Last posted
Total of 1000 posts
>>260 ความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงแก้ไข ข้อดี/ข้อเสีย แบบตรงๆตามที่ต้องการเป๊ะ เรื่องงานล้วนๆ ไม่มีเรื่องส่วนตัวผสม ประมาณชี้ว่าตรรกะบางจุดที่ใช้ในการดึงใจคนในการอบรมมันเก่า บางครั้งมัสตรรกะวิบัติ จะใช้ได้ยากหรือไม่เหมาะสมกับคนรุ่นใหม่ จบที่กลายเป็นเรื่องส่วนตัว เกลียดกูกันถ้วนหน้า
เรื่องปกติ กูเคยติงานน้องในทีมไป เกลียดกู อันเฟรนดืกุในเฟสเลย
ตอนนี้แผนกที่กูทำเหลือกูคนเดียว ตอนแรกมีผู้จัดการรองผู้จัดการ กูพุึ่งเข้ามาได้ไม่กี่เดือนกูเคว้งมากมึงรอสิ้นเดือนก็ครบ 30 วันแล้ว ไม่ต้องบอกว่านี่เป็นโอกาสกูหรือกระไรนะ บริษัทแม่งกำลังจะเจ๊งอ่ะว่าง่ายๆ เอาเปรียบพนักงานมากอะไรนิดนึงนี่ก็เก็บกับพนักงานหักแบบโคตรพ่อโคตรแม่อ่ะ เช่น พนักงานคนนึงเค้ามีความสามารถอ่ะโดนเชิญไปเป็นวิทยากรอ่ะสมมุตงานนี้เค้าต้องได้ ชม.ละ 600 บริษัทหักเหลือ 300 ที่เหลือบอกคุณได้งานเพราะชื่อบริษัทผม กูแบบเหรออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
เท่าที่กูเจอมา พวกที่พูดว่านิสัยพี่เป็นแบบนี้ นั่นคือนิสัยที่แม่งอยากเป็น นิสัยจริงๆจะเป็นอีกอย่าง
บอกว่าตัวเองเป็นคนใจเย็น = หงุดหงิดง่ายมาก
บอกว่ารับความเห็นต่างได้ = เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง
บอกว่าตัวเองคิดก่อนพูดเสมอ คำพูดเป็นนายเรา = ปากหมามาก
บอกว่าอยากเห็นลูกน้องก้าวหน้า = พวกชอบเอาเปรียบลูกน้องกดไว้ใต้ตีนไม่ให้โตเอาไว้ใช้งาน
บอกว่าไม่ชอบนินทาใครลับหลัง = มึงต้องระวังอีนี่ให้หนักๆ เผลอไปพูดอะไรกะแม่งมีดเสียบเต็มหลัง
กฎบริษัทห้ามแม่บ้านคุยกับพนักงานนี่แปลกมะ
>>268 มึงจงรู้ไว้เถิดว่ากฎแปลกๆ ทุกอย่างมีที่มาเสมอ แสดงว่าเคยมีคนเก่าทำเหี้ยอะไรบางอย่างเอาไว้ HR ถึงได้ต้องออกกฎประหลาดออกมา ที่บริษัทกูกฎประหลาดเยอะมาก ถถถ ตอนเข้ามาใหม่ๆ กูก็งงวย เรื่องแค่นี้ต้องเอามาบัญญัติไว้ในคู่มือพนักงานด้วยเหรอวะ ทำไมต้องห้ามด้วยวะ พออยู่ไปก็เข้าใจ ที่นี่คนบ้าแม่งเยอะ ต้องป้องกันทุกทาง กูละวงวาร HR 555+
>>270 กูกลับคิดอีกอย่างนะ ตอนก่อนทำงานกูเป็นพวกเชื่อมากว่าการที่ระบบดีแล้วจะแก้เรื่องพวกนี้ได้หมด
พอได้มาทำงานจริงๆกูรู้สึกว่าสร้างกฏมากแค่ไหน สุดท้ายคนเหี้ยมันก็หาทางทำเรื่องเหี้ยๆจนได้นั่นแหละ
บางเรื่องก็แหกกฏหน้าด้านๆเลย แต่อาศัยพูดเลียนายเอาตัวรอดได้
พอกฏเยอะมากๆเข้าก็กลายเป็นคนที่ทำงานตามปกติทำงานลำบากเพราะกฏประหลาดๆแทน
>>271 อันนี้จริงหว่ะ ถ้ามันมากๆเข้าแอบแหกกฎกันเลยก็มี เท่าที่กูเจอมาจะเป็นพวก บ.ดังๆ ซึ่งหลายๆเรื่องทั้งstandardการทำงาน หรือ ระเบียบนั่นนี่แม่งไม่โอเคมากๆ บางอย่างแม่งเสือกfixเวลาโดยไม่ดูสรีระคนทำในตำแหน่งนั้นๆเลย หรือว่าบางทีทำงานอยู่ห้ามดื่มน้ำของที่ทำงานเงี้ย(ไม่ให้แดกยันน้ำนี่คือสุดละ สุดจะทน) แต่พวกSME ถ้าเข้าใกล้เจ้าของจริงๆนี่เรื่องระเบียบจะลดไปได้เยอะมากๆ ทำงานแม่งก็ไม่กดดันห่าไรมาก
บางจังหวะชีวิตกูก็อยากออกจากงาน หาที่ดีๆข้างๆ รร. ซื้อแฟรนไชส์นำแข็งใสถูกๆถ้วยล่ะ 20 + ทำขนมปังปิ้งโง่ๆขาย...ก็ได้แต่คิด
ถ้าได้ที่ข้าง รร. เป็นห้างเล็กๆมีแอร์อ่ะกู+ค่าที่ด้วย ขายถ้วยล่ะ 25 ด้วยนี่กำไรเดือนนึงประมาณเท่าไหร่วะ ใครทำอยู่หรือเคยทำวานบอก
มึงคิดยังไงกับคนที่ทำขายตรง แล้วเอาเครื่องปั่นผลไม้มาปั่นผลไม้โชว์ที่ทำงานมั่งวะ คือทำเป็นแบบปั่นแดกน่ะแหละ แต่ชวนคนนู้นคนนี้กินแล้วปั่นรัวๆ กะขายเครื่องนั่นแหละ+อยากให้คนอื่นให้ความสำคัญ งานการไม่ทำ กูถามงานแม่งเดินหนีกูไปปั่นผลไม้ แล้วถามกูกลับ "ว่าไงนะพี่" อีดอกทำเหมือนงานที่ทำอยู่เป็นงานเสริม งานขายตรงเป็นงานหลักนะมึง อยากตบกบาลชิบหาย
ที่สุดยอดมากของบริษัทกูคือมีคนบ่นเยอะมากว่า process มันมากเกินไปจนทำงานกันลำบากมาก งานเสร็จช้าลง
สุดท้ายร้องเรียนไปแบบเป็นเรื่องเป็นราว เค้าก็บอกว่าจะไปรีวิวดูว่าตรงไหนไม่จำเป็น จะทำให้ง่ายขึ้นได้ยังไงบ้าง
สุดท้ายออกแบบ process มาให้ใหม่ แม่งเยอะกว่าเดิมอีก ควย
>>276 เพิ่ม procedure ควายๆมาให้กูทำงานลำบากขึ้นเนี่ยมันต้องโดนกันทุก บ. เลยป่ะวะ กูโดนให้ดึงข้อมูลจากโปรแกรมนึง ปกติก็ดึงตรงๆลง excel จบ ไม่รู้นึกห่าอะไรไปทำโปรแกรมมาเป็นตัวกลางเวลามึงจะดึงข้อมูลต้องผ่านโปรแกรมนี้แล้วใช้ลำบากชิบหาย ปรับเปลี่ยนเหี้ยอะไรก็ไม่ได้ ทำงานกูเพิ่มอีก
กูเป็นข้าราชการเงินเดือนต่ำต้อย เพิ่งเข้าใหม่ ไม่มีประสบการณ์การลงทุนอะไรเลย พอเข้าใหม่เค้าบังคับลง กบข. บางคนบอกดี บางคนบอกอยากออก กูเข้าไปอ่านในเว็บมันก็เขียนข้อดีสวยหรู พี่ๆโม่งรบกวนให้คำแนะนำหน่อย ว่าควรมีแนวทางออมเงินยังไง
กะอยากลองมีบัตรเครดิตแนะนำที่ไหนดี
เพื่อนโม่ง กูไม่รู้ว่ากูคิดผิดหรือถูก กูลาออกจากบริษัททั้งๆที่ยังไม่ได้ที่ใหม่ ช่วงใกล้ผ่านโปร กูว่างเป็นเดือนๆละ คือกูรับไม่ได้กับบ.มันมีอะไรหลายๆที่กูไม่โอเคแล้วมันก็ห่วยสุดๆ ที่สำคัญเงินเดือนน้อย ไม่มีสวัสดิการห่าเหวใดๆ บรรยากาศทำงานแย่ทั้งๆที่เป็นบ.ระดับมหาชน เห้ออออ
เห็นพวกมึงมาบ่นๆกันในนี้นี่เข้าใจฟีลนะ แต่แม่งเป็นแค่ที่ระบาย มีใครในมู้นี้คิดจะไปตั้งมู้แฉบริษัทแบบโต้งๆหรือที่ทำงานแย่ๆที่พวกมึงเคยผ่านมาบนfanboi underground บ้างมั้ยวะ? ถ้ามีคนตั้งจริงๆนี่คือกูไล่ดูตั้งแต่ต้นอ่ะ
>>279 ต้องถามว่าเป็นคนแบบไหน เพราะบัตรแต่ละใบมันออกแบบวิธีการใช้งานให้คุ้มอยู่
ชอบเที่ยวต่างประเทศ มีตัวเลือกเป็นพวก Citibank ROP, AEON ROP, SCB MyTravel (จะอยู่ประมาณ 15-25 บาท = 1 ไมล์)
ชอบอาหารญี่ปุ่น ตัวเลือกก็เป็นบัตร JCB มีของ KTC JCB, Krungsri JCB (ถ้าทำงานราชการน่าจะขอ KTC ง่าย)
อยากช็อปผ่อนสินค้า ส่วนใหญ่บัตร KBank โปร 0% จะเยอะ ถ้าซื้อของเครือเซนทรัลบ่อยก็ Krungsri VISA
ไม่สนใจข้างบนเลย อยากใช้คุ้มๆ ก็พวกบัตร Cashback อย่าง Citibank Cashback
ลองปรึกษาได้ แต่ขอเตือนว่าบัตร KBank นอกจากใช้โปรผ่อนของแล้ว แม้แต่บัตร Wisdom ก็ขยะ
ใครทำงานเป็นล่ามหรือตำแหน่งอื่นที่บริษัทญี่ปุ่นบ้างวะ ชีวิตเป็นไงบ้าง
>>285 ถ้าเป็นล่ามเนี่ย ไม่ว่าจะภาษาไหนถ้าต้องดีลกับคนไทยคือชิบหายหมด เพราะนิสัยโดยทั่วไปของพนักงานไทยคือ ตอบไม่ตรงคำถาม ไม่รู้ก็ยังหาเรื่องแถ พอมึงแปลคำตอบที่ไม่ตรงคำถามไป ฝรั่งหรือยุ่นแม่งก็จะคิดว่ามึงแปลผิด พอเราขอให้คนไทยพูดใหม่ แม่งก็จะด่าเราอีกว่ากาก แค่นี้แปลให้ไม่ได้เหรอ
สรุป ล่ามมือใหม่ = ส้วม ต้องสั่งสมบารมีมากๆหน่อย ถึงจะตบตีกับไอ้พวกเวรนั่นได้
กูมาเป็น พนง.ใหม่ของบริษัทนึงอยู่ในช่วงเรียนรู้งานละตำแหน่งที่กูทำหากพลาดคือชิบหายไปถึงเรื่องเงินกูชอบถามคนที่ทำมาก่อนแบบย้ำซ้ำๆ(บางจุด)ให้ชัดเจนต้องการให้ตัวเองเข้าใจ
ทำไมเขาเหวี่ยงกูวะ สรุปสัปดาห์นึงกูไม่ได้ความรู้เหี้ยไรเลยจากเขาเพราะกูกลัว Q__Q
>>288 กูก็เคยเจอแบบมึงเหมือนกัน มาตอนนี้กูต้องเทรนพนักงานใหม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ชองบริษัทเนี่ยแหล่ะ บางทีที่เขาเหวี่ยงมึงเพราะส่วนหนึ่ง อาจจะคิดว่าเห้ย ทำไมถามอีกแล้ว ไม่จดไว้หรอ แต่กูเข้าใจนะว่าบางทีเรากลัวผิดพลาด เรื่องแบบพลาดทีอย่างซวย แต่คนสอนงานเราบางทีอาจจะคิดว่าทำไมสอนแล้วไม่จำก็ได้ มึงได้จดไว้ไหม
>>290 ถ้ามึงคิดว่าทำทุกอย่างดีแล้ว บางทีมันก็แค่คน ๆ หงุดหงิดอ่ะมึง กูเข้าใจนะ บางทีเราก็คิดว่าเราทำทุกอย่างดีแล้ว (แต่ต้องไม่เข้าข้างตัวเองนะ) แต่คน ๆ นั้นมันขึ้เกียจสอน ขี้เกียจตอบ รำคาญเด็กใหม่ ไม่ถูกชะตา มีเยอะหลายสาเหตุอ่ะมึง กูแค่จะบอกว่าถ้าเขาทำกับมึงไม่ดี และมึงทำดีแล้ว พยายามเรียนรู้และขยันจด ไม่ถามซอกแซกมาก ก็ช่างเขาไปเถอะ หาเหตุผลอะไรไม่ได้หรอกบางที
กูเบื่อมาก บริษัทกูจะย้ายออฟฟิศไปที่ที่ไกลจากบ้านกูมากกกก กูแบบลังเลสุด กูควรออกดีมั้ย แม่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของกุอ่ะ
ใจอยู่แม่งอยากจะทำงานอย่างสงบสุขมากๆ แบบทำไปเรื่อยๆ ไม่มีปัญหาอะไร ใครใช้อะไรก็ทำ แต่ความเป็นจริงกูดันเป็นสายแทงค์ ถ้าเจอปัญหาอะไรแม่งจะพุ่งใส่ทันที จนกลายเป็นว่าที่ใหม่นี่ไปบวกเจ้านายมา 4-5 รอบแล้ว จนเขาหมายหัวละ ค่าความเกลียดชังพุ่งปรี๊ด เวลาเขาพูดถึงกูนี่เรียกว่าคนนั้นๆ คือไม่มีใครชอบเขา โดยเฉพาะเรื่องการทำงานที่ไม่มีระบบระเบียบ ชอบโยนขยะมาให้ลูกน้องในทีมทำ แถมแม่งตัวเองจะย้ายออฟฟิศไปอยู่ตึกใหม่ไฮโซ แต่ทิ้งทีมไว้ ย้ายไปอยู่ตรงที่เก่าๆ ที่มีแต่แมลงสาบอีกต่างหาก กูบวกเขาจนไม่เหลืออะไรให้บวกละ รู้สึกเหนื่อย แต่อีกใจก็รู้สึกว่าต้องทำ เพราะคนอื่นไม่หือไม่อือ แต่กูทนไม่ได้ หรือกูไม่เหมาะกับการอยู่ประเทศนี้วะ
กูเป็นเด็กใหม่คนเดียวกับบนๆที่เขาเหวี่ยงตอนสอนงานกูนี่ล่ะ คราวนี้กูได้งานจิปาถะทำบ้างแล้วแต่เสร็จไวเกินไปหน่อยเลยได้นั่งเล่นฆ่าเวลาแทน อันนี้เลยอยากรู้ความคิดอีกมุมนึงของพนักงานเก่าๆว่า
ถ้าเจอเด็กใหม่ว่างจะคิดยังไงอ่ะ
ปล.ว่างจนของานเขาทำซึ่งกูทำหมดแล้วนะ- -
โม่งข้าราชการ ฝ่ายแผน นโยบาย ยุทธศาสตร์ งบประมาณ ช่วงนี้งานหนักไหมว่ะ
>>297 ถ้ากูเป็นพี่แล้วไม่มีงานที่จะให้มีงช่วยจริงๆจะเฉยๆนะ แต่ไม่ใช่ว่า ว่างแล้วนั่งดูหนัง จิ้มมือถือตลอดเวลาอ่ะ อย่างน้อย เปิดคอม ตรวจทานงานเก่าหรืออะไรงี้บ้าง กูว่าโอเคแล้ว ขอบ่นนิดนึง เคยเจอเด็กคนนึง ให้สอนงานหกรอบ ถามเรื่องเดิม อันเดิม พอโดนดุ ก็เปลี่ยนคนถามเหมือนหาคนทำงานให้อ่ะ ทีนี้ งานคนอื่นก็โหลด งานน้องนี่เสร็จ คนอื่นไม่เสร้จ นางก็นั่งดูyoutubeเลยจ้า อีพี่ในทีมที่อุตส่าห์สอนหลายๆรอบก็ใบ้กิน เหมือนโดนหลอกใช้ไป
>>297 คือถ้ามันทำเสร็จแล้วจริง ๆ ขอจนไม่รู้ว่าจะขออะไรแล้ว กูเฉย ๆ นะ แต่ถ้าอยากให้ดูดีหน่อย เวลาว่าง ๆ ก็นั่งศึกษาพวก excel ไปซะ คือทุกคนมันคิดไม่เหมือนกันหรอกมึง บางคนบอกเสร็จแล้วจะทำอะไรก็ได้เรื่องของกู บางคนบอกเห้ย นั่งจิ้มมือถือดู youtube แบบนี้มันไม่โอว่ะ ลองสังเกตดูว่าพวกพี่ในทีมมึงเป็นคนยังไง อย่างทีมกูก็สายชิลแบบกลาง ๆ ถ้าปั่นงานจนเสร็จก็มีพักเล่นเฟสบ้าง พักดูตารางหนังบ้าง แต่ก็ไม่ได้นั่งดู youtube ไปชั่วโมง สองชั่วโมง อย่างบางทีมที่กูรู้จักเป็นสายชิล ระหว่างรอเรนเดอร์วิดีโอ ก็นั่งดูโคนันไป 5555555
คือกูว่าเร่ืองแบบนี้มึงต้องลองสังเกตุบรรยากาศทีมมึงดูว่าเป็นสายไหน อย่างกูเคยอยู่ทั้งสายเคร่งและสายชิลกลาง ๆ บอกเลยว่าไม่เหมือนกัน สายเคร่งถ้าจับมือถือหน่อยก็จิกด้วยสายตาละ ไม่ก็เดินมาว่าเลย สายชิลกลาง ๆ ก็พักได้บ้างถ้างานเสร็จ นั่นแหล่ะ ลองสังเกตสไตล์ทีมตัวเองดูนะมึง สู้ ๆ
>>300 อื้มถ้าว่างก็มีเปิดยูทูปดูนะ แต่ๆเกี่ยวกับงานน่ะอย่างเช่นโปรแกรมไว้ทำงาน ส่วนมือถือมีจับบ้างแต่มั่นใจว่าไม่เกิน 5 วิก็วางงี้ orzll #จับนานไม่กล้าหรอกอืมม ขอบคุณคห.มึงมากๆนะงืม
>>301 ก็เชิงชิลๆอยู่นะบรรยากาศแต่แอบกดดันตัวเองไงคือเคยอยู่ในบรรยากาศที่ค่อนข้างเคร่งมาก่อนพอมาสายชิลเลยเกร็งๆ แต่มีครั้งนึงเปิดกู๋หาความรู้เรื่องโปรแกรมงานพี่เดินมาบอกอย่าเปิด้สริชไรมาก แต่ก็ฟังเขานะคงดูไม่ดีอ่ะ ทำตัวไม่ถูกไม่ถูกเท่าไหร่ แต่ก็ขอบคุณสำหรับ คห.จ้วบๆ
https://twitter.com/thematterco/status/997425606265421829
190 นอนได้ชั่วโมงเดียว กูว่าแอบหลับที่ห้องน้ำบริษัทยังคุ้มกว่า
กูเป็นโม่งหญิงหน้าตาธรรมดาไปถึงขี้เหร่เล็กน้อย(หรือไม่น้อยวะ) กูไม่เคยมีแฟนเลยจนมาถึงปัจจุบัน ทำงานที่นี่ที่แรก มีหัวหน้าคนนึงชอบมาคุยเล่น กูก็เกร็งทำตัวไม่ค่อยถูก เพราะเข้ากับผู้ใหญ่ไม่ค่อยเก่ง หน.คนนั้นชอบคุยแบบตัวเองโสด เล่าเรื่องส่วนตัว เองบ้าง เล่าเริ่องกูที่เค้าไปรู้มาบ้าง จนกูรู้สึกว่าเขาคอยสังเกตกูตลอด กูไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย จนเขาได้เฟซกู เขาก็ทักมากู บอกจะพาไปเที่ยวนู้นนี่ ก็ได้แต่บ่ายเบี่ยง ส่งสติกเกอร์โง่ๆตอบๆไป มีหัวใหญ่คนนึงเหมือนจะชงกูกะเขาตลอด กูบอกตรงๆตอนนี้คือรู้สึกกลัว เหมือนชีวิตไม่ปลอดภัย กูไม่กล้าปรึกษาที่บ้านหรือเพื่อนสนิท กลัวเขาหาว่ากูเว่อร์ แต่ใจกูคิดถึงขั้นอยากออกแต่ติดสัญญา แม่ง ดึกดื่นกูยังนอนไม่หลับ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จนต้องมาระบายลงโม่ง
กูไม่กล้าปฏิเสธเขา แต่ก็ไม่อยากทนอยู่ในสภาพนี้ โม่งรุานพี่คนไหนมีประสบการณ์ช่วยแนะนำที
>>304 มึงกลัวบอกเค้าไปตรงๆก็ดีนะ ลากยาวไปน่าสงสารทั้งฝ่ายมึงฝ่ายเค้า มึงกลัวและเสียเวลากะเค้า เค้าก็เสียเวลาเสียใจกะมึง พูดไปเลยตัดปัญหาไม่ต้องยื้อ พูดไห้สุภาพแล้วกัน บอกมีคนที่ชอบอยู่แล้วอะไรก็ได้
กูผู้ชายเวลาจีบหญิงลำบากเพราะไม่รู้มันคิดไง เวลาชอบก็เสือกต้องเล่นตัวต้องไห้ตื๊อ เวลาไม่ชอบโดนตื๊อแม่งก็มาด่าลับหลังอีก สรุปกูจะไปตรัสรู้มึงได้ไงวะว่าชอบไม่ชอบ อยากไห้ตื๊อรึเปล่า ไม่ไช่พอไม่ตื๊อกูเหี้ยไม่มีความอดทน พอกูตื๊อกูเหี้ยก่อความลำคาญอีก ชอบไม่ชอบก็แสดงออกบอกมาตรงๆเลยจะดีมาก
กูทำงานแล้วเพื่อนร่วมงานไม่ให้ความร่วมมือทีนี้กูเลยไปแจ้งปัญหากับหัวหน้างาน แล้วหัวหน้างานคุยยังไงไม่รู้เกลียดกูทั้งแผนก มีเหน็บ มีกัด มีแซะ คือมันมีปัญหางานอ่ะแล้วจะให้กูทำยังไงวะ กูก็กดดันนิดๆนะ แต่กูขำว่าความคิดแม่งเด็กชิบหาย แจ้งปัญหาถึงคนๆเดียวแต่แม่งรวมเป็นกรุ้ป
คิดยังไงวะโมง ถ้าญาติจะฝากงานราชการ งานนั่งคอมทั้งๆที่กุไม่ได้อยากที่จะทำเลย ตัวกุช่วยทางบ้านค้าขาย มันก็สุขใจของกุอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนทางบ้านบางคนมองกุว่าเป็นคนไม่มีอนาคตเลยคิดที่จะทำกับกุแบบนี้ ควรทำไงดีวะ กุควรขยับไปทางไหนดีเพื่อให้ที่บ้านเลิกบังคับจิตใจกะกุสักที?
เขาคงคิดว่ามันไม่มีอนาคต ถ้าสักวันนึงต้องดูแลงานเองคนเดียวเต็มตัวจะอยู่ได้ไหม เดี๋ยวนี้ธุรกิจมันก็ยากขึ้นเรื่อยๆ เลยอยากให้มีความมั่นคงมากกว่านี้มั้ง ถ้ามึงคิดว่าหลังจากนี้ตัวเองเอาอยู่ แนวโน้มธุรกิจโอเค ก็บอกที่บ้านไปว่ามึงคิดว่างี้
จริงๆ แล้วมันก็ไม่มีอะไรปลอดภัยแน่นอนขนาดนั้นหรอกมั้ยวะ กูยังไม่รู้จะเอาไงกับตัวเองเลยเพราะกูไม่มั่นใจ มึงดูมีความมั่นใจนะ สู้ๆ ว่ะเพื่อน
กูโคตรเบื่อบริษัทที่ทำอยู่ตอนนี้ ผจก แม่งก็เหมือนอยู่ทุ่งลาเวนเดอร์ บอกบริษัทเรารักกันเหมือนพี่น้อง พี่น้องห่าไรแทงกันยับแบบนับแผลไม่ได้ งถ้ามึงเคยอยู่เงียบๆแล้วอยู่ๆมันนึงมึงมีปากมีเสียงขึ้นมามึงคือเหี้ย เล่นพรรคเล่นพวก ทำจนเด็กใหม่อยู่ไม่ได้ออกกันไปหลายคน กูนี่อาศัยไม่ยุ่งกับใครอยู่มาได้เกือบสองปี ยังไม่วายโดนกระแนะกระแหน งงในงงว่ากูไปทำไรให้ รำคาญฉิบหาย ติดตรงงานหายากสัส ไม่งั้นกูออกแล้ว ได้แต่อดทน โว้ยยยยยย สังคมเหี้ยเข้าขั้นติดลบมากๆ ทุกวันนี้ไม่อยากจะคุยกะใคร หน้ายังไม่อยากจะมอง กูขยะแขยงวะ ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง //ขอบคุณพื้นที่ระบาย TT
>>304 ลองเผชิญหน้าพูดกันไปเลย แบบสุภาพ อาศัยทำตัวให้น่าเอ็นดู พี่คะหนูว่าแบบนี้มากไปหน่อยหนูเริ่มรู้สึกอึดอัดอะไรก็ว่าไป ถ้าเขายังดื้อไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ก็คงต้องไม้แข็งขึ้นมาหน่อย เอาเรื่องนี้ไปปรึกษาฝ่ายบุคคลได้นะ
>>308 แปลว่าที่บ้านมองว่ากิจการที่บ้านไม่มั่นคงขนาดจะมาฝากชีวิตลูกไว้ได้ กลัวลูกจะยืนด้วยลำแข้งตัวเองไม่ได้ ถ้าเขาตายไปละจะลำบาก กุว่า มึงไปหางานอื่นทำเองเถอะ เขาจะไม่มาบังคับอะไรมึงหรอกถ้ามึงชัดเจนกับเส้นทางชีวิตตัวเองน่ะ โตๆ กันแล้ว
พรุ่งนี้วันจันทร์อีกละ OTL
มีใครเป็น underachiever แถวนี้มั้ยวะ ทำไงให้รู้สึกอยากก้าวหน้าดี
เพื่อนโม่งช่วยหน่อย พอดีกูใช้ KTC
ปกติถ้ากดเงินสดหรือใช้ จะเจอ interest + Usage ใช่มั้ย แล้วช่วงหลังๆกูไม่ได้กดเงินสดเลยคืนอย่างเดี่ยว อยู่ๆ interest + Usage มันมาได้ไงวะ
เบื่อพี่ที่บริษัทว่ะอีสัส ประสาทจะกิน
กูโดนทั้งแผนกอคติกับกูเหน็บกูอ้อมๆกูไม่ไหวแล้ว กูร้องไห้มาสองวันแล้ว กูไปทำไรให้วะแม่งเอ้ยยยยยยยยยยย เหี้ยยยยยยยย
ถามโม่งซาลารี่แมนหน่อย ค่าที่พักกูคิดเป็น 20% ของเงินเดือน (เฉพาะค่าห้องอย่างเดียวไม่รวมน้ำ ไฟ) อย่างนี้ถือว่าแพงไปไหมวะ
วันนี้มีเลี้ยงที่บ.กูย้ายออฟฟิศใหม่ จากสีลมไปตึกใหม่ใจกลางเมือง ไฮโซกว่าเดิม ดีกว่าเดิม กว้างกว่าเดิม ย้ายไปกันหมดยกเว้นแผนกกูที่ถูกทิ้งไว้ 13 คน +1 คนที่จะเข้าใหม่เดือนหน้า
ไปวันนี้รู้สึกถึงความเหลื่อมล้ำมากๆ เหมือนบริษัทเขาไม่ต้องการแผนกกูอ่ะ ไอ้สัส ที่เฮงซวยกว่าคือคนที่เป็นหัวหน้าแผนกเสือกย้ายไปตึกใหม่ด้วย แต่ทิ้งลูกน้องไว้ที่เก่า ตอนแรกจะย้ายพวกกูลงไปอีกชั้น ซึ่งทั้งชั้นมีแต่แมลงสาบ ห้องน้ำ ที่ซักล้างสกปรกมากๆ มากจนไม่ใช่ที่ๆ คนควรจะอยู่ได้อ่ะ จนกูไปโวยกับเลขา CEO เอารูปไปยัน พาเขาลงไปดู สุดท้ายกลายเป็นว่าเป็นเรื่องเป็นราว เขาเรียกกูกับน้องอีกคนเข้าห้องเย็นไปซักว่าใครเป็นคนบอก อ้างนั่นนี่สารพัด เพราะเขาโดนนายใหญ่ด่ามาอีกที แล้วมาบอกว่าพวกกูไม่เคยบอกว่าไม่อยากอยู่ที่เก่า เอ้า ไอ้เหี้ย ก็มึงไม่เคยถามอ่ะ
เรื่องนี้จบที่ว่าเขาวางแพลนจะเช่าสตูดิโอใหม่อีกที่ อยู่ตรงข้ามกับตึกออฟฟิศใหม่ แต่ต้องรอรีโนเวทอีก 3-4 เดือนถึงจะเสร็จ ย้ำด้วยว่าพวกกูยังไงก็ไม่ได้อยู่ตึกไฮโซ ที่ใหม่คือจะไปอยู่ตรงแถวลานจอดรถอะไรไม่รู้ พอวันนี้กูไปปาร์ตี้ย้ายออฟฟิศนี่กูหน้าโยกมากๆ คือที่ใหม่แม่งกว้างกว่าออฟฟิศเก่าเป็นเท่าตัว เขาเช่าเหมา 1 ชั้นครึ่ง โต๊ะแม่งเหลือเป็นครึ่งร้อยไม่มีคนนั่ง กูแกล้งถามว่าทำไมที่เหลือเยอะจัง ได้คำตอบว่าเผื่ออนาคต เลยยิ้มๆ แล้วพูดกลับไปว่า ก็คืออนาคตของที่นี่ ไม่มีทีมหนูสินะ
เกลียดความตอแหลของหัวหน้า เอาไปพูดกับคนไปทั่วว่าตัวเองไปไฟท์มาถึงจะได้ย้าย ไม่ต้องอยู่กับแมลงสาบ คนไฟท์คือกูนี่ ปากแม่งพูดมาได้ว่าเพื่อน้องๆ พี่ยอมลำบาก ยอมเดินทางไกลหน่อยก็ได้ ลำบากของมึงคือการย้ายไปนั่งเก้าอี้เท่ๆ ที่ตึกไฮโซแล้วทิ้งพวกกูไว้กับความเน่าหนอนเหรอ แม่งเอ๊ย ตอนไอทีย้ายเซิร์ฟเวอร์ ถอดเน็ตไป ไม่เห็นสู้เหี้ยอะไรให้ สุดท้ายพวกกูไม่มีทั้งเน็ต เข้าเว็บหลังบ้านไม่ได้ ทำงานไม่ได้ เจริญล่ะมึง
>>321 บอกไม่ได้เช่นกัน คิดเหมือนอีกโม่งว่าแล้วแต่ใครจะให้ความสำคัญกับอะไร ถ้าไม่เดือดร้อนตัวเองและคนอื่น มีเงินเก็บออม กูถือว่าโอเค โตๆ ทำงานหาเงินเองแล้วต้องมีความสุขกันบ้าง อย่างกูทำรายรับรายจ่ายแบ่งหมวดหมู่ ถ้าไม่นับหมวดพ่อแม่ที่เป็น % มากสุด กูหมดกับเรื่องแดรกว่ะ 555 ค่าหอกู5%ของเงินเดือน แต่ค่าบุฟเฟต์นั้น..... ถ้าเมิงมีความสุขกับการได้พักผ่อนในห้องดีๆ สะดวกสบายหรือใกล้ที่ทำงานมีเวลานอนมากขึ้น มีความสุข ก็ถือว่าคุ้ม
มึง กูอยากบ่น กูเพิ่งจบกำลังหางานอยู่ ไปสมัครที่บริษัทแถวบ้าน เคยฝึกงานที่นี่ด้วย สนิทกับพี่ๆพอสมควร ตอนไปสัมภาษณ์ก็คิดว่าทำได้ดี หัวหน้าที่สัมด้วยก็บอกว่ารอโทรไปเรียกได้เลย ถ้า hr ไม่โทรไป ก็โทรมาตามได้
กูเลยคิดว่าจะทำที่นี่ เพราะใกล้บ้านดี แล้วก็คุ้นเคยกับระบบงานที่นี่ เลยปฏิเสธที่อื่นไปหมดเลย รอที่นี่ที่เดียว แต่ผ่านมาเกือบ 2 อาทิตย์แล้ว ก็ยังไม่โทรมา กูโทรไปตามก็บอกว่าต้องรอให้บริษัทโทรไปเองนะ หมายความว่ากูหมดหวังกับที่นี่แล้วใช่มั้ย เสียดายที่อื่นที่ปฏิเสธไปว่ะ
ปกติเขารอกันกี่สัปดาห์กี่เดือนอ่ะ
ของเราเคยปีนึง เพิ่งโทรมา งานล่ามญี่ปุ่นรพ.น่ะ เขาเหมือนรอให้คนเดิมออกแล้วค่อยรับคนใหม่ประมาณนั้น
ของกูงานแรกรอนานมาก น่าจะเดือนครึ่งได้มั้ง คือไปสัมภาษณ์แล้วเค้าเหมือนจะโอเคกับกู
แต่บอกว่าให้รอเรียกรอบสอง เดือนครึ่งก็โทรมาถามว่าได้งานรึยัง คล้ายๆว่าเค้าจะรับเลย
แต่กระบวนการกว่าจะเรียกมาเซ็นสัญญามันเยอะเลยนาน ขอให้รอไปก่อน ต่อมาอีกครึ่งเดือนนู่นกว่าจะเรียกไปเซ็นสัญญา
เข้ามาแล้วหัวหน้าเลยแอบเล่าให้ฟังว่า ที่บริษัทมีการยุบแผนกแล้ว HR เลยอยากยัดเอาคนที่จะโดนมาให้ออกมาเสียบแทน
แต่ skill มันไม่ตรงสาย แล้ว HR กับหัวหน้าก็เลยต้องต้องเจรจากันเยอะ
ส่วนงานที่สองเร็วมาก คือเป็น outsource ที่บริษัทแม่เค้ารับแทบจะทันที (เพราะกูทำข้อสอบได้ดี ทั้งที่กูรู้สึกว่าแม่งไม่ค่อยตรงกับงาน)
แต่ต้องไปสัมภาษณ์ลูกค้าต่อด้วย สัมภาษณ์ลูกค้าหลายที่เหมือนยึกยักไม่ตอบ คล้ายๆกับเอาชื่อไปดองเผื่อจะเอาแล้วก็เงียบ
ไซต์ลูกค้าที่ได้งานนี่สัมภาษณ์บ่าย ตอนเย็นก็โทรมาบอกว่ารับเลย เหมือนจะรีบกันมาก
รีบชนิดให้ HR บริษัทแม่โทรมาถามว่าเริ่มงานเร็วกว่าที่ตกลงกันได้มั้ย เข้ามาแล้วก็งงๆ เพราะไม่เห็นงานมันจะมีอะไรรีบเลย
เฮ้อ กูตกงานมาเกือบปีแล้ว สัมภาษณ์ที่ไหนก็ไม่ได้ หรือไม่เขาก็ไม่เรียก ประสบการณ์ไม่มี เกรดกูอยู่ที่สองปลายๆ โทอิคแปดร้อย ตอนแรกกูก็เลือกงาน ตอนนี้ขนาดงานธรรมดาอย่างทำร้านคาเฟ่เขายังไม่เรียกกูเลย
ตอนนี้เงินเก็บกูร่อยหรอมาก กลายเป็นคนขาดความมั่นใจ เอาจริงๆ ตอนนี้กูรู้สึกตัวเองห่วย ไม่มีอะไรดีสักอย่างมาก
เฮ้อ กูมาบ่นแค่นี้ละ
กูมีงานแต่เสือกขี้เกียจทำงานว่ะ
สมัยนี้ถ้ามีประสบการณ์แล้วแบบ walk in แม่งโอกาสได้น้อยว่ะเหมือนต้องมีคนฝากเข้าให้ถึงจะได้
ส่วนมากมันไปกดเงินเด็กจบใหม่มากกว่า พวกมีประสบการณ์ไม่ค่อยเก็บไว้แล้ว ตอนนี้กูมีงานทำนะแต่อยู่ ตจว. หางานในสายงานกูในกรุงเทพมาปีกว่าแล้วยังไม่ได้เลย
สายงานกูดันออกแนวๆบ.นึงใช้ไม่เยอะอีกตูล่ะเซ็ง ถามอยู่สายปิโตอีกกำลังขาลงด้วยมีแต่คัดคนออก
กดเงินกูไม่พอไล่กูออกโคตรไว ไม่ผ่านงานค่ะ ห้ะะผลงานกูก็มี วิ่งงานอะไรก็วิ่ง แต่เหตุผลอะไรรู้มั้ยไม่เข้าหาผู้ใหญ่ #ร้องเหี้ยดังมาก
โดนนินทาในที่ทำงานนี่แม่งเรื่องปกติใช่ไหมวะ กูนี่ขนาดวันๆทำงานไม่ได้คุยกับใครยังโดนเอาไปนินทา หาว่ากูนี่ทำอะไรก็ไม่เคยโดน ผจก ด่า เอ๊า อีหง่าวววววว มีไอโง่ตัวไหนอยากโดนด่าวะ เขาไม่ด่ากูก็ความผิดกูงี้ งงใจ ไม่ใช่กูไม่เคยโดนด่า แต่พอโดนด่ากูก็เงียบไง เอาที่เขาด่าไปปรับปรุงตัว ไม่ได้บอกใครว่าโดนด่า หรือเวลากูโดนด่ากูต้องบอกทุกคนวะมันจะได้รู้ว่ากูก็โดนด่าเหมือนพวกมัน ตลกอะ คือไรวะ อิจฉากูเหรอ งี่เง่าฉิบหาย
แล้วยังมีมาพูดด้วยว่าเด็กๆรุ่นกู ที่เป็นเพื่อนกูลาออกกันไปหมดแล้ว อยู่ไม่ทนเลย หื้มม ถ้าไม่ติดว่าแม่งหมาหมู่พวกเยอะกูอยากจะสวนกลับไปว่า เพราะพวกมึงเป็นกันแบบนี้ไงถึงไม่มีใครเขาอยากอยู่
