>>>/lounge/68/ วันศุกร์ที่หนึ่ง
>>>/lounge/216/ วันศุกร์ที่สอง
>>>/lounge/286/ วันศุกร์ที่สาม
>>>/lounge/408/ วันศุกร์ที่สี่
>>>/lounge/765/ วันศุกร์ที่ห้า
>>>/lounge/1530/ วันศุกร์ที่หก
Last posted
Total of 1000 posts
>>>/lounge/68/ วันศุกร์ที่หนึ่ง
>>>/lounge/216/ วันศุกร์ที่สอง
>>>/lounge/286/ วันศุกร์ที่สาม
>>>/lounge/408/ วันศุกร์ที่สี่
>>>/lounge/765/ วันศุกร์ที่ห้า
>>>/lounge/1530/ วันศุกร์ที่หก
https://fanboi.ch/lifestyle/1530/1000/ เฮือก กูเจอรับเป็นแฟนทางเฟสด้วยวะ ง่ายไปมั้ย เหอๆ
http://pantip.com/topic/34722548
อายุ 30 แล้ว เงินเดือนแค่ 30,000 บาท ชีวิตดูไร้อนาคตไหมครับ
เพื่อนสมาชิกว่ายังไงกันครับ
บางทีก็กุอ่านพันทิปแล้วก็สงสัยว่าต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่ามีอนาคต...
อายุ18 เงินเดือน9พัน มีห้องฟรีไม่ต้องจ่ายจ่ายแค่ค่าน้ำค่าไฟ มึงว่าควรมีเก็บซักเท่าไหร่ ถ้าพ้นไปสองปี โดยเงินเดือนไม่ขึ้น
แต่อย่างน้อยถ้า 30 แล้วควรเงินเดือนซักแสนนึงนะ
ควรมีเงินเก็บประมาณ20-30% ของรายได้ตั้งแต่เริ่มทำงานหน่ะ อันนี้คิดว่ายากแน่บางคนมันจะมีเงินเก็บเป็นก่อนใหญ่ตอนปีหลังๆเพราะเงินเดือนขึ้น บางทีภาระเลี้ยงลูกผ่อนบ้านผ่อนรถก็หมดแล้วเลยเก็บได้เยอะ
กูเคยอ่านพันทิปแล้วก็ panic ว่าทำไมเงินเดือนกูน้อยจัง กูต้องซื้อกองทุน กูต้องออมนู่นออมนี่ กูเครียดจนกูไมเป็นอันทำไร จนตอนนี้กูช่างแม่งละ เลิกงาน หาบุฟเฟต๋กินดีกว่า
เหนื่อยกับเกมส์การเมืองในบริษัทและมนุษย์เสี้ยม ถ้ามันไม่มีผลกับงานกูจะไม่สนใจเลยเหอะ แต่นี่แม่ง เฮ้อ เหนื่อย
คนที่มีเยอะมันก็อวดคนมีน้อยก็เงียบไง เหมือนตอนห้องสินธรอ่ะ คนกำไร10%พูดเสียงดัง ส่วนคนขาดทุนมันเงียบกันหมด
มึงอย่าเอาตัวเองไปเทียบกับห้องพวกนี้พวกแม่งอีโก้แรงกัน,บางคนก็โม้เหม็นไปหยั่งงั้น
แต่อย่างสายงานกู สามหมื่นแม่งก็น้อยจริงๆนะอายุเท่านั้น
จะหาที่ซุกหัวนอนในกรุงก็สองล้านขึ้นแล้วทั้งนั้น สามหมื่นแม่งกู้ได้ไหมล่ะ
สามสิบแล้วยังไม่มีแผนเรื่องหาที่ซุกหัวนอนเป็นของตัวเองนี่ก็ไม่ไหวเหมือนกันหวะ นี่ล่ะไร้อนาคตของแท้
กูว่าสาย engineer เงินเดือนสูงเกินไปจนเฟ้อป่ะว่ะ ทั้งๆที่แทบไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆจากเมืองไทยเลย
มีแต่ Labour ที่ Skill สูงๆเท่านั้น?
นวัตกรรมไม่ใช่ทุกอย่างของงาน
มึงจะให้ Engineer สร้างนวัตกรรมก็ผิด job description แล้ว นั่นมันงาน Scientist
อย่างสายกู กูมีหน้าที่ทำยังไงก็ได้ให้ธุรกิจของลูกค้าสะดวกขึ้น ไม่จำเป็นต้องมีนวัตกรรมเลย
นั่งรอเงินเดือนออกอย่างใจจดใจจ่อ
นอนตายแพพส์
เค้าคงมองว่าบางแผนกไม่ได้ทำกำไรให้บริษัทในเชิงรุกด้วยแหละ
EngineerหรือพวกTechnician มันสร้างกำไรแบบทางตรงเลย เลยกล้าจ่ายกัน
แต่ HR หรืออื่นๆมันไม่ใช่
บ.ที่กุออกมาแล้วเดือนนึงยังคงไลน์มา เฟสมา ตอนกุอยุด่ากุสารพัด ฟักยูวว แก้ปัญหากันเองเถอะเมิง กุไม่เป็นคนดีถึงขนาดให้พวกมึงมาเหยียบซ้ำๆซากๆหรอกนะ ตลกดี ไหนว่ากุไม่ได้เรื่องแล้วจะโทรมาถามงานทำไม รึกุควรแมสเสจไปแบบ ได้งานใหม่แล้ว ไม่สะดวกกรุณาอย่าโทรมารบกวนอีกงี้เรอะะ ใบต่องานก็ทำให้แล้ว เอา โอโล่ไปกินปะมึงง olo
ตอนจบใหม่ เราเงินเดือนหมื่นห้า เห็นคนได้เงินเดือนสองหมื่นก็ว่าเยอะแล้ว
ตอนนี้เงินเก็บเราเหลือสองหมื่นห้า หักจากให้ที่บ้านเดือนละหมื่นสี่แล้ว ก็ยังไม่รู้สึกพอใจอยู่ดี รู้สึกว่ารายได้เราน้อยจัง TT
ได้ปรับเงินเดือนกันคนละกี่ % ครับ ผมได้ 5.5
ได้แค่นี้ก็พอใจแล้วล่ะ แต่เซ็งนิดนึง เรตการประเมินนี่ปีที่เศรษฐกิจดีมีปรับขึ้น 10% อ่ะ ปีนี้เศรษฐกิจไม่ดี หายไปหลายพัน
เป็นบริษัทเล็ก ตั้งแต่เศรษฐกิจเริ่มฝืดก็ไม่ได้ปรับเงินเดือนมาสามปีละ
อยากย้ายบริษัท แต่ปีนี้เข้า 33 รู้สึกแก่เกินกว่าจะไปเริ่มใหม่ที่อื่นแล้ว (วุฒิกับประสบการณ์ทำงานเป็นคนละสายกันอย่างสิ้นเชิงด้วย)
เฮ่อ แต่มองแง่ดี บริษัทไม่เจ๊งก็บุญหัวแล้วละนะ
เบื่อซองทำบุญของพวกเพื่อนร่วมงานว่ะ พอกูไม่ใส่แม่งมาถามว่านับถือศาสนาอะไร กูจะบอกไม่มีศาสนาก็กลัวโดนมองแปลกๆอีก ก็ตอบๆไปว่าพุทธ
สรุปแม่งก็มองกูเหมือนตัวประหลาดอู่ดี นับถือพุทธไม่ใสา่ซองไปร่วมทำบุญ
อีเหี้ย มึงจะงมงายมึงก็อย่ามาเดือดร้อนคนอื่นดิวะ
โม่งซาลารีแมนทำงานเสริมอะไรกันบ้างวะ กูอยากทำพวกเสิร์ฟร้านอาหาร เคยทำสมัยเรียนนอก ติดใจ สนุกดีได้เจอคนหลากหลาย ได้ใช้แรงออกกำลังกายดีด้วยเพราะงานประจำนั่งโต๊ะอยู่แต่หน้าคอม แต่กูติดปัญหาว่างานกูเลิกไม่เป็นเวลา บางทีก็ต้องอยู่โอดึก หยุด ส-อ ก็จริงแต่บางทีมีงานด่วนก็ต้องเข้าไปทำ แต่บทจะว่างก็เลิก 5 โมงทุกวัน เสาร์อาทิตย์ว๊างว่าง เรื่องเวลาเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย
วันนี้รักแรกสมัยม.ต้นโทรมาหาผมครับ เธอบอกว่าเธอคิดถึงผมก็เลยโทรมาคุยด้วย เป็นอย่างไรบ้าง ทำงานอะไรอยู่ อยากมาทานข้าวด้วยกันไหม
หัวใจผมนี่แบบเริ่มเต้นอีกครั้งเลย เพราะเพิ่งเลิกกับแฟนเก่าไปไม่นานมานี่เอง ก็เลยรีบตกลงไปอย่างไม่ลังเล
พอไปเจอกันที่ห้างแห่งหนึ่งเธอยังดูสวยและน่ารักไม่เปลี่ยนไปเลย ยิ้มยังหวานมากเหมือนเมื่อวันวาน อดีตที่สวยงามมันย้อนกลับมาอีกครั้ง
ผมก็พาเธอไปร้านที่ดีที่สุด ในช่วงแรกๆผมชวนเธอคุยย้อนความหลังเยอะมาก มันมีความสุขสุดๆที่คนรักเก่ายังคิดถึงเราและจำเราได้
ตอนนั้นก็นึกไปไกลมากว่าอาจจะมีโอกาศได้กลับมาคบกันใหม่แน่เลยแบบนี้ แต่ผมก็คิดผิดเพราะตั้งแต่ที่มานั่งแล้วเธอคอยล้วงกระเป๋าผ้าที่เอามา
อีกใบตลอดเวลาเหมือนจะหยิบอะไรออกมา และแล้วพอเริ่มถึงจังหวะที่เธอพูดบ้าง เธอก็ควักยาสีฟันหลอดหนึ่งยื่นมาให้ผม พร้อมอธิบายสรรพคุณ
ต่างๆนาๆซึ่งแม่งดูเว่อร์เกินจริงมาก เธอยังบอกผมอีกว่าสนใจมาทำธุรกิจร่วมกันมั้ย หากสนใจวันจันทร์ให้มาอบรมด้วยกัน พร้อมบรรยายถึงเงินเดือน
และสวัสดิการต่างๆที่เว่อร์สัสๆ อา ผมรู้สึกเหมือนโดนล้างสมองแปลกๆ ผมทนไม่ไหวจึงขอเธอกลับก่อนให้เหตุผลว่าต้องไปรับแม่ ก่อนคิดในใจว่า
อย่าได้เจอกันอีกเลยดีออกกกกกกกกกกกกกกสัส
555 โดนขายตรงเแล้ว
เวลาขอสินเชื่อบ้านหรือรถ เค้าคิดจากรายได้ส่วนไหนบ้างเหรอ? เช่น
1. คงที่ - เงินเดือน
2. คงที่ - ค่าครองชีพ ค่ากันดาร ค่าเกียรตินิยม ค่าภาษาที่2 ค่าภาษาที่3 ฯลฯ
3. ไม่คงที่ - โอที ค่าน้ำมันเบิกตามจริง ค่าโทรศัพท์ตามจริง
3 นี่เข้าใจว่าคงไม่คิดเพราะมันไม่แน่นอน แต่ที่สงสัยคือคิดแค่ 1 หรือว่า 1+2 อ่ะ?
>>37 คนละเรื่องเลยมันเอาข้อมูลที่มันถามเรานั่นแหล่ะไปกรอกคำนวณด้วยคอมพ์ว่าโอกาสที่มันจะได้กำไรจากการปล่อยกู้เท่าไหร่,เปอร์เซนต์ไม่จ่ายหนี้เท่าไหร่แล้วคนตัดสินใจจะเซ็นผ่านไม่ผ่านตามเกณฑ์ที่ธนาคารตั้งตอนนั้น
พวกอายุ,อาชีพ,เงินเก็บ,ทรัพย์สินอสังหาฯ,วงเงิน,หนี้ที่มีอยู่ในบูโรฯ, พวกนี้ต่างหากที่สำคัญ,ส่วนพวกกู้มาทำธุรกิจมันจะขอดูแผนธุรกิจด้วยการกู้ผ่านไม่ผ่านมันไม่ใช่อารมณ์เป็นตัวตัดสินนะเหตุผลทางสถิติล้วนๆ
ถ้าถามเรื่องแค่ช่องรายได้มันจะเอาแค่ที่ได้แน่ๆคือเงินเดือนอย่างเดียว
กูจำได้ว่าถ้ามึงล้มละลายจริงแล้วเจ้าหนี้เขามาเก็บเงินใช้หนี้ศาลจะสั่งให้เจ้าหนี้ชักเงินลูกหนี้ได้เลยคิดเป็น30%ของเงินเดือนหน่ะ เพราะฉะนั้นไอ้เรื่องที่รายงานเงินเดือนเท่าไหร่เขาเอามาคำนวณกรณีมาทวงหนี้ด้วยซึ่งข้อสองที่ว่าถึงจะการันตีว่าได้แน่ๆแต่เขาก็ไม่เอามาบวกใส่ในช่องเงินเดือนเวลาคำนวณวงเงินกู้
ถ้าเข้านายใส่ความเราในห้องประชุมจะทำไงดี กูทำหน้าที่หาอัพเดทข้อมูลแต่ละวีค ทีนี้กูคุยกับอีกบ.ถึงตัวเลขว่าขออัพเดท เขาบอกกว่าขออัพเดทแค่เดือนละครั้ง สิ้นเดือนที่แล้วกูก็อัพเดทให้แล้ว
พอประชุมวันนี้เจ้านายเอาตัวเลขที่ไหนไม่รู้ไปบอกผจก.ในห้องประชุม กูก็โดนด่าว่าทำใมไม่อัพเดท ทั้งๆ ที่กูโทรไปยืนยันกับอีกฝ่ายแล้วในวันนั้นว่าเขาทำให้ไม่ได้
ตอนนั้นกูไม่อยู่ในห้องประชุมเลยเถียงไม่ได้ พอกูรู้ก็โทรไปถามอีกฝ่ายว่าเขาอัพเดทตัวเลขให้ใครป่าว เขาก็บอกว่ารอบล่าสุดที่อัพไปให้คือล่าสุดแล้ว เมื่อวานก็ยืนยันแล้วว่าให้ไม่ได้ ตัวเขาเองยังไม่อัพเดทด้วยซ้ำ
กูเฟลมากวะ ปกติหัวหน้ากับกูจะช่วยกันเช็คข้อมูลแล้วกูค่อยลงในรายงานประชุม แต่รอบนี้มันเอาตัวเลขมาจากไหนวะ แถมแม่งเป็นคนที่รับกูเข้ามาด้วย ที่แล้วมาก็ดีบ้างเหี้ยบ้าง แต่ครั้งนี้กูไม่อยากทนจริงๆ
พวกคุณมีแนวตั้งนาฬิกาปลุกแบบของคุณเองมั้ย
อย่างผมตั้งให้ปลุกทีนึงก่อนเวลาตื่นจริง2ชม.
และอีกที15นาทีก่อนตื่นจริง แล้วsnoozeจนถึงเวลาตื่นจริง
ไม่เคยเพราะปกติ คนที่บ้านมีแต่มาก้มกราบ ให้กูตื่นสายกว่านี้
กูตื่น ตี 4 ทุกวัน
ไม่มีแนวอะไรเป็นพิเศษครับ ปกติตั้ง 6 โมง ถ้าตื่นไหวก็ตื่น ถ้าตื่นไม่ไหวก็กดปิดแล้วนอนต่อตื่นอีกที 6.30-7.00
แต่บางวันตื่นก่อนนาฬิกาปลุกก็มี แล้วแต่ว่าคืนก่อนหน้านั้นทำงานถึงกี่โมง
>>45 กูตั้งก่อนเวลาตื่นเกือบๆ ชั่วโมงอะ ตั้งใว้สองอัน ห่างกัน 30นาที ให้มัน snooze ทุกๆ 12นาที
ถ้าลุกก่อนก็สโลวไลฟ์ได้นิดหน่อย ช่วงราวๆ 15นาที สุดท้ายก่อนเวลาที่กูต้องลุกจริงๆ แม่งจะดังรัวๆ เลย (ปกติลุกตอนนี้)
ปัญหากูคือ กูจะกด snooze แต่เสือกกลายเป็นปิดนาฬิกาปลุกไปเอง รู้ตัวอีกทีคือจะสายแล้ว
กูล่ะเกลียดแอพนาฬิกาตอนนี้จริงๆ ออกแบบมาใช้ง่ายเกิน
ใครได้หยุด 3 วันมาให้กูสาปแช่งซะดีๆ อิจโว้ยยยย
สวัสดีค่ะพี่โม่ง เราโม่งเด็กจะขึ้นปีสองเรียนบัญชี
อ่านเกี่ยวกับอาชีพออดิทมาแล้วรู้สึกสนใจมาก
ที่เข้าใจคือ ไปทำแล้วจะได้เห็นภาพรวมธุรกิจได้ความรู้หลายด้าน
งานหนัก กดดัน เจอคนเยอะ รายได้ช่วงแรกริบรี่
ถ้าไปทำแล้วจะโปรไฟล์ดีเพราะดูผ่านมาเยอะ
หลักๆคืออยากได้ความรู้กับประสบการณ์ อยากฝึกตัวเองด้วย
จากข้อมูลมีแต่ของปีเก่าๆอยากรู้ว่าตอนนี้ยังเป็นแบบนั้นอยู่ไหม
แล้วถ้าทำสัก1ปีละออกไปต่อโทจะเป็นอะไรไหม
ขอถามหน่อย พอดีพึ่งได้งานแล้วเขาขอหนังสือประวัติอาชญากรรม
ตอนที่คุยเขาบอกไปขอที่สถานีตำรวจ ไม่งั้นก็สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ แต่เท่าที่หาเหมือนมีแต่ไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มันมีไปขอที่โรงพักได้ด้วยหรอ เกิดมาพึงเคยได้ยินใบนี้แหละ เห็นมีแต่ขอไปทำวีซ่า แถมกว่าจะได้นานเป็นเดือน
ออดิทเมิงกว่าจะสอบได้ มันไม่ใช่ง่ายๆ รู้สึกเขาต้องฝึกงานก่อนด้วยล่ะมั้ง
ได้เลื่อนตำแหน่ง เงินเดือนเพิ่มจาก 50,000 เป็น 60,000 หว่ะ 555
ถามอะไรหน่อยสิคับเซมไปทาจิ ตอนเรียนกับทำงานนี่เหมือนกันไหม กูเรียนวิศวะไฟฟ้าอยู่เเต่โง่มากเลย คือเรียนเอาเพื่อสอบอย่างเดียวเลย ความรู้ก็ไม่ค่อยมี อยากรู้เวลาทำงานจัง ตอนสมัครเขาดูอะไรบ้าง เเล้วงานที่ทำใช้ความรู้อะไรไหม excel โปรเเกรมอะไรบลาๆ ตอนนี้โง่จริงๆความร้งความรู้อะไรไม่ค่อยมียังงงตัวเองว่าเรียนมาได้ยังไงใกล้จบละเเต่ก็เริ่มมองหาอนาคต รบกวนเเนะนำเล่าประสบการณ์ให้ที รึการเตรียมพร้อมต่างๆ อะริกะโต้โกไซมัส
ปีนี้ไม่ได้เงินขึ้น ไม่ได้โบนัส
เศร้านิดนึง
พี่ๆ ซาลารี่คะ หนูถามหน่อยนะ คือ หนูเพิ่งลาออกจากงานมา ตอนนี้มาอยู่บ้านได้ 2 เดือนแล้วละมั้ง แล้ 2 ที่ ที่ผ่านมา มันสังคมแย่มาก แย่ชนิดที่ว่า นอนฝันร้ายแล้วไม่อยากตืนไปทำงานเลย แม่บอกว่ามันเป็นธรรมดาของที่ทำงาน แต่หนูว่า มันไม่โอเคมาก ที่เจอคนแก่มาหาเรื่องแบบแปลกๆ แถม ถ้าไม่ไปกินข้าวด้วยกันมันด่าเรายันชาติหน้า ล่าสุดนี่ฮาร์ดคอมาก กัดเราทุกวัน จนเรายังงง ว่ามันตามกัดเราทำไม มารู้เอาจริงๆ ก็ตอนเพื่อนมาบอกว่า เราเอางานไปทำไม่บอกมัน มันเลยแขวะเรา คือ เรื่องนี้หัวหน้าต้องแจ้งมั้ย? หรือเราต้องบอกเพื่อนเอง งงมาก พอลาออกมาเลยรู้สึกโล่ง ปรากฏ กลัวที่ทำงานใหม่มากค่ะ
คือ พอเริ่มหางานใหม่ เรามีปัญหา เราระแวง คล้ายเป็นปัญหาทางใจ คือเราไม่เอาใคร ไม่อยากทำ ไม่อยากใกล้ ผลตามมา คือเราปฏิเสธงานมา 2 -3 ที่ (และแน่นอนว่าเขาไม่เอาหนูด้วย) จะบอกว่า ให้มาทำงานที่บ้านก็ได้นะ แต่มันก็ไม่ดี เสียดาายวุฒิมาก แต่หนูเหมือนเป็นโรคกลัวมาก ไม่รู้ว่าทำไม แต่มันฝังใจมากค่ะ
หนูฝังใจกับการเสียความรู้สึกที่เกิดในออฟฟิต ไม่รู้ว่ามีใครเหมือนเรามั้ย ที่ไม่อยากทำงานในออฟฟิตเลย นี่มันแย่กว่าเรียนอีก รู้สึกไม่ดีมากๆ หนูไม่รู้จะไปปรึกษาที่มู้ไหนดีอะ แก้อาการกลัวนี้ยังไงดี
>>61 ลองปรึกษาจิตแพทย์ดู เราเข้าใจนะ สังคมที่ทำงานปัจจุบันก็แย่มากเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้แย่ทุกทีหรอก ที่เก่าๆ เราก็ดี แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นประเด็นคือมันอยู่ที่ใจเราต่างหาก อย่าไปยึดติดกับสังคมที่ทำงาน เราแค่มาทำงานร่วมกัน เลิกงานเราก็ไปอยู่กับครอบครัวกับคนที่เรารักและไว้ใจได้ ที่ทำงานเราก็แค่ทำไปตามหน้าที่ อย่าไปไว้ใจมัน อย่าไปมอบความจริงใจให้ แต่ก็ไม่ต้องไปเหี้ยตอหลดตอแหลเป็นผีบ้าตามพวกมันไป จงอยู่อย่างหินผา อย่าอยู่อย่างสายน้ำ สายน้ำไปอยู่ในภาชนะอะไรก็เปลี่ยนรูปร่างตามเปรียบเหมือนคนที่หวั่นไหวตามสิ่งแวดล้อม เราต้องปรับตัวน่ะใช่ แต่จิตใจเราอย่าไปเปลี่ยนแปลงตามสังคม อย่าไปหวั่นไหวหรือยืดติด ทำหน้าที่ของเราไป เรื่องอื่นช่างแม่ง ฟังดูเหมือนทำยากนะ แต่ทำได้ เชื่อเรา เราผ่านจุดนั้นมาแล้ว จุดที่อยากลาออกเพราะสังคมเหี้ยๆ ที่ทำงาน มีแต่พวกผีบ้าประสาทแดกมารวมตัวกัน แต่มาคิดดูให้ดี เรื่องไรวะ เงินก็ดี งานก็โอเค ทำไมจะต้องให้คนเหี้ยๆ มามีอิทธิพลกับชีวิตเรา ทำให้เราเสียงานดีๆ เงินดีๆ ไปด้วย พอคิดได้แบบนั้นก็ชิวเลยทีนี้ ไม่สนใจแม่ง ปล่อยมันผีบ้าของมันไป เราก้มหน้าก้มตาทำงานของเราไปก็พอ
อ้อ แต่ถ้าเจ้านายเหี้ยนี่อีกเคสนะ เพราะถ้าไม่ถูกกับเจ้านายนี่มึงอยู่ยากละ โอกาสโตไม่มี ควรพิจารณาย้ายงาน แต่ถ้าแค่สังคมเพื่อนร่วมงานเหี้ยละก็ไม่ต้องไปสนใจหรอก มันไม่ได้มีอิทธิพลกับชีวิตเราขนาดนั้นถ้าเราไม่ไปสนใจมัน มันกัดมาก็ปล่อยมันกัดไป หมากัดอย่าไปกัดตอบ มีเจ้านายดี งานดี เงินดี แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพื่อนร่วมงานช่างแม่ง
งั้นถ้าเจอคนที่ทำงานหาเรื่อง เราจะมีบารมีไปต่อกรกับเขายังไงคะ ด่ามาด่ากลับไม่โกงได้ไหม รู้สึกพอเป็นเด็กใหม่ ใครๆก็จ้องเหยียบ เจอที่ทำงานใหม่นี่ไฟท์มาได้ไฟท์กลับแน่ๆ จะไม่ทนแบบเดิมแล้ว ทนไปมีแต่เหยียบหนักกว่าเดิม
อยากเก่งเรื่อง Office Politic ศึกษาจากที่ไหนดี
>>61 >>64 เจอเหมือนกันเพื่อนโม่ง ปัญหาเรื่องนินทาลับหลัง เพื่อนร่วมงานไม่พอใจและไม่ให้ความร่วมมือ เราพยายามปรับตัวแล้วแต่ดูเหมือนคนที่ไม่ชอบขี้หน้าเราเขาก็จะไม่ชอบเราวันยังค่ำ เราเครียดมาก งานก็หนักเพราะต้องทำร่วมกับคนต่างชาติ กลับบ้านไม่ตรงเวลาตลอด
เราออกจากงานมาซักพักนึงแล้ว เราทำงานมาก็หลายงานอยู่ วันพุธนี้โดนเรียกไปสัมภาษณ์งานอยู่เหมือนกัน ตอนนี้เราสติแตกมากเลย คือเรา "กลัวว่าเราจะได้งานทำ" แต่อีกใจหนึ่งเราก็อยากทำงานเพราะเราต้องมีเงินเลี้ยงปากท้อง บอกตรง ๆ ว่าเราปอดมาก เป็นถึงผู้ชาย ได้อยู่ตัวคนเดียว ลูกคนโตด้วย อายุก็จะ 30 แล้วเพิ่งจะรู้สึกว่าตัวเองโคตร loser ก็คราวนี้แหละ เราเริ่มกลัวการเข้าสังคม วิตกและคิดมาก
เราจะไปพบจิตแพทย์วันจันทร์ที่จะถึงนี้เหมือนกัน บอกตรง ๆ ว่าเราไม่กล้าเอาปัญหานี้ไปบอกเพื่อนแม้จะสนิทที่สุดกันก็ตาม เราไม่มีทางออก ใครหลายคนอาจจะมองว่าเราไม่เข้มแข็งแต่ตอนทำงานเราไม่เคยมีปัญหากับ "เนื้องาน" เลย เราคิดว่าเราเป็นคล้ายกระทู้นี้ http://pantip.com/topic/34839048 คือหลายครั้งที่เราทำงานเรากลัวกับสังคม มันก็อาจเป็นไปได้ทั้งสองอย่างคือเราเปชิญกับสังคมได้ไม่ดีพอหรือไม่ก็สมองเราทำงานผิดปกติ เลยจะไปปรึกษาแพทย์ดู
ถ้าเรียนจบแล้ว ชีวิตทำงานจะได้นอนมั้ยคะ... คือสภาพตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นศพที่อยู่ได้ด้วยกระทิงแดง นอนวันละ 4 ชั่วโมงก็เก่งแล้ว ตื่นเช้ามาก็คลื่นไส้ อาเจียนเป็นน้ำย่อยทุกวัน ชีวิตอยากจะนอนแบบปกติสุขบ้าง อยากรู้ว่าชีวิตทำงานถึงจะหนักจะเหนื่อยจะโดนโขกสับ สังคมจะเหี้ย แต่มันจะได้นอนมั้ยคะ
ถ้าได้งานหยุดเสาร์อาทิตย์ชีวิตก็มีเวลาผักผ่อนมากขึ้นนะ
แต่ก่อนทำงาน6วัน วันอาทิตย์ตื่นมาทำเก็บห้องซักผ้ากว่าจะเสร็จก็ปาไปครึ่งวันละ หยุดเหมือนไม่ได้หยุด
โม่งไหนใครทำงานในหน่วยงานของรัฐมั่ง เจอปัญหากันมากน้อยแค่ไหน
จริงหยุดวันเดียวคือวันบิ๊กคลีนนิ่ง
ปล.กูหยุดวันเดียวเวลามีธุระก็ต้องไปทำในวันหยุด เหนื่อยจริ๊ง
กุโง่เอง ทำงานมาสี่เดือนแล้วออก เพิ่งทำงานครั้งแรก บอสถามว่า "จะทำประกันสังคมไหม" ก็บอกว่าแล้วแต่เขาเลย
สรุป เขาไม่ทำ เพิ่งมมารู้ทีหลังว่า ถ้าทำประกันสังคม กรณีออกจากงานจะได้ 7500 6 เดือนจริงเหรอวะ กุนิโกรธบอสฉิบหายเลย
กุเข้าใจผิดป้ะเรื่องประกันสังคม?
>>74 มึงก็ได้เงินเต็มๆจากเงินเดือนมาแล้วนี่นาถ้าทำประกันสังคมคือเขาจะหักเงินเดือนมึงเดือนละ10%กลหรือประมาณ1500บาทไปก่อนเลยมึ
ก็ๆม่ขสดทุนมากหรอก แต่อายุงานมึงสี่เดือนมึงก็ยังไม่ได้เงินชดเชยว่างงานหกเดือนอยู่ดีนั่นแหล่ะ. เอาเป็นว่าถ้าได้งานที่ใหม่ก็แจ้งทำประกันสังคมด้วยแล้วกัน
อืมๆ กุไปค้นมาละ ต้องส่งหกเดือนถึงจะได้ค่าชดเชย -_-; แต่ตามความเป็นจริงบ.กุควรทำประกันสังคมให้ป้ะ นอกจากนั้นยังเลี่ยงภาษีไม่แจ้งรัฐว่ากุทำงานในบ.ด้วยซ้ำ กุอยากเสียภาษีก็เสียไม่ได้เพราะเขาใช้วิธีโอนเงินเดือนผ่านบัญชี ไม่มีสลิปหลักฐาน บุว..... คนอื่นๆในบ.ก็น่าจะไม่ได้แจ้งเหมือนกันอ่ะ
อ่ะ กูขี้เกียจตัดสินใจมาก แต่แม่งต้องตัดสินใจละเพราะเขาจะเรียกกูไปสัมภาษณ์ละ
1). จะอยู่ กทม. ต่อเพื่อทำงานที่ทำได้ ไม่ใช่แค่ได้ทำหรือทนทำ (แต่ไม่ตรงกับสายงาน จบมาแล้ว 3 ปีไม่เคยทำงานตรงกับสายที่จบมาเลย) งาน 6 วัน 9 ชม. ปกติ เข้าเที่ยงเลิกสามทุ่ม วันหยุดต้องไม่ใช่เสาร์อาทิตย์ เงินเดือนหมื่นสี่ เบ็ดเสร็จมีเงินเก็บเดือนละประมาณ 2000-3000 บาทหักค่าหอ ค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าสาธารณูปโภคแล้ว เดินทางสะดวก ได้ขลุกกับสิ่งที่ตัวเองอยากขลุก แต่จะต้องทำงานคนเดียว ไม่มีใครคอยช่วยเหลือ (ตย. งานประเภทนี้เช่น ร้านหนังสือ ร้านหนัง)
2). จะกลับไปอยู่บ้านนอก (ที่ใช้คำว่า "บ้านนอก" เพราะมันโคตรห่างจากตัวเมือง ชนิดต้องเดินทาง 3 ชม.) ทำอาหารขาย อยู่บ้านไม่ต้องเสียค่าเช่า น้ำไฟฟรี อินเตอร์เน็ตเข้าถึง มีเงินอุดหนุนจากผู้ปกครองทุกเดือนเพราะเป็นข้าราชการเกษียณ แลกเปลี่ยนกับการต้องดูแลพวกท่านไปโน่นไปนี่ มีรถขับ แต่ไม่มีความซิวิไลซ์ ไม่มีโรงหนัง ไม่มีอะไรให้สามารถนำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้เหมือนเวลาไปเดินสะพานเหล็ก ไม่มีโอกาสพบปะเพื่อนฝูงเว้นแต่จะเดินทางเข้า กทม. และที่นั่นก็กึ่ง ๆ จะไม่ใช่ถิ่นเรา (เพราะเติบโตมาใน กทม.)
ทั้งสองข้อมีความเหมือนกันอยู่คือ "เป็นลูกจ้างงานขาย" "ไม่ใช่อาชีพที่สามารถยึดทำเป็นหลักยันแก่เฒ่า" "ไม่มีโอกาสเติบโตในสายงาน"
คือ กูมีปัญหาชีวิตเบื้องหลังเยอะ แต่ตัวเลือกมันมีให้กูแค่นี้เองว่ะ ตอนนี้ไม่อยากคิดเลย คือไม่อยากตัดสินใจ อยากปล่อยไปตามเวรตามกรรมมาก แต่อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว...คุยกับใครก็ไม่ได้อีก (เพราะพวกแม่งเกือบทุกคนเริ่มบินสูงกันแล้ว)...รู้สึกแย่ว่ะ
>>78 กูอยู่กรุงเทพ 9 ปี ออกกลับมาบ้านนอกมีความสุขดี เจอเพื่อนเก่าเป็นครูเป็นข้าราชการ ทำงานส่วนตัวรับช่วงที่บ้านเหมือนกันบ้าง ก็คุยกันปกติ ไม่มีใครสนอะไรว่าไปสูงแค่ไหน (ก่อนกลับมานี่กูระดับมีชื่อเป็นข่าวลง นสพ. บ้างละนะ) งี่เง่าหน่อยก็ญาติๆ
ตอนนี้กูทำงานส่วนตัวเงียบๆ พอแม่รีไทร์มีนามีไร่กูก็ช่วยทำ เดี๋ยวมันก็ตกเป็นของกู ตอนนี้ช่วยดูแลรักษาไว้ให้ดี
ดีไม่ดีมันอยู่ที่เราคิดแหละ
>>78 มันแล้วแต่คนชอบว่ะ เป็นกูกูกลับบ้านนอกแบบไม่ลังเลเลย
ขอชมนิด เงินเดือนหมื่นสี่เช่าหออยู่กทมได้มีเงินเหลือเก็บ มึงเก่งมาก เป็นกูถ้าได้ต่ำกว่า 30k กูไม่เข้า กทม.เด็ดขาด อยู่บ้านนอกดีกว่า แต่กูชอบทำงานคนเดียวมาก ทำงานกับคนอื่นปัญหาเยอะจะตายชัก ไม่มีอะไรน่าเบื่อในการทำงานเท่ากับเรื่องคนอีกแล้ว
>>78 ถ้าเป็นกูคงกลับบ้านนอกว่ะ ได้มีเงินเหลือเก็บเยอะ มีโน่นมีนี่ให้ใช้ มีบ้านเป็นของตัวเองแถมได้อยู่กะพ่อแม่ แล้วที่สำคัญอยู่ในพื้นที่บ้านตัวเองอยากทำไรก็ทำ อยากแตกไลน์ทำโน่นนี่เสริมก็ได้ ยังไงในอนาคตที่นี่ก็จะเป็นบ้านของตัวเองด้วย ทำความคุ้นเคยไว้ไม่เสียหาย กูเองก็ไม่ได้ชอบปาร์ตี้ไรอยู่แล้ว ถ้าอยากไปซื้อเกมส์สะพานเหล็กนานๆทีไปซื้อก็ได้ กูไม่ได้ชอบความศิวิไลด้วย ชอบต้นไม้ป่าเขาธรรมชาติ ถ้าจะมีเหตุผลให้กูยอมรับเงินเดือนน้อยอยู่ในเมืองจริงๆก็คงจะเป็นเรื่องที่ว่ากูได้ทำงานที่ชอบ ที่ใฝ่ฝันหรือมีแนวทางให้กูต่อยอดไปในงานที่ต้องการได้จริงๆน่ะแหละ ถ้าแค่ได้ทำเฉยๆกูไม่โอเคว่ะ
>>79 >>80 >>81 ขอบใจพวกมึงมาก ๆ นะ คือสำหรับกูซึ่งก่อนหน้านี้ทำงานมาตลอดหลายอย่าง ถีบตัวเองส่งเรียน พยายามฝึกฝนด้านภาษา แต่คือลุ่ม ๆ ดอน ๆ เหมือนเป็ดที่ทำได้ทุกอย่างแต่เสือกทำไม่ดีเท่านก เท่าปลา หรือเท่าสัตว์เดินสองเท้า
เคยเป็นมาทั้งลูกน้อง เจ้านาย และซุป ฯ ประสบการณ์มีแหละ แต่พอถึงจุดจุดหนึ่งในชีวิตกูที่เพิ่งผ่านมามันทำให้กูมองตัวเองเหมือนปลงตกว่ะ แถมช่วงนี้นอนไม่หลับ ปวดหัว อารมณ์ก็ไม่อยู่กับร่องกับรอยด้วย อาจจะเครียดจริง ๆ เลยตัดสินใจอะไรไม่ถูก
ขอบใจ ๆ
เป็นกู กูจะลองไปสัมภาษณ์ดูก่อน แล้วถ้าได้ก็ลองทำดูว่ามึงชอบจริงมั้ย ของพวกนี้มันต้องลอง กลับชช้ากลับเร็วไม่เสียหาย อย่างน้อยมึงก็มีตัวเลือกดีกว่าคนอื่น มีที่ให้ถอยกลับได้ พอทำดูแล้วมึงไม่ชอบจรืงๆ ก็ค่อยกลับก็ได้
ส่วนกรณีที่มึงกลับแล้ว ถึงมึงจะบอกว่าบ้านนอก แต่เน็ตเข้าถึง มีน้ำไฟ อยู่ไหนก็เหมือนๆกันแหละยุคนี้ ของสั่งผ่านเน็ตเอา แล้วก็เก็บเงินไว้เป็นทุนไว้ทำอะไรอย่างอื่น กรณีมึงกลัวว่างานที่มึงทำมันไม่มั่นคง มึงควรจะเริ่มหาวิธีออมให้มากขึ้นได้แล้ว เผื่ออีกหน่อยมึงคิดออกอยากจะทำอะไร แต่ไม่มีทุนแล้วจะเงิบเอา หรือเลวร้ายสุดคือมึงตกงาน อย่างน้อยก็ยังมีเงินเก็บไว้ดำรงชีพสักพัก
ถ้ากลับบ้านนอกแล้วรายรับหลักคือเงินบำนาญพ่อแม่ กูอยากให้มึงคิดถึงกรณีเลวร้ายที่สุดหลังพวกท่านไม่อยู่แล้วด้วยว่ามึงจะเอายังไงกับชีวิตต่อ เตรียมมองหาลู่ทางไว้บ้าง
ได้งานใหม่เงินเดือน +10K เย่ \(' ')/
มึง กุเป็น HR recruit มือใหม่
กุอยากหาจัดซื้อซักคนนี่ มีเว็บหรือวิธีไหนแนะนำมั้ย
เว็บแบบซาลารี่แพงมากไม่ไหวนะ บ.กุเป็นเอสเอ็มอี
รบกวนด้วยนะโม่ง
ถ้าต้องทำงานในนิคม พวกคุณมึงจะซื้อรึเช่าคอนโดวะ กับ ไม่ควรไกลที่ทำงานเกินกี่โล
คิดไม่ตกว่ะ
พวกมึงทั้งหลาย กึ๋น ความเก่าเกม เขี้ยวลากดิน การรู้หลบรู้หลีก ทักษะเหล่านี้กว่าจะเป็นกันได้มันฝึกกันนานมั้ยว่ะ แล้วฝึกอย่างไร หรือว่าอยู่ๆมันก็เป็นเองเลย กูทำงานแล้วกูรู้สึกว่ากูขาดเรื่องพวกนนี้เยอะมากเลยว่ะ
ปรึกษาหน่อยคือกูส่งของผิดสเปคให้ลูกค้า แล้วกูพึ่งรู้ตัวแจ้งหัวหน้าไปแล้ว และมีโอกาศที่ลูกคัาเจ้านี้จะยกเลิกซื้อสินค้ากับโรงานกูด้วย ตอนนี้หูแทบไม่กล้าสู้หน้าใครละทำไงกับชีวิตดีวะ ลาออกหรืออยู่ต่อชดใข้กรรม
ถ้าทำงานเอกชนมาครึ่งปี ลาเรียนต่อป.โทปีนึงนี่ลาได้ป่าววะ หรือต้องลาออกไปเรียนอย่างเดียว (งานการโรงแรม)
ทำไมกรมสรรพากรยังให้หักค่าครองชีพแค่ 6 หมื่นบาทอยู่อีก WTF
ถามโม่งที่เคยสักหน่อยดิ มันเจ็บขนาดไหนอะ
กู30กว่าละ การงานก็ว่าจะปักหลักที่เดิมไปยาวๆ
ค่าสักก็มี ว่าจะสัก เอาแค่ไม่เลย้สื้อแขนสั้นก็พอ
กูจบมาสองสามปีละ สมัครงานตรงสายยังไม่เคยมีใครรับซะทีเลยทำงานอื่นประทังชีวิตไปก่อน แต่ก็ยังไม่อยากเลิกคิด แต่กูไม่แน่ใจว่าจะยังเหลือโอกาสอยู่ป่าววะ เพราะเรียนไม่เก่ง เกรดไม่ดี เลยไม่มีใครเอา พอไม่เอาก็ไม่มีประสบการณ์ซะที ครั้นตอนนี้จะไปสมัครก็กลัวจะสู้เด็กจบใหม่ไม่ไหว เค้าไม่มีประสบการณ์ก็จริงแต่ยังไฟแรง ความรู้เต็มที่อยู่ แต่เราดิ จบมาซักพักแล้ว ประสบการณ์ก็มีแต่สายอื่นไม่ค่อยใช่สายตรงเท่าไหร่ ไปสมัครที่ไหนก็แห้ว เฮ้อ
ตอนนี้กุทำงานกับครอบครัวว่ะ เป็นบริษัทของพี่
กุอยากลาออกมากแต่ไม่รู้จะพูดไงดี ไม่อยากให้เค้าถาม ไม่รู้จะพูดไงไรงี้
กุยังไม่มีที่ไปที่ดีกว่า แต่ก็ไม่อยากอยู่แล้วอะ เหนื่อย
Airport link ส้นตีนเอ้ย
จากคนโดนบังคับลาช่วงเช้า
นอกจากงานหลักเป็นมนุษย์เงินเดือน ใครมีอาชีพรองหรืออาชีพเสริมกันมั่ง มีแล้วทำอะไรกัน
>>104 ทำสวน
กูได้งานอยู่ต่างจังหวัดบ้านเกิด มีที่พ่อที่แม่อยู่ ก็ปลูกผักปลูกพืชไร่ไปเรื่อยตอนเค้าไม่ทำนา
เสาร์อาทิตย์คอยเด็ดหญ้าฉีดยาสูบน้ำจากคลองชลประทานเข้า
ปีก่อนโน้นปลูกแตงโม ปีก่อนปลูกข้าวโพดกับถั่ว แต่ปีนี้ต้องงดเพราะน้ำแล้ง
ถามว่ากำไรไหม ก็กำไรนะ เพราะทำไม่เยอะ ไม่ต้องจ้างคนช่วยงาน แต่คุ้มที่ลงแรงไหมคิดหนักอยู่
เหมือนงานอดิเรกมากกว่าอาชีพเสริม
กุอดีตมนุษย์เงินเดือนนะ อยากมาแชร์เรื่องหอพักหน่อย
ทีนี้ หอที่กุอยู่ จะมีคนดูแลหอคนนึง เป็นผช. ซึ่งพี่แกก็ทักกุทู้กวันตอนกุกลับมาจากทำงาน กุก็ยิ้มๆทักไปตามมารยาท
ตอนหลังๆพี่แกเริ่มเรียกกุคนสวยๆ กุก็เริ่มกลัวแต่ก็คิดว่า ถ้าแค่แซวก็โอเควะ แล้วก็เริ่มชวนกุคุยบ่อยๆ
มีบางวันกุต้องไปสแกนงานด่วนตอนดึกๆ พี่แกก็ขับมอไซต์ไปส่งกุให้นะ แล้วก็เก็บตังกุ 5555 (พี่ดีกับหนูมาก แต่หนูกลัว)
ตอนแรกกุอยู่กะเพื่อนสองคน เพื่อนได้งานใหม่ย้ายกลับตจว. ทีนี้กุพยายามปิดสุดฤทธิ์เลย แต่พี่แกก็ถามๆๆจนกุต้องบอก
กุก็เลยแบบ เออ จะย้ายหอแล้วค่ะ อะไรงี้ ขอบคุณมากนะคะ ก็ลาแก ตอนซ้อนมอไซต์เกาะพี่แกอยู่ แกขอยืมเงินกุร้อยนึงว่ะ
ด้วยอะไรหลายๆอย่าง ด้วยเซ้นส์กุมั้ง หลังจากนั้นกุไม่กล้าอยู่หอคนเดียวอีกเลย สุดท้ายก็กลับไปนอนบ้านอยู่เป็นอาทิตย์ จนย้ายหอเสร็จ
มึงแค่โดนคนจีบไม่เป็นตามจีบหรือเปล่าวะ
กุไม่รู้ว่ะ จริงๆ เขาทักกุกุก็ตอบ มันก็แค่นั้น ไม่ได้คุยอะไรเจ๊าะแจ๊ะ ใจคอกุไม่ได้ชอบยุ่งกะมนุษย์โลกเท่าไหร่นะ กุเข้าหอก็ทัก เที่ยงคืนกุลงมาซักผ้าก็เจอเขาทักกุบ้างนั่งร้องเพลงบ้าง TOT บางวันกุไม่เห็นเขาลงมาซักเงียบๆ ตอนเช้าดันโดนถามว่าเมื่อวานลงมาซักผ้าเหรอไรงี้ ...กุก็สะดุ้งดิ
ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าคนดูแลจะผิดหรือเปล่า เจ้าของหอกับผู้จัดการเป็นอีกคนนึง เหมือนคนนี้โดนจ้างมาเฝ้ายามดูแลหอตอนกลางคืนเฉยๆ จะไม่ค่อยเจอตอนกลางวัน ขยันทักกุฉิบหายกุก็คิดดิแม่งมีไรป่ะวะ ถ้าเขาเป็นคนสุภาพเรียบร้อยกุก็คงไม่กลัวหรอกมึ๊งงง
มึงแยกไม่ออกใช่ไหม กุก็แยกไม่ออก ว่าเขาทักตามมารยาท แซวเล่น แอ๊ว หรือจีบ พูดตามความเป็นจริงแล้วหอมันควรเป็นที่ๆกุทำงานกลับมาฟาดตัวนอนได้อย่างอุ่นใจไม่ใช่ระแวงแบบนี้อ่ะ
กูเคยเจอแต่ยามทักแบบนี้เลย ทักทุกวัน ทุกครั้งที่เจอหน้า แถมให้ขนมมากินด้วย ไปๆมาๆกูกลัวชิบหายว่าเค้าจะคิดอะไรกะกูป่าววะ ดูยุ่งเรื่องส่วนตัวกูมากๆ ไม่รู้ว่าเฟรนลี่หรืออะไรแต่กูกลัวเฉย กูทั้งกลัวทั้งรู้สึกผิดที่กลัวเพราะถ้าเค้าแค่มนุษย์สัมพันธ์ดีกูก็ทำกิริยาแย่ๆลงไปด้วยอ่ะ
ทนกันได้ไงเนี่ย 555 เราเคยโดนทักแค่ วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอ เพราะไม่ได้ใส่ชุดนิสิตไปข้างนอกยังแบบ เฮ้ยไรเนี่ย ถ้ามองตามตรงคือมันก็คำถามเบสิคที่สุดเวลาออกไปข้างนอก แต่เราก็ทำใจโอเคไม่ได้อะ เลยทำงงๆแบบ ทักเราเหรอ? ละพยักหน้าแล้วรีบเดิน
ส่วนนึงคงเหงาล่ะอาชีพแบบนี้ เราพยายามเข้าใจ แต่ไอ้พยายามยุ่งเรื่องส่วนตัวนี่ก็เกินไปนะเราว่า
กูว่าทักเยอะไปนะ แล้วพวกมึงเป็นผู้หญิงกันด้วย เป็นกูกูก็ระแวงว่ะ พวกอาชีพยามเนี่ยแม่งหลักหลอย
ในหัวคิดอะไรอยู่มั่งก็ไม่รู้ วันดีคืนดีสบช่องมันข่มขืนแล้วหนีไปเลยใครมันจะรู้วะ ก็ไม่ได้อยากเหมารวมนะ
แต่สภาพสังคมของอาชีพยามมันมีส่วนแบบนั้นอยู่เยอะ
จริง ถ้าเป็นยามกูก็ไม่แนะนำให้ไว้ใจหรอก
กูผู้ดูแลตึกก่อนหน้านี้อ่ะนะ ยามตึกกูอยู่ๆ มันจะหายมันก็หายไปเลยเฉ้ย
ยังดีที่มันไม่ได้เอาไรไป
สมกับเป็นคนในประเทศกรุงเทพครับ เหยียดกันให้เต็มที่เลยครับชนชั้นล่างอย่างพวกยามมันสวะเกินกว่าจะมาจีบชนชั้นสูง
ยามแถวบ้านกูจบปริญญาโทเพราะไปเรียนกลางวันกลางคืนทำงานยามแล้วอ่านหนังสือเพราะที่บ้านไม่มีเงินส่งเรียนป.โทฮะ. ตอนนี้ไปทำงานต่างประเทศแล้ว
ยามแถวบ้านกุเป็นหมอเลยนะเว้ย ที่เป็นยามนิพาร์ทไทม์ งานหลักคือเขียนเสี้ยมให้คนตีกันลงเว็บ เย่ะ /กำโทดแมวพิมพ์...
