับไลท์โนเวลเชียวล่ะ ถ้าแฮร์รี่เรียกว่ากลางๆ ไลท์โนเวลก็คือเศษถุงกล้วยแขกที่ถูกถังขยะทับไว้แล้วมีน้ำเน่าๆจากขยะในถังไหลลงมาใส่น่ะ ยิ่งไลท์โนเวลที่ สนพ. ไทยเอามาแปลขายยิ่งไม่ต้องพูดถึง เกือบทั้งหมด (คำว่าเกือบทั้งหมดคือ น่าจะสัก 99% ของทั้งหมด) แม่งเป็นเรื่องโม่ยๆ ใช้ภาษากากเดน เอาใจลูสเซอร์ที่หวังว่าชีวิตตัวเองจะประสบความสำเร็จได้โดยไม่ต้องพยายามทั้งนั้น
>>11 ยินดีด้วย มึงถูกล้างสมองไปแล้ว กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้วงการวรรณกรรมบ้านเราเสื่อมโทรมลง
ขอเพิ่มเติมอีกหน่อยก่อนจะนอน
นึกขึ้นได้พอดี เห็นมีคนเคยถามกูว่ากูจะมาด่ารสนิยมคนอื่นทำไม ถามว่าคิดอะไรอยู่ถึงมาด่าไลท์โนเวล กูก็อยากจะเผยความในใจให้พวกมึงฟัง
เมื่อ 10 กว่าปีมาแล้วมีหนังเรื่องนึงชื่อ idiocracy เรื่องนี้ดังมากนะ กูเชื่อว่าพวกมึงน่าจะเคยดู แต่สำหรับคนที่ไม่เคยดู จะเล่าย่อๆว่ามันเกี่ยวกับคนที่มีสติปัญญาธรรมดาๆ ความสามารถกลางๆคนนึง ที่ถูกจับเอามาทดลองแช่แข็งมนุษย์ แต่เกิดความผิดพลาดขึ้นทำให้ไปตื่นในอีก 500 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นยุคที่มนุษยชาติโง่ลง โง่ฉิบหาย โง่จนขนาดที่ว่าทำให้พระเอกกลายเป็นยอดอัจฉริยะไปเลย
ทีนี้มันมีอยู่ฉากหนึ่ง เป็นฉากในโรงหนังในยุคของคนโง่ ซึ่งโรงหนังทุกโรงแม่งฉายหนังเรื่องเดียวกันหมด คือเรื่องตูด โดยหนังเรื่องนี้ไม่มีเนื้อหาห่าเหวอะไรทั้งสิ้น มีแต่ภาพตูดด้านๆของคนๆนึงที่ไม่รู้ว่าเป็นใครฉายขึ้นจอ แต่ผู้คนกลับชอบมันมาก ดูไปหัวเราะไป ตบมืออย่างสนุกสนาน
นี่แหละคือความเห็นของกูเกี่ยวกับคนอ่านไลท์โนเวลที่ถามกูว่ากูไปเสือกอะไรกับรสนิยมของมัน
>>15 มันก็เสือกอยู่ดี อยากทำตัวเป็นศาสดาหรือไง?
ln ก็เหมือนอาหารฟาสฟู้ดนั้นแหละ ส่วนใหญ่ก็กินเอาอร่อย(บันเทิง) ไม่มีใครยกมาหรอกว่า ln ควรเป็นวรรณกรรมขึ้นหิ้ง ตัวอย่างของวรรณกรรมอะไรพวกนี้ เขาอ่านเอาบันเทิง(ถ้ามึงไม่เข้าใจความบันเทิงของคนอื่น มึงก็ไม่ต้องมาเสือกเพราะคนเราความคิดต่างกัน) และความบันเทิงก็ไม่จำเป็นต้องมีประโยชน์ ต้องมีภาษาที่ดี ต้องมีตัวละครที่มีมิติ ต้องมีแง่คิด ฯลฯ(คือมันอาจต้องมีในบางแง่ แต่อาจไม่จำเป็นก็ได้)มันอาจเป็นเรื่องที่บ้าอะไร ไร้เหตุผลสิ้นดี บรรยายบัดซบแต่ถ้ามันตอบสนองความสนุกคนอ่านได้มันก็บรรลุคุณค่าในตัวมันแล้ว
อ๋อ รู้สึกเหมือนกับในไลท์โนเวลที่มีพระเอกฉลาดอยู่คนเดียวรายล้อมไปด้วยsidekickหัวกลวง ผู้ใหญ่รั้นๆหน้าโง่ กับตัวร้ายหลงผิดอ่ะนะ
มู้LNอยู่ข้างล่างนี่เอง ไม่ไปรณรงค์หน่อยล่ะ
ปล.เจ้าแม่เรย์กะนี่เป็นLNไหม?