อีพวกแก่กะโหลกกะลา เบื่อแม่งโว้ยยยย
ใครเป็น software engineer ที่ตปท.มั่ง อยากรู้ว่าเงินเดือนของพวกจบใหม่มันเท่าไหร่
พวกมึง กูเพิ่งเรียนจบมาสดๆไม่ถึงอาทิตย์ กูถามหน่อยว่าเวลาหางานนี่มันหาได้จากไหนบ้างอะ ตอนนี้กูยังลองแค่เสิร์ชกูเกิ้ลโง่ๆแบบว่า หางาน********
งานกูแนวๆพวกนิเทศไรงี้อะ วาดรูปประกอบ ตัดต่อภาพ กราฟฟิก อะไรงี้
>>356 รวมๆ แล้วเศรษฐกิจไม่ดี บริษัทเขาก็ต้องจ้างพนักงานในระดับเงินเดือนที่เหมาะสมกับงาน
วุฒิกับใบประกอบก็ส่วนนึง ก็ไปสมัครบ.อื่น บ.นี้ผ่านแล้วก็ผ่านไป ดีไม่ดีเหตุผลที่ให้มาจะจริงรึเปล่าก็ไม่รู้
ยังไงดีนะ คำว่าวุฒิกับใบประกอบทำให้เงินเดือนสูงมันฟังเหมือนข้ออ้างไงไม่รู้ ก็ลองไปหาบริษัทที่ให้เงินเดือนสมน้ำสมเนื้อกับสิ่งที่มีดีกว่า
>>358 พออายุมากแล้วมันน่าหวั่นใจจริงๆ นะ กูเลข 3 กูก็ว่าหางานยากละ จริงๆ มันไม่เชิงว่าหายากหรอก แต่ expectation มันสูงไปตามวัยและประสบการณ์ กูล่ะอยากกลับไปเหมือนสมัย 20 ต้นๆ ทำงานรูทีนงานๆ สบายๆ ไร้ความเครียดชิบหาย ทุกวันนี้งานง่ายๆ ต้องยกให้ลูกน้องทำหมด ส่วนตัวเองต้องทำแต่งานยากๆ งานแก้ปัญหา งานจัดการ งานวางแผนกลยุทธ์ ฮือ ก็เข้าใจว่าเงินเดือนต่างกัน แต่กูว่าส่วนต่างแม่งไม่คุ้มสัดๆ กูยอมได้เงินเดือนเท่าสมัยก่อนแล้วทำงานสบายใจกลับบ้าน 5 โมงนอนหลับสนิทดีกว่า แต่พออายุมาก ใครเค้าก็ไม่เอาเราไปทำงานง่ายๆ แล้ว ต่อให้ยอมรับเงินเดือนเท่ากันก็เถอะ งานง่ายๆ จ้างเด็กวัยใสสบายหูสบายตาปกครองง่ายกว่าเยอะ สังคมมันบีบเราให้ต้องเติบโตไปตามวัยว่ะ กูว่าวัยที่เป็น lower management น่าจะเหนื่อยสุด เป็นวัยครึ่งๆ กลางๆ ที่ทั้งต้องดูแลลูกน้อง ทั้งต้องคอยรองรับ middle / top management แต่เสือกอยู่ระดับต่ำสุดในพวก management ด้วยกัน อำนาจก็ไม่ค่อยจะมีเต็มที่ แต่พอทำอะไรไม่ได้คนก็จะมองว่าก็เป็นตั้ง management level ทำไมจัดการไม่ได้
กูยังอายุ20 ต้นๆนะ แต่สงสัยปัญหาการรับอายุคนทำงานอ่ะแบบทำไมต้องรับไม่เกินเท่านั้น เท่านี้ คนอายุเยอะกว่า ปสก.ก็ต้องเยอะกว่าถูกป่ะทำไมเค้าถึงไม่รับล่ะ
>>361 งานง่ายๆ บางงานไม่จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์มากมาย สอนแป๊ปเดียวก็ทำได้ เช่น พวกงานรูทีนทั้งหลาย คนอายุน้อยจ้างถูกกว่า ปกครองง่ายกว่า เรื่องมากน้อยกว่า ย้อมสีง่ายกว่า ส่วนคนอายุมากมีประสบการณ์จะเหมาะกับงาน 2 แบบคืองานระดับ management ที่ต้องใช้ประสบการณ์ในการคิด ตัดสินใจ วางแผน แก้ไขปัญหา กับงานแนว specialist งานยากๆ ที่ไม่ได้สอนกันได้ง่ายๆ ต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางและประสบการณ์เช่นกัน
เพราะงั้นคนที่ลำบากสุดคือคนที่อายุมากแล้วแต่เสือกทำงานที่ไม่ใช่แนว specialist ไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้ความชำนาญอะไรมากมาย สอนแป๊ปเดียวใครก็ทำได้ และคนที่ไม่อยากและไม่พร้อมจะขึ้นไปอยู่ระดับ management
อีกข้อสำคัญคือเมืองไทยยังมีเรื่องระบบอาวุโส ถ้ารับคนอายุมากๆ มาเป็นลูกน้องมันปกครองลำบาก จะใช้จะสอนอะไรแม่งก็ยาก เรียกใช้เด็กมันง่ายกว่าเยอะ เพราะงั้นงานง่ายๆ งานระดับ beginner มันก็เหมาะกับเด็กอายุน้อยจริงๆ นั่นแหละ ขนาดกูอายุเยอะกูยังไม่เข้าข้างพวกเดียวกันเลย คนพวกนี้เรื่องมาก เพราะอายุเยอะผ่านอะไรมาเยอะยิ่งสะสมความเขี้ยว อีโก้ เห็นคนบ่นกันเยอะเรื่องมีลูกน้องแก่กว่าเนี่ย เป็นกูกูก็ไม่อยากได้เหมือนกัน
อืมม ถ้าอย่างนั้นพวกที่อายุน้อยๆแล้วเป็นเป็ดล่ะดีมั้ย อันนี้อาจจะเป็นคำถามโง่หน่อยๆนะ
แบบทำได้หมดไม่มีจุดเด่นชัดเจนทางสายงานจำเป็นต้องรีบหาจุดเด่นที่ตัวเองถนัดใช่ไหมเพราะถ้าอายุเยอะไปแล้วะลำบากเพราะไม่มีจุดยืนชัดเจนทางสายนั้นๆป่ะ
กูจะทำไงกับชีวิตดีวะตอนนี้อายุใกล้เลขสามแล้ว กูยังไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อนเลย ไม่ว่าจะพาร์ทไทม์หรืองานประจำ คือตอนนี้กูนั่งอยู่บ้านโง่ๆอ่ะมึง ไม่มีประสบการณ์ใดๆทั้งสิ้น กูควรจะสมัครงานแนวไหนดี
>>369 ก็เห็นเปิดสอบบรรจุปกตินี่ ไปเอาข่าวมาจากไหน https://www.xn--12c4cbf7aots1ayx.com/now.php อันนี้เว้บรับสมัครสอบราชการ
ลองเข้าเวปเปิดสอบดูนะ เตรียมตัวอ่านหนังสือ
ชีวิตความเป็นอยู่พนักงานราชการชายแดนใต้เป็นยังไงบ้าง กูวางแผนว่าจะไปสองสามเดือนหน้า //ไม่ใช่คนใต้นะ แต่หน่วยงานน่าสนใจ
กูทำงานพลาดติดๆกันจนเครียดเลยว่ะ คือยอมรับสภาพเลยว่าตัวเองความสามารถไม่ถึง
สงสัยเงินเดือนขึ้นน้อยกว่าเพื่อนที่เข้ามาพร้อมกัน ก็ได้แต่ทำใจยอมรับ
ยังดีกว่าความสัมพันธ์ในที่ทำงานยังดี พวกรุ่นพี่ยังเอ็นดูกู(รู้ว่าโง่เลยทำตัวตามน้ำไม่หือไม่อือ ครับพี่ครับอย่างเดียว)
รู้สึกว่าถึงงานจะไม่ได้เรื่องแต่ถ้าไม่ทำตัวเหี้ยๆในที่ทำงาน มาเช้ากลับทีหลังมันก็พอช่วยได้เหมือนกันแฮะ
พวกมึง ถ้าสมมติมึงเพิ่งเริ่มงานใหม่ แต่คนก่อนหน้านี้ที่ออกไปแม่งเก่งมาก วางระบบทุกอย่างเอง ทำแผนเองจนโครงการประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว พวกมึงจะทำยังไงกันวะ คือกูรู้สึกกดดันมากเลยอ่ะ ทุกคนก็พูดว่าเขาเก่งมาก กูรู้ว่ามันหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบอะไรแบบนี้ไม่ได้ ขนาดในในกูยังรุ้สึกเลยว่าไปไม่ถึงจุดที่เค้าอยู่แน่ ๆ แล้วคนอื่นเขาจะคิดยังไงกันวะ เด็กใหม่กากมาก สู้คนเก่าไม่ได้เลย
เหมือนเครียดเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยอ่ะมึง
>>379 จริง อย่าเก็บเอามาคิด เขาพูดชมคนเก่าจะด้วยความคิดถึง ต้องการกดดันมึง หรืออะไรก็ตาม แต่คนเก่าก็คือคนเก่า มึงแค่ทำส่วนของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ กูก็เจอเหมือนกัน ขนาดผ่านมาสองปีแล้วก็ยังมีคนพูดชมถึง กูก็แค่ อ๋อ อือ ดีเนอะ เก่งจัง เสียดายไม่ได้อยู่ต่องานกันก่อน อะไรไปตามมารยาท คนเก่งคนเก่าที่เขาออกไปก็ต้องมีเหตผลอะไรบางอย่าง ถ้าอยากได้งานของคนเก่าบริษัทก็ไปตามขอร้องให้เขากลับมาทำเองแล้วกัน (กรณีที่นี่คือเงินไม่ถึงก็รั้งเทพไว้ไม่ได้)
กูกำลังจะไปสัมภาษณ์งาน เป็นงานที่กูอยากได้มากๆ ความจริงเค้าปิดรับไปแล้ว แต่กูโทรไปถามเค้า เค้าบอกให้ลองส่ง cv ไปก่อน ถ้าเข้าตาก็จะเรียกมาสัม แล้วเค้าก็เรียกไปสัมจริงๆ แต่มีคนสมัครเยอะแล้วคนอื่นก็ทำงาน มีประสบการณ์กันหมดแล้ว แต่กูเพิ่งจบใหม่ จะพอมีหวังมั้ย เครียดมากเลย
>>379 กูดีใจนะที่อย่างน้อยมึงยังเก็บมาเครียด แสดงว่ามึงยังมีความใส่ใจและจริงจังในงานอยู่บ้าง เป็นที่ทำงานกูเหรอ ใครจะเก่งใครจะทุ่มเทก็เรื่องของมึงสิ ก็กูจะทำของกูแค่นี้ ก็กูโง่อะ ก็กูขี้เกียจอะ เพราะงั้นกูก็จะทำงานได้ result ออกมาน้อยๆ และกากๆ กินแรงชาวบ้านไปวันๆ แบบนี้แหละ
สำหรับกูนะ ไม่เก่งมันช่วยไม่ได้ แต่ถ้ามีความพยายาม ความตั้งใจ ความขยันมาทดแทน ยังไงก็เอ็นดูว่ะ ไม่ใช่รู้ตัวว่าไม่เก่งเลยไม่เอาเหี้ยอะไรเลย
เบื่อชิบหายยยยประชุมวันเว้นวันเช้ายันเย็น 9โมงยัน5โมงประชุมเสร็จก็สั่งงานเพิ่ม พอไล่เคลียงานได้1วัน วันรุ่งขึ้นแม่งประชุมอีกพร้อมกับงานเพิ่มอีกกอง
กูจะเอาเวลาที่ไปทำงานให้มึงวะควย งานแต่ละอย่างไม่ได้ทำ5-10นาทีเสร็จนะไอ้เหี้ย
>>363 สะสมความเคี่ยว ความอีโก้ กูก็ยังพอทำใจ พวกนี้รับมือง่าย แต่พวกที่แก่แต่ตัวนี่ไม่รู้จะทำไง คือเหมือนสะสมมาแต่ความแก่อย่างเดียว ไม่ได้มีประสบการณ์ ความสามารถอะไรติดตัวมาด้วยเลย สอนอะไรเท่าไหร่ก็ไม่จำ แล้วจะให้เข้าไปจับมือสอนเขียนแบบเด็กอนุบาลก็หาว่ากูเป็นเด็กไปดูถูกเค้าอีก คือกูอยากรู้ว่าทำอะไรอย่างอื่นได้บ้างมั้ยนอกจากทำใจ
ขอถามพี่ๆป้าๆลุงๆโม่งทั้งหลายหน่อย ไม่รู้จะไปมู้ไหนดี ตอนนี้กูเรียนอยู่แต่กูคิดเผื่ออนาคตว่าถ้ากูเป็นแม่คนมีลูกขึ้นมาถึงตอนนั้นกูจะทำยังไง กูอยากออกจากงานมาอยู่บ้านเลี้ยงลูก อยากเต็มที่ให้กับลูก แต่ถ้าผัวกูทำงานคนเดียวรายได้มันคงไม่พอซัพพอร์ต แต่ถ้ากูทำงานด้วยก็คงเลี้ยงลูกได้ไม่เต็มที่(เต็มที่ของกูคือเก็บทุกพัฒนาการของลูกได้ สามารถเสริมแทรกทักษะที่จะส่งเสริมให้ลูกได้)
คำถามคือ 1.กูควรออกจากงานไหม หรือจะทำงานไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วยเหมือนเดิม 2.ถ้าควรทำต่อไป กูควรทำเอกชนหรือราชการดี ที่จะสนับสนุนการเลี้ยงลูกของกู หรือกูควรทำฟรีแลนซ์ แม่งเอ้ย
>>385 ของกูก็ประชุม+ซัพพอร์ตชาวบ้านแทบทั้งวัน เวลาเริ่มงานที่แท้จริงที่กูจะได้ทำงานของตัวเองคือหลัง 5 โมงเย็น เลิกงานสามสี่ทุ่ม up จนชินแล้ว แต่กูเฉยๆ นะ ตอนนี้ยังสนุกกับการทำงานเลยไม่รู้สึกเดือดร้อนเท่าไหร่ ผลตอบแทนก็โอเค ไม่โอฟรีด้วย สำหรับกูงานหนักดีกว่าเรื่องดราม่าของคนเยอะ
>>388 ขึ้นอยู่กับแบคกราวน์ที่บ้านและการวางแผนการเงิน คือถ้ามีเงินเก็บเยอะพอที่จะออกมาเลี้ยงลูกเอง จะออกมาเปป็นแม่บ้านก็ได้ แต่ถ้าไม่พอ วางแผนส่งลูกเรียนแพง ค่าใช้จ่ายในบ้านเยอะ ก็ต้องมำงานประจำและแบ่งเวลาดีๆ อาจจะเอาลูกไปฝากพ่อแม่(ตัวเองหรือสามี)เลี้ยงช่วงกลางวันไรงี้
เพื่อนโม่งถามหน่อย เรื่องไปเที่ยว ญี่ปุ่น(พอดีไม่เห็นห้องแยกขอห้องนี้ละกัน) สมมุติกูจองไปพัก 2 คน แล้วที่นี้กูพาเพื่อนคนที่ 3 ไปห้อง(ไม่ได้ไปค้าง) ไปปแปปสัก 1 ชม จะมีปัญหาไรปะวะ
เพื่อนโม่ง ใครเคยมีประสบการณ์พรีเซนท์ต่อหน้าผู้บริหาร หรือออกไปเจอลูกค้า ตกลงธุรกิจบ้าง กูเครียดมากเลย เพิ่งจบใหม่ไม่มีประสบการณ์แต่กูต้องทำ มีอะไรแนะนำมั้ยพวกมึง อย่างเช่น กรณีที่ตอบคำถามพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ แต่ไปต่อไม่ถูก
ออฟฟิศกูไม่มีงานเข้ามา 3 วันแล้ว งานที่แบ่งกันเมื่ออาทิตย์ก่อนกูเสือกทำเสร็จเร็วไปหน่อย แล้วแม่งไม่มีงานมาต่อ คือตอนนี้กูนั่งดูซีรีส์ไป 32 ตอนแล้วไอ้เหี้ย
เพื่อนโม่ง เหล่ามนุษย์เงินเดือน มีรายได้กีทางกันบ้าง มีงานพิเศษอะไรทำกันบ้าง โดยเฉพาะงานพิเศษที่ทำแล้วคนในออฟฟิศไม่รู้ และรู้ยาก มีอะไรนอกจาก เทรดหุ้น บ้างว่ะ
กูไม่ชอบกลุ่มเพื่อนที่ทำงานกูเลยว่ะ ชอบแขวะเด็กใหม่แล้วแขวะเรื่องไรรู้มั้ย แขวะเพราะเด็กมันโดดเด่นกว่า ทำได้หลากหลายกว่า เป็นกูกูชอบนะแบบจะได้เห็นองค์กรไปในทิศทางใหม่ๆไรงี้บ้าง
>>399 กุสายกราฟิกนะ แต่ก่อนก็รับฟรีแลนซ์ไปด้วย แต่ไม่ไหว เบื่อๆ เลิกงานละขี้เกียจเปิดคอมทำงานนอกอีก ไม่อยากรับโทรศัพท์งานนอกในออฟฟิศด้วย เลยเลิกรับทำไป หันไปทางขายรูปใน microstock ทั้งหลายแทน ทำไปซักพักกูก็ขี้เกียจอีก ยอดเลยไม่ค่อยกระเตื้อง แล้วก็ลงทุนกับแฟนซื้อของจากจีนมาขายด้วย ปัญหาเยอะมากกกกก เหนื่อย นี่ก็ชั่งใจว่าจะทำต่อไปหรือเลิกดี ต่อมาก็ลองซื้อหุ้นเก็บไว้เล็กๆ น้อยๆ กะว่าถือยาวๆ รับปันผลไป ลองทำหลายอย่างแต่ยังไม่อยากเรียกว่าตัวเองมีรายได้หลายทางเลย ตัวเลขมันจิ๊บจ๊อยมาก
>>401 ไม่ใช่แค่ที่ทำงานมึงหรอก นั่นมันนิสัยคนไทยเลยต่างหาก ไม่งั้นภาษาไทยจะมีคำว่า ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัยเหรอ เป็นคำที่หัว_วยมาก คนจะทำดียังต้องมานั่งคอยระวังไม่ให้เด่นอีก เด่นไปก็โดนสะกัดดาวรุ่ง ใครมันจะไปอยากทำดีวะ
คนเรานี่ก็แปลก อยากสูงกว่าเค้า แทนที่จะพัฒนาตัวเอง ถีบตัวเองขึ้นไป กลับชอบหาแต่วิธีจะกดคนอื่นลงแทน แต่ก็อย่างว่าละนะ กดคนอื่นมันง่ายกว่าถีบตัวเองนี่นะ โง่ๆ กากๆ เอาแต่คอยอิจฉาชาวบ้านจะเอาปัญญาที่ไหนไปพัฒนาตัวเอง
กุเพิ่งออกจากราชการมาเอกชนเพราะทนไม่ไหวกับระบบราชการ พอมาเอกชนกุชอบระบบแต่ก็แอบคิดถึงงานสบายๆของราชการ กุอยากรู้ว่าเมื่อไหร่เพื่อนโม่งถึงจะรู้ว่านี่แหละงานที่จะทำไปทั้งชีวิตอ่ะ
เป็นสายตัดต่อ แต่รับงานเกินตัวตอนนี้สภาพจะกลายเป็นแบบหนังเรื่องฟรีแลนซ์ละ แต่หนักว่าคือทำทั้งงานประจำและฟรีแลนซ์พร้อมกัน TTwTT
ตอนนี้ตำแหน่งงานกูกำลังจะโดนปิดว่ะ เขาไม่ได้บอกกูล่วงหน้านะ แต่กูมีแหล่งข่าวเชื่อถือได้มาบอกกูสองรอบ คือกูเพิ่งทำงานใหญ่ชิ้นนึงให้ที่นี่เสร็จโดยไม่มีแม่แต่ชื่อกูอยู่ในนั้น รู้แบบนี้กูก็หมดกำลังใจอยู่ต่ออะ เหมือนกูทำผลงานให้เสร็จก็เฉดหัวกูทิ้ง แต่มีคนแอบมาบอกกูว่ามีตำแหน่งในแผนกเดียวกันเปิดอยู่ (มีคนออก) แต่หัวหน้ากูหรือคนที่ดูแลเรื่องนี้เขาไม่เห็นสนใจจะบอกกูเลย เหมือนไม่สนใจว่ากูจะอยู่หรือไปอะ กูก็รู้นะว่างานมันหายาก แต่แค่นี้เขายังทำงี้กับกูเลย อีกอย่างกูยังทำไม่ถึงปี ความผูกพันธ์ก็ไม่ได้สูงอะไรด้วย เป็นพวกมึงจะอยู่ต่อกันหรือไปตายดาบหน้าวะ
ป.ล. หัวหน้ากูไม่ได้ทำงานที่กูทำโดยตรงนะ แต่มีชื่ออยู่....
โทษที โพสต์แรกกูเขียนไม่เคลียร์เองแหละ
>>408 มึงเห็นทัศนคติหัวหน้ามึงแล้วนี่ กูแนะนำว่าให้สมัครตำแหน่งในบ.ที่กำลังว่างอยู่ไปแล้วให้หางานบ.อื่นไปด้วย
ถ้าอายุยังน้อยน่าจะหาได้ไม่ยาก พอได้งานแล้วค่อยมาลาออกจากบ.นี้
อย่าไปตายดาบหน้าเพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหนถึงจะได้งานใหม่ ระหว่างนั้นมันมีค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
>>408 มึงอย่างเพิ่งรีบร้อน ต่อให้เป็นแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ แต่มันอาจจะมีเบื้องหลังที่ยังเป็นประเด็นเกี่ยวโยงอยู่ทำให้ยังไม่สามารถตัดสินใจเด็ดขาดพอจะแจ้งลูกน้องได้ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจเพราะนี่อาจเป็นช่วงเวลาที่เขากำลังประเมินมึงอยู่ว่าจะเอายังไงกับมึงดี เกิดมาฟอร์มตกตอนนี้อาจพลาดโอกาสดีๆ ได้
นอกเรื่อง ขอเล่าหน่อยที่แผนกกูเพิ่งจ้างออกพนักงานที่อยู่มานานคนนึงไป ด้วยความสนิทกูเลยได้รับรู้ขั้นตอนต่างๆ นาๆ และเห็นใจเมเนอเจอร์มากจริงๆ จริงๆ แล้วเหตุผลคือเขาทำงานแย่ ผิดพลาดบ่อย แต่อยู่มานาน และกำลังประสบปัญหาครอบครัว มีลูกที่เพิ่งเข้าโรงเรียนอีก ทั้งๆ ที่สามารถแจกใบเตือนครบกำหนดแล้วไล่ออกได้ แต่สุดท้ายพี่เมเนเจอร์ก็เลือกทางที่..ยืดเยื้อ กดดัน แต่ทำให้บ.ยอมจ่ายเงินให้จ้างออกได้ ด้วยอายุงานก็ทำให้พี่เขาได้เงินชดเชยไปเป็นแสน ก็น่าจะพอจุนเจือปัญหาชีวิตเขาได้ แลกกับการเป็นขี้ปากของแผนกอื่นไปบ้าง แต่คิดว่านี่น่าจะเป็นทางที่จบสวยที่สุดแล้ว ต่างๆ นาๆ นี้ทำให้กูรู้สึกว่าบางเรื่องแม่งไม่ง่ายเลย มึงอย่าเพิ่งด่วนตัดสินอะไร ระหว่างนี้อาจจะหาลู่ทางอื่นๆ ก็ได้เป็นธรรมดา แต่อย่าเพิ่งหมดกำลังใจจนทำให้ตัวเองฟอร์มตกไปซะก่อนนะ
>>413 กู >>408 นะ จริงๆมันมีเอี่ยวกับการเมืองภายในด้วยอะกูเลยค่อนข้างมั่นใจ 90% คือกูก็ไม่ยุ่งการเมืองภายในหรอกกูพยายามวางตัวเป็นกลางตลอด แต่ไอ้คนแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมันไม่ปล่อยกูอยู่เฉยๆไง หัวหน้ากูก็ไม่กลางซะด้วย พูดเยอะก็กลัวโม่งแตก ถึงกูว่าคนในที่ทำงานกูจะไม่เล่นโม่งแต่กันไว้ก่อนดีกว่า กูพยายามรักษาฟอร์มอยู่เหมือนกันแต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีงานเลยดูว่างๆ กูต้องไปของานคนอื่นมาทำแก้ว่างเป็นพักๆ (กูเลยมีเวลามาพิมพ์โม่งเนี่ย) เออ กูสมัครไปแล้วนะ ขอบคุณเพื่อนโม่งทุกความเห็น
ปกติตำแหน่งกูมันงานหนักเบาสลับกันเป็นพักๆอยู่แล้ว แต่ถ้างานเยอะคือกูได้งานนอกความรับผิดชอบกูมา (ได้เป็นพักๆ ผลงานที่ไม่มีชื่อกูนั่นก็ด้วย งานในตำแหน่งที่เปิดนั่นบางทีก็มาถึงมือกูเหมือนกัน)
มือใหม่เรื่องภาษีว่ะ คือกูกำลังจะมีรายได้เข้าที่ต้องจ่ายภาษี(เพราะมันหักนะที่จ่าย) ทีนี้ในรายได้ที่ได้รับกูต้องเจียดออกไปเพื่อเป็นค่าใช้ง่ายในการทำงาน แต่เวลากูจ่ายภาษีกูต้องคำนวนจาก 100% รายรับใช่มั้ย ถ้าคำนวนตามนี้กูแทบไม่เหลืออะไรเลยนะเนี่ย - -"
>>417 กูว่ามึงน่าจะคำนวณผิดนะ ลองศึกษาดู https://www.itax.in.th/pedia/คำนวณภาษี
อาจจะถามเรื่องแปลกๆ กุถามหน่อย ตอนลาออกจากงาน พวกมึงคิดอะไรกันบ้างวะ ออกแล้วดีมั้ย หรือแย่ลง
พึ่งไปสัมภาษณ์มา เลยถามพี่คนสัมฯจะดูพอร์ตด้วยมั้ยแกโบกมือเลยว่าไม่ต้องแถมไม่มองหน้าอีก.....ลงท้ายว่าเดี๋ยวติดต่อกลับไป แบบนี้คือไม่ได้ใช่มั้ยอ่ะ เสียใจนะผลงานเราเขาไม่แตะต้องเลยอ้ะะ T___T
>>424 ใจเย็นอย่าเพิ่งหมดหวัง คนที่สัมภาษณ์(ขั้นต้น) น่าจะเป็น HR ซึ่งเขาไม่ดูพอร์ตอยู่แล้ว ดูไปเขาก็วัดอะไรไม่ได้ แต่ถ้าดูทรงแล้วโอเค เอกสารโอเค ก็จะส่งต่อไปให้หัวหน้าแผนก ถ้าหัวหน้าแผนกสนใจก็น่าจะมีการนัดสัมภาษณ์ครั้งต่อไปซึ่งจะได้เจอกับหัวหน้าแผนกเอง ครางนี้แหละที่จะต้องดูพอร์ตและถามคำถามเชิงลึกขึ้น และอาจจะมีการทดสอบงานด้วย
>>421 ออกที่แรกเพราะอยากมี career path ที่ดีกว่านี้ ที่นี่ถ้ามองแค่ปัจจุบันก็โอเคดีแต่อยู่ไปก็มองไม่เห็นอนาคต รีบดีกว่าก่อนจะแก่ไหวตัวไม่ทัน
/ ออกที่สองเพราะทนอยู่ที่นี่ต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว / ที่ที่สาม กำลังต่อสู้กับความเหนื่อยหน่ายเรื่องคนอยู่ career path ความมั่นคง เงิน เจ้านาย โอเคหมด แต่ปัญหาเรื่องคนเยอะมากและเป็นปัญหาเชิงวัฒนธรรมองค์กรที่เด็กอย่างเราแก้ไม่ได้ มันฝังรากลึกเกินไปแล้ว เข้าใจว่าที่ไหนก็มีปัญหา เลยพยายามทนๆ แต่เรามีความรู้สึกว่าปัญหาเรื่องงานเรายังพอแก้ได้ไง เรามั่นใจในความทุ่มเทและตั้งใจของตัวเอง แต่เราแก้คนอื่นไม่ได้ ยิ่งคนแก่ๆ คนหมู่มาก ระดับตำแหน่งก็สูงกว่าเรา เราจะเอาปัญญาที่ไหนไปแก้พวกเขาได้วะ บางทีก็เหนื่อยใจจนท้อ แต่บางทีก็คิดว่าก็ทนอยู่ไปแกนๆ แบบนี้แหละช่างแม่ง เพื่อเงิน เพื่อด้านอื่นๆ ที่มันโอเค
ขอลงห้องนี้ละกัน
กูเพิ่งพาพวกญี่ปุ่นหื่นๆไปตีหรี่มา (บริษัทคู่ค้า)
ทั้งๆที่พวกนี้มีเมียอยู่แล้ว ก็ยังไปกัน อย่างนี้ก็ได้เหรอวะ
พอกูถามนายกู(คนญี่ปุ่น)ก็บอกว่า เราไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินเรื่องนี้หรอก
มันเป็นเรื่องธรรมดาเหรอวะสำหรับสังคมญี่ปุ่น
ช่วงนี้งานหายากจังวะ ถ้าไม่นับ manager เฉพาะทาง ก็เหลือแต่งานเบ๊ซะเยอะ กูไปสัมทีก็กดเงินกูอย่างกับเด็กจบใหม่ขนาดมี ปสก. 3 ปี ตอนนี้ก็ต้องทนทำที่เดิมไปแม้มองไม่เห็นอนาคต
ขอระบายหน่อย
กูแม่งเขียนภาษาอังกฤษไม่เก่งเว้ย คือพอพูดฟังอ่านได้ ielts 6.5 พาร์ทพูดนี่ 7.0 ฟัง 7.5 แต่คือกูเขียนไม่เก่ง แค่นั้นเอง วันนี้แม่งเจอคนรู้จักที่เคยทำงานทีเดียวกัน นางรับงานล่ามฟรีแลนซ์ภาษาอังกฤษกับจีนไรงี้ คือนางไม่มีงานประจำ นางก็จะขิงๆหน่อยว่าเงินเยอะ นางชวนน้องที่สนิทกะกูในออฟฟิศไปรับจ๊อบ คือน้องเรียนอินเตอร์มา แล้วหันมาพูดใส่กูว่า เออเนี่ย เสียดายนะ มึงน่าจะเรียนภาษาต่างประเทศนะ
อีเหี้ยยยยยย กูไม่โอเค โมโห คือเออ กูอาจจะไม่ได้เก่งเทพภาษาอังกฤษขนาดพวกมึงที่จบอักษร จุฬา และกูพูดภาษาจีนไม่ได้ ไม่เคยไปเรียนป.โทที่จีน หรือเรียนอินเตอร์ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดใส่กูแบบนี้ไหม คือจุดแข็งกูคือเก่งภาษาไทยไงไอ้สัส ตอนมึงทำงานที่เดียวกับกูยังให้กูชวนเกลาคำ ย่อความนั่นนี่เลย อีห่า มึงจะแปลมาเป็นไทย ถ้ามึงโง่ไทย แม่งจะมีความหมายอะไร แล้วอีสัส! กูพูดเยอรมันได้ไง!!!!! มึงจะมาขิงใส่กูไม่ได้ โลกนี้ไม่ได้มีแค่ภาษาอังกฤษกับจีนว้อยยยยยยยยยยยย สังคมทำงานจัญไร ทำไมกูต้องมาโดนเหยียดด้วยเนี่ย อีห่านนี่รู้อยู่แก่ใจด้วยนะว่ากูกำลังจะไปเรียนต่อที่เยอรมัน... ระดับภาษากูไม่ใช่เริ่มต้นว้อยยยย กูพูดเก่งกว่าอังกฤษอีกแม่งงงงง เคืองงงง
อ่อ แต่กูก็พูดอัดหน้าไปว่าพูดภาษาเยอรมันได้ แล้วไง? แต่ไอ้ส่วนที่เหลือแม่งระบายออกไปไม่ได้ สัสเอ๊ย
>>437 พูดยาก เพราะกู AFS เยอรมัน สมัยเรียนก็ไปแทบทุกซัมเมอร์ กูอาศัยอ่านเองเพื่อเอาไปสอบใบประกาศเฉยๆอ่ะ กำลังคิดไปเรียนจริงจังเอาระดับ C2
ถ้ามึงอยากเรียนก็เกอเธ่ ไม่แนะนำเรียนพวกสัปดาห์ละครั้ง ไม่ค่อยได้อะไร เรียนภาษาต้องซ้ำเยอะๆ แต่ถ้าอยากใช้ได้จริงๆ ต้องพยายามใช้ พยายามพูด คือการไปเยอรมันบ่อยมันทำให้กูได้ใช้ ไม่ลืม เจอคนเยอรมันก็พูด บอกทางอะไรก็ว่าไป
>>438 OMG เจอแบบนี้กูยอมหว่ะมึง 5555+ ไปเยอรมันทุกๆซัมเมอร์นี่แบบกูคงทำไม่ได้อ่ะ บ้านไม่ได้มีเงินเป็นถุงถังพอหว่ะ ไปแบบเพื่อเรียนรู้นี่ก็เสียเดือนละหมื่นละ มันแพงเกิ๊นน แต่อิจมึงสัสๆที่ได้ไปเมืองเบียร์ทุกๆปีที่มีโอกาส โคตรหายากสัสๆเลย แล้วกูก็สงสัยอ่ะนะ สมัยมึงไปซัมเมอร์นี่อายุต้องไม่เกิน18ใช่ป่ะ? ตอนมึงไปนี่หาโฮสต์คอยดูแลยังไงวะ? บอกตามตรงว่าประเทศนี้กูอยากไปเพราะเรื่องเดียวเลยคือค่าเรียนถูกระดับเรียนมหาลัยไทย แถมค่าครองชีพเทียบกับรอบๆเยอรมันละคือถูกกว่าชาวบ้าานเค้าแล้ว(ไม่นับพวกพูดภาษาฝรั่งเศสนะ)
>>440 อยากไปมั่ง อยากไปทัศนศึกษาว่าข้างในมันเป็นยังไง 555 เป็นเซลส์ ญ เลยไม่เคยได้ไปเลยเพราะขืนให้เซลส์ ญ พาไปนี่ sexual harassment สัสๆ จะว่าไปแล้วเกิดมายังไม่เคยไปเลยสถานที่อโคจรเนี่ย จะไปคนเดียวก็ไม่กล้าพอ กลัว จะไปกับเพื่อนก็ไม่มีเพื่อนไปแนวนี้เลย มีแต่เพื่อนเด็กดี้เด็กดีทั้งนั้น
มีโม่งคนไหนทำงานต่างประเทศมั้ยคะ เราอยู่ม.5 ตอนนี้ คือสนใจอยากไปทำงานต่างประเทศมาก แต่ว่ามันต้องทำยังไงมั่งหรอ? นี่แปลนไว้ว่าหลังจบป.ตรี อยากไปทำงานให้ Space X มาก อยากศึกษาไว้ก่อนน่ะค่ะ ว่าเขาสมัครกันยังไง เอาแบบงานที่พี่โม่งทำกัน นี่ได้งานกันยังไง
เห็นเจอแต่คนบอกว่าให้แต่งงานกับฝรั่งถึงได้ไป แต่นี่ไม่อยากแต่งงาน -*- อยากไปโซโล่เพื่อทำงานอย่างเดียวเฉยๆน่ะค่ะ
>>442 วิธีที่มีโอกาสมากที่สุดคือการไปเรียนที่ต่างประเทศ แต่ Space X ถ้าอยากจะเข้ามึงต้องเก่งเทพมากจริง ๆ ก็ขอให้มองบริษัทอื่นไว้บ้าง คนพวกนี้บางทีมันเหมือนจะไม่ดูที่ชื่อม.ก็จริง แต่แนะนำให้เข้าม.ตัวท็อปที่ตปท.จะช่วยมึงได้มาก ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อมที่จะผลักดันให้มึงเก่ง และทำให้เตะตาคนดู resume เรา ที่เหลือก็แล้วแต่ความสามารถและดวง ว่าจะมีคนช่วยนำพาให้เราไปถึงจุดนั้นได้ไหม ก็ขยันทำความรู้จักกับคนไว้เยอะ ๆ แล้วกัน
แต่ก่อนอื่น หาทางไปเรียนต่างประเทศให้ได้ก่อนนะ preferrably อเมริกา จะได้สะดวก
ไม่รู้ถามในนี้ถูกมู้มั้ย แต่อยากรู้อ่ะว่าแมลงมันมาจากไหน เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่คอนโดแถวทองหล่อ อยู่ชั้น20กว่า แรกๆก็ไม่เห็นแมลงหรือยุงนะ ยังคิดเลยว่าดีจัง แต่คืนนี้แมลงตัวเล็กๆเกาะหน้าต่างเต็มเลย กลัวมันมาทำรังจัง...
