>>99 สิ่งที่มึงพิมก็คือการยกประโยชน์ให้ฝ่ายพ่อแม่อย่างเดียวเหมือนกันโดยไม่มองบริบทความเป็นจริง
ในเมื่อมึงก็ยอมรับว่าการเอาตัวรอดมันคือสัญชาตญาณ แต่มึงเสือกมาพูดว่าไม่อยากอยู่ก็เลือกไปตายซะ ทั้งๆที่ระบบการคิดเป็นเหตุผลอันชัดเจนมันขัดแย้งกับสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต เหมือนไม่เคยเห็นเวลาคนฆ่าตัวตายที่ใจอ่ะอยากตาย แต่พอจะตายกลไกเอาตัวรอดตามสัญชาตญาณมันก็ดิ้นรนให้คนกลับมาอยู่ดี มนุษย์มันเลือกได้ตอนที่มันมีสติน่ะแหละ พอมันจะตายเข้าจริงๆร่างกายก็ตอบสนองอัตโนมัติ ระบบเหตุผลที่มึงมโนมันไม่สำคัญเมื่อกำลังจะตายหรอก
และถ้าการเลี้ยงดูไม่ใช่สิ่งที่สังคมบังคับ เวลาทิ้งลูกก็คงไม่มีความผิดอ่ะ ซึ่งกฎเกณฑ์ปัจจุบันมันไม่ใช่ มีคนไม่ทำตามไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่พูดไปไม่มีจริง ถ้าคิดว่าตัวเองถูก มีลูกแล้วเอาไปทิ้งพร้อมมาป่าวประกาศสิ ถ้ามันคือสิ่งที่มนุษย์ในสังคมเลือกจะทำได้ มึงจะไม่มีความผิดทางกฎหมาย ถูกมั้ย ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ เพรางั้นถึงไม่อยากเลี้ยงก็โดนบังคับให้เลี้ยงอยู่ดี ซึ่งถ้าเลือกจะไม่เลี้ยงก็ไม่ได้หมายความว่ากฎเกณฑ์มันไม่มีอยู่จริง
และอย่างที่บอกมึงไปทำความเข้าใจก่อนว่าบุญคุณที่พูดถึงหมายถึงอะไร เลี้ยงปล่อยๆ ให้บ้าน ให้ข้าว มันก็ปกติป่ะ ปัจจัย 4 พื้นฐาน แต่ถ้าเด็กแม่งบอกอยากกินพิซซ่าแแล้วมึงซื้อให้ กูมองว่านี่คือบุญคุณเพราะเด็กมันขอจากมึงเองทั้งๆที่มึงเลือกจะปฎิเสธแล้วให้แม่งกินข้าวเปล่าอย่างเดิมไปก็ได้ สำนึกไม่สำนึกเกี่ยวไร มึงไปช่วยคนแล้วมันไม่สำนึกแม่งเปลี่ยนความจริงว่ามึงช่วยมัน มึงมีบุญคุณต่อมันได้หรอ
โครตเบื่อตรรกะยัดเยียดให้คนอื่นเองแล้วเหมาว่านี่คือบุญคุณจริงๆ ทีเด็กเกิดมาเพื่อเติมเต็มความรู้สึกของพ่อแม่ไม่ถือง่าเด็กมีบุญคุณต่อพ่อแม่บ้างล่ะ ตลกจัง