Fanboi Channel

>>12 กูเข้าใจเพราะกูก็เคยเจอมาว่ะ

>>11 บัญชี?
>>12 เพราะเป็นคุนี่แหละเลยได้ n1 ญี่ปุ่น แต่หลังๆแทบไม่ได้ดูอนิเมเลย ดู season ละเรื่องได้มั้ง
ส่วนผู้ชายคิโม่ยน่ะ ไม่ต้องเป็นคุก็มีนะ วันนี้กูไปสัมภาษณ์งานมา นายญี่ปุ่นแม่งหม้อพนักงานสาว (หน้าตาค่อนข้างน่ารัก) อย่างเมามัน จนขนาดกุยังแหยงเลย

>>15 เอิ่มมม เป็นกูๆก็แหยงว่ะ

>>15 แบบมึงก็ดีแล้วกุชื่นชม คือกุรู้สึกว่าสภาพพวกคุดูเมะตอนนี้มันคิโม่ยเยอะว่ะ ไม่รู้คิดไปเองมั้ยแต่เดี๋ยวนี้เหมือนความคิดคนพวกนั้นมันชอบคิดว่าโม่ยๆกามๆแล้วเท่ ซึ่งกูแม่ง...

>>17 ก็นะ เดี๋ยวนี้พวกคุหื่น คุโม่ยมันเยอะนินะ มีพวกนี้อยู่ คุดีก็พลอยโดนไปด้วย

กูไม่ค่อยแขยงพวกโม่ยนะ แต่โม่ยไม่ถูกกาลเทศะ เช่น แชร์รูปโลลิในชุดน้อยชิ้นแบบสาธารณะในเฟสที่มีพ่อแม่ครูบาอาจารย์พร้อมแคปชั่น”แฮ่กๆ” อันนี้กูก็ไม่ไหวนะ
กูเคยมีแฟนโม่ย แม่งชอบลวนลามทางวาจาและสายตา(ทางกายกูไม่ให้ไง มันเลยได้แค่นี้) แถมตอนโม่ยไม่คิด แต่พอคนอื่นเอามานินทาด่าลับหลังเสือกด่าคนอื่นมันเลว ตอแหล มีอะไรไม่พูดตรงๆ เกลียดคนแบบนี้ เอ้า ก็มึงทำตัวเองอะ
กูว่าหลักๆคือพวกมันชอบคิดว่า โม่ยเปิดเผย=ดี

>>15 เภสัช แต่กูคิดว่าจะซิ่วไปแพทย์ ชาตินี้ไม่ต้องแต่งงานละมึงT_T

>>19 นั่นดิ ทัศนคติมันทำให้ดูแหยงมากๆอ่ะ

ตอบตามมุมมองของผู้หญิงธรรมดาที่ชอบดูเมะแต่ไม่ติดนะ
กูว่าถ้าการดูแมะแบบเหมือนเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ทำไม่ได้เข้าขั้นติด เอาเรื่องในเมะมาใช้ในชีวิตจริง ยังสามารถบาลานซ์​ชีวิตได้และมีมิติอื่นๆที่น่าสนใจ เช่น นอกจาก​ดูเมะแล้วก็ยังชอบเล่นเก​มบ้าง เล่นกีฬาบ้าง เข้าคอร์ส​สัมนา เรียนต่อ สนใจวิทยาศาสตร์​ ทำอาหาร ทำขนมหรือมีที่ว่างให้กับกิจกรรมอื่นๆบ้างไม่ได้เอาแต่ดูเมะสะสมฟิกเกอร์ คือยังพอดูเป็นคนธรรมดาบ้างมันก็ไม่น่าหาแฟนยากนะ พวกนี้ต่อให้พูดไม่เก่งแต่การที่อยู่หลายๆสังคมมันทำให้รู้ว่าคนมีหลากหลายประเภท มันจะได้เรียนรู้จากคนในสังคมต่างๆมาเยอะจนเข้ากับคนได้ง่ายกว่า มีโอกาสเจอคนหลากหลายกว่าด้วย