คอนโดกูไม่มีมุ้งลวดด้วย แล้วกุจะเปิดหน้าต่างนอนอย่างไร....
รำคาญและเหนื่อยใจกับเพื่อนร่วมงานที่นั่งข้างกันมากๆ คือขวางตั้งแต่นิสัยมาสายกลับตรงเวลาละ เริ่มงานเก้าโมง บางวันมาแม่งสิบโมง สิบโมงครึ่ง ตั้งแต่ก่อน bts จะเสียอีก พอถึงเวลาเลิกงานออกตรงเวลาเป๊ะ
ที่หงุดหงิดมากๆ คือไอ้สันดานแบบมาโน่นนี่นั่นใส่กู เพราะตัวเองอยากทำงานน้อยๆ ไม่อยากได้งานเพิ่ม เมื่อวานกูเร่งทำงานกะให้มันเสร็จๆ ก็มาบอกแบบ มึงดู kpi มึงหน่อยให้กูลดจำนวนงานในรีพอร์ท เพราะเกินจากค่าเฉลี่ย 40-50 ที่แจ้งนายไป คือเกินมาจากค่าเฉลี่ยแค่ 3 เองมั้ง ไอ้สัส มาแบบเนี่ยๆ กูขอ กลัวนาย pressure ขอ kpi แต่ละวันเพิ่ม โอ๊ย ไอ้สัส มึงจะแกล้งดึงเชง ทำงานช้าๆ แล้วให้งานแม่งไปกองๆ ต้องไปตาลีตาเหลือกทำทีหลังเหรอไอ้เหี้ย
ตอนที่งานกูเสร็จอยู่คนเดียวในทีม กูก็เอางานทุกคนไปทำให้ไหมล่ะ พอกูป่วย ออกรพ.มา งานกูตามคนอื่นไม่ทัน จะแบ่งงานกูไปสักตัวมึงยังไม่แบ่งเลยไอ้สัส พอกูเร่งเคลียร์งาน มึงก็มาเบรก กลัวเกินค่าเฉลี่ย kpi อีก
แล้วคือวันนี้แม่งหงิดเหี้ย น้องอีกทีมแม่งเดินมาคุยงาน กูก็แซวน้องเล่นแล้วหัวเราะกัน มาบอกกูเบาๆ กลัวนายใหญ่ได้ยิน แล้วจะหาว่าไม่มีงานทำกัน พอว่ากูเสร็จตัวเองก็เล่นกับคนอื่น หัวเราะยกใหญ่ คือเหี้ยไรไม่ทราบ แม่งเป็นห่าอะไรมากมายวะ มึงจะกลัวเขาหางานให้ทำขนาดนั้นเชียว? พ่อมึงเหอะ คือกูก็อยากชิลเว้ย แต่ไม่ใช่เบอร์ว่าดึงเชงทุกอย่างเพื่อให้งานน้อยที่สุด พอสุดท้ายงานไปกองๆกันแล้วต้องทำไงล่ะ ว้อยยยยยย โมโห
มีโม่งตัวไหนความสามารถกว้างๆ ทำงานในส่วนของคนสองคนได้ แต่เสือกได้เงินเดือนแค่ของคนๆเดียวบ้างมั้ย เรามาปรับทุกข์กันเถอะ T T
ปรึกษาหน่อย คือกูเป็นคนยังไงก็ได้ ไม่มีงานที่ชอบที่อยากทำจริงๆ ตอนสมัครก็เลือกสมัครงานที่ตัวเองคิดว่าทำได้ไปแล้วตอนไปเจอคำถามว่าทำไมอยากทำงานนี้/อยากทำงานแบบไหนนี่จะตอบไงดีวะ คือกูแบบยังไงก็ได้มึงจ้างไรกูกูก็ทำแบบนี้อะ55
>>453 กูไม่รู้นะว่าวิธีคิดกูถูกมั้ย แต่กูคิดว่าอะไรที่กูทำได้มากขึ้นก็ถือเป็นประโยชน์กับตัวเอง สิ่งที่ บ.ซื้อจากกูคือ "เวลา" ที่กูอยู่กับ บ. ตราบใดที่เขาไม่ได้โอฟรีกับกู ถ้าในเวลานี้เขาได้ดึงเอาศักยภาพกูมาใช้ได้เต็มที่ก็ดี กูชอบลองอะไรใหม่ๆ อยู่แล้ว กูรู้สึกดีกว่าเอาเวลาทั้งหมดไปทำงานซ้ำๆ เดิมๆ ไปเรื่อยๆ นะ เพราะงั้น งานหลากหลาย ถ้าอยากให้กูทำ กูชอบ แต่ถ้าให้ขนงานกลับไปทำที่บ้าน กูไม่เอา
เสริม ถ้ามึงมั่นใจมากๆ ว่า allowance ที่รับอยู่ปัจจุบันน้อยกว่าศักยภาพของตัวเอง ก็ลาออกไปหางานใหม่ซะ ถ้าเก่งจริงมีคนยินดีจ้างแพงๆ อยู่แล้ว
จากปสก.กู ถ้าเป็นบริษัทใหญ่ volume งานมันจะเยอะ เพราะงั้นเค้าจะจ้างคนเยอะ งานใครงานมัน พนักงานจะได้ทำงานที่ขอบเขตค่อนข้างแคบ ไม่ค่อยโดนใช้งานนอกเหนือ JD แต่ถ้าเป็นบริษัทเล็กส่วนมาก volume งานไม่ได้เยอะขนาดนั้น เลยไม่จ้างคนเยอะ ขืนจ้างมาทำคนละงานแม่งนั่งว่างตายห่าพอดี จึงต้องการคนที่เก่งรอบด้าน ตอบสนองได้ทุกอย่าง พูดภาษาตปทก็ได้ ทำงานใช้สมองก็ได้ ทำงานรูทีนก็ละเอียดรอบคอบ จะได้คอยผลัดเปลี่ยนทำโน่นทีนี่ที ส่วนตัวกูชอบทั้งสองแบบนะ บ.ใหญ่ก็มั่นคงสวัสดิการดี งานค่อนข้าง stable ขอบเขตชัดเจน บ.เล็กก็มั่วๆ วุ่นวายยุ่งเหยิงหน่อย แต่ข้อดีคืออิสระเยอะ ได้มีโอกาสท้าทายความสามารถหลายอย่าง ได้ประสบการณ์หลากหลาย ส่วนมึงชอบแบบไหนก็เลือกเอาละกัน
กูเพิ่งเรียนจบ เริ่มทำงานได้ 1 อาทิตย์แล้ว งานที่ทำเป็นงานเฉพาะทาง ต้องเทรนก่อนซักพักถึงจะพอทำได้ ทีนี้กูไปแทนพี่คนเก่าที่เพิ่งออกไป พี่เค้าทำงานมา 10 กว่าปี แล้วหัวหน้าก็เอางานทุกอย่างของพี่โอนมาให้กูทำหมดเลย แล้วเพิ่มงานอื่นมาให้อีกด้วย ที่สำคัญคืองานเกือบทุกอย่างคือด่วน ด่วนๆ ด่วนมาก ด่วนมากๆ เอาภายในวันนี้ๆๆ แล้วหัวหน้าก็ไม่สอนอะไรกูเลย เร่งเอางานอย่างเดียว กูพยายามหาทางศึกษาด้วยตัวเอง แต่ไม่ทันใจเจ๊แก เริ่มไม่อยากทำแล้วแม่ง จากที่ฟังพี่คนอื่นเม้า พี่คนเก่าน่าจะลาออกเพราะงานมันยุ่งและเร่งมาก แล้วก็เหลือขี้ไว้ให้กู ไม่น่าล่ะ ถึงโทรเร่งให้กูมาทำงานจัง โทรวันนี้ ให้มาทำวันถัดไปเลย
อยู่ดีๆบริษัทก็เรียกมาเซ็นเอกสารที่บริษัทแม่กลางเมืองวันเสาร์โดยบอกล่วงหน้าไม่ถึง 24 ชั่วโมง
วันธรรมดามีก็ไม่ให้ไป บ้านกูก็อยู่นอกเมือง แถมเรียกออกมาวันเสาร์ไม่จ่ายโอทีอีก
เบื่อชีวิตมนุษย์เงินเดือน เบื่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ก็ไม่รู้จะทำมาหาแดกอะไร เลยต้องทนต่อไป
ตกเบิก OT มาตั้งแต่เดือนพฤษภา รอบแรกเพราะ HR งอแง ส่งเอกสารไปก่อนตัดรอบสัปดาห์นึง เสือกมาบอกวันตัดรอบว่าจะเอาเอกสารเพิ่มเพราะบ.เปลี่ยนกฎ เอามาให้ตอนสี่โมงเย็น บอกให้หัวหน้าแผนกเซ็นก่อนหกโมง มารอบเดือนมิถุนานางโดนบีบออก แล้วเสือกไม่ส่งเอกสารต่อ ใบ OT กูหาย ต้องทำใหม่หมด แล้วแผนกกูดันเปลี่ยนโครงสร้าง หัวหน้าแผนกก็เปลี่ยนคน กูต้องไปให้คนเก่าเซ็นให้อีก เจริญจ้าาาาาา
ช่วงนี้ระวังตัวกันให้ดีพวกมึงเกาะเก้าอี้ให้แน่นไม่ก็หาชูชีพเตรียมไว้ แผนกกูป่วยเป็นเก้ามาทำงานไม่ได้ 4 วัน (คือพี่แกไม่มีงานด้วย กูว่าหยุดนอนอยู่บ้านแหละ) แต่แจ้งกับ HR ไปแล้ว วันจันทร์มาทำงาน ไม่มีใบรับรองแพทย์ HR ไล่ออกเลยจ้า
กะลังเป็นประเด็นเดือดที่ บ.กูอยู่เนี่ยว่าเค้าแจ้งมึงแล้วไง แล้วเค้าทำงานมาเป็น 10 ปีแล้ว พอหมดประโยชน์ปุ๊บมึงหาเรื่องปลดเลยออ ปกติมึงต้องมีใบเตือนซักรอบก่อนป่ะวะ เมเนเจอร์ก็นิ่งเป็นสากเลย ลูกน้องมึงนะนั่น
แถมไม่นานมานี่ เมเนเจอร์กูมีเรียกไปถามเงินเดือนรายคนด้วย คนดูว่าปลดใครออกแล้วจะคุ้มสุดมั้ง (ต้องจ่ายซอง)
>>472 เมเนกูก็ถามนะตอนเวลาประเมินพนักงาน แต่โชคดีที่ถามเพื่อเอาไปพิจารณาขอเพิ่มเงินให้ไม่ใช่ตัดออกเพราะกูต้องทำงานควบคนที่ขาด
แต่ที่เหี้ยคือพอเห็นว่ากูพอทำได้อีเมเนทีมอื่นกับไดเรคเตอร์ก็ยัดงานให้กูลูกเดียวแถมคิดว่าไอ้ที่งูๆปลาๆแบบกูเป็นเอ็กเปิร์ทแล้วเลยเรียกกูไปถามงานกับปัญหาตลอด พอบอกว่าไม่รู้แม่งก็สวนกูอีกว่าทำไมไม่รู้ไปหาคำตอบมาให้ได้ อีเวรไม่ใช่หน้าที่กูเลยอีเหี้ยเอ้ย แล้วอีที่ชอบมีปัญหาบ่อยๆก็คนละทีมกับกูด้วยอีเวรเอ้ย
รู้สึกหัวช้ากับการทำงานมากเลยมึง ใครถามอะไรมาก็ตอบ (ทันที) เลยไม่ได้ เฮอออ
ตอนเช้ากูซื้อกล้วยเซเว่นมากะกินบ่ายๆ แล้วแม่งมีพี่ในออฟฟิศมาขอไป บ่นหิวนั่นนี่ ตอนบ่ายแม่งซื้อกล้วยมาคืนกู พอกูกิน ไอ้สัส กล้วยดิบ ฝาดแม่งทั้งปาก คือใจคอคนเราทำด้วยอะไรวะ? เอากล้วยสุกกูไป เอากล้วยดิบมาคืน แม่งหลายรอบแล้วนะ
กูเพิ่งเริ่มงานใหม่ ก็ไม่ค่อยมีคนสนใจกู กูขาดอะไรมีอะไรก็ต้องหาถาม หรือไปหาเอาเอง เรื่องสอนงานกูก็ต่อเมื่อกูถาม เพราะทุกคนงานยุ่งงานเยอะ กูก็เข้าใจ แต่พอวันนี้มึงเอ้ย มีเด็กใหม่เข้ามาอีก เป็นผู้หญิงและสวย มีแต่คนสนใจ วิ่งหาของจัดที่นั่ง นั่งสอนงานเป็นชั่วโมงๆได้ กูรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมาก ไม่เท่าเทียมเลยสึส
ถ้าถูกรางวัลที่1 พวกมึงจะลาออกกันป่าววะ
ของกูคงลาออกแล้วไปหางานที่ตัวเองชอบแต่รายได้น้อยทำแทน ทุกวันนี้งานที่ทำก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ เครียดพอสมควรแต่ไม่หนักหนาอะไร ผลตอบแทนจัดว่าดี
แต่ถ้าเลือกได้กูไม่อยากทำงานเลยมากกว่า
อายุ27พึ่งเรียนจบ กูเรียนช้าเพราะ ติดเกม เสียการเรียนมานาน จะสมัครงานกูจะเจอไรมั้ย มีใครเจอคนแบบกูบ้าง เล่าให้ฟังหน่อย
>>488 จะมาบอกว่าออกแล้วเหมือนกัน อยู่ไปก็เสียสุขภาพจิตอ่ะ อารมณ์วงในวงนอกเหมือนคนญี่ปุ่น ไอ้วงในก็ช่วยกันจัง ทำผิดยังบอกว่าถูกเลย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ ของกูนี่เคยไปขัดกับเขามารอบนึง โห โดนรุมไม่เหลือซาก แม่งจะให้กูผิดให้ได้ แต่พวกของแม่งต้องไม่ผิดนะ บอกเลยว่าโกรธมาก ตอนนั้นโกรธจนร้องไห้ ว่าทำไมคนเราแม่งเป็นได้ขนาดนี้วะ แต่ตอนนี้ออกมาแล้วคนที่ใหม่ดีกว่าเดิม กูก็สบายใจ
>>497 เจ้าของบริษัทดีมากกกก ลงมาสอนงานด้วยตัวเอง ส่่วนเงินเดือนก็ในระดับที่กูพอใจกูไม่เรียกมากอยู่แล้วเพราะเข้าไปทำงานคนละสายที่เรียนมา ความก้าวหน้ากุยังเห็นไม่ชัดแต่กูน่าจะยกระดับตัวเองได้ระดับนึงแบบระยะประสบการณ์เงี้ย แต่แม่งเพื่อนร่วมงานเป็นผีเปรตเหี้ยไรไม่รู้นะเว้ย กูไม่เคยทำไรไม่เคยนินทา แม่งรุมบุลลี่กู งานเป็นทีมก็มีแต่ไม่เคยแนะนำกู กูถามก็บอกส่งๆแล้วรู้มั้ยคำพูดที่พวกมันพูดใส่กูหลุดมาคำนี้คือกัตัดสินใจเลย 'ไม่ชอบตั้งแต่แรก'เหมือนตั้งใจให้กูได้ยิน ที่เหลือก็แบบอ๋อ เออ เนาะๆ โคตรเหี้ยยยยยยยยยยยยยย กูสาปแช่งพวกแม่งทุกวันกูกว่าจะหางานได้มันยากนะเว้ยไอ้ชิบหาย ใครจะว่ากุไม่ทน กูไม่สน กุจะโฟกัสงานละมีพวกแม่งกระแซะข้างๆหู กูไม่ทน ไม่ทนจริงๆ
ถามว่ากูเสียดายมั้ยบอกเลยว่าเสียดาย เสียใจด้วย
เพื่อนโม่ง >>499 กูก็เคยเป็นแบบมึงอ่ะ พยายามจะไม่เก็บมาคิด จะโฟกัสกับงาน ตั้งใจทำงาน แต่เอาเข้าจริง ๆ กูไม่ไหวว่ะเสียสุขภาพจิตมาก แบบโมโหหงุดหงิดทุกวัน หัวหน้ากูก็ช่วยอะไรในส่วนนี้ไม่ได้ เหมือนอยู่คนเดียว ไม่มีใครให้ปรึกษา โดนกระทำมาก็พูดอะไรไม่ได้ พูดไปเกิดแม่งเป็นพวกเดียวกันกูก็ซวยอีก สรุปกูไปได้อีกที่นึงพอดีก็เลยออกอ่ะ
ลงชื่อลาวันจันทร์ไว้นานละ แต่ยังไม่ได้ส่งใบลา
หัวหน้ามาเห็นบอก ไม่มีธุระให้ไปลาวันอังคารแทน
พีคสุดตรงหัวหน้าแม่งลาวันจันทร์เอง ตัดหน้าส่งใบลาให้ผจก.ไปแล้ว
กูนี่ตึ้บเลย
มีใครในนี้ทำงานพิเศษ เป็นเปิดพรีออเดอร์ หรือซื้อของจากจีนมาขายไหม แนะนำชิปปิ้งหน่อย ของที่กูขาย ไม่มีลิขสิทธิ์ ไม่ใช่เครื่องสำอาง กูกลัวพวกชิปปิ้ง ที่ชอบเอาของมีลิขสิทธิ์ มาซุกในกองของไม่มีลิขสิทธิ์ หวังหนีภาษีว่ะ
เพิ่งเรียนจบ โคตรเคว้งเลย ไม่รู้จะเริ่มหางานทำงานแนวทางยังไงดี
ถามหน่อย ชาวโม่งวัยทำงานมีวิธีพัฒนาตัวเองยังไงกันบ้างวะ?
พอดีกูจมปลักกับงานปัจจุบันมา 2 ปี กำลังเข้าปีที่ 3 ละ ทำอยู่ บ.เล็กๆ เป็นงานสบายๆ เงินเดือนไม่สูงเท่าไร (20k) มีที่พัก + ค่าเดินทางให้ฟรี แต่ทำมา 2 ปีไม่เคยมีเงินโบนัทหรือว่าแนวโน้มจะขึ้นเงินเลย เห็นหลายคนบอกว่าถ้าอยากอัพเงินกว่านั้นก็จงพัฒนาตัวเองซะ แต่นั่นล่ะก็เป็นปัญหาเพราะกูไม่รู้จะไปพัฒนายังไงดีเนี่ยล่ะ
กูได้อังกฤษและญี่ปุ่น ในระดับใช้งานในชีวิตประจำวันได้ คือไปอยู่ประเทศเขาได้ แต่ไม่สามารถเขียนจดหมายแบบทางการได้ อยากเรียนเพิ่มชะมัด แต่ก็นั่นล่ะ กูไม่รู้ว่าจะไปยังไงดี orz
>>510 ถ้าคนส่วนมากก็เรียนภาษาให้แน่น (ไม่เอาแบบพอพูดได้นะ เอาแบบสอบได้คะแนนสวยๆ ด้วย สื่อสารกับ native ได้ไม่ติดขัดในทุกช่องทางด้วย สามารถทำงานร่วมกับต่างชาติได้ทัดเทียมกันโดยไม่มีกำแพงเรื่องภาษามาเป็นอุปสรรค) เรียนโท หรือไปเทคคอร์สให้ได้สกิลอะไรที่มีประโยชน์กับการทำงาน ฯลฯ ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนมากคนที่เงินเดือนก้าวกระโดดเร็วๆ คือพวกที่กล้าจะเปลี่ยนงานบ่อยๆ นะ เพราะทำงานที่เดิมยังไงมันก็มีขีดจำกัด ต่อให้เป็นลูกรักแค่ไหนทำงานดีเท่าไหร่ก็ใช่ว่าเค้าจะอัพเงินเดือนอัพตำแหน่งให้ได้รัวๆ มันมีกระบอกมีขอบเขตของมันอยู่ และควรไปบ.ต่างชาติเพราะบ.พวกนี้กำลังจ่ายมากกว่าบ.ไทยเยอะ และเค้ากล้าจ่ายด้วย เพราะงั้นภาษาถึงต้องได้ระดับเก่งจริง
รุ่นพี่ที่สนิทกันยืมเงินกู ยืมตั้งแต่ช่วงเมษา แล้วหนี้ก็เพิ่มมาเรื่อยๆ
ความจริงกูกับเค้าสนิทกันนะ แต่หลังๆกูเริ่มรำคาญเลยเทแม่ง
มีวันหนึ่งแกป่วยมาทำงานไม่ได้สองวัน กูเลยโทรไปทวงตังค์
แม่งดิ้นเลยว่ะ หาว่าตัวเองกำลังป่วยทำไมไม่ถามซักคำ มาถึงทวงตังค์เลย
แล้วยกเรื่องเมื่อก่อนสมัยกูย้ายมาใหม่ๆมาอ้างบุญคุณโน้นนี่ ว่าอุตส่าห์เข้ามาคุยด้วย
พอเจอกูย้อนกลับว่าไหนบอกว่าจะคืนตังค์ทำไมไม่รักษาคำพูด ไม่งั้นกูก็ไม่ทวงตั้งแต่แรกให้เสียความรู้สึกด้วยกันทั้งคู่
แม่งหงอยแดกเลยสัส แล้วก็ทำมาพูดดีกับกู แต่ไม่ได้แดกกูว่ะ กูก็เฉยๆใส่
เรื่องเงินตอนนี้กูไม่หวังว่าจะได้คืนหมดแล้วว่ะ สภาพนี้อย่างมากก็คงคืนได้แค่ครึ่งเดียว
แต่ได้ความสะใจแบบฉิบหายแทน 55555555555
คือพี่แกตอนยืมครั้งล่าสุดบอกว่าที่บ้านจะขายทีได้เงินแล้วจะคืน แล้วแกจะลาออกไปอยู่บ้าน
แต่ดูท่าแล้วสงสัยต้องทำงานที่เดิมยาวไปเรื่อยๆนั้นแหละ แต่ถึงอยู่ต่อก็ไม่มีความสุขว่ะ
เพราะโดนกูเมินใส่จากคนเคยคุยด้วยกันได้ แต่ไม่คุยเจอหน้ากันแม่งทวงตังค์อย่างเดียว
จิกๆๆๆๆ อยู่นั้น จนกว่าจะลาออก 555555
เอ่ออีกนิด จริงๆตำแหน่งกูสูงกว่ารุ่นพี่คนที่ว่านะ แล้วเงินเดือนกูเยอะกว่าเค้าด้วย
จริงๆถ้าพี่แกมีปัญหาครอบครัว ปัญหาชีวิต มาคุยกับกูตรงๆ กูก็พอเข้าใจอยู่
เรื่องเงินที่ยืมกูต่อให้ยังไม่คืนกูก็ไม่เดือดร้อนอะไร
แต่ประเด็นคือกูไม่อยากให้ยอดหนี้มันเพิ่มแล้ว พอไม่ทวงพี่แกก็ทำตัวเหมือนเดิม
พอพูดดีด้วยแม่งก็ไม่สนใจ แทนที่จะมาขอต่อรองจ่ายรอดเดียวไม่ไหวก็ค่อยๆผ่อนได้ กูไม่รีบ
พี่แกก็เฉย กูเลยทำตัวเหี้ยๆใส่แม่ง ป่วยอยู่มาทำงานไม่ได้กูไม่สน ทวงเงินแม่งเลย
เหมือนบอกอ้อมๆว่า ถ้ามึงไม่คืนเงินกูก็ไม่ต้องมาคุยกับกู
พี่เค้านิสัยส่วนตัว(ไม่นับเรื่องยืมเงิน)ก็ถือว่าดีนะ กูก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้หรอก
ไห้ยืมเงินแม่งเสียเพื่อน ไม่ไห้ยืมอาจโดนเกลียดน้อยกว่านะ ความจริงในไทย
กูถามหน่อย กูเพิ่งเรียนจบ อายุ22 จะทำงานราชการดีไหมวะ กูปรึกษาครูสองคน คนนึงบอกอยากให้ทำ อีกคนบอกอยากให้ออกไปหาประสบการณ์เต็มที่ก่อน แก่ตัวไปค่อยกลับมาทำก็ยังได้ แม่กูบอกอยากให้ทำเพราะเศรษฐกิจมันแย่ เอางานมั่นคงไว้ก่อน แต่ส่วนตัวกู กูคิดเหมือนครูที่บอกให้ออกไปหาประสบการณ์ก่อน คือกูก็ไม่อยากดักดานแค่นี้ กูยังรักความอิสระ รักความตื่นเต้น แต่ไม่รู้อะไรคือสิ่งที่ควรทำว่ะ ไม่รู้จะปรึกษาใคร
พ่อกูสอนมางี้ รถ เงิน และ เมีย คือสิ่งที่ห้ามให้เพื่อนยืม
รถ - เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนจะเอาไปก่อคดีอะไรรึเปล่า ซึ่งถ้าเรามีชื่อเป็นเจ้าของรถก็ย่อมโดนหางเลขด้วย และถ้าข้อเท็จจริงปรากฎว่ามึงให้ยืมไปจริงๆ ก็เท่ากับกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปเลยโดยปริยาย
เงิน - เพราะเป็นเพื่อนมันเลยไม่เกรงใจกันเวลาจะคืน บางคนผัดผ่อนเป็นชาติแต่ก็ยังไม่คิดจะคืนก็มี ซึ่งนั่นทำให้เสียเพื่อนง่ายๆ
เมีย - ก็รู้ๆ อยู่เนอะ
>>516 มึงอายุ 22 สินะ เด็ก Gen Y รุ่นท้าย ๆ แล้วสินะ?
กูไม่แปลกใจนะที่มึงรักอิสระ เพราะการมองโลกแบบนี้เป็นเรื่องปกติในรุ่นมึง แต่นั่นก็เป็นเรื่องมุมมองทางความคิด มาเข้าเรื่องกันดีกว่า
พ่อแม่ยุคมึงน่ะน่าจะเป็นพวกยุค Baby boom ซึ่งคนพวกนี้ยังมีแนวคิดฝังหัวว่างานราชการนั้นเป็นงานที่ดีอยู่ ซึ่งเอาตามความจริงแล้วในยุคของพวกเขากับยุคปัจจุบันนั้น งานราชการก็ไม่มีความแตกต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว
จริงอยู่ว่ามั่นคง แต่การเติบโตนั้นแทบไม่มี ความท้าทายแทบเป็น 0 ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ภาคสนาม วันๆ ก็ได้แต่นั่งอยู่ในออฟฟิตคอยพิมพ์หนังสือโน้นนี่ให้นายอย่างเดียวเท่านั้น ฟังดูเหมือนงานสบายนะแต่ในขณะเดียวกันก็น่าเบื่อมาก น้อยคนนักที่จะสามารถสนุกไปกับการทำงานแบบนี้ได้ และที่สำคัญคือมึงต้องเลียนายเก่งๆ ซึ่งถ้าไม่มีความสามารถด้านนี้ก็ขอแนะนำว่าอย่าทำเลยไม่งั้นได้ดักดานอยู่กับที่แน่ๆ
ที่กูพูดนี่เพราะกูทำอยู่ ถึงจะไม่ใช่ข้าราชการแต่เป็นพนักงานราชการ ทำมาจะ 3 ปีละ ขอบอกเลยเบื่อสัด
ทุกวันนี้ต้องตื่นเช้าเข้าประชมฟังเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองอย่างกับตอนเข้าแถวหน้าเสาธง พอประชุมเสร็จก็ต้องมานั่งแหมะในออฟฟิตแคบๆ ขนาด 4x4 ที่นั่งอัดกันอยู่ 4 คน นั่งจ้องคอมเก่าๆ windows xp ใกล้พังมิพังแหล่ เพื่อพิมพ์เอกสารราชการให้นายเซ็นต์ พอพักเที่ยงก็ต้องลงไปซื้อกาแฟแก้วละ 20 บาทมาแดก เพราะไม่มีปัญญาไปแดก star buck ก่อนจะกลับมานั่งจ้องคอมอีกครั้งในช่วงบ่าย เพื่อรอเวลาเลิกงานตอน 4-5 โมง
บอกตามตรง ใช้ชีวิตโคตรเป็นรูทีนอะ พอทำไปนานๆ แล้วมึงจะหมดไฟไม่อยากจะเปลี่ยนงานแล้ว ฉะนั้นถ้าหากมึงยังไฟแรงก็อย่าเพิ่งมาเลยกับงานราชการ
ถ้ากูเปิดมู้ซาลารี่ในแชทโม่ง มันจะทำให้พวกมึงระบายอะไรได้มากขึ้นไหม?
