โว้ยยย ทำงาน 8โมงเลิกทุ่มนึงโอทีไม่มี
เงินก็9000โว้ยยยย
กุคนเดิมเพิ่มเติมคือมาบ่นเฉยๆ= = กุเหนื่อยน่ะกุส่องงานใหม่อยู่ขอโทษออล
Last posted
Total of 1000 posts
โว้ยยย ทำงาน 8โมงเลิกทุ่มนึงโอทีไม่มี
เงินก็9000โว้ยยยย
กุคนเดิมเพิ่มเติมคือมาบ่นเฉยๆ= = กุเหนื่อยน่ะกุส่องงานใหม่อยู่ขอโทษออล
ทำงานมา3เดือนกูจะลาไปสอบราชการนี้ต้องลาด้วยเหตุผลอะไรถึงจะดีวะ
มัวแต่เป็นมนุษย์เงินเดือนแล้วเมื่อไหร่จะรวย มาฟังโอกาสทางธุรกิจกับเราสิ
กูขอถามเป็นความรู้นะอันนี้จริงจังขอโม่งที่เคยผ่านการสอนงานเด็กใหม่ ส่วนมากพวกมึงจะสอนน้องแบบไหน อย่างแรกซอฟๆนุ่มนวลค่อยเป็นค่อยไปอย่างที่สองดุดันโวยวายให้มันสะดุ้งกลัวไปเลย
แล้วบอกด้วยว่าแต่ละอย่างจะได้ผลยังไงบ้าง
>>716 ขอตอบในฐานะเป็นเด็กใหม่ ถ้ามึงสอนแบบรุนแรง มีตะคอก เด็กจะไม่รับอะไรจากมึงเลย เพราะแม่งกลัวมึง คิดว่ามึงไม่อยากสอน และไม่เชื่อว่าที่มึงสอนจะใช้ได้เพราะคิดว่ามึงเกลียดเค้า
แต่ถ้ามึงสอนดีๆ ค่อยพูดค่อยจา สอนด้วยเหตุผลทีนี้มึงพูดอะไรเด็กก็ตั้งใจเรียน รับหมดไม่ว่าดีหรือเลว
>>716 กูเป็นหัวหน้างานนะ ที่ผ่านมากูสอนด้วยการพูดดีๆมาตลอด มัน work กับคนที่พร้อมจะรับว่ะ
กูเคยมีลูกน้องกูตัวนึงแม่งถือตัวว่าตัวเองเก่งแม่งไม่ฟังอะไรจากกูเลยกูพูดอะไรก็ไม่เชื่อ ผลคือเรื่องง่ายเป็นเรื่องยากครับ จนกระทั่งไอ้เหี้ยนี่ลาออกไปงานเลยง่ายสุดๆ กับพวกเหี้ยนี่ไม่ต้องคิดไรมาก กาหัวทิ้งอย่างเดียว
อีกแบบนึง คือพวกหัวทึบ อธิบายเหี้ยไรแม่งจะไม่เข้าใจเลยเว้ยต้องให้มันเรียนรู้ด้วยการทำให้งานเสียหายก่อน ถ้าไม่แสดงตัวอย่างให้มันดูแม่งจะไม่มีทางเข้าใจ พวกนี้มึงด่าไปก็เปลืองน้ำลายเพราะแม่งจะไม่มีทางเข้าใจว่ามันทำผิดอะไร ถถถถถถถถถ
ส่วนการสอนแบบโวยวายกูไม่เคยทำว่ะ ไม่ใช่แนว ถ้าลูกน้องกูกากเกินทนกูจะกาหัวทิ้งอย่างเดียว
ถ้าบริษัทจ้างมึงมาเพื่อแก้ปัญหา แต่สุดท้ายด้วยเพราะความอ่อนประสบการณ์หรืออะไรซักอย่าง มึงพบว่าปัญหานั้นมันแก้ไม่ได้ในเวลาที่กำหนดด้วยการติดหลายปัจจัยจากหลายฝ่าย มึงไม่สามารถหาวิธีการตามที่เค้าต้องการได้เป๊ะ นั่นแปลว่ามึงหากเองรึเปล่าวะ ในเมื่อเค้าจ้างมุงมาแก้ปัญหาอ่ะ คือกูประสบเรื่องนี้อยู่แล้วแบบ บางทีก็รูสึกว่า เออ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะทำให้ดีกว่านี้ได้แหละ หรือโม่งว่าไงวะ
>>720 อย่าโทษตัวเองให้มากนักเลย คนเรามันขาดประสบการณ์กันได้ และนั่นไม่ได้แปลว่ากาก
แค่คิดว่าตัวเองขาดประสบการณ์แล้วพร้อมที่จะปรับปรุงในครั้งหน้าๆนั่นก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่ามึงไม่ได้กากแล้ว คนที่กากก็คือคนที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด และยืนยันจะอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ปรับปรุงอะไรตัวเองเลยต่างหาก
แน่นอนว่ามันต้องมีคนที่ทำได้ดีกว่าเราอยู่ ถ้าคนอื่นมาทำเขาอาจจะทำได้ดีกว่ามึงได้ก็จริง แต่ตอนนี้คนที่จะทำหน้าที่นี้คือมึงคนเดียว ก็ทำให้ดีที่สุดก็พอแล้ว
อีกไม่เกิน2ปีพ่อกูก็เกษียณอายุแล้วว่ะ กับกูที่เพิ่งเริ่มทำงานได้2ปีถ้วน(ย้ายงานมา1ครั้ง)รู้สึกว่าทำไมมันไวจังเลยวะ กูต้องกลายเป็นหัวหลักแบกภาระ
ครอบครัวต่อในขณะที่กูยังทำตามความฝันตัวเองไม่หมดเลย อยากต่อโทก็อยาก อยากจะGap year ไปเรียนภาษาที่สามปีนึงก็ยังไม่ได้ทำ
ความฝันที่อยากจะทำงานอิสระอยู่บ้านไวๆ (เพราะมีสกิลทั้ง ป.โท , ภาษาที่3 , ประสบกรณ์ทำงานพอสมควร) คงห่างไกลออกไปเรื่อยๆอีกแล้วว่ะ
เห้อ ทำไมรู้สึกเศร้ากับตัวเองชิบหายเลยวะ เหมือนโตมาแล้วต้องรีบทำตามหน้าที่มาตลอด ไม่เคยได้มีเวลาแวะพักให้ความฝันตัวเองเลย
>>722 ก็ถ้าเหลืออีก2ปี ก็เอาเวลา1ใน2ปีนั้นไปหาเรื่องเรียนต่างประเทศเลยดูเป็นไง
ไม่รู้หรอกว่าอยากจะไปประเทศอะไรเรียนภาษาอะไร แต่เชื่อว่าทำงานมามา2ปีก็น่าจะพอมีทุน+ไปเรียนภาษาและหางานพิเศษเพิ่มในตัวก็อาจจะพออยู่ได้นะ
เกิดมาทั้งทีแต่สุดท้ายไม่ได้ทำสิ่งที่อยากทำซักครั้งมันก็น่าเสียดาย ไม่รู้ว่าที่บ้านเคร่งเรื่องพวกอยากให้สร้างตัวเร็วๆขนาดไหน แต่ถ้าที่บ้านรับฟังได้พอสมควรก็ลองคุยกันดูเป็นไง? เพราะสุดท้ายนี่ก็ชีวิตของตัวเอง งานน่ะจะกลับมาทำหลังจากนี้อีกซักปีก็ยังไม่สาย แต่จะไปหาเรื่องเรียนต่างประเทศ ถ้าไม่ใช่ตอนอายุยังไม่มากจะยิ่งไม่สบายใจที่จะทำนะ
เออเว้ย
ท้อใจชิบหายเลยว่ะ บริษัทกูปล่อยลูกน้องกูรีไทร์ออกไปแต่ไม่หาคนใหม่มาแทน เลยทำให้กูต้องควบดำแหน่งดูแลงานทั้งในส่วนของกูและงานของ
ลูกน้องกูอีกที ซึ่งเป็นงานที่กูก็ยอมรับว่าไม่ค่อยได้ลงไปเรียนรู้อะไรมากนักเพราะที่ผ่านมามันเป็นงานรูทีนอยู่แล้ว พวกแนวๆจัดสรรเวลาให้พนักงานทำ
งานต่างๆอีกที ที่ผ่านมากูคอยดูเนื้องานโดยภาพรวมและออกคำสั่งไปให้ลูกน้องกูอีกที พอทีนี้กูต้องลงมาดูแลเองทั้งหมดมันทำให้คุณภาพงานกูดรอป
ลงไปว่ะ เหมือนกูต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ทีละเล็กทีละน้อยโดยไม่มีใครมาสอนให้ และกูโดนหัวหน้าซ่อมทุกวันเลยไม่รู้ว่าเป็นความหวังดีรึเปล่า แต่มันทำให้
กูรู้สึกเหนื่อยและท้อใจเอามาก เหนื่อยจากการจัดสรรงานรูทีนตัวเองแล้ว ต้องแบ่งสมองมาเรียนรู้งานใหม่บวกกับจัดสรรงานออกมาให้ดีที่สุด ณ ทันที
แรกๆกูก็คิดว่า เออเว้ย ลองผิดลองถูกกันไปเดี๋ยวก็เข้าที่เอง กูก็พยายามทำแต็มที่เลย แต่ก็โดนหัวหน้าเรียกคุยทุกวัน ซ่อมทุกวัน แกอาจจะแค่หวังดีบอกว่าจุดไหนกูยังด้อย ตรงไหนที่กูพลาด และก็เป็นยังงี้มาร่วมเดือนละ บางทีกูอาจทำงานไม่ดีเอง หรือบางทีเป็นที่ระบบมันโหลดงานที่กูมากไปป่าว
กูเครียดที่พี่สอนงาน แกสอนโหดไม่ได้โหดเนื้องานโหดตอนสอนจนสมองแม่งไม่รับอะไรจนเหมือนคนโง่เลยว่ะ พอถามอีกก็ฉุนเฉียวพอทำผิดก็ฉุนเฉียวกว่าเดิมอีกเฮ้อออออ
กูรู้สึกไม่ชอบความรู้สึกเหยียดผู้หญิงในที่ทำงานของกูเลย แต่ก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปเถียงเค้า
เพราะรับโปรแกรมเมอร์ผู้หญิงมากี่คนๆก็ทำงานห่วยทุกคนจริงๆ
ถึงโดยธรรมชาติผู้หญิงจะสนใจเรื่องเทคโนโลยีน้อยกว่าผู้ชายกูว่ามันก็ไม่ใช่ข้ออ้างว่าเค้าจะทำงานไม่ดีนะ
งานก่อนของกูก็มีผู้หญิงที่ไม่ได้สนใจด้านนี้อยู่ในทีมเยอะ แต่ทำงานออกมาดีกันได้
เหมือนซวยรับคนที่ไม่ตั้งใจทำงานแล้วก็ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบเข้ามามากกว่า
My salary growth is hopeless. No passion for the company when I’m full of debt. You want me to work exceed expectations but not support me enough. I feel being taken advantage. I’m finding a new opportunity.
เวลาไปสัมภาษณ์งานแล้วเขาถามว่าทำไมถึงอยากเปลี่ยนงานควรตอบยังไงให้ดูดีและจบถามต่อไม่ได้ดีวะ
ของกูในบริษัทแม่งทะเลาะกันหนักมาก ลุกมาชี้หน้าด่ากันก็มี หัวหน้ากู(เพิ่งเข้ามา)ก็จะบีบเพื่อนกูออก แล้วก็ทะเลาะกับคนนู้นคนนี้ดะไปหมด วันดีคืนดีปรี้ดแตกก็ด่าลูกค้ากูๆเมิงๆทำงานโง่ๆ
ก่อนนี้ไปที่นึง เขาถามตอนแรกกูก็บอกว่าปัญหาภายในค่อนข้างเยอะ เพราะตัวบริษํทแบ่งเป็นส่วนเล็กๆเลยมีปัญหากันบ่อย แต่พอโดนล้วงลึกๆกูก็บอกความจริงไป กูเป็นคนติดพูดขำๆ จังหวะที่พูดมันออกทีเล่นทีจริงคุยสนุกๆแต่มาคิดๆแล้วแม่งไม่ดีเลยเหมือนเอามาแฉ
มีอันไหนสวยๆอีกไหม มองความมั่นคง มองหาโอกาส สวัสดิการดีกว่า ไอ้ที่ตอบไปแล้วจะไม่โดนล้วงเยอะๆ กูกลัวกูหลุดอีก
กูสงสัยว่ะในนี้มีใครทำงานรัฐ ราชการ หรือเอกชนก็ได้เเต่เวลาว่างเยอะไหมวะ กูเพิ่งทำงานเเต่งานเเม่งว่างมากๆ ว่างจนเซงเล่นsocialก็ไม่ได้ มือถือก็ไม่อยากหยิบกูก็เเบบกลัวคนมองไม่ดี พวกมึงทำอะไรกันวะเวลาว่างๆไม่มีงาน ถ้าหยิบหนังสือตำราเรียนมาอ่านก็พอได้ เเล้วถ้าเป็นหนังสือภาษาหรือที่ไม่เกี่ยวกับองค์กรมันจะดูน่าเกลียดไปไหมวะ หรือทำอะไรดีที่ฆ่าเวลาได้
อยากหยิบหนังสือTOEIC หนังสือภาษาญี่ปุ่น มาอ่านเตรียมสอบเพิ่มเเต่ก็กลัวคนมองว่าไอนี่ว่าง หนังสือพวกเเนวคิดการลงทุนต่างๆก็อยากอ่านเเต่ก็กลัวว่าว่าง
>>733 สวัสดิการ-เงินเดือนดีกว่านี่อย่าพูด ถ้าในคนสัมมี HR อยู่ด้วยเค้าจะสวนกลับมาว่างี้ถ้าหาที่ใหม่ได้ก็จะลาออกใช่มั้ยคะ
ที่จริงแค่มึงบอกว่ามีปัญหา คร่าวๆว่าเป็นปัญหาแนวไหน คนสัมก็ควรจบได้แล้ว HR ที่ดีจะไม่ลงลึกกว่านั้น ยิ่งถ้าคนที่ไม่ยอมจบซักไซ้จนต้องลงดีเทลเป็นหัวหน้างานนี่มึงควรพิจารณาบริษัทอื่นแล้วว่ะ
มีใครเคยหรือกำลังทำงานเสริมตอบแบบสอบถามมั้ยวะ พวก surveycompare อะไรงี๊ อยากรู้ว่ามันได้เงินจริงมั้ย แล้วโดนเอาข้อมูลส่วนตัวไปขายหรือเปล่า
งานกูดีนะ เพื่อนร่วมงานก็ดี แต่ปัญหาคือกูแม่งไม่เก่งว่ะ หัวช้า คิดไม่หลุดกรอบแล้วมันทำให้ดุด้อยที่สุดในทีม กูก็พยายามแล้วพยายามอีก ขยันกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัวแต่ก็สู้ใครไม่ได้ซะที เหนื่อยโว้ย ทำไมกูพยายามไปก็ไม่เก่งอย่างที่หวังวะ กูอยู่ผิดที่ผิดทางหรอวะหรือกูมันไม่มีอะไรดีจริงๆ
>>735 ที่เขาซักไซ้เพราะที่บริษัทนั้นก็มีปัญหาทำนองเดียวกันหรือเปล่า เลยซักเชิงลึกว่าสิ่งที่ candidate รับไม่ได้คืออะไร ถ้ามันตรงกับสิ่งที่บริษัทเป็นจะได้ไม่ต้องรับเข้ามาให้เสียเวลาทั้งสองฝ่าย เพราะถึงรับเข้ามาก็คงอยู่ไม่ได้อีกเหมือนเดิม บริษัททุกที่มีข้อดีข้อเสีย ไม่มีที่ไหนดีไปหมดหรอก แต่มันอยู่ที่ว่าคนคนนั้นโฟกัสกับอะไร รับได้/ไม่ได้กับอะไร แต่จะไปบอก candidate ว่า อ๋อ บริษัทเราการเมืองแรงมากค่ะ มันก็บอกไม่ได้ไง มันเลยต้องตะล่อมถามเอานี่แหละ อย่างกูนะ ไม่สนใจเลย ใครจะดราม่าการเมืองห่าเหวอะไร กูเจอมาเยอะและกูลอยตัวจากปัญหาพวกนี้ไปนานแล้ว กูจะโฟกัสที่ค่าตอบแทน/เนื้องาน/career path แต่ถ้าเป็นเด็กๆ หน่อยจะชอบแบบขอสังคมดีๆ เพื่อนดีๆ รุ่นพี่ใจดีไม่ดุคอยสอนงาน สนุกสนานเฮฮา เงินกับความก้าวหน้าไม่ค่อยแคร์มาก ยกเว้นเด็กทะเยอทะยานก็จะอีกแบบนึงไรเงี้ย
>>720 ถ้ามันติดปัจจัยอื่นๆที่มึงคุมไม่ได้ก็ควรจะให้หัวหน้ามึงไปจัดการให้
อย่างน้อยถ้าเค้าช่วยแก้ไม่ได้ เค้าก็จะได้รู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดมึงนะ
หรือบางทีเวลาบอกหัวหน้าว่างานจะเรียบร้อยเมื่อไหร่ก็ลองเผื่อเวลาไว้เพิ่ม เผื่อเจอเหตุไม่คาดฝันจะได้แก้ทัน
ถ้ารู้ตัวว่าอะไรจะไม่ทัน deadline ที่เคยตกลงกันก็ควรบอกแต่เนิ่นๆ อย่าไปบอกตอนใกล้ๆ
