มาร่วมแชร์ประสบการณ์จูนิเบียวของตัวเองกันเถอะ เอ้ย 1 2
Banishment this world!!
Last posted
Total of 986 posts
มาร่วมแชร์ประสบการณ์จูนิเบียวของตัวเองกันเถอะ เอ้ย 1 2
Banishment this world!!
เคยจูนิเบียวแม่ซื้อตุ๊กตาให้ ถือเหวี่ยงเป็นไม้คทาเลยประหนึ่งไอ้มดแดง สัส เหวี่ยงไปโดนกันสาดผ้าใบบนหัว น้ำเน่าบนนั้นตกมาแฉะเหม็นหึ่งหมดเลยสัส
เบียวสัส ๆ เคยติ่งยูกิโอ แล้วเวลาเล่นการ์ดกูต้องตะโกน โอเระโนเทิร์น!! แล้วพยายามยืนแอ่นๆเหมือนไอ้ยูกิมัน
ตอนเด็กเคยคิดว่าตัวเองเป็นสึบาสะ เลยทำโอเว่อเฮดคิกส์ใส่ฝาโค้ก เท่านั้นแหละ
ปล.พื้นเป็นปูน
ปล2.กูรอดมาได้ไงวะ
สมัยเด็กเคยบ้าไซอิ๋ว วันนั้นพ่อแม่ยุ่งกันไม่ทันเห็น กูถือไม้ถูพื้นนึกว่ากระบองหงอคง วิ่งกลับไปกลับมาในบ้าน คิดว่ากำลังขี่เมฆไปอัญเชิญพระไตรปิฎก ผลคือเจอพื้นต่างระดับ สะดุดล้มฟันหักเลือดกลบปาก โชคดีพี่กูเห็นพอดีเลยลงไปหาพ่อ พาส่งโรงบาล เย็บ10เข็มเป็นแผลเป็นชัดมาถึงทุกวันนี้ มีแต่คนบอกให้ไปศัลยกรรมลบรอยแต่กูไม่ไปกะไว้เป็นเครื่องเตือนใจถึงความจูนิเบียววัยเด็กนึกถึงละฮาดี555
เคยจูนิเบียว ชอบเรื่องแว่วเสียงเรไร ทำตัวโหดๆ กุโระๆ วาดรูปโหดๆ ขวางโลก ไอ้สัสนึกแล้วทุเรศตัวเอง
เออ นึกเรื่องเล็กๆออกอีกเรื่อง สมัยเด็กบ้าดราก้อนบอลละชอบเล่นเป็นตัวการ์ตูนกะเพื่อนสู้กัน พอดีเพิ่งอ่านตอนสู้เซียนเต่ามันเล่นท่าหมัดบ้า ทำท่าเป็นหมาเข้ามากัดๆๆ ละท่านี้โคตรเก่งในเรื่องสมัยนั้น ทำลายวิชาหมัดเมาของเซียนเต่าได้กูเลยปลื้มตามประสาจูนิเบียว วันนั้นเลยเล่นเป็นโกคู วิ่งสี่ขาเข้าไปทำกัดๆๆ ปรากฏโดนต่อยสวนหน้าแหก เกือบมีเรื่องละสัส กูก็โกรธโดนต่อย เพื่อนก็งงว่าทำเหี้ยไรเล่นกันดีๆเสือกพุ่งมากัด 5555
เคยคิดว่าตัวเองน่ารัก แต่งตัวแบบอาลาเล่ทำหน้าตาบ้องแบ๊ว บีบเสียงน่ารักๆ พอมาเห็นพวกที่เบียวๆทำตัวคล้ายๆตัวเองแบบนั้นรู้สึกรำคาญมาก เลยเข้าใจคนอื่นว่ารู้สึกยังไงกับเราตอนนั้น 55555555
เมื่อก่อนกูคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ ผู้อ่านใจผู้คนได้และทำเหี้ยอะไรก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ตลอด และมีความสุขที่ได้เห็นคนตีกัน ชอบทำท่าแบบ L ใน Death note ทุกวันนี้กูนี่ต้องปิดปากเพื่อนที่รู้เรื่องนี้ของกูทุกคนเลยสัด เขิลชิบหาย
>>8 กูเคยคล้ายๆงี้ ตะก่อนกูชอบทำตัวคุจูนิเบียว ชอบเชียร์นางเอกอนิเมะแบบเบียวๆอย่าง คนนี้ต้ิองเป็นนางเอกเท่านั้น หัวดำนางเอกๆ ไม่ฟังใคร แล้วก็ทำท่าแบบกำหมัดชูขึ้นฟ้า คนอื่นเค้าพูดเรื่องเหี้ยไรกันก็ชอบโยงเข้าเรื่องคู่อวยทั้งๆที่มันไม่เกี่ยวกัน พูดเรื่องจริงจังอยู่ก็โยงได้ ออกแนวไม่ดูสถานการณ์อ่ะ แล้วทำเสียงแบบ อ๊ากกก หัวดำนางเอกโว้ยยย อ่ะจ๊ากก ไรงี้ กลางวงสนทนา โครตคุเลย
พอโตมามีโอกาสได้เจอคนประเภทเดียวกะตัวเองสมัยก่อน พอเห็นมันมาพูดจาแบบที่กูเคยพูดแล้วก็อี๋เบาๆ นึกแล้วก็ขายหน้า
5555555555555
แต่ละคน กูขำ55555555
ตอนกูประถมอยากอ้อนแม่เลยเอาขวดนมมานอนดูดแล้วให้แกโอ๋ๆ
กูทำไปได้ไงวะะะะะะะะะะะะะะะ ซาสสสสสสสสสสสสสสสส
กูเคยแอคท่าเป็นตัวละครสาวมาดนิ่งคูลเดเระ แล้วมำเป็นพ่นคำเท่ๆใส่เพื่อนตอนม.ต้นด้วย แม่ง...อัปยศสุดๆก็งานนี้แหล่ะ
ไม่รู้นับว่าเบียวมั้ย แต่เคยเป็นสโตรกเกอร์แอบถ่ายรูปคนที่ชอบอ่ะ เค้าก็รู้ตัวแล้วก็ไม่เลิก นึกถึงแล้วแอบรู้สึกแย่
กูเคยเป็นพวกจิตสัมผัสตอน ม.ต้น กูมโนว่าตัวเองเห็นผี และคุยกับผีได้ เพื่อนๆแม่งเสือกเชื่อ!!!
//พอนึกถึงแล้วระทม T U T
>>16 มึงเหมือนเพื่อนกูเลย แต่หนักกว่าคือของกูเล่นกันเป็นหมู่คณะ แถมเรื่องแฟนตาซีสุดๆ มีโลกวิญญาณ มีผู้พิทักษ์ ซึ่งคือตัวเราในโลกวิญญาณนี่แหละ
เพื่อนกูเป็น 1 ใน 7 บุตรแห่งพระเจ้า นางจะมีสองภาคคือภาคดีภาคร้าย เพื่อนอีกคนเป็นท่านหญิงแห่งทะเลสาปซัมติงในโลกวิญญาณ ส่วนเพื่อนอีกคนกับกูเป็นแค่องครักษ์ของอีเพื่อนคนแรก กูเป็นผู้ใช้ธาตุไฟ ร่างต้นเป็นผู้ชาย แต่มีร่างโคลนก๊อปปี้แยกออกมาเป็นผู้หญิง แล้วลงมาเกิดเป็นกูเพื่อดูแลอีบุตรพระเจ้านั่น
เรื่องราวสตอรี่ซับซ้อนและใหญ่โตมาก เพราะสร้างกันมาเป็นปีๆ แฟนตาซียิ่งกว่าบารามอส จนขึ้นม.3 ทะเลาะกับอีบุตรพระเจ้า กูก็เฝดตัวออกไปอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหม่ คิดว่ามันคงเพลาๆแล้วมั้ง จนเวลาผ่านไปช่วงประมาณม.5 กูไปแลกเปลี่ยน จู่ๆมันก็ทักเอ็มมาหากูว่า เนี่ยสบายดีมั้ย เป็นอะไรหรือเปล่า ตอนนี้ชิน (อีผู้พิทักษ์ร่างชายของกู) ไปสู้กับพวกปีศาจบาดเจ็บหนักนะ ระวังตัวด้วย
กูก็แบบ wtf แม่งยังไม่เลิกอีกเหรอวะ ถึงขั้นไปตั้งมู้ในพันทิปว่าเพื่อนกูเป็นไรมากเปล่า สรุปพอกูกลับจากแลกเปลี่ยน กูก็ไปคุยกับคนรอบข้างนาง คือนางยังเบียว เชื่อในโลกของนาง แต่เพราะทุกคนโตขึ้น คนเชื่อนางก็น้อยลง สรุปพอตอนจะขึ้นม.6 นางโดนเพื่อนอีกคนแหกเละเป็นโจ๊ก
ทุกวันนี้กูไม่ได้ติดต่อกับมันละ รับไม่ได้ เรื่องโลกวิญญาณและผู้ใช้ไฟบ้าๆนั่นเหมือนจุดดำมืดในชีวิตกูมาก กูซุกเก็บไว้ในหลืบสุดๆ เพราะอาย ไม่กล้าเล่าให้ใครฟังว่าตัวเองแม่งเบียวขนาดนั้น อีเหี้ย ผู้ใช้ไฟ ใช้เหี้ยไรล่ะ กูแค่ชอบเฟลมออฟเรกกะ เลยอยากเป็นผู้ใช้ไฟบ้าง แม่งเท่ดี
>>19 ตอนเล่นก็เหมือนช่วยกันสร้างเรื่องให้มันแข็งแรงที่สุดอ่ะ อย่างกูนอนหลับฝันเห็นอะไรก็เอามาเล่า บุตรแห่งพระเจ้าก็จะมาตบๆว่า อ้อ นี่เป็นเรื่องในโลกวิญญาณนะ เรื่องที่เอามาเล่ามันอารมณ์แบบพยายามชดเชยปมตัวเองด้วย อย่างให้ตัวเองเป็นที่รัก มีอำนาจ หรืออยากเป็นผู้ชายแบบกู หลายๆคนในตอนนั้นมันเลยเหมือนว่าต้องเชื่อว่ามันมีจริงๆไปโดยปริยาย
กูไม่รู้เหมือนกันว่ามันเชื่อจริงไม่จริง แต่สำหรับกูมันอารมณ์เหมือนว่าบุตรแห่งพระเจ้าขึ้นหลังเสือแล้วจะลงก็ลงไม่ได้ เพราะมันเป็นเมนหลักมาตลอด ต้องประคับประคองไปจนถึงขีดสุดท้าย พอมาย้อนดูแล้วสตอรี่โลกวิญญาณทำให้ทุกคนสนใจมันมากจนเหมือนบุตรแห่งพระเจ้าเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
ตอนนี้กูก็ยังพยายามคิดวิเคราะห์ว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่ ก็คิดไปว่ามันคงอยากเป็นจุดสนใจ เวลาเพื่อนในกลุ่มเล่าอะไรมันจะต้องทวีคูณว่าเรื่องตัวเองหนักกว่าตลอด สมมติกูเล่าว่าพ่อกูตีด้วยไม้แขวนเสื้อ มันก็จะบอกว่ามันหนักกว่า พ่อมันถอดเข็มขัดมาตี กูทำร้ายตัวเองด้วยการแอบกรีดตามใต้ร่มผ้าเล็กๆน้อยๆ ตบตัวเองบ้าง มันก็จะเอาคัตเตอร์แทงตุ๊กตา บีบคอน้อง ไรแบบนี้อ่ะมึง
เล่นเป็นตระกูล เฮนรี่ที่ 8 แห่งอังกฤษ..
มี พระเจ้าเฮนรี่ บรรดา แอนๆ และ แคทเอรีน
รวมถึง อลิซาเบ็ธ แมรี่ และ เอ็กเวิร์ด พร้อม
อันนี้เบียวปะวะ 555555
สมัยประถมแม่งมีละครเรื่องนึงฮิตกันมาก
จนทำให้กลุ่มเพื่อนกูมาตั้งเป็นตำแหน่งๆ
ดิน น้ำ ลม ไฟ 55555 คิดแล้วอายชิบหาย
มีบทสวดมาท่อง มีทงมีท่าด้วยสัส อายเหี้ยๆ
พูดถึงจูนิเบียว ไม่นับแบบที่ตอนเด็กๆอยากเป็นนู่นเป็นนี่นะ พวกที่ชอบขวางโลกหรือแบบ "ไอ้คนพวกนี้ตายๆไปซะให้หมดก็ดี" ประมาณเนี้ย อยู่มัธยมยังไม่เลิก ทำไมเจอบ่อยมากในพวกที่ดูการ์ตูนวะ พวกมึงคิดไง?
กูเคยมีเพื่อนเบียวรีบอร์น แล้วมันลงทุนซื้อแหวน+กล่องของวองโกเล่มาให้เพื่อนสนิทของมันแต่ละคน
แล้วแต่งตั้งเป็นตำแหน่งต่างๆเลยเว้ย ซึ่ง1ในนั้นคือกู แต่คือกูไม่เล่นด้วยไง แม่งเลยยิ่งรู้สึกฟิน เพราะมันอยากให้กูเป็นฮิบาริให้มัน
ตบแปะสตรีทนี่นับเป็นเบียวมั้ยวะ
พวกมึงเคยเล่นเลี้ยงผีป่ะสัส
คือตอนเด็กๆสมัยประถมแม่งมีหัวโจกผญ.อยู่คนนึง แล้วแบบแม่งเริ่มมโนเรื่องเลียงเหี้ยไรซักอย่างที่มองไม่เห็น แบบจริงจังด้วยนะสัส มีที่นอนพกมา ลูบหัว(ล่องหน) พูดคุย แล้ถ้าใครแม่งไม่เลี้ยงก็จะเป็นแกะดำ มันก็เลยเป็นกันเกือบทั้งห้องช่วงนึง ตอนนี้กูยังงงอยู่ลยว่าทำเหี้ยไรลงไป
ใส่ชุดดำๆมืดๆหมื่นๆ ทำตาหรี่ๆ ขวางๆไม่ยิ้ม แล้วรู้สึกว่าตัวเองเท่มาก ไม่มีปมก็คิดให้เหมือนมีปม แล้วคิดว่า กรุช่างเท่เสียนี่กระไร
ความเท่นี่มันยุที่มุมมองปะวะ บางคนอาจจะมองว่าเท่ อีกอีกกลุ่มนึงอาจจะมองว่าไม่
ส่วนพวกที่คิดว่าตัวเองเท่ก็นั่นแหละ...