จีบสาวในที่ทำงานเดียวกันดีไหมว่ะ ถ้ากรณีจบไม่สวยมองหน้ากันติดไหมว่ะ แล้วขึ้ปากชาวบ้าน ยังไงดี
>>522 อย่ากูบอกเลย
- สมมุติมึงจีบติดตอนเป็นแฟนกันใหม่ๆมันจะฟินดีเจอกันขั้นต่ำ 12 ชม. ยังไม่รวมโทรคุยกลางคืน บ้างเจอ 24 ชม. พอนานๆไปจากฟินมันจะกลายเป็นอึดอัด เพราะมึงไม่มีเวลาส่วนตัว แล้วถ้ามึงเลิกบอกเลยดราม่าทั้งแผนก ทุกคนจะพร้อมเสือกเรื่องพวกมึง จะไปมีแฟนใหม่ก็เจอนินทาอีก
- สมมุติมึงจีบไม่ติด มึงจะเป็นขี้ปากชาวบ้าน ให้เค้าเม้ามอยเรื่องมึงไปอีกนาน
คือประสบการณ์กูเจอมาเองจีบไม่ติด ทุกคนจะพร้อมเสือกเรื่องของมึง แต่ก็ดีใจที่จีบไม่ติด เพราะเจอพี่อีกคนจีบติด แต่งงานกัน ตัวติดกัน 24 ชม. จากพี่เฮฮาๆ หมาหยอกไก่คนนู้นคนนี้ที กลายเป็นพี่หงุดหงิดๆ เหวี่ยงรัวๆแทน คือมีเมียจับตา 24 ชม. แม่งไม่สนุกหรอก
>>516 อย่าเลย กูว่าข้าราชการถ้าไม่เลียเก่งก็ต้องอดทนสูงม๊ากกกกนั่นแหละ ไม่ได้อดทนกับเนื้อหางานเท่าไหร่หรอก อดทนกับคน กับระบบที่ห่วยแตก อดทนกับการที่มึงไม่มีอำนาจจะเปลี่ยนอะไรที่เห็นว่ามันเหี้ยได้ (กูไม่ได้เป็นข้าราชการหรอกแต่พี่กูเป็น มาระบายกับกูละกูหัวร้อนแทน) มึงหาอย่างอื่นทำที่รายได้ดีกว่า บ.ที่โอเค เข้าประกันสังคม(บ.ปกติเอาเข้าให้อยู่แล้ว)ก็มีความมั่นคงในระดับหนึ่งแล้ว ถ้าพ่อแม่มึงยังไงก็อยากให้เป็นข้าราชการให้ได้ มึงก็ขอเวลาหาประสบการณ์ซักพักก่อน ถ้าซักพักพ่อแม่ยังคิดว่าไม่มั่นคงพอ ตอนนั้นมึงก็ยังโตขึ้นมาหน่อยค่อยสอบราชการก็ได้ เข้าไปตอนนี้เป็นได้แค่ผู้น้อยให้คนกดหัวนั่นแหละ
กูโม่งใกล้จะเรียนจบนะ กูคิดว่าเป็นขรก.มันดีอย่างเดียวตรงที่ต่อให้ศก.แย่แค่ไหน มึงก็ไม่โดนเลย์ออฟอะ งานบ.เอกชนถ้าผลงานธรรมดา ไม่ใช่พวกตัวท็อปๆเทพๆ เวลาเกิดปัญหาขึ้นมาบ.ก็ไม่ได้อยากรั้งไว้หรอก มีคนอีกมากให้เลือกได้
เห็นโม่งงานข้าราชการเยอะนะ กูสงสัยเหมือนกันอ่ะว่าเนื้องานนี่ทำกันไม่ได้ยุ่งยากหรือว่าหนักหนาอะไรขนาดนั้นจริงๆเหรอวะ? คือไม่เคยลงงานแนวๆข้าราชการหว่ะเลยไม่รู้ว่ามันออกแนวแบบไหน เห็นแต่แบบข้าราชการครูนี่พวกcสูงๆจะอู้ยังไงก็ได้ ไม่มาทำงานแล้วอ้างติดธุระก็ได้ แต่เงินเดือนคือได้ครบจบเป๊ะ ส่วนครูcล่างๆจะโหมงานกันแบบจริงจังหน่อย แต่โหดแค่ไหนนี่คือไม่รู้นะ แต่ที่เคยมองๆดูแล้วงานข้าราชการครูตอนสอนหรือสั่งงานคือความอิสระสูงมาก จะสอนเด็กยังไงก็ได้ สั่งงานผ่านช่องทางไหนก็ได้ขอแค่เด็กรับเรื่องได้หมดเป็นพอ ไม่ก็แบบ ผอ. รร.หาเวลาลาหยุดไปเที่ยวสวิตฯไรงี้
>>526 อันนี้กูตอบ ในฐานะพ่อแม่กูเป็นข้าราชการครูนะ มันไม่จบแค่ผลงาน หรือจบที่การสอนนะสิมึง ถ้าเด็กในที่ปรึกษามึงมีปัญหา มึงต้องตามแก้อีก (และใช่ แม่กูเคยต้องตามแก้ปัญหาเด็กท้องระหว่างเรียนด้วย ห้องปกครองแทบแตก)
ปัญหาในไทยคือ จัดตารางสอนให้ครูถี่เกินไป บางคนสอนมอต้น ควบมอปลาย แถมมีงานวิจัยห่าเหวส่งย้อนหลัง
อ่ะ กูนับเรื่องงานกิจกรรมต่างๆ ด้วย อย่างงานธุรการ ก็ต้องเอาครูมาทำควบเพิ่มนะ น้อยมาที่จะมีบุคลากรข้างนอกมาทำ
ว่าง่ายๆ ข้าราชการครูในไทย ทำจับฉ่ายเกินไป ไอ้นู้นต้องทำ ไอ้นี้ต้องทำ ถ้ากำหนดงานไม่ชนกันก็พอสับรางได้ แต่ถ้ามันสับรางไม่ทัน ต้องส่งพร้อมกันหมด มึงตายแน่ๆ
นี่กูยังไม่นับเรื่องโครงการผักชีโรยหน้าจากรัฐฯอีกนะ ไอ้ประเภทเดินขวน ทำกิจกรรม ยุ่งยากเหี้ยๆ ไม่คุ้มเงินเลย กว่ามึงจะขึ้นซีสูงๆ มีเงินไม่ต้องทำอะไร ยากกกกก
กูกล้าพูดเลยว่า ถ้าเรื่องระบบ งานราชการ กับ ออฟฟิศเอกชนบางที่ ไม่ต่างกันเลย ยิ่งถ้าออฟฟิศใหญ่ๆยิ่งไม่ต่าง งบประมาณกว่าจะออก อะไรแม่งเหี้ยต้องซุกไว้ใต้พรม พูดเหี้ยอะไรไม่ได้ แต่งานราชการ ดีกว่าหน่อยตรงที่ถ้ามึงไม่เหี้ยจริงๆ มึงก็ไม่โดนออก กับสวัสดิการข้าราชการแม่งดีจริง
>>525 แต่ก็อย่าลืมว่าไอ้พวกที่ทำงานเหี้ยๆ ถ้ามันไม่ได้ผิดวินัยร้ายแรงมึงก็เอามันออกไม่ได้เหมือนกัน หรือต่อให้แม่งร้ายแรงแต่แบ็คมันใหญ่จัดก็กระดิกตีนอยู่ในระบบได้ ตัวมึงไม่โดนเด้งออกจากงานก็จริง แต่ก็ต้องทนอยู่ในสภาพไหนก็อยู่ที่มึงเป็นคนของใครมากกว่ามึงทำอะไร เพราะระบบราชการมาเฟียแบบนี้แหละเลยทำให้กูเกลียด
>>526 กูว่าสมัยนี้ครูแม่งปวดหัวกับการต้องทำเอกสารผลงานมากกว่าสอนเด็กอีกนะ อันนี้ไม่ได้โทษครูเท่าไหร่ เพราะระบบแม่งออกตัวชี้วัดเหี้ยอะไรมาเยอะแยะไม่ดูเลยว่าวันๆ ครูมันมีเวลาได้สอนหนังสือมั้ย (นี่มองอย่างคนนอกนะ พี่กูเป็นข้าราชการครู) ละยิ่งต่างจังหวัดมีอะไรพวกข้าราชการก็โดนเรียกก่อน แบบ หยุดสอนหนังสือเพื่อไปกรอกกระสอบทรายกันน้ำท่วมงี๊ และแม่งก็โกงกินกันเละเทะไปหมด เงินเดือนตกเบิกแล้วตกเบิกอีก ครูไปกู้หนี้ยืมสินกันมามากมาย เอ๊ะ กูเริ่มจะไปไกลละ แต่นั่นแหละ กูอคติกับระบบราชการ
ถ้าปวดหัวกับอาชีพครู ว่าง ๆ ลองไปลงเรียนเขียนโปรแกรม เพื่อผันตัวไปเป็นโปรแกรมเมอร์ดีไหม ?
>>528 เคยทำบ.ต่างชาติบ้างไหมจ๊ะ?
ถ้าบ.ไทย มันก็ไม่ต่างกับราชการเท่าไหร่อยู่แล้วเพราะวัฒนธรรมองค์กรมันไทยไง กูนี่เกิดมาไม่เคยแลบ.ไทยเลย ถ้าจะทำเอกชนบ.ไทย ก็ไปทำราชการดีกว่าจริงๆ นั่นแหละ ถ้าจะทำเอกชนจงไปหาบ.ต่างชาติระดับ global ที่ดีๆ แล้วจะรู้ว่าต่างกันนรกกับสวรรค์
>>522-523 ขึ้นอยู่กับการวางตัวด้วยว่ะ ถ้าออกตัวแรงก็อาจจะปัญหาแบบที่ >>523 ว่า
แต่ถ้าวางตัวดีๆ จีบแบบเว้นระยะห่าง ถ้าใครแซวก็ตอบแบบขำๆว่า ก็น้อง....เค้าน่ารักนี่ครับ
รักษาความสัมพันธ์ของความเป็นเพื่อนร่วมงานไว้เป็นหลัก ประมาณว่าถึงไม่ได้เป็นแฟนก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้
แค่นี้ก็ไม่โดนนินทาเป็นขี้ปากในออฟฟิซแล้วล่ะ แต่เรื่องจีบติดแล้วเปลี่ยนไปนี่ท่าทางจะจริง แรกๆก็ดี
แต่นานๆไปมันจะเบื่อแทนเพราะตัวติดกัน 12 ชั่วโมงอย่างต่ำ
เรื่องขี้ปากนี่ไม่จริงวะ บริษัทกูนี่เม้าตั้งแต่เริ่มจีบแล้วไม่ต้องรอจนถึงจีบติดหรอก
>>534 ที่ทำอยู่เนี่ยแหละ บ.ต่างชาติ เพื่อนร่วมงานแอบไปสอบข้าราชการ ได้ก็ออกกัน รัวๆ ที่อยู่นานมีแต่ จวนเกษียณ กับ กุมอำนาจอยู่ กูแนะนำเลย ถ้าไม่ได้เป็นคนเจ้าอุดมการณ์ หรือระดับหัวกะทิ ถ้ามีปัญญาเข้าราชการ ก็เข้าไปเลย ยิ่งพวกชิวๆ ทำงานไปวันๆ กูยิ่งแนะนำ ทนๆกับระบบมันไป ถือซะว่า ทำงานหาเงินบำนาญ พ่อแม่ลูกเมียป่วย ก็เบิกได้ ค่าเทอมลูก ก็เบิกได้ วันหยุดราชการ ก็เยอะชิบหาย เงินไม่พอก็หางานเสริมเอา
ปล.เผื่อคนถามว่าทำไมกูรู้ พ่อแม่กูทำงานราชการ ตอนนี้C8-7 จะเกษียณแหละ สมัยกูเด็กๆ ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจพ่อแม่กูก็เงินไม่พอเหมือนกัน ก็ทนๆเอา เงินไม่พอก็หางานเสริม ด้วยระยะเวลาที่ทำราชการด้วยแหละ ถึงไต่มาถึงc8-7ได้
code star = ขยะ ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก แค่เว็ปมันเอง code html ยังเขียนผิดๆ ถูกๆ อยู่เลย
แล้วเรื่องโปรแกรมไม่ต้องหวังอะไรหรอก กะอีแค่ form ส่ง mail ง่อยๆ ยังทำไม่เป็น แล้วคิดว่าเรียนกับเจ้านี้จะได้อะไรเรอะไง
ง่วงชิบหายเลยว๊อยยย.. แดกกาแฟไปแล้วทำไมมันยังง่วงขนาดนี้ หัวไม่แล่น หัวหน้าพูดอะไรมากูยังเบลออยู่เลย มองจอไปซักพักแล้วตาแม่งไม่โฟกัสเฉย
มีที่ไหนรับพนงแบบพาทไทบ้างปะวะ กุไปสมัครทีไรแม่งเอาแต่เต็มเวลาอยากเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยอยากได้เงินใช้เว่ยยยย
หอพักในกรุงเทพฯ มันแพงมากเหรอวะ กูอยากไปลงกรมกองกรุงเทพฯ แต่พี่กูเบรคเลย ขี้เกียจวางแผนใหม่แล้ว
>>551 อันีน้กู เด็ก ตจว มาทำงาน กทม นะ ขึ้นกับย่านที่มึงจะเช่าด้วย
ถ้ามึงเป็น ผช หอ 2500 - 3000 มีให้มึงเลือกอยู่ แต่ถ้ามึงเป็น ผญ กูจะแนะนำให้เอาหอ 3500+ เลยวะ เพื่อความปลอดภัย
ออกมาอยู่ย่านชานเมืองหน่อยๆ ขาออกนอกเมือง มึงจะได้ราคาหอที่ถูกลง อย่าเน้นถูกมาก เดี๋ยวไม่มีความปลอดภัยวะ
4500 พอหาได้อยู่นะ ริมๆเส้นmrtอะแหละ
กูงงเพื่อนกูคนนึงอะ แม่ง พักเดือนละหมื่นแล้วมาบ่นเงินไม่พอ
เพื่อนโม่ง คิดถึงกูด้วยนะ กูกำลังจะบินกลับไทยละ ก่อนลงจอดกูจะทำ aileron roll ทำความฝันกูให้เป็นจริงสักครั้ง ถ้าไม่ตายก็คงติดคุก
ช่างแม่ง ความฝันกู กูจะ aileron roll ด้วย 747 ลาก่อย ติดตามดูได้ในข่าวนะ เพื่อนนักบินกูมันก็เอาด้วยว่ะ 555+
โม่งนีทสอบนักบินไม่ติดมากกว่ามั้งงง อิอิ
ทีมโปรดักชั่น = ทีมที่เหี้ยอะไรก็เอามาให้กูทำ ตามล้างตามเช็ดงานที่โอเปอเรชั่น เมอร์เชนไดเซอร์ เซลเลอร์ เอ้าท์ซอร์ส ทำพัง มึงทำไรผิด ทำไรพังมาโยนให้โปรดักชั่นแก้ทั้งหมด โปรดักต์ 7000 กว่าตัวอัพผิด ตั้งแก้ภายใน 4 ชั่วโมง ก็ให้โปรดักชั่นแก้สิ แก้แมนนวลไป จิ้มไปทีละโปรดักต์ พอระบบไม่ซัพพอร์ต แจ้งไอทีก็บอกว่าไม่ใช่ priority ทำสินค้าไปเป็นหมื่นแม่งก็ลบของพวกกูทิ้ง ระบบเสิร์ชชื่อมีปัญหาก็โยนมาให้พวกกูอีก ลูกค้าด่าแม่งยังความผิดกูเลย ด้วยตรรกะควายๆ ที่ว่าต่อให้โปรดักชั่นไม่ได้ทำ แต่โปรดักชั่นต้องมาแก้อยู่ดี สัสพ่อง
ถามหน่อย(ถามในนี้ถูกไหมถ้าผิดขอโทศด้วย)พวกนศ/นรที่ทำพาทไทม์ที่ห้าง เช่น พวกเอาของใส่ถุงในซุปเปองี้ คือไปสมัครกันที่ไหนวะหรือเขามีประกาศรับสมัครกัน หรือเข้าไปสมัครที่ห้างได้เลยต้องไปบอกเขาว่าไรอ่ะ ขอบคุณมาก
https://www.khaosod.co.th/monitor-news/news_1356584
อันนี้เรื่องจริงหรือแค่ตลาดล่างวะ
ถ้าจริงกุต้องเรียกเท่าไหร่ 13k เหรอสัส
>>568 https://www.facebook.com/129558990394402/posts/3269352616415008/
เพิ่ม comment facebook
ตอนนี้กุว่างงานจะ4เดือนละ ลงเว็บหางาน ทั้งวอคอิน รอเรียกทั้งนั้น เงินไม่เคยเรียกเกิน10k ผลงานระบุชัดเจนว่าเคยผ่านฝึกงานกิจกรรมตอนเรียนไรมาบ้าง ตอนนี้เลยทำของขายแก้ขัด ชีวิตตแม่งบัดซบบริงๆ
>>568 กูจบปี 55 จบสามพระจอม เริ่มงานด้วยเงินเดือน 11k ผ่านโปรได้ 13k อยู่ที่เดิม 3 ปี เงินเดือนสุดท้ายอยู่ที่ 18k พอเปลี่ยนงานใหม่ได้สต๊าทที่ 25k ตอนนี้ทำที่ปัจจุบันได้สองปี เงินเดือนอยู่ที่ 29k .กูว่าเด็กจบใหม่ จบมาแรกๆทนทำเอาประสบการณ์ไปก่อนก็ดีนะ แล้วพอมีประสบการณ์ค่อยไปหาที่มันเงินเดือนสูงกว่า แต่ไอที่ให้เยอะให้น้อย บางบริษัทแม่งก็กดจริงๆวะ อย่างที่แรกที่กูไปทำ โอเคอะกูไม่มีประสบการณ์ 11k อีเหี้ย เข้าไปแรกๆด่าในใจทุกวันแต่ก็นะ ยังไงก็ต้องทำจะเอาประสบการณ์ แต่อาศัยว่าใกล้บ้าน เดินไปทำงาน เลยไม่เดือดร้อนอะไร แต่พอเปลี่ยนงานมาที่ใหม่เงินอัพปรู๊ดปร๊าดมาก แถมก็ใกล้บ้านเหมือนเดิมอีกตาสว่างเลยกู
กูว่าปัจจัยมันหลายอย่างมากเกินกว่าจะกำหนดราคากลางกันได้นะ ทั้งสกิลเด็กเอง ทั้งเนื้องาน สภาพบริษัท เอชอาร์ บลาๆ บางที่เงินน้อยกว่าเพื่อนแต่สวัสดิการดีก็มี บางที่เงินเดือนสูงทำแม่งยันวันอาทิตย์ไม่มีสวัสดิการอะไรแถมโอฟรีอีก
ละยิ่งทำงานนานเท่าไหร่ก็จะยิ่งเห็นความเหลื่อมล้ำของเงินเดือนตัวเองกับเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน ฮือๆๆ /กูทำงานมา 10 ปีละ เงินเดือนปัจจุบัน 32k อายุงานที่ปัจจุบันคือ 2 ปีครึ่ง
อยากระบายความรู้สึกผิดว่ะ กูทำงานทางสายงานพวกออกแบบนี่ล่ะ ฝีมือก็พอโอเค แล้วหัวหน้ากูวางใจเลยให้กุมบังเหียนโปรเจคงานนี้แทนแกด้วย แต่กูเสือกทำพลาด เลือกแมททีเรียลมาพลาด ไม่เช็คกับทางเซลล์ให้ดีก่อนว่าของจริงกับรูปถ่ายตัวอย่างในเว็บไม่เหมือนกัน ใจร้อนสั่งมาเลยแล้วพอเอามาติดหน้างานสีแม่งเพี้ยนหนัก ส่งคืนก็ไม่ได้ เลยต้องติดแบบนั้น พอเจ้าของมาดูถึงกับหน้าเสียเลยเพราะทุเรศ ถ้ารื้อออกมันก็กลายเป็นค่าแรงคูณสองเพราะต้องรื้อ ต้องสั่งวัสดุใหม่ แล้วต้องติดใหม่ แถมหัวหน้ากูยังต้องโดนเจ้าของด่า ซึ่งกูก็บอกหัวหน้ากูว่าหักเงินเดือนกูก็ได้ แต่เขาบอกมันเป็นความผิดเขาด้วยที่ไม่ตรวจให้ดี กูยิ่งรู้สึกผิดหนักกว่าเก่า แล้วกูก็ไม่ใช่เด็กจบใหม่ด้วยนะ ทำงานมากี่ปีแล้วเสือกพลาดแบบโง่ๆไม่ละเอียดรอบคอบ กูเสียใจในความโง่ของตัวเองมากๆว่ะ
>>579 กอดนะมึง กูเข้าใจกูเคยเหตุการณ์คล้ายมึง แต่ของกูพลาดตรงฝ่ายผลิตส้นตีน ทำพลาดแล้วโยนมาหากู แต่กูผิดด้วยที่ไม่รอบคอบไม่เฝ้าจับตามองมัน เวลาแก้ก็ไม่เหลือแล้วเลยแม่งพังสัส
หัวหน้าต้องมาโดนด่าแทนกู ส่วนกูไม่โดนไรเลยกูยิ่งรู้สึกผิดกว่าเดิม ได้แต่เก็บมาเป็นบทเรียนไม่ให้พลาดซ้ำ
>>579 มึงจงดีใจนะที่มีหัวหน้าดี คนเรามันพลาดกันได้ ขอแค่พลาดแล้วเรียนรู้ ปรับปรุง ป้องกัน ไม่พลาดซ้ำพลาดซาก และบางครั้งอะไรแบบนี้ที่มันเข้ามาในชีวิตมันก็ทำให้เราได้รู้ว่าใครคือคนที่ดีกับเรา ใครคืองูพิษ เพราะงั้นดีแล้วล่ะ จงคิดซะว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วดีเสมอ บางทีที่มึงผิดพลาดเสียหายในวันนี้ อาจทำให้มึงระวัง รอบคอบ แล้วไม่ไปเสียหายเป็นมูลค่ามากกว่านี้ในวันหน้าก็ได้
มีใครยื่นภาษีน้อยกว่าความเป็นจริงมั่งมั้ย คือรายได้หักนะที่จ่ายกูต้องจ่ายภาษี 15% อ่ะ ทีนี้มันมีค่าใช้จ่ายที่เอามาหักภาษีไม่ได้อ่ะในการทำงาน ทีนี้กูอยากยื่นแค่10% กูจะรอดมั้ย ถ้านับตามรายได้จริงกูต้องยื่นแค่ 5%เองนะ
โม่งกูขอระบายหน่อย กูเพิ่งเรียนจบ ตอนเรียนกูก็เป็นพวกรักสบาย วันๆเข้าเรียนสาย กลับบ้านมาอ่านนิยายหาเกมเล่น พยายามเหลือเกินที่จะหาความชิวในคณะที่โคตรเครียด ตอนเลือกที่ทำงานกูภาวนาไว้เลยว่าขอที่ๆสบายเพื่อนร่วมงานดีๆส่วนเรื่องเงินไม่สนใจนัก ถึงยังไงก็ไม่ขี้เหร่อยู่แล้ว
ใครอยากทำงานปั๊มเงินตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตก็เรื่องของเขาส่วนตัวกูไม่ขอเอาด้วย
พอจบมาทำงานจริงๆ กูได้ที่ๆงานสบายเพื่อนร่วมงานดีสมใจอยาก ชีวิตดีสังคมดี จนกระทั่งกูคุยกับเพื่อนๆที่สมัยเรียนดูลุ่มๆดอนๆจะจบมิจบแหล่ พอไปทำงานปุ๊ปแม่งเหมือนองค์ลง รับงานเสริมตอนเย็นวันเสาร์อาทิตย์ไม่มีพัก อัพเวลรัวๆ สุดท้ายเงินเดือนแม่งมากกว่ากูกันสองสามสี่เท่าได้
ส่วนตัวกูเอง แทนที่จะเอาเวลาว่างมาเล่นเกมอ่านนิยายเล่นเน็ตหาความสุขเหมือนที่วาดฝันไว้ กูพบว่าพอทำแล้วมันรู้สึกอึนๆ มีแต่ความคิดว่าถ้ากูเอาเวลาที่นอนกระดิกตีนโง่ๆเป็นชั่วโมงนี่ไปรับงานเพิ่มกูจะได้ตังเพิ่มกี่พันกี่หมื่น สุดท้ายมีความสุขน้อยกว่าการทำงานทั้งวันอย่างที่กูเคยเหยียดอีกมั้ง
แล้วสุดท้ายกูเองก็อยากออกไปรับงานเพิ่มมั่งแต่ติดข้อจำกัดเรื่องที่ทำงานและอื่นๆที่ทำให้กูไปไม่ได้
ตลกดี เวลาไม่กี่เดือนทัศนคติแม่งเปลี่ยนได้ขนาดนี้ ก่อนหน้านี้กูไม่ซีเรียสเรื่องรายได้นะ ปล่อยวางได้เสมอ
เพราะไม่ว่ากูจะหาได้มากแค่ไหนมันก็จะมีคนที่หาได้มากกว่ากูอยู่ดี
แต่พอคนๆนั้นมันเป็นเพื่อนๆกูเองที่เรียนมาเหมือนๆกันจบมาระดับเดียวกันแล้วแม่งรับไม่ได้ว่ะ ให้ตายเหอะ
>>589 รายได้น้อยที่มึงว่าสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ป่าวล่ะ แต่ก็นะ ลองมึงร้อนใจแบบนี้แล้วคงต้องหาเพิ่มแล้วล่ะ 555 แต่เอาจริงๆ ทางใครทางมันว่ะ มึงเองก็อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จในทางหามรุ่งหามค่ำแบบเพื่อนมึงก็ได้ ขอแนะนำแบบมั่วๆ ซั่วๆ ในฐานะที่เราไม่รู้จักกัน ว่ามึงไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองทำงานหนักหรอก ในเมื่อจุดยืนของมึงไม่ใช่การมีสกิลเทพหรือโด่งดังในสายงาน ก็เก็บเงินซะ ระหว่างนี้ก็ศึกษาเรื่องการลงทุน พอมีเงินเย็นละก็เอาไปลงทุน ใครจะรู้ จริงๆ ทางรวยของมึงอาจจะเป็นแบบนั่งกินนอนกินให้เงินทำงานไปซะก็ได้
>>589 ถ้าอยากได้เงินเพิ่มว่างๆ ก็ลองเปลี่ยนงานแค่นั้นน่ะ ส่วนเรื่องทำนอกเวลาแล้วแต่นะ แต่กูไม่แนะนำว่ะ
ถ้าจะทำนอกเวลาก็เอาแค่ส่วนที่ up skill นานๆ ทำทีพอ อย่าทำงานนอกประจำต้องพักบ้าง เพราะถึงระดับหนึ่ง
มึงจะพักผ่อนไม่พอแล้วจะทำให้งานประจำเสีย แล้วพออายุเยอะหน่อยล่ะมึงเอ๋ย ไอ้ที่ทำๆ มานั่นนะ จ่ายค่าหมอหมด
พออ่าน >>590 นึกถึงที่พูดเรื่องลงทุนได้ ถ้าไปลงทุนในเรื่องที่เราฝากชีวิตไว้กับคนอื่น พวกหุ้น หรือการเก็งกำไรต่างๆ
ไม่ว่า ฟอเร็ก คริบโต ทองคำ น้ำมัน พวกนี้นะ อย่าทะลึ่ง all in เต็มที่ครั้งแรกๆ แค่ 5-10% ของเงินเก็บ หรือเท่ากับจำนวนที่เสียได้แน่ๆ
แบบไม่เดือดร้อนทั้งก้อนพอ
เพราะคนที่ชนะตลาดได้มีน้อยกว่าคนเสีย แล้วร้อยละ 90 เจ้งบ้งกับการเข้าตลาดครั้งแรกเสมอ ต่อให้ ตลาดเป็นขาขึ้นก็ตาม
ตลาดเก็งกำไร เสกเงินได้จริง แต่มันก็เสกหายได้จริงเช่นกัน เงินที่เราได้มา ส่วนหนึ่งมันก็คือเงินจากคนที่เสียไปนั่นแหละ
>>592 มึงพูดซะอย่างกับเล่นหวยเลย แต่ก็มีจริงๆ พวกที่ทะเล่อทะล่าลงทุนเหมือนเล่นพนันละหมดเนื้อหมดตัว เห็นด้วยว่าอย่างน้อยๆ ก็อย่าไปเทหมดหน้าตัก เพราะงั้น ศึกษาก่อนเยอะๆ แต่กูเป็นพวกอ่านอย่างเดียวละไม่อินเลยต้องปฏิบัติไปด้วย อย่างหุ้นนี่เดี๋ยวนี้เปิดพอร์ตง่ายมาก กูก็ลองศึกษาแบบเริ่มจากซื้อทีละน้อยๆ ร้อยสองร้อยหุ้นพอได้ปันผลมากรุบกริบ /ไม่ใช่สายเดย์เทรด ยังไงรายได้หลักก็ยังมาจากงานประจำอยู่ดี
>>589 กูก็รู้สึกแบบมึงนะบางที มันรู้สึกว่าทุก ๆ อย่างของเรากับของเขามันเท่ากันหมด ทำไมเขาได้ดีกว่า เดี๋ยวนี้พอเห็นคนขยัน วันหยุดรับงานเพิ่มหรือไปเรียนเพิ่มแล้วรู้สึกตัวเองอยู่เฉยไม่ได้และ สังคมกูตอนนี้ทุกคนเลยโคตรอุบเงียบ ไม่บอกใครว่าตัวเองมีโปรเจ็คอะไรบ้าง คนจะไม่แตกตื่นแล้วไม่ไปแย่งทำกับมัน สุดท้ายแม่งมาอีหรอบนี้ แข่งขันกันจริง ๆ
>>595 ถ้าพักผ่อนได้ก็พักผ่อนเถอะ วันหยุดหาอะไรผ่อนคลายทำ กูเป็นคนนึงที่ทำงานทั้งงานประจำและงานเสริม อายุเพิ่งจะ 30 แต่รู้สึกสมองแม่งเริ่มทื่อๆ ไม่ฉับไวเหมือนสมัยก่อนแล้ว คงเพราะไม่ค่อยได้พักผ่อนเต็มที่ ความจริงกูไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินนะ แต่เป็นเพราะกูไม่เคยมั่นใจในงานประจำของตัวเองเลย เงินมันดีแต่งานมันเครียดมาก วันไหนน็อตหลุดกูอาจจะกรี๊ดกลางห้องประชุมแล้วลาออกเลยก็ได้ 555 ก็เลยต้องรับงานเสริมเพื่อรักษาคอนเนคชั่นไว้เรื่อยๆ เป็นหลักประกันอีกทางว่าต่อให้ว่างงานประจำก็จะยังมีงานและรายได้อยู่ อีกอย่างงานเสริมที่กูทำมันเป็นงานที่กูชอบและทำแล้วได้โพรไฟล์ด้วย ก็เลยตัดใจเลิกทำไม่ได้ซะทีแม้จะเหนื่อยก็ตาม เอ้อ กูเป็นคนที่สมัยเรียนเรียนดีแต่ขี้เกียจและเกเร เพื่อนยังแซวบ่อยเหมือนกันว่าไม่คิดเลยว่าโตมามึงจะขยันได้น่ากลัวขนาดนี้ ทั้งที่ก็โสดและไม่ได้มีภาระอะไร แต่เงินเก็บก็ไม่ค่อยมีนะ 555 หาได้มากก็ผลาญมาก ใช้เงินเป็นน้ำเลยแม่ง เบื่อตัวเองก็ตรงนี้
เจ้านายอยากประหยัดเงินเลยจองโรงแรม นอนห้องเดียวกับเลขา อย่างนี้ก็ได้เหรอวะ
ปล.สองคนนี้สนิทกันมากขนาดที่ใครๆที่เห็นก็เข้าใจว่าเป็นผัวเมียกัน
ปล.2ทั้งสองคนแต่งงานแล้ว
วันหยุดยาวแต่กูต้องไปทำงานต่อทุกวันเลย วันนี้ก็พึ่งเลิกงาน เข้างาน 8 โมง เลิก 5 ทุ่ม
งานแม่งเยอะชิบหายใครก็ได้ช่วยกูที T-T
>>599 เข้าใจอารมณ์มึง แต่สลับกันเลยกูเนี่ย อยากไปทำงานทั้งๆ ที่เป็นวันหยุดเพราะงานไม่เสร็จ บ้าเอ๊ย เกลียดวันหยุดยาวชิบหาย มันทำให้เราต้องเร่งทำทุกอย่างในวันก่อนหน้าจนต้องทำลวกๆ ไป ผลก็คือถึงหยุดก็เที่ยวไม่มีความสุข พูดก็พูดเหอะ งานเก่ากูเป็นฟอเวิดเดอร์ก็เคยเจอเดดไลน์อะไรพวกนี้มาบ้าง วันก่อนวันหยุดยาวกุเคยต้องนั่งทำงานถึงตีสาม ตอนนี้กูเปลี่ยนมาเป็นผู้ส่งออกบ้างพบว่างานแม่งหนักกว่าที่เดิมอีกว่ะ ทำเอกสารแบบไม่มีเวลาลุกไปฉี่ ทำหน้ามืด จะสิ้นเดือนอยู่แล้วก็มีงานใหม่เข้ามาที่จะต้องทำให้เสร็จภายในเดือนโดยต้องดำน้ำมั่วเองไปก่อนเพราะเอกสารจากลูกค้าก็ยังไม่เสร็จ กลับห้องก็นอนไม่หลับ เพราะถ้าที่มั่วไปผิดไปสักตัวอักษรเดียวหรือขาดข้อความแอลซีที่พึ่งได้มาทีหลังไปก็เอาไปขายแบงค์ไม่ผ่าน ต้องแก้อีก แมสเซนเจอร์ก็ไม่ได้มีซัพพอร์ทตลอดเวลา กูทำได้สามเดือนเองแต่รู้สึกเบิร์นเอาท์มากๆ กะจะไปลาออกแล้วเนี่ย อ้อ อีกอย่างอาจเป็นเพราะหัวหน้ากูค่อนข้างคาดหวังกะกูไว้สูง กะปั้นกูเป็นทายาทอสูรพี่คนเดิมที่พึ่งเลื่อนขั้นเป้นซุป แต่เข้าใจไหมว่ากูพึ่งมาทำงานใหม่จะเทงานของนที่ทำมาเป็นสิบปีให้กูทีเดียวอย่างงี้ไม่ได้ กูถามเพื่อนกี่คนๆ ก็ไม่ค่อยมีใครเจอภาวะปั่นงานก่อนวันหยุดขนาดนี้นะ อาจเป็นเพราะว่าไม่ได้เกี่ยวกับส่งออกนำเข้าโดยตรง ถ้ากูจะทำงานใหม่ที่ไม่ต้องมีวงจรงานที่สั้น กระชั้นชิด ทำผิดเสียตัง ทำช้าเสียตัง ขนาดนั้นนี่มีแนวไหนแนะนำบ้างวะ
>>600 นอนดึกนักระวังโรคตับจะถามหานะมึง แต่อ่านดูเหมือนมึงจะทำงานแนว logistics ใช่มะ
วงจรงานแบบสั้นยังไงก็หนีไม่พ้นหรอก
แต่คิดไปคิดมา เป็นทุกสายงานหรือเปล่าวะ ไอ้งานกระชั้นชิดเนี่ย กูทำคนละสายกับมึงแม่งก็ชอบมาแนวกระชั้น
ทุกวันหยุด ทุกสิ้นเดือน ชาวบ้านเงินเดือนออกไปฉลอง กูสินั่งปั่นงานอยู่เครียสชิบหาย
ไม่รู้เซลแม่งขายแล้วมาบุคสิ้นเดือน หรือบริษัทปลายทางเซ็นต์สัญญาปลายเดือน แม่งตอนขายไม่ได้ขายวันเดียว
แต่ลูกค้าเสือกเซ็นต์สัญญา project พร้อมกัน มารู้อีกทีร้องเหี้ย กูอยากแยกร่างชิบหาย
แต่อ๋อ ไม่รู้ว่ากูดีกว่ามึงหรือแย่กว่านะ ของมึงทำผิดเสียตังค์ ส่วนของกูทำผิดคงเซ็นต์ลาออกเลยว่ะ
พลาดนี่อยากจะร้อง ไม่จบที่ต้องเขียนรายงานง่ายหรอกมั้ง งานชิ้นนึงแม่งแพงกว่าเงินเดือนกูทั้งปีอีก
>>601 กูไม่ได้เสียตังตัวเองนะ กูหมายถึงบริษัทเสียตังน่ะ ถ้าเอกสารมันผิดแบงค์จะปรับบ.ยี่สิบเหรียญ ห้าสิบเหรียญ หรือแก้ไขอะไรกับสายเรือก็สี่สิบเหรียญอะไรก็ว่าไป แล้วเราต้องทำเรื่องเบิกมันเลยจะเห็นตัวเลขน่ะว่าเดือนนี้ทำผิดเยอะซึ่งทำให้ประเมินไม่ดีไรงี้ โบน้อยลง ถูกเรียกเข้าห้องเย็น แต่กูไม่ได้ต้องไปเสียค่าปรับแทนบ.หรอก พี่กูลาไปเมืองนอกอาทิตย์กว่าๆ กลับมาอีกทีงานที่คนอื่นช่วยทำไประหว่างนั้นมีต้องเสียค่าปรับบาน ตามแก้เอกสารอยู่เป็นเดือนๆ
เพื่อนโม่งถามหน่อยดิ ต้องเก่งระดับไหนเหรอถึงจะได้ดิบได้ดีโดยไม่ต้องเลียเจ้านายวะ
>>603 เก่งเรื่องงานระดับไหนไม่รู้ แต่ต้องฉลาดพอที่จะหาบริษัทดีๆ เจ้านายดีๆ ได้ รู้ว่าอยู่กับใครและองค์กรแบบไหนถึงจะเจริญ ถ้าเจ้านายมึงเหี้ยชอบแต่คนเลียทำงานไม่เอาอ่าว ถ้าบริษัทมึงกากวิธีประเมินไม่ practical มึงเก่งให้ตายยังไงมึงก็ไม่ได้ดี อย่างมากก็แค่โดนหลอกใช้ให้ทำงานหนักเหนื่อยแทบตายอยู่คนเดียวไปวันๆ เท่านั้นเอง แหม พูดเองเข้าตัวเองยังไงไม่รู้ ถถถ
แม่งเอ้ย พรุ่งนี้โดนตามไปทำงานทั้งๆที่เป็นวันหยุด
วันศุกร์กูก็ทำงาน วันจันทร์กูก็จะไปทำงานเป็นเพื่อนพวกมึงเอง
>>605 นึกถึง IT ทำแม่งทุกอย่างในบริษัทเพื่อนกูเลย
แบบบริษัทงบน้อยก็เลยจ้างโปรแกรมเมอร์แก่ๆที่ฝีมือธรรมดามาคน ทำแม่งทุกอย่าง
ไปๆมาๆต้องให้เงินเดือนเยอะ ทำทุกอย่างไม่ให้เค้าออก
เพราะระบบ IT ทั้งบริษัทคุมอยู่คนเดียว คนอื่นไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ถ้าออกทีจะชิบหายกันหมด 555
เพื่อนโม่งมีเงินเก็บกันหรือเปล่าวะ กู 33 แล้วไม่มีเงินเก็บรู้สึกเป็นพวกชีวิตไม่ประสบความสำเร็จในโลกพันทิพ กูเลยมาหาในโม่งแทนเผื่อมีเพื่อน ฮือ...
