ลองไปเรียนเขียนโปรแกรมที่สถาบันแห่งหนึ่งไหม รับประกัน 30 K ด้วยนะ
Last posted
Total of 1000 posts
ลองไปเรียนเขียนโปรแกรมที่สถาบันแห่งหนึ่งไหม รับประกัน 30 K ด้วยนะ
ไม่รู้จักคำว่า False Flag เหรอวะถามจริง มองข้ามมันไปบ้างก็ได้
ระวัง 112
เงินเดือนเริ่มต้นของเด็กจบใหม่ทั่วไปอยู่เฉลี่ยเท่าไรน่ะ กูส่องพันทิพแล้วเครียด555 แต่มันเป็นพันทิพที่คนรวยผลุบๆโผล่ๆไง กูไขว้เขวมากๆ
>>706 แนะนำให้ลองสมัครผ่านพวกรีครูท เฮดฮันท์ จะได้ตัวเปรียบเทียบที่ชัดเจนว่าสายงานเรา โพรไฟล์แบบเรา มันควรจะได้เท่าไหร่ พวกนี้มันพยายามหาเงินเดือนให้เราสูงๆ อยู่แล้วเพราะได้ค่าหัวจากเงินเดือนเรา
ถามในเน็ตไม่มีประโยชน์หรอก รู้ค่าเฉลี่ยไปก็ไม่มีประโยชน์อีก ต่อให้เป็นตำแหน่งเดียวกันรายละเอียดปลีกย่อยมันเยอะแยะ เอาง่ายๆ อย่างเลขา ก็มีตั้งแต่ 10k ยัน 100k+++ เลขาเหมือนกันแต่แต่ละที่ก็มี requirement และกำลังจ่ายต่างกันฟ้ากับเหว
>>707 เด็กเจนนี้เงินเดือนตำแหน่งขึ้นไวจริงๆ โดยเฉพาะคนที่เก่งๆ และมั่นใจในตัวเอง กล้าจะเปลี่ยนงานเพื่ออัพเงินเดือน ต่างกับป้าแก่ๆ แบบกู พอเจองานที่รู้สึกว่าพออยู่ได้ สบายใจประมาณนึง นายโอเค มีปัญหาเข้ามาบ้างเป็นเรื่องธรรมดาของการทำงาน กูก็รู้สึกกลัวที่จะไปเสี่ยงกับงานใหม่ๆ ไม่รู้จะไปเจอสังคมเจอนายแบบไหนดีร้ายประการใดอีก ก็เลยทนอยู่กับเงินเดือนขึ้นปีละไม่กี่ % แต่เด็กที่มันกล้าๆ (และเก่งจริง) มันย้ายงานอัพตำแหน่งอัพเงินเดือนกันเป็นว่าเล่นเลย
กูแนะนำอีกวิธีนึงนะ ยัดประวัติใส่ linkedin แล้วซักพัก พวกรีครูท เฮดฮันท์ มันจะโทรตอมมึงเอง
แต่ต้องมีประวัติการทำงานสวยๆ หน่อยนะ แล้วก็เตรียมทำ cv แบบดีๆ ไว้ด้วย
เดี๋ยวพวกเฮดฮันท์จะเอาไปปั่นราคาเอง
โม่งจบใหม่เอง ขอบคุณที่ช่วยแนะนำมาก พ่อกูก็บอกให้ทำสักปีสองปีค่อยเปลี่ยน จะได้มีประวัติการทำงานบ้าง
ไหนๆก็ไหนๆละ ถามอีกคำถามก็แล้วกัน(จริงๆกูมีคำถามเยอะมาก แต่เรียบเรียงไม่ถูก ไปศึกษาก่อน ถ้าอ่านแล้วโง่ค่อยแวะมาถามใหม่555) ในวงทำงานนี่ต้องทำงานที่หนึ่งประมาณกี่ปีน่ะ ถึงจะดูไม่น่าเกลียด
ไฟไหม้ office ไหนวะ
กูคนตจว.ทำงานได้วันละ500 แต่มันคืองานง่ายๆวุฒิน้อยๆก็ได้เงินเดือนเท่ากัน คราวนี้พวกนั้นเลยถามกุว่าไม่คิดไปหางานที่ดีกว่านี้หรอวุฒิออกจะสูง กูจะบอกว่างานที่อื่นกูไม่เคยได้เงินสูงขนาดนี้แถมเป็นงานสบายๆ ให้เปลี่ยน็คงไม่เปลี่ยนว่ะ พวกมึงคิดว่ากูทำถูกมะ
กูเพิ่งเปลี่ยนสายงานมาทางด้านอาร์ตแนวๆเทคโนโลยีแบบเน้นๆประมาณ 2 เดือน ก่อนหน้านี้ทำงานในสายอาร์ตเนี่ยแหละแต่ไม่ใช่แนวนี้ซะทีเดียว
ทีนี้รู้สึกแย่มากเลยที่ทำงานพลาดตลอด แบบไอนั่นไม่ดีไอนี่ไม่ได้ ต้องให้คนอื่นที่ไม่ใช่สายนี้คอยช่วยตลอด ถึงสุดท้ายงานจะออกมาโอเคแต่ก็มาจากการช่วยเหลือของคนตำแหน่งอื่นทั้งนั้น แถมกูหัวช้า ถึงพยายามมากๆก็ยังช้า ถึงจะคิดว่าก็เพิ่งทำงานได้แค่ 2 เดือน แต่ก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้ เพราะเราก็ไม่ใช่เด็กจบใหม่แล้ว เงินเดือนก็ไม่ใช่น้อย รู้สึกละอาย กลัวไม่ผ่านโปรจังเลย
วันละ 500 นี่พวกงานแคชเชียร์เหรอ
วันละ500 เทียบกับวันละ700 แล้วมีเวลาสุขกายสบายใจกว่า กูว่าไม่ผิด ดีไม่ดีอาจประกยัดค่าหมอกว่า แต่ต้องดูว่าอีก5ปี มันมีที่ทางเลื่อนขั้นเงินไปถึงไหน เพราะพอมึงโตกว่านี้จะเริ่มงานใหม่จะยากขึ้นและภาระในอนาคตอาจมากขึ้น อาชีพอะไรก็ตามมันก็ควรมองการเติบโตด้วย อย่างขายก๋วยเตี๋ยว จากเด็กเสริฟ ไปเป็นแคชเชียร์ ผู้จัดการ เจ้าของ ความรู้มาจากประสบการณ์ทำงานได้นะ แต่ถ้ามึงมองวันละ500ตลอดชีพ มึงก็ต้องเตรียมเงินเก็บ ประกันสุขภาพ
วางแผนการเงินดีๆ
กุทำงานที่ใหม่ อาทิตย์นึงละ คนสอนงานกุยังไม่มีเลย ออกไปทำโปรเจคยกออฟฟิส
ได้เรียนงานแค่วันเดียว ท้อวะ
ถามความเห็นพี่ๆหน่อยสิ งานราชการมันมีอะไรดีนอกจากบำนาญ กับสิทธิ์การรักษา คือตอนนี้เรารับราชการอยู่ งานก็สบายดีแต่เงินน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งถ้าเราออกจากราชการไปเงินเดือนเราจะได้มากขึ้นแน่ๆเกือบสามเท่าแล้วแต่ความขยัน ซึ่งคนก็ชอบบอกว่างานราชการมั่นคง แต่ด้วยอาชีพเรายังไงก็ไม่ตกงานแน่นอน(ถ้าไม่พิการหรือแก่งั่กๆๆ)
ด้วยเงินส่วนต่างนี่กว่าจะแก่เอาไปลงทุนหรือแค่เก็บไว้ยังไงก็มากกว่าบำนาญลิบลับอยู่แล้ว เลยอยากรู้ว่าข้าราชการมันยังมีข้อดีอื่นๆอีกไหม
ต่อ >>726 อ่อเป็นงานออฟฟิศไม่ใช่งานโรงงานและไม่ใช่ขายตรงหรือเรี่ยไรใดๆทั้งสิ้นทำงานตามเวลาไม่มีเข้ากะ 8 ชม.เป๊ะ เจ้านายใจดีเพื่อนร่วมงานเวิร์คเป็นกันเอง เงินเดือนได้แบบไม่เคยได้พอมาเจอคอมเม้นพวกมึงกูก็แอบติดใจตรงไม่ได้ประสบการณ์ไรเลยนี่แหละกระทบประสบการณ์การทำงานในอนาคตแน่ๆ
>>725 มันจะต่างตอนช่วงหมดไฟน่ะ ถ้ายังมีไฟอยู่หนทางดิ้นรนหาตังค์ได้เยอะแยะ
แต่ถ้าช่วงหมดไฟแล้ว จะคิดถึงข้าราชการ ยิ่งถ้ามีบำนาญนะ คือ ไม่ต้องคิดเรื่องหาเงินเก็บเผื่ออนาคตเลย
เอาแค่สิ้นเดือนเงินก็ได้มาล่ะ เค้าไม่ไล่ออกง่ายๆ หรอก ถ้าใช้ชีวิตแบบสโลไลฟ์สบายๆ ได้ยาวจนแก่ตาย
>>725 หมอ?
เอาจริงๆ ข้าราชการก็มีประโยชน์แค่นั้นแหละ กับความเช้าชามเย็นชาม อีกอันก็บินสายการบินได้ราคาข้าราชการ (ซึ่งแม่งหลักร้อยหรือพันนิดๆ) กู้เงินอาจจะง่ายกว่านิดนึง
สิทธิ์การรักษาก็จริงๆ ไม่ได้ดีกว่าบัตรทองเท่าไหร่ ข้อดีคือไป รพ รัฐไหนก็ได้ เบิกยาอะไรเค้าก็พยายามจำกัดสิทธิ์เยอะแล้ว
ถ้าเราทำงานมาหลายปีไม่เคยมีปัญหา ประเมินได้เกรดดีๆ มาตลอด แต่เจ้านายที่ย้ายมาประจำคนใหม่ไม่ชอบเรา พยายามจะบีบเราออกหลายๆ
ทาง ระหว่าง1.ตั้งหน้าตั้งตาหางานใหม่ (แต่ก็ต้องลาไปสัมภาษณ์บ่อยๆ เป็นช่องให้มันหาเรื่องได้อีกว่าเราละเลยงานขาดงานบ่อย) กับ2.ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไปเหมือนเดิม ตั้งใจไม่ให้มีอะไรด่างพร้อยให้มันหาเรื่องได้ อดทนจนกว่าจะโดนเลิกจ้าง (ซึ่งมันไม่จ่ายชดเชยแน่นอน) แล้วไปฟ้องร้องโดนเลิกจ้างไม่เป็นธรรมทีหลัง เท่าที่หาข้อมูลมาจากอายุงานตัวเองก็น่าจะได้ซักสองสามแสน แต่ไม่รู้จะชนะมั้ย ควรเลือกทางไหนดี
>>730 แล้วถ้าตัดความน่ารำคาญเรื่องคนออก ตัวงานเองล่ะยังน่าทำอยู่มั้ย ถ้าเพิกเฉยกับขี้ปากเจ้านายยังสามารถทำให้งานรันต่อไปได้หรือเปล่า ถ้ามองจากคนนอกกูก็เชียร์ว่าให้โฟกัสที่งานแล้ววัดกันไปเลยว่าระหว่างมึงหรือเจ้านายจะอยู่ทนกว่ากัน มันย้ายมาได้มันก็ย้ายออกไปที่อื่นได้เหมือนกันแหละ
รับเด็กจบใหม่มาคน เห็นน้องว่างๆไม่มีอะไรทำแต่ดูตั้งใจอยากเรียนรู้ดีเลยเปิดคอร์สสอนงาน
ถึงเวลาเรียนจริงน้องดูไม่ค่อยตั้งใจซะงั้น กูเสียใจ
กูเบื่อพวกน้ำเต็มแก้วนี่มันเยอะจริงๆวะ
ทำไงดี กูรู้สึกหมดไฟในการทำงาน รู้สึกเบื่อไปกับทุกอย่าง ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็นเลย หรือเพราะกูไม่เคยเปลี่ยนงานมา 15 ปีหรือ กูรู้สึกเหมือนจะล้มเหลวในชีวิตว่ะ ถ้ากูไปหาจิตแพทย์นี่จะแปลกมั้ย
>>740 ไม่แปลก แต่ทำงานเดิมมา 15 ปีแล้วเพิ่งมาหมดไฟเนี่ย นับถือเลยว่ะ /ก่อนหน้านี้กูคิดว่าตัวเองหมดไฟกับงาน แต่พอหลังเลิกงานเอาเวลาไปทำงานอดิเรกที่ใช้สกิลเดียวกันกับงานกูมีความสุขนะ ไฟมา ก็เลยคิดว่าจริงๆ แล้วกูหมดใจกับ บ.มากกว่า แต่เงินก็ต้องหา ก็พยายามบาลานซ์กันไป
รู้สึกเบื่อกับชีวิตว่ะ ทำงานเหมือนไม่ได้ทำ ทำมาจะ 3 ปี แต่ไม่ได้ประสบการณ์เหี้ยอะไรเลยนอกจากนั่งหน้าคอมกรอกเอกสารแล้วเดินไปจ่ายเงิน คือทุกวันนี้เข้างานได้แต่นั่งเอ๋ออยู่บนโต๊ะวันละ 8 ชั่วโมงอะ ถึงจะได้เงินเดือนแต่เหมือนชีวิตไม่มีเหี้ยอะไรเลย กูควรลาออกดีมั้ยวะไหนๆ ทำมา 3 ปีเงินก็ไม่อัพ แถมยังโดนน้องดูถูกอีก
จะว่าไปมีใครบอกได้มั่งวะว่าปัจจุบันกูทำงานตำแหน่งอะไร...