ตอนป.6 กูเคยกดกาแฟดำจากตู้น้ำหยอดเหรียญ ชอบเอามาดื่มต่อหน้าเพื่อนๆ ให้เพื่อนดูว่ากูเจ๋งนะสัส แดกกาแฟดำได้ไม่สะทกสะท้าน ตั้งกลุ่มที่มีพลังพิเศษขึ้นมา ใช้พลังดิน น้ำ ลม ไฟเพื่อปกป้องโลก ฉายากูในกลุ่มคือเดอะดาร์กเนส เพราะกูชอบทำตัวเคร่งขรึม เต็มไปด้วยปริศนา ใช้พลังแห่งความมืด ทำสัญญากับจ้าวนรกที่แขนขวา พอนึกขึ้นมาได้กูล่ะอยากเอาหัวไปมุดเต้าหู้ตายจริงๆ โครตอายเลยสัส 555555555555555555555
เยอะสัสๆ เรื่องเบียวของกูมันเริ่มตอนรู้จักดูการ์ตูนว่ะ เคยอยากชื่อมีมี่(ของก๊อบจากเรื่องแม่มดน้อยโดเรมี) กูสมมุติตัวเองเป็นแม่มดน้อยมีมี่ มีคทาขั้นเทพ เป็นหัวหน้าแก๊งพวกโดเรมีในจินตนาการอีกทีและมีมาจอริก้าเป็นของตัวเอง ถ้ามึงมาเห็นกูตอนคุยกับมาจอริก้าจะต้องนึกว่ากูเล่นของ
ในช่วงอายุนี้ ตอนกูโมโหใครจะทำแก้มป่องอย่างจงใจด้วย เหี้ยอุบาทสัส
พอขึ้นม. 1 เก๊กเป็นสาวคูล นิ่งมาดขรึม ไม่ค่อยยิ้ม ไม่ตลกกับใคร ดาร์คสัสๆ ดีนะกูหาเพื่อนได้ ยังมีเพื่อนสมัยประถมตามมาเรียนที่เดียวกัน
ยังไม่หมด ม4 แล้วกูยังมีวิวัฒนาการไปเรื่อยๆ เสือกไปดูไพเรท กัปตันแจ๊ค ช่วงนั้นกูจะยืนเอียงๆ เดินเอียงๆ นิ้วมือเด้งๆกรีดกรายๆสมมุติตัวเป็นกัปตันแจ๊ค สแปโรว์พักใหญ่ๆเลย
ตอนนี้กูหายขาดหรือยังวะ
ของกูจูนิเบียวทั้งกลุ่มว่ะ ตอนม.1 เซเลอร์มูนกำลังดังๆ ก็มาสมมติตัวเองเป็นเซเลอร์นั่นนี่กัน ในกลุ่มกูจะมีคนนึงอ้วนๆดำๆแรงๆหน่อย นางจะมีพาวมาก ถ้าไปมีเรื่องกับนางก็ซวยโครตๆ แนวๆน่ารำคาญอ่ะ ทุกคนก็เลยยกตำแหน่งเซเลอร์มูนให้นางไป นางก็จะตั้งลูกสมุนนางคนนึงที่เป็นคนโปรดมาเป็นอุซางิน้อย ส่วนกูได้เซเลอร์จูปิเตอร์ที่ป็อบน้อยสุดในเรื่องเลย กูโครตเสียใจเลย เก็บไปร้องไห้ด้วยนะว่าทำไมกูต้องได้เป็นจูปิเตอร์วะ กูไม่อยากได้ แต่กูได้ตำแหน่งนี้กูก็เลยพยายามชอบจูปิเตอร์ แล้วกูก็ชอบมากในที่สุด พอย้อนกลับไปมองตอนม.4 กูชอบอีอุซางิไปได้ไงวะสัส โครตน่ารำคาญเลย เป็นตำแหน่งที่เหมาะกับแม่งแล้วล่ะ แต่พวกกูก็ไม่ได้มีเรื่องโกรธเคืองอะไรกันนะเว้ย เจอหน้ากันยังเรียกมูน จูปิเตอร์ วีนัส มาร์ เมอคิวรี่ ไรงี้อยู่เลย 5555555
เมื่อวานไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนมันเป็นคนฝรั่งเศส ทีนี้มันให้แต่งชุดแฟนซีดูหลอนๆไปเอาคล้ายๆฮาโลวีน
กูเลยแต่งชุดแขกอาหรับ ฮาสัสๆเพราะพอลงจากรถกูวิ่งเข้าไปกลางวงตะโกน Allahu akbar ไอสัส คนวิ่งกันป่าราบ
อี 41 ขอบคุณที่ทำให้กุยิ้มได้ แม้ว่ามุขมึงจะเหี้ยมาก 5555555555555555555555555555555555555
อย่าว่า 41ของกู ปล.41 มึงควรเอาอะไรดำๆติดก๊อตเทปพันนม+ถือเป๋าเอกสารเหล็กด้วย มันแน่ๆ
เหี้ยยยยยยยยยย บอกตรงกูอ่านแล้วอายแทนพวกมึงเลยว่ะ5555555
กูชอบเก็นโดมาก กูทำตาขวางใส่ทุกคนแล้วก็นั่งประสานมือเท้าคางแบบเก็นโด แล้วกูก็ชอบยิ้มมุมปาก เมื่อก่อนกูทำเป็นเท่ไม่มีเพื่อนแบบหมาป่าโดดเดี่ยว จนตอนนี้ยังไม่มีเพื่อนเลย แม่งเง้ย
กูเป็นผช.และกูเคยติดคำว่าเนี้ยว(พร้อมทำท่าบางครั้ง) กับ หัวเราะแบบโคบาโตะเพื่อนน้อย คิดแล้วอยากลบๆความทรงจำบ้าๆให้หายไปซักที อ้าก
ทำไมกท.นี้อ่านแล้วอารมณ์ดีวะ 5555555
กูไม่เป็นแต่แฟนเป็น ทำเสียงเนี้ยว
ช่วยคิดประโยคเบียวๆหน่อยดิ กูจะเอาไปพูดกับเพื่อน
ไม่แน่ใจว่าเบียวมั้ย แต่มึงลองพูดภาษานิยายแจ่มใสดูดิ กูเคยลองเอาคำด่าแบบคนบ้า ตาบ้า ตาทึ่ม ไปด่าเพื่อน ปรากฏว่าลั่นกันชิบหายวายวอดทั้งวง 5555555
มู้อารมณ์ดีแห่งปี ไม่ไหวแล้วไอ้เหี้ย กูขำจนน้ำลายพุ่ง555555555555
กูเคยเบียวแบบชอบด่าคนนู้นคนนี้ว่าเบียว ใครทำอะไรแปลกๆขัดหูขัดตาก็ด่ามันอีเบียวๆๆ คิดไปกูนี่แหละเบียว555555
จะ เจ้าพวกโง่เง่า! บังอาจมาดูถูกข้า บุตรแห่งเปลวเพลิงที่สิบสาม ในนามของเปลวเพลิงอันโหมกระหน่ำ ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่! The Judgexa xŹZment of Flame อะย้ากกกก
กูเคยเล่นเป็นริวสตรีทไฟท์เตอร์ แล้วมีเพลงริวดังในหัว เตะต่อยอากาศ อาฟัดเฟดฟูเฟด ฮาโดเคน กลางสายฝน(โดดเรียนมาเล่นด้วยนะมึง)
กูก็เปียกดิ ทีนี้พี่กูอยู่ รร เดียวกันลงมาจากอาคาร กูเดินเข้าไปว่ามันว่า ทำเสื้อกูเปียกไม เหี้ยไรของกูวะ55555555555555
ปล.ตอนนั้น ป.1
ตอนม.4 มีเพื่อนกูคนนึงมันชอบวาดรูปเว้ย ไม่ว่าตอนไหนแม่งก็วาดได้ ทีนี้มีวันนึงจารย์ฝรั่งเห็นมันวาดไม่สนใจเหี้ยอะไรเลย
เขาก็เรียกมัน ปีกัสโซ่ กลายเป็นฉายาประจำตัวแม่งไป ยังไม่หมดแค่นั้นความเบียวของมันยังแพร่มายังพวกกูแก๊งหลังห้อง
มันตั้งเกม Paper online มาไอ้เหี้ยติงต๊องสัสแต่แม่งสนุกนะ คือมันจะวาดตัวละครให้พวกกูแต่ละคนมี 6 สกิล เล่นแบบดูเอล
ถ้าทอยเต๋าแต้มได้เท่าไหร่ก็จะออกสกิลนั้น มี HP ตามน้ำหนักตัวแต่ละคน ยิ่งหนักยิ่งเลือดเยอะ แต่ยิ่งเบายิ่ง agi เยอะ คือจะได้ตีก่อน
ถ้าเบากว่าคนอื่น 2 เท่าก็จะได้ตี 2 ครั้ง ทีนี้มีเพื่อนกูคนนึงมันหนัก 108 กิโล ไอ้สัส นั่งโยนกันทั้งคาบมันไม่ตายซักทีฮาชิบหาย
อีกคนเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆหนัก 38 ไอสัสแม่งได้โยนติดกัน 4 รอบตอนดูเอลกันไอ้อ้วนโคตรแก้ทาง คิดไปคิดมาโคตรเบียวเล่นเกมกระดาษ 5555
จะว่าไปเคยเห็นหนังแนวตัวเอกเบียวแต่เป็นเรื่องในสังคมปกติเนี่ย ผ่านมาสักพักละมั้ง แบบตัวเอกมีจินตนาการเบียวๆ เห็นอะไรก็เพ้อหลุดโลก เพื่อนโม่งพอจะรู้ชื่อหนังป่ะ กุเห็นมู้นี้กุเพิ่งนึกได้ ไม่เคยดูแต่อยากดู
กูเล่าบ้าง กูเคยเป็นฟุมาก่อน ตอนแรกกูเป็นคนเดียวแล้วรู้สึกเหงาปากอยากเม้าท์มอย กูเลยแย็บๆเพื่อนที่อ่านการ์ตูนว่า 'แกรู้จักวายป่ะ' 'แกรู้จักฟิคป่ะ'
คนไหนหูเบาก็เสร็จกู
ความเหี้ยมันเริ่มมาจากการแอบอ่านฟิคอ่านโดในห้องคอม คุยเรื่องสัปดนกันแบบเสียงดัง กรี๊ดกร๊าดเวลาเข้าร้านการ์ตูนแบบไม่อายใคร
พูดแล้วก็อายชิบหาย ยุคมืดชัดๆ โชคดีที่มอปลายกูย้ายโรงเรียนกูเลยมีโอกาสเริ่มต้นใหม่
กับเพื่อนยุคนั้นกูก็ยังคุยกันดีอยู่นะ เหมือนแม่งรู้ไส้รู้พุงกันหมด เลยทำให้พูดอะไรที่พูดกับเพื่อนกลุ่มอื่นไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกัน เหมือนว่าทุกคนจะรู้โดยสัญชาตญานว่าเรื่องเหี้ยๆสมัยก่อน อันไหนเหี้ยมากจะไม่ถูกขุดขึ้นมา
ไรวะไมพวกมึงโลกแคบกันจังเล่นเกมกระดาษก็บอกว่าเบียวแล้ว
สุริยาช่างแผดแสงแรงกล้า ทำตัวข้าร้อนรุ่มยิ่งนัก
วีรกรรมความเบียวของกูนี่โครตยาวเลยสัส เท่าที่นึกออกก็
กูติดยูยูมาก อยากเป็นแบบฮิเอ เอาเมจิกมาเขียนรูปมังกรที่แขนขวาแล้วพันผ้าไปโรงเรียน ครูกับเพื่อนตกใจกันใหญ่ นึกว่ากูบาดเจ็บมา
ทำตัวเป็นสาวคูลแบบอายานามิ เรย์
พูดนิปป้าตามริกะในแว่วเสียงเรไร บางทีก็หัวเราะหลอนๆแบบเรนะหรือมิอง ถ้าเพื่อนรู้สึกไม่ค่อยสบายก็พูดแกมีท่านโอยาชิโระเดินตามมาอยู่
พูด ตาบ้า ตาทึ่มแบบนางเอกแจ่มใส
เห่อหมอยเอาฟิควายมังงะวายสิบแปดบวกอ่านในที่สาธารณะแล้วคิดว่ากูเจ๋ง กูอ่านสิบแปดบวกเยอะ
ตอนปีสองกูเคยนั่งยองๆแบบแอล หยิบของแบบแอล กินหวานมากๆ ใส่เสื้อผ้าแบบแอล แล้วก็ชอบหัวเราะหึๆ ยิ้มมุมปาก คิดว่าตัวเองฉลาดสูงส่งรู้ทันคนอื่นหมด
กลับมาเป็นสาวคูลอีกรอบแบบนางาโตะ ยูกิ แล้วพูดอะไรยาวๆยากๆคนฟังไม่เข้าใจ พ่นคำคมเท่ๆด้วยสัส
ไอ้เหี้ย มานึกๆดู โครตอายเลย กูโครตอยากกลบหลุมฝังแม่งให้หมด อดีตเบียวๆพรรค์นี้ กูทำลงไปได้งายยยยย อยากจะร้องไห้
ถ้ากูรู้ตัวส่ากูเบียวแต่กูไม่ได้แสดงออกในที่สาธารณะ คือเบียวอยู่ที่บ้าน เบียวในใจ นี่นับว่ากูเบียวเปล่าวะ?