>>725 โดนโยนงานที่ไม่ใช่งานเดิมของตัวเองใส่แล้วงานเดิมก็ยังต้องทำกูว่าจะเอาคุณภาพงานดีๆด้วยมันก็ยากนะ
ถ้าหัวหน้ามีเหตุผลพอก็ลองบอกเค้าตรงๆว่ามันโหลดเกิน ให้หาคนมาแทนคนที่ออกไปด้วย
แต่ถ้าเค้ากะจะเนียนยัดให้มึงทำทั้งสองงานไปพร้อมๆกันก็ซวยไป
>>726 กูเคยมีหัวหน้างานที่เป็นพวกชอบเหวี่ยงวีนอยู่ ซึ่งต้องทำงานกับคนแบบนี้โคตรเสียสุขภาพจิต
โดยเฉพาะยิ่งเป็นหัวหน้าเรายิ่งบ่นไม่ได้ พอมีโอกาสกูได้ย้ายทีมเปลี่ยนหัวหน้าก็รู้สึกดีขึ้นเยอะ
>>732 กับที่เก่ากูก็เคยรู้สึกแบบนี้ ตอนนี้ออกมาเป็น outsource แล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะ เงินบวกจากที่เก่ามาเยอะมาก
ถึงสวัสดิการจะแย่ลงแต่คิดเป็นเงินแล้วกูว่าคุ้ม แถมโชคดีได้อยู่ทีมที่งานไม่หนักด้วย
ไม่ต้องมาคอยฟัง HR ตอแหลว่าบริษัทนี้ดูแลพนักงานดี ทำธุรกิจแบบมีจริยธรรมนะ
แต่เงินเดือนได้ขึ้นค่อนข้างน้อย บริษัทก็อ้างว่าชาร์จเงินจากลูกค้าได้แค่นี้ ถึงจุดนึงถ้ารู้สึกว่าไม่คุ้มกูก็คงไป
เออมึงคิดยังไงกับพนักงานทำงานถวายหัวให้องค์กรวะ แบบนี้ก็ไม่ได้ๆเดี๋ยวบริษัทโดนมองไม่ได้ ต้องปง ต้องเป๊ะ ต้องทำงานเกินเวลา ต้องทำเยอะกว่าหน้าที่ แต่ผลตอบแทนคือมันไม่ใช่อ่ะ กูโดนพนักงานเก่าฝังหัวแบบรักองค์กร ซึ่งในความคิดกูนะมีแต่คำว่าเพื่อออออออออ
พวกมึงว่าเป็นยังไง เป็นแนวคิดที่ถูกต้องมั้ย แล้วมันดีหรือเปล่า
>>744 ตาม >>745 คนที่มาคอยบอกให้มึงทำงานหนักๆๆๆๆๆ เพื่อ บ. น่ะคือคนที่ได้หาประโยชน์จากมึง คือถ้ามึงหัวอ่อนยอมทำตามมึงก็จะได้เศษๆผลประโยชน์ที่เค้าจะแบ่งให้มึง เช่น ประเมินผลงานมึงดี โบนัสมึงเยอะกว่าชาวบ้านครึ่งเดือนไรงี้
ส่วนคนที่ได้ผลประโยชน์เต็มๆคือคนที่งานมึง เวลาผู้ใหญ่เรียกหาเค้าไม่เรียกมึง เค้าเรียกคนที่ใช้มึง
30 กว่าๆ ไปเรียนโทยังคุ้มมั้ยวะ
>>746 บางที่ให้ผลตอบแทนน้อยเพราะมันมีปัญญาจ่ายแค่นั้น งานไม่ได้ยากมาก qualification ไม่สูง รับใครมาทำก็ได้ มันเลยไม่ง้อ มันเป็นเรื่องของอำนาจการต่อรอง เมื่อไหร่มึงมีอำนาจในการต่อรองมาก มีคุณสมบัติที่ใครๆ ก็ต้องการ มึงก็ไม่ต้องง้องาน มีแต่งานวิ่งเข้ามาง้อมึง แต่บางคนไม่ได้อยู่ในสถานะนั้น ก็ต้องง้องาน อดทนกันไป เพราะทางเลือกมีไม่มากนัก
แต่เรื่องให้พนักงานทำงานแบบแรงงานทาสให้รักองค์กรแบบไร้สาระทำงานหนักจนแทบจะตายคาโต๊ะทำงานนี่ไม่ต้องไปสนใจหรอก ส่วนมากจะเจอแบบนี้กับเจ้าของหรือเจ้านายเห่ยๆ กากๆ โลกแคบ
>>744 กูมีเพื่อนแบบนี้นะ แต่คนนี้คือคนดีจริงเขาทำด้วยใจรักเอง ทำเงียบๆคนเดียวไม่ได้เอามาโอ้อวดอะไร
มันก็ผลดีกับเขานะ คนที่คิดแบบนี้จะอยู่ได้ยาวเพราะรักองค์กร หัวหน้าก็รัก สำหรับบริษัทที่คนไม่เยอะถ้าอยู่ในระดับที่เขามองเห็นเขาก็รักสนับสนุน ถึงไม่ก้าวหน้าก็มีคนปกป้องล่ะ(คนนี้ก้าวหน้าด้วย ประเมินดีตลอด) ถึงตอนสุดท้ายแม่งจะลาออกไปแต่งงานแต่ก็ถูกเอามาเป็นบรรทัดฐานบ่อยๆ ไม่สาย ไม่ลา ไม่ขาด ไม่บ่น พักร้อนเหลือ โอทีบางทีแม่งก็โอฟรี แม่งบอกทำช้าเองเลยไม่อยากเขียน /ขี่ยูนิคอร์นวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์
เรื่องผลตอบแทนกูไม่รู้ อยู่ที่หัวหน้าล้วนๆเลยว่ามีอำนาจไหม มีใจอยากช่วยตรงนี้ไหม เขาชอบแต่ไม่มีอำนาจ/ไม่ช่วยก็ไม่มีประโยชน์ หัวหน้าบางคนมันไม่ยุ่งเรื่องเงิน ให้เป็นหน้าที่ hr เงินเพิ่มตามปี
>>754 กูไม่ถึงขั้นเพื่อนมึงนะ กูไม่ใช่คนดีอะไร แต่กูทำงานหนักและถือว่าค่อนข้างทุ่มเทเพราะกูแค่ไม่อยากมาเดือดร้อนทีหลัง งานของกู ถ้ากูทำเหี้ยๆ ส่งๆ ไป สุดท้ายคนที่ต้องมานั่งตามแก้ปัญหาก็คือกูเองอยู่ดี กูเลยตั้งใจทำให้มันดีแต่แรกดีกว่า ส่วนเรื่องโอที กูจะเขียนโอเมื่องานมันโหลดจนทำให้กูต้องอยู่โอที แต่ถ้ากูอยู่โอเพราะกูหัวไม่แล่นเอง นั่งคิดว่าจะทำไงกับงานชิ้นนี้ดี อันนี้กูก็ไม่เขียนว่ะ เพราะกูก็คิดว่าที่ต้องอยู่โอเพราะตัวกูคิดช้าเอง ไม่ใช่เพราะ work load เขียนไปก็ละอายใจ ไม่ต่างอะไรกับพวกที่กลางวันเดินเม้ามอยทั้งวันเพื่อจะอยู่เขียนโอตอนเย็น โดนน้องที่ทำงานด่าคำเดียวกันเลย ลาเวนเดอร์ 55555 แต่หัวหน้าไม่ได้รักกูหรอกนะ เพราะกูนิสัยเหี้ย ปากเสีย ชอบเถียง ดื้อสุดๆ ถึงเขาไม่ชอบขี้หน้ากูแต่เขาก็เห็นแหละว่ากูทำงานหนัก ก็เลยยังประเมินกูออกมาดี เพราะถ้าประเมินออกมาไม่ดีกูไปนานแล้ว จริงๆ ก็ว่าจะไปตั้งแต่โบนัสรอบนี้ออกแล้ว พอประเมินออกมาดี โบนัสเยอะ เงินเดือนขึ้นเยอะ เลยทำให้ลังเลไปอีก (สงสัยหัวหน้าจะรู้ว่ากูคิดอะไรอยู่ ถถถ)
พี่โม่งมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายการเมืองในออฟฟิศคืออะไรครับ เเล้วเด็กใหม่เพิ่งหัดทำงานควรจะต้องทำตัวยังไง หรือนานๆไปจะอยู่ยังไง
เพิ่งเคยได้ยินคำนี้
>>756 การเมืองในออฟฟิศก็คือดราม่างานกลุ่มตอนเรียนเวอร์ชั่นอัพเกรด จริงจังขึ้น ใส่ไฟหนักขึ้น เครียดขึ้น เพราะไม่ใช่แค่การใช้ชีวิตในสังคมนั้นแล้ว แต่มันจะส่งผลไปถึงอนาคตทางการงานด้วย
แต่ที่ยังเหมือนดราม่างานกลุ่มคือใครไม่สนก็ยังไม่ต้องสน ลอยตัวแล้วทำตัวเองให้ดีก็ชิลๆได้เหมือนเดิม
>>756 การเมืองในออฟฟิศคือการที่ในโปรเจ็ค/แผนก/บริษัทแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มขึ้นไปตั้งแง่ใส่กัน ไม่ให้ความร่วมมือกัน ใส่ไฟ แทงหลัง เลื่อยขาเก้าอี้ ชิงดีชิงเด่น
เสกลเล็กสุด คือในทีมหรือโปรเจ็ค วิธีทำตัวมี 2 แบบ
1. วางตัวเป็นกลาง คุยกะทุกฝ่าย วิธีนี้เจ็บน้อยสุด แต่ก็จะโดนผลกระทบจากทั้ง 2 ฝั่ง บ้างถูกปฎิบัติเหมือนอยู่อีกฝั่งนึง เวลาประเมินจะไม่มีคะแนนลูกรักเพราะไม่ได้อยู่ข้างไหน
2. เลือกข้าง ดูว่าข้างไหนใหญ่กว่า (ในสเกลโปรเจ็ค การเมืองมักเกิดจาก lead ไม่ลงรอยกะระดับ senior) มีผลกะตัวเองมากกว่า ในกรณีนี้คือ lead เพราะเป็นคนประเมินผลงาน
เสกลที่ไหญ่กว่าก็คล้ายๆกันแต่จะเปลี่ยนฝ่ายที่ไม่ลงรอยกัน เช่น เมเนเจอร์กับรองเมเนเจอร์ หรือ รองเมเนเจอร์กับซีเนียร์ โดยส่วนมากเราจะถูกบีบให้เลือกฝ่าย เพราะถ้าไม่เลือกเราจะถูกโยนไปเป็นอีกฝ่ายทันที มีผลกับการขึ้นเงินเดือนและตำแหน่ง
จนมีคำกล่าวที่ว่า "ถ้ามึงไม่เล่นเกม เกมก็จะเล่นมึง"
เเล้วประมาณว่า ถ้าผมเข้าไปเเล้วหัวหน้าไม่ชอบขี้หน้าเพราะไอนี่มันเก่งกว่า,เงินเดือนเยอะกว่าอะไรเเบบนี้ ด่าสารพัดอะไรเเบบนี้ เเกล้งบลาๆ
ถือว่าเป็นการเมืองไหมครับ หรือไม่ใช่
>>754 อันนี้คือหัวหน้าดีแล้วเห็นคุณค่าของสิ่งที่ทำมันก็ดีไปไง
เหี้ยสุดที่กูเคยโดนคือโดนบังคับให้ทำงานที่ไม่ตรงตำแหน่ง แต่ก็พยายามมั่วกันจนงานเสร็จ
ช่วงนั้นนี่คือกลับดึกกันทุกวันไม่ได้โอทีอยู่ 4 เดือน คนสั่งก็เรื่องมากชิบหาย คืองานก็เร่ง แต่จะเอาเนี้ยบด้วย
ทำออกมาเสร็จโดนประเมินออกมาแย่อีก แล้วหัวหน้าก็อ้างว่านี่ไม่ได้บังคับนะ อยากทำกันเอง
ที่ว่านี่คือโดนด้วยกันทั้งทีมนะ ไม่ใช่กูโดนอยู่คนเดียว
คืองานหนักแล้วบริษัทแฟร์จ่ายโอที หรือประเมินออกมาให้เยอะชดเชยมันก็เรื่องนึง แต่เจอแบบนี้คือบายจ้า
ในมู้ซาลารีแมนมีโม่งวัยกลางคนที่ยังสับสนกับชีวิตอยู่มะ กู30+ละ ตอนนี้สิ่งที่ต้องการมีแค่งานที่คิดว่าสามารถทำได้โดยไม่ต้องเครียดจนเกินไป อยู่ได้ยันเกษียณ รายได้โอเค แต่กูยังหางานที่ว่าไม่เจอเลย งานที่ทำอยู่ทุกวันนี้เงินดี สวัสดิการดี มั่นคง แต่งานหนักมากและเครียดมาก รู้สึกเหมือนเส้นสมองจะแตกในทุกๆ วัน เวลาเห็นกระทู้คนบ่นว่างในเวลางาน ทำไรดี กูนี่แบบ โหยย แม่งทำงานห่าอะไรกันวะ เงินเดือนเท่าไหร่ ทำไมสบายเหลือเกิน ในขณะที่งานกูโหลดทั้งในแง่ของ quantity และ quality แต่การหางานใหม่มันก็คือความเสี่ยง มันไม่เหมือนตอนเด็กแล้วอะที่ยังมีเวลามีโอกาสให้เสี่ยงมากมาย พออายุมาก หางานก็เริ่มยาก จะเปลี่ยนสายงานไปเรื่อยๆ มันก็ไม่ดีกับโปรไฟล์ แล้วกูยังไม่รู้เลยว่ากูอยากทำอะไร เปลี่ยนมา 3 สายงานแล้ว บางโมเมนท์ก็คิดว่าจะทนอยู่กับงานปัจจุบันไป บางโมเมนท์ก็คิดว่าไม่ไหวแล้วว้อยยย สับสนในทุกๆ วัน ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่เปิดเว็บหางาน เหมือนคนบ้าอะ เฮ้อ
จริงจังไปทำไม ไม่ได้มีชีวิตอมตะซะหน่อย
>>766 ปัญหาคือไม่รู้จะไปทำอะไรนี่แหละ แต่ที่แน่ๆ ไม่อยากทำงานสายเดิมแล้ว ที่เปิดเว็บหางานทุกวันเพราะหวังว่าจะเห็นประกาศรับสมัครงานที่อ่านแล้ว เฮ้ย อันนี้น่าไปทำว่ะ แต่จนวันนี้ก็ยังไม่เจอ ก็เลยอดทนทำงานเดิมไปอย่างน้อยก็ค่าตอบแทนดี บ.ดี แต่มันเครียด ท้อ และหลายครั้งก็หดหู่ คิดว่าคงอยู่แบบนี้ไปทั้งชีวิตไม่ไหว แต่ยิ่งปล่อยให้เวลาล่วงเลยก็ยิ่งแก่ยิ่งไหวตัวยาก
อายุ30นี่คือน่าจะเป็นหัวหน้าเเล้วใช่ปะพี่โม่ง งานกดดันเครียดขึ้นเรื่อยๆมันน่าจะปกตินะ
มีญาติคนนึง เห็นเคยเล่นประมาณเเบบเนี้ยเเหละเห็นบ่นว่าเริ่มงานโหดๆเลยเครียดเเบบชิบหาย เเต่เก่งสามารถพอทำได้ เป็นงานพวกเเนวดีไซน์วิศวกรรม เเล้วเลิกดึกๆเกือบทุกวัน เพราะงานมันทำไม่ทัน มันเยอะเเถมต้องไปดีลกับพวกผู้รับเหมาอะไรด้วย
เงินเดือนเยอะก็จริงอายุเเค่เริ่มงานได้รวมOT ไปไม่ต่ำกว่า 40k 50kเเล้ว เเต่ทำไม่ไหวทนจนสุดท้ายประมาณอายุ30เอาเงินตรงนั้นมาเปิดร้านอาหารตัวเองเพื่อหนีความเครียด งานออฟฟิศในชีวิต อยากเป็นนายตัวเอง เเต่ก็เห็นว่ามันก็เครียดอยู่ดีเพราะมันก็ต้องดีลกับคนบ้างเเต่ไม่เครียดกับงาน
ถ้างานไม่ถูกใจลองหาช่องทางที่อยากเป็นนายตัวเองก็ดีนะ อาจจะไม่เครียด
มีอีกก็งานราชการคนใกล้ตัวเล่ามาว่างานสบาย เรื่อยๆ อยู่ยาวๆ เป็นงานเลี้ยงคน เเต่การเมืองหนักเเบบโคตรๆ ซึ่งผมก็เพิ่งเคยได้ยินคำว่าการเมืองเนี่ยเเหละเลยลองเอามาถามข้างบน 5555 ไม่รู้จริงไหม ถ้ามีใครทำงานราชการลองเล่าให้ฟังหน่อยก็ดีครับ
>>768 การเมืองเอกชนก็มี บางคนพอบอร์ดผู้บริหารเปลี่ยนทีเดือดร้อนเลย ขั้วการเมืองเปลี่ยนโดนย้ายไม่ก็โดนบีบต่างๆ นานา ยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่ถ้าเป็นเด็กจบใหม่ส่วนมากการเมืองก็ไม่ได้มีผลขนาดนั้นหรอก ก็ทำงานตามหน้าที่ของเราไปและอย่าไปเลือกข้างชัดเจนมาก เนียนตามน้ำๆ ไป ยังไงเราก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่จะมีอำนาจทำอะไรอยู่แล้ว แต่ถ้าอยู่ระดับสูงแล้วจะเนียนยากแล้วล่ะ เพราะพอมีอำนาจตัดสินใจ บางทีการตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ มันก็เกี่ยวพันกับการเลือกข้าง
