ตอบตามมุมมองของผู้หญิงธรรมดาที่ชอบดูเมะแต่ไม่ติดนะ
กูว่าถ้าการดูแมะแบบเหมือนเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ทำไม่ได้เข้าขั้นติด เอาเรื่องในเมะมาใช้ในชีวิตจริง ยังสามารถบาลานซ์ชีวิตได้และมีมิติอื่นๆที่น่าสนใจ เช่น นอกจากดูเมะแล้วก็ยังชอบเล่นเกมบ้าง เล่นกีฬาบ้าง เข้าคอร์สสัมนา เรียนต่อ สนใจวิทยาศาสตร์ ทำอาหาร ทำขนมหรือมีที่ว่างให้กับกิจกรรมอื่นๆบ้างไม่ได้เอาแต่ดูเมะสะสมฟิกเกอร์ คือยังพอดูเป็นคนธรรมดาบ้างมันก็ไม่น่าหาแฟนยากนะ พวกนี้ต่อให้พูดไม่เก่งแต่การที่อยู่หลายๆสังคมมันทำให้รู้ว่าคนมีหลากหลายประเภท มันจะได้เรียนรู้จากคนในสังคมต่างๆมาเยอะจนเข้ากับคนได้ง่ายกว่า มีโอกาสเจอคนหลากหลายกว่าด้วย
แต่ส่วนใหญ่ที่เจอในหมู่คุที่ติดเมะอ่ะมันจะไม่ใช่อย่างงี้อ่ะสิ คือชีวิตแม่งเหมือนไม่มีมิติอื่นเลย ดูเบียวๆมันดูน่าขยะแขยงอ่ะ เหมือนคนเข้าสังคมไม่เป็นพอคุยด้วยก็จะรู้สึกอึดอัดแบบ อีนี่มันเป็นบ้าไรวะ พูดเหี้ยไรไม่รู้เรื่องหรือ ถึงต่อให้กุรู้เรื่องแต่มึงวางตัวในสังคมได้แบบนี้หรอ แบบนี้ ก็เข้าใจเพราะว่ามันมีแค่สังคมเดียวคือสังคมเมะ มันก็เหมือนจุดรวมตัวคนที่เบียวๆเหมือนกัน เรียนรู้การวางตัวจากแค่สังคมเดียวจนเข้ากับคนในสังคมอื่นยาก การวางตัวแบบนี้ในสังคมนึงอาจใช้ไม่ได้เมื่อไปเจอกับคนอื่นไง คุเลยหาแฟนยากหน่อยเพราะมันถูกลดกรอบให้หาแต่ในสังคมคุ ผู้หญิงทั่วๆไปไม่เอา
แล้วด้วยการที่เป็นแบบนี้มันส่งผลต่อทัศนคติของคนด้วย ไม่เถียง>>15 นะว่าคนโม่ยมีทุกที่ไม่ได้มีแค่คุ แต่บุคลิกที่เราไม่ชอบมักจะเจอในกลุ่มคุอ่ะ เพราะงั้นเลยเกิดความคิดที่ว่า ถ้าจะค้นหาเพชรในกองขี้ สู้ไปหา ในสถานที่ที่จะมีเพชรไปเลยไม่ดีกว่าหรอ เพราะงั้นเวลาเจอผู้ชายที่ติดเมะหนักมากกูก็ยังคงเปิดใจให้ได้บ้างแต่ถ้าจะให้มาเสียเวลาตามหาคนที่ต้องการในหมู่คุ สู้กูไปหาในสังคมข้างนอกอื่นๆไปเลยดีกว่า เพราะยังไงก็รู้อยู่แล้วว่าคนไม่โม่ยในหมู่คุมันหายาก แต่คนไม่โม่ยในสังคมทั่วไปมันหาง่ายกว่า