Last posted
Total of 1000 posts
การรักษาความสัมพันธ์กับคนในที่ทำงานนี่มันเป็น "งาน" อย่างหนึ่งเลยว่ะ สำคัญพอๆกับความสามารถในการทำงานเลย ทำงานไม่เก่งแต่เข้ากับคนอื่นได้ดีก็พอเอาตัวรอดในที่ทำงานได้
>>882 จริงๆ กูชอบทำกิจกรรมนะ กูก็เลยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการจัดกิจกรรมบริษัท แต่แม่ง เดือนนี้จัด Team Building เดือนหน้าจัด Sport Day พย.มี Staff Party อีก เหี้ยเอ้ย เหนื่อยชิบหาย งานหลักก็ต้องทำ กิจกรรมมึงจะเยอะไปมั้ย เสือกต้องประหยัดงบด้วยนะ จ้างนอกไม่ได้ต้องจัดกันเอง จัดดี HR ก็ได้หน้าไป กรรมการที่เหลือเหนื่อยอย่างเดียว อยากจะออกจากคณะกรรมการตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว บ่นไปงั้นแหละ ยังไงก็ต้องทำ
งานราชการที่เค้าเปิดสอบกันนี่เหมือนจ่ายเงินค่าสมัครให้ฟรีๆเลยรึป่าววะ คือจ่ายเงินค่าสมัครสอบแต่จะได้สอบไหมต้องให้เขาพิจารณาอีกที
กูเบื่อสังคมที่ทำงานกูว่ะ วันๆแม่งนั่งจับกลุ่มนินทาคนอื่น งานการไม่ทำ เบื่อโว้ย
ในนี่มีใครทำ ผู้ช่วยผจก supervisor ตามร้านอาหาร ไหมวะ
>>878 กูเคยเจอไปครั้งนึง แบบว่าโคตรเซ็ง
คือคนในแผนกที่ก็ไม่ได้เด็กๆกันแล้ว แต่งอแงกันจะเล่นห่าอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ ทั้งที่งานก็กองท่วมหัว
ถึงเวลาจัดการอะไรกันก็เละเทะมาก ส่วนที่ต้องทำอะไรกันจริงๆจังๆไม่สนใจ จะเล่นจะเม้ากันอย่างเดียว กูก็เลยไม่ค่อยอยากยุ่ง
พอกูอิดๆออดๆก็มีการมาแขวะกูอีกว่ารู้จักทำกิจกกรรมเข้าสังคมบ้างนะ อย่าเอาแต่หมกตัวอยู่คนเดียว
คือตอนอยู่มหาลัยกูก็เป็นเด็กกิจกรรมนะ แต่พอมาทำงานกูรู้สึกว่าไม่ได้อยากทำอะไรแบบนี้เท่าไหร่แล้วไง
แล้วยิ่งมาเจอคนแบบนี้อีกคือไม่ทำห่าอะไรเลย แต่มโนว่าตัวเองทำ แล้วก็พยายามเอาหน้าพรีเซ้นตัวเองให้หัวหน้าดู
คนแบบนี้ใครจะไปอยากอยู่ด้วยวะ ไม่รู้ตอนอยู่มหาลัยไปป่วนงานเค้าจนโดนถีบออกมาเลยเสี้ยนอยากทำหรืออะไร
ตอนนี้เป็นโปรแกรมเมอร์แต่อยากมีความสามารถด้านอื่นเก็บไว้ ไปเรียนการแสดงดีไหม เผื่อรับงานตัวประกอบโฆษณาเป็นอาชีพเสริม
>>890 กูเคยสอบแต่สนามใหญ่นะ ถ้าเอกสารประกอบการสมัครครบ คุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขก็ได้สอบ แต่ถ้าไม่ตรงก็ไม่มีสิทธิ์สอบ หรือมีสิทธิ์ (แบบจนท.รับสมัครมันตรวจไม่ละเอียด) แล้วปรากฏว่าสอบได้ ก็จะมีการตรวจทวนเอกสารอีกครั้ง พบว่าไม่คุณสมบัติไม่ตรงก็เสียสิทธิ์ไป
ของมึงนี่ยังไงอะ สมัครแล้วไม่มีชื่อเหรอ ถ้าไม่มั่นใจโทร. ไปท้วงเลยนะ คนตรวจ คนพิมพ์ชื่อน่ะมันเป็นคน อาจจะผิดพลาดได้
กูยังงงๆอะ มึงสอบของหน่วยงานอะไรวะ คือปกติถ้ามึงสมัครสอบ คุณสมบัติครบตามที่เค้ารับ (ไม่มีข้อต้องห้ามไรงี้) แล้วจ่ายเงินค่าสมัครเรียบร้อย มันก็มีสิทธิสอบนี่ ส่วนจะสอบได้ไม่ได้ก็อีกเรืรอง ถ้าสอบได้คะแนนไม่ถึงตามเกณฑ์เค้าก็ไม่มีสิทธิสัมภาษณ์แค่นั้น
อยากรู้ว่าสมัครบนเว็บหางานหรือเว็บบริษัท เค้าเปิดดูกันไหมวะ กูสมัครจะเป็นร้อยๆแล้วไม่มีตอบกลับเลย
จะเมลไปอีกรอบก็กลัวหาว่าดันทุรังส่งทั้งๆที่เค้าไม่เอา