กูว่าที่ผู้หญิงเค้ามาบ่นคือเค้ากลัวอย่างอื่นมากกว่าแค่จีบนะ 555
ปล.ยามที่เป็นหมอลาออกมาแล้วนี่ ได้ยินว่าปัจจุบันเอาเวลาว่างเฝ้ายามมาเขียนหนังสือ
ขอความรู้หน่อย กูโม่งซาลารี่มือใหม่
- กูเงินเดือน 23k ในงานสายกราฟฟิกถือว่าเยอะยังวะ แล้วถ้ากูเก็บเงินเดือนละ 5k นี่ถือว่าดีแล้วหรือยังวะ หรือควรเก็บมากกว่านี้
- เงินเก็บกูยังน้อยๆ แค่หลักหมื่น เอาไปฝากสลากออมสินดีไหมวะ เพราะตอนนี้ธ.ไหนก็ดอกน้อยทั้งนั้น ซื้อสลากเผื่อได้ลุ้นรางวัลบ้าง
- แล้วถ้ากูอยู่หอพัก เดือน 5500 นี่มันเกินตัวไปไหม ที่เก่า 3500 แต่มีค่าเดินทาง ค่าส่วนกลาง รวมๆแล้วก็เกือบ 5000 กูเลยคิดว่าถ้าไปอยู่ที่ใหม่น่าจะดีกว่า เพราะคุณภาพดีกว่าด้วย เพิ่มเงินอีกแค่ไม่กี่ร้อย
โม่งนี้ใครคิดจะรับราชการมั่งมั้นคะ เห็นช่วงนี้เปิดสอบ รับเยอะมากๆ
>>124 ขอบคุณเว้ย
>>126 กูเน้นทำ UI เว็บกับแอพ (ออกแบบอย่างเดียวไม่เขียนโค้ด) นอกนั้นก็ทำกราฟฟิกทุกอย่างในบ.อ่ะ อินโฟกราฟฟิกพรีเซน ui เกม ออกแบบนู่นนี่นั่น บ.ให้ตังค์เยอะแต่ไม่มีสวัสดิการกะประกันสังคมนะ กูคิดอยู่เนี่ยว่ามันคุ้มไหม มันดูไม่มั่นคงเท่าไร
กูมองว่าต่อไปอาจต้องไปทำงานที่เงินเดือนลดลงก็ได้ เพราะเท่าที่ลองหางานในเน็ตดูงานกราฟิกธรรมดาได้กันไม่เกิน 20k ป่าววะ กูอยากรู้เหมือนกันว่ากราฟฟิกธรรมดาๆเลยที่แค่ออกแบบนั่นนี่+วาดตัวการ์ตูนตามที่บ.สั่ง ไม่ใช่งานออกแบบเว็บเขาได้กันเต็มที่เท่าไร เพราะกูกำลังคิดอยู่ว่าจะกลับมาเป็นกราฟฟิกธรรมดาดี หรือมุ่งไปทางเว็บดีไซน์ดี (ต้องเรียน UI/UX เพิ่ม ต้องเขียนโค้ดเบื้องต้นเป็น) กูขอความเห็นเลยแล้วกัน เพราะกูก็ไม่ได้ชอบดีไซน์เว็บเท่าไร แต่มันก็ง่ายดี แต่ถ้าต้องเขียนโค้ดด้วยมันคงไม่ง่ายแล้วล่ะว่ะ
ดีไซน์เวป เวิร์คกว่าหาตังค์ง่ายกว่า
>>127 ดีไซน์เว็บมันง่าย แต่มึงต้องเร็ว ต้องตามเทรนด์ตลอด ถ้ามึงเหนื่อยมึงหยุดเมื่อไหร่ งานมึงก็จะไม่ attractive ไปเรียน UI/UX เพิ่ม หาความรู้ด้าน Design Process ด้วย วิธี ideate กับ design evaluation อะไรพวกนี้ พอเก็บ exp ได้ระยะนึงจะได้ขยับไปสายงาน strategy อัพเงินอีก ไม่ต้องมานั่งเป็นกรรมกรทำตามสั่งตลอด
>>129 >>127 กุคนเดิมกับ >>130 กุอยากเตือนอย่างนึงเรื่องศึกษา coding กุเป็น UX designer แล้วไปสัมภาษณ์งานจะอัพเงิน กุนี่ขายของเต็มที่เลยว่า กุเคยเขียนแอพ เป็น dev มาก่อน เค้าให้ส่งงานออกแบบตามโจทย์ กุ pitch งานผ่านหมด แต่กุโดนติว่า เพราะกุรู้เรื่อง coding ทำให้งานกุมันไม่ groundbreaking มันไม่ได้โดดเด่นแตกต่างจากแอพอื่นๆที่มีตามตลาด
เพราะฉะนั้นถ้ามึงจะเรียน code มึงต้องอย่ากลัวว่า dev จะทำตามดีไซน์มึงไม่ได้ มึงออกแบบไปเหอะเลิศหรูอลังการณ์ เสร็จแล้วก็ค่อยไปตกลงกับ dev เอา ดีลกับ dev ทีหลัง และถ้าจุดนี้มึงรู้ code ก็จะได้เปรียบว่าจริงๆแล้ว dev แม่งทำไม่ได้ รึแม่งแค่กาก
บริษัทกูหยุดแล้วว่ะ ทำงานวันนี้วันสุดท้าย
จู่ๆ กูก็มีความคิดขึ้นมาว่ากูอยากหยุดแล้วหยุดรวดไม่กลับไปทำงานที่นั่นอีกเลย...
กุออกมาจากงานสี่เดือน สภาพจิตดีขึ้นเยอะ แต่พอไปรู้อะไรบางอย่าง เช่นเขาจงใจกลั่นแกล้งกุอย่างไม่เท่าเทียม ทำให้อาการจิตตกกำเริบอีก ไม่อยากอ่อนแอแบบนี้เลย
-กุเคยฝันอยากเป็นล่ามรพ. วันนี้ฝ่ายบุคคลโทรมาหากุ ตอนที่กุคุยๆขอใบรับรองอาจารย์ต่อป.โทแล้ว จังหวะชีวิตแม่งงงงงง
ซาลารี่แมนคนไหนไม่มีรถขับ+ขับรถไม่เป็นบ้างวะ คือไม่รู้เป็นไร กูกลัวการขับรถมากๆ แค่คิดว่าตัวเองต้องขับรถก็มือสั่นแล้ว เคยลองขับรถจริงๆก็เมื่อนานมากแล้ว 5-6 ปีตอนเรียนแล้วไม่ได่กลับมาขับอีกเลย เพราะไม่ได้ซื้อรถเพราะไม่มีที่จอด
กูขับเป็น แต่ไม่มีรถ และไม่คิดจะซื้อง่ายๆด้วย
ไว้มีแฟนก่อนค่อยคิดซื้อ
กูมีรถแต่ขี้เกียจขับหว่ะ พึงทำใบขับขี่ปีก่อน กูขับเดือนละครั้ง เพราะเบื่อรถติด
ใครเรียนป.โทบ้าง พอรู้มาบ้างว่าตอนจบต้องได้เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3 ปรากฎว่าโปรแกรมโทอินเตอร์ที่สนใจจะเรียน
บังคับว่าต้องได้ B ขึ้นไป(ทุกวิชา) ซึ่งค่าเรียนแพงมาก ถ้าวิชาไหนได้ต่ำกว่า B ต้องจ่ายเงินลงทะเบียนเรียนซ้ำ
อยากถามว่าที่อื่นเป็นแบบนี้ด้วยหรือเปล่า
ตอนกุทำงานบางทีก็รู้สึกว่างานกัดกินกุเหมือนกัน พื้นฐานกุเป็นคนซื่อตรง ไม่โกหก แต่งานบริษัทกุนี่แบบ หืมมม... โกหกทุกคนยกเว้นลูกค้า บางทีใช้กุไปหลอกเอเจนซี่เจ้าอื่น กุอายก็อาย มันผิดหลายอย่างจนกุเหนื่อยใจ บางเคสคือ มีของที่ราคาถูกสุด แต่ไม่ขายราคานั้นให้ลูกค้า เพราะว่าเอาของลูกค้าเก่าที่แพงกว่ามาขายให้ เก็บค่าต๋งไป ทุกวันนี้มัวแต่จะหาเงินหาลูกค้าใหม่ขยายฐานบริษัท แต่งานลูกค้าเก่าไม่เช็คไม่ดูแล ลูกค้าอาละวาดมาทีถึงได้รู้ว่าปล่อยหลุดแม่งอีกแล้ว งานเกินสเกลเพราะทั้งบ.มีพนง.อยู่ไม่ถึงสี่คน ก๊ากกกก ออกมาแล้ว แต่มองย้อนกลับไปนี่ค้านกับจิตวิญญาณตัวเองสุดๆ
อยู่ๆจากที่กูทำงานตจว.แบบอยู่กับที่เจ้านายก็บอกให้กูไปมาระหว่างที่ตจว.กับกทม.อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้งแล้วบอกว่าไหวมั้ย กูจะบอกไม่ไหวก็ไม่ได้ป่ะว้ะ แม่ง คือกูเป็นคนเมารถ ไม่ค่อยอยากจะนั่งรถนานๆ เท่าไหร่เฮ้อ จะออกรถมอไซต์แถวตจว.ที่กูอยู่แม่งรถสิบล้อก็เยอะชิบหาย มาบ่นเฉยๆ เซ็ง
>>138 เฮ้ย มึงเหมือนกูเลยว่ะ กูไม่เรียนขับรถ ไม่กล้าขับด้วย แค่คิดว่าอาจมือเท้าลั่นไปชนใครเข้าก็เครียดแล้ว ไหนจะที่จอด หนี้รถ ค่าบำรุงรักษา เจอรถติดอีก กูเลยตัดสินใจว่าจะไม่มีรถเป็นของตัวเองเพราะสร้างความลำบากมากกว่า (พอไปอ่านในพันทิปห้องสีลม มีแต่คนบอกว่าไม่มีรถน่ะดีแล้ว เลยรู้สึกว่ากูคิดถูกละ) เคสที่กูว่าควรมีรถจริงๆคือที่บ้านมีคนแก่แล้วต้องพาเดินทางว่ะ ถ้าเขาหรือเราแก่มากแล้วจะไปขึ้นรถสาธารณะก็อันตรายเกิน บ้านเมืองเราไม่ได้เหมือนประเทศดีๆที่คนแก่ขึ้นรถได้สบายๆไม่ต้องรีบวิ่งให้ทันรถเมล์จอด...
>>123 เยอะวะเงินเดือนกุตํ่าเตี้ยกว่านี้อีก จบใหม่กุเคยเรียกสองหมื่นนะตอนสมัครที่แรกๆแต่เขาบอกเขาไม่ให้
เพราะเป็นเด็กจบใหม่ ยังไงก็ให้ 20k ไมไ่ด้เพราะไม่มีประสบการณ์อะไรเลย เกลียดตรงนี้จังวะแม่งแต่ก็เข้าใจ
แล้วแต่บริษัทด้วย (สายกราฟิกเหมือนกันแต่ของกุได้แค่หมื่นปลายๆ)
>>127 ส่วนใหญ่เว็บดีไซน์บางทีเขาจะรับคนที่ได้โค้ดด้วยไม่ได้ได้เฉพาะออกแบบอย่างเดียว ถ้าเป็นบริษัทเล็กๆคงเอาแบบนั้นจะได้ใช้คุ้มๆ
>>130 >>129 เห็นด้วย
ยูสเซอร์ผู้น่ารัก - คีย์ดาต้ายอดเงินเข้ามาผิดแต่ให้ระบบออโต้เป็นถูกได้ไม๊ค่ะ ~teehee
กูควรจะทำเป็นโง่ๆ ตอนเข้าใช่มั้ยเวลาผิดพลาดจะได้ไม่โดนด่าไรมาก พอกูมาทำแรกกูไม่เคยผิดเลย แม่งผิดครั้งนึงนี่โดนหนัก ยิ่งอากาศร้อนยิ่งเครียด
โม่ง&โม่งเซมไปทั้งหลายมีใครเป็นครูมั้ย
ตอนนี้กูเป็นซาลารี่แมนสายบัญชีอยู่ เรียนเพราะเงินดี+ชอบเลขล้วนๆ แต่ตอนนี้เริ่มเบื่องานที่ทำ อยากไปเป็นครูสอนเลขว่ะ ยังมีหนทางให้กูเปลี่ยนสายอาชีพอีกมั้ย
ตอนนี้กู 20ปลายๆ ละ ว่าจะทำงานเมคมันนี่สายบัญชีไปอีกซัก 3-4 ปีแล้วเปลี่ยนสายงานเพราะแม่งเครียดมาก อีกอย่างคืออยากเป็นครูมาตั้งนานแล้วด้วย แต่ตอนนั้นเลือกคณะพลาด orz
มนุษย์เงินเดือนเริ่มขายของทางเน็ตทำไงอ่ะคนับ
กูทำสายสินเชื่ออยู่ จริงๆกูทู่ซี้ทำ ทำมาราวๆ 3 ปี ยิ่งทำยิ่งจมลึก เครียด เจ้านายไม่ถูกใจ ลูกพี่ไม่ถูกใจ กูเองก็ 30กว่าๆแล้ว ถ้ากูออกมาเรียนภาษาสักครึ่งปี กูหวังอยากจะได้ N2 มานานแล้ว เรียนแล้วค่อยหางานทำใหม่ตอนปีใหม่ มันจะยังมีคนรับกูทำงานไหมวะ ขาดช่วงเป็นเวลานานเนี่ย
รู้สึกเบื่องาน แต่ก็เป็นที่ๆอยู่มานานสุดท้ายกูก็ไม่กล้าลาออกให้มันรู้แล้วรู้รอดซะที
จะหางานมันมันก็ตันๆไม่รู้จะเริ่มยังไงดี รู้สึกกลัวไปหมด รู้สึกแย่ว่ะ
ทำไมพวกข้าราชการชอบกู้จนเต็มวงเงินว่ะ กะกันไม่ให้ไล่ออกเพราะติดหนี้อยู่เรอะ?
ยิ่งพวกเป็นข้าราชการใหม่ๆนี้มือเติบชิบหายกู้ซื้อรถผ่อนคอนโดงี้
มันดาวน์ถูกก
มันโง่
เห็นแก่ดอกเบี้ยถูก พวกนี้มันจะมีมายด์เซ็ทแบบว่า ถึงไม่รู้จะใช้ทำเหี้ยอะไรก็กู้ๆ ไว้ก่อน
มีเพื่อนคนนึง อายุ 30 วันๆไม่ทำไร ติดเกมออนไลน์ ซื้อของเล่นราคาหลักพันมาถมที่โดยอ้างว่าเอาไว้ปล่อยต่อแต่ไม่เคยขายซักชิ้น แนะนำงานให้ก็ไม่สน ช่วงหลังนี่ขนาดชวนออกกำลังกายยังอิดออด คุยกับมันก็หงุดหงิดขึ้นทุกที วุฒิภาวะมันย่ำอยู่กับที่ขณะที่เราค่อย ๆ โตขึ้น พ่อแม่มันก็ห่วงแต่ก็ไม่กล้าลงดาบ จะทำไงกับมันได้บ้าง
>>166 >>168 กูเคยมีเคสคล้ายมึง
สุดท้ายแตกหักตอนที่กูรู้สึกว่ามันอายุสามสิบแล้ว จะมาอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้ พ่อแม่มันก็เกษียณไม่มีรายได้แล้ว
เลยจับมานั่งคุยกันอย่างจริงจังเรื่องต้องทำงานทำการ จะมาอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้
สุดท้ายกูโดนมันตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ แล้วตอนนี้มันก็ไปอยู่กับเพื่อนโอตาคุมีเงินที่โอ๋มันสุดๆ
กูก็เลยเฟดตัวออกมาจากชีวิตมัน กะว่าวันไหนมันไม่มีจะแดกแล้วโดนเพื่อนโอตาคุทิ้ง กูจะไปหัวเราะเยาะเย้ยมัน
กูก็เกือบเป็น NEET แล้วว่ะโชคดีที่บ้านมีกิจการส่วนตัวขายของชำ,ดูแลหอพัก กว่ากูจะตั้งต้นใหม่ได้นี่ใช้เวลาเป็นสิบปีเลย ประมาณกาทางออกให้ชีวิตไม่ได้ กูสกิลเข้าสังคมติดลบแต่ สกิลงานบ้านงานฝีมือมีพอหาเงินได้
กูดิ้นรนไปเรียนวิชาพวกซ่อมคอมพ์,เดินระบบเนต,ซ่อมมือถือ,ก๊อปกุญแจ,ซ่อมเครื่องซักผ้า ซ่อมแอร์,ซ่อมมอเตอร์ไซด์ซ่อมไฟฟ้า,ซ่อมประปา
และโชคดีได้พาสซีพอินคัมเพราะที่บ้านหนุนให้ทำเครื่องซักผ้า,ตู้น้ำ,ตู้เติมเงินมือถือ ,เอาเงินเดือน 25,000ไปซื้อหุ้น ก็กล้อมแกล้มอยู่ได้สบายแต่ไม่เท่นะ สกิลความรอบรู้เข้าสังคมก็ยังไม่ดี
แต่สองปีมานี้(อายุ32)กูเปลี่ยนนิสัยได้เพนาะอาจารย์ซ่อมมือถือแกนิสัยดีมาก เห็นเป็นคนนิ่งๆพูดไพเราะ,รับงานซ่อมมือถือได้ทุกวันเลย กูเลยเลียนแบบบ้าง พูดไพเราะแล้ว เรื่องทะเลาะกับคนในบ้านก็ลดลง อารมณ์ดีแล้วมีเวลาคิดเรื่องดีๆให้ชีวิตได้เยอะไม่งั้นทุกวัน ก็หาเรื่องทะเลาะกับคนในบ้าน
แล้วเรื่องอารมณ์กูว่ามันเกี่ยวกับสุขภาพจิต-สุขภาพกาย คือก่อนนี้กูเป็ยฮิคกี้เกมส์เลยมีความสุขกับชีวิตก็ตอนได้เล่นเกมหลังเลิกงานแล้วเล่นวันละ3-4ชม.น้ำหนักเกินมาตรฐาน แล้วอาการโรคอ้วนมันมาให้เห็นแล้ว
พอกูบ่นกับที่บ้าน แม่ก็ชวนว่ายน้ำ ลูกพี่ลูกน้องที่โตมาด้วยกันก็เลยชวนไปวิ่งมาราธอน กูเลยต้องไปฝึกวิ่งอีกเพราะกลัวตายกลางงานวิ่ง เดี๋ยวนี้กูวิ่งวันละสี่กม. น้ำหนักลดจากตอนปีใหม่ 6 กิโลกรัม อารมณ์ที่แกว่งขึ้นลงก็ดีขี้น
พอดีที่บ้านได้ดูช่องดาวเทียมด้วยแม่กูติดหนังอินเดียมากกูก็ดูด้วย บางเรื่องถ้าเอามาคิดทีหลังก็ได้ของดีใส่สมองเหมือนกัน ช่วยเรื่องทัศนคติ,การวางตัวในสังคมได้ดีมาก
ใครที่คนใกล้ชิดเป็นนีท,ฮิคกี้ กูว่าอย่างแรกที่ควรทำคือชวนมันไปออกกำลังกายว่ะ ออกกำลังกายถึงแล้วฮอร์โมนทำให้ตื่นตัวกล้าสู้อุปสรรคมันจะหลั่ง เชื่อกูสิ่อย่างกูนี่ดิ้นรนไปวิ่งเพราะรู้ว่าต้องเตรียมตัวแค่นั้นเองหลายๆเรื่องที่ดีจะตามมาเอง
>>169 มันไม่ได้ติดกู กูก็ใช่ว่าจะแคร์มันมากมาย แต่ก็เพื่อนสนิทน่ะนะ ช่วยได้ก็อยากช่วย สงสารพ่อแม่มันด้วย
>>170 ของกูตอนทะเลาะกันไม่แรงขนาดนั้น แค่ตึงมึน ไม่คุยกัน ไม่ชวนเที่ยว คือตอนนั้นกูก็รู้สึกผิดด้วยที่เป็นสาเหตุนึงที่ชวนมันเหลวไหล คือกูก็โอตาคุอยู่น่ะ ชวนเที่ยวชวนเดินดูของเล่นกันตลอด
>>171 ของกูชวนตีแบตยังไม่ไปเลย บ่ายเบี่ยงตลอด
>>172 กูว่ามันหมายถึงหันไปคบกับเพื่อนพวกที่ใช้เงินเป็นเบี้ยเฉย ๆ พวกที่ไม่สนใจชีวิตการงานของกัน คุยกันแต่เรื่องเล่น แบบนั้น
ถึงคุณเพื่อน ถ้ามึงบังเอิญอ่านเจอแล้วสงสัยว่าใช่รึเปล่า มึงปรับปรุงตัวได้เมื่อไรกูจะบอก ไม่งั้นก็คบกันแบบนี้ต่อไปจนกูทนมึงไม่ไหวแล้วกันนะ
>>172 ผู้ชาย
ก็ตามที่ >>173 ว่าน่ะ ไม่ถึงกับกาฝากหรอก แค่ไปคบกับโอตาคุบ้านรวยทำตัวไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่ตัวมันเองไม่ได้ร่ำรวยอยู่สบายยันแก่แบบเขาไง
กูก็สงสารพ่อแม่มันนะ ไปบ้านมันก็เจอกันบ่อย พ่อแม่มันก็ทำท่าเหมือนหวังว่ากูจะช่วยอะไรได้บ้าง
แต่กูไม่ไหวกับมันแล้ว เป็นเพื่อนกันมาสิบกว่าปีแต่ทำแบบนี้กับกู จากรักก็กลายเป็นเกลียดได้เหมือนกัน กูพอแค่นี้แหละ
ขอให้ >>173 จบเรื่องได้สวยๆ ไม่เหี้ยแบบกูละกัน
มึงไม่ต้องห่วงเพื่อนมึงหรอก เด๊วเกืดชาติหน้าเค้าก็เทพ
ถ้าเขาไม่ช่วยตัวเอง แล้วจะไปเป็นเดือดเป็นร้อนทำไม เหมือนเพื่อนเราทะเลาะกับแฟน สอดได้ที่ไหน รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายแม่งเลวงี้
ความสุขแต่ละคนไม่เหมือนกัน เอาพระไปเทศน์ก็คงไม่ฟัง พ่อแม่ตัวเองยังไม่ฟังแล้วมันจะฟังเพื่อนเร้อออออ
>>181 ยากอ่ะมึงอย่างตอนกูเป็นก็ไม่มีใครสั่งกูได้ แล้วอย่างที่บอกอ่ะอาการโรคอ้วนมันมาเป็นชุดแล้วกูขอความช่วยเหลือจากครอบครัวเองถึงกระเตื้องขี้น
สเตปก็ไปออกกำลัง (ว่ายน้ำ,วิ่ง,เวท)
ไปเรียนอบรมวิชาชีพที่เขาสอนฟรี ตามที่กรมแรงงานเขาจัดสอน มีหลายวิชาชีพเลยมึง พวกสอนซ่อมคอมพ์,ซ่อมมือถือ ,ทำกับข้าว ยังมีเลย กูแนะนำช่างกุญแจอ่ะ อาชีพเหมาะกับพวกโอตาคุ สกิลเข้าสังคมต่ำ
เล่นเกมส์ให้น้อยลง,คุมอาหารไม่ให้อ้วน,ไปเรียนขับรถ พวกนี้สกิลเอาตัวรอดที่ควรมี
ทั้งนี้ทั้งนั้นมึงต้องหารายได้ให้พอกินด้วยซึ่งกูโชคดีที่ครอบครัวมีที่มีทาง แต่เพื่อนมึงมันมีรายได้แบบพาสซีพบ้างเปล่าหรือกินเงินเดือนพ่อแม่อย่างเดียว
กุว่าเรื่องแรกที่จะต้องทำคือหาจุดเริ่มต้นให้ได้ว่ะ ว่าจะทำยังไงให้เพื่อนมึงเริ่มที่จะมีการปรับเปลี่ยนตัวเอง เพื่อนโมงน่าจะช่วยแนะนำกันตรงนี้ก่อนนะ หลังจากนั้นค่อยว่ากัน
เพราะยากที่สุดในการเปลี่ยนแปลงคนจำประเภทนี้อยู่ที่จุดเริ่มต้นว่ะมึง
ชวนมันไปวิ่งมาราธอนแหล่ะแล้วลอปบี้คนที่บ้านให้ไล่มันไปวิ่งให้ได้ ถ้ามันกลัวตายเดี๋ยวมันจัไปฝึกวิ่งเอง
มันเป็น type ผอมน่ะ คงนึกภาพออกนะ โอตาคุผอมเหี่ยว มันไม่ใช่ว่าไม่มีปัญญาหางาน เรียนก็จบปริญญา แต่มันไม่คิดจะทำงาน ผลัดไปเรื่อย ๆ ที่บ้านแนะนำงานให้ก็ไปสัมภาษณ์แต่ก็หาเหตุบ่ายเบี่ยงไม่ทำ คือมันดื้อเงียบ พาสซีพอย่างเดียวคือที่บ้านให้ ชวนมาราธอนนี่ยาก บ้านมันอยู่ตจวตัวมันอยู่กทมตั้งแต่ตอนเรียนไม่มีคนบังคับ กูเคยตะล่อมให้มันซื้อไม้แบตจะได้ล่อมันตีด้วยกัน มันก็ซื้อ แต่ชวนไปเล่นไปไม่ ถ้ากูจ่ายเงินสมัครมาราธอนให้มันมันก็เอาเงินมาคืนแล้วก็ไม่ไปอยู่ดี
>>184 ใช่ นี่แหล่ะที่ไม่รู้จะกระตุ้นมันได้ยังไง
ลงดีเทลขนาดนี้ถ้ามันมาอ่านเจอคงรู้แน่ ๆ แล้วล่ะงานนี้ บ๊ะ เอาเห๊อะ
คือทำตัวน่าเป็นห่วงเองนี่ยากว่ะ เพราะคนชวนรู้จักนิสัยใจคอมากกว่า ยังหาช่องชวนมันไม่ได้เลย
กูนิ่อารมณ์กลัวตายไวมาเต็มเลยต้องไปออกกำลังกาย อย่างหมอนี่มันจะรู้ตัวไหมว่าสังคมเขาไม่ยอมรับคนไม่ทำงานไม่มีรายได้ ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นเรื่องสำคัญมากๆนะ ไม่งั้นมันจะเหมือนจมอยู่กับความสบายที่ได้รับอยู่ แต่ใครจะรู้ว่าสถานการณ์เปลี่ยนแล้วตัวเองไม่เคยหางานทำวันนั้นก็สายไปแล้วด้วย
มึงก็แค่รู้สึกว่าตัวเองชีวิตเหนือกว่าแล้วไปตัดสินว่าชีวิตเพื่อนมึงน่าสมเพช
เพื่อนมึงอาจจะมีความสุขกับชีวิตแบบนั้นและมีความสุขมากกว่ามึงก็ได้
ไม่มีงานแล้วไงวะ เพื่อนไม่มีแล้วไงวะ ก็มีเงิน มีเวลาอ่ะไอสัส
จากเพื่อนมึง
กูเห็นด้วยนะ ว่ามีงานและได้อยู่ในสิ่งที่ตัวเองชอบแม่งก็พอแล้วไม่ใช่หรอกูยังอิจฉาเลย ทุกวันยี้ทำงานแม่งความสุขคืออะไรกูยังไม่รู้เลย
มีเพื่อนแก๊งเดียวกันนี่แหล่ะอีกคนนึง ซิ่วบ้างเที่ยวบ้าง เรียนนู่นนี่ค้นหาตัวเองไปเรื่อย เพิ่งจะเริ่มทำงานปีนี้ แต่ที่บ้านไม่ว่าอะไรไง กูก็อิจฉามันเหมือนที่มึงอิจฉาแหล่ะ แต่ไอ้คนนี้ที่บ้านมันก็ห่วง ถ้ามันมีความสุขแต่ทำชีวิตคนในครอบครัวมีปัญหามันไม่ใช่เรื่อง แล้วเกิดวันนึงพ่อแม่ตายใครจะซัพพอร์ตชีวิตมันต่อวะ ญาติพี่น้องรึไง เป็นมึงจะมีความสุขได้เหรอใช้ชีวิตเป็นกาฝากญาติเนี่ย
คนไม่เข้าสังคมนิสัยมันจะแย่ลงเรื่อยๆว่ะ กูเคยเห็น NEETใกล้บ้านเป็นตัวอย่าง 4-5 คนแล้ว นิสัยห่วยสัด ถึงบ้านจะมีเงินแต่คนรอบข้างไม่เอานี่ก็ไม่ไหวนะ คนเรามันก็ต้องโตพัฒนาทักษะเข้าสังคมด้วยเพื่อความสุขพื้นฐานในชีวิต ไม่ใช่มีปัญหากับเพื่อนบ้านบ่อยๆเพราะนิสัยเรื้อนของตัวเอง แบบนี้ก็เรียกว่ามีความสุขไม่ได้หรอก
ไม่รู้ของแบบนี้มันแล้วแต่คนว่ะ กูว่ามึงไปถามเพื่อนมึงตรงๆเลยดีกว่าว่ามันอยากเปลี่ยนแปลงมั้ย มันไม่อยากก็ปล่อยมันไป อนาคตใครก็ของมันว่ะ ถ้ามันไม่อยากตื้อให้ตายมันก็ไม่ทำ
วิธีง่ายๆ ตัดเน็ต ยึดมือถือ รับรอง นี๊ด แค่ไหนก็ตาย
นึกภาพตามกูนะ... ผู้ชายร่างท้วม วัยประมาณสามสิบ แผดเสียงร้องอ๊ากๆ ลั่นซอย พร้อมกับคว้าข้าวของในบ้านทุ่มบ้าง เอาเก้าอี้ฟาดโน่นฟาดนี่บ้าง โดยพ่อวัยหกสิบนั่งกุมหัวเลือดอาบตัวสั่นงั่กๆอยู่หน้าบ้าน ส่วนแม่วัยห้าสิบปลายๆกำลังพยายามห้ามเพื่อนบ้านที่โผล่เข้ามาบอกว่าจะโทรเรียกตำรวจเพราะทนดูไม่ได้
นั่นแหละคือเหตุการณ์นีทโดนตัดเน็ทครั้งล่าสุดที่กูเห็นมา
โดนตัดเน็ตยึดมือถือ ถ้าดูจากนิสัยมัน มันก็คงสมัครเนตเจ้าใหม่ เจียดเงินซื้อของเล่น(...)มาซื้อมือถือ ระหว่างนั้นก็บ่น ๆ ให้กูฟังว่าเพื่อนในกิลด์มันล้ำหน้าไปถึงไหนกันแล้ว
กูเริ่มปลงได้ละ ขอบคุณทุกคน ค่อย ๆ เฟดตัวออกห่างทุกครั้งที่มันทำพฤติกรรมเกินรับคงจะดีต่อสุขภาพจิตกูที่สุดละ
มีใครรับจ็อบเสริมงานกลางคืน ไซด์ลาย มั่งนะคะ
ไซด์ไลน์ สะกดแบบนี้มั้ง
BE CIVIL.