>>27 จริงๆ กูไปมาแล้วนะ พอไปแม่งก็หาว่ามาป่วน โคตรกากเดน ทั้งๆที่กูพูดด้วยเหตุผล ไม่ได้สักแต่ด่า แต่ก็งี้แหละ รีแอคชั่นของพวกที่เหตุผลพิการก็มีแค่ด่าคนอื่นว่าโทรลล์บ้าง มาป่วนบ้าง แถบ้าง เท่านั้นล่ะ
ส่วนอีเรย์กะน่ะรำคาญฉิบหาย เห็นกระทู้แม่งวิ่งไวสัสจนงงมากว่าคือเหี้ยอะไรจนต้องไปอ่านดู อ่านได้สองสามตอนก็ร้องเหี้ยละ เพียงแต่กูไม่ได้อยากเจาะจงด่าเป็นเรื่องๆ ของแบบนี้มันต้องพูดรวมๆ เพราะความเหี้ยมันไม่ได้อยู่แค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง
เอาเป็นว่าข้อดีของการอ่านไลท์โนเวลอย่างเดียวเท่าที่กูนึกออกคือป้องกันมะเร็งสมอง เพราะเนื้อสมองพวกมึงคงถูกทำลายจนไม่เหลือที่ให้เซลล์มะเร็งเติบโตอีกแล้ว
อธิบายให้ง่ายขึ้นไปอีกก็คือ สมมติว่าตรงหน้ามึงมีกองขี้หมาอยู่หลายๆกอง กูก็ไม่จำเป็นต้องบอกมึงใช่ไหมว่ากองนี้เหลวกว่า กองนี้เหม็นกว่า
สิ่งเดียวที่กูอยากบอกคือ "อย่าเหยียบขี้"
ไปตั้งเพจเลยเชื่อกุ เดวกุกดไลค์ให้
อ่านแล้วดูเห่อหมอยแปลกๆ
กูนับถือในความพยายามของมึงจัง มึงดูเป็นห่วงเป็นใยเรื่องรสนิยมของชาวบ้านอย่างแท้จริง
เหมือนกูนึกครึ้มอยากไปดูหนังระเบิดภูเขาเผาใบกระท่อมเอามันส์ แล้วมีคนมาบอกว่า หนังสวะ ทำไมไม่ไปดูหนังรางวัลนั่งตีความสิบตลบ
เหมือนกูอยากเล่นเอโรเกะ แต่มีคนมาบอกให้ไปเล่นเกมAAA
เหมือนกูอยากแดกปิ้งย่าง แต่มีคนมาบอกให้ไปแดกสุกี้
>>32 ดิสเครดิตกันฉิบหาย คิดมุกที่ดีกว่านี้ไม่ออกแล้วเหรอ
>>33 คือถ้าพวกมึงไปเขียนอ่านกันอยู่ในรูในถ้ำเงียบๆก็คงไม่ว่าอะไรหรอก แต่มึงเอางานสวะมาในที่แจ้ง แถมไปเบียดบังงานดีๆเขาไง เหมือนกับผักตบชวาอะ เลี้ยงไว้ในอ่างปลาตอนแรกก็สวยดีหรอก พอเริ่มแพร่พันธุ์แล้วเอาไปโยนทิ้งคลอง ทีนี้ล่ะฉิบหายกันทั้งลุ่มแม่น้ำเลย
กูไม่อยากให้ลูกหลานกูต้องมาเจออะไรอย่างนี้ ก่อนตายก็ไม่อยากเห็นไวท์โร้ดหรืองานคิโม่ยอื่นๆติดชาร์ต 100 เรื่องที่ควรอ่านก่อนตาย