เบียวกับเห่อหมอยต่างกันยังไงวะ
>>เห่อหมอยเป็นสับเซตของเบียว
นึกถึงตอนประถมเลย ข้างบ้านเพื่อนกุตอนนั้นเพิ่งถมดิน ทีนี้มันมีหินดำ ๆ ที่เป็นรูพรุน ๆ เพื่อนกูบอกว่าแม่งมีค่าเท่ากับทอง ไอ้สัส กุกับเพื่อนนี่แม่งหากันใหญ่ เก็บใส่ถุงได้ครึ่งกระสอบ พีคกว่าคือกุเจอก้อนนึงแม่งใหญ่ประมาณตู้ไมโครเวฟนี่แหละ ตอนนั้นยกไม่ไหว พยายามจะกลิ้งไปให้ได้ แล้วเอามากองรวมกันข้างบ้านเพื่อน แม่เพื่อนกุนี่บ่นข้ามบ้าน
ยังไม่จบเพื่อนคนเดียวกันนี่แหละ บ้านมันเปนอู่ซ่อมมอไซค กุไปวิ่งเล่นกันทุกวัน อยุ่ดี ๆ อยากเล่นแนวต่อสู้ แรก ๆ ก้อเล่นธรรมดา ไป ๆ มา ๆ สู้กุไม่ได้คว้าสายเบรคจักรยานมาตีกุ กุกุก้อไม่ยอมดิคว้ามาอีกเส้นตีมั่ง เจ็บชิบหาย กลับบ้านไปโดนแม่ตีอีก เซ็งมากตอนนั้น วันหลังมากุเลยแก้แค้น ย่องไปหลังบ้านแอบดูมันอาบน้ำแม่งเลย เออ ลืมบอกเพื่อนกุเปนผู้หญิงขาว ๆ ตัวเล็ก ๆ นี่แหละ แล้วที่สำคัญแม่มันจับได้ด้วยว่ากุแอบดูมันอาบน้ำ 5555555555 เค้าเอาไปเล่าให้แม่กุฟัง แม่กุด่ากุเช็ดเลยวันนั้น หลังจากนั้นไม่นานเพื่อนกุก้อย้ายบ้านกลับเชียงใหม่แล้วกุก้อไม่ได้เจออีกเลย พูดแล้วก้อคิดถึงสมัยนั้นว่ะ ได้ข่าวล่าสุดแม่กุบอก มันแต่งงานมีผัวมีลูกตั้งแต่กุเรียนมอปลายล่ะ สมมติถ้ามันยังไม่ย้ายบ้านนี่กุว่าสงสัยกุได้กะมันแน่ๆเลยว่ะ ออกแนวหลงตัวเองนะกุเนี่ย
จูบิเนียวเหีเยอตไรเนี้ยคืออะไรว่ะ
เรื่องสมัยประถมไม่นับดิวะ ตอนเด็กๆ จะเล่น จะจินตนาการสูงอะไรก็เล่นไป
จูนิเบียวมันนับช่วง ม.ต้น ขึ้นไปไม่ใช่เหรอ
เออ พูดถึงตั้งแก๊งแฟนตาซี สมัยมัธยมกูก็เคยมีนี่หว่า..
ตอนมอ2. กูยังคิดว่าตัวเองเป็นขบสนการ 5 สีอยู่เล้ย
ตอนม.ต้น กูเคยรู้สึกว่าถ้าแบมือไว้แล้วเพ่งสมาธิไปที่มันนานๆ จะทำให้มีลูกไฟขึ้นทีมือได้ กูนี่แบมือแล้วนั่งจ้องมือตัวเองเป็นวันๆเลยหวะ ทำกันเป็นกลุ่มเลยนะ กับเพื่อนอีก2-3คน แถมช่วงที่เดธโน๊ตดังๆ กูก็นั่งท่าเลียนแบL หยิบช้อน หยิบโทรศัพท์แบบL คิดแล้วก็ตลกดีหวะ
ของกุไม่เชิงเบียว ออกไปแนวคุเห่อหมอยอ่ะ ตอนนั้นเพิ่งขึ้น ม.1 เพิ่งเคยดูเมะแบบไม่ใช่สายหลัก เริ่มฮารูฮิ้เลย แล้วกุก้โหลดเพลงมาฟัง แล้วชอบเอายัดใส่หูให้เพื่อนสนิทกุฟัง ถ้ามีคนอื่นมาทำยังงี้กะกุกุคงรำคาญ ชห
ปล.เพื่อนสนิทกุตอนนั้นวันนี้แม่งกลายเปนเบียวสมบูรณ์แบบ
เรีบกว่าเบียวหรือไรดีวะตอนนี้กูก็ยังเป็น
มึงเคยเจอแม่ค้าตื้อมห้ซื้อมากๆป้ะแบบเดินดักหน้สดักหลังมึงโฆษณายากบดราคาให้จะให้กูซื้อมห้ได้ไรงี้ แบบเวลากูโดนตื้อมากๆกูจะไหว้แม่ค้าแล้วเดินหนีไปเบย ตามตรงคือ กูกลัว 555 กูกลัวเวลาแม่ค้ามาตื้อมาก 5555 เรียกเบียวหรือเรียกความกลัวอันไม่ปกติของกูดี 55
เอออีกอย่าง อันนี้ไม่ใช่ความเบียวของกูแต่ความเคยชินของกู กูชอบอุทานแบบ fuck,shit ไรเงี้ย แบบกูไม่พูดไทยกันไงที่บ้านอ้ะ55 อีสัสโดนมองว่าเบียว 55 บางทีกูโมโหมากๆกูยังด่าเป็นภาษาอัวกฤษแบบด่าๆบ่นๆอังกฤษล้วนเบย 55
กูตัดขาดกับแม่มาสักพักแหละเพราะเรื่องที่กูโพสเพ้อถึงผชที่แม่บังคับให้เลิก โพสเชิงแบบกูเสียใจนะ แล้วแม่งวันไหนร้ายๆจะมาทำเสียงของโครมครามใส่ทั้งๆอยู่อยู่ในห้องเฉยๆเออแล้วเขามีลูกเขานะลูกคนละพ่อกับกูกูต้องมาอยู่กับพี่ที่พ่อคนเดียวกันเงินก็ไม่มีใช้อดๆยากๆ แม่แม่งเปย์แต่ลูกใหม่
กูโคตรเสียใจอ่ะทำลายรักแรกของกูไม่พอยังทำให้กูแย่
จากกระทู้โชว์โง่ กูเคยเล่นเบย์เบลดแล้วสมมติตัวเองกับกลุ่มเพื่อน มันจะมีหงส์แดง มังกรฟ้า พยัคฆ์ขาว เต่าคะนองไรงี้ กูเป็นผู้ครอบครองพลังพยัคฆ์ขาว ก็พยายามทำตัวจีนๆตามตัวละครในเรื่อง พูดน่อ พูดลื้อ อั๊วะ หรือพูดขอรับ ข้าน้อย ทั้งที่กูตัวดำและหน้าไทยมากกกกกก ไม่มีเชื้อจีนแม้แต่เสี้ยว พอเลิกเรียนก็มาโก ชู้ตตตตต พวกกูมองเห็นพลังของสัตว์ในตำนานได้ว่ามันสู้กันแบบไหน มีตะโกนให้กำลังใจเบย์เบลดด้วย สู้เขานะมังกรฟ้า อย่ายอมแพ้นะหงส์แดง บลา บลา พอนึกขึ้นได้ อีเหี้ยยยยยยยยยยย กูอาย กูทำอะไรลงไปปปปปปปปปป
กูเป็นตอนม.4 ปกติกูชอบทำตัวลึกลับกับเพื่อนไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ เพื่อนมันก็เลยสงสัยว่ากูทำอะไรกันแน่เวลาอยู่บ้าน กูก็เลยบอกไปว่าเป็นความลับ เพราะกูรู้สึกอายที่จะบอกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย นั่งโง่ๆ เล่นคอมดูทีวีแค่นั้นล่ะ ความเบียวมาบังเกิดก็เพราะเพื่อนมันยิ่งสงสัยแล้วก็กดดันกู กูเลยหาทางกุเรื่องขึ้นมาว่าจริงๆแล้วกูทำงานกับองค์กรลับฟรีเมสัน กูแอบใช้โทรศัพท์พ่อที่ไม่ได้เมมชื่อไว้ส่งข้อความมาหาเครื่องตัวเอง ว่ามีภารกิจให้ปฏิบัติ ไปสอดแนมเป้าหมายพร้อมรายงาน จาก F Freeman แล้วก็แกล้งทำเป็นว่าลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องเรียน ก็อย่างที่คิดเพื่อนมันมาแอบเปิดดู ก็เจอข้อความภารกิจจาก F Freeman & the council มีทั้งไทยทั้งอังกฤษที่กูไปนั่งแต่งมาก่อนส่งให้ตัวเองมากมาย กูที่แอบดูอยู่ก็แกล้งเนียนเข้าไปเหมือนว่าไม่รู้อะไร แล้วพวกมันก็ถามว่า มึงเป็นสายลับขององค์กรลับเหรอ กูก็ทำหน้านิ่งๆเก๊กๆบอกว่าอาจจะใช่รึไม่ใช่ ก็คงต้องถามพระเจ้าดู แล้วก็หยิบโทรศัพท์เดินล้วงกระโปรงออกจากห้องไปช้าๆ วันรุ่งขึ้นกูก็แกล้งทำเป็นว่าตาเป็นแผล ใส่ผ้าปิดตาไป เพื่อนก็ถามว่าไปทำอะไรมา กูก็ตอบว่าแค่หกล้มน่ะ เป็นคำตอบแบบจงใจเลี่ยงให้มันเข้าใจไปว่ากูไปทำภารกิจขององค์กรมา ช่วงนั้นกูรู้สึกว่าตัวเองเท่สัสมาก จนทุกวันนี้เพื่อนมันก็บังคิดว่ากูทำงานกับองค์ลับจริงๆอยู่เลยเพราะกูเคยใช้เฟสน้องตัวเองไปเล่าให้มันฟังว่ากูทำงานนี้กันทั้งครอบครัว แล้วก็ลบแมสเสจทิ้งไป อีเหี้ยแค่คิดว่าสิ่งที่เคยทำมันเท่ก็อายสัสละ
>>98 กูคิดว่ากูรู้จักมึงว่ะ และอยากบอกว่าเค้ากับทุกคนรู้กันหมดแหละว่าแกโม้ แต่อยากรู้ว่าจะไปต่อได้ถึงไหนและอะไรทำให้แกมโนเป็นตุเป็นตะอย่างงั้นมากกว่า พวกเค้าไม่รังเกียจว่าแกแปลกๆ หรอกได้แต่แอบห่วงเบาๆ ถ้าตอนนี้เลิกแล้วก็ดีใจด้วยนะ จะได้เข้ากับเพื่อนในอนาคตได้
รักและเป็นห่วงแกเสมอ
.
.
.
.