ที่ บ.กู มีแบบสอบถามให้ทำ เปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบริษัท พอกูคอมเม้นท์ไปในทางไม่ดี ไม่ใช่ด่าเสียๆ หายๆ นะ แค่ไม่เห็นด้วยกับบางการกระทำ ที่ทำให้เรารู้สึกไม่เชื่อมั่นในบริษัท ปรากฎว่าหัวหน้ากูโดน HR เรียกไปปรึกษา ว่าจะทำยังไงกับความคิดเห็นของเรา เรียกไปถามว่าเราคอมเม้นท์แบบนี้ต้องการอะไร แล้วคือ?? เรียกหัวหน้าไปแทนที่จะเรียกกูไปคุย?? นี่พวกมึงยินดีจะรับฟังความคิดเห็นพนักงานจริงๆ มั้ยวะเนี่ย คือถ้ากูไม่ได้เขียนอวยเลียแข้งเลียขาแล้วหัวหน้ากูต้องมาเดือดร้อนแทนหรอ? ยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกแขยงแล้วเนี่ย ถ้าไม่เห็นแก่หัวหน้ากับทีมกูไม่อยู่หรอกบ.นี้
>>894 มั่นใจว่าดู แต่ไม่ดูทุกคนแน่ มึงอย่าลืมว่าปริมาณคนส่งไปกันเยอะมากถ้าไม่ใช่ตำแหน่งสูงๆ หรือ ตำแหน่งเฉพาะทาง ถ้าเรซูเม่มึงไม่น่าสนใจแปบเดียวมันก็กลืนไปกับกองเมล์แล้ว แล้วพยายามเขียนหัวข้อเมล์กับ CV ให้ได้มาตรฐานด้วย ไม่ใช่ส่งไปแค่ "สมัครงาน" หรือ "ส่ง resume ครับ" ไรงี้
ลองส่งไปถามเพื่อนหรือคนรอบตัวให้เขาแนะนำให้ ถ้าปรับแล้วยังไม่ได้อีกก็ขึ้นกับประสบการ์ณมึงไม่ตรงกับงาน ไม่ก็โหงวเฮ้งเบ้าหน้ามึงอาจจะไม่ถูกชะตา HR
>>896 สมัยทำงานใหม่ๆกูก็เป็นแบบมึง แต่ตอนนี้กูอีโวแล้วอยู่เป็น เลียเป็น เรื่องเหี้ยๆที่ก็พยายามไม่เก็บมาคิด อยู่สบายขึ้น กูแนะนำให้แค่ว่ามึงไม่ได้ทำงานเพื่อบริษัท หรือทำงานเพื่อหัวหน้ามึง แต่มึงทำงานเพื่อตัวเอง
KY ไม่รู้ถามถูกมู้มั้ย โม่งไหนเป็นอินทีเรียร์บ้าง คือกูกำลังหาข้อมูลแต่งนิยายอยู่ อยากรู้ถ้ามีโปรเจ็คออกแบบห้องให้รีสอร์ท(ห้องพัก)อะไรแบบนี้ (ไปตจว.) มันใช้เวลาประมาณกี่วันวะ หรือใช้ทีมละกี่คน รู้สึกจะไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย ช่วยกูที orz
คือตอนนี้กูทำงานอยู่ ตปท ตัวเนื้องานเป็นงานที่ทำจบเป็นโปรเจคๆไป เลยไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่ถ้าจะขอลายาวๆ (กูทำมาหลายรอบแล้วไม่มีปัญหาอะไร) กูก็เซฟวันลาปีนี้ กะไว้ลารวดเดียว คือเมื่อหลายเดือนก่อนก็คุยกับหัวหน้า บอกอยากจะลาหยุดยาวๆซักเดือนกว่า เอาช่วงไหนดีที่ว่างๆ ตกลงกันได้ช่วงธันวาลากยาวไปปีใหม่
ช่วงก่อนกูเข้าโปรเจคยาวๆ เลยไม่ได้อยู่ออฟฟิศ มีเมล์เข้าจากหัวหน้า บอกว่าเนี่ยแพลนเปลี่ยนหว่ะ ปีนี้คริสต์มาสปีใหม่งานเยอะ คนไม่พอ เพราะทุกคนอยากลากช่วงนั้นกันหมด แล้วกูเสือกลาควบทั้งคริสต์มาสทั้งปีใหม่เลย ก็มีการแบบกึ่งๆกดดันให้กูเปลี่ยนวันลา บอกคนอื่นเค้าเลือกลาไม่อันใดก็อันหนึ่งนะ แต่อีห่า ตกลงกันมาหลายเดือนแล้ว กูก็มีแพลนปะวะ เพื่อนผูงพ่อแม่พี่น้องกูเค้าก็ลางานมาแพลนจะไปทริปกันอะไรงี้ กูแบบนอยด์ชิบหาย ก็พ่นไฟตอบเมล์ไป บอกแบบนี้ไม่โอเค แต่เออเดี๋ยวไปเคลียร์กันตอนกูเข้าออฟฟิศ
เมื่อวันก่อนกลับเข้าออฟฟิศมาคุยกับหัวหน้า คือระหว่างช่วงลาเดือนกว่าของกู กูอาจต้องบินกลับมานี่ตอนช่วงคริสต์มาสปีใหม่ มาโคเวอร์ให้ไม่กี่วัน แล้วบินไทยไปหยุดต่อ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! จะบ้าหรออออออออ