การเมืองเอกชนก็เห็นกันเป็นเรื่องปกติ หัวหน้าระดับสูงออกที ลูกน้อง 7-8 คนออกตามเป็นพรวนย้ายไปอยู่ที่ใหม่ตาม หัวหน้าบางคนก็ไปที่อื่น
เรื่องการมึงข้อดีคือมึงไปงัดกับใครก็จะมีคนคอยปกป้องมึง แต่ข้อเสียก็ตามข้างบน
ไหนๆก็พูดถึงการเมืองในออฟฟิซแล้ว ขอรีรันเล่าประสบการณ์ที่กูอยู่เฉยๆก็โดนหน่อยละกัน
>>>/lifestyle/3353/346/
ถ้ามึงเป็นHR หรือเป็นหัวหน้าสัมภาษณ์งานหรือเจ้าของบ. มีเด็กที่เก่งภาษาอังกฤษมาก ได้ภาษาที่3ด้วย เเต่ความรู้สายที่เรียนมาไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไรนัก เกรดห่วย พื้นฐานอะไรเเบบนี้อ่อนเเอมาก ถึงดูมีเเววที่จะพัฒนาหรือสอนได้เเต่อาจจะหัวช้าโง่ เทียบกับเด็กที่มีความรู้ในสายที่เรียนในระดับนึง ถามอะไรพื้นฐานตอบได้ ลึกๆก็ตอบได้บ้างในสิ่งที่เรียนมา เเต่ภาษาไม่ได้เลย เเล้วบ.เป็นบ.ต่างชาติที่จะต้องการติดต่อสื่อสารประชุม
จะพิจารณารับใครเข้าทำงาน โดยที่ทั้งคู่อยากจะมาทำในสายงานที่เกี่ยวกับสิ่งที่เรียนจบมา
โดนโยนงานทุกอย่างมาจนอยากเทแม่งให้หมด เพราะเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากตื่นมาทำงานแล้ววะ ไม่ได้หลับต่อหรืออะไรนะ กูตื่นเต็มตาเลยละ แต่ได้แต่นอนลืมตาเอาแขนก่ายหน้าผากว่าไม่อยากมาทำงานเลย เฮ้ออออออออ งานใหม่ก็หายากจริงๆ
>>774 เด็กจบใหม่ใช่ไหม เป็นกูกูเลือกคนแรก งานมันสอนกันได้ ภาษาสอนไม่ได้
อันนี้เล่าเคสเพื่อนกูให้ฟัง มันเข้างานที่ใหม่ คนที่เข้าพร้อมมันได้ภาษา จบโทนอก โปรไฟล์ดี แต่ทำงานไม่เป็น
ตัวเพื่อนกูทำงานมาทุกสาย(job hopper)ที่ละนิดๆหน่อยๆ ไม่ได้ภาษาเลย
สุดท้ายแล้วไอ้สองคนนี้มันจะตีกันเอง ไอ้คนที่สองมันจะน้อยเนื้อต่ำใจคนแรกว่าแม่งโปรไฟล์ดีกว่า แต่มันโง่กว่ากูแน่นอน(แต่เขาได้ภาษานะ) งานมันก็เรียนช้ากว่า แต่มันได้เงินเยอะกว่ากูแน่ๆเพราะมันจบโท โลกแม่งไม่ยุติธรรม น้อยอกน้อยใจๆๆ แซะๆเหวี่ยงๆ
สุดท้ายแล้วถ้ามีคนลาออกไอ้คนที่สองจะลาออกเพราะความน้อยใจ ไอ้คนแรกจะลาออกเพราะทำงานไม่เป็น/โดนไอ้คนแรกบีบ
เคสเพื่อนกูจบที่เพื่อนกูออกก่อน แล้วโทไปไซโคคนที่สองให้ออกไปหาที่ๆดีกว่า แล้วโทไปไซโคหัวหน้าว่าไอ้คนแรกทำงานกากมันทนเป็นเดอะแบกไม่ไหวขอออก
>>774 ระยะยาว คนแรกแน่นอนวะ งานมันสอนกันได้ ยิ่งถ้าไม่ใช่วิชาเฉพาะทางใช้เวลาเรียนรู้สักพักก็เป็นแล้ว หาพี่เลี้ยงนิสัยดีๆไม่หวงความรู้สักคน คอยเทรน รอสัก 2-3 ปีกลายเป็นทรัพยากรที่ดีในบริษัทแน่ ยิ่งได้ภาษาออกหน้าคุยกับบริษัทคู่ค้าได้อีก ยิ่งถ้าคนได้ภาษามันไม่ได้โง่แน่ ภาษามันก็ต้องใช้สมองเหมือนกันนะมึงไม่ใช่ไปนั่งเรียนโง่ๆแล้วออกมาพูด อ่าน เขียนได้เลย
ระยะสั้น งานที่ล้นไม่มาก ไม่ไหวจะเคลีย จับไอคนที่สองมาก่อนเลยพื้นฐานงานแน่นอยู่แล้ว แปบๆ จับนั่งทำงานแบ่งภาระได้ แต่ก็ให้ทำงานที่ไม่ต้องออกหน้าใช้ภาษาเยอะ นานเข้า ทักษะภาษาไม่พัฒนาก็จับแช่มันไว้ตรงนั้นละเดี๋ยวก็ลาออกไปเอง
กูทำงานจจะครบเดือนแล้ว เรียนรู้งานได้ในระดับนึง แต่มันมีส่วนที่กูทำไม่ได้เลยคือติดต่อเสนอขายกับลูกค้าไม่ว่าต่อหน้าหรือโทรศัพท์กูเคยผ่านงานแต่หน้าคอม ทำพวกอาร์ตได้ พอมาเจอแบบนี้กูโดนพี่สอนงานเอดประจำำ กุคุยเสนอขายไม่รอดเลยกุท้อมากตอนนี้ เครียดด้วยว่ะ กูควรไปหางานใหม่ที่เหมาะกับกูดีไหมที่ไม่ต้องประสานกับลูกค้า ประสานแค่คนในบริษัทพอ
ถามงานไม่ตอบงานน่าถีบชิบหาย
ถ้าปีนี้ได้เลื่อนตำแหน่งกูคงอดทนทำงานเก็บเงินอยู่แบบประหยัดกดตังค์มาแค่พอกินข้าวแต่ละวันกับค่าเหล้าไม่เกินอาทิตย์ละ500 แล้วพอครบปี
น่าจะมีเงินซักก้อนนึงถือไว้อยู่บวกโบนัสเผื่อฉุกเฉิน กูจะเอาเงินก้อนนั้นๆเปลี่ยนเป็นโอกาสที่จะส่งตัวเองไปเรียนต่างประเทศว่ะ เบื้องต้นเอาแค่เรียนภาษา
ก็พอ แล้วดูไปซัก 6 เดือนค่อยหาลู่ทางเรียนวิชาชีพในประเทศนั้นๆต่อ หรือ ถ้าไม่ไหวจริงๆก็ทนเก็บภาษาให้มากสุด สอบใบเซอร์ต่างๆไว้เยอะๆ
จนครบ 1 ปีค่อยกลับมาทำงานที่ไทยต่อ แต่ทางที่ดีกูอยากไปเรียนแล้วหางานทำต่อยาวๆไปเลย รู้สึกอยากเฟดตัวออกจากประเทศไทยแล้วว่ะ
มันเหมือนมองไม่เห็นอนาคตไรเลย ตั้งแต่เกิดจนโตมาเป็นวันทำงาน สิ่งที่รู้สึกว่าเจริญขึ้นก็มีแต่ห้างกับรถไฟฟ้าเอกชนเท่านั้นอ่ะ ถ้าอยู่ต่อไป
มีลูกมีหลานกูว่าประเทศนี้ไม่เวิร์คเลยสัส สู้ไปทำงานหนักๆที่ประเทศอื่น เลือกๆเอาที่สวัสดิการดีๆ ทำงานจ่ายภาษีไปเรื่อยๆเดี๋ยวเค้าก็ให้สัญชาติเอง
พร้อมกับมีลูกที่เกิดมาสัญชาตินั้นๆโดยเกิดมาในสังคมที่ดี สวัสดิการที่ดี กูก็ยอมเหนื่อยนะ เเม้จะเหนื่อยต่อจากนี้ไปอีก 10 - 20 ปีก็ตาม
>>783 คนเทพภาษาแล้วโดนใส่ไฟว่าไม่รู้เรื่องงานก็กูนี่แหละ กูเคยโดนลูกน้องไปฟ้องนายว่ากูไม่รู้เรื่องงาน นายกูเสือกเชื่อด้วยโว้ยบอกว่ากูต้องฟังมัน สุดท้ายกูออกแม่งเลยถ้ามึงโง่พอจะโอ๋คนจบ ปวช ความประพฤติแบบ3วันดี4วันไข้ก็เรื่องของมึง ... ผลสุดท้าย เขาขอให้กูอยู่ต่อ ส่วนไอ้ลูกน้องกูออกว่ะ พอมันออกไปงานกูง่ายชิบหาย ทุกวันงานโครตราบรื่น จนกูอดสงสัยไม่ได้ว่าใครกากกันแน่วะ แล้วนายกูเคยไปให้ค่าไอ้นี่ไปได้ยังไง
ปล. กูคือโม่งตัวเดียวกับไอ้ตัวนี้นะ >>694 สิ่งที่กูเห็นคือแม่งพยายามเอาหน้า ทำตัวเหมือนกับรู้เรื่องทั้งๆที่ไม่เข้าใจเหี้ยอะไรเลย ถ้าต้องอยู่กับพวกแบบนี้กับนายโง่ๆกูออกทันทีแบบไม่ลังเลเลยเพราะยังไงกูก็หางานใหม่ได้ว่ะ
>>773 ที่ฮาคือตอนนี้กู follow @noppadon_dmc อยู่นะเมิงง ถถถ ไปบวชธรรมกายจะดีเหรอ #อาตมามิจําเป็นต้องสนหีสนแตดใดๆ
>>775 โหดมากอะเมิง นี่กูต้องลดเงินเดือนเหลือ 10% ของเงินเดือนปัจจุบันเหรอวะเนี่ย ถึงจะได้ทำงานสบายๆ กับเค้าบ้าง T^T
ปล กูเริ่มงาน 08.00 ตามปกติของงานออฟฟิศและเพิ่งเลิกงานกลับถึงบ้านเมื่อกี้นี่แหละ เฮัออออ วันศุกร์ของรีมังอย่างกู แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่เป็นวันศุกร์ พรุ่งนี้นอนยาวได้
รู้สึกตัวเองไม่เหมาะสมกับงานเลยว่ะ แต่กูพึ่งมาทำประมาณสองสัปดาห์ หากแจ้งว่าต้องการออกนี่ออกได้เลยป่ะ ยังไม่ได้บรรจุหรือเซ็นต์อะไรกับบริษัทนะ
>>794 ลองคุยกับหัวหน้ายัง มีงานส่วนอื่นที่มูฟไปได้มั้ย ถ้ามึงมีความสามารถที่เหมาะกับงานส่วนอื่นๆ อยู่ กูว่าบริษัทน่าจะอยากเก็บไว้นะ หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ติดต่อเอชอาร์เลย ไม่ได้เซ็นสัญญา เพิ่งทำงานไม่นานก็จริง แต่เวลาจะออกก็ควรแจ้งล่วงหน้าอยู่ดีนั่นแหละ อย่าหายไปเฉยๆ นะ เสียมารยาท ถ้าบริษัทเป็นเจ้าใหญ่ คอนเนคชันเยอะมึงก็อาจจะเสียชื่อด้วย
คำนิยาม "พวกไล่เด็กใหม่" ของพวกมึงเป็นยังไงบ้างลองอธิบายตามความเข้าใจให้ดูหน่อย
ตอนนี้ที่กูเจอคือ ในบริษัทกูจะมีแผนกนึงคนเข้าออกบ่อยมาก เพราะคนสอนงานหรือหัวหน้าแผนกนั้นดุเด็กใหม่แต่มันเก่งนะ คือไม่สอนงานเขาดีๆอ่ะสุดท้ายก็ต้องหาใหม่เรื่อยๆ กูเห็นแล้วกูสงสารนะถ้ากูไปเตือนจะถือว่าก้าวก่ายไหม
อันนี้กูยังเด็กนะยังเพิ่งทำงานพี่โม่งเงินเดือนได้เดือนละ16000อยู่ตอนนี้ เเต่mindset ฝันกูตั้งเเต่เด็กๆเลย อนาคตกูอยากจะทำงานได้เงินเดือนละ30000พอ เเต่ขออย่างเดียวคืองานไม่เครียดมาก บ้านมี รถมีเเล้ว ไม่คิดจะขวนขวายหาอะไรเพิ่มเติม(ไม่อยากมีครอบครัวด้วย)
เเต่คนรอบข้างตัวกูบอกกูประจำว่าเงินเดือน30000นี่ไม่พอใช้เเน่นอน ทำไมฝันต่ำจัง ฝันเเค่เนี้ยอะนะ กูก็งงทำไมวะ30000มันก็เยอะเเล้วสำหรับกู
เลยอยากลองมาปรึกษาเพื่อนโม่งในนี้บ้างว่ะว่าmindsetกูผิดไหมหรืออย่างน้อยควรหวังให้มากกว่านี้
เท่าที่กูคิดได้คือ 1.เงินเดือน30000ไปตลอดอนาคตเงินจะเฟ้อซึ่งอาจจะน้อยไป
2.เงินเก็บน้อยไปหน่อย ทำให้สำรองต่อเดือนได้น้อย
มีข้ออื่นไหมวะ คือตอนนี้กูสามารถหาเงินได้ประมาณ16000นั่นเเหละ เเล้วก็มีงานเสริมอีกส่วนตัวได้ 6พัน 7พัน ละกูเป็นพวกเเบบว่าติดบ้าน ไม่เที่ยวไม่เหี้ยไรทั้งนั้นทำงานเสร็จกลับบ้าน กลับบ้านก็หาวิธีถูกๆ นั่งรถเมล์ เดิน ก็ขี้เหนียวนั่นเเหละทำให้กูมีตังค์เก็บเยอะเดือนนึงเก็บได้เกือบสองหมื่นเลยต่อเดือน โชคดีคือที่ทำงานใกล้บ้าน ภาระพ่อเเม่ต้องส่งเงินไม่มี ตัวคนเดียวล้วนๆ
กูควรเปลี่ยนmindsetตัวเองไหมวะ หรือต้องระวังอะไรในอนาคตเพิ่ม เรื่องการหาเงิน ส่วนหนึ่งกูก็เป็นพวกรักสบายด้วยเเหละ มันเหมือนเเบบตอนนี้กูบรรลุความฝันกูเเล้วไม่ค่อยมีไฟขวนขวายหาตังค์เพิ่มเติมเลยว่ะ ทำงานก็ทำให้ดีตามที่ได้รับมอบหมายตำเเหน่งพอ ไม่ได้คิดจะลงทุนอะไรเพิ่มเติมเลย คือเหมือนมันไม่มีตัวกระตุ้นเลยว่ะ... โชคดีที่ภาระพ่อเเม่กูก็ไม่มีด้วย
>>798 ยิ่งอายุเยอะขึ้นเดี๋ยวมึงมีเรื่องให้ใช้เงินมากเองล่ะ ขั้นต่ำสุดคืออาหาร ตอนอายุน้อยกินง่ายๆ ไม่เป็นอะไรหรอก แต่พออายุเยอะ ต้องพะวงเรื่องนี้บ้าง ไม่งั้นป่วยเอาง่ายๆ
แล้วอีกเรื่องนึงอยากให้ละลึกไว้ ตอนมีแรงอายุน้อยจะทำอะไรก็ลุยไปเลยดีกว่า เดี๋ยวแก่ไปทำไม่ไหว ตอนนั้นมึงจะพูดว่า รู้งี้ๆ แล้วก็แก่ตายไป โดยไม่ได้ทำอะไรเลย
เพื่อนโม่งคับ คือกูกำลังจะได้ทดลองฝึกงานโปรโมชั่น 6 เดือน ใน กทมในอีกไม่กี่เดือน(มหาลัยบังคับ) กูเลยอยากรู้ประสบการณ์ฝึกงานครั้งแรกของพวกพี่ๆว่าเจออะไรบ้างอ่ะคับ
ไม่พอนี่คือไม่พอเรื่องไรบ้างพี่โม่ง คือมีเเฟน หรือมีเเผนลงทุน หรือว่ามีลูกเลยต้องใช้เงินเยอะอะไรเเบบนี้
>>804 สำหรับกู แค่การแต่งตัวก็หมดเยอะละนะ ถ้าที่ทำงานชิลๆ ไม่ต้องไปเจอคนนอกก็โอเค แต่ถ้างานมึงต้องเจอผู้คนเมื่อไหร่ เรื่องเสื้อผ้าจำเป็นมากจริงๆ นะ แต่งตัวดูดี เสื้อผ้าหน้าผมโอเค เฟิร์สอิมเพรสชั่นก็ดีแล้ว นอกนั้นก็พวกค่าใช้จ่ายจิปาถะว่ะ ค่าน้ำมัน ซ่อมรถ กินข้าว สังสรรค์ตามโอกาสเงี้ย
จริงๆ กูไม่ได้มองว่า mindset มึงผิดหรือไม่ดีนะ สไตล์ความชอบแต่ละคนต่างกันว่ะ ไม่ต้องมีเป้าหมายยิ่งใหญ่อะไรก็ได้ถ้ามึงรู้สึกว่าโอเคกับชีวิตแล้ว เก็บได้เดือนละเป็นหมื่นแม่งก็เยอะแล้ว กูว่ามึงไม่ทำชีวิตตัวเองพังเพราะเรื่องเงินแน่ๆ ล่ะ ทำเท่าที่สบายใจดีที่สุด ถ้าสุดท้ายมันจะไม่พอ เดี๋ยวมึงจะรู้ตัวแล้วปรับตัวได้เองแหละ
ตอนนี้กูทำงาน จันทร์-เสาร์ ที่ใหม่ที่กูไปสมัครไว้เค้าให้ทดลองงาน3วันแต่จ่ายค่าแรงนะ คือกูควรทำยังไงดีนะหว่างลุยไปที่ใหม่เลย หรืออยู่ที่เก่าก่อนแต่ที่เก่ากูไม่มีกะจิตกะใจทำแล้วว่ะ