คือตอนแรกกูโดนจ้างมาเป็นนิติกรทำงานด้านกฎหมายเพื่ออ่านตรวจสอบสัญญา แต่ไปๆ มาๆ มันไม่มีงานทำนองนั้นเข้ามาเลย กูเลยกลายเป็นคนควบคุมการใช้จ่ายเงินของบริษัท แต่ไม่ถึงขั้นจัดทำบัญชี + จัดเก็บข้อมูลลูกค้า แล้วคอยส่งไฟล์ข้อมูลให้ฝ่ายอื่นๆ ไปใช้ต่อยามที่ถูกขอ แทนซะงั้น
คือทุกวันนี้กูจะกรอก CV ว่าเป็นนิติกร นี่กูโคตรอาย เพราะกูไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับกฎหมายเลยตลอด 3 ปีที่ผ่านมาเนี่ย
ถามหน่อย ถ้าทางบ้านมึงมีกิจการอยู่แล้วแต่เป็นบริษัทเล็ก แล้วมีพี่น้องทำมาหลายปีละ มึงจะช่วยที่บ้านหรือออกไปทำข้างนอกวะ
ถ้างานที่บ้านตรงสายที่กูอยากทำ กูจะลุยเลย มรดกตกทอดทำไว้ให้กูอยากต่อยอด พ่อแม่จะได้ไปพักมั่ง แล้วทำงานไปกำไรก็เข้ากระเป๋าตัวเอง
กูหมายถึงกำไรก็เข้าบ้านตัวเองนะ ไม่ใช่นักยอกเข้ากระเป๋ากู555 อ่านแล้วทะแม่งๆสงสัยจิตใต้สำนึกกูพิมพ์
>>745 สำหรับกูขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่บ้านว่ะ ถ้าเป็นของแม่ที่กูรักมากกูยินดีทำเต็มที่ แต่ถ้าเป็นของพ่อหรือญาติบางคนที่กูไม่ไว้ใจกูก็ไม่ขอยุ่งด้วย เดินตามทางตัวเองดีกว่า /ในกรณีมึงที่พี่น้องทำอยู่แล้วมึงก็ไปปรึกษาเขาก่อนว่าต้องการให้ช่วยอะไรมั้ย ถ้ามีแววว่าจะตีกันด้วยเรื่องธุรกิจกูว่าอย่าเลย ยกเว้นว่ามึงอยากจะไปแบ่งผลประโยชน์กับเขาด้วย บางบ้านเขาก็ใช้วิธีแยกไปทำกันคนละสาขานะ ยังเป็นธุรกิจของครอบครัวแต่บริหารแยกกันไปเลยก็น่าจะสบายใจกว่า ไม่รู้นะเดา บ้านกูไม่มีธุรกิจเป็นมรดก
ทำเองเจ๊งเองจบเองเริ่มใหม่ได้เรื่อย ทำของที่บ้านเจ๊งยากแต่ก็จบไม่ได้ กลายเป็นชนักติดหลังไปจนกว่าจะตายจากกันอ่ะ คหสต
กูติดสัมภาษณ์งาน(ครั้งแรกในชีวิต) อีกสองสามวันแล้ว ตื่นเต้นโว้ย ทำไงดี แง้
โปรแกรมเมอร์ที่บริษัทโครตเก่งภาษาอังกฤษ กูนี่อายชิบหายไม่กล้าบอกเลยว่ากูกาก
>>756 ของกูสิ เพื่อนร่วมงานใหม่ตำแหน่งมาร์เก็ตติ้งแม่งเก่งภาษาอังกฤษนะ แต่ทำงานห่าอะไรไม่ได้เลย
คิดแผนงานตัวเองไม่ได้ รีพอร์ทไม่ได้ โซเชียลก็ง่อยจนทุกคนและทีมอื่นๆต้องมาคอยอุ้มจนงานโหลดกันไปหมด แล้วแม่งตำแหน่งสูงกว่าไอ้พวกคนที่มาอุ้มงานให้ด้วย คือแม่งเก่งแต่ภาษาจนสื่อสารด้วยตัวเองได้(แต่ไอ้ที่สื่อสารเสือกไม่ใช่เรื่องงานไปค่อนเรื่อง) แถมแปลภาษาให้ทีมไม่ได้นะ พวกกูก็งูๆปลาๆตอบคำถามนายต่อไปดิ
พอแอบไปถามนายว่าตอนสัมฯไม่ได้เทสไม่ได้ถามเหรอว่าเค้าทำไรเป็นบ้าง นายแม่งก็ตอบมาว่าก็เห็นเค้าเก่งอังกฤษเลยเอาเข้ามา ไอ้ชิบหายโว้ยยย
คนประเภทที่ต้องให้คนอื่นในทีมแบกนี่แม่งมีทุกที่เลยซินะ ไม่ว่าจะราชการหรือเอกชน
รำคาญเพื่อนที่ทำงานมากอายุเยอะกว่ากู แต่ชอบเอาความคิดกูไปพูดให้ดูสวยแต่นางไม่เคยมีความคิดดีๆพูดเลยนะ แต่งตัวคล้ายกูทั้งๆที่ก่อนหน้าเป็นอีกแบบ แดกของแบบกู ขนาดไม่มีเงินยังหาเงินมาแดกแบบกูให้ได้ กูรำคาญแล้วไม่ใช่กูที่คิดคนเดียวคนอื่นยังบอกว่ากูเหมือนโดนลอกเลยสัสลำไย!
https://www.moac.go.th/anticorruption-dwl-files-401091791939
เอามาให้โม่งที่ถามเกี่ยวกับข้าราชการ ดูเล่นๆ
หมวดละทิ้งหน้าที่ราชการ จะเห็นว่าขนาดไม่มาทำงานหลายวัน
กว่าจะลงโทษได้ขั้นตอนยุ่งยากฉิบหายต้องตั้งกรรมการสอบ
แถมบางกรณีผลสอบออกมาแค่ลดขั้นเงินเดือน ตัดเงินเดือน
ถ้าเป็นเอกชน ขาดงานขนาดนี้แม่งไล่ออกไปแล้ว
ข้าราชการถ้าไม่เจตนาทุจริตหรือทำตัวเหี้ยจริงๆ ยังไงก็อยู่ได้จนเกษียณอ่ะ
ในนี้มีใครเป็น HR บ้างไหม คืออยากได้เป็นความรู้
ปกติทำงานpart time เนี่ยมันจะไม่มีประกันสังคมใช่ปะ ทำให้เช็คไม่ได้ว่าทำงานpart timeที่ไหน เวลายังไง
ทีนี้ถ้าสมมุติมีคนสมัครเข้ามาบอกว่ามีประสบการณ์ทำงานpart time วันละพัน สมมุติทำ20วันก็ได้ละ 20000 กว่าๆ มีงาน มีไรให้ดู
เเต่จริงๆเเล้วคนสมัครคนนั้นไม่ได้มีประสบการณ์การทำงานเลยซักนิด เเต่เเค่มีงาน มีโปรไฟล์ เเต่ใช้คำว่า part time มาต่อรองเงินเดือน
อย่างบ.ต้องการจะจ่าย 15000 เเต่ทางบ.โดนคนสมัครบอกเงินมา ทำให้เหมือนถูกต่อรองให้ได้เงินมากขึ้นหรือใกล้เคียง
ในกรณีเเบบนี้ที่บ.อยากได้ เเต่ก็อยากกดเงินเดือนจะทำยังไง ถ้าเกิดพบว่าไม่ได้มีประสบการณ์การทำงานก็คงกดเงินเดือนได้
ซึ่งปกติ HR น่าจะตรวจสอบประวัติใช่ปะว่าทำงานที่ไหนอะไรยังไงมาก่อน เเต่part timeมันตรวจไม่ได้นี่ใช่ป่าว เพราะไม่มีประกันสังคม
>>764 ประสบการณ์การทำงานเอาไปทำไมเหรอ สิ่งที่ต้องคิดคือคนๆ นั้นทำงานได้ แล้วทำงานคุ้มเงินที่ต้องจ้างหรือเปล่าแค่นั้นพอ ถ้าทำงานไม่ได้เงินเดือนเกินงบต้องสอนเยอะ มีตัวเลือกอื่น แล้วจะรับคนๆ นั้นไปเพื่อ?
เอางี้นะไปลากหัวหน้างานมาช่วยสัมภาษณ์ถ้าไม่มีก็หาคนที่ทำงานในกลุ่มนั้นๆ ที่ดูมีวุฒิภาวะหน่อยมาช่วยสัมภาษณ์ กูว่าแป๊ปเดียวแยกคนได้ ว่ามีประสบการณ์จริงหรือเปล่า
>>763 แล้วแต่นโยบาย บ. ถ้า บ.ใหญ่หน่อยก็มีหลายรอบแบบ 765 เหนือสิ่งอื่นใดแต่ละตำแหน่งเองก็มีวิธีการสัมภาษณ์งานต่างกัน กรณีตำแหน่งที่มีผลงานมาโชว์ได้ ประสบการณ์ทำงานก็ไม่ได้มีน้ำหนักมากนัก สิ่งที่จะใช้วัดผลได้เห็นภาพคือทดสอบงาน ณ ตอนสัมภาษณ์เลย ตั้งโจทย์ที่สามารถทำจบได้ในระยะเวลาสัมภาษณ์ขึ้นมาก็เห็นอะไรได้ชัดเจนแล้ว ทั้งผลงาน ไหวพริบในการทำโจทย์ ความเร็ว ความยืดหยุ่นกรณีใช้อุปกรณ์ของออฟฟิศ ฯลฯ
กู763เอง กูลองคิดเล่นๆไง สมมุติมีมีผลงานให้ดู บ.อยากได้ตัว เเต่อ่านก่อนกูพิมพ์ว่าบ.อยากจะกดเงินเดือน
ถ้าคนสมัครไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน เเต่มีสกิล มีผลงานโชว์ เกิดบอกว่าไม่เคยทำงานที่ไหนก็จะมีสิทธิ์ถูกกดเงินเดือนได้ง่าย
อารมณ์เหมือนลองเชิงไง เเบบโยนไปหมื่นห้า ดูท่าทีว่าผู้สมัครมีท่าทียังไง จะขอเพิ่มเท่าไรก็พยายามลดให้ได้มากที่สุด
เเต่พอลองผู้สมัครบอกมีประสบการณ์ระดับนึง มีความสามารถ เเต่บ.ก็จะกดเงินลำบากเพราะถ้าผู้สมัครโม้ไว้ว่าเคยทำงานนู้นนี่มาได้เงินนู้นนี้
มันก็จะยากขึ้นไงในการจะกดเงินเดือน
กูขอย้อนถามหน่อยละกัน พวกมึงไม่เคยสมัครงานเเล้วโดนพยายามกดเงินเดือนรึไง??