แล้วเดือนหน้าตอนแรกบอกจะส่งกูไปโปรเจคนอกประเทศ ซึ่งกูมีใส่วันลาไว้สองวัน ถามกูอีกแคนเซิล/เลื่อนได้มั้ย จะได้อยู่ทำโปรเจคนี้จนเสร็จไปเลย ซึ่งตอนนั้นสถานการณ์เรื่องวันลาปลายปีกูยังไม่เคลียร์ กูก็พยายามหยวนๆ แบบเออถ้าแคนเซิลอันนี้แล้วปลายปีกูได้ก็โอเค แล้วโปรเจคนี้ก็จ๊อปใหญ่อ่ะ ส่วนตัวกูก็อยากไปทำอยู่แล้วไง
ล่าสุดวันนี้ หัวหน้าเรียกไปคุย แล้วบอกว่ามีรีพอร์ทของจ๊อปที่ไม่เกี่ยวข้องห่าอะไรกับกูเลยบอกมาให้ช่วยทำให้เสร็จหน่อยนะ คนที่ทำแม่งทำมาเป็นเดือนแล้วไม่เสร็จซักที ตอนนี้ลาหยุดหนีกลับบ้านไปแล้ว นางบอกนางเครียดมาก นางไม่โอเค ขอ unpaid leave เพิ่มอีกจะไปหาจิตแพทย์ สรุปคือกูโดนโยนรีพอร์ทมาให้เพื่อนร่วมงานไปพักบำบัดจิต ส่วนกูติดแหงกอยู่ออฟฟิศ โปรเจคที่กูแคนเซิลวันหยุดตัวเองมาก็อาจจะไม่ได้ไปแล้ว
คือกูไม่โอเคที่หัวหน้าแม่งกลับไปกลับมาเรื่องวันลากู กูไม่โอเคที่กูแพลนชีวิตตัวเองห่าอะไรไม่ได้เลย กูไม่โอเคที่เพื่อนร่วมงานไม่ take ownership ของงานตัวเองแล้วมาลงที่กู โอ๊ยยยย อีห่าาาาา กูจะลาออกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
>>902 แบบนี้หนักใจแทนทุกฝ่ายว่ะ ทำไมต้องเป็นมึงที่ต้องยอม ...เพราะมันไม่มีใครแล้วไง หนักเลยแบบนี้ มึงเองก็คงเข้าใจสถานการณ์เข้าใจหัวหน้าอยู่แล้วนั่นแหละ เลยทำได้แค่มาระบาย ยังไงก็สู้ๆ นะมึง เห็นใจ มึงก็ยื่นข้อเสนอโยกวันลาไปใช้ปีหน้าให้บานเบอะไปเลยได้ป่าว ระหว่างนี้หัวหน้ามึงเตรียมหาคนเพิ่มได้เลย งานโหลด เดี๋ยวตัวท็อปหลุดมือไปจะแย่นะ
พรุ่งนี้วันจันทร์อีกแล้วสาด T_T
ไม้มีงานทำ สบายใจจุง
มึงคิดว่าเงินดีแล้วทุกอย่างมันจะง่ายหรอวะ!! กูไม่ใช่ 902 แต่เสือกอิน
โม่ง กูเองที่เคยบ่นเรื่องเพื่อนร่วมงานใหม่ดีแต่โม้แต่ทำงานเองจริงๆไม่เป็น
วันนี้ประเมินงานหัวหน้ากาหัวไม่ผ่านงานให้นางแล้วจ้า บายยยยยยยยยยยยยยยยยยย
>>914 ส่วนมากจะเริ่มประเมินงานพวกเด็กใหม่กันหลังจากทำงานกันมาได้3-6เดือน ระหว่างนั้นก็พยายามเรียนรู้และเก็บรายละเอียดงานเอาให้เต็มที่อ่ะมึง 1เดือนยังไงก็เรียนรู้ไม่ทันหรอก แต่ถ้ามึงแสดงออกและกระตือรือล้นหน่อยพวกเพื่อนร่วมงานก็น่าจะมีคนเอ็นดูช่วยสอนงานให้
กู >>910 เอง กูจะเล่าย้อนให้ถึงสาเหตุของคนที่โดนประเมินไม่ผ่านคนนั้น สาเหตุหลักที่ไม่ผ่านคือ เข้ามาตำแหน่งสูง แต่ใน3เดือนที่ควรเริ่มทำงานเองได้แล้วกลับยังต้องสอนงานซ้ำซาก สอนงานเดิมๆ พลาดเรื่องเดิมๆ พวกต่ำกว่าต้องคอยแบก พาลไปถึงคนในทีมอื่นต้องมาช่วยทำและแก้รีพอร์ทให้เพราะSum Exelไม่ได้เรื่อง แต่ตอนมีคนถามและสอนเสือกบอกว่าตรงนี้รู้แล้วอันนี้รู้แล้ว บอกอะไรแม่งก็รู้หมดแล้วคนเค้าเลยคิดว่ามึงรู้แล้วงั้นไม่สอนแล้วกัน เสนอไอเดียกับแนะนำพวกโ)รเจคที่คนเก่าเคยทำเอาไว้ แล้วให้มาต่อยอดให้ลองทำก็บ่นว่าเบื่อไม่เอา อยากทำใหม่งู้นงี้แล้วก็เงียบหายไป และงานที่ทำก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอันให้เห็นซักงานอีกด้วย วันๆเห็นเอาแต่สั่งซื้อของ การกระทำมันไม่ควรให้ผ่านอ่ะมึง เป็นTraineeยังไม่ได้ด้วยซ้ำ
กูแค่อยากจะบอกมึงว่าอย่าไปทำตัวแบบนี้แล้วกัน ถ้าทำงานจนเห็นเป็นชิ้นเป็นอันบ้างยังไงก็ไม่โดนไม่ผ่านหรอก เข้าไปคุยกับปรึกษาแลกเปลี่ยนไอเดียกับคนในทีมและหัวหน้าบ่อยๆก็ได้เดี่ยวมันก็มีคนเอ็นดูและช่วยสอนงานเองแหละ