>>810 ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำ คิดตลอดเลยแหละ คิดสับสนหลายอย่างจนเหมือนคนบ้าอย่างที่บอก แม้ในด้านการทำงานเราจะทำงานได้เก่งซักแค่ไหน แต่ในด้านชีวิตและความคิดบางทีดีไม่ดีจะง่อยกว่าสมัยจบใหม่ด้วยซ้ำ สมัยจบใหม่ๆ ยังเด็กมันเหมือนไม่มีอะไรจะเสียไง กล้าตัดสินใจ อยากทำอะไรก็ทำ ลองเสี่ยง ผิดถูกก็ถือซะว่าเป็นประสบการณ์ แต่พอมาอยู่จุดนี้แล้วกลับเต็มไปด้วยความกลัว กลัวตัดสินใจผิด เต็มไปด้วยการถูกคาดหวัง พออายุเท่านี้ก็ไม่มีใครยอมให้เราลองผิดลองถูกแล้วล่ะ เข้าไปทำงานที่ไหนเค้าก็คาดหวังแล้วว่ามันต้องทำงานเป็นเลยพร้อมใช้ จะเปลี่ยนสายงานมันเลยเป็นเรื่องยากละ แต่ถ้าทำสายเดิมก็รู้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง จึงไม่มีเหตุผลจะให้เปลี่ยนงานเลยเพราะบ.เดิมก็ดี มันไม่ดีตรงเนื้องานนี่แหละ ตอนนี้คิดทางออกได้ทางเดียวคือหางานที่คล้ายๆ สายงานเดิมแต่ไม่ใช่งานเดิม แบบพอเอาความรู้+ประสบการณ์เดิมไปกล้อมแกล้มใช้ได้บ้าง ลดตำแหน่งลดเงินเดือนลงมา แต่ถ้าจะเบนแบบฉีกสายไปเลยคงไม่มีใครรับแน่นอน
สวัสดีเพื่อนโม่ง เพิ่งโพสต์ครั้งแรก ผิดพลาดยังไงขอโทษล่วงหน้า
คืองี้นะ กูเคยทำงานก่อนหน้างานปัจจุบันมาแล้วสองที่ ที่แรกเกือบสามปี ที่ๆสองเกือบสองปี นี่เป็นที่ที่สามทำมาได้สองอาทิตย์ละ
ทีนี้กูรู้สึกว่า งานแม่งแบบเยอะมาก เยอะเกินไป คนที่ทำก่อนหน้ากูคือทำมาสิบเดือน ตอนนี้มันกำลังจะย้ายไปทำแผนกอื่น มันก็บอกกูแบบตรงๆแหละ ว่ามันก็ทำงานไม่ทันแล้วโดนด่ามาตลอด ตำแหน่งที่กูมาทำนี้ไม่เคยมีใครอยู่ทนเพราะงานเยอะ ทีแรกกูก็เฉยๆนะ กูก็มั่นใจตัวเองในระดับนึงเหมือนกันว่ากูน่ะไว แต่กูลองละ เออแบบแม่งเยอะจริง ขนาดทำโอยังเสร็จไม่อยากทันเลย คืองานเสร็จไปหนึ่ง แล้วมีเข้ามาใหม่สาม ทุกงานแม่งด่วนหมด มีแต่ต้องทำให้เสร็จทั้งนั้น แล้วที่กูไม่โอเคเลยคือ แม่งบังคับทำโอ คือจะไม่ทำก็ได้นะ แต่ถ้าเลือกจะไม่ทำแล้ว หัวหน้าก็จะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ โอล่วงเวลาวันทำงานกูโอเคนะ แต่โอวันหยุดก็ไม่โอเค กูอยากอยู่บ้าน มีเวลาทำงานเสริมที่กูรักบ้าง
แล้วกูเพิ่งเข้าไปใหม่ ทั้งหัวหน้างาน ทั้งอีคนสอนงานกูแม่งอัดๆๆ สอนๆๆกูมาอย่างเยอะ คืออยากให้กูเป็นงานเร็ว ละงานแม่งก็เยอะ ก็ต้องขนกลับมาทำที่บ้านทั้งที่กูก็ทำโอแล้ว กูแม่งโคตรเหนื่อย ละงานก่อนหน้าสองที่ที่กูผ่านมา แรกเริ่มก็หนักแบบนี้นะ กูชอบเจองานที่หนักแต่แรกตลอด แต่มันไม่หนักขนาดทำกูท้องี้อ่ะ ใจกูอยากออกนะ ลองชั่งน้ำหนักดีเสียแล้วแม่งเสือกเท่ากันอีก
ข้อดีคือ เงินเดือนพอโอเคสำหรับกูเพราะใกล้บ้าน เพื่อนร่วมงาน+หัวหน้า(ตอนนี้ยัง)ดีกับกู คือถ้ากูไม่โดนบังคับทำโอ เวลาเลิกห้าโมงเย็นกูจะถึงบ้านเร็วพอสมควร ซึ่งกูโอเค เพราะกูจะกลับมาทำงานเสริมกู (แต่ประเด็นคือตั้งแต่ทำงานมากูเพิ่งได้เลิกห้าโมงแค่วันเดียวไง บังคับทำโอตลอด และมีแนวโน้มว่าจะบังคับทำไปยันหมดเดือนหน้า)
ข้อเสีย ก็นั่นแหละ บังคับโอ กับงานเยอะเกินไปนะ ซึ่งกูก็คิดนะว่า ส่วนหนึ่งเพราะกูเพิ่งเข้าได้สองอาทิตย์ อาจยังจับต้นชนปลายไรไม่ถูก เลยช้าไปหมด บวกกับโดนอัดงานเยอะ
เอาจริงๆกูไม่ใช่คนปอดนะแต่กูไม่เคยรู้สึกงี้เลย กูเหนื่อยมาก เหมือนไม่เห็นฝั่งเลย เสาร์อาทิตย์ ไลน์งานก็เข้าตลอด
กูก็เลยอยากปรึกษาว่า กูควรให้เวลาทดลองงานกับที่นี่เท่าไหร่ แล้วควรถอย คือกูหมายถึงว่าจากประสบการณ์เพื่อนโม่งหลายๆคน ที่่มาถึงเจองานถาโถมเข้าใส่ ใช้เวลานานไหมกว่าจะเข้าที่อ่ะ
ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้า นี่กูนั่งเครียดอยู่เนี่ย พรุ่งนี้ทำงานอีกละ เฮ้อออ
กูว่า call มันเป็นงานที่โดนด่าก็จริง แต่มันงานที่ส่งต่ออะ คนแก้ปัญาจริงๆมันไม่ใช่ call center อยู่แต่เป็นพวกที่อยู่เบื้องหลัง คนจะเป็น call center ได้มึงต้องสตรองไม่เอาเรื่องคนอื่นมาเครียด เพราะไม่ใช่น่าที่มึงต้องไปเครียดกับมัน
ส่วนล่ามไม่รู้ แต่กูว่าถ้าเข้าสังคมเป็น หมั่นพัฒนาสกิลภาษาของตัวเอง มันก็ไม่น่าจะมีไรมั้ง
พอเข้าสู้วัยทำงานกูเพิ่งรู้สึกว่าการทำความสะอาดห้องนี่เป็นภาระอันหนึ่งเลยนะเนี่ย
สมัยเรียนเวลาว่างเยอะ ห้องรกก็พอหาเวลาทำความสะอาดได้
แต่พอวัยทำงาน ตื่นเช้าไปทำงาน เลิกงานดึกๆดื่นๆ กว่าจะกลับห้องก็มืดค่ำ
แถมเหนื่อยจนไม่อยากทำอย่างอื่นนอกจากพักผ่อน เวลาทำความสะอาดห้องก็ไม่ค่อยมี
กูเริ่มคิดจ้างแม่บ้านแล้วว่ะ ไม่งั้นก็ต้องปรับตัวเป็นพวก Minimalist
>>816 ตรงข้ามกับกูเลย สมัยเรียนคือชีวิตวุ่นวายมาก เลิกเรียนก็ต้องปั่นการบ้าน ทำโปรเจค อ่านหนังสือ กิจกรรมคณะ
อะไรไม่รู้อยะแยะเวียนๆกันไป แทบไม่เคยว่าง
ทำงานนี่เลิกงานก็คือออกจากออฟฟิซมาแล้วจบ โอฟรีหรือว่าปกินข้าวเย็นกับคนในออฟฟิซก็แค่นานๆที
ปัญหาคือขี้เกียจมากกว่า
>>815 ไม่เอาเรื่องคนอื่นมาเครียดเนี่ย พูดง่ายทำยากนะ คอลเซ็นเตอร์พูดง่ายๆ คือเครื่องรองรับอารมณ์อะมึง คนโทรมา มึงไม่ใช่คนแก้ปัญหาก็จริง แต่มึงคือคนแรกที่โดนด่า ถ้าส่งต่อแล้วแก้ได้ โอเคจบ ถ้าแก้ไม่ได้แล้วมีโทรมาซ้ำ มึงก็โดนก่อนใครเลย ไม่ใช่ทุกคนที่โทรหาคอลเซ็นเตอน์แล้วจะพูดดีๆ โดยเฉพาะคนที่กำลังเจอปัญหาแล้วต้องการการแก้ไขด่วน
ส่วนล่าม มึงต้องฟังภาษานึง แล้วพูดออกไปอีกภาษานึง ยิ่งถ้าเป็นล่ามแบบที่ต้องแปลทันทีก็คือต้องแปลสิ่งที่เพิ่งฟัง แล้วก็ฟังสิ่งที่จะพูดใหม่ในเวลาเดียวกัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเข้าสังคมเลย มันคือ multi skill ฟัง-พูด แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ในขณะที่มึงก็ต้องอัพเดทศัพท์แล้วก็เรียนรู้วัฒนธรรมกับลักษณะนิสัยของคนที่มึงจะไปเป็นล่ามให้ในเวลาเดียวกัน ถ้ามันทำได้ง่ายๆ งานล่ามแม่งไม่ได้เงินครั้งละหลายพันจนถึงหลักหมื่นหรอกนะ
>>816 เหมือนกู ห้องโคตรเละ สภาพห้องตอนนี้คือที่พื้นมุมนึงมีถุงๆๆๆกล่องๆๆๆกองรวมๆกัน ซื้อเสื้อใหม่มา กลับบ้านวางแหมะไว้ ของขวัญวันเกิด ของขวัญปีใหม่2017-2018 กระทั่งของขวัญลาออก(2015)กูก็ยังอยู่ในถุง
มีครั้งนึงเพื่อนให้ของมา กูก็รับๆไว้ มานึกได้อีกทีแกะอีเหี้ยเป็นขนม ราขึ้นหมดอายุไปแล้ว
ไอ้ของพวกเนี้ยสำหรับกูแม่งขยะไง เสื้อผ้ากูซื้อมาเองกูยังมีแรงใจรื้อ นอกนั้นเหมือนรับๆมา กองๆไว้รอวันส่งต่อ ภาพลักษณ์กูภายนอกแม่งดูเป็นผู้หญิงรักสัตว์ด้วยเลยชอบได้พวกตุ้กตาไรงี้มา แต่ความจริงกูไม่ชอบของพวกนี้เลย
จะบอกว่าไม่มีเวลามันก็ไม่เชิงนะ คือเราไม่ให้ความสำคัญกับมันเอาเวลาไปทำอย่างอื่นมากกว่า ของกูหลักๆคือนอน ถึงบ้านวางแหมะไว้ เปลี่ยนเสื้อแดกข้าว นอน
ปัญหาใหญ่สุดกูคือเสื้อผ้า อีเหี้ยมี 4 ตู้ ใช้จริงแค่ตู้เดียว นอกนั้นคือไม่ใส่แล้วแต่ไม่ได้โละออก
เคยเจอหัวหน้าอคติกับมึงมะ ขอวิธีแก้ปัญหาหน่อยกูปวดหัวว่ะหาแต่เรื่องงี่เง่าด่ากู
ชาวโม่งวัยทำงานแบ่งเวลาชีวิตกันยังไงอะ แบบตื่นนอน กินข้าวเช้า ทำงาน เเล้วยังมีเวลาทำงานอดิเรกหรือหางานเสริมได้ ขอความรู้เป็นวิทยาทาน
>>824 สำหรับกูแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นได้ถ้ามีกรอบชัดเจนนะ งานอดิเรกกูตอนนี้คือออกกำลังกาย ต้องจองคลาสที่ฟิกซ์เวลาแล้วไปตามเวลา แล้วก็เล่นในเวลาที่กำหนด ซึ่งมันทำให้กูบังคับตัวเองไปได้วันละ2-3ชม ถ้าไม่มีกรอบไว้ ต้องเล่นเองไม่เข้าคลาส ยิมปิดกูเองก็นอนตื่นสาย เขี่ยมือถือเล่นไปวันๆว่ะ อีกอย่างคืออย่าเล่นมือถือเยอะ เวลาเสียเปล่ามาก เอาไปทำอย่างอื่นได้เยอะเลย
โดนคนของ บ.ลูกค้า พูดจา sexual harassment ใส่ รับมือยังไงดี
ทำยังไงให้เลิกติดมือถือวะ ทุกวันนี้กูมีแพลนอยากทำนู่นนี่นั่นเต็มเลย แต่มาตายที่เอาเวลาไปเขี่ยมือถือซะหมด
พยายามวางตารางเวลาแล้วแต่ก็ทำไม่ได้ โคตรเฟลกะตัวเอง
ของกูชีวิตยืดหยุ่นนะ จะนอนกี่โมงอะไรยังไงก็ได้ เเต่อย่างการออกกำลังกายต้องฟิกไว้ว่าวันนี้จะวิ่ง1ชั่วโมง เช้าหรือเย็นก็ได้ เหนื่อยเเค่ไหนก็ห้ามขาด ต่อให้เลิกงานดึกสมมุติเลิกถึงบ้านเที่ยงคืน เเล้วมันเป็นตารางการออกเเต่วันนี้ยังไม่ได้ไปวิ่ง อย่างน้อยกูก็ต้องออกไปเดินรอบหมู่บ้านซัก1ชั่วโมงห้ามผลัด อดทนเเละทำให้มันเป็นนิสัย อย่าผลัดวันประกันพรุ่งเด็ดขาดกูตั้งไว้งี้เลย พยายามอย่าคิดว่าค่อยทำพรุ่งนี้
กูเคยมาละสมัยเรียนติดผลัดวันประกันพรุ่งเป็นประจำ วันนี้ไม่อ่านหนังสือค่อยอ่านพรุ่งนี้บลาๆ พอทำบ่อยๆเเม่งจะเริ่มติดเป็นนิสัยเเล้วเเม่งเเก้ยากกว่าจะกลับมาเป็นคนขยันเหมือนเดิม ต้องหักดิบ เเล้วเเม่งก็ไม่ได้ทำกันง่ายๆนะมันเป็นนิสัยอะ
ของกูตอนนี้พอได้ลงไปนอนกะเตียงแงะออกจากเตียงยากมาก อะไรที่คิดจะลงมือทำไม่ได้ลงมือซะที คงต้องตั้งกฎ+เขียนตารางชีวิตซักที
คือกูทำตัวขี้เกียจมานานด้วยแหละแก้ให้กลับไปมีไฟแม่งยากจริง
เออหมดไฟทำงานว่ะ จุดไงดีแม่งเป็นข้อเสียมาก
จากกูมุมมองคนขี้เกียจมาเป็นปีสมัยเรียน ปัจจุบันนี่ค่อนข้างขยัน(มั้ง) คืออยู่นิ่งไม่ค่อยได้ เล่นเน็ตก็ฟิกเวลาจำกัดอะไรเเบบนี้
ต้องค่อยเปลี่ยนว่ะ เพราะนิสัยเเม่งเเก้ยาก เหมือนเเบบเมื่อก่อนกูไม่กินกาเเฟงี้ พอพักนึงเริ่มหัดกินกาเเฟ3-4เวลาเดิมตอนเช้าเเม่งจะเริ่มเป็นนิสัยละ รู้สึกตัวอีกที สัส เเดกทุกวัน ไม่เเดกทำงานไม่ได้
30 กว่าๆ ควรมีเงินเก็บ เงินเดือนประมาณเท่าไหร ตอนเกษียณจะได้ไม่ลำบากวะ
ญาติกูแม่งข้าราชการหมดเลย กูเลยนอยด์ๆ
>>830 ลองดูทวีตของ @thematterco: https://twitter.com/thematterco/status/1087620885803163648?s=09
กราบเพื่อนโม่ง ซาลารี่แมน พวกมึงช่วยเล่าความเหี้ยของ บ. มึงให้กูฟังคนละเรื่องสองเรื่องได้ไหมวะ กูอยากรู้ว่า บ. กูระดับความเหี้ยมันอยู่ในเลเวลไหน ถือซะว่าพวกมึงมาระบายก็ได้ ถถถถถ
>>834 งานเยอะชิบหาย เชลชาวเกาะติสต์แตกขอแก้งานทั้งที่ลูกค้าไม่ขอ บ่อยมาก
ส่วนงานในประเทศชอบเจอลูกค้ายัดใส้แล้วเซลไม่รู้ นึกว่าขายงานแพงได้ หารู้ไม้กูทำกันอ้วก
*จนถึงตอนนี้กูก็ยังทำงานอยู่เลย พรุ่งนี้เข้างาน 8 โมงเช้าด้วยนะ จะนอน office ดีไหมเนี่ยกูกำลังชั่งใจอยู่
>>834 ความเหี้ยของบ.ปัจจุบันกู
1. 2 ปีที่แล้วปิดสาขาที่กรุงเทพ ย้ายคนออกตจว.หมด ไม่ยอมแจกซอง ให้แค่ชดเชยนิดหน่อยค่าย้ายออกตจว. บีบให้ลาออกเอง
2. ปีที่แล้วมีเคสไล่ออก (ไม่จ่ายซอง) ทุเรศๆ แทบจะเรียกว่ายัดข้อหาหลายราย จนคนพูดกันว่าบ.น่าจะถังแตก
3. ปีนี้เงินเดือนไม่ขึ้นทั้งบ.อ้างว่าเงินเดือนพนง.สูงกว่าในตลาดโดยรวม ประเมินไม่มีผล ทำดีทำแย่ได้เท่ากันหมด ไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน (มึงบอกว่าไม่มีตังจริงๆก็ได้นะ นี่เหมือนอ้างข้างๆคูๆไปเรื่อย)