>>767 เคยสิวะ แล้วกดง่ายๆด้วยไม่มีหรอกที่รู้สึกเกรงใจไม่อยากกด
แค่บอกว่ามาลองงานก่อน ให้เท่านี้พอ ผ่านแล้วจะปรับให้ตามผลงาน พอผ่านโปรแล้ว อ่ะปรับให้อีกนิด แล้วก็ยาวววววววววววววววววว ยาวจนต้องทำเรื่องขอขึ้นเงินเดือน ระหว่างรอเรื่องเดือนก็ยาวววววววว ยาวไปอีกกกกกกก
ถ้าให้เงินมากแปลว่าผู้สมัครก็ต้องทำให้มากตามที่เค้าให้ ก็แค่นั้น
บางที่เรื่องเงินเดือนไม่ต้องผ่านHRด้วยซ้ำ แค่ไดเรคเตอร์หัวหน้าทีมหรือหัวหน้าแผนกเค้ามานั่งคุยกันเค้าก็สรุปเรื่องเงินเดือนให้มึงได้แล้วว่ามึงควรได้เท่าไหร่สำหรับอายุแค่นี้ มันไม่ค่อยได้สูงกว่าพวกซีเนียร์ที่อยู่ระดับเดียวกันหรอก
>>767 น่าจะเคยนะแต่จำไม่ค่อยได้ มันก็ไม่เชิงว่ากดเงินเดือนหรอก แต่จะออกแนวประมาณว่า ที่ บ.นี้สำหรับตำแหน่งนี้ ให้ได้อย่างมากก็เท่านี้(ไม่เท่าที่เราเสนอ) คือเขาต้องการสกิลน้อยกว่าที่เรามี ก็โอเคไม่แมทช์กัน ก็ไม่ทำไง ไปสัมภาษณ์ที่อื่นต่อ อย่าลืมว่าไม่ใช่แค่ บ.ที่เป็นฝ่ายเลือก ผู้สมัครเองก็มีสิทธิ์เลือก บ.ที่โอเคเหมือนกัน ส่วนตัวคิดว่าการกดเงินไม่เกี่ยวกับประสบการณ์งานเท่าไหร่ มันเป็นแค่ข้ออ้างของบาง บ.เท่านั้นมั้ง
กูขอบ่นหน่อย กูเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ได้สามเดือน เป็นงานที่โคตรง่ายโคตรสบายได้เงินเยอะกว่ามาตรฐานแต่รู้สึกตัวเองไร้ค่าไร้ประโยชน์ชิบหายเลยว่ะ แต่ละวันนั่งว่างไม่มีอะไรทำนานๆทีจะมีงานมาหน่อย ในขณะที่อีกคนที่ทำงานด้วยกันยุ่งหัวหมุนแต่กูก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เพราะมันอยู่นอกสโคปการทำงานกูและกูไม่มีความรู้งานด้านนั้นด้วย จะให้เค้ามาสอนกูเค้าก็ยุ่งเกินกว่าจะสอนให้ ทุกวันนี้กูเลยนั่งหายใจทิ้งเผาผลาญเงินบริษัทไปวันๆ อยากทำงานที่ได้ใช้ความสามารถกว่านี้แต่อย่างน้อยก็อยากทำงานให้ครบปีให้ได้ก่อนว่ะ
โดนย้ายแผนกแต่ไม่มีใครสอนงานเลย ทุกคนดูยุ่งๆหมดได้แต่ครูพักลักจำอย่างเดียว เฮ้อเซง
ของบางอย่างมันเรียนโดยไม่ต้องใช้คนสอนได้นะ ถึงบางอย่างจะไม่ก็เหอะ
มีใครเคยโดน บ.ทวงหนี้ ที่ทรูมันโอนหนี้มาให้ ส่งจดหมายมาเปล่า
ชำระหนี้ ชำระกันไหม?? คือ ให้มาแบบโคตรกระชั้นชิด
>>767 มึงมโนอะ คือเด็กอะ ไร้ประสบการณ์อะ ข้างบนก็บอกไปแล้วว่ามันยากที่จะหลอกให้เค้าเชื่อมึง คือก่อนที่มึงจะไปถึงขั้นต่อรองเงินเดือน มึงต้องสัมผ่านก่อนใช่มั้ย แล้วมึงก็มโนเอาเองว่าคนสัมเค้าจะโง่ให้ใครก็ได้มาหลอกได้ง่ายๆ ถ้าคิดว่าง่ายงั้นมึงก็ลองเลย ไปโม้ไม่ต้องเยอะมากอัพเงินไปซัก 4-50k ก็พอ แล้วจะได้รู้ว่าเค้าใช้วิธีไหนทำให้มึงหน้าแหกได้
ส่วนเรื่องกดเงินเดือน บ.แต่ละแห่งเค้าก็กำหนดแร้งค์เงินเดือนสำหรับสกิลแต่ละเลเวล ถ้ามึงอยากได้บ.นั้นและอยากได้เงินเยอะมึงก็ต้องเก่งไง ถ้าเก่งไม่พอก็ไปหาบ.อื่นที่ให้ได้มากกว่าสำหรับสกิลที่มึงมี ไม่พอใจเงื่อนไขก็ไม่ดีล จะทำงานหรือจะอะไรมันก็แบบนี้ทั้งนั้น
มีใครเคยลาออกจากงานทั้งๆที่ยังไม่ได้งานบ้างวะ ตอนนั้นคิดอะไรอยู่
>>782 ครั้งแรกสุด คึกคะนองหน่อยๆ อยู่ที่เดิมสบายแต่ไม่โต เชื่อว่าตัวเองสามารถหางานที่ดีกว่าเดิมได้ ซึ่งก็ดีที่หาได้จริงๆ
ครั้งที่สอง ทำงานหนัก สุขภาพร่างกายและจิตใจย่ำแย่ ไม่ไหว ออกมาทำฟรีแลนซ์เต็มตัวระยะนึง
ครั้งที่สาม ได้งานเงินดีกว่า
ครั้งที่สี่ บ.มีทีท่าว่าจะเจ๊ง กดดันพนักงาน มองไม่เห็นอนาคตบริษัท
ครั้งที่ห้า เจ้านายเสียกระทันหัน บ.ปิดตัว
ครั้งที่หก ได้งานที่ดีกว่า
ครั้งที่เจ็ด หัวร้อน เจ้านายงี่เง่า ออกตั้งแต่ตอนที่เพิ่งผ่านโปรเลย
>>782 เคยตอนสมัยวัยละอ่อนเพิ่งจบใหม่ในสายออกแบบ เข้างานเดือนแรกเจอซีเนียร์โยนงานให้หนึ่งตูม ออฟฟิศมีกันสองคนคือพี่เขาและกู ไม่อธิบายงานใดๆทั้งสิ้นให้กูทำเองทั้งหมด กูต้องกลับบ้านห้าทุ่มเที่ยงคืนทุกวัน(ดีนะที่บ้านกูอยู่ห่างจากที่ทำงานห้านาที) แต่พี่ซีเนียร์ของกูห้าโมงเลิกงานกลับบ้านสบายใจ แล้วยังเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น อะไรเหี้ยๆโยนให้เป็นความผิดกูแล้วคอยจ้องจับผิดตลอด เข้าห้องน้ำนานก็ด่า เล่นมือถือก็ด่า เปิดเน็ตก็ด่า ทำได้หนึ่งเดือนออกแม่ง แต่โชคดีที่ได้งานไว สายนี้หางานไม่ยากเท่าไหร่ด้วย
รู้สึกรำคาญเพื่อนร่วมงานที่ชอบทำตัวเป็นหัวหน้ากูว่ะ คือ..แผนกกูมันประกอบไปด้วยหัวหน้าแผนก ซีเนียร์ จูเนียร์ เด็กฝึกงาน กูก็เข้ามาทำในตำแหน่งซีเนียร์นี่ล่ะ อายุงานจากที่อื่นกูก็เยอะแล้ว มีความเชี่ยวชาญในสายงานพอสมควร ไม่ใช่เด็กใหม่ที่ต้องมาบอกกล่าวหรือสอนงาน แต่อีเพื่อนร่วมงานคนนี้แม่งชอบมาจับผิดเวลากูทำงาน พอกูไม่ทำแบบวิธีของมัน มันก็จะชอบถามกูทำงานเป็นรึเปล่าเนี่ย แล้วกูต้องจับคู่กะมันเพื่อทำโปรเจคหนึ่ง เวลาไปคุยกับเจ้านายหรือลูกค้ามันจะเป็นฝ่ายคุยแล้วบอกให้กูอยู่เฉยๆเดี๋ยวมันคุยเอง แล้วพอได้รับบรีฟมามันก็โยนงานมาให้เฉย บอกให้กูเอาไปทำ ทำเหมือนกูเป็นลูกน้องมันทั้งที่ตำแหน่งเราก็เท่ากันนะ สัส แค่เข้ามาทำงานก่อนไม่กี่ปีเสือกชูคอเหมือนได้ตำแหน่งใหญ่โตแล้วซะงั้น
เพื่อนโม่ง เราขอปรึกษา ตอนนี้เราสอบข้าราชการครูที่บ้านเกิดกับตอนนี้เรียนโทอยู่ด้วย เทอมแรกของปี มีสองฝ่ายเชียร์เรียนต่อกับทำงาน ซึ่งเราอยากทำงาน แต่ราชการครูมันจะโอเคไหม มันเสียโอกาสป่าววะ เราอยากเรียนโทต่อด้วย แต่ควเป็นเมือนอกแล้ว
เราได้โอนข้ามกระทรวง เพื่อที่จะได้กลับบ้านแล้ว
พรุ่งนี้ทำงานวันแรกแล้ว รู้สึกตื่นเต้น ทำตัวยังไงดี
ถ้ายื่นใบลาออกก่อนโบนัสออกมีสิทธิ์วืดโบนัสไหมวะ ถ้ากูยื่นวันที่ 1 ธันวา มีผล 31ธันวา โบนัสออก31ธันวา กูยังจะได้โบนัสไหม
ได้โบนัสก่อนค่อยออกนะ
งั้นหลังปีใหม่ค่อยยื่นดีกว่ากู เพื่อความชัวร์ ขอบคุณทุกความเห็น
อยากจะขอคำปรึกษากูเพิ่งเรียนจบมาเเต่ว่ากูกลัวการทำงานวิศวะมาก กลัวว่าจะทำไม่ได้ เลยไม่กล้าไปสมัครซักที
อยากรู้ว่างานมันยากไหม ใช้ความรู้เยอะเหมือนสมัยเรียนไหม เรียนโคตรโง่เลย ถ้าไม่ทำเป็นเซลล์เอนจิเนียต้องเก่งต้องรู้ระดับไหน
กูมีเพื่อนไม่กี่คนนะ เพื่อนๆก็ทำงานเเล้ว พอถามมันมันก็ทำงานสายDevโปรแกรมมิ่ง ซึ่งฟังดูยากมาก กูก็มานั่งกลุ้มว่ากูจะทำได้ไหม
อาจจะฟังดูปัญญาอ่อนนะที่มาพิมพ์อะไรเเบบนี้ เเต่ในนี้มีใครทำงานวิศวะบ้างปะ กูตอนนี้ทำงานฟรีเเลนซ์ของตัวเองอยู่
เรื่องเงินไม่มีปัญหาเท่าไร เเต่เอาตรงๆก็รู้สึกชีวิตล้มเหลวว่ะคือเรียนจบมาเเต่สิ่งที่เรียนไม่ได้เอาไปใช้ อยากลองออกจากcomfortzoneตัวเองไปสัมผัสงานดู
อยากได้ความกล้าว่ะ เห็นงานพวกไซต์ละเเบบถ้าไปทำนี่กูต้องโดนพวกช่าง หรือคนที่เรียนน้อยกว่าด่าเเหงๆเลยกู
>>801 มึงอย่ากลัว รีบๆเข้าไปตอนที่คนยังรู้สึกว่ามึงมือใหม่ ปล่อยจนรุ่นน้องมาสมัครงานพร้อมมึงไม่กลัวกว่านี้รึวะ
ปีแรกอาชีพอะไรก็ต้องเรียนรู้ใหม่หมดนะ ของนอกห้องเรียนแม่งยากสัสและสิ่งที่มึงต้องเข้าใจคือไม่มีใครคาดหวังว่าเด็กใหม่จะทำงานได้สุดยอด เขาแค่หวังว่าเด็กมันจะเรียนรู้ได้รวดเร็ว สอนงานพอได้แล้วทำงานต่อ ไม่ใช่ชิ่งไปทำที่อื่น
กูไม่รู้สายวิศวะ แต่กูเคยต้องทำงานกับพวกช่างก่อสร้าง สิ่งที่กูทำคือเรียนจากเขา ถามแหลก แต่กูเป็นคนตัดสินใจจากข้อมูลที่ปรึกษาเขา พวกช่างเขามองเด็ก ปตรีโง่กว่าอยู่แล้ว มึงไม่ต้องนอย555 แค่นอบน้อม เคารพในประสบการณ์เขา และดูดวิชา สองปีผ่านไปมึงก็จะมั่นใจเอง
>>801 ฟัง 802 แล้วลองทำดูก่อน เรื่องที่จะโดนช่างเหยียด มึงโดนอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวใครๆ เขาก็โดนกัน อย่าเก็บไปซีเรียสมากเดี๋ยวก็ปรับตัวได้ ทุกคนมีครั้งแรกกันทั้งนั้น ทำให้พอได้รู้ แล้วถ้าไม่ชอบมึงก็ไปต่อโท ไปเป็นอาจารย์ก็ได้ หรือผันไปเป็นเซลล์เอนจิเนียก็ได้ (เท่าที่รู้มาเพื่อนๆ กูที่ไปเป็นเซลล์ก็ผ่านงานเอนจิเนียมาทุกคนนะ กูเลยคิดเอาเองว่าต้องรู้ก่อนถึงจะขายได้) เดาว่ามึงเป็นผู้หญิง โดนเหยียดหนักกว่าแน่อยู่แล้ว แต่มึงก็ต้องปล่อยไปอย่าไปฟังมาก หาจุดสบายใจได้ก็ทำต่อได้ยาวๆ กูเห็นพวกช่างใหม่ๆ ก็เหยียดจังไม่เชื่อไม่ฟัง พอหิ้วเหล้านอกไปฝากละแหม....สนิทกันเชียว
กูวิดวะไฟฟ้า ขอบอกเลยว่า ไม่รู้ต้องถาม ดีกว่ากลัวเสียฟอร์ม เกิดการเสียหายกะอุปกรณ์และคน อาจารย์กูแกเน้นตลอดว่า เป็นวิดวะ อย่ามั่นใจในตัวเองมากไป เป็นเด็กใหม่ ทำตัวโง่ๆไปอะดีแล้ว
งั้นอันนี้ขอถามเรื่องการใช้ชีวิตในบ.หน่อยได้ไหม เช่นพวกมารยาทต่างๆน่ะ
ควรทำความรู้จักหลายๆคนไว้ด้วยใช่รึเปล่า พยายามนอบน้อม เอาของไปฝาก เข้าวงสนทนากินข้าวอะไรพวกนี้ใช่ปะ
มีอะไรที่ควรระวังไหม เช่น การกลับบ้านเร็ว กลับบ้านช้า ห้ามนอยหัวหน้า เงินเดือนต้องเป็นความลับห้ามบอกใคร
อันนี้กูก็เรียนรู้มาจากเพื่อนๆนะ มีอะไรเพิ่มเติมบ้างไหม การใช้ชีวิตทำงานน่ะ
เพื่อนโม่ง จะทำยังไงกับลูกน้องที่ไม่ฟังคำสั่งดีวะ พอมันไม่ทำตามที่กูสั่งกูก็ต้องไปสั่งให้คนอื่นทำแทนมัน
เรื่องที่กูสอนแม่งก็ไม่ยอมจำทั้งอธิบายทั้งแสดงตัวอย่าง แม่งก็จำไม่ได้ เออเจริญล่ะ
มีเพื่อนร่วมงานขี้นินทาควรทำยังไง ขี้เกียจฟังอ่ะ ไม่เห็นมันจะพอใจใครสักคน
มีใครเคยใช้แอฟ Helpster ปะวะ เวิรค์ปะวะ หรือเหมือนเว็บหางานทั่วไป
ทำงานทั้งวันฝนไม่ตก เลิกงานปุ๊บฝนตกเลยไอ่สั๊ส
พวกมึงเคยเจอคนที่โปรไฟล์เหมือนพระเอกมังงะยุค90 มั้ย กูมีเพื่อนร่วมงานคนนึงเป็นผญ. เรียนเก่งมาตั้งแต่เกิด จบเกียรตินิยม ฐานะดี ภาษาเด่น หยิบจับอะไรก็เรียนรู้ไวจนคนชม กูก็ชอบชมมัน แต่แม่งจะชอบมีรอยยิ้มขืนๆ เหมือนยังไม่พอใจในตัวเองอยู่ตลอดเวลา เวลาอยู่เฉยๆ จะดูมืดมน กุเคยถามตอนสนิทกันแล้วว่ามึงมีปัญหาหรือแซดแบ็คสตอรี่อะไรเปล่า มันบอกเปล่า แค่คิดว่าตัวเองจะทำได้ดีกว่านี้ กุแบบ...วะ การมีอยู่ของมึงเนี่ยก็ทำให้กุรู้สึกเหมือนเป็นหัวมันฝรั่งที่ไม่มีอะไรดีเลยแล้วนะ แต่มันเป็นคนดี กุได้แต่หมั่นไส้ปนเห็นใจ 55555
เมื่อกี้กูจ่ายงานให้คนตำแหน่งตำกว่า(แต่อายุเท่ากัน) แม่งเกิดเดดแอร์ว่ะ กูสั่งงานปุ๊บ เขาเงียบกริบไม่มีใครพูดอะไร ไม่มีเสียงตอบรับ กูกำลังคิดว่ากูน่าจะถูกเกลียด
>>814 โปรไฟล์สูงเลยโดนคาดหวังตลอดชีวิต มันเลยเหนื่อยน่ะ ทำดีก็แค่เสมอตัวเพราะคนคาดหวังว่ามึงจะต้องเก่ง ฉลาด ทำได้อยู่แล้ว เป็นที่พึ่งของทุกคน แต่ตัวเองกลับพึ่งใครไม่ได้เลย และห้ามพลาดนะ วันไหนพลาดมานี่มึงเอ๊ย...ถ้าไม่ใช่คนร่าเริงคิดบวกมากๆ ก็จะกลายเป็นคนมืดมนแบบนี้แหละ
กูมาหาที่ระบาย อยู่ดีๆกูก็ถูกอ.ผู้ใหญ่เข้ามาคุย บอกว่าในที่ประชุม เขาเห็นกูยิ้มตอนที่มีคนหนึ่งยกประเด็นปัญหาหนึ่งขึ้นมา ซึ่งปัญหาที่ว่าเป็นงานส่วนที่อ.ผู้ใหญ่คนนั้นดูแล
แกเลยเดินมาคุยกับกูนอกรอบ ถามว่าที่กูยิ้มนี่คือะไร ยิ้มทำไม มีปัญหาอะไร
ห่าน กูยิ้มในที่ประชุมก็ผิดหรอว่ะ เออ จริงๆกูยิ้มอย่างอ่อนใจนั่นแหละ ประชุมแต่ละเรื่องแม่งมีแต่ปัญหาเดิมๆ แก้ไม่ได้แปปๆก็ยกกลับมาพูดใหม่ กูเพลียกับเกือบทุกเรื่องในที่ประชุมนั่นแหละ
แต่คนนี้แม่งทักแล้วก็ใส่ๆ สรุปคือจะบอกว่าที่ตัวเองไม่ทำงี้งั้นก็เพราะมันไม่จำเป็น มันถูกอย่างที่อ.แกว่า แต่กูไม่เข้าใจว่า แม่งจะมาพูดกับกูเพื่อ?? ก็ไปพูดกับลูกน้อง/เบื้องบนที่เขาไม่เข้าใจอย่างที่อ.แกเข้าใจสิวะ มาพูดกับกูทำไม๊ กูทำอะไรได้?