มีใครเคยทำงานใน scg บ้างมั้ย เล่าให้ฟังหน่อย ภายในดีเปล่า
>>918 พูดถึงตำแหน่งสูง+ทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน กูนึกถึงช่วงที่ฝ่ายกูเปลี่ยนเมเนรัวๆเลย
คือทุกคนเข้ามาปุ๊บจะ come up with new enhancement system แล้วทุกคนในฝ่ายก็หัวหมุนเพราะต้องรีบลั้นช์ให้เร็วที่สุดเพราะเมเนจะเอาไปอวด ceo
แต่เมเนอยู่ไม่นานซักคนจากหลายเหตุผล เช่น ไอ้ของใหม่นี่มันไม่เวิค เมเนโง่ เมเนเรียนรู้ช้า เมเนรับแรงกดดันไม่ไหว เมเนไม่อยากซัพพอร์ต ceo 24/7 บลาๆๆ แล้วไอ้ของใหม่นี่ก็ค้างเติ่ง บางอันที่เวิคก็ใช้ไป system โดยรวมก็บวมขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้าย ceo บังคับโปรโมทซีเนียร์ขึ้นมาเป็นเมเนแทนถึงหมดเรื่อง โดยมีเงื่อนไขว่าหน้าที่เยอะขึ้นอะโอเค แต่ต้องยอมให้กูหนีเที่ยวตปทยาว 1 อาทิตย์ได้เหมือนตอนเป็นซีเนียร์นะเว้ย ไม่งั้นยังไงก็ไม่เอา ถึงได้มีเวลามาเคลียร์ system ว่าอะไรเอาไม่เอา
>>919 กูไม่เคยทำงานกับscgโดยตรง แต่บ.กูมีดีลด้วยอยู่ แม่บ้านบ.กูเม้าท์ว่าเคยเอาขนมเบรคที่บ.สั่งไปเสิร์ฟ พวกเขาเห็นละขอไม่กิน ทำนองว่ามันถูกไปไม่อร่อยงี้(กูไม่ได้ถามว่าขนมไร แต่มันจะห่วยขนาดไหนเชียววะ) แถมครั้งถัดไปที่มาคุยงานเตรียมพายเอสแอนด์พีมาเองเรียบร้อยเลยว่ะ ขนาดเรื่องขนมกินเล่นยังเยอะ กุว่าเรื่องงานก็น่าจะเยอะไม่แพ้กันนะ
SCG ได้ยินมาว่า สีชมพูได้ดีสุด ส่วนพวก ม.รัฐมีชื่อต้อง3.0ขึ้นถึงจะรับแต่เข้าไปก็ไม่ขึ้นไวเท่าสีชมพูอะ เพื่อนกู วิดวะสีส้ม เป็นได้สุดๆก็หัวหน้าฝ่ายผลิตอะมั้ง
งั้นถามหน่อย สงสัยทั้งเครือปูนกับ น้ำมัน ปตท. เลย สองเจ้านี้นี่ต้องจบ ม.ชมพูโอนลี่เหรอวะ? แล้วพวกที่จบแบบ ม.ท้อปๆจากเมืองนอกนี่มาสมัครสอง บ.นี้จะโดนจัดคลาสเป็นพวกไหนวะ?
มีวิธีบังคับให้เพิ่อนร่วมงานไปตรวจวัณโรคไหมวะ
ไอ้ยศวรรธน์ วิโนทัย มันชอบไอใส่หน้าคนอื่นแบบไม่ปิดปาก คนรอบข้างแม่งแขยงกันหมดละ
มึง ถ้าไม่มีวุฒิ ป.ตรี แล้วมึงมีงานประจำอยู่ จ-ศ เงินเดือน 12000 ทำงานนี้มา 4 ปีละ มึงจะออกไปหางานใหม่เปล่า
>>929 หางานใหม่และหาที่เรียนไปด้วย แรงมึงยังมีอายุมึงยังน้อย เริ่มใหม่เริ่มง่าย แล้วมันอาจจะเป็นจุดตัดสินอนาคตมึงทั้งชีวิตด้วย เลยไอ้ช่วง 10 ปีแรกสำคัญสุด ถ้ามึงไม่ขวนขวายตอนนี้พออายุ 30~35~40 เมื่อไหร่ แม่งจะเหมือนเข้าหลุมวาปไปเร็วมาก หลังจากนั้นมึงจะเป็นคนแก่จนๆ คนนึงตอนออายุ 50 ที่เอาแต่บ่นตัวเองว่ารู้งี้ๆ
แต่ไม่ว่ามึงจะรีบยังไงก็ตาม อย่าลืม 2 ข้อหลัก
1. เก็บเงินสำรองไว้กินตอนไม่มีงานซัก 3-4 เดือน (ไม่ต้องเท่าเงินเดือน แต่พอจ่ายค่าที่พัก ค่ากิน ค่าภาระอื่นๆ ถ้ามี)
2. หางานใหม่ให้ได้ก่อนลาออก
ถามคนทำงานโรงงานหน่อย คือกูมีลูกน้องพูดไม่รู้เรื่อง สอนไม่จด จำไม่ค่อยได้ กูพูดอะไรก็ไม่ค่อยฟัง คือปกติคนงานมันเป็นอย่างนี้กันหมดรึเปล่าวะ โชคดีที่เรื่องบางอย่างมันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรกูเลยไม่ถือโทษ ให้กูพูดเรื่องเดิมซ้ำๆกูพอทนนะ แต่พูดเสร็จมันไม่ฟังเนี่ยกูไม่โอเคว่ะ
>>934 ต่อจากนี้ กะจะเก็บทำงานนี้ไปอีก 1 ปีกว่าๆ