ตรวจในเว็บราชบัณฑิตฯได้เลยค่ะ
ถ้าหนูมาบ่นในนี้ หนูจะโดนพวกพี่ด่ามมั้ย
หนูรู้สึกว่า ตัวหนูแย่มาก พยายามทำงานแล้ว มันก็ยังพลาด แล้วที่เสียความรู้สึกคือ ที่พลาดเพราะเราไปช่วยคนอื่นจนไม่มีเวลามาทำงานตัวเอง .. คือ หนูแย่มากๆ
>>206 ค้นหาแล้วเป็นแบบนี้ทำยังไงต่อ
http://imgur.com/a/HLXfN
ฟังชั่นไหนห้ามกดห้ามทำ User ที่รักของกูก็จะกดจะทำตลอดแล้วหวังให้ข้อมูลมันถูกเนี้ยน่ะ
นี้กูกำลังทำงานกับพวกเด็กสองขวบในร่างคนอายุสี่สิบห้าสิบเรอะะะะ
แล้วแบบต่อให้ User ผิดเหี้ยมายังไงทางกูก็ขอโทษเขา แล้วต้องบอกเขาถูกตลอดเพื่อผลประโยชน์บริษัทอีก! แต่ดีหน่อยพรุ่งนี้กูทำงานที่เหี้ยนี้วันสุดท้ายแล้ว
เซ็งว่ะ แม่งที่ออฟฟิศมีกล้องแบบอัดเสียงได้ ไม่เป็นส่วนตัวเลยจริงๆ คือกล้องกูไม่ซีนะ แต่เสือกอัดเสียงนี่สิ กูจะฟังเพลงจะพูดไรก็ไม่ได้ เครียดชิบหาย ถึงแบบไม่ได้เรื่องไม่ดีแต่มัยเรื่องส่วนตัวอ่ะ ปกติก็กินข้าวที่นี่คุยเรื่องที่บ้านไรงี้ ระบายปัญหาส่วนตัวกับเพื่อนงี้ หลังจากนี้คงแบบทำได้ไม่นานต้องออกแหง เครียดเกิน
>>213 ถ้าเป็นกูกูจะแฮปปี้มาก กูเบื่อที่นายกูไม่ค่อยอยู่ออฟฟิศ แล้วคนอื่นก็ไม่ทำงานทำการ นั่งเล่นมือถือ เม้ามอย กินขนม เจ้านายไม่เคยรับรู้ พอมันทำงานไม่เสร็จซักทีจนต้องอยู่โอทีเพราะตอนกลางวันมัวแต่อู้เจ้านายก็คิดว่ามันยุ่ง งานมันเยอะ งานมันยากต้องใช้เวลานาน ส่วนกูไม่อู้ทำงานเสร็จเพราะไม่อยากอยู่โอทีดึกดื่น เจ้านายกลับมาตอนเย็นเห็นกูไม่อยู่แล้วเสือกคิดว่ากูว่าง คิดว่างานกูง่ายเลยเสร็จไว คิดว่ากูเอาเปรียบคนอื่นที่กลับห้าโมงตรงไม่ช่วยงานคนอื่นที่ทำงานไม่เสร็จ อีห่าราก โอ๊ย เกลียดมากๆๆๆ แต่ถ้าไม่นับเรื่องนี้กูก็แฮปปี้กับงานและเงินเดือน ถ้ามีกล้องแบบถ่ายชัดๆ ถ่ายตลอดเวลาคอยจับตามองก็คงจะดีสิ
แถมอัดเสียงได้ด้วยนี่ยิ่งประเสริฐ เพราะถ้าจับแต่ภาพเห็นมันโทรสับอาจจะคิดว่ามันคุยกับเรื่องงาน เพราะความจริงแม่งมีแต่คุยเล่นเรื่องส่วนตัว
ประเด็นว่าส่วนใหญ่มีแค่กูไงที่อยู่ในออฟฟิศ 55555 แม่งมีอยู่สามสี่คนเองออฟฟิศกู ส่วนใหญ่ไปอยู่ออฟฟิศหลักกันหมดในกทม. กูเลยเซ็ง กูจะตดจะเรอจากนี้คงต้องอัดอั้นไว้ แย่จริง
ขอบ่นเรื่องคนที่ทำงานหน่อยสิ
กูเบื่อสังคม เบื่อผู้คนสัสๆเลย เพื่อนเดะนี้กูก็ไม่อยากจะคบใครซักคนละ แม่งมีแต่พวกเห็นแก่ได้
พอกูไม่มีให้มัน ทำเป็นพูดว่ากูงกบ้างไรบ้าง ถุย เอาของกูไปกี่อย่างแล้วล่ะ มนุษย์นี่แม่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่เห็นแก่ตัวสัสๆจริงๆ
แล้วกูก็ไม่เข้าใจอย่างนึง ว่าคนเราแกล้งกันแล้วมันได้เหี้ยอะไรบ้าง แค่ไม่ชอบกันนี่ต้องเอาให้มันหมดหน้าที่การงานเลยหรอวะ
กูโดนคนที่บ.แกล้งเปลี่ยนวันที่นัดลูกค้าทำโปรเจคใหญ่ที่ต้องไปให้เอเย่นอีกคนเว้ย โชคดีกูมาเชคอีกรอบ คือดูยังไงก็รู้ว่าโดนแกล้งเพราะกูไม่มีวันพลาดเรื่องใหญ่ๆถึงไม่รุ้ว่าใครแต่ก้พอเดาได้ นับวันกูยิ่งเบื่อ ยิ่งเกลียด กูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันไม่ชอบกู แค่กูทำงานเก่งกว่าได้รับความไว้ใจมากกว่าแค่นี้หรอวะ ไอ้พวกสวะ กูว่าวันนึงกูคงได้ลั่นไกใส่หัวกบาลพวกมันแน่ๆ ถ้าทนไม่ไหว กูอยากฆ่าไอ้สิ่งมีชีวิตเหี้ยๆพวกนี้ให้หมดจริงๆเป็นเหี้ยไรชอบเห็นคนอื่นมีปัญหา มีความทุกข์
>>219 กูนึกถึงคดีดร.วันชัยเลยว่ะ เรื่องแกล้งกันในที่ทำงานก็ยังมีอยู่อีกนะกูนึกว่าหลังจากผ่านวัยมัธยมมามันจะไม่มีเรื่องแบบนี้แล้วซะอีก
มึงไม่ต้องไปยิงหัวมันนะ แต่ถ้ามึงสามารถเก็บหลักฐานได้ หาข้อผิดพลาดในงานมันได้ มึงทำซะ เวลามันแกล้งมึงถ้ามึงสามารถหาเก็บหลักฐานอะไรไว้ได้บ้างหรือไม่ก็พวกหลักฐานยืนยันความบริสุทธิของตัวเอง มึงต้องเก็บให้หมด หาพรรคพวกในที่ทำงานไว้บ้างดูว่าใครคบได้คบไม่ได้ใครที่พอจะเป็นพยานยืนยันให้มึงได้บ้าง ตี้ซี้กับเพื่อนๆมันบ้าง และถ้าทำได้ลองสร้างสันติกับมันดู แต่ถ้าไม่ ก็แย่งพวกมันมาให้หมดเลย
สังคมผู้ใหญ่ใครมีพวกเยอะกว่าได้เปรียบว่ะ เพราะมันไม่ใช่เหมือนตอนมัธยมที่แค่โดนทั้งห้องแกล้งก็ยังทำชิวๆได้ เพราะเพื่อนไม่สามารถพอจะเอามึงออกจากโรงเรียนได้หรอก แต่สำหรับการทำงานแม่งคนละอย่างเลย
การกลั่นแกล้งในที่ทำงานบางครั้งมันเป็นการขัดแข้งขัดขาน่ะ อีกฝ่ายอยากมีตำแหน่งสูงกว่ามึง อยากเป็นลูกรักนายมากกว่ามึง แต่ไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้ดีกว่ามึงได้ จะทำไงล่ะ ก็ใช้วิธีดึงมึงให้ต่ำลงมาแทนไง ทำทุกทางให้มีอะไรมาบั่นทอนมึง ให้มึงสู้มันไม่ได้ หรือดีที่สุดก็คือบีบให้มึงลาออกไปเองเลย กูโดนคนที่ทำงานทั้งกลั่นแกล้ง ทั้งโยนงาน ทั้งวางยาจนชินชา เดี๋ยวนี้กลายเป็นโรคไม่เชื่อใจใครเลย แต่คิดอีกทีก็ดีนะ มาเจออะไรแบบนี้ทำให้ strong ชิบหาย อยู่ที่ทำงานเก่ามีแต่คนดีๆ มีรุ่นพี่คอยซัพพอร์ต มีเจ้านายคอยดูแล กูเป็นเจ้าหญิงโลกสวยไม่ต้องต่อสู้กับอะไร มีหน้าที่ทำงานตามหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ แต่พอมาทำงานที่ใหม่กูต้องโคตร strong ทุกทางเพื่อให้อยู่รอดในสังคมที่นี่ให้ได้ อยากลาออกชิบหาย แต่ถ้ากูทนได้ซัก 3-4 ปีกูว่ากูคงกลายร่างจากเจ้าหญิงดิสนีย์เป็น x-men ถึงตอนนั้นคงไปอยู่ที่ไหนก็ได้แล้ว
>>222 เก่งมาก แชร์วิธีเอาตัวรอดในที่ทำงานหน่อย กูเองเคยโดนแกล้งเมื่อสมัยเด็กแต่ตอนนี้ทำงานแล้วยังไม่เจออะไร อยากเตรียมตัวเผื่อไว้บ้าง
ว่าแต่พวกคนที่ทำเลวกับคนอื่นแบบนั้นไม่รู้สึกอะไรมั่งหรอวะตอนที่ทำอ่ะ คือเวลากูจะแกล้งใครกูนี่คิดแล้วคิดอีกนะว่ามันจะส่งผลกระทบถึงตัวเองมั้ย เค้าจะเป็นไง มันจะทำให้เค้าเสียหายรึเปล่า ขนาดตอนเรียนกูมีศัตรูคนนึงมันทำของสำคัญหาย(เป็นของที่เกี่ยวกับการเรียนจบมั้ยเลยแหละ) กูเป็นคนบังเอิญไปเจอของๆมันกูก็ยังเอาไปใหเพื่อนมันให้เอาไปคืนมันเอง ทั้งๆที่กูเกลียดมันมากอยากให้ชีวิตมันบรรลัย แต่พอถึงเวลาจะได้เอาคืนกูก็รู้สึกสงสารขึ้นมาแวบนึงแล้วก็ไม่ทำ(แต่หลังจากนั้นแ่ม่งเล่นกูจ้า แม่งเอาสำเนาทีสิสที่อาจารย์บรีฟให้กูไปทิ้งจ้า อีดอกกกก เพื่อนอีกคนไปเจอแล้วเก็บมาให้) กูอยากรู้จริงๆว่าตอนคนพวกนั้นทำเหี้ยใส่คนอื่นแม่งไม่มีความรู้สึกอะไรเลยมั่งหรอวะ กูเชื่อว่าคนเราคงไม่เลวไปซะทั้งหมดแต่คนที่ทำลายคนอื่นได้หน้าตาเฉยด้วยเหตุผลทีไม่คอขาดบาดตายนี่ัสมองมันผิดปกติรึเปล่าวะ ยังไงมนุษย์ถ้าไม่จวนตัวก็ไม่น่าจะทำลายคนอื่นได้เฉยๆแบบนั้น
>>223 คงไม่ถึงขั้นแชร์ให้คนอื่นได้ว่ะ เพราะทุกวันนี้ก็ยังเป็นแค่ novice เก็บเลเวลไปวันๆ เอาตัวไม่ค่อยรอดอยู่เลย โดนอิทธิฤทธิ์แก๊งองค์แม่เก่าแก่ในที่ทำงานเล่นงานไปหลายดอก เรียนรู้ case by case และเก็บเป็นประสบการณ์กันไป บางเรื่องกูก็ยังหาวิธีแก้ไม่ตก อย่างเดียวที่เปลี่ยนไปคือจากแต่ก่อนโลกสวยคิดว่าเพื่อนร่วมงานก็คือพวกพ้อง เปลี่ยนความคิดเป็นมองว่าทุกคนในที่ทำงานคือศัตรูที่ต้องระวัง ที่ทำงานคือสนามรบหรือไม่ก็หนังซอมบี้ก็ได้ 5555
ส่วนเรื่องที่มึงสงสัย กูเคยสงสัยเหมือนมึงเป๊ะเลยค่ะ แต่กูว่ามันไม่คิดว่าตัวเองเหี้ยหรอก มนุษย์มีกลไกคิดเข้าข้างตัวเองเสมอแหละ ส่วนมากคนพวกนี้จะคิดว่าคนที่ถูกกลั่นแกล้งน่ะโง่เองช่วยไม่ได้ พวกมันสิฉลาดที่สามารถโบ้ยงานให้กูทำได้ โยนความผิดให้กูได้ เอางานกูไปเอาหน้าได้
โอ้ยยย เหี้ยเพื่อนโม่ง กูเจ้าเดิมพนง.ออฟฟิศดูแลเรื่องอพาร์ทเม้นท์ เจ้านายกูจ้างช่างซ่อมเน็ตตึกมาโดยคนนั้นเป็นลูกค้าเช่าอยู่ตึกนั้นอ่ะนะ แล้วแม่งเบิกเงินไปเกือบสองหมื่น ทำเรื่องอุปกรณ์บลาๆ นี่แหละ ทำมาสองวันกูเข้าไปดู แม่งก็ยังใช้ไม่ได้ ลูกค้าเช่าแต่ละคนก็โทรจิกกูไปดู ป่านนี้คงด่ากูกระจายล่ะว่าซ่อมเหี้ยไรไม่รู้พอบอกใช้ได้แล้วก็เสือกใช้ไม่ได้อีก กูไปดูหน้าช่างแม่งก็แบบไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่หรอกนะ เข้าไปดูระบบเน็ตที่มันทำแม่งก็มีสร้างยูสเซอร์ของตัวเองไว้ด้วย(แบบเข้าได้ตลอดไม่มีจำกัด) พน.มันจะมาซ่อมใหม่อีกทีบอกเข้าได้ชัวร์ๆ แต่ดูแล้วเหมือนจะต้องมาเบิกเงินค่าอุปกรณ์เร้าเตอร์อีกแหง กูจะบอกเจ้านายดีมั้ยว้ะ ว่าแม่งไม่น่าเชื่อถือสัสๆ
มาจ้างกูแทนป่ะชม.ละพันค่ารถ500 ถ้ากูทำไม่ได้กูขอแค่ค่ารถพอ
ลืมบอกว่ากูติดตั้งดูแลหอพักคนใช้สองร้อยกว่าคนอยู่
ลาดกระบัง
เพื่อนโม่งกูเป็นเด็กจบใหม่ที่อยากทำงานกับดิสนี่ย์ แต่กูกาก เรียนมาก็ไม่ตรงสายอาศัยฝึเอาเองช่วงปีสุดท้ายที่เรียน เลยได้งานเป็นกราฟฟิกแต่ด้วยฝืมือที่กากทำให้หางานได้บริษัทเล็กๆเงินน้อย ใช้เดือนชนเดือน มีเก็บบ้างบางเดือนแต่ก็มีความสุขกับงานที่ทำ เข้ากับสังคมได้และที่ทำงานค่อนข้างยืดหยุ่นทำให้หาเวลาฝึกมือได้บ้าง ซึ่งมันดีหมดยกเว้นเงินเดือนที่น้อยและไม่ค่อยก้าวหน้า
แม่กูพยายามบอกให้หางานใหม่ที่เงินดีกว่านี้ รวมทั้งพวกรุ่นน้อง พวกเพื่อนรุ่นเดียวกันก็เปลี่ยนงานกันให้ว่อนภายในเวลา1ปีหลังจากจบ ทุกคนแม่งอัพเงินเดือนไปไกลแล้วแต่กุยังอยู่กับเงินเดือนเท่าเดิมอยู่เลย กูควรหางานที่ใหม่ทั้งๆที่กูชอบที่เก่าอยู่มั้ยวะ กูกลัวว่าที่ใหม่จะไม่ดีเท่านี้แต่ที่เก่าเงินเดือนน้อยอ่ะ คนอื่นเค้าไปกันไกลแล้วด้วย กูจะทำไงดี
ห่าคำว่าออกจาก comfort zone มันแค่คำเชิญชวน เรียกพวกไม่รู้เรื่องไปตายฟะ
ที่จริงคือกำลังยืนอยู่บนแผ่นน้ำแข็งหรือเปล่าวะนั่น
>>239 กูคิดไม่ออกแล้วไง ใจนึงก็อยากอยู่แต่อีกใจเห็นเพื่อนเขาอัพเดือนกันสูงๆแล้วกูใจแป้ว รู้สึกว่าถ้าไม่เปลี่ยนงานจะไปได้ไม่ไกลกว่านี้ กูเพิ่งทำงานมาแค่ปีเดียวเองด้วยแต่พอมองคนอื่นแล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองใจเย็นไปรึเปล่าที่ยังอยู่ทำงานที่เดิม ไม่รู้ดิวะกูมืดแปดด้านไม่รู้จะเลือกทางไหนดีแต่ถ้าพวกมึงคิดว่าอยู่ที่เก่าเก็บพอร์ตไปจะดีกว่ากูก็โอเค กูกลัวแค่ปัญหาการเงินระยะยาว ตอนนี้ไม่มีหนี้ไม่มีภาระแต่เงินมันก็ไม่ค่อยได่เก็บ กูกังวลมากๆอ่ะ บางทีก็กลัวว่าจะตายไปก่อนที่จะได้ใช้ชีวิตด้วยเพราะมัวแต่ทำงานเงินไม่พอเที่ยว กลัวไปหมดเลยว่ะ
>>241 คิดว่าไม่ควรว่ะอย่างที่บอกว่าฝีมือกูกาก กูคิดว่านายจ้างคงคิดว่าไม่คุ้มเท่าไหร่ถ้าจะจ่ายเพิ่ม มันไม่ได้มีเหตุผลอะไรด้วย คือเอาจริงๆตอนนี้กูไม่ได้มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายนะ แค่พออยู่พอกินอ่ะมึงมันก็อยู่ได้ แต่กูแค่กลัวเรื่องของอนาคตอ่ะ จะอยู่แบบนี้ไปตลอดก็ไม่ได้ถ้าไม่รีบเก็บเงินก็กลัวลำบากแต่จะเก็บมันก็เก็บลำบากเพราะเงินน้อยแต่ค่าใช้จ่ายเยอะ พยายามประหยัดก็แล้วนะ แล้วที่นี่มันเป็นบริษัทเล็กๆที่มองหาความก้าวหน้าทางสายอาชีพไม่ค่อยเจอ มันไม่มีตำแหน่งให้เลื่อนด้วยซ้ำไปเพราะตอนนี้ก็ทำหมดทุกอย่าง กูกลัวว่ากูจะรู้สึกตัวช้าไปว่าต้องถีบตัวเองแต่อีกใจนึงก็มีความสุขกับชีวิตนี้ดี งานก็ชอบ
คือเหมือนว่าเป้าหมายกูสูงแต่ไม่รู้ว่าต้องทำไงถึงจะไปได้ กูเลยเอาแต่ทำงานเก็บประสบการณ์ที่เดิมและหาเวลาฝึกเรื่อยๆ แต่กลัวว่าวันนึงพอลองมองดูรอบๆจะเจอแต่คนที่เงินเดือนสูงๆส่วนกูยังด๊อกแด๊กกับเงินน้อยๆอยู่ กลัวว่าพอถึงตอนนั้นจะขยับขยายทำไรก็ไม่ทันแล้วเลยกังวลว่าควรจะเปลี่ยนงานตั้งแต่ตอนนี้เลยดีมั้ย รีบหางานที่มันสตาร์ทเยอะๆไปเลยดีกว่ามั้ย แต่งานที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ชอบซะจนรู้สึกเสียดายถ้าต้องออกเลยล่ะ
>>243 +1 น่ารำคาญสัส บอกฝีมือกากๆ แล้วยังเสร่ออยากหวังได้เงินเดือนเยอะกว่านี้? มึงบอกคนอื่นเงินเดือนสูงๆเอยะกว่ามึงแล้วมึงฝีมือเท่าเขามั้ยล่ะ อย่าเอามาเทียบกันสิฟะ ถ้ามึงคิดว่าฝีมือกากๆอย่างมึงออกไปแล้วได้งานเงินเดือนเยอะกว่ามึงก็รีบๆไปเลย กลัวห่าไรเยอะแยะกลัวไปก็ไม่ได้เปลี่ยนให้ฝีมือมึงดีขึ้น นี่กูไม่ได้ประชดนะ มึงพูดเองอยู่ได้ ว่าฝีมือกาก
>>243 >>244 ไม่ใช่อย่างงั้น กูเคยบอกไปไงว่าเออ กูกาก แต่ที่นี่มีงานให้กูทำและมีเวลาให้กูฝึก กูเลยโอเคเพราะอยู่นี่มีโอกาสให้พัฒนาฝีมือ แต่ปัญหาคือเงินเดือนมันน้อยกูเลยไม่รู้ว่าควรออกไปหางานใหม่มั้ย กูต้องเลือกงานที่ชอบแต่เงินน้อยหรือลองหางานใหม่ที่เงินเยอะกว่าดี ปัญหาคือกูโอเคกับที่นี่แต่ไม่รู้ว่าถ้าทำงานที่ใหม่กูจะมีเวลา มีโอกาสฝึกแบบที่นี่มั้ย เลยคิดไม่ตกไงว่าจะอยู่ที่เก่ากินเงินน้อยๆไปแต่ค่อยๆทำงานเก็บพอร์ตแบบเม้นบนดี หรือออกไปหาใหม่แม่งเลยดี
กูไม่ได้เอาคนอื่นมาเทียบว่าเค้าได้เยอะทำไมกูไม่ได้ กูรู้ตัวไงว่าเก่งสู้เพื่อนไม่ได้ แต่ที่กูกัวลคือกูคนอื่นเค้าขยันหางานใหม่อัพเงินกันแล้วกูสมควรทำแบบเขามั้ย ช่วงทำงานใหม่ๆเป็นช่วงที่ควรเปลี่ยนงานจนเงินสูงหรือเปล่าเพราะเห็นคนเค้าทำกันเยอะ นั่นแหละประเด็นไง
เงินเดือนออก 28 โว้ยยย 5555555
อีกอย่างกูเห็นหัวหน้ากูทำงาน แม่งฝีมือกากกว่ากูอีก ดังนั้น มึงคิดว่าเมิงกาก เมิงไม่คิดเหรอว่าคนอื่นๆ มันก็มีกากเหมือนกันล่ะฟะ คำว่าทำงานกาก มันเป้ฯแค่คำตัดพ้อของนายจ้างว่า เมิงทำงานตามความต้องการเขาไม่ได้ ซึ่งความต้องการของนายจ้างมันไม่เคยพอนะเมิง ดังนั้นอย่าไปคิดมาก
>>248 กูเพิ่งทำงานครบปีเมื่อเดือนมีนาอ่ะ เรื่องกาก ไม่มีใครบอกว่ากูกากหรอก แต่กูรู้สึกเองจากการวาดนั่นไม่ได้ วาดนี่ไม่ดี ทำงานไม่ถูกใจชาวบ้าน ตอนหางานใหม่ๆก็มีแค่บริษัทนี้ที่เดียวที่ติดต่อมา ที่อื่นเงียบ กูเลยคิดว่าสำหรับวงการนี้กูกากมากและยังต้องพัฒนาฝีมืออีกเยอะ กูเลยแฮปปี้กะที่นี่เพราะมันมีเวลาให้กูฝึก มีของใหม่ให้ลองทำอ่ะ
กูรู้ล่ะ ที่มึงขาดคือความเครียด ความเครียดที่ต้องเร่งงานให้เสร็จ ความเครียดที่ต้องคิดงานให้ออก อดรีนนารีน มึงสูบฉีด นี่แหละความสุขนะเมิง ถ้าเมิงไม่เจอความเครียดเลย เมิงจะคิดว่าเมิงฝีมือกากๆ ต่อไปนั่นแหละ แม่ง สำหรับกูแค่ทำงานไป ลูกค้า พอใจ รับได้ก็ แทบจะกราบแล้ว
ผ่านนรกได้แบยนั้นเมิงไม่กากแล้วฟุะ
พวกมึงถ้าให้เลือกระหว่าง ส่งเมลแบบแยกหัวข้อให้เป็นเมลๆ อ่านง่ายๆ กับส่งรวมทีเดียวในเมลเดียว มึงว่าอันไหนดีกว่ากันว้ะ
คือตอนแรกกูก็ส่งรวมแล้วเจ้านายมาบอกว่า เยอะอ่านยากให้แยก แล้วพอกูแยกให้อ่านง่ายๆ เดือนต่อมาก็ว่ากูส่งมาเยอะเกินให้รวมมาเมลเดียวอีก
เวลากูส่งเมลไฟล์เอกสารเซ็นต์สัญญาพวกเนี่ย คือพอมันเซ็นต์ปุ๊บกูก็ส่งทันที เพราะมันเป็นเอกสารด่วนช้ะ แล้วแม่งก็เปิดตอนนั้นพอผ่านไปอีกเดือนก็ว่ากูอีกแล้วว่ากูไม่ได้ส่ง คือมันหาไม่เจอเอง หลังจากกูบอกว่าส่งแล้วบอกวันที่ส่งหัวข้อเรียบร้อยก็บอกว่าให้ส่งรวมมาเมลเดียวท้ายเดือนเลยงี้ กูล่ะเครียด สัสเอ้ย คราวนี้กูจะส่งแม่งรวมในไฟล์เดียวให้กระอักเลยสัส ห่าถ้าด่ากูอีกกูจะไม่ทนล่ะ ออกแม่ง เครียดด่าทุกเดือน
มนุษย์เงินเดือนหมื่นห้าเช่าบ้านอยู่จะสามารถบริหารเงินยังไงให้มีเงินเที่ยวด้วยและเงินเก็บยามเกษียนด้วยวะ มันจะพอเป็นไปได้มั้ย กูจนแต่ก็อยากออกไปท่องโลกกว้างบ้าง
>>256 ถ้าในกรุงเทพนี่ต้องฝันเอาแล้วล่ะ ตจวยังพอว่า ค่าครองชีพต่ำกว่า ค่าเช่าก็ไม่แพง ของล่อตาล่อใจก็น้อย
ว่าแต่อายุเท่าไรแล้ววะคิดไปไกลถึงเกษียญเชียว ถ้าไม่ถึง 30 ก็อย่าเพิ่งโอเวอร์ ไม่ใช่หมายความว่าคิดเผื่ออนาคตไม่ดีนะ แต่เอาเวลาไปคิดหาทางอัพเลเวลเพิ่มเงินเดือนดีกว่า ถ้าเกิน 30 ก็ควรพิจารณาตัวเองได้แล้วว่าชีวิตที่ผ่านมาเอาเวลาไปทำอะไรหมด ต่อให้ความรู้น้อยถ้าเลือกคบคนซะหน่อยโอกาสจะเติบโตมันต้องมีมาบ้าง
>>258 อายุ 24 จ้า กูอัพเลเวลฝึกอยู่บ่อยๆแต่ไม่เคยได้ออกไปเที่ยวไหนเลยเพราะเงินเก็บลำบาก แต่ว่ากูก็อยากมีประสบการณ์เที่ยวรอบโลกแบบชาวบ้านเค้ามั่ง ถ้าแก่ไปกลัวจะเที่ยวไม่ไหวแล้วแต่ก็ชีวิตมันไม่แน่นอนอ่ะพวกมึง กูเลยอยากเก็บเงินสำหรับตอนแก่ไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย อนาคตจะได้พอจะหยิบจับอะไรได้บ้าง
กูไม่ได้คิดจะรับเงินหมื่นห้าไปตลอดหรอกแต่คงยังต้องมีแค่นี้ไปอีกนาน กูเลยอยากวางแผนเก็บเงินไปเที่ยวสำหรับตอนนี้ด้วย มีทริปอะไรถูกๆบ้างมั่ยวะเรื่องลำบากกูไม่มีปัญหา แค่ไม่โดนลากไปฆ่าข่มขืนกูก็โอเคละ
หางานที่รายได้ดีกว่านี้มันก็จะทำให้เก็บเงินง่ายขึ้นจริง. , ช่วงนี้ก็พัฒนาตัวเองแล้วหาทางอัฟรายได้ก่อนเฮอะ
ปล.ตอนแรกจะแซวว่าสนใจไปเที่ยวฟรีแค่ไปกับป๋า. เดี๋ยวป๋าเลี้ยงทุกรายการเอง
>>259 ยังน้อยอยู่เลย ทำงานมาอย่างมากก็ 2-3 ปี อย่าเพิ่งคิดเยอะ เรื่องแบ่งเงินเก็บไว้ระยะยาวนั่นดี้ว ทำต่อไป ต่อให้มันน้อยนิดกะจิ๊ดริดถ้าเทียบกับเงินที่จะได้ในอนาคตแต่นิสัยนี้จะติดตัวไปตลอดซึ่งเป็นเรื่องดี
ส่วนเรื่องเที่ยว มี 2 แนวทางให้เลือก 1.คืออย่าเพิ่งสน อัพเลเวลตัวเองให้ได้ซัก 3หมื่นภายใน3ปี(ไม่ถือว่าโอเวอร์ อยู่ในระดับที่เป็นไปได้ ถ้ามีความตั้งใจพอ) แล้วเงินเที่ยวจะมาเอง หรือ2.เซพเงินโดยตั้งเป้าไว้เลย งดกิจกรรมฟุ่มเฟือย กินข้าวตามห้างนานๆทีก็พอ ดูหนังรอวันพุธก็ไม่เห็นเป็นไร สตาบั๊คเลิกถาวร พวกนี้มันเล็กๆน้อยๆแต่สะสมเข้าแล้วมันเยอะอย่างไม่น่าเชื่อ ลองทำบัญชีดูจะอึ้ง ตอนเริ่มทำงานใหม่ๆก็ได้เงินเดือนเท่านี้ เคยเก็บได้เดือนละ 3-4000 ถ้าทำได้+หาโปรถูกๆได้ ปีนึงก็น่าจะเที่ยวได้ 2 ทริป
วิธีที่กูทำอยู่ (แต่อาจจะไม่เหมาะกับทุกคนหรือทุกสายอาชีพ) คือทำงานเป็น contact ที่เค้าให้วันลา
ถ้าโปรไฟล์ดีหน่อยกับต่อรองกับ HR ดีๆ จะขอเงินเดือนได้เยอะมากๆ ตอนกูเปลี่ยนงานประจำมาเป็น contact นี่เงินเดือน x2 จากที่เก่าเลย
ซึ่งสำหรับคนอายุน้อยยังไม่มีครอบครัวแล้วคิดเป็นเงินออกมามันคุ้มกว่าสวัสดิการที่ได้ใช้มั่งไม่ได้ใช้มั่งของพวก permanent เป็นไหนๆ
ปล. ตอนอายุเริ่มเยอะแล้วถ้าจะกลับไปเป็น permanent ทำใจเรื่องที่เงินเดือนมันจะลดไว้ด้วยนะ
กูได้เลื่อนเป็นผู้จัดการ แล้วผู้จัดการใหญ่บอกว่าจะขึ้นเงินเดือนให้กู50-100% (จาก30k)
มาวันนี้บอกขึ้น5000 กูแทบทรุดลงไปร้องไห้กับพื้น TT
ถ้าบริษัทที่มึงใฝ่ฝันเปิดรับตำแหน่งที่มึงใฝ่ฝันแต่ความสามารถมึงยังไม่พร้อมในทุกๆด้าน มึงจะส่งพอร์ตไปสมัครมะหรือจะปล่อยโอกาสนี้ไปแล้วอัพเกรดตัวเองก่อน
แล้วอย่างพวกเงื่อนไขอายุไม่เกินเท่านี้ๆหรือต้องมีประสบการณ์เท่านี้ๆแล้วมึงมีไม่ตรงตามที่เขาต้องการ แบบนี้ควรสมัครไปมั้ย
เครื่องเขียนเดี๋ยวนี้ขายดีไหมเอ่ย? คิดจะพรีของน่ารักๆมาขายตลาด
กุเด็กจบใหม่สุดๆยังไม่ได้ปริญญาเลย แต่ได้งานแล้ว (ไม่ตรงสาย แต่โปรไฟล์ดี)
วันนี้มีคนส่งมาให้ดูว่ายุคนี้ควรหางานหลายๆงาน
อยากถามโม่งเซมไปว่า นอกจากงานหลักแล้วมีงานรองเยอะไหม ทำอะไรกัน
กุได้ภาษาค่อนข้างดี มีสองทางที่เลือกคือ รับจ๊อบแปลกับเรียนญป.อัพเลเวล
และมีจุดมุ่งหมายจะเป็นล่ามฟรีแลนซ์อะ
ปัญหาคือไม่ใช่มึงคิดว่าไทย-จีน ติดต่อธุรกิจมากขึ้นหางานง่ายขึ้นว่ะ
ที่จริงมึงมองตรงค่าแรง/ชั่วโมงของล่าม ญี่ปุ่นเทียบกับล่ามจีนดีกว่า ถ้ามึงมองเรื่องค่าตอบแทนมึงจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะ
ปัญหาคือ เมิงจะไป ทำบริษัทญี่ปุ่นหรือบริษัทไทยที่ติดต่อกะจีน
>>283
กุโม่ง>>282
ผญ.เสี่ยงยังไงในสายงานล่ามจีน
1.คนที่ทำงานส่วนใหญ่ ยังคงเป็นผช. เป็นหลัก
2.เวลาเลี้ยงลูกค้า ถือเป็นเรื่องโคตรสำคัญ ใครไม่ไป คือหักหน้าเค้า
3.จากข้อ2. เลี้ยงเหล้าเท่านั้นนะเออ ข้าวต่อเหล้าต่อเกะประจำ
4.ถ้างานล่ามโรงงานก็ต้องไปอยู่หอในนิคม ซึ่งจากที่ฟังมาไม่มีผญ.ทำเลย
5.ฯลฯ ที่กุเล่ามานี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่รุ่นพี่เค้าบอกต่อๆมาอะนะ เคยเจอประปรายเล็กน้อยตอนเรียนที่จีน
กุว่างานแรกของกุนี่โชคดีมากแล้วที่หัวหน้าเป็นผญ. อย่างน้อยเค้าคงไม่ลากกุไปเสี่ยง
สรุปได้ว่าคือปกติของสายล่ามสินะ ...แล้วกุจะอยู่ในสายงานนี้ยังไงเนีย
ถ้ามึงอยู่ส่วนรับรองด้วยอาจต้องเข้าอ่างกับลูกค้าอ่ะดิ่ ที่บอกเสี่ยงคือมึงเจอเมาๆเข้ามาจะเคลมGangbangมึงเพราะ ยังสาว,สวยอยู่ กูว่าเสี่ยญี่ปุ่นมันเสี่ยงน้อยกว่าเสี่ยจีน
เพื่อนโม่ง กูเสียใจมากๆเลยหว่ะคือผู้จัดการใหญ่เขาบอกว่าให้กูเป็นรองผู้จัดการ ช่วยงานเขาเพราะกูรู้เยอะที่สุดในบริษัท แล้วจะปรับเงินเดือนให้50-100% ตามผลงาน
แล้วทีนี้กูก้ตั้งใจทำงานมากๆ แต่อยู่ๆแม่งก้มีตัวละครลับโผล่มาทับตำแหน่งกูเฉยเลย กูก้งงเลย แล้วกูคืออะไร? แล้วยังมีหน้ามาบอกว่ากูสำคัญกับเขาเหมือนกันอีกนะ แล้วถามกูว่าโอเคมั้ยที่จะให้คนนี้มาเป็นรองผู้จัดการ แล้วอัพเงินให้กู1000บาท(ยังไม่ถึง5%ของเงินเดือนกูเลยสัด)
ด้วยEQอันสูงของกู กูก้เก็บอารมณ์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจกูร้องไห้ดังมาก
ประเด็นคือไอเหี้ยนั่นไม่รู้งานไรเลย แค่แก่กว่ากู
กูเสียใจมาก วันนี้กูว่าจะไปนั่งแดกเหล้าร้องไห้ใค้ขวดฟัง T T
>>293 ที่กูเสียใจเพราะกูรู้สึกเหมือนโดนหลอกใช้ไง แม่งมาให้ความหวังแล้วทำแบบนี้ สู้ไม่บอกแต่แรก ให้กูทำงานของกูเหมือนเดิมดีกว่า
พวกน้องๆในทีมกูพอรู้ข่าวบปุ้บ แม่งจะออกกันทั้งทีมเลย คนห้ามก้กูอีก
กูก้เสนอนะว่ากูดูส่วนของไทย แล้วให้คนนั้นดูต่างประเทศเอามั้ย กูแบ่งเค้กแฟร์ๆเลย แม่งก้ยังยืนยันว่าจะเอามาทำแทนกู
เรื่องของมึงคล้ายกับกูมากเลย เฮ่อ โดนเถ้าแก่เอาสัญญาลมๆ แล้งๆ มาล่อ พอถึงเวลาจริงๆ ไม่ได้เหี้ยอะไรเลย แล้วไม่ใช่ว่าลืมด้วย เพราะอยู่ดีๆ กูโดนเมียเถ้าแก่เรียกไปคุย นึกว่าเรื่องอะไร ปรากฏมาพล่ามให้ฟังว่าติดขัดแบบโน้นแบบนี้ กลัวกูทำไม่ไหว เลยต้องเอาคนใหม่เข้ามาเพิ่ม (เออ งั้นก็เลื่อนกูขึ้นไปตามสัญญา จ้างคนใหม่มาทำแทนตำแหน่งเดิมกูสิวะ อยู่ดีๆ เอาใครไม่รู้แถมไม่เป็นงานมานั่งทับหัวกูเฉย) จบด้วยทวงบุญคุณว่ามีงานทำเพราะใคร
เจอคำนี้กูถึงกับปรี๊ด บริษัทอื่นมาทาบทามกู เสนอเงินเดือนเพิ่มให้สองเท่ากูยังไม่ไปเพราะเห็นแก่บุญคุณที่เขาเก็บกูมา พอเจอทวงบุญคุณแบบนี้จบกันเลยว่ะ บุญคุณสิ้นค่ายามโดนทวงจริงๆ ซึ้งเลย
อยู่ดีๆ ก็ได้ปรับเงินเดือน หรือเพราะกลัวกุหนีไปที่อื่นวะ
HRมีพลังจิตป่าววะเนีย รู้ได้ไงว่ากุกำลังวางแผนหางานใหม่
ที่ทำงานเก่า โดนป้าคนนึงนั่งด่าตั้งแต่ทุ่มถึงสามทุ่มข้าวไม่ได้กิน พอกลับมาบ้านพ่อบอก ลาออกเลย ตกงานพ่อเลี้ยงได้ ทำไมต้องให้เขารังแกขนาดนั้น
ออกมาแล้ว แต่รักพ่อจังเลย.... /แจ้งจข.บริษัทสิคะรออัลไลลล
เพื่อนโม่งทั้งหลาย พวกมึงจัดการกับความกลัวตอนจะพรีเซ้นท์งานกันยังไงวะ คือกูก็กังวลไปเรือยว่าแม่งจะไม่ดี แล้วเสือกต้องพรีเซ้นท์กับคนอื่น กุก็กลัวพาร์ทกุจะเหี้ยสุด ;_;
ลองไปพรีเซ้นท์ให้อากาศ พ่อแม่เพื่อนจนมั่นใจ แล้วเวลาไปออกงานจริงจะดีเอง ฝึกซ้อมเป็นเรื่องสำคัญ
จะไปสมัครงานพรุ่งนี้ ขอพลังโม่งให้กูด้วย//แบมือ
วันก่อนไปเขียนใบสมัครบริษัทนึงมา(พวกกราฟิก)
แล้วให้เค้าดูพอร์ทฯ เจ้าของร้านบอกพอร์ทโอเคเลยน้อง พี่ชอบ
แล้วเค้าบอกว่า ไม่เกินวันนึงเดี๋ยวติดต่อกลับ นี่สองสามวันละ
ถ้าโทรไปถามความคืบหน้านี่จะดูน่าเกลียดไปไหม?
แต่ของกุเป็นประเภทถ้าบอกให้รอกุก็โทรไปถามนะ อย่างน้อยๆได้ฟีดแบ็คกลับมาก็ยังดี ว่าต้องปรับปรุงตรงไหน
สู้ๆ เพื่อนเกลอ
>>314 ถ้าตอนสัมภาษณ์เขาคุยดีมีแนวว่าจะได้จริงก็โทรไป ส่วนมากHRพูดดีแต่บางทีนายใหญ่ไม่รับนี่กุก็เคยเจอ สึสเสียเวลาไปรอสัมภาษณ์2วัน เจออีเจ๊มาถามสองสามคำไล่กลับ กรวย!!
แต่ทำกราฟฟิกนี่ต้องอดทนนะเงินเดือนอาจไม่แปรผันตรงกับงาน แต่ถ้าที่ทำงานดีนายดีเพื่อนร่วมงานดี แต่เงินไม่มากเท่าที่อื่นกุก็ทนได้นะ
พักร้อนกูจะหมดแล้ว ไม่อยากกลับสู่โลกความจริงเลยโว้ยยย กูเข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมพวกอีลิธหลายๆคนพอเริ่มฝืดๆก็พากันลาออกไปเป็นครูมัธยมไม่ก็มหาลัยแทน ทำงานเป็นนักวิจัยนี่แม่งเหนื่อยจริงๆ ต้องมาใช้สมองกับเรื่องที่ไม่รู้แค่บ้ารึเป็นแฟค โปรเจคล่าสุดทีมกูพากันส่ายหัวถ้วนหน้าเลย ผอ.มันอนุมัติไปได้ไงวะโหวดโน 62% แต่สั่งลุย ปวดหัวพวกกูอีกสิ LIGO ก็ยังไม่เสร็จดีจัดงบไป 8 แสนยูโร ในระยะเวลา 3 ปี ให้กูไปหาหลักฐานของสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง มองไม่เห็น ตรวจจับไม่ได้ พูดตรงๆว่าตันสัสๆ แถมถ้าไม่คืบหน้ามีผลต่อตำแหน่งอีก เหี้ยจริงๆ เหมือนมันหาเรื่องลดงบประมาณชัดๆสัสเอ้ย อังกฤษมันก็จะออกอียูอีก เห้อ หุ้นจะเป็นไงบ้างหนอ
ปีนี้กุใช้ลาพักร้อนไป7วันกับการสมัครงานละ
ปีนี้ลาพักร้อนของกุมีเพื่อหางานใหม่เท่านั้นนนน
ขอกุบ่นหน่อย กุไปฝึกงานที่บ.ใหญ่ที่นึง แต่กุโดนดองไว้ไม่ให้เรียนงานเกี่ยวกับบ.เขาเลย ความสามารถกุก็ไม่ได้ใช้
แม่งก็ดีแต่โยนงานที่แม่งไม่ได้ช่วยให้กุได้เรียนรู้เกี่ยวกับทำงานให้กุทำฆ่าเวลาไปวันๆ แล้วถามหน่อยมันเสียเวลาชีวิตกุไหมเนี่ย งานแบบนี้กุไม่ต้องถ่อมาทำที่ออฟฟิศวันละ 8 ชม.หรอก กุตีพุงนอนดูอนิเมะอยู่บ้านก็ได้เรียนรู้แล้วเว้ย
แล้วแม่งจะรับเด็กฝึกงานทำไมวะ ในเมื่อบ.ก็ไม่ได้อะไรจากกุ กุก็ไม่ได้ไรจากบ.แม่งด้วย
กุอยากจะชิ่งชิบหายถ้าไม่มีภาระ แต่กุไปคุยกับทางนั้นดีๆเขาไม่ให้ออก ขู่เรื่องชื่อม.กุอีก แถมเสือกลงวิชาฝึกงานช่วงซัมเมอร์ไว้ เดี๋ยวอ.จะมาตรวจด้วยกุก็ต้องทนไป แต่กุคงไม่สนใจทำงานที่เขาให้มาละ คงลาไปทำฟรีแลนซ์ หรือหอบงานแปลไปนั่งทำที่บ.แม่ง ได้เงินและประสบการณ์กว่าอีก
>>323 กุอยู่บ.ทัวร์ ตรงที่กุอยู่ก็แถวๆคนคอยประสานงานลูกค้ากับบ.ผู้ให้บริการ บอกตรงๆตอนเห็นคนในออฟฟิศรับสายลูกค้า หรือตามเรื่องให้ เป็นกุก็ทำได้นะ แถมภาษากุดีกว่าบางคนในนั้นด้วยซ้ำ หลายครั้งแม่งอยากจะไปพูดให้แทนจริงๆ แต่ไปเสือกเขาจะมองเป็นหมาอวดเก่งก็เท่านั้น เอาเป็นว่าหลายอย่างกุคิดว่ากุช่วยเขาได้นะถ้าเขาคิดจะเทรนกุนิดนึง เพราะแผนกนี้ยิ่งคนขาดๆอยู่ แต่สุดท้ายกุก็ทำได้แค่งานโง่ๆ ที่รู้ว่าทำไปเขาก็ไม่ได้ตรวจ แค่ดูว่าส่งมาแล้ว จบ หมดเวลาไปวันๆ
คือกุเข้าใจนะว่ากุเป็นแค่เด็กฝึกงานต๊อกต๋อย ใครเขาอยากจะมาทุ่มให้ แต่ถ้าอย่างนั้นมึงไม่ต้องรับเด็กฝึกงานตั้งแต่แรกดีกว่าไหม จะได้วินๆทั้งสองฝ่าย
เออ เพื่อนโม่งมีวิธีจัดการยังไงกะเพื่อนที่ชอบขายตรงฟระ
ถึงตอนนี้มันจะไม่ค่อยชวนพวกกูละ หลังจากชวนไม่ได้ผลมาหลายปี
แต่กูว่าทรรศนคติด้านการเงินแม่งเอามาโยงได้ทุกเรื่อง มันเสียบรรยากาศกลุ่มอ่ะ
เลิกคบ เพราะมันไม่มองกูเป็นเพื่อนแล้ว
>>325 เป็นกูเลือกพูดตรงๆนะ(หรือจะเรียกว่าด่าตรงๆก็ได้55) บอกไปว่าไม่สนใจ ไม่อยากฟังเรื่องราวดีๆ
งานดีเเล้วไม่อยากมีรายได้เพิ่ม ไม่อยากเป็นดาวน์ไลน์หรือเป็นควายไรทั้งนั้น ถ้าอยากเป็นเพื่อนกันต่อหยุดทำร้ายมิตรภาพด้วยการขายตรง
ถ้ายังด้านขายตรงอีกกูเลิกคบนะ บาย ผลคือมันหายจากชีวิตกูไปเลยจ้ะ
พวกขายตรงไม่มีเพื่อนฟะ จำไว้เลย
>>324 ไม่รับไม่ได้ บ.ใหญ่ๆมันมี policy ต้องรับเด็กฝึกงาน แล้วถ้าหัวหน้าฝ่ายไม่ใช่คนคิดไกลมากก็จะคิดว่าเด็กฝึกงานอยู่ไม่กี่เดือน จะให้ทุ่มเทไปฝึกก็สิ้นเปลืองเวลา บางที่เลยรับแล้วเอาไปเสิร์ฟน้ำถ่ายเอกสารเฉยๆ เป็นเรื่องปกติ มึงต้องโทษตัวเองว่ะที่เสือกโง่ไม่หาข้อมูลก่อนเลือก
เงินเดือนออกแล้วโว้ยยย 5555555
ตอนนี้กูทำงานอยู่บริษัทฝรั่งที่เพื่อนร่วมงานเป็นคนไทยหมด คือวัฒนธรรมทีมมันออกสบายๆจนกูว่าแม่งเข้าขั้นเละ
อย่างพักกลางวันนี้ก็เนียนอู้ออกไป 2 ชั่วโมงกันเป็นว่าเล่น เข้าประชุมสาย 15 นาทีเป็นเรื่องปกติ ฯลฯ
ซึ่งมันก็ดีตรงที่ไม่ต้องเครียดมาก แต่กูก็เริ่มชินกับการทำตัวตามสบายมากเกินไปหน่อยๆแล้ว
งานใหม่ที่เล็งอยู่มันเป็นบริษัทฝรั่งเหมือนกันแต่ต้องไปอยู่ไซท์ลูกค้าญี่ปุ่น ซึ่งพวกกฏอะไรก็คงเข้มกว่าที่นี่เยอะ
กว่าจะปรับตัวได้คงค่อนข้างลำบาก กูค่อนข้างเสียวเรื่องจะเผลอเอานิสัยแบบที่เก่าไปใช้ด้วย
จบการบ่น มีใครมีอะไรแชร์มั้ย
กูถามหน่อย กูอยากทำงานสนพ.แต่เกรดไม่ดี จบมาก็หลายปีแล้ว เส้นสายก็ไม่ค่อยมี ปสก.สายนี้ยิ่งไม่มีใหญ่ (ก็ไม่มีใครเอาซักทีนี่หว่า) ถ้ากูจะไปสมัครแข่งกับเด็กจบใหม่ มันจะยังพอมีหวังมั้ยวะ หรือตัดๆใจไปเถอะ
333 ทำตอนนี้ีดีกว่ามาเสียดายทีหลังนะ ถ้าไม่ใช่สนพ.ดังมากก็ไม่นา่ายากนะ
>>329 เออ กูโง่เองที่ได้ยินว่ารุ่นก่อนหน้ากูฝึกกันดีมากได้ลงไปรับลูกค้า แถมออกนอกสถานที่ด้วย และกูก็ดันหวังมากกับการฝึกงานอีก เหี้ยจริงๆทำไมรุ่นกูเป็นงี้พอดีวะ ทำได้แค่ปลงแล้วก็หายใจทิ้งไปวันๆให้มันผ่านๆไป เวลาเดือนเดียวเปลี่ยนกูจากนศไฟแรงเป็นพนักงานตายซากแล้วเนี่ย
เพื่อนโม่งมีใครใช้คะแนน IELTS สมัครงานบ้างไหม คือกูอยากต่อโท business แต่ไม่มีประสบการณ์ทำงานเลยกูเลยต้องหางานทำก่อน แถมกูจบสายวิทย์มาจะสมัครงานแนวบัญชี/ไฟแนนส์ก็ไม่ได้เพราะเค้ากำหนดมาว่าต้องจบสาขาที่เกี่ยวข้องเท่านั้น กูเครียดมากเลย
ท้้อใจจัง สมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครติดต่อกลับ
;_;
กุนีท 32 ขวบอยากหางานมั่ง จะต้องไปทำงานแนวไหนว่ะ
เพิ่งได้งานใหม่ ที่บ้านดีใจมาก เงินโอ เพื่อนร่วมงานโอ บอสโอ เนื้องานน่าเบื่อแต่ทำได้
ประเด็นคือไปกลับ ขาไปสองชม.ขากลับสองชม. ต้องตื่นตีห้ากว่า คือกุเริ่มปวดหัวจี๊ดๆ มึนๆ วูบๆละ แต่กุไม่อยากอยู่หอ
ไม่อยากออกจากงานเลย นี่นอนห้าทุ่มตื่นตีห้าละนะ.... ทำไงดีวะโฒ่ง
>>348 เดี๋ยวจะหาว่าไม่อ่าน อ่านแล้วว่ามึงไม่อยากอยู่หอ
แต่มึงต้องเลือกนั่นแหละ ชีวิตคนเราไม่มีใครได้ทุกอย่างที่ต้องการหรอก
และถ้าเลือกแบบใช้สติและเหตุผล ไม่ใช่อารมณ์ มึงก็ควรไปอยู่หอ
เพราะงานดี เงินดี เพื่อนร่วมงานดี บอสดี แลกกับแค่การอยู่หอมันถือว่าคุ้มมาก
เสาร์อาทิตย์ก็ค่อยกลับบ้าน ที่ทำงานกูทำแบบนี้กันเยอะแยะ
กุก็ต้องเลือกระหว่างอยู่หอกับหางานใหม่สินะ เค้
มึงคิดว่าจะหางานแบบนี้ได้ง่ายๆอีกเหรอ เอแค่เจ้านายกับเพื่อนร่วมงานก็ยากแล้ว
ไปทำงานกันเถอะ อาจได้ทั้งงาน เงิน แล้วก็แฟนด้วยนะ
>>347 อยู่หอสิวะ เมื่อก่อนกูเคยเป็นแบบมึงนั่นล่ะ ตื่นตีห้า นั่งรถหลายต่อ ไปกลับสี่ห้าชั่วโมง กูหันมาอยู่หอใกล้บริษัท ชีวิตโครตสุขีสุโขเลย ตื่นเจ็ดโมงครึ่งไปทำงานก็ยังทัน ถ้ามึงเป็นผู้หญิงก็แนะให้หาหอพักสตรีหรือที่ที่มันล็อคแน่น ระบบความปลอดภัยดีหน่อย ลองเลือกเอาละกัน
ทำงานพลาดแล้วรู้สึกแย่ชิบหายเลยว่ะ ;(
กูเข้ากับคนยาก จะเงียบๆ กับคนไม่สนิท กูมีปัญหากับท่าทาง คือจะดูไม่ค่อยสมาร์ทเวลาปฏิบัติงาน ( มีคนบอกกูมา) ตอนนี้กูมีปัญหา คนร่วมงาน เมินกู หน้าไม่มอง พูดอะไรไม่มองหน้า จากวันแรกๆ กูก็คุยกับเขาดี
ก่อนหน้านั้น พี่ทีประมาณหัวหน้า เค้าบอกกูทำนองว่า เออถึงไม่อยากคบค้าสมาคมกับคนอื่น พี่หมายถึงพี่เองนะ ( ใจกูกำลังจะบอกเค้าไปว่าไม่ใช่กูไม่อยากคบค้าสมาคมนะ แต่เจอลงท้ายก่อน กูก็เลยแค่ตอบค่ะ) ก็ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ต้องมีมาด พูดกับกูต่อหน้าคนร่วมงานนั่นแหละ
คือปกติกูจะนิ่งๆ หน้าตาน่าจะดูเครียดๆ เวลาทำอะไรจะเงอะงะหน่อย กูไม่ค่อยมั่นใจ แต่คือกูก็พยายามยิ้มให้เขา นั่งก็พยายามนั่งรวมกับคนอื่น แต่เขาจะถอยห่างไปจากกู เวลาไปไหนกูก็มีเดินไปถามว่าเอาไรป่าวตลอด เวลามาเจอหน้าตอนเช้า กูก็ทักเขา แรกๆ ก็มีคุยกันเรื่อยๆ เว่ย
ทีนี้หลังวันที่พี่หัวหน้าพูด เค้าไม่มองหน้ากู พูดไม่มองหน้า เสียงคือห้วน หนักกว่าเดิม กูอึดอัดมากเลย
วนมาว่าการเข้ากับคนอื่นเป็นปัญหาของกูมานานมาก ตอนแรกกูพูดมากสมัยนู่นเลยประถม คนรำคาญกู กูก็เลยเริ่มเงียบ และท่าทีกูจะใส่อารมณ์ไม่รู้ตัวเวลาสนทนา เป็นคนเนกกาทีฟ เป็นคนเซนซิทีฟ ถูกตำหนิจะร้องไห้ อ่านเรื่องนิวเคลียร์ร้องไห้ เจอคนรักหมาร้องไห้ กูไม่รู้จะทำไงให้มันดีไปกว่านี้
และความรุ้สึกเวลากูทำแล้วพวกเขาจ้องมองกู พอกูรู้สึกว่ามองแบบคนมองไม่ชอบไม่เชื่อใจกู กูกดดันมาก กูทำพลาดมากขึ้น จากตอนแรกที่ทำอะไรก็สบายๆ เรียบร้อยดี
เห็นบริษัทไทยจำกัดอายุคนสมัครงานกันหนักแล้วกูกลัวตอนแก่จะเปลี่ยนงานแล้วเค้าไม่รับเพราะอายุเกินจังว่ะ...