จะด่า LN ทั้งทีเอาให้เหมือนโม่งวรรณกรรมคลาสสิคได้ป่าววะ อย่างน้อยมันก็ยังแนะนำวรรณกรรมญี่ปุ่นแปลกๆให้กูได้รู้จักบ้าง
>>39 แนวไหนก็แนะนำมาเหอะ จริงๆกูว่ายกนิยายอะไรมาในแง่คุณค่าวรรณกรรมมันเหนือกว่าไลท์โนเวลเกือบหมดละ
แต่กูชอบไลท์โนเวลหลักๆเพราะเวลาอ่านแล้วนึกภาพตามมันเป็นตัวการ์ตูนน่ารักๆไม่ใช่คนจริงๆแบบนิยาย กับเพราะฉากเลิฟซีนหวานแหววกับพระเอก
แต่กูจะไม่มีวันเดินไปซื้อนิยายรักโรแมนติกหรือเข้าโรงหนังไปดูหนังรัก มึงเข้าใจมั้ย
เหมือนมึงชอบเพลงๆนึงแค่เพราะดนตรีช่วงท่อนฮุก ไม่ใช่เพราะความหมายของเนื้อร้อง
เหมือนมึงดูหนังโป๊เพราะนม ไม่ใช่เพราะเนื้อเรื่อง
ไม่ได้มาแป้บเดียวทู้แม่งวิ่งเฉย
แฮรี่มันก็ถือว่าดีในระดับนึงมันอยู่ในหมวดวรรณกรรมเด็กนะถ้ากูจำไม่ผิด
วรรณกรรมเด็กคือให้เด็กอ่านแล้วเซ้ลอินเสิทตัวเองเข้าไป เหมือนมึงไปเรียนฮ้อควอดด้วยตัวเอง
แล้วทีนี้มันเป็นเรื่องแรกๆที่วางเฟรมเกี่ยวกับโรงเรียนและดัง อารมณ์ประมาณ sao
หลังจากนั้นก็มีแนวโรงเรียนตามมาเรื่อยๆ อย่าง บารามอส เป็นต้น
งั้นแสดงว่า ก็แค่สวะนิยายเห่อหมอยเองสินะรู้จักแต่แฮร์รี่ แนวโลกขาวดำ
อ่านกันดั้มยังบันเทิงปัญญามากกว่าเลย lol
>>47 จ้า เอาที่สบายใจเลยจ้า
คือมึงน่าจะรู้สึกตัวสักหน่อยนะว่าตัวเองนู้บมาก ไม่ได้ใช้เหตุผลอะไรในการโต้แย้งเลย ทั้งกระทู้นี้และกระทู้อื่นๆ ก็ไม่มีใครบอกได้ว่าไลท์โนเวลมันจะจรรโลงสังคมได้ยังไง มีแต่พล่ามๆ มันสนุกนะเว้ย อ่านเบาสมอง อย่าดูถูกรสนิยมคนอื่น บลาๆ
และอันที่จริงมึงก็กำลังดูถูกรานิยมของคนที่ชอบแฮร์รี่อยู่นะ ถถถ
Feedแม่งเยอะๆกูจะได้แจ้งแบนเรื่องเหยียดรสนิยมชาวบ้านได้ ตอนนี้เริ่มมีหลุดมาละ
>>50 แอดมินไม่น่าบ้าจี้ตามมึงนะ คือกูว่ากูไม่ได้ด่ากราด ไม่ได้ฟลัดกระทู้ ไม่ได้ป่วน ไม่ได้ไปขวางลำใครที่กระทู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเลย ดูเอาก็ได้ว่ากูไม่เคยไประรานเจ้าแม่เรย์กะ หรือกระทู้อื่นในห้องนี้นอกจากกระทู้ไลท์โนเวล vol.xx กูอยู่ถูกที่ตลอด จะโดนแบนได้ยังไง?