ปัญหาคือญาตินี้แหละ คือกูเข้าใจนะเว้ย ญาติไม่ใช่พ่อแม่ แต่คือ กูอาศัยที่อยู่เขาเฉยๆ(ยังมีปัจจัยอื่นอีกขอไม่เล่า) คือเขายังอยากให้กูเลี้ยงจบแล้วไปทำงานอะไรก็ไป แต่กูว่าเรียน+ทำงานไปด้วยไม่น่าจะจบภายใน 3-4 ปี แค่เดินทางไป/กลับทำงาน 2 ชม/ครั้ง ก็เหนื่อยละ
เวลาไปอ่านหนังสือที่ทำงานในคอมก็เปิดบ่อยๆ ไม่ได้ โดนบ่นว่าชอบเล่นเฟสเวลางาน(ตามภาษาคนแก่ 40+)
jobsdb ผู้ประกอบการเปิดอ่านแล้ว ตั้ง10วันกว่าจะเปิดอ่าน รออีกนานปะวะถึงจะเรียกไปสัมภาษณ์ กูมั่นใจว่าตรงกะ requirement นะ อย่างน้อยเรียกไปสัมก็ยังดี
>>936 เท่าที่กูส่งๆไป Jobsdb นี่มึงต้องเขียน cover letter (ซึ่งให้แค่ 300 ตัวแม่งไม่พอโว้ย) ดีๆด้วยถึงจะเปิดอ่าน ไอ้ประเภศส่งๆไปไม่เขียนห่าอะไรแม่งไม่ค่อยเปิด คือต้องแสดงตัวว่ามึงสนใจตำแหน่งนี้มาก สำนวนไปลอกเอาในเวปให้มันดูดีๆไว้ๆ+cv มึงต้องน่าสนใจระดับนึงใช้ตัว app สำเร็จรูปเอาก็ได้ฟอร์มมันจะดูดีหน่อย ของกูที่ได้งานคือส่งไปวันเดียววันถัดมาโทรมาเรียกกูไปคุยเลยสู้ๆว่ะ
การรักองกรณ์เป็นเรื่องตกยุคแล้ว สมัยนี้ต้องเป็น job hopper อัพเงินเดือน
>>938 ช่วงจบใหม่ๆ กูก็เป็นพวกฮ็อปเปอร์นะ พออายุเข้าเลขสามแล้วก็รู้สึกว่าควรปักหลักละ อยากจะซื้อบ้านสร้างเนื้อสร้างตัว เปลี่ยนงานบ่อยๆ เครดิตไม่ดีก็เลยทำที่เดิมมา 3 ปีละ แต่ไอ้ที่ทำอยู่ปัจจุบันแม่ง... ทีนี้จะเปลี่ยนงานแม่งยากแล้ว ทำได้แค่อดทนเก็บเงินจนกว่าจะเปิดของตัวเองได้ เพราะงั้นกูคิดว่าไม่ใช่เรื่องของยุคสมัยเท่าไหร่หรอก เกี่ยวกับอายุและความมั่นคงในชีวิตมึงเองนี่แหละ
เอาแบบคิดถึงตัวเองกับครอบครัวเลย เปลี่ยนอัพเงินได้เรื่อยๆ แต่ไม่ควรถี่เกิน เครดิตมึงจะไม่ดี แล้วควรลงหลักกับบ.ใหญ่ๆให้ได้ก่อน 35 ถ้าเลยแล้วหางานยาก นอกจากมึงมีฝีมือเค้าถึงจะมีสเกาท์มาดึงตัว
ทำไม Headhunter/HR ชอบโทรมาวันศุกร์ตอนเย็นๆ วะ
กูอีกไม่กี่ปีก็จะ 35 แล้วว่ะ พูดแล้วตะเตือนไต อนาคตยังลุ่มๆ ดอนๆ อยู่เลย ยิ่งช่วงนี้ยิ่งสับสนกับชีวิตมากว่าจะลาออกจากงานประจำมาทำฟรีแลนซ์ดีมั้ย
ปัจจุบันทำงานประจำควบงานเสริม งานประจำเงินดีกว่า มั่นคงกว่า สวัสดิการเทพ แต่เครียด ปัญหาเยอะทั้งเรื่องงานและเรื่องคน งานเสริมเป็นงานที่ชอบแต่เงินน้อยแถมไม่แน่นอน ใจคิดว่าจะเปลี่ยนงานแหละ แต่คิดว่าทำงานประจำยังไงก็คงหนีปัญหาเรื่องคนไม่พ้น อายุเท่านี้ก็น่าจะหางานยากด้วย
เข้าราชการได้ละว้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ตอนนี้อายุ 34 ถูกแม่แท้ๆเฉดหัวออกจากธุรกิจกงสีของบ้าน เพราะเพียงแค่ขาดงานไปสองวัน
ที่ผ่านมาหลงเชื่อว่าควาทรักของพ่อแม่ยิ่งใหญ่สูงสุดเหนือคำบรรยาย พอมาเจอความจริงเหมือนกับโดนไม้นวมกระแทกแรงๆ
พอมาถึงตอนนี้ถึงแม่จะกลับมาอ้อนวอนว่าที่พูดไปเป็นเพราะอารมณ์ แต่ทุกอย่างมันพัง มันจบ มันจมไปแล้ว คำพูดที่หลวงพ่อเคยบอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ทุกอย่างเป็นรูปสมมติ นามสมมติ สิ่งสมมติกลับผุดขึ้นมาแทน
กลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยการสอบวัดระดับสี่ผ่านพร้อมกับการตั้งเป้าว่าจะเป็นล่ามภาษาญี่ปุ่นควบอังกฤษให้ได้ พร้อมกับทิ้งเรื่องของพ่อแม่และการแต่งงานมีลูกลงถังขยะไป
ที่จะบอกคืออะไร ที่ตั้งใจจะพูดคือ...