ซ้อมเป็นเพื่อนม.ปลายมึงเฉยๆ ระวังโม่งแตกด้วยเว้ย กูชื่นชมความทุ่มเทของมึง จุ้บ 5555
อยากรู้ว่าคนแก่อายุ 90 เป็นจูนิเบียวได้มั้ยวะ ปู่กูแกเป็นคนเมกัน เมื่อวานไปเจอแก แกเล่าเรื่องสมัยสงครามโลกให้ฟัง
ว่าเมื่อก่อนนี่แกเคยเห็นเรือรบมิสซูรี่ด้วย เรือแม่งโคตรยิ่งใหญ่ ปืน 16 อินช์ มาเดะนี้เมกาปลดออกหมดแล้ว เอาเรือเล็กๆติดปืนเล็กๆเท่าจิ๋มมดมาแทน
กูก็บอก เอ้า เดะนี้มันมีมิสไซด์แล้วไงปู่ แกก็บอกกูไม่เข้าใจแก คนอะไรจะคลั่งไคล้ปืนใหญ่ได้ขนาดนั้น ถถถ+
ดูนี้กูก็ยังเบียวๆอยู่55555 เคยเบียวเมะสมัยเด็กๆ เบียวยูกิ และอีกมากมาย ความเบียวนี้มันมีทั้งดีและไม่ดีวะแม่งทำให้กูกลายเป็นกูทุกวันนี้ ความคิดความอ่านแม่งไม่มีใครเข้าใจและเข้าถึงกูซักเท่าไหร่ แต่แม่ง ทำให้กูมองโลกไปอีกแบบเลยวะ แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกถูกความเหงาจู่โจมอยู่บ่อยๆ หากสาวเบียวๆซักคนอยากมีคนคุยด้วยติดต่อได้ เป็นผู้ฟังที่ดี กลายเป็นยิ่งชอบมองพวกวัยรุ่นนิสัยตลาดๆว่าปัญญาอ่อนอีก เป็นพวกขวางกระแสสังคมไปสะงั้นกู เหมือนแบบ my body feel young but my mind is very old ทำให้กูกลายเป็นพวกปิดกั้นชิปหาย ไม่ค่อยเข้าไปทักใครก่อน หน้าตาก็ไม่ได้ดีเสือกเก็บตัวอีก ถ้าหน้าตาดีๆหน่อย สาวจะบอกกูเป๋นพวกติสๆ
อยากเป็น NEET ว่ะ ไม่อยากเรียน ไม่อยากทำงาน นอนชิวๆ เล่นเกม บลาๆๆ
กูกับแฟนก็เป็นเบียวขวางโลกว่ะ
แฟนกูอาการหนักกว่าหน่อยตรงที่แม่งแสดงออกมาตรงๆ ซึ่งๆหน้ากับคนธรรมดาเว้ย เลยทำให้ไม่ค่อยมีใครคบ
แต่กูจะไม่แสดงออกมาก สร้างภาพได้ดี แต่ในใจกูก็เหี้ยพอๆกับแฟน และกูจะเบียวแตกแค่ตอนอยู่สองคนกับแฟน แฟนแม่งรู้ทุกอย่างว่ากูคิดยังไงกับเพื่อนร่วมโลก
กูว่ากูเป็นคู่เบียวที่สมบูรณ์แบบ 555555555555
ความเบียวของกุคือช่วงนั้นพึ่งติดนิยายแจ่มใสแล้วกูซึมซับมันมา
เวลาเขียนไดอารี่อย่างเงี้ย กูจะเขียนแบบ เฮ้อ เหนื่อยจังเลย >_< ถ้าเกิดวันนี้อากาศสดใสน่าจะดีจังเลยเนอะ ^O^ วันนี้เจอเขาด้วย แค่คิดก็มีความสุขแล้วอ้ะ >////< อิโมติค่อนแม่งทุกประโยค สรรหาสัญลักษณ์ทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เวลาจะเก๊กขรึมก็จะยิ้มมุมปากยกข้างนึง โอ้โห เท่สัสมั้ยละ พอกลับไปคิดก็รู้สึกว่าเป็นเหี้ยไรมึง ดึงสติกลับมาด้วยค่ะสาวน้อยโลกโพนี่
>>111 มึงอย่าเป็นนีทเลยเพื่อนโม่ง พี่กุนี่เป็นนีทมาเกือบ 2 ปีละ ตั้งแต่เรียนจบแม่งยังไม่ทำงานเลย แม่งดูไม่เครียดซักนิด แต่กุนี่เครียดที่มันไม่มีงาน พวกเพื่อนโม่งที่บอกเป็นนีทแล้วเครียดพวกมึงมีแสดงออกไงกันบ้างป่ะวะ พี่กุนี่ตื่นเที่ยง เล่นเกม ดูเมะ กินข้าว นอนกลางวัน แล้วนอนกลางคืนตี2ตี3 แล้วแม่งก็ตื่นมาทำแบบเดิมวนๆ ไป ไม่รู้แม่งเครียดลึกจนกุมองไม่เห็นหรือแม่งไม่เครียดเลยจริงๆ (เหมือนกุมาบ่นผิดห้อง แต่เห็นพวกมึงกำลังพูดเรื่องนีทกันพอดี)
https://pantip.com/topic/36208216
ไปเจอมา เรื่องของคนที่เคยเป็นฮิคิโคโมริ
กุว่าคนเป็นนีทแม่งติดวัฏจักรนะ แบบตอนแรกแค่อยากนอนอยู่บ้านเฉยๆ พอไม่ทำไรนานๆก้เริ่มเบื่อ โดนกดดันจากสายตาคนรอบข้าง แต่พอจะกลับไปทำงานหรือเรียนก้ไม่มีความอดทนแล้วเพราะสบายจนเคยตัว สุดท้ายก้ต้องกลับมาเป็นนีท
กุ >>124 เอง บ้านกุก็ไม่ได้รวยขนาดว่าถ้าไม่ทำงานแล้วจะมีกินมีใช้ไปตลอดหรอก แต่ก็ไม่ได้ขัดสนเงินขนาดเรียนจบแล้วต้องทำงานทันที แต่พี่กุนี่ก็ว่างนานเกินอ่ะ แล้วหลังจากกุกับพี่จบแล้ว พ่อกุก็ยังทำงานของเค้าเหมือนเดิม กุก็ได้งานก็ช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านด้วย เพราะงั้นตอนนี้ถึงมันไม่ทำงานก็ไม่มีปัญหาเรื่องเงินอยู่แล้ว แม่งเลยอาจจะรู้สึกแบบชิวๆ สบายๆ มั้ง แต่ก็อย่างที่บอกว่าบ้านไม่ได้รวยไรมาก เดี๋ยวพ่อกุแก่ขึ้นก็ทำงานไม่ไหว กุก็พึ่งเริ่มทำงานได้ไม่กี่เดือน เงินเดือนก็ไม่ได้เยอะเวอร์ เพราะงั้นยังไงต่อไปเรื่อยๆ ถ้าแม่งยังไม่ทำงานนี่เกิดความขัดสนแน่นอนอ่ะ แต่ตอนนี้กุดันรู้สึกเหมือนพี่กุแม่งเป็นนีทกลวงๆ ว่างเปล่า ไร้ทิศทาง และคือมันดูไม่เครียดที่ตัวเองเป็นแบบนั้นด้วยไง กุนี่เลยยิ่งเครียดหนักแทนมัน
ปล. หลุดหัวข้อมู้ไปไกล กุขอโต้ดดดด
กูอยากให้มุมมอง นีท,ฮิคิโคโมริหน่อยนะ คือ กูก็เกือบๆจะเป็นแล้วเพราะไม่ได้ไปหางานนอกบ้าน แต่พอดีที่บ้านมีกิจการอยู่กูก็เวลาทำเกาะแกะ
คนจะเป็น นีทอ่ะ มันจะแบบเข้าสังคมไม่ค่อยได้,ขี้เกียจด้วย. แล้วเพราะวงจรชีวิตมันจะไม่เหมือนชาวบ้าน เล่นเกมส์โต้รุ่ง(คนอื่นนอน) นอนเช้า (เขาตื่นมาหาเงิน). นีทตื่นสิบโมง(พ่อแม่เตรียมทำกับข้าว). พอเที่ยง นีทลงมานั่งเล่นเกมส์ (พ่อแม่นอน). ตกเย็น ก็เนือยๆแล้ว สองสามทุ่มพ่อแม่ขายของอีกรอบ(นีทนอน). สี่ทุ่มเลิกนีทก็กดเกมส์ต่อ
นานๆวันเข้า คนรอบข้างก็เบื่อดิ่ กินนอนไม่เหมือนชาวบ้านเวลาเขาเหนื่อยก็อู้ แถมสมาธิก็หมดไปกับเกมส์ ทำงานผิดๆถูกๆ
ถ้าเป็นบ้านที่มีงานให้ทำก็พอไหวนะคืออยากให้อะไรๆมันดีขึ้นก็ต้องเปลี่ยนเวลาตัวเอง ตื่นพร้อมเขานอนพร้อมเขา เล่นเกมส์ให้น้อยลง
ถ้าไม่มีงานที่บ้านก็ยากหน่อย ควรหางานที่ไม่ใช้แรงมากไม่ต้องยุ่งกับคนอื่นมาก นั่งแช่ได้นานๆอ่ะเหมาะกับนีท แต่ยังไงมันก็ต้องรับผิดชอบเยอะขึ้น
นีทคือขั้นสุดของวิวัฒนาการมนุษย์
อย่างกูนี่กูกลัวการเข้าสังคมว่ะ กูกลัวการต้องเจอคน ต้องอยู่กับคน จบมากูเลยมาอยู่บ้านปีกว่า ไม่ทำงาน เอาจริงบ้านก็ยังไม่ออกอะ เดือนนึงออกบ้านไปซื้อของเล็กๆน้อยๆแค่ครั้งสองครั้ง (แม่กูเป็นคนซื้ออาหารเข้าบ้าน กูเลยไม่จำเป็นต้องออกไปซื้อข้าวกิน) นอกจากพ่อแม่ละกูก็ไม่ได้เจอใครจริงๆอะ ละทั้งชีวิตกูมีเพื่อนสนิทอยู่คนเดียว ทุกวันนี้ก็มีแค่คนนี้ที่กูคุยด้วยอะ
กูเครียดนะที่ตัวเองเป็นแบบนี้ แต่กูไม่กล้าออกไปเจอโลกภายนอกว่ะ
นี่ดีที่ตอนนี้กูได้งานแบบทำที่บ้าน อย่างน้อยก็ยังมีเงินบ้าง ไม่ใช่ให้พ่อแม่เลี้ยงอย่างเดียว
ตอนเด็กๆอ่ะ กูอะติดพวกการ์ตูนญี่ปุ่นมากๆ ชอบพวกนักเวทย์อะไรอย่างงี้ ทำเป็นว่าตัวเองมีพลังเวทมนตร์ ทำคำภีร์เวทขึ้นมาเอง (ปัจจุบันไม่รู้หายไปไหน) ตอนนี้โตแล้วก็ยังชอบอยู่นะ แต่ไม่จูนิเบียวเหมือนตอนเด็กแล้ว แต่ขอลงโพสนี้ละกันนะ กูไปเจอกับเกมในมือถือเกมนึง มันมีตัวละครนักเวทย์ด้วย กูเลยชอบมากกแล้วก็ตามซีรี่ย์นี่ตลอดเลย สะสมซื้อของอย่างบ้าคลั่ง แล้วมันก็มีตัวละครตัวนึงเป็นนักเวทย์เด็กผู้ชาย 5 ดาวโคตรน่ารักเลย แถมเป็นตัวที่เก่งมากด้วย แต่ต้องกดสุ่มหา เคยเติมไปหลายรอบก็ไม่ออก แต่แบบคือกูชอบเขามากจริงๆนะ เวลาทำอะไรก็คิดถึงตัวละครนั้นตลอดเวลา เห็นทีไรก็ใจก็วูบ เต้นตึกตักๆทุกที ความรู้สึกเหมือนตอนที่อยู่กับแฟนเลย อยากจะปรึกษาว่า ตกหลุมรักตัวละคร 2D แบบจริงจังนี่ปกติรึเปล่าอ่ะ
กูเสิร์จหาอ่านเรื่องเล่าประสบการณ์จูนิเบียว โม่งแม่งขึ้นอันแรกเลย ฮรื่อ
กูเคยคิดมาตลอดว่าเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงจากขยะ จนกระทั่งแม่กูเฉลยความจริง