ขอกำลังใจจากโม่งรุ่นพี่หน่อย ตอนนี้กูอยู่ปีสองจะปีสามละ เพื่อนๆในรุ่นบางคนเริ่มรับงานนอกทำกันละ แม่กูก็บอกให้คิดถึงทางเลือกอื่นบ้างว่าถ้าไม่ทำงานสายอาชีพนี้จะทำอะไรอีก
ประเด็นคือกูกลัวว่ะ โดนกดดัน แล้วเหมือนตัวเองยังไม่พร้อมเลยว่ะอีกสองปีกูต้องเลิกเป็นนีทเกาะแม่กินแล้ว พอจบแล้วจะหางานได้รึเปล่า จะมีเงินพอกินพอใช้ไหม จะส่งเงินให้ครอบครัวได้รึเปล่า บลาๆ พวกโม่งรุ่นพี่เคยมีฟีลงี้บ้างไหม อยากรู้ประสบการณ์แต่ละคนหน่อย; ;
กูถามไรหน่อยดิโม่ง พวกที่เรียนรามฯอย่างเดียวแล้วรับงานทำไปด้วย มันรับงานประเภทไหนทำกันมั่งวะ? กูเห็นปีสามปีสี่มันมีงานทำกันแล้วทั้งๆที่เรียนไม่จบวุฒิ ป.ตรี สักตัวเลยนะ แต่มันกลายเป็นมนุษย์เงินเดือนละ มันทำไงวะ? วุฒิ ป.ตรี ก็ไม่มี มันเอาอะไรเข้าแลกจนเค้ารับเข้าทำงานอ่ะ?
หวังจะเป็นสเปเชี่ยลลิส IT แต่มึงกลัวเทรนด์เปลี่ยนนี่มึงก็โตยากแล้วหวะ
Trend ของ Tools ของ Framework มันเปลี่ยนบ่อยก็จริง แต่ Basic Principle ก็ยังใช้ได้เสมอหวะ
N-Queen problem, Traveling Salesman, Hamiltonian Path ฯลฯ เป็นโคตรพ่อทฤษฏีคลาสสิก แต่ก็ยังได้ และคงใช้ได้ยันยุคควอนตัมเลย
หรือสาย DB โอเค ช่วงนี้แม่ง NoSQL กำลังมา Basic Principle อย่างการ Indexing หรือ Organize ก็ยังใช้ได้
มึงทำ Basic แน่นก่อนเถอะ ค่อยมานั่งกลัว
พักนี้แม่งรำคาญคนที่ออฟฟิศว่ะ โม้เหม็นเรื่องงหุ้นทั้งวัน งานการไม่ทำ
ตื่นมาเก้าโมงวันนี้ ไอ้สาด บิดลืมนรกเลยกู
กุเป็นซารารี่มังมาครบเดือนแล้ว
ชีวิตกุเหมือนคนหลอดhpแดงตลอดอะ
เพิ่งเข้ามาช่วงออฟฟิศขาขึ้นพอดี ยอดสองเท่า
งานก็สองเท่า รุ่นพี่บอกตั้งแต่เปิดบ.มาเดือนนี้งานเยอะสุด
Orz มิน่าทำไมตอนตกลงเงินเดือน เพิ่มเงินให้อีก
กุดีใจนะที่ได้ฝึกเยอะ แต่ตอนนี้เริ่มโอเวอร์โหลดละ
หวัดดีโม่ง กุมีเรื่องหนักใจปรึกษา ได้งานใหม่แล้ว บอสก็ดูโอเคกะกูดี แต่ตอนกุไปบรีฟงานวันแรก เหมือนกุไปพูดไรให้เขาไม่ถูกใจเข้า เขาเหน็บกุแบบเจ็บๆ แล้วหลังจากนั้นก็เมินกุ เจอหน้าไม่ทัก ไม่สน ไม่ใช้งานงี้ ถามว่ากุทำไงดีกุไม่ชอบฟีลลิ่งอึดอัดแบบนี้เลยว่ะ ไปเคลียร์ตัวๆรึทำเรื่องย้ายแผนกดีวะ
ก็แค่บอกๆโน่นนี่นั่นแบบว่าชอบบ.นี้ยังไง แล้วก็ตบท้ายว่า ชอบที่บ.นี้มีให้ไปดูงานตปท.ด้วย -_-; เหมือนเขาจะไม่ชอบใจมากๆที่ยกเหตุผลข้อนี้ขึ้นมาน่ะ
รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่ดับวูบในห้อง
>>386 ถ้ามึงอายุอยู่ในช่วง 2x กูพอจะเข้าใจมุมมองเค้านะ เค้าอาจจะเจอเด็กรุ่นใหม่เหยาะแหยะมาเยอะจนอคติ แนะนำให้ลองไปเคลียร์(แบบซอฟต์ๆทำนองว่ามึงผิดด้วย)ดูก่อน ถ้าขอย้ายเลยมันแสดงว่ามึงหนีปัญหา( ซึ่งการคิดว่าจะแก้ปัญหาด้วยการหนีก็แสดงว่ามึงไม่เป็นผู้ใหญ่พออยู่แล้ว ลองพิจารณาตัวเองดูด้วย) และเค้าเกลียดมึงไปตลอดแน่ อาจจะมีผลต่องานในอนาคตของมึงด้วย
มึงว่ากูเลวไหมวะ กูพยายามหาเงินมาเพื่อซื้อของนำเข้า คือกูชอบอ่านหนังสือ เล่มไหนมีแปลไทยกูไม่ซื้อ กูซื้อของฝรั่งที่ไม่ใช่ออริอ่ะ อย่างสามก๊กแปลไทยกูไม่อ่าน กูอ่านแปลอังกฤษอะไรแบบนั้น ภาษาอื่นๆ ด้วยเหมือนกัน
พวกโม่งทำไงดีวะ ชีวิตกูกำลังดิ่งลงเหวมาก กูมีเงินเก็บอยู่แต่ช่วงนี้ภาระค่าใช้จ่ายที่บ้านหนักมากจนทำให้กูมีเงินใช้ไม่พอต่อเดือน ตอนนี้เงินเก็บร่อยหรอลงทุกทีจากเมื่อก่อนเก็บเดือนละพันได้ตอนนี้ต้องควักเงินเก็บมาใช้เดือนละพันแทน กูอยากหางานนอกเวลาทำและวิธีประหยัดเงิน มันมีงานอะไรดีๆแนะนำบ้างมะ ถ้าทำงานที่บ้านได้ยิ่งดี
เมื่อปีที่แล้วกูไปสัมภาษณ์งานมา เกือบจะได้งานที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ในหลายๆด้าน
แต่ปฏิเสธเค้าไปซะก่อนเพราะที่ออฟฟิซปัจจุบันจะส่งไปดูงานต่างประเทศแลกกับต้องอยู่ต่ออีกหลายเดือน
ไปๆมาๆกูไม่สบายบ้าง ติดปัญหาที่บ้านบ้าง กลายเป็นอยู่ที่เดิมมาจะครบปีหลังกลับมาแล้ว
ตอนนี้กำลังจะส่งเมลล์หา HR ดูว่าเค้ายังรับคนเพิ่มอยู่มั้ย
คิดๆดูแล้วกูไม่น่าโง่ยอมต้องมาทนอยู่ต่อมาอีกตั้งนานเพื่อแค่จะไปดูงานที่แทบจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
โม่งถามหน่อย กูรับราชการอยู่กรมนึง ถือเป็นซาลารี่แมนละเม้นเกี่ยวกะเรื่องงานกูมู้นี้ได้ใช่มั้ย
บอสมาที่ออฟฟิศกู(ออฟฟิศย่อย)
เครียดสัส กูทำเรื่องบัญชีแล้วเขาก็ถามกูว่า
ถ้าเกิดไฟดับให้ทำไง กูก็บอกไม่รู้ครับ
เขาบอกไม่รู้ไม่ได้กูต้องไปหาวิธีมา
น้ำไม่ไหลทำไง กูก็เงียบ
กล้องวงจรปิดเปิดดูในคอมไม่ได้ กูก็ผิดอีก
กูไม่ได้เป็นคนทำนี่หว่า เขาจ้างใครมาไม่รู้แล้วแม่งเป็นปัญหากูอี๊ก
แล้วให้กูทำไงว้ะ งงถามรุ่นพี่อีกคนเขาก็บอกไม่รู้ ปกติก็รอช่างมาไง ส่วนใหญ่หม้อแปลงระเบิดมันก็ไม่ได้ระเบิดที่ตึกกู แต่ไฟมันดับมาเป็นแถบๆ ต้องรอช่างแล้วไฟมันก็มาเอง กูต้องทำไรล่ะว้ะ เหี้ย หม้อแปลงระเบิดที่ปั้มงี้กูต้องขี่มอไซไปที่ปั้มแล้วซ่อมให้เลยป่ะ เบื่อว่ะ คือกูทำฝ่ายบช.นะว้อย ไม่ใช่ช่าง กูทำไม่เป็นด้วยสัส เอางบมาดิเดี๋ยวกูไปเรียนช่างซักสองปี แล้วกลับมาทำให้ใหม่นะ
>>405 สองปีถือว่ายังน้อย ถ้าจบตรีทั่วไปก็แสดงว่าเพิ่ง 23-25 เอง สมัยนั้นกูมีแต่รุ่นพี่คอยโอ๋ มึงต้องต่อสู้กับบอสเองถือว่าเก่งกว่ากูเยอะ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่อไป พอมึงแก่มึงจะกลายเป็นคนที่โบ้ยทุกอย่างออกจากตัวได้เก่งเหมือนไอ้พวกระดับสูงๆ ที่บริษัทกูเองแหละ ถถถถ
กุคือ 396.386 นะ ตอนนี้เข้าใจละ ว่าเกิดไรขึ้น คือแผนกกุอ่ะ คนเต็มอยู่แล้ว แต่กุโดนมาเพิ่มแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่
จริงๆ ที่บ.เปิดรับตำแหน่งนึง แต่ว่ากุดันเจาะจงอยากเข้าแผนกนี้เอง ปกติเขารีไควคนที่มีปสก.มากๆๆๆ แล้วกุแบบใหม่ถอดด้ามมาเลยไง
อย่างน้อยก็ดีที่ได้รู้ ว่ากุไม่ได้ทำไรผิด :)
ทำงานมาได้ 2 ปี ยังไม่มีภาระครอบครัวหรือต้องผ่อนอะไรใหญ่ๆ พ่อแม่ยังไม่เกษียณ เงินได้มาไม่ได้ให้พ่อแม่ แต่ช่วยค่าน้ำ/ไฟ/เน็ตของที่บ้าน
เงินเดือนประมาณ 30k ใช้รวมทุกอย่างประมาณเดือนละ 20k ส่วนมากลงกับของกิน กินมื้อละ 150-300 เป็นปกติ
ที่เหลือก็เก็บ (แต่ก็มีเหตุให้ใช้เรื่อยๆเช่นไปเที่ยวหรือค่าประกัน) พวกมึงว่าการใช้เงินต่อเดือนของซารารี่แมนประมาณนี้ดูฟุ่มเฟือยไปมั้ย
กูรู้สึกว่าสมัยเรียนไม่ค่อยได้กินอะไรที่อยากกิน พอทำงานเลยใช้กินแบบบ้าไปเลย ควรจะเบรกตัวเองหน่อย แต่มาดูอีกทีก็ยังเหลือเก็บพอใช้ได้
พวกมึงคิดว่าไงมั่ง
>>409 ปกติสำหรับกู
บางคนสมัยเรียนผลาญเงินพ่อแม่เต็มที่ พอมาทำงานเองได้เงินน้อยค่อยรู้ซึ้งค่อยประหยัด แต่พวกเรามันเป็นประเภทสมัยเรียนประหยัดแทบตายห่าเพราะเกรงใจเงินพ่อแม่ อยากได้อยากกินอะไรต้องอดต้องห้ามใจ จบมาหาเงินเองได้มันก็ต้องมีเติมเต็มตัวเองกันบ้าง พอถึงระยะนึงก็น่าจะเริ่มคิดเรื่องลงทุนเก็บออมเอง ถ้าไม่ได้ถึงขั้นเป็นคนเหลวแหลกอยู่ไปวันๆ ไม่คิดถึงอนาคตเลย ซึ่งเท่าที่อ่านกูว่ามึงคงไม่ได้เป็นคนแบบนั้น เพราะมึงก็ยังคิดอยู่แค่ตอนนี้อยากจะเติมเต็มตัวเองก่อน
สายงานกราฟิกนี่มีโอกาสโตมั่งไหมวะ ดูแล้วไร้อนาคตชิบหาย
แถมเงินเดือนต่ำเตี้ยเรี่ยดินอีก กูทำเดือนนี้เดือนแรกได้ไม่ถึง ไอ่ซัส
เพื่อนๆโม่งซารารี่แมน กูขอปรึกษาหน่อยดิวะ
คือกูอยากรับงานนอกเสริมหว่ะ ปกติแล้วเขาไปหางานนอกจากที่ไหนกันวะ
กูอยากหาพวกงานรับทำเว็บ เขียนโปรแกรมอะไรแบบนี้
มีสกิลอะไรพิเศษป่าวล่ะ
ที่ทำงานใครบ้าง เคยมีคนฆ่าตัวตายจากการทำงานมั่ง
>>410 ปกติกินมื้อเช้าถูกน่ะ ซื้อข้าวกล่องข้างทางกินเอาเพราะจะเอาเร็ว พวกร้านอาหารไม่เปิดตอนเช้าๆด้วย แล้วก็ไม่ได้ 300 ทุกมื้อ
แต่มื้อให้รางวัลตัวเองที่กินเดือนละ 3-4 ครั้งก็แพงกว่านั้นไปอีก ส่วนเสาร์อาทิตย์ส่วนมากอยู่บ้านไม่ได้ออกไปกิน
คิดว่าเฉลี่ยๆแล้วค่ากินก็ตกเดือนละ 13-15k ได้มั้ง
>>411 สมัยเรียนมันหลายปัจจัยน่ะ พ่อแม่ให้เงินน้อยอยู่แล้วด้วย แถมแถวมหาลัยไม่ค่อยมีอะไรล่อตาล่อใจ
กลุ่มเพื่อนก็คนฐานะใกล้ๆกัน แต่ก่อนนี่ใครในกลุ่มชวนกินข้าวจานละ 60 นี่โดนรุมด่าทันที
เดี๋ยวนี้พอทำงานมีเงินก็กินหรูกันหมด แต่กูใช้เงินไปกับเรื่องกินเยอะที่สุดในกลุ่มละ
กูสับสนมาก กูเพิ่งเรียนจบ มีอุดมการณ์ ไฟแรง คิดว่าตัวเองมีความสามารถ มีรางวัลห้อยท้ายอยู่หลายตัว อยากทำงานเก็บประสบการณ์แล้วไปเรียนต่อเพื่อเป็นอาจารย์มหาลัย แต่แม่กูมีร้านอาหารไทยอยู่ต่างประเทศ กูมาช่วยงานแม่หลังเรียนจบได้ 2 เดือนแล้ว
แม่พยายามชักจูงกูทุกอย่างให้มารับช่วงกิจการต่อ แต่กูเกลียดงานบริการมาก กูหน้าบึ้งตึง ขี้หงุดหงิดขี้วีน ไม่ค่อยเก็บอารมณ์ตัวเอง มีดีตรงที่เป็นงานเร็ว ทำงานไวกับมีหัวด้านภาษาหน่อยนึง ที่ร้านมันไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ บอกครั้งสองครั้งก็ทำได้ จำได้หมดตั้งแต่ทำความสะอาด รับออเดอร์ ทำเครื่องดื่ม ทำค็อกเทล ทำขนม เอาไปเสิร์ฟ ล้างจานจนถึงคิดเงินลูกค้า แม่บอกไม่ต้องไปทำงานแล้ว ให้ทำวีซ่ามาเรียนภาษาแล้วช่วยงานแม่ไปด้วย จะเรียนภาษาอะไรจะส่งให้หมด ทั้งเยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาเลียนแล้วค่อยต่อป.โท จะให้เงินใช้เดือนละ 1,000 ยูโร ไม่เสียค่าเช่า ค่าข้าว ค่ารถไม่ต้องไปทำงานให้เขาโขกสับได้เงินแค่ 15,000 บาท แต่ต้องจ่ายเองทุกอย่าง
กูกำลังจะกลับไทยและไม่รู้จะเอาไงกับชีวิตดี ระหว่างไปตามหาฝันทำสิ่งที่รักกับมาช่วยแม่ทำร้านไปดี คือกูก็อยากทำในสิ่งที่เรียนจบมา แต่การเรียนภาษากับเรียนต่อป.โทที่นี่แม่งก็เป็นลู่ทางที่ดีมาก และกูก็รู้ว่าถ้ากูมาเรียนต่อป.โทที่นี่กูไม่มีทางได้กลับไปเป็นอาจารย์ ได้กลับไปทำงานต่อแน่ๆ กูไม่รู้จะเอาไงกับชีวิตดี
กูไม่เข้าใจ ถ้าเมิงต่อโทดีๆ แล้ว กูว่าเมิงจะนยิ่งเหมาะเป้ฯอาจารย์อีกนะ
ถามพวกมึงหน่อย กูกำลังคิดว่าจะเล่นเน็ตด้วยมือถือโดยใช้ไวไฟออฟฟิศดีมั้ย โดยปัญหาคือกูชอบเข้าเว็บนอกดูการ์ตูนโป๊ ถ้าใช้เน็ตออฟฟิศเค้าจะเช็กประวัติการเข้าเว็บกูได้มะวะ
ใจเย็น ๆ นะเพื่อนโม่ง
Be civil.
ต่อยดิไอสัดรอไร เป็นกุลุกขึ้นแล้วเนี่ย
ขอตลกอีกที กูเพิ่งได้งานใหม่ คนที่ออฟฟิศกูแม่งใช้ไวไฟเปิดเล่นเน็ตกันเพียบ กูอยากเล่นเว็บโป้มั่งก็คิดละว่าบล็อกแหง สรุปบล็อกจริง เล่นไม่ได้ กูก็บ่นลอยๆละมาใช้เน็ตมือถือตัวเองเล่นแทน จบละ พอทำงานว่างๆแวบมาดูอีกทีเสือกมีควายมาเดือดร้อนแทนเจ้าของออฟฟิศกู กูนี่งงเลย แต่คิดอีกทีไอ้เหี้ยนี่คงแค่อยากระบายมากกว่า สงสัยข้างนอกเป็นแค่หมาขี้แพ้หรือไม่ก็ขยะใต้ส้นตีนใครซักคน
แปลกมั้ยที่กูอ่านพวก blog ของคนเก่งๆในวงการที่กูทำงานอยู่แล้วรู้สึกว่ามีแต่บทความโลกสวย พูดอะไรด้านเดียวไปหมด
ไม่ค่อยดุความเป็นจริง อะไรๆก็เฮละโลเชียร์ตามๆกันไปหมด
ผิดมั้ยวะ ที่ทำงานแล้วเอาเงินเก็บไปเที่ยวคนเดียวเงียบๆ จริงๆกูคิดหนักอยผุ่เพราะถ้ากูไปเที่ยวทีก็อยากไปนานๆ อย่างมากสุดก็ได้สี่วัน นานกว่านี้กูคงไม่กลับกลัวใจตัวเอง
แล้วไปทีงี้เงินเก็บกูแทบหมดก๊อกเลยว่ะ ใจนึงก็อยากไปแต่ใจนึงก็เสียดายเงิน เฮ้อ
ควรทำไงกับเจ้าแม่ของแรงลูกอิช่างแซะ? แซะกุมาหลายวันแล้วอัดซักทีดีไหม นี่เกรงใจตำแหน่งซีเนียร์เจ๊หรอก แต่วุฒิภาวะช่างไม่น่ากริ่งเกรงเลย
เกริ่นแปบ กูทำงานหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในหน่วยงานจะแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆ ที่แต่ละกลุ่มจะมีงานที่ต้องทำต่อเนื่องกันไป แบบ 1 ไป 2 ไป 3 ไป 4 งี้ แต่กูไม่ไ
ด้สังกัดกลุ่มไหน ก็เป็นเลขาหนึ่งในหัวหน้า มีหน้าที่รับคำสั่ง แล้วไปสั่งงานกลุ่มอีกที ฉะนั้น หมายความว่า กูรู้processงานคร่าวๆ ของทุกกลุ่ม
ประเด็นคือ องค์กรนี่ใหญ่มากนะ แต่งานไม่มีให้ทำว่ะ เดินไปห้องไหนๆ ก็นั่งว่างๆกันทั้งนั้น แต่ปากก็พูดตลอดว่างานยุ่งๆๆๆ คือถ้ามึงหุบปาก ไม่เอาแต่บ่นว่างานยุ่ง มึงจะมีเวลาว่างวันละ7ชั่วโมงแล้ว หัวหน้ากลุ่มแต่กลุ่ม มาเกทับกัน โอ๊ยงานชั้นยุ่ง งานชั้นสำคัญสุดในองค์กร งานชั้นยากมากนะ กูเคยทำแล้ว ไม่มีอะไรยากเลยอิห่า ง่ายมาก ตรวจคุณภาพกันทุกเดือน แต่ไม่มีอะไรพัฒนา มีปัญหามากมายกับเรื่องหยุมหยิม เจ้าหน้าที่ไม่ถูพื้นห้อง รู้กันทั้งองค์กร แต่ปรับเปลี่ยนหน้าที่พนักงาน ไม่มีการแจ้งอะไร บางครั้งคนที่รู้ ต้องพูดอธิบายซ้ำซาก ว่ามันทำอันนี้ได้นะ มันทำได้ มันทำได้ อะโห้ ทำไมไม่ประกาศเป็นเรื่องราว เหมือนเรื่องไม่ถูพื้นวะ
มีปัญหามาก เรื่อง งานชั้นเยอะ งานเธอน้อย
ทั้งที่งานน้อยพอๆกัน และไม่ต้องใข้สกอลห่าไรเลย ใครๆก็ทำได้
>>442 เข้าใจว่าคงอยู่ในส่วนกลาง ถ้าส่วนภูมิภาคมึงต้องรู้และทำได้เกือบทุกอย่าง ไม่มีใครมานั่งสอนมึงด้วย สอนก็สอนแบบกั๊กๆ ประมาณว่าถ้ามึงไม่มีกู มึงไม่สามารถทำงานได้แน่
1.ประเด็นของมึงคล้ายๆที่กูเจอ คือ ไม่มีใครยอมใครไง ถ้ายอมก็จบ มึงต้องใช้วิจารณญาณ เยอะๆ ทุกคนต่างพูดให้ตัวอีกดูดีหมด ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องโกหกหรือเรื่องจริงแต่พูดให้เกินจริง เพื่อให้ตัวเองดูดีและน่าสงสาร
2.ประเด็นที่กูจะสื่อคือมึงต้องรู้และทำได้ทุกอย่างว่ะ เก็บเกี่ยวเยอะเพิ่มประสบการณ์เรื่องความเก๋าเกมส์ เขี้ยวลากดิน (โชคดีที่พี่ที่ทำงานกูสอนเรื่องชั้นเชิง ความเก๋าเกมส์ให้ว่ะ) หาพวกพ้องเยอะๆ มึงตั้งตัวเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ในที่ทำงานได้เลย
กู >>442
>>445 กูรู้process แต่กูไม่ได้เป็นคนทำเว่ยมึง และกูไม่มีสิทธิ์เข้าไปทำตรงนั้น มันคือแลปทางการแพทย์อ่ะมึง เข้าใจป่ะ แบบกูรู้ว่ามันต้องวางสไลด์และหยดน้ำยา3หยด แต่กูทำได้แค่ดูมันวางสไลด์ แล้วบ่นๆๆๆๆๆว่าตัวเองงานหนัก งานยาก โดยที่ยังไม่หยดอีน้ำยา3หยดนั่นซะที ทั้งที่กูอยากจะกระชากทุกอย่างมาจากมือมัน แล้วทำซะเองอ่ะ กูหงุดหงิดตรงเนี่ย
บ่นก็ไม่ได้นะ อายุกูน้อยกว่าอายุลูกป้าๆแกซะอีก กูเพิ่งย้ายมาได้ปีกว่า แต่ป้าๆทั้งหลายอยู่มา20ปี
กูคงอยู่แบบนี้ได้ไม่นาน กูชอบทำงาน กูชอบอยู่กับคนทำงาน แต่ถ้าจะให้กูอยู่กับคนไม่ทำงานแบบนี้ไปเรื่อย สักวันกูคงเป็นหนึ่งในนั้น กูไม่อยากให้ตัวเองดูน่าสมเพชแบบนั้นหรอก
>>448 กูเข้าใจมึงกูก็ทำส่วนกลางราชการแห่งหนึ่ง ถ้ามึงอยากทำต่อมึงก็ทำใจให้เอนจอยไปกะแม่งเลย ดีออกงานไม่ต้องทำเยอะ อยู่นานๆมีคอนเนกชั่นชิวๆ แบบกู กูนี่หนีงานยอดนิยมของคณะมาเพื่อชีวิตชิวๆโดยเฉพาะ แต่ถ้ามึงคิดว่าแบบนี้น่าสมเพชก็ออกไปที่อื่น มึงคนเดียวเส้นสายแบคก็ไม่มี ไม่มีวันเปลี่ยนทั้งองค์กรได้หรอก
อยากทำงานพาร์ทไทม์วันเสาร์ มีงานอะไรให้ทำบ้างวะ
ทำไม ทำงานชิวๆ สบายๆ จิบกาแฟ รอแดกเงินเดือนผิดตรงไหน กูก็ทำอยู่หลังจากท่ทำงานใช้แรงมานานนี่มันสวรรค์ชัดๆ
ไปสมัครงาน Outsource มา ไซต์ลูกค้าบริษัทญี่ปุ่นที่อยากอยู่แม่งไม่รับคนเพิ่มซะงั้น ต้องไปอยู่ไซต์บริษัทคนไทยแทน OTL
>>457 จริงว่ะ นี่กูอยู่มา3เดือนรู้สึกโคตรชิว ถ้าอยากเปลี่ยนจริงก็ได้แต่ตัวเองอะ พยายามขยันไรงี้ แต่ถ้าเด่นเกินโดนเขม่นอีก จะอยู่ให้สงบสุขคือทำตัวกลมกลืนเนียนไปเรื่อย
ง่ายๆ สมมติมาเป็นเด็กใหม่ไฟแรง แต่เอาแค่จะเปลี่ยนวัฒนธรรมการเซ็นชื่อตอนเช้าของ ขรก. กูก็ว่าไม่มีทาง มึงมาใหม่คนเดียวอยู่ๆมาจะเซ็นให้ต่างจากเค้า มึงโดนยำแน่ ทำในระเบียบไม่ได้ก็แอนตี้ ไม่สอนงานแค่นี้ก็ชิหายละ
วันจันทร์นี้กูมีนัดสัมภาษณ์งาน รู้สึกเกร็งๆว่ะ สัมภาษณ์งานบริษัทคนไทยครั้งแรกในชีวิตด้วย
ทำไมหน่วยงานของรัฐมากจะไม่ค่อยสอนงานกันว่ะ ถามอะไรก็บอกให้เรียนรู้เอง ศึกษาเอง พอพลาดอะไรก็บอกทำไมไม่ถาม พอถามก็บอกให้เรียนรู้เองดูจากของเก่า บางอย่างก็สอนแบบกั๊กๆ บางเรื่องก็ไม่ตัดสินใจว่าจะไปซ้ายหรือขวากั๊กๆอยู่นั้นแหละ พอตัดสินใจถูกเสมอตัว ถ้าผิดโดนด่าเหยียบจมดิน
กูเอกชนแม่งก็ชอบกั๊ก แล้วมาบ่นว่าทำยากๆ
กูเลยนั่งทำเอง สรุปก็ทำเองได้ว่ะ ไม่ได้ยาก
ทำยังไงถึงจะได้เป็นลูกรักในองค์กรณ์บ้างวะ
>>466 แล้วแต่นายมึงเป็นคนยังไง
ถ้านายมึงเป็นเหมือนนายเก่ากู ไม่ต้องทำอะไรเลย ขยันตั้งใจทำงานให้ดีก็พอ นายจะเห็นเองและรักมึงเพราะรู้ว่ามึงทำประโยชน์ให้องค์กร
ถ้านายมึงเป็นเหมือนนายปัจจุบันกู งานการไม่ต้องทำจร้า เลีย ตอแหล ประจบแม่งเข้าไปสิ คนทำงานงกๆ เลียไม่เป็นก็จบเห่ *เบ้ปาก*
กูแม่งโง่เองแหละ แค่เลียเอง แค่ตอแหลเอง แค่ประจบเอง ทำไมทำไม่ลงวะ กระดาก จะอ้วก ถ้าทำได้ป่านนี้คงเจริญไปนานละ เฮ้อ
พูดถึงเรื่องไม่ใช่ลูกรักแล้วกูเจ็บสัดๆ มีพี่คนนึงในทีมที่หัวหน้าประเคนให้ทุกอย่าง
คุยประเมินพนักงานนี่คุยหัวเราะกันดังออกมานอกห้อง คุยกันที 3-4 ชั่วโมงไม่เห็นรีบร้อนอะไร
พอตอนกูบอกให้ไปทำตัวพรีเซ้นมาเนื้อหาเยอะๆ พอตอนพรีเซ้นเสือกมาด่ากูว่าทำมาทำไมเยอะแยะ ไม่ได้มีเวลาว่างมาดูนะ
แถมให้เวลากูคุยแค่ 45 นาที คุยเสร็จไป 3-4 วันมีการมาด่ากูอีกว่ารู้มั้ยว่ากูคุยนาน ลูกน้องเค้าคนอื่นเสียเวลาทำงานเพราะต้องรอถามงานเค้า
กว่าจะรู้ตัวว่านี่สิ่งที่เรียกว่า "ไม่ใช่ลูกรัก" ก็เสียเวลาชีวิตไปนาน
เรื่องเลียหัวหน้านี่กูอยากมาก
หัวหน้ากูนี่เป็นเจ๊อายุประมาณ 35 แต่หน้าเหมือนเพิ่ง 27-28 แถมหุ่นโคตรแน่น มีโอกาสนี่กูจะเลียให้ล้มเลย สึส
กูกำลังไปสัมภาษณ์งานล่ะ
อ้าว
ส่งไวไปหน่อยโทดๆต่อ กูกลับไม่อยากทำงานกะพวกสวยๆว่ะ ทำไรก็เขินเกรงใจ อาจเผลอใจไปชอบแม่ง วุ่นวายอีก สู้ทำงานกะคนหน้าตาธรรมดาๆหรือแย่ยังดีกว่า สบายใจกว่า สำหรับกูนะ
พวกมึงมีใครเป็นพวกชอบเก็บตัวแล้วมีคนมาพยายามให้พวกมึงเปลี่ยนตัวเองบ้างวะ พยายามจะให้เข้าสังคมไปคุยกับคนอื่นเยอะๆ นอกจากเรื่องงาน
มีวิธีรับมือกับพวกนี้ยังไงบ้าง คือกูมีความสุขกับชีวิตกูดีอยู่แล้วแต่มีคนพยายามจะให้กูเปลี่ยนว่ะ
ถามผู้หญิงหน่อย ชุดไปสัมภาษณ์งานซื้อแบรนด์ไหน ร้านไหนกันบ้างอะ ที่ทำงานปัจจุบันกูใส่เสื้อยืดเกงยีนส์ ไม่เคยแต่งแนวๆสาวออฟฟิศเลยว่ะ 55555
>>480 เจ้านายเก่ากูก็เคยเป็นพวกแบบที่ว่านี่แหละ ที่สำคัญไม่ใช่อะไรหลายๆเรื่องแม่งก็มโนเอง
สังคมในออฟฟิซก็โคตรเฟค แกล้งทำเป็นสนิทกัน นึกแล้วอยากอ้วก
วันนึงอยู่ดีๆก็ชวนกันไปดูไฟที่ CTW ซึ่งกูมีนัดกับเพื่อนจะไปอยู่แล้วกูเลยบอกว่าไม่ไป หัวหน้าก็บอกกูว่าให้หัดหาความสุขใส่ตัวบ้างนะ
คือควยเถอะ ให้กูหาความสุขใส่ตัวด้วยการไปเที่ยวกับพวกมึงเนี่ยนะ
ในออฟฟิซกูเงียบๆเพราะไม่อยากคุยกับพวกแม่ง แม่งก็มโนกันเองแล้วว่ากูเป็นพวกไม่มีเพื่อน
คือกูต้องมาโฆษณาให้พวกมึงฟังว่ากูมีเพื่อนนะ ไรงี้หรอ?
กูอยากมีตังเยอะๆ งานประจำเงินพออยู่ พอกิน พอใช้ แต่ไม่พอเที่ยวกับใช้จ่ายฟุ่มเฟือยว่ะ ใครมีงานเสริมหรือรับจ็อบเสริมอะไรมั่งว่ะ
คนทำงานสอบบัญชีไม่รู้จักยื่นงบefilingเป็นไปได้ไหมวะพวกมึง
กุขึ้นปี4ละใกล้จะไปทำงาน เเต่กุอ่านกระทู้นี้เเล้วใจแป้วเลยงะ คือกุไม่ได้เฟรนลี่ คุยไม่เก่ง ทำตัวทะมึนๆ ไม่ค่อยมีใครอยากคุยด้วย เพื่อนมีไม่เยอะ อยู่เเบบเงียบๆ เเล้วเวลาไปทำงานเห็นข้างบนบอกทำงานออฟฟิศเลียไม่เป็นเข้าสังคมไม่ได้ก็มีปัญหาไม่สอนงานให้อีก ทำไงดีวะ
กุเกบตัวมากๆเลยนะ ขี้อายชีวิตนี้ยังไม่เคยจีบสาวซักครั้งไม่กล้า
>>489 เท่าที่กูเจอนะ ของกูทำแต่เอกชนมาตลอด กูไม่เคยเจอใครไม่สอนงานให้เพราะไม่เลียว่ะ สอนรัวๆ เลย เพราะมันจะหาคนโบ้ยงานให้ทำอยู่แล้ว ส่วนตัวเองจะได้ว่างนั่งไถโปเกมอนโก ปัญหาที่กูเจอสำหรับคนเลียไม่เป็นคือทำงานหนักให้ตายห่าลงตรงนั้นมึงก็ไม่โต ในขณะที่คนเลียเป็น งานการไม่ต้องทำ โคตรว่าง นั่งไถโปเกมอน เดินเม้ามอยวนไปค่ะ ตำแหน่งและเงินเดือนกลับขึ้นเอาๆ ถ้ามึงไม่ซีเรียสเรื่องต้องก้มหน้าก้มตาทำงานหนัก มันก็อยู่ได้แหละ เพราะองค์กรขาดมึงไม่ได้ ขาดมึงใครจะทำงาน เพียงแต่มึงจะต้องทำงานหนักแต่เสือกตำแหน่งต่ำได้เงินน้อยน่ะ มึงทนได้มั้ยล่ะ แลกกับการไร้สกิลเลียเองช่วยไม่ได้ ถ้าทนไม่ได้ก็จงไปหัดเลียหัดประจ๋อประแจซะ
>>491 ข้างบนก็ฟังดูโหดร้ายไปหน่อย กูพูดถึงเฉพาะองค์กรห่วยๆ การเมืองแรง หัวหน้ากากๆ อ่ะนะ
ถ้ามึงเจอหัวหน้าดี องค์กรดี ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น องค์กรและหัวหน้าที่ดูกันที่ผลงานมันก็มี
การเลือกองค์กรสำคัญมาก แนะนำให้มึงพยายามหาข้อมูลเยอะๆ ที่ไหนวัฒนธรรมองค์กรเป็นอย่างไร
ไม่ต้องเลียก็ได้ งั้นกูควรจะฝึกพัฒนาสกิลเข้าสังคมยังไงดี คือกูสื่อสารรับมุกหรือพูดยังไงให้มันต่อสนทนาได้ยาวๆเงี้ยไม่เก่ง
กูเลยคิดว่าสื่อสารได้ไม่เก่งไม่มีเรื่องจะคุย เเล้วก็เวลาพูดคุยกันยาวๆมักจะdead air ไปต่อไม่ถูก
กูเรียนไม่เก่งนะ เรียนวิศวะอยู่เนี่ยปีนี้ก็จบละ ไม่เก่งเเต่ก็ไม่ได้กากเหี้ยๆเเบบเกรด2.00เฉียดไทร์ ก็เกรดน้อยอยู่ดีเเหละ 2.6
กิจกรรมกูก็ไม่เข้า เพื่อนไม่เยอะมากซะด้วยสิ เพื่อนที่มีอยู่ก็สนิทๆไม่เยอะนะเเก๊งค์เดิมๆ 4-5คน คือกูพอเข้าใจสกิลสังคมกูเเหละอย่างที่บอกได้ข้างบนคือคุยยาวๆอะไรไม่เก่ง คุยไม่สนุก พอจะเข้าใจได้เลยว่าเวลากูไปคุยกับคนเเปลกหน้าหรือ เพื่อนในSecที่ไม่ได้สนิทกันมาก เขาก็ไม่มองหน้ากู คุยผ่านๆ
จริงๆมันอยู่ที่บุคลิกด้วยปะ คือกูอยากเตรียมพร้อมด้วยนะปี4ปีสุดท้ายเเล้ว
ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ไม่เข้าสังคมนะ อยากพัฒนาเหมือนกันจะฝึกยังไงให้ได้ผลถ้ามีวิธีก็เเนะนำให้ทีเปลี่ยนเเปลงตัวเองออกกำลังกายเริ่มเล่นเวทอยู่ กูตัวเตี้ยๆผอมๆ ใส่เเว่น ดูเนิร์ดๆอะ กูเดาว่าเเบบที่กูเป็นคงไม่ค่อยมีใครอยากคุยด้วยเท่าไร
เรื่องการคุยให้สนุกนี่กูเข้าใจว่ามันน่าจะเป็นสกิลส่วนบุคคลที่ทำได้ยาก เเต่ก็อยากฝึกดู ทำยังไงดี เผื่ออนาคตเป็นเซลล์เอนจิเนียร์ หรือขายตรงไรพวกนี้ล่ะมึงเอ๊ย กูโน้มน้าวผู้คนไม่ได้เเน่
>>494 คงเพราะเป็นองค์กรรัฐไม่มีลูกค้าละมั้ง ไม่มีใครสอนทำงานพลาดคนเดียวก็ซวยคนเดียวไป แต่ของกูเป็นเอกชน ถ้าไม่มีใครสอนแล้วปล่อยกูทำพลาดไปถึงลูกค้ายังไงมันก็ซวยกันทั้งทีมอยู่ดี ถ้าเรื่องใหญ่ถึงขั้นประธานต้องไปก้มหัวขอโทษลูกค้าละมึงเอ๊ยย มันส์ ขอบอก
>>493 กูเห็นวิศวะแผนกกูอ้วน ใส่แว่น สะพายเป้ ใส่หูฟังอันโตๆ มาทำงานไม่คุยกับใครเลย เขาก็ทำงานได้ปกตินะ แต่แน่นอนว่าเข้าสังคมเป็นมันก็ดี มีคนรักคนเอ็นดูมันก็ย่อมดีกว่า แต่กูคงแนะนำอะไรไม่ได้ เพราะกูเองก็ทำไม่ได้ แต่กูอยากบอกอย่างนึงว่าขอให้มึงอย่าฝืนตัวเองเกินไป ทำให้เป็นธรรมชาติละกัน วอนนาบีเกินไปยังไงคนก็ดูออก ที่ทำงานกูมีวอนนาบีเฟรนด์ลี่อยู่นางนึง น่ารำคาญสัสๆ
ก็ไม่ต้องทำไรมาก มึงลองสังเกตคนที่มึงจะคุยอ่ะว่ามันชอบคุยเรื่องไรบ่อยๆ มึงก็ไปเปิดประเด็นถาม ให้มันเล่าๆ แล้วมึงก็ฟัง ทำเป็นตั้งใจฟังก็ได้ อีนี่สาวชอบเม้าเรื่องผัว มึงก็ถามแย๊บๆ อ้าววันนี้แฟนไม่โทรมาหรอ เดี๋ยวมันก็เม้ายาว คนนี้ชอบคุยเรื่องอาหาร มึงก็โหเก่งทำได้ไงมันทำยังไง เดี๋ยวันก็พูดๆเรื่องทำ คนโน้นชอบฟังเพลงแนวนั้นแนวนี้ก็บอกให้แนะนำหน่อยเห็นเพราะดี ไปเรื่อยอ่ะส่วนใหญ่กูก็คุยเฉพาะเวลาแดกข้าวร่วมกัน กูนั่งฟังอือๆออๆ ตามไป (ข้าวเยอะหารจ่ายแค่สามสิบเอง) เวลาทำงานเงี้ย เรื่องที่คุยกันได้เยอะสุดก็ เรื่องเจ้านายไง 5555
ของเเบบนี้ต้องใช้ประสบการณ์ใช่ปะ คือ กูเเบบจะประหม่าๆ เงอะงะเวลาคุยกับคนไม่สนิทกัน เบือนหน้าหนีไรงี้บ้างไม่กล้าสู้หน้า รู้สึกอ่อนเเอชิบเป๋ง
จีบสาวก็ยังไม่กล้าเล้ย เออกูโดนอาจารย์โปรเจคบ่นด้วย เเกค่อนข้างใส่ใจ บอกคุณพบปะคนน้อยไปนะ ทำตัวเเปลกๆ คุยด้วยเเล้วไม่ประทับใจ โตเป็นควายเเล้วลองจีบหาเเฟนได้เเล้ว คุยกับหญิงเยอะๆจะได้พูดเก่งๆ จริงรึเปล่าก็ไม่รู้
>>498 อาจารย์ใส่ใจดีจริงว่ะ แต่กูก็เป็นคนประเภท"พบปะคนน้อย ทำตัวเเปลกๆ คุยด้วยเเล้วไม่ประทับใจ" เหมือนกัน
ประเด็นคือรู้ตัวทุกอย่างว่าบกพร่องชิบหาย แต่มันเปลี่ยนแบบธรรมชาติไม่ได้เลย
เวลาคุยเกร็งไปหมดเครียดไปหมด TT
กูมีคำถามว่ะ เวลาทำงานแบบต้องใช้สมองวิเคราะห์ ทำไงให้ได้ละเอียดรอบคอบวะ คือกูเป็นคนหยาบๆ มาแต่ไหนอะไร คิดไรก็ผ่านๆ ไม่สนใจไม่จับจุด กูก็พยายามแต่มันชอบนึกไม่ถึง คือมันไม่ได้เป็นแบบลักษณะตายตัวไงว่ามันจะมีจุดที่เหมือนเดิมเป๊ะ ขั้นตอนอะไรมันก็ต่างไปหมด
กูอยากฝึกตัวเองให้เป็นคนมองและคิดเชื่อมโยงอย่างละเอียด
ไม่เเน่ใจอาจารย์เเกเหมือนกัน กูเดาๆคงอยากให้กูมีปฎิสัมพันกับคนเยอะๆ เเล้วการคุยหญิง หัดจีบมันต้องใช้ทักษะพูดคุยไรงี้มั้งเดานะ เเต่กูก็ไม่กล้าอยู่ดี กูอาศัยพยายามคุยกับคนแปลกหน้าเยอะๆอยู่ เเบบเวลาไปร้านอาหารก็มีถามพนักงานเสิร์ฟเเบบพี่มีเมนูอะไรเเนะนำมั้ย อะไรเงี้ย คงต้องคุยกับคนเยอะๆมั้ง กูมโนว่ามันจะดีขึ้น
ตรงกันข้ามเลยแฮะ กูอยากเป็นคนนิ่งๆ พูดน้อย กูเป็นคนพูดมากมากกกก พยายามจะพูดน้อยทีไรก็เผลอตัวพูดมากทุกที เจอใครก็คุยแจ้ตลอด กูว่าคนพูดมากมันน่าดูรำคาญและไม่สำรวม เป็นคนนิ่งๆ พูดน้อยดูเท่ดูคูลดี แต่เป็นคนนิ่งที่ดูไม่หยิ่งนี่ก็เป็นโจทย์ที่ยากอีกเช่นกัน
ร้านที่ทำงานอยู่มีแววเจ๊ง เหี้ยเอ๊ยขี้เกียจหางานใหม่โว้ยยยยยยยยยยยยย
เบื่อเจ้านายว่ะ มีเจ้านายสองคน คนนึงแม่งจะแบบพูดไรก็ให้ทำเลยไม่สนห่าไร
ส่วนอีกคนจะเคร่งๆหน่อยเป็นทนายเก่า แล้วไอ้สองคนเนี้ยมักไม่ชอบคุยกันก่อนแล้วมาสั่งงานกู
กูก็ทำตามที่บอสคนที่ไม่สนห่าไร เสร็จหมดละ ไปคุยกับลูกค้างู้นงี้เรียบร้อยแล้วพอมีปัญหาอีคนเนี่ยให้กูไปปรึกษาอีกคน
กูก็โดนเละเลยบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องทำไมทำกันแบบนี้ แล้วให้กูไปบอกลูกค้าใหม่อีกรอบว่าจะไม่มีโปรลดแล้ว
กูก็เลยถามเขาไปว่าแล้วคุยกับอีกคนยังครับ เขาบอกคุยแล้วตกลงแล้วสรุปตามนี้
...คือไอ้สัสมึงไม่สงสารคนคุยกับลูกค้าเลยหรอวะ แล้วคือเป็นฝ่ายไปเสนอเขาเอง พอเขาตกลง
ก็มาบอกใหม่ว่าไม่ได้แล้วให้อีกแบบแทน เฮ้อ เหนื่อยใจ ลูกค้าแต่ละคนแม่งก็ไม่ใช่ย่อย
กูสมัครงานที่ต้องไป support ลุกค้าที่ไซต์เค้า
ไปสัมภาษณ์งานกับลูกค้าแล้ว HR บอกว่าเค้ายังไม่ตอบ จะให้ลองไปคุยลูกค้าอีกเจ้าดูนี่แปลว่าเค้าไม่รับใช่ป่าววะ 555
พรุ่งนี้กูมีนัดสัมภาษณ์งาน ถ้าปรากฏว่าเหี้ยนี่กูจะเซ็งมากเพราะอุตส่าห์วิ่งออกจากหอไปซื้อรองเท้าหนังกับเข็มขัดใหม่มาตะกี้
งานที่กูกำลังทำ ตอนนี้รอบรีฟแก้งาน ปรากฏวันต่อมามีคนอื่นเอาไปทำแทนโดยไม่บอกกูเนี่ย กูควรรู้สึกอย่างไรดี.....