คำว่าความมั่นคงมันไม่มีแต่แรกอยู่แล้ว ชีวิตเรามันตั้งอยู่บนความเสี่งทุกลมหายใจ อีกสิบวิพวกนายอาจจะหัวใจวายตายก็ได้ สักวันนึงฐานะลาภยศร่างกายแปรเปลี่ยนก็ทำใจเผื่อไว้บ้าง ทุกอย่างมันเป็นสิ่งสมมติแต่ต้นอยู่แล้ว
ไปอ่านพันทิป เห็นบอกว่า หลายๆบริษัทที่ประกาศรับสมัครงานจริงๆไม่ได้รับ แต่ประกาศให้ดูแอคทีฟ ดูเติบโต จริงปะวะ
โลกภายนอกมันโหดร้ายกว่าคำพูดด้วยอารมณ์ของพ่อแม่มึงเยอะ เด็กสมัยนี้จบป.ตรีมาก็ N1 N2 พ่วงด้วยโทอิค 800+ มึงตั้งเป้าจะเป็นล่ามแต่ตอนนี้อายุ 34 ยังไม่มีแม้แต่ N4 .... คิดให้ดีละกัน ความฝันกับความจริงมันต่างกันเยอะ ขอให้โชคดี
ก็นั่นแหละ ให้ลองมาทำงานข้างนอกบ้างดีแล้ว (ถ้ามีคนรับนะ) จะได้รู้ว่าโลกความจริงภายนอกเป็นไง กูเคยทำงานอยู่บ้านมาก่อน ทำงานแบบเต็มตัวเลยนะความรู้ในงานก็กล้าพูดได้เต็มปากกว่าไม่น้อยหน้าใคร แต่วุฒิภาวะแม่งต่ำเตี้ยมาก เพราะโตยังไงก็ยังเป็นเด็กสุดในบ้าน พ่อแม่จะดุด่ายังไงก็ดุด่าตามประสาพ่อแม่ ในใจเค้ามีแต่หวังดี มันไม่เหมือนการมาโดนคนข้างนอกถือมีดพร้อมจะแทงตลอดเวลาหรอก ต้องต่อสู้กับคนทั้งภายในภายนอกตลอดเวลา มาทำงานใหม่ๆ คิดทุกวันนี่แม่งกูมาทำงานหรือมารบสงครามครูเสดวะ 555 งอแงจะลาออกบ่อยมากแต่ก็กัดฟันทน มาทำงานไม่กี่ปีกูรู้สึกกูโตขึ้นเยอะมากๆ ด้านวุฒิภาวะ จากเด็กน้อยใสๆ แบ๊วๆ โลกสวยอีโวไปไกลเรียบร้อย ทำงานนอกบ้านมันไม่ได้แค่เงิน มันได้ฝึกความอดทน ฝึกแก้ปัญหาอย่างโดดเดี่ยว ฝึกต่อสู้กับเสือสิงห์กระทิงแรด เพราะงั้นกูหนับหนุนเต็มที่ เสียอย่างเดียวคือ 34 นี่สายไปหน่อยนะ อาจจะหาคนรับยากอยู่ ดีหน่อยกูไหวตัวทันออกมาตั้งแต่ 20 กลางๆ เลยหางานได้สบาย
กูเคยอยู่ที่ทำงานที่สายนาทีเดียวก็ต้องทำหนังสือชี้แจง ฟังของมึงแล้วหน่อมแน้มดีจัง
>>950 เด็กเอกยุ่นแม่งโหดจริง ของม กูนี่บางคนแม่งได้ N1 N2 กันตั้งแต่ก่อนจบแล้วด้วยซ้ำ เพราะเรียนกันมาตั้งแต่ม. ปลาย พูดคล่องยังกะเนทีฟ ครึ่งนึงคือพ่วงดีกรีเด็กแลกเปลี่ยนอีก
ถ้าจะทำจริงๆ ก็อยากให้นึกถึงว่าล่ามอังกฤษเดี๋ยวนี้หางานไม่ง่ายนะ คนพูดอังกฤษได้เยอะขึ้นแล้ว โดยเฉพาะตามพวกบริษัทใหญ่ๆ ส่วนภาษาญี่ปุ่นก็อย่างที่บอก ตัวเลือกอายุน้อยๆ แต่เก่งๆ มีเต็มไปหมด ถ้าอยากทำก็ต้องพยายามหนักหน่อยนะ เริ่มหาคอนเนคชั่นไว้ก่อนก็ดี เพราะส่วนมากที่จ้างๆ กันก็คือจบจากที่เดียวกัน เพื่อนแนะนำกันมามากกว่าจะเปิดรับสมัครกันตรงๆ น่ะนะ
>>945 เยอะนะมึง ขาดงานไปสองวันไม่มีใครรู้ว่าไปไหนทั้งเป็นพวกคนบ้านมึงเองแสดงว่ามึงหายหัวไปเลยดิ ไปไหนมาล่ะมึง อยู่ๆหายไปแบบนี้เป็นพ่อแม่ที่ไหนก็โกรธปะวะต่อให้ไม่นับเรื่องงานเลยด้วยเหอะวะ แล้วเค้าอุตส่าห์มาง้อมึงทั้งที่เค้าไม่ได้ผิดไรเลย คำพูดแค่นั้นในโลกการทำงานแม่งปกติมาก เป็นที่อื่นมึงเหวี่ยงออกมาแบบนี้เค้าไล่มึงออกไปเรียบร้อยไปเลยวะ อายุก็ตั้ง34แล้วทำไมแค่นี้เสือกคิดไม่ได้
>>956 เข้าใจที่พยายามจะสื่อนะ
แต่รายละเอียดปลีกย่อยที่มากกว่านั้นมันก็มี