กูเบียวแบบในแชทว่ะ เบียวว่ากูมี2บุคลิกในตัว ซึ่งจริงๆที่กูเงียบที่รรเพราะว่ากูย้ายทั้งบ้านทั้งรรเลยตอนนั้นตอนจบป6 เสียทุกอย่าง เลยเก็บตัวมั้ง ถึงจะมารู้ทีหลังว่ากับผชกูก็คุยได้ เป็นแค่เฉพาะผญแล้วเหตุผลก็คือกูแค่เขินก็เถอะ ม1กูเลยดูเงียบไปโดยปริยาย แต่ในโซเชี่ยลเฟสงี้กูมีเพื่อนนะ แล้วกูคุยเก่งมาก วันนึงมีเหตุให้กูต้องทักผญคนนึงในห้อง กูคิดว่าคงเหมือนผญในโซเชี่ยลที่เคยเจอ คนนี้เลยเป็นผญคนแรกในรรตอนนั้นที่กูคุยด้วยแบบกูทักจนเค้ารำคาญแต่กูก็ไม่เลิก เห็นเค้าชอบอนิเมะเหมือนกันมั้ง มีวันนึงตัดสินใจ ซื้อของขวัญให้เค้า ตอนนั้นก่อนเข้าแถวตอนทุกคนไม่อยู่ กูแอบเอาของที่ซื้อมาไปยัดใต้โต๊ะ เออกูติดโคนันมากตอนนั้น แล้วมันจะมีจอมโจรคิดที่ชอบทำตัวเป็นความลับเวลาขโมยไรจะทิ้งการ์ดไว้ให้รู้ว่ามันขโมยใช่มะ กูก็ซื้อนิยาย2เล่มให้เค้าที่เค้าชอบ ทำตัวแบบมีเงินแต่เก็บตังแทบตายตอนนั้น ยังไม่เลิกคิดว่าตัวเองฉลาดที่สุด อยู่สูงที่สุดคือกุยัดแล้วใส่การ์ดลงไปด้วยที่มีสัญลักษณ์จอมโจรคิด ตอนแรกกูคิดงั้นนะแต่กูปริ้นไม่เป็นว่ะ ไม่ก็เวลาไม่พอ กูเลยรอส่งการ์ด.jpgในเฟสแทน... ใช้paintทำ แต่จำได้ว่าดูดีใช้ได้เลยนะตั้งใจทำมาก คิดละฮา กูก็รอเค้าออนใช่มั้ย พอเค้าออนกูก็ส่งการ์ดไป การ์ดประมาณเขียนว่า ได้รับแล้วใช่มั้ยขอให้มีความสุข พร้อมรูปจอมโจรคิดเล็กๆขวาล่าง ส่งแล้วเงียบเลยไม่พิม จะเก๊กแบบเท่ๆให้เราดูอยู่สูง แต่เค้าดันงงกลับมา เค้าบอกไม่รู้เรื่อง... กุนี่แบบ.... เงียบเลยอะ เค้าก็ขำมา เป็นครั้งแรกที่เค้ายอมคุยกะกูดีๆ เค้าบอกเดี๋ยวพนลองไปดูให้ วันรุ่งขึ้นเค้ามาสายมั้งก่อนเข้าแถวไม่เห็น แต่พอคาบแรกได้ยินเสียงเค้ายกเก้าอี้ กูเด็กหลังห้อง เค้าเด็กหน้าห้องเลย กูก็แอบมองว่าเค้าพูดจริงรึเปล่า สรุปแล้วที่เค้าไม่เห็นของขวัญ .. กูยัดลึกไป คือมันจะมีช่องระหว่างนสสองกอง นิยายเป็นเล่มเล็กๆ ตอนนั้นตื่นเต้นเลยยัดไปสุดเลย พอเค้าหยิบออกมา เค้ายิ้มอะ ดูตกใจ เอาให้เพื่อนข้างๆดู ละพูดไรซักอย่างพยักหน้า จนวันนี้กูยังไม่ลืม คนนั้นนั่งกลางละแบบดูมีความสุขมาก กูนี่แบบโครตแฮปปี้ งงเหมือนกันแฮปปี้ไร แต่เป็นครั้งแรกเลยที่กูตัดสินใจที่จะทำอะไรซักอย่างที่จริงใจนอกจอ
ตอนประมาณม.1กูหลงเข้าไปเป็นสาวY ตอนนั้นภูมิใจเหี้ยๆ แล้วกูแม่งก็จับจิ้นเพื่อนผช.ในห้องตัวเอง พูดแบบให้ทุกคนรับรู้เพื่อนก็เสือกร่วมกันช่วยสนับสนุนกูจนเพื่อนช.ดูเกย์ๆไปเลย กูสงสารเพื่อนที่โดนกูจิ้นมาก ตอนนี้กูกลับไปสายNLละ สติเพิ่งมา แต่ดีที่เพื่อนผช.กูไม่คิดมากยังสนิทกันดี
กูเริ่มแบบสุดๆตอนมีการีน่าทอล์คๆอ่ะ เริ่มหาพวกที่มันเบียวเหมือนกัยได้ ทุกคนรับคนเบียวแบบเราได้ คือกูเป็นสาววายอ่ะตอนนั้นกูพูดคุกคามทางเพศผู้ชายที่เข้ามาในห้องทอล์ค เอาไปแต่งฟิคมาพากย์ให้ฟัง 55555 โคตรเหี้ย ชอบพิมพ์ฮะๆ เรียกตัวเองว่าผม มโนว่าตัวเองเป็นผช. ดีแล้วที่เลิกดูอนิเมะแล้วมาติดซีรีย์ฝรั่ง ไม่งั้นชีวิตกูคงน่าสมเพจสัดๆ
ขอสาธยายความเบียวในแบบของกูบ้าง คือตอนม.3-4 กูชอบคิดว่าตัวกูเองแม่งเป็นคนวิเศษ ผู้ที่ถูกเลือกไรงี้ เพราะช่วงนั้นจะเรียกกูว่าเพอร์เฟ็คเลยก็ได้มั้ง ผลการเรียนดีเด่น กีฬาได้ หน้าตาดี ป๊อปปูล่าชิบหาย กูเลยแม่งชอบคิดว่ากูต้องเป็นAIที่ถูกสร้างมาให้เพอร์เฟ็คแน่ ๆ เลย แล้วยังมีอีกหลายความคิด ทั้งคนในอนาคตส่งกูมาเปลี่ยนโลก ทั้งครอบครัวกูเป็นบุคคลผู้ใหญ่ที่ควบคุมจักรวาล และอีกสารพัด กูล่ะขำตัวเองชิบหาย อยากย้อนกลับไปโบกหัวตัวแล้วพูดกรอกหูว่า "มึงมันก็คนธรรมดานี่แหละโว้ยยย" ชิบหายเลย
กูเบี้ยวแบบมโนว่าตัวเองสื่อสารกับวิญญาณได้ซักม.1-3 แต่งนิยายได้เป็นพันหน้าเลยนะมึง มาอ่านตอนอายุ22แล้วกุเผาทิ้งหมดเลยที่กุเคยแต่ง
ตอนนั้นทำตัวแบบแบ๊วๆ อ่อยไปทั่ว (ตอนนี้กุเลยไม่มีใครสนใจไง กรรมตามสนองหยอกไก่ไปทั่วเกินตอนสมัยสาวๆ สิบกว่าๆ) อ่านโชโจมังงะแล้วมโนตัวเองเป็นตัวเอก คนอื่นคือตัวอิจฉา ทำเสียงเล็กเสียงน้อยแบบแอ๊บจัดชั้นเป็นอมตะ สวย เริด ต่อมาทำตัวเป็นพวกแต่งพังค์ไปเรียนม.ต้น โดนด่าค่ะ เขียนตาดำไปเรียน แน่นอนว่าโดนหักคะแนน สไลด์ผมด้วย โอ้ยยยย กุทำไปได้ไง เอาความมั่นมาจากไหน อ้าากกกกนึกแล้วอยากลบตัวตนกุไปให้หมด กุเลยไม่ยอมไปงานเลี้ยงรุ่นหรือรวมรุ่นไง คนรอบข้างในสมัยนั้นมันรับความเบี้ยวกุเต็มๆ กุอาย
พอขึ้นม.ปลายกุกลับด้านเป็นพวกRealทุกอย่างเกิดแก่เจ็บตาย พอ 18-20 เป็นช่วงกุเป็นนีท กุออกจากมหาลัยรัฐเพราะกุเกลียดรับน้องพวกเอารุ่นห่าไรไม่รู้ กุก็เลยนอนกลิ้งอยู่บ้านเป็นนีทไปสองปี ถถถถ ตอนนี้กุหายแล้ววววกุเข้าสังคมได้เหมือนเดิมแล้ว แต่กลับไปดูภาพเก่า ไดอารี่เก่าแล้วกุอดไม่ได้ที่จะเผาทิ้งให้หมด ตอนนี้กุ22 ละเพื่อนเรียนจบเจอโลกความจริงโหดร้ายละคือตกงานกันเป็นแถว ส่วนกุเพิ่งขึ้นปีสาม ได้เรียนสาขาที่ชอบ กุไม่อยากโตแล้วโว้ยยยยยย กุไม่อยากโตตตตต
กูเคยเบียวแบบผู้รอบรู้ว่ะ555555ขี้โม้ว่าตัวเองพูดญี่ปุ่นได้พอเพื่อนบอกให้พูดให้ฟัง กูก็แบบฮิรางานะแปลว่าไม้ไผ่เว้ย ไม้ไผ่ห่าไรวะ5555555555พูดมั่วฯแล้วแปลมั่วฯ ตอนนั้นคิดว่าตัวเองเท่ชิบหาย โม้เป็นลูกครื่งมั่ง ครื่งห่าไรก็ไม่รู้บอกแค่ว่าครื่งฯ เพื่อนทั้งห้องเอือมกูชิบหายอะตอนนั้นดีที่กูอยังหาเพื่อนได้
สมัยประถมหลังอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์กูเบียวอย่างจริงจังมากๆว่ากูเป็นพ่อมด กูเบียวอย่างต่อเนื่องเปลี่ยนด้อมไปเรื่อยๆจนขึ้นม.ปลายถึงหายเบียว
แต่ตอนเรียนมหาลัยกูโดนทางบ้านบังคับให้เรียนคณะที่ไม่อยากเรียน กูดีเพรสมากจนเกือบเรียนไม่จบ
แต่ตอนที่กูกำลังเฟลกูก็บ้าไททันหนักมากจนโรคจูนิเบียวกำเริบและคราวนี้กูเบียวแบบแปลกๆเหมือนใช้ชีวิตอยู่ในสองโลกพร้อมกัน โลกจริงกับโลกแฟนตาซีของกูเอง แล้วด้วยความเบียวครั้งนี้กูก็เรียนจบมาได้จนทำงานมาแบบงงๆและใช้ชีวิตงงๆแบบนี้มาได้4ปี แล้วกูก็เจอเรื่องเหี้ยๆในที่ทำงานจนหลุดออกจากโหมดจูนิเบียว
แม่งโลกที่กูเห็นโดยปราศจากฟิลเตอร์จูนิเบียวเป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีมันดูเหี้ยชิบหายจนกูอยากตายเลยว่ะ ตอนนั้นกูรู้สึกสูญเสียหนักมาก กูไม่อยากใช้ชีวิตในโลกแบบนี้ กูอยากได้ความเบียวของกูคืน กูก็รู้ตัวด้วยว่าแบบนี้มันผิดปกติแต่ตอนนั้นกูไม่กล้าไปหาจิตแพทย์เพราะกูไม่อยากเป็นปกติ กูอยากกลับไปเป็นจูนิเบียว แล้วสุดท้ายระหว่างที่กูคิดไม่ออกว่าจะทำไงดีกูก็บ้าอนิเมะเรื่องใหม่จนกลับเข้าโหมดจูนิเบียวอีกรอบ
ตอนนี้กูก็เลยว่าจะเอาความคับข้องใจทั้งหมดของกูโยนใส่โลกแฟนตาซีเขียนเป็นฟิคให้มันจบๆไปถ้าพอใจกับตอนจบที่เขียนเมื่อไหร่กูค่อยไปหาจิตแพทย์ดูซักที
ฟังดูเหมือนจะจบด้วยดีแต่มีปัญหาอยู่สองข้อ 1.กูเขียนนิยายช้า คงอีกนานกว่ากูจะได้ไปพบจิตแพทย์ 2.กูทำอาชีพที่รับผิดชอบชีวิตคนว่ะ 555+ ระหว่างที่กูยังไม่หายดีชีวิตพวกมึงอยู่ในมือคนบ้านะ กูขอสาบานว่ากูไม่เคยทำผิดมาตรฐานวิชาชีพในโลกจริง แต่ในทางปฏิบัติตอนนี้คือกูก็บ้าอยู่ดีแหละ พวกมึงจะเชื่อมั้ยก็แล้วแต่วิจารณญาณเลย กูแค่อยากเล่าเฉยๆ
>>151 กูคือ>>150เองแหละ ตอนกูออกไปทำงานปีแรกกูไปด้วยอารมณ์นั้นเลย กูจะออกนอกวอลล์มาเรียไปฆ่าไททันให้หมดโลก!!
แล้วกูก็มารู้ตัวว่าฆ่าให้ตายก็ไม่มีวันหมด พวกมันยังจะมากันเรื่อยๆ สิ่งที่จะหมดก่อนคือทรัพยากรของพวกเราต่างหาก ถ้าเปรียบเทียบสิ่งที่กุเรียนมาเป็นหลักสูตรการใช้3DMGล่ายักษ์ สิ่งที่กูเจอจริงก็คือหัวหน้าหน่วยประกาศว่า3DMGเสียไม่มีงบซ่อม ต่อไปนี้ให้กูถือมีดตัดซองจดหมายออกไปวิ่งไล่ฆ่าไททันเหมือนพระเอกภาคbefore the fall แถมฆ่าเฉยๆไม่พอให้กูจดบันทึกด้วยว่าวันนึงกูใช้มีดไปกี่เล่มแล้วฆ่ายักษ์ได้กี่ตัวเพราะจะเอาไปเบิกงบ กูสิ้นหวังมากว่ะ จริงๆกูอาจจะควรไปโพสต์ในกระทู้สุขภาพจิต แต่กูไม่ได้อยากได้ความเห็นใจหรือคำแนะนำ กูแค่อยากจูนิเบียวเพราะมันคลายเครียดได้ดีกว่ากูเลยมาโพสตรงนี้
>>153 กู>>150เอง ทีแรกกูกำลังรู้สึกแก่เพราะเพื่อนร่วมงานระดับเดียวกันมีแต่เด็กๆ พอมึงพูดงี้กูรู้สึกตัวเองยังวัยใสขึ้นมาเลย
และกูจะขอเบียวต่อน่าจะรอบสุดท้ายในกระทู้นี้ละ คือว่าหลังจากกูสิ้นหวังกับโลกไททันในมโนกูและโลกความจริงด้วยกูก็ดีเพรสอยู่ซักพัก จนกูไปบ้าKnight's&Magicเมื่อซีซั่นที่แล้วกูถึงเบียวต่อได้ แบบว่าในเรื่องพระเอกมันขับหุ่นยนต์ที่ตกรุ่นไปตั้ง300ปีตบบอสระดับตำนานชนะได้ กูใช้ของตกรุ่นแค่30-40ปีเองก็ต้องทำได้เหมือนมันวะ! แต่วันนี้นะมึงหัวหน้ากูก็ประกาศตัดงบอีกรอบ ของที่เคยใช้ได้ก็จะไม่ให้ใช้ ตอนนี้กูเหมือนได้ขับหุ่นตกรุ่น300ปีจริงๆแล้วเว้ย! เงินเดือนกูก็ตกเบิกอีกแล้ว555+ ถ้ากูเอาชีวิตไปเขียนนิยายได้จริงๆตามที่ตั้งปณิธานไว้ต้องมันชิบหายแน่ๆเลย
กูอยากฆ่าไททัน!!