>>512 ถ้าเป็นกูไม่แคร์เรื่องเฟลหรือเสียหน้านะ แต่กูจะเครียดว่า มันจะมีผลกะอนาคตการงานรึเปล่า คือไอ้ที่คนอื่นเอาไปทำแทนนี่คำสั่งหัวหน้ากูไหม ถ้าใช่ งี้แสดงว่าหัวหน้ามองกูกาก อนาคตต่อไปอาจไม่ค่อยรุ่งรึเปล่า แต่กูรับราชการอ่ะนะ คิดว่าถ้าเจอแบบนี้จริงคงไม่มีผลนักหรอกไงๆกูได้อายุราชการซีก็ขึ้นเอง
>>518 อิอิ ปฏิบัติการโดนหลอกง่ายจะตายไปถ้าไม่เคยผ่านงานราชการมาก่อนเสร็จเกือบทุกราย ใครจะขอให้เซ้นอะไรคิดให้รอบครอบนะ ตำแหน่งใหญ่จะสั่งแบบ topdown ก็ต้องทำตามว่ะ กูจะสอนมวยมึงให้ ตัวอย่างพื้นฐานสุดๆอย่างจัดประชุมต้องเลี้ยงอาหารว่างและเครื่องดื่มเบิกได้รายหัวล่ะ 35 บาท เอาเข้าจริงไม่ถึง 35 บาทหรอก ประมาณ 20-25 บาท ส่วนต่างไปไหน ?? เข้ากระเป๋านายมึงแหละ มึงไม่ให้เค้า เค้าก็เรียกเอาส่วนต่างจากมึงอยู่ดีว่ะ
>>512 >>516 >>518 ทัศนคติ วิธีคิด ประสิทธิภาพการทำงานแบบนี้ แนะนำให้หางานใหม่นะคะ จะโตยากมากในสายงานราชการ ถ้าไม่อยากหางานใหม่ ก็เลียประจบเจ้านาย ซื้อใจเพื่อนร่วมงานเยอะ หลักที่เห็นบ่อยคือพาไปแดกเหล้าฟรี ลงอ่างฟรี หรือว่าก็หาจ็อบเสริมที่มันจะพอเลี้ยงเราได้ กับอีกอย่างหาแฟนรวยๆเกาะเอา ที่เหลือก็อย่าได้แคร์ทำไปตามหน้าที่แค่นั้น
เพื่อนโม่ง กูมีเรื่องน้ำท่วมปากมากๆ อยากปรึกษาพวกมึง คือแผนกที่กูทำงานอยู่ตอนนี้เป็นแผนกตั้งใหม่ มีรุ่นพี่ที่เข้ามาก่อนกับกูอีกคนนึง ทั้งแผนกรวมกันแล้วมีสองคน ที่นั่งก็นั่งไกลผู้ไกลคนกันอยู่สองคนหัวโด่ แต่โดยเนื้องานแล้่วมันไม่มีอะไรต้องโคงานร่วมกันเท่าไหร่ ต่างคนต่างทำไป แรกๆ เจ๊รุ่นพี่ก็ดีๆ อยู่ หลังๆ แม่งแปลกขึ้น..แปลกขึ้น จนกูเริ่มปิดตัวไม่พูดไม่จากะเจ๊แกแล้ว กินข้าวก็ไปกินคนเดียว เหงากูทนได้ แต่ HR แม่งก็เรียกกูไปถามว่าทำงานกับเจ๊เป็นไงบ้าง เรื่องของเรื่องคือเจ๊แม่งเป็นโรคประสาทอ่อนๆ มีคนได้รับภัยจากเจ๊มาแจ้ง HR นางเลยเรียกกูไปถามว่าเจอไรมั่งป่าว ไอ้เหี้ยกูอึ้ง ตอนนี้กูอยู่ในภาวะคิดมากอย่างแรง สงสารเจ๊แกก็สงสารนะ แต่กูก็สงสารตัวเองด้วย เพราะ HR ก็ยังให้นางทำงานอยู่ แต่พฤติกรรมแปลกๆ ของนางก็ยังไม่เลิก กูต้องทำใจไปเรื่อยๆ อ๋อวะ หรือกูควรชิงลาออกก่อนดี...
ความฝันกุคือทำงานอะไรก็ได้ที่กุสบายใจ ได้เงินโอเค มีความสุข
ทำไมความฝันกุที่ดูง่ายๆ มันถึงยากจังวะ.....
>>527 ถ้าทำใจได้เป็นคนไม่คิดมากอยู่ที่ไหนก็มีความสุขได้นะ อย่างน้องที่แผนกกูเป็นต้น นางไม่คิดอะไรเลย ทำทันก็ช่าง ไม่ทันก็ช่าง โดนด่าก็ช่าง อะไรจะเกิดก็เกิด อะไรเสร็จไม่เสร็จไม่รู้ห้าโมงเป๊ะกลับบ้านปิดมือถือ ดอนทแคร์เอฟวรีติง ดูนางมีความสุขดีนะ อยากทำได้บ้างแต่ทำไม่ได้ เนเจอร์กูเป็นคนขี้เครียด มองโลกในแง่ร้าย จริงจังเกินเหตุ คิดมาก อยู่ไหนก็หาความสุขได้ยาก
พวกมึงว่าถ้าไม่ไปกินข้าวกับเพื่อนๆในออฟฟิซแต่แยกออกไปกินคนเดียวตลอดนี่มันน่าเกลียดป่าววะ คืออยากได้เวลาส่วนตัวบ้าง
กูว่าแยกได้ แต่ถ้าทุกครั้งก็ดูเหมือนจะจงใจไปป่ะวะ
กูเพิ่งแจ้งลาออกจากงานเพราะไม่พอใจหลายๆ อย่างในบริษัท แต่ยังไม่ได้หางานใหม่เลยว่ะ
กูคิดว่าไม่มีที่ไหนในไทยให้เงินเดือนเท่าที่ปัจจุบันด้วย (เลข 6 หลัก) ทำไงดีวะ
- เงินเดือน 6 หลัก
- มาขอคำแนะนำเรื่องงานจากโม่ง
............เดี๋ยวนะ???
>>537 เป็นบริษัทฝรั่งที่อยู่ในไทยที่ฐานเงินเดือนสูงอยู่แล้ว
มันปรับเพิ่มเรื่อยๆ ตามนโยบายของสำนักงานใหญ่ที่จะบวกเงินเดือนพนักงานเพิ่ม 15% ทุกปี
แล้วกูก็อยู่นี่มา 6 ปี มันก็เป็นเท่านึงของเงินเดือนที่กูได้เมื่อตอนเข้าบริษัทพอดี
กูไม่ได้เก่งอะไรเลย แค่โชคดีที่เขาหาคนอยู่แล้วกูไปทักพอดี
ไม่ใช่เฉพาะที่นี่ มึงไปถามที่ไหนเขาก็หมั่นมึงทั้งนั้นแหละ
กูผิดไปแล้ว กูขอโทษ..
6 หลักก็เป็นแสนแต่แค่นี้ดูแลเงินไม่เป็นได้ไง
ก่อนคิดขะออก เมิง ทำบัญชีรับ จ่าย เมิงก่อนเลย แล้วดูว่ามึงมีหนี้ อะไรไหม ถ้าเมิงออกจากงานมึงต้องปลอดหนี้ ถ้ามีอยู่หักรายจ่ายมึงให้เยอะที่สุดไปโปะหนี้ให้หมด
หนี้หมดถึงออกจากงานได้เมิงจำไว้หนี้บัตรเครดิตต้องรีบเคลียร์ก่อนเลย แล้วผ่อนนี่โปะได้โปะ จบโอเค???
อาชีพอื่นกูไม่รู้นะ แต่อย่างล่ามญปเงินเดือนหลายหมื่น เฉียดแสน จนเกินแสนก็เยอะ แต่โง่เรื่องอื่นๆ เป็นเด็กน้อยก็ถมเถไป เพราะมันเป็นอาชีพที่เงินเดือนก้าวข้ามอายุและประสบการณ์ สนใจแต่ความสามารถทางภาษา รุ่นน้องที่กูรู้จักคนนึงเป็นลูกครึ่งญป-ไทย โทอิคอีก900+ ตอนจบใหม่เป็นล่ามสามภาษาเงินเดือนมันก็สตาร์ท 85k แล้ว ความคิดความอ่านมันยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย
ถ้ามีฐานลูกค้าเก่า มีคอนเนคชั่น ก็ลุยธุรกิจเลย ได้เยอะแน่ๆ หรืออีกทางเลือกคืออยู่ให้ได้ เพราะเลือกแล้ว ลดความหัวสูงลง
หลังมีลูกน้องมาได้ 1 เดือน เพิ่งรู้ว่าลูกน้องคนแรกและคนเดียวของกูที่มีอยู่เป็นหลาน CEO
เข่าทรุดเลยกู
มึงต้องเข้าใจ ว่ามันมีคนเงินเดือน 4 หลักแบบกูอยู่บนโลกด้วย
ถ้าจมไม่ลง ใช้จ่ายเท่าเดิมมึงก็เจ๊งแน่ๆ ไอ้ที่ข้างบนแนะนำให้ทำบัญชีกูก็ว่าดีนะ
จะได้ดูว่าหมดไปกะอะไรเยอะ แต่ต้องไม่หลอกตัวเองนะมึง
กูนี่แหละเงินเดือนสี่หลัก 9000 ขั้นต่ำ ยังอยู่ได้เลย
มีใครไม่ชอบพูดถึงเป้าหมายในอนาคตของตัวเองบ้างป่ะวะ ชอบมีคนมาถามกู กูตอบว่าไม่รู้ตลอด จนเขามองว่ากูเป็นคนลอยไปลอยมา แต่เอาจริงมันก็เรื่องของกูอ่ะ ทำไมต้องมีแต่คนอยากรู้เป้าหมายชีวิตของคนอื่น
บางทีมันก็เป็นชะตากรรมนะเหวย คนเงินเดือนเยอะก็มักมีภาระเยอะ แต่บางทีก็เป็นเพราะมีภาระเยอะนี่แหละมั้ง ถึงได้ดิ้นรนถีบตัวเองมาถึงจุดนี้
กูเพิ่งเรียนจบวารสาร คิดว่าตัวเองมีความสามารถด้านทำข่าวนะ รางวัลทำข่าวก็มี แต่กูก็ยังหางานทำไม่ได้ กูอยากทำสายข่าว ข่าวเว็บอะไรงี้ พวกอาจารย์บอกว่าให้กูไปลองทำข่าวทีวีดู มันจะได้ต่อยอดไปได้ กูไปสมัครงานข่าวทีวีเขาเรียกสัมภาษณ์ แต่ไม่รับเพราะกูออกเสียงอักขระไม่ชัด แล้วเขาก็อยากได้คนที่พร้อมออกหน้ากล้องเลยเพราะเขาขาดคน ไม่อยากต้องมาฝึกเด็กใหม่ บอกว่ากูเหมาะกับทำข่าวเว็บ ข่าวเขียน เขียนสคริปต์ เบื้องหลังอะไรแบบนี้มากกว่า กูชักท้อๆไงก็ไม่รู้ว่ะ ช่วงนี้พวกข่าวเขียนมันก็ไม่เปิดรับคน จะทำทีวีก็โดนติงเรื่องพูดไทยไม่ชัดจนชักจะเสียเซลฟ์ขึ้นทุกวันจนกูเริ่มกลัวที่จะไปสมัครข่าวทีวีแล้วว่ะ กูฟุ้งซ่านมาก เฮ้อ
มึงก็ ฝึกซิฟะ
ไปสัมภาษณ์งานมาหลายที่ผ่านเกือบหมด แต่แทบไม่มีเจ้าไหนให้เงินมากกว่าที่เดิมเลย
เจ้าที่ให้เยอะกว่าก็เป็นพวกสวัสดิการน้อยจนแทบไม่มี สงสัยปีนี้จะไม่ได้เปลี่ยนงานซะล่ะมั้ง OTL
กูก็เพิ่งไปสัมภาษณ์งานมาวันนี้ พี่ที่สัมภาษณ์กูเค้าใช้คำพูดแบบฟังดูดีนะ ประมาณว่า "งานที่นี่มีความหลากหลายและกว้างมันจะทำให้เราเติบโตขึ้น"
ฟังแล้วแบบโห โคตรเท่อ่ะ พอกูกลับมาบ้านนั่งคิด พี่เค้าจะสื่อว่า "งานหนักนะ มึงเตรียมตัวไว้" ไรงี้ป่าววะ 555
ย้ายที่นั่งใหม่ ฝั่งตรงข้ามเป็นผช.ต่างชาติ แบบว่าประมาณหัวหน้า นั่งทำงานไปก็เกร็งไป กุว่าเขาก็เกร็งกุก็เกร็ง อยากทำงานเข้าคอกเป็นอย่างยิ่ง
Y-Y ทำไงให้ความรู้สึกแบบนี้หายไปดี กุกลัวคนแปลกหน้า กุเกร็ง ยิ่งเปนผช.ด้วย ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆ ทุกวันนี้ได้แต่เอาหน้าจิ้มเข้าจอ
เพื่อนโม่ง กูชักท้อเรื่องหางานแล้ว ไม่อยากรู้สึกแบบนี้เลย แต่มันหดหู่จริงๆนะ รู้สึกแย่จนไม่อยากออกจากบ้านแล้ว แต่ถ้ากูเฟลตอนนี้ อนาคตกูก็คงไม่มีอะไรจะแดก ยังดีนะที่ตรงนี้ระบายความรู้สึกได้นิดหน่อย ไม่ถึงกับสบายใจ แต่ก็โล่งใจขึ้นมาบ้าง ^-^ อ่านแล้วคงงงๆเนอะ
แถวนี้มีโม่งคนไหนทำงานเกี่ยวกับกฎหมายบ้างปะ คือกูอยากรู้ว่าถ้าเกรดไม่ดี แต่ก็ไม่แย่ แค่กลางๆอะ แล้วไม่ได้ทำกิจกรรมเลยเนี่ย ภาคเอกชนเค้าคิดมากไหมวะ คือกูเรียนนิติอยู่ปี 3 ละ กูเกลียดการเข้าสังคมอะ คืองานกลุ่มก็ทำได้แหละ แต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากทำ ที่ผ่านมาก็ทำเฉพาะที่มหาลัยบังคับอะ อยากรู้ว่าเค้ามองยังไง แต่ถ้าภาษาก็ได้อยู่นะ โทอิคกูก็อยู่ในเกณฑ์ดีอะ กำลังกังวลมากโดนไซโคว่าถ้าไม่มีผลงานกิจกรรม แถมเกรดยังไม่โดดเด่นอีกเค้าจะไม่รับ กูจะได้เบนเข็มไปสอบรับราชการไปเลย...
อันนี้ไม่ใช่เรื่องของกูนะ แต่เป็นคนใกล้ตัวกุมาถามในนี้เพราะเห็นเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำงานอะ
คือกูอยากรู้ว่าอาชีพอะไรที่พวกเก่งตรรกะ การวางแผนจะทำได้ดีวะ? เพราะคนที่กูรู้จักไม่ใช่พวกตัดสินใจเก่งแต่เป็นพงกวางแผน คำนวนไรงี้เก่งอะ กุจบทางศิลป์มาเลยไม่รู้จะให้ทำแนะนำมันยังไงดี
>>566 ทำแบบกูนี่ ไปแข่งขันประกวดโน่นนี่คนเดียวตลอด ประกาศนียบัตรเต็มพอร์ต อยากบอกว่ากูไม่เคยโผล่หัวไปกิจกรรมคณะเลยข่า รับน้องกูยังไม่เข้าเล้ย เป็นที่รู้จักกันในนามอินดี้ตัวแม่ของคณะ แต่พอร์ตดูดีมว๊าก บริษัทเค้าก็ถามถึงแต่ที่เห็นในพอร์ตนั่นแหละ ไม่มีเวลาไปถามเรื่องอื่นแล้ว สมัยเรียนกูชอบเดินไปดูบอร์ประกาศของคณะ มีอะไรพอประกวดได้แข่งได้กูสมัครแม่งหมด บางงานได้รางวัลก็ยิ่งดี บางงานแค่เข้าร่วมก็ได้ใบประกาศแล้ว เกร๋ๆ แต่เอาเข้าจริงเวลาทำงานยังไงมึงก็ต้องมีสังคมบ้างนะ แต่มันก็ไม่ได้มากมายจนถึงขั้นต้องกังวลหรอก คนอย่างกูยังทำงานบริษัทได้เลย อย่าคิดมากดิ อยากให้เด็กๆ เริ่มก้าวเข้าวัยทำงานจาก positive thinking ก่อนนะ เพราะเดี๋ยวทำๆ ไปมันมีเรื่องให้มึง negative อีกเยอะแน่นวล ไม่ต้องรีบ ถถถถ+
จบ ป.ตรีเงินเดือน4หลักทำงานไม่ตรงสายที่จบ พวกมึงว่าชีวิตกูจะยังไงต่อดีวะ
โดนส่งไปประจำที่ไซต์ลูกค้าแถวๆศูนย์ราชการ 2 เดือน แต่กูเช่าหออยู่แถวๆเพลินจิต แถมไม่มีรถด้วย ปกติใช้แต่ BTS/MRT อย่างเดียว
ไกลก็ไกล รถก็โคตรติด เอาไงกับชีวิตดีวะเนี่ย ;_;
>>571 ปกติไปประจำไซต์ลูกค้าบริษัทต้องเพิ่มเงินให้นี่ ก็อาจจะต้องยอมใช้เงินตรงส่วนนั้นทำอะไรซักอย่าง เช่น เช่าหออีกที่เป็นการชั่วคราว
ได้เพิ่มประมาณ 3-5 พันป่ะ? ถ้าใช่ก็น่าจะเช่าหอพอนะ อยู่หอห่วยๆ ไปก็ได้เอาแค่พอซุกหัวนอน เสาร์อาทิตย์ค่อยกลับมาอยู่เพลินจิต
โซนนั้นรถติดนรกสัสๆ เป็นกูกูยอมจ่ายทุกอย่างถือว่าแลกกับค่าสุขภาพจิต
จากเพลินจิตไปศูนยราชการ ก็ต่อเพลินจิตลงสุขุมวิท สุขุมวิทไปบางซื่อ
บางซื่อลงเตาปูน เตาปูนลงศูนย์ราชการนน เฉลี่ยใช้เวลาเดินทางน่าจะ1.30-2.00กว่าๆ กุไม่ชัว แต่ดีกว่าขับรถ
ถ้าต้องทำงานกะคนที่เหี้ยใส่มึง มึงจะปรับแอททิจูดตัวเองไงให้ Positive+ได้วะ
ต้องคอมมูนิเคตกะคนที่ไม่ชอบหน้ามึง อยู่ก็โดนหาเรื่องงี้ กุอยากลาออกชิบหาย บั่นทอน
ปรึกษา ทำไงกุถึงใส่ใจทุกขณะกับงานที่ทำวะ
สายงานกุมันค่อนข้างจะหลากหลาย มีรายละเอียด และพอมันมาหลายๆ หัวกุนี้หมุนจนพลาดไปหมดเลย เพื่อให้มันทัน พูดง่ายๆ ว่าพอเน้นปริมาณ คุณภาพนี่ไปหมด
กูพักอยู่แถวๆ อินทามะระ ไปกลับ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นั่งสาย52 รถแมร่งก็น้อย รถติดช้าอีก กว่าจะไปถึงกว่าจะกลับเบื่อนะคะ
มีงานพาร์ทไทม์อะไรที่ทำได้เฉพาะวันเสาร์มั้ย
ไซด์ไลน์ค่ะ
ขับอูเบอร์?
ไปสมัครงานแล้วเค้าทำท่าสนใจเรามาก เร่งๆอยากให้เริ่มงานใหม่ได้เร็วๆ
แต่พอใกล้ๆจะตกลงกันได้สุดท้ายบอกว่ามีการเปลี่ยนโครงสร้างภายใน
ขอเบรคเรื่องรับกูไว้ก่อน ยังไม่มีอะไรแน่นอน ถ้าชัวร์แล้วจะบอกอีกทีนี่คืออะไรวะ
กูโดนมา 3 รอบแล้วเนี่ย กูเดาว่าเจอคนอื่นที่อยากได้มากกว่ามาพอดีแล้วอีกฝ่ายยังไม่ตกลงกูเลยกลายเป็นตัวสำรองแทน
ของกูเคยเจอ รับเข้าทำงานแล้ว ชี้แจงรายละเอียดแล้ว ตกลงเวลาแล้ว...........แผนกที่กูจะไปทำโดนยุบพอดี จบ
ยิ่งวันยิ่งเกลียดหัวหน้าเข้ากระดูกดำ ทั้งเกลียด ทั้งรังเกียจ แต่ยิ่งเกลียดมันเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่อยากลาออกเพราะรู้สึกว่าถ้าเราออกเพราะมันก็คือเราแพ้ อยากชนะด้วยการมองเห็นมันเป็นอากาศธาตุ ไม่รู้สึกอะไรกับมันทั้งสิ้น แต่ตราบใดที่ยังต้องเดือดร้อนเพราะมันทุกวันก็คงคิดแบบนั้นได้ยาก
จริงป้ะที่เค้าบอกจบโทตปทยูทอปๆไรงี้หางานในเมืองไทยยาก ถ้าไม่มีประสบการณ์ กลัวเหมือนเคยอ่านผ่านๆในพันทิปอ่ะ นี่คือกูควรทำงานก่อนหรือว่าเรียนก่อนวะ(สายกฎหมาย)
แบบนี้สาย IT ยิ่งไม่ควรเรียนโทเข้าไปใหญ่สินะ
มันไม่ใช่เค้ากลัวมึงเก่งเกินไปหรือเก่งเกินหัวหน้าหรอก แต่บริษัทเค้าก็ไม่โง่ เค้ารู้ว่าพวกเรียนสูงจบนอกมันก็ย่อมหวังเงินเดือนเยอะๆ หวังอนาคตอันสดใส ส่วนมากถ้ายอมทำงานบริษัทเล็กคือหวังแค่หาประสบการณ์เท่านั้นแหละ ไม่คิดอยู่นานหรอก เค้าก็เลยขี้เกียจรับมาให้เสียเวลา หรือไม่บางประเภทก็เรียกเงินเดือนสูงเวอร์ทั้งที่ง่อยแดกไร้ประสบการณ์ทำอะไรก็ไม่เป็นมีแค่วุฒิกับเกรดสวยหรู คิดแต่ว่าตัวเองเสียเงินไปเท่าไหร่ แต่เสือกไม่คิดว่าจะทำเงินให้บริษัทเค้าเท่าไหร่ ถ้าเจ๋งจริงไปบ.ใหญ่ข้ามชาติหรือสถานทูตอะไรนั่นแหละถูกแล้ว เค้าจ่ายได้ แต่ก็ต้องเจ๋งจริงด้วยถึงจะเข้าได้ ส่วนพวกไม่เจ๋งจริงมีแค่วุฒิกับเกรดแต่เสือกประเมินตัวเองสูงลิ่ว ก็ลงเอยด้วยการตกงานและบ่นว่าบริษัทไม่รับ กดเงินเดือน บลาๆๆ
คนตกงานก็ไม่ต่างอะไรกับคนโสดอ่ะ (ไม่นับพวกโสดด้วยความตั้งใจของตัวเองนะ หมายถึงพวกชอบบ่นโสดเพราะผู้ชายดีๆ ตายห่ากันหมดแล้ว) คือส่วนมากมักประเมินตัวเองสูงเกิน ไม่ค่อยดูหนังหน้าตัวเอง จ้องจะหาแต่หนุ่มหล่อรวยเจ้าชายเพอร์เฟค พอคนระดับเดียวกับตัวเองเข้ามาก็รับไม่ได้ ยี้ ถ้าหาอะไรที่มันพอดีกับตัวเองได้ยังไงก็ไม่มีตกงานหรอกว่ะ แต่ก็ต้องไม่สูงไม่ต่ำจนเกินไปด้วย ไม่ใช่จบนอกพูดได้ 3 ภาษาเสือกโง่ไปสมัครบ.ไทยจ่ายเงินเดือนเท่าหีมด จบโทเสือกไปสมัครบ.ไก่กาตำแหน่งกากเดนที่เค้าไม่ได้ต้องการคนใช้ความรู้ความสามารถอะไรมากมาย แล้วเค้าจะจ่ายแพงๆ จ้างป.โททำหอกอะไร
ทำงานกับตอนเรียนค่างกันมากไหมเพื่อนโม่ง เห็นมีแต่คนบอกเรียนเก่งแต่ทำงานไม่เป็นก็มี
ทำงานต้องเล่นการเมืองเป็น ต้องดีลกับคน เมิงจะเก่งแค่ไหนมึงก็ต้องรับมือคนให้เป็น ไม่มีใครคอยให้เกรดมึงอีก และชีวิตจะติดลูบไปเรื่อยๆ ประมาณนี้....
คนเรียนเก่งแต่ทำงานไม่เป็น ---> เรียนมีคู่มือ มีหนังสือให้ งานมีแต่ต้องเรียนเอง หรือให้คนอื่นสอน แถมไม่มีคำตอบที่ตายตัว ผิดมึงซวย ถูกมึงก็ทำต่อไป
ก็เป็นชีวิตอีกแบบอะนะ สู้ๆ
http://skynews.sayhibeauty.com/รู้กันรึยัง-เงินประกัน/
เอาเรื่องการเอาเงินประกันสังคมคืนมาฝากจ้า
เมื่อวานกูทำโอทีโต้รุ่งคนเดียว บ.นี้กูเข้ามาทำได้ปีนึงละ ละแม่งร้อนมาก แอดับกูเลยแก้ผ้านุ่งบ็อกเซอร์ทำงานแม่ง มันรู้สึกชิลเหมือนอยู่บ้านจริงๆ
วันนี้หัวหน้าเดินมาหา บอกสะดวกมานี่แปป เปิดกล้องให้กูดู ถถถถ+ ไม่นึกว่าจะมีกล้องแอบซ่อนอยู่ แกบอกวันหน้าก็เอาผ้าขาวม้ามาด้วย
ตอนแรกนึกว่าประชด สักพักแกหยิบออกมาจากลิ้นชักพาดบ่าให้กูดูเลยบอกถ้ามีคนมาตรวจกล้องจะได้ไม่น่าเกลียดนัก ไอ้เหี้ย ออฟฟิศห่าอะไรชิลชิบหาย
ต้องถามว่าทำไมมึงคิดว่าจะไม่มีกล้องมากกว่า มันต้องมีอยู่แล้วเว้ยยยย
ถ้าไอเดียมึงไม่ได้ถูกโหวตโดยส่วนใหญ่แต่พอไปอยู่อีกที่นึงทำคล้ายกับที่มึงคิดแล้วเสือกปังมึงจะรู้สึกยังไงวะ แม่งแย่ว่ะ ถ้าคนอื่นเห็นด้วยกับกูป่านนี้คงปังก่อนแท้ๆ
ก็รู้สึกเฟลที่โน้มน้าวคนอื่นให้คิดแบบเราไม่ได้ ถือซะว่าความสามารถยังไม่พอ ยังไงมึงก็ต้องเคารพความเห็นคนส่วนใหญ่อ่ะนะ
>>606 จะโลกสวยไปมั้ยถ้ากูจะบอกว่าอย่าไปคิดมากเลย
ไอเดียเอามาทำแล้วจะปังไม่ปังเนี่ยปัจจัยมันเยอะนะ ไม่ใช่แค่ตัวไอเดียเพียวๆอย่างเดียว
อดีตผ่านไปแล้วถ้าตอนนั้นไม่ได้ทำ เราก็ไม่รู้หรอกว่าถ้าตอนนั้นทำแล้วจะปังจริงรึเปล่า
ปล. การโน้มน้าวคนเองก็เป็น soft skill สำคัญอย่างนึงในการทำงานที่ควรมีนะ
ถ้าได้งานใหม่แล้ว จะหาเหตุผลบอกหัวหน้าที่ทำงานปัจจุบันว่าออกเพราะอะไรดี
คือตอนนี้กูทำงานในตำแหน่งนี้คนเดียว หน้าที่รับผิดชอบมันล้นมาก
จริงๆกูออกเพราะเงินเดือนน้อย ไม่มีโอกาสก้าวหน้า และก็เบื่ออะไรหลายๆอย่างด้วยว่ะ
แต่จะให้พูดตามจริงก็ไม่ได้นี่หว่า
มึงตอบไปหล่อๆว่า พอดีงานที่ใหม่ น่าสนใจดีจะไปฝึกฝีมือด้วย. ส่วนเจ้านายเก่าก็บอกว่าไปว่าผมเก่งก่อนเผื่อวันหลังอาจจะได้มาร่วมงานกันใหม่
พวกที่ไม่ได้รู้อะไรมาทำเป็นโชว์ว่าตัวเองรู้เยอะแล้วแนะนำคนอื่นมั่วๆนี่ขอทีเถอะ
>>613 พูดได้ กูพูดมาแล้ว ตอนนี้ก็ยังติดต่อกับหัวหน้าคนนั้นเป็นปกติ ถ้าหัวหน้ามีวุฒิภาวะพอเรื่องแบบนี้ต้องคุยกันได้ ถ้าโครงสร้างบริษัทมีปัญหาทำให้ลูกน้องอยู่ไม่ยืดหัวหน้าก็มีหน้าที่ต้องเอาเรื่องไปคุยกับ head ถ้ามีการเปลี่ยนไปในทางที่ดี ลูกน้องอยู่ได้นานทุกฝ่ายก็แฮปปี้
แต่โอเค กูเข้าใจว่าแต่ละสายงานมันไม่เหมือนกัน สายงานกูโดยพื้นฐานคือยึดตามโลจิก เรื่องทั่วๆไปเลยคุยกันด้วยเหตุผลไปด้วย ถ้าสายงานของ >>609 เห็นการรักษาหน้าเป็นเรื่องสำคัญกว่าผลประโยชน์บริษัทก็เอาตาม >>614 ก็ได้ แล้วแต่
>>616 เป็นกูกูก็พูดว่ะ แต่ไม่ได้พูดในเชิง aggressive ถ้าเป็นกูคงจะพูดประมาณว่า "เนื่องจากลักษณะโครงสร้างขององค์กรมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถตอบสนองกับความต้องการทั้งในด้านการทำงานเพื่อพัฒนาความรู้เฉพาะทางในเชิงลึก (เพราะมึงให้กูทำแม่งทุกอย่าง อีสัส) โอกาส ความก้าวหน้า (ไม่ใช่ลูกรักทำงานงกๆ ให้ตายก็อยู่ที่เดิม) รายได้ (ที่อื่นให้กูมากกว่าสองเท่า อีฟาย) ทำให้รู้สึกว่าปัจจุบันตนเองยังพัฒนาศักยภาพไม่ได้เต็มที่เท่าที่ควร จึงต้องการเปิดโอกาสให้ตนเองได้ทำงานในองค์กรที่มีแนวทางการบริหารทรัพยากรบุคคลสอดคล้องกับเป้าหมายของตนเองบลาๆๆ"
เด็กจบใหม่เป็นhrได้ด้วยหรอมึง กูเข้าใจว่าhrคือตำแหน่งหัวหน้า
ว่าจะสอบโทอิคครับ ใช้สมัครงาน พี่ๆในนี้เตรียมตัวกันกี่วันครับ
ไมคนที่ยุมหาลัยมักมีแต่คนใจดี คนทำงานแล้วนิสัยไม่ค่อยโอเควะ มันเกิดการอีโวลูชั่น ทรานสฟอร์มร่างหรือไง
จากสาวใสกลายเป็นยัยป้าแร้งทึ้งขี้นินทาไปได้อย่างไร กุอยากรุกระบวนการ
บนโลกนี้จะมีพื้นที่ให้คนหัวดีแต่มนุษยสัมพันธ์เหี้ยแบบกุไหมนะ -*-
พวกรับวาดภาพคอมมิชชั่นหรือฟรีแลนซ์ที่บ้านพวกนี้ต้องมีพื้นฐานฐานะที่บ้านพอตัวด้วยหรือเปล่าวะมึง
ถ้าผิดมู้ขออภัยพอดีกูอ่านพวกมึงคุยกันมีเรื่องทำงานด้วยกูเลยแวะมาถาม
>>624 พออยู่ในสังคมที่มีแต่ตัวเหี้ย มันก็ยากว่ะที่มึงจะยังคงความโลกสวยเป็นสาวใสในทุ่งลาเวนเดอร์ได้ กูเองยังตกใจตัวเองเลยที่เดี๋ยวนี้อีโวมาได้ถึงขั้นนี้ อ้อ แต่กูไม่ได้ขี้นินทานะ แค่เปลี่ยนจากสาวน้อยโลกสวยใสๆ คิดกับทุกคนในแง่ดีไว้ก่อน สุภาพ อ่อนหวาน เรียบร้อย กลายเป็นมนุษย์ป้าหวาดระแวง ไม่จริงใจกับใครเลยซักคนในที่ทำงาน ปากร้าย แข็งกร้าว เสียดายตอแหลไม่เป็นไม่งั้นกูคงเพอร์เฟคเลย ถถถถถ อ้อ กูยังไม่ถึงขั้นเหี้ยกับใคร เอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่นแบบที่หลายคนทำกับกูหรอกนะ แต่จากเคยทำแต่สิ่งที่คิดว่าดี ควรทำ ทำเพื่องาน เดี๋ยวนี้ทำอะไรกูเน้น protect ตัวเองเป็น priority แรกเสมอ
>>630 same to me ค่ะ สมัยนี้ไม่ว่าที่ไหนก็เป็นแบบนี้เปี๊ยบเลย กูเพิ่งโดนมาสดๆค่ะเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดเลย ภาพลักษณ์นางเอกมากแต่กูนี่ดูเหมือนเด็กกร้านโลก แต่อีนางเอกนี่ปาดหน้าเค้กเนียนๆประจำ แรกๆที่เจอกูนี่คิดทุกเม็ด แบบไม่เชื่อว่านางเห็นแก่ตัวมากขนาดนี้ หลังๆกูเริ่มคิดได้ว่าคิดไปก็เครียดเปล่าๆ นางทำเหมือนไม่รู้ตัวเลย กูเลยคิดแค่ว่าทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอละ กูไม่ยุ่งกะนางอีกต่อไป คนอื่นจะคิดยังไงกูไม่สนละค่ะ อนาคตกูลำบากแน่ๆถ้าต้องข้องแวะกะนาง กูสแตนด์อโลนได้ค่ะ กูคิดว่าตัวเองมีดีพอไม่ต้องคอยปาดหน้าเค้กชาวบ้านเค้ากูก็อยู่รอดได้ค่ะ
>>632 ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะมึง มัธยมกูไม่ค่อย แต่มหาลัยมีเหมือนเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เลยมึง กูก็คุยกะทุกคนอะนะแต่ไม่ได้ให้ใจหมด เน้นไม่สร้างศัตรู แรกๆกูประสาทเสียเลยมึงไม่เคยเจออะไรแบบนี้โทสับร้องไห้กะแม่เกือบทุกวันถึงขั้นต้องหาหมอเลย ลูกพี่ลูกน้องกูบอกว่าบ้านกูเลี้ยงลูกให้ใจดีเกินไปเลยโดนเอาเปรียบ แต่กูก็เลยลองทำแบบที่คนอื่นทำกะกูนะ แต่มันไม่สบายใจว่ะเหมือนรู้อยู่เต็มอกว่าเอาเปรียบเค้า อะไรที่มันไม่หนักหนานักกูเลยยอมๆไปเพื่อความสบายใจของกูเอง สังคมสมัยนี้แม่งอยู่ยาก ต้องอยู่ให้เป็น อนาคตกูคงไม่คิดมีลูกว่ะสงสารเด็กมัน
>>633 จริง สังคมสมัยนี้สิ่งที่ยากที่สุดคืออยู่ให้เป็น ดีมากใสซื่อบอกเลยอยู่ไม่รอด จะโดนพวกตัวเหี้ยหลอกใช้แล้วงาบไปแดกนะจ๊ะ แต่ก็ไม่ต้องไปชั่วตามคนอื่นเค้าให้เราละอายใจตัวเอง "อยู่ให้เป็น protect ตัวเองให้ได้" สำคัญมาก กูยังทำไม่ได้เลย ขาดตรงสกิลตอแหลนี่แหละ ทำยังไงก็ทำไม่ลง เผลอพูดความจริงตามที่คิดทุกที :P ส่วนเรื่องโดนคนเอาเปรียบถ้าเป็นเรื่องงานกูโดนตลอดเวลาจนชินชา ทำงานหนักที่สุดเพราะตอแหลไม่เป็น อีพวกตอแหลก็เลียแผล็บๆ อย่างเดียวพอนายร้ากกกกกงานการไม่ต้องทำ แต่กูไม่สนว่ะ กูถือว่าทำมากก็ได้มากกับตัวกูเอง กูยอมรับว่าตอแหลถือเป็นสกิลอย่างนึง ในเมื่อกูตอแหลไม่เก่งกูก็ต้องทำงานให้เก่งแทน
ได้งานใหม่ เงินเดือนอัพ3เคแน่ะ
อิ__อิ
ได้งานใหม่อยู่กทม.เงินเดือน 15,000 บาท ค่าหอพักใกล้ที่ทำงาน 5,000 บาท ฮ้อๆชีวิตจะไหวมั้ยเนี่ย
กูได้งานใหม่แล้ว ตกลงเงินเดือนอะไรเรียบร้อยแต่ยังไม่เซ็นสัญญา บอกหัวหน้าที่เก่าแล้วว่าจะออก แต่ยังไม่ถึงขั้นตอนการเซ็นเอกสาร
แม่งเสือกโดนหักหลังเค้าบอกเรื่องรับกูขอ hold ไว้ก่อน แล้วก็เงียบหายไปเลย
ซวยชิบหาย กลายเป็นงานใหม่ก็ไม่ได้ ยังดีที่ยังไม่เซ็นเอกสารแค่บอกปากเปล่าเลยรอด เรื่องออกจากที่เก่ายังไม่มีผล
แต่ยังไงก็บอกหัวหน้าไปแล้ว เค้ารู้ว่าเราจะออกเร็วๆนี้คือโดนขึ้นเงินเดือนน้อยชัวร์ๆ (แผนกกูใช้ระบบนี้ เพราะจะเอางบไปโปะของคนที่จะอยู่)
กูได้งานใหม่แล้ว ตกลงเงินเดือนอะไรเรียบร้อยแต่ยังไม่เซ็นสัญญา บอกหัวหน้าที่เก่าแล้วว่าจะออก แต่ยังไม่ถึงขั้นตอนการเซ็นเอกสาร
แม่งเสือกโดนหักหลังเค้าบอกเรื่องรับกูขอ hold ไว้ก่อน แล้วก็เงียบหายไปเลย
ซวยชิบหาย กลายเป็นงานใหม่ก็ไม่ได้ ยังดีที่ยังไม่เซ็นเอกสารแค่บอกปากเปล่าเลยรอด เรื่องออกจากที่เก่ายังไม่มีผล
แต่ยังไงก็บอกหัวหน้าไปแล้ว เค้ารู้ว่าเราจะออกเร็วๆนี้คือโดนขึ้นเงินเดือนน้อยชัวร์ๆ (แผนกกูใช้ระบบนี้ เพราะจะเอางบไปโปะของคนที่จะอยู่)
เพื่อนโม่ง สินเชื่อ กับ บัตรกดเงินสด ดอกต่างกันไหน
>>620 ขุดนิด แสดงว่าไม่เข้าใจการทำงานของ HR ก็แค่แผนกนึงในบ.มีเด็กจบใหม่เป็นปกติ แต่เด็กจบใหม่ก็ทำงานเบ๊ก่อน คัดคนคัดใบสมัครตามเงื่อนไขเบื้องต้น ใครๆก็ทำได้ แล้วค่อยให้เข้าไปแจมฟังตอนสัมภาษณ์พนักงานระดับล่าง ประสบการณ์มากขึ้นก็ค่อยฉายเดี่ยว เลื่อนระดับไปร่วมในสัมภาษณ์ระดับสูงขึ้นมาอีกนิด บลาๆ ก็เหมือนแผนกอื่นๆนั่นแล
เรื่องเงินประกันสังคมชดชเยระหว่างว่างงานจ้า
http://pantip.com/topic/30643721
กูไม่โอมากๆ กับการ take credit กูจะทำยังไงดีวะ งานเป็นธีม ให้โหวตตอนแรกว่าจะทำแบบไหน มีกูกับเพื่อน 2 คนไม่เห็นด้วยเลยจะทำเอามาเปรียบเทียบกับที่เหลืออีก 4 คน งานกูเสร็จก่อน ส่งไปก่อน แล้วงานของอีก 4 คนก็ส่งมา กูคอมเม้นไปว่าทำไมไม่มีอันนี้ๆ มันไม่ตอบ แต่ทำตามงานกู แล้วเอางานมันส่งว่ะ คือที่กูทำไม่ใช่ให้พวกมันมาลอกกู ที่กูรู้เพราะมันส่งงานตอนแก้แล้วมาให้ดูในกลุ่ม พวกมึงพอเข้าใจอารมณ์กูมะ ถึงจะอยู่กลุ่มเดียวกันแต่กูเกลียดเรื่องแบบนี้ว่ะ เหี้ยเอ้ย
ขอถามมู้นี้นะ ตอนทำงานมีอะไรแบบนี่อีกป่ะวะกูอยู่มหาลัย
อยู่ดีๆหัวหน้าก็ลาออก อ๊าก กูช๊อคมากๆ
>>650 แนวนั้นแหละ กูไม่ได้เสนอไอเดียนี้เพื่อให้พวกมันทำไง กูทำกับเพื่อนกู เหมือนเอางานมาวัดกันว่าฝ่ายไหนดีกว่า เพราะตอนแรกกูจะทำแล้วมีแต่คนบอกมันไม่ดีงั้นงี้ สุดท้าย พอมันเห็นงานกู มันก็มาทำตามแล้วเอางานมันส่ง แพ้แล้วไม่ยอมรับ เอาความคิดกูไปใช้เลย ไม่ขอ แต่คราวนี้กูคงไม่ระวังเองแหละ ถือเป็นค่าโง่
>>649 เมื่อคืนพิมพ์ตอนขึ้นเลยดูงงๆ ขอโทษด้วย
รถติดชิบหาย หน้าหีเอ้ยยยย
ปรึกษาหน่อยจ้า คือกูเพิ่งเปลี่ยนงาน ตอนสัมภาษณ์กูก็ไม่ได้บอกว่ากูทำอาชีพเสริมด้วย กลัวมีผลกับการตัดสินใจว่าเค้าจะมองว่ากูทำสองจ๊อบแล้วจะไม่ทุ่มเทให้งานประจำไรงี้ ทีงี้บริษัทกูทำงานบางเสาร์ตามปฏิทินบริษัทประมาณเดือนละเสาร์บางเดือนก็ไม่มี แต่กูดันมีงานวิทยากรเสาร์นึงที่รับไว้ก่อนหน้าจะเข้ามาทำงานที่นี่ตรงกับเสาร์ทำงานของบริษัทพอดี ยังไม่ผ่านโปรไม่มีพักร้อน จะลาป่วยก็เกรงว่าจะมีคนไปเจอเพราะงานที่ไปพูดมันก็เป็นงานค่อนข้าง open (ปกติวันเสาร์คน A/L เยอะ โอกาสที่คนในบริษัทจะไปเดินเที่ยวงานนั้นก็มีสูง) จะแคนเซิลงานก็ไม่โอเคทำทางนั้นเดือดร้อนแน่ กูควรทำไงดีวะ ส่วนตัวกูยินดีจะ leave without pay นะ แต่ประเด็นคือไม่อยากให้คนที่บ.รู้ว่าทำงานเสริม เพราะคนที่นี่ attitude แปลกๆ กูสัมผัสได้ กลัวจะไม่ผ่านโปรด้วยเหตุผลนี้ แต่ถ้าจำเป็นก็คงต้องบอกรึเปล่า?