>>834 บ.กู ขาดทุนติดต่อกันหลายปีขอคืนภาษีรัวๆจนโดนตรวจ
สรรพากรบอกว่าต้นทุนบริษัทสูงมาก(ซื้อของจากบริษัทแม่มาผลิต) มาทำมาหากินประเทศเขา เงินลงทุนก็กู้มา สร้างขยะ สร้างมลพิษ ภาษีก็ไม่เสีย ประเทศไทยไม่โง่นะคะ โดนปรับย้อนหลังรัวๆ
แม่งคงซื้อแพงๆมาจากบริษัทแม่ ให้บริษัทแม่กำไรเยอะๆ ที่ไทยช่างมัน ภาษีขายก็ขอคืนรัวๆ ปัจจุบันบริษัทแม่กำลังผลิตไม่พอไปซื้อจากฝั่งยุโรปแม่งยังถูกกว่าซื้อกับบริษัทแม่อีก กูทำงานแทบตายอีเหี้ย
>>840 หางานไม่ได้น่ะ สายงานกูเจอพิษเศรษฐกิจโลกเต็มๆ
พวกกูรวมตัวไปปรึกษากรมแรงงานมาแล้วนะ ปรากฎว่าแม่งฟ้องไม่ได้อ่ะสัด
คือบ.มันอ้างว่าให้เงินชดเชยค่าย้ายไปตจว.แล้วเป็นไปตามกฎหมายน่ะ
มีอีกกรณีที่ฟ้องเรียกค่าชดเชยได้คือ มึงต้องไม่สะดวกไปจริงๆจังๆ แบบท้องอยู่ พ่อป่วยต้องดูแลบลาๆๆ ซึ่งต้องไปลุ้นตอนฟ้องกันอีกว่าจะชนะรึเปล่ามันไม่ 100%ว่ะ
แม่งถูกกฎหมายแต่ไม่มีธรรมาภิบาลประมาณนั้น
เป็นดีลเลอร์ตัวแทนจำหน่ายประจำจังหวัดขายยี่ห้อหนึ่ง
คนในจังหวัดไปซื้อสินค้าที่ว่า แต่เสือกไปซื้อที่จังหวัดอื่น
สินค้ามีปัญหาส่งมาซ่อมที่สาขากูแต่ ของน่าจะผิด QC แถมเคลมไม่ได้ช่างก็ซ่อมไป
แม่งมีการบังคับให้ช่างกูซ่อมให้หายจน 3-4ทุ่ม ทำฟรีไม่มีโอที แม่งจู้จี้จนช่างทนไม่ไหวหลุดคำสบถแล้วได้ยิน
โดนฟ้องสำนักใหญ่จี้ ให้ไล่ออก ลูกค้าก็ไม่ใช่เห้สัส
>>841 จะบอกว่าคนที่แกเคยปรึกษามันมั่วจะเชื่อไหม แต่ถ้าฟ้องต้องเดินเรื่องภายใน 30 วันที่แจ้ง เพราะมันมีมาตรา 120 กับ 118 คุ้มหัว
มาตรา 120 แค่นายจ้างย้ายที่ มึงไม่สะดวกก็ต้องจ่ายค่าชดเชยตาม มาตรา 118 ไม่สืบทำซากอะไรด้วย ขอแค่ไม่สะดวกจบ
*ไม่ต้องลุ้นว่าฟ้องชนะ เพราะชนะแน่นอน ปรกติคดีพวกนี้ศาลเข้าข้างลูกจ้าง
หมดไฟจังโว้ยย
กู >>844 บ.เหี้ยนี่แม่งเหมือนจะพยายามไล่คนออกแบบไม่จ่ายชดเชยทุกวิถีทาง วันนี้ซีเนี่ยร์ที่กูสนิทด้วยเห็นกูเดินผ่านโต๊ะแม่งรีบคว้าตัวกูมาคุยว่า
ให้กูพยายามอย่าออกไปนอกออฟฟิศ (หมายถึงออกจากห้องทำงานไปนั่งแดกกาแฟ แดกขนมน่ะ) กูโดนเพ่งเล็งอยู่ เมเนเจอร์เอ่ยชื่อกูในที่ประชุม คือ...10 นาทีโว้ย ปกติกูเดินออกไปหาอะไรกินตอนบ่ายก็แค่ 10 นาทีโว้ย
ถ้ามึงเล่นแบบนี้นี่มึงจะเล่นใครก็ได้ป่าววะสัด ซักพักคงมีเข้าห้องน้ำนานไล่ออกอ่ะ...อ่อไม่ได้ซิห้องน้ำมันอยู่ในออฟฟิศไม่มีหลักฐานตี๊ดบัตรนี่นะ
ยิ่งมึงเล่นแบบนี้กูยิ่งไม่มีอารมณ์ทำงานอ่ะ เดี๋ยวกูจะกวนตีน นั่งเล่นเน็ต 2 ชม.ฟันโอให้กระจายเลยสัด
ถ้ากูได้งานกูก็ออกแล้วโว้ย อยากให้กูออกแน่จิงแจกซองมา
กรณีบ้านเรามันมีเรื่องลูกค้าไปทำเสียหายเองแต่อยากเคลมซ่อมฟรีก็เยอะ เลยแกล้งซ่อมที่อื่น
ถึงขั้นสั่งซ่อมนอกเวลางานก็มากไปป่ะ
กูขอถามโม่งทำงานที่เป็นลูกคนเดียวนะ เอาแบบมีประสบการณ์การทำงานไกลบ้านต้องนอนหอเนี้ย ความรู้สึกเป็นไง.... จะว่ากุเป็นลูกแหง่ก็ได้นะแต่เรื่องนี้ใหญ่สำหรับูมากกูเป็นคนติดบ้านอ่ะ
แต่ที่งานดีเงินดีมันอยู่ไกลกูควรตัดสินใจไปทำงานไกลหรือค่อยๆหาแถวบ้านเอาวะซึ่งตอนนี้กูว่างงานอ่ะ กูเครียดมากๆเลย
เหมือนกูเเหละ กูก็ติดบ้านโคตรๆเเต่อยู่บ้านกูก็ทำอะไรเองหมดนะ ซักผ้า ถูบ้าน เเต่ที่ชอบอยู่บ้านเพราะของไม่ต้องเเบก กว้างกว่าหอ เน็ตไม่ต้องกังวล เเต่ลองไปใช้ชีวิตดูก่อนมันไม่ยากหรอกว่ะ ตอนเเรกกูก็กล้าๆกลัวๆไม่อยากทำนอกกรุงเทพอยากทำใกล้บ้าน ที่กังวลตอนเเรกก็คือพวกค่าใช้จ่ายเนี่ยเเหละ ไปอยู่หอต้องเสียค่าหอ ค่าน้ำค่าไฟเพิ่ม ค่าเครื่องซักผ้า ไหนจะค่าเน็ตหออีกถ้าต้องติดเพิ่มเติม
>>855 ฝึกไว้มึง ขนาดกูอยู่หอตั้งแต่ม.ปลายยันจบปตรีทำงานไปสองสามปีแล้ว พอแม่ตายไปคน ยังแทบเอาตัวไม่รอดเลย เพิ่งจะมารู้ตัวว่าที่ผ่านมายังต้องพึ่งพาเป็นภาระแม่อยู่ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ นอกจากเรื่องทางจิตใจแล้วที่เห็นเป็นรูปธรรมก็เรื่องเงินนี่แหละ มึงก็ต้องหัดพึ่งพาตัวเองไว้บ้าง
บ.กูมันแปลกๆว่ะ
วันนี้มีแจกถุงคลุมคอมบอกวันเสาร์จะฉีดยาฆ่าเชื้อทั้งออฟฟิศ???
อ้างว่าคนป่วยบ่อยเลยจะฉีดฆ่าเชื้อ
มันแปลกๆป่าววะ คือกูทำงานมา 10 ปีออฟฟิศไหนก็ไม่เคยเจอฉีดอ่ะ แล้วไม่ใช่ฉีดประจำปี คืออยู่ๆฉีด
เพราะอะไรวะ คือมีคนที่ป่วยเป็นโรคติดต่อทางอากาศหรอยังไงวะ ถ้ายังงั้นมึงต้องให้พวกกูไปตรวจทุกคนป่ะ ฉีดยาฆ่าเชื้อ มันแก้ที่ปลายเหตุ
เบื่อพวก QA โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
มาสั่งๆๆๆๆๆๆๆๆแล้วก็สะบัดตูดหนี ไม่สน4สน8ว่าที่สั่งมาทำได้จริงเท่าไหน? ใช้งบเท่าไร? เสียเวลาทำเท่าไร? ตัวชี้วัดคืออะไร?
เหมือนเกิดมาเพื่อสั่งคนอื่นเค้าอย่างเดียวอ่ะ
ฉีดยาฆ่าเชื้อก็ดีแล้วนิ มันไล่พวกมดแมลงไปในตัวด้วยนะ
เชี่ยยยยยย ขอกรีดร้องหน่อย ปีที่แล้วเงินเดือนขึ้นมากระจึ๋งนึง กูก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าฐานภาษีคงอยู่เท่าเดิมเพราะเงินเดือนขึ้นน้อยมาก กูก็ซื้อลดหย่อนนิดหน่อยพอเป็นพิธีตามปกติ พอยื่นจริง เชี่ยยยยย มันขยับไปอีกฐาน เชี่ยยยย เชี่ยยยยย กูแม่งพลาดดด ตอนแรกก็งงว่าพลาดตรงไหนวะเพราะปกติเป็นคนเขี้ยวเรื่องเงินมาก กูมีรายได้ 2 ทาง ทุกเดือนจะต้องบันทึกลง excel ตลอด สร้างสูตรคำนวณเองเสร็จสรรพ เห็นความเคลือนไหวตลอดปี วางแผนอย่างดี ยื่นภาษีทุกปีแคลออกมาตรงเป๊ะกับในเว็บทุกปี แต่จริงๆ สูตรกูมันผิดนิดหน่อยตรงขั้นบันไดภาษีชั้นสูงๆ แต่ไม่รู้ตัวเพราะปีที่ผ่านๆ มาภาษีมันยังไม่เคยถึงขั้นนี้ พอปีนี้มันเกิน ร้องจ๊ากเลยกู T_T
>>855 กลับกันเลย กุเป็นลูกคนเดียวที่ไม่ชอบอยู่บ้าน กำลังพยายามหาทางทำให้ตัวเองอยากกลับบ้านอยู่ คือกุรักพ่อแม่นะ คุยได้ทุกเรื่อง แต่พออยู่บ้านเดียวกันมันจะมีอะไรไม่ถูกใจบ้างสักเรื่องสองเรื่องอ่ะ เช่น เสาอาทิดกูอยากจะนอนเปื่อยดูทีวีเล่นคอมเช้าจรดค่ำเฉยๆ เพราะระหว่างอาทิต์กูเครียดกับงานมากๆ แต่เขาจะมองว่ากูขี้เกียจ นั่งไม่ทำอะไรได้เป็นวันๆ กูอาจจะกินข้าวเช้าแล้วแช่จานไว้เช้าจรดเย็น ไปดูหนังสามเรื่อง แต่ในท้ายที่สุดของวันกูจะล้างของทุกคนก่อนกุอาบน้ำนอน แต่พอพ่อแม่เห็นจานกองตอนกลางวันจะแบบว่ากูเนี่ยไม่ขยับตีนทำอะไรเล้ย กุเลยเบื่อๆ พาลไม่อยากกลับ
>>867 กูลูกคนเดียวที่ไม่อยากกลับบ้านเหมือนกัน แต่ของกูเลยจุดที่ทำให้ตัวเองอยากกลับบ้านไปละ
ลูกคนเดียวพ่อแม่ก็เป็นห่วงแหละ แต่หลายเรื่องกูก็รู้สึกว่าเค้าเรื่องเยอะมันเกินจนกูทนไม่ได้
อยู่ด้วยแล้วพาลจะเป็นโรคประสาทเอา เคยเครียดจนต้องกินยานอนหลับไปช่วงนึงเลยด้วยซ้ำ
สุดท้ายพอแยกออกมาอยู่คนเดียวได้จริงๆมันก็เหนื่อยน่ะแหละ เพราะเค้าก็ช่วยอะไรกูเยอะ
แต่สุดท้ายเหนื่อยกายมันยังพอทน แต่เหนื่อยใจนี่มันอยู่ไม่ไหวจริงๆ
กูเป็นลูกคนเดียวที่เคยบ่นๆนะตอนนี้กูหาสมัครงาน ตจว.แล้วทีนี้คงรอเรียกสัม แต่กูสงสัยว่าถ้าเขาเรียกสัมฯแล้วไม่ได้งานพวกมึงจะรู้สึกยังไงอ่ะ กุอยากโดนสัมแล้วได้งานเลยไม่อยากไปเก้อเพราะเงินกูก็ไม่ได้มีมากอะไร
>>869 ก็รู้สึกเฟลนิดหน่อยแต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไปไง จะมามัวจมปลักกับความผิดหวังไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา สัมหลายๆ ที่มันก็มีข้อดีตรงได้ประสบการณ์แล้วก็ทำให้หายตื่นเต้นไปเยอะ กูก็สัมตั้งหลายที่กว่าจะได้ที่ที่ตรงใจ บางที่เค้าไม่รับกูบ้าง บางทีเค้ารับกูแต่กูว่าไปสัมภาษณ์แล้วมันไม่ใช่บ้าง ก็เสียเงินไปเยอะพอสมควร แต่ก็พยายามประหยัดให้ได้มากที่สุด มันคือการลงทุนที่คุ้มค่าว้อย อย่าคิดแต่ว่าจะประหยัดเงินช่วงตระเวนหางาน สัมแล้วได้งานอะไรก็รีบเอาเลย ควรเลือกงานด้วย (เลือกตามคุณสมบัติตัวเองอะนะ อย่าหลงตัวเองและอย่าถ่อมตัวจนเกินไป) ถ้าได้งานดี ทุกอย่างมันจะตามมา ไม่ว่าเงิน โปรไฟล์ ประสบการณ์ ความรู้ เอาไปต่อยอดในอนาคตให้ก้าวหน้า
โม่ง พอดีไปสมัครงานขายของ ให้ค่าคอม 3% ของขายราคา 1750 -3999 แต่ไม่ให้เงินเดือน ไม่มีสวัสดิการ ไม่มีเหี้ยอะไรเลย
มึงว่าดุควรทำไหมวะ งานคล้ายๆ เทเลเซลวะ
>>872 อย่าทำเลยถ้าเลือกได้ ตีว่าของชิ้นละ 3000 3% แม่งก็แค่ 90 บาทปะวะ แม่งไม่ได้คุ้มห่าเหนื่อย ค่าแรง ค่ามารยาทที่เราต้องไปนอบน้อมใส่ลูกค้าเลย แนะนำว่าถ้าชอบงานขายลองไปดูเรื่องเป็น agent ขายบ้านขายคอนโดดีกว่า ตอนแรกๆ อาจยากหน่อย แต่ถ้าไปทำ บ. มันจะมีเทรน อยู่ไปสักเดือน 2 เดือน ก็จับหลักได้ ขายได้ ค่าคอมก็ดีกว่า ยิ่งถ้ามึงได้ภาษาอังกฤษยิ่งสบาย
พวกเซลนี่ทำไมดูแม่งทำงานสบายๆจังวะ รถบริษัทก็มี ค่าน้ำมันก็เบิกได้ มื้อเที่ยงแวะเข้าห้างแดกบอนชอน แดกสตาร์บัคตลอด
ข้อมูลงานนะ : คล้ายๆเทเลเซล ขายของผ่านเน็ต
รายละเอียด
1. เงินเดือนไม่มี
2. ค่าคอม3% จากยอดขาย ถ้าช่วงโปร ได้ 1% จากยอดขาย
3.การสนับสนุนการช่วยขาย ไม่มี you are on your own ยอดต้อง แสนนึงขึ้นไปถึงรับพิจารณา
4. การสนับสนุนในการปฏิบัติงาน มีแค่รับส่งสินค้าจากคลังให้
5. ทำงาน 10 โมงถึงเที่ยงคืน
6. ไม่มีค่าคอมแบบขั้นบันได แต่มีข้อตกลงในการหักค่าคอมถ้าจัดโปร
7. เป็นไปได้ที่อนาคตทำสำเร็จ จะมีการตั้งร้านของบริษัทมาขายแข่งกับพนักงานตัวเอง
8. ทำงานที่บ้านได้
เครียดกับงานว่ะ ทำไงก็ไม่ถุกใจเจ้านายจนไม่รู้ว่าจะต้องไปทางไหนแล้ว รู้สึกตันหมดแล้ว เหมือนตัวเองแม่งไม่เก่งเลยที่หาทางทำให้งานมันดีถูกใจเค้าไม่ได้ซะที กุเหนื่อยมาก กุต้องทำไงถึงจะเก่งกว่านี้ได้วะ
เซลอย่างต่ำนี่ต้องมีเงินประจำให้ด้วยป่ะแต่ไม่เยอะนะ กูเคยมีเพื่อนเซลล์(ติดตั้งอะไรบางอย่างขอไม่เอ่ยละกัน)รายวันๆละ200
เซลติดต่อลูกค้าแล้วโยนเคสให้ฝ่ายประสานงานโทรคอนเฟิร์มนัดวันติดตั้งกับลูกค้าเสร้จสรรพ
หากลูกค้าขอปฎิเสธหรือไม่ขอติดตั้งแล้วมันโดนตัดเงินเคสละ1, 000เลยนะ
(ถ้ากุพิมพ์งงต้องขออภัย เซลกดดันกว่าที่คิดนะเออ)
>>879 กูทำงานนี้มาครึ่งปีได้แล้วนะ ในแง่ผลงานกูว่ากูพัฒนามากขึ้นนะ แต่มันเหมือนจูนกับเจ้านายไม่ติดอ่ะ เหมือนไอ้ที่กูมองว่าดี เค้าว่าไม่ดี แต่หน้าที่กูคือต้องทำงานให้มันตรงตามความต้องการเค้าให้ได้ คนเก่งคือคนที่คุยปุ๊ปรู้ปั๊บว่าเค้าต้องการอะไร ทำออกมาแบบไหน แต่กุเหมือนจับทางความต้องการเจ้านายไม่ถูกอ่ะ แล้วกูก็ตันมากๆแล้ว ทั้งๆที่กูชอบงานนี้มากนะ