>>154 กูเริ่มอ่านแฮร์รี่ตอนประถม ตอนใกล้อายุ11กูหวังมากๆว่าจะมีจดหมายส่งมามั้ย ในใจลึกๆก็รู้แหละว่าคงไม่มา แต่แบบเชี่ยเอ้ย ทุกอย่างที่เป็นแฮร์รี่เหมือนมันมีอยู่จริงๆ
จนตอนนี้กูจะเข้ามหาลัยละกูยังรอจดหมายอยู่เลย กูว่ากูรู้ตัวเองดีว่าจะเรียนอะไรในฮอกวอร์ตดีกว่าโลกนี้อีก
>>156 หลังจากกูรอจนอายุครบ11แล้วจดหมายฮอกวอร์ตไม่มากูก็มโนเองเสร็จสรรพว่ากูเป็นพ่อมดรุ่นโบราณที่ยิงคาถาด้วยไม้กายสิทธิ์ไม่ได้เลยไม่ได้สิทธิ์เข้าโรงเรียน หลังจากนั้นกูก็ศึกษาการปรุงยา การสาปแช่ง เวทมนต์แบบวิคคา และการเขียนวงแหวนเวทจากทั้งนิยายและการ์ตูนหลายๆเรื่อง นำทีมเด็กแถวบ้านทดลองทำพิธีเรียกซาตานอีกตะหากหาเลือดแพะไม่ได้ก็ซื้อเลือดไก่จากตลาดมาใช้ ถือว่ามีความไฟท์สูงมาก พอเรียกไม่ได้ก็แถกันเองว่าอนุภาคเวทมนต์แถบประเทศไทยไม่เข้ากับเวทนต์ตะวันตกว่าแล้วก็พยายามเลี้ยงกุมารทองกันอีก นี่ถ้าประเทศเรามีการล่าแม่มดแบบที่อเมริกานี่พวกกูคงโดนเผาทั้งเป็นยกกลุ่มไปแล้วไม่ได้รอดมาเล่าความเบียวถึงวันนี้แน่
จริงๆแล้วกูเกลียดงานที่กูทำอยู่ชิบหายแต่กูเสือกทำได้ดีและมันเสือกไม่มีใครมาทำแทนกูได้ กูว่าความรู้สึกมันก็คล้ายๆอยู่ในสงครามแล้วทั้งยานเสือกมีกูคนเดียวที่ขับกันดั้มได้นั่นแหละ
เบียวมาก 555555555
>>159 >>162 กูเป็นคนรวบรวมเด็กแถวบ้านมาเบียวก็จริงแต่คนที่เสนอให้เรียกซาตานคือลูกพี่ลูกน้องกูที่อยู่บ้านข้างๆ ไอ้นี่เบียวหนักมากและไฟต์มาก มันเป็นคนหาตำราและค้นคว้าข้อมูลทุกอย่างในยุคที่อินเตอร์เนตยังโคตรช้า พอมันหาข้อมูลมากูค่อยเอามาประยุกต์ให้เข้ากับวัตถุดิบที่หาได้เฉยๆ จำได้ว่าใช้สมุนไพรไทยแทนพืชในตำนานไปหลายอย่างและซื้อเตาสนามกับหม้อมาปรุงยากันด้วย แต่พ่อแม่กูคิดว่าพวกกูฝึกตั้งแค้มป์วิชาลูกเสือเฉยๆ ไม่มีใครรับรู้ความเบียวที่ซ่อนอยู่ซักคน
ส่วนไอ้ญาติกูคนนั้น โตจนขึ้นม.ปลายมันก็ยังไม่เลิกเบียว มันได้ไปเป็นนักเรียนและเปลี่ยนที่อเมริกาก็ไปเข้าลัทธิวิคคาของจริงที่โน่นจนโดนโฮสต์แฟมิลี่ที่เป็นคาทอลิกเคร่งไล่ออกจากบ้านต้องเปลี่ยนครอบครัวกลางปีอีก หลังกลับมามันก็ไม่ได้แสดงความเบียวอะไรอีกแต่ก็ยังชอบเรื่องเวทมนต์เหมือนเดิม แล้วกูก็ย้ายบ้านเลยไม่ได้ติดต่อมันแล้วปัจจุบันมันก็ทำงานทำการเป็นปกติดี กูก็ไม่รู้ว่าตกลงมันหายเบียวมั้ยหรือมันอาจจะกลายเป็นพ่อมดของจริงไปแล้วตั้งแต่ไปอเมริกาเลยไม่ค่อยแสดงออกก็ได้
เด็กคนอื่นกูไม่ได้ติดต่อแล้ว คนเดียวที่อยู่ในวงอัญเชิญซาตานแล้วยังคุยกันอยู่คือน้องสาวแท้ๆของกูเอง อีนี่ไม่เคยหายเบียวและไม่เคยเปลี่ยนด้อม ยังเป็นติ่งแฮร์รี่จนถึงทุกวันนี้ วันดีคืนดีจะนึกครึ้มแต่งชุดแม่มดร่ายคาถาเป็นพักๆ แต่ทางบ้านไม่ว่าอะไรเพราะนางใช้ความเบียวได้เป็นประโยชน์ นางชอบคาถาเลยเรียนภาษาลาตินกับอีกหลายภาษาตอนนี้ก็เรียนการแปลอยู่ มันบอกว่าจบแล้วจะแปลแต่นิยายแฟนตาซี ก็ว่าไปอย่างกะจะเลือกงานได้ง่ายๆ
ส่วนกูก็เปลี่ยนแนวทางเป็นอนิเมโอตาคุอย่างที่พิมพ์ไปเม้นก่อนๆนั่นแหละ ยังชอบเวทมนต์อยู่แต่ไม่ได้ติ่งไฟท์หาข้อมูลเท่าเมื่อก่อนแล้ว
สุดท้าย อันนี้ฟังดูขี้อวดมากแต่พอพูดถึงน้องสาวแล้วอยากเล่า เมื่อต้นปีกูพามันไปเที่ยวUSJ แล้วมันก็คอสเป็นแม่มดแบบจัดเต็มเดินไปทุกโซน แต่ตอนนั้นกูติ่งไททันหนักมากเลยคอสหน่วยสำรวจจัดเต็มเดินคู่ไปกับน้องทุกโซนเหมือนกัน พนักงานแซวตลอดทางตั้งแต่เช้ายันค่ำว่าน้องสาวเป็นMahoutsukai แต่คุณพี่มาจากChōsa Heidanซะงั้น แต่กูชอบUSJตรงที่มันมีทั้งไททันทั้งแฮร์รี่นี่แหละ
กู>>163เอง พิมพ์จบแล้วกูมาย้อนคิดดูพบว่าลูกพี่ลูกน้องทุกคนของกูพอขึ้นประถมปลายแล้วจะกลายเป็นจูนิเบียวกันหมดไม่เคยมีใครไม่เบียวซักคน รวมญาติแต่ละทีบันเทิงมาก จริงๆแล้วมันอาจจะเป็นกรรมพันธุ์ก็ได้ว่ะ บางคนโตแล้วหายบางคนไม่หาย ลุงกูก็ยังเป็นตาแก่จูนิเบียวอายุ70ล่าสุดยังยืนแอ่นท่าโจโจ้ในงานเชงเม้งจนหลังเคล็ดอยู่เลย อนาคตกูเองก็คงไม่ต่างจากลุงแน่ๆ
ตอนประถมห้า ถึงม.สามกุแม่งโคตรจูนิเบียว รวมแก๊งเด็กประถมจนมันตามกุมาเรียนมัธยมด้วย ตั้งแก๊งนางฟ้า(อีห่า หน้าตาเหมือนซานต้า เอ้ย ซาตาน) มโนว่าตัวเองเป็นคุณหนู ฝืนตัวเองนั่งแต่คาเฟ่ ชิว ๆ รีแลกซ์ค่า ใช้ของสีชมพูดเหมือนกันเป็นแก๊ง ใครโดนเพื่อนว่า บอกกูหัวหน้าได้ กุไม่จัดการหมด(รังแกเด็กประถม) มีคนเลียนแบบแก๊งกุด้วยนะ
พอพ้นวัยเท่านั้นแหละ แม่งนึกกลับไปแล้วอายชิบหาย หลุมดำชีวิตกุ
ตอนป.สาม กูเคยเบียวเล่นกับเพื่อนว่าสื่อสารกับน้ำได้ ส่วนเพื่อนกูสื่อสารกับอากาศ
ช่วงนึงที่หนังผีย้อนยุคในไทยฮิตๆ เพื่อนกูแม่งเบียวว่าตัวเองโดนผีเข้า ซึ่งผีก็คือชาติที่แล้วของมัน วันๆมันนั่งมองกูตาขวาง พูดไรด้วยก็ก็ตอบแบบเข้มๆ "เราไม่ใช่g เราคือชาติที่แล้ว" เสียงก็จะเข้มๆ แล้วเป็นยังงี้อยู่นานมากจนย้ายห้องเรียน
คิดตอนนี้แล้วฮานะ แต่พอนึกถึงตอนนั้นแล้วกูกลัวชิบหาย กลัวจริง เพราะมันจ้องตาขวางแม่งเหมือนโดนผีเข้าจริงเลยห่า ก็รู้แหละว่ามันแกล้ง แต่พอเจอแบบนั้นเข้าทุกวันก็เริ่มจะเชื่อ เริ่มกลัวจริง
>>163 กูอ่านเม้นมึงแล้วนึกย้อนถึงตัวเองตอนป.5วัยเบียว ตอนนั้นกูเป็นพวกกรรมการ นร. ใน รร.ประถมแห่งนึง ตอนเช้าแม่งมีหน้าที่เฝ้าจุดกับเดินตรวจตึกกับคู่ กูได้เจอเพื่อนสาวคนนึงอยู่คนละห้องปต่ทำงานร่วมกัน นางแม่งเบียวมาชวนกูเบียว กูออกแนวคนซื่อ เรียกหยาบๆว่าโง่ก็ไม่ว่ากัน แม่งวันนั้นชวนกูคุยเรื่องแม่มด กูก็รู้ล่ะว่าเรื่องแบบ การ์ตงการ์ตูนอะไรงี้กูชอบดูเลยเออ ออคุยกัน เลยเริ่มสนิทกัน วันนึงแม่งพกหนังสือเล่มนึงมาด้วยเล่มเล็กๆ กูจำไม่ได้ว่าหนังสืออะไรแม่งไม่เคยให้กูดูหน้าปก แต่แม่งกางเนื้อในให้กูดูเลย มันมาชวนกูทำเทย์มนต์ลอยตัว ทำแล้วจะทำให้ลอยได้ กูยังจำของที่ใช้คร่าวๆได้อยู่เลย แม่งมีหม้อต้มยา ปีกค้างคาว นก จิ้งจกแล้วก็ห่าอะไรไม่รู้อีกเยอะแยะ กูแม่งก็เชื่อเว้ย ตอนนั้นแบบเชื่อเลยว่าเวทย์มนต์แม่มดมีจริง แม่งมีหนังสือมีสูตรยา มีรูปภาพที่เป็นรูปวาด กูก็ตกลงปลงใจจะช่วยมันหาวัตถุดิบ แต่มึงเอ๊ยกูจับค้างคาวไม่เป็น แถวบ้านเมื่อก่อนกูมีไงตัวเล็กๆ กูยังคิดเลยว่าถ้าพวกกูทำสำเร็จจริงๆตอนนี้กูคงลอยออกนอกโลกไปแล้ว
แต่กูไม่ำด้ติดต่อนางเลยนะตั้งแต่จบป.6 เหมือนแม่งสาบสูญ ไม่มีเพื่อนพูดึงเลยว่ะ สักคนก็ไม่ กูคงสนิทกับนางที่สุดแล้วแต่พวกกูอยู่คนลัห้อง จบ.ป.6ก็ต่างแยกย้ายไป
กูบ้าฮันเตอร์เอ็กฮันเตอร์มากตอนเด็ก คุราปิก้านี่อีเหี้ยเอ๊ยเท่ชิบหายแล้วหลังๆแม่งมีโซ่สวมมือกูจัดเลย
ไปตลาดซื้อโซ่ที่มันเอาไว้คล้องกระเป๋าตังอะ ขนาดกำลังดี เอามาหนีบนิ้ว เหี้ยปลื้มมาก เท่มาก
แต่มันก็โซ่เส้นเดียวไง มันต้องห้าเส้น ห้านิ้ว แม่งอันละหลายบาทเลย ไว้จะขอแม่ซื้อ
วันนึงแม่กูนั่งดูกาตูนด้วยละแม่ถาม ซื้อโซ่มาจะทำตามตัวนี้เหรอ
อีเหี้ยยยย อาย ความลับแตก หน้าชา บอกแม่ เปล่าๆ
หลังจากวันนั้นมากูก็เลิกเบียว จบ
<<171 55555555555
โอ้ยยย กุมานึกถึงตัวเองสมัยก่อนแล้วอายว๊อยยย
จำได้ว่าสมัยก่อนเกม RO มันดังมาก และท่าโจมตีของตัวละครก็เท่ (ในสายตากุสมัยนั้น) กุจำได้เลยว่ากุเอาไม้กวาดมาแล้วเต๊ะท่าโจมตีเลียนแบบกลางระเบียงหน้าห้อง ซึ่งตอนนั้นคนมุงกันเพียบเลยว่าทำอะไร
พอนึกย้อนถึงตอนนั้นแล้ว กุอยากจะย้อนเวลาไปบีบคอตัวเองชิบหาย
ตอนสมัยม.ต้นกุบ้าวงนึงแบบชอบมากๆๆๆๆ ละทีนี้ในเด็กดีมันจะมีพวกแบบคลับไรงี้ จริงๆมันไม่เรียกว่าคลับอ่ะแต่กุนึกไม่ออก
ประเด็นคือมันมีให้เขียนโพสต์ไรซักอย่างละมีคำถามประมาณว่าความฝันคืออะไรมั้ง
กุจัดเต็มมากจ้าว่าแบบชอบวงนี้ๆนะ โตขึ้นจะเป็นให้ได้แบบวงนี้ๆและจะทำให้ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
คือกุเขียนยาวไปสามบรรทัดได้อ่ะ อีเหี้ยเล่นใหญ่เพื่อให้ได้รับเลือก
สรุปกุได้เป็นอันดับสองมั้ง คือมันอาจดูไม่เบียวนะแต่กุแม่งคิดที่ไรก็อาย แค่คิดถึงหน้าคนอ่านก็แบบ อีเหี้ยยยยยยยยยยยยย
สัดกูเบียวหนังจีนวะ ไม่ใช่แบบพวกจอมบุทธนะ
แบบบ้าพวกกังฟู ยิปมัน หวงเฟยหวง อะไรมาหมด
วันดีคืนดีกูนั่งเรียนอยู่ในเซค แม่งอยู่ๆก็อยากรำมวยจีนเฉยเลย
ทำท่าทำทาง แล้วแม่งเป็นคลาสในมหาลัยด้วยไง
หืม มือไม้นี่ฟ้อนเต็มเลย เพื่อนแม่งถาม มึงเป็นไร
กูบอกบิดขี้เกียจ ไอ้สัด55555
เมื่อก่อนกูตั้งชื่อที่ใช้ในเว็บบอร์ดเป็นชื่อเล่นในชีวิตจริงผสมฉายาเบียวๆจากตัวละครในอนิเม แล้วชื่อเล่นกูเสือกไม่เหมือนใคร
พอพูดชื่อนี้ปุ๊ปรู้เลยว่ากูแน่ๆ ปัจจุบันกูอยากแฮ๊กเว็บแล้วลบชื่อนั้นให้หายไปฉิบหาย55555555555555555
ตอนประถมกูเป็นเพื่อนกับนิ้วนางตัวเอง อิสัสส55555555 คุยกันทุกวัน555555555555
>>180 พอพูดแบบนี้แล้วคิดได้ว่ากูเคยมีเพื่อนในจินตนาการคนนึง เมื่อก่อนกูไม่มีเพื่อน เพราะกูไม่อยากคบใคร กูชอบคบกับเพื่อนในจินตนาการมากกว่า คุยกันตลอด เวลาว่างๆในห้องเรียนก็คุย แต่นานๆไปเริ่มเหิมเกริมคือคิดว่าคุยมุขตลกกันแล้วกูก็ขำ บางทีก็เผลอพูดออกมา บางทีก็ทำท่าทำทาง ทำหน้าตาแบบเห็นได้ชัดเลย แต่เดี๋ยวนี้เลิกละ แต่ยังมีเผลอหลุดเข้าจินตนาการตัวเองแล้วเผลอแสดงออกมาทางสีหน้า การกระทำอยู่
สมัยม.1กุบ้าฮารุฮิมากๆ คิดว่าตัวเองเป็นฮารุฮิ เลยตั้งองค์กรลับหามนุษย์ต่างดาวกับเพื่อนกุอีกจริงจังขนาดทำใบปลิวแปะในโรงเรียน555555 ถ้าถูกใจคนไหนก็จะเขียนจดหมายอัญเชิญเข้าองค์กรให้คนนั้นเเล้วแอบใส่ในกระเป๋านักเรียนหรือใต้โต๊ะ และแน่นอนว่าไม่มีใครมาร่วมกลุ่มกับกุ เลยอยุ่กับเพื่อนแค่สองคน มานึกตอนนี้ละอายสัสๆ
ตอนช่วงป.3 กูเชื่อว่ามีจิตวิญญาณอยู่ทุกที่ กูเลยนั่งคุยกับท่อระบายน้ำ เป็นวรรคเป็นเวรเลยเว้ย เลิกทำไปเพราะมีคนได้ยินแล้วทักนี่แหละ
กูเคยคิดอยากเป็นเจ้าพ่อมาเฟียคุมบ่อน ซ่อง รังค้ายา แก๊งปล้นธนาคาร แก๊งนักฆ่าอย่างแบบไอ่เขียวในหลงไฟที่ทำความระยำให้ทุกคนไปเรื่อยๆว่ะ ถถถ
เราก็มีเพื่อนในจินตนาการนะเว้ย เริ่มคุยกันในใจตั้งแต่อายุ 7 ขวบ สร้างขึ้นมาให้เป็นน้องสาว แต่ก็ยังเข้าใจดีว่านั่นคือตัวเอง
เริ่มงงแล้วใช่ไหม?