คือมึงจะต้องให้ทุกคนเห็นด้วยกับมึงหมดว่างั้น? ลองแจ้งแอดมินดูแล้วกัน ถ้าแบนจริงนี่มันโคตรตลกเลย
>>51 ไหนละเหตุผลมึงไม่เห็นยกตัวอย่างมาได้ซักเรื่อง ไม่เอาแฮร์รี่ พอร์เตอร์นะ lol
อย่างว่าเห่อหม่อยอ่านแต่นิยายแปล กับอ่านได้แค่ eng ก็งี้แหละ แถมดันดูถูกรสนิยมชาวบ้าน ทั้งที่ตัวเองอ่านเป็นแต่นิยายขาวดำแท้ๆ
Wiedźmin ลองหาต้นตำหรับอ่านนะคับ อ๋อลืมไปเห่อหมอยอ่านภาษาโปแลนด์ไม่ออก lol
วรรณกรรมแนวซีไรต์ มันยังเรียกกันว่าแนวซีไรต์เลย
ง่ายๆ ln เป้าหมายมันคือเพื่อความบันเทิง ไม่ได้ทำมาเพื่อเป็นซีไรต์วันนาบีต้องการรางวัลอะไรมากมาย
แล้วจะให้ไลท์โนเวลมาจรรโลงสังคมได้ยังไงวะกูก็งง ประเด็นนี้มึงก็ไปด่านิยายรักๆเกาหลีหรือนิยายที่แม่งชอบเอามาทำเป็นละคร 3579 ได้เหมือนกันหมด ฟิฟตี้เกรย์ ทไวไลท์ แหวนครองภิพพ นาเนีย สตาร์วอร์ เหี้ยไรแม่งก็ไม่จรรโลงสังคมxxxไรทั้งนั้น ทำมาเพื่อความันเทิงหาเงินทั้งนั้น
>>52 กูชี้แจงไปมากแล้ว นี่ไม่เคยตามอ่านเหรอ? มาใหม่หรือเปล่า
สรุปให้สั้นๆก็แล้วกัน ว่าไลท์โนเวลมันกำลังทำให้ตลาดนิยายดีๆ ตาย เพราะว่าเด็กๆ และวัยรุ่น ซึ่งเป็นกำลังซื้อที่พร้อมเพย์เนี่ย แม่งหันไปเสพไลท์โนเวล ซึ่งเป็นงานเขียนที่ขาดทั้งความงามทางวรรณศิลป์ และขาดทั้งเนื้อเรื่องที่เป็นระบบ ซึ่งส่งผลโดยตรงให้คนพวกนี้ไม่เข้าใจการใช้ภาษาที่สูงและเนื้อเรื่องที่ซับซ้อน ทำให้นิยายดีๆ ไม่ได้เกิดกับเขาสักที
เอาตามตรงนะ สนพ. น่ะไม่ได้เดือดร้อนกับเรื่องพวกนี้หรอก สนพ. ก็แค่จับตลาดกลุ่มลูกค้า และก็หางานเขียนที่ขายได้เอามาขาย แล้วเป็นไงล่ะ ลองไปดูตามแผงหนังสือทุกวันนี้สิ ปีๆหนึ่งมีหนังสือที่เรียกได้ว่าดีโผล่ขึ้นชั้นมาสักที่เล่มกัน และเมื่อตลาดขาดแคลนงานเขียนดีๆ คนแม่งก็ต้องโง่ลงเป็นธรรมดา
ส่วนสถิติ กูคงหามากางเป็นแผนภูมิให้มึงดูไม่ได้ แต่กูสามารถแนะนำให้มึงไปเปิดดูเด็กดี โดยเฉพาะในหมวดแฟนตาซี รักแฟนตาซี และเกมออนไลน์ ว่าตอนนี้มันเกิดเหี้ยอะไรขึ้นกับนักเขียนนักอ่านของชาติเรา
อ่านแต่ วรรณกรรมเยาชน แต่มีรสนิยมเหยียด อืม เทพชิดหาย
กูว่า หน้ากากนักร้องหรือไอ้พวกแคสเกมนี่สร้างปัญหาให้สังคมมากกว่า ln อีกนะ 555
ไม่แปลกหรอกเด็กเห่อหมอยชัดๆ วรรณกรรมยกมามีแต่ วรรณกรรมเด็ก
พวกวรรณกรรมทางจิตวิทยา การเมืองไม่เคยแตะ สุดท้ายอ่านจบก็ไม่ได้อะไร
ไม่ต่างจากอ่าน LN จับนมเลยแม้แต่น้อย lol
งวดหน้าอย่าลืมยก หนูน้อยจอมทรนง เข้ามาอีกเรื่องด้วยนะ จะได้ครบชุด วรรณกรรมเด็ก