ปิดท้ายด้วยการถามกูว่า “มีปัญหาอะไรกับพี่รึป่าวคะ”
กูนี่อยากบอกว่า ไม่ได้มีปัญหาค่ะ แค่ไม่อยากสื่อสารด้วย
เป็นหัวหน้าหน่วยแต่ไม่มีใครกล้าไปปรึกษาอะไรใดๆ ก็คิดเอาเองละกันว่าใครที่มีปัญหากันแน่ แม่งเอ๊ย
กูเคยทำงานที่โรงเรียนเอกชน พออ่านเม้น >>807-808 แล้วได้ความรู้ใหม่ว่าระบบของเอกชนมันก็มีขั้นตอนการเตือนเป็นระดับเหมือนกันกว่าจะไปถึงขั้นไล่ออก แต่ถ้าผิดร้ายแรงนี่คงไล่ออกทันที
ไม่เหมือนระบบราชการที่อ่านในเม้น >>762
ที่ขนาดกินเหล้าในเวลางาน โดดเวร ทำเรื่องเหี้ยๆสารพัดกว่าจะไล่ออกได้ต้องตั้งกรรมการเป็นขั้นตอนยุ่งยากอีก
คนบางคนนี่พูดเอาหล่ออย่างเดียวนี่หว่า
ตัวเองก็กากๆ สร้างปัญหาให้คนอื่น แต่ก็พูดออกสื่อหล่อๆ ฟังแล้วดูดี
คนที่ไม่รู้ก็คิดว่า เออ มึงถูกกระทำ ทั้งๆ ที่มึงทำตัวเองทั้งนั้น
ถึงกูจะกากเหมือนกัน กูก็ไม่โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเองแบบมึงว้อย
ไม่มีไร อยากระบายเฉยๆ
>>820-821
กูทำงานเกี่ยวกับวินัยของส่วนราชการ อยากเล่าให้ฟังว่า พวกข้าราชการเวลาจะขึ้นไประดับสูงๆมักจะมีการเตะตัดขากัน
ซึ่งมาในรูปแบบการร้องเรียน พอคนที่ทำงานด้านนี้นานๆ มันก็จะคิดแบบกลางๆไว้ก่อนว่าเรื่องนี้คนฟ้องกับคนถูกฟ้องมีปัญหาอะไรรึเปล่า
ถ้าสอบสวนแล้วไม่มีหลักฐานอะไรแน่ชัดก็สั่งลงโทษยาก อย่างที่มีข่าวระดับ8 จับนมลูกน้องอันนั้นเพราะมีคลิปเป็นหลักฐานเรื่องมันเลยจบไว
แต่ส่วนมากก็อย่างที่รู้กัน กว่าจะสั่งลงโทษแต่ละที มีขั้นตอนเยอะ กว่าระดับบนจะสั่ง สั่งเสร็จต้องให้ อกพ.เห็นชอบ ไหนจะต้องส่งเรื่องไป กพ.
เพราะงี้ ตัวระบบมันเลยไม่ค่อยดึงดูดคนเก่งเท่าไร เพราะคนฝีมือกลางๆหรือฟลุ้กสอบติดเข้ามาได้ ก็อยู่ได้ยาวๆ
ไม่มีการเอาออก เชิญออก ถ้าผลงานไม่ดี แถมเงินเดือนก็ขึ้นเรื่อยๆ ถึงไม่เยอะแต่ปรับฐานตลอด
พออยู่ไปนานๆ เงินเดือนก็จัดว่าสูงพอสมควร
สำหรับคนที่หางานอยู่ อยากบอกว่าถ้าคุณเก่งจริงคุณอยู่ที่ไหนก็ได้ไม่ว่าจะราชการหรือเอกชน
แต่ถ้าคุณอยากสบายช่วงท้ายของชีวิต การสอบเข้ามาเป็นข้าราชการมันตัวเลือกที่ดี
>>826 กูคิดว่าถ้าเก่งจริงๆไงๆเอกชนก็ทำเงินเยอะกว่าความเป็นอยู่จะสบายกว่า เรื่องค่ารักษาถ้าเงินถึงจริงๆไม่เป็นปัญหาหรอก แถมสวัสดิการราชการก็ไม่รู้จะตัดทอนอะไรเมื่อไหร่หลังๆนี่ก็ลดไปเยอะแล้ว แต่ถ้าฝีมือกลางๆก็อย่างว่าราชการมันช่วยทั้งในเรื่องความมั่นคงระหว่างทำงานและสวัสดิการตอนแก่ได้เยอะ
>>827 กูได้ยินคนพูดว่าถ้าเก่งให้ไปเอกชนเยอะมากมึงช่วยอธิบายขอบเขตของคำว่าเก่งของมึงได้ไหม อันนี้ถามความเห็นจริงๆ ไม่ได้กวนตีน เพราะคนรอบข้างชอบบอกว่ากูเก่ง กูเองก็ไม่ค่อยมั่นใจตัวเองหรอก แต่พอเทียบกับเพื่อนหรือญาติในด้านการวัดผลที่เป็นรูปธรรม(เกรด/มหาลัย/ผลสอบภาษา/การเอาตัวรอด)กูก็ทำได้ดีกว่าพวกเขาอ่ะแหละ แต่ดูจากงานแต่ละที่ๆ เรียกกูไปสัมนี่มันก็งานเอกสารด๋อยๆ ที่ไม่น่ามีอนาคตทั้งนั้นเลยว่ะ นี่ก็สองปีกูเปลี่ยนงานมาสองที่ สำรวจเส้นทางการเลื่อนขั้นของคนในแผนกแล้วกูก็คงไม่แคล้วเดินตามรอยเขาที่ต้องรอคนเก่าเกษียณออกถึงได้ปรับขึ้น กูเลยงงว่าที่ว่าเก่งให้ไปเอกชน ทั้งที่บ.ส่วนใหญ่มันก็เน้นเก่าไม่ไปใหม่ไม่ได้ขึ้นคล้ายกับราชการ แถมเงินเดือนตันเร็ว(มาก) ด้วย
เบื่อพวกคนแผนกอื่นที่เวลางานตัวเองมีปัญหานี่เรียกร้องความช่วยเหลือจากคนอื่น ทั้งๆที่มึงก็ทำตัวเอง
แต่พอคนอื่นเดือดร้อนจากปัญหาที่มันทำบ้างนี่ไม่สนใจห่าอะไรเลย ต้องให้หัวหน้ามันจิกให้อย่างเดียว
>>828 กูขอยกการคำนวณเงินเดือนของข้าราชการมาเทียบล่ะกัน ตีความเก่งเป็นความสามารถในการทำเงินจะได้เข้าใจง่ายๆ
ข้าราชการบรรจุใหม่ได้ 15000 แต่ละปีปรับเงินเดือน 2 ครั้ง แต่ละครั้งได้สูงสุด 6% ซึ่งคนที่ได้ 6% นี่ก็พวกเด็กเส้น
ส่วนมากจะอยู่ที่ 2.5-3.5% ต่อครั้ง ปีหนึ่งก็ประมาณ 6% และการขึ้นเงินเดือนไม่ได้ขึ้นจากตัวเงินเดือนที่คนๆนั้นได้รับ
แต่คิดจากค่ากลาง เช่นเงินเดือนต่ำหว่า 18000 ค่ากลางอยู่ที่ 17900 ถ้าเงินเดือนขึ้น 3% จะได้ 500กว่าๆ
ปีหนึ่งขึ้น 2 ครั้งก็ขึ้นปีละ 1000 แต่จุดที่ดีกว่าเอกชนจริงๆคือระบบบำนาญ ที่รับราชการ 25 ปี จะคิดบำนาญให้ครึ่งหนึ่งของเงินเดือนช่วงสุดท้าย
ในขณะที่ประกันสังคมจ่าย 15 ปี ให้แค่ 20% จ่ายเพิ่มอีกคิดปีละ 1.5% แปลว่าที่ 25 ปีเท่ากันข้าราชการได้ 50%
แต่เอกชนได้แค่ 35% เอง
คำว่า "ถ้าเก่งให้ไปเอกชน" สำหรับกูนะ คือทำงานเอกชนแล้วได้เงินเดือนเริ่มต้นสูงมากและรับเงินเดือนในระดับสูงไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงเกษียณอ่ะ
เงินเดือนข้าราชการได้เท่าไรไปเอกชนแล้วได้เงินเดือนสูงกว่าข้าราชการซักสองเท่าก็ออกไปเอกชนดีกว่า ตัวเงินที่ได้ในระยะยาวมันสูงกว่ามารับราชการแน่ๆ
อยู่เอกชน ผู้บริหารจะเขี่ยมึงตอนไหนก็ได้
มีไฟ งานดี เข้าหาคนเก่ง ก็มีสิทธิ์โดนเตะออก
บริหารอ้างว่าลูกจ้างเหมือนครอบครัว ก็พูดเเต่ปาก ไอคนที่พาความชิบหายเข้าบริษัท เเถมทำงานชุ่ยได้ เสือ๋กโอ๋ เพราะหวงจุ้ย โหงวเฮ้ง เคมีเข้ากัน ไอพวกตั้งใจทำงานก็ไม่เห็นหัว
เงินเดือนจะขึ้นมากน้อยก็มาอ้าง kpi ที่ตั้งขึ้นมาเเบบ impossible quest เเถม hr ก็ไม่โปร่งใส
มึงเอามั่นคง เอาหยุดเสาร์อาทิตย์ เอาสุขภาพจิต มึงไปราชการเถอะเชื่อกู
ที่ทำงานใครมีคนที่คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลบ้างวะ
ที่ทำงานกูมีคนหนึ่ง แม่งชอบคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำ คือสิ่งที่ถูกต้อง เป็นปกติมนุษย์ที่สุดในโลก ซึ่งความจริงมันไม่ใช่
ยกตัวอย่างเช่น วันนี้
ส่งเอกสารไม่เกิน10แผ่น แต่เป็นเอกสารสำคัญ ที่ควรจะถึงมือผู้รับแบบเรียบร้อยที่สุด
แต่แม่งใส่ซองกระดาษธรรมดา ส่งไปรษณีย์
พนักงานบอกว่า ข้างในเป็นกระดาษรึเปล่าครับ น่าจะใส่กล่องนะ มันจะได้ไม่ยับ ไม่พับ
มันไม่ใส่ ส่งไปแบบนั้นแหละ
แล้วมาบ่นให้คนที่สำนักงานฟังว่า พนักงานแม่งบ้า ใส่ซองแล้ว จะให้ใส่กล่องอีก ใครมันจะทำแบบนั้น ใครๆเขาก็ส่งแบบที่มันส่งกันทั้งนั้น
ใครจะบ้าใส่ซองแล้วใส่กล่องอีก ไม่บ้าก็โง่
ไม่มีใครตอบอะไรมัน เพราะทุกคนคิดว่า มึงนั่นแหละทั้งบ้าทั้งโง่ ไม่ได้รู้ตัวเลย
นี่คือเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ความจริงมันมีเรื่องทุกวัน เพราะตรรกะพินาศของมัน ทำให้มันมีปัญหากับทุกอย่างในชีวิต แต่มันก็ยังคิดว่า มันน่ะปกติ คนอื่นที่ทำไม่เหมือนมันต่างหาก ที่ผิดปกติ
โอ๊ย กูจะบ้า โคตรเสียสุขภาพจิตเลย
>>832 มี กูก็เจอแต่โชคดีที่ลาออกไปแล้ว แต่ช่วงหลายวันที่ผ่านมาแม่งก็มาโวยใส่managerแบบงงๆอยู่นะว่าตารางงานมันทำไมไม่มีชื่อมันบ้างเลย(ก็ลาออกไปแล้วจะมาทำงานอีกเพื่อ??) แถมตัวมันเองนี่ด่าคนรอบตัวผิดหมดอ่ะ ไม่เคยรับว่าตัวเองผิดเลย(กูคิดว่ากูก็คงโดนมันด่าลับหลังกับคนที่สามในที่ทำงานสักคนอ่ะนะ) ที่กูจะบ้าตายสุดๆเลยนะคือ ด่าคนนั้นว่าคนนี้แล้วมาเล่าให้กูฟัง พอกูุจะเดินหนีแม่งรั้งกูมาชวนกูคุยอีก มันว่าตัวมันเองลงแรงเยอะกว่าใครเพื่อนแต่ตลกสัส ระหว่างวันนี่อ้างว่าป่วยงั้นงี้สารพัดเลย ช่วงมันมาทำงานใหม่ๆนี่หายหน้าหายตาไปจากzoneทำงานให้คนอื่นเค้าแทงก์กัน(กูเพิ่งมาจับผิดได้ช่วงที่คนทักว่ากูไปขอเวลานอกน้อยสุดแล้ว(กูนานสุด15นาที) แต่มันอ่ะขอเวลานอกงานเยอะมาก(เกือบครึ่ง ชม.) ) ไหนจะด่าคนที่ทำงานแย่กว่าตัวเองนั่นนี่อีกทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ทำงานดีที่สุดในแผนกสักนิดเลยนะ ที่กูเกลียดมากๆจนเริ่มไม่โอเคแต่ต้องทนกับมันเลยคือมันไม่ยอมรับความผิดของตัวเองนี่แหละ ยังดีที่มันเข้าหาและสนิทกับกูมาก ลึกๆละกูก็เกลียดมันมากด้วย สันดานโคตรหน้าไหว้หลังหลอกชิบหาย ถ้ามันไม่ลาออกนะกูคงลาออกหางานใหม่แทนเอาดาบหน้ายังดีกว่าซะอีก
>>828 ของกูหมายถึงพวกตัวหัวของมหาลัยชั้นกลางขึ้นไปเลยอะ แบบไปทำงานที่ไหนคนรับอย่างไวเงินเดือนสตาร์ทหลายหมื่น3-4หมื่นไรงี้ ภาษาก็ได้ทำงานเมืองนอกก็ชิวๆ ประมาณแบบนั้น อย่างลูกพี่ลูกน้องกูนี่ทำงานอังกฤษสบายๆเพิ่งลาออกมาไทยกลับมาทำงานบ.ต่างชาติเงินเดือนเป็นแสน สัมภาษณ์นี่แทบไม่มีผลเลยเพราะโปรไฟล์โคตรเทพ หรือพี่เพื่อนกูทำงานเวิลด์แบงก์อยู่เมกางี้
กุชอบทำงานเอกชนเพราะมันสนุกและท้าทายดี แต่พอมาอ่านที่พวกมึงพูดกูนี่กลัวจัง อีกไม่กี่ปีก็สามสิบละด้วยแต่ก็ไม่อยากทำราชการ จะทำไงดีอ่ะ
ตอนนี้กูทำงานอยู่ ตปท สายวิศวะ อยากกลับไทยไปหางานอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่สายนี้ มีสายงาน/บริษัทไหนมั้ยวะที่เงินเดือนดีๆ แนะนำกูหน่อย ตอนนี้ดูๆพวก management trainee กับสาย consult อยู่