>>883 ไม่รู้ดิวะ ตอนนี้กุสับสนมาก ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะเจ้านาย หรือเพราะกุต่างหากที่ไม่เก่งเองที่ไม่สามารถทำงานออกมาให้ตรงกับใจเจ้านายได้ ในฐานะนักออกแบบอ่ะ เวลาลูกค้าบอกต้องการอะไรเราก็ควรทำออกมาให้ได้ใช่มั้ยล่ะ เหมือนว่ารับบรีฟมาก็ต้องรู้ว่าเค้าต้องการแบบไหน พวกเก่งๆคือบอกแล้วทำได้เลย ออกมาสวยตรงใจเลยแบบนี้รึเปล่า ที่กูต้องแก้งานเป็นพันๆครั้งมันเป็นเพราะกุไม่เก่งเองใช่มั้ย กุไม่รู้เลยว่ะ ตอนนี้มืดแปดด้าน
>>884 กูก็สายออกแบบนะ แต่อาจจะคนละประเภทกัน จริงๆ แล้วกูว่าสำหรับเจ้านาย มึงโอเคแล้วนะ ที่ทำงานร่วมกับเขาได้ แต่หน้าที่เขาก็คือต้องดึงศักยภาพสูงสุดของมึงออกมา ต่อให้มึงทำดีแล้ว ทำดีกว่าเดิม เขาก็จะต้องส่งความท้าทายมาให้มึงเพื่อจะให้มึงทำได้ดียิ่งขึ้นไปอีก หลายๆ ครั้งกูก็ท้อเหมือนกันที่รู้สึกว่าทำไมทำอะไรไปก็ไม่ได้ไม่โดนนายซักที บางทีด้วยเดดไลน์งานก็ต้องออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่สุด นายยังไม่พอใจแต่ก็ต้องปล่อยออกไป มันก็มีบ้าง แต่หนึ่งสิ่งคือกูเชื่อว่างานว่าฝีมือกูดีขึ้นกว่าเดิมแน่ ไปเปิดดูงานปีที่แล้ว งานปีที่แล้วๆ กูก็รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้น กูคิดว่ามึงก็คงเป็นแบบนั้น เพราะงั้น ทำต่อไปเถอะ มึงกำลังพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ อยู่
มึงคิดยังไงกับคำว่าไม่ถูกชะตาวะ แบบที้ทำงานรับเด็กใหม่มาเงี้ยก็เขม่นละ พอขอเหตุผลบอกไม่ถูกชะตาอย่างนี้ทุกองค์กรทุกบริษัทไม่ต้องมีแผนกดูดวงก่อนรับเข้าทำงานรึไง
ห่าเอ้ย! ขอบ่นหน่อยไม่รู้จะบ่นยังไงละ
เหี้ยอะไรเนี่ย? แค่ไม่ยอมไปทำงานในวันหยุดแม่งถึงกับขู่จะไล่ออก?
คือแม่งที่ทำงานกูตกว่าจะให้กูหยุดงานทุกวันจันทร์ เพราะกูต้องทำเสาร์ - อาทิตย์ กูวางแผนจะทำอะไรต่อมิอะไรเอาไว้เรียบร้อย แต่จู่ๆ แม่งก็โทรมาบอกให้กูไปทำงานให้เนี่ยนะ? พอกูปฏิเสธก็ไม่ยอมอีกฝ่ายแม่งก็งอนแล้วบอกประชดว่ากูไม่ต้องไปทำงานแล้วอีกต่างหาก
ซ้ำร้ายกว่านั้นพอเอาเรื่องนี้มาบ่นที่บ้าน กลายเป็นว่าแม่กูชวนทะเลาะพร้อมกับหาว่ากูขี้เกียจอีก แล้วไม่รู้ทะเลาะกันอีท่าไหนกลายเป็นมาพูดน้อยใจ แถมแซะกูว่าไม่รู้จักบุญคุณคน ไม่มีสามัญสำนึก แถมยังบ่นๆ ด้วยว่าอยากตายอีก?
เออ! กูอยากจะบอกเลยว่าตายๆ ไปเถอะแม่แบบนี้ กูเห็นแม่งบ่นจะผูกคอตายต่อหน้ากูมาตั้งแต่กูอยู่ประถมละ ปัจจุบันยังนั่งหัวโด่เปย์เงินให้หลานอยู่เลยเนี่ย
ทำงานมาซักพักกูรู้สึกว่า ผู้หญิงออฟฟิศแม่งใส่หน้ากากกันหนาชิบหาย ข้างนอกยิ้มแย้มแต่กูก็สัมผัสได้ว่าแม่งแสร้งทำ ยิ่งเป็นผญ.ที่ดูดียิ่งซ่อนตัวตนจริงๆไว้ลึก
กูรู้สึกสบายใจเวลาทำงานกับผช. หรือผญ.ที่ดูห้าวๆมากกว่า กูรู้สึกว่าเวลาทำงานกับผญ.ที่ดูดี จีบปากจีบคอพูด พูดภาษาดอกไม้ มันเหมือนกับเค้าไม่ได้มองเราเป็นเพื่อนร่วมงาน เหมือนเค้าแค่หาประโยชน์จากเรามากกว่า มองแค่ว่าเราทำประโยชน์อะไรให้เค้าได้บ้าง และพร้อมจะเขี่ยทิ้งถ้าหมดประโยชน์
อันที่จริงผช.ก็เป็นแต่พบได้น้อยกว่าผญ. และดูออกง่ายกว่าว่าไอ้นี่ไม่น่าคบ
>>891 มึงเป็นหญิงหรือชายวะ
กูเป็นผู้หญิงจีบปากจีบคอนะ คือกูสุภาพกับทุกคน พูดคะขาภาษาดอกไม้ ยิ้มแย้มและเป็นมิตร แต่งหน้าแต่งตัว เอาเป็นว่าเป็นทุกอย่างที่มึงพูดมา แต่กูไม่ได้มองคนอื่นเป็นแค่เบี้ยอย่างที่มึงพูดเลย กูแค่สุภาพมีมารยาทและวางตัวเรียบร้อยไม่ได้หมายความว่ากูต้องเป็นคนเหี้ยนี่หว่า
กูเคยโดนด่าว่าตอแหล ไม่จริงใจก็เพรสะไม่พูดหยาบเนี่ย มันอะไรกันวะ
>>891เมิงยังไม่เคยเจอห้าวๆแล้วเหี้ยแบบที่ทำงานกู พูดจาห้วนๆพี่ๆหนูๆน้องๆกับคนที่โรงงาน/ลูกค้า แรกๆก็ดีดูพูดจากันเองบ้านๆ หลังๆลายออกด่าลูกค้าทำงานแบบนี้โง่รึเปล่า จบที่ไหนมา ด่าคนที่โรงงาน บอกมีปัญหาก็มาเจอกันเลย ฯลฯ โคตรกร่าง นี่ผญนะ สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุลมาก
หลังๆกูขอแบบดอกไม้คะขาดีกว่า อย่างน้อยมันก็พูดจาสุภาพกับกู
ส่วนจีบปากจีบคอนั่นตอแหล แยกให้ออกคนละอย่างกับสุภาพ
ผู้หญิงเป็นเพศที่น่าสงสารนะ มักจะเกลียดกันเอง ทำร้ายกันเอง ไม่ค่อยรักสามัคคีกัน
เวลาเห็นข่าวแย่งผัวกันผู้ชายก็ลอยตัวตลอด ผู้หญิงตบกันเองแย่งผู้ชายมักมาก เวลาทำงาน ผู้หญิง 99% ก็ไม่อยากมีเจ้านายเป็นผู้หญิง
เคยดูซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องนึง นางเอกพูดเองเลยว่ามิตรภาพของผู้หญิงมันบางซะยิ่งกว่าแฮมซะอีก
ในขณะที่ผู้ชายมักจะรักเพื่อนแบบสุดๆ รักงาน รักเกม และรักทุกอย่างมากกว่าเมีย 555
แต่ก็เอาเถอะ กูเชื่อว่าแต่ละเพศมีแนวโน้มที่จะมีนิสัยส่วนดีส่วนเสียต่างกัน ไม่นับนิสัยส่วนบุคคลอีก
กูไม่ปฏิเสธแนวโน้มส่วนใหญ่ แต่ก็พยายามรู้เท่าทันข้อเสียของตัวเอง ถ้ามีสติมากพอก็จะพยายามควบคุมมัน
บริษัทกูมีนำเข้าของจากจีน แล้วเอามาเปลี่ยนแพ็คเกจในไทยขายให้ลูกค้าส่งออกจีน (แอบทำไม่บอกลูกค้า)
อันนี้ถ้าลูกค้าไปยื่นส่งออกว่าเป็น made in thailand แถมใช้ฟอร์มด้วย ลูกค้าจะโดนไรมั่งวะ
อีกหน่อยถ้าโดนตรวจขึ้นมาจะโดนอะไรบ้าง ตอนนี้บริษัทกูจดทะเบียนเป็น manufacturing ไม่ใช่ trading ด้วย มันต้องจดเพิ่มใช่มะถ้าจะนำเข้ามาขายแบบนี้
โอกาสเรื่องแดงเยอะไหมวะ เริ่มกลัว
กูว่าไม่เกี่ยวกับเพศ เพราะออฟฟิซกูทั้งชายทั้งหญิงลับหลังก็นินทาคนอื่นกันหมด เอวัง
กูว่าอยู่ที่สันดานล้วนๆ แค่ผู้ ญ จะมีนิสัยแบบนั้นมากกว่าผู้ชาย
งานโคตรสบาย แต่เบื่อชิบหายเลยทำไงดีวะ
เฮ่อ... หัวหน้าหัวควยนี่แม่งหัวควยจริงๆนะมึง
2 วันก่อนบอกให้กูเทียบจำนวนของที่ต้องซื้อเมื่อเดือนก่อนกับที่อยู่ในโมเดลปัจจุบันมาให้หน่อย
กูก็นั่งทำจนดึกดื่นมา 2 วันส่งงานให้มึง
รุ่งขึ้นมึงชำเลืองดูรีพอร์ตกูอยู่ไม่ถึง 2 นาที บอกกูซื้อๆตามโมเดลปัจจุบันไปน่ะแหละ ไม่ต้องเทียบแล้ว...หัวกูมันก็จะร้อนๆหน่อย
ในเมื่อมึงไม่ดูซื้อของผิดกูไม่สนนะฮะลายเซ็นต์มึงก็รับผิดชอบเอาเอง
คือโมเดลมึงบางส่วนยังไม่นิ่งกูจะให้มึงเช็คว่าตัวไหนที่ซื้อได้บ้าง ในเมื่อมึงไม่เช็คก็งบบานไปสัด
>>910 กูไม่ใช่คนข้างบนนะ แต่พอได้ฟังอะไรมาบ้าง กูว่ามันจะมีสองแบบ แบบฮาๆ เอาเพื่อนมาเผา กับแบบจริงจังๆ แม่งเสี้ยมให้เกลียดกัน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความสัมพันธ์เพื่อนฝูง เมีย ยืมเงิน นิสัยเหี้ยๆ วีรกรรมต่างๆ นาๆ เกทับความสำเร็จ แบ่งแยกชนชั้นอะไรแบบนั้น ซึ่งตอนเด็กๆ วัยรุ่นจะเจอแบบฮาๆ ซะมาก พอวัยทำงานละเจอแบบจริงจังซะมาก บางทีมาทำเป็นเผาฮาๆ แต่กูรู้สึกได้ว่าแม่งเสี้ยมจริงจัง แทงข้างหลังกันมิดด้าม
กุผู้ชายนะ แต่เป็นพวก introvert ไม่แดกเหล้าแดกเบียร์ด้วย ปกติไม่เม้าใครเลย ยกเว้นคนที่แบบทำให้กุไม่ชอบจริงๆ นานๆทีมากๆที่กุจะเม้าใคร
เฮ้อทำไงกับนิสัยกูดีวะ เงินเดือนขึ้นความป๋าก็เพิ่มขึ้น วันก่อนไปร้องเกะโดนค่าดริ้งไปเป็นหมื่น
>>910 เรื่องที่ผชนินทามันคือเรื่องเด็ดๆๆ ส่วนผญนินทาคือแบบเรื่องยิบๆย่อยๆไร้สาระนินทาแม่งทุกเรื่อง กูอยู่กลุ่มผชมาตลอด เรื่องเหี้ยๆเนี่ยฟังมาเยอะมาก
สมัยมอปลายกูเรียนรรหญิงล้วน ข้างๆเป็นชายล้วน ก็มีคุยกันไปเที่ยวกัน อีพวกผชมันไม่เห็นกูเป็นผญมีไรก็เล่าให้ฟังตลอด วันนึงมันไปมีอะไรกับเพื่อนผญกูแม่งก็มาเล่าให้ฟัง เอามาแล้ว อะไรยังไง นมเป็นไง ฝั่งผชคือรู้กันหมด ในกลุ่ม นอกกลุ่ม อ่อคนนั้นโดนเอาไปแล้วนี่
ฝั่งผญคือเงียบกริบ ไม่มีใครรู้ หรือถ้ารู้ก็รู้เงียบๆ ตอนมหาลัยกูไปคุยกับเพื่อนสนิทของผญคนนี้เรื่องไอ้ผชเนี่ย กูถึงได้บอกมันว่าผชมันแบบนี้นะ แม่งหน้าเสียเลย ฝั่งผญมีไอ้เพื่อนสนิทนี่คนเดียวที่รู้
เรื่องเสี้ยมๆเหี้ยๆก็มี มาเสี้ยมกูว่าคนนู้นคนนี้ไม่ดี จะชวนกูบอยคอต โทรไปชวนคนอื่นเรียบร้อย บอกว่ามีใครบ้าง ส่วนตัวกูไม่เอาไม่ชอบวิธีรวมหัวกูก็บอกว่ากูไม่เล่นด้วย แม่งขู่กูด้วยถ้าจะไม่ทำก็คบมันไปละกัน
เรื่องนินทาผญเหี้ยๆเนี่ยยิ่งเยอะ ถ้าผญด้วยกันเองก็นินทาตื้นๆ คิ้วเบี้ยว ปากแดง หน้าลอย ถ้าเป็นผชมันดูไปถึงข้างล่างเลยนะ สะโพกหนา โหนกอูม ฯลฯ แล้วเอาไปพูดกันในกลุ่ม
>>918 กูนิสัยชอบเผื่อเอาไว้ก่อน เลยมักจะเก็บเงินใว้ในหลายๆบัญชีซึ่งมันจะสามารถโอนไปมาหากันผ่านแอปมือถือได้ตลอด 24ชม.ไง
ตอนนี้เลยสนใจอยากตัดเป็นฝากประจำ แต่ฝากประจำผลตอบแทน+ระยะเวลามันก็ไม่คุ้มว่ะสำหรับกูอ่ะนะ เพื่อนโม่งเเบ่งเงินไปลงตัวไหนวะแบบตัด
รายเดือนไปเลย สมมุติ Fix ไว้เดือนละ 15K ตัวไหนคุ้มสุด ออมทอง? กองทุน? DCA? VA? พวกนี้ในระยะต้นๆน่าจะพอเห็นผลตอบแทนบ้างละ
แล้วอย่างน้อยกูก็จะได้สบายใจ มีเงินตัดไปเที่ยวเหลือๆอีกที
หลังจากกูไปสัมภาษณ์งานมาหลายที่ กูสงสัยว่าเดี๋ยวนี้บริษัทชอบให้พนักงานทำโอทีฟรีหรอวะ เงินเดือนก็ไม่ถึงหมื่น ถามเจงงงงง
เพื่อนโม่ง เงินเดือนกูออกแล้ว โนโบนัส โนปรับเงินเดือน โนเฮียอะไรซักอย่าง ก่อนปิดปีใหม่ก็ทำงานรากเลือด อยู่โยงยันเที่ยงคืนก็ไม่ได้โอที พอขอโยกวันลาที่เหลือ(ที่แม่งแคนเซิลวันลากู)ก็เป็นประเด็นอีก ชวนแฟนกินชาบูย้อมใจก็บอกไดเอท ชวนดูหนังก็บอกนี่ไม่ใช่วันศุกร์นะ ไม่อยากนอนดึก กูเศร้า กูเหนื่อยจังเลย
เพื่อนโม่ง มันเหี้ยมากเลย เมื่อวานแม่งเกินรับมือจริงๆว่ะ งานเกิดปัญหา กูก็ประสานงานให้เจ้าของงานเข้ามาดำเนินการแก้ไข
อีสัสลูกน้องมันกูตามแม่งก็ไม่มาจัดการ อ้างงานด่วน จนสุดท้ายหัวหน้ามันระเบิดลง ลงทั้งกูทั้งอีลูกน้อง สัสน้ำตากูนี่ไหลแม่งตรงนั้น
แล้วไงไม่ฟังกู สุดท้ายก็ก็ต้องทำแบบที่กูบอก ยังมีการบอกว่าไม่ใช่ความผิดกู แต่แม่งคือมันใช่หรอวะ อีเหี้ย กอดกูที กูแม่งอยากลาออกชิบหาย
>>925 ใจนะเพื่อนโม่ง กู 924 เอง นี่อยากหยุดงานชิบหาย แต่แม่งคือกลัวว่าจะมองว่ากูไม่แยกแยะ แค่นี้ก็ทนไม่ได้
สัส ใจคืออยากตั้งหลักเว้ย ทำงานที่นี่มากูไม่เคยหยุดเลย มาเกิดเรื่องนี้แล้วหยุด แม่งต้องว่ากูนอยด์เพราะเรื่องโดนด่าแน่ๆ
ไม่อยากโดนด่าว่าแค่นี้ก็ทำเป็นเรื่องใหญ่