>>615 หลายกระทู้พันทิพคนตั้งอายุเลข 3 แล้วยังไม่มีทรัพย์สินถมเถไป อย่างน้องเราเอง อายุจะ 34 อยู่แล้ว เพิ่งได้งานประจำทำเมื่อตอนอายุ 33 ก่อนหน้านั้นเกาะที่บ้านกินตลอด เราเพิ่งบังคับมันให้ออมเงินแบบปลอดภาษีเดือนละ 1000 ได้เนี่ยแหละ อย่าคิดมาก เริ่มทีละนิดละหน่อยก็ได้ แต่ไม่ควรชะล่าใจ
ปกติรายได้ที่ไม่เจอหักภาษีนะที่จ่ายนี่ เอาไปคิดภาษีกันมั้ยเพื่อนโม่ง
ขอถามอะไรหน่อย ไม่รู้ว่าถูกห้องป่าว
ตอนมึงเริ่มทำงาน ส่งเงินให้ที่บ้านกันเท่าไหร่วะ ที่บ้านกูฐานะค่อนข้างดี พ่อบอกไม่ต้องให้ แต่กูอยากให้ เลยให้ไป 4,000 บาท โดนแม่ด่าว่าทำไมให้แค่นี้ 55555
แค่นี้กูก็ไม่มีกินละ เครียด ไม่ให้แม่ง
เราให้หมดเลยนะ แล้วขอเงินเดือนจากแม่แทน
กูอยากเปลี่ยนสายงานวะ นี่ทำงานไม่ตรงสายตั้งแต่จบมา ทำไปทำมาก็ 6 ปีละ เริ่มยังไงดีวะ เบื่องานที่ทำ ตอนนี้ทำ it อยู่ มี it คนเดียวคือกู ทำทุกอย่างสากกะเบือยันเรือรบ ซับพอร์ท โปรแกรมมิ่ง เทสเตอร์ ดูแลเซิร์ฟเวอร์ บลาๆๆๆ จับฉ่ายมากจนกูไม่อยากทำแล้ว
กูนี่ทำงานตรงสายไม่พอยังดันมาทำงานเฉพาะทางด้านหนึ่งตลอด 8 ปี เหมือนชีวิตตัวเองมีด้านเดียว รู้ลึกเชี่ยวชาญสุดๆ แต่รู้อยู่เรื่องเดียว ให้ไปทำอย่างอื่นตอนนี้ทำไม่เป็นเลย คิดจะลาออกนี่เอาตีนก่ายหน้าผากมากเพราะนึกไม่ออกเลยว่าจะไปทำอะไร ใครจะรับ รับเข้าไปแล้วกูจะทำอะไรให้เค้าได้บ้าง อายุก็ไม่น้อยแล้ว สรุปเลยไม่ได้ออกซักที
อยากมีแฟนดีๆน่ารักตรงสเปค แต่สมัยนี้แม่งการันตีอะไรไม่ได้เลยว่ะ ไม่รู้ว่าคบๆไปทุ่มเทไปสุดท้ายจะโดนงาบไปแดกไหม ช่องทางติดต่อสื่อสารสมัยนี้เต็มไปหมด ผู้หญิงแม่งก็มีข้ออ้างว่าตัวเองมีสิทธิเลือกสิ่งที่ดีที่สุด พอมาถึงตอนนี้กูเลยปลงชีวิต เน้นเก็บเงินไปเที่ยวอาบอบนวดที่ญี่ปุ่น
เพราะถึงสุดท้ายแต่งงาน ยังไงก็ไม่มีลูกแน่ๆ เพราะงั้นก็ไม่รู้จะแต่งงานไปทำไม ควาทสัมพันธ์ของคนสมัยนี้มันเปราะบางเหลือเกิน สุดท้ายจบไม่สวยเสียทั้งเงิน จิตใจ เวลา
>>638 อ่อโทดทีอ่านเร็วเลยเข้าใจผิด คือผู้หญิงมันเลิกกับมึงอ้างว่าหาสิ่งที่ดีที่สุดใช่ปะ เอออันนั้นน่าถามเหมือนกันทำไมผู้ชายขอเลิกถึงโดนข้อหาหลอกฟันวะ ส่วนผู้ชายแม่งคบกันควักทุกอย่างต้องเป็นทาส แถมโดนข้อหาเอาเปรียบผู้หญิง แม่งคบกุ๊ยแล้วต้องมาด่าผู้ชายเลวทุกคนอีก
พอเปย์ มากๆเงินหมดก็ หาว่าหมดโปรก็หมดใจหาคนดูดใหม่ดีกว่า แบบนี้ ลงอ่างดีกว่า จ่ายๆ จบๆไปเลย
ไม่ใช่ไม่อยากมีเมียแต่สมัยนี้มันไม่เอื้อมีคู่จริงๆ
บ. กูบอกว่าอยากให้กูอยู่กับพวกเขานานๆเว้ย แต่เสือกให้เงินเดือนกูต่ำสัดๆ จะให้กูอยู่เป็นควายประจำ บ. อ่ะดิ ถถถถถถถ
อืม...ขายของที่ชอบขาย แต่แม่งขายไม่ออก ขายของที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ขายดี ไม่มีไร อยากบ่น 555
กูลาออกจากงานเพราะจะไปเรียนต่างประเทศ กำหนดบินตอนแรกคือปลายเดือนนี้ แต่ปรากฏว่าวีซ่ากูเสือกไม่ออกตามกำหนด เพราะกูเคยเป็นเด็กแลกเปลี่ยนมาก่อนในอีกรัฐนึง เคยได้วีซ่านักเรียนไปแล้ว เลยต้องรอเอกสารข้ามรัฐ ทางที่ว่าการเมืองที่กูทำวีซ่าไม่แน่ใจว่าจะออกวีซ่าทันเทอมนี้หรือเปล่า ถ้าไม่ทันก็คือต้องรอเทอมหน้า
ปัญหาคือกูเสือกออกจากงานมาแล้วนี่แหละ คือกูควรทำไงดีวะ? จะหางานใหม่เวลาก็ดูติดๆ ขัดๆ ไปหมด ใจนึงก็ภาวนาให้วีซ่าออกทันเทอมนี้ (เริ่มเรียนกลางเดือนหน้า) หรือถ้าไม่ทัน ต้องรอไปช่วงปีใหม่ กูก็ทำงานได้ไม่กี่เดือนอยู่ดี พยายามหาฟรีแลนซ์ก็ไม่ค่อยมีเข้ามา หรือควรจะกลับบ้าน ไปเป็นนีทรอวีซ่าดี แต่คือกูอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ ไม่รู้เลยจะอยู่ยังไง
ไอ้สัด อีดอกกระหล่ำ อีเหี้ย อีเงาะเน่า ต่อหน้านี่คุยกะกูดีลับหลังมึงแอบไปรีพอร์ตกูในที่ประชุมสัดเอ้ย กูทำงานไม่ได้ตาม procedure? procedure พ่องตาย งานมึงกะกูมันไม่เคยมี procedure ในบ.นี้มาก่อนโว้ย อยู่ๆมึงก็ตั้งขึ้นมาเฉยๆอาทิตย์ก่อน แล้วเมื่อวานมึงก็หน้ามั่นไปรายงานเมเนเจอร์ในประชุมที่กูไม่ได้เข้าว่า "พี่โม่งทำงานไม่ได้ตาม procedure แผนก แถม!@#%$@^&$%^%$^" ใส่ไฟกูเข้าสัด เมเนเจอร์กูก็ติดหี อีดอกพูดเห้ยอะไรถูกหมด คนอื่นพยายามค้านให้กูว่าสโคปงานของงานกลุ่มนี้ที่บ.อื่นเค้าไม่ทำแบบนี้แม่งก็ไม่ฟัง ดีนะกูมีสายอยู่มาคุยให้กูฟังให้ระวังอีเห้ยนี่ไว้ ควยมึงรีพอร์ตกูเลยเอาให้เยอะๆ ถ้ากูโดนออกก็เอาเงินชดเชยมาจ่ายกูด้วยถ้าบ.มึงมีเงินจ่ายกูนะ หลายแสนอยู่ 5555 ถ้าจะบีบกูออกไม่จ่ายชดเชยบอกเลยเจอกันที่กรมแรงงานสัด
ช่วงนี้เห็นกระทู้ส่งตังให้ที่บ้านเยอะจัง ขอบ่นมั่ง
กูทำงานรายได้ก็ถือว่าโอเคแต่ต้องให้ที่บ้านครึ่งนึงทุกเดือน ซึ่งก็ให้ได้หรอกเพราะที่ผ่านมาเค้าเสียกะกูไปมากเหมือนกัน แต่คือให้ไปก็เอาไปปลูกบ้านแล้วก็แก้นู่นแก้นี่แก้นั่น ช่างเดิมห่วยช่างใหม่แพง โน่นนี่เสียหาย รื้อทำใหม่อีก รื้อแก้ๆจะทั่วบ้านแล้วมั้ง กูเห็นแล้วแบบเหมือนเอาตังไปเผาทิ้ง กูเองก็อยากมีเงินเก็บเงินลงทุนอะไรมั่ง
แต่พอคิดงี้รู้สึกตัวเองเห็นแก่ตัวจังวะ
กูทำงานมาหลายปีแล้ว ออกมาอยู่เองคนละจังหวัดกับครอบครัว แม่ตาย เหลือพ่ออยู่กับพี่สาว กูให้ที่บ้านไม่ถึง 10% ของเงินเดือนเลยว่ะ (แต่ก่อนตอนบ้านพ่อติดจำนองกูให้เดือนละ 15% อยู่ ตอนนี้ผ่อนหมดแล้ว) พออ่านตัวเลขของพวกมึงแล้วกูรู้สึกผิดเลยเนี่ย แต่กูก็อยากสร้างอนาคตตัวเองเหมือนกัน แม่งแค่นี้กูก็ไม่มีเงินเก็บไปลงทุนหรืออะไรแล้ว อนาถชิบ
อยากรู้ว่าสมัยนี้ ทำงานที่เดิมกันนานเท่าไหร่ สำหรับคนอายุ 18-35
หัวหน้าแผนกกูโดนปลด จากนั้นหัวหน้าทีมกูก็กำลังจะลาออกเพราะเบื้องบนแม่งนิสัยไม่ดี แถมรุมปลดหัวหน้าแผนกกูแล้วเอาคนตัวเองมาแทน
ยังไม่ทันได้ทำใจ รุ่นพี่ในทีมก็มาบอกกูอีกว่าจะออกหลังจากหัวหน้าเหมือนกัน กูควรทนอยู่ต่อไปหรือหาทางออกให้ตัวเองไปในที่ที่ดีกว่าบ้างดีวะ
เพราะกุยังไม่มีแพลนจะออก แถมยังไม่ได้พักร้อนด้วย บ.กูถ้าจะออกคือวันพักร้อนจะโดนตัดทิ้งหมดเลยไม่ให้หยุดแล้ว(แล้วกูมีแพลนหยุดปลายปีอีก)
จะให้อยู่ต่อแล้วทำงานกับคนที่ทำงานไม่เป็นกูก็ไม่อยากอยู่เลยว่ะ เศร้าสัส เงินเดือนก็น้อย วันหยุดก็ไม่ได้ใช้
วันนี้กูซื้อเครื่องNintendo มาเล่นว่ะ หลังจากเกือบๆ20ปีที่แล้วต้องอ้อนพ่อแม่ให้ซื้อให้ ในที่สุดก็ได้ซื้อเอง
กูรู้สึกว่าความสุขอย่างหนึ่งที่คนวัยทำงานอย่างกูได้เล่นเกมส์ มันไม่ใช่แค่ความสนุกอย่างเดียว แต่เป็นความพอใจที่ตัวเองมีอำนาจซื้อของที่อยากได้ด้วย คือสมัยเด็กอยากได้อะไรพ่อแม่ก็ใช่ว่าจะตามใจง่ายๆ พอโตมามีงานทำ อยากได้อะไรก็เก็บเงินซื้อเองแม่งเลย รู้สึกได้ปลดปล่อย
อ่อ จริงๆกูก็เคยซื้อเกมส์ผ่านสตรีมนะ แต่PC Notebook เล่นเกมส์แล้วรู้สึกเหมือนเอาของที่ไว้ใช้ทำงานมาเล่นเกมส์ พอซื้อพวกคอนโซลหรือเครื่องพกพามันเลยเหิดคงามรู้สึกว่า เนี่ย ไอ้นี่ไม่ได้เอาไว้ทำงานนะ เอาไว้เล่นแย่างเดียว เวลานิ้วสัมผัสปุ่มกดนี่ฟินแปลกๆ
>>653 ตอนกูออกแล้ววันเหลือกูก็เอาวันลาไปถมช่วงก่อนจะออกเอาแทนอ่ะ ไม่รู้บริษัทมึงให้รึเปล่าลองถามเค้าดู
>>654-655 ตอนเด็กๆพ่อแม่กูไม่ค่อยสนับสนุนอะไรพวกนี้เท่าไหร่ ก็เคยคิดนะว่าโตขึ้นทำงานมีเงินจะซื้อ
ปรากฏว่าถึงเวลาจะซื้อจริงๆดันเสียดายเงินขึ้นมาซะงั้น แต่ก็มีซื้อเกม Steam มาดองอยู่บ้าง
พวกอุปกรณ์ส่วนมากซื้อแต่ของเล็กๆอย่าง Gaming Mouse / Keyboard ส่วนคอมบริษัทให้เครื่องค่อนข้างแรงกูเลยเอามาเล่นเกม 555
เงินไปละลายเยอะกับพวกเหล้ากับอาหารตามร้านหรูๆที่ตามมหาลัยเก็บกดได้แต่ดูเพื่อนรวยๆชวนกันไปกินแล้วทิ้งกู
กูจะประสาทกิน ตำแหน่งกูไม่ใช่กราฟิคแต่กูทำได้เลยให้งานมา กูก็ไม่อะไรเพราะกูทำได้ แต่บอกแค่หัวข้อแล้วไม่ให้ข้อมูลอะไรอย่างอื่นกูสักอย่าง เช่น ทำอะไรบ้าง กี่ชิ้น ขนาดเท่าไหร่ จะเอาไปใส่กับอะไร วางที่ไหน บลาๆ ถามก็ไม่ตอบบอกให้ทำมาก่อน กูต้องมโนนั่งเทียนเอาเอง แถมเร่งเดดไลน์กูอีกสั่งวันนี้จะเอาพรุ่งนี้ๆจะเอาตอนนี้ๆ กูก็ปั่นตาแหก พอทำเสร็จทันเดดไลน์ก็ไม่ดูบอกไว้ก่อนๆ วันถัดมาเพิ่งเอาข้อมูลมาให้ต้องแก้หมดเลยแถมกูทำเกินไว้ตั้งครึ่งนึงไร้ค่าเลย แต่ก็ยังไม่ยอมดูที่กูทำมาก่อนอยู่ดี มาอีกทีบอกคนอื่นทำเสร็จหมดแล้วจะให้กูส่งเลยเพิ่งมาดูแล้วบอกไม่เอาแบบนี้ ให้กูแก้อีก ไอ้บ้าเอ๊ยยยยย นี่หลายงานแล้วด้วย เป็นแบบนี้ประจำ
ชื่อ **** นะคะ อายุ 22 ปี ( ผู้หญิงแท้ 100% )สวยจริงผิวขาวเนียน ไม่ตรงปกกลับได้ไม่มีค่าเสียเวลา
สัดส่วน 34/24/35 หนัก 45 น สูง 160
สถานที่รับงาน ****
ราคา 1600/1 น้ำ เวลา 1 ชั่วโมง
ราคา 2600/2 น้ำ เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที
ราคารวมห้องแล้วนะคะ
ไม่รับงานนอกสถานที่/ไม่รับค้างคืน
บริการเป็นกันเอง ไม่เลือกไม่เกี่ยงลูกค้านะคะ
ไม่หวงตัวแน่นอนค่ะ ใช้รูปจริงในการรับงาน ไม่ตรงปกสามารถกลับได้เลย ไม่มีค่าเสียเวลานะคะ
รายละเอียดงาน ( ลูกค้าที่มากรุณาอ่านให้ครบถ้วนนะคะ )****
อดสด เลียไข่ อมมิด อมนาน ได้นะคะ(ในกรณีที่ลูกค้าสะอาดไม่มีกลิ่น ) / เลียจิมิ ได้ / 69 ได้ค่ะ / จูบปาก แลกลิ้นได้นะคะ
มีอารมณ์ ร่วมทุกครั้งที่รับงาน นะคะ เปรียบเสมือนลูกค้าคือแฟน
ไม่เร่งงานค่ะ พี่ๆที่ต้องการอยู่จนครบเวลาสามารถ อยู่พักเหนื่อยได้จนครบเวลาค่ะ
****ข้อห้าม นะคะ ****
*****ไม่สอดใส่ สด โดยไร้ถุงยางอนามัย / ไม่รับคนเล่นยา / ไม่รับก้นนะคะ / ไม่แจกเบอร์/ไม่คอล นะคะ รับงานจริงมีตัวตนจริง ไม่ใช่พวกมิจฉาชีพ
*****ขอให้พี่ที่มาใช้บริการด้วยความสุภาพด้วยนะคะ
*****พี่ๆที่สนใจใช้บริการ
ติดต่อมาที่ ไลน์ *****
*****ไม่ตรงปกสามารถกลับได้ไม่มีค่าเสียเวลาใดๆ ค่ะ
*****พี่ๆที่มาไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
******เวลารับงาน 12.00น. – 02.00 น.
>>665 มึงไม่เข้าใจ ขอด่าได้มะ โง่แบบนี้เลยโดนโขกสับตอบโต้ไม่ได้อยู่อย่างเงี้ย
คืองี้ มันสั่งงานไม่บอกรายละเอียดใช่มั้ย ก็ให้มึงไปถามรายละเอียดจากหัวหน้ามัน หรือจะบอกว่าหัวหน้ามันไม่ให้รายละเอียดมัน? เป็นไปไม่ได้ว่ะ ถ้าแม่งรับงานมาโดยไม่รู้เนื้อหาแม่งจะโดนด่าตั้งแต่แรกแล้ว
หรือที่มันเร่งฝั่งมึงแต่ได้แล้วเอาไปดอง มึงก็ถามหัวหน้าว่าจะเอาเมื่อไร แล้วก็ยึดตามอันนั้น ไม่ใช่ของมัน มันมีปัญหาอะไรมึงก็อ้างหัวหน้า
อีกอย่าง มึงต้องรู้จักต่อรองเว้ย โดนเร่งงานแบบเป็นไปไม่ได้แล้วเสือกทำได้ทุกครั้ง(แต่ร่างพัง)มันก็จะจำว่ามึงทำได้ แล้วก็จะเอาเร็วแบบนั้นตลอด มึงต้องขอเวลาแบบเผื่อพลาด แล้วส่งเร็วกว่าหน่อยนึงเพื่อสร้างความประทับใจในระดับที่มึงทำได้สบายตัว
ใครมีหัวหน้าเหี้ยซ้อนเหี้ยแบบกูมั่งป่ะวะ คือ ตำแหน่งกูจะมี Lead คุมตามด้วยเมเนเจอร์ช่ะ ทีนี้ lead กูมันกากทำงานไม่คุม schedule ดีเลย์ชิบหาย กูทำงานต่อจากมันมาดีเลย์ที่กูต่ออีก คือมันเป็นคนส่งงานให้ชาวบ้านแล้วไม่รับรู้สเตตัส ไม่ตามงาน นั่งชิวไม่คุยกะชาวบ้าน คอคอดตรงมัน
กูก็ไม่ไหวสัด คุยกะแม่งก็ไม่ได้อะไร เจอคนอื่นกดดันก็นิ่งไม่หือไม่อือเหมือนคนนั่งชิวๆรอโดนปลดอ่ะ กูก็ไปคุยกะเมเนเจอร์ว่าปัญหามันเกิดแบบนี้เอาไง เมเนเจอร์กูให้กูกลับมาคุยกันในทีม...คือมันเลยจุดนั้นมาแล้วโว้ยถึงมาคุยกะมึงเนี่ย ไอ้เหี้ยไม่คิดจะรับรู้ปัญหา ต้องให้ปัญหามันเกิดจนระเบิดแล้วแยกย้ายทางใครทางมัน
กูโคตรอยากย้ายหนีสัด แต่เศรษฐกิจก็ไม่ดี งานไม่มีกูก็หาที่ใหม่เป็นปีตำแหน่งกูก็หาไม่ได้สัดเอ้ย T_T
พนักงานราชการ วุฒิ ม.6 กูจำเป็นต้องสอบ กพ ปะวะ
ตอนนี้กูก็เรียนมหาลัยอยู่ แต่ไม่ได้เรียนเกี่ยวกับงานที่กูทำเลย ก็ลังเลอยู่ว่าจบแล้วจะทำต่อไหม เพราะตัวกูไม่มีความสามารถห่าไรเลย
กรมศุลฯ เปิดสอบแล้วนะเพื่อนโม่ง
เป็นหน่วยงานราชการที่รายได้ดีที่สุดในสังกัด
กระทรวง กรม ไม่นับหน่วยงานพิเศษส่ยกฎหมาย
จะ29 แล้ว จะไปเรียนเป็นครูพละ จะยังทันไหม ..
กะไปเข้าเรียนคอร์ส personal trainer ด้วย กะไว้ทำเสริม ถ้ามีเวลา+โอกาส
ขอเสียงคนทำงานพรุ่งนี้หน่อยเร้ววว
หมอ หมอฟันที่เป็นขรก.นี่นับมั้ย ไม่นับโอทีก็ยังเกินสามหมื่นแน่นอน
เรียนจะจบแล้วเครียดว้อย
กูส่งสมัครงานไปเมื่อวาน ปกติกูควรรอไม่เกินกี่วันถึงจะปลงใจได้วะ เครียดโว้ยยยยยย
กูนี่แบบ จะรีบติดต่อให้เร็วที่สุด สองอาทิตย์แล้วนะ ฮัลโหล5555 รับไม่รับก็โทรมาดิ๊
งานวิศวะนี่ยากไหมวะ ไม่ได้เอาฮากูเพิ่งจบวิศวคอมมา เเต่ใจกูอะอยากทำงานวาดรูปเพราะก็วาดมาด้วยตั้งเเต่สมัยเรียน
เเต่ทางบ้านกูบังคับให้กูไปทำงานวิศวะอยู่นั่นเเหละเเถมที่เรียนนี่ก็บังคับกูเรียนด้วย (เจริญ) กูยิ่งเขียนโปรเเกรมมิ่ง databaseอะไรไม่เก่งอยู่ด้วย
เเต่กะว่าจะไปลองสมัครงานดู มีใครทำงานจบด้านนี้บ้างไหมวะ ยากมั้ย
ลองไปเรียนเขียนโปรแกรมที่สถาบันแห่งหนึ่งไหม รับประกัน 30 K ด้วยนะ
ไม่รู้จักคำว่า False Flag เหรอวะถามจริง มองข้ามมันไปบ้างก็ได้
ระวัง 112
เงินเดือนเริ่มต้นของเด็กจบใหม่ทั่วไปอยู่เฉลี่ยเท่าไรน่ะ กูส่องพันทิพแล้วเครียด555 แต่มันเป็นพันทิพที่คนรวยผลุบๆโผล่ๆไง กูไขว้เขวมากๆ
>>706 แนะนำให้ลองสมัครผ่านพวกรีครูท เฮดฮันท์ จะได้ตัวเปรียบเทียบที่ชัดเจนว่าสายงานเรา โพรไฟล์แบบเรา มันควรจะได้เท่าไหร่ พวกนี้มันพยายามหาเงินเดือนให้เราสูงๆ อยู่แล้วเพราะได้ค่าหัวจากเงินเดือนเรา
ถามในเน็ตไม่มีประโยชน์หรอก รู้ค่าเฉลี่ยไปก็ไม่มีประโยชน์อีก ต่อให้เป็นตำแหน่งเดียวกันรายละเอียดปลีกย่อยมันเยอะแยะ เอาง่ายๆ อย่างเลขา ก็มีตั้งแต่ 10k ยัน 100k+++ เลขาเหมือนกันแต่แต่ละที่ก็มี requirement และกำลังจ่ายต่างกันฟ้ากับเหว
>>707 เด็กเจนนี้เงินเดือนตำแหน่งขึ้นไวจริงๆ โดยเฉพาะคนที่เก่งๆ และมั่นใจในตัวเอง กล้าจะเปลี่ยนงานเพื่ออัพเงินเดือน ต่างกับป้าแก่ๆ แบบกู พอเจองานที่รู้สึกว่าพออยู่ได้ สบายใจประมาณนึง นายโอเค มีปัญหาเข้ามาบ้างเป็นเรื่องธรรมดาของการทำงาน กูก็รู้สึกกลัวที่จะไปเสี่ยงกับงานใหม่ๆ ไม่รู้จะไปเจอสังคมเจอนายแบบไหนดีร้ายประการใดอีก ก็เลยทนอยู่กับเงินเดือนขึ้นปีละไม่กี่ % แต่เด็กที่มันกล้าๆ (และเก่งจริง) มันย้ายงานอัพตำแหน่งอัพเงินเดือนกันเป็นว่าเล่นเลย
กูแนะนำอีกวิธีนึงนะ ยัดประวัติใส่ linkedin แล้วซักพัก พวกรีครูท เฮดฮันท์ มันจะโทรตอมมึงเอง
แต่ต้องมีประวัติการทำงานสวยๆ หน่อยนะ แล้วก็เตรียมทำ cv แบบดีๆ ไว้ด้วย
เดี๋ยวพวกเฮดฮันท์จะเอาไปปั่นราคาเอง
โม่งจบใหม่เอง ขอบคุณที่ช่วยแนะนำมาก พ่อกูก็บอกให้ทำสักปีสองปีค่อยเปลี่ยน จะได้มีประวัติการทำงานบ้าง
ไหนๆก็ไหนๆละ ถามอีกคำถามก็แล้วกัน(จริงๆกูมีคำถามเยอะมาก แต่เรียบเรียงไม่ถูก ไปศึกษาก่อน ถ้าอ่านแล้วโง่ค่อยแวะมาถามใหม่555) ในวงทำงานนี่ต้องทำงานที่หนึ่งประมาณกี่ปีน่ะ ถึงจะดูไม่น่าเกลียด
ไฟไหม้ office ไหนวะ
กูคนตจว.ทำงานได้วันละ500 แต่มันคืองานง่ายๆวุฒิน้อยๆก็ได้เงินเดือนเท่ากัน คราวนี้พวกนั้นเลยถามกุว่าไม่คิดไปหางานที่ดีกว่านี้หรอวุฒิออกจะสูง กูจะบอกว่างานที่อื่นกูไม่เคยได้เงินสูงขนาดนี้แถมเป็นงานสบายๆ ให้เปลี่ยน็คงไม่เปลี่ยนว่ะ พวกมึงคิดว่ากูทำถูกมะ
กูเพิ่งเปลี่ยนสายงานมาทางด้านอาร์ตแนวๆเทคโนโลยีแบบเน้นๆประมาณ 2 เดือน ก่อนหน้านี้ทำงานในสายอาร์ตเนี่ยแหละแต่ไม่ใช่แนวนี้ซะทีเดียว
ทีนี้รู้สึกแย่มากเลยที่ทำงานพลาดตลอด แบบไอนั่นไม่ดีไอนี่ไม่ได้ ต้องให้คนอื่นที่ไม่ใช่สายนี้คอยช่วยตลอด ถึงสุดท้ายงานจะออกมาโอเคแต่ก็มาจากการช่วยเหลือของคนตำแหน่งอื่นทั้งนั้น แถมกูหัวช้า ถึงพยายามมากๆก็ยังช้า ถึงจะคิดว่าก็เพิ่งทำงานได้แค่ 2 เดือน แต่ก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้ เพราะเราก็ไม่ใช่เด็กจบใหม่แล้ว เงินเดือนก็ไม่ใช่น้อย รู้สึกละอาย กลัวไม่ผ่านโปรจังเลย
วันละ 500 นี่พวกงานแคชเชียร์เหรอ
วันละ500 เทียบกับวันละ700 แล้วมีเวลาสุขกายสบายใจกว่า กูว่าไม่ผิด ดีไม่ดีอาจประกยัดค่าหมอกว่า แต่ต้องดูว่าอีก5ปี มันมีที่ทางเลื่อนขั้นเงินไปถึงไหน เพราะพอมึงโตกว่านี้จะเริ่มงานใหม่จะยากขึ้นและภาระในอนาคตอาจมากขึ้น อาชีพอะไรก็ตามมันก็ควรมองการเติบโตด้วย อย่างขายก๋วยเตี๋ยว จากเด็กเสริฟ ไปเป็นแคชเชียร์ ผู้จัดการ เจ้าของ ความรู้มาจากประสบการณ์ทำงานได้นะ แต่ถ้ามึงมองวันละ500ตลอดชีพ มึงก็ต้องเตรียมเงินเก็บ ประกันสุขภาพ
วางแผนการเงินดีๆ
กุทำงานที่ใหม่ อาทิตย์นึงละ คนสอนงานกุยังไม่มีเลย ออกไปทำโปรเจคยกออฟฟิส
ได้เรียนงานแค่วันเดียว ท้อวะ
ถามความเห็นพี่ๆหน่อยสิ งานราชการมันมีอะไรดีนอกจากบำนาญ กับสิทธิ์การรักษา คือตอนนี้เรารับราชการอยู่ งานก็สบายดีแต่เงินน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งถ้าเราออกจากราชการไปเงินเดือนเราจะได้มากขึ้นแน่ๆเกือบสามเท่าแล้วแต่ความขยัน ซึ่งคนก็ชอบบอกว่างานราชการมั่นคง แต่ด้วยอาชีพเรายังไงก็ไม่ตกงานแน่นอน(ถ้าไม่พิการหรือแก่งั่กๆๆ)
ด้วยเงินส่วนต่างนี่กว่าจะแก่เอาไปลงทุนหรือแค่เก็บไว้ยังไงก็มากกว่าบำนาญลิบลับอยู่แล้ว เลยอยากรู้ว่าข้าราชการมันยังมีข้อดีอื่นๆอีกไหม
ต่อ >>726 อ่อเป็นงานออฟฟิศไม่ใช่งานโรงงานและไม่ใช่ขายตรงหรือเรี่ยไรใดๆทั้งสิ้นทำงานตามเวลาไม่มีเข้ากะ 8 ชม.เป๊ะ เจ้านายใจดีเพื่อนร่วมงานเวิร์คเป็นกันเอง เงินเดือนได้แบบไม่เคยได้พอมาเจอคอมเม้นพวกมึงกูก็แอบติดใจตรงไม่ได้ประสบการณ์ไรเลยนี่แหละกระทบประสบการณ์การทำงานในอนาคตแน่ๆ
>>725 มันจะต่างตอนช่วงหมดไฟน่ะ ถ้ายังมีไฟอยู่หนทางดิ้นรนหาตังค์ได้เยอะแยะ
แต่ถ้าช่วงหมดไฟแล้ว จะคิดถึงข้าราชการ ยิ่งถ้ามีบำนาญนะ คือ ไม่ต้องคิดเรื่องหาเงินเก็บเผื่ออนาคตเลย
เอาแค่สิ้นเดือนเงินก็ได้มาล่ะ เค้าไม่ไล่ออกง่ายๆ หรอก ถ้าใช้ชีวิตแบบสโลไลฟ์สบายๆ ได้ยาวจนแก่ตาย
>>725 หมอ?