ปกติผู้หญิงใส่ชุดแบบไหนไปทำงานกันบ้าง คือที่ทำงานปัจจุบันกู สาวๆเขาแต่งกันชิวๆ เสื้อยืดเกงยีนส์ กูก็ด้วย
ทีนี้กูกำลังจะเปลี่ยนงานใหม่ ทำตัวไม่ถูกว่ะ ว่าต้องแต่งตัวระดับไหน งานในออฟฟิศนะไม่ได้เจอผู้คนอะไรมาก
แต่งแบบสาวออฟฟิศจ๋า ใส่กระโปรง ส้นสูงงี้ก็ไม่ได้ว่ะ กูต้องนั่งมอไซค์มาทำงานอีก -*-
>>660 เลือกใส่กระโปรงแบบที่บานหน่อยให้พอซ้อนมอไซค์ได้ พวกกระโปรงพลีทกระโปรงจีบรอบจีบทวิสไรงี้ อย่าเพิ่งใส่กางเกงลองดูเชิงไปสักอาทิตสองอาทิตก่อน เพราะบางที่กางเกงถือว่าไม่สุภาพ รองเท้าเลือกหุ้มส้นแบนๆหน่อยก็ได้แต่ใส่เดินนานๆแล้วโคตรเมื่อยเลย อีกทางเลือกคือหาแบบพอมีส้นนิดๆ ไม่ก็พวกโลฟเฟอร์ หรือรองเท้าแบบผูกเชือกที่ทำจากหนังไรงี้ เสื้อก็แรกๆใส่แบบมีปกไปก่อนแขนสั้นหรือยาวก็ได้ แต่ถ้าแขนกุดหาเสื้อคลุมเผื่อหน่อยก็ดี ตอนหลังๆกูนี่เสื้อโปโลกระโปรงพลีทเลยจ้า ใส่ง่ายไม่ต้องรีด
>>661 พวกเดียวกะกูเลย ไม่ชอบใส่ชุดที่ต้องรีดเนี้ยบๆเกินอะ
ถ้าซื้อกระโปรงเอาแบบที่นั่งคร่อมมอไซค์ได้ไว้ก่อน ตามที่มึงบอกดีกว่า
รองเท้านี่ก็ปัญหาใหญ่เลย กูเท้าบาน ใส่รองเท้าเรียวๆละเจ็บมาก
เออ มีพวกร้านเสื้อผ้าในเฟซบุ้คแนะนำบ้างปะ กูดูตลาดนัดแล้วมันไม่โอ
จาก 660 เอง
>>662 กู 661เอง กูไม่ค่อยซื้อของจากเฟสหวะ ส่วนมากไปเดินเลือกเองเลย ไปดูเองเลยเชื่อกู มึงจะได้ดูเนื้อผ้าด้วยยับง่ายมั้ยใส้แล้วร้อนมั้ยไรงี้ ดูแค่รูปบางทีมันก็พลาดง่าย ขนาดกูไปเดินเลือกเองแบบไม่ได้ลองก่อนยังพลาดเลย ปกติกูชอบดูเสื้อผ้ามือสองแบบมันเก๋ดีไม่โหลด้วยแต่ต้องเลือกนานๆหน่อย
แนะนำเก้าอี้สำนักงานแข็งแรงๆ ราคาสัก 5000-10000 หน่อยสิ
เห็น Ikea ตัวละ 5900 ไม่รู้จะดีมั้ย
พวกมึงว่าเมื่อวานที่รถติดสัดๆ หลายชม. บางทีาสี่ชม. ยังไม่ไปไหน จะมีคนที่ปวดขี้ทนไม่ไหวจนต้องขี้ในรถบ้างปะวะ?
น้องที่ทำงานอยู่ดีๆก็ลาออก มันบอกว่าออกไปทำตามความฝัน นั่นคือการเที่ยวรอบโลก (ด้วยเงินพ่อแม่)
อิจฉาพวกเด็กบ้านรวยจริงว้อย ฮือ
เบื่อลูกรักเจ้านายมากๆ ดุด่าก็ไม่ได้ อู้งานนั่งแชท์ไลน์ทำงานขอไปทีจนผิดพลาดเป็นประจำก็แตะไม่ได้ ทำหน้าไม่พอใจไปฟ้องเมเนเจอร์ โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเอง (เป็นคนประเภทเดียวกับเจ้านายกูเลยเลยเข้ากันได้ดี๊ดีย์) ทำเป็นบ่นไม่พอใจจะลาออก โอ๊ยย กูรออยู่เนี่ยเมื่อไหร่จะออกจริงๆ ซะที มีมันอยู่หรือไม่มีก็แทบไม่ต่างอะไรเลย กูก็ยังต้องทำงานหนักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือคอยตามเช็ดตามล้างงานผิดๆ ของมัน
โม่ง กูถามหน่อยดิว่า บ. เจ้าไหนมั่งที่ HR แม่งเลือกรับแต่เด็กจาก ม. ของตัวเองวะ? แล้วที่ๆกูเจอมานี่มีแบบฝากงานด้วยนะมึง ล่าสุดพ่อกูเพิ่งเกษียณมาเพราะว่าเจอmanagerแม่งเอาคนบ้านเดียวกันมาทำงานพร้อมกับกดดันพ่อกู กูสงสัยจริงๆนะว่ามีแบบนี้ในพวกบริษัทข้ามชาติป่ะวะ? เบื่อกับที่ทำงานสัญชาติไทยทั้งเอกชนทั้งรัฐบาลเลยหล่ะ ระบบอุปถัมภ์ เลียตีนกันชิบหาย
>>672 ยังมีอยู่วะตราบใดที่ hr มันก็เป็นคน.
ของ บ. กุป็นข้ามชาติเหมือนกัน hr คนแรกสุดเป็นคนไทยแต่เทพมากคือทุกคนเคารพและรักเลยทำอะไรก็ดูแฟร์ วางตัวก็ดี เป็นแนวที่ไม่น่าจะมีใครเกลียดได้คนนี้ เขาเคยไปอยู่ ตปท หลายที่อยู่
แต่พอเปลี่ยนคนเป็นไทยแท้ แนวทะเล้นเท่านั้นแหละ แต่ละคนที่มาสัมพาสแมร่งกากสลัด คุณภาพคนใหม่ดรอบลงอย่างเห็นได้ชัดเลยเมิง
คนสามนี่ เป็น ต่างชาติแนวเที่ยวหน้าม่อ ก็หาแต่ผุ้หญิงวะจริงจังมากนานๆทีจะมีผู้ชายมาสัมพาสซักคน
กูไปไล่สัมภาษณ์งานมาหลายที่เจอเค้าไม่รับมั่ง รับแต่ให้เงินน้อยกว่าที่เก่ามั่ง
หนักกว่านั้นรับแถมให้เงินเยอะแต่คุยกันจนเกือบเรียบร้อยแล้วมาเปลี่ยนใจไม่รับมั่ง
ชักเริ่มท้อแล้วว่ะ สงสัยคงต้องอยู่ที่เก่าไปอีกปี OTL
กูไม่อยากไปทำงาน อยากนอนอยู่บ้านไม่ก็กลับไปเรียนมหาลัย กูจะทำไงดี กูเป็นอะไร
>>679 ไม่จำเป็นต้องสุดคูลอะไรหรอกแค่ยอมรับความจริงว่าต่อนี้ไปมึงต้องทำงานจะทำเหมือนสมัยมหาลัยไม่ได้เพราะโตแล้ว กูเองก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไรเป็นแค่ ขรก ใหม่ทำงานไปวันๆ ส่วนเรื่องบริหารเงินมึงก็ทำบัญชีเอา เดือนนี้รับเท่าไหร่จ่ายเท่าไหร่ ใช้เอกเซลหรือแอพช่วยก็พอมี ถ้าไม่ถึงกับต้องบริหารเงินของบ้านทั้งหมดแทนพ่อแม่ในทันทีกูว่าก็ค่อยๆพัฒนาตัวพอไหวแหละมั้ง
พูดได้แค่ทำใจว่ะ คือตามนั้นอะมึงโตแล้ว เวลาความเป็นเด็กมันผ่านมาแล้ว เพราะกูก็เคยขี้เกียจตัวเป็นขน กูจบมาเกรดงั้นๆไปสัมภาษเอกชนที่ไหนก็ไม่ได้กูกลับชิว เพราะคิดว่าไม่ผ่านก็ดีจะได้นอนบ้านเล่นคอมทั้งวันต่อไป แต่เห็นพ่อแม่กูเครียดกูก็เริ่มเครียด จนสอบราชการได้กูก็ไม่อยากไปทำหรอกแต่ก็ไปเพราะพ่อแม่กูเขาดีใจมาก แล้วเขาดีกับกูแค่ไหนแล้วที่ไม่บังคับกดดันให้กูไปสมัครไอ้งานที่มันหนักโคตรๆแต่เงินเยอะของคณะที่กูจบ พอก้าวเดินมาอยู่นี่ ก็พอถูไถไปได้เรื่อยๆล่ะนะ ตอนนี้กูทำงานจ-ศ เลิกงาน5โมง ก็ไม่แย่ ส,อ ก็ได้พัก ไม่ชิวขนาดมหาลัยแต่กูก็โอเคของกูละ
>>680 งานราชการกูว่านี้สบายสุดละ 8.00-16.30 เอาจริงๆเริ่ม 9.00
กูก็อยากมีเพื่อนบ้างวะ เพราะกูพึ่ง 20 เอง แต่กลับต้องมาทำงานเฮ้อเหนื่อยใจ อยากมีเพื่อนคุย อยากมีแฟนบ้าง อยากใช้ชีวิตมหาลัยแบบเพื่อนๆ
แต่แบบว่าไม่ได้เรียนมหาลัยทั้วไปแล้วจะหาเพื่อนยังไงดีวะ กูเรียนรามกิจกรรมก็ไม่ได้ทำกับเขา
กูเคยเป็นคนขี้เกียจมากสมัยเรียน ไม่สิ ตอนนี้ก็ขี้เกียจอยู่ แต่บังเอิญชีวิตมันบังคับให้ต้องทำงาน 7 วัน บางวันก็เลิกดึกดื่นถึงห้องเกือบสี่ทุ่ม เอาจริงๆ ทำงานเยอะมันก็ดีนะมึง มันไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะให้มาคิดว่า "ขี้เกียจจัง" สมัยกูขี้เกียจ ว่าง สบาย กูว่ากูฟุ้งซ่านอ่ะ ชอบคิดโน่นคิดนี่ พอมาทำงานหนักจนไม่มีเวลาให้คิดอะไรกลับรู้สึกว่าตัวเองสุขภาพจิตดีขึ้น ที่สำคัญพอรายได้ดีจะใช้จ่ายอะไรมันก็สบายใจ ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องนั่งกระเบียดกระเสียน อยากได้อะไรซื้อ อยากแดกอะไรแดก
>>676 ปกติบริษัทกูให้โบนัสน้อยอยู่แล้วกูเลยไม่ค่อยหวังมาก ปีก่อนๆผลประเมินพนักงานกูคะแนนดียังได้น้อยเลย
ปีนี้เห็นแววแล้วว่าผลประเมินไม่ดีแถมบริษัทกำไรลดลงจากปีก่อนๆ โบนัสโดนเลื่อนจ่าย เพราะฉะนั้นได้น้อยแน่ๆ
ตอนนี้กูไม่อยากเอาโบนัสมาเป็นปัจจัยน่ะ แต่ถ้าจะปีใหม่แล้วยังไม่ได้งานอีกคงต้องปลง
>>682 ยุ่งจนไม่มีเวลาคิดอะไรกูว่ามันน่ากลัวนะ กูเคยเป็นมาก่อน ตอนยุ่งอยู่มันอาจจะโฟกัสกับงานดี ไม่คิดอะไรมาก
แต่พอกูหายยุ่งปุ๊ปแล้วรู้ตัวอีกทีเวลาผ่านมาแล้ว กูถึงได้รู้ตัวว่ายังไม่ได้ทำอะไรที่ควรทำตั้งหลายอย่าง
สุขภาพก็ละเลยไม่ได้สนใจ พวกแผนชีวิตระยะยาวอะไรที่แต่ก่อนวางไว้คร่าวๆนี่พังเป็นโดมิโน่เลย
>>686 กูบอกแล้วกูเป็นคนขี้เกียจ เพราะงั้นถึงกูว่างกูก็ไม่ลุกไปทำไรอยู่ดีอะ นอนอืดเล่นเน็ตฟุ้งซ่านปล่อยเวลาให้ผ่านไป เพราะงั้น(จำเป็น)ต้องทำงานเยอะแบบนี้ดีกว่า ได้เงินเยอะดีจับจ่ายสบายใจไม่มีเวลาฟุ้งซ่าน แต่ถ้าว่างแล้วขยันหาอะไรทำ ไปฟิตเนส ทำกิจกรรมอาสา มันก็ดีแหละ
พูดถึงโบของกูก็ไม่เยอะว่ะ ปีนี้น่าจะไม่ถึงแสน ประเมินออกมาคงบ๊วยสุดเพราะปีนี้ไปกวนตีนผู้จัดการไว้หลายเรื่อง ถถถถ (ปีก่อนยังหงิมๆติ๋มๆ) แต่ก็มีผลกับกูอยู่เลยจะขอรอต่อไป ปีหน้าฟ้าใหม่ค่อยว่ากัน
กูไปสัมภาษณ์งานมาเค้าตกลงรับแล้ว แต่ยังไม่ได้คุยเรื่องเงินเรียบร้อย
เค้าอยากให้รีบเริ่มงานให้ทันวันที่ 1 เดือนหน้า ซึ่งมันยังไงก็ไม่ทัน อย่างเร็วก็วันได้วันที่ 10
ซึ่งกูก็คงต้องขอลาออกอย่างช้าพรุ่งนี้เลย กูกะว่าจะเซฟๆรอคุยเรื่องเงินกันให้ชัวร์ๆก่อนแล้วยอมเริ่มงานวันที่ 15 น่าจะดีกว่า
กูทำบริษัทนี้มาเป็นปีละไม่เคยมีเซ็นสัญญาห่าไรเลย แปลว่าถ้าบริษัทจะปลดกูออก เค้าก็ทำได้โดยไม่ต้องจ่ายอะไรกูเลยใช่มั้ย กูจะทำไงดี
การเปลี่ยนงานแล้วไปเริ่มทำงานที่ใหม่ในช่วงเวลาที่ในเอกสารบริษัทเก่ายังนับเราเป็นพนักงานอยู่ (ว่าง่ายๆคือเอาวันลาที่เหลือมาถมช่องว่าง)
ถ้า manager ที่เก่าเค้าโอเคแล้ว มันจะมีปัญหาอะไรมั้ย
พอดีที่เก่ากูเค้าไม่อยากจ่ายเงินชดเชยวันลาพนักงานที่เหลือเลยอยากให้ใช้ให้หมด แต่กูไม่ได้มีแผนอะไรเลยไม่รู้จะหยุดไปทำไม
manager เค้าอยากช่วยก็เลยบอกว่าให้ไปเริ่มที่ใหม่ในช่วงนั้นไปเลยก็ได้
กูทำงานบ.ได้แบบรายวันแต่จ่ายรายเดือนคราวนี้กูอยากรู้ว่าลากิจเนี่ยโดนหักเงินเป็นเรื่องปกติอ่อวะ คือกูจะพาญาติไปหาหมอมีใบนัดด้วย
>>699 1. ใช่ รายวันไม่ทำงาน = ไม่ได้เงิน ถึงจะรวบยอดมาจ่ายละครั้งแต่สถานะมึงไม่ใช่พนักงานรายเดือนนี่นา
2. พาญาติไปหาหมอ <<<--- ไม่ใช่ลากิจ ลากิจคือ"ตัวมึงชื่อมึง"ไปติดต่อ"ราชการ"เท่านั้น ไม่ใช่ลาปวยด้วย ลาป่วยก็ต้อง"ชื่อมึง"เป็น"คนป่วย" แบบของมึงนี่เรียกลาพักร้อน(หรือขาดงาน เพราะปกติรายวันไม่มีโควต้าวันลาอยู่แล้ว)
3. มึงมึความรู้ด้านนี้น้อยมาก มึงควรไปหากฎหมายแรงงาน(ฉบับย่อ)อ่าน จะได้เข้าใจสิทธิ์ให้ถูกต้อง เผื่อจะพิจารณาเปลี่ยนงานที่มัน stable กว่านี้
ได้งานใหม่แล้วว้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ที่เก่าไม่มีโบนัส ไม่มีเบี้ยขยัน มาสายหักตัง งานไม่หนักแต่ไร้อนาคตไม่มีโอกาสเลื่อนตำแหน่ง
พอจะไปที่ใหม่ก็กลัวงานหนักจนเรียนต่อไม่ได้อีก เห้อออ
มาสายหักเงินก็ปกติไหม อย่ามาสายดิวะ เบี้ยขยันถ้าไม่ใช่งานแรงงานไม่มีก็ปกติมาก โบไม่มีแล้วเงินเดือนเท่าไหร่ ถ้าเงินเดือนดีอยู่แล้วยังไงก็ดีกว่าเบสต่ำมาหวังรอโบแบบหวั่นใจต้องมาห่วงผลประกอบการบริษัทอีก
ทำไมเจ้านายชอบสั่งรายงานกันตอน 4โมงกว่า แล้วบอกต้องใช้ประชุมพรุ่งนี้เช้า
กูเพิ่งเริ่มทำงานที่ใหม่ได้ไม่นาน ไม่ใช่งานที่อยากทำหรอก เพื่อเงินล้วนๆ
แต่กูอยู่ออฟฟิศแล้วอึดอัดมากกกก กลายเป็นว่ากูมาเช้า ละเลิกค่ำกว่าเดิม สายดายเวลาชีวิต แต่ไม่เป็นไร ถือซะว่าขายเวลาแลกเงิน
แล้วทำงานกับสังคมผู้หญิง ชอบพูดจากระแหนกระแหนกัน น่ารำคาญชิบ
วันศุกร์ก่อนหยุดยาวว้อยยยยยยยยย
ตอนนี้ที่บริษัทกูหัวหน้าแม่งชิ่งหนีแบบกระชั้นเพราะได้งานใหม่ไปแล้วแถมไม่โอนงาน กูเลยเป็นหัวหน้าแทนในเชิงปฏิบัติ คือรู้มากสุดทุกอย่างเลยลงมาที่กู แล้วตามด้วยงานที่ถืออยู่ปัจจุบันไปอีกดอก ปัจจุบันเป็นสาย programmer แต่ทำแม่งทุกอย่าง คุยกับลูกค้า ทำใบเสนอราคา อนุมัติราคาที่ sale ไปขาย บางทีก็ต่อรองราคากับลูกค้า
เขียนโปรแกรมที่ sale ไปขายมาทั้ง win , web , mobile , config network ตั้ง server config firewall linux ,win แม้แต่คอมเสียก็กู ถ้าดีไซนเนอร์ลากูก็ทำแทนอีก สภาพตอนนี้ย่ำแย่มาก กูกลัวผมจะหมดหัว ทุกวันนี้ก็อยู่ด้วยความเครียส บางวันหนักสมองสลับงานไม่ทันจนต้องหนีไปอ๊วกในห้องน้ำก็มี sale ก็ชอบขายงานระดับ enterprise ข้ามชาติ แต่ programmer ตอนนี้เหลือกูคนเดียว พอปิด project ไปให้หน่อย ได้ใจขายแบบนี้มาใหญ่ บริษัทมี sale หลายคน แต่คนทำเหลือกูกับดีไซนเนอร์อีก 1 หน่อ และหลังๆ มานี่เหมือนกูกลายต้องเป็นคนตรวจหนังสือสัญญากับบริษัทกฏหมายด้วย director แม่งก็ไม่ช่วยอะไรเลย
แถมเดาได้เลยว่าพอประเมินปลายปีเงินก็คงขึ้นไม่มาก หาสาเหตุอื่นมาอ้างไปเรื่อย
กูควรจะทำยังไงกับชีวิตต่อไปดีวะ รอโบนัสปลายปี หรือหนีออกเลยดีกว่า ตอนนี้วันลากูเหลืออยู่เกือบ 2 เดือนเพราะไม่ได้ใช้ทบมาเรื่อยๆ แบบนี้กูแจ้งล่วงหน้าอาทิตย์นึงแล้วชิ่งได้ไหมเนี่ย
มีความสามารถเรื่องโปรแกรมอิลาส อยากทำงานพวกเกม การ์ตูน สมัครที่ไหนได้มั่งวะ
อุตส่าห์ได้หยุดยาวสามวัน แพลนอะไรไว้มากมาย ดันมาป่วยซะนี่ เบื่อตัวเองชะมัด
วันนี้ไปสอบหางานใหม่มา ง่วงชิบหาย
อาทิตย์ที่จะถึงนี้จะลาเที่ยวยาว ซึ่งวางแผนล่วงหน้าเป็นปีแล้ว ลาล่วงหน้าเรียบร้อยเช่นกัน แต่ดันมีงานเข้าตอนนี้ จริงๆจะไปก็ได้เพราะถือว่าลาแล้ว แต่เพื่อนร่วมงานคนอื่นก็จะต้องทำในส่วนของเราด้วย รู้สึกลำบากใจว่ะ
ตอนแรกกูเครียดที่หางานใหม่ไม่ได้ซะที
พอได้งานใหม่กูเริ่มเครียดเพราะกลัวไปแล้วไม่ดีอีก ไอ้นิสัยอะไรๆก็เครียดหาเรื่องมากังวลไปหมดของกูนี่สงสัยจะแก้ยาก
มีประวัติเคยพบจิตแพทย์ กลัวหางานใหม่ยากจังว่ะ แค่บอกคนรอบตัวยังมองกูว่าบ้าเลย
มีใครเคยลาออกตอนยังไม่ผ่านโปรบ้างมั้ย
แล้วหางานที่ใหม่ทันรึเปล่า หรือออกไปรองานก่อน
ออกไปรองานใหม่นี่ไม่แนะนำอย่างแรง ช่วงนี้เศรษกิจไม่ดีงานจะหายากกว่าปกติ ถ้าไม่ได้จะตกงานยาว
และอีกอย่างเวลาหางานใหม่ถ้าว่างงานอยู่จะทำให้ภาพลักษณ์เราดูไม่ดีและมีอำนาจต่อรองน้อยกว่าพวกยังมีงานอยู่ด้วย
ปล. ถ้าต้องว่างงานจริงๆอย่าลืมเบิกประกันสังคม
เย็นๆเห็นกระทู้ในพันทิปเด้งขึ้นมาบนฟีด เป็นเรื่องแนวๆ HR บ่นเรื่องการแต่งตัวมาสัมภาษณ์งานของเด็กจบใหม่ว่าไม่รู้กาละเทศะ
แต่กูถือว่าแต่งสุภาพพอประมาณไว้ก่อน คือเสื้อเชิ๊ตไม่มีลาย ผูกไทด์เรียบๆ กางเกงสแลค แต่ไม่ใส่สูท
กลายเป็นโดนมองแปลกๆแทนซะงั้น ที่ๆกูได้งานใหม่นี่ตอนสัมภาษณ์ถึงกับถามกูเลยว่าทำงานบริษัทเก่ากูต้องแต่งตัวแบบนี้มาทำงานหรอ
แบบว่ากูอึ้งนิดนึงว่าพี่ไม่คิดว่ากูแต่งตัวแบบนี้เพราะมาสัมภาษณ์งานหน่อยหรอ เล่นเอากูเสียเซลฟ์หน่อยๆแหะ
สำหรับผู้ชายเวลาสัมภาษณ์งานมึงแต่งตัวยังไงกันวะ
เสื้อเชิ้ต กางเกงแสลค รองเท้าหนัง
ถ้าสมัครบ.ไทย เสื้อเชิ้ตสีอ่อน กางเกงสแลคสีดำ รองเท้าหนัง
ถ้าสมัครบ.ญี่ปุ่นจะแบบข้างบนแต่เพิ่มเนคไทและสูท
เพราะสำหรับบ.ไทยแบบเต็มยศจะหาว่าเว่อร์เกิน ส่วนบ.ญี่ปุ่นจะประทับใจมากถ้ามึงแต่งตัวดีและเนี้ยบ
จริงใส่ไทด์จะโดนมองว่าเว่อร์ ตอนแรกกูใาเชิร์ตแขนยาว โดนมองแปลกๆพอทำมาซักปีก็กลายเป็นเสื้อยืดเกงยีนส์ละ
เชรดดด
พรุ่งนี้เริ่มงานที่ใหม่ #มีความตื่นเต้น
โม่งในนี้ส่วนใหญ่ทํางานออฟฟิศกรุงเทพกันหรอวะ มีคนทําโรงงานมั้ย
ขายของแล้วเผลอลดราคาเยอะไป เกือบขาดทุน สาส (กูไม่น่าจำราคาทุนผิดเลย)
ปรึกษาเพื่อนโม่งซาลารีแมนหน่อย ฐานภาษี 15% ที่ผ่านมาไม่เคยทำอะไรเพื่อลดหย่อนภาษีมาก่อนเลยจ่ายเต็มมาตลอด ควรจะซื้ออะไรเพื่อลดหย่อนภาษีมั้ย ที่ได้ยินบ่อยๆ ก็ LTF กับประกันเกิน 10 ปี แต่หลายเสียงก็บอกว่าฐานภาษีแค่นี้ไม่คุ้ม ไม่ต้องทำหรอก ยอมรับเลยว่าโง่เรื่องเงินมาก ทุกวันนี้ออมเงินในฝากประจำธรรมด๊าธรรมดาทำอะไรมากกว่านี้ไม่เป็นแระ
มีใครในนี้สอบรับราชการอยู่มั้ย ถ้าติดแล้วจะไปบรรจุหรือย้ายกลับบ้านตัวเองมั้ย
กุปรึกษาพวกมึงหน่อยดิ
คือกุจะเรียนภาษาอังกฤษเพื่อไปสอบทำข้อสอบภาษาอังกฤษ ซึ่งมันยากกว่าโทอิค แต่ก็ไม่มากเท่าไร กุเลยจะไปลงเรียนภาษาอังกฤษ
แต่กุเห็นที่เปิดๆติวโทอิค กุว่าน่าจะไม่พอสำหรับที่กุจะสอบ แล้วทีนี้กุเคยเปิดข้อสอบent anet gat ดู ไอเหี้ย ยากกว่าโทอิคอีก
กุเลยว่าจะลงเรียนครูสมศรี มึงว่ามันจะโอเคปะวะ
กุถามในห้องนี้ถูกแล้วใช่มะ?
>>750 คือกุบอกว่าไม่สอบ toefl แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่เรียนนะ กุบอกว่ากำลังดูๆอยู่ว่าจะเรียนแบบไหนถึงจะเหมาะสำหรับเพื่อนำไปสอบ
ซึ่งการสื่อสารกุน่ะโอเค แต่ทีนี้กุทำข้อสอบไม่ค่อยได้ไง
ประมาณว่าสอบภาค ก ส่วนภาษาไทย เป็นคนไทยพูดไทยบางคนยังทำกันไม่ได้เลย
ดังนั้นการสื่อสาร กับการสอบนี่ไม่เหมือนกันนะ
ปล.ข้อสอบมันเป็น reading ไม่มี Listening speaking
ปล2.ตอนนี้เน้นไปในส่วนสอบเข้าอย่างเดียวนะ กุไม่นับที่ต้องไปสอบ level eng ตอนไปเป็นนักบินนะ
อยากชวนคนที่ทำงาน(ต่างเพศ)ไปดูหนัง เพราะเคยบังเอิญคุยกันก่อนหนังเข้าแล้วบอกว่ารอดูเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แล้วกูก็มาทำงานที่นี่ตัวคนเดียวไม่มีเพื่อน เพื่อนผู้หญิงที่ทำงานก็ไม่ชอบหนังสไตล์นี้ (เป็นหนังการ์ตูน) แต่ประเด็นคือไม่อยากให้เกิดการเข้าใจผิดว่าไปอ่อยหรือไปชอบเค้า ไม่ได้สนิทกันด้วย อยู่คนละแผนก ปกติก็ไม่คุยกัน วันนั้นอยู่โอดึกทั้งคู่เลยบังเอิญได้คุยกันเฉยๆ ควรชวนหรือไม่ชวนดี ตอนนี้ลังเลไปทางไม่ชวน 80% กลัวจะมีปัญหาตามมาทีหลัง ไปดูคนเดียวน่าจะดีกว่า ใจจริงก็อยากมีเพื่อนต่างเพศบ้างนะ ยิ่งเจอคนที่ชอบอะไรคล้ายกันยิ่งดีใจ สมัยเรียนก็มีเยอะแยะ แต่พอมาทำงานทำไมมันยากจัง คุยกับผู้ชายนิดหน่อยก็โดนมองเชิงชู้สาวตลอด
ใครไปสมัครสอบพัฒนากรมั่งมีมั้ย อ่านอะไรกัน
เย็ดเข้โม่งนัดกัน ดูหนังกูก็อยากมีเพื่นอต่างเพศนะ ทำงานนี้มีแต่ป้าๆ
กูรอมาจะ 5 ชม.ละยังไม่เห็นมีใครมาเลยวะ
อาทิตย์หน้าทำงานอาทิตย์สุดท้ายละ จริงๆกูก็อยากออกมานานแล้ว แต่ถึงเวลาจริงๆมันก็ใจหายเหมือนกัน...
>>743 เอาแบบพื้น ๆ ก็แค่ซื้อ LTF กับประกันแบบที่ว่าอะแหล่ะ
ส่วนที่ว่าคุ้มรึเปล่า ให้ลองคิดง่ายๆว่า ถ้าต้องดองเงินก้อนนี้ไว้นานๆ(LTF 4 ปี ประกัน 10 ปี) แล้วหารเฉลี่ยกำไรที่จะได้ต่อปีออกมา
สมมติซื้อ LTF 50,000 ลดหย่อนได้ 15% (ตกปีละ 3.75%) ปันผลปีละ 1% ราคาต่อหน่วยขึ้นๆลงๆผ่านไป 4 ปีขึ้นมา 10%(ตกปีละ 2.5%) เฉลี่ยคร่าวๆก็ได้กำไรปีละ 3.75+1+2.5 = 7.25%
เทียบกับการเอาเงินนี้ไปลงทุน คิดว่าจะได้กำไรมากกว่านี้มั้ย ซึ่งถ้าไม่ทำเจ๊ง ยังไงก็ต้องได้มากกว่าแน่ๆ คนที่เอาเงินไปลงทุนจึงมองว่าสิทธิ์ลดหย่อนพวกนี้ไม่คุ้ม
แต่ถ้าเป็นคนที่ทิ้งเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์เฉยๆแบบที่ว่า มันก็คุ้มกว่าแหล่ะ
อ้อ ถ้าจะซื้อก็คิดเผื่อกรณีต้องใช้เงินเร่งด่วนด้วย พวกนี้ขาย/ยกเลิกก่อนกำหนดโดนปรับเอาเรื่องอยู่
>>761 ขอบคุณมากเลย นึกว่าจะไม่มีใครตอบซะแล้ว กลัวตรงประโยคสุดท้ายมากที่สุด เพราะเป็นเสาหลักของที่บ้าน ล้มลงมาไม่มีใครช่วย แต่ถ้าใครล้มต้องช่วย เลยกลัวว่าจะมีเรื่องให้ต้องใช้เงินก้อนฉุกเฉิน ถ้าจะซื้อคงต้องซื้อน้อยๆ เช่น 10%-20% ของเงินเก็บ ซื้อแค่นั้นก็คงแทบไม่มีผล แต่ปีนี้คงลองซื้อดูถือเป็นการศึกษาหาความรู้ไปในตัวละกัน ขอบคุณอีกครั้งนะ
ใครมีวิธีแก้ง่วงบ้าง กาแฟเอาไม่อยู่ละ
ขอกูระบายหน่อยนะ กูเครียดมาก จะเล่าให้ที่บ้านหรือเพื่อนฟังก็ไม่ได้ ;w;
คือตอนนี้กูโอเคกับงานที่ทำอยู่ แต่ไม่โอเคกับนาย รู้สึกเหมือนเขาคุมงานไม่เป็น สร้างแต่ปัญหา คือมันไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับกูอย่างเดียวอะ แต่มันส่งผลกับบริษัทด้วย กูรู้สึกว่าตอนนี้นายแม่งสร้างปัญหาจนบริษัทมันโคลงจะล้มมิล้มแหล่ กูไม่รู้จะตามแก้ยังไงดีแล้ว กูจบมาได้ทำงานที่นี่ที่แรก ประสบการณ์การทำงานกูก็ประหลาดๆ ทำมั่วๆงำๆเอง ไม่มีคนคอยสอน นายก็ตรรกะวิบัติ
นี่ล่าสุดกูกังวลว่าเขาจะหมุนเงินทันมั้ย อยากออกก็อยาก แต่ตอนนี้กลายเป็นคนที่อยู่กับเขามานานสุดแล้ว (1ปี กับ3เดือน) กูไม่ได้สำคัญตัวผิดนะ กูไม่ได้เป็นคนเก่ง แต่กูเป็นคนที่รู้เรื่องในบริษัทมากสุด ถ้ากูออก กูว่าล้มแน่นอนอะ กูเกลียดเขาแต่กูก็สงสารเขา ทำยังไงกูถึงจะใจแข็งออกมาได้วะเนี่ย เพื่อนร่วมงานก็นิสัยดี งานก็โอเค ติดปัญหาแค่นายชอบจะทำให้บ.เจ๊ง เครียดว่ะ
>>766 มึงก็เป็นคนดีเนอะ กูชะตากรรมคล้ายมึงหลายอย่างมากแต่ไม่เล่าละกัน เอาเป็นว่ากูไม่เคยห่วงอีพวกที่บริษัทเลย ห่วงแต่ตัวเองนี่แหละ อยู่กับอีพวกนี้มากๆ คงได้เป็นโรคจิตตามพวกมันเข้าซักวัน ที่กูยังไม่ออกแค่เพราะไม่อยากให้ประวัติงานดูไม่ดี อยู่ไม่นานเดี๋ยวจะดูเป็นคนไม่มีความอดทน รอจังหวะดีๆ มีเมื่อไหร่เวลาเหมาะสมเจองานใหม่ที่เหมาะสมกูไปแน่นอน
>>766 กูอาจจะตอบแบบใจร้าย
แต่มึงสำคัญตัวผิดนะ บ. ขาดมึงคนเดียวไม่ตายหรอก และถ้าเจ้านายมึงทำ บ. ล่ม เขาก็คงไม่มารับผิดชอบชีวิตที่เหลือของมึงได้หรอกนะ หางานใหม่เถอะ
ถ้ามึงรู้สึกผิดที่จะออก มึงก็แค่จัดการงานส่วนของมึงให้เรียบร้อยก่อนออก สอนเด็กใหม่ และสร้างระบบการทำงานที่ง่ายและรวดเร็วทิ้งไว้ให้เขาเท่านั้นล่ะ
>>769 อันนี้จริง เห็นด้วยมาก อย่างกูก็เป็นคนที่สร้างระบบให้แผนกขึ้นมามากมายจากไม่มีเหี้ยอะไรเลย ทำงานหนักสุด รู้เรื่องมากที่สุด เอาจริงๆ คือรู้อยู่คนเดียวเพราะงานที่กูทำอยู่มากมายนับไม่ถ้วนนั้นก็มีกูทำเป็นคนเดียวและทำอยู่คนเดียว แต่กูก็เชื่อเช่นกันว่าถ้ากูออกมันก็หาทางไปกันได้แหละ ไม่ล้มหรอก อย่างมากก็แค่เหนื่อยอ้วกๆ แล้วก็ทุลักทุเลปัญหาเยอะหน่อยในช่วงแรกไรเงี้ย
>>768 ขอบคุณมากโม่ง จริงๆก็รอจังหวะคนหลงเข้ามาเป็นทายาทอสูรต่ออะ
>>769 เห้ย ไม่ใจร้ายหรอก กูเข้าใจที่พูดนะ เอาจริงๆกูจะรู้สึกดีอะ ถ้ากูสำคัญตัวผิดไป
อันนี้คงต้องเล่าหน่อยอะ บ.กูเป็นบ. ต่างชาติ มีคนเข้ามาแล้วออกเหมือนเดินไปเข้าเซเว่นอะมึง (แต่ไม่มีการกลับเข้ามาใหม่นะ) ตอนกูเข้ามาปีก่อน พนง.แม่งไม่มีใครเลย มีแค่พี่คนไทยคนเดียว กูได้ตำแหน่งผู้ช่วยเขา แต่โดนถีบไปเป็นเลขานายต่างชาติ แรกๆก็งงๆอะ ทำงานครั้งแรก เจอเหตุการณ์กับสถานการณ์ประหลาด ไม่กี่เดือนถัดมาพี่เขาก็จากไป หน้าที่ประสานงานบัญชีล่ามวิ่งหน้างานมีแค่กูคนเดียว แต่ตอนนั้นยังไม่มีงานเข้ามาในบ.มาก กูก็โอเค ไปๆมาๆ คนไทยเข้ามาแล้วออกๆ วนเวียนงี้อะ เดือนนึงบ้าง อาทิตย์นึงบ้าง วันเดียวก็มี จนคนในตึกเขาทักอะว่าบ.นี้เป็นไรมากมั้ย
แล้วตอนนี้บ.กูมีปัญหาเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล เอกสาร อะไรหลายๆอย่างอะ คนที่รู้มีแค่กู ละมันสะสางยากอะ กูก็มึนๆงงๆ นายกูดันอยากจะมอบหน้าที่ให้กูไปขึ้นโรงขึ้นศาลฟ้องคนอื่นเขา(ถามใจกูด้วย) จริงๆกูเคยเปิดรับสมัครคนมาทำหน้าที่ต่อกูแล้วนะ ก็มีคนหลงเข้ามาอะ พอกูเริ่มสอนงานหน้าที่ต่างๆ ทีแรกก็ยังโอเค พอกูจะโอนงาน มันก็ต้องบอกเรื่องที้จำเป็นต้องรู้เพื่อให้เขารับมือถูกใช่ปะ พอเขารู้ อาทิตย์ถัดมาเขาโทรบอกกูว่าขอโทษนะที่ช่วยไม่ได้ แล้วเขาก็จากไปทั้งยังงั้น เป็นแบบนี้มาจนครบ 3 คนอะ
คนที่ 3 ทำกูเสียใจสุด เขาให้กำลังใจกูสารพัดละบอกว่าจะอยู่ช่วยแก้ปัญหาด้วยกัน มี 2 หัวดีกว่าหัวเดียว อย่าออกเลย ออกไปแล้วหางานทำยาก คือเขาพูดจนกูตัดสินใจอยู่ต่ออะ กูยอมรับกูเป็นอีเด็กหัวอ่อนใจอ่อน ไม่งั้นจะอยู่ที่นี่ 1 ปี 3 เดือนได้ไง (ฟังเหมือนนาน แต่กูอายุงานนานสุดตั้งแต่ก่อตั้งบ.แล้วอะ)เพราะมันก็จริง ถ้ามีคนช่วยแก้ปัญหาอะไรๆก็คงจะดีขึ้น
แต่มึง... หลังเงินเดือนแรกออก เขาขอลาออกวันแรกของเดือนแล้วจากกูไปวันนั้นเลย ตอนนี้กูไม่มีใจจะเรียกใครมาสัมภาษณ์แล้ว เรียกเขามาสัมก็เหมือนไปหลอกลวงเขา พอโอนงานเขารู้ความจริงก็หายต๋อมไปเลย รู้สึกแย่บอกไม่ถูก
ที่กูยังอยู่ต่อตอนนี้เพราะบังเอิญเจอพี่บัญชีเข้ามานี่แหละ นิสัยโคตรดี กลายเป็นพี่น้องกับกูละ นี่ก็รันทดกับบริษัทนี้กันทุกวัน หงอกงอกกันใหญ่
ปล.จริงๆกูเคยนั่งทำไฟล์อธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับบริษัท เผื่อวันหน้าไม่มีกู มีคนใหม่เปิดเจอจะได้เข้าใจงาน แต่พูดจริง กูพิมพ์ไปครึ่งทาง กูหลอนมาก ถ้ากูเป็นเด็กใหม่อ่านเจอเรื่องแบบนี้กูจะรีบเผ่นกลับบ้านเลย
>>770 กูคิดมาตลอดว่าอยากให้บ.ทำอะไรให้เป็นระบบอะ เคยคิดนะว่าเออการที่หน้าที่ทุกอย่างอยู่ในมือเรา เราก็สามารถจัดระเบียบเองได้นี่ ไม่มีคนทำมาก่อนงั้นลองทำดูก็ไม่เสียหายอะไร? แอบตื่นเต้น
แต่แค่เริ่มเรื่องจัดระเบียบบัญชีก็ทำกูถอดใจแล้ว นายกูนี่รั้นมาก ไม่ฟังเลย กูบอกทำแบบนี้ไม่ได้นะ เอกสารมันผิด ก็ไม่ฟังอะ ตะคอกใส่ คือกูฟังที่เขาพูดเข้าใจเกือบทุกคำนะ แต่กูจะโต้เถียงเป็นภาษาต่างชาติกูนึกคำไม่ออก ตื้อไปหมด สุดท้ายตอนหลังก็มีปัญหากับออดิทค่ะ...งานงอก เป็นงี้แม่งทุกเรื่อง พอกูจะตั้งกรอบ นายกูจะโยนกรอบทิ้ง เรื่องระเบียบข้อห้ามสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง นายกูจะฟังแบบอืมๆเออๆ แล้วก็แหกตลอด กูเคยโดนคนโทรตามตอนสี่ทุ่มแจ้งมาว่าบ.กูก่อปัญหาบุกรุกตอนกลางคืน ทั้งๆที่กูเตือนแล้ว เรื่องเบสิคพื้นฐาน นายกูก็ประสาทกลับไม่ฟัง พอมีปัญหาก็โทรมาให้กูทำไรสักอย่าง
เออ อีกเรื่องนึง อันนี้เกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว กูเป็นโรคกระเพาะ แล้วบางทีเขาลากไปหน้างานบ้าง ประชุมบ้าง ได้กินข้าวที 3 โมงบ้าง ไม่ก็ 5 โมงกว่า พอเป็นแบบนี้กระเพาะกูจะรวนหนักหลังกินข้าวทจะปวดท้องมากแล้วท้องเสียทุกครั้งที่มีอะไรลงท้อง ผลคือวันถัดมากูมาทำงานไม่ได้ นอนตายคาบ้าน แล้วผลคือ วันที่กูหยุด นายกูไม่ออกไปไหนเลย ที่นัดกับใครไว้ตอนแรกก็ไม่ไปหมด(กูรู้แล้วจะเป็นลม) นั่งอยู่เฉยๆในบ.ทั้งวันแทน พอกูมาทำงานไหวก็มางอแงใส่ ว่าอย่าป่วยบ่อยสิ พอป่วยแล้วงานในบ.มันหยุดชะงักหมดเลยเห็นมั้ย ความผิดเธอนั่นแหละ
มึงงงงงง กูไม่ได้สำคัญตัวผิด แต่กูว่านายกูประหลาด งานบางอย่างไม่มีความจำเป็นต้องหนีบกูไปสักหน่อย พยายามดิ้นด้วยตัวเองนิดนึงก็พอถูไถไปได้แท้ๅ แต่ดันไม่ยอมทำ รอกูกลับมาก่อนอย่างเดียว จะมีใครเข้าใจความประหลาดไม่เหมือนใครของนายกูได้บ้าง Orz
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและความคิดเห็นนะเพื่อนโม่ง โม่งน้อยขอขอบคุณจากใจเลยจ้ะ ฟู่ววว /โล่งนิดนึง
>>772 บริษัทมึงมีพนง.กี่คนวะ แล้วไม่มีผู้บริหารคนอื่นๆ เลยรึไง เอาแค่ระดับผู้จัดการอะไรแบบนี้อะ อย่างน้อยคนพวกนี้ก็ต้องมีประสบการณ์ทำงานในระดับนึงแล้วดิ แล้วมึงก็แบบแต่งตัววางมาดให้มันดูภูมิฐานนิดนึง จะได้ดูมีพาวเวอร์เวลาเถียงนาย
เค้าให้เงินเดือนน้อยปะวะ คนเลยเผ่นกัน
ทำไมชะตากุกับการทำงานแม่งเห้เยี่ยงนี้ อยู่หอ เพื่อนออกจากงานทิ้งกุยุหอคนเดียว ยุไปยุมาผญ.คนเดียวมีเหตุที่ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยก็ย้ายออกจากหอ ไปกลับจากบ้านเดินทางไปกลับ 2-2.30 ชม.++ กุเคยไปเป็นลมใน mrt จนขับรถกลับบ้านเองไม่ได้โลกหมุนเพราะพักผ่อนไม่พอ เงินเดือนได้เกือบสามหมื่น เสียไปกะค่าหอแพงสัสๆ พอไปกลับเจอค่าmrt ไปกลับเกือบร้อยกว่า+ ค่าที่จอด เงินเก็บกุก็ผลาญไปดิ๊ เหลือเก็บเดือนไม่ถึงหมื่น
ไม่นับเรื่องเพื่อนร่วมงานเหี้ยอีกนะคร้านจะบ่น...