อย่างนึงก็ตรงที่แม่เราดราม่าแม้แต่พี่สาวที่มาทำด้วยกันแป๊ปนึงยังทนไม่ได้ ด้วยการทำงานแบบรวมศูนย์ไม่เป็นระบบและใช้อารมณ์เป็นหลัก
อีกทั้งเรื่องที่แนวโน้มของธุรกิจกงสีที่ทำอยู่มีโอกาสถึงทางตันแน่ๆ พอบวกลบคูณหารด้วยทั้งอารมณ์และเหตุผล เลยตัดสินใจแน่วแน่ว่าขอไปตายเอาดาบหน้า
>>943 คนในอยากออก คนนอกอยากเข้าหว่ะ ฟรีแล้น กูออกมาจะครบสามปีแล้ว ปีแรกๆลั้ลลาอยู่ เจอฟ้าผ่าไปหนึ่งรอบ งานหดหมด เป๋จนบัดนี้ เงินเก็บค่อยๆร่อยหรอ ซื้อหวยลมๆแล้งๆ (ไม่กี่ร้อยหรอก) แต่เป็นชีวิตที่กูเลือกแล้วหว่ะ กูเบื่อคำว่า ชีวิตที่ไม่ได้ทำงานเป็นชีวิตที่ไม่มีค่า คือกูอยู่มาสองจุดแล้ว เข้าใจเลยว่า ค่าของเราไม่ได้อยู่ที่งาน แต่อยู่ที่ความคิดตัวเอง ถ้าคิดว่ามีค่า จะทำจะไม่ทำอะไรมันก็มีคุณค่าเว้ย แต่ที่แน่ๆ ถ้าไม่มีเงิน จะไม่มีค่าห่าอะไรสักอย่าง
ทำงานที่แรกมา4เดือนแต่ไม่ชอบเลยหวะ จะออกดีมั้ย ประวัติจะเสียแค่ไหน
ถ้ากูอยากออกแล้วกูหายไปเลยแบบไม่มาทำงานได้ปะวะ
กะจะไปถามห้องเรียนแต่มาถามพวกมึงที่ทำงานดีกว่า กูจะฝึกงานถ้าฝึกกับพวก startup ฝรั่งภาษาต้องได้ระดับไหนวะ
ขอปรึกษาอะไรหน่อยสิ ในนี้ไม่รู้มีใครทำงานวิศวะไหม
ปกติบ.เขาอยากรับเด็กไม่มีประสบการณ์ที่อายุเยอะไหมวะ คือกูเรียนจบวิศวะไฟฟ้ามาประมาณ 3-4ปีละ ตอนนี้อายุ 26 (ถือว่าเยอะละกันนะ) เเต่ว่ากูมาทำงานฟรีเเลนซ์ของตัวเองอยู่ตอนนี้เงินพอมีนะ รายได้มันก็ไม่มากเท่าไรประมาณ 20000-25000 พอมีช่องทางทำเงิน(ไม่ใช่งานวิศวะ) ใจจริงก็ไม่อยากทำเเต่ว่ากูอยากลองไปสัมผัสงานวิศวะดูว่ะ เผื่อเเบบลองทำสักปีค่อยออก มีประสบการณ์ไว้ก่อนซักหน่อย เผื่ออนาคตชีวิตมันไม่เเน่ไม่นอน เกิดงานฟรีเเลนซ์กูทำไม่ได้ หรือไม่มีช่องทางไม่มีลูกค้าเข้ามาจะซวยเอา
เเต่ว่ากูไม่เคยมีประสบการณ์ฝึกงานมาก่อนเลย (ม.กูไม่บังคับฝึกงาน) ไฟล์โปรเจคงานสมัยทำก็หายไปเเล้ว ไม่มีอะไรเอาไปโชว์โปรไฟล์ได้เลยว่ะ มีเเค่TOEICหมดอายุ มีใบกว.ภาคีวิศวกรอยู่ เเล้วก็ใบทรานสคิปเเค่นี้เเหละ กูอยากรู้ว่าใบเเง่ของบ.เนี่ยเขาจะรับยากไหม ส่วนใหญ่น่าจะรับเด็กจบใหม่กันใช่ปะกูไม่รู้ เเถมกูก็ไม่เคยสัมภาษณ์บ.ด้วย เเล้วด้วยการที่กูหายไปนาน3-4ปี อายุก็ตั้ง26เเล้ว ความร้งความรู้อะไรคงหายหมดอีกน่าจะหางานยากไหม
นึกๆย้อนไปก็เสียดายว่ะน่าจะลองไปทำบ.หลังเรียนจบก่อน ค่อยตัดสินใจ ไว้เป็นโปรไฟล์ก็ยังดี
>>972 หายากไม้ ยากระดับนึง ปกติพวกบ.engineering มันรับคนอยู่ไม่กี่ประเภท
1.เด็กจบใหม่
2.มีประสบการไม่เกิน 10 ปี
ทีนี้มึงไม่ใช่เด็กจบใหม่ ปสก.งานด้าน engineering ก็ไม่มีพูดตรงๆคือค่อนข้างยาก อีกวิธีที่จะทำให้มีงานได้คือใช้กำลังภายใน
อย่างอายุกูก็ 30 กว่าแล้วถึงยังไม่ถึง 35 แต่ตอนนี้ก็มองหางานกับบ.ที่ค่อนข้างมั่นคงแล้วยังรู้สึกว่าหางานยากเลย ขนาดโพรไฟล์กูก็ดีนะ
มบ.นึงตอนคุยโทรศัพท์ให้กู 55K ซึ่งก็น้อยกว่าเงินเดือนปัจจุบันกูแต่กูว่าจะเอาเพราะอยากกลับไปอยู่กะครอบครัว พอไปคุยจริงๆบอก gm แม่งให้งบจ้างมาแค่ 35K กูเลยยังไม่เอา ปัจจุบันยังไม่โทรมาต่อราคาเล้ย
สาย EPC ว่ะ
>>972 เข้าไปทำบริษัทอะไรก็ได้สักปีนึง..