>>68 ถ้าจะหวังให้กูดิ้นน่ะเปล่าประโยชน์นะ แต่ยิ่งมึงพิมพ์มาแบบนี้ยิ่งทำให้รู้ว่ามึงแม่งเป็นเด็กน้อยมากๆ ที่พอจวนตัวก็เริ่มทำตัวเกรียนๆ กล่าวหาอย่างนู้นอย่างนี้
สำหรับคนที่ไม่รู้นะครับ ทั้ง 1984 แอนนิมอล ฟาร์ม และการผจญภัยฯ ที่ยกมานั้นเป็นวรรณกรรมที่ได้รับการยอมรับว่าดีในทุกแนวที่ถูกพูดมา (ทั้งในแง่สังคม การเมือง) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผจญภัยฯ ได้รับการยอมรับประมาณว่าเป็นบิดาของวงการวรรณกรรมอเมริกันเลยทีเดียว ลองไปเสิร์ชกูเกิ้ลดูได้ ถถถถ
>>71 ไม่เป็นแบบนี้ครับ อย่างน้อยแนวเกิดใหม่ก็เพิ่งมาในช่วงหลัง ยังไม่รวมถึงเกมออนไลน์แนวใหม่แบบใส่หน้ากากออกมาในโลกแห่งความจริง เกิดเป็นนางร้าย และการตั้งชื่อเรื่องยาวเหยียดเลียนแบบไลท์โนเวล อันนี้เห็นได้ชัดเจนมากๆ
ส่วนเรื่องสถิติ อย่างที่บอกไปว่ากูไม่ได้อยู่ในส่วนที่จะสามารถเอาตารางสถิติมาแปะให้ดูได้ แต่มันเป็นที่รู้กันโดยทั่วไป ถ้าไม่ปิดตาก็คงจะมองออกนะ
Wiedźmin ที่มีฉากเยดกัน โลกเทาๆ ยังดูดีมีมิติกว่า นิยายเยาวชนที่ยกมาเลย lol
ลองยกตัวอย่างวรรณกรรมดีเด่นที่ออกในช่วง 2 ปีนี้หน่อยดิ ยกมาแต่เรื่องเก่า อย่าง never ending story อ่านตั้งแต่เด็กล่ะ อ่านจบมาหลายรอบล่ะ จะให้อ่านซ้ำๆแม่งทุกวันเหรอไง ยกมามีแต่วรรณกรรมอมตะ เอาเน้นทันสมัยหน่อยดิ
>>79
1 สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง นี่แหละคือนางร้าย
2 Stella นางร้ายป้ายแดง
3 หลุดเข้ามาในนิยายที่ตัวเองเขียนเนี่ย ไม่ใช่เรื่องตลกนะคะ!
4 ลำนำรัก นางร้าย
5 ฉันเกิดใหม่ในโลกปีศาจ
6 Really Otome? นี่มันแค่เกมจีบหนุ่มจริงๆน่ะเหรอ?
7 ตื่นเถอะ...ฉันนางร้ายไม่ใช่นางเอก
8 การใช้ชีวิตในเกมจีบหนุ่มมันไม่น่ารักอย่างที่คิดหรอก
9 [Love Villain Plz~] ผมเกิดใหม่เป็นนางร้ายครับ
10 (สนพ.อรุณ) Erika No Nikki บันทึกของเอริกะ
ต่อให้กูไปทำวิจัยมา มึงก็คงอ้างว่าการเก็บตัวอย่างของกูมันมี bias ไม่ก็ตัวชี้วัดของกูมันเพี้ยนอยู่ดี งั้นก็ไม่เอาอะไรมาก ไปเอาชื่อเรื่อง top 10 ของหมวดรักแฟนตาซีมาให้ดูแทนแล้วกัน ไม่ต้องอธิบายเพิ่มนะ มันน่าจะตอบคำถามในตัวเองอยู่แล้ว
>>80 ช่วงปีสองปีมานี้เอาตรงๆ ว่าหานิยายที่เรียกว่าดีจริงๆ อ่านแล้วขนลุกไม่ได้เลย เลยพยายามไปเก็บงานเก่าๆ ทั้งที่ติดชาร์ตอวยและติดชาร์ตเฮทเตอร์มาลองอ่าน ก็สนุกดีเหมือนกันนะ
>>83 เข้าประเด็น