>>921 กูกำลังมีความสงสัยแบบเดียวกัน ตะก่อนทำอยูชลบุรี บ.ญี่ปุ่นปล่อยโอเรี่ยราด แต่กูไม่เคยอยู่ถ้าไม่จำเป็น ทีนี้มาอยู่กทม.บ.ไทยที่มีวัฒนธรรมฝรั่ง(?) เลิกงานตามเวลาน่ะห้าโมง แต่เอาเข้าจริงก็ทุ่ม++ ทุกวัน อ้างว่าไม่มีตอกบัตร ถ้าเข้างานช้าก็เลิกช้าตามนั้น แต่สัดดดกูเข้างานตั้งแต่เจ็ดครึ่งเพราะงานแม่งเยอะจนไม่มีเวลาฉี่ วันไหนกูงานน้อยหน่อยสามารถเคลียร์ได้ตั้งแต่ห้าโมงครึ่งจะถูกหน.มองว่า เอ..งานน้อยไปหรือเปล่า เอางานอะไรไปเพิ่มดีมั้ยน้า ทั้งที่วันๆ กูทำงกๆ แทบไม่มีเวลาเงยหน้า มีแต่ปากเนี่ยแหละที่พอจะตอบรับเรื่องพูดคุยไร้สาระของพวกแม่งได้ ไม่เข้าใจทำไมชอบชวนกุคุยกันจริ๊ง คือคนอื่นในแผนกมีเวลาเก็งหวย ดูคลิปสัปดน ถกเรื่องดารา ทำงานเรื่อยๆ จนเลิกหกโมงครึ่งก็กลับเหมือนเป็นวัฒนธรรมที่ถ้ากลับเร็วกลัวจะดูงานน้อยอ่ะ ละหน.กูก็โง๊โง่ดูไม่ออก
นายกูสั่งเพิ่มงานที่มันซ้ำซ้อนกับงานเดิมว่ะ กูไม่เข้าใจเลยว่าทำไปทำไมเพราะมันเพิ่มต้นทุนและไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ... ตอนนี้กูตั้งแง่ว่าเขาไม่เก่งเรื่องการจัดการ เพราะนอกจากเรื่องนี้ ระบบงานเดิมมันไม่ค่อยดีอาศัยพวกคนเก่าคนแก่ประคับประคอง บ.ไปได้
กูรู้สึกว่ากูอยู่ผิดที่จริงๆว่ะ ตอนที่กูเข้ามากูหวังจริงๆนะว่ากูจะอยู่กับ บ. นี้ยาวๆ แต่อยู่ไปอยู่มานอกจากปัญหาเรื่องคน เรื่องงานมันมาแบบไม่ขาดสายเลย .. กูอยากรู้ว่าถ้าคิดว่านายไม่เก่งแถม บ. ก็ไม่ดี พวกมึงจะทนกันอยู่ไหมวะเพื่อนโม่ง
อ่อ บ. กูเป็น บ. ญี่ปุ่น เล็กๆ ผลิตของที่กำลังโดนจีนพยายามเลียนแบบอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ว่ะ ถ้ามันเลียนแบบได้อย่างสมบูรณ์เมื่อไหร่กูก็ตกงานอยู่ดีว่ะ ถถถถถถ
>>929 ถ้ามึงมองออกว่าบ.ไม่รุ่งแน่ก็พยายามหาทางออกไปบ.อื่น บ.กูนี่กูมองว่ายังไงก็เจ๊ง จนเมเนเจอร์กูบอกเองว่าถ้าเป็นต่อไปไม่ปรับตัวยังไงก็เจ๊ง แต่โว้ยนโยบายมันออกมาจากมึงไง ถ้ามึงไม่ทำไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ชิบหายแหละ ซุ่งพี่แกก็ไม่ทำอะไรจริงๆได้แต่พูดลอยๆ
ตอนนี้กูก็ได้แต่หางานใหม่อยู่เนี่ย งานหายากชิบหาย
>>929 โอ้ยเหมือนนายกูเลยย แม่งให้ทำรายงานสินค้าเข้าออก ซึ่งโรงงานก็มีทำ (กูเป็นออฟฟิศขาย) ส่วนไอ้สินค้าออกเนี่ยมันซ้ำกับรายงานขาย นายกูแม่งรับสามตัว แถมเอามาชนกันจับผิดอีก ผิดบ้างถูกบ้าง โคตรเบื่อ บางอันแม่งก็ไม่ตรงไงวันขายกับวันส่งเพราะเป็นของขายตปท นายก็ไม่เข้าใจอีก อธิบายมาหลายรอบแล้ว
ทำใจ รอแม่งหมดวาระย้ายกลับบ้านไป ไม่รู้ใครจะไปก่อน
โดนเจ้านายที่ทำงานจีบ ชอบเดินมาข้างหลัง มาจับมือ คล้องแขน วันนี้เลยสะบัดมือทิ้ง บอกว่า ไม่ชอบ ไม่โอเค
อวยพรกูด้วยนะ ไม่รู้ชีวิตหน้าที่การงานจะเป็นยังไงต่อ งานราชการซะด้วย
เกลียดมัน รำคาญ จะอ้วก
ถามหน่อยสิ พวกคุณในนี้ที่บ่นเบื่องาน งานหนัก เงินเดือนเท่าไหร่กันอะ
ของเรางานสบาย อายุงาน5ปี ได้แค่18k โคตรไม่ก้าวหน้า
คือเวลาเห็นคนบ่นเรื่องงานหนัก สภาพแวดล้อมห่วยแตกแต่ก็ยังทนทำอยู่เลยคิดว่าน่าจะได้เงินเดือนดีเลยทนอยู่
แค่อยากรู้ว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆหรือเปล่า
ค้นพบทางสว่างละโว้ยยยยยย จากที่เคยเสียค่าดริ๊งโง่ๆเดือนละ 2-3 หมื่น เมื่อวานกรึ่มๆลองไปอ่างดู เหยดเขร้ กูล่อตัวท๊อปในระดับราคาแค่ 30%
ของค่าดริ๊งที่เคยเสียเอง ต่อไปนี้กูจะไม่ไปดริ๊งแล้ววว กูจะไปอางอ่างอ้างอ๊างอ๋างงงงงงงงงงงง
>>935 อายุ 24 เงินเดือน 26 เข้างาน8.00 am เลิก7.00 pm รับออเดอร์ ทำเอกสารส่งออก ดีลกับเรือและโรงงาน ติดต่อรมยา ขอฟอร์มกรมการค้า ติดต่อแบงค์ กูทำส่งออกทั้งงานรถ เรือ แล้วก้แบบที่สั่งซื้อตปท.ไปขายตปท. เรียกได้ว่าต้นยันจบครบที่กูคนเดียว เพื่อนร่วมงานนิสัยดีมีมารยาท แต่หัวหน้าหลอกใช้เก่งเหี้ยๆ บอกว่ากูเป็นไรซิ่งสตาร์ หัวไวเต็มใจเรียนรู้ ละชอบเอางานของลูกรักแบ่งมาให้กูทำเพราะว่า "น้องจะได้เรียนรู้ไว้" ไอ่เหี้ย กูเข้ามาปีเดียวทำเป็นทุกอย่างแล้ว คนที่อยู่มาเป็นสิบปีแม่งได้ทำแค่อย่างสองอย่างเองเพราะหน.กูประเมินว่าแม่งไม่น่าทำได้ คนที่ทำได้ก็ให้แม่งทำเยอะๆ โง่ก็ไม่ต้องทำ มันใช่เหรอวะ
>>937 มึงเจอหัวหน้าเก่งน่ะแบบนั้น พวกเด็กใหม่ๆไฟแรงเวลาเข้ามาเจอเสี้ยม น้องเก่ง น้องขยัน พร้อมกับโยนงานที่ไม่มีใครอยากทำให้ นั่นละ นั่งโงหัวทำไปเหอะ แต่บริษัทตอบแทนมึงที่ทำงานหนักไหม ไม่หรอก แต่ข้อดีอย่างเดียวคือมึงจะได้พัฒนาสกิลตัวเอง เวลามึงมั่นใจว่าตัวเองสกิลมากพอให้ลองคิดย้ายไปโตที่อื่น
พี่กูเดะ สร้างคนมาฆ่าตัวเอง
คือขายของอ่ะมันจะมีดิลเลอร์อะไรประมานนี้พี่กูสร้างละต้องมาปวดหัวเพราะลูกทีม
>>935 70k +OT +Bonus +Allowance ต่างหาก ทำงานด้วยความรู้สึกเหมือนเส้นเลือดสมองจะแตกในทุกๆ วัน เข้างาน 08.00 เลิกงานสี่ห้าทุ่มเที่ยงคืนแล้วแต่จะทำไหว ถ้าทำไม่ทันอีก ส-อ.ก็ต้องหอบกลับมาทำที่บ้าน ยังทนอยู่เพราะหลายสาเหตุ หลักๆ ก็เรื่องเงินแหละ เพราะงานที่กูทำมันออกแนว specialist ความรู้ลึกแต่แคบ หางานยาก ถ้าเปลี่ยนสายงานเงินเดือนตกเยอะ นอกนั้นก็เพราะองค์กรดี สวัสดิการโอเค สังคมพอใช้ เจ้านายคุยรู้เรื่อง แต่ก็หางานใหม่อยู่ตลอดนะ ถ้าเจองานเหมาะๆ ก็ไปแน่นอนยอมลดเงินเดือนลงนิดหน่อยได้
เจอแบบกูป่ะ ทำงานหาลูกค้าแทบตายหวังว่าจะได้ลูกค้าประจำแดกค่าคอมไปเรื่อยๆ พอผ่านไป 4-5ปี เงินเดือนเริ่มขยับ ค่าคอมเยอะขึ้นเพราะรักษาลูกค้าประจำได้ เจ้านายแอบส่งรุ่นน้องไปคุยลูกค้าประจำกู โดยให้ราคาขายถูกกว่ากู เพื่อตัดยอดขายกูทิ้ง เพราะเงินเดือนกูขึ้น......
และที่กูรู้เพราะลูกค้าขาประจำบอกกู......
พี่ๆสะระลิมัง งานแรกสำคัญแค่ไหน ปัจจัยเลือกงานแรก จากประสบการณ์ และความคิดตอนนี้ถ้าย้อนไปได้ เป็นยังไงบ้างครับ
เอาจริงๆ ที่กูทำงานหนักเครียดโหลดแทบตายแต่ยังลังเลที่จะเปลี่ยนงานส่วนนึงก็เพราะเรื่องเล่าของพวกมึงนี่แหละ ถถถ สิ่งที่แต่ละคนเจอกันนี่... งานกูหนักก็จริงแต่อย่างน้อยก็ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเพื่อนร่วมงานกับนาย ไม่เคยโดนขโมยผลงาน ไม่เคยโดนทำร้ายแทงข้างหลัง อาจเป็นเพราะต่างคนต่างงานหนักแทบจะตายห่าคาบริษัทอยู่แล้วมั้ง เลยไม่ค่อยมีเวลาว่างมาก่อดราม่าเพิ่มใส่กันอีก กูจำได้ว่าสมัย 2-3 ก่อนตอนงานยังไม่โหลดเท่านี้ก็มีดราม่าเหมือนกัน เดี๋ยวนี้หายกริ๊บ ถถถ
เมื่อสามปีก่อนกูยังมั่นใจกับการทำงานในฐานะฟรีแลนซ์อยู่เลย ตั้งแต่เข้าระบบงานประจำจนตอนนี้อยากกลับไปทำฟรีแลนซ์สุดๆ แต่กลัวชิบหายเลยไม่ได้ออกมาซักที ไม่ชอบตัวเองตอนนี้เลย ทำไมตอนนู้นกูยังไม่เห็นกลัวอะไรแบบนี้ ติดกับดักเงินเดือนแล้วกู
เพื่อนโม่ง พอดีกูกำลังจะย้ายงาน ที่นี้กูเลยกะว่าจะย้ายหอด้วย ซึ่งที่ทำงานมันอยู่ติดmrt
ถ้ากูอยากหาที่อยู่โซนที่ติดmrt และสามารถเดินทางไปสายใต้ใหม่แบบไม่ลำบากเกินไป(เอาไว้กลับบ้านช่วงเทศกาล) กูควรย้ายไปอยู่แถวไหนดี
>>935 จริงๆมันก็แล้วแต่นะ งานแรกกูงานหนักกว่า แต่เงินน้อยกว่า
งานปัจจุบันงานเบากว่า แต่เงินเยอะกว่ามาก ถึงสวัสดิการจะมีน้อยเหมือนไม่มีก็ยังคุ้มกว่า
แต่ขอขึ้นเงินเดือนทียาก แถมได้ขึ้นน้อยมากๆ อีกไม่นานคงได้ย้าย
>>942 จากประสบการณ์ส่วนตัวคือมันก็ไม่มาก แต่ถ้าอยู่แล้วรู้สึกว่ามันไม่โอเคก็ต้องกัดฟันกล้าออกอ่ะ
ถ้าจมอยู่กับมันเพราะเสียดายเพื่อนหรือกลัวที่จะไปเริ่มใหม่ มันก็จะไม่ได้ไปไหนซักที
แล้วก็ถ้าออกมาแล้วเงินเดือนงานแรกไม่เยอะบางที่เวลารับเข้า เค้าอาจจะเอาเงินเดือนที่แรกมาเป็นข้ออ้างให้เงินเราน้อยได้
>>งานแรกของกูคือได้ที่ไหนก็ไปทำก่อน ดูแค่ตำแหน่งที่สนใจพอ เข้าไปทำๆๆ สวัสดิการ,เงินเดือนอะไรค่อยว่ากันทีหลัง คือกูแค่อยากลองทำงาน
เพื่อให้รู้ว่าเออนี้นะ โลกการทำงานมันเป็นแบบนี้นะ สังคมมันเป็นแบบนี้นะ ถ้าทนไหวก็ทนแต่ส่วนใหญ่ทนกันไม่นาน ของกูก็8เดือนออกเลย
แต่ทุกวันนี้พอมองหันหลังกลับไปกูขอบคุณทุกคนที่นั่นนะ งานหนักทุกงานที่โยนๆมาให้เด็กจบใหม่ทำมันทำให้กูทนทุกอย่างของงานได้อ่ะ
กูอาจจะโชคร้ายมั้ง ที่ไปได้งานแรกในบริษัทประเภท Black company ทำจันทร์ถึงเสาร์ วันอาทิตย์มีบังคับทำสองแรง สวัสดิการมีแค่นั่งท้ายกระบะ
ไปส่งกลับหอ พอกลับมาเจอบริษัทปกติๆกูเลยรู้สึกแฮปปี้ดีมาก อาจจะมีบ้างที่กดดัน แต่ทุกทีกูก็คิดว่าเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป เหมือนที่เคยทนที่แรกได้
โหเห็นเงินเดือนพวกมึงแล้วแม่งกูนึกว่าอยู่คนละโลกกูตันที่ 12,000เองนะเฟ้ยยยย
กู 32k ในวัย 32 รู้สึกว่าไม่พอ แต่มีทางเลือกไม่มาก
กู32 ในวัย 30 รู้สึกพอใช้ตั้งแต่ 25 แล้ว อยู่บ้านพ่อแม่ ไม่มีรถ ไม่มีคอนโด
กูว่าพอเงินเดือนถึงช่วงนึงเมิงจะเริ่มไม่มีปัญหาเรื่องเงินละ ถ้าอยากย้ายงานอีกก็เรื่องคน เรื่องงาน
กูไม่เคยบ่นเรื่องงานหนักในนี้นะ มีแต่เรื่องไม่โปร่งใส เพื่อนร่วมงานเหี้ย ที่อยากย้ายงานอีกก็เพราะสองเรื่องนี้แหละ
เบื่อนายกากๆชิบหาย เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยากตลอด แต่เขาใหญ่นะเว้ยยย ห้ามเถียงเด็ดขาดเขาทำผิดก็บอกไม่ได้ ควยเอ้ย
>>955 >>956 กู>>954 ไม่ได้จะขิงใส่นะ แค่จะสื่อว่ากูไม่มีภาระ 25นี่คือกูรับคนเดียวเป็นระดับที่กูสบายๆ เหลือใช้มีเก็บ
พ่อแม่มีเงินเก็บไม่เกาะแดกเหมือนพ่อเมิง(แรงไปไหม แต่เมิงก็ใช้คำนี้กับกู) ไม่ต้องเช่าบ้านซื้อรถ แดกข้าวบ้านบางมื้อ แต่รถไม่มีนะ นั่งพี่วิน รถเมล บีทีเอสเอา
เงินน่ะไม่ต้องออมหรอก ทำประกันสุขภาพ ประกันชีวิตให้พ่อดีกว่า กูมีเงินเก็บไม่ต้องห่วงกูหรอก ห่วงตัวเองเถอะเงินเก็บก็ไม่มี ไม่ต้องรอเมิงแก่หรอก รอพ่อเมิงแก่นี่แหละ โรคฮิต เข่า ไต หัวใจ มะเร็ง ต้อ ความดัน เป็นกันหมดไม่ต้องกลัว
ถ้าแรงไปก็โทษที เมิงไประบายต่อห้องข้างล่างละกันนะ
>>958 กูไม่ได้ตั้งใจจะด่ามึงนะกูสาบานได้ เพราะคำว่า'เกาะ'ใช่มั้ย กูขอโทษ แต่คำนี้กูหมายถึงแค่มึงอาศัยอยู่ในบ้านพ่อบ้านแม่ ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านเอง เผลอๆ ค่าน้ำค่าไฟอินเตอร์เน็ตทีวีก็ไม่ต้องจ่าย แค่นี้แม่งก็ลดค่าใช้จ่ายไปเยอะชิบหายแล้ว กูอิจฉามึงนะเว้ย แต่ก่อนกูก็มีแม่ให้เกาะ พอไม่มีถึงได้มาสำนึกว่าที่ผ่านมากูต้องเกาะเขาอยู่มาก(ใช้คำว่าพึ่งพาก็ได้ถ้ามึงจะสบายใจขึ้น) เมิงไม่ต้องไล่กูก็ห่วงตัวเองชิบหายแล้วเนี่ย พ่อกูปล่อยให้เขาเกาะไปเถอะเพราะแกเกษียณนานแล้ว กูไม่ได้จะมาด่ามาขิงข่าอะไรกับมึงทั้งนั้นแหละ ถ้ามึงจะอินกับโม่งทึกทักว่าโดนคนแปลกหน้าด่าขนาดนั้นก็ถือว่ากูไม่ได้พูดถึงมึงก็ได้
>>958 กูฮามึงว่ะ trigger ง่ายๆกับคำว่าเกาะคำเดียว แล้วก็มาแขวะชวนทะเลาะ แต่จากมุมมองกู มึงอะคือคนที่ไปเสือกชีวิตเค้าก่อน ตั้งแต่เม้น >>954 เกทับ >>953 ละ หรือไม่รู้ตัว?
