ตั้งแต่จบมา กูคุยกับแม่ดีๆได้น้อยมาก จนตอนนี้ไม่คุยกันละ มีอะไรเขาก็ไปใช้น้องกู แล้วกูก็รู้เลยว่า เขาตัดหางปล่อยวัดกูแล้ว กูก็นอยด์นะ อย่างเขาบอกว่า กูเถียง พูดไม่ดี ทำไม เขาไม่คิดมั่งวะว่า กูทำงานมาเหนื่อยๆกลับก็ดึก งานก็เร่ง แต่เรื่องนิดนึงแม่ก็แว้ดๆใส่ บ่นอะไรไม่รู้เยอะใส่ตลอด กูก็ต้องเครียดไหม กูก็เลยแว้ดกลับเหมือนกันดิ ก็กูรุ้สึกว่า เขาไร้เหตุผลอ่ะ ละกูก้มานั่งรู้สึกผิด แต่ก็ผิดไม่มาก เพราะหลังเถียงจบ แม่จะปิดประเด็นด้วยว่า คิดว่าจะได้อะไรจากแม่หรอ เงินของแม่ สมบัติของแม่ บลาๆ ซึ่งกูก็แบบ กูไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้เลยปะ กูรู้สึกว่า เขารักน้องกูมากกว่า เปย์น้องกูมากกว่าตั้งแต่เด็กแล้ว อาจจะเพราะน้องกูเกิดมาตอนบ้านเริ่มมีตังค์เยอะด้วย กูก็เลยเก็บเงินเยอะๆเผื่อเรียนต่อโทนอกแล้วเขาไม่ช่วย ก็หาว่ากูงกอีก ซึ่งกูก็คิดว่า กับน้องกู เขาบอกจะส่งไปนู่นนี่ ส่วนกูเขาไม่เคยพูด กูก็ต้องดิ้นรนของกูเองปะ พอเขาไม่คุยกะกู กูก็ไม่คุยกะเขา แบบไม่มองหน้ากัน ส่วนกับพ่อ กูก็คุยปกติ แต่พ่อก็ช่วยอะไรกูไม่ได้ เขาเป็นคนขี้เกียจพูดอะไรมาก กูอยุ่บ้านละโคตรท้อ โคตรเหนื่อยเลย กูมาอ่านโม่ง กูก็รู้สึกว่า ปัญหากูเล็กมากเมื่อเทียบกับคนอื่น แต่มันบั่นทอนจิตใจว่ะ แบบสะสมมาตั้งแต่เด็กๆ ละกูก็รุ่ว่า กูมีปมด้อย แม่กูจะเทียบกูกะลูกเพื่อน เด็กข้างบ้าน เพื่อนกูทุกเรื่อง จนกูกลัว บางทีกูก็เปิดใจให้เพื่อนไม่เต็มร้อย เพราะกูถูกปลูกฝังว่า นั่นคือคู่แข่ง คือตัวเปรียบเทียบ ละสุดท้ายกูเหลือเพื่อนน้อยมากจากตอนเรียน โชคดีที่กูเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจ มีเพื่อนจริงๆแค่คนสองคนก็พอ แต่น้องกูคือที่บ้านสปอยล์จนแบบหมอเรียกไปว่า ว่าน้องมีปัญหาสมาธิสั้น บวกกับเลี้ยงแบบไม่มีวินัยอะไรแบบนี้ พอมีอะไรโยนให้กูทำงานให้ แต่พอไม่ทำจะเจอแบบเป็นพี่นะ ทำไมช่วยน้องไม่ได้ พอกูบอกว่า ทีกูล่ะ ก็จะเจอแบบ ก็เก่งกว่าก็ดีแล้วนี่ ก็นี่น้องเด็กกว่า คือเขาลืมไปปะว่า กูก็เคยอายุเท่าน้องกูมาก่อนแต่กูต้องขวนขวายทุกอย่างเอง บางทีกูก็ไม่เข้าใจว่า เพราะอะไรวะ