ตอนโรงเรียนบูม สนพ. ก็แห่พิมพ์แนวโรงเรียน ตอนออนไลน์บูม บนชั้นหนังสือก็เต็มไปด้วยแนวออนไลน์ พอมาถึงคิวของไลท์โนเวลก็อิหรอบเดิม ถามตรงๆว่าจะมอมเมาเยาวชนไปถึงไหนกัน อย่างน้อยๆ มึงเป็นคนไทยก็น่าจะเขียนภาษาไทยให้ได้ดีกว่านี้ ถึงแนวออนไลน์จะเต็มไปด้วยพระเอกเก่งเทพ แต่ก็มีบางเรื่องที่การใช้ภาษาไม่ได้กากเดนนะจ๊ะ ตัวอย่างเช่น ภารกิจรักฯ (ในแง่ของภาษากูยอมให้ผ่าน แต่เนื้อเรื่องยังไม่ได้)
นี่กุอยู่ในโลกของโซมะป่าววะ แค่เปลี่ยนจากการทำอาหารเป็นLN
"นโยบายของเซนทรัลคือการกำจัดร้านอาหารที่ไม่ได้คุณภาพตามที่เซนทรัลต้องการออกจากญี่ปุ่นทั้งหมด"
เดบิต จากโม่งในห้องไหนสักห้อง
สักพักคงกลายเป็นเกาหลีเหนือ อะไรกุไม่ชอบ=แบนแม่ง ไอสัส 555
>>87 การที่จะทำให้วรรณกรรมที่ดีบูมได้นั้น มีอยู่แค่ทางเดียวคือทำให้คนหันกลับมาอ่านวรรณกรรมดีๆ ซึ่งมันจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าคนพวกนั้นผ่านการอ่านนิยายที่แย่มามากๆ เห็นได้ชัดว่าหลายต่อหลายคนเสพติดนิยายสูตรสำเร็จ (พระเอกต้องเก่งเทพเท่านั้น) และไม่เข้าใจความสวยงามของภาษา (ชอบอ่านอะไรกระชับสั้น บรรยายผ่านความคิดในมุมมองบุคคลที่ 1 เลยยิ่งดี เวลาเห็นการบรรยายฉากแล้วอ่านข้าม เป็นต้น)
กูเข้าใจการวางแผนการตลาดดีนะ ว่ามึงไม่สามารถขายแต่นิยายดีที่ไม่มีคนอ่านได้ ถ้าอยากรอดในยุคที่หนังสือเล่มกำลังจะตายห่าแบบนี้ ยังไงๆ ก็ต้องเกาะกระแสไอ้ที่คนอ่านเยอะๆ ปัญหาคือไอ้ที่คนอ่านเยอะๆ อย่างไลท์โนเวลเนี่ย มันไม่สามารถพาคนอ่านให้มีความสามารถพอที่จะอ่านนิยายดีๆได้ไง หมายความว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป วรรณกรรมดีๆ ก็จะอยู่บนหิ้ง วรรณกรรมใหม่ๆ ก็จะมีแต่พวกห่าอะไรก็ไม่รู้
ก็แอบอมยิ้มนะตอนที่่มีคนบอกให้แนะนำนิยายดีๆ ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา ไม่แน่ว่าในอีกสิบปีข้างหน้า กูอาจไม่สามารถตอบลูกหลานได้เลยว่า นิยายดีๆ เมื่อ 5-6 ปีก่อน มันมีเรื่องอะไรบ้าง
ซื้อไลท์โนเวลห้าเล่มแล้วแถมนิยายของเลิฟคราฟ
วันนี้รบกวนเวลาของทุกคนมามากแล้ว ถึงแม้ว่าจะด่ากูอย่างนั้นอย่างนี้ แต่กูก็เชื่อว่าพวกมึงคงจะพอเข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นกว่าเดิมบ้าง
ก็ฝากไว้ 4 เรื่องข้างต้นนะ 1984 แอนิมอล ฟาร์ม การผจญภัยของฮักเกิลเบอรี่ ฟินน์ และเนเวอร์เอนดิ้ง สตอรี่ (ชื่อไทยว่าจินตนาการไม่รู้จบมั้ง) ที่ยกตัวอย่าง 4 เรื่องนี้ขึ้นมา เพราะเป็นงานที่หาซื้อได้ง่าย มีการพิมพ์ใหม่อยู่ตลอด อยากให้ลองอ่านดู บอกได้เลยว่าเรื่องเหล่านี้ถึงแม้ว่ามันจะเก่า (บางเรื่องมาจากศตวรรษที่ 19) แต่ถ้าลองอ่านดูแล้วจะพบว่าปมต่างๆ ที่ผู้เขียนใช้ในเรื่องไม่เก่าเลย พอได้อ่านแล้วบางทียังรู้สึกตลกกับพวกนิยายใหม่ๆหลายเรื่องด้วยว่า เฮ้ย นี่มึงผ่านมา 100 ปี แล้วนะ ยังใช้มุกเดียวกับตาแก่พวกนั้นอยู่อีกเหรอวะ