เพื่อนโม่ง ถ้าหากว่าในสัญญาระบุไว้ว่ากูห้ามย้ายงาน กูก็จะไม่สามารถย้ายงานได้เลยเหรอวะ
บ.กูไม่จ่ายโอที ให้เป็นเวลาชดเชยแทน สมมติว่าทำ1ชม ก็มีเก็บ1ชม ทำอะไรได้บ้างมั้ยวะ
>>843 บ.กูมีคล้ายๆมึง แต่เป็นแล้วแต่แผนกว่าหัวหน้าจะกำหนดยังไง หัวหน้าเก่ากูให้แลกเวลาแทนเงิน วันไหนพวกกูทำงานดึก ก็ขอว่าวันถัดไปจะเขาสายกี่ชั่วโมงก็ตามเวลาที่ทำงานเกินมา ช่วงไหนทำเยอะๆก็บอกได้ว่าขอเก็บแลกเป็นวันหยุดได้กี่วันก็ต่อรองเอาอ่ะ
โม่งเพื่อนรัก พวกมึงมีวิธีการจัดการความคิด ความรู้สึกของตัวเองยังไง เวลาเจอคนอายุเท่ากัน สมัครงานในตำแหน่งที่สูงกว่า แต่ความรู้ต่ำกว่ามึงจนมึงต้องคอยไปซัพไปแบกให้ตลอด พอจะสอนแม่งก็เถียงและอ้างว่ารู้แล้ว ตัวเองเก่งแบบนั้นแบบนี้แต่ความรู้ในสายงานระดับTraineeยังมีไม่ถึงด้วยซ้ำ
ล่าสุดคนนั้นบอกว่าตัวเองเก่งตระกูลG Suitมากเพราะใช้มาตลอด2ปี แต่เมื่อเช้าแม่งเรียกกูทำFWDเมล์และตั้งค่าsignature emailอยู่ แถมยังดูแฟ้มงานต่างๆในDriveไม่เป็นอีก
พีคสุดคือถามกูว่าVDO Thumbnailคืออะไร ใส่ตรงไหนของFBทั้งที่งานนี้ไม่ใช่งานกู กูไม่เคยมีloginเข้าไปดู
แต่กูต้องตอบให้ได้ไม่งั้นแม่งจะฟัดจะเหวี่ยงหาว่าเพื่อนร่วมงานไม่ซัพพอร์ทอีเวรนี่
กูควรตะโกนด่าควยใส่หน้าอีนี่ซักทีดีมั้ยวะ
>>847 กูResและCCเมล์ประจานให้พวกหัวหน้าตลอดเว้ย แต่แม่งหัวหน้าแผฟนกโดยตรงกูเสือกอยู่เมืองนอก มาเข้าบ.เข้าแผนกครั้งละอาทิตย์เว้นอาทิตย์ เมล์แม่งCCไปก็เหมือนไม่รู้เรื่อง(แม่งเปิดเมล์อ่านบ้างรู้เปล่ายังไม่รู้เลย) เหลือแต่รอวันประเมินงานเนี่ยพวกกูจะเข้าไปบอกบอสกันว่าอีนี่ไม่ไหวแล้วจริงๆ ที่พวกกูเงียบๆไม่วีนใส่เพราะแม่งเป็นเด็กเส้นเลขาเจ้าของบ.เถอะนะห่าเอ้ย
ky กูสงสัยนะจะสมัครงานแต่ส่วนมากงานที่กูเรียนจบมารับแต่คนมีประสบการณ์ แล้วกูจะไปหาประสบการณ์ที่ไหนมาให้เพราะแต่ละที่ก็รับคนมีประสบการณ์ กูงงในงง
เรสที่พวกมึงว่านี่คือยังไงวะ? งง เอาคำแบบที่ง่ายขึ้นมานิดนึงหน่อยจิ
กูทำงานเอกชนส่งประกันสังคมเอง มันจะไปคุ้มตอนแก่ใช่มะ ที่กูส่งๆไปนี่ไม่ไร้ประโยชน์ใช่ป่าว
ถามมนุษย์เงินเดือนฐานภาษี 15-20 หน่อยว่าซื้อ LTF กันเต็ม max เลยมั้ย?
>>859 กูอยากเล่า กูเรียนวิทย์สุขภาพ กูเคยหน้าด้านยื่นสมัครรพที่บอกว่าตำแหน่งนี้ต้องการคนมีประสบการณ์ ก็อยากลองไง ยื่นๆไปแม่งเรียกสัม แล้วก็มานั่งถามว่ากูมีประสบการณ์มั้ยบลาๆ เสียเวลามาก กูก็เขียนทุกอย่างลงเรซูเม่แล้ว ยังจะมาบอกว่า ทางนี้อยากรับคนมีประสบการณ์นะ แล้วจะเรียกมาสัมเพื่อ! เอาจริงๆ มันคงแล้วแต่ที่ กูแค่อยากบอกว่า ถ้าไม่อยากเสียเวลา มึงก็ไปสมัครที่มันคุณสมบัติตรงๆกับมึงตั้งแต่แรกจะมีโอกาสมากกว่านะ
ขอพูดในมุมของคนเคยเรียกสัมภาษณ์หน่อยนะ ที่บางตำแหน่งอยากได้คนมีประสบการณ์ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องประสบการณ์ทำงานอย่างเดียวหรอก ความจริงงานน่ะมันสอนกันได้ แต่ attitude, sense of responsibility, accountability, pressure handling skill ฯลฯ คนทำงานแล้วกับเด็กจบใหม่มันต่างกันมาก ทีนี้ที่เรียกมาสัมภาษณ์เพราะเห็นเด็กบางคนน่าสนใจกล้าสมัครก็เรียกมา ซึ่งมันก็มีจริงๆ นะ เด็กจบใหม่ที่เราสัมภาษณ์แล้วรับเพราะจากการสัมภาษณ์เห็นได้ว่า attitude เด็กมันมีความเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวพร้อมที่จะทำงานแบบเท่าทัดเท่าเทียมกับผู้ใหญ่คนอื่นๆ ในที่ทำงาน ส่วนเด็กจบใหม่ที่มีความเป็นเด็กจบใหม๊จบใหม่ เราก็ต้องปล่อยผ่านให้เค้าไปทำงานในที่และตำแหน่งที่เหมาะสมต่อไป ดังนั้นขอแนะนำเหมือนกันว่าถ้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กจบใหม่ทั่วไป ก็ไปสมัครงานที่เค้า welcome fresh นั่นแหละดีแล้ว มีงานมากมายที่อยากได้เด็กจบใหม่ใสๆ แบ๊วๆ กล่อมง่าย สอนง่าย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ แต่บางงานมันต้องการคนที่โตกว่านั้น แต่ที่เรียกสัมภาษณ์เด็กจบใหม่มาบ้างเพราะไม่อยากตัดสินกันที่ resume อย่างเดียว อยากให้โอกาส
เสริมอีกนิด งานที่ยินดีรับเด็กจบใหม่มีเยอะนะ แต่ช่วงปลายปีอาจจะหางานยากกว่าช่วงอื่นหน่อยเพราะหลายคนเริ่มรอโบนัสยังไม่ลาออก แถมยังไม่ขึ้น fiscal year ใหม่แผนกส่วนมากก็จะยังไม่ได้ budget หรือ headcount เพิ่ม ถ้าหางานช่วงนี้ไม่ได้ก็อย่าเพิ่งคิดมาก ระหว่างสมัครงานก็หาทางเพิ่มคุณสมบัติใส่ตัวให้เยอะๆ
พรุ่งนี้วันจันทร์
ไม่มีปสก. จะส่ง resume ได้ปะวะ เห็นมีแต่ ต้องการ 2ปี
ถ้าส่งใบสมัครผ่านเวบหางานไปเมื่อวาน วันนี้ยังเงียบๆ นี่หมดหวังยังอะ
Analyst จะขึ้นไปถึง 100K นี่ควรได้สกิลด้านไหนมั่งวะ กูจะ 30 แล้ว ตันอยู่ที่ 80K
ฝ่ายกูได้งบจากHR ให้เอาไปเที่ยวปลายปี หัวหน้ากูเลยวางแผนให้คนทั้งฝ่ายไปเที่ยวด้วยกัน กูเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นหัวหน้านะ ที่อยากเห็นความสามัคคีกลมเกลียวในกลุ่ม อยากให้คนในฝ่ายไปทำกิจกรรมอะไรร่วมกันซักครั้ง
แต่กูรู้สึกเบื่อขึ้นมาซะอย่างงั้น ทุกวันนี้กูคิดว่าตัวเองก็รักษาตวามสัมพันธ์ในที่ทำงานได้ดีอยู่แล้ว การให้ออกไปทำกิจกรรมข้างนอกโดยมีความคิดหวังว่าทุกคนในฝ่ายที่ไปจะได้มีความสนิทสนมมากขึ้นนอกเหนือจากที่ทำงานนี่มันเป็นไปไม่ได้สำหรับกูอ่ะ มันมีคนไม่ถูกกันและคงแก้ไม่ได้ด้วยการไปเที่ยวด้วยกันครั้งเดียว แถมคนในฝ่ายก็ไม่ใช่แค่10-20 คนแต่เยอะกว่านั้น ถึงไปเที่ยวด้วยกันสุดท้ายกบุ่มที่สนิทกันอยู่แล้วก็จับกลุ่มกันเองอยู่ดี
พูดแล้วก็รู้สึกเหนื่อย ที่ทุกวันนี้การรักษาความสัมพันธ์กับคนในที่ทำงานกลายเป็น "งาน" อย่างหนึ่งที่ต้องทำไปแล้ว
การรักษาความสัมพันธ์กับคนในที่ทำงานนี่มันเป็น "งาน" อย่างหนึ่งเลยว่ะ สำคัญพอๆกับความสามารถในการทำงานเลย ทำงานไม่เก่งแต่เข้ากับคนอื่นได้ดีก็พอเอาตัวรอดในที่ทำงานได้
>>882 จริงๆ กูชอบทำกิจกรรมนะ กูก็เลยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการจัดกิจกรรมบริษัท แต่แม่ง เดือนนี้จัด Team Building เดือนหน้าจัด Sport Day พย.มี Staff Party อีก เหี้ยเอ้ย เหนื่อยชิบหาย งานหลักก็ต้องทำ กิจกรรมมึงจะเยอะไปมั้ย เสือกต้องประหยัดงบด้วยนะ จ้างนอกไม่ได้ต้องจัดกันเอง จัดดี HR ก็ได้หน้าไป กรรมการที่เหลือเหนื่อยอย่างเดียว อยากจะออกจากคณะกรรมการตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว บ่นไปงั้นแหละ ยังไงก็ต้องทำ
งานราชการที่เค้าเปิดสอบกันนี่เหมือนจ่ายเงินค่าสมัครให้ฟรีๆเลยรึป่าววะ คือจ่ายเงินค่าสมัครสอบแต่จะได้สอบไหมต้องให้เขาพิจารณาอีกที
กูเบื่อสังคมที่ทำงานกูว่ะ วันๆแม่งนั่งจับกลุ่มนินทาคนอื่น งานการไม่ทำ เบื่อโว้ย
ในนี่มีใครทำ ผู้ช่วยผจก supervisor ตามร้านอาหาร ไหมวะ
>>878 กูเคยเจอไปครั้งนึง แบบว่าโคตรเซ็ง
คือคนในแผนกที่ก็ไม่ได้เด็กๆกันแล้ว แต่งอแงกันจะเล่นห่าอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ ทั้งที่งานก็กองท่วมหัว
ถึงเวลาจัดการอะไรกันก็เละเทะมาก ส่วนที่ต้องทำอะไรกันจริงๆจังๆไม่สนใจ จะเล่นจะเม้ากันอย่างเดียว กูก็เลยไม่ค่อยอยากยุ่ง
พอกูอิดๆออดๆก็มีการมาแขวะกูอีกว่ารู้จักทำกิจกกรรมเข้าสังคมบ้างนะ อย่าเอาแต่หมกตัวอยู่คนเดียว
คือตอนอยู่มหาลัยกูก็เป็นเด็กกิจกรรมนะ แต่พอมาทำงานกูรู้สึกว่าไม่ได้อยากทำอะไรแบบนี้เท่าไหร่แล้วไง
แล้วยิ่งมาเจอคนแบบนี้อีกคือไม่ทำห่าอะไรเลย แต่มโนว่าตัวเองทำ แล้วก็พยายามเอาหน้าพรีเซ้นตัวเองให้หัวหน้าดู
คนแบบนี้ใครจะไปอยากอยู่ด้วยวะ ไม่รู้ตอนอยู่มหาลัยไปป่วนงานเค้าจนโดนถีบออกมาเลยเสี้ยนอยากทำหรืออะไร
ตอนนี้เป็นโปรแกรมเมอร์แต่อยากมีความสามารถด้านอื่นเก็บไว้ ไปเรียนการแสดงดีไหม เผื่อรับงานตัวประกอบโฆษณาเป็นอาชีพเสริม
>>890 กูเคยสอบแต่สนามใหญ่นะ ถ้าเอกสารประกอบการสมัครครบ คุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขก็ได้สอบ แต่ถ้าไม่ตรงก็ไม่มีสิทธิ์สอบ หรือมีสิทธิ์ (แบบจนท.รับสมัครมันตรวจไม่ละเอียด) แล้วปรากฏว่าสอบได้ ก็จะมีการตรวจทวนเอกสารอีกครั้ง พบว่าไม่คุณสมบัติไม่ตรงก็เสียสิทธิ์ไป
ของมึงนี่ยังไงอะ สมัครแล้วไม่มีชื่อเหรอ ถ้าไม่มั่นใจโทร. ไปท้วงเลยนะ คนตรวจ คนพิมพ์ชื่อน่ะมันเป็นคน อาจจะผิดพลาดได้
กูยังงงๆอะ มึงสอบของหน่วยงานอะไรวะ คือปกติถ้ามึงสมัครสอบ คุณสมบัติครบตามที่เค้ารับ (ไม่มีข้อต้องห้ามไรงี้) แล้วจ่ายเงินค่าสมัครเรียบร้อย มันก็มีสิทธิสอบนี่ ส่วนจะสอบได้ไม่ได้ก็อีกเรืรอง ถ้าสอบได้คะแนนไม่ถึงตามเกณฑ์เค้าก็ไม่มีสิทธิสัมภาษณ์แค่นั้น