แต่จริงๆนะ >>959 อะพูดถูกแล้ว มึงลองคำนวณรายจ่ายที่คนอื่นออกให้ใช้ร่วมกันแล้วลองคิดว่าทั้งหมดนั้นต้องรับไว้เองดูสิ
25k ถ้าอยู่ตัวคนเดียว ต่อให้ไม่มีบ้านตัวเองต้องเช่าหอด้วยเอ้า มันก็พอแหล่ะ แต่ถ้าถึงวัยที่ต้องซัพพอร์ตคนอื่น พ่อแม่วัยเกษียณ แฟน เมีย ลูก หรือถ้าจะโสดก็ต้องคิดเรื่องเงินใช้ในวัยเกษียณตัวเองอีก
ผ่านมาเห็น
สำหรับกูถ้าใช้คำว่าเกาะก็คือยังต้องใช้เงินพ่อแม่ ค่าน้ำไฟค่ากินอยู่ก็พ่อแม่จ่าย ไม่ต้องรับผิดชอบรายจ่ายของที่บ้าน(ถ้ามี) แต่ถ้ามึงเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องขอยืมพ่อแม่จ่ายอะไรๆ แล้วยังอาจจะจ่ายค่านู่นนี่ให้ด้วย แค่อยู่บ้านเดียวกันเฉยๆ กูไม่เรียกเกาะว่ะ มีบ้านให้อยู่หรือมีรถให้ขับ ไม่ต้องไปซื้อหรือเช่ามันก็ดีแล้วนี่ ทำไมต้องคิดว่ามันคือการเกาะวะ หรือต้องซื้อต่อจากพ่อแม่ถึงจะไม่เรียกว่าเกาะ กูงง
ถั้มอะไรก้ได้กูไม่ได้ขอตังคร๊าย ห๊ามาด้วยตัวเองกูทำให้แม่ภูมิจ๊าย
เบื่อนายทำเรื่องโง่ๆ เบื่อเพื่อนร่วมงานที่แม่งโง่งมบรมบรรลัยก็ยังไปเลียแม่งอีก ... กูต้องออกเท่านั้นสินะ
>>961 สำหรับกูเกาะก็คือการใช้ทุกอย่างที่ไม่ได้หามาด้วยตัวเอง จะบ้านหรือรถหรือน้ำไฟข้าวปลาก็เถอะ แต่ไม่เถียงเลยว่าดี มันก็ดีนี่หว่ามีพ่อแม่ให้เกาะ ถ้าพ่อแม่ไม่ได้เดือดร้อนอะไรยินดีให้อะนะ ถือเป็นต้นทุนชีวิต ไม่ต้องลำบากดิ้นรนหาเองทุกอย่างก็ดีแล้ว บางคนต้นทุนชีวิตบวก บางคนเป็นศูนย์ บางคนติดลบ มันก็เรื่องธรรมดาของสังคมอยู่แล้ว
ว่าแต่อ่านเพลินจนลืมเรื่องที่ตัวเองจะพิมพ์เลย ต้นปีแล้วมีใครหางานใหม่บ้าง เป็นไงกันบ้าง บริษัทกูออกกันรัวๆ เลยช่วงนี้หลังโบนัสออก แต่กุยังหางานดีๆ ไม่ได้เลย อยากไปใจจะขาดแล้ว
หางานเหมือนกันแต่อายุเยอะแล้วหายากจัง บางทีเรียกก็กดราคาซะนึกว่าเด็กใหม่
พวกเกาะพ่อแม่แดกนี่มันหน้าบางจังวะ เกาะก็เกาะดิวะไม่ได้หนักหัวใคร กูก็อยากมีพ่อแม่ให้เกาะเหมือนกันนั่นแหละ
เออกูก็เกาะพูดแบบไม่อายเลย งานมีแต่งานราชการเงินเดือนกากๆชิวๆไปวันๆ ก็ไม่ถึงกับรวยมากหรอกแต่ก็ทำงานแบบนี้ไปชิวๆได้ กูละอยากมีเมียรวยๆให้เกาะอีกคนชิบหายแต่ก็รู้อยู่โปรไฟล์มันไม่ถึง5555แค่ฝันกลางวันเล่นๆ
ชีวิต easy mode น่าอายตรงไหน กูยังอยากได้แบบนั้นเลย กูนี่แม่ง ultra hard มาตลอดชีวิต
เออ แปลกเนอะ เลี้ยงตัวเองได้แต่ยังโดนคนบอกว่าเกาะพ่อแม่กินแค่เพราะไม่ออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียว ต้องยิ้มรับสินะ
กู >>960 นะ คือกูคิดแบบ >>966 ไง แต่กูก็ไม่ได้คิดว่าคำว่าเกาะถ้าใช้ในกรณีที่ดูแลตัวเองได้ซะส่วนใหญ่เป็นการดูถูก เพราะฉะนั้นที่กูพูดไม่ใช่อยากหาเรื่องด่าคนอื่นแบบที่มึง >>969 เข้าใจ กูแค่พูดในมุมมองว่า การที่ต้องใช้เงินตัวเองกับทุกอย่างมันทำให้รายจ่ายเพิ่มขึ้นจริง no intention / no offense อะว่ะ ไม่ขอโทษนะ กูไม่ได้รู้สึกว่าที่กูพูดมันผิด
อ่อ >>968 ป่าว กูไม่ได้โตมาในสังคมฝรั่ง กูลูกคนจีน แต่กูเกลียดระบบกงสีมาก คงเพราะงี้มั้ง
ทำงานเงินเดือนไม่มาก อยู่บ้านตัวเอง หนี้สินไม่มี แฮปปี้อยู่นได้อยู่กับครอบครัวบางทีก็ทำให้กูคิดมากเหมือนกันนะถ้าวันนึงเหลือกูคนเดียวในบ้านจะไงต่อวะเห้อมมมมม
พวกบ้านพ่อ บ้านแม่รวย จนลูกไม่ต้องทำงานเกาะแดรกไปวันๆ จริงๆโดนด่าเพราะอิจกันทั้งนั้น ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ใช่คนด่ามึงซะเองก็ไม่ต้องสนใจ
แค่อยู่บ้าน ถึงมีงานมีการทำไม่ขอเงินก็เรียกเกาะแดรก ชีวิตมันเศร้าจริงๆ
สำหรับคนที่อยู่บ้านพ่อบ้านแม่แต่ไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองเกาะนะครับ ให้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในบ้านครับ พ่อแม่ปลื้มแน่ครับ ถึงเขาจะบอกว่าไม่จำเป็น แต่เขาจะรู้สึกวางใจว่าคุณโตเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้ครับ แฮปปี้กันทุกฝ่าย ถ้าไม่ต้องเช่าต้องผ่อนบ้าน ก็ดูแลค่าใช้จ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าจิปาถะอื่นๆ ครับ ถ้าปกติทำแบบนั้นอยู่แล้วก็อย่าเอาตัวเข้ามารับคำโม่งครับ คุยกันแบบนี้เข้าใจกันไปคนละทิศละทางได้ครับ
ออฟฟิศมีเพื่อนคนนึงไม่ชอบเสียงดัง อีกคนนึงเสียงดัง แม่งเคยทะเลาะกันแล้วเรื่องนี้ก็ยังทำอยู่
หลังๆมาแม่งดังทุกอย่างเลยว่ะ ทำงานไปพูดไปตะโกนๆ เคาะคีย์บอร์ดแป้กๆๆๆๆๆๆ
อันนี้มันเล่นสงครามประสาทป่าววะ กลัวแม่งตีกัน กูทำอะไรได้บ้าง
ออกจากงานโดยยังไม่ได้งานใหม่นี่ เวลาสัมภาษณ์มึงอ้างยังไงดีวะ
บางทีความสุขง่ายๆของซาลารี่แมนแบบกูคือหลังทำโอเสร็จค่ำๆ ก็ออกไปสั่งต้มเล้ง1 ข้าวเปล่า1 ลีโอ1 ที่ร้านเจ้าประจำ ไปนั่งคนเดียวเงียบๆมุมร้าน
อ่อ แต่กูไม่กินดื่ม 555
ไม่ดื่ม*
>>986-987 ร้านอาหารหรูๆแบบเหลา หรือตามตึกระฟ้า โรงแรมไรงี้ทำไมมึงไม่ไปแดกมั่งวะ? อาจจะไม่เอาบุฟเฟต์แต่สั่งจานหรูๆสักจาน2จานก็ได้ เอ แต่ว่าแกล้มเบียร์คงไม่เหมาะกัน ไม่รู้นะว่ารายได้เท่าไหร่ยังไง แต่ถ้าแบบระดับ30k up กูไม่แดกแบบนี้แน่ๆ วันไหนเลิกโอมาเหนื่อยๆต้องมีให้รางวัลตัวเองมั่ง
กูอายุจะ 30 ปีนี้ ทำงานสายไอทีเงินเดือน 38k นี่ถือว่าปกติหรือน้อยไปวะ
กูเห็นเพื่อนไปทำสายโลจิสติกแม่งมาโม้ว่าได้ 60k อะ
>>991 กูเงินเดือนถือว่าเยอะนะถ้าเทียบค่าเฉลี่ยเด็กอายุ 25 ทั่วๆไป เคยลองให้รางวัลตัวเองเป็นมื้อหรูๆ ขาหมูเยอรมันทอด แซลมอนรมควัน
แกล้มเบียร์คราฟ แต่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ว่ะ ลองไปลองมา สุดท้ายก็ค้นพบว่ามื้อง่ายๆ ต้มเล้งต้มเเซ่บ หรือคอหมูน้ำตก คู่กับลีโอไม่ก็สิงห์สักขวด
หิ้วไปนั่งกินมุมๆคนเดียว ปล่อยใจนั่งคิดไปเรื่อยเปื่อย มันคือความสุขง่ายๆที่ไม่ได้รู้สึก Loser เลยว่ะ มันรู้สึกแค่เวลามันช้าลง อากาศรอบตัวมันสบายๆ
กูอายุ 30 เงิน 27 แดกหงส์ถูกสัดๆ ดูดหรี่ กูโครตมีความสุขอ่ะ แต่กูจะถูกพวกมึงมองว่ากูเป็น loser ไหมวะ
>>995 ไม่ Loser หรอกเพื่อน ความสุขมันไม่ได้วัดจากเงินเดือน หรือ ราคาของอาหารที่กิน มันอยู่ที่ว่าเราพอใจกับจุดไหนตะหาก
สำหรับกูคือวันไหนเลิกงานค่ำๆ ขับรถมาร้านลาบ แล้วพ่อค้าทักว่า "เอ้าหนุ่ม มาๆ ลีโอแช่เป็นวุ้นให้แล้ว วันนี้มีเอ็นแก้ว จะเอาต้มแซ่บมั้ย มาๆนั่งเลย"
แค่นี้กูก็ยิ้มและหายเหนื่อยละ
>>991 เงินเดือนกูเกินนั้น แต่สำหรับกูอาหารต้องอร่อย พวกดาดฟ้าโรงแรมเคยไปมา 2-3 ครั้งแล้วรู้สึกไม่ใช่แนวกูเลย
ไปกินอาหารรสชาติธรรมดาค่อนไปทางห่วย แต่แพงบรรลัยเพราะค่าวิวแล้วรู้สึกว่าไม่คุ้ม
ส่วนเหลากูชอบนะ แต่ไม่ค่อยได้ไปเพราะมันเสิร์ฟจานใหญ่ แล้วกูไม่ค่อยมีเพื่อนกิน แถมไม่ค่อยเหมาะเป็นกับแกล้มเท่าไหร่
ถ้าอยากหรูกูไปกินพวกอิซากายะมากกว่า กูชอบตรงมันขายเหล้าเป็นแก้วนี่แหละ
เพราะกูเป็นพวกชอบเปลี่ยนร้านไปเรื่อยๆเลยไม่อยากซื้อเป็นขวดฝากร้าน แต่บางทีก็รู้สึกว่าราคาอาหารมันเวอร์ไปนิด
ถึงกูจะชอบเหล้ามากกว่าเบียร์แต่ก็ยอมไปกินเบียร์ที่ร้านส้มตำ เพราะชอบความที่ไปได้บ่อยๆโดยไม่ต้องกลัวเรื่องค่าใช้จ่ายมากกว่า
บ่อยๆคือช่วงไหนหนักๆก็ไปแม่งเกือบทุกวันเลยอะไรงี้
ปล. ช่วงนี้ต้องลดเพราะกูเริ่มอ้วนแล้วว่ะ โคตรเสียใจ
>>997 เมื่อก่อนกูชอบไปนะ ร้านอิซะกะยะ แล้วก็ร้านปิ้งย่างอาลาคาร์ทตามทองหล่อ อารีย์ แต่หลังๆไม่ได้ไปละ เรื่องราคาด้วย บวกกับเรื่องคนเยอะเกิน
ตอนนี้เลยเทมาทางร้านข้างทางมากกว่า บางร้านดึกๆไม่มีคนเลย กินไป ดูทีวีที่ร้านเปิดทิ้งไว้ นั่งมองถนน มองคนไปเรื่อยเปื่อย มันสงบมากๆเลยเว้ย
เออ และถ้าไม่อยากอ้วนก็เข้ายิมไป ถ้าวันไหนไม่ต้องทำโอกูก็จะไปยิมก่อน ไปวิ่งเอาไขมันเบียร์ออกนี่แหละ แล้วก็มานั่งกินเบียร์ต่อ 555
ตั้งทู้ใหม่ด้วยครับไอ้พวกมนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งซมซานกลับมาจากออฟฟิสทั้งหลาย
ปิดมู้
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.