เอาล่ะ เดี๋ยวกูมาใหม่นะ วันนี้ฝากไว้เท่านี้
กูคิดวิธีทำเพื่อนิยายดีๆได้แล้ว
มึงก็ไปทำห่าไรก็ได้ให้เป็นคนใหญ่คนโตหรือรวยระดับบิลเกต
จัดแข่งนิยายน้ำดีระดับโลกทุกปี อัดฉีดเม็ดเงินเข้าไป โฆษณาแม่งทุกช่องทุกสื่อทุกวงการ ใช้อำนาจหรือเม็ดเงินบดขยี้ Ln ขยะวรรณกรรมให้หมดโลก
หรือมึงก็หาทางครองโลกให้ได้และสั่งเผาทำลาย Ln ฆ่าประหารคนแต่งให้หมดโลกอารมณ์แบบจิ๋นซีเผาตำรา ฝังบัณฑิต
หรือถ้าคิดว่าคนเดียวมันทำยากมึงก็ไปสร้างลัทธิอะไรขึ้นมาสักอย่างหลอกให้คนเชื่อแล้วค่อยๆครองโลกไปทีละนิดแบบธรรมกายก็ได้นะ
>>94 ไปชิ่ว
http://imgur.com/3Z3m1NN
อะไรคือนิยายน้ำดี ในเมื่ออาจจบแล้วไม่ได้อะไรเหมือนกัน
หนังสือถ้าให้คนซื้อมันต้องอ่านง่ายเข้าว่าโว้ย ดังคำกล่าวที่ว่า
นักคณิตศาสตร์แต่งหนังสือแต่เขากลับพบว่า ยิ่งใส่สมการซับซ้อนเท่าไหร่
คนกลับซื้อน้อยลงเท่านั้น อย่ากระนั้นเลย แต่งหนังสือแค่ basic แล้วโกยตังค์ดีกว่า
อ้าวไอปื๊ด แม่เรียกไปกรอกน้ำแล้วเหรอ งั้นเจอกันรอบหน้านะ บาย
มึงรู้ไหมว่าตอลสตอยล์เคยด่างานของเช็คสเปียร์ว่างานขยะอ่านไม่รู้เรื่อง นักเขียนระดับตำนานอีกหลายคนก็เคยด่า แบบนี้ตอลสตอยล์นับว่า shit taste ป่าววะ
>>102 เฉยๆนะ งานของเชคสเปียร์มีคนด่าเยอะจะตาย ถามกลับแบบเดียวกับมึงก็แล้วกัน แบบนี้เรียกว่าตอลสตอยเป็นพวกอีโก้สูง เหยียดรสนิยมคนอื่นด้วยรึเปล่าวะ?
พูดถึงตอลสตอย หลายๆ คนอาจชอบสงครามและสันติภาพ ส่วนตัวกูชอบเรื่องสั้นกับนิทานที่เขาเขียนมากกว่า อย่างอีวานคนซื่อ หรือนักโทษแห่งคอเคซัส อาจเป็นเพราะตอนนั้นกูอยู่ประถมด้วยแหละมั้ง เลยอ่านอะไรยาวๆ อย่างสงครามฯ ไม่ไหว
มึงเข้าใจผิดแล้วสหาย สิ่งที่บั่นทอนวรรณกรรมดีๆคืออินเตอร์เน็ตต่างหาก
มึงคิดดูนะเดี๋ยวนี้คนเราเสพสื่อบันเทิงจากอินเทอร์เน็ต เล่นโซเชียลมีเดียกันเป็นส่วนใหญ่จนแทบไม่เหลือเวลาทำอย่างอื่นรวมไปถึงเสพวรรณกรรมดีๆด้วย และผลจากการเสพมากเข้าก็ shit taste ขึ้นเรื่อยๆ
ใช่แล้วสหายสิ่งที่เป็นศัตรูตัวจริงของเราคืออินเทอร์เน็ตยังไงล่ะ ดังนั้นหนทางที่จะทำให้วรรณกรรมดีๆกลับมาคือกำจัดอินเทอร์เน็ตให้พ้นจากโลกซะ
เริ่มที่สหายก่อนจงเลิกเล่นเน็ตเสียเพื่อประโยชน์ต่อวงการวรรณกรรมและบอร์ดโม่งแห่งนี้
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.