เอาจริงๆ ข้าราชการก็มีประโยชน์แค่นั้นแหละ กับความเช้าชามเย็นชาม อีกอันก็บินสายการบินได้ราคาข้าราชการ (ซึ่งแม่งหลักร้อยหรือพันนิดๆ) กู้เงินอาจจะง่ายกว่านิดนึง
สิทธิ์การรักษาก็จริงๆ ไม่ได้ดีกว่าบัตรทองเท่าไหร่ ข้อดีคือไป รพ รัฐไหนก็ได้ เบิกยาอะไรเค้าก็พยายามจำกัดสิทธิ์เยอะแล้ว
ถ้าเราทำงานมาหลายปีไม่เคยมีปัญหา ประเมินได้เกรดดีๆ มาตลอด แต่เจ้านายที่ย้ายมาประจำคนใหม่ไม่ชอบเรา พยายามจะบีบเราออกหลายๆ
ทาง ระหว่าง1.ตั้งหน้าตั้งตาหางานใหม่ (แต่ก็ต้องลาไปสัมภาษณ์บ่อยๆ เป็นช่องให้มันหาเรื่องได้อีกว่าเราละเลยงานขาดงานบ่อย) กับ2.ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไปเหมือนเดิม ตั้งใจไม่ให้มีอะไรด่างพร้อยให้มันหาเรื่องได้ อดทนจนกว่าจะโดนเลิกจ้าง (ซึ่งมันไม่จ่ายชดเชยแน่นอน) แล้วไปฟ้องร้องโดนเลิกจ้างไม่เป็นธรรมทีหลัง เท่าที่หาข้อมูลมาจากอายุงานตัวเองก็น่าจะได้ซักสองสามแสน แต่ไม่รู้จะชนะมั้ย ควรเลือกทางไหนดี
>>730 แล้วถ้าตัดความน่ารำคาญเรื่องคนออก ตัวงานเองล่ะยังน่าทำอยู่มั้ย ถ้าเพิกเฉยกับขี้ปากเจ้านายยังสามารถทำให้งานรันต่อไปได้หรือเปล่า ถ้ามองจากคนนอกกูก็เชียร์ว่าให้โฟกัสที่งานแล้ววัดกันไปเลยว่าระหว่างมึงหรือเจ้านายจะอยู่ทนกว่ากัน มันย้ายมาได้มันก็ย้ายออกไปที่อื่นได้เหมือนกันแหละ
รับเด็กจบใหม่มาคน เห็นน้องว่างๆไม่มีอะไรทำแต่ดูตั้งใจอยากเรียนรู้ดีเลยเปิดคอร์สสอนงาน
ถึงเวลาเรียนจริงน้องดูไม่ค่อยตั้งใจซะงั้น กูเสียใจ
กูเบื่อพวกน้ำเต็มแก้วนี่มันเยอะจริงๆวะ
ทำไงดี กูรู้สึกหมดไฟในการทำงาน รู้สึกเบื่อไปกับทุกอย่าง ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็นเลย หรือเพราะกูไม่เคยเปลี่ยนงานมา 15 ปีหรือ กูรู้สึกเหมือนจะล้มเหลวในชีวิตว่ะ ถ้ากูไปหาจิตแพทย์นี่จะแปลกมั้ย
>>740 ไม่แปลก แต่ทำงานเดิมมา 15 ปีแล้วเพิ่งมาหมดไฟเนี่ย นับถือเลยว่ะ /ก่อนหน้านี้กูคิดว่าตัวเองหมดไฟกับงาน แต่พอหลังเลิกงานเอาเวลาไปทำงานอดิเรกที่ใช้สกิลเดียวกันกับงานกูมีความสุขนะ ไฟมา ก็เลยคิดว่าจริงๆ แล้วกูหมดใจกับ บ.มากกว่า แต่เงินก็ต้องหา ก็พยายามบาลานซ์กันไป
รู้สึกเบื่อกับชีวิตว่ะ ทำงานเหมือนไม่ได้ทำ ทำมาจะ 3 ปี แต่ไม่ได้ประสบการณ์เหี้ยอะไรเลยนอกจากนั่งหน้าคอมกรอกเอกสารแล้วเดินไปจ่ายเงิน คือทุกวันนี้เข้างานได้แต่นั่งเอ๋ออยู่บนโต๊ะวันละ 8 ชั่วโมงอะ ถึงจะได้เงินเดือนแต่เหมือนชีวิตไม่มีเหี้ยอะไรเลย กูควรลาออกดีมั้ยวะไหนๆ ทำมา 3 ปีเงินก็ไม่อัพ แถมยังโดนน้องดูถูกอีก
จะว่าไปมีใครบอกได้มั่งวะว่าปัจจุบันกูทำงานตำแหน่งอะไร...
คือตอนแรกกูโดนจ้างมาเป็นนิติกรทำงานด้านกฎหมายเพื่ออ่านตรวจสอบสัญญา แต่ไปๆ มาๆ มันไม่มีงานทำนองนั้นเข้ามาเลย กูเลยกลายเป็นคนควบคุมการใช้จ่ายเงินของบริษัท แต่ไม่ถึงขั้นจัดทำบัญชี + จัดเก็บข้อมูลลูกค้า แล้วคอยส่งไฟล์ข้อมูลให้ฝ่ายอื่นๆ ไปใช้ต่อยามที่ถูกขอ แทนซะงั้น
คือทุกวันนี้กูจะกรอก CV ว่าเป็นนิติกร นี่กูโคตรอาย เพราะกูไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับกฎหมายเลยตลอด 3 ปีที่ผ่านมาเนี่ย
ถามหน่อย ถ้าทางบ้านมึงมีกิจการอยู่แล้วแต่เป็นบริษัทเล็ก แล้วมีพี่น้องทำมาหลายปีละ มึงจะช่วยที่บ้านหรือออกไปทำข้างนอกวะ
ถ้างานที่บ้านตรงสายที่กูอยากทำ กูจะลุยเลย มรดกตกทอดทำไว้ให้กูอยากต่อยอด พ่อแม่จะได้ไปพักมั่ง แล้วทำงานไปกำไรก็เข้ากระเป๋าตัวเอง
กูหมายถึงกำไรก็เข้าบ้านตัวเองนะ ไม่ใช่นักยอกเข้ากระเป๋ากู555 อ่านแล้วทะแม่งๆสงสัยจิตใต้สำนึกกูพิมพ์
>>745 สำหรับกูขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่บ้านว่ะ ถ้าเป็นของแม่ที่กูรักมากกูยินดีทำเต็มที่ แต่ถ้าเป็นของพ่อหรือญาติบางคนที่กูไม่ไว้ใจกูก็ไม่ขอยุ่งด้วย เดินตามทางตัวเองดีกว่า /ในกรณีมึงที่พี่น้องทำอยู่แล้วมึงก็ไปปรึกษาเขาก่อนว่าต้องการให้ช่วยอะไรมั้ย ถ้ามีแววว่าจะตีกันด้วยเรื่องธุรกิจกูว่าอย่าเลย ยกเว้นว่ามึงอยากจะไปแบ่งผลประโยชน์กับเขาด้วย บางบ้านเขาก็ใช้วิธีแยกไปทำกันคนละสาขานะ ยังเป็นธุรกิจของครอบครัวแต่บริหารแยกกันไปเลยก็น่าจะสบายใจกว่า ไม่รู้นะเดา บ้านกูไม่มีธุรกิจเป็นมรดก
ทำเองเจ๊งเองจบเองเริ่มใหม่ได้เรื่อย ทำของที่บ้านเจ๊งยากแต่ก็จบไม่ได้ กลายเป็นชนักติดหลังไปจนกว่าจะตายจากกันอ่ะ คหสต
กูติดสัมภาษณ์งาน(ครั้งแรกในชีวิต) อีกสองสามวันแล้ว ตื่นเต้นโว้ย ทำไงดี แง้
โปรแกรมเมอร์ที่บริษัทโครตเก่งภาษาอังกฤษ กูนี่อายชิบหายไม่กล้าบอกเลยว่ากูกาก
>>756 ของกูสิ เพื่อนร่วมงานใหม่ตำแหน่งมาร์เก็ตติ้งแม่งเก่งภาษาอังกฤษนะ แต่ทำงานห่าอะไรไม่ได้เลย
คิดแผนงานตัวเองไม่ได้ รีพอร์ทไม่ได้ โซเชียลก็ง่อยจนทุกคนและทีมอื่นๆต้องมาคอยอุ้มจนงานโหลดกันไปหมด แล้วแม่งตำแหน่งสูงกว่าไอ้พวกคนที่มาอุ้มงานให้ด้วย คือแม่งเก่งแต่ภาษาจนสื่อสารด้วยตัวเองได้(แต่ไอ้ที่สื่อสารเสือกไม่ใช่เรื่องงานไปค่อนเรื่อง) แถมแปลภาษาให้ทีมไม่ได้นะ พวกกูก็งูๆปลาๆตอบคำถามนายต่อไปดิ
พอแอบไปถามนายว่าตอนสัมฯไม่ได้เทสไม่ได้ถามเหรอว่าเค้าทำไรเป็นบ้าง นายแม่งก็ตอบมาว่าก็เห็นเค้าเก่งอังกฤษเลยเอาเข้ามา ไอ้ชิบหายโว้ยยย
คนประเภทที่ต้องให้คนอื่นในทีมแบกนี่แม่งมีทุกที่เลยซินะ ไม่ว่าจะราชการหรือเอกชน
รำคาญเพื่อนที่ทำงานมากอายุเยอะกว่ากู แต่ชอบเอาความคิดกูไปพูดให้ดูสวยแต่นางไม่เคยมีความคิดดีๆพูดเลยนะ แต่งตัวคล้ายกูทั้งๆที่ก่อนหน้าเป็นอีกแบบ แดกของแบบกู ขนาดไม่มีเงินยังหาเงินมาแดกแบบกูให้ได้ กูรำคาญแล้วไม่ใช่กูที่คิดคนเดียวคนอื่นยังบอกว่ากูเหมือนโดนลอกเลยสัสลำไย!
https://www.moac.go.th/anticorruption-dwl-files-401091791939
เอามาให้โม่งที่ถามเกี่ยวกับข้าราชการ ดูเล่นๆ
หมวดละทิ้งหน้าที่ราชการ จะเห็นว่าขนาดไม่มาทำงานหลายวัน
กว่าจะลงโทษได้ขั้นตอนยุ่งยากฉิบหายต้องตั้งกรรมการสอบ
แถมบางกรณีผลสอบออกมาแค่ลดขั้นเงินเดือน ตัดเงินเดือน
ถ้าเป็นเอกชน ขาดงานขนาดนี้แม่งไล่ออกไปแล้ว
ข้าราชการถ้าไม่เจตนาทุจริตหรือทำตัวเหี้ยจริงๆ ยังไงก็อยู่ได้จนเกษียณอ่ะ
ในนี้มีใครเป็น HR บ้างไหม คืออยากได้เป็นความรู้
ปกติทำงานpart time เนี่ยมันจะไม่มีประกันสังคมใช่ปะ ทำให้เช็คไม่ได้ว่าทำงานpart timeที่ไหน เวลายังไง
ทีนี้ถ้าสมมุติมีคนสมัครเข้ามาบอกว่ามีประสบการณ์ทำงานpart time วันละพัน สมมุติทำ20วันก็ได้ละ 20000 กว่าๆ มีงาน มีไรให้ดู
เเต่จริงๆเเล้วคนสมัครคนนั้นไม่ได้มีประสบการณ์การทำงานเลยซักนิด เเต่เเค่มีงาน มีโปรไฟล์ เเต่ใช้คำว่า part time มาต่อรองเงินเดือน
อย่างบ.ต้องการจะจ่าย 15000 เเต่ทางบ.โดนคนสมัครบอกเงินมา ทำให้เหมือนถูกต่อรองให้ได้เงินมากขึ้นหรือใกล้เคียง
ในกรณีเเบบนี้ที่บ.อยากได้ เเต่ก็อยากกดเงินเดือนจะทำยังไง ถ้าเกิดพบว่าไม่ได้มีประสบการณ์การทำงานก็คงกดเงินเดือนได้
ซึ่งปกติ HR น่าจะตรวจสอบประวัติใช่ปะว่าทำงานที่ไหนอะไรยังไงมาก่อน เเต่part timeมันตรวจไม่ได้นี่ใช่ป่าว เพราะไม่มีประกันสังคม
>>764 ประสบการณ์การทำงานเอาไปทำไมเหรอ สิ่งที่ต้องคิดคือคนๆ นั้นทำงานได้ แล้วทำงานคุ้มเงินที่ต้องจ้างหรือเปล่าแค่นั้นพอ ถ้าทำงานไม่ได้เงินเดือนเกินงบต้องสอนเยอะ มีตัวเลือกอื่น แล้วจะรับคนๆ นั้นไปเพื่อ?
เอางี้นะไปลากหัวหน้างานมาช่วยสัมภาษณ์ถ้าไม่มีก็หาคนที่ทำงานในกลุ่มนั้นๆ ที่ดูมีวุฒิภาวะหน่อยมาช่วยสัมภาษณ์ กูว่าแป๊ปเดียวแยกคนได้ ว่ามีประสบการณ์จริงหรือเปล่า
>>763 แล้วแต่นโยบาย บ. ถ้า บ.ใหญ่หน่อยก็มีหลายรอบแบบ 765 เหนือสิ่งอื่นใดแต่ละตำแหน่งเองก็มีวิธีการสัมภาษณ์งานต่างกัน กรณีตำแหน่งที่มีผลงานมาโชว์ได้ ประสบการณ์ทำงานก็ไม่ได้มีน้ำหนักมากนัก สิ่งที่จะใช้วัดผลได้เห็นภาพคือทดสอบงาน ณ ตอนสัมภาษณ์เลย ตั้งโจทย์ที่สามารถทำจบได้ในระยะเวลาสัมภาษณ์ขึ้นมาก็เห็นอะไรได้ชัดเจนแล้ว ทั้งผลงาน ไหวพริบในการทำโจทย์ ความเร็ว ความยืดหยุ่นกรณีใช้อุปกรณ์ของออฟฟิศ ฯลฯ
กู763เอง กูลองคิดเล่นๆไง สมมุติมีมีผลงานให้ดู บ.อยากได้ตัว เเต่อ่านก่อนกูพิมพ์ว่าบ.อยากจะกดเงินเดือน
ถ้าคนสมัครไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน เเต่มีสกิล มีผลงานโชว์ เกิดบอกว่าไม่เคยทำงานที่ไหนก็จะมีสิทธิ์ถูกกดเงินเดือนได้ง่าย
อารมณ์เหมือนลองเชิงไง เเบบโยนไปหมื่นห้า ดูท่าทีว่าผู้สมัครมีท่าทียังไง จะขอเพิ่มเท่าไรก็พยายามลดให้ได้มากที่สุด
เเต่พอลองผู้สมัครบอกมีประสบการณ์ระดับนึง มีความสามารถ เเต่บ.ก็จะกดเงินลำบากเพราะถ้าผู้สมัครโม้ไว้ว่าเคยทำงานนู้นนี่มาได้เงินนู้นนี้
มันก็จะยากขึ้นไงในการจะกดเงินเดือน
กูขอย้อนถามหน่อยละกัน พวกมึงไม่เคยสมัครงานเเล้วโดนพยายามกดเงินเดือนรึไง??
>>767 เคยสิวะ แล้วกดง่ายๆด้วยไม่มีหรอกที่รู้สึกเกรงใจไม่อยากกด
แค่บอกว่ามาลองงานก่อน ให้เท่านี้พอ ผ่านแล้วจะปรับให้ตามผลงาน พอผ่านโปรแล้ว อ่ะปรับให้อีกนิด แล้วก็ยาวววววววววววววววววว ยาวจนต้องทำเรื่องขอขึ้นเงินเดือน ระหว่างรอเรื่องเดือนก็ยาวววววววว ยาวไปอีกกกกกกก
ถ้าให้เงินมากแปลว่าผู้สมัครก็ต้องทำให้มากตามที่เค้าให้ ก็แค่นั้น
บางที่เรื่องเงินเดือนไม่ต้องผ่านHRด้วยซ้ำ แค่ไดเรคเตอร์หัวหน้าทีมหรือหัวหน้าแผนกเค้ามานั่งคุยกันเค้าก็สรุปเรื่องเงินเดือนให้มึงได้แล้วว่ามึงควรได้เท่าไหร่สำหรับอายุแค่นี้ มันไม่ค่อยได้สูงกว่าพวกซีเนียร์ที่อยู่ระดับเดียวกันหรอก
>>767 น่าจะเคยนะแต่จำไม่ค่อยได้ มันก็ไม่เชิงว่ากดเงินเดือนหรอก แต่จะออกแนวประมาณว่า ที่ บ.นี้สำหรับตำแหน่งนี้ ให้ได้อย่างมากก็เท่านี้(ไม่เท่าที่เราเสนอ) คือเขาต้องการสกิลน้อยกว่าที่เรามี ก็โอเคไม่แมทช์กัน ก็ไม่ทำไง ไปสัมภาษณ์ที่อื่นต่อ อย่าลืมว่าไม่ใช่แค่ บ.ที่เป็นฝ่ายเลือก ผู้สมัครเองก็มีสิทธิ์เลือก บ.ที่โอเคเหมือนกัน ส่วนตัวคิดว่าการกดเงินไม่เกี่ยวกับประสบการณ์งานเท่าไหร่ มันเป็นแค่ข้ออ้างของบาง บ.เท่านั้นมั้ง
กูขอบ่นหน่อย กูเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ได้สามเดือน เป็นงานที่โคตรง่ายโคตรสบายได้เงินเยอะกว่ามาตรฐานแต่รู้สึกตัวเองไร้ค่าไร้ประโยชน์ชิบหายเลยว่ะ แต่ละวันนั่งว่างไม่มีอะไรทำนานๆทีจะมีงานมาหน่อย ในขณะที่อีกคนที่ทำงานด้วยกันยุ่งหัวหมุนแต่กูก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เพราะมันอยู่นอกสโคปการทำงานกูและกูไม่มีความรู้งานด้านนั้นด้วย จะให้เค้ามาสอนกูเค้าก็ยุ่งเกินกว่าจะสอนให้ ทุกวันนี้กูเลยนั่งหายใจทิ้งเผาผลาญเงินบริษัทไปวันๆ อยากทำงานที่ได้ใช้ความสามารถกว่านี้แต่อย่างน้อยก็อยากทำงานให้ครบปีให้ได้ก่อนว่ะ
โดนย้ายแผนกแต่ไม่มีใครสอนงานเลย ทุกคนดูยุ่งๆหมดได้แต่ครูพักลักจำอย่างเดียว เฮ้อเซง
ของบางอย่างมันเรียนโดยไม่ต้องใช้คนสอนได้นะ ถึงบางอย่างจะไม่ก็เหอะ
มีใครเคยโดน บ.ทวงหนี้ ที่ทรูมันโอนหนี้มาให้ ส่งจดหมายมาเปล่า
ชำระหนี้ ชำระกันไหม?? คือ ให้มาแบบโคตรกระชั้นชิด
>>767 มึงมโนอะ คือเด็กอะ ไร้ประสบการณ์อะ ข้างบนก็บอกไปแล้วว่ามันยากที่จะหลอกให้เค้าเชื่อมึง คือก่อนที่มึงจะไปถึงขั้นต่อรองเงินเดือน มึงต้องสัมผ่านก่อนใช่มั้ย แล้วมึงก็มโนเอาเองว่าคนสัมเค้าจะโง่ให้ใครก็ได้มาหลอกได้ง่ายๆ ถ้าคิดว่าง่ายงั้นมึงก็ลองเลย ไปโม้ไม่ต้องเยอะมากอัพเงินไปซัก 4-50k ก็พอ แล้วจะได้รู้ว่าเค้าใช้วิธีไหนทำให้มึงหน้าแหกได้
ส่วนเรื่องกดเงินเดือน บ.แต่ละแห่งเค้าก็กำหนดแร้งค์เงินเดือนสำหรับสกิลแต่ละเลเวล ถ้ามึงอยากได้บ.นั้นและอยากได้เงินเยอะมึงก็ต้องเก่งไง ถ้าเก่งไม่พอก็ไปหาบ.อื่นที่ให้ได้มากกว่าสำหรับสกิลที่มึงมี ไม่พอใจเงื่อนไขก็ไม่ดีล จะทำงานหรือจะอะไรมันก็แบบนี้ทั้งนั้น
มีใครเคยลาออกจากงานทั้งๆที่ยังไม่ได้งานบ้างวะ ตอนนั้นคิดอะไรอยู่
>>782 ครั้งแรกสุด คึกคะนองหน่อยๆ อยู่ที่เดิมสบายแต่ไม่โต เชื่อว่าตัวเองสามารถหางานที่ดีกว่าเดิมได้ ซึ่งก็ดีที่หาได้จริงๆ
ครั้งที่สอง ทำงานหนัก สุขภาพร่างกายและจิตใจย่ำแย่ ไม่ไหว ออกมาทำฟรีแลนซ์เต็มตัวระยะนึง
ครั้งที่สาม ได้งานเงินดีกว่า
ครั้งที่สี่ บ.มีทีท่าว่าจะเจ๊ง กดดันพนักงาน มองไม่เห็นอนาคตบริษัท
ครั้งที่ห้า เจ้านายเสียกระทันหัน บ.ปิดตัว
ครั้งที่หก ได้งานที่ดีกว่า
ครั้งที่เจ็ด หัวร้อน เจ้านายงี่เง่า ออกตั้งแต่ตอนที่เพิ่งผ่านโปรเลย
>>782 เคยตอนสมัยวัยละอ่อนเพิ่งจบใหม่ในสายออกแบบ เข้างานเดือนแรกเจอซีเนียร์โยนงานให้หนึ่งตูม ออฟฟิศมีกันสองคนคือพี่เขาและกู ไม่อธิบายงานใดๆทั้งสิ้นให้กูทำเองทั้งหมด กูต้องกลับบ้านห้าทุ่มเที่ยงคืนทุกวัน(ดีนะที่บ้านกูอยู่ห่างจากที่ทำงานห้านาที) แต่พี่ซีเนียร์ของกูห้าโมงเลิกงานกลับบ้านสบายใจ แล้วยังเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น อะไรเหี้ยๆโยนให้เป็นความผิดกูแล้วคอยจ้องจับผิดตลอด เข้าห้องน้ำนานก็ด่า เล่นมือถือก็ด่า เปิดเน็ตก็ด่า ทำได้หนึ่งเดือนออกแม่ง แต่โชคดีที่ได้งานไว สายนี้หางานไม่ยากเท่าไหร่ด้วย
รู้สึกรำคาญเพื่อนร่วมงานที่ชอบทำตัวเป็นหัวหน้ากูว่ะ คือ..แผนกกูมันประกอบไปด้วยหัวหน้าแผนก ซีเนียร์ จูเนียร์ เด็กฝึกงาน กูก็เข้ามาทำในตำแหน่งซีเนียร์นี่ล่ะ อายุงานจากที่อื่นกูก็เยอะแล้ว มีความเชี่ยวชาญในสายงานพอสมควร ไม่ใช่เด็กใหม่ที่ต้องมาบอกกล่าวหรือสอนงาน แต่อีเพื่อนร่วมงานคนนี้แม่งชอบมาจับผิดเวลากูทำงาน พอกูไม่ทำแบบวิธีของมัน มันก็จะชอบถามกูทำงานเป็นรึเปล่าเนี่ย แล้วกูต้องจับคู่กะมันเพื่อทำโปรเจคหนึ่ง เวลาไปคุยกับเจ้านายหรือลูกค้ามันจะเป็นฝ่ายคุยแล้วบอกให้กูอยู่เฉยๆเดี๋ยวมันคุยเอง แล้วพอได้รับบรีฟมามันก็โยนงานมาให้เฉย บอกให้กูเอาไปทำ ทำเหมือนกูเป็นลูกน้องมันทั้งที่ตำแหน่งเราก็เท่ากันนะ สัส แค่เข้ามาทำงานก่อนไม่กี่ปีเสือกชูคอเหมือนได้ตำแหน่งใหญ่โตแล้วซะงั้น
เพื่อนโม่ง เราขอปรึกษา ตอนนี้เราสอบข้าราชการครูที่บ้านเกิดกับตอนนี้เรียนโทอยู่ด้วย เทอมแรกของปี มีสองฝ่ายเชียร์เรียนต่อกับทำงาน ซึ่งเราอยากทำงาน แต่ราชการครูมันจะโอเคไหม มันเสียโอกาสป่าววะ เราอยากเรียนโทต่อด้วย แต่ควเป็นเมือนอกแล้ว
เราได้โอนข้ามกระทรวง เพื่อที่จะได้กลับบ้านแล้ว
พรุ่งนี้ทำงานวันแรกแล้ว รู้สึกตื่นเต้น ทำตัวยังไงดี
ถ้ายื่นใบลาออกก่อนโบนัสออกมีสิทธิ์วืดโบนัสไหมวะ ถ้ากูยื่นวันที่ 1 ธันวา มีผล 31ธันวา โบนัสออก31ธันวา กูยังจะได้โบนัสไหม
ได้โบนัสก่อนค่อยออกนะ
งั้นหลังปีใหม่ค่อยยื่นดีกว่ากู เพื่อความชัวร์ ขอบคุณทุกความเห็น
อยากจะขอคำปรึกษากูเพิ่งเรียนจบมาเเต่ว่ากูกลัวการทำงานวิศวะมาก กลัวว่าจะทำไม่ได้ เลยไม่กล้าไปสมัครซักที
อยากรู้ว่างานมันยากไหม ใช้ความรู้เยอะเหมือนสมัยเรียนไหม เรียนโคตรโง่เลย ถ้าไม่ทำเป็นเซลล์เอนจิเนียต้องเก่งต้องรู้ระดับไหน
กูมีเพื่อนไม่กี่คนนะ เพื่อนๆก็ทำงานเเล้ว พอถามมันมันก็ทำงานสายDevโปรแกรมมิ่ง ซึ่งฟังดูยากมาก กูก็มานั่งกลุ้มว่ากูจะทำได้ไหม
อาจจะฟังดูปัญญาอ่อนนะที่มาพิมพ์อะไรเเบบนี้ เเต่ในนี้มีใครทำงานวิศวะบ้างปะ กูตอนนี้ทำงานฟรีเเลนซ์ของตัวเองอยู่
เรื่องเงินไม่มีปัญหาเท่าไร เเต่เอาตรงๆก็รู้สึกชีวิตล้มเหลวว่ะคือเรียนจบมาเเต่สิ่งที่เรียนไม่ได้เอาไปใช้ อยากลองออกจากcomfortzoneตัวเองไปสัมผัสงานดู
อยากได้ความกล้าว่ะ เห็นงานพวกไซต์ละเเบบถ้าไปทำนี่กูต้องโดนพวกช่าง หรือคนที่เรียนน้อยกว่าด่าเเหงๆเลยกู
>>801 มึงอย่ากลัว รีบๆเข้าไปตอนที่คนยังรู้สึกว่ามึงมือใหม่ ปล่อยจนรุ่นน้องมาสมัครงานพร้อมมึงไม่กลัวกว่านี้รึวะ
ปีแรกอาชีพอะไรก็ต้องเรียนรู้ใหม่หมดนะ ของนอกห้องเรียนแม่งยากสัสและสิ่งที่มึงต้องเข้าใจคือไม่มีใครคาดหวังว่าเด็กใหม่จะทำงานได้สุดยอด เขาแค่หวังว่าเด็กมันจะเรียนรู้ได้รวดเร็ว สอนงานพอได้แล้วทำงานต่อ ไม่ใช่ชิ่งไปทำที่อื่น
กูไม่รู้สายวิศวะ แต่กูเคยต้องทำงานกับพวกช่างก่อสร้าง สิ่งที่กูทำคือเรียนจากเขา ถามแหลก แต่กูเป็นคนตัดสินใจจากข้อมูลที่ปรึกษาเขา พวกช่างเขามองเด็ก ปตรีโง่กว่าอยู่แล้ว มึงไม่ต้องนอย555 แค่นอบน้อม เคารพในประสบการณ์เขา และดูดวิชา สองปีผ่านไปมึงก็จะมั่นใจเอง
>>801 ฟัง 802 แล้วลองทำดูก่อน เรื่องที่จะโดนช่างเหยียด มึงโดนอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวใครๆ เขาก็โดนกัน อย่าเก็บไปซีเรียสมากเดี๋ยวก็ปรับตัวได้ ทุกคนมีครั้งแรกกันทั้งนั้น ทำให้พอได้รู้ แล้วถ้าไม่ชอบมึงก็ไปต่อโท ไปเป็นอาจารย์ก็ได้ หรือผันไปเป็นเซลล์เอนจิเนียก็ได้ (เท่าที่รู้มาเพื่อนๆ กูที่ไปเป็นเซลล์ก็ผ่านงานเอนจิเนียมาทุกคนนะ กูเลยคิดเอาเองว่าต้องรู้ก่อนถึงจะขายได้) เดาว่ามึงเป็นผู้หญิง โดนเหยียดหนักกว่าแน่อยู่แล้ว แต่มึงก็ต้องปล่อยไปอย่าไปฟังมาก หาจุดสบายใจได้ก็ทำต่อได้ยาวๆ กูเห็นพวกช่างใหม่ๆ ก็เหยียดจังไม่เชื่อไม่ฟัง พอหิ้วเหล้านอกไปฝากละแหม....สนิทกันเชียว
กูวิดวะไฟฟ้า ขอบอกเลยว่า ไม่รู้ต้องถาม ดีกว่ากลัวเสียฟอร์ม เกิดการเสียหายกะอุปกรณ์และคน อาจารย์กูแกเน้นตลอดว่า เป็นวิดวะ อย่ามั่นใจในตัวเองมากไป เป็นเด็กใหม่ ทำตัวโง่ๆไปอะดีแล้ว
งั้นอันนี้ขอถามเรื่องการใช้ชีวิตในบ.หน่อยได้ไหม เช่นพวกมารยาทต่างๆน่ะ
ควรทำความรู้จักหลายๆคนไว้ด้วยใช่รึเปล่า พยายามนอบน้อม เอาของไปฝาก เข้าวงสนทนากินข้าวอะไรพวกนี้ใช่ปะ
มีอะไรที่ควรระวังไหม เช่น การกลับบ้านเร็ว กลับบ้านช้า ห้ามนอยหัวหน้า เงินเดือนต้องเป็นความลับห้ามบอกใคร
อันนี้กูก็เรียนรู้มาจากเพื่อนๆนะ มีอะไรเพิ่มเติมบ้างไหม การใช้ชีวิตทำงานน่ะ
เพื่อนโม่ง จะทำยังไงกับลูกน้องที่ไม่ฟังคำสั่งดีวะ พอมันไม่ทำตามที่กูสั่งกูก็ต้องไปสั่งให้คนอื่นทำแทนมัน
เรื่องที่กูสอนแม่งก็ไม่ยอมจำทั้งอธิบายทั้งแสดงตัวอย่าง แม่งก็จำไม่ได้ เออเจริญล่ะ
มีเพื่อนร่วมงานขี้นินทาควรทำยังไง ขี้เกียจฟังอ่ะ ไม่เห็นมันจะพอใจใครสักคน
มีใครเคยใช้แอฟ Helpster ปะวะ เวิรค์ปะวะ หรือเหมือนเว็บหางานทั่วไป
ทำงานทั้งวันฝนไม่ตก เลิกงานปุ๊บฝนตกเลยไอ่สั๊ส
พวกมึงเคยเจอคนที่โปรไฟล์เหมือนพระเอกมังงะยุค90 มั้ย กูมีเพื่อนร่วมงานคนนึงเป็นผญ. เรียนเก่งมาตั้งแต่เกิด จบเกียรตินิยม ฐานะดี ภาษาเด่น หยิบจับอะไรก็เรียนรู้ไวจนคนชม กูก็ชอบชมมัน แต่แม่งจะชอบมีรอยยิ้มขืนๆ เหมือนยังไม่พอใจในตัวเองอยู่ตลอดเวลา เวลาอยู่เฉยๆ จะดูมืดมน กุเคยถามตอนสนิทกันแล้วว่ามึงมีปัญหาหรือแซดแบ็คสตอรี่อะไรเปล่า มันบอกเปล่า แค่คิดว่าตัวเองจะทำได้ดีกว่านี้ กุแบบ...วะ การมีอยู่ของมึงเนี่ยก็ทำให้กุรู้สึกเหมือนเป็นหัวมันฝรั่งที่ไม่มีอะไรดีเลยแล้วนะ แต่มันเป็นคนดี กุได้แต่หมั่นไส้ปนเห็นใจ 55555
เมื่อกี้กูจ่ายงานให้คนตำแหน่งตำกว่า(แต่อายุเท่ากัน) แม่งเกิดเดดแอร์ว่ะ กูสั่งงานปุ๊บ เขาเงียบกริบไม่มีใครพูดอะไร ไม่มีเสียงตอบรับ กูกำลังคิดว่ากูน่าจะถูกเกลียด
>>814 โปรไฟล์สูงเลยโดนคาดหวังตลอดชีวิต มันเลยเหนื่อยน่ะ ทำดีก็แค่เสมอตัวเพราะคนคาดหวังว่ามึงจะต้องเก่ง ฉลาด ทำได้อยู่แล้ว เป็นที่พึ่งของทุกคน แต่ตัวเองกลับพึ่งใครไม่ได้เลย และห้ามพลาดนะ วันไหนพลาดมานี่มึงเอ๊ย...ถ้าไม่ใช่คนร่าเริงคิดบวกมากๆ ก็จะกลายเป็นคนมืดมนแบบนี้แหละ
กูมาหาที่ระบาย อยู่ดีๆกูก็ถูกอ.ผู้ใหญ่เข้ามาคุย บอกว่าในที่ประชุม เขาเห็นกูยิ้มตอนที่มีคนหนึ่งยกประเด็นปัญหาหนึ่งขึ้นมา ซึ่งปัญหาที่ว่าเป็นงานส่วนที่อ.ผู้ใหญ่คนนั้นดูแล
แกเลยเดินมาคุยกับกูนอกรอบ ถามว่าที่กูยิ้มนี่คือะไร ยิ้มทำไม มีปัญหาอะไร
ห่าน กูยิ้มในที่ประชุมก็ผิดหรอว่ะ เออ จริงๆกูยิ้มอย่างอ่อนใจนั่นแหละ ประชุมแต่ละเรื่องแม่งมีแต่ปัญหาเดิมๆ แก้ไม่ได้แปปๆก็ยกกลับมาพูดใหม่ กูเพลียกับเกือบทุกเรื่องในที่ประชุมนั่นแหละ
แต่คนนี้แม่งทักแล้วก็ใส่ๆ สรุปคือจะบอกว่าที่ตัวเองไม่ทำงี้งั้นก็เพราะมันไม่จำเป็น มันถูกอย่างที่อ.แกว่า แต่กูไม่เข้าใจว่า แม่งจะมาพูดกับกูเพื่อ?? ก็ไปพูดกับลูกน้อง/เบื้องบนที่เขาไม่เข้าใจอย่างที่อ.แกเข้าใจสิวะ มาพูดกับกูทำไม๊ กูทำอะไรได้?
