- กูก็โตมาในคอนโดห้องเล็กๆแบบมึงอ่ะ กูเข้าใจความรู้สึกที่แบบ ไม่มีพื้นที่ส่วนตัว ไรงิ แต่คือกูกับแม่รู้กันไง ว่าถ้ากูทำงาน หรือ อ่านหนังสือ แม่กูก็จะไม่กวน เว้นแต่เรียกกินข้าว หรือ มีเรื่องสำคัญจริงๆ กูเองก็ไม่กวนแม่เวลาที่แม่กูดูทีวีหรืออ่านหนังสือเหมือนกัน ตอนเช้ากูก็บอกแม่ว่าไม่ต้องปลุก แล้วก็ถ้าแม่ตื่นก่อน จะทำอะไรก็ทำเบาๆหน่อย ไรเงี้ย คือ ก็ต้องจัดวางระบบอะ คนอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะหน่วยเล็กหรือใหญ่ มันก็ต้องมีระบบที่ไม่สร้างความเดือดร้อน หรือ ไม่ทำให้อีกฝ่ายรำคาญอ่ะ อย่างเวลากินข้าว เมื่อก่อนก็ล้างของใครของมัน แต่ปัจจุบันกูโตแล้ว ใกล้ 30 แล้ว กูก็ล้างจานให้แม่ตลอด เรื่องซักผ้า ก็ผลัดวันกันซัก ฯลฯ
- เรื่องเสียงดังในคอนโด คือกูผ่านมาหมดละ ทะเลาะกับน้อง ทะเลาะกับแม่ ตะโกนด่ากัน ร้องไห้ ปัจจุบันก็ไม่ค่อยมีละ แต่เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ก็บ่อย ก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้านนะ รู้จักชื่อแค่ห้องข้างๆ กับห้องตรงข้าม ส่วนห้องอื่นๆในชั้น เวลาเดินสวนกันก็ยิ้มๆ ทักทาย ปกติ นานๆทีแม่ก็กูเอาของกินไปฝากห้องอื่นๆ อ่ะ แล้วก็ได้รับของฝากบ้างนานๆทีเหมือนกัน ถ้ามึงแคร์เรื่องเสียงรบกวนคนอื่น ก็พยายามเลิกส่งเสียงดังแค่นั้นแหละ
มึงยังดีกว่าพวกที่เปิดเพลง หรือ ซักผ้าตอนกลางคืน โดยที่ไม่แคร์คนอื่น ถ้ามึงแคร์แปลว่ามึงยังมีจิตสำนึกที่ดี ก็พยายามเป็นคนดีต่อไป
- เรื่องควบคุมอารมณ์ กูผ่านมาละ เดี๋ยวนี้เวลาจะโกรธ กูรู้ตัวตลอด แล้วก็พยายามไม่โกรธ let it go ธรรมะ ก็ช่วยได้เยอะ รู้จักปล่อยวางอ่ะ มีไรก็คุยกันด้วยเหตุผล ถ้าแม่มึงเสียงดัง แล้วมึงเสียงดังตอบ มันก็ไม่จบ ลองแบบ ถ้าแม่มึงเสียงดัง โกรธใส่มึง มึงลองนิ่งๆดู ถ้ามึงผิดจริงก็ขอโทษ ถ้าไม่ได้ผิด แล้วเรื่องที่แม่โกรธมันไร้สาระ ก็นิ่งๆ ไม่ต้องตอบโต้ ถ้ายังโกรธอยู่ แล้วเค้าก็จะสังเกตเอง คนเราบางทีมันก็ได้รับอิทธิพลจากสิ่งรอบตัว ถ้าแม่มึงเห็นมึงนิ่งขึ้น ก็อาจส่งผลดีต่อเค้าด้วยก็ได้ อีกอย่างการที่แม่มึงชอบตวาด แปลว่าเค้าเครียด คงมีเรื่องเครียดของเค้าแหละ ถ้ามึงไม่ได้ทำไรผิดแล้วเค้าตวาด มึงก็ไม่ต้องโกรธกลับ แค่รู้ไว้ว่าแม่มึงกำลังอารมณ์ไม่ดี แค่นั้นแหละ ไม่ต้องไปต่อล้อต่อเถียงต่อเวรต่อกรรม เค้าโกรธก็ปล่อยเค้าโกรธไป เนอะ