แต่ส่วนใหญ่ที่เจอในหมู่คุที่ติดเมะอ่ะมันจะไม่ใช่อย่างงี้อ่ะสิ คือชีวิตแม่งเหมือนไม่มีมิติอื่นเลย ดูเบียวๆมันดูน่าขยะแขยง​อ่ะ เหมือนคนเข้าสังคมไม่เป็นพอคุยด้วยก็จะรู้สึกอึดอัดแบบ อีนี่มันเป็นบ้าไรวะ พูดเหี้ยไรไม่รู้เรื่องหรือ ถึงต่อให้กุรู้เรื่องแต่มึงวางตัวในสังคมได้แบบนี้หรอ แบบนี้ ก็เข้าใจเพราะว่ามันมีแค่สังคมเดียวคือสังคมเมะ มันก็เหมือนจุดรวมตัวคนที่เบียวๆเหมือนกัน เรียนรู้การวางตัวจากแค่สังคมเดียวจนเข้ากับคนในสังคมอื่นยาก การวางตัวแบบนี้ในสังคมนึงอาจใช้ไม่ได้เมื่อไปเจอกับคนอื่นไง คุเลยหาแฟนยากหน่อยเพราะมันถูกลดกรอบให้หาแต่ในสังคมคุ ผู้หญิงทั่วๆไปไม่เอา

แล้วด้วยการที่เป็นแบบนี้มันส่งผลต่อทัศนคติ​ของคนด้วย ไม่เถียง>>15 นะว่าคนโม่ยมีทุกที่ไม่ได้มีแค่คุ แต่บุคลิก​ที่​เราไม่ชอบมักจะเจอในกลุ่มคุอ่ะ เพราะงั้นเลยเกิดความคิดที่ว่า ถ้าจะค้นหาเพชร​ในกองขี้ สู้ไปหา ในสถานที่ที่จะมีเพชรไปเลยไม่ดีกว่าหรอ เพราะงั้นเวลาเจอผู้ชายที่ติดเมะหนักมากกูก็ยังคงเปิดใจให้ได้บ้างแต่ถ้าจะให้มาเสียเวลาตามหาคนที่ต้องการในหมู่คุ สู้กูไปหาในสังคมข้างนอกอื่นๆไปเลยดีกว่า เพราะยังไงก็รู้อยู่แล้วว่าคนไม่โม่ยในหมู่คุมันหายาก แต่คนไม่โม่ยในสังคมทั่วไปมันหาง่ายกว่า

>>19 เนอะ คือพอรวมตัวคุเข้าด้วยกันการทำแบบนี้มันอาจจะฮา แต่พอคนในสังคมอื่นๆมาเห็นแม่งก็จะรู้สึกว่าอีนี่ไม่มีกาลเทศะ​เลย หื่นกระหายออกนอกหน้าจนน่าแหวะ
กูคิดว่าถ้าอยู่ในสังคมเดียวตลอดมันก็จะเป็นงี้อ่ะ คือมึงจะไม่มีมุมมองของคนนอกเลยแล้วก็จะคิดไปว่าที่ตัวเองทำมันปกติแล้วเพราะคุด้วยกันโอเค มันเหมือนฝังมายเซ็ทไว้เลยว่าที่ตัวเองทำอ่ะธรรมดา คนอื่นมาด่าทำไม มันจะไม่เข้าใจในมุมมองคนอื่น

>>>/lifestyle/4493/
จะตั้งแยกทำไมวะ

>>24 อ้าว กูนึกว่ามู้คนอกหักเลยตั้งแยก ไม่รู้อ่ะ โทษทีๆ

งั้นปิดมู้ สลายตัว

กูว่ามู้นี้คนละอารมณ์กับมู้นู้นอะ มู้นู้นมันอารมณืหมู่บ้านมีรัก มู้นี่อารมณ์ฮาวทูsurviveออกจากหมู่บ้านคานทองนิเวศอะ
จริงๆตั้งแต่มู้อะไรเหี้ยสุดในชีวิตละ มู้นี้ก็ออกแนวแชร์ประสบการณ์ มากกว่าช่วยแก้ปัญหาหรือระบายอารมณ์แบบมู้วุขภาพจิตอะ

>>27 มันก็คือเรื่องความรักอยู่ดีป่ะ จะแยกทำไมให้รก