แล้วแต่งประวัติเอา โม้ไปว่าทำสักสองปี แล้วหาทางขยับไปทำที่อื่น แล้วทำซ้ำแบบเดิมจนกว่าจะเจอที่ดีๆ
เพื่อนกูแบบเมิง ว่างงานจน 25 ค่อยหางานทำ ตอนนี้3xเปลี่ยนงานมาเป็นสิบที่ เวลาเขียนประวัติการทำงานก็เขียนแค่อันที่ดีๆ ลงว่าทำที่ละ 2-3 ปี
น้อยมากที่พวกนี้จะมโดนเช็ค เข้าไปได้แล้วก็ทำตัวดีๆ สักปีสองปีก็ชุบตัวได้แล้ว
>>983 กูประวัติไม่ค่อยสวย แต่กูไม่กล้าทำนะ แต่ก็เข้าใจแหละว่าคนอื่นโกหกกันเป็นเรื่องปกติ คนรอบตัวกูก็โกหกเมคโปรไฟล์กันเยอะ นึกถึง Mgr คนเก่าที่โดนไล่ออกแบบสายฟ้าแลบ อันนี้ไม่รู้ไปโกหกอะไรไว้ปิดกันให้แซ่ด ได้ยินแค่ว่าพอ GM รู้เข้าให้ออกเดี๋ยวนั้นเลย เป็น talk of the town ในบริษัทไปพักใหญ่
>>984 พีคสุดที่กูเจอไม่ใช่เมคโพรไฟล์นะ แต่แม่งเมคทรานสคริปเลยจ้า ระดับเมเนเจอร์ด้วย เหมือนจบมาไม่ตรงกะในทรานสคริปที่เอามาสมัครงาน ไปโป๊ะแตกเพราะนางเอาทรานสคริปตัวจริงไว้ในลิ้นชักแบบไว้มาหลายปีจนลืมไปแล้วว่าเคยวางไว้ แล้ววันนึงบ. กูมีย้ายผังที่นั่ง นางให้น้องในแผนกมาเก็บของย้ายโต๊ะให้ จนอีน้องมันเห็นทรานสคริปแล้วเรื่องไปถึงข้างบนก็โดนออกเดี๋ยวนั้นเลยว่ะ น่าจะโดนคดีตามหลังด้วยรึเปล่าไม่แน่ใจ
รู้สึกสิ้นหวัง
พวกมึงคิดยังไง กับการที่ บ.ไม่มีประเมินพนักงาน ไม่มีโบนัส แต่ขึ้นเงินเดือนให้ 3% ทุกคน ทั้งบริษัท .... ไม่ว่ามึงจะทำงานเจียนตายหรือไม่ทำห่าอะไรเลย ก็ได้ขึ้นเงินเดือน / กูคือคนที่ไม่เห็นด้วย และถูกมองเป็นพวกเห็นแก่ได้ HR ท่านกรุณาวิ่งเต้นให้เงินเดือนขึ้นแล้วนอกจากจะไม่ขอบคุณแล้วทำไมยังไม่พอใจอีก ... พวกมึงคิดว่าไง
เป็นมนุษย์ทำงานกงสี มาบ่นในนี้ได้มั้ย หาที่บ่นไม่เจอ lol
>>987 เงินเดือนมันเยอะอยู่แล้วรึเปล่าเลยไม่บ่น
อย่างบริษัทกูเงินเดือนขึ้น2-4% ไม่มีประเมิน โบนัสสามเดือนไม่เคยขึ้นมีแต่ลด แต่ไม่มีคนบ่น โบนัสลดก็เฉยๆกัน บอกเข้าใจบริษัทขาดทุน ลงทุนใหม่ มีแขวะเล่นๆนิดหน่อยว่าขึ้นเงินเดือนปีละห้าร้อยจะเอาไรกิน
ตอนหลังกูไปล้วงๆแคะๆไปเจอไฟล์เงินเดือนพนักงานทั้งบริษัท+ประวัติการขึ้นเงินเดือน
แม่งได้กันคนละ 5หมื่น+ ส่วนอีคนที่บอกเงินเดือนขึ้นห้าร้อยแม่งเงินเดือน 1.3แสน (ขึ้นเงินเดือนล่าสุด5พัน) ทำโอทีทุกวันหยุด&นักขัต(2-3เท่า)
เลยเออเข้าใจละ ไอ้เหี้ย ที่ไม่บ่นคือแม่งได้เยอะอยู่แล้ว
บริษัทคนน้อย อยู่ยาวๆ ขอลาออกทีได้เงินเดือนขึ้นที 1-5หมื่นแล้วแต่ตกลงได้ แต่ละคนแม่งโคตรแสบ
วันนี้วันศุกร์
ศุกร์ที่แล้ว ส่งresume ไป3ที่ ศุกร์นี้มาลุ้นกัน จะมีใครโทรมามั้ย 555
ตอนลาออกเพื่อย้ายงาน บอกตรงๆหรืออ้างดีวะ
ปิดกระทู้วันศุกร์ เจอกันใหม่วันจันทร์
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.