พอได้อยู่ด้วยกันยิ่งอยู่ยิ่งสนิทกันมากขึ้น เหมือน AI ที่ค่อยๆเรียนรู้โต้ตอบได้มากขึ้นเรื่อยๆ
มาถึงช่วงประถมปลาย ความสัมพันธ์จากที่ดูเหมือนพี่น้องก็กลายเป็นคนรัก แบบว่าเราไม่เคยรู้สึกชอบผู้หญิงคนอื่นเลยอ่ะ
ใช้ชีวิตมาถึงอายุ 15 ก็ยังทำตัวเหมือนคนปกติได้อยู่
มาพีคหลังจากเสียเป้าหมายในชีวิตตอนอายุ 16
พอถึง 18 นี่รู้สึกว่าอารมณ์,ความคิดผิดปกติแบบสุดๆ จนต้องพาตัวเองไปหาหมอ รักษาตัวอยู่สองปี อาการเริ่มดีขึ้น
ปัจจุบันอายุ 21 ไม่มีเพื่อนในชีวิตจริงสักคน อาจจะกลับไปคุยคนเดียวเหมือนเดิมในเร็วๆนี้
เอ๊ะ! จะว่าไปนี่ไม่เบียวแล้วอ่ะครับ กองทัพเขี่ยทิ้งเป็นบุคคลประเภทสาม
อ่า... เรียกง่ายๆว่าบ้าอ่ะครับ ฮือ TAT
สมัยเด็กๆ(ป.3 มั้ง)เคยแอบเล่นเกมโป๊ที่พี่โหลดมาแล้วติดใจสาวคนนึงมาก เลยแต่งนิยายตอนนั่งว่างหลังสอบให้ตัวเองเป็นโคตรเทพเข้าไปใน setting เกมนั้น สาวรักสาวหลงกันทุกคน ntr พระเอกไม่เหลือซาก แล้วไม่กี่วันแม่กูก็มาเปิดอ่านเล่นบอกสนุกดี อายชิบหาย หลังจากนั้นกูก็ไม่แต่งนิยายอีกเลย Y-Y
>>192 ก็กูเจอมาเยอะ ถ้ามึงคิดว่ามึงบ้าก็คือมึงบ้า พวกหมอจิตเข้าก็รู้ว่าหลักนี้เรื่องจริง เหมือนมึงอยากเป็นอะไรก็เป็นแบบนั้น ถ้ามึงคิดว่ามึงไม่ได้เดือดร้อนใครใช้ชีวิตปกติได้ก็คือจบ รพ.บ้าส่วนมากเข้าแล้วออกมาไม่ปกติทุกรายกูเจอรุ่นพี่คนแค่เมาแล้วอาละวาด มีคนนึกว่าบ้าวันนั้นเลยโดนจับส่งรพ.กลับออกมาบ้าเลย หลุดโลกเลย รพ.บ้าไม่ได้มีไว้รักษาคน ยาบางอย่างถ้ามึงได้รับก็ต้องรับไปตลอดชีวิต ในโรคหลายชนิดเขาก็ระบุแม้แต่จิตเวชว่าถ้าผู้ป่วยมีความสามารถก็ไม่ควรต้องรับยามันจะติด สำคัญสุดคือตัวมึงกำลังใจมึงเอง ยาอะไรก็ช่วยมึงไม่ได้ หูแว่วก็เป็นกันหลายคน จินตาการหูแว่วหรือเห็นภาพตัวเองตัวละครคุยกันเองโต้ตอบได้มึงไม่คิดว่าบ้าวะ นักเขียนนักวาดเป็นกันเยอะแยะที่กูเจอ ยิ่งพวกเล่นโรลเพลย์บางคนนะยังเห็นตัวละครตัวเองออกมาพูดคุยกันได้ยังมี กูยังเห็นของกูพูดคุยได้เรื่องปกติ กูแค่ไม่พูดกับมันข้างนอกแค่พูดในใจและทำอย่างอื่นไปด้วยคนส่วนมากไม่เข้าใจ แต่ไม่ได้แปลว่าบ้านะมึง ถ้าบ้ากูคงทำงานใช้ชีวิตยากแล้ว อะไรที่ไม่รู้ไม่เข้าใจแตกต่างจากพวกก็คือคนบ้าเหรอ ถ้าสติยังดีรับรู้ทุกอย่างได้มันจะบ้าได้ยังไง เอาอะไรมาวัดละ เช่นแค่บอกแดกข้าวกับไข่ดิบคือบ้างี้เหรองั้นคนญี่ปุ่นแม่มบ้าหมดแล้ว
การวินิฉัยของแพทย์ไม่ได้ถูกเสมอไป ลองดูอย่างเคสนึง ที่มาจากหนังเรื่องเมื่อสมองฉันไหม้ สร้างจากเรื่องจริงหมอวินิฉัยว่านางบ้าและจะจับส่งเข้าแผนกจิตเวช สุดท้ายเป็นปีโชคดีเจอหมอเก่งบอกว่านางไม่ได้บ้าและรักษาทันก่อนมันสาย นางเลยเขียนหนังสือขายและพยายามช่วยคนที่เป็นแบบนางเพราะมีหลายรายไม่ได้บ้าและถูกวินิฉัยว่าบ้าเยอะมาก การถูกวินิฉัยว่าเป็นจิตเวชรักษาผิดส่วนมากคือการตกนรก ในไทยไม่มรหมอด้านนี้แบบอเมริกาแล้วมีกี่คนละที่ไม่ได้บ้าแต่โดนหาว่าบ้า แล้วกลายเป็นบ้าเพราะเข้ารพ.รุ่นพี่กูก็หนึ่งในนั้น
สุดท้ายมึงจะยึดติดกับใบ จะเชื่อหมอที่อยู่กับมึงไม่กี่วันหรือจะเชื่อตัวมึงเองละ แล้วถามตัวมึงซิมึงปฏิเสธตัวตนมึงตอนนี้มึงมีความสุขรึยังละ
>>191 กระจอก! กุนี่ปริ้น CG จากเกมโป้ Tentacles น้ำกระจายนางเอกท้องป่อง แล้วเอามาแอบไว้ในชั้นวางหนังสือในห้องน้ำเลย! (เป็นพวกนิตยาสารเกมอาทิเช่น Compgamer news , Online) ไอ้ CG นั้นแอบอยู่ในชั้นนั้นมานานหลายปี จนกระทั่งกุย้ายเข้า กทม. มาเรียนต่อมหาลัย
ห่างจากบ้านไปหลายเดือน พอกลับไปบ้านเท่านั้นล่ะ! ชั้นหนังสือกุโดนรื้อ!! CG กุหาย!!
>>193 เพราะคิดเข้าข้างตัวเองแบบนี้ เลยมีคนป่วยอีกมากไม่ได้เข้ารับการรักษาไง...