อยากรู้ว่าสมัครบนเว็บหางานหรือเว็บบริษัท เค้าเปิดดูกันไหมวะ กูสมัครจะเป็นร้อยๆแล้วไม่มีตอบกลับเลย
จะเมลไปอีกรอบก็กลัวหาว่าดันทุรังส่งทั้งๆที่เค้าไม่เอา
ที่ บ.กู มีแบบสอบถามให้ทำ เปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบริษัท พอกูคอมเม้นท์ไปในทางไม่ดี ไม่ใช่ด่าเสียๆ หายๆ นะ แค่ไม่เห็นด้วยกับบางการกระทำ ที่ทำให้เรารู้สึกไม่เชื่อมั่นในบริษัท ปรากฎว่าหัวหน้ากูโดน HR เรียกไปปรึกษา ว่าจะทำยังไงกับความคิดเห็นของเรา เรียกไปถามว่าเราคอมเม้นท์แบบนี้ต้องการอะไร แล้วคือ?? เรียกหัวหน้าไปแทนที่จะเรียกกูไปคุย?? นี่พวกมึงยินดีจะรับฟังความคิดเห็นพนักงานจริงๆ มั้ยวะเนี่ย คือถ้ากูไม่ได้เขียนอวยเลียแข้งเลียขาแล้วหัวหน้ากูต้องมาเดือดร้อนแทนหรอ? ยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกแขยงแล้วเนี่ย ถ้าไม่เห็นแก่หัวหน้ากับทีมกูไม่อยู่หรอกบ.นี้
>>894 มั่นใจว่าดู แต่ไม่ดูทุกคนแน่ มึงอย่าลืมว่าปริมาณคนส่งไปกันเยอะมากถ้าไม่ใช่ตำแหน่งสูงๆ หรือ ตำแหน่งเฉพาะทาง ถ้าเรซูเม่มึงไม่น่าสนใจแปบเดียวมันก็กลืนไปกับกองเมล์แล้ว แล้วพยายามเขียนหัวข้อเมล์กับ CV ให้ได้มาตรฐานด้วย ไม่ใช่ส่งไปแค่ "สมัครงาน" หรือ "ส่ง resume ครับ" ไรงี้
ลองส่งไปถามเพื่อนหรือคนรอบตัวให้เขาแนะนำให้ ถ้าปรับแล้วยังไม่ได้อีกก็ขึ้นกับประสบการ์ณมึงไม่ตรงกับงาน ไม่ก็โหงวเฮ้งเบ้าหน้ามึงอาจจะไม่ถูกชะตา HR
>>896 สมัยทำงานใหม่ๆกูก็เป็นแบบมึง แต่ตอนนี้กูอีโวแล้วอยู่เป็น เลียเป็น เรื่องเหี้ยๆที่ก็พยายามไม่เก็บมาคิด อยู่สบายขึ้น กูแนะนำให้แค่ว่ามึงไม่ได้ทำงานเพื่อบริษัท หรือทำงานเพื่อหัวหน้ามึง แต่มึงทำงานเพื่อตัวเอง
KY ไม่รู้ถามถูกมู้มั้ย โม่งไหนเป็นอินทีเรียร์บ้าง คือกูกำลังหาข้อมูลแต่งนิยายอยู่ อยากรู้ถ้ามีโปรเจ็คออกแบบห้องให้รีสอร์ท(ห้องพัก)อะไรแบบนี้ (ไปตจว.) มันใช้เวลาประมาณกี่วันวะ หรือใช้ทีมละกี่คน รู้สึกจะไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย ช่วยกูที orz
คือตอนนี้กูทำงานอยู่ ตปท ตัวเนื้องานเป็นงานที่ทำจบเป็นโปรเจคๆไป เลยไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่ถ้าจะขอลายาวๆ (กูทำมาหลายรอบแล้วไม่มีปัญหาอะไร) กูก็เซฟวันลาปีนี้ กะไว้ลารวดเดียว คือเมื่อหลายเดือนก่อนก็คุยกับหัวหน้า บอกอยากจะลาหยุดยาวๆซักเดือนกว่า เอาช่วงไหนดีที่ว่างๆ ตกลงกันได้ช่วงธันวาลากยาวไปปีใหม่
ช่วงก่อนกูเข้าโปรเจคยาวๆ เลยไม่ได้อยู่ออฟฟิศ มีเมล์เข้าจากหัวหน้า บอกว่าเนี่ยแพลนเปลี่ยนหว่ะ ปีนี้คริสต์มาสปีใหม่งานเยอะ คนไม่พอ เพราะทุกคนอยากลากช่วงนั้นกันหมด แล้วกูเสือกลาควบทั้งคริสต์มาสทั้งปีใหม่เลย ก็มีการแบบกึ่งๆกดดันให้กูเปลี่ยนวันลา บอกคนอื่นเค้าเลือกลาไม่อันใดก็อันหนึ่งนะ แต่อีห่า ตกลงกันมาหลายเดือนแล้ว กูก็มีแพลนปะวะ เพื่อนผูงพ่อแม่พี่น้องกูเค้าก็ลางานมาแพลนจะไปทริปกันอะไรงี้ กูแบบนอยด์ชิบหาย ก็พ่นไฟตอบเมล์ไป บอกแบบนี้ไม่โอเค แต่เออเดี๋ยวไปเคลียร์กันตอนกูเข้าออฟฟิศ
เมื่อวันก่อนกลับเข้าออฟฟิศมาคุยกับหัวหน้า คือระหว่างช่วงลาเดือนกว่าของกู กูอาจต้องบินกลับมานี่ตอนช่วงคริสต์มาสปีใหม่ มาโคเวอร์ให้ไม่กี่วัน แล้วบินไทยไปหยุดต่อ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! จะบ้าหรออออออออ
แล้วเดือนหน้าตอนแรกบอกจะส่งกูไปโปรเจคนอกประเทศ ซึ่งกูมีใส่วันลาไว้สองวัน ถามกูอีกแคนเซิล/เลื่อนได้มั้ย จะได้อยู่ทำโปรเจคนี้จนเสร็จไปเลย ซึ่งตอนนั้นสถานการณ์เรื่องวันลาปลายปีกูยังไม่เคลียร์ กูก็พยายามหยวนๆ แบบเออถ้าแคนเซิลอันนี้แล้วปลายปีกูได้ก็โอเค แล้วโปรเจคนี้ก็จ๊อปใหญ่อ่ะ ส่วนตัวกูก็อยากไปทำอยู่แล้วไง
ล่าสุดวันนี้ หัวหน้าเรียกไปคุย แล้วบอกว่ามีรีพอร์ทของจ๊อปที่ไม่เกี่ยวข้องห่าอะไรกับกูเลยบอกมาให้ช่วยทำให้เสร็จหน่อยนะ คนที่ทำแม่งทำมาเป็นเดือนแล้วไม่เสร็จซักที ตอนนี้ลาหยุดหนีกลับบ้านไปแล้ว นางบอกนางเครียดมาก นางไม่โอเค ขอ unpaid leave เพิ่มอีกจะไปหาจิตแพทย์ สรุปคือกูโดนโยนรีพอร์ทมาให้เพื่อนร่วมงานไปพักบำบัดจิต ส่วนกูติดแหงกอยู่ออฟฟิศ โปรเจคที่กูแคนเซิลวันหยุดตัวเองมาก็อาจจะไม่ได้ไปแล้ว
คือกูไม่โอเคที่หัวหน้าแม่งกลับไปกลับมาเรื่องวันลากู กูไม่โอเคที่กูแพลนชีวิตตัวเองห่าอะไรไม่ได้เลย กูไม่โอเคที่เพื่อนร่วมงานไม่ take ownership ของงานตัวเองแล้วมาลงที่กู โอ๊ยยยย อีห่าาาาา กูจะลาออกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
>>902 แบบนี้หนักใจแทนทุกฝ่ายว่ะ ทำไมต้องเป็นมึงที่ต้องยอม ...เพราะมันไม่มีใครแล้วไง หนักเลยแบบนี้ มึงเองก็คงเข้าใจสถานการณ์เข้าใจหัวหน้าอยู่แล้วนั่นแหละ เลยทำได้แค่มาระบาย ยังไงก็สู้ๆ นะมึง เห็นใจ มึงก็ยื่นข้อเสนอโยกวันลาไปใช้ปีหน้าให้บานเบอะไปเลยได้ป่าว ระหว่างนี้หัวหน้ามึงเตรียมหาคนเพิ่มได้เลย งานโหลด เดี๋ยวตัวท็อปหลุดมือไปจะแย่นะ
พรุ่งนี้วันจันทร์อีกแล้วสาด T_T
ไม้มีงานทำ สบายใจจุง
มึงคิดว่าเงินดีแล้วทุกอย่างมันจะง่ายหรอวะ!! กูไม่ใช่ 902 แต่เสือกอิน
โม่ง กูเองที่เคยบ่นเรื่องเพื่อนร่วมงานใหม่ดีแต่โม้แต่ทำงานเองจริงๆไม่เป็น
วันนี้ประเมินงานหัวหน้ากาหัวไม่ผ่านงานให้นางแล้วจ้า บายยยยยยยยยยยยยยยยยยย
>>914 ส่วนมากจะเริ่มประเมินงานพวกเด็กใหม่กันหลังจากทำงานกันมาได้3-6เดือน ระหว่างนั้นก็พยายามเรียนรู้และเก็บรายละเอียดงานเอาให้เต็มที่อ่ะมึง 1เดือนยังไงก็เรียนรู้ไม่ทันหรอก แต่ถ้ามึงแสดงออกและกระตือรือล้นหน่อยพวกเพื่อนร่วมงานก็น่าจะมีคนเอ็นดูช่วยสอนงานให้
กู >>910 เอง กูจะเล่าย้อนให้ถึงสาเหตุของคนที่โดนประเมินไม่ผ่านคนนั้น สาเหตุหลักที่ไม่ผ่านคือ เข้ามาตำแหน่งสูง แต่ใน3เดือนที่ควรเริ่มทำงานเองได้แล้วกลับยังต้องสอนงานซ้ำซาก สอนงานเดิมๆ พลาดเรื่องเดิมๆ พวกต่ำกว่าต้องคอยแบก พาลไปถึงคนในทีมอื่นต้องมาช่วยทำและแก้รีพอร์ทให้เพราะSum Exelไม่ได้เรื่อง แต่ตอนมีคนถามและสอนเสือกบอกว่าตรงนี้รู้แล้วอันนี้รู้แล้ว บอกอะไรแม่งก็รู้หมดแล้วคนเค้าเลยคิดว่ามึงรู้แล้วงั้นไม่สอนแล้วกัน เสนอไอเดียกับแนะนำพวกโ)รเจคที่คนเก่าเคยทำเอาไว้ แล้วให้มาต่อยอดให้ลองทำก็บ่นว่าเบื่อไม่เอา อยากทำใหม่งู้นงี้แล้วก็เงียบหายไป และงานที่ทำก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอันให้เห็นซักงานอีกด้วย วันๆเห็นเอาแต่สั่งซื้อของ การกระทำมันไม่ควรให้ผ่านอ่ะมึง เป็นTraineeยังไม่ได้ด้วยซ้ำ
กูแค่อยากจะบอกมึงว่าอย่าไปทำตัวแบบนี้แล้วกัน ถ้าทำงานจนเห็นเป็นชิ้นเป็นอันบ้างยังไงก็ไม่โดนไม่ผ่านหรอก เข้าไปคุยกับปรึกษาแลกเปลี่ยนไอเดียกับคนในทีมและหัวหน้าบ่อยๆก็ได้เดี่ยวมันก็มีคนเอ็นดูและช่วยสอนงานเองแหละ
มีใครเคยทำงานใน scg บ้างมั้ย เล่าให้ฟังหน่อย ภายในดีเปล่า
>>918 พูดถึงตำแหน่งสูง+ทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน กูนึกถึงช่วงที่ฝ่ายกูเปลี่ยนเมเนรัวๆเลย
คือทุกคนเข้ามาปุ๊บจะ come up with new enhancement system แล้วทุกคนในฝ่ายก็หัวหมุนเพราะต้องรีบลั้นช์ให้เร็วที่สุดเพราะเมเนจะเอาไปอวด ceo
แต่เมเนอยู่ไม่นานซักคนจากหลายเหตุผล เช่น ไอ้ของใหม่นี่มันไม่เวิค เมเนโง่ เมเนเรียนรู้ช้า เมเนรับแรงกดดันไม่ไหว เมเนไม่อยากซัพพอร์ต ceo 24/7 บลาๆๆ แล้วไอ้ของใหม่นี่ก็ค้างเติ่ง บางอันที่เวิคก็ใช้ไป system โดยรวมก็บวมขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้าย ceo บังคับโปรโมทซีเนียร์ขึ้นมาเป็นเมเนแทนถึงหมดเรื่อง โดยมีเงื่อนไขว่าหน้าที่เยอะขึ้นอะโอเค แต่ต้องยอมให้กูหนีเที่ยวตปทยาว 1 อาทิตย์ได้เหมือนตอนเป็นซีเนียร์นะเว้ย ไม่งั้นยังไงก็ไม่เอา ถึงได้มีเวลามาเคลียร์ system ว่าอะไรเอาไม่เอา
>>919 กูไม่เคยทำงานกับscgโดยตรง แต่บ.กูมีดีลด้วยอยู่ แม่บ้านบ.กูเม้าท์ว่าเคยเอาขนมเบรคที่บ.สั่งไปเสิร์ฟ พวกเขาเห็นละขอไม่กิน ทำนองว่ามันถูกไปไม่อร่อยงี้(กูไม่ได้ถามว่าขนมไร แต่มันจะห่วยขนาดไหนเชียววะ) แถมครั้งถัดไปที่มาคุยงานเตรียมพายเอสแอนด์พีมาเองเรียบร้อยเลยว่ะ ขนาดเรื่องขนมกินเล่นยังเยอะ กุว่าเรื่องงานก็น่าจะเยอะไม่แพ้กันนะ
SCG ได้ยินมาว่า สีชมพูได้ดีสุด ส่วนพวก ม.รัฐมีชื่อต้อง3.0ขึ้นถึงจะรับแต่เข้าไปก็ไม่ขึ้นไวเท่าสีชมพูอะ เพื่อนกู วิดวะสีส้ม เป็นได้สุดๆก็หัวหน้าฝ่ายผลิตอะมั้ง
งั้นถามหน่อย สงสัยทั้งเครือปูนกับ น้ำมัน ปตท. เลย สองเจ้านี้นี่ต้องจบ ม.ชมพูโอนลี่เหรอวะ? แล้วพวกที่จบแบบ ม.ท้อปๆจากเมืองนอกนี่มาสมัครสอง บ.นี้จะโดนจัดคลาสเป็นพวกไหนวะ?