ปิดท้ายด้วยการถามกูว่า “มีปัญหาอะไรกับพี่รึป่าวคะ”
กูนี่อยากบอกว่า ไม่ได้มีปัญหาค่ะ แค่ไม่อยากสื่อสารด้วย
เป็นหัวหน้าหน่วยแต่ไม่มีใครกล้าไปปรึกษาอะไรใดๆ ก็คิดเอาเองละกันว่าใครที่มีปัญหากันแน่ แม่งเอ๊ย
กูเคยทำงานที่โรงเรียนเอกชน พออ่านเม้น >>807-808 แล้วได้ความรู้ใหม่ว่าระบบของเอกชนมันก็มีขั้นตอนการเตือนเป็นระดับเหมือนกันกว่าจะไปถึงขั้นไล่ออก แต่ถ้าผิดร้ายแรงนี่คงไล่ออกทันที
ไม่เหมือนระบบราชการที่อ่านในเม้น >>762
ที่ขนาดกินเหล้าในเวลางาน โดดเวร ทำเรื่องเหี้ยๆสารพัดกว่าจะไล่ออกได้ต้องตั้งกรรมการเป็นขั้นตอนยุ่งยากอีก
คนบางคนนี่พูดเอาหล่ออย่างเดียวนี่หว่า
ตัวเองก็กากๆ สร้างปัญหาให้คนอื่น แต่ก็พูดออกสื่อหล่อๆ ฟังแล้วดูดี
คนที่ไม่รู้ก็คิดว่า เออ มึงถูกกระทำ ทั้งๆ ที่มึงทำตัวเองทั้งนั้น
ถึงกูจะกากเหมือนกัน กูก็ไม่โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเองแบบมึงว้อย
ไม่มีไร อยากระบายเฉยๆ
>>820-821
กูทำงานเกี่ยวกับวินัยของส่วนราชการ อยากเล่าให้ฟังว่า พวกข้าราชการเวลาจะขึ้นไประดับสูงๆมักจะมีการเตะตัดขากัน
ซึ่งมาในรูปแบบการร้องเรียน พอคนที่ทำงานด้านนี้นานๆ มันก็จะคิดแบบกลางๆไว้ก่อนว่าเรื่องนี้คนฟ้องกับคนถูกฟ้องมีปัญหาอะไรรึเปล่า
ถ้าสอบสวนแล้วไม่มีหลักฐานอะไรแน่ชัดก็สั่งลงโทษยาก อย่างที่มีข่าวระดับ8 จับนมลูกน้องอันนั้นเพราะมีคลิปเป็นหลักฐานเรื่องมันเลยจบไว
แต่ส่วนมากก็อย่างที่รู้กัน กว่าจะสั่งลงโทษแต่ละที มีขั้นตอนเยอะ กว่าระดับบนจะสั่ง สั่งเสร็จต้องให้ อกพ.เห็นชอบ ไหนจะต้องส่งเรื่องไป กพ.
เพราะงี้ ตัวระบบมันเลยไม่ค่อยดึงดูดคนเก่งเท่าไร เพราะคนฝีมือกลางๆหรือฟลุ้กสอบติดเข้ามาได้ ก็อยู่ได้ยาวๆ
ไม่มีการเอาออก เชิญออก ถ้าผลงานไม่ดี แถมเงินเดือนก็ขึ้นเรื่อยๆ ถึงไม่เยอะแต่ปรับฐานตลอด
พออยู่ไปนานๆ เงินเดือนก็จัดว่าสูงพอสมควร
สำหรับคนที่หางานอยู่ อยากบอกว่าถ้าคุณเก่งจริงคุณอยู่ที่ไหนก็ได้ไม่ว่าจะราชการหรือเอกชน
แต่ถ้าคุณอยากสบายช่วงท้ายของชีวิต การสอบเข้ามาเป็นข้าราชการมันตัวเลือกที่ดี
>>826 กูคิดว่าถ้าเก่งจริงๆไงๆเอกชนก็ทำเงินเยอะกว่าความเป็นอยู่จะสบายกว่า เรื่องค่ารักษาถ้าเงินถึงจริงๆไม่เป็นปัญหาหรอก แถมสวัสดิการราชการก็ไม่รู้จะตัดทอนอะไรเมื่อไหร่หลังๆนี่ก็ลดไปเยอะแล้ว แต่ถ้าฝีมือกลางๆก็อย่างว่าราชการมันช่วยทั้งในเรื่องความมั่นคงระหว่างทำงานและสวัสดิการตอนแก่ได้เยอะ
>>827 กูได้ยินคนพูดว่าถ้าเก่งให้ไปเอกชนเยอะมากมึงช่วยอธิบายขอบเขตของคำว่าเก่งของมึงได้ไหม อันนี้ถามความเห็นจริงๆ ไม่ได้กวนตีน เพราะคนรอบข้างชอบบอกว่ากูเก่ง กูเองก็ไม่ค่อยมั่นใจตัวเองหรอก แต่พอเทียบกับเพื่อนหรือญาติในด้านการวัดผลที่เป็นรูปธรรม(เกรด/มหาลัย/ผลสอบภาษา/การเอาตัวรอด)กูก็ทำได้ดีกว่าพวกเขาอ่ะแหละ แต่ดูจากงานแต่ละที่ๆ เรียกกูไปสัมนี่มันก็งานเอกสารด๋อยๆ ที่ไม่น่ามีอนาคตทั้งนั้นเลยว่ะ นี่ก็สองปีกูเปลี่ยนงานมาสองที่ สำรวจเส้นทางการเลื่อนขั้นของคนในแผนกแล้วกูก็คงไม่แคล้วเดินตามรอยเขาที่ต้องรอคนเก่าเกษียณออกถึงได้ปรับขึ้น กูเลยงงว่าที่ว่าเก่งให้ไปเอกชน ทั้งที่บ.ส่วนใหญ่มันก็เน้นเก่าไม่ไปใหม่ไม่ได้ขึ้นคล้ายกับราชการ แถมเงินเดือนตันเร็ว(มาก) ด้วย
เบื่อพวกคนแผนกอื่นที่เวลางานตัวเองมีปัญหานี่เรียกร้องความช่วยเหลือจากคนอื่น ทั้งๆที่มึงก็ทำตัวเอง
แต่พอคนอื่นเดือดร้อนจากปัญหาที่มันทำบ้างนี่ไม่สนใจห่าอะไรเลย ต้องให้หัวหน้ามันจิกให้อย่างเดียว
>>828 กูขอยกการคำนวณเงินเดือนของข้าราชการมาเทียบล่ะกัน ตีความเก่งเป็นความสามารถในการทำเงินจะได้เข้าใจง่ายๆ
ข้าราชการบรรจุใหม่ได้ 15000 แต่ละปีปรับเงินเดือน 2 ครั้ง แต่ละครั้งได้สูงสุด 6% ซึ่งคนที่ได้ 6% นี่ก็พวกเด็กเส้น
ส่วนมากจะอยู่ที่ 2.5-3.5% ต่อครั้ง ปีหนึ่งก็ประมาณ 6% และการขึ้นเงินเดือนไม่ได้ขึ้นจากตัวเงินเดือนที่คนๆนั้นได้รับ
แต่คิดจากค่ากลาง เช่นเงินเดือนต่ำหว่า 18000 ค่ากลางอยู่ที่ 17900 ถ้าเงินเดือนขึ้น 3% จะได้ 500กว่าๆ
ปีหนึ่งขึ้น 2 ครั้งก็ขึ้นปีละ 1000 แต่จุดที่ดีกว่าเอกชนจริงๆคือระบบบำนาญ ที่รับราชการ 25 ปี จะคิดบำนาญให้ครึ่งหนึ่งของเงินเดือนช่วงสุดท้าย
ในขณะที่ประกันสังคมจ่าย 15 ปี ให้แค่ 20% จ่ายเพิ่มอีกคิดปีละ 1.5% แปลว่าที่ 25 ปีเท่ากันข้าราชการได้ 50%
แต่เอกชนได้แค่ 35% เอง
คำว่า "ถ้าเก่งให้ไปเอกชน" สำหรับกูนะ คือทำงานเอกชนแล้วได้เงินเดือนเริ่มต้นสูงมากและรับเงินเดือนในระดับสูงไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงเกษียณอ่ะ
เงินเดือนข้าราชการได้เท่าไรไปเอกชนแล้วได้เงินเดือนสูงกว่าข้าราชการซักสองเท่าก็ออกไปเอกชนดีกว่า ตัวเงินที่ได้ในระยะยาวมันสูงกว่ามารับราชการแน่ๆ
อยู่เอกชน ผู้บริหารจะเขี่ยมึงตอนไหนก็ได้
มีไฟ งานดี เข้าหาคนเก่ง ก็มีสิทธิ์โดนเตะออก
บริหารอ้างว่าลูกจ้างเหมือนครอบครัว ก็พูดเเต่ปาก ไอคนที่พาความชิบหายเข้าบริษัท เเถมทำงานชุ่ยได้ เสือ๋กโอ๋ เพราะหวงจุ้ย โหงวเฮ้ง เคมีเข้ากัน ไอพวกตั้งใจทำงานก็ไม่เห็นหัว
เงินเดือนจะขึ้นมากน้อยก็มาอ้าง kpi ที่ตั้งขึ้นมาเเบบ impossible quest เเถม hr ก็ไม่โปร่งใส
มึงเอามั่นคง เอาหยุดเสาร์อาทิตย์ เอาสุขภาพจิต มึงไปราชการเถอะเชื่อกู
ที่ทำงานใครมีคนที่คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลบ้างวะ
ที่ทำงานกูมีคนหนึ่ง แม่งชอบคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำ คือสิ่งที่ถูกต้อง เป็นปกติมนุษย์ที่สุดในโลก ซึ่งความจริงมันไม่ใช่
ยกตัวอย่างเช่น วันนี้
ส่งเอกสารไม่เกิน10แผ่น แต่เป็นเอกสารสำคัญ ที่ควรจะถึงมือผู้รับแบบเรียบร้อยที่สุด
แต่แม่งใส่ซองกระดาษธรรมดา ส่งไปรษณีย์
พนักงานบอกว่า ข้างในเป็นกระดาษรึเปล่าครับ น่าจะใส่กล่องนะ มันจะได้ไม่ยับ ไม่พับ
มันไม่ใส่ ส่งไปแบบนั้นแหละ
แล้วมาบ่นให้คนที่สำนักงานฟังว่า พนักงานแม่งบ้า ใส่ซองแล้ว จะให้ใส่กล่องอีก ใครมันจะทำแบบนั้น ใครๆเขาก็ส่งแบบที่มันส่งกันทั้งนั้น
ใครจะบ้าใส่ซองแล้วใส่กล่องอีก ไม่บ้าก็โง่
ไม่มีใครตอบอะไรมัน เพราะทุกคนคิดว่า มึงนั่นแหละทั้งบ้าทั้งโง่ ไม่ได้รู้ตัวเลย
นี่คือเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ความจริงมันมีเรื่องทุกวัน เพราะตรรกะพินาศของมัน ทำให้มันมีปัญหากับทุกอย่างในชีวิต แต่มันก็ยังคิดว่า มันน่ะปกติ คนอื่นที่ทำไม่เหมือนมันต่างหาก ที่ผิดปกติ
โอ๊ย กูจะบ้า โคตรเสียสุขภาพจิตเลย
>>832 มี กูก็เจอแต่โชคดีที่ลาออกไปแล้ว แต่ช่วงหลายวันที่ผ่านมาแม่งก็มาโวยใส่managerแบบงงๆอยู่นะว่าตารางงานมันทำไมไม่มีชื่อมันบ้างเลย(ก็ลาออกไปแล้วจะมาทำงานอีกเพื่อ??) แถมตัวมันเองนี่ด่าคนรอบตัวผิดหมดอ่ะ ไม่เคยรับว่าตัวเองผิดเลย(กูคิดว่ากูก็คงโดนมันด่าลับหลังกับคนที่สามในที่ทำงานสักคนอ่ะนะ) ที่กูจะบ้าตายสุดๆเลยนะคือ ด่าคนนั้นว่าคนนี้แล้วมาเล่าให้กูฟัง พอกูุจะเดินหนีแม่งรั้งกูมาชวนกูคุยอีก มันว่าตัวมันเองลงแรงเยอะกว่าใครเพื่อนแต่ตลกสัส ระหว่างวันนี่อ้างว่าป่วยงั้นงี้สารพัดเลย ช่วงมันมาทำงานใหม่ๆนี่หายหน้าหายตาไปจากzoneทำงานให้คนอื่นเค้าแทงก์กัน(กูเพิ่งมาจับผิดได้ช่วงที่คนทักว่ากูไปขอเวลานอกน้อยสุดแล้ว(กูนานสุด15นาที) แต่มันอ่ะขอเวลานอกงานเยอะมาก(เกือบครึ่ง ชม.) ) ไหนจะด่าคนที่ทำงานแย่กว่าตัวเองนั่นนี่อีกทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ทำงานดีที่สุดในแผนกสักนิดเลยนะ ที่กูเกลียดมากๆจนเริ่มไม่โอเคแต่ต้องทนกับมันเลยคือมันไม่ยอมรับความผิดของตัวเองนี่แหละ ยังดีที่มันเข้าหาและสนิทกับกูมาก ลึกๆละกูก็เกลียดมันมากด้วย สันดานโคตรหน้าไหว้หลังหลอกชิบหาย ถ้ามันไม่ลาออกนะกูคงลาออกหางานใหม่แทนเอาดาบหน้ายังดีกว่าซะอีก
>>828 ของกูหมายถึงพวกตัวหัวของมหาลัยชั้นกลางขึ้นไปเลยอะ แบบไปทำงานที่ไหนคนรับอย่างไวเงินเดือนสตาร์ทหลายหมื่น3-4หมื่นไรงี้ ภาษาก็ได้ทำงานเมืองนอกก็ชิวๆ ประมาณแบบนั้น อย่างลูกพี่ลูกน้องกูนี่ทำงานอังกฤษสบายๆเพิ่งลาออกมาไทยกลับมาทำงานบ.ต่างชาติเงินเดือนเป็นแสน สัมภาษณ์นี่แทบไม่มีผลเลยเพราะโปรไฟล์โคตรเทพ หรือพี่เพื่อนกูทำงานเวิลด์แบงก์อยู่เมกางี้
กุชอบทำงานเอกชนเพราะมันสนุกและท้าทายดี แต่พอมาอ่านที่พวกมึงพูดกูนี่กลัวจัง อีกไม่กี่ปีก็สามสิบละด้วยแต่ก็ไม่อยากทำราชการ จะทำไงดีอ่ะ
ตอนนี้กูทำงานอยู่ ตปท สายวิศวะ อยากกลับไทยไปหางานอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่สายนี้ มีสายงาน/บริษัทไหนมั้ยวะที่เงินเดือนดีๆ แนะนำกูหน่อย ตอนนี้ดูๆพวก management trainee กับสาย consult อยู่
เพื่อนโม่ง ถ้าหากว่าในสัญญาระบุไว้ว่ากูห้ามย้ายงาน กูก็จะไม่สามารถย้ายงานได้เลยเหรอวะ
บ.กูไม่จ่ายโอที ให้เป็นเวลาชดเชยแทน สมมติว่าทำ1ชม ก็มีเก็บ1ชม ทำอะไรได้บ้างมั้ยวะ
>>843 บ.กูมีคล้ายๆมึง แต่เป็นแล้วแต่แผนกว่าหัวหน้าจะกำหนดยังไง หัวหน้าเก่ากูให้แลกเวลาแทนเงิน วันไหนพวกกูทำงานดึก ก็ขอว่าวันถัดไปจะเขาสายกี่ชั่วโมงก็ตามเวลาที่ทำงานเกินมา ช่วงไหนทำเยอะๆก็บอกได้ว่าขอเก็บแลกเป็นวันหยุดได้กี่วันก็ต่อรองเอาอ่ะ
โม่งเพื่อนรัก พวกมึงมีวิธีการจัดการความคิด ความรู้สึกของตัวเองยังไง เวลาเจอคนอายุเท่ากัน สมัครงานในตำแหน่งที่สูงกว่า แต่ความรู้ต่ำกว่ามึงจนมึงต้องคอยไปซัพไปแบกให้ตลอด พอจะสอนแม่งก็เถียงและอ้างว่ารู้แล้ว ตัวเองเก่งแบบนั้นแบบนี้แต่ความรู้ในสายงานระดับTraineeยังมีไม่ถึงด้วยซ้ำ
ล่าสุดคนนั้นบอกว่าตัวเองเก่งตระกูลG Suitมากเพราะใช้มาตลอด2ปี แต่เมื่อเช้าแม่งเรียกกูทำFWDเมล์และตั้งค่าsignature emailอยู่ แถมยังดูแฟ้มงานต่างๆในDriveไม่เป็นอีก
พีคสุดคือถามกูว่าVDO Thumbnailคืออะไร ใส่ตรงไหนของFBทั้งที่งานนี้ไม่ใช่งานกู กูไม่เคยมีloginเข้าไปดู
แต่กูต้องตอบให้ได้ไม่งั้นแม่งจะฟัดจะเหวี่ยงหาว่าเพื่อนร่วมงานไม่ซัพพอร์ทอีเวรนี่
กูควรตะโกนด่าควยใส่หน้าอีนี่ซักทีดีมั้ยวะ
>>847 กูResและCCเมล์ประจานให้พวกหัวหน้าตลอดเว้ย แต่แม่งหัวหน้าแผฟนกโดยตรงกูเสือกอยู่เมืองนอก มาเข้าบ.เข้าแผนกครั้งละอาทิตย์เว้นอาทิตย์ เมล์แม่งCCไปก็เหมือนไม่รู้เรื่อง(แม่งเปิดเมล์อ่านบ้างรู้เปล่ายังไม่รู้เลย) เหลือแต่รอวันประเมินงานเนี่ยพวกกูจะเข้าไปบอกบอสกันว่าอีนี่ไม่ไหวแล้วจริงๆ ที่พวกกูเงียบๆไม่วีนใส่เพราะแม่งเป็นเด็กเส้นเลขาเจ้าของบ.เถอะนะห่าเอ้ย
ky กูสงสัยนะจะสมัครงานแต่ส่วนมากงานที่กูเรียนจบมารับแต่คนมีประสบการณ์ แล้วกูจะไปหาประสบการณ์ที่ไหนมาให้เพราะแต่ละที่ก็รับคนมีประสบการณ์ กูงงในงง
เรสที่พวกมึงว่านี่คือยังไงวะ? งง เอาคำแบบที่ง่ายขึ้นมานิดนึงหน่อยจิ
กูทำงานเอกชนส่งประกันสังคมเอง มันจะไปคุ้มตอนแก่ใช่มะ ที่กูส่งๆไปนี่ไม่ไร้ประโยชน์ใช่ป่าว
ถามมนุษย์เงินเดือนฐานภาษี 15-20 หน่อยว่าซื้อ LTF กันเต็ม max เลยมั้ย?
>>859 กูอยากเล่า กูเรียนวิทย์สุขภาพ กูเคยหน้าด้านยื่นสมัครรพที่บอกว่าตำแหน่งนี้ต้องการคนมีประสบการณ์ ก็อยากลองไง ยื่นๆไปแม่งเรียกสัม แล้วก็มานั่งถามว่ากูมีประสบการณ์มั้ยบลาๆ เสียเวลามาก กูก็เขียนทุกอย่างลงเรซูเม่แล้ว ยังจะมาบอกว่า ทางนี้อยากรับคนมีประสบการณ์นะ แล้วจะเรียกมาสัมเพื่อ! เอาจริงๆ มันคงแล้วแต่ที่ กูแค่อยากบอกว่า ถ้าไม่อยากเสียเวลา มึงก็ไปสมัครที่มันคุณสมบัติตรงๆกับมึงตั้งแต่แรกจะมีโอกาสมากกว่านะ
ขอพูดในมุมของคนเคยเรียกสัมภาษณ์หน่อยนะ ที่บางตำแหน่งอยากได้คนมีประสบการณ์ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องประสบการณ์ทำงานอย่างเดียวหรอก ความจริงงานน่ะมันสอนกันได้ แต่ attitude, sense of responsibility, accountability, pressure handling skill ฯลฯ คนทำงานแล้วกับเด็กจบใหม่มันต่างกันมาก ทีนี้ที่เรียกมาสัมภาษณ์เพราะเห็นเด็กบางคนน่าสนใจกล้าสมัครก็เรียกมา ซึ่งมันก็มีจริงๆ นะ เด็กจบใหม่ที่เราสัมภาษณ์แล้วรับเพราะจากการสัมภาษณ์เห็นได้ว่า attitude เด็กมันมีความเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวพร้อมที่จะทำงานแบบเท่าทัดเท่าเทียมกับผู้ใหญ่คนอื่นๆ ในที่ทำงาน ส่วนเด็กจบใหม่ที่มีความเป็นเด็กจบใหม๊จบใหม่ เราก็ต้องปล่อยผ่านให้เค้าไปทำงานในที่และตำแหน่งที่เหมาะสมต่อไป ดังนั้นขอแนะนำเหมือนกันว่าถ้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กจบใหม่ทั่วไป ก็ไปสมัครงานที่เค้า welcome fresh นั่นแหละดีแล้ว มีงานมากมายที่อยากได้เด็กจบใหม่ใสๆ แบ๊วๆ กล่อมง่าย สอนง่าย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ แต่บางงานมันต้องการคนที่โตกว่านั้น แต่ที่เรียกสัมภาษณ์เด็กจบใหม่มาบ้างเพราะไม่อยากตัดสินกันที่ resume อย่างเดียว อยากให้โอกาส
เสริมอีกนิด งานที่ยินดีรับเด็กจบใหม่มีเยอะนะ แต่ช่วงปลายปีอาจจะหางานยากกว่าช่วงอื่นหน่อยเพราะหลายคนเริ่มรอโบนัสยังไม่ลาออก แถมยังไม่ขึ้น fiscal year ใหม่แผนกส่วนมากก็จะยังไม่ได้ budget หรือ headcount เพิ่ม ถ้าหางานช่วงนี้ไม่ได้ก็อย่าเพิ่งคิดมาก ระหว่างสมัครงานก็หาทางเพิ่มคุณสมบัติใส่ตัวให้เยอะๆ
พรุ่งนี้วันจันทร์
ไม่มีปสก. จะส่ง resume ได้ปะวะ เห็นมีแต่ ต้องการ 2ปี
ถ้าส่งใบสมัครผ่านเวบหางานไปเมื่อวาน วันนี้ยังเงียบๆ นี่หมดหวังยังอะ
Analyst จะขึ้นไปถึง 100K นี่ควรได้สกิลด้านไหนมั่งวะ กูจะ 30 แล้ว ตันอยู่ที่ 80K
ฝ่ายกูได้งบจากHR ให้เอาไปเที่ยวปลายปี หัวหน้ากูเลยวางแผนให้คนทั้งฝ่ายไปเที่ยวด้วยกัน กูเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นหัวหน้านะ ที่อยากเห็นความสามัคคีกลมเกลียวในกลุ่ม อยากให้คนในฝ่ายไปทำกิจกรรมอะไรร่วมกันซักครั้ง
แต่กูรู้สึกเบื่อขึ้นมาซะอย่างงั้น ทุกวันนี้กูคิดว่าตัวเองก็รักษาตวามสัมพันธ์ในที่ทำงานได้ดีอยู่แล้ว การให้ออกไปทำกิจกรรมข้างนอกโดยมีความคิดหวังว่าทุกคนในฝ่ายที่ไปจะได้มีความสนิทสนมมากขึ้นนอกเหนือจากที่ทำงานนี่มันเป็นไปไม่ได้สำหรับกูอ่ะ มันมีคนไม่ถูกกันและคงแก้ไม่ได้ด้วยการไปเที่ยวด้วยกันครั้งเดียว แถมคนในฝ่ายก็ไม่ใช่แค่10-20 คนแต่เยอะกว่านั้น ถึงไปเที่ยวด้วยกันสุดท้ายกบุ่มที่สนิทกันอยู่แล้วก็จับกลุ่มกันเองอยู่ดี
พูดแล้วก็รู้สึกเหนื่อย ที่ทุกวันนี้การรักษาความสัมพันธ์กับคนในที่ทำงานกลายเป็น "งาน" อย่างหนึ่งที่ต้องทำไปแล้ว
การรักษาความสัมพันธ์กับคนในที่ทำงานนี่มันเป็น "งาน" อย่างหนึ่งเลยว่ะ สำคัญพอๆกับความสามารถในการทำงานเลย ทำงานไม่เก่งแต่เข้ากับคนอื่นได้ดีก็พอเอาตัวรอดในที่ทำงานได้
>>882 จริงๆ กูชอบทำกิจกรรมนะ กูก็เลยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการจัดกิจกรรมบริษัท แต่แม่ง เดือนนี้จัด Team Building เดือนหน้าจัด Sport Day พย.มี Staff Party อีก เหี้ยเอ้ย เหนื่อยชิบหาย งานหลักก็ต้องทำ กิจกรรมมึงจะเยอะไปมั้ย เสือกต้องประหยัดงบด้วยนะ จ้างนอกไม่ได้ต้องจัดกันเอง จัดดี HR ก็ได้หน้าไป กรรมการที่เหลือเหนื่อยอย่างเดียว อยากจะออกจากคณะกรรมการตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว บ่นไปงั้นแหละ ยังไงก็ต้องทำ
งานราชการที่เค้าเปิดสอบกันนี่เหมือนจ่ายเงินค่าสมัครให้ฟรีๆเลยรึป่าววะ คือจ่ายเงินค่าสมัครสอบแต่จะได้สอบไหมต้องให้เขาพิจารณาอีกที
กูเบื่อสังคมที่ทำงานกูว่ะ วันๆแม่งนั่งจับกลุ่มนินทาคนอื่น งานการไม่ทำ เบื่อโว้ย
ในนี่มีใครทำ ผู้ช่วยผจก supervisor ตามร้านอาหาร ไหมวะ
>>878 กูเคยเจอไปครั้งนึง แบบว่าโคตรเซ็ง
คือคนในแผนกที่ก็ไม่ได้เด็กๆกันแล้ว แต่งอแงกันจะเล่นห่าอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ ทั้งที่งานก็กองท่วมหัว
ถึงเวลาจัดการอะไรกันก็เละเทะมาก ส่วนที่ต้องทำอะไรกันจริงๆจังๆไม่สนใจ จะเล่นจะเม้ากันอย่างเดียว กูก็เลยไม่ค่อยอยากยุ่ง
พอกูอิดๆออดๆก็มีการมาแขวะกูอีกว่ารู้จักทำกิจกกรรมเข้าสังคมบ้างนะ อย่าเอาแต่หมกตัวอยู่คนเดียว
คือตอนอยู่มหาลัยกูก็เป็นเด็กกิจกรรมนะ แต่พอมาทำงานกูรู้สึกว่าไม่ได้อยากทำอะไรแบบนี้เท่าไหร่แล้วไง
แล้วยิ่งมาเจอคนแบบนี้อีกคือไม่ทำห่าอะไรเลย แต่มโนว่าตัวเองทำ แล้วก็พยายามเอาหน้าพรีเซ้นตัวเองให้หัวหน้าดู
คนแบบนี้ใครจะไปอยากอยู่ด้วยวะ ไม่รู้ตอนอยู่มหาลัยไปป่วนงานเค้าจนโดนถีบออกมาเลยเสี้ยนอยากทำหรืออะไร
ตอนนี้เป็นโปรแกรมเมอร์แต่อยากมีความสามารถด้านอื่นเก็บไว้ ไปเรียนการแสดงดีไหม เผื่อรับงานตัวประกอบโฆษณาเป็นอาชีพเสริม
>>890 กูเคยสอบแต่สนามใหญ่นะ ถ้าเอกสารประกอบการสมัครครบ คุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขก็ได้สอบ แต่ถ้าไม่ตรงก็ไม่มีสิทธิ์สอบ หรือมีสิทธิ์ (แบบจนท.รับสมัครมันตรวจไม่ละเอียด) แล้วปรากฏว่าสอบได้ ก็จะมีการตรวจทวนเอกสารอีกครั้ง พบว่าไม่คุณสมบัติไม่ตรงก็เสียสิทธิ์ไป
ของมึงนี่ยังไงอะ สมัครแล้วไม่มีชื่อเหรอ ถ้าไม่มั่นใจโทร. ไปท้วงเลยนะ คนตรวจ คนพิมพ์ชื่อน่ะมันเป็นคน อาจจะผิดพลาดได้
กูยังงงๆอะ มึงสอบของหน่วยงานอะไรวะ คือปกติถ้ามึงสมัครสอบ คุณสมบัติครบตามที่เค้ารับ (ไม่มีข้อต้องห้ามไรงี้) แล้วจ่ายเงินค่าสมัครเรียบร้อย มันก็มีสิทธิสอบนี่ ส่วนจะสอบได้ไม่ได้ก็อีกเรืรอง ถ้าสอบได้คะแนนไม่ถึงตามเกณฑ์เค้าก็ไม่มีสิทธิสัมภาษณ์แค่นั้น
อยากรู้ว่าสมัครบนเว็บหางานหรือเว็บบริษัท เค้าเปิดดูกันไหมวะ กูสมัครจะเป็นร้อยๆแล้วไม่มีตอบกลับเลย
จะเมลไปอีกรอบก็กลัวหาว่าดันทุรังส่งทั้งๆที่เค้าไม่เอา
ที่ บ.กู มีแบบสอบถามให้ทำ เปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบริษัท พอกูคอมเม้นท์ไปในทางไม่ดี ไม่ใช่ด่าเสียๆ หายๆ นะ แค่ไม่เห็นด้วยกับบางการกระทำ ที่ทำให้เรารู้สึกไม่เชื่อมั่นในบริษัท ปรากฎว่าหัวหน้ากูโดน HR เรียกไปปรึกษา ว่าจะทำยังไงกับความคิดเห็นของเรา เรียกไปถามว่าเราคอมเม้นท์แบบนี้ต้องการอะไร แล้วคือ?? เรียกหัวหน้าไปแทนที่จะเรียกกูไปคุย?? นี่พวกมึงยินดีจะรับฟังความคิดเห็นพนักงานจริงๆ มั้ยวะเนี่ย คือถ้ากูไม่ได้เขียนอวยเลียแข้งเลียขาแล้วหัวหน้ากูต้องมาเดือดร้อนแทนหรอ? ยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกแขยงแล้วเนี่ย ถ้าไม่เห็นแก่หัวหน้ากับทีมกูไม่อยู่หรอกบ.นี้
>>894 มั่นใจว่าดู แต่ไม่ดูทุกคนแน่ มึงอย่าลืมว่าปริมาณคนส่งไปกันเยอะมากถ้าไม่ใช่ตำแหน่งสูงๆ หรือ ตำแหน่งเฉพาะทาง ถ้าเรซูเม่มึงไม่น่าสนใจแปบเดียวมันก็กลืนไปกับกองเมล์แล้ว แล้วพยายามเขียนหัวข้อเมล์กับ CV ให้ได้มาตรฐานด้วย ไม่ใช่ส่งไปแค่ "สมัครงาน" หรือ "ส่ง resume ครับ" ไรงี้
ลองส่งไปถามเพื่อนหรือคนรอบตัวให้เขาแนะนำให้ ถ้าปรับแล้วยังไม่ได้อีกก็ขึ้นกับประสบการ์ณมึงไม่ตรงกับงาน ไม่ก็โหงวเฮ้งเบ้าหน้ามึงอาจจะไม่ถูกชะตา HR
>>896 สมัยทำงานใหม่ๆกูก็เป็นแบบมึง แต่ตอนนี้กูอีโวแล้วอยู่เป็น เลียเป็น เรื่องเหี้ยๆที่ก็พยายามไม่เก็บมาคิด อยู่สบายขึ้น กูแนะนำให้แค่ว่ามึงไม่ได้ทำงานเพื่อบริษัท หรือทำงานเพื่อหัวหน้ามึง แต่มึงทำงานเพื่อตัวเอง
KY ไม่รู้ถามถูกมู้มั้ย โม่งไหนเป็นอินทีเรียร์บ้าง คือกูกำลังหาข้อมูลแต่งนิยายอยู่ อยากรู้ถ้ามีโปรเจ็คออกแบบห้องให้รีสอร์ท(ห้องพัก)อะไรแบบนี้ (ไปตจว.) มันใช้เวลาประมาณกี่วันวะ หรือใช้ทีมละกี่คน รู้สึกจะไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย ช่วยกูที orz
คือตอนนี้กูทำงานอยู่ ตปท ตัวเนื้องานเป็นงานที่ทำจบเป็นโปรเจคๆไป เลยไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่ถ้าจะขอลายาวๆ (กูทำมาหลายรอบแล้วไม่มีปัญหาอะไร) กูก็เซฟวันลาปีนี้ กะไว้ลารวดเดียว คือเมื่อหลายเดือนก่อนก็คุยกับหัวหน้า บอกอยากจะลาหยุดยาวๆซักเดือนกว่า เอาช่วงไหนดีที่ว่างๆ ตกลงกันได้ช่วงธันวาลากยาวไปปีใหม่