>>773 ก็นายต่างชาติ 2 คนนึงก็เจ้าของบ.ที่เล่าไป อีกคนเขาไม่ค่อยมาทำงานเท่าไหร่ ชื่อตำแหน่งเมเนเจอร์แต่ก็มีหน้าที่หาลูกค้าอย่างเดียว ไม่มีอะไรทำก็นอนที่โซฟาอะมึง กรนสนั่น กูว่าภาพลักษณ์บ.จะเสียก็ตรงนี้แหละ ลูกค้าเปิดมาเจอพนง.อ้าปากหวอนอนกรน
กูขอไม่นับพนง.ผีนะ ถ้ารวมกูด้วยตอนนี้มีคนไทย 5 คน พี่ที่เพิ่งเข้ามาจะทนไม่ไหว ทำท่าจะออกแล้ว ที่ผ่านมาเขาไม่ให้เงินเดือนน้อยนะ เรียกมาเท่าไหร่ก็ให้เท่านั้นเลย 4 หมื่นกว่าก็มี แต่เพิ่งมีพี่คนนี้นี่แหละให้เงินเดือนเขาน้อยถ้าใช้งานตามที่คุยกันทีแรกพี่เขาก็ยอมอะ แต่นี่ใช้งานเกินหน้าที่มาก
>>772 โอ้โห ชีวิตมึง.... คล้ายๆกูตอนนี้เลย แต่กูยังมีตัวตายตัวแทน ตอนนี้ปล่อยให้เขาทำเองละ ทำให้ตลอดก็เดี๋ยวไปก็เบลอแดก โทรตามอีก แต่กูจะออกแล้วว้อยย พ่อแม่กูสอนว่า ถ้าบริษัทไหนล้มแค่เพราะคนๆนึงออกน่ะนะ ก็ปล่อยให้แม่งเจ๊งเหอะ ถ้ามึงเป็นหุ้นส่วนหรือเจ้าของก็ว่าไปอย่างอะ
>>778 ออฟฟิศกูเช่าตึกเขาอยู่อีกที ในชั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากลิฟท์กับห้องน้ำ แล้วก็ออฟฟิศ บ.อื่น
กูนั่งวืดทั้งวันจริงๆ แบบสติหายไปเลยอะมึง จากเป็นคนไม่กินกาแฟก็ต้องฝืนกิน และพบว่ามันช่วยไม่ค่อยได้เลย
มีดีตรงที่ได้เดินไปชง ได้กลิ่นหอมๆให้สติกลับมาบ้าง
จากโม่งง่วงต้นเรื่องเอง
เงินดีแค่ไหนแต่ถ้าไม่มั่นคง(ในระดับนึง)กูไม่มองว่ะ ไม่อยากทำงานฟรีหรือตกงานไม่รู้อิโหน่อิเหน่ อยู่ดีๆ บริษัทล้มเจ้าของหนีหาย ต่อให้ฟ้องได้แต่จะไปฟ้องกับใคร ใครมันจะมาจ่ายเราวะ โอเค ในโลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอน 100% หรอก แต่กูสมัครงานที่ไหนกูดูทุนจดทะเบียนกับระยะเวลาประกอบการก่อนเสมอ อย่างน้อยบ.ใหญ่มีชื่อเสียงมันก็ไม่หนีหายไปเฉยๆ ต่อให้ปิดตัวหรือย้ายฐานมันก็จ่ายเงินชดเชยตามกฎหมาย
เอ้อ ยกเว้นเงินดีแบบเดือนละแสนห้าไรงี้ ทำงานมั่นคง 3 เดือนเท่ากับทำบ.ไม่มั่นคงเดือนเดียว แบบนี้ค่อยน่าเสี่ยงหน่อย แต่คงไม่มีใครบ้าจ้างกูแสนห้าอ่ะนะ ถถถถ
>>549 กูก็เงินเดือนสี่หลักในบางเดือนนะ บางเดือนดีหน่อยก็อย่างมากหมื่นสี่
ปกติงานประจำที่ทำได้หมื่นหกเพราะโดนกดเงินบวกขั้นตํ่า แต่กูไม่พอใจการทำงานกับบริษัท
บวกสังคมกูมีปัญหากับคนๆที่มาว่าร้ายเรื่องงาน กูตัดสินใจออกก่อนที่จะมีเรื่องเดือนนึง แล้วตอนมีเรื่องเป็น
ตอนที่กูใกล้จะออกพอดีอีกอาทิตย์เดียว
กูออกจากงานประจำมาได้สักพักมาทำของตัวเอง
เงินกูเลยได้น้อยลงแต่กูพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้มากๆ ได้เงินน้อยก็ต้องใช้จ่ายน้อยๆพอเพียง
ตามที่โม่งบนๆบอกถูกแล้ว อนาคตกูหวังว่าจะพัฒนาธุรกิจส่วนตัวของตัวเองให้ได้เงินดีกว่านี้
และนี่คือก้าวแรก กูคิดแบบนั้นสำหรับกำลังใจในตอนนี้ อย่าได้ท้อ
เมิงผมดำ เสื้อดำตาดำใช่มะ ได้ๆ เด๋สไปหา ถือลูกชิ้นปิ้งในมือด้วยนะ
เดี๋ยวนะ พวกมึงนัดกันหน้าเซเว่นแล้วมึงไปเซเว่นเดียวกันรึเปล่า ไม่ใช่มึงรอเซเว่นเมเจอร์อีกคนรอเซเว่นเซนทรัลนะ
ปรึกษาหน่อยเพื่อนโม่ง คือกูเป็นเด็กใหม่เพิ่งเข้าบรรจุที่หน่วยงานราชการแห่งหนึ่งไม่นานนัก แล้วทีนี้พี่ที่ทำงานกูแม่งแบ่งเป็นฝักฝ่ายชอบนินทากันเว้ย แถวที่กูนั่งเนี่ยแหละชอบนินทาพี่ที่นั่งอยู่อีกฟาก กูก็ไม่อยากมีปัญหาก็แกล้งทำเป็นเล่นมือถือช่วงพักทำเหมือนไม่ได้ยินมาตลอด
ทีนี้เมื่อวานกูแม่งเสือกไปกินข้าวเย็นที่โรงอาหารแล้วเจอพี่ที่นั่งอีกฟากเค้านั่งด้วยเดินมากับเพื่อนกู 2คนเลยมาคุยกับกู แม่งเมาท์ให้กูฟังใหญ่เรื่องพี่แถวโต๊ะกูเป็นงี้ๆละเพื่อนกูที่ไปนั่งด้วยก็บ่นนินทาพี่บลาๆๆๆ กูไม่ค่อยได้ผสมโรงด้วยหรอกนั่งฟังอย่างเดียว(จริงๆอยากลุกหนีชิบหายสาสสสส) ทีนี้กลายเป็นกูเสือกเข้าไปวงนินทาเต็มตัวแล้วนี่สิ ต่อไปจะบอกไม่รู้เรื่องๆก็ไม่ได้ละกูควรทำตัวไงดีวะ เช่นถ้าพี่แถวโต๊ะเค้ามาถามว่าไอ้พี่นั้นๆพูดถึงพัี่ไงบ้างไรงี้กูจะตอบไงดี ควยยยย
โม่งออดิท big 4 กระทู้ปรึกษาญาติยังอยู่ไหม
ถามตรงๆเลยละกัน คือตอนนี้เราเรียนอยู่ปีสามราชภัฏถ้าไปสมัครเป็นออดิทมีสิทธิเข้าได้ไหมอ่า เรียนไปสามปีแล้วไม่อยากซิ่วงะ
เออ พวกมึง กันงบไว้ใช้จ่ายไร้สาระกันแค่ไหนวะ?
กูกันไว้ 7000 ไม่รู้เยอะไปมั้ย เอาไว้ เที่ยว ดูหนัง การ์ตูน เล่นเกม ซื้อของ แดกข้าว เติมมือถือ เปิดกาชา บลาๆๆ
>>792 หมายถึงกูสินะ ปกติไม่รับว่ะ รุ่นโตกว่ากูปีนึง จบมก.กำแพงแสน เกรดนิยม ไม่รับ จนไปทำที่grant แล้วกลับมาสอบใหม่ เข้ารุ่นดู อีกคนจบราม ก็ทำแบบนี้อ่ะ นี่คือเฟิร์มกูนะ บางที่ไม่ให้สอบข้อเขียนให้แค่สัมภาษณ์ละไม่เอา(ไม่ครบprocess) ฟีลกลัวลคถามว่า จบที่ไหน คือลค บางที่สายโหด ถ้าไม่จบม.ดังหน่อย เหยียดเลยมึง นี่แหละ ความเรียลแบบบัดซบของชีวิต พูดตรงๆ ถ้าจบม.ที่เขาอยากรับ มึงไม่ต้องอ่านหนังสือสอบเลยมั้ง พวกกูไม่เคยอ่านเลย ไปชิลทั้งสอบทั้งสัมภาษณ์
เพื่อนโม่ง บัตรกดเงิน KTC กดเงินได้สูงสุดเท่าไหรหรืออยู่ที่เงินเดือนวะ
กับ สมมัติกูกดได้สูงสุด 5 หมื่นงี้ กูกดไป 3 หมื่น เหลือ ยอด 2 หมื่น แล้วกูอยากผ่อนของเกิน 2หมื่นได้ปะมันรวมกันไหม
รุ่นน้องที่แผนกเพิ่งลาออกไปเมื่อวันก่อน เป็นน้องที่แต่ก่อนเคยสนิทด้วยนะ แต่ก่อนนางชอบมาคุยเล่นกับกูบ่อยๆ อยู่ดีๆวันนึงนางก็หายไปเลย
พอกูเป็นฝ่ายไปคุยด้วยนางก็ท่าทางเหมือนยุ่งๆไม่อยากคุยกับกู ตอนแรกกูก็นึกว่านางงานยุ่งอยู่มั้ง เดี๋ยวหายยุ่งก็คงกลับมาเอง
แต่เงียบไปยาวหลายเดือนเลย รู้ตัวอีกทีคือลาออกไปแล้วแบบเงียบมาก รู้กันเองแค่ในกลุ่มที่ทำงานด้วยกันตรงๆไม่กี่คน
กูโคตรช๊อคเพราะเชื่อว่าถ้านางจะไปยังไงกูก็ต้องรู้เป็นคนแรกๆแน่ นี่กลายเป็นมารู้ตอนนางออกไปแล้ว
แถมหนักกว่านั้นคือนางแจกของขวัญให้หลายๆคนในแผนกที่นางสนิทด้วย แต่กูไม่ได้ซะอย่างงั้น
สงสัยคงงอนอะไรกูซักอย่างอยู่มั้ง กูไล่ๆนึกดูแล้วก็ยังนึกไม่ออกจริงๆนะว่าไปทำอะไรให้นางเคืองตอนไหน
ถึงจะเป็นผู้หญิงแต่ไอ้เรื่องคิดเล็กคิดน้อยของผู้หญิงด้วยกันนี่กูไม่ค่อยจะเข้าใจเลยว่ะ
พูดถึงเรื่องคิดเล็กคิดน้อย หัวหน้ากูแม่งระดับ yocto ซึ่งกูก็ไม่สนใจหรอกนะว่ามันจะคิดอะไร แต่ที่รำคาญคือชอบมาเล่าเรื่องคิดเล็กคิดน้อยของมันกับคนอื่นให้กูฟัง และกูก็อยู่ใน position ที่ด่ากลับไม่ได้ว่ามึงน่ะเยอะเอง ไปพบจิตแพทย์บ้างนะ (จะบอกให้ไปวัดก็ไม่ได้เพราะนางคลั่งธรรมะอยู่แล้ว แต่ทำไมธรรมะแม่งไม่เห็นช่วยเลยวะ หรือนี่คือช่วยแล้ว?) กูว่านะ คนพวกนี้มันมองคนอื่นจากสิ่งที่ตัวเองเป็นว่ะ เช่น ตัวเองเป็นคนชอบประชดประชันแดกดันคนอื่นโดยนัยยะ ก็เลยเฝ้าสังเกตอาการคนอื่นแบบวิตกจริต พอเห็นอาการหรือคำพูดอะไรเล็กน้อยเป็นไม่ได้ต้องพยายามเชื่อมโยงไปเอง แล้วก็ไปโกรธเค้า ทั้งที่บางทีเจ้าตัวไม่ได้คิดอะไรเลยและไม่รู้เรื่องห่าอะไรด้วยเลย อย่าไปประสาทแดกตามคนประเภทนี้เลยจะเป็นบ้าตามเปล่าๆ
หาเป้าหมายให้ที ตอนนี้เรียนจะจบแล้ว มีที่ทำงานแล้ว เงินเดือนสตาร์ท 2 หมื่นกว่าๆ ไม่อยากได้อะไร บ้านก็อยู่กับพ่อแม่สามคน ไม่มีหนี้อะไร แฟนคงไม่มี เงินเก็บมีพอสมควร
เออที่ออฟฟิสในแผนกกุ กุอายุงานน้อยสุดละ แล้วทีนี้กุเบื่อผู้หญิงคนนึงวะ จริงๆก็ไม่เกียวกับเพศหรอกแกเป็นทอมหรือผู้หญิง? เอาจริงๆกุก้ไม่รุ แต่ชั่งมันละกัน อิเจ๊นี่ตั้งใจจะลาออกเดือนหน้าหลังได้รับโบนัส ซึ่ตอนนี้แม่งเทงานกระจาย ทำหน้าเบื่อๆเอือมๆไม่อยากทำงาน แล้วลืมบอกบริษัทกุเป็นบริษัทยุ่นอะนะ เจ๊นี่พูดภาษายุ่นไม่ได้วะ ในแผนกกุมีคนไทยสามคน รวมกุด้วย แต่กุกับอีกคนพูดได้ พอทีนี้กุก้บ่นๆว่า งานแม่งไม่ช่วยกุพัฒนาเท่าไหร่ ซึ่งตอนนี้คันจิกุปลิวหมดละ แม่งใช้แต่สกิลพูด ซึ่งกุก้คิดอยู่ว่าจะออกช่วงเมษา แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
อิเจ๊นี่เทงานไม่ทำไรเลย แล้วยังมีหน้ามาบอกกุว่า ทำมาก่อนน่า ตูรู้งานนะเฟ้ย พยายามจะบอกว่ากุเก่งนะต่อให้กุไม่รุยุ่นกุก้ทำงานได้ (เจ๊นี่ในแผนกอยู่นานสุดละ) ซึ่งกุไม่ชอบเลย ทำเหมือนกับว่าพวกกุโง่ กุควรจะสวนกลับบ้างหรือปล่อยไปดีวะ แต่พักหลังๆกุเบื่อๆไม่อยากจะคุย
แต่ทีกุ่ไม่ชอบจริงๆคือเวลามีปัญหาไรแม่งเลือกที่จะเงียบ ประมาณว่าไม่ตอบเหี้ยไรเลย ซึ่คนในแผนกก็ต้องตอบแทน แล้วบางทีตอบแทนมันก็โดนเล่นไง อย่างเอกสารหายงี้ แม่งเงียบพอกุตอบว่าไม่รุ กุก้โดนเล่นเลยทำไมไม่รุบลาๆๆ คือแม่งเอาตัวรอดตลอด นึกละหงุดหงิดเสือกนั่งใกล้กันอีก
อีก 15 นาที จะเลิกงาน โดนเรียกเข้าห้องประชุม fuck
เอกชนทำงานสบายก็มี คนในที่ทำงานกูเองจ้า ในขณะที่กูแทบจะอ้วกอยู่แล้ว ทำเวรทำกรรมอะไรไว้วะถึงเสือกเกิดมาเป็นคนมีความรับผิดชอบ ทนไม่ได้กับการทำงานขอไปที ผิดก็ช่าง ถูกก็ช่าง ทันก็ช่าง ไม่ทันก็ช่าง พอเกิดปัญหาก็แค่หาทางแก้ตัวไป โทษทุกคนยกเว้นตัวเอง ถ้ากูเป็นคนแบบนั้นป่านนี้ชีวิตกูคงสุขสบายกว่านี้เยอะ
กูเริ่มงานใหม่มาได้พักนึงละ รู้สึกมีปัญหาคือไม่มีคนสอนงานจริงๆจังๆ
เวลาติดแล้วถามหรือขอให้คนช่วยก็เหมือนเค้าไม่ค่อยสนใจ ตอบคำถามส่งๆกันแล้วก็ทำงานตัวเองอย่างเดียว
เอกสารคนเก่าๆก็ไม่ค่อยเขียนทิ้งข้อมูลไว้ให้ เจอแบบนี้เซ็งว่ะ
>>826 โอ๊ะ สภาพเดียวกับกูเมื่อปีก่อนเลย
อีกอย่างนึงคือ กูสมัครล่าม เขาให้กูเป็นผู้ช่วยผู้ประสานงาน แต่เอางานบัญชีให้ทำ ให้กูทำภาษีรายได้ส่วนบุคคลของนายต่างชาติ 1 คน (นายอีก 2 คนนางเป็นคนทำ) ซึ่งแค่ส่วนของตัวกูเองยังทำไม่เป็นเลย กูเลยถามเขาว่าต้องทำยังไง พอจะสอนหน่อยได้ไหม ของกูทำพลาดไม่เป็นไร แต่ถ้าของนายผิดเนี่ยตายแหง
กูโดนว้ากใส่เรื่องง่ายๆแบบนี้ทำไมต้องสอน ไม่มีญาติทำบัญชีรึไง ไปถามญาติไป (นางรู้ว่ากูมีญาติคนนึงทำบัญชี เพราะนางเคยขอให้กูหาคนรู้จักมาช่วยทำบช.ที่บ. ซึ่งญาติกูปฏิเสธ)
สุดท้ายกูก็ไปถามญาติ + งำๆเอง พอกูทำของนายเสร็จ กูขอให้นางช่วยตรวจดูให้เผื่อผิดพลาด นางก็ทำเป็นอืมๆ สักพักนางขอยืมไปดูก่อน มาอีกที นางเปลี่ยนใจ เอาของนายอีก 2 คนที่ยังไม่ได้ทำโยนมาให้กูทำแทน
กูว่าแม่งก็ทำไม่เป็นเหมือนกันนี่แหละ แต่พอกูถามทำเป็นวางฟอร์มว่ารู้ ถ้าบอกกูแต่แรกว่าพี่ก็ไม่รู้เหมือนกันก็จบแล้ว ไม่ต้องลากญาติกูไม่เอี่ยวด้วยเลย จุดนี้กูโมโห
ผมพึ่งเริ่มทำงานตอนอายุย่างเข้า 25
เงินเก็บเดือนละสองหมื่นถ้วนๆเพราะรายจ่ายน้อย
อายุยังน้อยอยากเก็บเงินแบบมีสภาพคล่องเผื่อเอาออกมาซื้อของที่อยากได้ ควรออมเงินที่ไหนดีโม่งรุ่นพี่ทั้งหลาย
>>826 สมัยกูจบใหม่เริ่มทำงานใหม่ๆ กูก็คิดแบบนี้นะ แต่พอทำไปซักพักก็เริ่มขวนขวายหาความรู้เอง พอมีเด็กใหม่เข้ามา กูก็เริ่มคิดว่าทำไมแม่งสักแต่จะถามวะ ไม่คิดจะหาความรู้เองบ้างเลยเหรอ ถ้าเป็นเรื่องเฉพาะทางของบริษัทกูยินดีสอนอย่างยิ่งนะ เพราะกูเข้าใจว่ามันหาที่ไหนไม่ได้ แต่พวกความรู้ที่มัน common แบบเรื่องภาษี การยื่นวีซ่า สูตร excel หรือการทำบัญชีง่ายๆ ฯลฯ มีเน็ตก็สามารถหาความรู้ได้ ตอนกูเริ่มทำกูก็หาเองเหมือนกันไม่มีใครสอน กูไม่ได้หวงความรู้นะ กูยินดีแชร์ ทุกวันนี้ก็สอนตลอด ไม่กล้าไปอะไรกับมันมากเด็กสมัยนี้เปราะบางเดี๋ยวลาออกกูซวยอีก แต่กูอยากให้เด็กๆ รู้จักการขวนขวายหาความรู้เองบ้าง มันไม่ดีกับใครหรอก มันดีกับตัวมึงเองนี่แหละ ไปอยู่ไหนมึงก็จะอยู่ได้ เอาตัวรอดได้ ไม่ต้องงอแงโวยวายว่าไม่มีคนสอนงาน
ผู้ใหญ่บางคนนี่เห็นเด็กบ่นปุ๊ปโบ้ยให้ความผิดเด็กก่อนเลยหรอ แถมคิดเอาเองหมดด้วยว่าเค้าไม่ขวนขวาย เอาแต่งอแง
ไอ้จำพวกที่แม่งชอบสั่งงานนอกเหนือหน้าที่เด็กแล้วเสือกไม่สอนบอกให้ขวยขวายเอง พอทำผิดขึ้นมาสมมติแค่จุดเดียว ไอ้พวกนี้จะพูดย้ำๆ จนแม่งฝังใจเด็ก ไอ้พวกหน้าหี จากปสก.เด็กใหม่คนนึง
ประเด็นนี้ขิงก็ราข่าก็แรงว่ะ คนมันงี้เง่าแม่งไม่นับวัยหรอก สันดานส่วนตัวล้วนๆ
>>832 เออ กุเห็นด้วยเลยวะ บริษัทกุฝ่ายบุคคลคนใหม่แม่งเด็กจบใหม่เลย
คนเก่าแม่งจัดเต็มจัดงานรัวๆ แล้วเสือกไม่ค่อยสอน ดีหน่อยแม่งส่งลิงค์ให้อ่าน
แต่กุเคยทำงานพวกนี้มาบ้างที่เก่าอย่างเรื่องวีซ่ากุลองมองๆดูละ ลิงค์ที่แม่งส่งมาให้ไม่มีเนื้อห่าไรเลย
สุดท้ายเด็กแม่งทำได้สามวัน ออก แล้วมางอแง เด็กไม่เอางาน คือมึงควรจะสอนให้มันดีๆหน่อย ถ้ารับเด็กจบใหม่มาอย่ามาสักแต่ให้เค้าหาข้อมูลหาเอง กุว่าแม่งเหมือน โซตัสอย่างนึง ประมาณกุโดนมา คนอื่นก็ต้องโดนตาม
กุว่าอะไรไม่ดีผู้ใหญ่แม่งควรจะพยายามทำให้คนรุ่นหลังๆไม่ต้องเจอเสือกบอกว่ากุผ่านมาแล้วมึงต้องผ่านได้ เจริญ
>>829 มันก็ถูกส่วนนึงในการขวนขวายหาความรู้เอาเอง แต่ว่าการถามจากผู้รู้มันก็คือการหาความรู้อย่างนึงป่ะวะ รู้ก็บอก ไม่รู้ก็บอก จะมาเก๊กหาความรู้เองสิน้องเรื่องง่ายๆต้องขงนขวายนะจ๊ะๆ กูว่าแม้งงี่เง่า ก็ถ้ามีคนในองค์กรณ์ที่รู้อยู่แล้วสามารถให้ความรู้ได้ จะมามัวไปเซิสเน็ตให้เสียเวลาทำไมวะ ในเมื่อก็มีคนนั่งหัวโด่ให้ถามอยู่ แล้วถามคนมันได้คำตอบกว้างกว่าถามกูเกิ้ลด้วย ยิ่งเป็นคนมีประสบการณ์มากเค้าก็แนะนำอะไรได้ดี อ่านในเน็ตบางทียังไม่รู้เลยว่าอันไหนถูกหรือผิด ต้องหาข้อมูลหลายแหล่งมาเปรียบเทียบ ถามว่าได้ประโยชน์มั้ย มันก็ได้แหละ แต่ถ้ามันมีคนที่รู้อยู่แล้วอยู่ข้างๆกูจะไปถามกูเกิ้ลให้เสียเวลาทำไมในเมื่อถามคนมันง่ายกว่า เร็วกว่า แถมถามได้หลากหลายด้วย
บางทีกูก็ไม่เข้าใจคนที่พูดว่าอยากรู้อะไรให้ถามกูเกิ้ลทั้งๆที่มึงก็รู้คำตอบอยู่แล้วนะ คือไม่ต้องอยากมาฝึกให้กูขวนขวายเองหรอก เพราะถ้ามันหาผู้รู้ไม่ได้จริงๆกูก็ต้องไปค้นเองอยู่ละไม่ต้องให้มาบอก แต่ถ้ามันมีทางที่ง่ายกว่า ประหยัดเวลากว่าทำไมกูจะไม่เลือกทางนั้นล่ะวะ มีคนเป็นทรัพยากรคนที่เป็นความรู้อยู่ในองค์กรณ์แล้วก็ใช้สิวะ จะไปมานั่งงมหาข้อมูลในเน็ตอยู่อยู่ทำไมเสียเวลา อารมณ์เหมือนมีทรัพยากรมากมายให้ใช้แต่ไม่ยอมใช้อ่ะ ดูมีอีโก้ประหลาดๆใช้งานสิ่งที่มีอยู่ไม่เป็น
แล้วอย่างบางกรณีคือหาข้อมูลมาเองบ้างแล้วแต่ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจเลยไปถาม พวกรุ่นพี่หนังจู๋พวกนี้จะมากั๊กความรู้กันทำไม รู้ก็ตอบไม่รู้ก็บอกไม่รู้มักยากเรอะ เวลาถามคนคือเราก็ต้องการพวกคำอธิบายไรพวกนี้ด้วยนะ
มันก็หลายอย่าง จากประสบการณ์หลายๆครั้งเลย เป็นเพราะเวลาของรุ่นพี่น่ะเอาไปลงให้โปรเจคคุ้มค่ากว่าเอามาสอนน้องใหม่ เด็กๆอาจคิดว่า อย่าเว่อ สอนแค่ 10 นาทีเอง หาเองเป็นชั่วโมงเลยนะ แต่มันจริง 10 นาทีที่หายไปจากโต๊ะของรุ่นพี่ มีค่ามากกว่า 2-3 ชั่วโมงของเด็กใหม่ และมันมักไม่จบแค่ 10 นาที เด็กๆจะกลับมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ บางทีก็กลับมาในหัวข้อเดิมซะด้วย
พอถึงตรงนี้เด็กๆก็จะบอกว่า อ้าว ก็หาเวลามาสอนให้จบๆสิ จะได้ไม่ต้องถามอีกเลย คือบางทีคำว่างานเร่งมันคือเร่งจริงๆ จะเจียดเวลาไปกินข้าวยังไม่อยากเลย กลับดึกอีกอะไรอีก
>>836 กูก็เข้าใจว่าคนในบริษัทก็ไม่ได้จะว่างกันตลอดเวลา แต่ถ้ารุ่นพี่จะเอาแต่คิดแบบนี้โดยไม่ยอมสอนงานให้รุ่นน้องเลยกูว่ามันก็ไม่ดีป่ะ รับเด็กใหม่มามันก็ต้องมีคนคอยสอนงานมั่งมั้ยไม่ใช่เอะอะก็กูเกิ้ลดิน้องทั้งๆที่มึงก็รู้คำตอบอยู่แล้ว ไกด์คร่าวให้ไปหาเพิ่มหน่อยก็ได้ไม่ใช่แบบ พี่คะหนูถามอันนี้......กูเกิ้ลดิ หัดขวนขวายบ้าง เอิ่ม
แล้วถ้าคนเราค้นเองแล้วไม่เข้าใจยังไงก็ต้องการความช่วยเหลือ มันก็ต้องสอนบ้างป่ะ คือทำงานกันจะไม่คุยกันหรือแชร์ข้อมูลอะไรกันเลยหรอ ถ้างั้นก็อย่ารับเด็กใหม่เลยคนมันเพิ่งมาทำงาน อย่างเด็กจบใหม่ไม่เคยทำงานด้วยซ้ำจะไปทำเป็นได้ไง
คือถ้าแม่งไม่ว่างก็น่าเห็นใจนะเว้ย แต่บางทีแม่งก็นั่งจิบกาแฟไม่ทำห่าไรนี่แม่งปัญหาเลย
"The children now love luxury; they have bad manners, contempt for authority; they show disrespect for elders and love chatter in place of exercise. Children are now tyrants, not the servants of their households. They no longer rise when elders enter the room. They contradict their parents, chatter before company, gobble up dainties at the table, cross their legs, and tyrannize their teachers."
- Socrates
>>835 กูยังยืนยันคำเดิม ถ้าหาเองในเน็ตได้ควรหาเอง กูยินดีสอนเฉพาะความรู้ที่หาเองไม่ได้ เวลาของรุ่นพี่มีค่ากว่าเวลาของเด็กใหม่เยอะ เวลาที่เอาไปนั่งสอนในสิ่งที่มึงหาเองได้ กูทำงานอะไรได้ตั้งมากมาย เด็กใหม่ส่วนมากความรับผิดชอบยังไม่มี มีเวลาเหลือเฟือ แต่คนอยู่เก่างานท่วมหัว ทำงานแทบไม่เคยได้เห็นพระอาทิตย์ยามเย็น กลับบ้านดึกดื่นทุกวัน 10 นาทีก็มีค่า ไม่ใช่ว่าไม่ถามไม่คุยกันเลย ถามได้ ถามเพื่อคอนเฟิร์มความเข้าใจ คาบเหยื่อมาแล้วมาเฟิร์มกับกูได้ว่าเหยื่อที่คาบมาแดกได้รึเปล่าหรือว่ามีพิษ แต่ไม่ใช่เอาแต่อ้าปากรอเป็นลูกนก สรุปคือกูเห็นด้วยกับ >>836 ทุกประการ ส่วนมึงจะคิดยังไงก็แล้วแต่ ใช้ชีวิตแบบไหนมันก็สะท้อนเข้าตัวมึงเองทั้งนั้นแหละ จะแหกปากงอแงต่อไปหรือลุกขึ้นมาพัฒนาตัวเองก็ตามแต่ต้องการ
ตอบเหมือนกูใจร้ายนะ แต่ชีวิตจริงกูโคตรสอนเลยห่าเถอะ กลัวเด็กแม่งออก เด็กสมัยนี้ยิ่งเปราะบางอยู่ด้วย สอนน่ะสอนแต่บางทีก็อยากให้หัดใช้หัวสมองบ้าง เล็กน้อยก็ยังดี บางคนสอน aaa ก็ทำได้แค่ aaa จริงๆ เจอ aaA เข้าไปก็กรีดร้องแล้วว่าอันนี้รุ่นพี่ไม่สอน ก็เข้าใจว่าเป็นเด็กใหม่ อาจจะกลัวว่าตัดสินใจโดยพลการแล้วจะผิดพลาด แต่อย่างน้อยก็อยากเห็นความพยายามที่ออกมาจากตัวเด็กมันบ้าง เช่น พี่คะ อันนี้มันไม่เหมือนที่พี่สอนซะทีเดียวแต่คล้ายๆ กัน หนูใช้วิธีเดียวกันทำได้มั้ยคะ ไม่ใช่ อันนี้รุ่นพี่ยังไม่เคยสอนค่ะ ทำไม่ได้ จบ ว่าแล้วก็นั่งกระดิกตีนไถมือถือแชทไลน์อัพเฟสรอจนกว่ากูจะว่างไปสอน
กูก็สอนนะ บางที น้องไปเจอเคสอะไรแปลกๆที่ลืมไปแล้วก็มาช่วยงมด้วย งานกูก็โหลดไปเพราะรุ่นพี่เหนือกูเขาไม่สนใจ แต่กูรู้สึกดีใจนะ ที่น้องมีอะไรก็มาถาม กูเชื่อว่า ถ้าสอนให้น้องเข้าใจ รอบต่อๆไป มึงจะสบายขึ้นอ่ะ คือถ้าให้น้องงมๆ บางงานมันก็เสร้จ แต่รอบตีอไป แม่งก็จะมีปัญหาแบบนี้อีก ลงทุนรอบเดียวไปเลยดีกว่า ได้ความสัมพันธ์ที่ดีในจ๊อบด้วย กูเพิ่งมาเป็นพี่ ไม่อยากให้พี่ทำยังไงกะกู กูก็ไม่เอาไปทำกะน้องนะ เช่น ทำผิดแล้วจิกตา คือจะพูดก็พูดดีๆ ไม่ต้องมาอวัจนภาษาใส่ กูอึดอัด เครียดแล้วสร้างบรรยากาศกดดันคนนั่งข้างๆ ถามแล้วไล่ให้ไปหาเองก่อน ไรงี้อ่ะ
>>841-842 กลับไปอ่าน >>830 กูบอกอยู่แล้วว่าที่กูมีปัญหาคือเรื่องเฉพาะของบริษัท ถ้า Google แล้วมันมีคำตอบ
หรืออย่างน้อยมันมี Doc ที่คนเขียนทิ้งไว้ให้กูก็ไม่อยากจะถามให้คนอื่นรำคาญเล่นหรอก
แล้วก็ตามที่บนๆบอก บางเรื่อง Google มีคำตอบจริง แต่ solution ที่ตอบโจทย์ของงานที่ทำที่สุดมันต้องถามคนในโปรเจคป่าววะ
พอดีว่ากูไม่ใช่เด็กจบใหม่ด้วยอ่ะนะ กูก็เคยทั้งเป็นทั้งคนสอนงานและคนถูกสอนมาแล้ว
ไอ้เวลางานเร่งแล้วเวลาไม่ค่อยมีเวลาของคนเป็นงานแล้วมันมีค่าน่ะมันก็ใช่
แต่อย่างน้อยมันควรมีอะไรมีสาระให้คนมาใหม่ทำฆ่าเวลาระหว่างรอคนสอนว่าง อย่างเช่นโยน doc ให้อ่านหรืออะไรก็ว่าไป
คนมาใหม่ถ้าไม่ซวยไปเจอพวกกะมานั่งๆนอนๆแต่แรกมันก็อยากทำงานเป็นกันทุกคนนั่นแหละ
ส่วนมึงจะคิดยังไงก็แล้วแต่ ใช้ชีวิตแบบไหนมันก็สะท้อนเข้าตัวมึงเองเหมือนกัน
จะเป็นพวกไม่สอนงานเด็กดีๆ แล้วพอเด็กช่วยงานมึงไม่ได้ก็เอาแต่โอดครวญว่างานตัวเองหนักแล้วเด็กนั่งสบาย
จะเอาแต่โทษเด็กหรือสร้างคนขึ้นมาช่วยงานมึงทำงานก็ตามแต่ต้องการ
>>841 ไม่รู้นะ แต่กูก็พูดชัดแล้วว่าการถามคนคือการขวนขวายอย่างนึง ถ้าคนไม่รู้กูก็หาข้อมูลเอง การที่กูเลือกถามคนไม่ได้แปลว่ากูจะนั่งงอแงไม่พัฒนานะ แต่ไม่เข้าใจว่าจะมากั๊กสิ่งที่ตัวเองรู้อยู่แล้วทำไม
>>843 >>844 เห็นด้วยมากๆ จ้างให้เขามาช่วยก็ควรสอนงานกันหน่อย ให้มางมๆทำไมวะเสียเวลาชิบหาย เสียเวลาทำงาน รุ่นน้องก็เครียดทำห่าไรไม่ได้ไม่มีคนสอนงานต้องงมเองอย่างเดียว ความสัมพันธ์กับรุ่นพี่ไม่มีทำงานไม่นานก็ออกแล้วก็มาบ่นโอดครวญว่าเด็กไม่ทน บางทีรุ่นพี่ก็ต้องดูตัวเองด้วยนะ มึงไม่ได้ทำงานคนเดียวในบริษัทมั้งที่จะเจียดเวลาซักเล็กน้อยหรือหันไปตอบคำถามสองสามคำไม่ได้อ่ะ เอาจริงๆมันไม่ได้จะมีใครอยากเข้าไปถามคนให้เขารำคาญเล่นหรอก ยิ่งคนที่ยุ่งๆด้วยแล้วเนี่ย
เสียเวลาอ่านมาตั้งนาน ที่แท้ก็พวกที่ไม่เห็นความสำคัญของการกระจายความรู้ในองค์กรเพื่อให้คนอื่นทำงานเป็นแล้วมาบ่นว่างานหนัก เด็กช่วยงานไม่ได้
เสร็จแล้วก็มาพูดว่าคนเราเลือกได้ว่าจะขวนขวายหรืองอแง คือมึงคิดว่าที่ทำอยู่มันดูฉลาดและเท่มากเลยสินะ
ลืมตาดูโลกบ้างนะว่าองค์กรยุคใหม่เค้าเป็นยังไงกัน ทำไมเด็กจบใหม่เค้าอยู่กันได้นานๆ
เออ ไอ้พวกชอบบ่นว่าทำเยอะแยะงี้ แล้วมาบอกเด็กใหม่ว่าง เอ้า ก็มึงไม่ส่งงานมาให้กูทำไม่สอนซักกะนิดจะให้กูำไง แย่งงานมึงมาทำเองโดยพลการเลยได้มั้ยล่ะ เพราะบางอันจากที่กูนั่งมองๆเวลามึงทำมันก็ไม่ได้ยากห่าไรขนาดนั้นไม่รู้กั๊กห่าพ่อ
เหมือนกรู่ว่ะ ที่ทำงานแมร่งไม่ค่อยสอนห่าไรเลย ต้องนั่งงมเองดูขอเก่าเอง พอสงสัยถามก็บอกให้รู้จักคิดเองศึกษาด้วยตนเอง พอเกิดปัญหาก็บอกว่าทำไมไม่รู้จักมาถาม ฆวยเถอะ ทำได้เสมอตัว ทำพลาดโดนด่า มีการมาบอกด้วยนะ ว่าเธอพัฒนามาถึงจุดสูงสุดนี้ ได้เพราะการสอนของพี่(คือไม่สอนห่าไรเลย) ต้องขอบคุณพี่นะที่อุตส่า เสียเวลามาแนะนำเธอ ฆวยเถอะ
มึง... กุขอปรึกษา
ถ้ามึงได้ทำงานใกล้บ้าน เงินเดือน 12000 ฟรีค่ากิน แต่เพื่อนร่วมงานกับสภาพแวดล้อมเหี้ย คือทำให้มึงยังอึดอัดใจ มึงว่ากุควรทนต่อมั้ยวะ
กุรู้ว่า คำตอบในใจกุคือ กุควรอยู่เพราะกุลำบากเรื่องเงิน แต่กุอยากได้คำแนะนำอื่นๆ จะด่าหรือสอนก็ได้ว่ะ
คือตอนนี้กุรู้สึกกุไร้ค่า เป็นคนกาก ที่ต้องทำงานเพราะไม่มีทางไป
ลองหางานใหม่ไปเรื่อยๆระหว่างนี้สิ ได้งานใหม่ที่เงินโอเค (อย่าลืมคิดรวมค่าเดินทางกับการเสียเวลาเดินทางว่าคุ้มมั้ย) ก็ค่อยย้าย ยังหาใหม่ไม่ได้ก็ทนๆอยู่ไปก่อน
หรือถ้าไม่ได้งานใหม่มันมีทางขอย้ายแผนกหรืออะไรแบบนี้ได้มั้ย
กุ 851 นะเพื่อน
ให้ตายสิมึง กุเป็นขี้แพ้หมดทางไปจริงๆ อย่าเพิ่งด่ากุนะ
อ่านจากด้านบนๆ กุอยากบอกว่ากุเป็นรุ่นน้อง ที่มีพี่สอนงานดี แต่สมองกุขี้เลื่อยชิบหาย
กุไม่รู้ว่าที่พี่กุสอนมันถูกหรือผิด แต่กุเลือกเชื่อ แต่งานกุเนี่ย เลือกเชื่ออย่างเดียวไม่ได้ ต้องทันคนด้วย เพราะบ. กุ คนเหี้ยๆ เยอะมาก
วันนี้ กุรู้สึกเจ็บใจมาก กุทำงานที่นี่ คำว่าสอนของพี่กุมันเหมือนคำแสลง คือ คิดเองไม่ได้เหรอ? ทำไมแค่นี้ทำไม่ได้ พี่สอนจนไม่รู้จะสอนแล้วนะ
พี่สอนกุก็จำนะ แต่คงไม่ดีพอรึเปล่า กุมานอนคิดทุกวันเลย กุไม่อยากให้พี่กุต้องมาดุจนเขาเหมือนคนใจร้าย พี่กุน่าสงสารนะ แต่อีกใจกุอยากตายมาก
เครียด ที่กุไม่ดีพอสำหรับที่นี่ ไม่ใช่แค่ที่เขาบอกว่ากูมันแย่ กูก็แย่มาก
มึง กูเสียใจที่กูโง่ ถ้าทำให้พี่เขาสบายใจไม่ได้ กูควรลาออกมั้ย
อยากเห็นเหล่าโม่งห้องนี้มาแชร์ประสบการณ์ทำงานในสายตัวเองจังว่าดีเหมือนที่คิดไว้ตอนเรียนรึเปล่า เป็นอุทาหรณ์ให้โม่งห้องรักการเรียน ถถถถถถ
ชีวิตวัยเรียนเป็นอะไรที่ดีที่สุดละ
>>857 เออ จริง วัยทำงานแม่งอาจจะมีอิสระทางการเงินและการใช้ชีวิตก็จริง แต่แม่งมาพร้อมภาระอันหนักหน่วง การที่ต้องมาจัดสรรเรื่องเงิน ต้องทำงาน ต้องรับผิดชอบตัวเอง พอลองได้มาทำแล้วรู้สึกอยากกลับไปเรียนเลยว่ะ โดดเรียนก็ได้ เครียดมากสุดก็แค่เรื่องผลการเรียน พอโตแล้วจะมาทำตัวง้องแง้งไม่ได้แล้ว ทั้งๆที่ตัวกูอยากจะไปนั่งโง่ๆในห้องเรียนหาหนังสืออ่าน ศึกษาความรู้ต่อ พอทำงานแล้วก็ทำไม่ได้เลย เพราะมึงจะต้องมาคิดเรื่องปากท้องและอนาคต ตระหนักได้ว่าไม่เด็กแล้วไม่มีใครมาช่วยมึงเหมือนตอนเรียนแล้ว เครียดเหี้ยๆ
ตอนสมัยเรียนกูคิดว่ากูอยากทำงาน อยากออกมาอยู่คนเดียวเร็วๆไม่เคยคิดว่า พอโตกูจะมานั่งบอกเหมือนคนอื่นว่าอยากกลับมาเรียน แต่พอกูโตเท่านั้นแหละ สมัยเรียนนี่สวรรค์เลยว่ะ อยากกลับเป็นเด็กที่ไม่ต้องรับผิดชอบห่าไรเหมือนเดิมจริงๆ
เนี่ยไอ้สัส ที่ทำงานตอนแรกแม่งบอกว่าฟรีที่พัก จ่ายแค่น้ำไฟ ปีหน้ามันบอกจะเพิ่มค่าที่พักอีกสองพันห้า แม่งเอ้ย เอาไงดีว้ะเนี่ย
ทำงานแล้วเครียดเรื่องปากท้องไม่พอ ไหนจะเครียดเรื่องงานอีก
เวลาให้ทำสิ่งที่ชอบ ทำตามความฝัน แทบจะไม่มี
กูไม่งั้นแฮะ อิสระทางการเงินเนี่ยดีสุดละ จะให้กลับไปเป็นภาระของพ่อแม่กูทำใจไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ถึงจะรายได้ไม่เยอะแค่พอมีเงินเหลือมาให้อบายมุขได้นิดหน่อย แต่ก็สบายใจกว่าตอนที่ยังเป็นภาระเค้าเยอะ
ขอถามพี่โม่งหน่อยนะ นักการตลาดนี่เด็กจบใหม่มาละเป็นเลยได้ป่ะ หรือทุกคนต้องเริ่มต้นที่เซลล์ก่อน กูอยากเรียนมาร์เก็ตติ้งแต่แม่อยากให้เรียนไฟแนนซ์มากกว่า TT
กลับบ้านดึก ยังต้องเอางานมาปั่นที่บ้านอีกว่ะ นอนก็น้อย ร่างกายหัวสมองล้าไปหมด
กูกลับชอบชีวิตวัยทำงานมากกว่านะ สมัยเรียนกูว่าเรียนมหาลัยเครียดกว่าทำงานด้วยซ้ำ
ส่วน ประถม-มัธยม ชีวิตกูแย่อยู่แล้ว ถึงจะไม่เครียดเรื่องเรียน แต่สิ่งแวดล้อมกับเพื่อนไม่ค่อยโอเค
สำหรับกูทำงานดีตรงมีเงินใช้ กับชีวิตมีอิสระขึ้นมาก คงเพราะสมัยเรียนพ่อแม่ให้เงินกับอิสระกูน้อยด้วย
ของบางอย่าง (โดยเฉพาะของกิน) ที่สมัยเรียนกูรู้สึกว่าโคตรแพง อยากได้ แต่เสียดายตังตัดใจซื้อไม่ลง นี่กูซื้อได้เป็นว่าเล่นเลย
ส่วนนึงคงเพราะกูเพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่นาน (ประมาณ 3 ปี) แล้วค่าใช้จ่ายบางอย่างที่บ้านยังช่วยจ่ายอยู่ด้วย แต่ก็ค่อยๆช่วยที่บ้านจ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าแก่กว่านี้คงต้องเริ่มคิดเรื่องการบริหารเงินจริงจังก็คงเครียดเหมือนกัน
แต่เรื่องความฝันในอนาคตอันสวยงามนี่กูดับสนิทไปละ 555 ไม่คิดอะไรมากนอกจากมีเงินเหลือใช้ไว้ซื้ออะไรสนองนี้ด
กับหน้าที่การงานก้าวหน้าตามปกติก็โอเคแล้ว ไม่ได้คิดคิดมีครอบครัวด้วยอ่ะนะ
>>864 มึงยังโชคดีนะ ที่ทางบ้านมันบริหารกันเองได้อยู่ สักวันถ้ามึงได้ทุกอย่างในกำมือแบบเต็มตัวแล้วจะรู้ว่าโคตรเหนื่อย แล้วแบบต้องแบ่งเวลาระหว่างบ้านกับที่ทำงานให้ได้อ่ะ กูนี่ก็กำลังจะเจอแบบนั้น แต่ยังไงมึงก็เตรียมแผนบริหารในบ้านตัวเองดีๆเพราะชีวิตที่อิสระมากขึ้นมันมีโอกาสโดนลดทอนด้วยความรับผิดชอบต่างๆนาๆที่จะตามมาด้วย
>>862 ไม่จำเป็นต้องเริ่มที่เซลล์นะ ถ้าเรียนแล้วจะรู้ว่า มันกว้่งกว่านั้น แต่ผู้ใหญ่ชอบจำกัดแค่ต้องเป็นเซลล์ การตลาดเรียนสนุก แต่ต้องใช้ความคิดสร้างสวรรค์ ทุ่มเททำโปรเจค ไฟแนนซ์เรียนยากกว่า แต่ได้ใช้แน่ๆเรื่องพวกการลงทุน สองเอกนี้ ถ้าเก่ง เกรดดี มหาบัยมีชื่อ จบออกมาหางานไม่ยาก ถ้าทำงานดี เงินก็พุ่งทั้งคู่ แต่ถ้าไม่เจ๋งก็แอบหางานยากนะ ซึ่งข้ามกับบัญชี ที่หางานง่าย แต่รวยพีคไม่ได้เท่าสองเอกนี้ แต่ไม่ตกงานชัวร์
พวกมึง มีวิธีเก็บเงินยังไงมั้งวะ กุขอถาม
แหม อ่านเจอพวกรุ่นน้องเหี้ยๆ เอาแต่งอแงรอให้รุ่นพี่คายเหยื่อป้อนถึงปากให้ หาข้ออ้างสารพัดเพียงเพราะแค่อยากสบาย ขี้เกียจหาความรู้เอง ไม่มีเวลาชวนขวายหาความรู้ แต่มีเวลาสไลด์มือถือจิ้มแชทไลน์ทั้งวัน เด็กใหม่ประเภทนี้องค์กรจะเอาไว้นานๆ ให้ถ่วงความเจริญทำพ่องอะไรไม่ทราบ ไม่ต้องไปห่วงองค์กร turn over สูงหรอก ห่วงตัวเองก่อนเถอะว่าจะหางานการดีๆ เงินเดือนดีๆ ทำได้มั้ย ประเภทเข้ามาสัมภาษณ์ถามแต่อัตราเงินเดือนขึ้นปีละเท่าไหร่ ตำแหน่งจะขึ้นเมื่อไหร่ แต่ทำตัวหัวควยสวนทางกับความอยากได้อยากมี แล้วก็มาโอดครวญว่าเงินเดือนน้อย พอเห็นใครเค้าโพสต์เงินเดือนเยอะก็หาว่าเค้าโม้เพราะคิดว่ามันไม่มีจริง เค้าได้เงินเดือนเยอะเพราะเค้าไม่ได้ทำตัวหัวควยไปวันๆ แบบมึงไง เค้ารู้จักพัฒนาตัวเอง สร้างทักษะสร้างมูลค่าให้ตัวเอง
>>869 อืม กูว่า คนที่มาให้ความเห็นนี่ไม่ใช่น้องทั้งหมดนะ ก็แล้วแต่มึงจะคิดละกัน กูไม่รู้ว่า มึงเจอน้องแบบไหนมา แล้วมึงเป็นน้องแบบไหนมา เจอพี่แบบไหนมาด้วย แต่กูว่า แนวคิดพี่สอนน้อง ยังไงมีก็ดีกว่าไม่มี มึงจะไปstereotypeเอาได้ไง ว่า เด็กที่ชอบให้สอนคือขี้เกียจ อย่างตอนเรียน กูก็เป็นคนที่อ่านหนังสือเองไม่ค่อยได้ กูต้องเข้าฟังเลคเชอร์ตลอดเอาคอนเซปต์แล้วเน้นถึกอ่านวนๆกว่าจะเข้าใจ เพราะกูเป็นคนเข้าใจอะไรช้า มึงลองคิดว่า ถ้ามีน้องแบบกู ให้ศึกษาเอง กูก็ทำได้แหละ แต่มันช้าไง สมมติ มึงจะเอางานกูทำไปต่อ แล้วมากดดันให้กูทำเร็วๆ มึงก็ควรช่วยไกด์ก่อนไหม แล้วรอบหน้ากูก็ทำได้แล้ว สอนเด็กรุ่นต่อไปได้ด้วย มึงก็คิดถึงcost-benefitดูเอาว่า คุ้มไหม ส่วนตัว กูว่า คุ้ม แต่มันก็มีแหละเด็กที่แบบไม่เอาจริงๆซึ่งอันนั้น มึงก็ทำอะไรไม่ได้ แต่มึงก็ต้องพยายามช่วยก่อนไหมอ่ะ แล้วอีกอย่างหนึ่ง เวลามึงสอน มึงจะรู่ว่า น้องมึงเป็นเด็กแบบไหน ผิดตรงไหน พอมึงเอางานมาตรวจ มาทำต่อ มึงก็ประหยัดเวลาตรวจมึงเองรุเปล่า แล้วมึงก็บอกน้องได้ว่า ผิดงี้ อะไรแบบนี้อ่ะ
ถามมนุษย์เงินเดือน ทำไมเวลาทำงานแล้วต้องซื้อบ้านใหม่วะ บ้านพ่อแม่ก็ยังอยู่
พ่อแม่ไม่มีบ้านให้อยู่ว่ะ เขาไปสร้างครอบครัวใหม่
เพื่อนพี่โม่ง (ขอเรียกพี่ละกัน) อยากทราบประสบการณ์วัยทำงานอะ ไม่รู้ในนี้ใครเรียนวิศวะมาไหม เผอิญเรียนวิศวะอยู่เเต่เกรดเหี้ยมาก มหาลัยรัฐ ทีนี้เรียนมาก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เเต่ใกล้จบละเหมือนเข็นให้จบไปวันๆ
ทีนี้กลัวว่าตอนไปทำงานจะไม่มีงานทำ อยากรู้ว่าต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง ภาษาอังกฤษก็โง่(คือใช้สื่อสารไม่เก่ง)toeicได้800อยู่นะเเต่ว่าสื่อสารพูดไรงี้ไม่ค่อยได้ไม่ถนัด โลกมันโหดร้ายด้วยใช่ปะวะ ไม่เก่งก็ไม่มีใครเอากลัวตกงานชิบหาย เกรดเฉียดไทร์2.00 ละเห็นที่รับๆสมัครงานส่วนใหญ่2.5+ กันทั้งนั้น
กว่าตัวเองจะเรียนจบก็ 26-27 แล้วว่ะ แม่งอาจจะต้องเรียนต่ออีก กว่าจะได้ทำงานเก็บเงินก็สามสิบหน่อยๆ แล้ว โคตรกลุ้มเลยตอนนี้
เชี่ย ตรวจร่างกายตั้งแต่เจ็ดโมงยังไม่เสร็จเลย กุหิวข้าว ไม่ได้กินข้าวกินน้ำตั้งแต่เย็นเมื่อวานแล้วววว
เชี่ยย พึ่งตรวจเสร็จเถอะเชดม่อน
ตรวจแล้วรอผลกันกี่วันวะ ของกู1เดือน
สอบถามเพื่อนโม่ง บ.หยุดปีใหม่กันตั้งแต่วันไหนถึงวันไหนบ้างเหรอ
เพื่อนโม่งใครเคยทำบัตรกดเงินสดบ้างวะ กี่วันติดต่อมา ของกูจะ 10 วัน ละแม่งเงียบ ในเว็บที่ให้เช็คข้อมูลก็ไม่มี
กูไปสมัครซ้ำอีกรอบที่ศูนย์มันเลยดีมะ ครั้งแรกทำที่ธนาคาร
สมมุติพวกมึงอยู่ในออฟฟิซที่ในทีมทุกคนมาสาย กลับเร็ว อู้งาน แอบเนียนทำอาชีพเสริมกันหมด ไม่ค่อยมีคนสนใจงาน
คือกูคาดหวังกับงานนี้มากๆว่ากูน่าจะได้เรียนรู้อะไรดีๆบ้าง แต่ทำมาจะปีนึงแล้วก็รู้สึกว่าไม่เห็นต่างจากที่เก่าๆ แค่เปลี่ยนไปแบบดีอย่างเสียอย่าง
พวกมึงจะหาทาง motivate ตัวเองให้ตั้งใจทำงานได้ยังไงบ้าง หรือกูควรไหลตามคนอื่น แล้วเอาเวลาว่างมาพัฒนาตัวเองด้านอื่นไปแทน
>>890 กุก้มีคล้ายๆกันแต่คือแม่งจะออกละไงแล้วก็ไม่ค่อยจะสนใจงานซึ่งกุคิดว่าต่อให้มึงจะออกแต่ตอนนี้มึงเป็นพนักงานเหมือนกันกินเงินเดือนเหมือนกันต้องช่วยกันป่าววะ
เออกุแนะนำให้หาอย่างอื่นทำพัฒนาไปเลยวะ ในเมื่อพึ่งไม่ได้ช่วยไม่ได้ ก็ต้องเอาตัวรอดเองคล้ายๆกุตอนเนี้ยแหละ
กุเพิ่งได้งานทำครั้งแรก ตั้งแต่เรียนจบมา
คนในที่ทำงานดีนะ แต่เป็นงานติดโต๊ะ พวกงานช่าง
ตั้งแต่ทำมาปวดหัวทุกวันเลย ไม่ได้ออกกำลังกายอีก แค่ลากร่างกลับบ้านได้นี่ก็สุดๆแล้ว
กุเคยคิดว่าถ้าผ่านโปร อาจจะทำไปซักพักแล้วออกหางานใหม่
แต่กุก็สงสารพี่ที่ทำงานว่ะ พี่เค้าดีมาก ถ้ากุออกเค้าคงต้องเทรนคนใหม่อีก
ช่วยบอกวิธีพัฒนาทักษะในการทำงานของแต่ละคนให้ฟังหน่อย
ทำงานอย่างไรถึงจะมีความสุขว่ะ เปลี่ยนงานมาแล้ว3 ที่ยังไม่เจอความสุขในการทำงานเลย ทั้งระบบ คน งาน สภาพแวดล้อม มันดูแย่ไปหมดเลย
>>892 โห นึกว่าตัวเองถอดล็อกอินมาเม้นนะเนี่ย 5555 อารมเดียวกันโคตรๆ คือตอนสมัครงานได้ที่แรกก็เอาเลยเพราะคิดว่าไม่มีสปก.มีคนกล้ารับก็ต้องรีบคว้าไว้ ปรากฏว่าเงินเดือนงั้นๆ สวัสก็งั้นๆ งานก็ไม่ค่อยมีอะไรมากเลยเซ็งน่ะ อยากได้งานที่ต้องใช้ความสามารถเยอะกว่านี้ จะเรียกว่าพึ่งเริ่มเลยไฟแรงก็ได้ อยากลาออกแต่ก็เกรงใจที่เขาให้โอกาสแล้วเราชิ่งว่ะ แต่ไม่อยากอยุ่ทั้งที่ไม่มีอนาคตแบบนี้ แถมที่ทำงานแม่งซื้อโต้ะ/คอม/เก้าอี้ใหม่ให้เลยด้วย เข้ เรื่องนิดๆหน่อยๆ กุก้คิดมากอย่างงี้ล่ะถึงตัดสินใจอะไรเองไม่ได้ซักที555
กูพึ่งเรียนจบทำงานได้ครึ่งปีแล้ว แต่เป็นงานไม่ได้ใช้สมองว่ะใช้แค่ความจำกับทักษะทางกายนิดหน่อย กูรู้สึกว่างเปล่ามากมึง ไอ้ได้ ปสก.อ่ะได้นะแต่เหมือนได้ปสก.สังคมกับปสก.เวลาเท่านั้น ถ้ากูยังอยู่ที่นี่สมองกูฝ่อแน่ๆไม่ค่อยใช้งาน เห้อมมมม
>>901 มึงนี่อยู่ในสถานการณ์เดียวกะกูจริงๆ55555 จบใหม่ ที่แรก
แต่กูสรุปได้ละว่าจะออก รอโอกาสเหมาะๆคุยกับหัวหน้าอยู่
มึงก็ลองคิดดูว่าอยู่ต่อแล้วจะได้อะไรบ้าง อีก1ปีจะไปทำที่ไหน คุ้มมั้ย ชั่งน้ำหนักเอา ถ้าติดเกรงใจตอนออกก็เผื่อเวลาให้เขาหาคนใหม่/ทำโปรเจคที่ค้างให้จบ/อยู่รอต่องานให้คนใหม่สักพัก จะได้จบกันแบบสวยๆ เราออกบ.เขาก็หาคนใหม่มาทำแทนได้อยู่แล้ว โฟกัสที่ตัวมึงและอนาคตที่มึงต้องการดีกว่า เกรงใจทนทำไปบ.เขาก็ไม่ได้มารับผิดชอบเวลาที่เสียไปของมึงนะ..
กูโครตชอบเลยงานที่ไม่ต้องใช่สมองคิดไรเยอะ จะได้ไม่ต้องปวดหัวประสาทแดกแบบนี้
มึงก็อยู่ไม่ให้เขาด่าได้ว่าเปลี่ยนงานบ่อยกันหน่อย แล้วค่อยเปลี่ยนงานก็ดีนะ
เด็กจบใหม่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนงานบ่อยมาก บอกงานไม่ท้าทายแต่งานก็ทำได้ไม่ดีนะ อย่างกับว่าพองานไม่ท้าทายมึงก็ทำส่งๆ ใครเขาจะให้มึงทำงานท้าทาย
ถ้ามึงไม่สามารถหาความท้าทายในงานได้ โอกาสได้งานที่ถูกใจน้อยมากนะ กูบอกเพราะกูเห็นมาเยอะ ถ้ามึงว่ามึงมีเหตุผลของมึงก็เอาที่สบายใจ ยิ่งเปลี่ยนงานยิ่งหางานยาก กูเตือน
ระหว่างงานในสังกัดรัฐวิสาหกิจกับหน่วยงานรัฐ อันไหนทำงานสบายกว่ากันวะ?
เรื่องเปลี่ยนงานบ่อยคิดว่ามันก็แล้วแต่เหตุผลแต่ละคนเปล่า?
คนภายนอก ถ้าเห็นประวัติเด็กเปลี่ยนงานบ่อย ก็จะคิดว่าเด็กไม่มีความอดทน ซึ่งบางเคสก็ไม่ทนสักนิดเลยจริงๆแหละ
แต่บางคนมันก็ไม่ผิดปะ ถ้าเขาอยากจะทำงานที่ใช่จริงๆ ทำแล้วก็มีความสุขกับชีวิตการทำงาน ไม่ใช่ต้องทน ทน ทน รู้สึกแย่รู้สึกเฟลเก็บความรู้สึกด้านลบให้หนักใจจนครบหนึ่งปี ปลอบหรือหลอกตัวเองให้ผ่านไปทีละวัน บางทีก็สงสัย คำว่าไม่ทนเนี่ย ใช้อะไรตัดสินบ้าง ต้องเจอเรื่องขนาดไหนถึงจะเลิกทนได้ ต้องใช้ระยะเวลาทนมานานขนาดไหนถึงจะพอ.....
ใจนึงก้คิดอย่างที่905บอกนะ แต่อีกใจก้คิดว่ากุดีกว่าไอ้สิ่งที่ทำอยุ่นี่น่ะ ฟังดูอาจน่าหมั่นไส้นะแต่ช่วยฟังหน่อยละกัน หลังจากนั้นรุมคว่ำปากรูปสระอิใส่กูก้ไม่ว่า555 คือกุเนี่ยเรียนเก่งมาแต่เด็ก สอบติดห้องคิงมาตลอด เข้าคณะท้อป3ของสายวิทย์ได้โดยไม่ต้องพยายาม แต่ก้ไม่ไดชอบไงแค่เข้าไปเพราะคะแนนมันถึง (กุขอโทษคนที่อยากเข้าจริงๆมา ณ ที่นี้) เรียนๆไปกุเลยออกมาสายอื่นซึ่งก้ไม่ได้ชอบอีก แต่กุรุ้ว่าซิ่วหลายรอบเนี่ยมันลำบากพ่อแม่ เลยหลับหูหลับตาเรียนคณะใหม่ไปจนจบมาด้วยเหรียญทอง สอบโทอิคกุก้ไม่ได้อ่านแต่ได้900+ พอจินตนาการออกมั้ยว่าคนอย่างกุที่แม้จะเบื่อโลกแต่ก้มีความทระนงลึกๆอยุ่ว่า "กุมีศักยภาพ" ทีนี้ปัญหาอยุ่ที่กุขาดค.มั่นใจในตัวเองอย่างแรง ไม่คิดว่าจะมีใครเห็นข้อดีของกุและรับเข้าทำงาน พอบ.แรกเรียกกุเลยกระโจนเข้าใส่ทันทีทั้งทั้ข้อเสนอแม่งต่ำเตี้ยมาก ชนิดที่เพื่อนกุบอกเสียดายกูเลย ตอนแรกกุไม่ทันคิดอะไรเพราะอย่างที่บอกไม่ว่าจะทำอะไรกุมักคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ แต่พอนานวันเข้าเห็นว่างานมันไม่ต้องใช้ความพยายามหรือทักษะเหี้ยอะไรเลยก้ชักรุ้สึกว่ากุมาทำอะไรที่นี่? เลยคิดว่าควรจะออก
งานมันก็คืองานนะ จะหา สนุกไม่กดดันคงไม่มี ส่วนไหญ่ก็ทำแลกเงิรกันทั้งนั้น ขนาดพวกงานใจรักอย่างกีฬา ดนตรี การ์ตูน คนประสบความสำเร็จจริงๆแค่หยิบมือ ที่เหลือลำบาก จะเปลี่ยนงานบ้างก็ได้แต่อย่าเปลี่ยนบ่อยเพราะดูไม่ดีและทำที่ไหม่เรื่อยๆก็ไม่ก้าวหน้าในงาน ก่อนเปลี่ยนลแองถามคนรู้จักที่ทำงานนั้นมาก่อน เพื่อน รุ่นพี่ถ้ามีเพราะจบคณะเดียวกันทำงานสายเดียวกัน สภาพการทำงาน เงินเดือน หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ความก้าวหน้า ถ้ามันดีจริงค่อยย้าย ถ้าย้ายซัก 3 ที่ดูที่ไหนดีสุดก็ทำยาวๆไปเลย ถ้าเป็นไปได้ หางานที่จ่ายตามผลงานจะดีกว่าจ่ายตามเวลา เช่นงานเซลล์ พวกนี้จะได้เงินเยอะกว่า เพราะลูกน้องทำงานเต็มที่กว่า เจ้าของก็จ่ายเยอะได้ ได้งานที่โอเคพัฒนางานอย่าลืมพัฒนาเรื่องออมกับลงทุนด้วย พวกนี้ก็สำคัญกับอนาคตของเรา
เด็กจบใหม่สมัยนี้ทำงานนิดๆหน่อยๆก็บ่นไม่ชอบแล้วก็เปลี่ยนงานเป็นว่าเล่นไปเรื่อย
ไม่ต้องเอาเรื่องงานที่ไม่ใช่อะไรมาอ้างหรอก ก็แค่ขี้เกียจไม่มีความอดทน อยากจะสบาย แต่จะเอาเงินเยอะๆ
แล้วก็มาโอดครวญว่าเงินเดือนน้อย แต่ไม่คิดจะพัฒนาตัวเอง เอาแต่รอให้คนเสริ์ฟให้อย่างเดียว ถุยๆๆๆ
กูเป็นคนไม่กระตือรื้อร้น ขี้เกียจ ฉะนั้นการที่ได้งานสบายๆไม่ต้องใช้สมองมากมีเงินกินไปวันๆก็พอใจแล้ว ไม่คิดอยากจะเลื่อนขั้นห่าไรทั้งนั้น ขอเป็นขี้ข้าตัวเล็กๆก็พอ
ตอบให้กรูชื่นใจหน่อยซิว่าได้โบนัสกี่เดือน
กุแม่งมีแววครึ่งปีหลังนี้จะไม่ได้ว่ะสัส
>>912 ปกติกูได้ปีละ 2 เดือน กูไม่รู้ว่าเยอะมั้ย แต่เทียบกับผลประเมินพนักงานกูที่สูงมาตลอดกูว่าน้อยว่ะ
ปีนี้ผลประกอบการร่วงแถมผลประเมินพนักงานกูเห็นแววล่วงหน้าละว่าน้อยแน่ๆกูเลยรีบลาออกหนีแม่ง 555
ที่ใหม่ไม้มีโบนัสแต่เทียบกับส่วนต่างเงินเดือนแล้วกูว่าครึ่งปีก็คุ้มแล้ว
ได้โบนัสเดือนเดียวเองกู
นี่ไม่ได้โบนัสจ้าาาาา เงินเดือนยังไม้รู้เลยว่ามีจ่ายให้มั้ย ลุ้นกันทั้งบริษัท (;´༎ຶД༎ຶ`)
ทุกปีกูได้แค่ 1 เดือนฟะ TT
ถ้าเจอเพื่อนร่วมงานเหี้ยมากจริงๆ จนไม่อยากทำงานด้วยเนี่ย กูสมควรลาออกดีไหม
กูทนคนแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ ปากดีด่ากูตลอด แต่ตัวเองก็ไม่ได้มีดีอะไร
เวลากูทำผิดด่ายิ่งกว่าวัวควาย ตัวเองทำผิดหัวเราะกลบเกลื่อนไม่พูดถึง
กูพูดสุภาพก็ชักสีหน้าใส่ กูเดินผ่านยังบอกว่าว่างงาน แต่แม่งไปกินข้าวในเวลางานตลอด
ที่เหี้ยที่สุดคือแม่งเป็นเด็กนาย ทำตัวเหี้ยแบบนี้ต่อหน้าเจ้านายตลอด และก็ไม่เคยโดนด่า
ต่อให้กูไปฟ้องก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพื่อนร่วมงานคนอื่นในแผนกก็ไม่คิดจะพูดอะไร เพราะรู้จักกันมานาน
กูเบื่อมาก เงินพอได้ก็จริง แต่อยู่แล้วไม่มีความสุขกับการทำงานเลย งานก็ต้องทำร่วมกันเป็นระยะตลอด
จะให้กูทำตัวเหี้ยๆ ตาม กูก็ทำไม่ได้อีก คนอื่นทำเหี้ยไรไม่ผิด กูทำตามกฎทุกอย่างยังถูกเพ่งเล็ง เบื่อมาก
ปกติโบนัสออกกันเดือนไหน
918 ลองฟ้องเจ้านายดูก่อน ถ้าไม่ได้ผลจริงๆค่อยออกก็ได้ เพราะบางทีมันเฟคเจ้านายไม่รู้ ที่มันมาแกล้ง คงเพราะสกัดดาวรุ่ง
เปลี่ยนงานแล้วเจอคนแบบนี้อีกมึงจะทำยังไงเหรอ มึงหนีไปเรื่อยๆเหรอ ถ้ามึงว่าไม่ไหวละจะเปลี่ยนให้ได้ หางานก่อนลาออก อย่าออกไปก่อนแล้วค่อยหา คนเหี้ยมันมีทุกที่ มึงจะต้องอยู่ให้เป็น เท่านั้นแหละ
>>922 ไปถามห้อง subculture หรือไม่ก็ https://fanboi.ch/netwatch/3149/recent/ มันจะมีกูรูตอบได้หมดทุกคนว่าใครคนไหนการเงินเป็นยังไง
เครียดอะ ตอนนี้เรียนบัญชียุคิดว่าคงเข้าพวกบริษัทออดิทไม่ได้เพราะเรียนไม่เก่ง แต่ทำงานบัญชีคงได้เงินเดือนไม่เยอะ รู้สึกผิดกะพ่อแม่ที่เราคงหาเงินได้ไม่เท่าเขา เขาเองก็แก่มากขึ้นทุกวันแต่กลับไม่สบายสักที พี่ก้พึ่งพาไม่ได้
กูรู้กูเพ้อเจ้อ แต่กูอยากปวดหัวกับแก้ปัญหาเรื่องงาน มากกว่ามาปวดหัวเรื่องคน
มาทำงานนะว้อย ทำไมต้องมามีปัญหากับคนในบ.เดียวกันวะ ใครดีมากูดีตอบ ใครแม่งไม่ดีมากูก็เงียบๆ ถ้าเห็นว่าแม่งท่าไม่ดีจริงๆกูถึงแจ้งนายให้เขารับทราบไว้ แล้วหน้าที่กูมันดูแบบมั่วไปหมดทำทุกอย่าง ละเหมือนจะเป็นคนสนิทกับนายสุดด้วย... คนที่กูรู้สึกสนิทในที่ทำงานแม่งมานอยใส่กู ไม่นอยอะ ดราม่าใส่กูเลย กูงงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้จะเล่ายังไง ่มันทำให้กูเหวอมากนี่เขามองกูเป็นงี้เหรอกูไปทำงี้ตอนไหนวะ กูถามเหตุผลทำไมคิดว่ากูเป็นแบบนี้กูดันไม่ตอบ สุดท้ายตัดบทบอกว่าเขาคงคิดไปเองแหละ กูโคตรรรรรคาใจ
สุดท้ายเว้ย สรุปเรื่องเงินเดือน มีแค่เขาที่เงินยังไม่ได้ปรับ กูเลยต้องไปพูดกับนายขอให้ปรับให้คนนั้นหน่อย นายก็ยอมปรับให้ พอเงินเดือนออกเขาก็เดินยิ้มมาหากู กลับมาดีกับกูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กูแบบ รู้สึกแย่ ทำไมไม่บอกกูตรงๆวะเอาเรื่องอื่นมาอ้างแล้วต่อว่ากูแทน จริงๆควรจะพูดกับนายเองปะวะ แล้วจะเรียกกูไปช่วยพูดก็แล้วแต่ นี่กูไม่พูดให้คือกูผิด? กูทำเขาอึดอัดมาหลายเดือนถึงขั้นมาร้องไห้ใส่กู ?
ทำไมกูต้องมารับเรื่องแบบนี้ด้วยวะ งานแม่งไม่เป็นงาน ถ้ากูต้องมาใส่ใจกับปัญหาส่วนตัวของคนอื่นงี้ทุกคนกูประสาทพอดี แค่นายงี่เง่าขยันสร้างปัญหากูก็จะบ้าแล้ว เพื่อนร่วมงานเหมือนจะดีแต่มาทำงี้กูไม่อยากอยู่ด้วยจริงๆ งานส่วนของตัวเองทำไม่ทัน กูก็ช่วยทำให้ กูยินดีช่วยอะไรกูก็ทำไปหมดแล้ว ของแบบนี้กูว่าไม่ใช่เรื่องต้องมาทวงบุญคุณ แต่แม่งพูดมาเหมือนกูไม่เคยใยดีเขาเลย กูไปโอ๋เด็กใหม่แทน ซึ่งแม่งไม่ใช่เล้ยยยยย
เจอเกมเฮี้ยๆกาชาเฮี้ยๆ
แล้วยังต้องมาเจอกับงานเฮี้ยๆบริษัทเฮี้ยๆอีก สัส
drama everywhere เมื่อก่อนกูโง่ กูเด็กน้อย กูก็บ้าจี้ตามมันเว้ย ใครมาดราม่ากับกูกูก็นอยด์ตามอินตาม เดี๋ยวนี้ฉลาดขึ้นมาหน่อยละ รู้แล้วว่าวิธีที่ดีต่อตัวเองที่สุดคือ ignore วันก่อนเพิ่งสดๆ ร้อนๆ มาเลยจ้า เล่นใหญ่มาแต่ไกล ดราม่ายาวมาก คนนั้นอย่างนั้นอย่างนี้ พี่อย่างนั้นอย่างนี้ กูก็หันไป "อ๋อ ค่ะ" ยิ้มหนึ่งที แล้วก็หันกลับมาทำงานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีนางเงิบไปเลยคร่าาา กระฟัดกระเฟียดใหญ่เลยหาว่ากูไม่ฟังมัน ใช่ ไม่อยากฟังเว้ย ยังไม่รู้ตัวอีกรึไง มีแต่เรื่องดราม่าไร้สาระอ่ะวันๆ ถ้าจะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ทุกเรื่องขนาดนี้ กูว่ามึงควรลาออกจากบริษัทไปสมัครเล่นละครเวทีเหอะ จะได้เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์สมใจอยาก
>>925 เรียนบัญชีอยู่เหมือนกัน กะเทบัญชีการเงินแล้ว เอาแค่ผ่านเกณฑ์ ส่วนบัญชีตัวอื่นกูก็ดีอะ นี่กะจะทำเกรดวิชาอื่นให้ดีจะได้ฉุดเกรดรวม
นี่ก็หวังbig4 แต่คงไม่สอบcpaเพราะไม่ชอบภาษาไทย แต่อาจารย์แนะนำให้ไปทำเพราะได้ประสบการณ์เยอะมาก
คิดว่าถ้าทำได้ครบสามปีก็จะลาออกแล้วไปทำบัญชีในบริษัทฝรั่งคงดีกว่าเยอะ มั๊งนะ 555
เห็นในนี้มีคนทำงานบัญชี ขอถามหน่อยค่ะ ถ้ามีนิสัยเป็นคนชอบแหกคอก ทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่เชื่อใครนอกจากตัวเองหรือค้นพบด้วยตัวเอง
ถ้าเรียนแล้วจบมาจะพอไปรอดในสายงานนี้รึเปล่าคะ เคยได้ยินมาว่าต้องเป็นคนระเบียบจัด ต้องเป๊ะๆ
>>936 กูไม่ได้ทำงานสายนี้แต่สงสัยว่าทำไมมึงไม่แยกเรื่องานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันวะ คือมึงจะเอาแต่ใจทุกที่ทุกเวลาเลยรึไง กูว่าทำแบบนี้งานไหนก็ไม่รอดหรอก กูไม่ได้คัดค้านคนคิดนอกกรอบหรอกนะถ้าระหว่างที่มึงเข้าไปทำงานแล้วพบว่ามีอะไรน่าจะปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมได้ แต่อย่างมึงดูแล้วอวดเก่งไม่ดูกาลเทศะมากกว่า
>>936 นอกกรอบกับนอกคอกไม่เหมือนกันนะมึง เเยกให้ดีว่ามึงคือเเบบไหน
ถ้าเเค่คิดนอกกรอบร่วมงานกับใครก็ไม่มีปัญหาหรอก เป็นผลดีกับองค์กรซะอีก เเต่ถ้าคิดนอกคอกไม่ว่าใครก็ไม่อยากร่วมงานกะมึงจ้ะ
สายบช.กูว่ามันมีฟอร์มการทำงานของมันอยู่เเล้ว มึงจะเเหกคอกทำตามใจตัวเองเเบบไหนได้ล่ะ
ควรไปสายครีเอทีฟดีกว่ามั้ง จะได้ใช้ความแหกคอกตามใจตัวเองให้ถูกที่ถูกทาง
กูมีอะไรจะถาม ถ้าสมมติเด็กเพิ่งจบใหม่ พ่อแม่มีคอนเนกชั่นดี ได้ทำงานบริษัทที่ดีแล้วมันผิดตรงไหนวะ แล้วก็มีคนมาพูดว่าใช้คอนเนกชั่นมันก็เหมือนกินบุญเก่า กูสงสัยว่าแล้วมันยังไง คือกูมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี มีคอนเนกชั่นเยอะๆ ก็ดีอยู่แล้ว หรือคนที่พูดนี่ไม่มีแบบเขาเลยอิจฉาวะ
>>941 กินบุญเก่าก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหายนี่หว่า ก็ยืดอกรับไปเลยดิ เมิงเกิดมาต้นทุนดี ไม่ต้องลำบากลำบนหาเองก็ดีแล้วนี่ แค่ทำงานให้มันดีๆ แล้วอุดปากพวกแม่งก็พอ พูดแล้วนึกถึงเวลาเด็กจบใหม่ขับเบนซ์ไปทำงานเลยห่า ถูกเพื่อนร่วมงานหมั่นไส้เพราะเป็นเด็กใหม่เสือกขับเบนซ์ เอ้า ก็พ่อแม่เขามีตังค์ซื้อ เมิงจะให้เขาขับมอไซค์บุโรทั่งมันก็ไม่ใช่ป่ะ แล้วกุมาบ่นอะไรวะเนี่ย ขอโทษด้วย อ้อ จะมาบ่นเรื่องโบนัส กูพึ่งเริ่มทำงานจะผ่านโปรวันที่สี่มกรากูเลยอดได้โบนัสสสสสสส *เตะเครื่องถ่ายเอกสารอย่างก้าวร้าว* ฮรือออออ ทำไมกูไม่เข้าทำให้เร็วกว่านี้วะ เรียบจบแล้วไม่น่าเตร็ดเตร่อยู่บ้านตั้งอยู่เดือนกว่าๆ เลย ว่าแต่ทำไมบ. เพื่อนกูมันโบนัสดีจังวะ เดี๋ยวก็ 5 เดือน เดี๋ยวก็ 6 เดือน ไอ่เชี่ยย กูถามรุ่นพี่ที่ทำงานบอกได้ 2 เดือนก็แทบจะก้มกราบนายแล้วน้อง
กูก็ใช้เส้นเข้านะ แต่ไม่มีอภิสิทธิ์ไรเผอิญเจ้าของเป็นเพื่อนสนิทอากูเฉยๆ ก็โดนเขม่นบ้าง แซะบ้าง บอกกูโกหกเรื่องเงินเดือนบ้าง คือกูได้น้อยกว่าพวกแม่งอีกกูได้9000เอง แล้วพอมันมีคนนึงถูกไล่ออก แม่งก็มาแซะว่ากูไปฟ้องแน่ๆ งี้ กูก็เซ็งนะ คือตัวกูไม่ได้สนิทกับเจ้าของเขาไรขนาดนั้นอ่ะ
เดี๋ยวๆ กูเข้าใจว่า คอนเนคชั่น กับเส้นไม่เหมือนกันนะ คอนเนคชั่นคือเขารู้จักมึงอยู่แล้ว เวลาไปสอบเข้า อาจจะบวกคะแนนจิตพิสัยให้อีกหน่อย แต่เส้นคือทุจริตสอบเข้า ไม่ใช่เหรอ
หยุดยาว9วัน เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ เอะๆ เอะๆ
ก็เรีบกใช้เส้นป่ะงงแต่คนตั้งแต่เกิดมาก็ไม่ยุติธรรมอยู่แล้ว มึงแค่ใช้สิ่งที่มึงมีอ่ะ ทำงานของมึงให้ดีดีกว่า นินทาก๋นินทาไปดิ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสัยเวลาเลือกคบคน
ปากก็บอกหญิงชายเท่าเทียมแล้วที่กูไม่ให้มันขึ้นลิฟต์ก่อนแล้วเอากูไปนินทาแม่งหมายความว่าไงวะ
ชายหญิงเท่าเทียมกันแต่กินเที่ยวช๊อป ผู้ชายต้องจ่าย ผู้ชายต้องเอาใจ ขับรถไปส่ง ลุกไห้ผู้หญิงนั่ง หาเงินมาต้องไห้เมียเก็บหมดตามธรรมเนียมไทย ผู้ชายนอกใจได้ผู้หญิงก็นอกใจได้เหมือนกัน ผู้หญิงจะสงสัยตรวจสอบผู้ชายยังไงก็ได้ แต่ผู้ชายสงสัยผู้หญิง ตรวจสอบ dna นี่บ้านแตก
ได้ข่าวพี่ที่ทำงานเก่าที่สนิทกันประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต รู้สึกใจหายเลยว่ะ ชีวิตคนเราแม่งไม่แน่นอนอะไรเลย
มานั่งคิดมากว่าชีวิตมันสั้นนัก แถมตอนนี้เริ่มเบื่อๆงานจนพาลนึกอยากลาออกไปหาอะไรที่ชอบทำเลย
>>956 ที่สุดของความเสียดายคือตายไปแล้วยังใช้เงินไม่หมด
ที่สุดของความสลดคือใช้เงินหมดแล้วยังไม่ตาย
ลองประเมินดูดีๆ ก็แล้วกันว่างานที่ชอบมันพอเลี้ยงตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน
กูเป็นคนนึงที่เคยออกมาทำงานที่ชอบแต่เงินน้อย สุดท้ายก็กลับไปทำงานเพื่อเงินเหมือนเดิมว่ะ
สมัยนี้มันยากจริงที่จะมีความสุขได้โดยไม่มีเงิน มีเงินน้อยจะทำอะไรมันก็ติดขัดอึดอัดไปหมด
>>958 ถ้ามีต้นทุนทางบ้านก็โอเคนะ ออกไปทำตามฝันได้ พลาดพลั้งมายังมีคนช่วยประคอง ยิ่งถ้าอายุยังไม่เยอะยิ่งควรเลย เพราะอายุมากๆ มันไม่ใช่เวลาจะมาลองผิดลองถูกแล้ว ถึงเวลานั้นอาจจะมีภาระมีครอบครัว ไม่ใช่ตัวคนเดียวที่อยากทำไรก็ทำได้ละ พอไม่ได้ลองทำก็จะคาใจไปตลอดชีวิต อย่างกูได้ลองแล้วไง หายคาใจละ รู้แล้วว่าเงินสำคัญกว่า เงินให้ความสุขกูได้มากกว่า เพราะกูต้นทุนที่บ้านติดลบน่ะเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนมึงไปลองแล้วอาจจะถูกใจหรือไม่ก็ได้ ต้องลองดู
ก่อนทำงานตามฝันศึกษาไห้ดีก่อน เพราะบางทีไม่ได้เป็นเหมือนอย่างฝัน ข้อแรก คนเรามักฝันอยากทำงานเกี่ยวกับสิ่งที่ตนชอบ และสิ่งที่คนส่วนไหญ่ชอบก็มักจะคล้ายๆกัน คือเป็นความบันเทิง เช่น ชอบฟังดนตีก็ชอบงานดนตรี ชอบกีฬาก็ฝันอยากเป็นนักกีฬา พวกน ดารานักแสดง เขียนการ์ตูน ทำ อนิเม งานพวกนี้คนชอบเยอะมาก แต่คนประสบความสำเร็จแค่หยิบมือเดียว และเป็นคนที่เราเห็นผ่านสื่อ เราไม่เห็นคนมากมายกว่านั้นที่ต้องล้มเหลว รายได้ไม่พอเลี้นงชีพ สุดท้ายต้องไปทำอาชีพอื่นที่รายได้น้อยมาก เพราะเตรียมตัวไม่ดี เช่นพวกที่ไม่เรียน หรือเรียนด้านดนตรี กีฬา การแสดง ถ้าไปในสายอาชีพไม่รอด ซึ่งส่วนไหญ่ไม่รอด ไปอาชีพอื่นก็จะลำบาก เพราะไม่ได้เรียนสายอาชีพที่ทำเงิน ส่วนไหญ่ เห็นพวกที่ก้มหน้าก้มตาทำงานเพื่อเงินจะโอเคกว่า ถึงไม่ได้รักงาน แต่มีเงินไช้ก็ยังดี ยกเว้นเรารักงานที่ทำเงินด้วย อันนี้ยิ่งดี ไปได้สวยเป็นส่วนมาก ทำใจไห้รักงาน หรืออย่างน้อยเกลียดงานน้อยลงนั้นง่ายกว่าทำงานที่เรารัก
กูโม่งจบใหม่เพิ่งทำงาน หัวหน้าที่บริษัทกูชอบคาดหวัง(ไม่สั่งตรงๆนะแต่แกพูดแย๊บๆเชิงกดดัน)ให้ทำงานวันเสาร์บ่อยๆว่ะทั้งที่ตกลงว่าทำงานจันทร์ถึงศุกร์ แล้วก็ไม่มีค่าโอทีให้ด้วย บริษัทอื่นมันเป็นแบบนี้ไหมวะ หรือเป็นเรื่องปกติของบริษัทกินเงินเดือน กูแค่สงสัย
ของกูก็ทำงานหกวันนะ แต่ทางบริษัทเขาบอกตั้งแต่ก่อนเข้าแล้ว
ข้าราชการนี่เลื่อนเงินเดือนปีละกี่ครั้งวะ อ่านระเบียบ กพ บอกว่าเลื่อนไม่เกิน 6% แต่มีประเมิน2ครั้ง แปลว่าปีหนึ่งเลื่อนสูงสุด 12%เหรอวะ
เคยอิจฉาเพื่อนที่งานน้อย วันๆมาออฟฟิซนั่งตบยุงแล้วก็รับเงินเดือน
พอเจอเองกับตัวทำไมรู้สึกว่าแม่งเสียเวลาชีวิตวะ กูนี่เอาใจยากจริง OTL
เห็นข่าวปลัดอายุราชการ27ปีลาออก
แล้วก็คิดว่าอาชีพนี้คนในอยากออกคนนอกอยากเข้าว่ะ แค่ไม่หนักมากเหมือนพนักงานสอบสวน
ทำงานเกิน 25 ปีแล้ว ดื้อได้แล้วไง ไม่พอใจก็ลาออกก็แดกบำนาญอยู่บ้านดีกว่า
เข้าใจความรู้สึกแกนะ เหมือนกระทรวงนี้รับคนมาเป็นปลัดเยอะ แต่ถ้าสอบนายอำเภอไม่ได้ก็ไปจอดที่ C7 เป็นแค่ปลัดอาวุโส ในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นบางคนไปถึงผู้ว่า แถมต้องมีหัวหน้าที่เป็นรุ่นน้องด้วย
มท.ขึ้นชื่อเรื่องงานโหดอยู่แล้วเพราะรับงานทุกอย่าง กลับดึก บางที่ทำงานยันเช้า หยุดยาว เสาว-อาทิตย์ไม่ได้พัก
ปล.กุอยากโอนย้ายกลับบ้าน ไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้มีโอกาสหรือป่าว
ศุกร์ที่ 13 เว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ฮิ้ว สนุกจังเว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ฮว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกฟห้่ ะเไำ่ดสวไฟหดก่าๆยนงดกางย
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.