มีวิธีบังคับให้เพิ่อนร่วมงานไปตรวจวัณโรคไหมวะ
ไอ้ยศวรรธน์ วิโนทัย มันชอบไอใส่หน้าคนอื่นแบบไม่ปิดปาก คนรอบข้างแม่งแขยงกันหมดละ
มึง ถ้าไม่มีวุฒิ ป.ตรี แล้วมึงมีงานประจำอยู่ จ-ศ เงินเดือน 12000 ทำงานนี้มา 4 ปีละ มึงจะออกไปหางานใหม่เปล่า
>>929 หางานใหม่และหาที่เรียนไปด้วย แรงมึงยังมีอายุมึงยังน้อย เริ่มใหม่เริ่มง่าย แล้วมันอาจจะเป็นจุดตัดสินอนาคตมึงทั้งชีวิตด้วย เลยไอ้ช่วง 10 ปีแรกสำคัญสุด ถ้ามึงไม่ขวนขวายตอนนี้พออายุ 30~35~40 เมื่อไหร่ แม่งจะเหมือนเข้าหลุมวาปไปเร็วมาก หลังจากนั้นมึงจะเป็นคนแก่จนๆ คนนึงตอนออายุ 50 ที่เอาแต่บ่นตัวเองว่ารู้งี้ๆ
แต่ไม่ว่ามึงจะรีบยังไงก็ตาม อย่าลืม 2 ข้อหลัก
1. เก็บเงินสำรองไว้กินตอนไม่มีงานซัก 3-4 เดือน (ไม่ต้องเท่าเงินเดือน แต่พอจ่ายค่าที่พัก ค่ากิน ค่าภาระอื่นๆ ถ้ามี)
2. หางานใหม่ให้ได้ก่อนลาออก
ถามคนทำงานโรงงานหน่อย คือกูมีลูกน้องพูดไม่รู้เรื่อง สอนไม่จด จำไม่ค่อยได้ กูพูดอะไรก็ไม่ค่อยฟัง คือปกติคนงานมันเป็นอย่างนี้กันหมดรึเปล่าวะ โชคดีที่เรื่องบางอย่างมันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรกูเลยไม่ถือโทษ ให้กูพูดเรื่องเดิมซ้ำๆกูพอทนนะ แต่พูดเสร็จมันไม่ฟังเนี่ยกูไม่โอเคว่ะ
>>934 ต่อจากนี้ กะจะเก็บทำงานนี้ไปอีก 1 ปีกว่าๆ
ปัญหาคือญาตินี้แหละ คือกูเข้าใจนะเว้ย ญาติไม่ใช่พ่อแม่ แต่คือ กูอาศัยที่อยู่เขาเฉยๆ(ยังมีปัจจัยอื่นอีกขอไม่เล่า) คือเขายังอยากให้กูเลี้ยงจบแล้วไปทำงานอะไรก็ไป แต่กูว่าเรียน+ทำงานไปด้วยไม่น่าจะจบภายใน 3-4 ปี แค่เดินทางไป/กลับทำงาน 2 ชม/ครั้ง ก็เหนื่อยละ
เวลาไปอ่านหนังสือที่ทำงานในคอมก็เปิดบ่อยๆ ไม่ได้ โดนบ่นว่าชอบเล่นเฟสเวลางาน(ตามภาษาคนแก่ 40+)
jobsdb ผู้ประกอบการเปิดอ่านแล้ว ตั้ง10วันกว่าจะเปิดอ่าน รออีกนานปะวะถึงจะเรียกไปสัมภาษณ์ กูมั่นใจว่าตรงกะ requirement นะ อย่างน้อยเรียกไปสัมก็ยังดี
>>936 เท่าที่กูส่งๆไป Jobsdb นี่มึงต้องเขียน cover letter (ซึ่งให้แค่ 300 ตัวแม่งไม่พอโว้ย) ดีๆด้วยถึงจะเปิดอ่าน ไอ้ประเภศส่งๆไปไม่เขียนห่าอะไรแม่งไม่ค่อยเปิด คือต้องแสดงตัวว่ามึงสนใจตำแหน่งนี้มาก สำนวนไปลอกเอาในเวปให้มันดูดีๆไว้ๆ+cv มึงต้องน่าสนใจระดับนึงใช้ตัว app สำเร็จรูปเอาก็ได้ฟอร์มมันจะดูดีหน่อย ของกูที่ได้งานคือส่งไปวันเดียววันถัดมาโทรมาเรียกกูไปคุยเลยสู้ๆว่ะ
การรักองกรณ์เป็นเรื่องตกยุคแล้ว สมัยนี้ต้องเป็น job hopper อัพเงินเดือน
>>938 ช่วงจบใหม่ๆ กูก็เป็นพวกฮ็อปเปอร์นะ พออายุเข้าเลขสามแล้วก็รู้สึกว่าควรปักหลักละ อยากจะซื้อบ้านสร้างเนื้อสร้างตัว เปลี่ยนงานบ่อยๆ เครดิตไม่ดีก็เลยทำที่เดิมมา 3 ปีละ แต่ไอ้ที่ทำอยู่ปัจจุบันแม่ง... ทีนี้จะเปลี่ยนงานแม่งยากแล้ว ทำได้แค่อดทนเก็บเงินจนกว่าจะเปิดของตัวเองได้ เพราะงั้นกูคิดว่าไม่ใช่เรื่องของยุคสมัยเท่าไหร่หรอก เกี่ยวกับอายุและความมั่นคงในชีวิตมึงเองนี่แหละ
เอาแบบคิดถึงตัวเองกับครอบครัวเลย เปลี่ยนอัพเงินได้เรื่อยๆ แต่ไม่ควรถี่เกิน เครดิตมึงจะไม่ดี แล้วควรลงหลักกับบ.ใหญ่ๆให้ได้ก่อน 35 ถ้าเลยแล้วหางานยาก นอกจากมึงมีฝีมือเค้าถึงจะมีสเกาท์มาดึงตัว
ทำไม Headhunter/HR ชอบโทรมาวันศุกร์ตอนเย็นๆ วะ
กูอีกไม่กี่ปีก็จะ 35 แล้วว่ะ พูดแล้วตะเตือนไต อนาคตยังลุ่มๆ ดอนๆ อยู่เลย ยิ่งช่วงนี้ยิ่งสับสนกับชีวิตมากว่าจะลาออกจากงานประจำมาทำฟรีแลนซ์ดีมั้ย
ปัจจุบันทำงานประจำควบงานเสริม งานประจำเงินดีกว่า มั่นคงกว่า สวัสดิการเทพ แต่เครียด ปัญหาเยอะทั้งเรื่องงานและเรื่องคน งานเสริมเป็นงานที่ชอบแต่เงินน้อยแถมไม่แน่นอน ใจคิดว่าจะเปลี่ยนงานแหละ แต่คิดว่าทำงานประจำยังไงก็คงหนีปัญหาเรื่องคนไม่พ้น อายุเท่านี้ก็น่าจะหางานยากด้วย
เข้าราชการได้ละว้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ตอนนี้อายุ 34 ถูกแม่แท้ๆเฉดหัวออกจากธุรกิจกงสีของบ้าน เพราะเพียงแค่ขาดงานไปสองวัน
ที่ผ่านมาหลงเชื่อว่าควาทรักของพ่อแม่ยิ่งใหญ่สูงสุดเหนือคำบรรยาย พอมาเจอความจริงเหมือนกับโดนไม้นวมกระแทกแรงๆ
พอมาถึงตอนนี้ถึงแม่จะกลับมาอ้อนวอนว่าที่พูดไปเป็นเพราะอารมณ์ แต่ทุกอย่างมันพัง มันจบ มันจมไปแล้ว คำพูดที่หลวงพ่อเคยบอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ทุกอย่างเป็นรูปสมมติ นามสมมติ สิ่งสมมติกลับผุดขึ้นมาแทน
กลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยการสอบวัดระดับสี่ผ่านพร้อมกับการตั้งเป้าว่าจะเป็นล่ามภาษาญี่ปุ่นควบอังกฤษให้ได้ พร้อมกับทิ้งเรื่องของพ่อแม่และการแต่งงานมีลูกลงถังขยะไป
ที่จะบอกคืออะไร ที่ตั้งใจจะพูดคือ...