ช่วงก่อนกูเข้าโปรเจคยาวๆ เลยไม่ได้อยู่ออฟฟิศ มีเมล์เข้าจากหัวหน้า บอกว่าเนี่ยแพลนเปลี่ยนหว่ะ ปีนี้คริสต์มาสปีใหม่งานเยอะ คนไม่พอ เพราะทุกคนอยากลากช่วงนั้นกันหมด แล้วกูเสือกลาควบทั้งคริสต์มาสทั้งปีใหม่เลย ก็มีการแบบกึ่งๆกดดันให้กูเปลี่ยนวันลา บอกคนอื่นเค้าเลือกลาไม่อันใดก็อันหนึ่งนะ แต่อีห่า ตกลงกันมาหลายเดือนแล้ว กูก็มีแพลนปะวะ เพื่อนผูงพ่อแม่พี่น้องกูเค้าก็ลางานมาแพลนจะไปทริปกันอะไรงี้ กูแบบนอยด์ชิบหาย ก็พ่นไฟตอบเมล์ไป บอกแบบนี้ไม่โอเค แต่เออเดี๋ยวไปเคลียร์กันตอนกูเข้าออฟฟิศ
เมื่อวันก่อนกลับเข้าออฟฟิศมาคุยกับหัวหน้า คือระหว่างช่วงลาเดือนกว่าของกู กูอาจต้องบินกลับมานี่ตอนช่วงคริสต์มาสปีใหม่ มาโคเวอร์ให้ไม่กี่วัน แล้วบินไทยไปหยุดต่อ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! จะบ้าหรออออออออ
แล้วเดือนหน้าตอนแรกบอกจะส่งกูไปโปรเจคนอกประเทศ ซึ่งกูมีใส่วันลาไว้สองวัน ถามกูอีกแคนเซิล/เลื่อนได้มั้ย จะได้อยู่ทำโปรเจคนี้จนเสร็จไปเลย ซึ่งตอนนั้นสถานการณ์เรื่องวันลาปลายปีกูยังไม่เคลียร์ กูก็พยายามหยวนๆ แบบเออถ้าแคนเซิลอันนี้แล้วปลายปีกูได้ก็โอเค แล้วโปรเจคนี้ก็จ๊อปใหญ่อ่ะ ส่วนตัวกูก็อยากไปทำอยู่แล้วไง
ล่าสุดวันนี้ หัวหน้าเรียกไปคุย แล้วบอกว่ามีรีพอร์ทของจ๊อปที่ไม่เกี่ยวข้องห่าอะไรกับกูเลยบอกมาให้ช่วยทำให้เสร็จหน่อยนะ คนที่ทำแม่งทำมาเป็นเดือนแล้วไม่เสร็จซักที ตอนนี้ลาหยุดหนีกลับบ้านไปแล้ว นางบอกนางเครียดมาก นางไม่โอเค ขอ unpaid leave เพิ่มอีกจะไปหาจิตแพทย์ สรุปคือกูโดนโยนรีพอร์ทมาให้เพื่อนร่วมงานไปพักบำบัดจิต ส่วนกูติดแหงกอยู่ออฟฟิศ โปรเจคที่กูแคนเซิลวันหยุดตัวเองมาก็อาจจะไม่ได้ไปแล้ว
คือกูไม่โอเคที่หัวหน้าแม่งกลับไปกลับมาเรื่องวันลากู กูไม่โอเคที่กูแพลนชีวิตตัวเองห่าอะไรไม่ได้เลย กูไม่โอเคที่เพื่อนร่วมงานไม่ take ownership ของงานตัวเองแล้วมาลงที่กู โอ๊ยยยย อีห่าาาาา กูจะลาออกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
>>902 แบบนี้หนักใจแทนทุกฝ่ายว่ะ ทำไมต้องเป็นมึงที่ต้องยอม ...เพราะมันไม่มีใครแล้วไง หนักเลยแบบนี้ มึงเองก็คงเข้าใจสถานการณ์เข้าใจหัวหน้าอยู่แล้วนั่นแหละ เลยทำได้แค่มาระบาย ยังไงก็สู้ๆ นะมึง เห็นใจ มึงก็ยื่นข้อเสนอโยกวันลาไปใช้ปีหน้าให้บานเบอะไปเลยได้ป่าว ระหว่างนี้หัวหน้ามึงเตรียมหาคนเพิ่มได้เลย งานโหลด เดี๋ยวตัวท็อปหลุดมือไปจะแย่นะ
พรุ่งนี้วันจันทร์อีกแล้วสาด T_T
ไม้มีงานทำ สบายใจจุง
มึงคิดว่าเงินดีแล้วทุกอย่างมันจะง่ายหรอวะ!! กูไม่ใช่ 902 แต่เสือกอิน
โม่ง กูเองที่เคยบ่นเรื่องเพื่อนร่วมงานใหม่ดีแต่โม้แต่ทำงานเองจริงๆไม่เป็น
วันนี้ประเมินงานหัวหน้ากาหัวไม่ผ่านงานให้นางแล้วจ้า บายยยยยยยยยยยยยยยยยยย
>>914 ส่วนมากจะเริ่มประเมินงานพวกเด็กใหม่กันหลังจากทำงานกันมาได้3-6เดือน ระหว่างนั้นก็พยายามเรียนรู้และเก็บรายละเอียดงานเอาให้เต็มที่อ่ะมึง 1เดือนยังไงก็เรียนรู้ไม่ทันหรอก แต่ถ้ามึงแสดงออกและกระตือรือล้นหน่อยพวกเพื่อนร่วมงานก็น่าจะมีคนเอ็นดูช่วยสอนงานให้
กู >>910 เอง กูจะเล่าย้อนให้ถึงสาเหตุของคนที่โดนประเมินไม่ผ่านคนนั้น สาเหตุหลักที่ไม่ผ่านคือ เข้ามาตำแหน่งสูง แต่ใน3เดือนที่ควรเริ่มทำงานเองได้แล้วกลับยังต้องสอนงานซ้ำซาก สอนงานเดิมๆ พลาดเรื่องเดิมๆ พวกต่ำกว่าต้องคอยแบก พาลไปถึงคนในทีมอื่นต้องมาช่วยทำและแก้รีพอร์ทให้เพราะSum Exelไม่ได้เรื่อง แต่ตอนมีคนถามและสอนเสือกบอกว่าตรงนี้รู้แล้วอันนี้รู้แล้ว บอกอะไรแม่งก็รู้หมดแล้วคนเค้าเลยคิดว่ามึงรู้แล้วงั้นไม่สอนแล้วกัน เสนอไอเดียกับแนะนำพวกโ)รเจคที่คนเก่าเคยทำเอาไว้ แล้วให้มาต่อยอดให้ลองทำก็บ่นว่าเบื่อไม่เอา อยากทำใหม่งู้นงี้แล้วก็เงียบหายไป และงานที่ทำก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอันให้เห็นซักงานอีกด้วย วันๆเห็นเอาแต่สั่งซื้อของ การกระทำมันไม่ควรให้ผ่านอ่ะมึง เป็นTraineeยังไม่ได้ด้วยซ้ำ
กูแค่อยากจะบอกมึงว่าอย่าไปทำตัวแบบนี้แล้วกัน ถ้าทำงานจนเห็นเป็นชิ้นเป็นอันบ้างยังไงก็ไม่โดนไม่ผ่านหรอก เข้าไปคุยกับปรึกษาแลกเปลี่ยนไอเดียกับคนในทีมและหัวหน้าบ่อยๆก็ได้เดี่ยวมันก็มีคนเอ็นดูและช่วยสอนงานเองแหละ
มีใครเคยทำงานใน scg บ้างมั้ย เล่าให้ฟังหน่อย ภายในดีเปล่า
>>918 พูดถึงตำแหน่งสูง+ทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน กูนึกถึงช่วงที่ฝ่ายกูเปลี่ยนเมเนรัวๆเลย
คือทุกคนเข้ามาปุ๊บจะ come up with new enhancement system แล้วทุกคนในฝ่ายก็หัวหมุนเพราะต้องรีบลั้นช์ให้เร็วที่สุดเพราะเมเนจะเอาไปอวด ceo
แต่เมเนอยู่ไม่นานซักคนจากหลายเหตุผล เช่น ไอ้ของใหม่นี่มันไม่เวิค เมเนโง่ เมเนเรียนรู้ช้า เมเนรับแรงกดดันไม่ไหว เมเนไม่อยากซัพพอร์ต ceo 24/7 บลาๆๆ แล้วไอ้ของใหม่นี่ก็ค้างเติ่ง บางอันที่เวิคก็ใช้ไป system โดยรวมก็บวมขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้าย ceo บังคับโปรโมทซีเนียร์ขึ้นมาเป็นเมเนแทนถึงหมดเรื่อง โดยมีเงื่อนไขว่าหน้าที่เยอะขึ้นอะโอเค แต่ต้องยอมให้กูหนีเที่ยวตปทยาว 1 อาทิตย์ได้เหมือนตอนเป็นซีเนียร์นะเว้ย ไม่งั้นยังไงก็ไม่เอา ถึงได้มีเวลามาเคลียร์ system ว่าอะไรเอาไม่เอา
>>919 กูไม่เคยทำงานกับscgโดยตรง แต่บ.กูมีดีลด้วยอยู่ แม่บ้านบ.กูเม้าท์ว่าเคยเอาขนมเบรคที่บ.สั่งไปเสิร์ฟ พวกเขาเห็นละขอไม่กิน ทำนองว่ามันถูกไปไม่อร่อยงี้(กูไม่ได้ถามว่าขนมไร แต่มันจะห่วยขนาดไหนเชียววะ) แถมครั้งถัดไปที่มาคุยงานเตรียมพายเอสแอนด์พีมาเองเรียบร้อยเลยว่ะ ขนาดเรื่องขนมกินเล่นยังเยอะ กุว่าเรื่องงานก็น่าจะเยอะไม่แพ้กันนะ
SCG ได้ยินมาว่า สีชมพูได้ดีสุด ส่วนพวก ม.รัฐมีชื่อต้อง3.0ขึ้นถึงจะรับแต่เข้าไปก็ไม่ขึ้นไวเท่าสีชมพูอะ เพื่อนกู วิดวะสีส้ม เป็นได้สุดๆก็หัวหน้าฝ่ายผลิตอะมั้ง
งั้นถามหน่อย สงสัยทั้งเครือปูนกับ น้ำมัน ปตท. เลย สองเจ้านี้นี่ต้องจบ ม.ชมพูโอนลี่เหรอวะ? แล้วพวกที่จบแบบ ม.ท้อปๆจากเมืองนอกนี่มาสมัครสอง บ.นี้จะโดนจัดคลาสเป็นพวกไหนวะ?
มีวิธีบังคับให้เพิ่อนร่วมงานไปตรวจวัณโรคไหมวะ
ไอ้ยศวรรธน์ วิโนทัย มันชอบไอใส่หน้าคนอื่นแบบไม่ปิดปาก คนรอบข้างแม่งแขยงกันหมดละ
มึง ถ้าไม่มีวุฒิ ป.ตรี แล้วมึงมีงานประจำอยู่ จ-ศ เงินเดือน 12000 ทำงานนี้มา 4 ปีละ มึงจะออกไปหางานใหม่เปล่า
>>929 หางานใหม่และหาที่เรียนไปด้วย แรงมึงยังมีอายุมึงยังน้อย เริ่มใหม่เริ่มง่าย แล้วมันอาจจะเป็นจุดตัดสินอนาคตมึงทั้งชีวิตด้วย เลยไอ้ช่วง 10 ปีแรกสำคัญสุด ถ้ามึงไม่ขวนขวายตอนนี้พออายุ 30~35~40 เมื่อไหร่ แม่งจะเหมือนเข้าหลุมวาปไปเร็วมาก หลังจากนั้นมึงจะเป็นคนแก่จนๆ คนนึงตอนออายุ 50 ที่เอาแต่บ่นตัวเองว่ารู้งี้ๆ
แต่ไม่ว่ามึงจะรีบยังไงก็ตาม อย่าลืม 2 ข้อหลัก
1. เก็บเงินสำรองไว้กินตอนไม่มีงานซัก 3-4 เดือน (ไม่ต้องเท่าเงินเดือน แต่พอจ่ายค่าที่พัก ค่ากิน ค่าภาระอื่นๆ ถ้ามี)
2. หางานใหม่ให้ได้ก่อนลาออก
ถามคนทำงานโรงงานหน่อย คือกูมีลูกน้องพูดไม่รู้เรื่อง สอนไม่จด จำไม่ค่อยได้ กูพูดอะไรก็ไม่ค่อยฟัง คือปกติคนงานมันเป็นอย่างนี้กันหมดรึเปล่าวะ โชคดีที่เรื่องบางอย่างมันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรกูเลยไม่ถือโทษ ให้กูพูดเรื่องเดิมซ้ำๆกูพอทนนะ แต่พูดเสร็จมันไม่ฟังเนี่ยกูไม่โอเคว่ะ
>>934 ต่อจากนี้ กะจะเก็บทำงานนี้ไปอีก 1 ปีกว่าๆ
ปัญหาคือญาตินี้แหละ คือกูเข้าใจนะเว้ย ญาติไม่ใช่พ่อแม่ แต่คือ กูอาศัยที่อยู่เขาเฉยๆ(ยังมีปัจจัยอื่นอีกขอไม่เล่า) คือเขายังอยากให้กูเลี้ยงจบแล้วไปทำงานอะไรก็ไป แต่กูว่าเรียน+ทำงานไปด้วยไม่น่าจะจบภายใน 3-4 ปี แค่เดินทางไป/กลับทำงาน 2 ชม/ครั้ง ก็เหนื่อยละ
เวลาไปอ่านหนังสือที่ทำงานในคอมก็เปิดบ่อยๆ ไม่ได้ โดนบ่นว่าชอบเล่นเฟสเวลางาน(ตามภาษาคนแก่ 40+)
jobsdb ผู้ประกอบการเปิดอ่านแล้ว ตั้ง10วันกว่าจะเปิดอ่าน รออีกนานปะวะถึงจะเรียกไปสัมภาษณ์ กูมั่นใจว่าตรงกะ requirement นะ อย่างน้อยเรียกไปสัมก็ยังดี
>>936 เท่าที่กูส่งๆไป Jobsdb นี่มึงต้องเขียน cover letter (ซึ่งให้แค่ 300 ตัวแม่งไม่พอโว้ย) ดีๆด้วยถึงจะเปิดอ่าน ไอ้ประเภศส่งๆไปไม่เขียนห่าอะไรแม่งไม่ค่อยเปิด คือต้องแสดงตัวว่ามึงสนใจตำแหน่งนี้มาก สำนวนไปลอกเอาในเวปให้มันดูดีๆไว้ๆ+cv มึงต้องน่าสนใจระดับนึงใช้ตัว app สำเร็จรูปเอาก็ได้ฟอร์มมันจะดูดีหน่อย ของกูที่ได้งานคือส่งไปวันเดียววันถัดมาโทรมาเรียกกูไปคุยเลยสู้ๆว่ะ
การรักองกรณ์เป็นเรื่องตกยุคแล้ว สมัยนี้ต้องเป็น job hopper อัพเงินเดือน
>>938 ช่วงจบใหม่ๆ กูก็เป็นพวกฮ็อปเปอร์นะ พออายุเข้าเลขสามแล้วก็รู้สึกว่าควรปักหลักละ อยากจะซื้อบ้านสร้างเนื้อสร้างตัว เปลี่ยนงานบ่อยๆ เครดิตไม่ดีก็เลยทำที่เดิมมา 3 ปีละ แต่ไอ้ที่ทำอยู่ปัจจุบันแม่ง... ทีนี้จะเปลี่ยนงานแม่งยากแล้ว ทำได้แค่อดทนเก็บเงินจนกว่าจะเปิดของตัวเองได้ เพราะงั้นกูคิดว่าไม่ใช่เรื่องของยุคสมัยเท่าไหร่หรอก เกี่ยวกับอายุและความมั่นคงในชีวิตมึงเองนี่แหละ
เอาแบบคิดถึงตัวเองกับครอบครัวเลย เปลี่ยนอัพเงินได้เรื่อยๆ แต่ไม่ควรถี่เกิน เครดิตมึงจะไม่ดี แล้วควรลงหลักกับบ.ใหญ่ๆให้ได้ก่อน 35 ถ้าเลยแล้วหางานยาก นอกจากมึงมีฝีมือเค้าถึงจะมีสเกาท์มาดึงตัว
ทำไม Headhunter/HR ชอบโทรมาวันศุกร์ตอนเย็นๆ วะ
กูอีกไม่กี่ปีก็จะ 35 แล้วว่ะ พูดแล้วตะเตือนไต อนาคตยังลุ่มๆ ดอนๆ อยู่เลย ยิ่งช่วงนี้ยิ่งสับสนกับชีวิตมากว่าจะลาออกจากงานประจำมาทำฟรีแลนซ์ดีมั้ย
ปัจจุบันทำงานประจำควบงานเสริม งานประจำเงินดีกว่า มั่นคงกว่า สวัสดิการเทพ แต่เครียด ปัญหาเยอะทั้งเรื่องงานและเรื่องคน งานเสริมเป็นงานที่ชอบแต่เงินน้อยแถมไม่แน่นอน ใจคิดว่าจะเปลี่ยนงานแหละ แต่คิดว่าทำงานประจำยังไงก็คงหนีปัญหาเรื่องคนไม่พ้น อายุเท่านี้ก็น่าจะหางานยากด้วย
เข้าราชการได้ละว้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ตอนนี้อายุ 34 ถูกแม่แท้ๆเฉดหัวออกจากธุรกิจกงสีของบ้าน เพราะเพียงแค่ขาดงานไปสองวัน
ที่ผ่านมาหลงเชื่อว่าควาทรักของพ่อแม่ยิ่งใหญ่สูงสุดเหนือคำบรรยาย พอมาเจอความจริงเหมือนกับโดนไม้นวมกระแทกแรงๆ
พอมาถึงตอนนี้ถึงแม่จะกลับมาอ้อนวอนว่าที่พูดไปเป็นเพราะอารมณ์ แต่ทุกอย่างมันพัง มันจบ มันจมไปแล้ว คำพูดที่หลวงพ่อเคยบอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ทุกอย่างเป็นรูปสมมติ นามสมมติ สิ่งสมมติกลับผุดขึ้นมาแทน
กลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยการสอบวัดระดับสี่ผ่านพร้อมกับการตั้งเป้าว่าจะเป็นล่ามภาษาญี่ปุ่นควบอังกฤษให้ได้ พร้อมกับทิ้งเรื่องของพ่อแม่และการแต่งงานมีลูกลงถังขยะไป
ที่จะบอกคืออะไร ที่ตั้งใจจะพูดคือ...
คำว่าความมั่นคงมันไม่มีแต่แรกอยู่แล้ว ชีวิตเรามันตั้งอยู่บนความเสี่งทุกลมหายใจ อีกสิบวิพวกนายอาจจะหัวใจวายตายก็ได้ สักวันนึงฐานะลาภยศร่างกายแปรเปลี่ยนก็ทำใจเผื่อไว้บ้าง ทุกอย่างมันเป็นสิ่งสมมติแต่ต้นอยู่แล้ว
ไปอ่านพันทิป เห็นบอกว่า หลายๆบริษัทที่ประกาศรับสมัครงานจริงๆไม่ได้รับ แต่ประกาศให้ดูแอคทีฟ ดูเติบโต จริงปะวะ
โลกภายนอกมันโหดร้ายกว่าคำพูดด้วยอารมณ์ของพ่อแม่มึงเยอะ เด็กสมัยนี้จบป.ตรีมาก็ N1 N2 พ่วงด้วยโทอิค 800+ มึงตั้งเป้าจะเป็นล่ามแต่ตอนนี้อายุ 34 ยังไม่มีแม้แต่ N4 .... คิดให้ดีละกัน ความฝันกับความจริงมันต่างกันเยอะ ขอให้โชคดี
ก็นั่นแหละ ให้ลองมาทำงานข้างนอกบ้างดีแล้ว (ถ้ามีคนรับนะ) จะได้รู้ว่าโลกความจริงภายนอกเป็นไง กูเคยทำงานอยู่บ้านมาก่อน ทำงานแบบเต็มตัวเลยนะความรู้ในงานก็กล้าพูดได้เต็มปากกว่าไม่น้อยหน้าใคร แต่วุฒิภาวะแม่งต่ำเตี้ยมาก เพราะโตยังไงก็ยังเป็นเด็กสุดในบ้าน พ่อแม่จะดุด่ายังไงก็ดุด่าตามประสาพ่อแม่ ในใจเค้ามีแต่หวังดี มันไม่เหมือนการมาโดนคนข้างนอกถือมีดพร้อมจะแทงตลอดเวลาหรอก ต้องต่อสู้กับคนทั้งภายในภายนอกตลอดเวลา มาทำงานใหม่ๆ คิดทุกวันนี่แม่งกูมาทำงานหรือมารบสงครามครูเสดวะ 555 งอแงจะลาออกบ่อยมากแต่ก็กัดฟันทน มาทำงานไม่กี่ปีกูรู้สึกกูโตขึ้นเยอะมากๆ ด้านวุฒิภาวะ จากเด็กน้อยใสๆ แบ๊วๆ โลกสวยอีโวไปไกลเรียบร้อย ทำงานนอกบ้านมันไม่ได้แค่เงิน มันได้ฝึกความอดทน ฝึกแก้ปัญหาอย่างโดดเดี่ยว ฝึกต่อสู้กับเสือสิงห์กระทิงแรด เพราะงั้นกูหนับหนุนเต็มที่ เสียอย่างเดียวคือ 34 นี่สายไปหน่อยนะ อาจจะหาคนรับยากอยู่ ดีหน่อยกูไหวตัวทันออกมาตั้งแต่ 20 กลางๆ เลยหางานได้สบาย
กูเคยอยู่ที่ทำงานที่สายนาทีเดียวก็ต้องทำหนังสือชี้แจง ฟังของมึงแล้วหน่อมแน้มดีจัง
>>950 เด็กเอกยุ่นแม่งโหดจริง ของม กูนี่บางคนแม่งได้ N1 N2 กันตั้งแต่ก่อนจบแล้วด้วยซ้ำ เพราะเรียนกันมาตั้งแต่ม. ปลาย พูดคล่องยังกะเนทีฟ ครึ่งนึงคือพ่วงดีกรีเด็กแลกเปลี่ยนอีก
ถ้าจะทำจริงๆ ก็อยากให้นึกถึงว่าล่ามอังกฤษเดี๋ยวนี้หางานไม่ง่ายนะ คนพูดอังกฤษได้เยอะขึ้นแล้ว โดยเฉพาะตามพวกบริษัทใหญ่ๆ ส่วนภาษาญี่ปุ่นก็อย่างที่บอก ตัวเลือกอายุน้อยๆ แต่เก่งๆ มีเต็มไปหมด ถ้าอยากทำก็ต้องพยายามหนักหน่อยนะ เริ่มหาคอนเนคชั่นไว้ก่อนก็ดี เพราะส่วนมากที่จ้างๆ กันก็คือจบจากที่เดียวกัน เพื่อนแนะนำกันมามากกว่าจะเปิดรับสมัครกันตรงๆ น่ะนะ
>>945 เยอะนะมึง ขาดงานไปสองวันไม่มีใครรู้ว่าไปไหนทั้งเป็นพวกคนบ้านมึงเองแสดงว่ามึงหายหัวไปเลยดิ ไปไหนมาล่ะมึง อยู่ๆหายไปแบบนี้เป็นพ่อแม่ที่ไหนก็โกรธปะวะต่อให้ไม่นับเรื่องงานเลยด้วยเหอะวะ แล้วเค้าอุตส่าห์มาง้อมึงทั้งที่เค้าไม่ได้ผิดไรเลย คำพูดแค่นั้นในโลกการทำงานแม่งปกติมาก เป็นที่อื่นมึงเหวี่ยงออกมาแบบนี้เค้าไล่มึงออกไปเรียบร้อยไปเลยวะ อายุก็ตั้ง34แล้วทำไมแค่นี้เสือกคิดไม่ได้
>>956 เข้าใจที่พยายามจะสื่อนะ
แต่รายละเอียดปลีกย่อยที่มากกว่านั้นมันก็มี
อย่างนึงก็ตรงที่แม่เราดราม่าแม้แต่พี่สาวที่มาทำด้วยกันแป๊ปนึงยังทนไม่ได้ ด้วยการทำงานแบบรวมศูนย์ไม่เป็นระบบและใช้อารมณ์เป็นหลัก
อีกทั้งเรื่องที่แนวโน้มของธุรกิจกงสีที่ทำอยู่มีโอกาสถึงทางตันแน่ๆ พอบวกลบคูณหารด้วยทั้งอารมณ์และเหตุผล เลยตัดสินใจแน่วแน่ว่าขอไปตายเอาดาบหน้า
>>943 คนในอยากออก คนนอกอยากเข้าหว่ะ ฟรีแล้น กูออกมาจะครบสามปีแล้ว ปีแรกๆลั้ลลาอยู่ เจอฟ้าผ่าไปหนึ่งรอบ งานหดหมด เป๋จนบัดนี้ เงินเก็บค่อยๆร่อยหรอ ซื้อหวยลมๆแล้งๆ (ไม่กี่ร้อยหรอก) แต่เป็นชีวิตที่กูเลือกแล้วหว่ะ กูเบื่อคำว่า ชีวิตที่ไม่ได้ทำงานเป็นชีวิตที่ไม่มีค่า คือกูอยู่มาสองจุดแล้ว เข้าใจเลยว่า ค่าของเราไม่ได้อยู่ที่งาน แต่อยู่ที่ความคิดตัวเอง ถ้าคิดว่ามีค่า จะทำจะไม่ทำอะไรมันก็มีคุณค่าเว้ย แต่ที่แน่ๆ ถ้าไม่มีเงิน จะไม่มีค่าห่าอะไรสักอย่าง
ทำงานที่แรกมา4เดือนแต่ไม่ชอบเลยหวะ จะออกดีมั้ย ประวัติจะเสียแค่ไหน
ถ้ากูอยากออกแล้วกูหายไปเลยแบบไม่มาทำงานได้ปะวะ
กะจะไปถามห้องเรียนแต่มาถามพวกมึงที่ทำงานดีกว่า กูจะฝึกงานถ้าฝึกกับพวก startup ฝรั่งภาษาต้องได้ระดับไหนวะ
ขอปรึกษาอะไรหน่อยสิ ในนี้ไม่รู้มีใครทำงานวิศวะไหม
ปกติบ.เขาอยากรับเด็กไม่มีประสบการณ์ที่อายุเยอะไหมวะ คือกูเรียนจบวิศวะไฟฟ้ามาประมาณ 3-4ปีละ ตอนนี้อายุ 26 (ถือว่าเยอะละกันนะ) เเต่ว่ากูมาทำงานฟรีเเลนซ์ของตัวเองอยู่ตอนนี้เงินพอมีนะ รายได้มันก็ไม่มากเท่าไรประมาณ 20000-25000 พอมีช่องทางทำเงิน(ไม่ใช่งานวิศวะ) ใจจริงก็ไม่อยากทำเเต่ว่ากูอยากลองไปสัมผัสงานวิศวะดูว่ะ เผื่อเเบบลองทำสักปีค่อยออก มีประสบการณ์ไว้ก่อนซักหน่อย เผื่ออนาคตชีวิตมันไม่เเน่ไม่นอน เกิดงานฟรีเเลนซ์กูทำไม่ได้ หรือไม่มีช่องทางไม่มีลูกค้าเข้ามาจะซวยเอา
เเต่ว่ากูไม่เคยมีประสบการณ์ฝึกงานมาก่อนเลย (ม.กูไม่บังคับฝึกงาน) ไฟล์โปรเจคงานสมัยทำก็หายไปเเล้ว ไม่มีอะไรเอาไปโชว์โปรไฟล์ได้เลยว่ะ มีเเค่TOEICหมดอายุ มีใบกว.ภาคีวิศวกรอยู่ เเล้วก็ใบทรานสคิปเเค่นี้เเหละ กูอยากรู้ว่าใบเเง่ของบ.เนี่ยเขาจะรับยากไหม ส่วนใหญ่น่าจะรับเด็กจบใหม่กันใช่ปะกูไม่รู้ เเถมกูก็ไม่เคยสัมภาษณ์บ.ด้วย เเล้วด้วยการที่กูหายไปนาน3-4ปี อายุก็ตั้ง26เเล้ว ความร้งความรู้อะไรคงหายหมดอีกน่าจะหางานยากไหม
นึกๆย้อนไปก็เสียดายว่ะน่าจะลองไปทำบ.หลังเรียนจบก่อน ค่อยตัดสินใจ ไว้เป็นโปรไฟล์ก็ยังดี
>>972 หายากไม้ ยากระดับนึง ปกติพวกบ.engineering มันรับคนอยู่ไม่กี่ประเภท
1.เด็กจบใหม่
2.มีประสบการไม่เกิน 10 ปี
ทีนี้มึงไม่ใช่เด็กจบใหม่ ปสก.งานด้าน engineering ก็ไม่มีพูดตรงๆคือค่อนข้างยาก อีกวิธีที่จะทำให้มีงานได้คือใช้กำลังภายใน
อย่างอายุกูก็ 30 กว่าแล้วถึงยังไม่ถึง 35 แต่ตอนนี้ก็มองหางานกับบ.ที่ค่อนข้างมั่นคงแล้วยังรู้สึกว่าหางานยากเลย ขนาดโพรไฟล์กูก็ดีนะ
มบ.นึงตอนคุยโทรศัพท์ให้กู 55K ซึ่งก็น้อยกว่าเงินเดือนปัจจุบันกูแต่กูว่าจะเอาเพราะอยากกลับไปอยู่กะครอบครัว พอไปคุยจริงๆบอก gm แม่งให้งบจ้างมาแค่ 35K กูเลยยังไม่เอา ปัจจุบันยังไม่โทรมาต่อราคาเล้ย
สาย EPC ว่ะ
>>972 เข้าไปทำบริษัทอะไรก็ได้สักปีนึง..
แล้วแต่งประวัติเอา โม้ไปว่าทำสักสองปี แล้วหาทางขยับไปทำที่อื่น แล้วทำซ้ำแบบเดิมจนกว่าจะเจอที่ดีๆ
เพื่อนกูแบบเมิง ว่างงานจน 25 ค่อยหางานทำ ตอนนี้3xเปลี่ยนงานมาเป็นสิบที่ เวลาเขียนประวัติการทำงานก็เขียนแค่อันที่ดีๆ ลงว่าทำที่ละ 2-3 ปี
น้อยมากที่พวกนี้จะมโดนเช็ค เข้าไปได้แล้วก็ทำตัวดีๆ สักปีสองปีก็ชุบตัวได้แล้ว
>>983 กูประวัติไม่ค่อยสวย แต่กูไม่กล้าทำนะ แต่ก็เข้าใจแหละว่าคนอื่นโกหกกันเป็นเรื่องปกติ คนรอบตัวกูก็โกหกเมคโปรไฟล์กันเยอะ นึกถึง Mgr คนเก่าที่โดนไล่ออกแบบสายฟ้าแลบ อันนี้ไม่รู้ไปโกหกอะไรไว้ปิดกันให้แซ่ด ได้ยินแค่ว่าพอ GM รู้เข้าให้ออกเดี๋ยวนั้นเลย เป็น talk of the town ในบริษัทไปพักใหญ่
>>984 พีคสุดที่กูเจอไม่ใช่เมคโพรไฟล์นะ แต่แม่งเมคทรานสคริปเลยจ้า ระดับเมเนเจอร์ด้วย เหมือนจบมาไม่ตรงกะในทรานสคริปที่เอามาสมัครงาน ไปโป๊ะแตกเพราะนางเอาทรานสคริปตัวจริงไว้ในลิ้นชักแบบไว้มาหลายปีจนลืมไปแล้วว่าเคยวางไว้ แล้ววันนึงบ. กูมีย้ายผังที่นั่ง นางให้น้องในแผนกมาเก็บของย้ายโต๊ะให้ จนอีน้องมันเห็นทรานสคริปแล้วเรื่องไปถึงข้างบนก็โดนออกเดี๋ยวนั้นเลยว่ะ น่าจะโดนคดีตามหลังด้วยรึเปล่าไม่แน่ใจ
รู้สึกสิ้นหวัง
พวกมึงคิดยังไง กับการที่ บ.ไม่มีประเมินพนักงาน ไม่มีโบนัส แต่ขึ้นเงินเดือนให้ 3% ทุกคน ทั้งบริษัท .... ไม่ว่ามึงจะทำงานเจียนตายหรือไม่ทำห่าอะไรเลย ก็ได้ขึ้นเงินเดือน / กูคือคนที่ไม่เห็นด้วย และถูกมองเป็นพวกเห็นแก่ได้ HR ท่านกรุณาวิ่งเต้นให้เงินเดือนขึ้นแล้วนอกจากจะไม่ขอบคุณแล้วทำไมยังไม่พอใจอีก ... พวกมึงคิดว่าไง
เป็นมนุษย์ทำงานกงสี มาบ่นในนี้ได้มั้ย หาที่บ่นไม่เจอ lol
>>987 เงินเดือนมันเยอะอยู่แล้วรึเปล่าเลยไม่บ่น
อย่างบริษัทกูเงินเดือนขึ้น2-4% ไม่มีประเมิน โบนัสสามเดือนไม่เคยขึ้นมีแต่ลด แต่ไม่มีคนบ่น โบนัสลดก็เฉยๆกัน บอกเข้าใจบริษัทขาดทุน ลงทุนใหม่ มีแขวะเล่นๆนิดหน่อยว่าขึ้นเงินเดือนปีละห้าร้อยจะเอาไรกิน
ตอนหลังกูไปล้วงๆแคะๆไปเจอไฟล์เงินเดือนพนักงานทั้งบริษัท+ประวัติการขึ้นเงินเดือน
แม่งได้กันคนละ 5หมื่น+ ส่วนอีคนที่บอกเงินเดือนขึ้นห้าร้อยแม่งเงินเดือน 1.3แสน (ขึ้นเงินเดือนล่าสุด5พัน) ทำโอทีทุกวันหยุด&นักขัต(2-3เท่า)
เลยเออเข้าใจละ ไอ้เหี้ย ที่ไม่บ่นคือแม่งได้เยอะอยู่แล้ว
บริษัทคนน้อย อยู่ยาวๆ ขอลาออกทีได้เงินเดือนขึ้นที 1-5หมื่นแล้วแต่ตกลงได้ แต่ละคนแม่งโคตรแสบ
วันนี้วันศุกร์
ศุกร์ที่แล้ว ส่งresume ไป3ที่ ศุกร์นี้มาลุ้นกัน จะมีใครโทรมามั้ย 555
ตอนลาออกเพื่อย้ายงาน บอกตรงๆหรืออ้างดีวะ
ปิดกระทู้วันศุกร์ เจอกันใหม่วันจันทร์
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.