อยู่ดีๆหมอเขาไม่มาชี้บอกว่าใครบ้าตามใจหรอก
การคัดกรองเบื้องต้นจากพยาบาล เข้าพบหมอซักถามอีกเป็นชั่วโมง ถ้าอาการยังไม่บ่งชี้ว่าเป็นโรคอะไรก็ต้องทำแบบทดสอบกับนักจิตวิทยา ได้ผลตรวจแล้วค่อยมาวิเคราะห์อีกที ถ้าในกรณีที่อาการรุนแรงก็จะมีการตรวจวัดผลเลือด เข้าแอดมิทเพื่อสังเกตุอาการและลดความเสี่ยง จัดกิจกรรมจิตบำบัด ให้ความรู้ เชิญครอบครัวมาเพื่อให้ปรับตัวเข้ากับผู้ป่วยได้ และอื่นๆอีกเยอะนะ
นายลองไปศึกษาเพิ่มเติมดู
https://med.mahidol.ac.th/ramamental/generalknowledge/general/09042014-0855
>>193 มึงพูดถูกเรื่อง"ใช้ชีวิตปกติได้คือจบ"แต่รายละเอียดของโรคทางจิตมันมีมากกว่านั้นเว้ย
จากที่>>185เล่ามาคือยังแยกแยะความจริิงกับจินตนาการได้ ฟังดูไม่ค่อยเหมือนโรคจิตเภท แต่อาจมีPersonality typeที่ไม่เหมือนชาวบ้าน ซึ่งถ้ายังใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติคือยังไม่ถือเป็นโรค ยังไม่ใช่personality disorder ถ้ารู้สึกว่าตัวเองแปลกไปหาจิตแพทย์ให้เค้าช่วยวิเคราะห์จิตใจดูก็ได้แต่คงไม่ต้องกินยาอะไรหรอก
แต่ไอ้กรณีรุ่นพี่เมาของ>>193น่ะ มึงเห็นแค่ว่าเค้าเมาอาละวาด แต่หมอที่รพ.อาจจะเอาเค้าไปเอกซ์เรย์สมองแล้วเจอความผิดปกติหรือเค้าอาจจะเป็นโรคทางจิตที่ถูกกระตุ้นจากเหล้าหรือยาเสพติดก็ได้(เรียกว่าSubstance-induced psychosis)หมอถึงต้องจ่ายยาตลอดชีวิต
ส่วนหนังเรื่องBrain on fireมันเกิดในยุคที่โรคAnti-NMDA receptor encephalitisยังไม่เป็นที่รู้จัก ถ้าสมัยนี้ไปรพ.ด้วยอาการแบบนั้นได้ตรวจเพิ่มเติมอย่างละเอียดก่อนจะวินิจฉัยเป็นจิตเภทแน่นอน
กูขอยืนยันตาม>>195เลยว่าอยู่ดีๆหมอไม่บอกว่าใครบ้าเด็ดขาดจนกว่าจะหาสาเหตุทางชีวภาพครบแล้วไม่เจอจริงๆ
และกูขอเสริมในฐานะที่กูทำงานรพ.ว่าถ้าคนไข้ไม่จำเป็นต้องกินยาไม่มีหมอที่ไหนอยากจ่ายยาหรอกเว้ย! ยิ่งยาจิตเวชกับโรคเรื่อรังทั้งหลายนี่จ่ายแล้วมีแต่ขาดทุน รพ.จะเจ๊งอยู่แล้ว!! กูเครียดจนโรคจูนิเบียวกำเริบอยู่นี่ไงถึงเข้าห้องนี้มาเห็นเม้นพวกมึงได้เนี่ย
>>196 กูก็เล่าแค่นี้แหละ เพราะทุกคนยืนยันว่ารุนพี่คนนั้นปกติก่อนจะเข้าโรงพยาบาลทุกคน และเขาเป็นคนดังพอสมควรกูคงพูดมากไม่ได้
แต่กูมองว่าไอนั่นไม่ได้บ้า แล้วถ้าเข้ารพ.รัฐส่วนมากไม่เชิญญาติมานั่งฟังหรอกนะ เขาก็จับส่งๆฉีดยาไป กูรู้เพราะคนใกล้ตัวหลายรายก็เป็นบ้า เขาแค่ให้ยาเสียมากไม่ให้คิดมาก ไม่ถึงขนาดมาสแกนสมองหรือตรวจเลือดหรอกมึง ดูรพ.ด้วยยิ่งยุคเก่ายิ่งไม่มี
ส่วนเรื่องลงลึกรายละเอียด กูบอกเลยกูขี้เกียจพิมพ์มันไม่มีประโยชน์จะเถียงทำไมให้เปลืองเน็ตวะ แล้วแต่คนเชื่อทุกคนมีแนวทางตัวเอง แต่เคสนั้นก็เรื่องจริงที่ทำหนังทดสอบทุกอย่างทั้งสแกนสมอง ตรวจเลือดแบบสมัยใหม่ตามมึงว่า แล้วก็บอกให้ไปจิตเวชเลยหมอทั้งคณะด้วยที่ลงความเห็น รอดเพราะหมออีกคน นางเลยออกมาเขียนหนังสือ Brain on Fireไงจนได้ทำหนังดัง
>>195 กูเคยอ่านแล้ว กูอ่านเยอะกว่าที่มึงคิด แต่มันแล้วแต่คนจะคิด แต่ถือว่าขอบใจที่หวังดีแล้วกัน
คนที่คิดว่าตัวเองบ้ามีโอกาสหายเยอะกว่าเพราะรู้ตัว แต่คนที่คิดว่าตัสเองไม่ได้บ้ามี 2 กรณี คือ ไม่ได้บ้าจริงๆ แต่คนรอบข้างเข้าใจผิด อาจจะมีอาการทางประสาทบ้าง อีกประเภทคือบ้าแต่ไม่รู้ตัว อันนี้โอกาสหายแทบไม่มีเลย เพราะไม่ไห้ความร่วมมือกับหมอ และมักจะคิดว่าเรื่องในจิตนาการของตนเป็นเรื่องจริง มีคนมาทำร้ายจริงๆ มีเสียงจากสวรรค์มาสั่ง ซึ่งกูว่าปล่อยไว้อันตรายมาก เพราะบางกรณีเสียงสั่งไห้ก่ออาชญากรรมด้วย ถ้าหมอบอกว่าบ้าแล้วไม่เชื่อหมอ อย่างน้อยลองเปลี่ยนหมอดู หมอมันไม่วินิจฉัยผิดทุกคนหรอก กูมีคนรู้จักมีปัญหาแบบนี้เลย แต่ไม่เชื่อว่าตนเองเป็น น่าสงสารมาก ต้องทรมาณคิดว่ามีคนมาทำร้ายหลายปีทั้งๆที่ไม่มี
TWmPTVFfX : " แล้วแต่คนเชื่อทุกคนมีแนวทางตัวเอง "
คิดแบบมึงนี่โคตรอันตรายต่อสังคมอะ -_-"
>>200 ตรงไหนอันตรายวะ 55555
ไงกูก็เรียนทางจิตวิทยากับปรัชญามาเยอะนะ กูก็แค่พูดเรื่องของมุมมองความเชื่อซึ่งใครจะตีความด้านไหนก็แล้วแต่คนจะคิดนั่นแหละ กูปัดๆไม่อยากดราม่าไง มึงไม่คิดมากก็ไม่คิดมากแหละ กูยังไม่เคยทำใครตายเลยนะ คนที่คบกูส่วนมากชีวิตดีขึ้นก็ไปหมดแหละ แต่ส่วนมากมักเจอแต่ปลิง นร่กลับมาอีกรอบยังถกต่ออีกเหรอวะ นึกว่าจบและ
>>201 กูไม่ได้รู้สึกว่าแนวคิดมึงอันตราย แต่กูว่ามันล้ำยุคเกินไปหน่อยสำหรับสังคมไทยตอนนี้ว่ะ จากที่มึงเล่ามาหลายๆอย่างนี่ในชีวิตจริงมึงคงเลือกคนที่จะคุยด้วยอยู่แล้ว แต่กูอยากเตือนมึงอีกทีว่าระวังจะโดนล่าแม่มดนะ
แล้วก็เรื่องรพ.รัฐนี่ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง บางครั้งมันก็เป็นอย่างที่มึงว่าจริงๆแหละ กูก็พยายามจะลองพิมพ์อธิบายดูแล้วแต่มันเหมือนกูลากเรื่องเน่าๆในวงการออกมาแฉเป็นข้ออ้างกูเลยลบทิ้งไป
เอาเป็นว่าถ้าให้เข้ากับกระทู้นี้คือหมอหลายๆคนก็พยายามรักษาคนไข้ให้หายจากโรคด้วยอารมณ์เดียวกับเอเรนพยายามจะฆ่าไททันให้หมดโลกนะมึง แต่ทรัพยากรหลายๆอย่างมันไม่พอและมันก็มีการเมืองเหี้ยๆในวงการเยอะมาก สุดท้ายก็แทบไม่มีใครทำได้ตามที่หวังว่ะ ไททันไม่มีวันหมดไปและความซวยก็ตกกับชาวบ้านตาดำๆนั่นแหละ ว่าแล้วกูก็ไล่ฆ่าไททันด้วยมีดตัดซองจดหมายต่อไป (กูลากกลับเข้าฝั่งแล้วนะ มาเบียวกันต่อเร็ว!)
>>201 จิตวิทยาและปรัชญาเป็นสายเรียนในฝันของกูเลยนะ กูแม่งอยากเป็นหมอบำบัดผู้ป่วยทางจิต ผิดตรงที่กูไม่ได้จบด้านวิทย์คณิต เลยเรียนสายทางหมอไม่ได้ ที่สำคัญกูไม่ชอบอ่านหนังสือเพราะกูไม่ชอบนั่งนิ่งๆ กูเลยไม่เรียนสายนี้
ที่สำคัญเพราะกูยังบ้าอยู่ สติไม่ค่อยดี แม้จะพ้นวัยเบียวแต่ก็ยังเบียวอยู่ กูชอบเอาผ้ามาคลุมตัวยาวๆให้เหมือนพวกเคาท์แดร็กฯ หรือพวกพ่อแม่มด...ตอนนี้กูก็ยังทำให้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนเป็นผ้าคลุมยาวๆแบบผ้าคลุมกันหนาวดีรู้สึกเท่เวลาเดินแล้วมีผ้าพริ้วเยอะๆ...แต่บางทีกูก็ร้อนไง
มากุเปิดต่อให้หลังจากบนๆเลคเชอร์กันเสร็จเเล้ว
กุเพิ่งมาเลิกเบียวก็ตอนม.5อะ ช่วงนั้นกุชอบใส่เสื้อกันหนาวสีดำ มาสก์สีดำ สายรัดข้อมือเเบบนักเทนนิสสีดำสองข้างมาโรงเรียนละคิดว่าตัวเองเท่สัส มีเเต่คนถามว่ามึงจะใส่สายรัดข้อมือทำไม จนกระทั่งรร.กุออกกฏเชี่ยๆนี่มาคือห้ามนักเรียนใส่เสื้อกันหนาวมาเรียน ถ้าอยากใส่จริงๆต้องซื้อเสื้อวอร์มที่มีตราโรงเรียนเอามาขายเท่านั้น คือหลอกขายของว่างั้นเถอะอิเหี้ย ปัจจุบันกุเรียนจบแล้ว ไม่รู้กฏนั่นยังใช้อยู่ป่าว
>>204 อ่านของมึงแล้วจี๊ดตรง รร.หลอกขายของนี่แหละ กูชอบผูกโบว์ไป รร.แล้วเป็นโบว์หน้าใหญ่ๆ คือผูกแล้วมันจะใหญ่ๆพองๆ ทิ้งสายยาวๆไปกับผมแบบ ตลค.ในเมะบางเรื่อง แต่แล้ววันนึง บักหรรม รร.ออกกฏให้ใช้โบว์สีดเท่านั้น แถมยังให้ซื้อแค่ของรร. ตัวริบบิ้นสกรีนชื่อ รร. 5555มึงไม่ต้องกลัวกูหายขนาดนั้นก็ได้แม่งเอ๊ยสกรีนชื่อ รร.ลงริบบิ้น ดีนะกูจบแล้ว
>>204 สมัย10ปีก่อนตอนกูอยู่ม.ต้นโรงเรียนกูก็เคยพยายามจะออกกฎขายเสื้อหนาวตราโรงเรียนเหมือนกัน แต่กูอยู่จังหวัดที่เป็นที่ราบสูง มีหน้าหนาวแค่ปีละ3-7วันซึ่งหนาวระดับต่ำกว่า20องศา นอกนั้นร้อนชิบหายทั้งปี ตอนนั้นทั้งนักเรียนและผู้ปกครองเลยเดินขบวนประท้วงจนมันล่มไป สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้ใส้เสื้อหนาวฟรีสไตลปีละ3วันกันต่อไป
ไม่รู้เดี๋ยวนี้เป็นไงแล้ว แต่สมัยกูเรียนช่วงหนาว3วันนั่นแต่ละคนปล่อยของกันสุดมาก มีทั้งโค้ทยาว เสื้อขนสัตว์ เสื้อหนาวลายการ์ตูนก็มา กูยังเคยใส่เสื้อคลุมยาวแบบพ่อมดไปเรียนเลย แน่นอนว่าโดนครูด่าแต่กูไม่แคร์555+
วันนี้กูโดนบังคับไปเข้าร่วมกิจกรรมสร้างสายสัมพันธ์ในที่ทำงาน ยิ่งร่วมแล้วยิ่งรู้สึกว่ากูโคตรเป็นคนนอก
กูรู้สึกไม่เหมาะกับที่นี่ ไม่เหมาะกับอาชีพนี้ และอันที่จริงตลอดชีวิตกูก็รู้สึกว่ากูไม่เหมาะกับโลกนี้
พอคิดแบบนี้แล้วกูก็อยากตาย อยากกระโดดออกไปให้ทรัคซังส่งไปโลกใหม่ แต่กูก็สงสารคนขับรถบรรทุกและเกรงใจหมอกับตำรวจที่ต้องมาชันสูตรศพกู เพราะไม่กี่เดือนก่อนแถวๆนี้ก็เพิ่งมีคนกระโดดลงจากสะพานลอยมาให้รถบรรทุกชนตายเป็นคดีที่วุ่นวายชิบหาย และกูก็ไม่รู้ว่าไอ้คนนั้นมันอ่านนิยายแนวอิเซไคมากไปเหมือนกูหรือแค่บังเอิญคิดว่าวิธีนี้ตายชัวร์เฉยๆ แต่ที่แน่ๆคือกูคิดว่าไม่ควรก่อคดีแบบเดิมซ้ำเพื่อไม่ให้ชาวบ้านตั้งศาลบูชาเจ้าแม่อะไรซักอย่างไว้กลางสะพานลอย กูเลยเดินกลับห้องไปหาถุงพลาสติกกะจะครอบหัวมัดปากถุงตายแบบที่มีคนรีวิวไว้ แต่พอหยิบถุงขึ้นมาก็พบว่าข้างในมีกล่องกันพลาที่ต่อเสร็จไปครึ่งเดียวแล้วกูก็นึกขึ้นมาได้ว่าถ้าตายห่าลงนรกไปคงไม่เป็นไร แต่ถ้าเสือกได้ไปเกิดใหม่ในโลกแห่งดาบและเวทมนต์ที่มันไม่มีหุ่นยนต์กูคงรู้สึกค้างคาใจชิบหาย กูเลยหยุดหาทางตายแล้วนั่งลงต่อกันพลา
ตอนนี้กูต่อเสร็จก็ไม่คิดอยากตายแล้วเพราะต้องทำสีมันอีก แต่รู้สึกว่าความคิดทั้งหมดเมื่อเช้านี้เบียวชิบหายเลยขอโพสไว้เป็นที่ระลึกนิดนึง
กูอยากไปนั่งฟัเรื่องเล่าในห้องแบบกลุ่มบำบัดจิตไรงี้ว่ะ แบบในหนังที่มันจะให้มานั่งล้อมกันแล้วเล่าเรื่องตัวเองอ่ะ เห็พวกมึงในนี้แล้วรู้สึกดี
เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้เลย ไม่ค่อยเบียวเท่าไหร่ แต่กุอายมากกกกก
กุกำลังยืนรอรถหน้าหมู่บ้านคนเดียว ก็นึกครึ้มร้องเพลงอิสัส เสือกร้อง op ฟาฟเนอร์ อินเนอร์มามากค่าา
โบคุ๊วาเมซาชิ ต่า! ช้างกอลิล่า!!
ร้องวนอยู่หลายรอบ
อิสัสจ้า หันหลังไปเจอคนยืนรอรถอยู่คนนึง อายมากกกก
ไม่จบแค่นั้น เขาชวนกุหารค่าแท็กซี่ สรุปแล้วกุไปนั่งอายต่อบนแท็กซี่อีกกกกก โอ้ยยยยยย
กูเป็นจ้าวสำนัก มีลูกศิษย์เยอะมาก
แต่โดนจับข้อหากระทำชำเราเด็ก
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.