คำว่าความมั่นคงมันไม่มีแต่แรกอยู่แล้ว ชีวิตเรามันตั้งอยู่บนความเสี่งทุกลมหายใจ อีกสิบวิพวกนายอาจจะหัวใจวายตายก็ได้ สักวันนึงฐานะลาภยศร่างกายแปรเปลี่ยนก็ทำใจเผื่อไว้บ้าง ทุกอย่างมันเป็นสิ่งสมมติแต่ต้นอยู่แล้ว
ไปอ่านพันทิป เห็นบอกว่า หลายๆบริษัทที่ประกาศรับสมัครงานจริงๆไม่ได้รับ แต่ประกาศให้ดูแอคทีฟ ดูเติบโต จริงปะวะ
โลกภายนอกมันโหดร้ายกว่าคำพูดด้วยอารมณ์ของพ่อแม่มึงเยอะ เด็กสมัยนี้จบป.ตรีมาก็ N1 N2 พ่วงด้วยโทอิค 800+ มึงตั้งเป้าจะเป็นล่ามแต่ตอนนี้อายุ 34 ยังไม่มีแม้แต่ N4 .... คิดให้ดีละกัน ความฝันกับความจริงมันต่างกันเยอะ ขอให้โชคดี
ก็นั่นแหละ ให้ลองมาทำงานข้างนอกบ้างดีแล้ว (ถ้ามีคนรับนะ) จะได้รู้ว่าโลกความจริงภายนอกเป็นไง กูเคยทำงานอยู่บ้านมาก่อน ทำงานแบบเต็มตัวเลยนะความรู้ในงานก็กล้าพูดได้เต็มปากกว่าไม่น้อยหน้าใคร แต่วุฒิภาวะแม่งต่ำเตี้ยมาก เพราะโตยังไงก็ยังเป็นเด็กสุดในบ้าน พ่อแม่จะดุด่ายังไงก็ดุด่าตามประสาพ่อแม่ ในใจเค้ามีแต่หวังดี มันไม่เหมือนการมาโดนคนข้างนอกถือมีดพร้อมจะแทงตลอดเวลาหรอก ต้องต่อสู้กับคนทั้งภายในภายนอกตลอดเวลา มาทำงานใหม่ๆ คิดทุกวันนี่แม่งกูมาทำงานหรือมารบสงครามครูเสดวะ 555 งอแงจะลาออกบ่อยมากแต่ก็กัดฟันทน มาทำงานไม่กี่ปีกูรู้สึกกูโตขึ้นเยอะมากๆ ด้านวุฒิภาวะ จากเด็กน้อยใสๆ แบ๊วๆ โลกสวยอีโวไปไกลเรียบร้อย ทำงานนอกบ้านมันไม่ได้แค่เงิน มันได้ฝึกความอดทน ฝึกแก้ปัญหาอย่างโดดเดี่ยว ฝึกต่อสู้กับเสือสิงห์กระทิงแรด เพราะงั้นกูหนับหนุนเต็มที่ เสียอย่างเดียวคือ 34 นี่สายไปหน่อยนะ อาจจะหาคนรับยากอยู่ ดีหน่อยกูไหวตัวทันออกมาตั้งแต่ 20 กลางๆ เลยหางานได้สบาย
กูเคยอยู่ที่ทำงานที่สายนาทีเดียวก็ต้องทำหนังสือชี้แจง ฟังของมึงแล้วหน่อมแน้มดีจัง
>>950 เด็กเอกยุ่นแม่งโหดจริง ของม กูนี่บางคนแม่งได้ N1 N2 กันตั้งแต่ก่อนจบแล้วด้วยซ้ำ เพราะเรียนกันมาตั้งแต่ม. ปลาย พูดคล่องยังกะเนทีฟ ครึ่งนึงคือพ่วงดีกรีเด็กแลกเปลี่ยนอีก
ถ้าจะทำจริงๆ ก็อยากให้นึกถึงว่าล่ามอังกฤษเดี๋ยวนี้หางานไม่ง่ายนะ คนพูดอังกฤษได้เยอะขึ้นแล้ว โดยเฉพาะตามพวกบริษัทใหญ่ๆ ส่วนภาษาญี่ปุ่นก็อย่างที่บอก ตัวเลือกอายุน้อยๆ แต่เก่งๆ มีเต็มไปหมด ถ้าอยากทำก็ต้องพยายามหนักหน่อยนะ เริ่มหาคอนเนคชั่นไว้ก่อนก็ดี เพราะส่วนมากที่จ้างๆ กันก็คือจบจากที่เดียวกัน เพื่อนแนะนำกันมามากกว่าจะเปิดรับสมัครกันตรงๆ น่ะนะ
>>945 เยอะนะมึง ขาดงานไปสองวันไม่มีใครรู้ว่าไปไหนทั้งเป็นพวกคนบ้านมึงเองแสดงว่ามึงหายหัวไปเลยดิ ไปไหนมาล่ะมึง อยู่ๆหายไปแบบนี้เป็นพ่อแม่ที่ไหนก็โกรธปะวะต่อให้ไม่นับเรื่องงานเลยด้วยเหอะวะ แล้วเค้าอุตส่าห์มาง้อมึงทั้งที่เค้าไม่ได้ผิดไรเลย คำพูดแค่นั้นในโลกการทำงานแม่งปกติมาก เป็นที่อื่นมึงเหวี่ยงออกมาแบบนี้เค้าไล่มึงออกไปเรียบร้อยไปเลยวะ อายุก็ตั้ง34แล้วทำไมแค่นี้เสือกคิดไม่ได้
>>956 เข้าใจที่พยายามจะสื่อนะ
แต่รายละเอียดปลีกย่อยที่มากกว่านั้นมันก็มี
อย่างนึงก็ตรงที่แม่เราดราม่าแม้แต่พี่สาวที่มาทำด้วยกันแป๊ปนึงยังทนไม่ได้ ด้วยการทำงานแบบรวมศูนย์ไม่เป็นระบบและใช้อารมณ์เป็นหลัก
อีกทั้งเรื่องที่แนวโน้มของธุรกิจกงสีที่ทำอยู่มีโอกาสถึงทางตันแน่ๆ พอบวกลบคูณหารด้วยทั้งอารมณ์และเหตุผล เลยตัดสินใจแน่วแน่ว่าขอไปตายเอาดาบหน้า
>>943 คนในอยากออก คนนอกอยากเข้าหว่ะ ฟรีแล้น กูออกมาจะครบสามปีแล้ว ปีแรกๆลั้ลลาอยู่ เจอฟ้าผ่าไปหนึ่งรอบ งานหดหมด เป๋จนบัดนี้ เงินเก็บค่อยๆร่อยหรอ ซื้อหวยลมๆแล้งๆ (ไม่กี่ร้อยหรอก) แต่เป็นชีวิตที่กูเลือกแล้วหว่ะ กูเบื่อคำว่า ชีวิตที่ไม่ได้ทำงานเป็นชีวิตที่ไม่มีค่า คือกูอยู่มาสองจุดแล้ว เข้าใจเลยว่า ค่าของเราไม่ได้อยู่ที่งาน แต่อยู่ที่ความคิดตัวเอง ถ้าคิดว่ามีค่า จะทำจะไม่ทำอะไรมันก็มีคุณค่าเว้ย แต่ที่แน่ๆ ถ้าไม่มีเงิน จะไม่มีค่าห่าอะไรสักอย่าง
ทำงานที่แรกมา4เดือนแต่ไม่ชอบเลยหวะ จะออกดีมั้ย ประวัติจะเสียแค่ไหน
ถ้ากูอยากออกแล้วกูหายไปเลยแบบไม่มาทำงานได้ปะวะ
กะจะไปถามห้องเรียนแต่มาถามพวกมึงที่ทำงานดีกว่า กูจะฝึกงานถ้าฝึกกับพวก startup ฝรั่งภาษาต้องได้ระดับไหนวะ
ขอปรึกษาอะไรหน่อยสิ ในนี้ไม่รู้มีใครทำงานวิศวะไหม
ปกติบ.เขาอยากรับเด็กไม่มีประสบการณ์ที่อายุเยอะไหมวะ คือกูเรียนจบวิศวะไฟฟ้ามาประมาณ 3-4ปีละ ตอนนี้อายุ 26 (ถือว่าเยอะละกันนะ) เเต่ว่ากูมาทำงานฟรีเเลนซ์ของตัวเองอยู่ตอนนี้เงินพอมีนะ รายได้มันก็ไม่มากเท่าไรประมาณ 20000-25000 พอมีช่องทางทำเงิน(ไม่ใช่งานวิศวะ) ใจจริงก็ไม่อยากทำเเต่ว่ากูอยากลองไปสัมผัสงานวิศวะดูว่ะ เผื่อเเบบลองทำสักปีค่อยออก มีประสบการณ์ไว้ก่อนซักหน่อย เผื่ออนาคตชีวิตมันไม่เเน่ไม่นอน เกิดงานฟรีเเลนซ์กูทำไม่ได้ หรือไม่มีช่องทางไม่มีลูกค้าเข้ามาจะซวยเอา
เเต่ว่ากูไม่เคยมีประสบการณ์ฝึกงานมาก่อนเลย (ม.กูไม่บังคับฝึกงาน) ไฟล์โปรเจคงานสมัยทำก็หายไปเเล้ว ไม่มีอะไรเอาไปโชว์โปรไฟล์ได้เลยว่ะ มีเเค่TOEICหมดอายุ มีใบกว.ภาคีวิศวกรอยู่ เเล้วก็ใบทรานสคิปเเค่นี้เเหละ กูอยากรู้ว่าใบเเง่ของบ.เนี่ยเขาจะรับยากไหม ส่วนใหญ่น่าจะรับเด็กจบใหม่กันใช่ปะกูไม่รู้ เเถมกูก็ไม่เคยสัมภาษณ์บ.ด้วย เเล้วด้วยการที่กูหายไปนาน3-4ปี อายุก็ตั้ง26เเล้ว ความร้งความรู้อะไรคงหายหมดอีกน่าจะหางานยากไหม
นึกๆย้อนไปก็เสียดายว่ะน่าจะลองไปทำบ.หลังเรียนจบก่อน ค่อยตัดสินใจ ไว้เป็นโปรไฟล์ก็ยังดี
>>972 หายากไม้ ยากระดับนึง ปกติพวกบ.engineering มันรับคนอยู่ไม่กี่ประเภท
1.เด็กจบใหม่
2.มีประสบการไม่เกิน 10 ปี
ทีนี้มึงไม่ใช่เด็กจบใหม่ ปสก.งานด้าน engineering ก็ไม่มีพูดตรงๆคือค่อนข้างยาก อีกวิธีที่จะทำให้มีงานได้คือใช้กำลังภายใน
อย่างอายุกูก็ 30 กว่าแล้วถึงยังไม่ถึง 35 แต่ตอนนี้ก็มองหางานกับบ.ที่ค่อนข้างมั่นคงแล้วยังรู้สึกว่าหางานยากเลย ขนาดโพรไฟล์กูก็ดีนะ
มบ.นึงตอนคุยโทรศัพท์ให้กู 55K ซึ่งก็น้อยกว่าเงินเดือนปัจจุบันกูแต่กูว่าจะเอาเพราะอยากกลับไปอยู่กะครอบครัว พอไปคุยจริงๆบอก gm แม่งให้งบจ้างมาแค่ 35K กูเลยยังไม่เอา ปัจจุบันยังไม่โทรมาต่อราคาเล้ย
สาย EPC ว่ะ
>>972 เข้าไปทำบริษัทอะไรก็ได้สักปีนึง..
แล้วแต่งประวัติเอา โม้ไปว่าทำสักสองปี แล้วหาทางขยับไปทำที่อื่น แล้วทำซ้ำแบบเดิมจนกว่าจะเจอที่ดีๆ
เพื่อนกูแบบเมิง ว่างงานจน 25 ค่อยหางานทำ ตอนนี้3xเปลี่ยนงานมาเป็นสิบที่ เวลาเขียนประวัติการทำงานก็เขียนแค่อันที่ดีๆ ลงว่าทำที่ละ 2-3 ปี
น้อยมากที่พวกนี้จะมโดนเช็ค เข้าไปได้แล้วก็ทำตัวดีๆ สักปีสองปีก็ชุบตัวได้แล้ว
>>983 กูประวัติไม่ค่อยสวย แต่กูไม่กล้าทำนะ แต่ก็เข้าใจแหละว่าคนอื่นโกหกกันเป็นเรื่องปกติ คนรอบตัวกูก็โกหกเมคโปรไฟล์กันเยอะ นึกถึง Mgr คนเก่าที่โดนไล่ออกแบบสายฟ้าแลบ อันนี้ไม่รู้ไปโกหกอะไรไว้ปิดกันให้แซ่ด ได้ยินแค่ว่าพอ GM รู้เข้าให้ออกเดี๋ยวนั้นเลย เป็น talk of the town ในบริษัทไปพักใหญ่
>>984 พีคสุดที่กูเจอไม่ใช่เมคโพรไฟล์นะ แต่แม่งเมคทรานสคริปเลยจ้า ระดับเมเนเจอร์ด้วย เหมือนจบมาไม่ตรงกะในทรานสคริปที่เอามาสมัครงาน ไปโป๊ะแตกเพราะนางเอาทรานสคริปตัวจริงไว้ในลิ้นชักแบบไว้มาหลายปีจนลืมไปแล้วว่าเคยวางไว้ แล้ววันนึงบ. กูมีย้ายผังที่นั่ง นางให้น้องในแผนกมาเก็บของย้ายโต๊ะให้ จนอีน้องมันเห็นทรานสคริปแล้วเรื่องไปถึงข้างบนก็โดนออกเดี๋ยวนั้นเลยว่ะ น่าจะโดนคดีตามหลังด้วยรึเปล่าไม่แน่ใจ
รู้สึกสิ้นหวัง
พวกมึงคิดยังไง กับการที่ บ.ไม่มีประเมินพนักงาน ไม่มีโบนัส แต่ขึ้นเงินเดือนให้ 3% ทุกคน ทั้งบริษัท .... ไม่ว่ามึงจะทำงานเจียนตายหรือไม่ทำห่าอะไรเลย ก็ได้ขึ้นเงินเดือน / กูคือคนที่ไม่เห็นด้วย และถูกมองเป็นพวกเห็นแก่ได้ HR ท่านกรุณาวิ่งเต้นให้เงินเดือนขึ้นแล้วนอกจากจะไม่ขอบคุณแล้วทำไมยังไม่พอใจอีก ... พวกมึงคิดว่าไง
เป็นมนุษย์ทำงานกงสี มาบ่นในนี้ได้มั้ย หาที่บ่นไม่เจอ lol
>>987 เงินเดือนมันเยอะอยู่แล้วรึเปล่าเลยไม่บ่น
อย่างบริษัทกูเงินเดือนขึ้น2-4% ไม่มีประเมิน โบนัสสามเดือนไม่เคยขึ้นมีแต่ลด แต่ไม่มีคนบ่น โบนัสลดก็เฉยๆกัน บอกเข้าใจบริษัทขาดทุน ลงทุนใหม่ มีแขวะเล่นๆนิดหน่อยว่าขึ้นเงินเดือนปีละห้าร้อยจะเอาไรกิน
ตอนหลังกูไปล้วงๆแคะๆไปเจอไฟล์เงินเดือนพนักงานทั้งบริษัท+ประวัติการขึ้นเงินเดือน
แม่งได้กันคนละ 5หมื่น+ ส่วนอีคนที่บอกเงินเดือนขึ้นห้าร้อยแม่งเงินเดือน 1.3แสน (ขึ้นเงินเดือนล่าสุด5พัน) ทำโอทีทุกวันหยุด&นักขัต(2-3เท่า)
เลยเออเข้าใจละ ไอ้เหี้ย ที่ไม่บ่นคือแม่งได้เยอะอยู่แล้ว
บริษัทคนน้อย อยู่ยาวๆ ขอลาออกทีได้เงินเดือนขึ้นที 1-5หมื่นแล้วแต่ตกลงได้ แต่ละคนแม่งโคตรแสบ
วันนี้วันศุกร์
ศุกร์ที่แล้ว ส่งresume ไป3ที่ ศุกร์นี้มาลุ้นกัน จะมีใครโทรมามั้ย 555
ตอนลาออกเพื่อย้ายงาน บอกตรงๆหรืออ้างดีวะ
ปิดกระทู้วันศุกร์ เจอกันใหม่วันจันทร์
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.